Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62028 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสัยไม่รู้จักคำว่าปอปลง555

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“โห... หิวมากเลยพี่ ขอบคุณนะครับที่เลี้ยง ไม่เห็นพี่กินอะไรเท่าไหร่เลย ไม่หิวเหรอครับ” ชานนท์ยิ้มหลังจากจบประโยคของพี่เอกและรีบเคลียร์อาหารในปากก่อนจะพูดตอบพี่เอกออกไป แล้วชานนท์ก็จัดการอาหารที่เหลือต่อโดยสายตายังรอคำตอบจากคนฝั่งตรงข้าม
“เอาเหอะ เห็นเรากินได้ขนาดนี้ พี่ก็กลัวจะแย่งเราน่ะ ตามสบายไม่ต้องเกรงใจ.... ไอ้ตอนแรกพี่ก็แค่กะจะแกล้งบังคับให้เรากินให้หมดเสียหน่อย แต่พี่คงคิดผิดไปจริงๆ”
พี่เอกทำท่าทางตักอาหารใส่ปากอย่างเกรงใจ ส่วนชานนท์แค่ยิ้มให้นิดหน่อยก่อนจะไปจัดการไก่ทอดราดซอดเลมอนที่เขารู้สึกถูกปากอย่างมากเข้าไปจนเกลี้ยงจาน

“นนท์..... ชานนท์ใช่ไหม?”
เสียงหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นจากทางนอกร้าน
“อ้าว..!?! เอ่อ... มายา!!”
ชานนท์ทักหญิงสาวในชุดลำลองน่ารักที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในร้านอาหาร
“เฮ้ย..... นี่น้องรู้จักนางฟ้าคณะบริหารฯ ด้วยหรือวะ เชี้ย!! ร้ายกาจนี่หว่า!!” พี่เอกหันมากระซิบกับชานนท์ทันทีที่หันไปเห็นเจ้าของเสียงที่น่ารักนั่น
“เจอกันตอนย้ายเข้าหอน่ะครับ”
“เจอก็ดีแล้ว ถามหน่อยสิ?” มายาเดินมาถึงโต๊ะก็ตั้งคำถามกับชานนท์ทันที
“ถาม??” ชานนท์พยายามนึกว่า มายาต้องการจะถามอะไรของเธอ เท่าที่จำได้ เขาและเธอเพิ่งเคยเจอแค่ครั้งเดียว ไม่ได้สนิทกัน ไม่น่าจะมาตั้งคำถามอะไรที่เกี่ยวข้องกับชานนท์ได้ เขาจึงทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามกลับไป
“นายรู้จักเมย์ใช่ไหม?”
“เอ่อออออ....” ชานนท์คิดว่าเธอรู้ได้ยังไง?
“เมย์ที่อยู่คณะเดียวกับนายไง เธอเป็นรูมเมทเราเอง เธอชอบเล่าเรื่องนายให้เราฟังบ่อยๆ”
“อ้อ.... ใช่ เรานั่งใกล้กันตอนทำกิจกรรมรับน้องเราเลยค่อนข้างสนิทกัน” ชานนท์เหลือบไปมองพี่เอกจ้องมายายิ้มหวาน
“ใช่จริงๆ ด้วย! นี่!! นายเห็นเมย์ไหม? เธอบอกว่าจะไปหาแฟนตั้งแต่แย็น ป่านนี้ยังไม่กลับเลย!”
“หา!! จริงเหรอ? เรา... ไม่เห็นเมย์น่ะ..... คือ......”

“อ้อ! จำได้แล้ว เมย์เล่าให้ฟังก่อนออกไปว่า นายเป็นลม ทำเอาวุ่นวานไปทั้งคณะฯ รุ่นพี่ก็เลยปล่อยเร็ว  งั้นนายก็น่าจะไม่รู้ ไม่เป็นไร....” ชานนท์ได้ยินถึงประโยคนี้แล้วรู้สึกขายหน้าที่ทำอะไรได้ไม่น่าประทับใจอีกแล้ว
“อ้าว! แล้วทำไมมาหาแถวนี้?” ชานนท์รีบเบี่ยงเบนประเด็น
“เมย์มักมาหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับหอน่ะ พอดึกแล้วพวกร้านอาหารในมหา’ลัยมันปิดหมด  ปกติเมย์จะกลับช่วงสองทุ่มแต่นี่มันดึกมากแล้ว เมย์ยังไม่กลับเลยลองมาหาแถวนี้ดู”
“งั้นให้เราไปช่วยหาไหม?” หลังจากได้ฟังแล้วชานนท์รู้สึกเป็นห่วงเมย์ขึ้นมาจับใจ ชานนท์มองดูนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วยิ่งรู้สึกใจไม่ดี
“ไหวหรือเรา? แค่ยืนยังจะไม่ไหวเลย!!” พี่เอกพูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง
“อ้าว! พี่เอกนี่นา!” มายาหันไปทางต้นเสียงและร้องออกมา ทำให้ชานนท์แอบตกใจกับเสียงที่ขึ้นสูงกระทันหัน
“รู้จักพี่เอกด้วย?” ชานนท์หันไปถามมายาก่อนที่พี่เอกจะเอ่ยปาก
“สาวๆในมหา’ลัย รู้จักทุกคนนั่นแหละ เป็นถึงเดือนมหา’ลัย เดือนคณะวิศวะฯ” มายาเสริมด้วยรอยยิ้ม
“แหม..... แต่พี่ยังไม่รู้จักเราเลยนะ?” พี่เอกพูดแทรกขึ้นมา ทำให้มายาแก้มแดงเรื่อขึ้นมา ‘ไอ้บ้า ไอ้หน้าหม้อ ไอ้หมอนี่มันพูดแบบนี้ได้ธรรมชาติชะมัด’ ชานนท์แอบด่าในใจ

“มายาคะ ปีหนึ่ง.....”
“คณะบริหารฯ” พี่เอกพูดแทรกขณะที่มายาพูดแนะนำตัว
“อ้าว!! พี่ก็รูจักหนูนี่นา”
“ใครก็รู้จัก ก็เป็นตัวเก็งดาวคณะฯนี่นา”
“แหม.... ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ” มายาทำท่าเหนียมอายได้น่ารักระดับสิบ ทำลายล้างผู้ชายในร้านให้ยิ้มหวานกันหมด รวมถึงชานนท์ด้วย
“อ่ะ... แฮ่ม!!!” ชานนท์กระแอม เพื่อทำลายบรรยาหวานๆ ชวนเลี่ยนตรงหน้า
“เออ! จริงสิ!  ต้องรีบไปหาร้านอื่นต่อ... แล้วเจอกันนะคะ” มายาก่อนเดินจากไปก็แจกยิ้มให้พี่เอกอีกหนึ่งครั้ง
“ถ้าเจอหรือไม่เจอ เดี๋ยวจะอัพเดทให้ฟังทางโทรศัพท์นะนนท์” มายาไม่ลืมหันมาบอกชานนท์ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป

ชานนท์รู้สึกหงุดหงิดและไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลย ไม่รู้ว่าผู้ชายอย่างพี่เอกกับไอ้วรุฒนี่มันมีดีอะไรหนักหนา ทำไมถึงได้ไปกรี๊ดพวกมันกันหนักหนา ทั้งที่เขาก็คิดว่าหน้าตาอย่างเขาก็สูสีกับทั้งสองคนอยู่นะ (เข้าข้างตัวเองล้วนๆ) มารู้ทีหลังจากมายาอีกทีว่า ที่มายาปลื้มมากเพราะพี่เอกนอกจากจะหล่อแล้ว ฐานะทางบ้านก็ดี และที่สำคัญเรียนดีเป็นอันดับหนึ่งของคณะฯ เท่านั้นเอง พอมารู้อย่างนี้แล้วยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าชานนท์ยังต้องพยายามอีกเยอะเลยกว่าจะทำตัวให้ป้อปปูล่าเท่าคนพวกนี้!! เขาอยากเป็นคนเลือกบ้าง ไม่ใช่เป็นตัวเลือกแบบที่ผ่านมา

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอคะ พระเอกๆๆยุไหนอ่าคถ.แล้วนะอิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตัดภาพไปที่อิพระเอก เมาหัวราน้ำคั่วสาวไม่เลือก :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

กว่าจะจัดการอาหารบนโต๊ะหมด เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน ที่เป็นแบบนี้เพราะตั้งแต่มายามาขัดจังหวะการกินของตนด้วยการปรากฏกายและให้ความสนใจและปราบปลื้มชายอื่นนอกจากชานนท์ ทำให้เขารู้สึกไม่เจริญอาหารเท่าไหร่ ทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า นางฟ้าที่เขาสนใจทุกคนต่างเมินเขาไปกันหมดด้วยไอ้หน้าหล่อ พ่อรวยพวกนี้ สักวันเขาจะทำให้พวกเธอยอมรับและให้ไอ้พวกผู้ชายจำพวกนี้พ่ายแพ้แก่เขาให้ได้ มันทำให้ความคิดในหัวของเขาหมกหมุ่นกับแผนการต่างๆ ที่เขาจะให้ตัวเองอยู่ในท้อปลิสต์ของคณะฯให้ได้

“เฮ้ย!! เวลากินน่ะ ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้!!” พี่เอกยื่นมือที่เย็นและเปียกจากการถือแก้วเบียร์ที่เพิ่งสั่งมา เคลื่อนมาแตะที่หัวคิ้วของชานนท์ และใช้นิ้วถ่างหัวคิ้วของชานนท์ที่ร้นชนกันออก
“โอ้ย! เย็นพี่เอก! แล้วนี่อะไร พรุ่งนี้ไม่ต้องเรียนหนังสือหรือไง ดึกขนาดนี้ยังสั่งเบียร์มากินอีก!!” ชานนท์ปัดมือของพี่เอกออกพร้อมบ่นอุบอิบออกไป พร้อมชี้ไปที่แก้วที่มีน้ำสีเหลืองอำพันบรรจุอยู่
“Relax น้อง! รีแล็กซ์!!คนเรามันก็ต้องพักผ่อน ว่าแต่เรา รีแล็กซ์กับพี่ไหมล่ะ?” พี่เอกยกแก้วขึ้นมาพร้อมยิงคำถามใส่คนตัวเล็กตรงหน้า
“ไม่เอาอ่ะ!” ชานนท์สั่นหัวพร้อมใช้ส้อมจิ้มกุ้งในข้าวผัดตรงหน้าเข้าปาก
“อย่าบอกนะว่าไม่เคย!!” พี่เอกจ้องชานนท์ผ่านแก้วที่ตอนนี้เหลือสีอำพันเพียงครึ่ง (ดื่มหรือเททิ้ง!!)
“ทำไมจะไม่เคย!!” ชานนท์พูดไปพร้อมใจที่สั่นรัว เพราะความจริงมันไม่ใช่เลย คนไร้สังคมอย่างเขาจะไปเคยปาร์ตี้ที่ไหน เหล้าเบียร์นี่ แม้แต่ถือไว้ในมือเขายังไม่เคย
“งั้นเอาหน่อยไหน เดี๋ยวพี่สั่งให้!” พูดจบพี่เอกก็ยกแก้วขึ้นเหนือหัว  “เฮ้ย!! ไอ้น้อง อีกแก้ว!!” เพียงอึดใจเดียวแก้วขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำสีเหลืองซีดพร้อมฟองล้นขอบก็มาวางอยู่ตรงหน้าชานนท์อย่างกับเนรมิต
“.........” ชานนท์จ้องมันพร้อมกับสูดกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยออกจากแก้ว พลางคิดว่า ‘มันโคตรจะไม่น่าอร่อยเลย กินกันเข้าไปได้ยังไงกันวะ’ พร้อมมองโต๊ะอื่นๆ ที่มีสิ่งเดียวกันวางอยู่มากกว่าโต๊ะละหนึ่งแก้ว

“เอ้า!! ชน!!” คนอีกฝากหนึ่งของโต๊ะชานนท์ยื่นแก้วข้ามโต๊ะที่เต็มไปด้วยจานอาหารมาหยุดที่ตรงหน้าเขา ชานนท์ยกแก้วขึ้นไปชนอย่างเลี่ยงไม่ได้

‘แกร็ง!!’

สิ้นเสียงแก้วประสานกัน พี่เอกก็ยกดื่มจนแก้วแทบจะทำมุม 90 องศากับพื้น ส่วนชานนท์ก็ค่อยๆยกขึ้นมาจิบ ความซ่ารอบๆ ริมฝีปากทำให้รู้จั๊กจี้ ความขมฝาดของมันกระทบปลายลิ้นและผ่านไปสู่ลำคออย่างช้าๆ  ความขมยังอยู่ที่โคนลิ้นและความร้อนผสมเย็นของน้ำสีเหลืองนั่นไหลลงคอไปจนถึงกระเพาะ เป็นความรู้สึกทรมานแบบแปลกใหม่ รสชาติไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้อร่อย ในปากเต็มไปด้วยรสชาติที่ไม่คุ้นเคย หลังจากหยุดจิบเบียร์ลงคอไป ชานนท์รีบหยิบไก่ทอดน้ำปลาใกล้ตัวลงตามไปทันทีเพื่อลดรสชาติไม่คุ้นเคย แต่ปรากฏว่า มันทำให้ไก่รสชาติลดลงไปมาก เหมือนลิ้นจะด้านชาจนเขาเผลอแสดงออกทางสีหน้า ทั้งๆ ที่พยายามอดกลั้นมาตลอดการกระเดือกน้ำรสชาติประหลาดนั่นลงไป

“ไอ้อ่อนเอ้ย!!! ไม่เคยก็บอกว่าไม่เคยสิวะ เป็นไงล่ะน้อง?”
“ก็อยากลองอยู่ ไม่คิดว่าจะรสชาติแย่อย่างนี้นี่นา”
“งั้นเอ็งเอามานี่เลย เดี๋ยวพี่จัดการที่เหลือให้” พี่เอกยื่นมือมาเพื่อขอแก้วที่วางอยู่หน้าเขา “ครับ” ชานนท์ยื่นให้ด้วยความเต็มใจ
“อิ่มยังล่ะเนี่ย ดึกแล้ว เดี๋ยวจะได้กลับกัน” พี่เอกรับก็จัดการเช่นเดียวกับแก้วก่อนหน้านี้ทันที
“เอ๋! เดี๋ยวนะ!!” ชานนท์ยื่นมือมาจับแก้วที่วางเปล่าที่ตั้งฉากติดกับปากของพี่เอก
“อะไรวะ?” พี่เอกวางแก้วลงพร้อมหน้าและตาที่เรื่อแดงขึ้นมามากกว่าเดิมมาก ‘คนผิวขาวนี่เวลาเมาแล้วจะรู้ได้ทันทีเลยใช่ไหมเนี่ย’ ชานนท์คิดในใจจากสิ่งที่เห็น
“พี่ต้องขับรถกลับนะ ผมขับไม่เป็นนะครับ รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ขนาดนั้น” ชานนท์เริ่มโวยวาย
“เอ็งทำอะไรที่มันสมชายเป็นบ้างวะเนี่ย?”
“มันไม่เกี่ยวเสียหน่อย เรื่องแบบนี้”
“เออๆ แค่แก้วสองแก้วแค่เนี่ย พี่สบายมาก!”
“แก้วที่ว่านี่มันใหญ่มากเลยนะ” ชานนท์มองแก้วที่เล็กกว่าถังน้ำแข็งเล็กน้อย
“เออ ไหวน่า พี่ก็กินของพี่ทุกวัน”
“งั้นผมกลับเองก็ได้” ชานนท์สำรวจสำนวนการใช้คำพูดที่เริ่มเปลี่ยนจนเริ่มไม่แน่ใจ
“เดี๋ยวไปส่ง!! ไกลขนาดนั้น แถวนี้ไม่มีรถประจำทางด้วย แล้วเอ็งจะกลับยังไง?”
“เอ่อ......” ชานนท์พลางคิดว่า’มันก็จริง ที่นี่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถวนี้ก็เปลี่ยวเกินกว่าจะมีแท็กซี่ จะเดินกลับก็ไม่รู้ทาง’
“น้อง!! คิดตังค์!!” พี่เอกเรียกบริกรเสียงดัง

เป็นการเดินทางกลับมหาวิทยาลัยอย่างทุลักทุเล ตอนเดินออกจากร้านพี่ก็ยังคงสภาพดีทุกอย่าง ชานนท์รู้สึกโล่งใจไปมากที่เห็นเป็นแบบนั้น แต่หลังจากได้มานั่งซ้อนท้ายพี่เอกที่ขับเคลื่อนไปได้ช้ากว่าขามามาก ชานนท์เลยยิ่งรู้สึกกังวล
“พี่ไม่เมาแน่นะ” ชานนท์ถามย้ำสวนกระแสลม
“เออน่า พี่ก็แค่อยากปล่อยภัยไว้ก่อน แถวนี้มันมืด” พี่เอกหันมาตะโกนบอกด้วยสายตางัวเงีย  ทำให้ชานนท์รู้ว่าพี่เอกก็คออ่อนไม่น้อยเหมือนกัน

ในที่สุดก็ขับกลับมาถึงหอพักซึ่งกินเวลาไปเกือบชั่วโมง เวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว หอพักที่นี่ปิดประตูอัตโนมัติโดยใช้คีย์การ์ดสแกนตอนเที่ยงคืน ที่เหลือก็ต้องแสดงบัตรให้พนักงานรักษาความปลอดภัยถึงจะอนุญาตให้ขึ้นตึกหอพัก พี่เอกที่ทำท่าจะเดินตรงได้ลำบากทำให้ชานนท์ต้องช่วยพยุงเขาไปจนถึงหน้าหอพัก สติของพี่เอกก็เริ่มจะลางเลื่อนเต็มที่เหมือนคนง่วงนอนจัด ทำให้หาบัตรนักศึกษาไม่เจอ ชานนท์จึงต้องช่วยค้นตัว และกระเป๋าสะพายของพี่เอกจ้าละหวั่นกว่าจะสามารถผ่านด่านเจ้าหน้าที่มาได้

“ห้องนี่หรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามปนหอบหลังจากช่วยจับตัวพี่เอกที่เดินขึ้นบันไดอย่างเชื่องช้ามาจนถึงหน้าห้องที่ชั้น4
“เออ! ห้องนี้แหละ”
“สวัสดีครับ” ชานนท์เคาะประตูและพยายามติดต่อกับคนในห้อง
“ไม่มีใครหรอก.......  เพื่อนร่วมห้องพี่มันไม่ค่อยกลับ มันไปอยู่กับแฟนมัน” พี่เอกพูดขึ้นขณะพยายามค้นหาคีย์การ์ดในกระเป๋า ไม่นานนักเขาก็หาเจอและนำไปสัมผัสที่ประตูที่ปลดล็อคเสียงดัง ‘แก๊ก’

ชานนท์รีบพยายามพาพี่เอกเดินไปที่เตียง ภายในห้องมีลักษณะไม่ต่างจากห้องที่เขาอยู่เท่าไหร่ แคบกว่านิดหน่อย หน้าต่างน้อยกว่า แต่ห้องดูเป็นระเบียบมากกว่าชานนท์เสียอีก ในห้องส่วนของพี่เอกมีชั้นวางหนังสือที่มีหนังสืออยู่เต็มจนเกือบล้น ที่นอนที่ปูตึงเป๊ะเรียบร้อย ที่โต๊ะหนังสือมีคอมพิวเตอร์ที่แค่ดูก็รู้ว่าน่าจะแพงมากๆ ตั้งอยู่  เป็นการตกแต่งได้เรียบง่ายมากๆ ผิดกับไอ้คนอวดรวยข้างบน
“นอนนี่เลยไหมล่ะ?” พี่เอกพูดด้วยเสียงยานคาง
“ไม่ดีกว่าครับ ห้องผมอยู่ใกล้แค่นี้เอง!”
“งั้นช่วยหยิบยามาให้พี่หน่อยสิ” พี่เอกชี้ไปกล่องยาบนโต๊ะอ่านหนังสือที่ไม่ไกลจากเตียง
“ยาอะไรครับ?”
“หยิบมาทั้งกล่องก็ได้ ยาแก้ปวดนะ ว่าจะกินกันไว้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว”
“กินแบบนี้บ่อยๆ ไม่ดีนะครับ ตับไตพังหมดพอดี”
“เออน่ะ เอามาเหอะ”
“พี่เอก นี่พี่เอกตัวแดงเป็นผื่นแบบนี้เพราะเหล้าหรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามตอนที่เขาสังเกตหน้าและคอของพี่เอกเริ่มแดงและมีอาการผดผื่นขึ้นมา
“เออ คิดเหมือนกันว่ามันคันไปทั้งตัว”
“พี่เอกแพ้อะไรหรือเปล่าเนี่ย?”
“กุ้ง”
“พี่ได้กินก๋วยเตี๋ยวลุยสวนไหมเนี่ย?”
“เออ ก็กินไปสองสามคำ”
“พี่!! มันมีกุ้งฝอยนะพี่!!”
“อ้าว!! ซวยแล้วกู เอายามาทาให้พี่หน่อย!!”  พี่เอกพูดจบก็ถอดเสื้อและกางเกงทันทีเหลือเพียงบอ็อกเซอร์ตัวเล็กๆ กับร่างกายลีนๆ มีกล้ามเนื้อกำลังดี บนพื้นผิวที่เคยขาวเกลี้ยงตอนนี้กลับมีผื่นแดงเล็กๆ ขึ้นอยู่ประปรายไปทั่ว

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“เฮ้ย! ทำอะไรพี่ ?” ชานนท์อุทานด้วยความตกใจ
“อ้าว! ไม่ถอดแล้วเอ็งจะทาให้พี่ได้ไหมว่ะ บางที่พี่ก็ทาไม่ถึงนะ ดูสิพอเอ็งทักพี่ก็คันไปทั้งตัวเลย!!”
พี่เอกทำท่าเกาไปทั้งลำตัว
“เดี๋ยวๆ อย่าเกาสิเดี๋ยวเป็นแผลหมด!!” ชานนท์พยายามห้าม
 ”งั้นเอ็งก็รีบเอายามาทา โอย.... นั่น!! นั่นไง หลอดสีขาวนั่นไง!!” พี่เอกทำกน้าทรมานพร้อมกับชี้ไปที่กล่องยาบนโต๊ะ
ชานนท์รีบหันไปทางโต๊ะหนังสือเห็นหลอดยาที่ว่า ซึ่งมีร่องรอยการใช้ไปเกินครึ่งหลอด หลังจากหยิบได้ชานนท์รีบเดินไปที่เตียงเพื่อยื่นหลอดยาให้พี่เอก
“เฮ้ย...... ทาให้หน่อย กูเวียนหัวจะแย่ ทาไม่ไหวหรอก!!” พูดจบพี่เอกก็ล้มตัวลงนอนทันที ชานนท์ได้แต่ถอนหายใจ และพยายามบีบครีมจากหลอดออกมาทาบางๆ ไปทั่วบริเวณที่มีผื่นแดงของพี่เอกตั้งแต่คอ ช่วงท้องจนถึงช่วงต้นขา  ผิวที่เต่งตึงมีกล้ามเนื้อแบบนักกีฬาของพี่เอกทำชานนท์ตื่นเต้นเล็กน้อยอาจเพราะไม่เคยทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อน การสัมผัสผิวคนอื่นก็ให้ความรู้สึกที่ดีไม่น้อยทีเดียว หลังจากที่นวดคลึงได้หมดบริเวณที่มีปัญหาแล้ว เขาสังเกตเห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงบ็อกเซอร์กำลังขยายตัว ชานนท์พยายามหันไปทางอื่นและคิดว่าน่าจะเป็นปฏิกิริยาปกติของวัยรุ่นผู้ชาย เลยพยายามหลีกเลี่ยงที่มองตรงนั้น ขณะที่ชานนท์กำลังถอนมือออกจากร่างกายคนที่นอนอยู่ก็ถูกมือหนึ่งดึงรั้งไว้

“เดี๋ยวก่อน!!”

แรงรั้งของฝ่ายที่นอนอยู่ทำให้ชานนท์เซไปทางด้านที่นอนจนเกือบล้มทับคนที่นอนอยู่

“อะไรพี่!”

ชานนท์เริ่มรู้สึกระแวงกับสีหน้าของพี่เอกที่แดงเรื่อและดวงตาที่วาวฉ่ำ
“ก่อนไป ทาด้านหลังด้วยสิ!” พี่เอกปล่อยมือและพลิกตัวทันที
“เอ่อ... ครับ” ชานนท์ตอบรับพร้อมรีบปฏิบัติตามทันที ในระหว่างที่เขาทายาบริเวณหลังของพี่เอก เขาก็ได้ยินเสียงหายใจเข้าและออกยาวๆ และความนิ่งสนิทของคนที่นอนแผ่อยู่ที่ด้านล่าง ชานนท์แน่ใจว่าพี่เอกคงหลับไปแล้วแน่นอน เขาพยายามทาจนทั่วพื้นผิวที่มีอาการ ความแน่นของเนื้อหนังรุ่นพี่ ส่วนเว้าส่วนโค้งของมัดกล้ามของพี่เอกทำให้รู้ว่า พี่เอกเป็นคนดูแลตัวเองดีมากๆ คนหนึ่ง ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่า ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนิ่มๆ ของเขา มันเทียบกันไม่ติดเลย ทำให้เขารู้ว่าความสมบูรณ์ของร่างกายก็ทำให้คนมีเสน่ห์ขึ้นได้ เขาคงต้องพยายามอีกมาก เพราะคนที่นอนเปลือยเหลือเพียงกางเกง
บ็อกเซอร์ แม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ยังทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นได้ถึงเพียงนี้

หลังจากหาผ้าห่มคลุมกายพี่เอกและเก็บยาให้เข้าที่ ชานนท์เหลือมองนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้เลยเลขสองมาครึ่งทางแล้ว เขาจึงรีบเดินกลับห้องพักของเขาทันที และเขาก็หวังว่า ไอ้เพื่อนร่วมห้องของเขาคงไม่ทำอะไรแปลกๆ ให้เขาเห็นอีก

ชานนท์เดินเข้าไปในห้องของตนเองที่ตอนนี้เงียบเหงาและมืดสนิท เขาไม่กล้าเปิดไฟหลักของห้องจึงเปิดเพียงโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือตัวเองเท่านั้น   เขาเห็นเงาหนึ่งนอนคลุมผ้าห่มมิดชิดอยู่บนเตียงอีกฝาก เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังจะก้าวเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาดสดชื่นขึ้นมาหน่อย เพราะวันนี้เขาผ่านอะไรมามากเหลือเกิน เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ ออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตูห้องน้ตรงหน้า

พลั่ก... แอ๊ดดดด

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก เป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาในชุดนอนสีพื้น วันนี้มีกลิ่นเหล้าลดลงและดูเขามีสติมากกว่าวันอื่นเสียด้วยทำให้ชานนท์มองเพื่อนร่วมห้องตัวสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

“อะไร ไอ้เตี้ย!! เดี๋ยวนี้หัดกลับดึกนะมึง!!”
“เอ่อ...” ชานนท์เหลือบไปมองเงาบนเตียงที่มีผ้าห่มมคลุมอยู่
“มองอะไร ยุ่งไม่เข้าเรื่องนะมึง! จะเข้าไปอาบน้ำก็รีบไปเลย” วรุฒพูดพร้อมหลีกทางให้อีกฝากเข้าห้องน้ำไป
‘ก็คงเป็นพวกผู้หญิงที่มาทำกิจกรรมกับไอ้ขี้แก๊กแบบทุกวัน ตกใจหมด!’ เขาคิดในใจขณะปิดประตูห้องน้ำ

..........

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แอบคิดว่าคนในโปงคือ เมย์ ที่ตามหากัน

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทำไมเราคิดเหมือนกันกับเม้นท์บนอ่าาาา

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อื้อออออยากอ่านต่อละ จะใช่เมย์มั้ยนะ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
..........

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาออกมาก็ต้องแปลกใจอีกครั้งที่วรุฒยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เขานั่งใน้นิ้วเขี่ยไอแพดขนาดใหญ่ไปมาด้วยสายตาที่ล่องลอย
“อะไร!?!” วรุฒคงรู้สึกถึงสายตาของชานนท์ที่จ้องมองอยู่เลยถามกลับและทำสายตาที่ดุดันใส่ชานนท์
“เปล่าๆ แค่แปลกใจที่นายยังไม่นอน?”  ชานนท์รีบเดินถอยห่างไปทางฝากเตียงตัวเองเพื่อใส่เสื้อผ้าที่วางเตรียมไว้บนเตียง
“เรื่องของกู!” วรุฒโต้ตอบด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ได้ใช้สายตาติดตามชานนท์มาด้วย เพียงแต่สายตายังคงมองไปที่รูปๆ หนึ่งที่ไอแพดซึ่งชานนท์ก็เห็นไม่ชัดเจนว่ามันคืออะไร?
ชานนท์ตัดสินใจไม่พูดอะไรและล้มตัวลงนอนทันที ด้วยความเพลียทำให้เขาบังคับหนังตาที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงไม่ได้ ภาพและเสียงสุดท้ายที่เขาเห็นคือ การถอนหายใจอันหนักหน่วงและสายตาที่เศร้าสร้อยของเพื่อนร่วมห้องของเขาเท่านั้น

.................

“ตายแล้ว!! สายขนาดนี้!! ทำไมนายไม่ปลุก เราล่ะ!!”
เสียงหญิงสาวดังขึ้นในโสตประสาทของชานนท์ เสียงที่เขารู้สึกคุ้นเคยมาก เสียงกุกกักโครมครามดังขึ้นต่อเนื่องจากเสียงพูดจบประโยค หนังตาของชานนท์ยังอ่อนล้าเกินกว่าที่จะลืมขึ้นมาได้ แต่เสียงดังเหล่านั้นก็ยากเกินกว่าที่จะข่มตัวเองให้กลับไปหลับสนิทอย่างเดิมได้

“เมื่อคืน..... ขอบใจนะที่ดูแลเรา...... เราไม่รบกวนแล้ว เราไปก่อนนะ....” เสียงหญิงสาวที่คุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันดังอยู่ใกล้ตัวของชานนท์มาก เขารู้สึกสงสัยในเสียงดังกล่าวมาก และสงสัยว่าผู้หญิงที่วรุฒเพื่อนร่วมห้องของเขาพามานอนด้วยและอนุญาติให้อยู่ถึงเช้านี้คือใคร ความสงสัยเพิ่มพูนสูงกว่าความอ่อนเพลียในตอนเช้า ชานนท์พยายามยกหนังตาขึ้นเพื่อส่องคนภายในห้องให้คลายสงสัย

“เมย์!!” ชานนท์อุทานขึ้นเสียงดังกับภาพของหญิงสาวในชุดลำลองที่สภาพยับเยินเหมืองเพิ่งออกจากเครื่องซักผ้า แต่หญิงสาวกลับแค่เหลือบมองและรีบวิ่งออกจากห้องไปด้วยความเร็วสมกับเป็นนักวิ่งมหาวิทยาลัย ทิ้งให้ชานนท์ลุกขึ้นมานั่งด้วยความงุนงง กับความรู้สึกที่อึดอัดเกินที่จะบรรยายออกมาได้

ชานนท์มองไปที่ไอ้ผู้ชายร่วมห้อง ไอ้บ้านั่นมันแค่เดินกลับไปล้มตัวลงบนเตียงด้วยความสบายใจ และผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เสียจนได้ยินชัดทั้งห้อง วรุฒนิ่งหลับไปเรียบร้อย ชานนท์รู้สึกโกรธกับสิ่งที่เห็นมาก ‘มันอะไรกันวะ! ไหนว่ามีแฟนแล้ว!! แล้วทำไมถึงมาลงเอยกับไปบ้านี่ได้!!” การที่เมย์พูดว่ามีแฟนแล้วเขาก็ทำใจได้ไปแล้ว แต่ภาพที่เขาเห็นอยู่นี่ทำให้เขารับไม่ได้อย่างมาก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีเข็มสักร้อยเล่มทิ่มแทงหัวใจนี่มันคืออะไรกัน เขาเฝ้าถามตัวเองแบบนั้น ทำไมมันถึงได้เจ็บแบบนี้ หรือนี่เรียกว่า ‘อกหัก’ หรือว่า ‘โดนหักหลัง’ กัน เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดแบบนี้!

................................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 5

After pain phase


ภาพเมื่อเช้ายังคงติดตาชานนท์ไม่จางหาย ไม่ว่าเขาจะพยายามสลัดภาพเหล่าโดยการหันไปสนใจกิจกรรมละลายพฤติกรรมที่รุ่นพี่ปีสองพยายามทำให้บรรยากาศในการเข้าร่วมของรุ่นน้องทั้งหลายดีขึ้น ให้ทุกคนตื่นจากการง่วงซึมในตอนเช้า แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปคิดถึงภาพเมื่อเช้าเหล่านั้นอยู่ดี เพราะหนึ่งในคนที่อยู่ในมโนภาพนั่นนั่งอยู่ข้างๆเขานั่นเอง

เมย์ยังคงมาร่วมกิจกรรมเช่นเดิม แม้ว่าวันนี้เธอจะมาสายกว่าปกติมาก แต่เธอก็ยังทำตัวสดใสเช่นเดิม ชานนท์สังเกตเห็นว่ารอบดวงตาของเมย์มีรอยบวมช้ำอยู่พอควร ‘สงสัยอดนอน’ ความคิดแว่บแรกที่โผล่เข้ามาในหัวชานนท์ และทำให้พาลไปนึกถึงวีรกรรมยามค่ำคืนของเพื่อนร่วมห้องของเขาในคืนที่ผ่านๆ มาที่พาหญิงสาวมาทำกิจกรรมพิเศษไม่ซ้ำหน้า ทำให้ชานนท์อดที่จะคิดไม่ได้ว่า เมย์เองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น แล้วเรื่องวันก่อนที่บอกกับเขาว่ามีแฟนแล้วเพื่อที่จะพูดเป็นเชิงปฏิเสธเขาหรือ? ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความไม่เข้าใจในหัวเขาพยายามที่จะไม่สนใจมองเมย์ที่นั่งอยู่ข้าง เขาส่ายหัวแรงๆ และพยายามส่งสายตาไปข้างหน้าเพื่อมีสมาธิกับกิจกรรมที่รุ่นพี่จัดขึ้น
เขาสังเกตว่าวันนี้รุ่นพี่ที่เข้าร่วมกิจกรรมมาเยอะขึ้นมาก เขาเองมัวแต่คิดอะไรมากมายในหัวจนลืมฟังว่าวันนี้รุ่นพี่จะทำกิจกรรมแบบไหน อยากถามคนข้างๆ ก็กลัวเสียฟอร์มเพราะปกติแล้วมีแต่คนมาคอยถามเขาเพราะตามกิจกรรมที่จัดไม่ทัน แต่วันนี้ถือว่าแปลกมากเพราะทุกคนกลับจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวแทนรุ่นพี่อธิบายอะไรบางอย่างอยู่ด้านหน้า เสียงฮือฮาจากคนด้านหน้าทำให้ชานนท์จับศัพท์อะไรไม่ได้ จนกระทั่งรุ่นพี่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา และเสียงฮือฮาจากบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของเขาก็ดังขึ้นมาจนรุ่นพี่ต้องดุใส่จนเงียบเรียบร้อยลง

“เอ่อ.....นนท์....” เสียงของเมย์ดังขึ้น
“.............” ชานนท์หันไปหาเมย์และเริ่มหาคำพูดมาตอบกลับไม่ได้เพราะภาพเหตุการณ์เมื่อเช้ามันตัดมาในหัว ภาพที่เมย์ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับเยิน หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังออกจากห้องอย่างรีบร้อน
“คือ.... รุ่นพี่เขาจะทำอะไรน่ะ?” เมย์มีความลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตั้งคำถามออกมา ซึ่งเป็นคำถามที่ผิดกับเรื่องในหัวของชานนท์มาก
“เอ่อ...... เราก็.....ไม่รู้... เราไม่เห็นอะไร!” ชานนท์ตอบเสร็จก็หันกลับไปสนใจกิจกรรมทางด้านหน้าต่อ แต่ในใจรู้สึกปั่นป่วนกับคำตอบที่ตอบออกไป เขาได้แต่โทษตัวเองที่ตอบเรื่องที่คิดอยู่ออกไปแบบนั้น ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากเมย์ทำให้ชานนท์แอบเหลือบตามองไปทางด้านข้าง เขาเห็นเมย์ใช้มือทาบศรีษะตัวเองอย่างครุ่นคิด

‘เฮๆ เฮ..........’ เสียงเฮดังสะนั่นทำให้ชานนท์กลับมาสนใจกิจกรรมด้านหน้าอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ามีเพื่อนในแถวถัดไปไม่ไกลเดินออกไปยืนด้านหน้าหนึ่งคนและรุ่นพี่ก็ทยอยเรียกชื่อทีละคน คละหญิงชาย และคนล่าสุดคือคนที่อยู่ในแถวเดียวกับเขา ‘วรุฒ รหัส 59911” ไอ้หยาบคายขี้เก็กนี่เอง!! ทันทีทีเห็นหน้าวรุฒทำให้ชานนท์หันไปมองหน้าเมย์อย่างไม่ทันตั้งใจ เมย์กลับหลบตาอย่างรวดเร็ว ทำให้ชานนท์ยิ่งคิดไปไกลว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดกับทั้งสองคนนี้แน่ๆ หรือเป็นเรื่องอย่างที่เขาแอบคิดมาตลอดตั้งแต่เช้า จินตนาการของเขาพาเขาดำดิ่งไปสู่ภาพคืนก่อนๆหน้านี้ บนเตียงฝั่งตรงข้าม เสียงร้องซูดซาด กับใบหน้าของหญิงสาวที่เปลี่ยนเป็นเมย์ผู้หญิงที่เขาแอบหลงไหล เสียงของผืนเตียงที่สั่นไหวและผืนผ้าที่เสียดสีกันมันยังดังอยู่ในหูอย่างต่อเนื่อง





วันนี้ถือว่าเป็นสามวันสุดท้ายของกิจกรรมรับน้องก่อนเปิดเทอมกิจกรรมวันนี้รุ่ยพี่บอกแค่ว่าเป็นกิจกรรมเบาที่ต้องอาศัยพวกเรารุ่นน้องทุกคนในการแสดงออกถึงความสามัคคี.....

“ชานนท์ ชานนท์ เฮ้ย!! ไอ้นนท์” เสียงดังเข้ารบกวนความคิดของเขา ชานนท์รีบหันกลับไปที่ต้นเสียงทันที เขาพบว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่
“ชานนท์ รหัส 59901 กูเรียกมึงนานแล้วนะ!! เหม่อเชี้ยอะไร!!” รุ่นพี่ขาโหดด้านหน้าแถวตะโกนโวยวายมาทางเขา
“ครับ!! ครับ!” ชานนท์เด้งตัวยืนขึ้นด้วยความตกใจ
“ออกมานี่!!” รุ่นพี่กวักมือเรียกเขาให้ออกจากแถว เขาเดินอยู่แถวเดียวกันกับชายหญิงรุ่นเดียวกับเขาอีกห้าหกคนยืนเก้ๆกังๆอยู่ในแถวที่รุ่นพี่ขาโหดคนนั้นชี้ให้เขาเดินไปอยู่

“?????” ชานนท์ได้แต่ทำหน้าแตกตื่นเพราะเขาขาดสมาธิกับกิจกรรมไปตั้งแต่ต้นเลยไม่เข้าใจว่าเขาถูกเชิญไปด้านหน้าแถวเพราะอะไร ‘หรือว่า....... จะโดนทำโทษอีก!! ไม่เอาแล้วนะ!!’ เขาคิดในใจในขณะที่เดินออกไปด้านหน้าด้วยใบหน้าซีดเซียว

“ไอ้นี่ไหวแน่นะมึง!!” รุ่นพี่ขาโหดพูดขึ้นขณะหันไปทางด้านหลังของกลุ่มคนที่ถูกเลือกออกมา
“เชื่อกู!! ไอ้อาร์ต น้องมันไม่แย่ขนาดนั้น” คนที่นั่งอยู่ด้านหลังตอบกลับ คนที่แค่ปรากฏตัวก็สามารถเรียกเสียงพึมพำจากสาวๆ ในแถวรุ่นน้องได้... พี่เอกที่นั่งเล่นสบายใจอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งไม่มีพนักใต้ร่มไม้ไม่ไกลจากหัวแถวยิ้มตอบมาทันที่ชานนท์หันไปเจอหน้าเขา พี่เอกยักคิ้วให้ชานนท์หนึ่งครั้ง และเรียกเสียงกรี๊ดจากหญิงสาวรุ่นน้องในแถวได้ระดับหนึ่ง

“ต่อไป!.....” พี่อาร์ตรุ่นพี่ขาโหดมองไปที่แผ่นกระดาษในมือและพูดต่อ
“วลิสรา!! 59442 ออกมา!!” พี่อาร์ตเรียกชื่อคนที่เขารู้จักดีคนหนึ่งออกมา ชื่อของเมย์นั่นเอง เมย์เดินเลี่ยงชานนท์ ไปยืนอยู่ข้างเพื่อนร่วมห้องของเขา ชานนท์รู้แย่ขี้นไปอีกเมื่อเห็นภาพนั่น ภาพที่ทั้งสองยิ้มทักทายกันอย่างสนิทสนม แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พูดอะไรกันแค่ยืนข้างกันนิ่งๆ แม้จะเป็นแค่นั้นมันยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกแย่ลงไปอีกที่ต้องทำกิจกรรมหรือโดนลงโทษร่วมกับไอ้คนเฮงซวยนี่ ไอ้คนที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ไอ้คนส่ำส่อน และอื่นๆ อีกมากมายเท่าที่คนๆ หนึ่งจะด่าคนที่เกลียดคนหนึ่งที่สุดได้ กับผู้หญิงใจคดที่ไม่ซื่อสัตย์แม่แต่เพื่อนของตนเอง ชานนท์รู้สึกเหมือนตัวเองโดนทรยศและปฏิเสธ

พี่อาร์ตเรียกคนต่อไปจนคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเท่ากับสิบคน ชานนท์ยังไม่เข้าใจว่าจนถูกเรียกมาด้านหน้าเพื่อทำอะไร เขามองซ้ายและขวาทุกคนดูไม่ได้ตื่นตระหนกอย่างที่เขาเป็นเลย มันออกจะแปลกสำหรับคนที่จะโดนทำโทษ

“ไอ้เตี้ย มึงจะล่อกแล่กทำไมวะ! อยู่เฉยๆ สิ กูไม่เข้าใจว่ารุ่นพี่เลือกมึงมาทำไมวะ?” วรุฒแอบดุใส่เขาทั้งที่หน้ายังนิ่งเฉย
“เลือก? เลือกมาทำไม?”
“อ้าว!! ไอ้นี่! ก็...”
“หยุด!! ไม่ต้องคุยกันเอง กูจะอธิบายให้ฟังพวกมึงฟังเอง!! ...ขออธิบายอีกครั้งนะ คนพวกนี้...........”

สรุปคือวันนี้ทางรุ่นพี่ให้พวกรุ่นน้องร่วมลงคะแนนเสียงเพื่อคัดเลือกว่าจะส่งใครเป็นตัวแทนของคณะฯ เพื่อไปร่วมประกวดดาวและเดือนของมหาวิทยาลัย โดยเริ่มแรกรุ่นพี่ของคณะฯจะลงความเห็นกันก่อนว่าจะเลือกใครบ้าง 10 คน ให้แต่ละคนแนะนำตัว และพูดถึงเหตุผลที่เข้าคณะนี้ เพื่อให้เพื่อนๆ ในคณะฯ ร่วมลงคะแนนเสียงในวันสุดท้ายของกิจกรรมรับน้อง ใครได้คะแนนมากที่สุดของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะได้เป็นตัวแทนของคณะฯ ในระหว่างนี้คนที่ต้องการจะเป็นดาวและเดือนคณะฯ จะต้องเอาชนะใจเพื่อนๆ ให้ได้ตลอดช่วงกิจกรรมที่เหลือจนกว่าจะถึงวันลงคะแนน

ปกติเชานนท์คงจะดีใจมากที่ถูกเลือก แต่เขากลับพบแต่ความว่างเปล่าในจิตใจ ซึ่งมันค่อนข้างผิดปกติเพราะเขาเฝ้ารอเวลานี้มาพอสมควร เขาอยากเป็นที่รักและที่สนใจเพื่อจะได้มีตัวเลือก ไม่ใช่เป็นตัวเลือกของใคร ที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ของเขาทำให้เขามีความคิดแบบนี้ ตอนนี้ทุกครั้งที่เขามองไปที่เมย์ เขารู้สึกผิดหวังและเสียใจกับสิ่งที่เจออย่างมาก ชานนท์ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงทุกคนต้องไปลงเอยกับไอ้นิสัยไม่ดีนั่น เขาไม่เถียงเลยว่า ‘วรุฒ’ หล่อ, รวย, และโดดเด่นกว่าเขามาก แต่แม้แต่เมย์ ผู้หญิงที่เขาชื่นชม และนับถือในความเป็นตัวของตัวเองยังเสร็จไอ้ขี้เก็กนั่น!! เขาเลยรู้สึกขาดพลังในการทำกิจกรรมนี้เสียแล้ว

“เป็นอะไรล่ะเรา?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่ด้านหลังขณะต่อแถวเพื่อแนะนำตัวที่ลานกิจกรรมเอนกประสงค์ต่อหน้าปีหนึ่งและรุ่นพี่ทุกคน
“พี่เอก.... ไม่มีอะไรครับ” ชานนท์พยายามทำตัวปกติ ในขณะที่พี่เอกพยายามเดินมาใกล้เขามากขึ้นในแถว
“พี่ว่าไม่นะ สายตาเรามันฟ้อง” พี่เอกจ้องมาที่ตาของชานนท์ จนเขารู้สึกอยากควักดวงตาตัวเองออกมาที่มันไม่รักดี
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย” ชานนท์ตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อพยายามหลบสายตาของพี่เอก
“สู้ๆนะ พี่อุตส่าห์ช่วยโวตเอ็งเข้ารอบเลยนะ!”
“เอ๊ะ!! จริงง่ะ”
“เออสิ! พี่ว่าเรามีแววนะ เห็นแต่งตัวมาเป๊ะทุกวันเลยนี่ พี่เลยเดาว่าเอ็งน่าจะชอบ อีกอย่างพี่ว่า.............เอ็งตัวเล็กน่ารักดี” พี่เอกยิ้มที่มุมปากระหว่างพูดทำให้ชานนท์รู้สึกขนลุกเล็กน้อยที่เจอผู้ชายชมในระยะประชิดขนาดนี้แถมยังรู้สึกใจเต้นแปลกๆด้วย  เขาคิดถึงอาการแปลกๆของพี่เอก เวลาพี่เอกเข้าใกล้เขา

“ชานนท์ พร้อมนะ ....รุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมด้านหน้าเดินมาเตรียมความพร้อมกับเขา
“เอ่อ.. ครับ.... พี่เอกผมไปก่อนนะ...” ชานนท์ตอบกลับและหันมาลาพี่เอกที่ยักคิ้วให้เหมือนเคย

..................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
..................

“โธ่...โว้ย!!!” ชานนท์เดินกระฟัดกระเฟียดระหว่างเดินทางกลับหอพักแต่เพียงลำพัง เขาหงุดหงิดที่วันนี้ทำการแนะนำตัวได้ไม่ดีนัก รวมถึงกิจกรรมรอบบ่ายที่ทำให้เขาต้องอับอายถึงการทำกิจกรรมตามเพื่อนไม่ทันอีก กิจกรรมรอบ่ายพวกเขาถูกแยกออกไปทำกิจกรรมที่ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ รุ่นพี่อธิบายเพิ่มเติมว่า คนที่ถูกเลือกทั้งหมดนี้จะกลายเป็นเชียร์ลีดเดอรของคณะ และ จะมีสองคนเท่านั้นที่จะได้เป็นตัวแทนไปประกวดดาวและเดือนของคณะฯจากคะแนนเสียงในการเลือกของเพื่อนร่วมรุ่น ช่วงบ่ายเลยกลายเป็นการสอนการออกท่าเข้าจังหวะกับเพลงเชียร์ของคณะฯ ให้คนที่ถูกเลือกทุกคน และในช่วงสุดท้ายของวันคือการซ้อมออกท่าทางจริงร่วมกับการร้องเพลงเชียร์ที่เพื่อนได้ซ้อมร้องในวันเดียวกันตลอดสามวันที่เหลือ ซึ่งชานนท์บอกได้เลยว่าตัวเองทำได้ไม่ดีนัก ทั้งจำท่าไม่ได้ เต้นไม่ทัน ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่มีพี่เอกคอยติวเข้มอยู่ข้างๆ จนถูไถผ่านมาได้ เรื่องคะแนนเสียงคงไม่ต้องพูดถึง ถ้าให้เลือกตัวตลกในทีมเชียร์ลีดเดอร์ ชานนท์คิดว่าเขาคงได้คะแนนท่วมท้น

ชานนท์สาวเท้าเร็วอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ถึงหอพักอย่างเร็วที่สุด เพราะเขาพยายามหลบเลี่ยงเมย์ เขาไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่ดูอึดอัดแบบตอนร่วมกิจกรรมอีก

หมับ!!!

เสียงมือหนึ่งกำรอบต้นแขนของเขาอย่างแรง

“โอ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงเพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดวิ่งเข้ามาจากต้นแขน
“อ้าว เฮ้ย! พี่ขอโทษ ก็เห็นตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ไม่สนใจใครเลย พี่เรียกก็ไม่หันก็เลยวิ่งมาจับเสียเลย” พี่เอกยืนยิ้มตาตี่ขณะที่พูดกับชานนท์ และมือก็ยังกำต้นแขนจองเขาแน่น จนชานนท์ต้องมองไปที่มือใหญ่ที่กำแขนเขาเกือบรอบ

“เออๆ พี่ขอโทษ เจ็บไหมวะ” พี่เอกรีบปล่อยแขนเขาทันทีที่เห็นสายตาแสดงความเจ็บปวดของชานนท์
“ถามได้ กำเสียแรงขนาดนี้” ชานนท์พูดพลางใช้มือบีบนวดส่วนที่เจ็บตึง
“โอเคๆ ที่หลังพี่จะไม่ทำแบบนี้แล้ว พี่จะจับอุ้มเข้าเอวแทนเลย!” พี่เอกพูดติดตลก และหัวเราะลั่น
“ผมไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั่นเสียหน่อย! สูง 170 เซ็นฯ ไม่เตี้ยนะครับ” ชานนท์รู้สึกหัวเสียกระแทกเสียงใส่ เพราะหากเป็นแถวบ้านเขา ส่วนสูงขนาดเขาก็ถือว่าสูงในระดับต้นๆทีเดียว
“ก็เตี้ยกว่าพี่เยอะนะ” พี่เอกพูดพร้อมวาดมือวัดขนาดส่วนต่างระหว่างชานนท์กับตัวเอง ชานนท์มองความต่างก็แอบเห็นด้วย พี่เอกน่าจะสูงมากกว่า 180 เซ็นติเมตร

“หิวว่ะ ไปกินข้าวกัน พี่จะได้ติวเอ็งเสียหน่อย วันนี้ทำพี่ขายหน้าหมด นี่พี่เชียร์เอ็งหมดหน้าตักเลยนะ ทำผลงานแย่ๆ แบบนี้เสียชื่อพี่หมด!!” พี่เอกกอดคอชานนท์และบังคับให้เดินกลับไปที่ทางอาคารเรียนเอนกประสงค์ ชานนท์พยายามยื้อหยุดพี่เอกสุดกำลัง แต่ด้วยความเหนื่อยล้า และแรงที่น้อยกว่ามากทำให้ไม่ต้านทานได้นานในที่สุดก็ปล่อยเลยตามเลย ระหว่างนั้นเองสายตาของเขาเหลือบเห็นเมย์ที่ท่าทางเศร้าสร้อยเดินสวนมาทางพวกเขาพอดี ชานนท์จึงหลบหน้าลงต่ำและเดินชิดเข้าในวงแขนของพี่เอกจนชิด

“เฮ้ย! นั่นคนที่เอ็งแอบชอบนี่!” พี่เอกพูดเสียงดังขณะที่เมย์เดินผ่านพวกเขาไประยะหนึ่ง
“ชู้ส์.....!!! พี่เอก!! เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก” ชานนท์กระวีกระวาดยกนิ้วชี้ขึ้นมาปิดปากตัวเอง
“อ้าว! ก็เห็นเอ็งไม่ทัก นึกว่าไม่เห็น”
“ไม่เป็นไรครับ...... อีกอย่างผมก็ยังไม่ถึงขั้นชอบเขาหรอกครับ แค่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันได้”
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” พี่เอกถามขึ้นจากการมองดวงตาที่รู้สึกสับสนของชานนท์
“ไม่มีอะไรครับ”
“ไม่มีแล้วจะทำหน้าทำตาแบบนั้นทำไมวะ?”
“เอ่อ....” ชานนท์รู้สึกไม่ชอบที่ใบหน้าตัวเองมันซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากจนเกินไป ทำไม่ถึงไม่รู้จักโกหกเสียบ้าง!
“เอาน่ะ ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” พี่เอกเท้าเร็วขึ้นทำให้ชานนท์ที่อยู่ในวงแขนต้องก้าวเท้าเร็วขึ้นไปด้วย
“มันก็..... ไม่ได้มีอะไรนะครับ.... ผมไม่ได้รู้สึกกับเมย์แบบนั้นแล้วตั้งแต่เธอว่ามีแฟนแล้ว ผมก็เลยคิดว่า ผมคงไม่ไ้ด้ชอบเธอแบบนั้น.....มั้ง.... จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมองเธอเปลี่ยนไป จนไม่คิดว่าจะกลับไปมองเธอแบบเดิมได้อีก”
ชานนท์พูดความในใจออกมาขณะเดินกึ่งวิ่ง ทำให้มีอาการหอบเล็กน้อยติดมากับคำพูดด้วย
“งั้นพี่ว่าเอ็งควรไปเคลียร์กับเธอนะ จะได้เป็นเพื่อนต่อไปกันได้ไง ไม่ว่าเรื่องอะไรเกิดขึ้น มันต้องคุยกันถึงจะแก้ปัญหาได้ไม่ใช่หลบหนีแบบนี้..... เอาล่ะ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันให้สบายใจก่อนนะ แล้วค่อยไปจัดการ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง!!” พูดจบพี่เอกก็ยิ้มให้และสาวเท้าเร็วขึ้นจนชานนท์แทบจะต้องวิ่งตาม

............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2018 09:35:01 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

พี่เอกพาชานนท์กลับมาที่ร้านอาหารร้านเดิม เพียงแต่วันนี้สั่งอาหารมาไม่เยอะเท่าวันก่อนเพราะชานนท์รู้สึกไม่เจริญอาหารเท่าไหร่ ในระหว่างมื้ออาหารพี่เอกก็พยายามให้กำลังใจชานนท์ให้สู้กับกิจกรรมต่อไป และพยายามแนะนำว่าในวันถัดๆไปจะมีเพลงอะไร จังหวะแบบไหนให้ล่วงหน้า คล้ายกับการติวหนังสือทีเดียว ชานนท์รู้สึกเหมือนโดนเฉลยข้อสอบล่วงหน้า แต่เนื้อหาเหล่าคล้ายจะไม่เข้าไปบันทึกในเซลสมองของชานนท์เท่าไหร่ เขารู้สึกขาดความสนใจไปในบางช่วง จนบางครั้งหันไปมองทางอื่นเลยก็มี ทุกครั้งที่สมาธิเขาขาดช่วงไปจะเจอมือของพี่เอกเอื้อมมาจับที่ใบหน้าเพื่อเปลี่ยนทิศทางสายตาของชานนท์ให้ไปจับจ้องที่พี่เอกเท่านั้น สายตาที่มุ่งมั่นเหล่านั้นมันทำให้รู้ชานนท์ลุ่มร้อนในอกจนไม่สามารถสบตากับพี่เอกได้นาน ตาดวงกลมเรียวสีน้ำตาลอ่อนนั่น มันมีเสน่ห์อย่างที่เขาอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้

“ร้านนี้อร่อยนะ มากินข้าวด้วยกันก่อนสิ กินไปคุยไปก็ได้!” เสียงหญิงสาวดังขึ้นจากทางประตูทางเข้าร้าน เสียงเธอดังก้องไปทั่วร้าน ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอ รวมถึงชานนท์ด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยแต่งตัวเน้นสัดส่วนจนทำให้คนมองเดาไซส์ของเธอได้ไม่ยาก ด้วยทรวดทรงที่อวบอิ่มกำลังดี มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ทำให้เคลิบเคลิ้มตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เธอเป็นผู้หญิงที่ดึงดูดสายตาได้กับชายทุกผู้

“เร็วๆ มานี่สิ น๊าๆ....” เสียงของเธอดังขึ้นเชิงออดอ้อนในขณะที่เธอหันตัวกลับไปพูดกับคนที่เธอน่าจะพามาด้วย ทำให้ยิ่งตกเป็นเป้าสายตามากขึ้น

“อ้าว!! นั่น! ยัยวิ ทำไมโลกมันแคบจังวะ” พี่เอกพูดขึ้นขณะที่ชานนท์มุ่งสมาธิไปที่เธอแทนที่จะเป็นตัวเขา
“พี่รู้จักเธอ?” ชานนท์หันควับมาถาม
“ทำไมจะไม่รู้ ก็เป็นดาวคณะฯ ปีสาม มีใครบ้างไม่รู้จัก”
“สวยดี รูปร่างดี”
“เฮ้ยๆ ระวังหน่อยนะ ยัยนี่น่ะ.......” พี่เอกยกมือขึ้นป้องปากคล้ายเรื่องที่จะพูดต่อไปต้องระมัดระวังคำพูดเป็นพิเศษ

“ว้ายๆๆๆๆๆๆ น้องเอกที่น่ารักของพี่.... ไม่นึกว่าจะมาเจอกันที่นี่” เสียงสาวสวยที่หน้าร้านตอนนี้ย้ายมาอยู่ด้านหลังพี่เอกอย่างกับหายตัวได้
“เฮ้ย!  พี่!! ตกใจหมด” พี่เอกสะดุ้งตัวลอยและเสียอาการเล็กน้อย
“ขวัญอ่อนจริงพ่อคุณ เดี๋ยวพี่ช่วยปลอบไหมน้อง?” หญิงสาวบรรจงใช้นิ้วลูบไล้ไปที่หน้าอกของพี่เอกอย่างหวาดเสียว
“พี่วิภาดา!!” พี่เอกจับมือหญิงสาวที่ยืนอยู่ในระยะประชิดจนหน้าอกของเธอชนกับศรีษะของพี่เอก
“แหม.... แค่นี้ก็เขินอาย พี่ก็แค่คิดถึงน้องเอกที่น่ารักเท่านั้นเอง”
“พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ หรือจะให้ผมพูดไหมว่าทำไม?” พี่เอกเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“แค่นี้ก็ต้องโกรธกันด้วย ล้อเล่นนิดหน่อยเองนะ...... ว้าย.... หนุ่มน้อยคนนี้ใครกันคะ หน้าตาน่ารักดีจัง อ้อ.... คนที่น้องสปอนเซอร์ใช่ไหม? ....” หญิงสาวเปลี่ยนเป้าหมายทันทีที่พี่เอกมีสีหน้าเปลี่ยนไป

“พี่วิ!!” พี่เอกขึ้นเสียงอีกครั้ง และครั้งนี้ดังขึ้นมากกว่าครั้งก่อน
“อ้อ! ลืมไปว่า เขาห้ามบอกกันนี่!! งั้น.... พี่ขอโทษและขอตัวไปก่อนนะจ๊ะ... พี่ต้องไปเป็นสปอนเซอร์ที่ดีเช่นกัน....” แล้วเธอก็เดินจากไปนั่งโต๊ะข้างหลังที่มีชายหนุ่มท่าทางคุ้นตานั่งอยู่ก่อนแล้ว ชานนท์จึงพยายามเพ่งมองภายใต้แสงไฟในร้านที่ค่อนข้างจำกัดในเวลาใกล้ค่ำแบบนี้แต่ก็เดาไม่ออก สงสัยตาคงจะพร่าจากความเหนื่อยล้า

“เอ่อ.... พี่เอกครับ....” ในใจชานนท์เต็มไปด้วยคำถามร้อยแปดจากคำสนทนาของรุ่นพี่ทั้งสอง
“นั่นมันรูมเมทเอ็งนี่หว่า?” พี่เอกพูดแทรกขึ้นมา
“อะไรนะครับ?”
“นั่นไง! นั่นไง คนที่มากับพี่วิไง!!” พี่เอกขยับศรีษะถี่ๆไปทางทิศของโต๊ะนั้นเป็นเชิงชี้ทิศทาง
“เอ่อ.... ใช่! จริงด้วย! นึกว่าคุ้นๆอยู่.... เดี๋ยวนะพี่! ที่ว่าสปอนเซอร์เนี่ย?” ชานนท์หันไปมองเพียงแวบเดียวและรีบหันกลับมาถามพี่เอกทันเพื่อคลายข้อสงสัยที่แน่นอก
“เอ่อ...... เรื่องนี้ไม่ควรบอกกับน้องๆ นะเนี่ย แต่ป่านนี้ยัยพี่วิก็คงบอกกับทุกคนที่เจออยู่แล้ว คืออย่างนี้.... มันเป็นธรรมเนียมที่พวกรุ่นพี่กรรมการการรับน้องจะเลือกรุ่นน้อง 10 คนขึ้นมาดูแลสำหรับการประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัย และทุกปีก็จะมีการพนันกันเล็กน้อยนะ ถือเป็นรางวัลสำหรับคนที่ดูแลน้องๆได้ดี”
“รางวัล?” ชานนท์พอได้ฟังก็คลายสงสัยว่าทำไมพี่เอกถึงได้ดูแลเขาดีอย่างนี้
“ก็แค่เงินที่ลงขันกันนิดหน่อย”
“เท่าไหร่ครับ?”
“ก็ 20,000 สำหรับผ่านรอบตัวแทนคณะฯ อีก 30,000 ก็ผ่านรอบตัวแทนมหา’ลัยน่ะ”
“โอ้โห!! ตั้งห้าหมื่น... นึกว่าล่ะ.......” ชานนท์ทึ่งกับการละเล่นของคนรวย
“เฮ้ยๆ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่พี่ก็เป็นคนเลือกเรานะ พี่มั่นใจว่าเราเป็นเดือนคณะได้! เรื่องเงินมันก็แค่ผลพลอยได้” พี่เอกรีบลนลานแก้ตัว
“เหรอฮะ....?..” ชานนท์ลากเสียงยาวขึ้นเล็กน้อย รู้สึกหมดความนับถือคนตรงหน้าไปลงไปเยอะ
“เออ!! พี่พูดต่อ!! ขอเตือนนะ อย่าไปยุ่งกับพี่วิ เข้าใจไหม ยัยนั่นเห็นสวยๆ แบบนี้ น่ากลัวมาก!”
“ยังไงครับ แล้วพี่รู้ได้ไง?” ชานนท์สงสัยเพราะพี่วิที่รูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางอย่างนั้นจะไปมีเรื่องอะไรต้องกลัว
“เอาเป็นว่า พี่เจอกับตัวเองมาแล้ว! เธอเล็งหนุ่มน่ารักทุกคนที่เธอเห็นนั่นแหละ นายก็หน้าตาน่ารัก หน้าหวานแบบนี้สเปกเธอเลย แล้ว.... ยิ่งช่วงนี้ ห้ามไปวอแวมีข่าวกับเธอเด็ดขาด!!” พี่เอกกำชับอีกครั้งหนักแน่น
“ทำไมล่ะครับ?”
“เออน่า!! สงสารแต่ไอ้หนุ่มนั่นแหละ...... อย่าได้หลวมตัวหลงเสน่ห์ยัยนั้นเลย” พี่เอกใช้นิ้วชี้แบบหลบๆซ่อนๆไปที่วรุฒที่นั่งแบบเหม่อๆ ร่วมโต๊ะกับพี่วิภาดาสุดสวย
“มา!! เรามาติวกันต่อ...... เราต้องเสริมความมั่นใจเอ็งหน่อย........” พี่เอกจับหน้าชานนท์กลับมาให้จดจ่อที่หน้าขาวๆตาสวยๆของเขาอีกครั้ง

...........................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เฮ้อ......” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ หลังจากหลุดจากพี่เอก หลุดจากการนั่งฟังสิ่งที่ชานนท์แทบไม่ได้เข้าใจสักเท่าไหร่ ทั้งการร้องเพลงเชียร์ของคณะฯ ทั้งการแสดงสีหน้า ทั้งการปรับทัศนคติทั้งหลาย การซ้อมแนะนำตัวเพื่อเรียกคะแนน (หลังจากที่ชานนท์รู้เรื่องการสปอนเซอร์ของรุ่นพี่ พี่เอกเลยจัดเต็มแบบไม่ต้องมีการเกริ่นนำใดๆ)

ในที่สุดตอนนี้เขาจะได้มีเวลาให้ตัวเองเสียที!!

พี่เอกมาส่งเขาที่หน้าหอพัก และขอตัวเพื่อไปเที่ยวต่อกับเพื่อนทันที ชานนท์รู้สึกอิจฉาในการทำตัวสบายๆแบบพี่เอกเหลือเกิน เขาสามารถทำกิจกรรมอะไรแบบนี้ได้ทุกวันแบบไม่ค้องกังวลอะไร แต่ชานนท์ก็คิดได้หลังจากเดินมาได้สามสี่ก้าวและเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่จะจางหายไปตามลมที่พัดตามไป

‘คนที่เรียนมหาวิทยาลัยนี้ได้โดยใช้ทุนส่วนตัว ก็น่าจะเป็นคนฐานะไม่ธรรมดา’  เมื่อคิดได้ตามนี้เขาจึงรีบสาวเท้าให้ไวขึ้นเพื่อกลับไปเตรียมตัวอ่านหนังสือล่วงหน้าเพื่อจะได้ใช้ผลการเรียนของตนรักษาสถานะภาพนักศึกษาของตนเอง ณ ที่นี่ไว้

“น้องรุฒคะ! แหม..... ตั้งใจหน่อยสิคะ ทำแบบนี้สิคะ!” เสียงหญิงสาวคุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านข้างของตึกหอพักของเขา ขณะที่ชานนท์กำลังเดินขึ้นบันไดขั้นแรก
“แบบนี้คะ มองพี่สิคะ ทำไม่ได้ไม่ให้กลับนะคะ....” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นมาอีก ชานนท์จำได้ทันทีว่านี่คือเสียงของพี่วิภาดานั้นเอง ด้วยความสงสัยชานนท์จึงเดินไปตามต้นเสียงที่ข้างตึก เพราะทั้งชานนท์และพี่วิต่างหายกันไปก่อนที่ชานนท์จะกลับเกือบชั่วโมง

“ ไม่ใช่คะ! งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยคะ!” เสียงพี่วิยังคงดังกังวาล ชานนท์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มุมตึกและแอบดูที่มาของเสียง ภาพที่ปรากฏต่อหน้าคือ หญิงสาวกำลังโอบกอดชายหนุ่มจากทางด้านหน้า ช่วงอกแนบชิดกับด้านหน้าของฝ่ายชาย พี่วิกำลังใช้มือข้างหนึ่งจับมือของอีกฝ่ายให้ชูสูงให้ทำมุมกับพื้น ปลายมือชูขึ้นสูง ส่วนอีกข้างหนึ่งจับเอวของฝ่ายชายไว้ คิดในแง่ดีมันคงไม่แปลกเพราะไอ้วรุฒมันสูงมาก (สัก190ได้) ส่วนพี่วิก็มาตรฐานหญิงไทย ภาพมันเลยออกไปในแบบนั้น แต่ชานนท์รู้สึกถึงจริตบางอย่างของพี่วิ ทั้งการวางมือ ทั้งจุดสัมผัสทางกายต่างๆ ที่ทำให้บรรยากาศมันดูอีโรติกมากกว่าการสอนสั่งสไตล์โซตัสของการรับน้อง บวกกับการแต่งกายที่วาบหวิว จนทำให้ชานนท์อดที่จะหน้าร้อนวูบวาบไม่ได้

ติ้ดๆๆ ตือๆๆๆ ติดๆๆๆ

เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเขาดังขึ้นขัดจังหวะการส่องลีลาการสอนของพี่วิที่ร้อนแรงตรงหน้า ก่อนที่ทั้งคนนั่นจะรู้ตัวชานนท์รีบถอยไปในตัวตึกอย่างเร่งร้อน

“สวัสดีครับ” ชานนท์รีบรับสายทันที
“ดีคะ นนท์” เสียงผู้หญิงที่ไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ดังขึ้น จนทำให้ชานนท์ยกโทรศัพท์มาส่องที่หน้าจออีกรอบเพื่อนดูว่าใครโทรมา เพราะความรีบร้อนจีงรีบรับสายก่อนดูว่าเป็นใคร ที่สำคัญชานนท์ไม่เคยมีผู้หญิงโทรศัพท์หาเขาเลยนอกจาก ‘แม่’

‘มายา’  เป็นชื่อที่ปรากฏที่หน้าจอ

“สวัสดีๆ ได้ยินเราไหม?”
“สวัสดีครับ ได้ยินครับ”
“แหม... ให้พูดอยู่ตั้งนานไม่ตอบ!!”
“ขอโทษครับ”
“กับเราน่ะ ไม่ต่องพูด ‘ครับ’ ก็ได้นะ ว่าแต่ตอนนี้นายว่างไหม?”
“ครับ...  ว่างคระ.... เอ่อ......... ว่างสิ!” ชานนท์ได้ยินเสียงกระแอมแบบตั้งใจดังผ่านทางลำโพงมาทำให้แทบจะเปลี่ยนคำพูดไม่ทัน
“งั้นมาหาเราหน่อยสิ ได้ไหม มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ! มาที่ร้านกาแฟหน้าหอพักหญิงนะเดี๋ยวเราลงไปนั่งรอ”
แล้วมายาก็วางสายทันที ทิ้งให้ชานนท์รู้สึกเคว้งคว้างกับคำถามคาใจว่าเหตุใดมายาจึงต้องการคุยกับเขาแบบเร่งด่วน!! ที่ร้านกาแฟหน้าพอพักหญิงฝั่งนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการมานั่งส่องสาวของบรรดารุ่นพี่ด้วย หลายคนก็มักจะเริ่มมีเดทแบบง่ายๆ ที่นั้น หรือว่านี่คือการชวนเดทของหญิงสาวครั้งแรกของของเขา... พระเจ้า!! เป็นตัวแทนคณะฯ ในการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์แค่วันแรก เขาก็มีโชคเรื่องความรักเสียแล้ว ชานนท์คิดไปร้อยแปด พร้อมกับเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ หน้าแดงร้อนผ่าวมือไม้ของเขาแทบอยู่ไม่สุข เขารีบวิ่งขึ้นไปที่หอพักเพื่อล้างหน้าล้างตา เช็ดแว่นให้เงา จัดแต่งทรงผมเสียเพื่อเดทแรกของเขา!

.....................

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
โทรมาเรียกให้ไปเจอปู้ชายรึเปล่าอ่ะ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


เสียงจอแจภายในร้านคาเฟ่ขนาด 5 คูณ 5 เมตร ที่ภายในจัดแต่งอย่างเรียบง่าย ภายนอกอาคารปกคลุมไปด้วยต้นตีนตุ๊กแกจนเป็นสีเขียวเข้ม พันธุ์ไม้เหล่านั้นปกคลุมจนมองแทบไม่เห็นวัสดุภายนอกว่าสร้างจากอะไร มองเผินๆเหมือนบ้านต้นไม้ หากแต่มีกระจกบานใหญ่ที่หน้าร้านทำให้มันดูเป็นคาเฟ่ขึ้นมาบ้าง ภายในตกแต่งเรียบง่าย โต๊ะเก้าอี้และเคาเตอร์บาร์สั่งเครื่องดื่มต่างทำจากไม้สีน้ำตาลอ่อน เพดานและโคมไฟตกแต่งสไตล์ลอฟท์ บรรยากาศดีกว่าที่คิดมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัย

ชานนท์เดินเก้ๆกังๆ เข้าไปในร้านด้วยความประหม่า เขายังพยายามจัดทรงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเจอมายา เสื้อผ้าหน้าผมที่ลงทุนวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อการณ์นี้ แทนชุดเก่าที่เยินและเหม็นเหงื่อ ‘ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญในการแต่งกายเพื่อออกเดท’ ข้อความประโยคหนึ่งในหนังสือที่เขาเคยอ่านผุดขึ้นมาในหัวของเขา

“นนท์! นนท์ ทางนี้” เสียงหญิงสาวที่คุ้นหูดังขึ้นที่มุมห้องทางซ้ายมือของเขา ชานนท์เบนศรีษะไปทางต้นเสียง เขาเห็นมายาในชุดลำลองกึ่งชุดกีฬา เสื้อยึดสีขาวเข้ารูป กางเกงวอร์มสีน้ำเงินเข้มลายขวางที่ด้านข้าง และเกล้ามวยผมขึ้นไปเป็นรูปโดนัทตรงกลางศรีษะด้านบน ‘โหย.... แต่งตัวธรรมดายังดูน่ารักเป็นบ้า!!’ ชานนท์คิดทันทีที่เห็นภาพของมายาตรงหน้า

“จำเกือบไม่ได้เลย.......” ชานนท์ทักทาย เขามีคำทักทายให้เลือกไม่เยอะ เขารู้สึกว่าตั้งใจจะชมแต่ปากมันขยับได้แค่นี้
“โห.... เราโทรมขนาดนั้นเลย! นี่ขนาดไปล้างหน้าล้างตาแล้วนะเนี่ย  ใครจะคิดว่าคณะบริหารฯ จะรับน้องโหดขนาดนี้!!” มายาโอดครวญ จนสีหน้าเปลี่ยนไปแต่ก็ยังน่ารักอยู่
“ไม่หรอก....” ชานนท์พยายามปลอบ
“แล้วยิ้มอะไรของนาย? เราดูตลกเหรอ?” มายารีบคว้าตลับแป้งขึ้นมาส่องกระจกเช็คหน้าตัวเอง
“มายา ....ที่เราว่า ‘ไม่’ น่ะ ...คือเธอแต่งตัวยังไงก็น่ารัก” ที่ชานนท์เผลอยิ้มออกไปเพราะได้เจอความน่ารักของมายาในระยะประชิดนี่แหละ
“ปากหวานจริง. ท่าทางจะเจ้าชู้ไม่เบา ไม่ธรรมดานะเราน่ะ!” มายาสวนกลับมาทันที
“ฮะฮะฮะ” ชานนท์หัวเราะกลบเกลื่อน เขาไม่รู้วิธีที่จะโต้ตอบประโยคแบบนี้จริงๆ จะให้ตอบความจริงหรือไงว่า นอกจากเมย์ก็มีมายาเนี่ยแหละ เป็นผู้หญิงที่เขาสนทนาด้วยมากกว่า 3 ประโยค
“กินอะไรมาหรือยัง?” ฝ่ายหญิงถามพร้อมชูเมนูเล่มเล็กบนโต๊ะขึ้นมาตรงหน้า
“เอ่อ.... กินมาแล้วล่ะ” ขานนท์พาลนึกไปถึงอาหารที่กองท่วมโต๊ะซึ่งเขากินไม่หมดเมื่อเย็นกับพี่เอก
“อ้าว! จริงน่ะ  ว่าจะคุยไปกินไปจะได้ไม่เครียด”
“ว่าแต่... สงสัยเหมือนกัน ที่ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยนี่ เรื่องอะไรเหรอ?”
“เราขอสั่งอาหารก่อนได้ไหมอ่ะ หิวมากเลย นี่หิ้วท้องรอเลยนะเนี่ย!”
“โอเคครับ” ชานนท์ยิ้มตอบกลับไปอย่างยอมแพ้
“ก็บอกว่าไม่ต้องพูดครับกับเราไง มันรู้สึกห่างเหินกันจัง”  มายาพูดไปพลิกเมนูไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่ชินน่ะ” ชานนท์ได้แต่หัวเราะแห้งๆแก้เขินกลับไป ‘ความจริงเราสองคนก็ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นนะ’  เขาคิดในใจ

เพียงชั่วครู่อาหารที่มายาสั่งก็มาถึงประกอบไปด้วยน้ำผลไม้ปั่น, สลัดผักกุ้งทอดจานเล็ก และคลับแซนด์วิชชิ้นเล็กสองสามชิ้น ซึ่งดูเป็นปริมาณที่ไม่เหมาะสมกับคำว่า ‘หิวมากๆ’ ของเธอเท่าไหร่ หากเปรียบกับเมย์แล้วเมย์คงจะสั่งเต็มโต๊ะไปแล้ว กิริยาในกินของเมย์ก็ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่เพราะเธอทานเร็วมาก ผิดกับมายาที่ตัดแบ่งเป็นคำเล็กๆก่อนจะป้อนเข้าปากตัวเอง ชานนท์สลัดหัวตัวเองทันทีหลังคำพูดสุดท้ายในหัวจบลง เพราะในเวลาแบบนี้เขากลับไปคิดถึงเมย์อีกแล้ว

“เป็นอะไรของนาย เงียบไปแล้วอยู่ๆก็สลัดหัว” มายาถามขึ้นมาก่อนจะป้อนชิ้นขนมปังสอดใส้แฮมและชีสที่ตัดแบ่งออกมาเป็นชิ้นขนาดพอดีคำเข้าปากไป
“ไม่...ไม่มีอะไร.... คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“โอเคนะ นายน่ะ” ชานนท์พยักหน้าหลังจบประโยคคำถามของมายา “เอาล่ะเข้าเรื่องเสียที เห็นนายนั่งเหม่อเลยไม่อยากขัดจังหวะ เรื่องที่อยากจะคุยด้วยก็เรื่อง ยัยเมย์นั่นแหละ!”
“เมย์??” ชานนท์ได้ยินชื่อนี้ภายนอกความคิดของเขาจึงรู้สึกแปลกใจ
“นายก็รู้นี่ว่า ยัยเมย์น่ะเป็นรูมเมทเรา”
“อืม..” ชานนท์พยักหน้าอีกครั้ง ขณะที่เขาระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัยได้
“ยัยเมย์ มันกลุ้มใจมากเลยนะ กลัวนายจะเข้าใจผิด!!”
“เรื่องแบบนี้ เราเข้าใจ ไม่ต้องอธิบายหรอก” สีหน้าชานนท์เปลี่ยนไปทันที เขาดูเคร่งขรึมมากขึ้น น้ำเสียงจริงจังขึ้น
“เดี๋ยวๆ แบบนี้แปลว่านายไม่เข้าใจ!! ในฐานะตัวแทนของทั้งสองฝ่าย เราขอเป็นคนอธิบายเอง!!”
“ทั้งสองฝ่าย?!?!” ชานนท์มีอาการมึนงงกับประโยคของมายาจนแสดงออกทางสีหน้า
“โอเค เงียบก่อนและฟัง!!” สีหน้ามายาดูจริงจัง เธอหยิบแก้วขึ้นมาดูดน้ำผลไม้ปั่นสีเหลืองอมส้มสองสามอึกก่อนที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังแบบไม่มีเว้นวรรค เธอแสดงศักยภาพในการพูดได้ดีจนชานนท์ทึ่งว่าคนหนึ่งจะสามารถพูดได้เยอะและชัดเจนเท่านี้

ชานนท์จึงต้องรับฟังด้วยทักษะทั้งหมดที่มี
“วันนั้นเมย์แอบไปเซอร์ไพรส์แฟนของเธอถึงที่มหาวิทยาลัยแต่สิ่งที่เจอคือ แฟนจองเธอดันไปเจาะแจ๊ะกับหญิงอื่นเกินงาม เมย์แอบตามดูจึงคิดไปเองต่างๆ นานาว่าเธอโดนนอกใจเสียแล้ว เห็นเมย์ห้าวๆ แบบนี้นะ ใจเธอบางยิ่งกว่ากระดาษ น้อยอกน้อยใจ ไปเมาหัวราน้ำอยู่แถวบาร์ที่ไหนสักแห่งจำไม่ได้”

ชานนท์ฟังถึงตรงนี้ เขารู้สึกถึงความรุนแรงของอารมณ์ผู้หญิงและความรักของเมย์ที่มีต่อแฟนของเธอ ตอนนี้อารมณ์ของเขาก้ำกึ่งอยู่ระหว่างอาการเจ็บจี๊ดที่อกข้างซ้ายและอาการโมโหไปกับเหตุการณ์ที่เมย์เจอ

“เดชะบุญนะ ไปเจอกับวรุฒเข้า!”

’มาเจอไอ้ปีศาจนั่นมันโชคดีตรงไหนวะ!” ชานนท์คิดในใจ จนเผลอแสดงออกทางสีหน้า เขารู้สึกหงุดหงิดกว่าตอนประโยคแรกเสียอีก
“ดูทำหน้าเข้า เรารู้นะว่า เธอคิดอะไรอยู่ วรุฒเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก” มายาพูดขึ้นเมื่อจ้องสีหน้าของชานนท์และยิ้มมุมปาก
“สำหรับเรา หากเรามีน้องสาวหรือพี่สาวคงไม่อยากให้ไปเจอไอ้หมอนั้นในสถานการณ์แบบนี้” ชานนท์โต้กลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฟังให้จบก่อนค่อยตัดสินใจได้ไหม?”
“เราอยู่กับมันทุกวัน! ไม่ต้องเล่าต่อเราก็รู้ตอนจบแล้ว!!” ชานนท์เริ่มใส่อารมณ์กับทุกคำพูด
“เรารู้นะว่านายแอบชอบยัยเมย์อยู่”
“............... เปล่านี่” ชานนท์คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกดีกับเมย์นะ แต่พอมาถึงจุดนี้เขากลับรู้สึกชัดเจนขึ้นแล้วมันไม่ใช่ความรู้สึกแบบความรักแบบนั้น เขาตอบออกมาด้วยความรู้สึกราบเรียบจนรู้สึกตกใจตัวเองเหมือนกัน
“ปากแข็งจริง... เอาล่ะ......ในฐานะตัวแทนทั้งสองฝ่าย เราไม่อยากให้นายคิดอคติกับทั้งสองคนแบบนั้น นั่นเป็นสาเหตุให้เราต้องมาอธิบายกับนายด้วยตนเอง” มายาย้ำด้วยเสียงหนักแน่นและตักของกินตรงหน้าเข้าปากด้วยผักสลัดชิ้นเล็กๆ

“ทำไมต้องไปแก้ตัวให้ไอ้หมอนั่นด้วย หากเป็นเมย์เราเข้าใจเพราะเป็นเพื่อนกัน ทำไมมายาพูดเหมือนรู้จักวรุฒดีขนาดนั้น!!” ชานนท์ผ่อนลมหายใจหลังพูดจบ วันนี้เขารู้ว่าเขาใช้พลังงานกับการพูดเยอะเกินไปแล้ว ทั้งที่ปกติเขาแทบไม่ได้ใช้ปอดกับเรื่องพูดเลย

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“รู้สิ.....ก็โตมาด้วยกันนี่นา พ่อเขากับเราเป็นเพื่อนกัน เราโตมาด้วยกัน อืม.....แบบ......... ก็เหมือนพี่ชายประมาณนั้น!” มายาดูลังเลที่จะอธิบายอย่างละเอียด ส่วนชานนท์หลังจากได้ฟังก็อดที่จะประมวลผลไปต่างนานาไม่ได้ ทำได้แค่นิ่งเงียบไป
“ฟังนะ ยัยนั่นกับวรุฒน่ะไม่มีอะไรกันหรอก บังเอิญว่าเราส่งรูปไปให้วรุฒช่วยตามหาด้วยน่ะ บังเอิญไปเจอยัยเมย์เมาหัวราน้ำอยู่ก็เลยลากมาดูแลต่อ”
“ดูแลกันอย่าละเอียดลึกซึ้งเชียว!” ชานนท์ตอบประชด เขาไม่รู้สึกหึงหวงแต่รู้สึกเหมือนโดนหักหลังมากกว่า เพราะเขากับเมย์มักจะพูดถึงวรุฒไปในทางไม่ดีเสมอ คล้ายกับการอยู่ชมรม ‘แอนตี้วรุฒ’ ด้วยกันแล้วโดนหักหลังนี่ล่ะ

“เราไม่รู้นะว่า นายไปเจอภาพแบบไหนมา แต่เราเชื่อใจทั้งสองฝ่าย ทั้งสองบอกตรงกันว่า ไม่มีอะไรก็ต้องไม่มีอะไร” มายายืนยันหนักแน่น ในขณะที่ชานนท์ได้แต่ผ่อนลมหายใจและทิ้งตัวเอนไปที่พนักเก้าอี้อย่างเต็มแรง
“หากนายรู้จักวรุฒอย่างที่เรารู้จัก นายจะไม่คิดแบบนั้นหรอก”
“แล้วเธอรู้จักมันแบบไหน!?” ชานนท์รู้สึกถึงความเครียดของตัวเองระหว่าหัวคิ้วทั้งสองข้าง
“วรุฒ เขาเป็นคนจิตใจดีนะ........” มายาหยุดพูดไปเล็กน้อยหลังจากมองหน้าชานนท์ที่ยังคงทำหน้าเหมือนฟังเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ พลังงานด้านลบยังคงอยู่รอบตัวชานนท์
“เฮ้อ....จริงๆแล้ว เขาเป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมากๆ มีน้ำใจ .... จนกระทั้ง.........” มายานิ่งไปพักใหญ่ ความสดใสของแววตาของเธอดับวูบลงเล็กน้อย
“เอาเป็นว่าที่เขาเป็นอย่างปัจจุบันนั้เพราะความโชคร้ายนั่นแหละ หากนายได้รู้จักกับเขาจริงๆ นายจะเข้าใจสิ่งที่เราพูด เรารู้ว่านนท์เป็นคนดี เราอยากให้นนท์เชื่อเรานะ วรุฒเป็นคนน่าสงสาร ช่วยเห็นใจเขาหน่อยนะ” มายายื่นมือมากุมมือของชานนท์ที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะ ด้วยสายตาที่กึ่งแดงและจริงจัง
“เอ่อ.......” ชานนท์รู้สึกสับสนว่าเขาถูกเชิญมาเพื่อเครียร์เรื่องอะไรกันแน่ระหว่าง เรื่องเมย์หรือเรื่องวรุฒ
“เรา.. .... เข้าใจเรื่องเมย์แล้ว เดี๋ยวจะหาทางไปคุยกับเมย์เอง แต่..... เรื่องวรุฒนี่มัน.......เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย?” ชานนท์ตอบออกไปด้วยความรู้สึกมึนงงกับข้อมูลที่ได้มา
“เกี่ยวสิ... นายเป็นรูมเมทของวรุฒ เราก็เลยอยากเคลียร์ทีเดียวไปเลย พวกนายยังต้องอยู่ด้วยกันอีกตั้งสองปี ก็ควรจะผูกมิตรกันไว้จริงไหม? ไหนๆก็รู้จักกันแล้วเราก็อยากให้รู้จักกันดีๆ  เป็นเพื่อนกันไว้” มายาจบด้วยรอยยิ้ม
“เราก็พยายามแล้วนะ....” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“เรารู้ วรุฒไม่เคยว่านายลับหลังเลยรู้หรือเปล่า? มันแปลกนะสำหรับคนเลือกมากอย่างเขา หากนายไม่โอเค ป่านนี้โดนย้ายตั้งแต่สามวันแรกแล้ว!! นายก็รู้ว่าเขาทำได้!!” เมย์ย้ำเพิ่ม ความจริงชานนท์ก็พอรู้ว่าบ้างว่าเขาเป็นลูกของผู้ทรงอิทธิพล แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำได้ขนาดนี้ ชานนท์เลยทำได้แค่กลืนน้ำลายเท่านั้น

.........................

หลังจากจบการอภิปรายช่วงมื้อค่ำของมายาที่ร่ายยาวจนเขารู้สึกมึนงง ชานนท์ก็ขอแยกย้ายทันที ‘แบบนี้มันไม่ใช่เดทเสียหน่อย ทำไมทุกอย่างมันถึงได้มีไอ้วรุฒเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่องเลยวะ!” เขาคิดไปพร้อมเดินกลับหอพักอย่างเรื่อยเปื่อย
 สายลมช่วงหัวค่ำมันช่างเย็นเยียบและเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน ชานนท์มองไปตามท้องถนนระหว่างทางกลับหอพักที่ผู้คนเริ่มบางตา แต่ทุกคนที่เขาเห็นในช่วงเวลานี้มักจะเดินหรือปั่นจักรยานซ้อนท้ายกันเป็นคู่ๆ เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

“นี่จะไม่ชวนพี่ขี้นไปนั่งพักที่ห้องหน่อยเหรอ?”
เสียงแหลมเล็กออดอ้อนดังขึ้นจากข้างทางระหว่างทาง ชานนท์รีบหันไปหาต้นเสียงทันทีเพราะเขาจำเสียงนี้ได้แม่นยำ เจ้าของเสียงที่พี่เอกปรามไว้ให้ระวังตัวหากเข้าใกล้เธอ

ชานนท์เห็นพี่วิเดินเกี่ยวแขนวรุฒเดินเอาตัวแนบกันจนเหมือนปาท่องโก๋เดินได้  ทั้งสองเดินเลียบบาทวิถีในสนามหญ้าบริเวณใกล้หอพักทางด้านหน้า ชานนท์ถึงกลับต้องชะลอฝีเท้าเพื่อทิ้งระยะห่างจากทั้งคู่พอประมาณ

“น่าๆ พี่สาวหิวน้ำนะ ซ้อมลีดฯกันเหนื่อยๆ แบบนี้ ไม่เห็นใจพี่วิบ้างหรือจ๊ะ?” ลีลาการพูดและท่าทางออดอ้อนของพี่วิ ไม่ธรรมดาเลยมีพลังทำลายสูงมาก ชานนท์คิดว่าหากเป็นเขาคงตอบตกลงตั้งแต่คำชวนแรกไปแล้ว ‘คนอะไรเซ็กซี่เป็นบ้า’ ชานนท์แอบคิดขณะมองบั้นท้ายทรงเสน่ห์ข้างหน้า

“ไว้วันหลังนะ วันนี้มีแม่บ้านมาทำความสะอาด ห้องคงรกและฝุ่นน่าจะเยอะ” วรุฒปฏิเสธเสียงราบเรียบ แต่รู้สึกถึงความรำคาญปะปนไปกับเสียงจนคนข้างหลังอย่างชานนท์ยังรู้สึกได้ชัดเจน

“ว้า..... แย่จัง... ไว้วันพรุ่งนี้ก็ได้ พี่สาวอยากหามุมที่คุยกันเป็นการส่วนตัวได้น่ะจ๊ะ.... อยากจะติวพิเศษให้” เสียงหญิงสาวพูดอ้อนต่ออย่างไม่ย่อท้อเธอมีความพยายามจนชานนท์เริ่มรู้สึกขนลุกกับภาพที่เห็น แล้วเสียงพี่เอกดังขึ้นในหัว ‘ยัยนั่นมันเป็นพวกเก็บแต้มมากกว่าที่จะทำไปเพราะรักชอบจริงๆ!’ ชานนท์ขนลุกอีกครั้ง และรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ แต่วรุฒกลับแสดงท่าทางเย็นชาอย่างไม่น่าเชื่อ ชานนท์เห็นวรุฒเพียงแค่พยักหน้าตอบไปอย่างขอไปที

ชานนท์เดินตามจนทั้งสองแยกกันที่หน้าหอพักของเขา พี่วิยกมือขึ้นหยิกแก้มเนียนๆ ของวรุฒที่อยู่สูงขึ้นไปอย่างตั้งใจ ส่วนวรุฒก็ยืนนิ่งเฉย ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเป็นการอำลาก่อนที่เขาจะเดินห่างจากไปเข้าประตูหอพักโดยไม่หันกลับมามองสาวสวยเซ็กซี่ที่โบกมือลาอย่างพี่วิเลย

“เฮ้อ.... เล่นตัวจริง แต่ไม่นานหรอก เดี๋ยวจะให้ยอมสยบแทบเท้าแม่สักวัน!!” พี่วิทำเสียงฮึดฮัดในลำคอหลังจากจบประโยคลอยๆของเธอ ขณะที่ชานนท์พยายามเคลื่อนตัวผ่านเธอไปอย่างไม่เป็นจุดสนใจ

“น้องนนท์.....” พี่วิวิ่งเข้ามาโผกอดชานนท์จากทางด้านหลัง
“เอ้ย!!  พี่วิ!!” ชานนท์ตกใจกับเนื้อหยุ่นทรงกลมขนาดใหญ่ที่ปะทะแผ่นหลัง
“โอ๋ๆ ขวัญเอย ขวัญมานะน้อง เหนื่อยไหมจ๊ะ พี่เอกมันโหดกับน้องไหมเนี่ย แต่ก็ไม่น่านะ ผู้ชายนุ่มนิ่มแบบนั้นจะไปโหดได้ไง!” พี่วิพูดพลางใช้มือลูบศรีษะของชานนท์ไปมาอย่างทะนุถนอม
“ไม่เหนื่อยครับ แต่ผมแค่..... ได้เวลานอนแล้ว” ชานนท์นึกอะไรแก้ตัวที่จะหนีจากสถานการณ์แบบนี้ไม่ออก ในขณะที่มีของที่ทำให้เสียสมาธิอยู่ติดกับแผ่นหลังตัวเองอยู่
“แหม...... หัวค่ำอยู่เลย.... จะรีบไปนอนทำไม มาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวสักเดี๋ยวได้ไหม? มืดแล้วแบบนี้พี่กลัวการกลับหอพักคนเดียว.... มันเปลี่ยว...” เสียงพี่วิที่ลากยาวออดอ้อน ทำให้ชานนท์เกือบเคลิ้มตาม
“เอ่อ..... ผม..... เอ่อ.........” สติของชานนท์อยู่กึ่งกลางระหว่างคำว่า ‘อย่า’ กับคำว่า ‘ไป’
“ฮ่าฮ่าฮ่า...... พี่ล้อเล่นจ๊ะ หอพี่อยู่แถวนี้เอง ในเขตมหา’ลัยไม่น่ากลัวหรอกนะ” พี่วิหัวเราะลั่นและผละตัวออกจากชานนท์
‘พี่นั่นแหละ! น่ากลัว!’ ชานนท์คิดในใจ ในขณะที่เสียงหัวใจเต้นตูมตามแทบจะหลุดจากอก
“แต่เหม่..... เห็นแบบนี้แล้ว พี่ยิ่งรู้สึกสนใจน้องขึ้นไปอีก..... รู้เลยว่ายังสด..... ฮิฮิ... พี่ไปก่อนนะแล้วเจอกัน”
พี่วิพูดด้วยสีหน้าร่าเริงก่อนจะขอตัวจากไป
“ผู้หญิงเมืองกรุงน่ากลัวโคตร!” ชานนท์พูดขึ้นหลังจากเริ่มเดินเข้าหอพักด้วยใจระทึก

.............................

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


ในที่สุดชานนท์ก็ดันตัวเองขึ้นมาถึงชั้นบนสุด เวลาเหนื่อยๆ แบบนี้เขารู้สึกเลยว่าบันไดที่นี่มันสูงชันกว่าปกติมาก เขายืนผ่อนลมหายในเข้าออกอย่างช้าๆ ณ บันไดขั้นสุดท้ายของชั้น 5

“ป้าวันนี้ผมไม่ส่งนะครับ” เสียงคุ้นหูที่ดูอ่อนโยนกว่าที่ชานนท์เคยฟังดังลอยมาทางห้องของเขา ชานนท์เลยแอบชำเลืองมองผ่านมุมบันไดทางขึ้น-ลง นั่นมัน ‘ป้าศรี’ ชานนท์ระลึกขึ้นมาในสมอง
“โอ้ย... ไม่ต้องมาส่งป้าหรอก ป้ามาจนคุ้นทางแล้ว!” ชานนท์เห็นป้าที่มารับจ้างทำความสะอาดเพื่อชดใช้หนี้สินที่ไปทำรถราคาหลายล้านของไอ้หนุ่มเศรษฐีเพื่อนร่วมห้องของเขาเสียหาย ป้ายืนอยู่หน้าห้อง และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อ่ะ ป้าค่าทำความละอาด” เสียงชายหนุ่มภายในห้องตอบกลับมา
“อุ้ย พ่อหนุ่ม มันเยอะไปนะ ไหนบอกจะให้ป้าแค่ครั้งละสามร้อย” ป้าศรีคลี่ธนบัตรสีเทามูลค่าหนึ่งพันบาทขึ้นมาตรงหน้า
“เอาไปเหอะป้า มอเตอร์ไซค์ป้าเสียไม่ใช่หรือไง รถเสียก็ไม่ต้องมาก็ได้นะจริงๆ”
“มอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวนี้เยอะแยะ ไม่เป็นไร ป้ามาได้”
“เฮ้อ.. ดื้อจริง... งั้นอย่างนี้นะ เอาเงินนั้นไปซ่อมรถมอเตอร์ไซค์นะ วันหลังจะได้ใช้ขับมาเองดีไหม? ถือว่าผมช่วยจ่ายค่ารถรับจ้างไป-กลับด้วยก็ได้นะ รับไปเถอะป้า” แม้คำพูดจะดูเด็ดขาดแต่น้ำเสียงไม่ได้แสดงความดุดันก้าวร้าวแต่อย่างใด
“อืม...... ก็ได้จ๊ะ ขอบใจนะพ่อหนุ่ม” ป้าศรีมีความลังเลเจือปนอยู่ในสีหน้าก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มที่แสดงความหยาบกร้านบนในหน้านับรอยไม่ถ้วน ทั้งหมดเป็นเครื่องยืนยันประสบการณ์ความลำบากของป้าศรีเป็นอย่างดี ชานนท์เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็แอบยิ้มไม่ได้ เขาไม่คิดว่าวรุฒเองก็จะมีมุมแบบนี้เหมือนกัน ในขณะที่เขาหันกลับมายืนพิงฝาผนังบริเวณหัวบันได

เสียงฝีเท้าของป้าศรีใกล้เข้ามาทำให้ชานนท์ต้องเดินลงบันไดไปสองสามก้าวเพื่อทำท่าทางว่าเพิ่งเดินขึ้นมาถึง

“อ้าว!! ป้าศรี!!” ชานนท์ทักทันทีที่เจอหน้าป้าศรีก้าวพ้นมุมกำแพงมา
“อ้าวพ่อหนุ่ม วันนี้กลับเสียค่ำเลย”
“กิจกรรมมันเยอะจ๊ะป้า ป้ากลับแล้วเหรอ?”
“เออ กลับแล้ว จริงสิ วันนี้ป้าแทบไม่ได้ทำสะอาดเท่าไหร่เลยนะ เก็บกวาดเสียเรียบร้อยเลย ทีหลังทิ้งไว้ให้ป้าทำบ้างนะ”
“ไม่เป็นไรครับป้า ผมเคยชินน่ะครับ พอทำได้ทำแล้วก็เผลอทำทั้งห้องทุกที”
“แหม.... เป็นเด็กดีจริงๆ เป็นเด็กดีทั้งคู่เลยนะ”
พอมาได้ยินประโยคท้ายสุดทำให้ชานนท์แอบคิดถึงความไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนอื่นชมเพื่อนร่วมห้องของเขาแบบนี้ ป้าศรีโบกมืออำลาและเดินหายไปตามช่องบันไดทางลง ปล่อยให้ชานนท์ทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่แต่เพียงลำพัง

ชานนท์เดินกลับมาถึงห้องที่มีวรุฒยืนเปลือยท่อนบนและมีเกร็ดน้ำประพรหมประปรายไปทั่ว หุ่นที่ดูสมส่วนกล้ามเนื้อที่มีมัดแต่พอดีนั่นมันเหมือนรูปปั้นมากกว่าคนจริงๆ เขาเผลอแอบมองจนลืมเดินไปที่เตียงขอเขาเพื่อนั่งพักเหนื่อยตามปกติ

“มองอะไรนักหนาไอ้เตี้ย!!” วรุฒพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเมื่อครั้งที่พูดกับป้าศรีมาก
“เอ่อ... ป่าวเสียหน่อยแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ชานนท์รีบกลบเกลื่อน
“.............” วรุฒได้แต่นิ่งมองวรุฒ ทำปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็หันหลังกลับไปเช็ดตัวต่อ

£&@&££@@&£......

ริงโทนเสียงใสๆ ดังลั่นจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่กว่าฝ่ามือไม่ไกลจากวรุฒ เขาแค่ชำเลืองมองและใช้นิ้วสัมผัสไปที่หน้าจอสองครั้ง

“ฮาาาา....โหล น้องรัก อย่าลืมไปซ้อมร้องเพลงที่เราซ้อมกันวันนี้นะจ๊ะ หากร้องไม่ได้จะโดนพี่สาวทำโทษน๊า!!”
เสียงดังแหวกอากาศลั่นทั่วห้องผ่านลำโพงที่ถูกเปิดไว้สุดเสียง เสียงที่ชานนท์รู้จักทันทีตั้งแต่คำแรก ‘พี่วิ’

“อืม...”  ตำตอบสั้นๆออกจากปากที่แทบจะไม่ขยับเขยื้อน
“เย็นชากับพี่ตลอดเลย พี่โทรมาหาก็ควรจะดีใจบ้างนะจ๊ะ”
“พี่มีธุระอะไรไหม? หากไม่มีผมจะรีบไปทำธุระต่อ!” วรุฒตอบด้วยอาการหงุดหงิดพร้อมพยายามสวมใส่เสื้อผ้าไปด้วย
“ก็พี่เหงานี่ เพื่อนพี่มันหนีไปเที่ยวกันหมดเลย ว่าแต่อยากให้พี่สาวไปทำธุระด้วยไหม? พี่ว่างนะ”
“ผมแค่ไปกับเพื่อนที่บาร์ xXx แค่นั้นเอง”
ชานนท์ฟังถึงตรงนี้ก็เกิดคำถาม ‘ไม่เคยรู้เลยว่ามันมีเพื่อน!’
“ว้าย! พี่เคยไป เดี๋ยวเจอกันนะจ๊ะ.....” พอสิ้นเสียงเธอก็วางสายไปเลย ปล่อยให้บรรยากาศในห้องเงียบสงบอีกครั้ง

“เราว่า..... นายพยายามเลี่ยงเธอหน่อยก็ดีนะ พี่วิน่ะสวยก็จริงนะ แต่พี่เอกเตือนมานะว่า อย่าไปยุ่งกับเธอเลย เดี๋ยวจะมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเอง” ชานนท์พูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบในห้อง
“เออ! กูดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องมาเตือนกูหรอก!” เสียงวรุฒที่ไร้เยื่อใยตอบกลับมา
“นี่เราเตือนดีๆ นะ!!” ชานนท์เริ่มรู้สึกทนความงี่เง่าของอีกฝ่ายไม่ไหว
“กูไม่ต้องการไง!!”

“..............” ชานนท์แสดงสีหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของวรุฒ เขาเริ่มรู้สึกหมดแรงที่จะพยายามผูกมิตรด้วย
“ไหนๆก็พูดแล้ว.....ป้าศรีบอกกูแล้วว่าน่าจะเป็นมึงที่คอยมาช่วยทำความสะอาดและจัดห้องฝั่งกู ขอบใจนะแต่ทีหลังไม่ต้อง!!”

“เออ!! ก็ได้!!!” ชานนท์ตอบด้วยสายตาที่รู้สึกโกรธคนตรงหน้ามาก และคิดว่าเขาจะไม่พยายามผูกมิตรกับเพื่อนร่วมห้องเขาอีกแล้ว ชานนท์หันหลังกลับไปที่มุมของเขาและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำทันที เขากระแทกประตูห้องน้ำเสียงดังด้วยความโมโห วรุฒเป็นคนเดียวเลยที่ทำเขาโกรธได้ขนาดนี้

.......................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 6

Can’t help myself


หลังจากเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำ ในที่สุดชานนท์ก็สามารถอยู่ในห้องได้อย่างสบายใจอีกครั้ง เขาสามารถอ่านหนังสือ เปิดเพลงบรรเลงเพราะๆ ฟังอย่างที่เขาต้องการได้อย่างสบายใจเพราะหลังจากที่เขาออกมาจากห้องน้ำ วรุฒก็อันตธานหายไปจากห้องเรียบร้อย เหลือไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมกระจายฟุ้งอยู่เต็มห้อง ชานนท์ไม่รู้ว่ากลิ่นอะไรแต่มันหอมและอยู่ทนนานมากๆ เขาเคยแอบมองที่โต๊ะแต่งตัวของเพื่อนร่วมห้องเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นน้ำหอมขวดไหน (มันตั้งกันอยู่หลายขวดมาก)

เขาจดจ่อมีสมาธิอยู่กับตำราได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีข้อความจากเมย์ขึ้นมา
Mae: ‘ขอโทษที่ไม่ได้อธิบายด้วยตนเอง เพราะเราเราทั้งอายและกลัวว่านายจะไม่คุยด้วย’
ชานนท์ถอนหายใจก่อนที่จะตอบกลับไป
NONT: ‘เราสิควรจะขอโทษ เราควรจะเข้าคุยกับเมย์เพื่อเคลียร์กัน’
Mae : ‘เราดีใจนะที่นายเข้าใจ พรุ่งนี้เจอกันนะ เดี๋ยวเราจะอธิบายอย่างละเอียดเลย’
NONT : ‘ไม่เป็นไรจ้า มายด์เล่ามาละเอียดแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน’
Mae: โอเค
เมย์ตอบส่งท้ายตามด้วยสติกเกอร์ไลน์ส่งจูบมาให้

ชานนท์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะพร้อมถอนหายใจอีกครั้ง ความรู้สึกหนักอกมันหายไปเหมือนก้อนหินถูกยกออกจากอก ในที่สุดอย่างน้อย เขาก็จะได้เพื่อนที่เขาสนิทคืนกลับมา การรักษาเพื่อนที่มีอยู่น้อยนิดของเขาสำคัญมาก และที่สำคัญเหตุการณ์นี้ทำให้เขาคิดได้ว่า เขาไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินเพื่อนเลย แค่ตื่นเต้นกับการมีเพื่อนต่างวัยเท่านั้น เขาหันกลับไปตั้งสมาธิกับกองหนังสือตรงหน้าต่อ ตัวหนังสือมากมายเหล่านั้นวิ่งเข้าชนสายตาของเขาจนกระทั้งความมืดมิดบดบังทุกสิ่ง

..............

ก็อกๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะเแผ่นไม้ดังติดต่อกัน เสียงนั่นดังเข้ามาในความมืดมิดของชานนท์ เขาลืมตาขึ้นและพบว่าเขานอนพุบอยู่บนโต๊ะหนังสือของเขาเอง ทำให้หน้ากระดาษหลายหน้าที่เปิดกางอยู่ยับยู่ไปหมด

ก็อกๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้งจากทางประตูห้อง ชานนท์หันไปทางพื้นที่อีกด้านหนึ่งของห้องก็พบกับความว่างเปล่า วรุฒยังไม่กลับ แปลว่าเสียงเคาะประตูน่าจะเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด ‘สงสัยลืมคีย์การ์ดอีกแล้ว!!’ ชานนท์คิดได้ดังนี้จึงตัดสินไปเดินไปที่ประตูเพื่อเปิดทันที

ปีป! แกร็ก!

เสียงการใช้คีย์การ์ดและการปลดล็อคดังขึ้นขณะที่มือของชานนท์กำลังเอื้อมไปที่ปุ่มปลดล็อค ประตูไม้สีเทาขุ่นเปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวในชุดแนบเนื้อเน้นเนินอก ช่องตรงช่วงอกของเสื้อฉลุดอกไม้สีน้ำตาลอ่อนเปิดให้เห็นเนินเนื้อสีขาวอวบอิ่ม ชานนท์ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เห็นเท่าไหร่เพราะเริ่มเห็นจนชินตาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงคือผู้ที่สวมใส่มันต่างหาก พี่วิในชุดออกศึกยามราตรีแบบจัดเต็มกำลังผลักประตูเข้ามาอย่าช้าๆ

“ว้าย!! น้องนี่เอง! ยังไม่นอนอีกหรือจ๊ะ?” เสียงหวานโทนสูงดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดจนสุด
“คะ... ครับ” ชานนท์ใจสั่นไหวเมื่อเห็นเนินอกขาวๆ นั่นแน่นตึงเสื้อที่สวมใส่ มันแทบจะเหมือนไม่ปกปิดอะไรเลย
“ว้าย!! ดีจัง พี่ยังนึกอยู่ว่าหากน้องนินไปแล้วพี่จะเข้าห้องยังไงดึกขนาดนี้แล้ว?” พี่วิพูดพลางผลักประตูให้เปิดกว้างจนสุดเผยให้เห็นเพื่อนร่วมห้องของเขาที่เมามายจนหมดสภาพเช่นเคย ชานนท์คิดว่าวรุฒเป็นคนที่โชคดีมากที่มาเจอสาวๆ พวกนี้ไม่ใช่พวกมิชฉาชีพ
“ช่วยพี่หน่อยสิจ๊ะ เพื่อนน้องไม่ไหวแล้วล่ะ ดูสิ” พี่วิชี้ไปที่คนตัวสูงใหญ่ที่ยืนโอนเอนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวเสีย 10 ริกเตอร์จนต้องคว้าจับคนข้างๆ เพื่อที่จะทรงตัวอยู่ได้ แต่ความน่ากลัวน่าจะเป็นมือของวรุฒที่อยู่ในที่ไม่ควรจะอยู่ ทั้งอกทั้งเอว แต่ดูเหมือนพี่วิจะไม่ได้ถือสาอะไร แถมรู้สึกพึงพอใจเสียด้วยซ้ำ ชานนท์รีบก้าวออกจากห้องเพื่อไปพยุงอีกฝากหนึ่งของชายตัวสูงกว่าเขามากกว่าหนึ่งฟุต น้ำหนักที่พี่วิแบ่งมาให้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก สิ่งนี้เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของเชียร์ลีดเดอร์และคฑากรของมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี

ชานน์และพี่วิได้พยุงวรุฒมาจนถึงเตียงนอนฝั่งด้านขวา ด้วยความอ่อนล้าและน้ำหนักของชายร่างยักษ์ทำให้ทั้งสามล้มลงไปตรงที่นอนขณะกำลังจะจัดให้วรุฒลงนอนที่เตียง

“โอ้ย......dggiijjhfdrghj” วรุฒร้องโอยก่อนที่จะพึมพำอะไรที่ชานนท์ฟังไม่รู้เข้าใจ
“เฮ้อ...... เนี่ย.... เขาบ่นพึมพำแบบนี้ตลอดทางเลย ดีนะที่พี่ขับรถเป็น” หญิงสาวที่ล้มลงพร้อมเขายังคงนอนในท่าทางที่ไม่เรียบร้อยและเสื้อผ้าของเธอก็ดูไม่เต็มใจปกปิดเนื้อหนังของเธอเท่าไหร่ ทำให้ชานนท์เห็นพื้นที่สีขาวมากขึ้นจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด ชานนท์รีบลุกขึ้นนั่งหันหลังทันที

“ชอบจัง ท่าทางแบบนี้ ไม่เคยเจอเลย ปกติเจอแต่พวกหิวโหย วิ่งเข้ามาหาแบบไม่คิดมาก.....” เสียงที่หวานเย้ายวนดังขึ้นและชานนท์รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวด้านหลังเขา เขารู้สึกแปลกใจเลยหันเหลือบสายตาไปดู เขาเห็นพี่วิที่ปลดเสื้อแนบเนื้อตัวเองลงมากองที่เอวเผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีดำลายลูกไม้ขนาดเล็กที่แทบจะปกปิดส่วนสำคัญเท่านั้น เธอนอนลงไปทาบกับแผ่นหลังของวรุฒที่ค่อยๆถูกนิ้วเรียวยาวและเล็บสีสวยเกี่ยวชายเสื้อขึ้นมาให้เห็นเกือบทั้งแผ่นหลัง

“เฮ้ย!!!!!!” ชานนท์ร้องด้วยความตกใจและดวงตาเบิกโตกับสิ่งที่เห็น
“แหม..... ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งตื่นเต้น...... พี่ไม่ว่านะ.... หากเราจะมาแจมด้วย ...กับคนไม่ได้สติแบบนี้.... พี่ว่าคงไม่เวิร์คเท่าไหร่ หากมีน้องมาเสริมด้วยคงเติมเต็มพี่ได้...” ถ้อยคำที่เนิบนาบเชื่องช้าและเย้ายวนถูกปล่อยออกมาจากปากสีแดงเชอรี่นั่นด้วยท่าทางเรียบเฉยมั่นใจ มันทำให้ชานนท์ขนลุกไปทั้งตัว รู้สึกกลัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาทันที คำเตือนของพี่เอกถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรเพิ่มเติม ชานนท์สงสัยว่าพี่เอกเองก็คงเจอแบบนี้เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น.... ทุกส่วนในร่างกายของชานนท์ก็ตื่นเต้นตื่นตัวไปเสียทุกส่วน ยิ่งได้เห็นท่าทางการปลดเสื้อผ้าของชายไร้สติที่นอนอยู่อย่างช้า ยิ่งทำให้ตัวเขาเองรู้สึกอ่อนแรงที่ขาอย่างเห็นได้ชัด เขาได้ก้าวเข้ามาสู่โลกที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อนเลย

“พี่......พี่วิครับ..... ผมว่า......ทำแบบนี้มันไม่ดีนะครับ......คือ..........” ระหว่างที่ชานนท์รวบรวมสติพูดเพื่อห้ามการกระทำที่เกิดขึ้นด้านหน้า หญิงสาวที่กึ่งเปลือยท่อนอกได้ค่อยๆ ใช้นิ้วที่มีเล็บยาวสีสวยตกแต่งอย่างดีพยายามปลดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีสวยของชายไร้สติจนสำเร็จ วรุฒที่นอนงัวเงียกับอาการดื่มแอลกอฮอล์จัดทำได้แค่บ่นพึมพำไม่ได้ศัพท์อยู่ที่เตียง
“พี่ครับ.... ผม...... ว่ามันไม่เหมาะครับ พี่เชิญกลับเถอะครับ!!” ชานนท์ยังสามารถรั้งสติตัวเองกลับมาได้บ้างจากภาพที่หเมือนหลุดออกมาจากหนังสือกามาสุตราด้านหน้า

“ว้า...... น้องไม่สนใจเหรอ?...... ไม่เป็นไร น้องไปนอนก่อนนะ เดี๋ยวทางนี้จะสนุกกันต่อเอง.....” ระหว่างที่พูดพี่วิได้เอื้อมมือไปปลดกางเกงยีนส์ทรงเดฟที่รัดทรงพอดีของชายไร้สติอย่างช้าๆ เผยให้เห็นไรขนอ่อนๆ บริเวณท้องน้อยไล่เรียงหายไปในกางเกงในสีขาวยี่ห้อดังที่ขึ้นด้วยตัว H ที่ซ้อนตัวอยู่ในกางเกงยีนส์สีน้ำเงินซีด

“พี่ครับ.....!!! ผมทนมาหลายวันแล้วนะครับ และวันนี้ผมจะไม่ทน!!” ชานนท์รู้สึกลังเลก่อนจะพูดคำนี้ออกมา ใจหนึ่งก็อยากจะปล่อยเหมือนทุกคืนที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่สนใจ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกกังวลที่เพื่อนร่วมห้องของเขาจะต้องไปเกี่ยวข้องกับพี่วิที่น่ากลัวคนนี้ สุดท้ายเขาก็แพ้กับความคิดสีขาวของตัวเอง พูดออกไปเสียงแข็ง

“เฮ้อ...... ไม่สนุกเลย แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็ไม่ได้ พี่ไม่ทำอะไรกับคนที่ไม่เต็มใจแบบนี้หรอก มันสนุกตรงไหนล่ะ จริงไหม?” พี่วิยึดตัวขึ้นบ่นอุบอิบเสียงดัง
“อ้อ...... เหรอครับ” ชานนท์กล่าวอย่างโล่งอก ยิ่งได้เห็นพี่วิสวมเลื้อกลับคืนยิ่งรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
“แต่พี่ก็ยินดีสนองนะ หากน้องตกลง มันคงเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี!” สาวสวยเดินเข้ามาประชิดชานนท์และส่งยิ้มให้พร้อมโน้วตัวมาพูดข้างหู
“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“พี่ไปก่อนนะ” พี่วิเดินผ่านเขาไปอย่างรีบร้อนไปที่ประตูพร้อมจัดแต่งทรงผมที่เริ่มเสียทรงไปบ้างจากการกระทำเมื่อครู่ ชานนท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“นนท์จ๊ะ พี่ฝากหยิบมือถือที่เตียงมาให้พี่หน่อยสิจ๊ะ” พี่วิยืนปัดเสื้อผ้าที่หน้าประตูพูดขึ้น และชี้ไปที่วัตถุสี่เหลี่ยมที่ตกอยู่ข้างๆวรุฒที่ยังคงนอนเปลือยท่อนบนอย่างไม่ได้สติ
“นี่ครับ” ชานนท์นำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในกรอบสีแดงสดจากเตียงไปยื่นให้
“แล้วก็ อยากขึ้นครูเมื่อบอกพี่นะ พี่จัดให้เอง หน้าตาน่ารักแต่ยังใสๆ อย่างน้องเนี่ยพี่ยังไม่เคยเลยนะ” พี่วิพูดจบก็หัวเราะลั่นเมื่อเห็นหน้าชานนท์แดงเป็นลูกมะเขือเทศ ส่วนชานนท์ได้แต่ปั้นหน้าไม่ถูกและรีบปิดประตูลงกลอนไปอย่างรีบร้อน สิ่งสุกท้ายที่เห็นหน้าประตูคือ หลังสวยๆของพี่วิและเสียงหัวเราะอย่างสบอารมณ์

ชานนท์เดินมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่เตียงของเขา หลับตาและพยายามลบภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ออกไปจากหัวที่เริ่มมึนตึงเนื่องจากดึกมากแล้ว เขาไม่อยากเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกของเขาแบบนี้ เขาอยากทำให้มันน่าประทับใจตราตรึงใจมากกว่านี้

“เฮ้ย!!!!.........xoxokkojh” เสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์จากชายไร้สติที่นอนกึ่งเปลือยอยู่อีกฝากหนึ่งของห้องดังเข้ามาในภวังค์ของชานนท์ เขามองภาพเทพบุตรของหญิงสาวครึ่งค่อนคณะฯ อย่างระอา เขาอยากจะแก้เผ็ดโดยการปล่อยให้วรุฒนอนในสภาพนั่นต่อไปจนหวัดกินและให้ตื่นมาแบบตระหนกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ .......แต่เทวดาในหัวก็เอาชนะมารร้ายในใจได้เสมอ ชานนท์ถอนหายใจเดินไปที่เตียงฝั่งตรงข้ามทันที

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
บางทีก็คิดว่านนท์ ใส่ใจกับวรุตมากเกินไป  :hao3:
เพราะอีกฝ่ายดูไม่มีมารยาทมากๆ ไม่รับความหวังดี
แถมพูดให้เจ็บใจ นนท์ก็ยังไม่จำ 
พอเสียทีกับการใจดีเข้าหาคนหยาบคาย
ปล่อยไปเลย เมื่อเตือนแล้วเขาไม่ฟัง เขาไม่ต้องการ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

รูปร่างที่ใหญ่โตของเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ทำใหัเขามีความลำบากในการปรับเปลี่ยนท่านอนพอควร ชานนท์ต้องใช้แรงเกือบทั้งตัวในการพยุงอีกฝ่ายให้อยู่ในท่านั่ง พลิกตัวและดึขึ้นมา แต่เนื่องด้วยอีกฝ่ายไม่ได้ให้ความร่วมมือที่ดีนักเพราะความทิ้งตัวของวรุฒไม่ได้ช่วยให้นำ้หนักลดลงเลย
“ไอ้นี่มันหนักกี่กิโลวะ!” เขาบ่นขึ้นมาเสียงดัง

พรึดดดด.....

อาจเพราะใช้แรงไปกับการบ่นเสียงดังทำให้แรงที่จะฉุดรั้งคนไร้สติตกลดไป ขาที่สะสมความล้ามาทั้งวันจึงเกิดอาการอ่อนแรงและถไลลื่นไปกับพื้นที่นอน

“โอ้ย!!” ศรีษะของชานนท์ไปกระทบกับหัวเตียงแบบเฉียดๆ แต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อย และอีกหนึ่งแรงที่ทำให้ชานนท์รู้สึกแย่ขึ้นไปอีกคือ ร่างขนาดใหญ่ของเอนล้มมาทับลำตัวเขาด้วยเช่นกัน
“อืม........” เสียงครวญครางของวรุฒดังขึ้น ชานนท์ภาวนาให้สติของวรุฒตื่นขึ้นจากแรงกระแทกครั้งนี้ เขาพร้อมที่จะรับคำพูดรุนแรงจากชายปากหมาแต่ไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้นานกว่านี้ ร่างกายครึ่งล่างที่โดนอีกฝ่ายหนึ่งทับในสภาพนอนหงาย

ชานนท์พยายามใช้มือดันหลังวรุฒให้ลำตัวของอีกฝ่ายสูงขึ้น แต่เขาคงใช้แรงของเขาในงวดแรกมากไปจนแขนเริ่มล้า ด้วยเวลาประมาณตีสองแบบนี้เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะจัดการร่างยักษ์ใหญ่ตรงหน้า ชานนท์จึงตัดใจที่จะปลุกอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

“เฮ้ย!! วรุฒ!! วรุฒ.... วรุฒโว้ย!!” เขาเขย่าไหล่อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งเรียกชื่อชายไร้สติไปด้วย
“โอย......รำคาญ!! คนจะนอน!!” การปลุกของชานนท์ดูเหมือนจะได้ผล เสียงงัวเงียดังขึ้นจากคนที่อยู่บนลำตัวของเขา แขนขาทำท่าสะบัดแสดงความไม่พอใจ
“วรุฒ!! ตื่น!! ช่วยขยับตัวหน่อยได้ไหม? วรุฒ!!.....” ชานนท์รู้สึกว่าที่เขาทำอยู่นั่นมันได้ผล เลยเขย่าไหล่คนด้านบนต่อไปอีกและเขย่าแรงขึ้นกว่าเดิมและใช้เสียงเรียกที่ดังกว่าเดิม
“โอย!!! รำคาญหยุดเสียทีได้ไหม? เราบอกว่าเราจะนอน!!” วรุฒโวยวายและลุกขึ้นมาพลิกตัวกดทับชานนท์อย่างรวดเร็วจนชานนท์ไม่สามารถเปลี่ยนท่าทางได้พร้อมสองมือที่ถูกสองมือของอีกฝ่ายจับกดลงไป ชานนท์จ้องหน้าอีกฝ่ายความความโกรธและอาย เพราะทั้งเจ็บแขนและความใกล้ชิดของหน้าอีกฝ่ายกดต่ำลงมาจนชานนท์ได้กลิ่นเหล้าจากลมหายใจของวรุฒชัดเจนมากจนรู้สึกว่าตัวเองจะเมาไปด้วย แต่ดวงตาของวรุฒหรี่เล็กอย่างไร้สติ วรุฒเหมือนกำลังละเมอมากกว่าตื่น
“ทำไมถึงชอบแกล้งกันแบบนี้ you ก็รู้ว่า I ไม่ชอบให้ปลุก” เสียงวรุฒที่พูดออกมาอย่างเนิบนาบเชื่องช้าเหมือนเครื่องเสียงขาดไฟฟ้าไปหล่อเลี้ยง ลักษณะการพูดที่ชานนท์ไม่คุ้นเคย เขาไม่เคยถูกพูดด้วยประโยคและน้ำเสียงแบบนี้ หลังจากจบประโยควรุฒก็นิ่งไปและล้มตัวลงมาทับชานนท์ในสภาพที่แก้มของทั้งสองชนกันแนบสนิท

“เฮ้ย!! ไม่เป็นแบบนี้สิ!! ลุก!!” ชานนท์นอนโวยวายอยู่ด้านล่างเพราะนำหนักที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

“Xxxxx หุบปาก!! อาเธอร์ xxxx..... ” วรุฒงึมงำอยู่ในคอจนแทบฟังออกเพียงบางคำเท่านั้น
“หา?” ชานนท์อุทานด้วยสงสัย
“ไม่งั้นจะโดนนี่!!” วรุฒยันตัวเองขึ้นระดับหนึ่งจนหน้าขนาดกับชานนท์ทางด้านล่าง หลังจบประโยคเขาก็กดริมฝีปากลงไประทับริมฝีกปากชานนท์และเริ่มใช้ริมฝีปากขบและใช้ลิ้นเลียวนอย่างชำนาญ ชานนท์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ทางด้านล่างถึงกับร้องเสียงหลงแต่เสียงที่ออกมามันเป็นเพียงเสียงอู้อี้เพราะไม่มีช่องทางให้เสียงออกมาเนื่องจากคนทางด้านบนยังคงวนเวียนอยู่กับริมฝีปากของเขาอย่างดูดดื่ม เพียงชั่วครู่วรฒก็ฟุบลงไปด้านข้างในสภาพแก้มที่แนบกันอยู่เช่นเดิม พร้อมกับถูกลำแขนที่อวบแข็งแน่นโอบรัดจนขยับตัวได้ยากกว่าเดิม

ความรู้สึกแปลกประหลาดถาโถมเข้ามาสู่จิตใจของชานนท์เหมือนคลื่นสึนามิ มันเป็นจูบแรกของเขา และจูบแรกของเขาดันเป็นของผู้ชาย ผู้ชายที่เขาเกลียดเข้าไส้ สัมผัสแรกที่ริมฝีปากสัมผัสกัน เรารู้สึกตกใจและรังเกียจทั้งกลิ่น(เหล้า) และรสสัมผัส (เหนอะแฉะและเย็น) แต่หลังจากที่วรุฒได้บรรเลงเพลงสวาทด้วยปากของเขา ลีลาเหล่านั้นทำให้ชานนท์แอบรู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างประหลาด เขาเผลอปล่อยตัวตามจังหวะฝีปากฝ่ายที่กดทับเขาอยู่ไปชั่วครู่ ก่อนจะดึงสติกลับมาได้หลังจากจบกระบวนท่าของอีกฝ่าย 

ตอนนี้ชานนท์ได้แต่นอนนิ่งสับสนอยู่ภายใต้แรงกดของน้ำหนักและแรงกอดรัดของคนทางด้านบน เขาทั้งโกรธและเกลียดสิ่งที่เกิดขึ้น โกรธที่ตัวเองใจดีเกินไปเลยต้องมาเจอสภาพแบบนี้ ต้องเสียจูบแรกที่ควรสร้างความประทับใจในความทรงจำของเขาตลอดไป เกลียดที่เขาไม่สามารถกลับไปแก้ไข ได้แต่โทษไอ้คนเมาไร้สติคนนี้ เขาอยากจะผลักให้วรุฒให้หงายตกเตียงไปเป็นการสั่งสอน อยากต่อยหน้าไอ้ขี้แก๊กนี้ให้หายโกรธ แต่ก็ต้องโทษความอ่อนแอของตัวเองที่ได้แต่นอนไร้แรงต่อต้านอยู่ตรงนี้ เขาพยายามใช้แรงสุดกำลังอีกครั้งในการดิ้นให้หลุดมือที่เหมือนปลาหมึกติดกาว และความรู้สึกที่เหมือนไข่นกกระทาโดนแม่ไก่กกอยู่แบบนี้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เขาใช้กำลังจนแรงสุดท้ายของวันนี้ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจแค่รอให้วรุฒปล่อยเขาไปเอง แต่เขาก็นอนรออยู่นานมากกว่าชั่วโมงในท่าเดินจนกระทั้งความอ่อนเพลียเอาชนะเขาและสติก็ได้จางหายไปในความมืด

..........................

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด