◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)  (อ่าน 21728 ครั้ง)

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1997
ปั้นใจ X เกลือ

คนอ้วนอย่างเขาไม่เคยคิดจะร้องขอความรักให้เข้ามาหา แต่ทำไมความรักถึงได้เลือกที่จะวิ่งเข้ามาชนเขาจนเซล้มไม่เป็นท่าแบบนี้ล่ะเนี่ย !

ขอบคุณค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2019 12:02:54 โดย merizel-rada »

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
บทนำ

- ยินดีที่ได้รู้จัก -

   ผมที่นั่งถอนหายใจพลางเอาช็อกโกแลตเข้าปากแล้วมองไปที่สนามกีฬาที่ตอนนี้มีเด็กผู้ชาย ม. ต้น ม. ปลายกำลังเตะบอลกันอย่างสนุกสนาน ส่วนด้านข้างก็มีกลุ่มเด็กผู้หญิงกำลังนั่งคุยกัน ทำให้ผมที่มองคนอื่นมีความสุขในช่วงเวลานี้ก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับเหตุการณ์ตรงหน้า

   ทำไมเพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครยุ่งกับผม ผมก็แค่เรียนซ้ำชั้นเพราะอาการป่วย ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรสักหน่อย จะมีข้อเสียก็แค่ตัวอ้วนกับกินเยอะเท่านั้นเอง

   “พี่เกลือ ดาวขอยืนสมุดการบ้านหน่อยได้มั้ย”

   ผมที่ตอนแรกนั่งคิดอะไรไร้สาระกับตัวเองก็ต้องสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเด็กผู้หญิงที่ตอนนี้กำลังยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ก่อนที่ตัวเองจะทำท่าอึกอักเพราะตั้งตัวไม่ทันเมื่อมีคนมาทัก

   เราจะเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ยดาว !

   “อะ...เอ่อ...ได้ๆ เราให้ยืมนะ การบ้านเราเสร็จแล้ว” ผมพูดพลางยิ้มกว้างก่อนจะรีบเอานิ้วออกจากปากแล้วเช็ดที่เสื้อของตัวเองอย่างลืมตัว แล้วหันไปหาสมุดการบ้านจากกระเป๋ามาส่งให้คนตรงหน้า

   “ขอบใจมากๆ นะ เดี๋ยวดาวเอามาคืน”

   “อ่า...” ผมที่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างที่ยืนยิ้มแย้มให้ผมจนตาพร่ามัวเมื่อสักครู่ก็วิ่งออกไปทันทีที่ได้สมุดการบ้านของวิชาที่จะเข้าเรียนคาบบ่ายนี้ ก่อนที่ผมที่ตอนแรกดีใจว่าอีกฝ่ายจะชวนเข้าไปนั่งด้วยก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วก้มมองเสื้อที่เปื้อนคาบช็อกโกแลตของตัวเอง

   เพื่อนผู้หญิงก็ไม่คบ

   ยิ่งเพื่อนผู้ชาย...

   เฮ้อ...

   ถ้าถามว่าเป็นเพราะอะไร คงเป็นเพราะผมทำอะไรเชื่องช้าด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เกินมาตรฐาน จะให้ลงไปเตะบอลกับพวกนั้นก็คงไม่ไหว ไหนจะโรคหอบหืดที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ อีก

   ชีวิตไอ้เกลือคนนี้จะน่าสงสารไปไหนนะ...

   ไม่ต้องเรียกเราว่าพี่เกลือก็ได้ ไม่ได้อยากเป็นพี่สักหน่อย

   ผมได้แต่บ่นให้กับความโชคร้ายของตัวเองที่ต้องเรียนซ้ำชั้นกับรุ่นน้องที่เห็นหน้าค่าตากันมานาน ทำให้ผมที่เรียน ม. 6 ซ้ำต้องอยู่โดดเดี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะมีคนเข้ามาคุย เขาก็มองว่าผมเป็นพี่อยู่ดี พวกรุ่นราวคราวเดียวกันก็จับกลุ่ม ส่วนเพื่อนๆ ของผมก็จบเข้ามหาวิทยาลัยกันไปเรียบร้อย

   เมื่อไหร่ผมจะได้ตามไปบ้าง กระซิก...

   จะกินให้ตัวแตกเลย เห็นแบบนี้ไอ้เกลือก็เครียดเป็นนะ !

   เด็กปี 40 ทำไมถึงไม่คบผมกัน !

   ผมที่ได้แต่ร้องโวยวายในใจก็หยิบเอาถุงขนมที่แม่ซื้อมาตุนให้ผมไว้กินโรงเรียนออกมาแกะใส่ปากอย่างเอาเป็นเอาตาย และก็ได้แต่จำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป

   ทนอีกนิดไอ้เกลือ อีกไม่กี่เดือนมึงก็ได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว...

   กริ๊งงงง ~

   เสียงกิ่งที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งและรีบดันขนมปังก้อนโตเข้าปากทันทีก่อนจะเอาขยะทั้งหมดที่กองอยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋านักเรียนด้วยความเคยชินแล้วรีบลุกเดินตามกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันไป ไม่นานนักเรียนหลายคนๆ ก็มารวมกันอยู่ที่สนามกีฬา ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าตอนนี้เป็นคาบอะไร มันเป็นวิชาที่คนตัวอ้วนอย่างผมไม่ชอบที่สุด และเชื่อเถอะ ผมก็คิดว่าพวกคุณที่มีน้ำหนักเกินก็คงไม่ชอบเช่นกัน เพราะเราขยับตัวคล่องแคล่วสู้คนอื่นไม่ได้

   ทั้งกระโดดไกล วิ่งรอบสนาม กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง...

   ฝันร้ายชัดๆ

   “อ้าวเด็กๆ มารวมกันตรงนี้หน่อยจ้า” เสียงของสาววัยกลางคนทำให้ผมที่กลืนขนมปังที่เพิ่งเคี้ยวไปหมาดๆ ลงคอแล้วต้องมองอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องผมนั่นเอง ก่อนที่เด็กทั้งห้องจะไปยืนรวมกัน ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ทันพวกที่ได้ยืนอยู่หน้าแน่ๆ ทำให้ผมที่ตัวเตี้ยได้แต่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง แม้จะได้ยินที่อาจารย์พูดแต่ก็ไม่เห็นเหตุการณ์ด้านหน้าอยู่ดี

   เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ...

   ผมที่ตอนแรกเลิกล้มกับกระชะเง้อมองแล้วก็ต้องทำตาโต เมื่อเห็นว่ามีร่างที่สูงเด่นขึ้นมาจากฝูงคน ทำให้ที่แม้จะอยู่ไกลแต่กลับเห็นคนๆ นั้นได้อย่างชัดเจน

   และก็เป็นจังหวะเดียวที่เขาหันมาเห็นผมที่ยืนตัวอ้วนเตี้ยอยู่ด้านหลังเช่นกัน

   อ๊ะ...

   ผมก้มหน้าหลบตาเขาทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปใหม่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายได้หันหน้าหนีไปแล้ว

   ทะ...ทำไมผมไม่ยิ้มให้เขาไปนะ เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ !

   แต่หล่อมากเลย...

   ผมที่ตอนนี้กำลังเขย่งปลายเท้าป้อมๆ ของตัวเองเพื่อชะเง้อมองใบหน้าหล่อของคนๆ นั้นก็ต้องเซถอยหลังเมื่อเพื่อนด้านหน้าเริ่มถอยออกมา

   “วันนี้ครูพาเด็กใหม่มาฝากตัว ตั้งแต่วันนี้ไปเขาจะย้ายมาเรียนกับเราในชั้น ม.6 ห้อง 11 นี้”

   “สวัสดีครับ ผมชื่อปั้นใจ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”

   “ยังไงก็อย่าแกล้งเด็กใหม่กันล่ะ”

   “ค่า อาจารย์ ~”

   เสียงเด็กผู้หญิงที่เหมือนจะดังกว่าผู้ชายทำให้ผมต้องเซถอยหลังเมื่อตอนนี้ทุกคนเริ่มแยกย้ายหลังจากที่อาจารย์ที่ปรึกษาห้องผมได้เดินออกไปแล้ว เหลือแค่เด็กใหม่ที่สวมชุดนักเรียนชายแตกต่างจากเพื่อนทั้งห้องที่สวมชุดพละสีแดง

   คะ...โคตรสูงเลย...

   ผมที่มองอยู่ห่างๆ ได้แต่มองคนๆ นั้นอึ้งๆ หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายออกไปแล้ว ทำให้ร่างกายสูงที่สมส่วนของอีกฝ่ายดึงดูดสายตาของผมได้เป็นอย่างดี เขาทั้งหน้าตาดี ตัวสูง ร่างกายก็สมส่วนเหมือนกับได้ออกกำลังกายมาอย่างโชกโชน

   ตัดภาพมาที่ผม...

   อ้วน เตี้ย จนกลายเป็นกลม...

   เอ่อ...พอเถอะ ไม่พูดถึงตัวเองแล้ว พูดไปก็เท่านั้น ผมคงไม่ยอมเลิกกินง่ายๆ หรอก

   ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเมื่อดูเหมือน ‘เด็กใหม่’ ที่เป็นความหวังเดียวในการหาเพื่อนของผมในช่วง ม.6 นี้จะต้องล้มเลิกไป เมื่อดูเหมือนอีกฝ่ายนั้นจะเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นๆ ภายในห้องอย่างดี และคงไม่ได้มีโอกาสมาสนิทกับผมแน่ๆ

   โชคดีไปแล้วน้า...

   ผมที่เดินคอตกมารออาจารย์พละก็ต้องถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เพราะรู้สึกอิจฉาคนที่เพิ่งมาใหม่ได้ไม่นานก็ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจไปแล้ว และเชื่อเถอะว่าปั้นใจคนนั้นจะต้องมีเพื่อนอย่างรวดเร็วแน่ๆ

   “ปั้นเดี๋ยวเอาตารางเรียนกับเราก็ได้นะ”

   “ขอบใจนะ”

   เชื่อมั้ย ตารางเรียนผมก็ต้องไปขออาจารย์เอามาซีร็อกเอง ทำไมเพื่อนที่แจกถึงแจกมาไม่ถึงผมไม่รู้

   ชีวิตไอ้เกลือนี่มันน่าสงสารจริงๆ

   เพื่อนๆ ที่น่ารัก เกลือจะรีบเรียนจบแล้วไปหาที่มหาวิทยาลัยนะ

   เพราะงั้นสู้ๆ นะไอ้เกลือ !

   ผมที่ตอนนี้ฮึดสู้กับตัวเองในใจก็ต้องหันไปมองรอบๆ ที่ตอนนี้เพื่อนๆ เริ่มเข้ามายืนรออาจารย์พละเหมือนกับผมแล้ว ซึ่งผมที่ขยับมาด้านหลังเรียบร้อย ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไร เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ผมไม่ชอบ อยู่แบบเงียบๆ นี่ล่ะดีที่สุด

   “สวัสดี”

   “อะ...!” ผมที่ตอนแรกยืนหลบอยู่ก็สะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นข้างตัว ก่อนจะหันไปมองก็เห็นคนที่สวมชุดนักเรียนเพียงคนเดียวอยู่ข้างๆ

   ดะ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี๊เสียงของเขาหรือเปล่า...

   “หยิ่งเหรอ”

   “อะ...เอ่อ ไม่ใช่ คะ...คือเราไม่แน่ใจว่านาย...เอ่อ...ปั้นคุยกับใคร...”

   “คุยกับมึงนั่นล่ะ”

   ผมที่ตอนนี้ช็อกไปเรียบร้อยกับคำพูดที่แทนตัวเองเหมือนสนิทสนมสุดๆ นั่นก็ต้องอ้าปากค้าง ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

   “อะ...อื้อ สวัสดีนะ เราชื่อเกลือ”

   “เกลือเค็มๆ น่ะเหรอ”

   “ชะ...ใช่ พี่เราชื่อน้ำตาล...”

   “น้องล่ะ”

   “เอ่อ...น้องไม่มี” ผมส่ายหัวก่อนจะมองคนที่พยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่ตัวเองจะต้องสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายหันมามองทางผมอีกครั้ง

   เชื่อเถอะว่าทั้งผมและเขาก็เมื่อยไม่ต่างกัน เพราะเขาก็ต้องก้มลงมาเพื่อคุยกับผม ส่วนผมก็ต้องเงยขึ้นไปเพื่อคุยกับเขา

   ขอโทษนะที่สูงได้แต่ไหล่ของปั้น...

   ไม่สิ ต่ำกว่าด้วย...

   “มีตารางเรียนหรือเปล่า”

   “อื้อ ก็มีนะ...”

   “งั้นถ่ายรูปส่งมาให้บ้างสิ”

   “ได้สิได้...”

   ผมได้แต่พยักหน้าก่อนจะต้องขมวดคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมจะส่งรูปให้เขายังไง ในเมื่อ...

   “เดี๋ยวขอเฟซบุ๊กด้วย”

   “...”

   ผมที่ไม่รู้จะตอบอะไรก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ก่อนที่ทั้งผมและเขาจะต้องหยุดการสนทนาเพียงแค่นั้นเมื่ออาจารย์เข้ามา

   “วันนี้อาจารย์ยิ่งศักดิ์ไม่มาสอนนะคะ เขาเลยฝากครูมาเช็คชื่อให้”

   สิ่งที่ผมได้ยินทำให้ตัวเองกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่เมื่อรู้ว่าอาจารย์ไม่มา และยิ่งเป็นอาจารย์เจ้าของวิชาที่ผมไม่ชอบแล้วยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ซึ่งดูเหมือนเพื่อนๆ ในห้องก็เช่นกัน คงดีใจกันถ้วนหน้า เพราะนอกจากจะว่างไปหนึ่งคาบแล้วคงได้มีเวลาปั่นงานที่ต้องส่งในคาบต่อไปด้วย

   “กันชัย”

   ดีนะงานผมเสร็จแล้ว เพราะงั้นได้นั่งสบายๆ ทั้งคาบ

   “กันชัยมามั้ยคะ !”

   โอ๊ย ขนมของแม่ก็ยังเหลืออยู่ เอ่อ...ถ้าชวนปั้นใจกินด้วย...

   “มึง”

   “หะ...หืม”

   “กันชัย”

   “กันชัยไม่มานะคะ”

   ‘กันชัยไม่มานะคะ’

   อ๊ะ เดี๋ยววววว !

   “มะ...มาครับ กันชัยมาครับ ผมเองครับ !” ผมรีบยกมือพลางเขย่งร่างอ้วนของตัวเองเพื่อที่จะให้อาจารย์สาวเห็น ก่อนที่ทั้งห้องจะพากันขำผมทำให้ตัวเองต้องก้มหน้าลงด้วยความอาย

   โอ๊ยยยย ไอ้เกลือ ทำไมมึงมันเบอะอย่างนี้ !

   “ครูใส่ชื่อเด็กใหม่เข้าไปแล้วนะ วันนี้ดีจริงๆ มากันครบด้วย”

   หลังจากที่เรียกชื่อผมที่เป็นอักษร ก ไก่ เป็นคนแรกก็ไล่ไปจนคนสุดท้ายและปิดท้ายด้วยเด็กใหม่อย่างปั้นใจที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม

   “อย่าเหม่อสิ”

   เสียงจากคนข้างๆ ทำให้ผมเงยหน้าไปมอง ก่อนจะพยักหน้า แล้วเริ่มมองไปตรงหน้าที่ตอนนี้อาจารย์ผู้หญิงที่เก็บแฟ้มไปแล้วได้แต่ยืนมองพวกเราอย่างพิจารณา

   “วันนี้ครูจะไม่ให้ทำอะไรมากเนอะ ไปวิ่งรอบสนามสักสามรอบแล้วค่อยแยกย้าย”

   “โห่ อาจารรรย์”

   “ไปได้แล้วค่ะ เรียงหนึ่งไปเลย ครบไวก็แยกย้ายไว” เสียงของอาจารย์ที่สั่งเด็ดขาดทำให้เพื่อนๆ ในห้องที่ตอนนี้เริ่มเรียงหนึ่งออกวิ่งทำให้ผมต้องมองตามด้วยสายตาตื่นๆ ก่อนจะเลือกเดินไปหาอาจารย์ที่ยืนอยู่ เนื่องจากถ้าท่านเดิมเขาจะรู้ว่าผมเป็นโรคหอบหืดจะให้แค่วิ่งอยู่กับที่เท่านั้นในระหว่างที่เพื่อนวิ่ง

   “เอ่อ...อาจารย์ครับ...”

   “ว่าไงคะกันชัย รีบไปวิ่งสิ วิ่งไม่ครบครูไม่ปล่อยนะ”

   “คือว่าผม...”

   “ไปวิ่งเลยค่ะ น้ำหนักอย่างนี้ต้องวิ่งเยอะๆ ไปเร็วๆ” ผมที่โดนอาจารย์สาวดันหลังให้ออกวิ่งตามเพื่อนๆ ก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ก้าวออกวิ่งตามหลังเพื่อนคนอื่นๆ ไป และคนที่ออกไปก่อนหน้าผมได้ไม่นานอย่างปั้นใจตอนนี้กลับวิ่งแซงเพื่อนๆ ไปแล้ว

   หายใจเข้าลึกๆ เอานะไอ้เกลือ...

   ผมที่ตอนนี้พยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ทันกับจังหวะการวิ่ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรนัก และตอนนี้ร่างผมเต็มไปด้วยเหงื่อ ความเร็วที่ตอนแรกออกตัวมาเต็มที่ตอนนี้กลับช้าลงเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นว่าผู้ชายชุดนักเรียนเพียงคนเดียวได้วิ่งแซงผมไปหนึ่งรอบแล้วทั้งๆ ที่ผมยังไปไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ

   เหนื่อย...

   หายใจไม่ทัน...

   ผมที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนตกนรกกลายๆ ก็ต้องเร่งวิ่งตามเพื่อน ดูเหมือนบางคนจะวิ่งครบสามรอบเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมยังลากร่างกายช้าๆ ของตัวเองวิ่งอยู่ จนตอนนี้มันแทบกลายเป็นการเดิน และผมก็เริ่มมองหาอาจารย์คนเมื่อสักครู่เพื่อจะบอกว่าผมไม่ไหว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหายไปแล้ว

   ผมหยุดวิ่งได้มั้ย ไม่วิ่งแล้วได้มั้ย...

   ผมที่เริ่มหอบหลังจากใช้แรงไปมาก จากแรงวิ่งก็กลายเป็นแรงเดินทันที ซึ่งตอนนี้เพิ่งได้แค่รอบกว่าเท่านั้น ก่อนจะหันไปมองทางเพื่อนๆ ที่มองมาก็เห็นว่าทุกคนกำลังมองผมอย่างลุ้นๆ

   ‘ถ้าไม่ครบไม่ปล่อยนะ’

   ผมได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มออกแรงวิ่งอีก แต่ดูเหมือนใจผมที่ฮึดสู้ขึ้นมาจะไม่ส่งผลให้ร่างกายผมสู้ไปด้วย เพราะไม่นานผมก็ล้มลงท่ามกลางสีหน้าตกใจของคนอื่นๆ รวมถึงอาจารย์ผู้หญิงที่เดินกลับมาหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์

   ยะ...ยาพ่น...

   ร่างของผมที่ตอนนี้ทิ้งตัวนอนหงายมองท้องฟ้าอยู่กับพื้นพร้อมกับหน้าอกที่กระเพื่อมอย่างรุนแรงได้แต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่นานเพื่อนๆ ก็ต่างพากันเข้ามา...

   หลังจากนั้นดวงตาของผมก็มืดสนิท มีเพียงความคิดในเรื่องเดิมๆ ที่ยังคงก้องอยู่ในหัวของผมซ้ำๆ

   เมื่อไหร่ผมจะได้เข้ามหาวิทยาลัยสักที

   ทำไมชีวิตไอ้เกลือถึงบัดซบขนาดนี้...!


-------------------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
เรื่องนี้นายเอกอ้วนนะคะ และจนจบเรื่องก็คงจะไม่ผอม ^^
ฝากเกลือกับปั้นใจไว้ด้วยค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2018 16:10:33 โดย merizel-rada »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เรียกโรงพยาบาลด่วนนนนนนนนนนนนนน  :katai1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
มาต่อด่วนๆ ชอบแนวนี้มากๆ ติดตามๆ และ รอๆ^^

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ชูป้ายไฟเชียร์ น้องเกลือ สู้ๆๆ อ้วนๆ น่ารักดีจะตาย กอดแล้วอุ่น

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อาจารย์ แม่งต้องถามก่อนป่ะ ว่าใครมีโรคประจำตัวบ้าง  โรงเรียนไรว่ะ ไม่ได้มาตรฐานเลย เอิ่มมม

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 1
คำขอเป็นเพื่อน



# มหาวิทยาลัย
   “แม่ เกลือไปก่อนนะ”
   “จ้ะหมูอ้วนของแม่ ตั้งใจทำกิจกรรมนะ”
   “ค้าบ ~”
   ผมขานรับอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่วันนี้เป็นกิจกรรมวันแรกของเด็กมหา’ลัย ทำให้เด็กปีหนึ่งอย่างผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนจะหันไปจุ๊บที่แก้มของแม่หนึ่งทีแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถทันที ไม่นานภาพบรรยากาศที่ผมตั้งตาและรอคอยก็มาถึง
   ชีวิตในรั้วมหา’ลัยยยย ~
   พะ...เพื่อนใหม่ ใช่ ผมต้องหาเพื่อน !
   ผมมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้นก็พบปะผู้คนมากหน้าหลายตาหัวใจก็พานเต้นตึกตักขึ้นมา ก่อนที่ตัวเองจะก้าวเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งโชคดีที่แม่ผมขับรถวนมาส่งที่หน้าคณะ ‘วิศวะกรรมศาสตร์’ แล้ว เลยทำให้ไม่นานผมก็เจอผู้คนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นปีของผมแน่ๆ
   วันนี้ผมจะกลมกลืนไปกับเด็ก 1997 แล้ว !
   “นาย...” ผมสะดุ้งเมื่อมีแรงสะกิดเบาๆ เข้าที่ไหล่ ก่อนจะหันไปมองก็เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มองมา ก่อนที่เธอจะทำตาโตมองใบหน้าของผม ซึ่งผมเองที่ตอนแรกขมวดคิ้วก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้นตามคนตรงหน้า “ไอ้เกลือ !”
   “พะ...พะ...พะ...”
   “ไอ้เกลือจริงๆ ด้วย”
   “พาฝัน !”
   “กรี๊ดดดดด มึงจริงๆ ด้วยอ่ะ มึงจริงๆ ด้วย” ผมที่ตอนนี้อ้าปากพะงาบๆ มองผู้หญิงที่กระโดดกอดผมไว้
   “มะ...มาได้ยังไง...” ผมสะบัดหัวเบาๆ เพื่อตั้งสติแล้วมองผู้หญิงตรงหน้า เธอเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผมเมื่อสมัย ม. 5 พอผมดร็อปเรียนไปเราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน และเธอก็จบออกไปพอดี แต่มันบังเอิญไปมั้ยที่มาเจอกันที่นี่ “ฝะ...ฝันจริงๆ เหรอ...”
   “เออสิ กูเอง”
   “มาได้ยังไง เอ่อ...ฝันเป็นรุ่นพี่ที่นี่เหรอ”
   “รุ่นพี่อะไรล่ะ รุ่นเดียวกับมึงนี่ล่ะ”
   “ฮะ...”
   “กูซิ่ว !”
   “ห๊า !”
   ผมที่ร้องออกมาด้วยความตกใจก็โดนผู้หญิงตรงหน้าเข้ามาอุดปากไว้ แล้วกระซิบ
   “ไอ้หมูอ้วนนี่ เสียงดังทำไมห๊ะ มึงควรทำตัวกลมกลืนกับเขาสิ !”
   “อะ...อื้อ”
   ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะมองคนที่ความสูงพอๆ กับผมแล้วก็ต้องทำหน้าดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด
   มะ...มีเพื่อนแล้ว...
   ไอ้เกลือมีเพื่อนแล้ว !
   “มึงนี่ไม่เจอกันปีเดียวอ้วนขึ้นโขเลยนะ”
   “อะ...” ผมที่ตอนแรกยิ้มกว้างก็ต้องหุบยิ้มลงแล้วมองคนตรงหน้าที่พูดจาขวานผ่าซากเหมือนเดิม “ก็เรากินเก่งอ่ะ”
   “โอ๊ย ลดบ้าง จะวิ่งตามเขาทันมั้ยเนี่ย รู้มั้ยที่นี่รับน้องโหด วิศวะมีวิ่งรอบสนามด้วย เตรียมตัวเลยมึง !”
   วะ...วิ่งรอบสนาม...
   “ฝันรู้ได้ยังไง”
   “ก็ปีที่แล้วกูก็เรียนที่นี่ คณะใกล้ๆ นี่ล่ะ รับน้องก็เห็นหมด”
   “วะ...วิ่งจริงเหรอ”
   “เออสิ” เธอพูดพลางมองไปรอบๆ โดยที่ตอนนี้ผมเหงื่อตกไปเรียบร้อย ก่อนที่คนตรงหน้าจะหันมาเจอก็ทำหน้าตกใจ “เฮ้ย ใจเย็นๆ มึง อาจจะไม่ได้วิ่งวันนี้ก็ได้ หรือปีนี้อาจจะไม่มี...”
   “ทุกคน หลังจากเรียนปรับพื้นฐานเสร็จแล้วรุ่นพี่เรียกรวมกันที่สนามบอลนะ”
   เฮือก...!
   “ใจเย็นๆ ไอ้เกลือ เขาก็แค่จะแนะนำตัว แนะนำคณะ ต้อนรับน้อง”
   “อะ...อื้อ...”
   ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่ฝันจะลากผมให้เดินตามตัวเองเข้าไปในชั้นเรียน ซึ่งผมเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งด้วยสติที่ไม่ค่อยจะมีนัก มือก็ควานหาช็อกโกแลตในกระเป๋าออกมาแกะใส่ปาก
   กินไอ้เกลือ กินแล้วมึงจะได้ไม่เครียด...
   ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วเตรียมตัวกับการเรียนปรับพื้นฐานก็ต้องหันมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้เริ่มหยิบสมุดขึ้นมา ผมเลยต้องหยิบขึ้นมาบ้าง เด็กสาขาผมมีแค่ไม่กี่คน แต่ก็ดูคึกคักกันมากพอสมควรและดูเหมือนผู้ชายจะเยอะกว่าผู้หญิงด้วย
   “เฮ้อ...คิดถูกแล้วสินะที่มาซิ่วมาเรียนวิศวะ เขาว่ามีผู้ชายหล่อๆ เต็มไปหมด”
   “ระ...เหรอ”
   “เออสิ แต่มึงมองหรือเปล่า ผู้ชายหล่อๆ อ่ะ”
   “...” ผมได้แต่ส่ายหัวให้คนที่ตอนนี้ทำหน้าเพ้อในคำพูดตัวเอง ก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงแล้วหันไปมองข้างๆ ที่มีเพื่อนใหม่เข้ามานั่ง
   “เอ่อ...สวัสดี”
   “สะ...สวัสดีครับ...”
   “สวัสดีจ้า เราชื่อฝันนะ พาฝัน ส่วนตุ้ยนุ้ยข้างๆ เราชื่อเกลือ”
   “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราชื่อออย”
   “เช่นกันครับ”
   “เฮ้อ วันนี้รุ่นพี่จะให้ทำอะไรบ้างนะ”
   “ไม่รู้สิ”
   “ขี้เกียจเรียนจังเลยยย ปีที่แล้วก็ต้องมานั่งปรับพื้น...”
   “หืม...” ออยที่ตอนแรกนั่งตั้งใจฟังพาฝันพูดก็ต้องแสดงความแปลกใจ ทำให้ผมต้องมองอีกคนเพื่อเตือนสติ
   ไหนบอกจะกลมกลืนไง
   “ก่อนเปิดเรียนน่ะ ไปเรียนพิเศษมา น่าเบื่อออออ ~”
   ฝันพูดเสียงดัง ทำให้ออยหัวเราะออกมา ซึ่งผมที่นั่งคั่นกลางก็หัวเราะตามไปด้วย แม้จะไม่เข้าว่าทั้งคู่กำลังหัวเราะกันเรื่องอะไรก็ตาม
   ว่าแต่...
   มีเพื่อนสองคนแล้ว !
   “ใครน่ะ...”
   “สูงจัง...”
   “หล่อสุดๆ” ผมที่ตอนแรกกำลังเขียนชื่อลงที่หน้าสมุดก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองพาฝันที่ตอนนี้ขยับตัวนั่งดีๆ โดยที่สายตาก็มองไปที่หน้าชั้นเรียนทำให้ผมต้องมองตามไปบ้าง ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างคุ้นตาที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง ทำให้ตัวเองจะต้องฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อหลบเลี่ยงการพบเจอกับคนๆ นั้น
   ปั้นใจ...
   “โอ๊ย คนอะไรโคตรหล่อเลย !”
   ผมได้แต่ก้มหน้าแล้วกัดแขนตัวเองไว้ เพราะเวลาผมมีอาการตื่นเต้นทีไรผมมักจะทำแบบนี้เสมอซึ่งมันก็ช่วยได้เยอะ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าอีกฝ่ายทิ้งตัวลงนั่งทางด้านหน้าแล้ว
   เฮ้อ...
   แล้วถ้าถามว่าผมหลบหน้าเขาทำไม คงเป็นเพราะความรู้สึกอึดอัดเมื่อตอน ม.6 ล่ะมั้ง
   ‘ไม่ชอบกูก็บอกมาตรงๆ จะได้ไม่มากวนอีก’
   คำพูดของปั้นใจในวันที่เขาเข้ามาขอเฟซบุ๊กผมอีกครั้งหลังจากที่ผมหายเข้าโรงพยาบาลไปสองอาทิตย์เต็มและเขาก็ไม่เข้ามายุ่งกับผมอีกเลยจนกระทั่งจบ ม. ปลาย
   ผมไม่ได้ไม่ชอบเขา แต่ตอนนั้นผมแค่ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก...
   “เฮ้อ...ไอ้เกลือนะไอ้เกลือ...”
   “หืม บ่นอะไรวะ” ผมสะดุ้งเมื่อพาฝันทักขึ้น ทำให้ผมต้องหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะส่ายหัว คนตรงหน้าเลยได้แต่ขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแก้มผมแรงๆ “แก้มมึงนี่มันน่าหมั่นเขี้ยวชะมัด เอามาฟัดทีนึงสิ”
   “งื้อ...ไม่เอานะ...”
   “ฮ่าๆ ดูสิ เป็นรอยแดงเลย” ผมจับแก้มตัวเองที่โดนอีกฝ่ายขย้ำแรงๆ ไปหลายที เนื่องจากผมเป็นคนขาวจัดเลยทำให้มันขึ้นรอยได้อย่างง่ายดาย “ว่าแต่หมอนั่นเสน่ห์แรงจังแฮะ”
   “...” พาฝันหันมาพูดกับผมก่อนจะชะงักแล้วมองผ่านไปหาออยที่อยู่ข้างๆ แทน
   “ว่ามั้ยออย”
   “หล่อมากเลยฝัน เราชอบ ~”
   ผมมองทั้งสองคนที่ตอนนี้ทำหน้ามีความสุขกันอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดดูชื่อเฟซบุ๊กที่ผมจำได้ขึ้นใจจากการนั่งฟังเพื่อนผู้หญิงให้ห้องตอน ม.6 พูดกัน และเป็นประวัติเพียงชื่อเดียวที่ผมค้นหาไว้ แต่จนถึงวันนี้ผมก็ไม่กล้ากดขอเป็นเพื่อนเขาไปแม้ผมสร้างบัญชีเฟซบุ๊กบัญชีนี้ไว้หลังจากที่เขามาขอวันนั้นแล้วก็ตาม
   ไอ้เกลือ มึงมันขี้ขลาดชะมัด...
   “เฮ้อ...” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ทำให้ทั้งสองคนข้างๆ หันมามองอย่างสงสัย ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มให้ทั้งคู่เท่านั้น ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์เก็บไว้เหมือนเดิม สายตาก็ได้แต่จับจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนที่ทั้งชั้นเรียนได้ให้ความสนใจอีกครั้ง
   ไม่ว่าเมื่อไหร่ปั้นใจก็ยังคงน่าอิจฉาเสมอ
   ตอนนี้แล้วเขาจะยังยอมคุยกับผมมั้ยนะ...
   อยากเข้าไปทักจัง





   “เอ้าน้องๆ มารวมกันได้แล้วครับ !” เสียงเรียกที่ดังเกินขีดจำกัดคนทั่วไปนั่นทำให้หลายๆ คนสะดุ้ง ก่อนจะรีบก้าวเดินไปนั่งรวมกันที่สนามโดยด้านหน้าก็มีรุ่นพี่หน้าตาน่ากลัว กำลังยืนขมวดคิ้วมองไปรอบๆ แล้วตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “เอ้าๆ อย่าลีลากัน รีบนั่ง !”
   ทะ...ทำไมต้องทำเสียงโหดด้วย...
   ผมที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงนั่งแล้ว และความชุลมุนทำให้ออยกับฝันที่ควรจะมานั่งใกล้ๆ กันกลายเป็นผมที่ต้องกระเด็นมานั่งคนเดียวอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อชะเง้อมองหาทั้งสองคนก็เห็นว่าทั้งคู่นั้นนั่งอยู่ห่างออกไปจากผมไกลโข จนตัวเองต้องถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองรอบด้านที่ตอนนี้เริ่มมีคนอื่นๆ เข้ามานั่งจนเกือบเต็มพื้นที่
   โห...คณะเรามีคนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ...
   “นี่...แลกที่กันหน่อยได้มั้ย” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมอง แต่ดูเหมือนทางนั้นจะไม่ได้เรียกผม และไม่นานคนตัวสูงที่ผมอยากทักนักทักหนาก็ได้แลกที่กับใครสักคนที่เคยอยู่ข้างๆ ผม จนผมได้แต่เบิกตากว้างมองการแลกที่ที่ดูเหมือนจะวุ่นวาย แต่สุดท้ายทางนั้นก็สามารถนั่งลงข้างๆ ผมได้อย่างสวัสดิภาพ
   ปั้นใจ...
   “ไง”
   “อะ...เอ่อ...สวัสดี...”
   “มาเรียนที่นี่ทำไมไม่บอก”
   “เราก็ไม่รู้ว่าปั้นจะมา...”
   “จำชื่อกูได้ด้วยเหรอ”
   “จำได้สิ”
   “อืม”
   คนข้างๆ ผมพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่ผมจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่าลำบากใจ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนเขายังเคืองผมอยู่เรื่องเฟซบุ๊ก
   “อะ...เอ่อ...ปั้น...”
   “ทำไมคุยกับกูต้องมีคำว่าเอ่อด้วย” คนที่หันมาถามผมพร้อมกับมองหน้าทำให้ตัวเองต้องอ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร “มีอะไร”
   “คือเรื่องเฟซบุ๊ก...”
   “เอ้าน้องๆ ลุกขึ้นๆ”
เสียงของพี่คนหนึ่งด้านหน้าตะโกนขึ้นมาทำให้ปั้นใจที่ตอนแรกฟังผมพูดอยู่หันไปอีกทาง ส่วนผมเองก็ได้แต่หุบปากแล้วพาสังขารอันหนักอึ้งของตัวเองลุกขึ้น ดูเหมือนเพราะมีคนอยู่ข้างๆ เลยทำให้คนตัวใหญ่อย่างผมลุกได้ไม่ถนัดนัก
   เฮ้อ...ลุกได้สักที...
   “เดี๋ยวพี่จะแจกป้ายชื่อให้กับน้องๆ ทุกคนนะครับ” เสียงพี่ที่ไม่ใช่คนเดิมพูดขึ้นทำให้ผมอยากจะชะเง้อหน้าไปมองแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย สุดท้ายผมก็ได้แต่ยืนทำตัวเตี้ยอยู่แบบนี้เมื่อคนที่อยู่ข้างหน้าผมบังทิวทัศน์ด้านหน้าจนมิด “แต่ก่อนจะได้คงต้องให้น้องๆ ออกกำลังกายกันหน่อย...”
   “อะ...ออกกำลังกาย...”
   “เดี๋ยวพี่จะให้วิ่งรอบสนาม 5 รอบ ครั้งละ 2 แถวแล้วมาเอาป้ายชื่อกับพี่ที่ใต้ตึกนะครับ เอ้าตอนนี้นั่งลงกันก่อน วอร์มๆ”
   ผมที่ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่กแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อได้ยินคำว่า ‘วิ่ง’ แล้วก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะกลับไปลดความอ้วน แต่ถึงลดใช่ว่าโรคหอบของผมจะหายไปสักหน่อย
   ทะ...ทำไงดี...
   “รุ่นพี่ครับ” ผมที่ตอนแรกคิดไม่ตกก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้ยกมือขึ้น ทำให้พี่ที่กำลังถือป้ายชื่อเดินไปใต้ตึกต้องหันมามอง
   “ว่าไงครับ”
   “เพื่อนผมเป็นโรคหอบ”
   “ไหน คนไหนครับ” รุ่นพี่ที่หันมามองทำให้ปั้นใจลุกขึ้นก่อนจะชี้มาทางผมที่นั่งอยู่ข้างๆ
   หะ...หือ...
   “คนนี้ครับ”
   ผมที่ตอนนี้เบิกตากว้างมองไปทางรุ่นพี่กับคนที่ชี้มาทางผมสลับไปมา ก่อนที่รุ่นพี่คนเดิมจะเดินเข้ามาแล้วมองผมอย่างพิจารณา
   “อ้วนเลยแค่เหนื่อยง่ายหรือเปล่า”
   “ไม่ครับ เขาเป็นโรคหอบ”
   “เป็นจริงๆ เหรอเรา”
   “ปะ...เป็นครับ...” ผมได้แต่พยักหน้า ก่อนที่รุ่นพี่ตรงหน้าจะทำท่าคิด โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนเสียงโหดๆ คนเดิม เลยทำให้ผมไม่ค่อยกลัวเขานัก “เอาไงดี หรือจะไม่ต้องเอาป้ายชื่อ...”
   ผมเริ่มกลัวเขาแล้วแหละ...
   “เขาเป็นโรคหอบจริงๆ” คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมยังคงพูดคำเดิมออกมา ทำให้รุ่นพี่เริ่มทำท่าคิดหนักก่อนจะเรียกให้ผมลุกขึ้น
   “เอายังไงดี จะให้ป้ายไปง่ายๆ ก็กลัวจะไม่ยุติธรรมกับเพื่อนคนอื่นๆ”
   “เดี๋ยวผมวิ่งแทนเขาเอง”
   ผมที่หันไปมองปั้นใจด้วยความตกใจกับคำอาสานั่น และมันก็ทำให้รุ่นพี่ตรงหน้าเริ่มขมวดคิ้วซึ่งดูเหมือนจะไม่ชอบใจกับคำพูดของของปั้นใจนัก แต่ก็เลือกที่จะพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปหารุ่นน้องคนอื่นๆ
   “ไหน มีใครในที่นี้เป็นโรคหอบอีกมั้ย !” เสียงของรุ่นพี่ทำให้คนที่อยู่รอบด้านสะดุ้ง ก่อนจะเริ่มมีคนอื่นๆ ยกมือขึ้นมา และมันก็มีจำนวนห้าถึงหกคนเลยก็ว่าได้ “นี่เป็นกันหมดนี่เลยเหรอ”
   “ปะ...ปั้น...” ผมเรียกคนข้างๆ เสียงเบาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านนัก “ปั้นไม่ต้องช่วยเราขนาดนี้ก็ได้...”
   “วิ่งไหวเหรอ”
   “...”
   “ถ้าไม่ไหวก็เงียบไป กูอยากทำ ไม่ต้องมาห้าม” ปั้นใจพูดโดยที่ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ ก่อนที่ตัวเองจะเลือกก้มหน้าลงเพราะดูเหมือนจะเป็นผมซะแล้วที่ทำให้รับน้องวันนี้ดูวุ่นวายขึ้นมา โชคดีที่พวกรุ่นพี่ท่าทางน่ากลัวได้แยกย้ายไปแล้ว เหลือแค่รุ่นพี่ที่ทำหน้าที่แจกป้ายเท่านั้น “อยู่หอไหน”
   “หืม...”
   “มึงอ่ะ อยู่หอไหน”
   “เอ่อ...เราอยู่บ้าน”
   ผมตอบก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย ซึ่งก็เป็นเช่นเดิมเมื่อเขาไม่ก้มลงมามองผมสักนิด และก็ตอบมาเพียงแค่...
   “เหรอ”
   “น้องชื่ออะไร” อยู่ๆ รุ่นพี่ที่ตอนแรกกำลังมองคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาใหม่ก็หันมาทางปั้นใจอีกครั้ง
   “ปั้นใจครับ”
   “โอเค ปั้นใจนะครับ...” รุ่นพี่คนนั้นพยักหน้าแล้วก้มหาป้ายชื่อในมือ ก่อนจะหยิบเอาใบหนึ่งขึ้นมาคล้องคอให้คนข้างๆ ผม “แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะวิ่งแทนเพื่อน”
   “ครับ”
   “น้องๆ ทั้งหกคนจำไว้นะครับ ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อปั้นใจ และเขาจะเป็นคนวิ่งแทนน้องๆ ที่เป็น ‘โรคหอบ’ ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด !”
   คำพูดที่คนตรงหน้าหันไปบอกกับคนที่ยืนอยู่ทำให้ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายมอบมาให้ปั้นใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคนข้างๆ ผมที่ตอนนี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดนั้นเท่าไหร่นัก แต่กลับกลายเป็นผมที่ตอนนี้แทบจะล้มทั้งยืนไปทั้งแบบนั้น
   หะ...หกคน รวมปั้นใจเป็นเจ็ด เจ็ดคนคนละห้ารอบ...
   สามสิบห้า !
   ผมเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อคนข้างๆ ทันที ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามองแล้วทำหน้าสงสัย ซึ่งผมที่ได้แต่เป็นห่วงก็อยากจะให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ซะ
   “มะ...ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้”
   “วิ่งไหวหรือไง” คำถามเดิมถูกส่งมาให้ ทำให้ผมได้แต่ส่ายหัว
   “วิ่งไม่ไหว รอบเดียวก็ล้มแล้ว แต่แค่พาเราส่งโรงพยาบาล ปั้นจะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย”
   “...”
   “เราวิ่งเองได้”
   “ไว้ครั้งหน้า”   
   คนข้างๆ ผมพูดแค่นั้นก่อนจะจับมือของผมที่จับแขนเสื้อเขาออกแล้วเดินออกจากแถวไปหลังจากที่รุ่นพี่ตัดสินใจให้เขาออกไปวิ่งเป็นคนแรก
   “สามสิบห้ารอบนะครับน้องปั้นใจ”
   อึก...
   ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอแล้วมองร่างสูงที่เริ่มออกวิ่งไป ส่วนตัวเองก็ได้แต่มองเขาคนนั้นเช่นเดียวกับสายตาหลายๆ คู่ที่มองไปทางเขาเช่นกัน
   ขอบคุณนะปั้นใจ
   จบกิจกรรมวันนี้ไป ไอ้เกลือคนนี้ได้ตัดสินใจแล้ว แม้ความกล้าของผมจะมีไม่เท่าเขา แต่ผมก็อยากจะทำ
   ผมจะแอดเพื่อนในเฟซบุ๊กเขาไป !
.
.
.
คำขอเป็นเพื่อน
Punjai Siriwakron
ยืนยัน        ลบ

----------------------
เนื่องจากคนเขียนไม่เคยมีประสบการณ์การเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน หากติดขัดยังไงต้องขออภัยด้วยค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้า

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ปันใจเท่สุดๆ เกลือก็น่าร๊ากกกกก :-[

มาต่อไวๆน๊าาาาาาา

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตอนม.ปลาย คงจะมีเรื่องมากกว่านี้ใช่ปะ  :hao4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เกลือ รีบใช้โอกาสนี้แก้ตัว ดูแลปั้นให้ดีๆ เลย เนี่ย วิ่งแทนเพื่อนตั้งหลายรอบ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 2


   “เอ่อ...”
   “...”
   “ปั้น...”
   “ว่า”
   ปั้นมาทำอะไรที่นี่เหรอ...
   คำถามที่ผมสงสัยสุดๆ แต่ได้แค่ถามขึ้นในใจพลางมองคนที่ตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวอยู่ตรงข้าม ส่วนผมเองก็มีแซนวิสที่ซื้อมาจากเซเว่นเป็นมื้อเช้า
   และผมก็กำลังสงสัยว่าคนที่โดนชวนให้นั่งร่วมโต๊ะจากคนอื่นๆ มาตั้งแต่ร้านข้าวทำไมถึงมานั่งอยู่กับผมตรงนี้ซะได้
   หืม...
   ผมที่หยิบแซนวิสจากถุงเซเว่นก็ต้องชะงักเมื่อมือสัมผัสโดนเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ในถุง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมซื้ออยาทาสำหรับแก้ปวดมาให้เขา เพราะเชื่อว่าการวิ่งเมื่อวานคงหนักหนาสำหรับปั้นใจแน่ๆ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาก็ตาม
   “ปั้น”
   “ว่า” คนที่นั่งกินข้าวไม่สนรอบข้างขานขึ้นอีกครั้ง
   “นี่...” ผมว่าเสียงเบาก่อนจะยื่นกล่องยาขนาดเล็กไปให้อีกฝ่าย ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วรับไปแต่โดยดี
   “ขอบใจ”
   “อะ...อืม...”
   “ทำไมไม่กินข้าว” เขาถามขึ้นทำให้ผมที่กำลังเอาแซนวิสเข้าปากต้องชะงักก่อนจะเลือกกัดไปหนึ่งคำโดยมีปั้นใจนั่งมองอยู่ เมื่อเคี้ยวหมดผมจึงตอบเขาไป
   “เราไม่ค่อยชอบกินข้าว”
   “ห๊ะ”
   “ปกติกินนี่” ผมว่าก่อนจะเทของในถุงเซเว่นให้อีกฝ่ายดู จนคนตรงข้ามขมวดคิ้วเมื่อเห็นขนมหลากหลายของผมกองอยู่บนโต๊ะ ซึ่งแม่ผมก็บ่นอยู่เสมอเรื่องไม่ยอมกินข้าว แต่ผมก็กินพวกขนมปังและของพวกนี้แทน “อร่อยนะ กินมั้ย”
   “ไม่ล่ะ”
   ปั้นใจตอบทันทีก่อนจะก้มหน้ากินข้าวของตัวเองต่อ ทำให้ผมต้องเก็บของบนโต๊ะใส่ถุงไว้เหมือนเดิม พลางกินแซนวิสที่ตัวเองกินค้างไว้ แล้วมองใบหน้าของคนตรงข้ามไปด้วย
   หน้าตาดี ตัวก็สูง...
   ผมไม่เคยเห็นใครเพอเฟคเท่าเขาเลย จะว่าผมไม่ค่อยสังเกตคนอื่นๆ ก็ได้
   แต่ปั้นใจเป็นคนที่ผมอยากจะสำรวจทุกส่วนของร่างกาย
   “อะ...!”
   ผมที่กำลังไล่มองลำคอของเขาขึ้นมาอย่าเพลินๆ ก็ต้องตกใจเมื่อปะทะเข้ากับสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาพอดี
   ดะ...เดี๋ยว...
   กึด !
   “โอ๊ย !”
   ผมร้องออกมาเมื่อกัดเข้าที่ลิ้นของตัวเองเต็มแรง ก่อนจะวางของกินในมือลงแล้วตั้งใจซึมซับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจนน้ำตาคลอ
   ฮ่อวววววววว ~
   เจ็บง่ะ ฮื้อ...
   “เป็นอะไร”
   “อื้อ...อัดอิ้น...”
   “ไม่ระวัง” คำตำหนิของคนที่อยู่ตรงข้ามผมทำให้ตัวเองรีบยกมือปาดน้ำตาก่อนจะเห็นว่าปั้นใจกินข้าวต่อโดยไม่ได้สนใจมากผมนัก ซึ่งผมเองที่ตอนนี้ก็ได้แต่ก้มหน้ารับความเจ็บจากความไม่ระวังของตัวเอง พลางเก็บแซนวิสที่เหลือใส่ถุงไว้ก่อน
   “เราจะไปซื้อน้ำ...”
   “เอาน้ำอะไร” อยู่ๆ คนที่ตอนแรกกินข้าวอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับถือจานข้าวไว้ ทำให้ผมที่กำลังจะอาสาไปซื้อน้ำให้เขาด้วยต้องมองตามอย่างแปลกใจ “จะเอาจานไปเก็บด้วย เร็วๆ จะเอาน้ำอะไร”
   “อ่า...ชาเขียวก็ได้”
   “แค่นี้นะ”
   “อะ...อืม”
   ผมมองคนที่กลับหลังหันเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจนัก ซึ่งตั้งแต่มานั่งกินข้าวปั้นใจก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเลย ไม่พูดถึงเรื่องเก่า เรื่องวันก่อน หรือเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงมานั่งกับผม
   ที่สำคัญคือเรื่องที่เขาแอดเฟซบุ๊กผมมาก่อนด้วย
   แต่ผมก็ไม่กล้าถามอยู่ดี
   “เฮ้อ...”
   “ไอ้เกลือ !”
   “เฮือก...!” ผมสะดุ้งเมื่อมีมือมาคว้าหมับเข้าที่เอวทำให้ตัวเองต้องหันไปมองก็พบกับพาฝันที่ตอนนี้เอากระเป๋าวงลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ “ฝะ...ฝัน”
   “เออสิ กูเอง”
   “มาแล้วเหรอ”
   “เอ๊ะ ไอ้เกลือ มึงก็ถามแปลกๆ ถ้ายังไม่มาจะมายืนตรงนี้เหรอ” ผู้หญิงที่วันนี้แต่งตัวได้รัดรูปและเซ็กซี่สุดๆ ทำหน้าเซ็ง แล้วเท้าคางมองหน้าผมราวกับมีอะไรจะถาม
   “มีอะไรกับเราหรือเปล่า”
   “มี”
   “อ่า...”
   “คนที่ชื่อปั้นใจเป็นเพื่อนมึงเหรอ” ผมที่ตอนนี้ทำได้แค่กระพริบตาปริบๆ หลังจากฟังคำถามจากคนข้างๆ ก็โดนเขกหัวมาหนึ่งที “กูถาม มาทำหน้าเอ๋อใส่ทำไมห๊ะ”
   “เราไม่รู้”
   “ห๊ะ”
   ไม่รู้ว่าปั้นใจนับว่าผมเป็นเพื่อนหรือเปล่า...
   “ปั้นใจเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่า”
   “หืม...เด็กโรงเรียนเราเหรอ ทำไมกูไม่เคยเห็นวะ” คนสวยทำหน้าสงสัยพลางมองผมอย่างคาดคั้น
   “ปั้นเพิ่งย้ายมาตอนเทอมสอง ม. 6”
   “อ๋ออออ ถึงว่าล่ะ ปกติถ้าหน้าตาดีขนาดนี้ไม่น่าจะหลุดกูไปได้”
   พาฝันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันมามองทางผมอีกครั้งจนตัวเองต้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจนัก ก่อนจะหลบหน้าหนี แต่ก็โดนคนข้างๆ ใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มแล้วดึงให้หันไปหา
   “ฝะ...ฝัน...”
   “แนะนำให้กูรู้จักบ้างสิ”
   “...”
   “นะไอ้เกลือเพื่อนรัก พาฝันคนนี้โคตรถูกใจเพื่อนมึงเลย ~” คนข้างๆ ขยับเข้ามาใช้ใบหน้าถูไถไหล่ผม จนตัวเองต้องมองตามอย่างหนักใจ เพราะไม่รู้จะแนะนำปั้นใจให้อีกฝ่ายยังไงดี “พลีชชชชช ~”
   “จริงๆ แล้วเราไม่ค่อยสนิทกับ...”
   “แค่แนะนำชื่ออ่ะ แบบให้กูเจอเขาก็พอ เดี๋ยวที่เหลือกูสานต่อเอง !”
   “อ่า แบบนั้นก็ได้...”
   “เย้ รักมึงที่สุด ~” ผมที่โดนผู้หญิงข้างๆ ขยี้แก้มอย่างเมามันจนปากจู๋ก็ได้แต่มองอีกฝ่ายพลางคิดไปด้วยว่าจะเริ่มแนะนำพาฝันให้ปั้นใจรู้จักยังไงดี
   ถ้าอยู่ๆ แนะนำขึ้นมาเฉยๆ ปั้นใจจะมองว่าผมแปลกมั้ยนะ...
   “ทำอะไรกัน”
   ผมกับพาฝันที่สะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้อยู่ตรงข้ามกับผมที่มองมาพลางขมวดคิ้ว โดยในมือก็มีแก้วชาเชียวปั่นกับขวดน้ำดื่มอยู่ ซึ่งพาฝันที่ตอนแรกขย้ำแก้มผมอย่างเมามันก็รีบผละตัวออกไปพลางยกมือเกาแก้มตัวเองเขินๆ ส่วนผมเองตอนนี้แก้มคงช้ำเป็นรอยมือไปแล้วเรียบร้อย
   “ปั้น นี่เพื่อนเราชื่อพาฝัน”
   “สวัสดีจ้ะ”
   “สวัสดี” ปั้นใจพูดทักทายพาฝันเช่นกันก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้ามผมเช่นเดิมพลางยื่นแก้วชาเขียวมาให้
   เดี๋ยวนะ...   
   ผมลืมให้เงินปั้นใจได้ยังไงเนี่ย !
   ผมที่มองแก้วชาเขียวด้วยใบหน้าแตกตื่นก่อนจะรีบควักเงินออกมาให้คนที่นั่งตรงข้าม
   “คะ...ค่าชาเขียว...”
   “ไม่เป็นไร”
   ปั้นใจเปิดขวดน้ำดื่มก่อนจะมองมาทางผมพลางจ้องเขม็งมาที่เงินของผมราวกับบอกว่า ‘เก็บไปซะ’ จนตัวเองต้องเอามันเก็บใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิม
   “ค่ายา”
   “อ้อออ ~” ผมที่ตอนแรกแปลกใจอยู่ก็พยักหน้ารับทันทีเมื่อปั้นใจพูดขึ้น “จริงๆ เราตั้งใจซื้อให้”
   “อืม”
   อืม...
   ผมที่ตอนนี้อ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไง ส่วนปั้นใจเองก็ดูเหมือนจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน ก่อนที่พาฝันจะกระทุ้งเอวผมเบาๆ ซึ่งผมก็หันไปแล้วส่ายหัวให้
   ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจริงๆ งื้อ...
   “ปั้นใจ นายชื่อปั้นใจใช่มั้ย”
   “อืม”
   “เมื่อวานนายเท่มากเลย ขอบคุณที่วิ่งแทนเพื่อนเรานะ”
   “ไม่เป็นไร”
   “ปั้นนี่เรียนสาขาเดียวกับเราใช่ป้ะ”
   “น่าจะใช่นะ”
   “เวลามีงานอะไรไม่เข้าใจหรืองานกลุ่มมาถามเพื่อนเราได้นะ เกลือมันเก่ง” พาฝันยิ้มกว้างพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ผมต้องหันขวับไปมองเธอทันที ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ขยิบตามาให้จนผมต้องอ้าปากค้างแล้วหันไปมองทางปั้นใจที่มองมาทางผมเช่นกัน
   คือผมก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น...
   “รู้อยู่” ปั้นใจพูดขึ้นมา ทำให้ผมที่อยากจะเถียงใจจะขาดก็ได้แต่หุบปากเงียบแทน แล้วก้มหน้าหนีคนที่จ้องมา
   เชื่อเถอะ ว่าผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นจริงๆ
   แค่อาจจะดูเหมือนเก่งเพราะผมต้องช่วยตัวเองและทำอะไรคนเดียวอยู่เสมอ
   “ใช่มั้ยๆ งั้นถ้ามีงานกลุ่ม...”
   “อืม เราอยู่ด้วย” ปั้นใจพูดขึ้นทันทีทำให้พาฝันหันมาทำหน้าดีใจใส่ผมทันที ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วหันไปหาคนที่เออออตามไปโดยไม่ถามสุขภาพผมสักคำ “กูอยู่ด้วยได้ใช่มั้ย”
   “หะ...อื้มๆๆ อยู่ได้ๆ” ผมรีบพยักหน้าเมื่อพาฝันหยิกเข้าที่เอวของผมเบาๆ เพื่อเรียกสติ
   “อืม”
   ปั้นใจพยักหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมทำให้เหลือแต่ผมกับฝันเท่านั้นที่ยังกระซิบกันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพาฝันที่แสดงความตื่นเต้นดีใจออกมา
   “เฮ้ย ไอ้อ้วน”
   “...!”
   “ไอ้น้องอ้วนที่วิ่งไม่ไหวเมื่อวานน่ะ มานี่ดิ !” ผมที่สะดุ้งจากเสียงเรียกโหดๆ ก็รีบหันไปมองก็เห็นว่าหนึ่งในรุ่นพี่ที่เข้าร่วมรับน้องเมื่อวานกำลังกวักมือเรียกผมอยู่ ทำให้ตัวเองต้องมองไปแบบงงๆ “มึงนั่นแหละ มานี่ !”
   ผมที่ตอนนี้เริ่มทำหน้าไม่ถูกนักได้แต่พาตัวเองลุกขึ้น ท่ามกลางสายตาของพาฝันที่ดูเหมือนจะไม่ชอบใจเรื่องนี้นัก แต่ก็ช่วยพูดอะไรไม่ได้ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปหารุ่นพี่ที่อยู่โต๊ะถัดไป ซึ่งพวกเขาตอนนี้ก็มองทางผมเป็นตาเดียวจนผมประหม่าขึ้นมา
   คะ...คงไม่ได้คิดจะแกล้งกันใช่มั้ย
   ทำไมคนที่ตัวใหญ่กว่าเพื่อนมักจะเด่นกว่าทุกคนเสมอ
   บางทีผมก็ไม่ชอบการเป็นแบบนี้เท่าไหร่นักหรอก...
   “น้องชื่ออะไร”
   “กะ...เกลือครับ”
   “เอาล่ะ น้องอ้วน เอ๊ย น้องเกลือ รู้หรือเปล่าว่าการสร้างมิตรกับพวกรุ่นพี่ไว้มันเป็นเรื่องที่ดี ต่อไปภายภาคหน้าถ้ามีอะไรให้พี่จะช่วยก็บอกได้”
   “อ่า...ครับ” ผมพยักหน้าอย่างว่าง่าย ซึ่งก็จริงอย่างที่เขาว่า แต่ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะสร้างมิตรกับพวกพี่กลุ่มนี้เท่าไหร่
   เพราะดูแล้วภายภาคหน้าที่ว่าเขาก็คงไม่มาช่วยอะไรผมแน่ๆ
   “อืม เข้าใจง่ายดี แล้วจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยถ้าพี่จะวานอะไรเรานิดๆ หน่อยๆ”
   “เอ่อ...ถ้าไม่เกินแรงที่ผมจะทำได้ ก็จะทำให้ครับ” ผมว่าไปทำให้รุ่นพี่ทั้งกลุ่มที่มีอยู่สามสี่คนพากันหัวเราะออกมา และส่วนใหญ่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจซะด้วย
   “รับรองไม่เกินแรงน้องแน่ๆ”
   “...”
   “มีกระดาษมั้ย”
   “มีครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมา เขาเลยพยักหน้าอย่างพอใจแล้วชี้มาที่ปากกาที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของผมด้วย ผมจึงหยิบมาขึ้นมาตามคำสั่งนั่น
   “จดนะครับ” รุ่นพี่ตรงหน้ายิ้มให้ผมทำให้ผมพยักหน้ารับ “แดงโซดาหนึ่ง แป๊บซี่ใส่น้ำแข็งสอง ลาเต้เย็นหนึ่ง เอาร้านที่อยู่ข้างๆ ม. นะ”
   ผมพยักหน้ารับพลางจดลงกระดาษไปด้วย ซึ่งก็พอจะเดาได้อยู่ว่าเขาต้องการจะ ‘สร้างมิตร’ ที่ว่ากับผมยังไง
   “ไปซื้อน้ำให้พวกพี่หน่อยสิ” คำพูดนั้นทำให้ผมยืนนิ่ง ซึ่งไม่รู้จะตอบรับยังไง จะปฏิเสธก็คงจะไม่ได้ เลยได้แค่จำใจพยักหน้ารับเท่านั้น “แต่อีกสิบนาทีพี่จะขึ้นเรียนแล้ว ยังไงช่วยรีบๆ หน่อยแล้วกันนะ”
   “ครับ...!?” ผมที่ตอนแรกยอมรับชะตากรรมตัวเองก็ต้องเบิกตากว้างเพราะดูเหมือนเวลาสิบนาทีกับการวิ่งซื้อน้ำสามแก้วที่อยู่ห่างกันหลายเมตรนี่เป็นอะไรที่ยากเกินไปสำหรับผม “สะ...สิบนาทีเหรอครับ ไม่ทันแน่...”
   “ไม่ทันพี่สั่งซ่อมนะ”
   เฮือก...!
   ผมที่ตอนนี้ตัวสั่นไปทั้งร่างก็มองรุ่นพี่ตรงหน้าที่ผมสาบานไว้กับตัวเองว่าชาตินี้ต่อให้ผมซื้อน้ำสามแก้วได้ทันภายในเวลาสิบนาทีก็ไม่มีทางขอสานสัมพันธ์กับพวกนี้แน่ๆ
   นี่มันแกล้งกันชัดๆ !
   “สวัสดีครับ” ผมที่ตอนแรกยืนเหงื่อตกอยู่ก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นจากข้างๆ ตัวพร้อมกับร่างสูงที่เข้ามายืนที่ข้างๆ ผม พลางหยิบกระดาษในมือของผมไป “จริงๆ ผมก็อยาก ‘สร้างมิตร’ กับรุ่นพี่ด้วย ยังไงรบกวนช่วยแบ่งให้ผมได้ไปซื้อน้ำพวกนี้ด้วยได้มั้ยครับ เผื่อว่าต่อไปในอนาคตผมมีเรื่องลำบากจะได้บากหน้ามาทวงบุญคุณ...อ่า ไม่ใช่สิ มาขอความช่วยเหลือจากพวกพี่ได้”
   “ปะ...ปั้น...”
   “มึง...!”
   “ยังไงผมอาสาเลยดีกว่า พี่จะได้เอ็นดูผมเยอะๆ”
   ปั้นใจยิ้มให้กับกลุ่มคนตรงหน้าก่อนจะก้มหัวให้แล้วดึงแขนผมให้ออกจากตรงนั้นทันทีโดยไม่รอฟังคำโวยวายที่ออกจากปากของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่นัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอากระดาษคืนให้ผมแล้วหันมามองด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่พอใจ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ปรับสีหน้าลงเป็นปกติ
   “มึงไปซื้อแดงโซดากับแป๊บซี่ใส่น้ำแข็ง เดี๋ยวลาเต้ร้านข้างๆ ม. นี่เดี๋ยวกูวิ่งไปซื้อเอง”
   “วะ...วิ่ง”
   อีกแล้ว...
   “ตามนั้นนะ”
   “...”
   “เออ ลืมเงินเลย” ปั้นใจที่ทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ก็หันหลังเดินกลับไปทางเดิมทำให้ผมมองตาม ซึ่งภาพตรงหน้าทำให้ผมหูอื้อตาลายไปหมด ก่อนจะเห็นว่าปั้นใจเดินกลับมาแล้วยัดแบงค์ยี่สิบสองใบให้ผม “ร้านอยู่แค่นี้เดินไหวใช่มั้ย”
   “อะ...อื้อ...”
   “งั้นเดี๋ยวกูมานะ”
   “...”
   “เป็นอะไร” ผมที่ตอนนี้ได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก็ได้แต่ส่ายหัว ซึ่งคนที่ขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้าก็ดีดเข้าที่หน้าผากของผมเบาๆ “ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันสิบนาที”
   “อือ”
   ผมพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนที่ปั้นใจจะเดินออกไป ผมที่มองตามแผ่นหลังกว้างที่เข้ามาช่วยผมเป็นครั้งที่สองก็ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น โดยที่ร่างกายมันก็ขยับไม่ออกนัก มีเพียงเสียงจากคนรอบข้างเท่านั้นที่ดังเข้ามาในหู
   เขาเข้ามาช่วยผมอีกแล้ว
   “เกลือ”
   “...”
   “ไอ้เกลือ !” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปเห็นพาฝันที่ตอนนี้แย่งกระดาษในมือจากผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “เหม่ออะไรของมึงห๊ะ เดี๋ยวก็ไม่ทันสิบนาที”
   “ฝะ...ฝัน”
   “โอ๊ยยย ปั้นใจก็เท่เหลือเกิน กูอยากได้เขา ~” พาฝันยิ้มกว้างพลางทำท่านึกถึงคนที่เดินจากไป ซึ่งผมเองก็ได้แต่ตอบรับไปอย่างที่ใจคิด
   “อือ”
   “ว่าแต่รีบไปเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ทัน มึงไปซื้อแดงโซดาแล้วกันเดี๋ยวกูไปซื้อแป๊บซี่ให้ อยากสร้างมิตรกับพวกพี่เขาเหมือนกัน จะดูสิว่ามีอะไรดี”
   “ขอบใจนะฝัน”
   “เออๆ ไม่ต้องคิดมาก กูไปละ มึงก็รีบไปได้แล้ว”
   “อื้อ !”
   ผมพยักหน้าก่อนจะเริ่มทำตามสิ่งที่ได้รับมอบหมายพลางมองตามแผ่นหลังเล็กที่ตอนนี้แยกตัวไปอีกทางแล้วก้มมองกระดาษภายในมือที่พาฝันส่งคืนมา
   ขอบคุณพาฝันไปแล้ว
   ก็เหลือแต่ขอบคุณปั้นใจล่ะนะ...
   ...
   “โอ๊ย...” ผมที่ก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดเดินทั้งแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้
   แก้มคนเรามันจะขยายได้ใหญ่สุดแค่ไหนกันเนี่ย
   ทำไมถึงหยุดยิ้มไม่ได้เลยนะ...

---------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ^^

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เราเรียนเอกชนเลยไม่รู้นะว่าการรับน้องทุเรศแบบนี้เราไม่เคยเจออะ รุ่นพี่ทุเรศมากค่ะ เป็นพี่กี่ปีกันเชียว สร้างมิตรพ่อง สั่งซ่อมอะไรบ้าบอ อีกอย่างเขามีชื่อค่ะ 2018 แล้วเลิกเรียกอะไรแบบนี้ได้แล้ว มีโรคประจำตัวก็คือมี เกิดเขาเป็นอะไรไปมีปัญญารับผิดชอบไหม  เป็นเราเราไม่แคร์อะ มาเรียนเว้ย ประสาทจริงๆพวกรุ่นพี่อะไรนี่ โทษทีค่ะอินเกินไปหน่อย

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เป็นเราจะด่ารุ่นพี่ให้หอบตัวเองกำเริบต่อหน้ามันเลยให้มันรู้ อีผีมาเรียนโว้ยย เดี๋ยวทำลายล้างเลย 5555 อินมาก ขนาดจบมหาลัยมาจะเป็นปีแล้ว *-*

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เกลือโชคดีนะมีเพื่อนดี ๆ ช่วยเหลือกันแบบนี้ พวกรุ่นพี่ดูไว้นะค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อยากด่าพวกรุ่นพี่มากบอกเลยย  :katai4:
รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
3




   “ทำไมไอ้กิจกรรมล่าลายเซ็นรุ่นพี่นี่มันถึงได้มีทุกปีและมีซะทุกสาขาเลยนะ...”
   “อ่า...”
   “เชื่อมั้ยว่าปีก่อนที่คณะเก่า กูก็ไปวิ่งหาลายเซ็นเหมือนกัน”
   “เขาฮิตกันเหรอ”
   “ไม่รู้ เขาบอกเป็นการทำให้รุ่นน้องรู้จักกับรุ่นพี่ แต่กูเห็นส่วนใหญ่รุ่นพี่จะแกล้งรุ่นน้องซะมากกว่า” พาฝันทำหน้าเซ็งในขณะที่พูดไปด้วย ก่อนจะเป็นผมที่ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินคำว่าแกล้ง “แต่ก็แค่บางคนแหละ รุ่นพี่บางคนก็ดี”
   “อืม...”
   “ขี้เกียจหาจริงโว้ย ทำไมชีวิตกูต้องมาวนอยู่กับอะไรซ้ำๆ แบบนี้ด้วยเนี่ย !”
   ผมที่ฟังพาฝันบ่นไม่หยุดปากก็ได้แต่พยักหน้าตามเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ก่อนที่จะมีแรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมองก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นพี่แก๊งเดิมที่ใช้ผมไปซื้อน้ำเมื่อวันก่อน
   “พะ...พี่...”
   “ตกใจอะไรห๊ะไอ้อ้วน กูแค่จะเซ็นให้ จะเอามั้ย” คนตรงหน้าขมวดคิ้วใส่ผมก่อนที่ตัวเองที่ตอนนี้ทำหน้าแปลกใจก็โดนรุ่นพี่ตรงหน้าชิงสมุดเล่มเล็กในมือไปแล้ว “ค่าซื้อน้ำ ไปบอกเพื่อนอีกคนของมึงให้มาเอาด้วย”
   “อ่า...ครับ” ผมพยักหน้าอย่างงๆ เพื่อนอีกคนที่พี่เขาพูดถึงคงจะเป็นปั้นใจ ก่อนที่พาฝันที่ตอนแรกมองเหตุการณ์อยู่ก็พูดขึ้นมา
   “หนูก็ช่วยเพื่อนหนูซื้อน้ำนะคะ พี่ๆ ไม่เซ็นให้หนูบ้างเหรอ”
   “มาจ้ะคนสวย”
   “ขอบคุณค่า” พาฝันยิ้มกว้างพลางยื่นสมุดเล่มเล็กให้รุ่นพี่ตรงหน้าหลังจากที่สมุดของผมทุกยื่นคืนมา ซึ่งด้านในก็มีลายเซ็นของคนสี่คน
   “งั้นพวกพี่ไปละ”
   “ไปดีค่ะพี่ ~” ผมที่ได้แต่ก้มหัวให้พวกเขาในขณะที่พาฝันตอนนี้ก็ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันมาหาผมหลังจากที่พวกพี่เขาเดินออกไปแล้ว “โชคดีจริงๆ อยู่ๆ ก็ได้มาตั้งสี่ลายเซ็น !”
   “อื้อ”
   “เพราะมึงเลยไอ้หมูอ้วน ~” พาฝันยกมือขึ้นมาขย้ำแก้มผมเหมือนอย่างเคย ก่อนจะเริ่มหันมองซ้ายมองขวา “ไปหาปั้นใจกัน !”
   “หะ...หืม”
   “ก็พวกนั้นบอกให้มึงไปบอกปั้นใจให้ไปเอาลายเซ็นไม่ใช่หรือไง”
   “อ๋อ...จริงด้วย...”
   “ไปๆๆๆ”
   พาฝันดันหลังผมให้ออกเดินทำให้ตัวเองต้องสอดส่องสายตามองหาปั้นใจไปด้วย โชคดีที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเด่นสะดุดตาเอามากๆ ทำให้ผมสามารถเจอเขาอย่างรวดเร็วโดยตอนนี้เขากำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมคิดว่าผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
   “นั่นออยใช่มั้ย”
   “ไหน...อ๋อ ใช่ๆๆ” พาฝันพยักหน้าก่อนจะรีบดันหลังผมให้เข้าไปด้านหน้าไม่นานเราทั้งคู่ก็เข้ามาถึงวงสนทนาของทั้งคู่ ซึ่งออยช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับเธอเพราะเห็นว่าเธอก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน จะทักทายบ้างนานๆ ทีเท่านั้น “หวัดดีออย”
   “อ้าว ไงฝัน เกลือ”
   “หวัดดี”
   ผมยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะหันไปมองทางปั้นใจที่มองมาด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะเป็นผมที่เลือกหลบสายตาของเขาเช่นเคย
   อยากกัดแขนตัวเองจัง งื้อ...
   “มีอะไรกันเหรอ” พาฝันที่ชิงถามขึ้นมาทำให้ผมต้องหันไปมองพลางส่ายหัวเพื่อบอกว่า ‘ไม่เอา เราไม่ยุ่งเรื่องของเขา’ แต่กลับโดนอีกฝ่ายหยิกเอวมาหนึ่งทีจนผมสะดุ้งดีดตัวออกจากคนข้างๆ จนกระทั่งไปกระทบกับร่างของอีกคน
   เอ่อ...
   ปั้นใจอีกแล้ว
   ผมที่ทรงตัวอยู่ก็เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้ตัวติดกับผม และก็พบว่าเขาก็มองกลับมา...
   อีกแล้ว...
   อึ๊บ !
   ผมที่หลบสายตาของอีกฝ่ายไว้ก็ได้แต่ขยับตัวกลับไปหาพาฝันแล้วก็ได้แต่กลั้นสีหน้าประหม่าของตัวเองไว้ ซึ่งตอนนี้เหงื่อก็ตกเป็นที่เรียบร้อย
   ไอ้เกลือ ใจเย็นๆ ใจเย็น...
   “ทำหน้าอะไร” จู่ๆ ปั้นใจก็พูดขึ้นพลางขมวดคิ้วมองหน้าผม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากของผมเบาๆ “ตลก”
   โฮ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ~
   ตึก...ตึก...ตึก...
   เหงื่อแตกพลั่กแล้วครับท่านผู้ชม...
   ผมที่ตอนนี้อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าซะให้รู้แล้วรู้รอดก็ต้องพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติไว้ เพราะดูเหมือนหน้าผมตอนนี้คงจะ ‘ตลก’ อย่างที่ปั้นใจพูด ก่อนที่เขาจะละสายตาไปจากผมจนได้ ทำให้ตัวเองต้องถอนหายใจออกมา
   เฮ้อ...
   “รุ่นพี่ฝากมาจีบปั้นใจน่ะ...”
   “หื๊อ !” ผมกับฝันหันไปมองทางออยเป็นตาเดียวหลังจากที่เจ้าตัวพูดขึ้น ทำให้ออยหลุดขำออกมาทันที คงเป็นเพราะสีหน้าของพาฝันที่ตกใจอย่างออกนอกหน้า
   “หมายถึงจีบปั้นใจให้ไปเป็นเดือนคณะเรา”
   “อ๋อ ~”
   “ขอปฏิเสธได้มั้ย” ปั้นใจพูดขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่ออยซึ่งเธอก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
   “เดี๋ยวเราลองไปบอกรุ่นพี่ให้นะ”
   “อืม”
   “งั้นเราไปหาเพื่อนก่อน ไว้เจอกัน” ออยที่เดินแยกออกไปจนทำให้ตอนนี้ตรงนี้เหลือเพียงผม พาฝันและปั้นใจเท่านั้น ก่อนที่พาฝันจะหันมากระซิบผม
   “ออยโดนเลือกเป็นดาวแน่เลย”
   “อือ”
   ก็น่าจะนะ ออยน่ารักขนาดนั้น...
   ผมที่พยักหน้าเออออไปกับพาฝันแล้วหันไปหาอีกคนที่ยืนอยู่ก็ต้องผิดหวังเมื่อตอนนี้ปั้นใจไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ก่อนที่ผมจะสะกิดพาฝันทำให้เธอเบิกตากว้างแล้วรีบลากผมให้วิ่งตามปั้นใจที่เดินไปหาโต๊ะนั่ง แล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับคนที่มาถึงก่อน ทำให้เขามองพวกผมสองคนด้วยสีหน้างงๆ ซึ่งคนที่ลากผมมาก็รีบพูดเข้าเรื่องทันที
   “ปั้นใจ รุ่นพี่แก๊งเมื่อวานฝากมาบอกว่าให้ไปเอาลายเซ็นกับเขาได้”
   “อืม” ปั้นใจพยักหน้ารับ ก่อนจะมองมาทางผมที่ตอนนี้ยังคงยืนตัวเกร็งอยู่ข้างๆ พาฝันโดยคิดว่าเมื่อเธอบอกข่าวกับปั้นใจแล้วเราจะออกไปจากตรงนี้กัน “ยืนทำไม นั่งสิ”
   แล้วนั่นล่ะ ผมก็ต้องทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตรงนี้อย่างช่วยไม่ได้ โดยมีสีหน้าดีใจของพาฝันเป็นตัวประกอบ ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเริ่มการสนทนากับเจ้าของโต๊ะที่ตอนนี้กำลังเล่นเกมโทรศัพท์อยู่
   “ปั้นอยู่หอของมหาวิทยาลัยเหรอ”
   “อืม ว่าจะย้ายแล้ว รำคาญรูมเมท”
   “อ๋อ ~”
   พาฝันขานรับเพียงแค่นั้นก่อนจะหันมาหาผมเพื่อให้เริ่มชวนคนตรงข้ามคุยบ้าง ตัวเองเลยได้แต่ส่ายหัวเพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี
   เอ๊ะ...ผมมีขนมอยู่นี่นา !
   ว่าแต่ปั้นจะชอบกินช็อกโกแลตมั้ยนะ...
   “ปั้น...เอ่อ กินช็อกโกแลตมั้ย” ผมพูดขึ้นพลางหยิบห่อช็อกโกแลตขนาดพอดีคำขึ้นมา ทำให้คนที่ตอนแรกมองจอโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วตามด้วยขนมที่อยู่ในมือ “อร่อยนะ”
   “อืม”
   อืม...
   นี่คือกินใช่มั้ย...?
   “อ่ะ...” ผมที่ไม่รู้จะถามยังไงว่ากินหรือไม่กินก็ยื่นก้อนช็อกโกแลตกลมๆ ไปให้เขาทันที
   และก็ได้แค่สายตาของอีกฝ่ายมองกลับมาเท่านั้น...
   “เล่นเกมอยู่”
   “อะ...อ๋อ...งั้นไว้ก่อนเนอะ”
   “มันเย็นมั้ย”
   “เย็น เราเพิ่งซื้อมาเลย” ผมว่าพลางมองของในมือที่เริ่มมีไอน้ำติดที่ซองพลาสติก เนื่องจากตอนซื้อผมเพิ่งเอามันออกมาจากตู้แช่แข็ง
   “อยากกิน”
   “หะ...หืม...”
   ผมที่ตอนแรกมองช็อกโกแลตของโปรดในมืออยู่ก็ต้องเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้ปลายตามองผมเช่นกัน ก่อนที่เขาจะก้มลงไปเล่นเกมยิงปืนในมือถือต่อ
   ‘อยากกิน’
   เอ่อ...ผมพอจะช่วยอะไรเขาได้บ้างมั้ยนะ...
   “มึงก็แกะซองให้เขาสิ !” พาฝันเข้ามากระซิบก่อนจะทำให้ผมตั้งสติได้แล้วพยักหน้า ก่อนจะแกะช็อกโกแลตออกจากซองพลาสติกพลางลังเลอยู่ว่าจะยื่นให้ปั้นใจเลยดีมั้ย เขาจะหยุดเล่นเกมแล้วรับของจากมือผมได้หรือเปล่า   
   “ปะ...ปั้น” ผมเรียบเสียงเบาก่อนจะยื่นช็อกโกแลตไปให้เขา ซึ่งคนที่เล่นเกมอยู่ก็ส่ายหัวเพื่อเป็นเชิงบอกว่าไม่สามารถรับของจากมือของผมไปได้ ก่อนที่เขาจะก้มมองหน้าจอโทรศัพท์เหมือนเดิมแล้ว...
   อ้าปาก...
   เอ่อ อ้าปากจริงๆ ครับ...
   “กรี๊ดดดด ไอ้เกลือออ ~” ส่วนอันนี้เป็นเสียงของพาฝันที่กรอกเข้าหูผมเต็มๆ
   งื้อออ ผมควรจะทำยังไง ป้อนเขาใช่มั้ย หรือส่งให้ฝันป้อนดี...
   ผมที่ตอนนี้มือสั่นพลางมองคนที่ยังอ้าปากอยู่ก่อนจะตัดสินใจกลั้นหายใจแล้วเอื้อมมือข้างที่มีของหวานส่งไปให้เขา ไม่นานก้อนช็อกโกแลตเย็นๆ กลมๆ ก็ถูกส่งเข้าปากของปั้นใจจนได้
   ส่วนผมตอนนี้ก็ใจเต้นตึกตัก เหงื่อแตกพลั่กอีกแล้ว
   โฮ่ยยยยยยยยยยย ~
   “อืม...อร่อย” เสียงของปั้นใจขานรับหลังจากที่เคี้ยวของในปาก ก่อนที่ผมจะเห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มเล็กๆ อยู่ที่มุมปากด้วย “มีอีกมั้ย”
   เขาแกล้งผมแน่ๆ ฮื้อ...
   “อะ...อื้อ มี...”
   ผมพยักหน้าแล้วหยิบช็อกโกแลตอีกซองขึ้นมา โดยสายตาก็มองคนตรงข้ามที่ตอนนี้มือยังคงเล่นเกมอยู่ ก่อนที่เขาจะมองมาที่ช็อกโกแลตในมือของผม
   “กูขอได้มั้ย”
   “ได้ อื้อ ได้สิ”
   “อืม”
   ปั้นใจขานรับแค่นั้น แต่คราวนี้เขาไม่ได้อ้าปาก ผมเลยคิดว่าเขาขอแต่เขาคงไม่ได้ให้ผมป้อนแล้ว แต่เขาจะเอาช็อกโกแลตในมือของผมนี่จริงๆ ใช่มั้ย
   และผมคิดว่าผมไม่ได้ตาฟาด ที่ยังเห็นว่ารอยยิ้มของเขาไม่ได้หายไปไหน
   นี่ปั้นแกล้งเราจริงๆ สินะ...




(ปั้นใจ)
   “โอ้โห มาไวกว่าที่คิดว่ะ”
   เสียงที่ดังขึ้นไม่ห่างจากร่างกายของผมทำให้ตัวเองต้องละความสนใจกับของตรงหน้าแล้วมองคนที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับใบหน้าทะเล้น ก่อนจะเก็บซองช็อกโกแลตที่ได้มาใส่กระเป๋าไว้ ซึ่งคนที่เข้ามาทักทายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเด็กคณะบริหารที่ชื่อว่าฟาง ที่มีสถานะเป็นทั้งเพื่อนเก่า และรูมเมทของผม
   “อืม”
   “ฮั่นแหน่ ไอ้ปั้น เมื่อกี๊มึงดูอะไรอยู่ แอบซ่อนอะไรไว้”
   “ไม่เสือกดิ”
   “แต่กูเห็นว่าเป็นช็อกโกแลต” ไอ้คนหูตาไวมันพูดขึ้นทำให้ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ “สาวให้มาเหรอ ปกติมึงไม่กินช็อกโกแลตนี่หว่า”
   “ไม่เสือก”
   “ก็ได้วะ ไม่ยุ่งก็ได้ !” ไอ้ฟางมันทำหน้าไม่พอใจก่อนจะล้วงเอาของที่ผมต้องมาเอาถึงที่นี่ออกมาให้ “เอ้า เอาไป”
   วัตถุสีเงินชิ้นเล็กถูกส่งมาให้ ทำให้ผมมองมันอย่างไม่ชอบใจนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่เพิ่งสร้างปัญหาให้ผมไปเมื่อวันก่อน
   กุญแจห้อง
   “ขอบใจ”
   “แล้วก็หาเวลาไปปั๊มด้วย จะได้ไม่ได้ลำบากถ่อมาเอาที่กูถึงคณะ แม่งแค่กุญแจห้องยังไม่รู้จักรักษา”
   “บ่นมาก” ผมว่ามันก่อนส่ายหัวกับความขี้บ่นของอีกฝ่าย ซึ่งไอ้ฟางเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ซึ่งมันเองก็คงจะเหนื่อยหน่ายกับผมเช่นกัน
   ใช่ ผมเป็นคนไม่ค่อยรักษาของ ที่สำคัญยังขี้ลืมด้วย ซึ่งกุญแจห้องของหอผมก็เพิ่งได้มาพร้อมๆ มันเมื่อวันก่อน และมันก็หายไปเมื่อวันก่อนเช่นกัน
   ให้ตายสิ...
   “เออๆ กลับไปก่อนไป เดี๋ยวกูตามกลับไป ไม่ต้องล็อกห้องล่ะ เผื่อมึงหลับจะได้ไม่ต้องตื่นมาด่ากูเวลากูเคาะ”
   “อืม”
   “ไว้เจอกันเว้ย” ไอ้ฟางมันทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะวิ่งกลับเข้าตึกไป ทำให้ผมเก็บกุญแจห้องใส่กระเป๋ากางเกง แต่กลับหลังหันยังไม่ทันเดินออกจากตึกคณะก็ได้ยินเสียงคนที่เพิ่งวิ่งออกไปตะโกนเรียกไว้ “เฮ้ย ไอ้ปั้น !”
   “...”
   “กุญแจกูอ่ะ อย่าทำหายนะ แล้วก็...” ไอ้คนกวนประสาทมันทำหน้าทะเล้นก่อนจะมองมาที่กระเป๋ากางเกงผม “ว่างๆ พาเจ้าของช็อกโกแลตมาให้กูรู้จักบ้าง !”
   “ฝัน”
   ผมตอบเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังเดินกลับทางเดิมโดยมีเสียงหัวเราะของไอ้คนที่ผมคิดว่ามันกวนประสาทที่สุดตั้งแต่เคยพบเจอคนอื่นมาอย่างไอ้ฟางไล่ตามหลัง
   ผมควรจะจดโน้ตไว้ว่าต้องไปปั๊มกุญแจ...
   ผมที่เพิ่งเดินพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยก็ต้องชะงักหยุดการเดินเมื่อสายตาไปสะดุดเข้าที่ร่างกลมๆ ขาวๆ ที่ดูเหมือนจะนุ่มนิ่มสุดๆ ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ โดยที่เจ้าตัวกำลังหันมองซ้ายมองขวาแล้วพองแก้ม จนผมที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ได้แต่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเลือกเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแทนที่จะกลับไปที่หอ
   นี่มันหนู...
   “ยืนทำอะไร”   
   ผมทักคนที่เตี้ยกว่าผมหลายสิบเซนติเมตรทำให้เขาสะดุ้งแล้วผงะถอยหลัง ไม่นานใบหน้าขาวที่มีพวงแก้มอมชมพูก็เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ
   “ปะ...ปั้น”
   “อืม”
   “เรายืนรอแม่” เกลือตอบออกมาก่อนจะเลือกหลบตาผมเหมือนอย่างเคยทำให้ผมพยักหน้ารับพลางมองหัวถุยของคนที่เตี้ยกว่า ดูเหมือนร่างที่เชื่องช้าเพราะขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่จะค่อยๆ ขยับถอยออกห่างจากผมทีละน้อย “แล้วปั้นไม่กลับหอเหรอ”
   “กูรอเพื่อน”
   “อ๋อ...” คนข้างๆ ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเงียบไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไรเหมือนกันเลยได้แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาอีกครั้ง “เอ้อ พรุ่งนี้เอาช็อกโกแลตอีกมั้ย เดี๋ยวเราซื้อมาฝาก ท่าทางปั้นจะชอบนะ”
   คนตัวขาวส่งยิ้มกว้างๆ มาให้ผม ซึ่งผมเองก็เลือกที่จะมองไปที่พวงแก้มสีชมพูที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรู้สึกขัดใจ
   อยากฟัด...
   ผมละสายตาจากพวงแก้มยุ้ยนั่นแล้วมองไปที่ดวงตากลมโตของอีกฝ่ายที่จ้องมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี ใจที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะปฏิเสธไปเพราะผมไม่ได้ชอบของหวานเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พยักหน้าเท่านั้น
   “อืม งั้นเดี๋ยวกูฝากซื้อด้วยแล้วกัน”
   “ไม่เป็นไร เราอยากซื้อให้” คนตรงหน้ารีบส่ายหัวแล้วพูดออกมา “ปั้นช่วยเรามาตั้งเยอะ”
   เสียงเบาๆ ที่เปล่งออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ผลุบลงต่ำทำให้ผมมองตามและไม่ได้ขัดอะไรกับความคิดของเกลือนัก แต่ทุกการกระทำของของอีกฝ่ายกับดึงดูดสายตาของผมได้เป็นอย่างดี
   ผมสนใจเขา
   ถ้าให้ยอมรับตรงๆ คงเป็นอย่างนั้น มันเริ่มจากที่ผมพบเขาครั้งแรกที่โรงเรียนใหม่ตอน ม. 6 เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดูเหมือนจะคุยไม่เก่งและขี้อาย ที่สำคัญคือร่างกายไม่แข็งแรงด้วยเลยทำให้ผมรู้สึกว่าอยากจะคอยดูอีกฝ่ายอยู่ตลอดว่าอันนี้สามารถทำได้มั้ย อันไหนทำไม่ได้ จากที่คอยมองด้วยความเป็นห่วงกลับกลายเป็นเฝ้ามองทุกการกระทำของเจ้าตัวมากกว่า จนบางทีก็เห็นความน่ารักที่คนอื่นไม่ได้เห็น
   รู้ตัวอีกทีก็ชอบมองและเข้าหาไปแล้ว
   และเราคงจะสนิทกันกว่านี้ถ้าผมเลือกที่จะแอดเฟซบุ๊กเขาไปตั้งแต่ตอนเรียน ม. 6 แม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธก็ตาม ซึ่งความกล้าทั้งหมดของผมเพิ่งมาเกิดขึ้นในวันที่ผมเจอเขาวันรับน้องวันแรก กล้าที่จะเข้าไปทักก่อน กล้าที่จะแอดเฟซบุ๊กก่อน แม้ผมไม่รู้ว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับผมหรือเปล่า แต่สุดท้ายเกลือก็รับแอดผมจนได้
   ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี
   “ปั้น”
   “หืม...” ผมที่ตอนแรกคิดเรื่องเก่าๆ อยู่กับตัวเองก็ต้องหลุดออกจากความคิดนั้นแล้วมองดูปากเล็กสีแดงที่ตอนนี้กำลังเรียกชื่อผมอยู่ “ว่าไง”
   “แม่เรามาแล้ว งั้นเราไปก่อนนะ”
   “อืม”
   “ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
   เกลือส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปขึ้นรถยนต์ที่เข้ามาจอดเทียบข้าง ไม่นานรถคันที่ว่าก็ขับออกไปเหลือแค่ผมที่ยืนมองตามไปแล้วพึมพำเบาๆ กับตัวเองเท่านั้น
   “น่าจะมาช้ากว่านี้หน่อยนะ...”

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ปั้นเท่มาก  :katai2-1:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ปั้น อย่าเท่มาก เดี๋ยวเกลือจะไปไหนไม่รอด 555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
หลงรักปั้นฮือออ ผช.อะไรดีขนาดนี้ :-[

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ติดเกลือ ระวังเป็นไตนะจ๊ะ  :mew4:

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
นั่น แอบปิ๊ง  หมูอ้วน ละสิ 55

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
4


   คนอ้วนอย่างผมที่หลงรักหน้าหนาวที่เมืองไทยไม่ค่อยจะมี และเกลียดหน้าร้อน เพราะมันทำให้ร่างกายผมชุ่มได้ด้วยเหงื่ออย่างง่ายดาย และตอนนี้ก็เริ่มจะไม่ชอบหน้าฝนแล้วด้วย...
   ซ่าาาาา ~
   เสียงฝนที่ดังทะลุกระจกรถเข้ามาทำให้ผมแทบน้ำตาไหลกับความหนักหน่วงนั่น ก่อนจะเริ่มสวมใส่เสื้อกันฝนที่แม่เตรียมไว้ให้อย่างทุกลักทุเล
   “เกลือพร้อมแล้วแม่ !”
   “สู้ๆ ลูกรัก วิ่งฝ่ามันไปให้ได้ !”
   “ครับ !”
   ผมที่รับพลังจากแม่ที่กำลังจัดหมวกและผูกเชือกให้หมวกรัดที่ใบหน้าผมพอดี ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะชะงักไปแล้วมองออกไปตรงหน้ารถทำให้ผมมองตาม ซึ่งตัวปัดน้ำฝนที่ช่วยให้เห็นภาพได้เพียงเลือนรางแต่ก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่แม่ของผมมองอยู่นั้นคืออะไร
   ปั้นใจกำลังยืนหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์
   “นั่นเพื่อนลูกใช่มั้ย”
   “อ่า...ใช่ครับ...” ผมพยักหน้าให้แม่ ซึ่งเมื่อวานแม่ผมก็เจอเขาและตั้งใจจะทักทายตั้งแต่ตอนมารับผมแต่ผมได้ห้ามไว้ ก่อนที่ผมจะมองไปที่ปั้นใจที่ตอนนี้ยืนเฉยๆ ราวกับแค่กำลังรอให้ฝนหยุดตกเท่านั้น ไม่ได้เดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ “เกลือว่าเขาต้องยังไม่ได้กินข้าวแน่เลยอ่ะแม่”
   “นั่นสิ”
   “เขาช่วยเหลือเกลือไว้เยอะด้วย เกลืออยากช่วยเขาบ้าง...” ผมว่าพลางมองไปที่ร่างที่อยู่ห่างออกไป ก่อนที่จะหันไปหาแม่ที่ตอนนี้ส่งยิ้มมาให้ผมแล้วเอื้อมมือไปหยิบร่มจากหลังรถมาให้
   “แม่ให้ยืม”
   “หือ...”
   “ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ หรอก”
   แม่ผมว่าก่อนจะเอาร่มส่งให้ทำให้ผมที่ตอนแรกเบิกตากว้างอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะเข้าไปหอมแก้มแม่เหมือนอย่างเคย แล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถให้รวดเร็วที่สุด ก่อนจะรีบพาร่างอ้วนๆ ของตัวเองเดินดิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งดูแล้วเสื้อกันฝนสีส้มของผมจะเด่นไม่น้อยถึงทำให้ปั้นใจหันมามองผมอย่างรวดเร็ว และไม่นานร่างของผมก็เข้ามาอยู่ภายใต้หลังคาของป้ายรถเมล์จนได้ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาค่อนข้างเช้าเลยทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีคนนัก มีเพียงพนักงานที่มารอรถประจำทาง ส่วนผมที่ต้องติดรถแม่มาแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วเลยทำให้ไม่ว่าวันไหนจะมีเรียนเช้าหรือสาย ผมก็จะมาเวลานี้ตลอด
   ว่าแต่ทำไมปั้นใจถึงมาเช้าจัง...
   “ทำไมไม่รีบเดินเข้าไปด้านใน”
   “เราเอา...”
   “เดี๋ยวก็เป็นหวัด” สีหน้าไม่ชอบใจของปั้นใจที่มองมาทางผมที่ตอนนี้กำลังลูบหยดน้ำออกจากใบหน้าของตัวเองก็ต้องมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ เพราะดูเหมือนว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจสักนิด “ก็เมื่อก่อนเห็นป่วยง่าย”
   “อะ...อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเลือกหลบตาอีกฝ่ายที่จ้องมองมา ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาว่า ผมเป็นคนป่วยง่าย โดนฝนนิดหน่อยก็สามารถเป็นหวัดได้แล้ว “ไม่เป็นไรหรอก เรามีเสื้อกันฝน”
   “อืม”
   “เราเอาร่มมาให้”
    ผมยื่นของในมือที่ตั้งใจเอามาให้ปั้นใจไปตรงหน้าทำให้เขามองมาจากที่สีหน้าไม่ชอบใจเมื่อสักคู่ก็ปรับเปลี่ยนเป็บใบหน้าเรียบเฉย แต่สุดท้ายก็ยอมรับไปแต่โดยดี
   “ขอบใจ”
   “ไม่เป็นไร”
   “รอให้ฝนซาอีกหน่อยแล้วกัน” ปั้นใจพูดก่อนจะดึงร่างผมให้หลบเข้ามาด้านใน โดยที่ผมก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ทำไมมาเช้า”
   “แม่เราออกมาทำงานอ่ะ เลยต้องตื่นเช้ามาพร้อมแม่ทุกวัน”
   “อ๋อ...”
   “แล้วทำไมปั้นมาเช้า”
   “รำคาญรูมเมท แล้วก็มาหาอะไรกิน” ปั้นใจตอบใบหน้าเรียบเฉยทำให้ผมแอบสงสัยว่าคนที่เป็นรูมเมทของปั้นนี่เป็นคนยังไงกันแน่
   เพราะเขาพูดว่ารำคาญมาสองรอบแล้ว...
   เอ๊ะ แล้วทำไมผมต้องสังเกตปั้นใจขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย
   “กินข้าวหรือยัง” คนข้างๆ ถามขึ้นโดยที่เขาไม่ได้หันมามองผม ได้แต่มองทอดไปข้างหน้า
   “ยัง เรามีขนมปัง ปั้นกินมั้ย” ผมว่าก่อนจะทำท่าจะหยิบออกจากกระเป๋า แต่ลืมไปว่าตอนนี้สวมเสื้อกันฝนอยู่ “หยิบไม่ได้...”
   “ไม่เป็นไร”
   ปั้นใจตอบผมเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะเงียบไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเลยได้แต่ยืนเงียบรอฝนซาเช่นกัน ไม่นานป้ายรถเมล์ก็เริ่มมีคนเข้ามาหลบฝนรวมถึงพวกพนักงานที่มารอรถ ทำให้ด้านในทั้งแออัดทั้งร้อนจนผมเริ่มอยากจะถอดเสื้อกันฝนออกเร็วๆ
   “ร้อนเหรอ”
   “อือ อึดอัดอ่ะ” ผมว่าเมื่อตอนนี้เหงื่อในร่างกายผมเริ่มออกจนทำให้เสื้อกันฝนแนบไปกับตัวของผมจนมันรู้สึกอึดอัดไปหมด ท้องก็เริ่มหิวแล้วด้วย
   “งั้นไปเลยมั้ย”
   “อือ” ผมพยักหน้ารับ เพราะดูเหมือนแค่ผมมีเสื้อกันฝนก็เพียงพอแล้ว ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะดันร่างผมออกมาแล้วกลางร่มพลางดึงผมเข้าไปด้วย
   เอ่อ...ถึงหัวจะเข้าไปแต่ไหล่ผมก็หลุดออกมาจากร่มอยู่ดี
   “ฝนจะได้ไม่โดนหน้า”
   คนที่ถือร่มพูดก่อนที่เขาจะเริ่มดันหลังให้ผมเดิน ซึ่งตอนนี้ผมที่มีตั้งเสื้อกันฝนและมีร่มที่กลางให้ก็ได้แต่พยายามขยับออกเพื่อให้อีกคนได้อยู่ในร่มมากที่สุด ไม่นานความทุลักทุเลของร่มหนึ่งคันและคนสองคนก็สามารถเดินมาถึงโรงอาหารของคณะจนได้
   เฮ้อ...
   ผมรีบถอดเสื้อกันฝนออกด้วยอึดอัด และเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ส่วนคนข้างๆ ผมก็จัดการหุบร่มแล้วถือมันไว้อย่างระมัดระวัง
   “ไปหาโต๊ะนั่งกัน” ผมพยักหน้าพลางเดินตามปั้นใจไปหาโต๊ะ โชคดีที่ช่วงนี้ยังเช้าอยู่ คนเลยไม่ค่อยเยอะมาก ไม่นานเราก็หามุมดีๆ ได้ ปั้นใจจึงเลือกที่จะพิงร่มไว้กับโต๊ะแล้วหันมาหาผมที่เอาเสื้อกันฝนใส่ถุงก็อบแก๊บเช่นกัน “เอามานี่”
   ผมมองคนที่แบมือตรงหน้าก่อนจะทำหน้างง เขาเลยถอนหายใจแล้วคว้าเสื้อกันฝนของผมไป ก่อนจะเดินเอามันและร่มไปตากตรงที่ว่างของโรงอาหารแล้วเดินกลับมา ซึ่งผมเพิ่งสังเกตว่าแขนเสื้อของเขาเปียกฝนด้วย
   คงเพราะผมไปเบียดเขาแน่ๆ
   “งั้นไปซื้อข้าวก่อนนะ” ปั้นใจพูดขึ้นโดยที่ผมตอนนี้ก็มองแขนเสื้อเขาอยู่ ก่อนจะพยักหน้าไม่นานคนที่ฝ่าฝนมากับผมก็เดินไปที่ร้านข้าว ผมจึงนั่งลงก่อนจะหยิบเอาถุงขนมปังออกมาจากกระเป๋า และตั้งใจว่าจะรอกินพร้อมอีกคน ซึ่งไม่นานปั้นใจก็กลับมาพร้อมกับจานข้าวสองจาน ทำให้ผมมองอย่างแปลกใจ เขาเลยอธิบาย “เพื่อนฝากซื้อ เดี๋ยวมันมา”
   “อ๋อ...” ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบแซนวิสจากถุงเซเว่นขึ้นมา ซึ่งปั้นใจเองตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกินข้าวของตัวเอง เขาได้แต่นั่งเล่นโทรศัพท์เท่านั้น ผมเลยลังเลว่าควรจะกินก่อนหรือรอเขาดี
   แต่หิวแล้วง่ะ...
   “เพื่อนไม่มาแล้ว”
   “หะ...หืม”
   “มึงกินแทนหน่อยได้มั้ย” ผมที่ถือแซนวิสไว้ในมือก็ต้องมองตามมือของอีกฝ่ายที่เลื่อนจานข้าวที่มีถ้วยต้มจืดถ้วยเล็กวางอยู่ข้างๆ มาให้ ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ถ้าให้ทิ้งคงเสียดาย”
   “...”
   “ว่าไง” ปั้นใจถามย้ำพลางมองหน้าผม ทำให้ตัวเองต้องเลือกเก็บแซนวิสในมือใส่ถุงเหมือนเดิมแล้วพยักหน้ารับ
   “อือ”
   ผมเอื้อมมือไปเลื่อนจานข้าวตรงหน้ามา ก่อนจะมองปั้นใจที่ตอนนี้วางโทรศัพท์ลงแล้วหยิบช้อนขึ้นมาแทน ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามามองผมที่ตอนนี้ยังไม่กล้าแม้แต่จะหยิบช้อน
   “กินสิ”
   “...”
   “หรือไม่ชอบต้มจืด เอาของกูมั้ย” ปั้นใจถามขึ้นพลางทำท่าว่าจะแลกจานข้าวกับผม ทำให้ตัวเองรีบส่ายหัว
   “เราชอบกินต้มจืด”
   “อืม”
   “ขอบใจนะ”
   “ขอบใจที่กินแทนเพื่อนกูเหมือนกัน” ปั้นใจพยักหน้าก่อนจะเริ่มกินข้าวของตัว ซึ่งผมเองก็เช่นกันแม้วันนี้ได้เปลี่ยนเมนูอาหารเช้าไปแบบงงๆ ก็ตาม
   อืม ต้มจืดอร่อยจริงๆ ด้วย
   ผมควรกินผักให้หมดด้วยสินะ ก็ปั้นใจอุตส่าห์...
   อ่า...
   คิดว่าซื้อให้แล้วกัน
   


   “เกลือ”
   “หืม”
   “รู้หรือยังว่าปั้นใจได้เป็นเดือนคณะเรา”
   “จริงเหรอ”
   “จริงสิ หล่อขนาดนั้นมึงว่าใครจะแย่งชิงตำแหน่งไปได้อีกล่ะ”
   พาฝันที่ตอนนี้หันมากระซิบให้ผมฟังก็ทำให้ผมได้แค่พยักหน้ารับและแอบเห็นด้วยกับคำพูดนั้น ซึ่งวันนี้เป็นอีกวันที่ผมชอบมากที่สุดเพราะไม่มีกิจกรรมรับน้อง ทำให้แผนที่จะเดินหาอะไรกินในระหว่างที่รอแม่เลิกงานจึงดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้เร็วๆ นี้
   ผมว่าผมเห็นร้านเค้กด้านหน้า ม. ด้วยแหละ...
   “เอ่อ...เดี๋ยวเราว่าเราจะกลับเลยนะ...”
   “อะไรวะ รีบกลับไปไหนมึง วันนี้อุตส่าห์ว่าง นั่งส่องหนุ่มเป็นเพื่อนกูก่อนสิ !”
   “ไม่เอาอ่า อยากลองไปดูร้านเค้กหน้า ม. ฝันไปกับเรามั้ย” ผมที่ส่ายหัวรัวๆ ก็ได้แต่ชวนคนตรงหน้า แต่เธอเองก็ส่ายหัวกลับมาเช่นกัน
   “ไม่เอาย่ะ อ้วน”
   “งื้อ...”
   ผมที่ดูเหมือนจะโดนว่าทางอ้อมเลยได้แต่ร้องออกมา ทำให้พาฝันเข้ามาหยิกแก้มผมอย่างที่ชอบทำ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ จริงๆ
   “นั่งเป็นเพื่อนกูก่อนน้า สักยี่สิบนาทีก็ได้ รอปั้นใจออกมาก่อน กูอยากเห็นหน้าเขาก่อนหยุดเสาร์อาทิตย์ จะได้ฝันดีทั้งสองวัน”
   “ก็เห็นทุกวันอยู่แล้ว”
   “อยากเห็นอีกไง มึงไม่เข้าใจอารมณ์ของคนแอบรักหรือไงห๊ะ !”
   “ฝันก็แอบรักทุกคนแหละ”
   “แหมมม ไอ้หมูอ้วน เดี๋ยวนี้ทำรู้ดีนะ แต่ก็ถูก กูแอบรักทุกคนแหละ ใครหล่อกูรักหมด อิอิ”
   พาฝันที่ยิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับยืดแก้มผมไปด้วยทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่ช่วง ม. ปลาย ซึ่งดูเหมือนเธอจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเห็นพาฝันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน
   “อยากเจอปั้นใจจังเลย ~” เสียงที่ยังคงร่าเริงอยู่ทำให้ผมล้มเลิกความคิดที่จะไปร้านเค้กแล้วนั่งเป็นเพื่อนอยู่เป็นเพื่อนพาฝันแทน ซึ่งถ้าปั้นใจมาไว ผมก็ยังอาจจะไปร้านเค้กทันอยู่ อย่างน้อยก็ซื้อกลับไปทานที่บ้านก็ได้ แต่ถ้าปั้นใจมาช้า ผมก็แค่ไว้ไปที่นั่นวันอื่น
   จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าผมเองก็อยากเจอเขาก่อนกลับบ้านเหมือนกัน...
   “ขอโทษนะครับ”   
   เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นทำให้ผมกับพาฝันต้องหันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายที่ผมไม่คุ้นหน้าและไม่น่าจะใช่เด็กในคณะของเรา โดยตอนนี้เขากำลังยืนเก้ๆ กังๆ หลังจากทักพวกเราไป
   “ว้าว คนนี้ก็หล่อ...” พาฝันเข้ามากระซิบผม ก่อนที่ผมจะหันไปมองเธอเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้จะได้ยิน พาฝันจึงหัวเราะชอบใจแล้วถามคนที่เข้ามาทัก “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
   “พอดีผมมาหาเพื่อนที่คณะนี้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเด็กคณะนี้หายไปไหนหมด...”
   “กลับบ้านไปหมดแล้วค่า พอดีทางนี้รอเพื่อนอยู่เช่นกัน”
   “อ๋อ...” เขาพยักหน้ารับคำของพาฝันก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาแล้วพึมพำออกมาเบาๆ “แล้วไอ้ปั้นมันจะกลับไปหรือยังวะ...”
   แต่ผมกับพาฝันก็ได้ยินล่ะนะ...
   “ปั้นใจยังไม่กลับค่ะ พอดีพี่ๆ เขาเรียกไปคุยเรื่องเดือนมหา’ลัย” พาฝันรีบพูดขึ้น ทำเอาคนที่ดูเหมือนจะมาหาปั้นใจต้องหันมามองพลางทำตาโต
   “ไอ้ปั้นได้เป็นเดือนเหรอครับ”
   “ใช่จ้ะ เดี๋ยวสักพักก็คงจะออกมา” พาฝันยิ้มกว้างดูเหมือนจะเป็นมิตรกับคนตรงหน้าสุดๆ ก่อนที่เพื่อนของปั้นใจจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับพวกเรา
   “งั้นผมขอนั่งรอเพื่อนผมด้วยนะ รบกวนด้วยคร้าบ ~”
   “ยินดีจ้า ~”
   พาฝันที่ดูเหมือนจะได้เพื่อนคุยใหม่ไปแล้วได้แต่ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา เพราะดูเหมือนเธอจะสามารถมีเพื่อนได้ง่ายๆ แตกต่างจากผมที่การจะรู้จักใครสักคนเป็นเรื่องยากเกินไป จนคนรู้จักตอนนี้มีอยู่แทบนับคนได้
   “ผมชื่อฟางนะ ยินดีที่ได้รู้จัก เรียนบริหาร กับข้าวที่นั่นอร่อยมาก ว่างๆ แวะไปได้” คนที่เข้ามาใหม่พูดขึ้นทำให้ผมกับพาฝันได้แต่ยิ้มให้คนที่อยู่ตรงข้าม ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเป็นคนแนะนำตัวเองและผมขึ้นเหมือนอย่างเคย
   “เราชื่อฝัน ส่วนคนข้างๆ นี่ชื่อเกลือ เพื่อนสนิทเราเอง”
   “ยินดีที่ได้รู้จักทั้งคู่นะ”  เพื่อนของปั้นใจยิ้มให้ผมกับพาฝันอย่างเป็นมิตร ซึ่งผมเองก็ได้แต่ยิ้มตอบเขาไป เพราะนานๆ ทีจะเจอคนที่ยินดีที่จะรู้จักกับพาฝันแล้วยังยินดีรู้จักกับผมด้วย
   ได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว
   “ปั้นใจมาแล้ว !” อยู่ๆ พาฝันที่ตอนแรกกำลังสนใจเพื่อนของปั้นใจอยู่ก็เบิกตากว้างแล้วลุกขึ้นมองไปทางด้านหลังก็เห็นว่าปั้นใจกำลังเดินออกมาจากตึกพร้อมข้างๆ กายก็มีออยอยู่ด้วย ส่วนผมเองก็แอบดีใจเหมือนกัน เพราะดูเหมือนยังมีเวลาที่จะแวะไปร้านเค้กอยู่
   “เฮ้ย ไอ้ปั้น !”
   ฟางที่ดูเหมือนจะดีใจมากที่เห็นปั้นใจ ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นแล้วมองไปทางเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าผม พาฝัน และฟางนั่งร่วมโต๊ะกัน ส่วนออยนั้นได้แยกเดินไปอีกทางแล้ว
   “ทำอะไรกัน”
   “กูมารอมึง”
   “เรากับเกลือมานั่งส่องผู้ชาย” พาฝันที่ตอบแทนทำให้ผมทำตาโตก่อนจะหันไปมองทางเธอทันที เพราะดูเหมือนจะเป็นเธอคนเดียวมากกว่าที่นั่งส่องผู้ชาย
   ผมแค่มานั่งเป็นเพื่อนต่างหากเล่า...
   “มานั่งส่องผู้ชายเหรอ” ผมที่ตอนแรกหันไปมองค้อนใส่พาฝันก็หันกลับมาทางคนถาม ก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าปั้นจ้องมาทางผมด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก ก่อนที่ผมจะหันมองซ้ายมองขวาเพราะไม่แน่ใจว่าเขาถามผมหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะพูดย้ำ “ว่าไง มานั่งส่องผู้ชายเหรอ”
   อ่า...เขาถามผมจริงๆ ด้วย
   “เปล่า” ผมรีบส่ายหัวทันที แต่ปั้นใจก็ยังคงจ้องมองมาอยู่ไม่ละสายตาไปไหน “เรามานั่งเป็นเพื่อฝันเฉยๆ”
   “อืม” คนที่ฟังคำตอบของผมไปก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปหาฟางที่ตอนนี้ยืนมองพวกเราอย่างงงๆ “ว่าแต่มึงมีอะไร”
   “โอ้โห กว่าจะหันมาหากูได้เนอะ” ฟางที่ตอนแรกมองผมกับปั้นสลับกันก็พูดขึ้นพลางทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้นมา “เออ ลืมเลย !”
   คนที่พูดขึ้นเสียงดังจนผมสะดุ้งก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะรีบเอายัดใส่มือของปั้นใจที่มองตามการกระทำนั้นอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรนัก
   “ขอบใจ”
   “อืม งั้นกูไปก่อนนะ ซื้อเค้กเสร็จจะตามกลับไป”
   “อืม”
   “หืม เค้กเหรอ ร้านหน้า ม. มั้ย” ฝันที่ท้วงขึ้นทำให้ฟางที่ตอนแรกทำท่าจะวิ่งออกไปแล้วต้องหันมามองแล้วพยักหน้า “พอดีเลย ฝากเพื่อนเราไปด้วยสิ เกลือมันก็จะไปร้านเค้กเหมือนกัน !”
   “เอ๊ะ...ไม่เป็น...!”
   “ได้สิ มาด้วยกันก็ได้” ฟางที่พยักหน้ารับทำให้ผมที่ตอนแรกจะหันไปท้วงพาฝันก็ต้องเงียบลงกับจะพยักหน้า
   “อือ งั้นเราไปก่อนนะ”
   ผมลุกขึ้นก่อนจะคว้ากระเป๋า ทำให้ฝันได้แต่ส่งยิ้มกว้างมาให้พลางโบกมือลา โดยที่เธอเองหลังจากที่ได้เห็นหน้าปั้นใจแล้วก็คงจะแยกย้ายกลับบ้านเหมือนกัน ผมที่เห็นว่าปั้นใจน่าจะเดินทางกลับหอก่อนจึงตั้งใจจะหันไปพูดลาเขา แต่อีกฝ่ายกลับเดินไปหาฟางแล้วเอื้อมมือไปจับมือฟางขึ้นมาแล้วยัดบางอย่างลงในมือ
   “คืน”
   “หะ...”
   “รอกลับพร้อมมึง” ปั้นใจพูดโดยที่ฟางได้แต่ทำหน้างงๆ ก่อนจะมองวัตถุสีเงินที่เขาเพิ่งเอามาให้ปั้นใจเมื่อสักครู่
   “เดี๋ยวนะไอ้ปั้น ช่วยอธิบายขยายความคำว่า ‘รอกลับพร้อมมึง’ ให้กูเข้าใจที”
   “...”
   “มึงจะไปร้านเค้กกับกูเหรอ” ฟางขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจขั้นสุด แต่ดูเหมือนทางปั้นใจจะไม่ตอบรับได้แต่ปล่อยมืออีกคนแล้วออกเดิน โดยมีผมที่มองตามทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ
   “ไปกัน”
   “เฮ้ย เอาจริงดิ !”
   “อย่าพูดมาก” ปั้นใจหันมาพูดกับเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าตายๆ ทำให้ฟางได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัว โดยหันมามองทาผมกับพาฝันที่ได้แต่ทำหน้างงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่ เพราะผมคิดว่าไม่น่าแปลกอะไรที่ปั้นใจจะไปร้านเค้ก...
   “ไอ้ปั้น มึงจะไปร้านเค้กทำไมวะ มึงไม่ชอบของหวานไม่ใช่เหรอ !”
   “หุบปากมึงแล้วเดินตามมาได้แล้ว !”
   “เออๆ ไปกัน นายด้วย ป้ะๆ ส่วนเธอไว้เจอกันใหม่นะ”
   ฟางที่หันมากวักมือเรียกผมแล้วออกวิ่งตามเพื่อนของตัวเองไปทำให้ผมกับพาฝันได้แต่หันมองหน้ากัน ก่อนที่เธอจะส่ายหัวแล้วดันหลังให้ผมออกเดิน ผมเลยได้แต่ยอมก้าวเดินหลังจากโบกมือลาพาฝันแล้ว
   ว่าแต่...
   ปั้นใจไม่ชอบของหวานงั้นเหรอ

---------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ บ่นถึงปั้นเกลือติดแท็ก #เทพบุตรกับหนูอ้วน ได้นะคะ เดี๋ยวตามไปส่องงับ ^^
ติดตามนักเขียนได้ที่
 เพจ
 ทวิต

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด