4
คนอ้วนอย่างผมที่หลงรักหน้าหนาวที่เมืองไทยไม่ค่อยจะมี และเกลียดหน้าร้อน เพราะมันทำให้ร่างกายผมชุ่มได้ด้วยเหงื่ออย่างง่ายดาย และตอนนี้ก็เริ่มจะไม่ชอบหน้าฝนแล้วด้วย...
ซ่าาาาา ~
เสียงฝนที่ดังทะลุกระจกรถเข้ามาทำให้ผมแทบน้ำตาไหลกับความหนักหน่วงนั่น ก่อนจะเริ่มสวมใส่เสื้อกันฝนที่แม่เตรียมไว้ให้อย่างทุกลักทุเล
“เกลือพร้อมแล้วแม่ !”
“สู้ๆ ลูกรัก วิ่งฝ่ามันไปให้ได้ !”
“ครับ !”
ผมที่รับพลังจากแม่ที่กำลังจัดหมวกและผูกเชือกให้หมวกรัดที่ใบหน้าผมพอดี ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะชะงักไปแล้วมองออกไปตรงหน้ารถทำให้ผมมองตาม ซึ่งตัวปัดน้ำฝนที่ช่วยให้เห็นภาพได้เพียงเลือนรางแต่ก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่แม่ของผมมองอยู่นั้นคืออะไร
ปั้นใจกำลังยืนหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์
“นั่นเพื่อนลูกใช่มั้ย”
“อ่า...ใช่ครับ...” ผมพยักหน้าให้แม่ ซึ่งเมื่อวานแม่ผมก็เจอเขาและตั้งใจจะทักทายตั้งแต่ตอนมารับผมแต่ผมได้ห้ามไว้ ก่อนที่ผมจะมองไปที่ปั้นใจที่ตอนนี้ยืนเฉยๆ ราวกับแค่กำลังรอให้ฝนหยุดตกเท่านั้น ไม่ได้เดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ “เกลือว่าเขาต้องยังไม่ได้กินข้าวแน่เลยอ่ะแม่”
“นั่นสิ”
“เขาช่วยเหลือเกลือไว้เยอะด้วย เกลืออยากช่วยเขาบ้าง...” ผมว่าพลางมองไปที่ร่างที่อยู่ห่างออกไป ก่อนที่จะหันไปหาแม่ที่ตอนนี้ส่งยิ้มมาให้ผมแล้วเอื้อมมือไปหยิบร่มจากหลังรถมาให้
“แม่ให้ยืม”
“หือ...”
“ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ หรอก”
แม่ผมว่าก่อนจะเอาร่มส่งให้ทำให้ผมที่ตอนแรกเบิกตากว้างอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะเข้าไปหอมแก้มแม่เหมือนอย่างเคย แล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถให้รวดเร็วที่สุด ก่อนจะรีบพาร่างอ้วนๆ ของตัวเองเดินดิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งดูแล้วเสื้อกันฝนสีส้มของผมจะเด่นไม่น้อยถึงทำให้ปั้นใจหันมามองผมอย่างรวดเร็ว และไม่นานร่างของผมก็เข้ามาอยู่ภายใต้หลังคาของป้ายรถเมล์จนได้ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาค่อนข้างเช้าเลยทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีคนนัก มีเพียงพนักงานที่มารอรถประจำทาง ส่วนผมที่ต้องติดรถแม่มาแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วเลยทำให้ไม่ว่าวันไหนจะมีเรียนเช้าหรือสาย ผมก็จะมาเวลานี้ตลอด
ว่าแต่ทำไมปั้นใจถึงมาเช้าจัง...
“ทำไมไม่รีบเดินเข้าไปด้านใน”
“เราเอา...”
“เดี๋ยวก็เป็นหวัด” สีหน้าไม่ชอบใจของปั้นใจที่มองมาทางผมที่ตอนนี้กำลังลูบหยดน้ำออกจากใบหน้าของตัวเองก็ต้องมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ เพราะดูเหมือนว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจสักนิด “ก็เมื่อก่อนเห็นป่วยง่าย”
“อะ...อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเลือกหลบตาอีกฝ่ายที่จ้องมองมา ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาว่า ผมเป็นคนป่วยง่าย โดนฝนนิดหน่อยก็สามารถเป็นหวัดได้แล้ว “ไม่เป็นไรหรอก เรามีเสื้อกันฝน”
“อืม”
“เราเอาร่มมาให้”
ผมยื่นของในมือที่ตั้งใจเอามาให้ปั้นใจไปตรงหน้าทำให้เขามองมาจากที่สีหน้าไม่ชอบใจเมื่อสักคู่ก็ปรับเปลี่ยนเป็บใบหน้าเรียบเฉย แต่สุดท้ายก็ยอมรับไปแต่โดยดี
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร”
“รอให้ฝนซาอีกหน่อยแล้วกัน” ปั้นใจพูดก่อนจะดึงร่างผมให้หลบเข้ามาด้านใน โดยที่ผมก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ทำไมมาเช้า”
“แม่เราออกมาทำงานอ่ะ เลยต้องตื่นเช้ามาพร้อมแม่ทุกวัน”
“อ๋อ...”
“แล้วทำไมปั้นมาเช้า”
“รำคาญรูมเมท แล้วก็มาหาอะไรกิน” ปั้นใจตอบใบหน้าเรียบเฉยทำให้ผมแอบสงสัยว่าคนที่เป็นรูมเมทของปั้นนี่เป็นคนยังไงกันแน่
เพราะเขาพูดว่ารำคาญมาสองรอบแล้ว...
เอ๊ะ แล้วทำไมผมต้องสังเกตปั้นใจขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย
“กินข้าวหรือยัง” คนข้างๆ ถามขึ้นโดยที่เขาไม่ได้หันมามองผม ได้แต่มองทอดไปข้างหน้า
“ยัง เรามีขนมปัง ปั้นกินมั้ย” ผมว่าก่อนจะทำท่าจะหยิบออกจากกระเป๋า แต่ลืมไปว่าตอนนี้สวมเสื้อกันฝนอยู่ “หยิบไม่ได้...”
“ไม่เป็นไร”
ปั้นใจตอบผมเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะเงียบไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเลยได้แต่ยืนเงียบรอฝนซาเช่นกัน ไม่นานป้ายรถเมล์ก็เริ่มมีคนเข้ามาหลบฝนรวมถึงพวกพนักงานที่มารอรถ ทำให้ด้านในทั้งแออัดทั้งร้อนจนผมเริ่มอยากจะถอดเสื้อกันฝนออกเร็วๆ
“ร้อนเหรอ”
“อือ อึดอัดอ่ะ” ผมว่าเมื่อตอนนี้เหงื่อในร่างกายผมเริ่มออกจนทำให้เสื้อกันฝนแนบไปกับตัวของผมจนมันรู้สึกอึดอัดไปหมด ท้องก็เริ่มหิวแล้วด้วย
“งั้นไปเลยมั้ย”
“อือ” ผมพยักหน้ารับ เพราะดูเหมือนแค่ผมมีเสื้อกันฝนก็เพียงพอแล้ว ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะดันร่างผมออกมาแล้วกลางร่มพลางดึงผมเข้าไปด้วย
เอ่อ...ถึงหัวจะเข้าไปแต่ไหล่ผมก็หลุดออกมาจากร่มอยู่ดี
“ฝนจะได้ไม่โดนหน้า”
คนที่ถือร่มพูดก่อนที่เขาจะเริ่มดันหลังให้ผมเดิน ซึ่งตอนนี้ผมที่มีตั้งเสื้อกันฝนและมีร่มที่กลางให้ก็ได้แต่พยายามขยับออกเพื่อให้อีกคนได้อยู่ในร่มมากที่สุด ไม่นานความทุลักทุเลของร่มหนึ่งคันและคนสองคนก็สามารถเดินมาถึงโรงอาหารของคณะจนได้
เฮ้อ...
ผมรีบถอดเสื้อกันฝนออกด้วยอึดอัด และเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ส่วนคนข้างๆ ผมก็จัดการหุบร่มแล้วถือมันไว้อย่างระมัดระวัง
“ไปหาโต๊ะนั่งกัน” ผมพยักหน้าพลางเดินตามปั้นใจไปหาโต๊ะ โชคดีที่ช่วงนี้ยังเช้าอยู่ คนเลยไม่ค่อยเยอะมาก ไม่นานเราก็หามุมดีๆ ได้ ปั้นใจจึงเลือกที่จะพิงร่มไว้กับโต๊ะแล้วหันมาหาผมที่เอาเสื้อกันฝนใส่ถุงก็อบแก๊บเช่นกัน “เอามานี่”
ผมมองคนที่แบมือตรงหน้าก่อนจะทำหน้างง เขาเลยถอนหายใจแล้วคว้าเสื้อกันฝนของผมไป ก่อนจะเดินเอามันและร่มไปตากตรงที่ว่างของโรงอาหารแล้วเดินกลับมา ซึ่งผมเพิ่งสังเกตว่าแขนเสื้อของเขาเปียกฝนด้วย
คงเพราะผมไปเบียดเขาแน่ๆ
“งั้นไปซื้อข้าวก่อนนะ” ปั้นใจพูดขึ้นโดยที่ผมตอนนี้ก็มองแขนเสื้อเขาอยู่ ก่อนจะพยักหน้าไม่นานคนที่ฝ่าฝนมากับผมก็เดินไปที่ร้านข้าว ผมจึงนั่งลงก่อนจะหยิบเอาถุงขนมปังออกมาจากกระเป๋า และตั้งใจว่าจะรอกินพร้อมอีกคน ซึ่งไม่นานปั้นใจก็กลับมาพร้อมกับจานข้าวสองจาน ทำให้ผมมองอย่างแปลกใจ เขาเลยอธิบาย “เพื่อนฝากซื้อ เดี๋ยวมันมา”
“อ๋อ...” ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบแซนวิสจากถุงเซเว่นขึ้นมา ซึ่งปั้นใจเองตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกินข้าวของตัวเอง เขาได้แต่นั่งเล่นโทรศัพท์เท่านั้น ผมเลยลังเลว่าควรจะกินก่อนหรือรอเขาดี
แต่หิวแล้วง่ะ...
“เพื่อนไม่มาแล้ว”
“หะ...หืม”
“มึงกินแทนหน่อยได้มั้ย” ผมที่ถือแซนวิสไว้ในมือก็ต้องมองตามมือของอีกฝ่ายที่เลื่อนจานข้าวที่มีถ้วยต้มจืดถ้วยเล็กวางอยู่ข้างๆ มาให้ ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ถ้าให้ทิ้งคงเสียดาย”
“...”
“ว่าไง” ปั้นใจถามย้ำพลางมองหน้าผม ทำให้ตัวเองต้องเลือกเก็บแซนวิสในมือใส่ถุงเหมือนเดิมแล้วพยักหน้ารับ
“อือ”
ผมเอื้อมมือไปเลื่อนจานข้าวตรงหน้ามา ก่อนจะมองปั้นใจที่ตอนนี้วางโทรศัพท์ลงแล้วหยิบช้อนขึ้นมาแทน ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามามองผมที่ตอนนี้ยังไม่กล้าแม้แต่จะหยิบช้อน
“กินสิ”
“...”
“หรือไม่ชอบต้มจืด เอาของกูมั้ย” ปั้นใจถามขึ้นพลางทำท่าว่าจะแลกจานข้าวกับผม ทำให้ตัวเองรีบส่ายหัว
“เราชอบกินต้มจืด”
“อืม”
“ขอบใจนะ”
“ขอบใจที่กินแทนเพื่อนกูเหมือนกัน” ปั้นใจพยักหน้าก่อนจะเริ่มกินข้าวของตัว ซึ่งผมเองก็เช่นกันแม้วันนี้ได้เปลี่ยนเมนูอาหารเช้าไปแบบงงๆ ก็ตาม
อืม ต้มจืดอร่อยจริงๆ ด้วย
ผมควรกินผักให้หมดด้วยสินะ ก็ปั้นใจอุตส่าห์...
อ่า...
คิดว่าซื้อให้แล้วกัน
“เกลือ”
“หืม”
“รู้หรือยังว่าปั้นใจได้เป็นเดือนคณะเรา”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ หล่อขนาดนั้นมึงว่าใครจะแย่งชิงตำแหน่งไปได้อีกล่ะ”
พาฝันที่ตอนนี้หันมากระซิบให้ผมฟังก็ทำให้ผมได้แค่พยักหน้ารับและแอบเห็นด้วยกับคำพูดนั้น ซึ่งวันนี้เป็นอีกวันที่ผมชอบมากที่สุดเพราะไม่มีกิจกรรมรับน้อง ทำให้แผนที่จะเดินหาอะไรกินในระหว่างที่รอแม่เลิกงานจึงดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้เร็วๆ นี้
ผมว่าผมเห็นร้านเค้กด้านหน้า ม. ด้วยแหละ...
“เอ่อ...เดี๋ยวเราว่าเราจะกลับเลยนะ...”
“อะไรวะ รีบกลับไปไหนมึง วันนี้อุตส่าห์ว่าง นั่งส่องหนุ่มเป็นเพื่อนกูก่อนสิ !”
“ไม่เอาอ่า อยากลองไปดูร้านเค้กหน้า ม. ฝันไปกับเรามั้ย” ผมที่ส่ายหัวรัวๆ ก็ได้แต่ชวนคนตรงหน้า แต่เธอเองก็ส่ายหัวกลับมาเช่นกัน
“ไม่เอาย่ะ อ้วน”
“งื้อ...”
ผมที่ดูเหมือนจะโดนว่าทางอ้อมเลยได้แต่ร้องออกมา ทำให้พาฝันเข้ามาหยิกแก้มผมอย่างที่ชอบทำ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ จริงๆ
“นั่งเป็นเพื่อนกูก่อนน้า สักยี่สิบนาทีก็ได้ รอปั้นใจออกมาก่อน กูอยากเห็นหน้าเขาก่อนหยุดเสาร์อาทิตย์ จะได้ฝันดีทั้งสองวัน”
“ก็เห็นทุกวันอยู่แล้ว”
“อยากเห็นอีกไง มึงไม่เข้าใจอารมณ์ของคนแอบรักหรือไงห๊ะ !”
“ฝันก็แอบรักทุกคนแหละ”
“แหมมม ไอ้หมูอ้วน เดี๋ยวนี้ทำรู้ดีนะ แต่ก็ถูก กูแอบรักทุกคนแหละ ใครหล่อกูรักหมด อิอิ”
พาฝันที่ยิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับยืดแก้มผมไปด้วยทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่ช่วง ม. ปลาย ซึ่งดูเหมือนเธอจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเห็นพาฝันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน
“อยากเจอปั้นใจจังเลย ~” เสียงที่ยังคงร่าเริงอยู่ทำให้ผมล้มเลิกความคิดที่จะไปร้านเค้กแล้วนั่งเป็นเพื่อนอยู่เป็นเพื่อนพาฝันแทน ซึ่งถ้าปั้นใจมาไว ผมก็ยังอาจจะไปร้านเค้กทันอยู่ อย่างน้อยก็ซื้อกลับไปทานที่บ้านก็ได้ แต่ถ้าปั้นใจมาช้า ผมก็แค่ไว้ไปที่นั่นวันอื่น
จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าผมเองก็อยากเจอเขาก่อนกลับบ้านเหมือนกัน...
“ขอโทษนะครับ”
เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นทำให้ผมกับพาฝันต้องหันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายที่ผมไม่คุ้นหน้าและไม่น่าจะใช่เด็กในคณะของเรา โดยตอนนี้เขากำลังยืนเก้ๆ กังๆ หลังจากทักพวกเราไป
“ว้าว คนนี้ก็หล่อ...” พาฝันเข้ามากระซิบผม ก่อนที่ผมจะหันไปมองเธอเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้จะได้ยิน พาฝันจึงหัวเราะชอบใจแล้วถามคนที่เข้ามาทัก “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
“พอดีผมมาหาเพื่อนที่คณะนี้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเด็กคณะนี้หายไปไหนหมด...”
“กลับบ้านไปหมดแล้วค่า พอดีทางนี้รอเพื่อนอยู่เช่นกัน”
“อ๋อ...” เขาพยักหน้ารับคำของพาฝันก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาแล้วพึมพำออกมาเบาๆ “แล้วไอ้ปั้นมันจะกลับไปหรือยังวะ...”
แต่ผมกับพาฝันก็ได้ยินล่ะนะ...
“ปั้นใจยังไม่กลับค่ะ พอดีพี่ๆ เขาเรียกไปคุยเรื่องเดือนมหา’ลัย” พาฝันรีบพูดขึ้น ทำเอาคนที่ดูเหมือนจะมาหาปั้นใจต้องหันมามองพลางทำตาโต
“ไอ้ปั้นได้เป็นเดือนเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ เดี๋ยวสักพักก็คงจะออกมา” พาฝันยิ้มกว้างดูเหมือนจะเป็นมิตรกับคนตรงหน้าสุดๆ ก่อนที่เพื่อนของปั้นใจจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับพวกเรา
“งั้นผมขอนั่งรอเพื่อนผมด้วยนะ รบกวนด้วยคร้าบ ~”
“ยินดีจ้า ~”
พาฝันที่ดูเหมือนจะได้เพื่อนคุยใหม่ไปแล้วได้แต่ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา เพราะดูเหมือนเธอจะสามารถมีเพื่อนได้ง่ายๆ แตกต่างจากผมที่การจะรู้จักใครสักคนเป็นเรื่องยากเกินไป จนคนรู้จักตอนนี้มีอยู่แทบนับคนได้
“ผมชื่อฟางนะ ยินดีที่ได้รู้จัก เรียนบริหาร กับข้าวที่นั่นอร่อยมาก ว่างๆ แวะไปได้” คนที่เข้ามาใหม่พูดขึ้นทำให้ผมกับพาฝันได้แต่ยิ้มให้คนที่อยู่ตรงข้าม ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเป็นคนแนะนำตัวเองและผมขึ้นเหมือนอย่างเคย
“เราชื่อฝัน ส่วนคนข้างๆ นี่ชื่อเกลือ เพื่อนสนิทเราเอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักทั้งคู่นะ” เพื่อนของปั้นใจยิ้มให้ผมกับพาฝันอย่างเป็นมิตร ซึ่งผมเองก็ได้แต่ยิ้มตอบเขาไป เพราะนานๆ ทีจะเจอคนที่ยินดีที่จะรู้จักกับพาฝันแล้วยังยินดีรู้จักกับผมด้วย
ได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว
“ปั้นใจมาแล้ว !” อยู่ๆ พาฝันที่ตอนแรกกำลังสนใจเพื่อนของปั้นใจอยู่ก็เบิกตากว้างแล้วลุกขึ้นมองไปทางด้านหลังก็เห็นว่าปั้นใจกำลังเดินออกมาจากตึกพร้อมข้างๆ กายก็มีออยอยู่ด้วย ส่วนผมเองก็แอบดีใจเหมือนกัน เพราะดูเหมือนยังมีเวลาที่จะแวะไปร้านเค้กอยู่
“เฮ้ย ไอ้ปั้น !”
ฟางที่ดูเหมือนจะดีใจมากที่เห็นปั้นใจ ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นแล้วมองไปทางเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าผม พาฝัน และฟางนั่งร่วมโต๊ะกัน ส่วนออยนั้นได้แยกเดินไปอีกทางแล้ว
“ทำอะไรกัน”
“กูมารอมึง”
“เรากับเกลือมานั่งส่องผู้ชาย” พาฝันที่ตอบแทนทำให้ผมทำตาโตก่อนจะหันไปมองทางเธอทันที เพราะดูเหมือนจะเป็นเธอคนเดียวมากกว่าที่นั่งส่องผู้ชาย
ผมแค่มานั่งเป็นเพื่อนต่างหากเล่า...
“มานั่งส่องผู้ชายเหรอ” ผมที่ตอนแรกหันไปมองค้อนใส่พาฝันก็หันกลับมาทางคนถาม ก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าปั้นจ้องมาทางผมด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก ก่อนที่ผมจะหันมองซ้ายมองขวาเพราะไม่แน่ใจว่าเขาถามผมหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะพูดย้ำ “ว่าไง มานั่งส่องผู้ชายเหรอ”
อ่า...เขาถามผมจริงๆ ด้วย
“เปล่า” ผมรีบส่ายหัวทันที แต่ปั้นใจก็ยังคงจ้องมองมาอยู่ไม่ละสายตาไปไหน “เรามานั่งเป็นเพื่อฝันเฉยๆ”
“อืม” คนที่ฟังคำตอบของผมไปก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปหาฟางที่ตอนนี้ยืนมองพวกเราอย่างงงๆ “ว่าแต่มึงมีอะไร”
“โอ้โห กว่าจะหันมาหากูได้เนอะ” ฟางที่ตอนแรกมองผมกับปั้นสลับกันก็พูดขึ้นพลางทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้นมา “เออ ลืมเลย !”
คนที่พูดขึ้นเสียงดังจนผมสะดุ้งก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะรีบเอายัดใส่มือของปั้นใจที่มองตามการกระทำนั้นอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรนัก
“ขอบใจ”
“อืม งั้นกูไปก่อนนะ ซื้อเค้กเสร็จจะตามกลับไป”
“อืม”
“หืม เค้กเหรอ ร้านหน้า ม. มั้ย” ฝันที่ท้วงขึ้นทำให้ฟางที่ตอนแรกทำท่าจะวิ่งออกไปแล้วต้องหันมามองแล้วพยักหน้า “พอดีเลย ฝากเพื่อนเราไปด้วยสิ เกลือมันก็จะไปร้านเค้กเหมือนกัน !”
“เอ๊ะ...ไม่เป็น...!”
“ได้สิ มาด้วยกันก็ได้” ฟางที่พยักหน้ารับทำให้ผมที่ตอนแรกจะหันไปท้วงพาฝันก็ต้องเงียบลงกับจะพยักหน้า
“อือ งั้นเราไปก่อนนะ”
ผมลุกขึ้นก่อนจะคว้ากระเป๋า ทำให้ฝันได้แต่ส่งยิ้มกว้างมาให้พลางโบกมือลา โดยที่เธอเองหลังจากที่ได้เห็นหน้าปั้นใจแล้วก็คงจะแยกย้ายกลับบ้านเหมือนกัน ผมที่เห็นว่าปั้นใจน่าจะเดินทางกลับหอก่อนจึงตั้งใจจะหันไปพูดลาเขา แต่อีกฝ่ายกลับเดินไปหาฟางแล้วเอื้อมมือไปจับมือฟางขึ้นมาแล้วยัดบางอย่างลงในมือ
“คืน”
“หะ...”
“รอกลับพร้อมมึง” ปั้นใจพูดโดยที่ฟางได้แต่ทำหน้างงๆ ก่อนจะมองวัตถุสีเงินที่เขาเพิ่งเอามาให้ปั้นใจเมื่อสักครู่
“เดี๋ยวนะไอ้ปั้น ช่วยอธิบายขยายความคำว่า ‘รอกลับพร้อมมึง’ ให้กูเข้าใจที”
“...”
“มึงจะไปร้านเค้กกับกูเหรอ” ฟางขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจขั้นสุด แต่ดูเหมือนทางปั้นใจจะไม่ตอบรับได้แต่ปล่อยมืออีกคนแล้วออกเดิน โดยมีผมที่มองตามทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ
“ไปกัน”
“เฮ้ย เอาจริงดิ !”
“อย่าพูดมาก” ปั้นใจหันมาพูดกับเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าตายๆ ทำให้ฟางได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัว โดยหันมามองทาผมกับพาฝันที่ได้แต่ทำหน้างงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่ เพราะผมคิดว่าไม่น่าแปลกอะไรที่ปั้นใจจะไปร้านเค้ก...
“ไอ้ปั้น มึงจะไปร้านเค้กทำไมวะ มึงไม่ชอบของหวานไม่ใช่เหรอ !”
“หุบปากมึงแล้วเดินตามมาได้แล้ว !”
“เออๆ ไปกัน นายด้วย ป้ะๆ ส่วนเธอไว้เจอกันใหม่นะ”
ฟางที่หันมากวักมือเรียกผมแล้วออกวิ่งตามเพื่อนของตัวเองไปทำให้ผมกับพาฝันได้แต่หันมองหน้ากัน ก่อนที่เธอจะส่ายหัวแล้วดันหลังให้ผมออกเดิน ผมเลยได้แต่ยอมก้าวเดินหลังจากโบกมือลาพาฝันแล้ว
ว่าแต่...
ปั้นใจไม่ชอบของหวานงั้นเหรอ
---------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ บ่นถึงปั้นเกลือติดแท็ก #เทพบุตรกับหนูอ้วน ได้นะคะ เดี๋ยวตามไปส่องงับ ^^
ติดตามนักเขียนได้ที่
เพจ ทวิต