ตอนที่ 7
“มะ...แม่...”
“ว่าไงน้องเกลือ”
“เกลือมีชุดไหนเท่ๆ บ้าง” ผมพูดโดยที่ตอนนี้ก็เดินวนไปวนมาในบ้าน หลังจากที่แม่ไปรับผมที่มหาวิทยาลัยแล้วดูเหมือนผมจะคิดไม่ตกเรื่องที่ปั้นใจชวนออกไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้
และผมก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาด้วย
“หืม มีอะไรหรือเปล่า”
“คะ...คือเกลือจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน เกลือเลยอยากดูดีในสายตาเขา” ผมพูดออกมาตามตรงพลางมองแม่ที่ตอนนี้ตาโตไปเรียบร้อย ก่อนที่แม่จะเดินเข้ามาหาผม
“หมูอ้วนของแม่จะไปเดทเหรอเนี่ย ~” แม่ผมพูดด้วยท่าทีตกใจและแสดงรอยยิ้มว่าดีใจออกมาตามๆ กัน ก่อนที่ผมจะรีบส่ายหัวรัวๆ แต่ดูเหมือนแม่จะเชื่อไปอย่างนั้นซะแล้ว “สาวที่ไหนกัน พามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างสิ”
“ไม่ใช่สาว แล้วเกลือก็ไม่ได้ไปเดทด้วย”
“หืม...”
“ปั้นใจชวนเกลือออกไปเที่ยวพรุ่งนี้...”
“...”
“เอ่อ...แบบเพื่อน...” ผมพูดเสียงเบาพลางหลบสายตาของแม่ด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้ แต่สายตาของคนตรงหน้านั้นทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“อ่า...”
ทำไมแม่ต้องเหมือนไม่เชื่อผมด้วยล่ะ งื้อ...
“อะ...เอ่อ...”
“เดี๋ยวแม่หาชุดให้นะ”
“ขอบคุณครับ...”
“หมูอ้วนของแม่ใส่ชุดไหนก็เท่”
“...”
“เชื่อมือแม่ได้เลย”
“กระต่ายเหลืองเหรอ”
เสียงทักของปั้นใจคำแรกทำให้ผมอยากจะยกมือมาปิดหน้าด้วยความอาย หลังจากที่เมื่อวานผมให้แม่ช่วยเลือกเสื้อผ้า แม่ผมก็ตรงไปหยิบเสื้อฮู้ดสีเหลืองแบบแขนสั้นและมีหมวกด้านหลังที่เป็นหูกระต่าย
มันเท่ตรงไหนเนี่ย...
“แม่ช่วยเลือกอ่ะ” ผมพูดออกไปตามความจริง เพราะไม่อยากให้ปั้นใจหัวเราะผมนัก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนผมนั้นก็เอาแต่ก้มหน้า วันนี้เรานัดเจอกันที่หน้า ม. โดยที่แม่อาสาขับรถมาส่งผมถึงที่ และปั้นใจก็ได้ไหว้แม่ผมไปแล้วด้วย เพราะแม่ดูเหมือนจะดีใจมากที่มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยชวนผมออกมาเที่ยว
อืม...จริงๆ วันนี้ปั้นใจดูดีๆ มากๆ เขาใส่เสื้อยืดเรียบๆ แล้วทับด้วยเสื้อแขนยาวสีดำอีกที ส่วนกางเกงก็ขายาวแตกต่างจากผมที่เป็นขี้ร้อนจึงเลือกแบบแค่เลยหัวเข่าลงมาเล็กน้อยเท่านั้น
“เหมือนหนูมากกว่ากระต่าย...”
“หะ...หืม...”
“ช่างมันเถอะ” ปั้นใจพูดก่อนจะเอื้อมมือมาจับฮู๊ดกระต่ายของผมขึ้นทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขางงๆ จนกระทั้งอีกฝ่ายจัดหมวกมีหูให้ผมเสร็จแล้ว “ไปกัน”
“อื้อ”
ผมพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่ปั้นจะเดินออกไปโบกแท็กซี่ ซึ่งผมที่ยืนรอในร่มไม่นานเข้าก็กวักมือเรียกผมเมื่อแท็กซี่มาจอดเทียบข้าง ทำให้ผมรีบเดินออกไปซึ่งปั้นใจก็เปิดประตูรอแล้วโดยเขาให้ผมเข้าก่อน ตามด้วยร่างสูงข้างๆ ไม่นานเราทั้งคู่ก็มาอยู่ในรถแอร์เย็นๆ และที่ๆ ปั้นใจจะไปนั้นก็เป็นห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ม. ทำให้ผมที่ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวกับเพื่อนบ่อยนักก็ได้แต่แอบตื่นเต้นอยู่ในใจ
“กินข้าวมาหรือยัง”
“กินแต่ข้าวเช้า” ผมตอบไปตามความจริง เพราะผมก็คนที่ขาดข้าวเช้าไม่ได้ ทำให้ปั้นใจพยักหน้ารับ ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว และผมเชื่อว่ายังไงวันนี้ผมคงได้นั่งกินข้าวกับปั้นใจอีกแน่ๆ แม้ที่ ม. จะนั่งอยู่บ่อยครั้งก็เถอะ แต่ความรู้สึกมันคงไม่เหมือนกัน “แล้วปั้นกินหรือยัง”
“ยัง”
“อ่า...งั้นเดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน”
“อืม อยากกินอะไรหรือเปล่า”
“อะไรก็ได้”
“มึงเลือกเลย”
“ไม่เอา เราแล้วแต่ปั้น”
“กูยังไงก็ได้”
“แต่...”
“งั้นไปถึงค่อยเลือกแล้วกัน” ปั้นใจเลือกที่จะตัดบทขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเองก็ไม่ยอมเขาเช่นกัน ก่อนที่ตัวเองจะพยักหน้ารับแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความประหม่าแม้จะเป็นแค่การถกเถียงกันเรื่องมื้อกลางวันก็ตาม ไม่นานรถแท็กซี่ก็พาพวกเรามาส่งที่จุดหมาย โดยปั้นใจที่จ่ายเงินและออกไปก่อนก็ยืนรออยู่หน้าประตูรอผมให้ตามออกไป
“ค่ารถ...”
“ไปด้านในกัน ร้อน” ปั้นใจที่พูดขัดขึ้นมาก่อนจะออกเดินนำผมเข้าไปด้านใน ซึ่งแดดเวลานี้ก็ร้อนจริงๆ ทำให้ผมได้แต่เดินตามเขาเข้าไปอย่างว่าง่าย ไม่นานแอร์เย็นๆ ภายในห้างก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา แต่เผลอยิ้มได้แป๊บเดียวก็ต้องหุบปากลงเมื่อคนที่มาด้วยหันมามอง “หายร้อนมั้ย”
“อื้อ เย็น”
ผมบอกเมื่อเขาถามแบบนั้น ผมเองก็ชอบอากาศเย็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอเข้ามาก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก ก่อนที่ปั้นใจที่หันมาสนใจผมอยู่จะพูดขึ้นเบาๆ
“ทำอะไรก่อนดี...”
“ไปกินข้าวมั้ย ปั้นยังไม่ได้กินนี่”
“เพิ่งกินมาไม่ใช่เหรอ หิวแล้วหรือไง”
“จริงๆ กินตั้งแต่แปดโมงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวปั้นเป็นลม”
“ไม่เป็นหรอก”
“เดี๋ยวปวดท้อง”
“ไม่เคยเป็น”
“อ่า...”
“เป็นห่วงกูเหรอ” คำถามของปั้นใจทำให้ผมที่ตอนแรกไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร จนผมไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับคำถามที่ถามผมออกมา
อาจจะถามเพราะผมไปยุ่งกับเขามาเกินไป
หรือเขาอาจจะแค่อยากรู้เฉยๆ
ผมที่คิดหนักกับคำถามตรงหน้าเพราะไม่รู้จะตอบยังไง สุดท้ายก็ได้แค่พยักหน้าตามความจริงที่ผมคิดว่าผมเป็นห่วงเขาเท่านั้น
ก็ปวดท้องเพราะอดข้าวไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนี่นา...
“งั้นเดี๋ยวไปเช็ครอบหนังแล้วไปกินข้าวกัน” คำพูดของคนข้างๆ ทำให้ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะพยักหน้า
สรุปการมาเที่ยวกับเพื่อนวันนี้ของผมคือการกินข้าวแล้วก็ดูหนัง
ตื่นเต้นจัง
“ปั้นเป็นเพื่อนคนแรกเลยที่ชวนเรามาดูหนัง”
“อืม”
“ขอบคุณนะ”
ผมพูดขึ้นเพราะรู้สึกดีจริงๆ เรียกว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ผมเคยมาดูหนังกับแม่อยู่บ้างนานๆ ทีแต่ไม่เคยมากับเพื่อนสักครั้ง คงจะมีปั้นใจนี่ล่ะที่เลือกชวนผมมา
นิสัยดีจริงๆ ด้วย...
“ดูเรื่องอะไรดี” คนข้างๆ ผมหันมาถามหลังจากที่เราทั้งคู่เดินมาถึงป้ายโชว์รายการหนังที่ใกล้จะฉาย และฉายไปแล้ว ทำให้ผมได้แต่มองไปตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วยุ่ง
อ่า...เรื่องอะไรดี
“จริงๆ แล้วเราดูอะไรก็ได้...”
“เลือกมาเลย วันนี้ตามใจ”
“อ่า...”
ผมที่ตอนนี้คิดหนักเมื่อโดนโยนหน้าที่ในการเลือกหนังในวันนี้ก็ได้แต่จ้องไปที่ภาพตรงหน้าก่อนจะตาโตเมื่อเห็นว่ามีการ์ตูนที่ผมจำได้ว่าคลับคล้ายคลับคาว่าจะมีกระแสอยู่ตอนนี้ ก่อนที่ตัวเองจะหันไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองไปด้านหน้าเหมือนกัน โดยคิดว่าถ้าชวนปั้นใจดูการ์ตูนเขาจะมองว่าผมเด็กหรือเปล่า
แต่ผมแก่กว่าปั้นใจตั้งสองปีนะ...
“คิดได้หรือยัง”
“อะ...อื้อ”
“เรื่อง...?”
“อ่า...อยากดูอันนั้น” ผมว่าก่อนจะชี้ไปที่การ์ตูนที่เพิ่งเข้าโรงได้สองสามวันและผมก็ได้ดูตัวอย่างมันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ใจคิดว่าจะไว้รอดูออนไลน์เอาเพราะว่าช่วงนี้แม่ไม่ว่างด้วย แต่พอผมพูดออกไปแล้วก็รีบชักมือกลับแล้วก้มหน้าเมื่อเห็นว่าปั้นใจนั้นหันไปมองตามแล้วเงียบไป “ถ้าปั้นไม่ชอบเราไม่...”
“เรื่องนี้ก็ได้ กูก็อยากดูเหมือนกัน”
“จริงเหรอ”
“อืม” คำตอบของปั้นใจทำให้ผมเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มกว้างออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะส่งยิ้มบางๆ มาให้ และนั่นก็ทำให้ผมหน้าร้อนฉ่ากับรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูบ่อยนักของเขา และยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อปั้นใจก็ออกเดินไปซื้อตั๋วหนังแล้วโดยทิ้งให้ผมยืนใจเต้นกับตัวเองอยู่ที่เดิม
อยากเห็นอีก...
ตะ...ต้องทำยังไงถึงจะได้เห็นอีก...
“กูเลือกรอบบ่ายสองไว้ เดี๋ยวไปกินข้าวกันก่อนแล้วมาค่อยมาดูหนัง”
“...”
“ว่าไง”
“อะ...อื้อ !” ผมที่ตอนแรกมองใบหน้าของเขาตอนพูดเพลินๆ ก็รีบพยักหน้ากับคำถามย้ำของปั้นใจ และก็เพิ่งนึกได้อีกแล้วว่าเขาจ่ายค่าตั๋วหนังให้ผมอีกแล้ว “ปั้น ค่าตั๋ว...”
“เดี๋ยวเลี้ยง”
“เอ่อ...” ผมพูดไม่ออก เพราะดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมจะพูดอะไร และนี่ปั้นใจก็จ่ายให้ผมตั้งแต่ค่ารถ ค่าตั๋วแล้ว ถ้าอย่างนั้นค่าข้าว... “งั้นข้าวเราขอเลี้ยงเองได้มั้ย”
“วันนี้เดี๋ยวกูจ่ายเอง กูเป็นคนชวนมึงมานะ”
“อ่า...” ผมได้แต่มองเขาที่พูดออกมาพลางเก็บตั๋วหนังเข้ากระเป๋า ทำให้ผมได้แต่คิดว่าส่วนใหญ่เพื่อนชวนเพื่อนเที่ยวนี่คนชวนต้องเป็นคนเลี้ยงงั้นเหรอ “งั้นคราวหน้าให้เราเลี้ยงปั้นบ้างได้มั้ย”
“คราวหน้า” คำถามของผมทำให้ปั้นใจเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ผมเลยพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่ตัวเองจะได้เห็นรอยยิ้มที่ผมอยากจะเห็นนักเห็นหนาอีกสักครั้งของเขาเข้าจริงๆ แม้จะเพียงครู่เดียวก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าผมได้เห็นอีกครั้งแล้ว “ได้”
“อะ...อื้อ !”
“คราวหน้าที่ว่า...”
“..”
“เป็นวันอาทิตย์นี้เลยดีมั้ย”
“อะ...เอ๋...”
“ออกมาเที่ยวกันอีกไง”
“...”
“หรือไม่สนุกที่มากับ...”
“ได้สิ ได้ๆ วันอาทิตย์...” ผมรีบพยักหน้าเมื่อเห็นว่าปั้นใจจะพูดอะไรที่ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นขึ้นมา ผมสนุกและดีใจที่ได้มาเที่ยวกับเขา แล้วถ้ามีครั้งหน้าอีกก็คงจะดีไม่น้อย “งั้นเราขอเป็นคนชวนบ้างนะ”
“อืม”
“เอ่อ...วันอาทิตย์นี้...”
“...”
“ปั้นออกมาเที่ยวกับเราอีกได้มั้ย”
รู้สึกว่าการเที่ยวในวันนี้จะผ่านไปด้วยดี เพราะหลังจากที่ผมกับปั้นใจกินข้าวกันด้วยเมนูง่ายๆ ก็ไปดูหนังต่อ ซึ่งการ์ตูนที่ผมเลือกและปั้นใจบอกว่าอยากดูเช่นกันนั้นสนุกอย่างที่ผมคิดไว้จนทำให้ผมยิ้มมาได้ตลอดทางตั้งแต่ออกจากโรง และตอนนี้เองผมก็กำลังพูดจ้อไม่หยุดทั้งๆ ที่ในมือก็มีไอศกรีมวนิลาที่ต้องรับผิดชอบกินมันด้วย
“สนุกอย่างที่คิดไว้เลย ตอนแรกเราดูแค่ตัวอย่างผ่านๆ ตั้งใจว่าจะไว้ดูออนไลน์ พอได้มาดูในโรงจอใหญ่ๆ แล้วตื่นเต้นมาก !”
“...”
“ดีใจที่ได้สนับสนุนการ์ตูนของคนไทยด้วย ขอบคุณปั้นมากๆ ที่ชวนเรามาวันนี้”
“อืม”
“สนุกมากๆ เลย”
“หนังเหรอ”
“มากับปั้นอ่ะ สนุกแล้วก็มีความสุขมากๆ เลย” ผมว่าก่อนจะหันไปยิ้มกว้างๆ ให้เขาตามที่ตัวเองตั้งใจ ซึ่งปั้นใจเองดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ยิ้มกลับมาให้ผมเช่นกัน แต่เพียงแป๊บเดียวเขาจะเลือกหันหน้าหนีไปอีกทางทำให้ผมอดเสียดายไม่ได้
อยากเห็นอีกแล้ว ผมจะเสพติดมั้ยนะ...
ผมที่ตอนแรกกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องหยุดเดินทันทีเมื่อสายตาไปปะทะกับร้านเบอเกอร์รี่ขนาดเล็กที่น่ารักสุดๆ และเมนูของหวานที่น่ากินนั่นก็ดึงดูดผมเต็มๆ
วะ...ไว้วันหน้าก็ได้...
จะแวะมากินให้ได้เลย !
“อยากกินเหรอ” เสียงของคนข้างๆ ที่ถามขึ้นทำให้ผมละสายตาจากร้านสีชมพูไปมองทางเขา ทำให้ตัวเองที่ตอนนี้เม้มปากแน่นไม่รู้จะตอบออกไปยังไงเพราะไอศกรีมที่อีกฝ่ายซื้อให้ก็ยังคามืออยู่ “กินมั้ย เดี๋ยวพาไป”
“อ่า...”
“ว่าไง”
“อะ...อื้อ !”
ผมที่กลั้นใจยอมรับความจริงและผงกหัวก็ได้แต่เดินตามปั้นใจเข้ามาในร้านเค้ก ซึ่งผมที่ตอนนี้ตื่นเต้นสุดๆ ก็ได้ไปสั่งเมนูเค้กหลากสีน่ากินพร้อมชาเขียวเย็นมาหนึ่งชุด ส่วนปั้นในนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาไม่ได้กินกับผมแต่อย่างใด และเมื่อได้ของที่ต้องการผมก็กลับมาที่โต๊ะด้วยอาการที่แสดงออกว่ามีความสุขสุดๆ ซึ่งปั้นใจเองก็นั่งมองผมกินเงียบๆ และก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ เขาทำให้ใครหลายๆ คนรอบๆ หันมาสนใจได้ไม่น้อยแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมากับผมหรือเปล่าเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาทัก
ถ้าเขามาคนเดียวจะมีคนเข้าหามากกว่านี้หรือเปล่านะ...
“นี่...”
“หืม...” ผมที่กำลังตักเค้กเข้าปากก็ต้องเงยหน้ามองคนตรงข้าม ก่อนที่ตัวเองจะรีบวางช้อนลงแล้วตั้งใจฟังเขาพูด
“กินก็ได้ ไม่ได้ว่า”
“อ่า...” พยักหน้าและหยิบช้อนมาตักเค้กเข้าปากต่อ
“แค่จะบอกว่าเวลายังเหลือ เดี๋ยวไปด้วยกันหน่อยได้มั้ย”
“ไป...?”
“อืม”
“...”
“มีที่นึงที่อยากให้ไปด้วยกัน”
ที่ๆ อยากให้ไปด้วยกันเหรอ...
สระว่ายน้ำ...
ปั้นใจพาผมมาที่สระว่ายน้ำจริงๆ
ผมที่ตอนนี้มองคนที่พาผมมายืนอยู่ที่ป้ายใหญ่ๆ ที่บอกเวลาเปิดและเวลาปิดก็ต้องก้มหน้าลงและรู้สึกอายขึ้นมา
เขาไม่ชอบที่ผมอ้วนจริงๆ ด้วย...
“จะพามาว่ายน้ำ”
“...”
“เป็นอะไร”
“...”
“เกลือ ปั้นถามว่าเป็นอะไร” การเรียกตัวเองแทนชื่อของเขาทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย ซึ่งปั้นใจก็กำลังมองผมมาด้วยความสงสัยในท่าทีของผมตอนนี้
“คะ...คราวหน้าเราไม่กินเยอะแล้วก็ได้...”
“...”
“ปั้นไม่อยากให้เราอ้วนใช่มั้ย แต่เราอ้วนไปแล้ว...”
“คิดอะไรแบบนั้น” คนที่ชวนมาถามขึ้นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยทำให้ผมต้องก้มหน้าลงหลบสายตาของเขา และรู้สึกอายขึ้นมาจริงๆ เพราะวันนี้ผมกินเยอะต่อหน้าปั้นใจไปตั้งหลายอย่าง “แค่จะพามาออกกำลังกาย จะได้ไม่ป่วยง่าย”
“...”
“ถ้ากลัวว่าจะผอมขนาดนั้นเดี๋ยวจะพาไปกินอีกก็ได้ จะให้กินทุกอย่างที่อยากกิน ไม่ห้ามเลย”
“...”
“และจะเป็นคนพามาออกกำลังกายด้วย”
คำพูดของปั้นใจทำให้ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง และสายตาของเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก เขาไม่ได้ไม่ชอบที่ผมอ้วน
แต่เขาแค่กำลังเป็นห่วงผมเท่านั้น
“ขอบใจนะ ถ้าปั้นอยากให้เราผอม เราจะลองพยายาม...”
“ไม่ต้องผอมหรอก”
“...”
“ที่เป็นอยู่ตอนนี้ มึงก็ดีที่สุดในสายตากูแล้ว” คำพูดของเขาทำให้ผมไม่สามารถละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้ และผมก็เพิ่งจะรู้ตัว ว่าผมเองก็มีดีในสายตาของเขาเหมือนกัน
“อื้อ...”
“...”
“ปั้นเองก็ดีที่สุดสำหรับเราเหมือนกัน”
ที่สุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...
----------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้า