▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ 5 ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇
เขาว่ากันว่า วันแรกมักจะเป็นวันที่เรารู้สึกว่ายาวนานเป็นพิเศษ ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ แค่เปิดเทอมวันแรก ผมก็รู้สึกว่าหลอดเลือดพลังชีวิตที่เก็บสะสมมาตลอดช่วงปิดเทอม ถูกดูดออกไปจนหร่อยหลอลงแล้ว
หรืออาจจะเป็นเพราะอยู่แบบเอื่อยเฉื่อยมานาน พอต้องปรับตัวมาเป็นนักเรียนผู้ขยันขันแข็ง ร่างกายยังปรับสภาพไม่ทัน ผมก็ไม่ใคร่แน่ใจนัก
"กว่าจะเลิกเรียน กูนี่แทบจะท่องตามโค้ชพูดได้ ถ้วยรางวัลนั่นน่ะ โค้ชต้องตั้งโชว์ไว้แบบแอบๆ กลัวคนรู้แล้วจะเกร็งที่ต้องคุยกับนักกีฬาทีมชาติที่เก่งขนาดนี้ โอ้โห เพื่อนกูกวาดมาเป็นสิบยี่สิบถ้วย เพื่อนกูยังไม่พรู่ดดด"
ไอ้น้ำที่สะพายกระเป๋าเป้เรียบร้อย เดินมารอพวกผมที่กำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋านักเรียน พูดนินทาครูประจำชั้นจำเป็นอย่างออกรส
ไอ้เต้ลากแฝดไปลงนรกสิบนาทีด้วยกันมาครับ เรียกได้ว่า พอถึงช่วงพัก ไอ้เต้ก็รีบวิ่งพรวดไปลากคอไอ้น้ำมานั่งแหมะกับตัวเองทันที ถือคติถ้ายังไงก็ต้องโดน ขอลากคนอื่นไปทนทุกข์ด้วยนั่นเอง
จากที่มีแค่ไอ้เต้หน้าเปื่อย ไอ้น้ำที่ถูกเกือบสาปเป็นกบแห้งจากเจ้ระเบียบประจำโรงเรียน และหมูหย็องหัวร้อน ตอนนี้ก็กลายเป็นไอ้เต้หน้าเปื่อย กับไอ้น้ำที่หัวร้อนบ่นไม่หยุดแทนครับ
วันๆหนึ่ง คนเราสามารถพูดได้มากขนาดไหนกันแน่ อย่างไอ้น้ำนี่เอามันไปบันทึกสถิติโลกได้หรือเปล่า พูดเก่ง บ่นเก่งเหลือเชื่อเลยจริงๆ
"เข้าใจความรู้สึกกูหรือยังล่ะ ครั้งหนึ่งกูเคยแซะกลับไปว่า อ๋อ ถ้าถ้วยรางวัลชนะทีมชาติ ของผมก็มีชนะเลิศจูเนียร์รุ่นเยาว์ที่เคยไปแข่งที่ฝรั่งเศษอยู่นะครับ แล้วมึงรู้ไหมโค้ชแม่งว่าไง มันบอกก็แค่รุ่นเยาว์จะเทียบอะไรกับรุ่นผู้ใหญ่ กระจอกๆ โอ้โห กูนี่อยากจะแหมไปให้ถึงดวงอาทิตย์ โคตรหัวร้อนแบบมึงเลยวันนั้น"
ไอ้เต้ยิ่งฟังไอ้น้ำผู้ร่วมชะตากรรมมาด้วยกันพูด เหมือนโยนฟืนลงกองเพลิง มันนึกย้อนไปถึงอดีต ขุดทุกเรื่องราวที่คับอกคับใจมาเล่าแบบน้ำไหลไฟดับ จากที่ทำหน้าเปื่อย ตอนนี้สองเพื่อนเกลอแข่งกันบ่นไม่หยุดเลยครับ มากกว่าหัวร้อน ก็หัวลาวาไอ้พวกนี้นี่ล่ะ...
"หมูหย็องครับ หมูหย็อง เราต้องไปนั่งฟังโค้ชช่วยเต้กันด้วยไหมครับ"
เทมยกมือป้องปากแล้วเอนตัวมากระซิบกับผมเบาๆ คงเห็นว่าเพื่อนลำบากก็น่าจะไปช่วยเพื่อนแบ่งเบา
"บางครั้ง วิธีการช่วยที่ดีที่สุดคือการไม่ทำอะไรนะครับเทม ให้เพื่อนได้เติบโตด้วยตัวเองเถอะนะครับ..."
พอผมพูดจบ เพื่อนที่ผมอุตสาห์หวังดีให้ได้เติบโตด้วยลำแข้ง ก็หันมาถลึงตาใส่ทันที
"มีแต่หูกูสิที่โต อย่าอื่นนี่ฟีบไปหมดแล้ว ด้วยเฉพาะสมองกูเนี่ย ฟังจนหลอน ถ้าคืนนี้กูเก็บไปฝันนะ กูจะแอบเอาหมามุ่ยไปโปรยใส่เก้าอี้แก เอาให้คันจนโม้ไม่ออกเลย"
ตัวตนของผมในฐานะเพื่อนและประธานนักเรียนกำลังตีกันอยู่ครับ ระหว่างช่วยเพื่อนไปเดินเก็บหมามุ่ยกับหยิบโทรศัพท์มาอัดเสียงเก็บหลักฐาน ไม่รู้ควรจะเลือกทำอย่างไรดีเลยจริงๆ ไอ้เต้พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย นี่ผมควรจดรายชื่อลงบัญชีหนังหมาเลยดีไหมครับ คิดว่าเหรียญตรานักเรียนดีเด่นปีนี้ ผมน่าจะได้สามปีซ้อนเลยทีเดียว
"หมู เราขอเวลาสักแป๊บได้ไหม ขอคุยเรื่องตารางงานหน่อย"
เปีย สาวน้อยที่มีเอกลักษณ์คือผมเปียสมชื่อ ตะโกนเรียกผมจากนอกห้อง ด้านหลังเปียมีคนในทีมคณะกรรมการที่คุ้นหน้าคุ้นตา ถือแฟ้มตามหลังอยู่อีกสองสามคน
อา...
คำว่าแป๊บเดียวของเปียนี่เชื่อถือไม่ได้พอๆกับเวลาที่ผู้ชายถูกถามว่าเคยดูหนังโป๊ไหม แล้วตอบว่าไม่เลยครับ
"เต้กับน้ำกลับกันไปก่อนเลยแล้วกัน เทมจะลงไปเล่นข้างล่างรอหมู หรือจะไปห้องกรรมการนักเรียนกับหมูด้วยกันดีครับ?"
เต้กับน้ำพยักหน้าเข้าใจ ว่าเย็นนี้สำหรับผมคงอีกยาวนานกว่าจะได้กลับบ้าน จึงหันไปกอดคอ เดินไป นินทาโค้ชจากไป พวกนี้มันรู้ตัวไหมครับ ว่ายังอยู่ในโรงเรียน เกิดแกเดินผ่าน แล้วได้ยินขึ้นมานี่ผมไม่ช่วยแน่ๆล่ะครับ
เทมลังเล ท่าทางไม่อยากห่างจากผม แต่พอหันไปมองเหล่ากรรมการนักเรียนที่ส่งยิ้มมาให้ก็สองจิตสองใจ
เทมที่ตัวติดหนึบกับผมตลอดเวลา แต่ถ้าต้องเข้าไปในห้องกรรมการนักเรียน เจ้าตัวยังยอมแพ้เลยครับ นอกจากมีคนที่ไม่รู้จักเยอะเดินเข้าออกเยอะ เพราะต้องมาดำเนินเรื่องต่างๆ ยังคุยกันแต่เรื่องที่ฟังดูน่าปวดหัว แถมมีแรงกดดันมากมายลอยละล่องเต็มห้องอีก ถึงเด็กน้อยของผมพอได้นั่งลงทำอะไรแล้วจะไม่สนใจโลกภายนอก แต่ก็ยกเว้นเสียงของผมเอาไว้ครับ ถ้าได้ยินเสียงผมอารมณ์ไม่ดี เจ้าตัวจะรีบวิ่งมาหาเลยทันที
ไม่นับเวลาน้ำเสียงจิกกัด ยามคำโต้ตอบเฉือดเฉือนเวลาที่ข้อมติไม่ตรงกันของทีม เรียกได้ว่าถ้าไปนั่งฟังเฉยๆ ก็เหมือนพาตัวเองเข้าไปในดงสงครามย่อยๆนั่นแหละครับ กับเทมที่ยังเด็กอยู่ ก็คงคล้ายๆภาพพ่อแม่ตีกัน พวกผมเคยทะเลาะกันเพราะหาข้อตกลงร่วมกันไม่ได้ จนเทมร้องไห้จ้ากลางห้องเลยเชียวครับ ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่หนีบเจ้าตัวไปอีก เลือกถามความสมัครใจแทนดีกว่า
แต่ข้อที่ยื่นให้เลือก ก็อยู่ในขอบเขตเซฟโซน เป็นเขตปลอดภัยที่อยู่ในสายตาผมนะครับ
"อ้าว ให้เล่นข้างล่างทำไมล่ะ ไปห้องกรรมการด้วยกันสิ นี่หญิงเขาได้สมุดระบายสีโดเรม่อนแบบใหม่มาด้วยนะ ได้มาจากญี่ปุ่นเลย เห็นว่าเป็นแบบลิมิเต็ด จำนวนจำกัดเชียวนะเทม ไปด้วยกันสิ"
เสียงของเปียฟังดูล่อหลอกเด็กน้อยไร้เดียงสาข้างตัวผมเป็นอย่างมาก
เปิดเทอมใหม่มานี้ เตรียมตัวมาดีถึงขนาดร่วมมือกับหญิงให้หาเครื่องมาล่อเชียวหรือ
ยัยตัวแสบ...
เปียรู้ครับ ว่าถ้าเทมไปด้วย ผมจะไม่สามรถกลายร่างเป็นท่านประธานผู้เด็ดขาด หรือท่านประธานปีศาจอย่างที่พวกเธอชอบเรียกกันได้ แน่นอนล่ะว่าผมไม่ชอบเกรี้ยวกราดให้เทมเห็น ผมไม่อยากให้ภาพลักษณ์น่ากลัวๆติดตาคนที่ผมแอบรักไปหรอกนะครับ
ใครๆก็อยากดูดีในสายตาคนที่ตัวเองชอบกันทั้งนั้นแหละ
ผมหันไปสบตาเลขาของตัวเองเล็กน้อย รอยยิ้มเรียบร้อยบนใบหน้าน่ารักนั่น เหมือนกับกำลังท้าทายผมไปในตัว ผมคิ้วกระตุก ตั้งใจจะปฏิเสธ
"โดราเอ่ม่อน! พี่ม่อนเหรอครับ จริงเหรอ จริงเหรอ งั้นเทมขอไปด้วยนะครับ!"
อา ไม่ทันเสียแล้ว นางฟ้ากระโดดตะครุบเหยื่อซะแล้วล่ะ ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถือว่าครั้งนี้ให้เธอชนะไปก่อนก็แล้วกัน เปียหันไปตีมือกับหญิงที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะเดินยิ้มหวานไปรอที่ห้องกรรมการนักเรียน
ผมหันมามองเด็กตัวโย่งที่ยิ้มหวาน ฮัมเพลง อัง อัง อัง เพลงเปิดเรื่องของเจ้าหุ่นยนต์แมวแห่งโลกอนาคตอย่างอารมณ์ดี เห็นแก่ที่เทมอารมณ์ดี ผมจะไม่เก็บหนี้แค้นครั้งนี้ไว้แล้วกันนะครับเปีย
"เทมครับ วันนี้ประชุมวันแรก มันจะหนักหน่อยนะรู้ไหม ถ้าไม่ไหวก็บอกหมูนะครับ เดี๋ยวหมูจะพาเดินไปส่งที่สนามเด็กเล่น"
"ได้ๆๆๆ ได้ครับ ถ้าเทมหนักเดี๋ยวจะวางนะ"
ไม่ได้หมายถึงกระเป๋าที่เอาของผมไปสะพายนะครับเทม เฮ้อ เจ้าเด็กน้อยแสนซื่อ
พอเปิดประตูเข้ามาให้ที่คุ้นเคย สายตาเห็นแฟ้มที่ตั้งเรียงกันสูง พร้อมสมาชิกทีมสภาที่ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมงานมาให้ผมตัดสินใจ ผมต้องรีบยกมือห้าม
"ผมมีเวลาไม่มากนะครับ ได้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้น พอดีมีนัดทานข้าวกับคุณพ่อ"
"หกโมงเองเหรอ... ได้ๆ ขอเวลาไปเลือกหัวข้อแป๊บนะท่านประธาน"
ผมรีบเอ่ยบอกเวลาเส้นตาย ขีดเส้นเวลาไว้ก่อนเป็นดีครับ เรื่องที่ยังหามติไม่ได้ตั้งแต่เทอมก่อน ยังยาวเป็นหางว่าว กลัวคึกกันตั้งแต่วันแรกจนไม่ปล่อยให้ผมกลับบ้านก่อนตะวันตกดิน อันที่จริงเราประชุมกันทุกวันอังคารกับพฤหัส
แต่มาเรียกผมตั้งแต่วันจันทร์ วันแรกที่เปิดเทอม...น่าจะคึกคักกันได้ที่เลยล่ะครับ
"เทมจ๋าาา นี่ไง หญิงเห็นแล้วคิดถึงเทมเลย เห็นไหมว่ามีเพื่อนของโดเรม่อนตัวอื่นด้วยนะ"
หญิงหยิบสมุดภาพเล่มใหญ่ออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้เทมที่นั่งเรียบร้อยรอ ต่อให้เป็นเพื่อนกัน แต่เทมก็ยังยกมือไหว้ขอบคุณเวลาได้รับของจากคนอื่นอยู่ดีครับ หญิงรีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันว่าไม่เป็นไร
"ขอบคุณครับ หญิงใจดีจัง แต่ถ้าเทมระบายหมดเดี๋ยวหญิงไม่มีเล่นไหมครับ เทมขอระบายแค่หน้าเดียวก็ได้นะ แต่ที่เหลือขออนุญาตยืมโทรศัพท์หมูหย็องมาถ่ายรูปไว้ดูก่อนนะ ได้ไหมครับ"
"ไม่ต้องๆ หญิงให้เทมทั้งเล่มเลย หญิงซื้อมาตั้งหลายเล่มเลยนะ อันนี้ตั้งใจซื้อมาฝากโดยเฉพาะเลย"
"จริงเหรอ จริงเหรอครับ ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวระบายเสร็จจะให้หญิงดูเป็นคนแรกเลยนะครับ อะ แต่ต้องให้หมูหย็องดูก่อน งั้นหญิงที่สองเลย! รอบก่อนหญิงบอกเทมระบายสีม่วงสวยใช่ไหม งั้นจะระบายสีม่วงเยอะๆเลยนะ"
เทมยิ้มหวาน เหมือนเด็กชายตัวน้อยที่ประจบผู้ใหญ่ที่ให้ขนมตัวเอง พอเจอรอยยิ้มน่ารักประจบ หญิงทำท่าจะเป็นลม สงสัยจะโดนแอ็ทแท็คหัวใจไปน่ะครับ...ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ
หญิงมีน้องชายที่อายุห่างจากตัวเองมากสองคน แต่ซนยังกับลิง พอมาเจอเทมที่ดูนิสัยน่ารักหัวอ่อน ก็เลยอดจะโอ๋ไม่ได้ เห็นว่าเลือดพี่สาวมันร่ำร้อง เอาของเล่นของฝากน้องชายตัวเองมาแบ่งปันให้เทมเสมอๆ
ทีแรกทุกคนก็รู้สึกแปลกๆนะครับ ที่เพื่อนวัยเดียวกัน จะมานั่งระบายสีเทียนหรือเล่นตุ๊กตาหุ่น แล้วก็แสดงออกเหมือนเด็กทั้งๆ ที่ตัวโตกว่าตัวเองไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แถมช่วงแรกที่ผมรับตำแหน่ง เทมยังไม่รู้จักใคร อาการเด็กพิเศษของเจ้าตัว ที่ไม่ยอมสบตา ไม่พูดกับคนแปลกหน้านั้นยังรุนแรงอยู่ แต่พอคุ้นชิน ทุกคนก็เข้ากันได้ดี
ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อขนาดไม้ เหรัญญิกผู้แสนเงียบขรึม ยังเดินไปหยิบน้ำส้มจากตู้เย็นมาวางไว้ให้บนโต๊ะตรงหน้าเทม
เทมนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำที่ของผมตรงท้ายห้องครับ กลางห้องจะเป็นโต๊ะยาวกับเก้าอี้อีกสิบตัว ในห้องเต็มไปด้วยเอกสารต่างๆ มีตู้เย็นที่เอาไว้ใส่น้ำ ใส่ขนมเอาไว้ เพราะว่าบางทีก็อยู่ดึกลากยาวกันไปถึงค่ำมืด และวุ่นวายเกินกว่าจะเดินลงไปที่โรงอาหารยามหิว แล้วหน้าห้องก็จะเป็นไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ ไว้ขีดเขียน อภิปรายเรื่องที่พูดคุยกัน
อย่างที่บอกว่าโรงเรียนของผมเน้นกิจกรรมนักเรียนมาก และการปกครองกันด้วยตัวเด็กนักเรียนเอง ก็ดูจะเป็นการเด็กเข้าใจเด็กมากกว่า และเป็นการเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์และเข้าสังคมของนักเรียนด้วย เลยเป็นอะไรที่จริงจังขนาดมีห้องแยกให้นี่แหละครับ
ไม่ใช่แค่เฉพราะห้องสภาของประธานนักเรียน แต่ชมรมของที่นี่ก็มีห้องประจำให้หมดเลยครับ นักเรียนทุกคนต้องมีชมรมอยู่อย่างน้อยสองชมรม เรียกว่าให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่นักเรียนสนใจกันสุดๆ จนถึงขั้นยัดเยียดเลยล่ะครับ ไม่ทำก็ไม่ได้ เป็นคะแนนช่วยได้ดีเวลาคะแนนสอบไม่สวยเสียด้วย
"มีน้ำแอปเปิลด้วยนะ นายจะกินไหม"
ไม้เอ่ยถามเสียงเรียบ ท่าทางดูดุ ขัดกับนิสัยใจดี เทมส่ายหัว ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณไม้ด้วยความเคยชิน ไม้ตบหัวเทมปุๆ ก่อนจะเดินออกมานั่งประจำที่ พอเด็กน้อยของผมเริ่มหยิบสีเทียน ก้มหน้าก้มตาระบายสีอย่างตั้งอกตั้งใจ จนผมแน่ใจว่าสมาธิของเจ้าตัวมุ่งตรงไปแค่ที่สมุดระบายสีตรงหน้าแล้ว ผมก็เดินไปที่หน้ากระดาน
"เริ่มที่งานจบของรุ่นพี่มอหกเป็นไง"
เลขาคนเก่งของผมหยิบหัวข้อได้น่าปวดหัวมากครับ ข้อแรกก็เหนื่อยแล้ว เสียงโอดครวญของหลายคนในห้องดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพียง
เลี้ยงส่งพี่มอหก ยังตัดสินใจกันไม่ได้ครับว่าจะทำยังไง คอนเสิร์ต แน่นอนว่ามีทุกปี แต่แขกรับเชิญพิเศษที่จะเชิญมา จะจองตัวไว้นานๆก็ไม่ได้ เพราะก็ต้องดูกระแสความนิยมด้วย ถ้าถึงช่วงเดือนที่จัดงาน เกิดไม่เป็นที่นิยมแล้ว งานก็คงจะกร่อยน่าดู เลยต้องจับกระแสลมความดังของแขกรับเชิญ ที่สุดแสนจะแปรปรวนและไม่แน่นอนให้ถูกจังหวะ ยากนะครับ เพราะความนิยมชมชอบของเหล่าเด็กวัยรุ่น เปลี่ยนแปลงแทบจะรายวันจนเหมือนเล่นหุ้นก็ไม่ปาน
เรื่องเซอร์ไพรส์ก็เป็นอีกเรื่องที่เราจะทำส่งท้ายให้รุ่นพี่ที่จบ เรียกได้ว่าน่าปวดหัวกันมากครับ คิดกันหัวแทบแตกตั้งแต่ต้นปีก่อน จนตอนนี้ก็ยังลังเลตัดใจเลือกกันไม่ได้สักที พวกรุ่นพี่ก็ต่างคาดหวัง จะทำออกมาง่อยๆ ทำแบบมักง่ายก็คงไม่ได้ ที่สำคัญก็คือ เราต้องดำเนินเรื่องขอความร่วมมือกับหลายชมรมมาก เพื่อให้งานออกมาเป็นไปได้ด้วยดี และต้องกระจายงานให้ครบทุกชมรม เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งชมรมมีอยู่ทั้งหมดยี่สิบแปดชมรมครับ...ดีว่าไม่ต้องกระจายให้ชมรมย่อยด้วย ไม่งั้นเห็นที กว่าจะดำเนินแจกจ่ายงานเสร็จ น่ากลัวว่าพวกรุ่นพี่คงจะได้เรียนจบมหาลัยกันเสียก่อน
"เอาเรื่องยากให้จบๆไปก่อนเถอะ มีงานกีฬาสีอีกนะ กับคริสต์มาส เคลียร์สามเรื่องใหญ่เสร็จ ปีนี้พวกเราก็นอนตีพุงกันได้แล้ว"
เปียว่าอย่างเหนื่อยๆเหมือนกัน ก็จริงครับ ผมว่าทำเรื่องยากให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อนดีกว่า เผื่อเวลาผิดพลาดขึ้นมาจะได้มีเวลาแก้ไขให้ทันด้วย
"แล้วแบบสอบถามที่ผมส่งให้ไปทำล่ะครับ ผลออกมาว่ายังไงบ้าง"
"ส่งไปถามของรุ่นน้อง1-3กับรุ่นพี่4-5แล้ว ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่ มีเฮลิคอปเตอร์ กับลิมูซีนไปรับเหมือนเดิม"
"ลิมูซีนขอให้ใช้เป็นบรรทัดฐานของทุกปีเลยครับ ผมว่าเฮลิคอปเตอร์ มันลำบากเกินไปสำหรับชุดราตรี เวลาใส่เข็มขัดนิรภัยรัดชุดยับ กับลมแรงๆ ทำผมที่เซทไว้พัง ผู้หญิงไม่น่าจะชอบใจ"
"ที่หมูพูดมาก็ถูกนะ เราว่าใช้รถไปรับสวยคลาสิคที่สุด นั่งมาสวยๆกันดีกว่า แถมเอางบประมาณของเฮลิคอปเตอร์มาใช้ในส่วนของการจ้างศิลปินดีกว่าไหม"
"คอนเสิร์ตปีนี้ ศิลปินรับเชิญที่คิดเอาไว้มีใครบ้าง"
"ก็มีวง abc กับศิลปินเดี่ยว xxx หรือไม่ก็ดาราคู่ขวัญ xyz"
"โห ดังเอาเรื่องเลยนี่น่า!! ดึงตัวมาได้เหรอ คุณ xxx น่าจะอยู่ในช่วงดังเปรี้ยง ขาขึ้นสุดๆเลยนี่"
"เป็นญาติของเพื่อนสนิทน่ะ เลยขอตัวมาได้"
"เออ ชมรมดนตรีขอให้รีบตัดสินใจเรื่องเลือกศิลปินรับเชิญก่อนเลยนะ เพราะต้องไปตกลงเรื่องเพลง กับหาวันซ้อมให้ตรงกันก่อนสักสามครั้ง"
"ได้ แต่ถ้าดูจากงบประมาณ เฉลี่ยความชอบแล้ว เราว่านักร้องวง abc ดีที่สุดนะ"
"แต่เราว่าถ้าเป็นดาราคู่ขวัญ xyz ดีกว่านะ ช่วงจัดงานเลี้ยงจบ ละครก็เปิดออนแอร์ภาคต่อพอดีด้วย"
"แต่เราว่าศิลปิลเดี่ยวคนนี้ ร้องเพลงโทนกินใจได้มากกว่า แถมแค่คนเดียว ทำให้ชมรมดนตรีไม่ต้องปรับอะไรเยอะมากนักด้วยนะ"
"ขอค้าน ยิ่งเป็นคนเดียว ยิ่งน่าจะยาก แล้วแนวดนตรีก็คนล่ะทางกับชมรมดนตรีของเรา ที่ถนัดแนวร็อค แนวป็อบมากกว่า"
"งั้นอาจจะต้องไปขอความร่วมมือกับชมรมดนตรีคลาสสิคสิ"
"ไม่ได้หรอก คลาสสิคถูกจองคิวไว้ช่วงเต้นรำแล้ว ยังไงช่วงเต้นรำก็เปิดแผ่นไม่ได้ ต้องดนตรีสดเท่านั้น"
ยิ่งเสนอความคิดก็ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆครับ ผมที่ต้องฟังทุกคนพูดให้ทันแล้วเก็บมาชั่งน้ำหนักทางความคิดยิ่งหนักใจ แต่ละคนความคิดก็ดี แต่พอเสนอความคิดเห็น ฝ่ายค้านจะค้านมาเรื่อยๆ เมื่อเห็นช่องปัญหา ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายผมต้องรีบรุดแยกก่อน
"รบกวนเอาผลโพลแบบสอบถามมาเสนอด้วยครับ"
"อะ จริงด้วย มีทำโหวตไว้ในเว็บบอร์ดโรงเรียนนี่น่า"
"อืม...มีวง abc กับดาราคู่ขวัญที่คะแนนเท่ากันอยู่นะ เอายังไงดีหมู"
"ทุกคนเขียนชื่อคนที่ตัวเองต้องการให้มาเป็นแขกรับเชิญ แล้วส่งกระดาษขึ้นมาให้ผมครับ เปียรบกวนรวบรวมมาให้ผมที สามนาทีนะครับ เริ่มได้เลยครับ"
เปียพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะฉีกกระดาษแล้วเขียนโหวตของตัวเองส่งให้ผม แล้วเดินไปรับโหวตจากเพื่อนๆกับมือ พอครบทุกคนแล้วก็เอามาให้ผมที่ยืนรอนับคะแนนอยู่
"มติเป็นเอกฉันท์ที่ดาราคู่ขวัญนะครับ แต่ถ้าการมาพูดคุยเฉยๆ ผมว่ามันธรรมดาไปหน่อย รบกวนให้แขกรับเชิญ หาเพลงมาร้องคู่กัน แล้วก็การแสดงละครสดคู่กันสักหน่อยเพิ่มไปด้วยนะครับ ส่วนเรื่องที่ใช้แสดง ขอให้ทางชมรมนักเขียนเขียนบทมาให้นะครับ จัดการประกวดแต่งเรื่องมาด้วย แล้วค่อยเอาผู้ชนะกับชมรมนักเขียนมาเปิดโหวตอีกที เพื่อเป็นกิจกรรมของนักเรียนคนอื่นให้ร่วมสนุก ผู้ชนะจะได้สิทธิ์พิเศษได้เข้าไปพูดคุยกับนักแสดงบนเวที"
"ระยะเวลาการประกวดล่ะคะ?"
"หนึ่งเดือนครับ เริ่มประกาศตั้งแต่พรุ่งนี้ได้เลย"
ขิมฝ่ายประชาสัมพันธ์พยักหน้ารับหน้าที่ไปทันที เปียลุกขึ้นมาเขียนหัวข้อที่สรุปกันได้แล้วบนกระดาน ระหว่างที่ผมกำลังเลือกหัวข้อที่จะมาพูดคุยกันต่อไป
"หัวข้อต่อไปคือเรื่องเซอร์ไพร์สครับ กับของขวัญ"
"ฉันอุตส่าห์ไม่แตะหัวข้อนั้นแล้วเชียว..." เปียบ่นพึมพำออกมาเบาๆ
"ของขวัญปีก่อนที่เป็นน้ำหอมสั่งทำพิเศษ ผลตอบรับก็ค่อนข้างโอเคนะครับ ปีนี้ทุกคนคิดว่าควรเป็นอะไรดีครับ?"
"เอาเงินใส่ซองแจกเลยได้ไหม ฮือ คิดไม่ออก"
"เออ เอาเงินใส่ซองไปเถ๊อะะะ เล่นจะเอาไม่ให้ซ้ำกันทุกปีแบบนี้ โรงเรียนเปิดมาตั้งกี่สิบปีแล้ว"
"อย่าโอดครวญครับ เสนอความคิดเห็น สามนาที เดินมาเขียนไอเดียของขวัญที่ไม่ซ้ำกับรุ่นพี่ที่เรียนจบไปปีก่อนๆบนกระดานคนล่ะสามอย่างด้วยครับ"
"โหหหหหหหห / โหหหหห / โหหหห / โห สามเลยเรอะ!"
"อย่างเดียวยังคิดไม่ออกเลย..."
"อีกสองนาทีนะครับ ใครมาเขียนก่อนได้เปรียบนะครับ คนที่เขียนซ้ำ จะได้เป็นของขวัญพิเศษ คือรับหัวข้องานคิดชุดธีมแต่งตัวเป็นอันดับต่อไป"
ผมกวาดสายตามองทีมสภาของตัวเองรอบๆห้อง สบตานับสิบคู่แล้วยิ้มเย็นที่มุมปาก
ไม่ถึงเสี้ยววิ เสียงเลื่อนเก้าอี้ของทุกคนพร้อมเสียงรองเท้าวิ่ง ก็กู่กันมาตรงหน้ากระดาน พลางแย่งกันเขียนเสนอความคิดกันยกใหญ่
ความกดดันนี่ดีต่อความคิดสร้างสรรค์จริงๆเลยนะครับ ว่าไหม?
"เฮ้ย กูเขียนก๊อน อย่า อย่าเขียนอันนั้นลงไป กูจองไว้แล้วในความคิดเมื่อกี้ เอาน้ำลายป้ายไว้แล้วด้วย!"
"ใครเร็วใครได้สิยะ"
"เฮ้ย ปากกาหมึกหมด อย่า อย่าเริ่มเขียนตัวอักษรนั้นเชียวนะ! กูรู้นะว่ามึงจะลอกความคิดกู๊"
"ไอ้คนทรยศศศศศ"
สงครามแย่งชิงไอเดียจบลงที่สี่นาทีกว่าๆ ถือว่าเวลาดี พอจะหยวนให้ได้ครับ
กระดานสีขาวที่เคยสะอาดตา ตอนนี้เต็มไปด้วยหลากลายมือ ที่กระจายเขียนชื่อสิ่งของ สิ่งต่างๆมากมายจากสมองที่ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีนำเสนออยู่ทั่วกระดาน
ผมกวาดสายตาไล่อ่านแต่ละอย่างอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะสะดุดกึก
"ใครเป็นคนเขียน
เหล้ายาดองประจำรุ่นครับ จากลายมือ...อืม ตี๋ คุณมาทำความสะอาดห้องกรรมการสองอาทิตย์ แล้วก็ไปคัดกฎของโรงเรียน ข้อที่ว่าด้วยห้ามนำสิ่งของมึนเมาเข้ามาในโรงเรียน สิบหน้ากระดาษเอสี่มาส่งผมก่อนวันศุกร์ด้วยนะครับ"
"อ้ากกก! เผลอตัวเขียนไป ท่านประธานอภัยให้ผมเถอะครับ"
ผมสบตาตี๋ ปากขยับเป็นรอยยิ้มเย็น เป็นรอยยิ้มประจำตัวที่มีไว้ไม่ให้ใครปฏิเสธ กอปรกับสายตากดดันส่งไปให้ ตี๋คอตกก้มหน้ารับชะตากรรมไปอย่างยอมแพ้ พอเห็นว่าเขายอมรับโทษแล้ว ผมก็เลิกสนใจ หันมาอ่านบนกระดานต่อ
อืม...ที่น่าสนใจก็มีหลายอย่าง
ผมเดินไปหยิบปากกาเมจิคสีแดงวงสิ่งที่น่าสนใจ และอยู่ในงบประมาณความเป็นไปได้
แล้วก็ต้องมาสะดุดอีกครั้ง...
กรรมการนักเรียนท่านนี้นี่ถูกเลือกมาโดยการเอาสแตมป์ไปแลกหรือเปล่าครับ
เกาะส่วนตัว
เขียนมาได้...
แจกเกาะส่วนตัวรุ่นพี่ที่เรียบจบทุกคนได้นี่ก็ไม่ต้องเปิดมันแล้วครับโรงเรียน เอาเงินไปซื้อแผ่นดินเลยไม่ดีกว่าหรือ แจกเกาะส่วนตัวนักเรียนสักสองร้อยคน ได้พอดีล่ะครับ คงซื้อที่ได้สักจังหวัด
ผมตวัดสายตาไปมองเอ็ม เหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัวว่าเขียนอะไรออกมา หัวเราะแห้งแล้งให้ผมก่อนจะรีบหลบสายตาผมแล้วทำเนียนเป็นก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้า
"ครับ ที่ผมวงไว้ก็คือสิ่งที่น่าสนใจ และเป็นไปได้ในหลักของความเป็นจริง แน่นอนว่าจะไม่มีรุ่นพี่มอหกคนไหนได้เกาะส่วนตัวไปเป็นของขวัญเรียนจบนะครับ"
"ตั๋วพร้อมที่พักท่องเที่ยวนี่ก็โอเคนะ เพราะมอหก อาจารย์ให้โฟกัสเรื่องเรียนต่อ จนรุ่นพี่บางคนก็ยุ่งเรื่องหามหาลัย ทำให้ไม่ได้เข้าร่วมทัศนศึกษากันก็เยอะ ได้ความทรงจำก่อนจะจากกันแยกย้ายไปเรียน เราว่าก็ดีไม่น้อย งบเท่ากับทัศนศึกษาด้วย คิดง่ายเลยใช่ไหมไม้"
หญิงออกความคิดเห็นพลางถามความคิดเห็นผู้ดูแลเงินงบประมาณ
"ได้" หัวหน้าฝ่ายเหรัญญิกผู้เงียบขรึม เอาจริงเอาจังตอบรับสั้นๆ
"มันจะไม่ไปซ้ำกับรุ่น 46 หรือ เหมือนจะจำได้ว่ารุ่นนั้นก็ไปเที่ยวยกรุ่นไหมอะ"
"ไม่หรอกครับ เราก็ไปคนละที่ แค่นี้ก็ไม่ซ้ำแล้ว"
"เล่นง่ายงี้เลยเรอะ..."
"ถ้ามีความคิดที่ดีกว่าก็เสนอมาได้นะครับ"
"แฮ่ เป็นความคิดที่เลิศประเสิรฐศรีมณีเอี่ยมอ่องสุดๆไปเลยครับผ้มมม"
"งั้นก็ได้ข้อสรุปของขวัญเรียนจบเป็นการท่องเที่ยวนะครับ วิธีการเซอร์ไพร์ส ผมคิดว่าการหาสมับติทั่วโรงเรียนแบบคราวก่อนๆ ค่อนข้างวุ่นวายและรบกวนเวลาเรียนของคนอื่นมากเกินไป มีวิธีอื่นที่น่าสนใจไหมครับ?"
"เอาบัตรเชิญซ่อนไว้ที่โต๊ะหรือไม่ก็ล็อกเกอร์แบบครั้งน้ำหอมไหม? สะดวกดีนะ เรียบง่ายแต่คลาสสิค"
"ซ้ำซากไปครับ ไม่ผ่าน"
"ส่งนกฮูกบินไปหาเหมือนแฮร์รี่พอตเตอร์เลยไหมล่ะ"
"เอาไปยี่สิบคะแนนเรเวนคลอเลยแจ้ ชอบว่ะ ฮ่าๆ"
"ติดลบร้อยคะแนนเรเวนคลอเลยครับ อยากโดนข้อหาทารุณกรรมสัตว์หรือไงกัน แจ้กับโอม ไปคัดข้อกฎหมายมาคนละสิบหน้าเอสี่ส่งวันศุกร์พร้อมกับเอ็มด้วยนะครับ"
เอ็มหันไปยักคิ้วให้เพื่อนร่วมชะตากรรมคัดสิบจบอย่างแจ้กับโอม ที่อ้าปากค้างเพราะความซวยตกทับหัว
"งั้นเป็นใส่ไว้ในลูกโป่ง แล้วขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ให้เอาไปไว้ในห้องนอนไหม แบบนี้ก็ดูดีนะ ตื่นเช้ามาต้องตกใจแน่ๆ คงคิดไม่ถึงว่าเราจะรุกเข้าไปถึงในห้องนอน"
"เป็นความคิดที่ดีครับ ยกมือถ้าเห็นด้วยครับ"
สภานักเรียนลงมติอย่างท้วมท้น
"ต่อไปก็เป็นเรื่องอาหารกับธีมชุด..."