◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)  (อ่าน 30733 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 14

   “เกลือ”
   “...”
   “เกลือ...”
   “หะ...หืม...” ผมที่ตอนนี้กระพริบตาปริบๆ หลังจากที่นั่งอึ้งกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปสักพัก ก่อนที่ปั้นใจที่จ้องมองมาแบบไม่ละสายตาในตอนแรกจะหันหน้าหนีไปแล้วยกมือขึ้นกุมใบหน้าไว้ข้างหนึ่ง
   “อย่าทำหน้าแบบนี้สิ...”
   เสียงพึมพำเบาๆ ของเขาทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่หลังจากที่เมื่อสักครู่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ แทบจะกลั้นหายใจเลยทีเดียว ก่อนจะหันหน้ามาทางหน้าจอโน้ตบุ๊กบ้าง
   ภาพบนจอยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวผมเองก็คิดเรื่องเมื่อสักครู่อย่างหยุดไม่ได้จริงๆ
   ปะ...ปั้นใจหมายความว่ายังไงนะ...
   “เกลือ”
   “หะ...หืม...”
   “เมื่อกี๊ที่ปั้นพูด...”
   “...”
   “พูดจริงๆ นะ”
   ผมที่ตอนแรกนั่งเกร็งพยายามจะดูการ์ตูนตรงหน้าก็ต้องหันไปทางปั้นใจอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาเองก็มองมาทางผมเช่นกัน ตัวเองที่หน้าร้อนและรู้สึกพูดไม่ออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่แบบนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะถามต่อเพื่อให้เขาอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้
   พูดจริงๆ นี่หมายถึงเรื่องมองสิ่งที่ชอบงั้นเหรอ...
   ปั้นใจเขาชอบ...ผม...
   มะ...ไม่น่าใช่...
   ผมที่คิดไม่ตกก็ได้แค่จ้องมองคนข้างๆ และสุดท้ายก็ยอมพูดออกมาเสียงเบาเพื่อทำลายบรรยากาศตรงนี้
   “ระ...เรื่องอะไรเหรอ...”
   “เรื่องที่ชอบไง”
   “...”
   “ปั้นชอบเกลือ”
   “หะ...ห๊า...”
   “พูดจริงๆ”
   “ชอบเราเนี่ยนะ...” ผมที่ก้มหน้าลงเพราะตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน เป็นอาการอึ้งก็คิดว่าใช่ แต่ไม่เชื่อก็ใช่เช่นกัน เพราะไม่คิดว่าปั้นใจจะมาชอบผม คนอย่างผมเนี่ยนะ คนที่ทั้งอ้วนและก็เป็นผู้ชาย ถ้าผมอ้วนแล้วเป็นผู้หญิงมันยังน่าเชื่อถือกว่าอีก
   มะ...มันใช่เรื่องจริงแน่เหรอ...
   “ไม่เชื่อเหรอ”
   “...”
   “เกลือ”
   “ปั้นไม่ได้ถูกใครสั่งให้มาแกล้งเราใช่มั้ย”
   “ไม่ได้แกล้ง !” ปั้นใจที่รีบพูดขึ้นทำให้ผมสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก “ที่ผ่านมาเกลือจะโดนคนอื่นแกล้งยังไง แต่จำไว้ว่าคนอย่างปั้นใจไม่เคยคิดจะแกล้งผู้ชายที่ชื่อเกลือ !”
   “...”
   “เชื่อกันมั้ย”
   “เชื่อ เราเชื่อ...” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อปั้นใจนั้นแสดงท่าทีรู้สึกแย่ออกมา และผมเองก็เชื่อเขาเต็มอกว่าคนอย่างเขานั้นไม่มีทางที่จะแกล้งผมแน่นอน
   ละ...แล้วเรื่องชอบนี่...
   ชอบแบบเพื่อนเหรอ
   “นี่...”
   “เราก็ชอบปั้นเหมือนกัน !”
   “หะ...” ปั้นใจที่ตอนแรกจะพูดอะไรสักอย่างก็นิ่งและทำตาโตทันที
   “ปั้นดีมาก ดีกับเรามากๆ เลย คอยช่วยเหลือเราตลอด และยังช่วยอะไรอีกหลายๆ อย่างจนเราไม่รู้จะขอบคุณยังไง”
   “...”
   “ปั้นเป็นเพื่อนที่ดีมาก...”
   “ว่าไงนะ...”
   “เราบอกว่า...”
   “ไม่ต้องพูดย้ำแล้ว” อยู่ๆ ปั้นใจก็ขัดขึ้นมาทำให้ผมได้แต่มองเขางงๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหน้าหนีไปแล้วสบถออกมาเบาๆ “พูดให้ดีใจทำไมวะ...”
   แต่ผมก็ได้ยินล่ะนะ...
   ผมที่ตอนนี้บีบมือของตัวเองแน่นเพื่อที่จะลบล้างความตื่นเต้นเมื่อสักครู่ ยอมรับว่าหัวใจเต้นแรงกับคำพูดของปั้นใจไปแล้ว และก็แอบดีใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้ผมคิดว่าแค่ปั้นใจไม่ได้เกลียดผมจากที่เป็นอยู่ก็ดีมากแล้ว จะในฐานะไหนก็ได้
   “ปั้นโกรธเราเหรอ”
   “เปล่า แค่หงุดหงิด...”
   “ขอโทษนะ”
   “ขอโทษทำไม ไม่ได้ทำอะไรผิด” คนข้างๆ ผมพูดขึ้นโดยที่เขาก็ยังไม่หันมามองผม ดูแล้วน่าจะอารมณ์เสียจริงๆ “แค่หงุดหงิดตัวเองที่พูดออกไปได้หนักแน่นไม่พอ”
   “หืม...”
   “ขนาดบอกตรงๆ ว่าชอบ คนฟังยังไม่เชื่อเลย”
   “...”
   “หงุดหงิดว่ะ” ปั้นใจที่ตอนนี้หันหลังหนีผมแล้วนั่งเงียบราวกับเด็กที่มีเรื่องไม่พอใจ ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมากับท่าทางของเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หลังของอีกฝ่าย “ช่างเถอะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
   “แน่ใจนะ”
   “อืม เกลือดูการ์ตูนไปเถอะ”
   น้ำเสียงที่ยังแสดงออกว่า ‘งอน’ ของปั้นใจไม่สามารถทำให้ผมเลิกสนใจเขาแล้วกลับไปดูการ์ตูนได้ แต่ก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังอีกฝ่ายเท่านั้น แม้ในใจตอนนี้จะรู้สึกดีมากๆ อย่างไม่มีเหตุผล แต่ก็ไม่กล้าพูดหรือถามอะไรเขากับเรื่องก่อนหน้านี้อีก
   “ปั้นอยากดูหนังที่ชอบมั้ย เลือกได้นะ ไม่ต้องฝืนดูการ์ตูนกับเราก็ได้ จริงๆ แล้วเราดูอะไรก็ได้” ผมพูดขึ้นเพื่อหวังว่าจะทำให้ปั้นใจอารมณ์ดีขึ้น แต่อีกคนก็ยังคงเงียบอยู่ ผมจึงล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบลูกอมขึ้นมา “กินลูกอมมั้ย กินลูกอมแล้วทำให้อารมณ์ดีนะ”
   “ไม่กิน...” เสียงที่ตอบกลับมายังคงแสดงออกว่าเขายังอารมณ์ไม่ดีอยู่ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะหาวิธีไหนมาทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของปั้นใจ พร้อมกับร่างของเขาที่ค่อยๆ ขยับหันหลังกลับมามองหน้าผมครู่หนึ่งแล้วเลือกที่จะมองไปทางหน้าจอโน้ตบุ๊กแทน “ดูต่อเถอะ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
   ผมที่มองคนข้างๆ ที่พูดออกมาแล้วจ้องไปด้านหน้า โดยที่ใบหน้าของเขานั้นดูยังไงก็ไม่เข้ากับคำพูดที่ว่า ‘ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว’ ของตัวเองสักนิด
   อ่า...จะช่วยปั้นใจยังไงดี
   “นี่...”
   “อือ...” ครางรับแต่ไม่หันมามอง
   “ถ้าปั้นไม่ชอบดูการ์ตูน งั้นทำอย่างอื่นมั้ย”
   “ไม่เป็นไร ดูก็ได้”
   “เราอยากให้ปั้นอารมณ์ดีอ่ะ...”
   “...”
   “ยิ่งรู้สึกว่าปั้นอารมณ์เสียเพราะเรา เรายิ่งอยากให้ปั้นอารมณ์ดี”
   “รู้ด้วยเหรอว่าปั้นอารมณ์เสียเพราะเกลือ”
   “อ่า...ก็น่าจะ...”
   “แล้วรู้หรือเปล่าว่าเรื่องอะไร” คนข้างๆ ผมถามกลับมา ทำให้คราวนี้เป็นผมเองที่ตอบไม่ถูก ก่อนจะเป็นฝ่ายหลบตาเขาบ้างเมื่อโดนมองมา “ไม่ต้องตอบก็ได้ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องคิดมาก”
   “ดูยังไงปั้นก็ยังอารมณ์เสียอยู่ชัดๆ”
   “...”
   “ถ้ามีอะไรที่เราช่วยให้ปั้นอารมณ์ดีได้ บอกเรานะ” ผมพูดออกไปด้วยความเต็มใจ เพราะผมไม่ชอบให้เขาอารมณ์เสียจริงๆ แม้จะได้เห็นมุมอื่นๆ ของปั้นใจ แต่ผมก็ชอบตอนเขาอารมณ์ดีมากกว่า
   “เฮ้อ...” ปั้นใจที่ตอนแรกมองหน้าผมที่ยังคะยั้นคะยอเขาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าเข้ามาหาผมที่ตอนนี้หันไปทางเขาอยู่ ทำให้เราหันหน้าเข้าหากัน และการ์ตูนที่ดำเนินเรื่องอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจดูแล้ว “จะช่วยจริงๆ เหรอ”
   “อื้อ ถ้าช่วยได้เรายินดีที่สุดเลย !”
   “งั้นจะให้ช่วยก็ได้” ผมพยักหน้างึกตามคำพูดของเขา และก็ยิ้มออกมากว้างๆ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็สามารถช่วยให้ปั้นใจอารมณ์ดีได้แล้ว “อยู่นิ่งๆ นะ”
   “อืมๆๆ”
   ผมขานรับ โดยไม่ได้พยักหน้าและเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา ปั้นใจที่ตอนแรกคิ้วขมวดอยู่ก็หลุดยิ้มออกมากับความกระตือรือร้นของผม ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาจับที่แก้มของผมเบาๆ
   “ขอเล่นแก้มหน่อย...”
   “...”
   “แล้วจะอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย”

(ปั้นใจ)
   “เป็นไงบ้างมึง วันนี้ห้องเป็นสีชมพูดีมั้ยวะ” เสียงรำคาญหูที่ดังขึ้น ทำให้ผมที่นอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เพิ่งกลับเข้าห้องมา “อารมณ์ไม่ดีแบบนี้เหมือนจะแห้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
   “หุบปากไปดิ”
   “โอ๋ๆ เพื่อนปั้น มีอะไรให้เพื่อนฟางคนนี้ช่วยมั้ยครับผม”
   “ไม่มี ช่วยตัวเองได้”
   “ช่วยตัวเองแล้วก็ล้มไม่เป็นท่าแบบนี้เนี่ยนะ”
   “รู้ได้ไงว่าล้มไม่เป็นท่า”
   “โธ่ไอ้ปั้น มึงคิดว่ากูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีห๊ะ มึงดูออกง่ายจะตาย ถ้าไปได้สวยตอนนี้มึงคงนั่งดี๊ด๊านอนยิ้มมองเพดานห้องไปแล้ว !”
   “...”
   ผมที่ฟังคำพูดของไอ้ฟางก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรเพราะรู้ว่ามันรู้จักนิสัยผมดีกว่าใคร ก่อนจะพลิกตัวหันมาอีกทางเพื่อหนีจากคนกวนประสาท
   “มาน่าไอ้ปั้น มาปรึกษากูนี่ กูรู้นะว่ามึงไม่เคยจีบใคร มึงดูกูเป็นตัวอย่าง ปิ๊งพาฝันปุ๊บจีบติดได้เป็นแฟนเลย”
   “ไม่ต้องมายุ่งกับกู”
   “เอ้าไอ้นี่ เพื่อนจะช่วยเว้ย”
   “เกลือไม่เหมือนฝัน กูไม่เรียนรู้จากมึงหรอก” ผมพูดออกไปตามที่คิด ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องเดาแล้ว คนใกล้ตัวหลายๆ คนก็คงจะมองออกว่าผมชอบเกลือ คงจะมีแต่เจ้าของเรื่องเท่านั้นที่มองผมไม่ออกและคิดว่าผมชอบเขาแบบเพื่อน และแน่นอนว่าตัวเองก็เพิ่งโดนบอกชอบแบบเพื่อนมาเช่นกัน
   โคตรเซ็ง...
   ผมที่อ่านหนังสือการ์ตูนไม่รู้เรื่องแล้วก็ได้แต่วางของในมือลงไว้ข้างตัว ก่อนจะมองมือตัวเองก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ วันนี้เกลือพยายามทำให้ผมอารมณ์ดีโดยการให้เล่นแก้มอยู่เกือบชั่วโมง จนขาของเขาชาแต่ก็ไม่บ่นสักคำ สุดท้ายผมก็ช่วยอีกฝ่ายขยับตัว อารมณ์ขุ่นมัวของผมก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ต้องยกความดีความชอบให้กับความน่ารักและแก้มนุ่มๆ ของคนที่มองว่าผมเป็น ‘เพื่อนที่ดี’ จริงๆ
   แล้วจะตอกย้ำตัวเองทำไมเนี่ย
   “อ่าๆ งั้นก็แล้วแต่มึง ยังไงก็สู้ๆ แล้วกัน แต่เขาว่ารักแรกมักไม่สมหวังว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
   “ไอ้ห่าฟาง”
   “ออกไปสังสรรค์แล้วจ้า ไว้เจอกันนะเพื่อน”
   ไอ้คนกวนประสาทที่ผมลุกขึ้นเตรียมไปเอาเรื่องก็โยนกระเป๋านักเรียนไว้ที่เตียงชั้นสองของมัน ก่อนจะรีบวิ่งออกจาห้องไปทันที จนเหลือแค่ผมที่ตอนนี้ได้แต่นั่งเซ็งอยู่บนเตียง
   ให้ตายสิ...
   ต้องทำยังไงถึงจะยอมเชื่อกัน
   ผมที่นอนคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ากว่าจะใจกล้ายอมทำในสิ่งที่ไม่เคยทำอย่างการบอกชอบใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และเมื่อเห็นใบหน้าซื่อๆ ของเกลือที่คิดว่าผมชอบเขาแบบเพื่อนเต็มอกตัวเองก็ไม่กล้าคะยั้นคะยอบอกต่อ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะช็อก ขนาดผมบอกแค่นั้นเขายักนิ่งไปหลายนาที แต่ทำไมเกลือต้องคิดว่าตัวเองไม่น่าชอบด้วย ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าเขามีดีกว่าที่เห็นแค่ภายนอก
   ต้องให้อีกสักกี่คนได้เห็นกัน...
   Gunchai...
   การแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์จนผมนึกรำคาญหลายครั้งและมองข้ามมันไป แต่ครั้งนี้แค่เห็นเพียงครู่เดียวก็ทำให้ผมเลิกสนใจทุกอย่างที่ไล่ดูอยู่แล้วกดเข้าแชทที่เห็นว่าคนที่เพิ่งกลับไปได้สักพักทักเข้ามา และแชทของเกลือก็จมลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแชทหรือการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นกับแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินของผมมันดูน่ารำคาญทั้งหมด จนผมคิดจะลบมันหลายครั้ง
   บางทีอาจจะต้องโหลดไลน์มาแทนแล้ว...

   Gunchai : เราเพิ่งถึงบ้าน แม่พาแวะกินข้าวด้วย พอดีเจอขนมแม่เลยให้ซื้อบราวนี่มาฝากปั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเอาไปให้นะ
   Gunchai : (รูปกล่องเค้กบราวนี่)
   
   ผมมองข้อความและรูปที่ถูกส่งมาก็รู้สึกดีใจนิดๆ แต่นิดเดียวจริงๆ เพราะปกติผมไม่ชอบของหวาน ยิ่งของในรูปแล้วยิ่งไม่ชอบ แต่ความดีใจที่แอบเกิดขึ้นลึกๆ เพราะรู้ว่าแม่ของเกลือนั้นซื้อมาฝากผม

   Gunchai : แต่ถ้าปั้นไม่ชอบ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรากินแทนเอง แต่ต้องไว้กินที่มอ เพราะเรากินไปแล้วหนึ่งชิ้น แม่คงไม่ให้กินอีก และถ้ารู้ว่ากินของปั้นต้องโดนบ่นแน่ๆ
   
   ผมอ่านข้อความยาวๆ ของเกลือก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ วันนี้เขาพูดกับผมมากกว่าปกติ ทั้งการพยายามที่จะช่วยให้ผมอารมณ์ดี หรือให้เลิกดูการ์ตูนที่ผมไม่ชอบ
   ให้ตายสิ ผมโคตรชอบความเป็นเขาเลย...
   ต่อให้แก่กว่าสองปีก็เถอะ แต่แค่สองปีเอง...
   ก่อนหน้านี้ที่ผมตกใจเรื่องอายุของเกลือ คงเป็นเพราะผมไม่เคยถาม ผมคิดว่าผมอาจจะเด็กกว่าเขาแค่ปีเดียวเพราะผมเข้าก่อนเกณฑ์ และคิดว่าบางทีเกลืออาจจะเข้าก่อนเกณฑ์เหมือนผมด้วย เพราะเขาดูเหมือนน้องชายที่น่าทะนุถนอมคนหนึ่ง ครั้งแรกที่เจอเขาผมถึงคิดที่อยากจะช่วยเหลือและดูแล แต่นี่กลับแก่กว่าถึงสองปี...
   ช่างเรื่องอายุมัน

   Punjai : ฝากขอบคุณคุณน้าด้วยนะ
   Gunchai : อื้อ
   Punjai : ขอ line หน่อยสิ
   Gunchai : ได้ๆ Gun...

   ผมที่ได้ไลน์ของคนในแชทมาเรียบร้อย ก็จัดการโหลดแอพพลิเคชั่นสีเขียวลงในโทรศัพท์ทันที และใช้เวลาไม่นานกับการเปิดใช้งานครั้งแรก ไลน์เปล่าๆ ของผมก็พร้อมใช้งานแล้ว ผมตั้งรูปที่เปิดเจอในอัลบั้มภาพ เป็นรูปหนูแฮมเตอร์อ้วนๆ ตัวหนึ่งที่บังเอิญบันทึกมาจากไหนสักที่ ก่อนจะเพิ่มเพื่อนอีกคนไป ก็เห็นว่าโปรไฟล์ของเกลือนั้นเป็นรูปแมวสีดำหน้าตาไม่เป็นมิตรนัก
   หนูของผมน่ารักกว่าเยอะ...

   ปั้น : ไง
   เกลือ ._. : อือ
   ปั้น : ทำอะไรอยู่
   เกลือ ._. : เพิ่งขึ้นมาบนห้องอ่ะ ว่าจะไปอาบน้ำ ดูการ์ตูนแล้วค่อยนอนหลับ
   ปั้น : แค่นี้ ?
   เกลือ ._. : อือ

   ผมที่อ่านแชทที่ถูกส่งมาซ้ำหลายรอบด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจ ดูเหมือนว่าวันนี้ชื่อของผมจะไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เกลือคิดจะทำ
   คุยกับปั้นแบบนี้ไม่มีเหรอ
   
   เกลือ ._. : จริงๆ มีอีกอย่างนะ

   ผมที่ตอนแรกนั่งเซ็งๆ อยู่ก็ได้แต่จ้องไปที่แชทของฝ่ายตรงข้ามที่เด้งขึ้นมาใหม่ โดยที่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แม้จะรู้ว่าเกลืออาจจะไม่ได้พูดถึงผมก็ตาม
   แต่มันก็หวังนิดๆ

   ปั้น : อะไร
   เกลือ ._. : โทรไปบอกฝันว่าถึงบ้านแล้ว จะได้ไม่โดนฝันบ่นพรุ่งนี้

   “หึ...”
   ผมที่ตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ได้แต่จ้องข้อความบนหน้าจอโดยที่ยังไม่พิมพ์ตอบกลับอีกฝ่ายไป เพราะผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง กลัวว่าจะเผลอแสดงออกว่ากำลังแอบน้อยใจให้อีกฝ่ายรู้
   ให้ตายสิ บางทีผมอาจจะอาการหนักจริงๆ รู้สึกเหมือนอกหักไปแล้วเลย...
   
   เกลือ ._. : แล้วปั้นทำอะไรอยู่
   ปั้น : เปล่า ไม่ได้ทำอะไรเลย
   เกลือ ._. : อ่า...งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ
   ปั้น : อืม
   
   ผมที่มองแชทที่ตอนนี้ไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไงดี ผมไม่รู้ว่าการไปอาบน้ำของเกลือถ้าเสร็จแล้วเขาจะไปดูการ์ตูนแล้วเข้านอนเลยหรือเปล่า ผมควรจะบอกฝันดีเขาไว้ล่วงหน้าเลยหรือเปล่า
   แต่ยังอยากคุยต่อ...

   ปั้น : อาบเสร็จแล้วจะมาคุยต่อหรือเปล่า
   เกลือ ._. : คุยกับปั้นเหรอ
   ปั้น : อืม
   เกลือ ._. : แน่นอนสิ ถ้าปั้นไม่เบื่อเราก่อนนะ
   เกลือ ._. : รู้สึกเหมือนคุยกับปั้นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ดูหนังอยู่ก็คุยได้ แล้วก็อยากคุยด้วย
   
   คำพูดที่ดูเหมือนจะไม่คิดอะไรมากของเกลือ ทำให้ผมต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมา ริมฝีปากก็หลุดยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ และสรุปเข้าข้างตัวเองได้ว่าการคุยกับผมไม่ใส่สิ่งที่เขาต้องทำ แต่กลายเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว...
   นี่ผมยังไม่เข้าใกล้กับคำว่า ‘อกหัก’ สินะ

   ปั้น : มาเร็วๆ นะ
   ปั้น : คิดถึง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เข้าใจเกลือนะ......  :hao3:
กลัวปกป้องต้วเอง แค่ไม่อยากเชื่อเพราะกลัวไม่จริง กลัวผิดหวัง   :ling3:

ปั้น  เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 15

   “ฮึ่ม...”
   “...”
   “สองคนนี้นี่...”
   “หือ...”
   “นั่งตัวติดกันไปป้ะ”
   พาฝันที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงอาหารก็หรี่ตามองผมกับปั้นใจ ก่อนที่ตัวเองที่กำลังกัดขนมปังครัวซองต์เข้าปากต้องหันไปมองคนข้างๆ ที่นั่งไหล่ชนกัน โดยที่เขากำลังกินข้าวอยู่ ก่อนที่ตัวเองจะขยับออกเล็กน้อย แล้วก้มหน้ากินของในมือต่อ
   ผมกับปั้นนั่งติดกันไปงั้นเหรอ...
   “แหม กูแค่แซวเล่น นั่งๆ ไปเถอะ ติดๆ กันก็ได้”
   “มะ...ไม่เป็นไร กลัวปั้นอึดอัด” ผมว่าก่อนจะเงยหน้ามองพาฝันที่ตอนนี้วางกระเป๋าลงโดยเธอก็ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินเดินออกไปจากโต๊ะทันที ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมกับปั้นใจเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
   วันนี้ผมมาเจอปั้นใจที่ป้ายรถเมล์หลังจากที่แม่ขับมาส่งในตอนเช้า แน่นอนว่าเขาก็ได้ไหว้แม่ผมและรับของฝากอย่างบราวนี่มาแล้ว ซึ่งวันนี้ดูเหมือนเขาจะยังมีความอารมณ์เสียอยู่นิดๆ เพราะตั้งแต่เช้ามาผมยังไม่เห็นเขายิ้มเลย
   อ่า...จะว่าไปปกติเขาก็ยิ้มแทบนับครั้งได้ล่ะนะ
   งั้นก็เรื่องปกติสินะ...
   “เอาขนมไปกินมั้ย”
   “หะ...หืม...”
   “ก็บอกว่าถ้ามามอแล้วจะเอาบราวนี่ไปกินแทนไม่ใช่เหรอ”
   “จะให้เรากินเหรอ”
   “อืม”
   ผมที่เงยหน้ามองเขาที่พยักหน้ารับ ก่อนจะรับถุงพลาสติกใสที่มีกล่องเค้กสีน้ำตาลเข้มมา ผมที่มองมันด้วยความรู้สึกดีใจก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าเขาจะให้ผมกินจริงๆ
   แม่รู้ต้องบ่นแน่ๆ !
   “รู้สึกเหมือนแย่งความอ้วนมาจากปั้นเลยอ่ะ” ผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อตอนนี้ครัวซองต์ก็ยังคาปาก แต่ก็ได้ของกินใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว
   “พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า”
   “หืม...”
   “วันหยุด ว่าจะชวนออกไปข้างนอก”
   “ปกติเราก็ว่างทุกวันนะ”
   “งั้นพรุ่งนี้ออกมาเจอกันได้มั้ย”
   “ได้สิ ถ้าบอกแม่ว่าไปกับปั้น แม่ต้องให้แน่นอน” ผมยิ้มกว้างพลางมองอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะต้องหันหน้าหนีมาอีกทางเมื่อเห็นว่าพาฝันเดินกลับมาที่โต๊ะ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องหลีกเหลี่ยงที่จะให้พาฝันเห็นว่าผมคุยกับปั้นใจด้วย
   อ่า...คงเพราะไม่อยากรับมือถ้าต้องโดนพูดอะไรแปลกๆ แน่ๆ
   “ฝากซื้อน้ำหน่อย”
   “ห๊า”
   “ก็จะไปซื้อน้ำไม่ใช่เหรอ” ผมที่ตอนแรกหลบตาปั้นใจมาอีกทางก็ต้องเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้ยืนเท้าเอวมองคนข้างๆ ผมที่ยื่นเงินไปให้ “ฝากซื้อน้ำหน่อยครับ”
   “...”
   “พี่ฝัน”
   “ปะ...ปั้น...”
   “เดี๋ยวนะ !” พาฝันที่ตอนแรกยืนเท้าเอวมองหน้าปั้นใจอย่างเอาเรื่องอยู่ก็เบิกตากว้างแล้วพุ่งเข้ามาปิดปากปั้นใจทันที แต่ก็โดนปั้นใจปัดออก “นายพูดอะไรเนี่ย มาเรียกพงเรียกพี่ !”
   “ก็ผมเข้าก่อนเกณฑ์”
   “ไม่ต้องเรียกพี่เว้ย !”
   “พี่ฝันไปซื้อน้ำสิ”
   “เอ๊ะ !”
   “ฝากซื้อน้ำด้วย”
   “นี่กวนกันใช่มั้ยห๊ะ”
   “พี่ฝัน”
   ผมที่มองคนสองคนสนทนากันโดยตอนนี้ปั้นใจก็จ้องไปทางพาฝัน โดยใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย เหมือนแค่พูดตามปกติ แต่ก็เรียกความอารมณ์เสียจากพาฝันได้เป็นอย่างดี
   “โอ๊ย ไอ้เด็กบ้านี่ เอาเงินมา จะเอาน้ำอะไรยะ !”
   “ชาเขียว”
   “ค่ะๆๆ น้องปั้น เดี๋ยวพี่มานะคะ”
   “ครับ พี่ฝัน”
   ผมมองพาฝันที่ตอนนี้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจากชี้หน้าปั้นใจอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะ ทำให้ผมต้องหันไปมองปั้นใจที่ตอนนี้ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนัก
   ตะ...แต่ถ้าฝันรู้ว่าผมบอกปั้นคงโดนบ่นแน่ๆ
   “ปะ...ปั้นเรียกฝันว่าพี่...”
   “ทำไม อยากโดนเรียกบ้างเหรอ”
   “...”
   “พี่เกลือ”
   ผมที่ตอนนี้หน้าร้อนผ่าวอย่างไม่รู้สาเหตุหลังจากที่ปั้นใจหันมามองหน้าผมแล้วพูดออกมาอย่างนั้น และการแค่เรียก ‘พี่’ ของปั้นใจก็ทำให้ผมใจเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกแบบนี้นัก
   “ไม่เอาสิ มะ...ไม่ต้องเรียกหรอก...”
   “ไม่เรียกก็ได้” ปั้นใจพูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
   “อือ แล้วก็อย่าแกล้งฝันด้วย”
   “สั่งเหรอ”
   “ปะ...เปล่านะ !” ผมรีบพูดขึ้นมาเมื่อโดนปั้นใจถามแบบนั้น
   ผมจะไปกล้าสั่งเขาได้ยังไงกันเล่า...
   “ไม่ได้แกล้ง แค่จะฝากซื้อน้ำเลยต้องพูดเพราะๆ”
   “อือ...เข้าใจแล้ว” ผมที่ตอนนี้ได้แต่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดี คงจะได้แต่ปล่อยให้ปั้นใจกับพาฝันตีกันต่อไป ก่อนที่ตัวเองจะถามคนข้างๆ ขึ้นอีกครั้ง “ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปไหนเหรอ”
   “จะพาไปซื้อชุดว่ายน้ำ”
   “หะ...หืม...”
   “เดี๋ยวมานะ”
   ปั้นใจที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำให้ผมมองตามเขา จากที่ตั้งใจจะถามต่อก็ต้องเก็บคำถามไว้แล้วมองอีกคนเดินออกจากโต๊ะไป พร้อมกับพาฝันที่เดินกลับมาโดยในมือก็มือแก้วชานมกับชาเขียวอยู่ด้วย พอมาถึงอีกฝ่ายก็มองหาอีกคนทันที
   “อ้าว แล้วคนฝากซื้อไปไหนแล้วล่ะ”
   “เห็นว่าเดี๋ยวมา”
   “ให้ตายสิ ไอ้เด็กนี่ อยู่ๆ มาเรียกพี่เฉยเลย...”
    พาฝันที่ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง ก่อนจะยิ้มเหยๆ ไปให้คนตรงข้ามที่ทิ้งตัวลงนั่งแล้วกินข้าวเงียบๆ โดยที่มือก็เลื่อนแก้วชาเขียวมาให้ผม
   “หืม”
   “กินแทนเลย ยังไงเจ้าตัวก็ไม่อยู่ละ”
   “ไม่ดีมั้ง...”
   “ดี”
   พาฝันพูดย้ำทำให้ผมได้แต่ส่ายหัว ส่วนคนตรงข้ามก็ไม่ได้สนใจนักหลังจากที่ยื่นแก้วให้ผมเสร็จ ส่วนตัวเองที่มองแก้วชาเขียวก็ได้แต่นึกถึงเจ้าของที่สั่งมันมาที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปไหนแล้ว และจะกลับมาที่โต๊ะหรือเปล่าด้วย
   อ่า...
   ปวดฉี่...
   ผมที่ตอนแรกนั่งคิดเรื่องอื่นอยู่ก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา จึงลุกขึ้น ทำให้คนตรงข้ามมองมาเป็นเชิงถาม
   “เราไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ”
   “เคๆ รีบไปรีบมาล่ะ จะเข้าเรียนละ”
   “อือ”
   ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารแล้วไปที่ห้องน้ำชายที่อยู่ไม่ห่างจากที่นี่นัก จริงๆ ใกล้ๆ โรงอาหารก็มีแต่ผมคิดว่าคนต้องเยอะแน่ๆ และผมคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าผมหลีกเหลี่ยงคนเยอะๆ ที่ว่า...
   “เกลือ !”
   เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองทันที ก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่เพชรที่เดินเข้ามาหา โดยที่เขาหันไปโบกมือให้เพื่อนๆ เป็นเชิงให้ไปก่อนแล้วหันมาทักทายผมอีกครั้ง
   เอ่อ...อยากเข้าห้องน้ำจัง...
   “สวัสดีครับพี่เพชร”
   “เป็นไงบ้างเรา”
   “ก็...ปกติดีครับ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
   “ขอโทษด้วยนะ”
   “มะ...ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ พี่เพชรไม่ต้องคิดมาก” ผมรีบพูดออกไป เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะยังรู้สึกผิดอยู่ แต่จริงๆ เรื่องนี้พี่เพชรก็ไม่ได้ผิดสักหน่อย
   คนตรงหน้าผมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเขาก่อนจะพยักหน้ายอม
   “แล้วเพื่อนไปไหน”
   “ฝันนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะครับ ส่วนปั้น...”
   “อ๋อ คนนั้นพี่เห็นอยู่ ช่วยมิลค์ยกของอยู่ที่จอดรถนู่น” ผมพยักหน้าตามเพราะผมไม่รู้จริงๆ ว่าปั้นใจไปไหน “ว่าแต่เราจะไปไหนเนี่ย”
   “ไปเข้าห้องน้ำครับ”
   “อ้าวกรรม พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจมาขวางไว้ ไปๆ พี่ก็จะไปเหมือนกัน” พี่เพชรว่าพลางเกาหัวแกรกๆ ซึ่งผมเองก็ได้ส่งยิ้มให้เขาเพราะไม่ได้โกรธเคืองอะไร แม้จะอยากเข้าห้องน้ำสุดๆ แล้วก็ตาม ก่อนจะเดินตามพี่รหัสมาที่ห้องน้ำที่คนน้อยและอยู่ไม่ไกลมาก และเมื่อมาถึงทั้งผมและเขาก็ต่างแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว แม้ผมจะแอบรู้สึกแปลกๆ บ้างเมื่อมีคนมาห้องน้ำด้วยพร้อมๆ กันแบบนี้
   ก็ไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายนี่นา...
   ผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าพี่เพชรยังยืนรออยู่ข้างนอก ทำให้ผมต้องเดินไปหาเขา ซึ่งคิดว่าอีกฝ่ายเองก็คงจะมีเรื่องพูดกับผมด้วย ถึงได้ยังไม่ไปไหน
   “เย็นนี้ว่างหรือเปล่า จะพาไปเปิดหูเปิดตา”
   “เปิดหูเปิดตา...”
   “จะพาไปเลี้ยงหมูกระทะร้านเด็ดแถวนี้”
   คำตอบของพี่เพชรทำให้ผมอดตื่นเต้นไม่ได้ แต่ไม่ใช่เพราะคำว่า ‘หมูกระทะ’ หรอกนะ
   มะ...ไม่ใช่จริงๆ !
   “จริงๆ ก็ว่างทุกวันครับ แต่ต้องขอแม่ก่อน”
   “หืม ขอสิ ถ้าดึกเดี๋ยวพี่แวะไปส่งที่บ้านก็ได้”
   “ไปกับเพื่อนๆ พี่เพชรเหรอครับ”   
   “เปล่าๆ ไปกับพี่สาว ย่ารหัสของเกลือน่ะ”
   “ย่ารหัส...”
   “สายรหัสเราไง ปีสี่ จริงๆ มีป้ารหัสด้วย แต่เขาซิ่วไปนานแล้ว ฮ่าๆ” พี่เพชรพูดขึ้นพลางทำท่านึกถึงป้ารหัส ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน เรื่องย่ารหัสด้วย “จริงๆ ตอนแรกพี่คิดว่าสายรหัสเราจะมีแต่ผู้หญิงแล้วพี่เป็นผู้ชายคนเดียวซะแล้ว รู้สึกโชคดีที่เกลือเป็นผู้ชายเลย”
   “อ่า...ย่ารหัสจะชอบผมมั้ยครับ”
   “แน่นอนสิ พี่เอารูปเกลือให้เขาดูแล้ว พี่เขาบอกเกลือน่ารัก พี่เลยเสริมไปว่านิสัยดีด้วย”
   “ขอบคุณมากๆ ครับพี่เพชร” ผมที่ฟังคำพูดที่เหมือนจะเกินจริงของเขาก็ได้แต่ยิ้มออกมา แม้จะรู้สึกเขินบ้างที่โดนชม และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะต้องโทรไปขอแม่เรื่องที่จะไปร้านหมูกระทะวันนี้ด้วย “งั้นเดี๋ยวถ้าผมโทรบอกแม่แล้วจะทักไปบอกพี่เพชรนะครับว่าไปได้มั้ย”
   “ได้เลย พี่จะรอนะ”
   คนตรงหน้าเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ส่วนผมเองก็ได้แต่ยิ้มให้เขา ก่อนที่สัมผัสบนหัวจะหายไปเมื่ออยู่ๆ ก็มีเงาสูงๆ ของใครบางคนที่ข้างกายผม พอหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นปั้นใจที่ตอนนี้กำลังจับข้อมือของพี่เพชรอยู่
   “ปั้น...”
   “ไงครับ เพื่อนน้องเกลือ” พี่เพชรที่ทักขึ้น ก่อนจะชักมือตัวเองออกมาจากการจับของคนที่เข้ามาใหม่ ทำให้ผมต้องมองคนสองคนอย่างงงๆ ก่อนที่ปั้นใจจะหันมามองผมแล้วถามขึ้น
   “มาทำอะไรแถวนี้”
   “เรามาเข้าห้องน้ำ”
   “ตรงใกล้ๆ โรงอาหารก็มี”
   “คนเยอะอ่ะ ตรงนี้คนน้อยดี...”
   “คราวหน้าเข้าใกล้ๆ นั่นล่ะ”
   “อะ...อือ...” ผมพยักหน้าตามคำพูดของปั้นใจอย่างว่าง่าย
   “หรือไม่ก็เรียกสิ เดี๋ยวมาเป็นเพื่อน...”
   คำพูดเบาๆ ของคนข้างๆ ผมทำให้ตัวเองต้องหลบตาเขาลง ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จนเป็นพี่เพชรที่เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา
   “งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ เกลือก็อย่าลืมไลน์มาบอกพี่ด้วยว่าได้มั้ย”
   “ครับ”
   “หวังว่าเย็นนี้เราจะได้เจอกันนะ”
   “อ่า...ครับ...”
   ผมพยักหน้าโดยที่คนตรงหน้าก็ยิ้มมาให้ผมแล้วเดินออกไปทันที ผมที่มองตามก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะต้องคิดว่าจะโทรไปขอแม่ยังไงดี เพราะปกติผมไม่เคยออกไปเที่ยวตอนดึกๆ ด้วย
   “เย็นนี้ทำไม”
   ผมสะดุ้งกับเสียงของคนข้างๆ จนลืมไปว่ายังมีปั้นใจอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้ขมวดคิ้วแล้วมองตามหลังพี่เพชรไป ก่อนที่สายตานั้นจะหันมาทางผม ผมเลยต้องตอบคำถามเขาไปอย่างไม่ปิดบัง
   “เย็นนี้พี่เพชรจะพาไปกินหมูกระทะกับย่ารหัสอ่ะ”
   “...”
   “อยากชวนฝันกับปั้นไปด้วย แต่ไม่รู้เขาจะให้ไปหรือเปล่า”
   “สรุปจะไป ?”
   “อะ...อื้อ...ไปเจอป้ารหัสด้วย”
   “อืม ดีแล้ว” คำพูดของเขาทำให้ผมได้แต่มองไปอย่างสงสัย “จะได้รู้จักคนอื่นบ้าง”
   “นั่นสิ...”
   “ร้านหมูกระทะใกล้ๆ นี่ใช่มั้ย”
   “น่าจะใช่นะ พี่เพชรบอกอยู่ใกล้ๆ นี่ล่ะ”
   “อยู่ใกล้กับหอพอดี”
   “หืม...”
   “กินเสร็จแล้วโทรมานะ”
   “...”
   “เดี๋ยวออกไปรับ”
   
   ช่วงเย็นผมที่ขอแม่มาร้านหมูกระทะกับพี่เพชรได้แล้ว ตอนนี้ก็นั่งอยู่หน้าเตาปิ้งย่างที่รอบข้างมีเสียงดังจากหลายๆ คนภายในร้านก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะผมไม่ได้มาร้านแบบนี้บ่อยนัก นานๆ จะมากับแม่สักที ซึ่งตรงข้ามผมก็เป็นพี่เพชรกับพี่อ้นปีสี่ที่บอกว่าดีใจที่ได้เจอผม เพราะเขาเห็นผมจากรูปแล้วรู้สึกอยากจะหยิกแก้มมากๆ
   ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแก้มตัวเองถึงได้ไปคันไม้คันมือเขาได้...
   “พี่ชื่ออ้นอยู่ปีสี่ หวังว่าปีหน้าเราคงจะไม่ได้เจอกัน เพราะพี่ไม่คิดที่จะเรียนซ้ำ ยังไงมีเรื่องอะไรให้ช่วยบอกพี่ได้เสมอนะหลานรหัส”
   ถุงกระดาษสีครีมถูกยื่นมาให้ ทำให้ผมรับมาก่อนจะก้มหัวขอบคุณ
   “ขอบคุณมากๆ ครับ”
   “น่ารักอย่างที่เพชรว่าเลย”
   “ใช่มั้ยพี่อ้น ดีนะผมยังอยู่ดูน้องไปได้อีกสองปี” พี่เพชรว่าพลางยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือมาโยกหัวผมเบาๆ ซึ่งผมเองก็ได้แต่ยิ้มรับเท่านั้น
   ดูเหมือนพี่อ้นกับพี่เพชรจะสนิทกันพอสมควร เพราะดูเขาจะไม่แสดงท่าทีเขินต่อกันสักนิด คงจะมีแต่ผมนี่ล่ะ ที่นั่งคีบเบค่อนใส่ปากอย่างเดียวเพราะไม่รู้จะร่วมบทสนทนากับทั้งคู่ยังไง
   “ว่าแต่เกลือโดนใครแกล้งบ้างมั้ย ถ้าโดนมาฟ้องพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่จัดการให้”
   “เจ้านี้ไม่โดนหรอกพี่อ้น มีบอดี้การ์ดส่วนตัวอยู่”
   “จริงดิ !”
   “เพื่อนเกลือน่ะ ปกป้องเพื่อนมาก หายห่วงเลย”
   อยู่ๆ เรื่องของผมก็เข้าไปอยู่ในการสนทนาของพี่ๆ เขาซะอย่างนั้น ทำให้ตัวเองได้แต่พยักหน้ารับเมื่อพี่อ้นมองมาเป็นเชิงถามว่า ‘จริงเหรอ’ และถ้าบอดี้การ์ดที่พี่เพชรว่าหมายถึงปั้น ผมไม่รู้ว่าจะเรียกบอดี้การ์ดได้มั้ย แต่เขาก็ปกป้องผมจากหลายๆ เรื่อง แถมยังรับเรื่องซวยๆ ไปแทนด้วย...
   ควรเรียกปั้นว่าอะไรดี...
   โชคดีของผมละมั้ง
   “กินเต็มที่เลยนะ” เสียงเบาๆ ข้างตัวทำให้ผมที่ตอนแรกยิ้มอยู่กับตัวเองก็หันไปมองทางพี่เพชรที่คีบเบค่อนมาให้
   “ขอบคุณมากๆ นะครับ”
   “แล้วนี่กลับกี่โมง”
   “เดี๋ยวสักพักผมคงต้องไปแล้ว ขอโทษด้วยนะครับที่อยู่นานไม่ได้ ปกติแม่เป็นคนนอนไว แต่วันนี้ต้องอยู่รอเปิดประตูให้ผมด้วย...”
   “ไม่เป็นไรๆ แค่เกลือมาด้วยก็ดีใจแล้ว”
   “ไม่เป็นไรจ้าน้องเกลือ ไม่ใช่ว่าเราจะเจอกันแค่วันนี้สักหน่อย”
   “เดี๋ยวพี่ไปส่งมั้ย”
   พี่เพชรที่เป็นคนอาสาขึ้นทำให้ผมส่ายหัว เพราะเกรงใจเขาจริงๆ ถึงเขาจะมีรถก็เถอะ และผมคิดว่าแค่นั่งแท็กซี่กลับเองคงไม่ยากนัก ที่สำคัญดูแล้วพวกพี่เขาคงไม่อยากเช็คบิลเร็วๆ นี้หรอก
   “ผมนั่งแท็กซี่กลับแค่แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ขอบคุณพี่เพชรมากๆ ครับ”
   “งั้นก็ได้”
   คนที่อาสาไปส่งผมพยักหน้าอย่างจำยอม ก่อนจะลุกขึ้นไปตักของกินมาเพิ่ม ส่วนผมเองก็ลุกบ้างแต่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่ผมกินแค่เบค่อน แล้วเนื้อหมู เนื่องจากเป็นคนแพ้อาหารทะเลอยู่แล้วเลยได้แต่ดูคนร่วมโต๊ะอีกสองคนกินกุ้งย่างกันอย่างเอร็ดอร่อย
   ผมนี่ซวยจริงๆ ของอร่อยอย่างกุ้งก็กินไม่ได้...
   ผมที่นั่งกินไปได้อีกสักพักก็คิดว่าคงต้องกลับแล้วจริงๆ แม้จะเสียดายอยู่บ้าง พี่เพชรกับพี่อ้นไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับพวกเขา ค่อนข้างจะเป็นกันเองด้วย เมื่อคนทั้งสองคนที่ผลัดกันลุกไปตักอาหารกลับมาที่โต๊ะ ผมจึงรีบพูดขึ้นทันที
   “พี่อ้นพี่เพชร เดี๋ยวผมกลับแล้วนะครับ”
   “จ้า กลับบ้านดีๆ นะเกลือ”
   “ครับ”
   “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งขึ้นรถ”
   “ไม่เป็นไรครับพี่เพชร พี่กินต่อเลย เดี๋ยวผมเดินไปเอง” ผมยิ้มให้กับความหวังดีของคนตรงหน้า ซึ่งพี่เพชรก็ไม่ได้คะยั้นคะยอจะมาส่งผม ก่อนที่ผมจะยกมือไหว้พี่ๆ ทั้งคู่แล้วขอตัวออกมา โดยที่มือก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาคนที่ย้ำแล้วย้ำอีกเรื่องให้ผมโทรหาหลังจากกินเสร็จ แต่ผมเองก็เกรงใจเขาเหมือนกันถ้าจะต้องให้ปั้นใจออกมาจากหอตอนดึกๆ แล้วไปส่งผม

   เกลือ ._. : เรานั่งแท็กซี่กลับบ้านแล้วนะ ไม่ต้องห่วง ถ้าถึงแล้วจะบอกอีกที
   
   เมื่อส่งเสร็จผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ซึ่งก็เดินมาถึงหน้าร้านพอดี แต่ดูเหมือนว่าคนที่หน้าร้านจะเยอะกว่าปกติจนผมตกใจว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่หูกลับไปได้ยินประโยคหนึ่งที่ฟังดูแล้วมันน่าจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
   “หล่ออ่ะ เด็กมอไหนเนี่ย...”
   “หน้ายังเด็กอยู่เลย เด็ก ม.ปลายหรือเปล่า”
   “มึง นั่นมันปั้นใจนี่ !!”
   หะ...หือ...
   ชื่อที่ดังอยู่ในบทสนทนาทำให้ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะหาทางแทรกกลุ่มผู้หญิงที่เป็นทั้งพนักงานในร้าน และลูกค้า เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเด็กมหาวิทยาลัยผมเลยค่อนข้างจะตกใจเมื่ออยู่ๆ ชื่อของปั้นใจก็ดังขึ้นมา
   คงไม่ใช่...
   ผมที่ตอนแรกกำลังคิดไม่ตกกับเรื่องที่ได้ยินก็ต้องหยุดชะงักการเดินเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างผู้ชายที่เป็นจุดสนใจของสายตาอื่นๆ เช่นกัน โดยตอนนี้คนที่สวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ แต่สภาพออกมากลับดูดีสุดๆ กำลังยืนก้มหน้ากดโทรศัพท์อยู่ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ และสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ผมที่ยืนอยู่หน้าร้านรวมกับคนอื่นๆ พอดี
   ปะ...ปั้นใจจริงๆ ด้วย...
   ผมที่ตอนนี้ยืนอึ้งอยู่กับที่ก็เห็นว่าคนที่ยืนห่างออกไปเดินเข้ามาหา และมันก็ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
   ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่...
   “ก็บอกแล้วไง...”
   “...”
   “ว่าจะมารับ”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เกลือเอ้ย...........กล้าๆหน่อย
อย่ากลัวที่จะมีความสุขเลย
ชอบปั้นก็ซื่อสัตย์กับใจตัวเองสิ  :z3: :o8: :-[

 ปั้น  เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยากกินหมูกะทะด้วยจัง  :hao6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 16

   “ออกเที่ยวอีกแล้วเหรอเรา”
   คำถามที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองทางแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารมื้อเช้า ซึ่งวันนี้เป็นวันเสาร์และแม่ของผมก็ยังออกไปทำงานเหมือนเดิม เช้านี้ผมเลยตั้งใจจะติดรถท่านไปด้วย แต่อาจจะต้องไปนั่งรอปั้นใจที่ป้ายรถเมล์
   “ปั้นจะพาเกลือไปว่ายน้ำ”
   “ก็ดีแล้ว ออกกำลังกายบ้าง จะได้ไม่ป่วยง่าย”
   “ต้องไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วย...”
   “เอาสิ แม่สนับสนุนเต็มที่เลย”
   “แม่...” ผมเรียกคนที่นั่งรอกินข้าวเสียงเบา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งตรงข้าม
   “ว่าไงหมูอ้วนของแม่”
   “เกลือว่ายน้ำไม่เป็น”
   “เดี๋ยวแม่ย้ำปั้นใจให้ดูลูกชายแม่ดีๆ แล้วกัน” แม่ผมยิ้มกว้างจนตัวเองที่อยากจะร้องห้ามไว้ก็โดนคนตรงหน้าหัวเราะใส่ก่อน ผมเลยได้แต่เงียบไปเพราะดูแล้วคงโดนแม่แซวทางสายตาเข้าให้แล้ว
   ไม่ได้มีเรื่องอะไรน่าแซวสักหน่อย...
   ผมที่ตอนนี้เลิกพูดแล้วสนใจกับข้าวผัดไข่ตรงหน้าที่ส่งกลิ่นหอมน่ากิน ซึ่งคนทำเองก็เช่นกัน แม่ผมไม่ได้พูดหรือถามอะไรต่อ แม้ว่าเมื่อคืนท่านจะตกใจที่รู้ว่าปั้นใจมาส่งผมถึงบ้านก็ตาม ผมตักข้าวผัดคำแรกเข้าปากก็อดเอ่ยเจ้าของฝีมือไม่ได้
   “ข้าวผัดฝีมือแม่อร่อยที่สุดเลย”
   “อร่อยก็กินเยอะๆ”
   “เกลือจะกินเยอะๆ นะ”
   “ดีมาก แต่แม่จะไม่บอกให้โตไวๆ แล้วนะ เพราะแค่นี้ก็โตเกินไปละ”
   “งื้ออออ ~”
   แม่ผมหัวเราะชอบใจหลังจากที่พูดแหย่ลูกชายตัวเองได้ ซึ่งผมเองก็หัวเราะไปด้วยเพราะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแม่ที่พูดออกมาแบบนี้ ควรภูมิใจมากกว่าว่าที่ผมอ้วนขนาดนี้เพราะกับข้าวฝีมือแม่ล้วนๆ
   “แล้วนี่จะออกไปพร้อมแม่เลยจริงๆ เหรอ ต้องไปนั่งรอหรือเปล่า”
   “น่าจะต้องรอนะครับ เพราะปั้นน่าจะมาสิบโมงกว่านู้น”
   “งั้นก็ไว้ค่อยออกสิ”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเกลือไปนั่งเล่นที่ป้ายรถเมล์ก็ได้”
   “ดื้อจริงๆ ลูกใครเนี่ย”
   “ลูกแม่นั่นล่ะ”
   ผมยิ้มกว้างให้คนตรงข้าม ซึ่งแม่เองก็ส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่เราจะต่างคนต่างกินข้าวกันจนมื้อเช้าจบลง ผมที่เตรียมตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วก็ออกไปรอแม่ที่รถ ซึ่งแม่ที่ปิดบ้านเรียบร้อยก็เดินตามมาติดๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะออกจากบ้านในเวลาเจ็ดโมงครึ่งของเช้าวันนี้ โดยที่แม่ก็มาจอดส่งผมที่ป้ายรถเมล์หน้ามหา’ลัย ที่ประจำที่ผมพบกับปั้นใจ
   “เดินทางปลอดภัยนะครับ”
   “เช่นกันจ้า”
   ผมที่ยืนส่งแม่จนรถออกห่างไป ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งวันหยุดวันนี้ยังคงมีนักศึกษามหาวิทยาลัยบางส่วนมาที่นี่ ทำให้เช้านี้ไม่ได้ดูเงียบเหงามากนัก แต่ก็ไม่มีคนที่ผมรู้จักอยู่ดี
   ก็นะ ถ้ามีก็คงจะเป็น พาฝัน ปั้นใจ ฟาง พี่เพชรและพี่อ้นเท่านั้น...
   นี่ผมรู้จักใครอีกบ้างเนี่ย...
   “นายๆ”
   ผมที่ตอนแรกก้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาฟังเพลงก็ต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นเป็นผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาว่าจะอยู่ต่างคณะแต่ลงเรียนวิชาเดียวกันอยู่บางวิชา ซึ่งตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอตรงหน้าผม
   “ครับ ?”
   “จำเราได้มั้ย ตอนเรียนเรานั่งใกล้ๆ กันบ่อยๆ นะ”
   “อ่า...คิดว่าได้นะครับ...”
   ผมที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูกเมื่อผู้หญิงตรงหน้าหันไปทำหน้าดีใจกับเพื่อนเธอ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายมีธุระอะไร
   “นายสนิทกับปั้นใจใช่มั้ย”
   เอ่อ...ผมว่าเขาน่าจะมีธุระกับปั้นใจแล้วล่ะ...
   “ผมไม่แน่ใจ...”
   “อะไรกัน อย่าตอบกำกวมสิ เราเห็นะว่าปั้นใจอยู่แต่กับนายอ่ะ”
   “...”
   “เอาเถอะๆ ช่างเรื่องนั้น คือที่เรามาคุยกับนายวันนี้เพราะอยากให้ช่วยอะไรหน่อย”
   “ถ้าผมช่วยได้นะครับ”
   “แน่นอนสิ ต้องได้แน่ !” ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มกว้าง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาเจอเธอที่นี่ได้ เธออาจจะมีธุระหรือแค่อยากมามหาวิทยาลัยเฉยๆ ก่อนที่คนตรงหน้าจะก้มหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมแทบผงะถอยหลังตกที่นั่ง แล้วเผยรอยยิ้มออกมาจนทำให้ผมทำตัวไม่ถูกพร้อมกับฟังคำขอไปด้วย “ช่วยบอกให้ปั้นใจรับเพื่อนในเฟซบุ๊กพวกเราทีสิ !”
   “...”
   “จริงๆ อยากจะขอเบอร์ด้วย แต่ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน บอกว่าเพื่อนที่ลงเรียนวิชาเดียวกันฝากมาก็ได้ ไว้คุยงานกัน พวกเราจะเข้าไปบอกเองก็เขินๆ อ่ะ ยังไงรบกวนหน่อยนะ”
   “งั้นเดี๋ยวบอกให้นะครับ”
   ถ้าไม่ลืมล่ะนะ...
   “ขอบใจมากจ้า”
   ผู้หญิงทั้งสามคนตรงหน้าผมทำหน้าดีใจ ก่อนที่พวกเธอจะโบกมือลาแล้วเดินออกไปทันที ซึ่งผมที่เผลอรับฝากฝังบางเรื่องมาก็ได้แต่มองทั้งสามคนอย่างไม่เข้าใจ
   ถ้าแค่นี้บอกเองก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องฝากเลย...
   ปั้นไม่ได้เมินเพื่อนๆ สักหน่อย
   ผมที่นั่งทำความเข้าใจกับเรื่องเมื่อสักครู่สุดท้ายก็ยอมแพ้และปล่อยให้มันผ่านไปเท่านั้น หน้าที่ผมคงมีแค่บอกปั้นใจรับให้เพื่อนในเฟซบุ๊กของพวกเธอแค่นั้น ก่อนที่ตัวเองจะเอาหูฟังขึ้นมาใส่หูอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก เหลืออีกแค่สองชั่วโมงกว่าๆ ปั้นใจก็มาแล้ว
   ผมก็แค่รอ...
   “อ้าวเฮ้ย มาทำอะไรแถวนี้ !”
   เสียงที่ทักขึ้นในขณะที่ผมกำลังเอาหูฟังอีกข้างใส่หู และก็ต้องหยุดการกระทำเพียงแค่นั้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถูกจำกัดความในคำว่ารู้จักของผมอย่างฟาง
   “อ่า...หวัดดี...” ผมที่รู้สึกตกใจเมื่อเจอคนรู้จักก็เอาหูฟังออกจากหูแล้วกล่าวทักทายคนตรงหน้า ซึ่งฟางเองแค่ยิ้มกลับมาให้ผมเท่านั้น “เรามารอปั้นอ่ะ”
   “หืม รอไอ้ปั้นเหรอ...”
   “อือ เดี๋ยวสักสิบโมงก็มาแล้ว”
   “ห๊ะ !”
   “แล้วฟางมาทำอะไรเหรอ”
   “มาช่วยพี่ทำป้ายกิจกรรมอ่ะ”
   “อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับ ซึ่งคนตรงหน้าเองก็ยังดูเหมือนจะข้องใจกับผมอยู่ “มีอะไรหรือเปล่า”
   “แค่คิดว่านี่เพิ่งสองโมงเอง กว่าจะสิบโมงอีกตั้งสองชั่วโมง”
   “แป๊บเดียวเอง เรารอได้”
   “ไม่ได้ๆ ถ้าไอ้ปั้นรู้มันว่ามึงแน่ๆ ที่สำคัญถ้ามันรู้ว่ากูมาเจอมึงแล้วปล่อยให้มึงนั่งรอตรงนี้คงโดนด่าตาย”
   “...”
   “ไปหาไอ้ปั้นที่ห้องมั้ย”
   “เอ่อ...”
   “จะได้ไม่ต้องมานั่งตรงนี้ไง เดี๋ยวสักพักแดดก็สาดเข้ามาแล้วมั้ง ร้อนแน่ๆ” ผมมองรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่ยิ้มออกมากว้างจนให้ความรู้สึกจริงใจก็ไม่ใช่ แต่เหมือนอยากจะแกล้งมากกว่า
   ละ...แล้วแกล้งอะไรล่ะ...
   “เรารอได้ อีกแค่...”
   “เอาหน่าๆ มาๆ เดี๋ยวกูเดินไปส่ง ใกล้ๆ นี่เอง ป้ะๆๆๆๆ” คนตรงหน้าผมเอื้อมมือมาฉุดแขนให้ผมลุกขึ้น ทำให้ผมที่ตอนแรกตกใจกับการกระทำของเขาสุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้ฟางเดินนำและตัวเองเป็นฝ่ายเดินตามเท่านั้น ซึ่งคนที่อาสาเดินมาส่งผมถึงห้องก็หันมาชวนคุย “วันนี้จะไปเที่ยวกับมันเหรอ”
   “ครับ”
   จริงๆ ไม่รู้ใช้คำว่าเที่ยวได้มั้ย เพราะน่าจะไปซื้อชุดว่ายน้ำและก็ไปว่ายน้ำเลย
   อ่า...ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
   “อืม...ปกติไอ้ปั้นไม่ค่อยออกไปไหน นี่แปลกนะที่ช่วงนี้มันออกจากห้องบ่อยมาก...” ฟางที่พูดขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองเขาเมื่อเขาพูดถึงปั้นใจขึ้นมา คนข้างๆ เองก็มองผมแล้วหลุดยิ้มเมื่อเห็นว่าผมหันไปสนใจทันที “อยากฟังเรื่องไอ้ปั้นเหรอ”
   “ก็...”
   “หืม...”
   “ครับ...” ผมที่ก้มหน้าก้มตายอมรับจนได้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของฟาง ซึ่งตัวเองตอนนี้ก็หน้าร้อนผ่าวไปแล้ว เพราะไม่คิดว่าจะโดนดูออกง่ายขนาดนี้
   ก็ผมแค่สนใจเรื่องของปั้นใจเอง...
   “ฮ่าๆ เรื่องของไอ้ปั้นไม่มีอะไรมากหรอก มันก็แค่เด็กใจร้อน ขี้น้อยใจ ไม่สนใจใคร พร้อมมีเรื่องกับทุกคนที่มีเรื่องกับมันแค่นั้นล่ะ”
   “...”
   “แต่ถ้ามันดีด้วยแล้ว ก็เสมอต้นเสมอปลายสุดๆ”
   คำพูดของฟางทำให้ผมได้แต่คิดตามและก็เห็นด้วยที่ว่าถ้าปั้นใจดีกับใครแล้วคงดีสุดๆ ไปเลย เพราะผมเองก็เคยสัมผัสมาแล้ว ส่วนเรื่องใจร้อน ขี้น้อยใจอะไรพวกนี้ถามว่าผมเคยเห็นไหมก็เคยเห็นนั่นแหละ แต่แค่ไม่บ่อยเท่านั้น
   “ฟางเป็นเพื่อนกับปั้นตั้งแต่ตอนไหนเหรอครับ”
   “นานแล้ว ตั้งแต่ ม. ต้น จนมันย้ายออกไปกลางคันตอน ม. 6 เทอมสองนั่นล่ะ”
   “ย้ายมาโรงเรียนผมสินะ...”
   “อืม แล้วเป็นไง ตอน ม. 6 ไอ้ปั้นเป็นไงบ้าง สาวเยอะป้ะ”
   “ก็เยอะครับ เขาเป็นที่สนใจเลยทันทีที่เข้ามา แต่ผมไม่ได้คุยกับเขาเท่าไหร่”
   “จริงดิ”
   “ครับ เพิ่งมาคุยกันตอนมาเจอกันที่นี่นี่ล่ะ” ผมหันไปยิ้มให้ฟาง ทำให้คนตรงหน้าขมวดคิ้วทำท่าคิด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้พูดหรือถามอะไรกับเรื่องของผมต่อ ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าแล้วหันมาพูดให้ผมด้วยรอยยิ้ม
   “ความจริงมีอีกเรื่อง ไอ้ปั้นมันเป็นคนยิ้มยาก”
   “อ่า...อันนี้ผมเห็นด้วย เพราะผมก็ไม่ค่อยเห็นเขายิ้มเท่าไหร่”
   “อยากเห็นมันยิ้มบ่อยๆ หรือเปล่าล่ะ”
   “ถ้าเป็นไปได้...” ผมอยากเห็นเขายิ้มให้บ่อยกว่านี้จริงๆ แม้ช่วงนี้ปั้นใจจะเผยรอยยิ้มออกมาบ้าง และผมก็รู้สึกว่าตัวเองชอบมอง และอยากมองมันอีกหลายๆ ครั้ง
   ถ้าเป็นไปได้...
   “งั้นต่อไปนี้ก็คุยกับมันเยอะๆ สิ ทดแทนที่ ม. 6 ไม่ค่อยได้คุยกันไปเลย”
   “...”
   “ไอ้ปั้นมันจะยิ้มไม่หุบเลยล่ะ”
   ผมก็อยากเป็นคนที่ทำให้เขายิ้มบ่อยๆ ล่ะนะ...



   งะ...เหงื่อออกเยอะมาก...
   ใจเต้นแรงด้วย
   ฮื่อ...
   ผมที่ตอนนี้นั่งตัวเกร็งอยู่ภายในห้องของฟางกับปั้นใจ โดยตอนนี้เจ้าของห้องอีกคนที่นัดผมไว้สิบโมงยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงถึงขนาดที่ว่าฟางพาผมเข้ามาแล้วเขาก็ยังไม่ตื่นเลย
   ฟางบอกว่าปั้นนอนดึกมากเมื่อคืน
   คะ...คงไม่ใช่เพราะเขาไปส่งผมใช่มั้ย แต่ก็ไม่น่าดึกขนาดนั้นนี่
   หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น...
   ร่างที่ขยับพลิกตัวมาอีกทางทำให้ผมสะดุ้ง ก่อนหน้านี้มองแค่แผ่นหลังกว้างที่ไม่ได้สวมเสื้ออย่างเดียวก็ทำให้ใจเต้นแรงแล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่าเมื่อครู่อีก เมื่อปั้นใจพลิกตัวมาอีกทางพร้อมกับหมอนข้างโดยที่เขาซุกหน้าลงไปบนนั้น และไม่รู้ว่ามุมที่ผมนั่งดีเกินไปหรือยังไงถึงได้เห็นใบหน้าเขาชัดขนาดนี้
   มะ...มันดูดีมากๆ แม้จะตอนหลับก็เถอะ
   นี่ผมมานั่งทำอะไรที่นี่กัน นั่งอยู่ป้ายรถเมล์ร้อนๆ ยังไม่รู้สึกเหงื่อออกขนาดนี้เลย !
   ไม่น่าเชื่อฟางเลย ฮื้อ...
   และอีกอย่างที่ผมรู้ได้หลังจากที่มาที่ห้องของปั้นใจวันนี้ คือเตียงที่เป็นระเบียบชั้นล่างเป็นของปั้นใจนั่นเอง ส่วนที่รกๆ นั่นน่าจะเป็นของอีกคน
   ทำไมรู้สึกดีใจแปลกๆ
   ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนบนเตียงเริ่มขยับอีก และมันก็ทำให้ผมแทบกลั้นหายใจเมื่ออยู่ๆ ใบหน้าที่ตอนแรกซุกหมอนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ทำให้ผมตัวแข็งทื่อนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย ซึ่งปั้นใจเองก็กระพริบตาถี่ๆ อยู่หลายครั้งราวกับคนไม่อยากตื่น ทุกความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในสายตาของผมทั้งหมด ก่อนที่ตัวเองจะต้องใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่อสายตาที่ว่านั้นมองมาทางผมที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเตียงนัก หรือก็คือตรงหน้าเขานั่นล่ะ
   “เกลือเหรอ...”
   “...”
   “เหมือนตัวจริง...”
   เสียงพึมพำเบาๆ ของคนเพิ่งตื่น และมันก็ทำให้ผมตัวแข็งทื่อเมื่อร่างเปลือยท่อนบนของปั้นใจเริ่มขยับและเอื้อมมือมาตรงหน้าผม และทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสเข้าที่แก้มของผมเบาๆ ก็ทำเอาคนเพิ่งตื่นเบิกตากว้าง
   “ปะ...ปั้น...”
   “...”
   “ขอโทษที่เข้ามาแบบไม่บอกนะ”
   ผมพูดโดยที่ยังมองใบหน้าของปั้นใจอยู่ ก่อนที่มือที่แตะแก้มผมเบาๆ นั้นจะชักกลับไปพร้อมกับร่างที่ตรงหน้าที่เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทันที
   “ตัวจริงเหรอ”
   “อะ...อื้อ...”
   “ไอ้ฟางพาเข้ามาสินะ”
   “ฟางไปเจอเรานั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์น่ะ”
   “...”
   “ระ...เราน่าจะนั่งรอปั้นที่นั่นก็ดีอยู่แล้วเนอะ...”
   “มาที่นี่ก็ดีแล้ว ไปนั่งร้อนทำไม”
   “...”
   “ไปอาบน้ำก่อนนะ” คนที่ตอนแรกนั่งอยู่บนเตียงพูดโดยไม่มองหน้าผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเร็วๆ เข้าห้องน้ำไปพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง ทำให้ผมที่ตอนแรกนั่งตัวแข็งต้องถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มคลายความเกร็งลง
   โคร้ม !
   “...!”
   เสียงที่ดังมาจากห้องน้ำทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าประตูห้องน้ำถูกแง้มออกมาพร้อมกับใบหน้าของปั้นใจที่ตอนนี้ดูท่าว่าจะตื่นเต็มตาแล้ว โดยที่ใบหน้าเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำ ก่อนจะพูดขึ้นมาโดยที่ผมเห็นว่าใบหน้าของเขามีสีแดงซับอยู่ด้วย
   “หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยสิ ลืมหยิบเข้ามา...”
   “อะ...อือ”
   ผมรีบลุกขึ้นก่อนจะมองหาผ้าเช็ดตัวก็เห็นว่ามันถูกแขวนที่ตู้ และผมคิดว่าอันนี้นี่ล่ะที่เป็นของปั้นใจจึงเดินแล้วหยิบมันไปให้เขาที่ตอนนี้เอื้อมมือออกมารับไป
   “ขอบใจ”
   “ไม่เป็นไร”
   “รอแป๊บนะ...แป๊บเดียว...”
   ปั้นใจพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง โดยที่ยังมีผมที่กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตในห้องไปแบบงงๆ
   ผมไปรบกวนเวลานอนของปั้นใจเข้าแล้วสิ...



   - ปิดปรับปรุง –
   ป้ายขนาดกระดาษ A4 ทำให้ผมกับปั้นใจที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าสถานที่ให้บริการสระว่ายน้ำต้องยืนนิ่งค้างอยู่ด้านหน้า โดยที่คนที่คนที่พามาก็ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะกดโทรศัพท์ดูอะไรสักอย่างแล้วถอนหายใจ
   “ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวมานานแล้ว...”
   “...”
   “มันปิดปรับปรุงถึงเดือนหน้าเลย” คนตรงหน้าผมทำหน้าไม่ชอบใจ ส่วนผมเองก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจ เพราะปั้นใจคงไม่ใช่คนที่ชอบเล่นโซเชียลนัก ก่อนที่เขาจะดึงผมให้หลบแดดช่วงบ่ายมาในล่ม “ขอโทษนะ”
   “ไม่เป็นไร ไว้วันหลังก็ได้” ยังไงก็ได้ชุดมาแล้ว เมื่อไหร่ผมก็พร้อมแล้วล่ะ
   “แป๊บนะ” คนข้างๆ ผมพูดขึ้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาใครบางคน “ไอ้ฟาง”
   อ๋อ...โทรหาเพื่อนของเขานั่นเอง
   “แวะไปดูสระให้บ้างว่าคนเยอะมั้ย...เร็วๆ แค่นี้ล่ะ”
   ปั้นใจกดตัดสายไปหลังจากพูดแค่ไม่กี่ประโยค ก่อนที่เขาจะหันมามองทางผมที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีปากเสียงหรือความคิดเห็นใดๆ ที่สำคัญไม่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเขาถือของด้วย
   “ไปกินข้าวกันก่อนมั้ย” คนข้างๆ ผมถามขึ้น ทำให้ตัวเองต้องพยักหน้ารับ เพราะเมื่อเช้าเขาก็ไม่ได้กินข้าวมา กินเพียงแซนวิสจากเซเว่นเท่านั้น แต่ยังไม่ทันที่เราจะคิดเรื่องมื้อเที่ยง โทรศัพท์ของคนข้างๆ ผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน ทำให้ปั้นใจต้องล้วงมันออกมาจากกระเป๋าเพื่อกดรับ “ว่า”
   “...”
   “อืม ขอบใจ” ปั้นใจเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองผมที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆ และ อยากจะถามสถานการณ์แต่ก็รอให้เขาบอกเองดีกว่า “ไปสระว่ายน้ำของมหา’ลัยมั้ย”
   “คนเยอะแน่ๆ”
   “อืม ก็ใช้ได้”
   “อ่า...แล้วแต่ปั้นเลย เรายังไงก็ได้”
   “งั้นไปกินข้าวก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิดดูอีกที” ปั้นใจว่าอย่างไม่คิดมากนัก ก่อนจะมองไปตรงข้ามที่มีร้านอาหารตั้งอยู่เรียงกัน และแต่ละร้านก็น่ากินไม่น้อย ก่อนที่เขาจะหันมาหาผมแล้วถามขึ้น “เลือกมาหนึ่งร้าน”
   ซึ่งผมเองก็แอบมีร้านในใจไปแล้วด้วย...
   “อยากกินข้าวขาหมู”
   “งั้นไปกัน”
   ผมที่โดนอีกคนเดินมาช้อนหลังไว้ และไม่รู้ว่าความสูงกับแดดที่เป็นใจหรือเปล่าทำให้ร่างของปั้นใจบังแดดให้ผมทันที ก่อนที่เขาจะดันร่างของผมให้ข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อมาร้านข้าวขาหมูตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เมื่อเข้าร่มคนข้างๆ ผมก็เปลี่ยนเป็นมาเดินข้างๆ แล้วก้าวเดินไปพร้อมๆ กับผมทันที
   ขาผมสั้นกว่าปั้นใจเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ผมที่เร่งเดินตามความเร็วการเดินของเขา
   แต่เป็นเขาที่พยายามเดินช้าลงให้เท่าผมต่างหาก...
   ให้ตายสิ...
   มีความสุขกับเรื่องแบบนี้จะผิดมั้ยนะ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
งุ้ยย น่ารักอ่ะตอนนี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปั้น คงดีใจมากๆ  :mew1:
ที่เห็นเกลือตัวเป็นๆมานั่งในห้อง   :-[

ปั้น  เกลือ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แสดงว่าต้องการให้เกลือไปหาถึงห้องมานานแล้ว ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้วนะปั้น  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 17

   หลังจากวันที่ปั้นใจตั้งใจจะพาผมไปว่ายน้ำก็ผ่านมาสองอาทิตย์กว่าแล้ว ดูเหมือนแผนการนั้นจะต้องพับเก็บไปยาวๆ เพราะไม่กี่วันต่อมาปั้นใจก็หายตัวเงียบไปทันที จะเจอหน้ากันในคาบเรียนบ้าง แต่ก็ไม่มีเวลาให้คุยกันได้เหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมการจัดงานกิจกรรมใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนหน้า เลยทำให้ปั้นใจที่เป็นเดือนคนล่าสุดจึงมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้เต็มๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง แต่เท่าที่ได้คุยก็คงเป็นถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอโปรโมท
   แน่นอนว่าเด็กปีหนึ่งที่ไม่ค่อยมีตัวตนในสายตาของคนอื่นเวลามีเรื่องสำคัญอย่างผม เลยใช้ชีวิตสงบสุขเหมือนเดิม ส่วนพาฝันนั้นก็ไม่ต่างกันนัก ตอนนี้พวกเราทั้งคู่เลยกำลังนั่งเบื่อกับบรรยากาศเดิมๆ ที่ลานกว้างโดยรอบด้านก็มีรุ่นพี่ในคณะหลายคนกำลังก้มหน้ากำตาทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะหน้าที่ของคนเตรียมงานดันเป็นรุ่นพี่หมดเลย ส่วนปีหนึ่งอย่างเราๆ แค่รอชมกิจกรรมวันจริงเท่านั้น
   “เฮ้อ...น่าเบื่อจัง”
   “อืม...”
   “มึงรู้สึกเหมือนกูสินะ”
   “อือ มันดูวุ่นวายไปหมดเลยน่ะ”
   “นั่นสิ” พาฝันถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า จนผมไม่รู้จะช่วยเธอยังไงดี ก่อนที่คนตรงหน้าจะยืดตัวขึ้นแล้วมองหน้าผม “นี่ไอ้เกลือ”
   “หะ...หืม”
   แอบไม่ไว้ใจแล้วสิ...
   “โดดคาบบ่ายกัน”
   “เอ่อ...”
   “มันน่าเบื่ออ่ะ แค่เข้าไปฟังๆ โดดกันเถอะ !”
   “โดดไปไหนอ่ะ”
   “ไปดูหนังหนังกันมั้ย มีหนังใหม่เข้า กูอยากไปอ่ะ แล้วก็ไปกินชาบูด้วย !” คนตรงหน้าว่าอย่างตื่นเต้น ทำผมได้แต่คิดหนัก
   “เอาจริงเหรอฝัน”   
   “เอาจริงสิ ช่วงนี้ขวัญใจมึงไม่อยู่ด้วย คาบบ่ายกูว่าปั้นใจก็ไม่น่าจะเข้านะ ยังไงมึงคงไม่ได้เจอเด็กนั่นอยู่แล้วล่ะ เพราะงั้นโดดกันเถอะ”
   “ที่เราจะเข้าเรียนไม่ใช่เพราะอยากเจอปั้นสักหน่อย”
   “จ้าๆ สรุปเอาไงห๊ะ ไม่งั้นกูจะหนีไปคนเดียวนะ !”
   “อ่าาาา ขอเราคิดก่อนได้มั้ย...”
   “ไม่ได้ ลุกเลย !” พาฝันที่ตัดสินเสร็จสรรพก็ตบโต๊ะดังป๊าบก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที ทำให้ผมที่มองตามได้แต่เบิกตากว้าง แต่สุดท้ายก็ยอมลุกตามเธอล่ะนะ “เอาน่าไอ้เกลือ มึงเองก็ไม่ค่อยจะเที่ยวกับเพื่อน วันนี้พาฝันจะพาไปเปิดหูเปิดตาเอง”
   “แม่คงดีใจที่เราได้ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง”
   “แน่นอน”
   “แต่คงดุเราแน่ๆ ที่เราโดดเรียนไป”
   “เอาหน่าๆ สักครั้งสองครั้งในชีวิต ไม่เป็นไรหรอกเว้ย !”
   “ยังมีครั้งต่อไปอีกเหรอ”
   “แน่นอนสิ !” พาฝันยิ้มกว้างทำให้ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะโดนคนตรงหน้าเอื้อมมือมาขย้ำแก้มเล่นจนปวดหนึบเหมือนอย่างเคย “หมั่นเขี้ยวนัก เจ้าแก้มนี่ !”
   “อ๊อย...”
   ผมที่โดนพาฝันขย้ำแก้มจนพอใจ สุดท้ายก็ได้แต่เดินตามร่างสูงเพรียวตรงหน้าออกจากมหาวิทยาลัยไป โดยที่พาฝันเลือกที่จะโบกแท็กซี่ไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก
   แล้ววันนี้ผมก็โดดเรียนเข้าจริงๆ
   รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยแฮะ...
   “กูอยากดูหนังฮีโร่ใหม่”
   “อืม แล้วแต่ฝันเลย เราดูอะไรก็ได้”
   “งั้นลองดูรอบก่อนดีกว่า” พาฝันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ในขณะที่เราทั้งคู่ย้ายตัวเองเข้ามาด้านในแอร์เย็นๆ แล้ว ก่อนที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจะขมวดเล็กน้อย “แม่มึงมารับตอนสี่โมงครึ่งใช่มั้ย”
   “อือ”
   “อ่า ตอนนี้สิบเอ็ดโมง ท่าจะดูหนังสองชั่วโมงให้ทันก็น่าจะรอบ...”
   “...”
   “บ่ายโมงสี่สิบ”
   “อือ”
   “ก่อนหน้านี้เราก็ไปหาอะไรกันกินก่อน...” พาฝันพยักหน้าให้ตัวเองหลังจากที่วางแผนเสร็จสรรพ ซึ่งตอนนี้เพิ่งสิบเอ็ดโมงกว่าๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นมื้อเที่ยงไปเลย “กูลองโทรไปชวนฟางมาด้วยดีกว่า...”
   “...”
   “แต่กลัวมึงเหงา งั้นไม่ชวนก็ได้” พาฝันที่ตอนแรกยิ้มกว้างก็หุบยิ้มลงทันที
   “ไม่เป็นไร ฝันโทรชวนฟางมาด้วยก็ได้”
   “ไม่เอาหรอก ถ้าฟางมาก็ต้องเดินกับมัน กลัวมึงเหงาอ่ะ ถ้าปั้นใจมาด้วยไว้จะคิดดูอีกทีนะ”
   “ปั้นน่าจะยุ่งๆ นะ”
   “อืม เพราะงั้นไว้กูค่อยไปเที่ยวกับฟางวันหลังก็ได้ วันนี้เที่ยวกับมึงแล้วกัน แต่ขอส่งข้อความไปบอกหน่อย เดี๋ยวโดนเฉ่ง” พาฝันว่าก่อนจะก้มหน้ากดโทรศัพท์อีกครั้ง ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้ารับแม้จะตามความคิดเธอไม่ค่อยทันก็ตาม ไม่นานคนข้างๆ ผมก็เก็บโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามากอดคอผมทันที “ป้ะ !”
   “ไปไหน”
   “แดก !”
   พาฝันว่าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกึ่งกอดกึ่งลากผมไปที่ร้านชาบู ดูท่าแล้วอีกคนคงจะหิวจริงๆ ถึงได้ตาลุกวาวขนาดนี้ ส่วนผมที่ชอบกินอะไรรองท้องอยู่แล้วจึงไม่ค่อยหิวนัก แต่ถามว่ากินได้มั้ยก็ตอบได้เลยว่ากินได้นั่นล่ะ
   ก็นะ...ขนมจุกจิกกับของคราวมันไม่เหมือนกันนี่นา...
   “สองคนค่ะ” ผมที่ตอนแรกคิดอยู่กับตัวเองก็เงยหน้าขึ้นมองพาฝันที่ยังทำหน้าอารมณ์ดีอยู่ ก่อนจะลากผมให้เดินตามพนักงานไปที่โต๊ะ เมื่อแยกย้ายนั่งคนล่ะฝั่งแล้ว เราก็ต่างเปิดเมนูดูในระหว่างที่รอหม้อน้ำซุปทันที
   ถ้าเอาชุดหมูกับชุดเนื้อ...
   Rrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดความคิดของผม ทำให้ตัวเองต้องวางเมนูลงก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากช่องเล็กๆ ของกระเป๋าสะพายหลัง และเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาก็ทำให้ผมเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
   ‘ปั้นใจ’
   “ปะ...ปั้น...”
   “หืม...”
   “ปั้นโทรมา”
   “ก็รับสิ” พาฝันขมวดคิ้วก่อนจะก้มไปสนใจกับเมนูตรงหน้าต่อ ทำให้ผมต้องมองไปที่หน้าจออีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกดรับสายจนได้
   อ่า...เขามีอะไรหรือเปล่านะ...
   “ฮัลโหล...”
   {หนีเที่ยวเหรอ} คำพูดที่ทิ่มจึกลงมากลางอกของผมทำให้ตัวเองเงียบกริบ จนปั้นใจต้องพูดขึ้นมาอีกครั้ง {คาบบ่ายปั้นเข้าเรียน}
   “เรานึกว่าปั้นจะไม่ได้เข้า...”
   {เข้า คิดว่าจะได้เจอ}
   “ขอโทษนะ”
   {ไม่เป็นไร แล้วนี่อยู่ไหน}
   “อยู่...”
   {ไม่ต้องตอบแล้ว ไอ้ฟางบอกละ} ปั้นใจพูดขัดขึ้นมาทำให้ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และก็เดาอารมณ์เขาไม่ค่อยถูกเหมือนกัน {เดี๋ยวไปหา}
   “หะ...หืม...”
   {มีดูหนังรอบบ่ายไม่ใช่เหรอ}
   “อื้ม”
   {ไอ้ฟางมันจะไปหาฝันด้วย} ปั้นใจพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ จนผมต้องเป็นฝ่ายถามออกไป
   “ปั้นจะโดดเรียนเหรอ”
   {อืม น่าเบื่อ} เขาตอบกลับมาทันที ทำให้ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติแล้วล่ะ มีแต่ผมที่ตื่นเต้นไปเอง ก่อนที่ตัวเองจะมองไปทางพนักงานที่เอาหม้อน้ำซุปมาเสิร์ฟพอดี ส่วนพาฝันเองก็สั่งส่วนของผมให้เรียบร้อยแล้วด้วย {แล้วนี่ทำอะไรอยู่}
   “กำลังจะกินชาบูอ่ะ”
   {หนีไปกินด้วย}
   “ฝันอยากกินต่างหาก” ผมว่าพลางมองคนตรงข้ามที่หรี่ตามองมา ทำให้ตัวเองได้แต่ยิ้มเหยๆ ไปให้ เมื่อปั้นใจไม่มีท่าทีว่าจะวางสายเลย “แล้วปั้นจะมาตอนไหนเหรอ”
   {รอไอ้ฟางอยู่ กำลังจะออกไปแล้ว}
   “อ๋อ...งั้นไว้เจอกันนะ”
   {อืม งั้นวางสายก่อนก็ได้...} น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเสียดายสุดๆ ของเขาทำให้ผมไม่รู้จะตอบยังไง เพราะพาฝันเองก็รอกินอยู่
   “งั้นถ้ามาถึงแล้วโทรมานะ”
   {อืม}
   ปั้นใจยอมวางสายไปอย่างง่ายดาย ก่อนที่ผมจะมองเวลาบนหน้าจอที่เราคุยกันไปไม่ถึงห้านาที แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ได้ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิมแล้วหยิบตะเกียบมาแกะพลาสติกออก และสายตาก็ไปปะทะเข้ากับสายตาอีกคนที่มองมา
   “เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าฝัน”
   “ปั้นใจจะมาที่นี่เหรอ”
   “อะ...อืม...เห็นว่าฟางก็จะมาด้วยนะ...”
   “อ๋อ...”
   “งั้นกินเลยเนอะ...” ผมยิ้มกว้างให้คนตรงข้าม ซึ่งเธอที่รออยู่แต่แรกแล้วก็ได้แต่หรี่ตามองมา จนผมต้องหลบสายตาอีกฝ่ายแล้วเริ่มจัดการคีบเนื้อหมูสไลด์ลงหม้อ
   “ทำเฉไฉนะไอ้หมูอ้วน”
   “ฉะ...เฉไฉอะไร...”
   “มึงกับปั้นใจนี่ถึงไหนต่อไหนแล้วห๊ะ” พาฝันที่เอาหมูจุ่มลงน้ำซุปครู่หนึ่งก็เอามันขึ้นมาแล้วจ้องมาทางผมด้วย “จริงๆ ก็อยากจะถามนานละ”
   “ถะ...ถึงไหนอะไรเหรอ” ผมว่าพลางเอาหมูใส่ปาก “อ๊ะ ร้อน !”
   ผมที่สะดุ้งเฮือกหลังจากที่เอาหมูชิ้นแรกเข้าปาก ก่อนจะต้องอ้าปากค้างไว้เพื่อให้ความร้อนที่มีหายไป ส่วนคนตรงข้ามผมนั้นก็ขมวดคิ้วกับความซุ่มซ่ามของผมทันที
   “ก็เห็นๆ อยู่ว่าปั้นใจมันมาวอแวกับมึงตลอด”
   แต่ก็ยังถามเรื่องเดิมล่ะนะ...
   “วอแวคืออะไร”
   “ก็มาแบบ งุ้งงิ้งอ่ะ อยู่ใกล้ๆ แล้วทำตัวออดอ้อน”
   “เอ่อ...ฝัน เราว่าปั้นไม่ได้ทำแบบนั้น...”
   “อ่าจ้า ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ” พาฝันที่อยู่ก็ถอนหายใจออกมาทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าลงแล้วสนใจกับของกินตรงหน้าแทน ซึ่งคราวนี้พาฝันก็ไม่ได้ถามอะไรแล้ว ทำให้ผมได้แต่แอบโล่งใจ เพราะไม่รู้จะตอบคำถามของอีกฝ่ายยังไงดี “ให้ตายสิ นึกว่าจะมีอะไรคืบหน้าซะอีก”
   เสียงบ่นเบาๆ ของพาฝันทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจผมแล้ว ก่อนที่พวกเราทั้งคู่จะต่างคนต่างกินของตรงหน้าโดยที่พาฝันก็ชวนคุยบ้างเรื่องทั่วไป ไม่นานมื้อกลางวันก็จบลงโดยที่ผมกับคนตรงข้ามต่างพร้อมใจกันลูบพุงแน่นๆ หลังจากเดินออกมาจากร้าน
   “อิ่มมาก”
   “อือ มากๆ” ผมพยักหน้ารัว เพราะไม่รู้อะไรดลใจให้พาฝันสั่งของมามากมายและสุดท้ายเราทั้งคู่ก็ต้องตะบี้ตะบันกินพร้อมกับค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
   ต่อไปคือการไปจองตั๋วหนังสินะ...
   “นี่ไอ้เกลือ”
   “หืม”
   “ฟางกับปั้นจะมาตอนไหนเหรอ”
   “เราไม่รู้อ่ะ แต่บอกไว้ว่าถ้าถึงแล้วให้โทรมา ยังไม่โทรมาก็น่าจะ...”
   Rrrrrrrr ~
   ผมที่ยังพูดไม่ทันจบดีก็ต้องละสายตาจากพาฝันแล้วล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายของตัวเองออกมากดรับทันที
   แล้วก็เป็นคนที่พวกผมรออยู่นั่นล่ะ...
   “ว่าไงปั้น มาถึงแล้วเหรอ” ผมถามคนในสาย ซึ่งทางฝั่งนั้นก็เงียบไปสักพัก ได้ยินเพียงเสียงกุกกักเท่านั้น ก่อนที่เจ้าของปลายสายจะค่อยๆ ดังขึ้น
   {อืม ถึงแล้ว}
   “แล้วตอนนี้อยู่ไหนเหรอ”
   {กำลังเดินเข้าไป}
   “บอกให้มาที่โรงหนังเลย เดี๋ยวกูไปซื้อตั๋วก่อน...” ผมพยักหน้า แต่ยังไม่ทันจะพูดบอกคนในสายทางนั้นก็ตอบกลับมาก่อน
   {บอกฝันว่าไม่ต้องไป เดี๋ยวไปซื้อให้}
   “ปั้นบอกว่าจะไปซื้อให้”
   “เออๆ งั้นก็ดี เลี้ยงด้วยเลยนะ ชาบูทำเงินกูละลายไปพร้อมกับน้ำซุปแสนอร่อยนั่นละ” พาฝันยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะดึงผมไปหาเก้าที่นั่ง ก่อนที่เราทั้งคู่จะมีหน้าที่แค่รอคนสองคนที่กำลังมาที่นี่เท่านั้น
   อยู่ๆ การโดดเรียนวันนี้ก็เพิ่มจำนวนจากสองกลายเป็นสี่ซะงั้น   
   อ่า...ได้ประสบการณ์ใหม่อีกแล้ว !



   “อ่าาาาา”
   “...”
   “ไอ้ที่นั่งคู่ที่ห่างกันสุดๆ นี่คืออะไร”
   “ก็ไม่อะไร”
   “นี่ฉันนั่งกับไอ้เกลือสินะ” พาฝันที่มองตั๋วหนังที่ติดกันสองใบก่อนจะคว้าคอผมเข้าไปกอดไว้ แล้วจ้องเขม็งไปทางฟางกับปั้นใจที่ตอนนี้กำลังยืนมองทางผมกับพาฝันเช่นกัน ซึ่งฟางนั้นหัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนปั้นใจนั้นถอนหายใจยาว “อยากกินป๊อปคอร์นด้วยอ่ะ เลี้ยงด้วยดิ”
   “ฮ่าๆๆๆๆ” อยู่ๆ ฟางก็ระเบิดหัวเราะออกมาทำเอาผม พาฝัน และปั้นใจต่างหันไปมองทางเจ้าตัว ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยายามกลั้นขำแต่ดูเหมือนใบหน้านั้นจะปิดอาการไม่มิดนัก “โทษๆ อยู่ๆ ก็นึกขำขึ้นมา ไปๆ ไอ้ปั้น ไปซื้อป๊อปคอร์นกัน”
   “มึงไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ปั้นใจที่โดนตบบ่าพูดขึ้นมาพลางขมวดคิ้วมองเพื่อน
   “พูดอะไรวะ”
   “เรื่องที่นั่งไง” ปั้นใจที่หน้ามุ่ยไปแล้วทำเอาฟางถึงกับหัวเราะออกมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้พาฝันเองก็เช่นกัน ส่วนผมนั้นก็ได้แต่ยืนกลั้นยิ้ม
   ก็ใบหน้าเหมือนเด็กถูกขัดใจของเขานี่น่าดูไม่น้อยเลยนี่นา
   “จะให้พูดอะไรวะ ถึงกูจะอยากนั่งกับพาฝันเพราะเป็นแฟนกัน แต่ถ้าฝันอยากนั่งกับเพื่อนบ้างจะให้กูพูดอะไรได้...” ฟางพยายามกลั้นขำไว้แล้วพูดออกมา มือก็ตบบ่าปั้นใจไปด้วย ส่วนคนที่ตอนนี้ดูท่าจะอารมณ์เสียที่สุดในกลุ่มก็ได้แต่ปัดมือคนข้างๆ แล้วเดินออกไปทันที ซึ่งผมคิดว่าน่าจะไปซื้อป๊อปคอร์นนั่นล่ะ “เฮ้ย รอด้วยดิ กูไปด้วย !”
   “เห็นมึงละหงุดหงิด ไปไกลๆ”
   “อะไรวะไอ้ปั้น ทำบ่นเดี๋ยวก็ต้องดูหนังนั่งตัวติดกันละ มึงไล่กูไม่ได้หรอก”
   “กูไม่นั่งกับมึง”
   “ฮ่าๆๆๆๆ กูบอกมึงแล้วว่าให้เลือกที่นั่งติดๆ กันก็ไม่เชื่อ”
   ดูเหมือนแผ่นหลังของคนสองคนที่อารมณ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ส่วนพาฝันเองตอนนี้ก็อารมณ์ดีสุดๆ ไปแล้วจากหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องที่มีเจ้ามือเลี้ยงทั้งหนังและป๊อปคอร์น ส่วนอีกเรื่องก็คง...
   “ปั้นใจแม่งตลกว่ะ กูเพิ่งเคยเห็นมุมนี้ น่ารักใช้ได้ ฮ่าๆๆๆ”
   ก็คงเป็นเรื่องที่แกล้งปั้นใจได้ล่ะนะ   
   ผมไม่ได้ตอบอะไร คงเพราะได้เห็นท่าทางแบบนี้ของปั้นใจอยู่บ้าง แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าผมเองก็รู้สึกตลกกับท่าทางของเขาจริงๆ
   อ่า...ทั้งๆ ที่ผมไม่ชอบแกล้งใคร ไม่ชอบที่ถูกใครแกล้งและก็ไม่อยากเห็นคนอื่นโดนแกล้ง...
   แต่ทำไมพอเป็นปั้นใจแล้วผมถึงหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะเนี่ย !

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เกลือออออ ใจร้ายยยยยยยยยยกับปั้นไปปะ  :hao3:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
55555 น่ารักจัเงลยค่ะ
เอ็นดูความเด๋อและความซื่อของเกลือ
เกลืออาจจะมีระแวงเรื่องคนอื่นมองแบบไหนบ้าง
แต่เป็นคนคิดบวก เลยไม่ค่อยคิดนาน ก็ดีไป

ปั้นใจ เจ้าคนไม่มีประสบการณ์ พอมารุกคนเด๋อ
เลยต้องหวงกันไป ตามติดกันไปแบบนี้แหละ

ตอนแรกคิดว่าเกลือเข้าใจที่ปั้นบอกชอบ แล้วคิดว่าแกล้ง
กลายเป็นเกลือคิดจริงว่า ปั้นชอบที่ได้เป็นเพื่อนกัน แป่วววว

ตลกฟางกับพาฝัน ลุ้นก็แล้ว กระตุ้นก็แล้ว ยังเงียบกริบ

ออฟไลน์ merizel-rada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-0
ตอนที่ 18

   “ฮัดชิ้ว !”
   ผมรีบหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที โดยตอนนี้ตรงหน้าก็มีถุงพลาสติกที่ด้านในมีกระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วอยู่เต็มถุง
   เป็นหวัด...
   ดูเหมือนอาการป่วยที่แวะเวียนมาหาผมบ่อยครั้งจะกลับมาอีกแล้ว ซึ่งมันเป็นการป่วยที่น่ารำคาญมาก เพราะตอนนี้ผมทั้งคัดจมูก ตาจะปิด แถมยังรู้สึกว่าอยากจะจามไม่หยุด
   พูดถึงก็มาอีกแล้ว
   “ฮะ...ฮะ...”
   “ฮัดเช้ย”
   อึก !
   ผมที่เตรียมจะจามออกมาเต็มที่ก็ชะงักกึกหลังจากที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง พอหันไปมองก็เจอกับพี่เพชรที่เมื่อสักครู่เขาได้ลงมือแกล้งผมไปเรียบร้อยแล้ว
   งื้อ...
   “พะ...พี่เพชรสวัสดีครับ” ผมที่ทักขึ้นโดยที่มือก็ถูจมูกไปด้วย รู้สึกอึดอัดสุดๆ หลังจากที่การจามเมื่อสักครู่สะดุดไป ซึ่งคนแกล้งก็ได้แต่ยิ้มรับก่อนจะเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับผม
   “เป็นหวัดเหรอเรา”
   “ครับ แต่เดี๋ยวก็หาย” ผมว่ายิ้มๆ พลางดึงทิชชู่มาซับน้ำมูกด้วย ซึ่งพี่เพชรเองก็ไม่ถามอะไรต่อ ได้แต่มองไปรอบๆ แล้วหันมาถามผมอีกครั้ง
   “เพื่อนๆ ยังมามาสินะ”
   “ผมชอบมาเช้า วันนี้มีเรียนตั้งสิบโมง”
   “ทำไมถึงมาเช้า”
   “ติดรถแม่มาครับ ผมไม่ค่อยชอบเดินทางเอง” ผมตอบตามความจริง ทำให้พี่เพชรยิ้มขำ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนที่เขาจะจะจัดการดึงกระดาษทิชชู่แล้วยื่นมาให้ผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะหยิบมัน “ขอบคุณครับ”
   “แล้วกินอะไรหรือยัง”
   “กินขนมปังแล้วครับ”
   “อิ่มเหรอ กินแค่นั้นเอง”
   “อ่า...ก็อยู่ท้องนะ”
   “เช้านี้กินข้าวกับพี่หน่อยสิ” คำขอของพี่เพชรทำให้ผมมองอย่างแปลกใจ อีกฝ่ายเองก็มองมาราวกับรอคำตอบ ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
   “ก็ได้ครับ”
   “กินอะไรดี เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” พี่เพชรยิ้มกว้างทันทีเมื่อผมตอบรับ ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้น ผมเลยทำท่าว่าจะลุกตาม แต่อีกฝ่ายรีบห้ามไว้ “รออยู่นี่ก็ได้”
   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปช่วยถือดีกว่า จะได้ซื้อน้ำด้วย”
   “อ่า...เค”
   พี่เพชรพยักหน้ารับก่อนจะเดินมาหาผมที่ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ว เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ผมที่โดนกระทำก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเพราะคิดว่าเขาคงชอบทำแบบที่คนอื่นๆ ชอบนั่นล่ะ อย่างมากเขาก็ไม่ได้หยิกแก้มผมแบบพาฝัน หรือจับแก้มแบบปั้นใจ
   ถ้าโดนพี่เพชรทำแบบนั้นอีกคน ผมคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ
   “เช้าๆ ร้านเปิดน้อยแฮะ...”
   “ผมกินข้าวมันไก่ดีกว่า” ผมที่ตัดสินใจหลังจากที่มองไปรอบๆ แล้วก็เลือกได้ทันทีว่าเช้านี้คงต้องเป็นข้าวมันไก่ เพราะอยากกินน้ำซุปร้อนๆ ด้วย พอหันไปมองคนที่จะร่วมทานมื้อเช้าด้วยกัน อีกฝ่ายก็กำลังไล่พิจารณาแต่ละร้านพลางทำท่าคิด แต่สุดท้ายก็มาจบที่ร้านเดียวกับผมจนได้
   “งั้นพี่กินข้าวมันไก่ด้วยดีกว่า”
   พี่เพชรว่าก่อนจะยกแขนขึ้นกอดคอผมแล้วพาเดินไปที่ร้านข้าวมันไก่โดยที่อีกฝ่ายเป็นคนสั่งทั้งสองจานและจ่ายเงินให้ด้วย พอผมทำท่าว่าจะจ่ายคืน เขาก็บอกว่าจะเลี้ยงในฐานนะพี่รหัส ผมที่ไม่เข้าใจในระบบพี่น้องรหัสนักเลยได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนที่พี่เพชรที่รับจานข้าวมาทั้งสองจานจะเดินนำผมไปที่ร้านน้ำ ซึ่งพี่เขากินเพียงน้ำเปล่า และเมื่อเห็นว่าพี่เพชรเป็นคนจ่ายอีกครั้ง ผมเลยเลือกน้ำเปล่าที่ราคาถูกที่สุดในร้านมาเท่านั้น
   “วันนี้พี่เพชรเรียนเช้าเหรอครับ” ผมถามขึ้นในขณะที่เราทั้งคู่กลับมานั่งที่โต๊ะแล้ว
   “ใช่ เรียนเช้าน่าเบื่อมากกกกก” พี่เพชรลากเสียงยาวๆ แสดงออกว่าเขากำลังเบื่อจริงๆ
   “น่าเบื่อกว่าตอนเรียนปีหนึ่งมั้ยครับ”
   “อืม...พี่ว่าพอๆ กันนะ”
   “งั้นผมคงต้องทนอีกนานเลย” ผมหัวเราะเบาๆ ทำให้พี่เพชรยิ้มตาม ก่อนที่เราทั้งคู่จะเริ่มมื้อเช้ากัน ซึ่งการกินข้าวมันไก่กับน้ำซุปร้อนๆ ในเช้านี้ไม่ได้แย่นัก พี่เพชรชวนผมคุยบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้มื้อนี้ไม่น่าเบื่อ และผมก็แอบดีใจที่อย่างน้อยในตอนที่ผมอยู่คนเดียวยังมีรุ่นพี่คนนี้มาอยู่เป็นเพื่อน
   Rrrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง ช่วงนี้ผมเริ่มชินกับการติดต่อที่มากขึ้นแล้ว เลยเปลี่ยนจากการเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายเป็นกระเป๋ากางเกงแทน เพื่อที่จะได้ไม่ลำบากตอนใครสักคนโทรมา
   ซึ่งแน่นอนว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาบ่อยครั้งในโทรศัพท์ของผมนั้นคือปั้นใจนั่นเอง
   “ฮัลโหล...”
   {ไง...} ที่ผมวางมือจากการกินข้าวแล้วมาเริ่มสนทนากับคนที่โทรมาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเสียงของอีกฝ่ายนั้นแหบพร่าจนผมรับรู้ได้ {ตอนนี้อยู่ ม. แล้วเหรอ}
   “อือ กำลังกินข้าวอ่ะ”
   {กินคนเดียวเหงาหรือเปล่า}
   “อ่า...วันนี้พี่เพชรมากินเป็นเพื่อน” ผมตอบกลับไป และนั่นก็ทำให้ปั้นใจเงียบไปทันทีจนผมแอบเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะจากน้ำเสียงแล้วเขาคงไม่สบายแน่ๆ “ปั้น เป็นอะไรหรือเปล่า”
   {เปล่า}
   “ไม่สบายเหรอ วันนี้มาเรียนไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวพักนะ” ผมพูดไปทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ได้บอกว่าเขาเป็นอะไร แต่ช่วงนี้ปั้นใจทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยค่อนข้างเยอะ และไม่แปลกที่เขาจะป่วยบ้าง แต่มันก็ทำให้ผมแปลกใจจริงๆ ที่คนแข็งแรงอย่างเขาป่วยได้
   ตะ...ต้องหนักแน่ๆ
   {ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ไข้หวัด}
   “พร้อมใจกันเป็นเลยอ่ะ”
   {หืม...}
   “อ่า...จริงๆ เราเป็นแค่หวัด” ผมพูดขึ้น ทำให้อีกฝ่ายแค่ขานรับเบาๆ เท่านั้น
   ว่าแต่...
   ผมลืมพี่เพชรไปเลย !
   ผมที่ตอนแรกวางมือจากการกินมื้อเช้าแล้วมาคุยโทรศัพท์ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามหลังจากที่ลืมเขาไปสนิท ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงลงมือกินข้าวอยู่ พอเขาเห็นว่าผมมองเจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มมาให้ราวกับไม่ถือสาเรื่องที่ผมคุยโทรศัพท์ตอนกินข้าวแบบนี้
   งื้อ...ขอโทษครับ...
   {เหมือนจะป่วยหนัก แค่ก...} ปั้นใจพูดโดยที่ไอออกมาด้วย ทำให้ผมต้องกลับมาสนใจกับคนในสาย
   “ปะ...เป็นอะไรมากมั้ย...”
   {ปวดหัว แล้วก็มึนๆ ตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย}
   “กินข้าวหรือยังอ่ะ ต้องกินยาด้วยนะ”
   {ยัง ไอ้ฟางไม่อยู่น่ะ ปั้นลุกไม่ไหว...} เสียงที่แหบลงราวกับคนจะหมดแรงของปั้นใจทำให้ผมรู้สึกร้อนรนตามไปด้วย รู้สึกเป็นห่วงคนป่วยก็รู้สึก แต่รู้สึกเกรงกลัวความคิดของตัวเองเช่นกัน
   มะ...ไม่ดีแน่ๆ ไอ้เกลือ !
   “ปะ...ปั้น...”
   {หืม...}
   “เดี๋ยวเราซื้อข้าวกับยาไปให้ที่ห้องนะ !” ผมพูดขึ้นโดยที่ปากดูเหมือนจะไปก่อนสมองคิดแล้ว นี่แหล่ะเป็นสิ่งที่ผมเกรงกลัว
   ผะ...ผมอยากโดดเรียนไปดูแลเขา
   แม่รู้ต้องโกรธแน่ๆ ฮื้อ...
   {จะมาเหรอ}
   “อื้อ”
   {แต่เดี๋ยวมีเรียนนี่}
   “มะ...ไม่เป็นไรหรอก แค่วิชาเดียว คราวหน้าเราจะไม่โดด...” ผมพูดโดยที่ใจก็เต้นแรงไปด้วย เพราะเมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะโดดเรียนเพื่อไปดูหนัง วันนี้ก็จะโดดอีก คงไม่ดีแน่ๆ
   {ไม่ต้องมาหรอก เรียนเถอะ วิชาเดียวเอง}
   “แต่...”
   {จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดที่โดดเรียนด้วย ถ้าอยากมาหาจริงๆ ไว้หลังเรียนเสร็จก็ได้...คิดว่าตอนนั้นน่าจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง...}
   “อื้อ งั้นเรียนเสร็จเราจะรีบไปหานะ !”
   {...}
   “ปั้นต้องหาข้าวเช้ากินด้วย เข้าใจมั้ย”
   {อ่า...รับทราบครับ}
   ปั้นใจขานรับอย่างว่าง่าย ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ก่อนที่ทางฝั่งนั้นจะขอตัววางสายไป ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถึงตอนเช้าผมจะไปหาเขาไม่ได้ แต่หลังเรียนเสร็จผมจะหิ้วข้าวกลางวันไปให้เขาแน่ๆ
   รอก่อนนะ !
   ผมที่มีเป้าหมายหลังเลิกเรียนนอกจากการนั่งร้านขนมเพื่อรอแม่แล้วก็ได้แต่รีบลงมือกินข้าวเช้า แม้ไม่รู้ว่าจะรีบทำไมก็ตาม เพราะยังไงผมก็ต้องเข้าเรียนตอนสิบโมงอยู่แล้ว
   “เพื่อนป่วยเหมือนกันเหรอ”
   “ใช่ครับ หวัดน่าจะระบาดแน่ๆ เลย พี่เพชรระวังติดจากผมนะ”
   “ฮ่าๆ พี่แข็งแรง ไม่ติดง่ายๆ หรอก” พี่เพชรหัวเราะ ข้าวในจานของเขาหมดแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังกินไม่หมดสักที “เกลือกับปั้นนี่เป็นเพื่อนสนิทกันสินะ”
   คำถามของพี่เพชรทำให้ผมชะงักไป ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้กำลังเท้าคางมองผมแล้วยิ้มออกมาราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำถามที่ถามผมนัก ส่วนผมเองก็ต้องคิดคำตอบออกมา แม้มันจะไม่ใช่คำถามที่ยากขนาดนั้น
   “อ่า...ครับ แต่ถ้าเพื่อนสนิทจริงๆ ของปั้นใจน่าจะเป็นฟางมากกว่า ผมกับปั้นแค่จบ ม.ปลายที่เดียวกัน...”
   “อ้อ...”
   “แต่เรียนด้วยกันแค่ครึ่งเทอม ผมว่าผมเพิ่งมาคุยกับปั้นมากกว่า” ผมพูดโดยที่พี่เพชรก็พยักหน้าตามและเป็นผู้ฟังที่ดี พอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มพูดเยอะไปผมจึงยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะกินข้าวที่เหลืออยู่น้อยนิดให้หมด
   “เกลือ”
   “ครับ”
   “คือพี่อยาก...”
   “อ้าว ไอ้เพชร !” เสียงของบุคคลที่สามที่ดังขึ้นขัดบทสนทนาของผมกับพี่เพชร ทำให้พวกเราต้องหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาทักทาย น่าจะเป็นเพื่อนของพี่เพชรนั่นล่ะ “มัวนั่งทำอะไรอยู่วะ ไม่เข้าเรียนเหรอ”
   “ไงไอ้พัค มึงก็มาสายเหมือนกันนะ”
   “เออ รีบอยู่เนี่ย สายไปหลายนาทีละ !” คำพูดของเพื่อนพี่เพชรทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าพี่เขามีเรียนเช้า และนี่ก็แปดโมงกว่าแล้ว แต่ตัวพี่เพชรยังมานั่งกินข้าวกับผมอยู่เลย
   “เออๆ ไปก่อน เดี๋ยวกูรีบตามไป” พี่เพชรโบกมือไล่เพื่อนเขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมายิ้มให้ผมแล้ววิ่งออกไป จนตอนนี้เหลือแค่ผมกับพี่เพชรเหมือนเดิม อีกฝ่ายจึงหันมามองทางผมอีกครั้ง พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ “งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ”
   “อ่า...ครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับพี่เพชร” ผมที่ตอนแรกอยากจะถามถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาก็ต้องเก็บไว้ก่อน เพราะพี่เพชรเองก็น่าจะต้องรีบตามเพื่อนเขาไป
   “อืม” พี่เพชรยิ้มให้ผมเหมือนอย่างเคย ก่อนที่เขาจะจัดการเอาจานของผมไปซ้อนกับของตัวเอง แล้วลุกถือมันออกไป ผมที่มองตามก็ไม่ได้ทักท้วง แม้จะพูดขอบคุณอีกครั้งก็เหมือนจะไม่ทันแล้ว ได้แต่คิดว่าครั้งหน้าคงต้องตอบแทนเขาบ้างเท่านั้น
   ก็วันนี้พี่เพชรทั้งเลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ นั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแล้วยังเก็บจานให้อีก
   อ่า...
   รู้สึกเหมือนไปติดหนี้ก้อนโตเข้าแล้วสิ...




   วันนี้เป็นวันที่ผมเหงามาก แม้ทุกวันจะมีเพื่อนน้อย แต่อย่างน้อยก็ยังมี วันนี้พาฝันไม่มาเพราะมีธุระกะทันหันกับที่บ้าน ปั้นใจไม่มาเพราะป่วย ทำให้การเรียนช่วงเช้าของผมเงียบเหงาจากเดิมมาก แม้จะนั่งในห้องเรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่านานสุดๆ
   ฮื้อ หายไปหมดเลย
   ผมที่ตอนนี้กำลังเก็บของใส่กระเป๋าก็ได้แต่ถอนหายใจ หลังจากที่ฝ่าฝันการเรียนที่น่าเบื่อนี่มาได้ และคิดว่าสิ่งที่ผมจดไว้มันคงมีประโยชน์กับพาฝันและปั้นใจแน่ๆ ก็ได้แต่ใจชื้นขึ้นมา
   Rrrrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมที่นั่งห่อเหี่ยวตอนแรกยืดอกขึ้น ก่อนจะหยิบมันขึ้นมารับสายจากคนป่วยที่ตอนนี้น่าจะยังนอนซมอยู่ และผมก็แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้โทรมาถูกเวลาขนาดนี้ คงไม่ได้รอเวลาผมเลิกเรียน...
   มะ...ไม่ใช่หรอกมั้ง แค่บังเอิญ...
   {เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย}
   “อะ...อือ อาจารย์เพิ่งออกไปเมื่อกี๊เลย” ผมตอบและลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋ามาสะพาย ซึ่งเสียงของปั้นใจไม่ได้ต่างจากตอนเช้าเลย ออกแหบและเบา ราวกับคนพูดกำลังจะหายไปซะอย่างอย่างนั้น “แล้วปั้นดีขึ้นบ้างหรือยัง หวัดเราหายแล้วนะ”
   ผมว่าตามความจริงแม้จะไม่ทั้งหมดเพราะน้ำมูกยังมีอยู่เล็กน้อย พอกินยาเข้าไปน้ำมูกก็เริ่มน้อยลง ไม่จามแล้วด้วย แต่ความง่วงที่เข้ามาแทนที่นี่สิน่ากลัวสุดๆ ผมเกือบฟุบหลับกับโต๊ะตั้งหลายหนแหน่ะ
   {ไม่ต้องมาหาหรอก กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า ป่วยไม่ใช่เหรอ}
   “เราไม่เป็นไร ที่สำคัญเราจะรอแม่อ่ะ...” ผมพูดตามความจริงเพราะเย็นนี้แม่ผมสัญญาว่าจะพาไปกินอาหารนอกบ้านหลังเลิกงาน ผมเลยไม่อยากให้แม่ขับรถเข้าไปรับแล้วออกมาหลายหน ถ้าผมกลับบ้านแล้วจะออกมาอีกครั้งก็ลำบากด้วย เพราะซอยในหมู่บ้านค่อนข้างไกลถนนเลยนี่สิ “เอ่อ...ปั้นจะพักผ่อนหรือเปล่า เราไม่ไปก็ได้นะ”
   {เปล่า แล้วนี่อยู่ไหน}
   “กำลังจะเดินออกจากห้องอ่ะ”
   {มาที่หอถูกหรือเปล่า}
   “ถูก ใกล้ๆ เอง คราวก่อนฟางก็พาเดินไป สบายมาก”
   {อืม มาคนเดียวได้แน่นะ ให้ไปรับมั้ย}
   “ไม่เป็นไร เราไปได้จริงๆ ว่าแต่ปั้นเถอะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เดี๋ยวเราซื้อเข้าไปให้”
   {เอาอะไรก็ได้ ง่ายๆ ไม่ต้องรอนาน}
   “อะ...อือ”
   {ถ้ามาถึงแล้วโทรมาบอกนะ เดี๋ยวลงไปรับ}
   “อืม”
   ผมขานรับ ดูเหมือนปั้นใจจะเป็นไม่ค่อยไว้ใจให้ผมมาคนเดียวเท่าไหร่ แม้ผมจะไม่รู้สาเหตุก็เถอะ เขาอาจจะกลัวผมหลงก็ได้ แต่หอของเขาอยู่ใกล้จริงๆ เดินแค่แป๊บเดียวก็ถึง และผมก็คิดว่าถ้าได้ไปนั่งเล่นที่ห้องเขามันคงจะดีกว่าการนั่งรอเฉยๆ ที่มหาวิทยาลัย จะได้ดูแลเขาไปด้วยเพราะปั้นใจก็ดูแลผมมาตั้งเยอะนี่นา
   ผมที่หาเหตุผลให้ตัวเองหลังจากที่ตัดสินใจไปหาปั้นใจได้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาพลางเก็บโทรศัพท์ที่วางสายไปแล้วเข้ากระเป๋า ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินไปที่หอของคนป่วย และถึงแม้ว่าผมจะหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาให้ตัวเองได้ว่าวันนี้ที่ผมไปหาเขาเพราะอะไร แต่ผมก็อดยอมรับกับจากใจตัวเองลึกๆ ไม่ได้ว่าความเป็นจริงแล้วผมไม่ได้มีเหตุผลมากขนาดนั้นเลย
   ผมก็แค่เป็นห่วงปั้นใจ...
   แค่นั้น...

ออฟไลน์ tarnting2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่เพชรนี่ดูแปลกๆ จะจีบเกลือหรอ คนนั้นของปั้นใจนะ
รอตอนต่อไปค่า อยากรู้ว่าปั้นใจจะหยอดอะไรเกลือบ้าง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หวัดหายก็คราวนี้ล่ะ มียา(ใจ)ไปหาถึงห้องปั้น  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด