Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561  (อ่าน 7609 ครั้ง)

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561
« เมื่อ22-08-2018 10:03:27 »

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



***********************************************************************************


แอบมาเปิดเรื่องไว้ก่อนนะคะ

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ





***********************************************************

ผลงานที่แล้วมา
Love Diary รักที่แอบมอง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54878.0
ไร่สายลม
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59812.0

Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66116.msg3785385#msg3785385

Bad plan แผนร้าย แผนรัก (on air)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67390.msg3840515#msg3840515
 และอีกสองเรื่องไม่ได้ลงในเล้านะคะ
สามารถเข้าไปติดตามข่าวสาร ทวงนิยายได้ที่
https://www.facebook.com/letter123.writer/
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2018 13:39:40 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent บทนำ 22/8/2561
«ตอบ #1 เมื่อ22-08-2018 10:04:06 »



บทนำ

เวียนหัว กลิ่นต่างๆ ที่ประดังเข้ามาทำให้ร่างสูงทรุดนั่งลงกับพื้นท่ามกลางสายตาสงสัยจากคนที่เดินผ่านไปมาแต่ก็ไม่มีใครคิดเข้าไปถามเพราะสภาพใส่ชุดดำผมเผ้าปิดหน้าผิดตาใส่เสื้อคลุมปิดมิดชิดไหนแมสที่ปิดหน้านั่นอีกบรรยากาศไม่ได้น่าเข้าใกล้สักนิดหลายคนเลยหลีกเลี่ยงที่จะเดินใกล้ หลังจากที่ทรุดนั่งสักพักเจ้าตัวค่อยประคองตัวเดินโซซัดโซเซเดินเข้าตึกกลางของมหาวิทยาลัยโดยไม่สนใจสายตาแปลกๆ จากทุกคนที่พอเข้าลิฟท์ทุกคนก็แทบจะขยับไปรอลิฟท์อีกตัวแทนซึ่งก็ดี จะได้หายใจหายคอได้คล่องหน่อย

“เดี๋ยวครับรอด้วยๆ” ประตูลิฟท์ที่กำลังจะปิดถูกกระบอกพลาสติกก่อนที่คนที่เรียกจะพุ่งเข้ามากดชั้นที่ต้องการโดนไม่ได้สังเกตคนที่อยู่ข้างหลังเลยสักนิด

ร่างสูงได้แต่พยายามที่จะเบือนหน้าหนีทั้งๆ ที่คิดว่าจะได้พักหายใจแต่ทำไมเจ้าเตี้ยนี่ถึงได้วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามากันนะ เพราะกลัวว่าจะได้กลิ่นที่เขาแสนเกลียดแต่พอผ่านไปสักพักร่างสูงก็ยังไม่ได้กลิ่นที่ชวนเวียนหัว

ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

นิ้วเรียวขาวซีดอย่างที่ไม่เคยออกแดดเกี่ยวแมสที่ปิดจมูกออกเพื่อพิสูจน์ความสงสัยของตัวเอง แต่สิ่งที่ได้กลิ่น

มีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นที่เหมือนแสงแดดยามเช้า

กลิ่นที่เขาไม่เคยได้จากใคร เป็นกลิ่นที่ชวนให้สบายใจ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่จูมูกโด่งสูดกลิ่นหอมนี้เข้าเต็มปอด ถ้าได้กลิ่นนี้ทุกวันจะดีแต่ไหนกันนะ

โดยไม่รู้ตัวเจ้าตัวขยับเข้าไปใกล้จนแทบชิดจมูกก้มลงเพื่อสูดกลิ่นหอมที่ทำให้เขาหายใจเข้าปอดลึกๆ อ่า เอากลับบ้านได้ไหม

พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยหนูด้วย ฮือออ ไม่น่าเลยไม่น่าเข้าลิฟท์ตอนนี้เลย นี่เขาต้องเจอคนโรคจิตหรอกเหรอเนี้ย เพราะต้องรีบขึ้นไปส่งงานเลยต้องวิ่งเข้าลิฟท์ที่กำลังจะปิดถ้าย้อนเวลาได้เขาจะไม่ขึ้นมาเด็ดขาด

ฮืออ มันขยับเข้ามาใกล้แล้วอ่ะ

มาดมใกล้ๆ เขาด้วย

แม่จ๋า ลูกกลัวแล้ววววววววววววววววววว

จะขยับหนีก็ตัวแข็งทื่อขนลุกขนพองไปหมดแล้ว และเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นชั้นที่เขากดไว้ ยังไม่ทันที่ประตูจะออกจนสุดเขาก็พุ่งออกไปหอบกระเป๋าข้าวของพุ่งออกจากลิฟท์ไม่ได้หันหลังกลับไปมองข้างหลังเลยสักแวบ

ฮือออ ซวย!!

ซวยเชี่ยๆ ส่งงานเสร็จก่อนเถอะ จะไปทำบุญล้างซวยเก้าวัด!!

ร่างเล็กพร้อมกับกลิ่นหอมวิ่งหนีไปจะคว้าตัวก็ไม่ทันซะแล้ว จะทำยังไงถึงได้ดมกลิ่นที่ทำให้สบายอย่างนี้อีกนะ นิ้วเกี่ยวแมวขึ้นปิดจมูกเหมือนเดินแววตาคมติดจะเศร้าหน่อยๆ ที่จะไม่ได้กลิ่นนี้อีกแล้ว เมื่อถึงชั้นที่ต้องออกขายาวๆ กำลังจะก้าวออกจากลิฟท์แต่ก็สะดุดกับอะไรที่เขาเตะเสียก่อน

หือ

นี่มันบัตรนักศึกษา ที่พอหยิบขึ้นมาดูชัดๆ ก็เห็นว่าเป็นของคนตัวเล็กกลิ่นหอมคนนั้น

อ่า

คงจะได้เจอกันอีกสินะ

*******************************************

เอามาลงเปิดเรื่องไว้ก่อนนะคะ 

ส่วนตอนต่อนั้น ไว้เจอกันนะคะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Pleasing scent บทนำ 22/8/2561
«ตอบ #2 เมื่อ22-08-2018 10:08:48 »

มาเจิมค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 1 31/8/2561
«ตอบ #3 เมื่อ31-08-2018 11:38:19 »

1

ซวย

ซวยมากๆ ซวยเชี่ยๆ

ชีวิตไอ้สตางค์ เงินไม่มี เพื่อนก็น้อย ยังต้องมาเจอกับโรคจิตด้วยเหรอ ตอนนี้โคตรหลอนต้นคอเลยให้ตายสิ เหมือนยังมีลมหายใจร้อนรดอยู่ตลอดเวลาเล่นทำเอาขนลุกซู่เป็นระยะๆ

ฮือ ไอ้สตางค์จะไปลดน้ำมนต์ล้างซวย ยกมือถูต้นคอจนเพื่อนตัวสูงเหลือบมองหลายครั้งกับท่าทางประหลาดๆ ของเพื่อนซี้

“สตางค์เป็นไรวะ” อดไม่ได้ที่จะถามกับท่าทางสะดุ้งเป็นระยะๆ

“ปะ...เปล่าวะ ไปส่งงานให้เสร็จเหอะ จะได้รีบกลับ ฉันต้องไปทำงานพิเศษอีกที่อยู่” ร่างเล็กรีบบอกปัดก่อนที่จะสาวเท้าไปที่ห้องพักอาจารย์ หลังจากที่ส่งงานเรียบร้อยเขาและเพื่อนก็มายืนที่หน้าตึก

“จะให้ไปส่งไหม”

“ไม่ต้องหรอกที่ทำงานมันอยู่ไม่ไกลหอฉันเท่าไหร่” ผมรีบปฏิเสธหอเขานั้นทางเข้าแทบจะตายจะให้มันขับรถไปส่งก็ไม่ได้มีอะไรขึ้นมาแถมยังต้องลำบากมันอีก

“เออๆ แต่มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ” ถึงจะเคยบอกไปแล้วก็เถอะแต่ไอ้เพื่อนตัวเล็กของเขาก็ไม่ยอมที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือสักครั้ง

“อือๆ ขอบใจมากนะ ไปละ” บอกลาเพื่อนก่อนที่จะวิ่งกลับหอเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับงานเสิร์ฟในตอนบ่ายที่ร้านอาหารแถวนั้นก่อนที่ตอนสองทุ่มจะต้องไปวิ่งรอกงานล้างจาน วันนี้เป็นวันหยุดของงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ ตารางงานวันนี้ของผมก็มีเท่านี้ ส่วนวันอื่นก็ปรับเปลี่ยนไปตามตารางงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ ส่วนเวลานอนผมนอนไม่กี่ชั่วโมงก็พอแล้ว

“อ่าวน้องสตางค์มาแล้วเหรอ”

“หวัดดีครับพี่” ยกมือไหว้พี่เจ้าของร้านใจดีที่ยอมรับผมเข้าทำงานแถมยังจ่ายเงินเป็นรายวันให้ผมอีก เพราะถ้าไม่ได้เงินรายวันแบบนี้ผมคงต้องแทะผนังห้องกินเป็นปลวกแล้ว

“วันนี้มาเร็วนะเอาของไปเก็บแล้วออกไปช่วยข้างนอกเถอะไป”

“คร๊าบเจ๊” พูดเสียงทะเล้นก่อนที่จะหลบมือยาวที่จะโบกหัวผมหนีไปทำงานข้างนอก

อ๊ะ จะถามล่ะสิว่าทำไมผมถึงต้องมาทำงานเยอะแยะมากมายอะไรแบบนี้ ก็เพราะเงินนะสิ ชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้ความหมายดี๊ดี แต่ผมนั้นจนเข้าขั้นกรอบ ส่วนพ่อแม่นั้นประสบอุบัติเหตุเสียไปตั้งแต่ผมอยู่มอหก ตอนนี้ก็ปีสองก็ราวๆ สามสี่ปีแล้วล่ะนะ พอเสียพ่อแม่ไปญาติๆ ผู้แสนดีก็เปิดศึกแย่งชิงทุกอย่างของผมไป พอไม่มีอะไรติดตัวทุกคนก็ต่างเบือนหน้าหนี ยังดีที่พ่อกับแม่มีเงินประกันไว้ให้แต่มันก็ไม่ได้มากมายจนสามารถอยู่ดีกินดีเพราะเงินส่วนนั้นคิดไว้แล้วว่าจะเอาไว้เป็นทุนในการเรียน ฉะนั้นค่ากินค่าอยู่ผมเลยต้องหาใช้เอง

“เหนื่อยชะมัด” หลังจากวิ่งรอกสองงานวันนี้ก็จบแล้ว เดินโซเซขึ้นชั้นสองของหอพักเก่าๆ แต่มันก็ช่วยประหยัดเงินได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ เข้าห้องปิดประตูโยนของกองๆ ไว้มุมห้องก่อนที่จะล้มตัวนอนบนฟูกเก่าๆ

อาบน้ำเหรอ

พรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน ไม่ได้ซกมกอะไรหรอกนะแต่เหนื่อยจนขยับตัวไม่ไหวแล้วเพราะยืนล้างจานนานถึงสองชั่วโมงเล่นเอาขาผมเหมื่อยไปหมด พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก นอนๆ ๆ

.

กริ๊งๆ

เสียงมือถือปุ่มกดล้าสมัยดังขึ้นทำเอาคนที่ยังนอนหลับอุตุสะดุ้งตื่นขึ้นมารับอย่างงัวเงีย

“ครับ”

“ (สตางค์ วันนี้แกช่วยแวะเอาบัตรนักศึกษามาให้ที่คณะได้ไหม) ” ตากลมหรี่มองชื่อที่โทรเข้ามา อ้อ ไอ้อิฐนี่เอง

“อือๆ เอาไปทำอะไร”

“ (แกคงไม่ลืมนะว่าวันนี้ต้องลงทะเบียนแล้ว รีบๆ เอามาให้เลยนะเว้ย) ” เสียงตะโกนที่ทำให้ผมต้องยกโทรศัพท์ออกห่างหู อ่า ช่วงเวลาเสียเงินอีกแล้วเหรอ

“อือๆ เดี๋ยวเอาเข้าไปให้นะ” กดวางสายก่อนที่จะนอนนิ่ง จะหลับก็คงหลับต่อไม่ได้แล้วเลยลุกพาสังขารเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวเพื่อแวะเข้าคณะก่อนไปทำงาน

ร่างบางในชุดพนักงานร้านสะดวกซื้อเดินหัวฟูเข้าคณะเรียกสายตาของรุ่นน้องได้เป็นอย่างดีแต่คนอย่างสตางค์ไม่คิดจะสนใจรีบเดินไปยังห้องที่เพื่อนสนิทสิงสถิตอยู่ในทันที

“หัวฟูเชียวนะ เมื่อคืนนอนกี่โมง” อิฐถามด้วยความเป็นห่วงเพราะดูจากสภาพท่าทางจะนอนไม่เต็มอิ่มด้วยซ้ำ

“เออๆ นอนพอก็แล้วกัน” แม้สภาพจะไม่ใช่อย่างที่พูดก็เถอะ อิฐได้แต่ส่ายหัวให้กับการตอบส่งๆ ของเพื่อนตัวเล็ก

“เอาบัตรมา ลงเหมือนกันกับกูเลยนะ” ผมพยักหน้าเปิดกระเป๋าเป้เก่าๆ

หือ

ไม่มี

หายไปไหน

แทบจะมุดหัวเข้าไปหาในกระเป๋าหลังจากที่ควนหาไม่เจอ ผมก็เทของในกระเป๋าออกมาแถมยังเขย่าอีกหลายๆ ที แต่ก็ยังไม่เจอ สงสัยว่าอาทิตย์นี้ผมคงจะซวยจริงๆ

“ไม่มีอ่ะ” เงยหน้าบอกเพื่อนด้วยน้ำตาคลอเบ้า ไม่มีบัตรหลายๆ อย่างก็ยุ่งยาก ที่สำคัญมันต้องเสียเงินค่าทำใหม่ ไอ้สตางค์ทำไมเป็นคนอย่างนี้

“เห้ย ไปทำใหม่เลย”

“มันแพง” ผมบอกเสียงอ่อย “โอ๊ยๆ เจ็บๆ ไอ้อิฐเจ็บ!!” ร้องโอดโอยเพราะไอ้อิฐเล่นตบหัวแรงๆ ไปทีก่อนที่จะดึงแก้มผมจนยืด เสียงโวยวายที่เรียกสายตาของหลายคนในห้อง

“เดี๋ยวออกให้ถ้าแกไม่มีบัตรเดี๋ยวก็ลงทะเบียนไม่ได้” ไอ้อิฐทำหน้าจริงจังซะจนไม่กล้าโวยวาย ได้แต่พยักหน้ายอมให้ไอ้อิฐลากลงจากตึกไปฝ่ายบริการนักศึกษาแต่ยังไม่ทันที่จะออกพ้นตึกผมก็ต้องรีบหลบหลังไอ้อิฐ

“ทำบ้าอะไรของมึงเนี้ยไอ้สตางค์” มันว่าผมแต่ผมก็ไม่สนใจหรอกนะ แอบชะโงกหน้าผ่านไหล่มันเพื่อดูร่างตะคุ่มๆ ดำๆ ที่อยู่ข้างเสา

นั่นมันไอ้โรคจิตนี่น่า

“มึงหลบอะไรของมึง”

“กูหลบโรคจิตวะ” ยังดีไอ้อิฐมันตัวโตแถมยังไหล่หนากว่าผมอีกเลยบังผมซะมิด

“โรคจิตไหนวะ เลิกเล่นได้แล้วเดี๋ยวต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ”

“เออๆ มึงก็เดินไปดิ” ผมดันหลังให้มันเดินนำไป อิฐได้แต่ถอนหายใจกับอาการบ้าๆ บอๆ สงสัยทำงานหนักมากเกินไป ยังไม่ทันที่จะก้าวผ่านเสาที่ไอ้โรคจิตนั่นยืนพิงอยู่

หมับ

“เฮ้ย ปล่อยนะ” ผมร้องลั่นเมื่อคนที่คิดว่าจะหลบพ้นกลับจู่ๆ ถูกคว้าข้อมือไว้แน่นเล่นเอาผมแทบถลาเข้าไปหาไอ้โรคจิตยังดีที่จิกปลายเท้าไว้ได้ทำให้ผมอยู่ห่างจากมันแค่ไม่กี่ฝ่ามือ

“หอม”

“หอมบ้าหอมบออะไร ไอ้อิฐช่วยด้วย” ใบหน้าซีดใต้แมสสีดำกับผมปิดหน้าทำให้ผมรู้สึกกลัว ฮือออ มันจะเอามีดมาจิ้มผมไหม

“นายกลิ่นหอม” ยังมีหน้ามาทำจมูกฟุดฟิดรอบตัวผมอีก พ่อจ๋าแม่จ๋าไอ้สตางค์กลัวแล้ว อาจจะเพราะผมตื่นกลัวทำให้น้ำตาผมเอ่อคลอจนภาพข้างหน้าพล่ามัว

“อย่าร้องไห้สิ”

“ถอยออกห่างเพื่อนกู” ยังไม่ทันที่มือขาวซีดจะแตะหน้าแต่เจ้าเพื่อนสนิทขยับเข้ามาบังผมไว้

“กลิ่นคุณแปลกมาก” ไอ้อิฐก็คิ้วขมวดอีกคนมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ

“มีอะไรกับเพื่อนกู” ผมขยับเข้าไปชิดไอ้อิฐแม้ข้อมือจะถูกจับไว้ไม่ยอมปล่อย ไอ้โรคจิตที่เห็นหน้าแค่ครึ่งเดียวแต่แววตาที่จ้องมองมาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

“ผมแค่อยากเจอ และเอานี่มาคืน” ก้มลงมองมือซีดที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วยื่นสิ่งที่ผมแทบจะมุดกระเป๋าหา บัตรนักศึกษา

“คุณไปได้มายังไง”

“ผมเก็บได้จากวันนั้นที่ลิฟท์” อ่า ผมกล้าที่จะขยับออกมาจากหลังไอ้อิฐเพราะดูท่าทางก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถึงจะมีพฤติกรรมแปลกๆ ก็เถอะ

“ขอบคุณ” ผมรีบคว้าบัตรแล้วส่งให้ไอ้อิฐ แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่ยอมที่จะปล่อยมือผมจนได้

“ผมไตเติ้ล กลิ่นของคุณ.......ผมไม่เคยเจอและมันทำให้ผมสบายใจ” เอ่อ...ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าพูดเรื่องอะไรแต่ดูท่าทางไม่อันตราย

“พูดอะไรแปลกๆ ผมไม่อยากรู้จักคุณขอบคุณสำหรับเรื่องบัตรนักศึกษา” ผมพยายามบิดข้อมือออกและเจ้าของมือยอมที่จะปล่อยผม

“อาจจะฟังแปลกๆ แต่ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ”

“ขอโทษด้วยครับ ไอ้อิฐป่ะ” ผมรีบลากไอ้อิฐหนีทันที แม้ว่าภาพคนโรคจิตยืนคอตกจะดูน่าสงสารก็เถอะ

“มึงไปรู้จักได้ไงวะ”

“ก็แค่คนโรคจิตที่บังเอิญเจอ”

“แต่ก็น่าสงสารนะเว้ย” ไอ้อิฐหันไปมองข้างหลังแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ผมไม่ได้มีเวลามาสนใจกับคนที่ต้องการผมเป็นเพื่อนหรือต่อให้เป็นใครก็ตาม เรื่องปากท้องผมสำคัญกว่าเยอะ





*********************************

แอบเอาเรื่องนี้มาลงฮ่าๆๆ

สำหรับเรื่อง น้องริน ถ้าทันอาจจะลงวันนี้นะคะ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ


ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 1 31/8/2561
«ตอบ #4 เมื่อ31-08-2018 12:44:03 »

เขากลัวหมดแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Pleasing scent ตอนที่ 1 31/8/2561
«ตอบ #5 เมื่อ31-08-2018 13:56:27 »

 :L2: :pig4:

อยากรู้ว่าทำไมได้กลิ่นไม่เหมือนคนทั่วไป
แต่มาแบบนี้เป็นใครก็ตกใจนะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 1 31/8/2561
«ตอบ #6 เมื่อ01-09-2018 11:52:28 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13 o18 :man1: :z2: :m4: :จุ๊บๆ: :oni1:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 1 31/8/2561
«ตอบ #7 เมื่อ01-09-2018 21:07:55 »

ทำไมพูดจาแปลกๆอะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 2 8/9/2561
«ตอบ #8 เมื่อ08-09-2018 11:56:30 »



                หลังจากที่บอกปฏิเสธโรคจิตไปก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆแล้วไม่มีคนตามไล่ดมกลิ่นหรือคนที่แอบอยู่ตามเสามาคอยทำให้ตกใจทั้งผมและไอ้อิฐต่างก็ลืมไปแล้วว่าอาทิตย์ที่แล้วเกิดอะไรขึ้น ผมเดินเข้าตรอกเล็กๆทางเข้าหอพักเป็นหอพักเก่าๆและมีอาม่าเป็นคนดูแลนานๆทีหลานสาวถึงจะมาช่วย หอเก่าที่มีเพียงสองชั้นและห้องไม่กี่ห้องยังดีที่สภาพแวดล้อมไม่ได้เลวร้ายห้องข้างๆเป็นคุณป้าสูงวัยที่ไม่เคยออกจากห้องนานๆทีถึงจะได้เจอ

                “อ่าอาตางค์วันนี้กลับมาเร็วจัง”

                “ครับอาม่าวันนี้ร้านอาหารไม่เปิดนะครับ” เจ้าของร้านไม่ได้โทรมาบอก ไม่ใช่สิโทรศัพท์ผมเจ๊งนี่เลยไม่รู้เรื่องที่ร้านปิดหลายวันเพราะเจ๊เจ้าของร้านไปเที่ยวผมเลยแต่งตัวไปทำงานเก้อและผมก็ว่าง....ซึ่งเสียเวลาชะมัดถ้ารู้แต่แรกผมคงจะไปขอเพิ่มเวลางานที่ร้านสะดวกซื้อ เอาเถอะถือว่าเป็นการพักผ่อน

                “ดีๆอาตางค์จะได้พักบ้าง ดูสิผอมหมดแล้ว”

                “ครับม่า” ผมยกมือไหว้อาม่าที่หันไปนั่งเล่นกับแมวต่อผมเลยเดินขึ้นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบเอกสารที่ต้องเรียนเนื้อหาในวันพรุ่งนี้ พอนั่งๆอ่านไปสักพักความง่วงก็ครอบงำ หยิบมือถือที่ดันตกน้ำหน้าจอสีดำนั้นดับสนิทไอ้อิฐบอกว่าจะออกให้ก่อนแต่เขาไม่อยากเป็นหนี้ หาซื้อมือสองคงจะประหยัดดี เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปหาซื้อของเข้าตู้เย็น จะให้ซื้อกินทุกวันก็คงไม่ไหว

                “เย้ยยยยยย” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ที่กำลังเดินเพลินๆก็มีคนมายืนดักหน้า บรรยากาศรอบตัวอึมครึมไม่น่าเข้าใกล้ อะ....ไอ้โรคจิต ขาขยับออกห่างไปหลายก้าว

                “มาได้ไงวะ” ไอ้ที่คิดในใจก็เผลอพูดออกมาเพราะตกใจไม่คิดว่าจะเจอนี่มันโรคจิตขนาดแท้เลยนี่หว่า     

                “เอ่อ.ขอโทษที่ทำให้ตกใจ...ผมเอานี่มาให้” แขนยาวๆยื่นถุงกระดาษมาตรงหน้าจนแทบชิดหน้าผม

                “อะไรของนาย”

                “มันจำเป็นต่อคุณไม่ใช่เหรอ รับไปสิครับ” น้ำเสียงทุ้มพูดราบเรียบแทบจับความรู้สึกไม่ได้

                “เดี๋ยวสิมันไม่ดีหรอกมั้ง”

                “ผมอยากให้ เอาไปนะครับ ผมต้องรีบไปแล้ว” เจ้าโรคจิตยัดถุงใส่มือก่อนที่จะรีบเดินหนีไปขึ้นรถราคาแพงที่จอดรออยู่ ปล่อยให้ผมยืนเอ๋อยืนมึนจนผ่านไปสักพักถือได้เปิดถุงออกมาดูข้างในนั้นเป็นกล่องโทรศัพท์รุ่นใหม่ราคาแพงที่ต่อให้ทำงานครึ่งปีผมก็ยังไม่ปัญญาจะซื้อ

                “เห้ย เอามาให้ทำไมวะ” ได้แต่ยืนโวยวายฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้เพราะเจ้าตัวก็ไม่อยู่ตรงนี้ ว่าแต่รู้ได้ยังไงว่าโทรศัพท์เขาพัง

                บรือออ

                ขนลุกแหะ

                ร่างสูงที่เพิ่งเอาของไปให้คนที่...อืม..เรียกได้ว่าสนใจก็น่าจะถูกเป็นคน คนแรกที่เขาสนใจเป็นมนุษย์คนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกหายใจได้เต็มปอด ในชีวิตที่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเพราะไม่สามารถออกมาอยู่ข้างนอก เพราะสิ่งที่ทุกคนเรียกว่าความพิเศษแต่สำหรับเขามันเป็นเพียงคำสาป เพราะไม่สามารถเข้าสังคมได้ คุณพ่อกับคุณแม่เลยติดต่อครูมาสอนให้ที่บ้านแต่กว่าจะได้ครูที่ทำให้ผมสามารถทนได้ก็ผ่านไปหลายคน

                “คุณไตเติ้ลจะไปไหนต่อไหมครับ” คนขับรถที่เปิดกระจกกั้นมาถามขณะที่รถติดไฟแดง เขาส่ายหน้าแค่การออกนอกบ้านครั้งที่สองติดกันภายในหนึ่งเดือนก็แทบทำให้คนในบ้านแปลกใจแล้ว

                “เติ้ลไปไหนมาลูก” คุณแม่ทันทีที่เห็นก็รีบเดินมาหา นิ้วยาวเกี่ยวแมสบางหยักยกยิ้มบางๆ คุณแม่จะมีกลิ่นเศร้าๆและก็คงเป็นเขาที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่มีกลิ่นแบบนี้

                “ไปหา..ใครบางคนครับ” คำตอบที่ทำให้ทุกคนทำหน้าแปลกใจ

                “งั้นเหรอแม่รู้จักเขาไหม”

                “อืมไม่หรอกครับ ผมเจอเขาโดยบังเอิญ” เพียงเพราะกลิ่นนั้นมันทำให้เขายึดติด

                “แม่ชักอยากเห็นแล้วสิว่าเป็นใครที่ทำให้ลูกชายของแม่ยิ้มกว้างแบบนี้” พอถูกทักผมก็ยกมือขึ้นแตะที่ปากนี่เขายิ้มกว้างขนาดนั้นเลยเหรอ

                “อ่าผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ” พอรู้สึกตัวก็ต้องขอหลบสายตาล้อๆของมารดา ห้องส่วนตัวที่มีขนาดกว้างกว่าห้องทั่วไปภายในห้องมีสีสันไม่เหมือนเสื้อผ้าสีดำที่อยู่บนตัวเอาจริงๆตัวเขาก็ไม่ได้ชอบสีดำอะไรมาเพียงแต่ถ้าออกไปข้างนอกใส่สีนี้ก็สะดวกกว่าไม่สะดุดตาเท่าไหร่

                “จะยอมใช้ไหมนะ” ได้แต่บ่นเบาๆกับตัวเอง ตากลมที่สบตาเขาโดยตรงแม้จะเรียกสรรพนามที่ทำให้ผมต้องมาพิจารณาตัวเองว่าเหมือนคนโรคจิตตรงไหน แค่อยากได้กลิ่นหอมนั้นใกล้ๆแค่นั้นเอง ส่วนการแต่งตัวก็แดดมันร้อนมากผมเลยใส่สีดำก็แค่นั้น เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแม้จะไม่ได้ไปเรียนตามมหาลัยแต่ผมก็เรียนกับอาจารย์สูงวัยที่มาสอนท่านเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผมเลยได้เรียนทุกอย่างแม้บางอย่างมันจะเกินวัยมัธยมของเขาไปหน่อยก็เถอะ ตอนนี้ผมเลยได้ช่วยคุณพ่อทำงานบางส่วนแต่เพราะเจอคนมากไม่ได้

                ประวัติคนตัวหอมอยู่ในมือทั้งที่ผ่านชีวิตแบบนั้นทั้งเจอกับคนเห็นแก่ตัวแต่ทำไมยังคงมีกลิ่นหอมบริสุทธิ์แบบนั้นอยู่ได้ ยิ่งทำให้อยากรู้จัก อยากเรียนรู้ อยากจะลักพาตัวมาทำให้ห้องเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเบาสบายนั่นจังเลย

                “ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีสิ” แค่เข้าใกล้ยังไม่ได้เลย โดนตราหน้าว่าโรคจิต หรือเขาจะโรคจิตจริงๆ

                คิดไปคิดมางานการก็ไม่ได้นิ้วเรียวลูบเบาๆที่รูปถ่ายในประวัติที่ให้เพื่อนสืบให้ อ๊ะเห็นอย่างนี้ผมก็มีเพื่อนนะ แต่เป็นเพื่อนออนไลน์นะ เปิดคอมกดเข้าเฟสบุ๊คที่ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งรูปดิสะกดค้นหาชื่อคนตัวหอมรูปดิสในภาพทำให้เขาหลุดขำ ดูท่าจะเป็นรูปตอนรับน้องใบหน้าขาวเต็มไปด้วยสีและทรงผมประหลาดๆแถมเจ้าตัวยังทำหน้าประหลาดๆอีก เม้าส์ค้างอยู่ตรงคำร้องขอเป็นเพื่อน ชั่งใจอยู่นานก่อนที่จะกดส่งไป และนั่งรอลุ้นว่าคนตัวหอมจะกดรับคำขอของเขารึเปล่า

.

.             

                ติ๊ง

                เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่โดนคนโรคจิตยัดใส่มือมาขึ้นแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่นยอดฮิด คำขอเป็นเพื่อนจากคนที่ไม่รู้จักแถมรูปก็ยังไม่มีทำให้ผมไม่กดรับ ทีแรกที่ได้เจ้าเครื่องนี้มาผมยังไม่กล้าที่จะแกะออกจากกล่องด้วยซ้ำมันหรูเกินไป จนท้ายที่สุดเพราะความจำเป็นผมเลยยอมใช้ถ้าเจอจะเอาไปคืนคงขายมือสองได้ล่ะมั้ง

                “ไอ้อิฐช่วยกูที” ยังไม่ทันที่อิฐพูดอะไรผมก็ใส่มันก่อน

                “(เดี๋ยวๆ มึงซ่อมโทรศัพท์แล้วเหรอ)”

                “ยังไม่ได้ซ่อมวะแต่มีคนเอามาให้” ผมบอกมันเสียอ่อย เดาได้เลยว่ามันจะต้องด่าผมยาวแน่ๆ

                “(ไอ้สตางค์!! สติมึงยังมีอยู่ไหมใครให้มึงแล้วมึงไปรับมาทำไม แล้วใครให้มา ยังมีหน้ามาใช้โทรหากูอีก รู้ไหมว่าเขาให้เพราะเขาต้องการอะไรไอ้...ไอ้..)” เหมือนว่ามันจะด่าผมจนหาคำจะด่าผมไม่ได้อีกแล้ว ดีนะนี่แค่คุยถ้าอยู่ตรงหน้ารับรองว่าผมเละแน่ๆ

                “ก็..ก็ไอ้โรคจิตคนนั้นไง”

                “(ไอ้สตางค์)” น้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจทำให้ผมรู้สึกผิด

                “กูจำเป็นแต่กูก็คิดจะเอาคืนมันนะ”

                “(แล้วมันรู้ได้ไงว่าโทรศัพท์มึงพัง ไอ้สันขวาน หัวแกมีสมองหรือมีแต่ฟองน้ำวะ)”

                “ผิดไปแล้วครับพ่อ”

                “(เงียบไปเลยมึง)”ได้ยินเสียงถอนหายใจยาว ก่อนวางสายมันจะบอกว่าจะมาหาที่ห้อง นี่ผมทำให้เพื่อนเป็นห่วงใช่ไหม ได้แต่นั่งคิดรึเขาจะคิดง่ายเกินไปกับการที่เอาของหมอนั่นมาใช้ โอ๊ยยยยไอ้สตางค์ทำไมคิดน้อยแบบนี้โดนไอ้อิฐด่าจนหูชาแน่ๆ

                รอไม่นานเสียงเคาะประตูดังลั่นซะจนผมต้องรีบไปเปิดเพราะกลัวว่าจะโดนห้องข้างๆตะโกนด่า เหมือนจะเดินขึ้นลานประหารพอเปิดประตูมาไอ้อิฐยืนหน้าทะมึง ปิดประตูตอนนี้ทันไหมเหมือนมันจะเดาความคิดผมได้รีบเบียดตัวเข้ามาในห้องแล้วเขาจะทำอะไรได้นอกจากเดินตัวลีบไปนั่งสงบเสงี่ยมที่พื้นส่วนไอ้อิฐเดินไปนั่งที่เตียงยกมือกอดตาคมจ้องซะจนเขาหลบสายตา

                “ไหนเอามาดู” หยิบโทรศัพท์ส่งให้เพื่อนที่คุมยิ่งกว่าพ่อ มันรับโทรศัพท์เครื่องหรูไปพลิกไปพลิกมาแล้วเปิดดูข้างใน

                “ทำไมมันถึงเอามาให้มึงได้ แล้วมึงก็ไปใช้ของมันนี่นะจะให้ดูทำยังไงกับมึงดีหือไอ้สตางค์”

                “ก็..กู..”

                “พอ..มันไม่ได้ทำอะไรมึงใช่ไหม” ผมรีบส่ายหน้ารัวๆ

                “ไม่อ่ะเอามาให้แล้วก็กลับเลย” อิฐมันไม่ได้ถามอะไรอีกเพียงแต่เปิดโน่นเปิดนี่ดูในเครื่อง ยิ่งดูคิ้วมันยิ่งขมวดแน่น

                “ใครแอดเฟสมึงมา”

                “ไม่รู้พอเข้าเฟสเขาก็แอดมา” ประหนึ่งโดนสอบสวนเลยให้ตายเถอะ ได้แต่นั่งคุกเขามือกุมแน่นอยู่บนตักก้มหน้าก้มตารับแรงกดดันจากไอ้เพื่อนสนิทที่ผันตัวมาเป็นพ่อแล้ว มันยุ่งวุ่นวายกับโทรศัพท์อยู่ครู่ใหญ่ ไม่รู้พิมพ์อะไรยุกยิก ก่อนที่มันจะยิ้มมุมปากแววตาสนุกของมันทำให้เขาขนลุกซู่

                “หึ เอาจริงสินะ ไอ้สตางค์มึงฟังกู ต่อไปถ้ามันมามึงไม่ต้องคุยกับมันแต่ถ้ากูอยู่คุยกับมันได้ ถึงมันจะดูไม่ได้ทำร้ายมึงแต่กูก็ไม่ไว้ใจมันเพราะฉะนั้นกูนัดมันมาเจอมึงแล้วจะได้จบๆเรื่องไป”

                “ดะ..เดี๋ยวสิไปนัดกันได้ยังไง”

                “ก็ไอ้คนที่แอดเฟสมึงมาไงแถมเบอร์มันก็อยู่ในเครื่องนี้อีก ช่างเถอะกูนัดมันไว้แล้วพรุ่งนี้ยังไงมึงก็ว่างเพราะงั้นมึงต้องไปกับกู” เดี๋ยวนะนี่มันฉลาดหรือกูโง่เองวะ มันบ่นอีกสองสามคำก่อนที่จะขอตัวกลับนี่มันมาเพื่อด่าผมโดยเฉพาะเลยสินะ

                ง่า             

                ไม่อยากไปเจอเลยให้ตายสิ



*************************************

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยคนเขียนหวัดกินเลยค่ะ

ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

อ่านแล้วเป็นไงก็บอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 2 8/9/2561
«ตอบ #9 เมื่อ10-09-2018 08:06:21 »

ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Pleasing scent ตอนที่ 2 8/9/2561
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-09-2018 08:06:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 2 8/9/2561
«ตอบ #10 เมื่อ10-09-2018 08:35:19 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: Pleasing scent ตอนที่ 2 8/9/2561
«ตอบ #11 เมื่อ10-09-2018 09:06:52 »

มารอ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่3 15/9/2561
«ตอบ #12 เมื่อ15-09-2018 13:22:03 »

3

ตอนแรกรู้สึกแปลกใจเพราะทำใจไว้แล้วว่าคนตัวหอมคงไม่รับคำขอส่งเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คแต่จู่ๆ แจ้งเตือนการรับแอดพร้อมกับข้อความเด้งขึ้นมา

สตางค์คนเกรียน

มึงทำไมถึงมายุ่งเพื่อนกูจัง

แล้วทำไมถึงได้เอาของมาเปย์มันแบบนี้



Ça sent bon

ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับสตางค์
สตางค์คนเกรียน

แต่กูไม่อยากให้เพื่อนกูสนิทกับคนโรคจิตที่จู่ๆ ก็เปย์

โทรศัพท์เครื่องเป็นหมื่นให้เพื่อนกูแถมยังรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมันอีก

Ça sent bon

ผมไม่ได้หวังร้ายอะไรกับสตางค์เลยนะครับ

ผมอยากเป็นเพื่อนเขาจริงๆ และที่ให้ก็เพราะอยากให้จริงๆ



เงียบไปนานจนผมใจตุ้มๆ ต่อมๆ เพื่อนของสตางค์เป็นคนฉลาดอย่างที่สัมผัสได้แต่จำหน้าไม่ได้ รอไม่นานข้อความตอบกลับมาทำเอาผมยิ้มกว้าง สถานที่และเวลานัดจากนั้นก็ออฟไลน์ไปไม่อยากเชื่อทำยังไงดีผมจะได้เจอกันอีกครั้งในเวลาที่เร็วแบบนี้ถึงแม้จะเป็นการนัดจากเพื่อนสนิทที่ดูท่าทางจะไม่ชอบเขาเอามากๆ อ่าจะแต่งตัวแบบไหนดีทำไมตื่นเต้นแบบนี้นะ

ก๊อกๆ

“เติ้ล นี่แม่นะลูก” เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรู้เมื่อจะเข้าห้องคือต้องเคาะประตูและต้องรอให้ทางเขาเป็นฝ่ายเปิดห้องเพราะนี่ถือเป็นโลกส่วนตัวของผมและผมก็ไม่อยากให้กลิ่นอะไรมาเจือปนในห้อง เพราะไม่อยากให้ใครเข้าห้องเลยเลือกที่จะออกจากห้องก็เจอคุณแม่ยืนรออยู่แล้ว กลิ่นหอมเศร้าจางๆ ที่หนักอึ้งกดให้ความรู้สึกผิดของผมมากขึ้นทุกครั้งที่เจอหน้า การมีลูกที่ผิดปกติไม่สามารถเชิดหน้าชูตาได้ในสังคมแถมยังโดนสายตารังเกียจสงสัยจากญาติที่คอยค่อนแคะว่าผมเป็นคนโรคจิต ป่วยทางประสาท

“มีอะไรหรือครับ”

“แม่จะต้องเดินทางไปที่สาขาต่างจังหวัดกับคุณพ่อ ลูกอยู่บ้านได้นะคะ”

“ได้ครับ พรุ่งนี้ผมมีนัดช่วงสายอาจจะไม่ได้ไปส่งนะครับ” พอคิดถึงนัดพรุ่งนี้แล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ และมันคงเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนเป็นแม่แปลกใจ

“นัดกับใครเหรอคะ” ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ลูกชายคนเดียวของเธอออกนอกบ้านสองวันติดซึ่งเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก จนเธออยากจะรู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายเธอกระตือรือร้นแบบนี้

“เอ่อ...คนที่น่าสนใจคนหนึ่งครับ”

“งั้นแม่ก็ต้องขอบคุณคนนั้นสินะที่ทำให้ลูกชายของแม่มีความสุขแบบนี้” ไม่รู้หรอกว่าอะไรคือท่าทางมีความสุขของผมที่แสดงออกไปแต่กลิ่นของแม่ไม่มีความเศร้าอยู่แล้วมีเพียงความรู้สึกดีใจที่ต่อให้ไม่กลิ่นก็ยังรู้สึกได้ ผมเพียงพยักหน้า

“ก็งั้นมั้งครับ”

“งั้นแม่ลงไปเตรียมทำข้าวเย็นก่อน” ผมพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าจะลงไปทานข้าวเย็นด้วยแล้วก็กลับเข้าห้อง จัดการทำงานที่จะต้องส่งคืนคุณพ่อ และอ่านหนังสือเพื่อที่จะไปสอบวัดผล ในห้องกว้างที่กินพื้นที่เกือบชั้นหนึ่งของบ้านแต่เป็นเพียงฉากกั้นระหว่างห้องนอนกับพื้นที่ใช้สอย เตียงนอนกว้างอยู่หลังฉากกั้นแยกพื้นที่ ครึ่งหนึ่งของพื้นที่ครอบคลุมด้วยชั้นหนังสือและโต๊ะทำงาน เคยคิดที่จะเลี้ยงสัตว์แต่ว่า..การผูกพันบางครั้งก็เป็นเรื่องยากลำบาก

มื้อเย็นเป็นมื้อที่ทั้งพ่อและแม่ดูจะตื่นเต้นกับข่าวที่ผมจะออกไปข้างนอกพรุ่งนี้เหลือเกิน ทำให้กลิ่นดูผ่อนคลายและมีความสุข นี่เป็นผลของการที่ผมได้เจอกับสตางค์ด้วยหรือเปล่า

“พรุ่งนี้พ่อจะเดินทางตอนเช้า ส่วนงานพ่อจะให้เลขาอีกคนมาส่งไว้ที่บ้านนะ”

“ครับ” รับคำเพราะยังไงก็ดีกว่าอยู่ว่างๆ ได้ทำงานก็คงจะช่วยฆ่าเวลาได้ดี หลังมื้อเย็นขึ้นห้องมาก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ แต่ผมกลับนอนไม่หลับ เพราะอะไรกันหรือเพราะตื่นเต้นเหรอ?? ในชีวิตผมมีเรื่องให้ตื่นเต้นเกิดขึ้นแล้วสินะ นอนพลิกตัวไปมากว่าจะหลับได้ครั้งสุดท้ายที่เห็นนาฬิกา เข็มสั้นก็ชี้ที่เลขสองแล้ว

.

“แม่ว่าลูกไปเปลี่ยนเสื้อข้างในดีกว่านะคะ” ผมที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวก่อนเวลานัดตั้งสองชั่วโมงยังไม่ทันที่จะออกจากบ้านก็โดนติงเรื่องเสื้อผ้าเสียแล้ว

“เอ่อ..ทำไมเหรอครับ”

“สีดำลูกใส่แล้วก็เข้าอยู่หรอกนะ แต่ว่าลูกลองใส่สีอื่นน่าจะดีกว่านี้” ก้มมองชุดสีดำที่ตัวเองใส่ดูผมก็ดูไม่มั่นใจขึ้นมาเสียก่อน อ่า ลองเชื่อคุณแม่สักครั้งล่ะกัน

“ครับเดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยน”

“งั้นแม่ไปก่อนนะคะ ทานข้าวให้ตรงเวลานะคะ” เพราะลูกชายที่ขังตัวเองอยู่ในห้องบางครั้งก็แทบลืมวันเวลาอยู่บ่อยๆ

“ครับ” กอดลากับคุณแม่ พอลับตาผมก็หมุนตัวเข้าห้องก้าวเท้ายาวๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าที่พอเปิดออกมามันก็ล้วนแต่มีสีดำอ่า...เสื้อเชิ้ตที่คุณแม่ซื้อให้ตอนต้นปีอยู่ไหนนะ หลังจากที่ค้นจนแทบที่จะลื้อตู้ก็เจอกับถุงเสื้ออยู่ตรงซอกตู้ เขารีบเปลี่ยนจากเสื้อยืดทีดำเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พึ่งเคยใส่เป็นครั้งแรก มันดูเป็นอะไรที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย แต่มัวคิดไปก็คงจะไม่ทันการณ์เพราะแค่หาเสื้อก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“ไปที่ร้าน xxx ครับ” บอกกับคนขับรถเสร็จก็เกี่ยวแมสมาปิดจมูกไว้ รถคันหรูขับออกจากบ้านหรู เป็นครั้งแรกที่ออกจากบ้านติดต่อกัน เป็นครั้งแรกที่อยากจะรู้จักใครขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่อยากอยู่ใกล้ชิดอยากมีส่วนร่วมในชีวิตของคนอื่น และอยากได้ใครบางคนมาอยู่ในชีวิต

.

.

“กูไม่อยากปายยยยยยยยยย” ยิ่งใกล้ถึงเวลานัดยิ่งไม่อยากไป ได้แต่ร้องโหยหวนเกาะหัวเตียงแน่นแม้จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

“มึงต้องไป กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ปล่อยกูจะนัดมันมาที่นี่”

พรึบ

ปล่อยจ้า ปล่อยแล้วครับพ่อ พอไอ้อิฐทำเสียงเข้มแถมยังขู่สิ่งที่ผมกลัว รีบปล่อยแล้วนั่งสงบเสงี่ยมให้ไอ้อิฐว่าผมอีกสองสามคำ

“ลุก!!”

“กูไม่ไปได้ไหม” นั่งคุกเข่าบนเตียงช้อนตามองไอ้อิฐส่งสายตาที่คิดว่าอ้อนที่สุดให้มันหวังว่าจะได้ผล

“ไป เลิกทำหน้าหมาเมายาได้แล้ว” โถไอ้สันขวาน มาว่ากูที่อุตส่าห์ลงแรงอ้อนซะเสียหมาเลย นี่ผมอ้อนไม่ขึ้นจริงๆ เหรอ เมื่อเพื่อนซี้ทำหน้าจริงจังผมเลยเลิกอิดออดคว้ากระเป๋าสะพายข้างเดินคอตกตามไอ้คนวางแผนไปขึ้นรถของมัน

ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงเชื่อฟังมันขนาดนี้ เพราะตอนที่ผมตัวคนเดียวเสียครอบครัวทั้งหมดไป เสียซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเองก็มีมันอยู่ข้างๆ หลายครั้งที่ผมเป๋ออกนอกทางก็จะถูกไอ้อิฐตบสติให้ผมกลับเข้าที่เข้าทางเพราะฉะนั้นการที่มันทำแบบนี้ผมก็เชื่อมัน มันฉลาดกว่าผมครับ!!

ขับรถมาถึงร้านขนมที่อิฐมันนัดไว้ ผมได้แต่เกาะเสื้อเดินตามหลังไอ้อิฐเข้าร้านแทบจะสิงร่างมันไปอยู่แล้ว อิฐกวาดสายตามองรอบๆ ร้านเพื่อหาร่างสูงในชุดดำอึมครึมแต่ก็ไม่เจอจนสายตาไปหยุดกับร่างสูงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งหันหลังให้ทางเข้าที่ดูคุ้นตา น่าจะใช่ พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นครึ่งหน้านั่นใส่แมสอยู่

“นาย”

“มาแล้วเหรอครับ” น้ำเสียงดีใจอย่างไม่ปิดบังนั่นทำให้อิฐมองสำรวจไอ้โรคจิตอย่างเต็มตา ท่าทางไม่ได้มีอะไรอย่างที่กลัว ท่าทางเป็นพวกปิดตัวเอง หันไปจูงไอ้เพื่อนซี้ที่หดหัวเข้าไปในกระดองเรียบร้อยลงไปนั่งตรงข้าม

“อ่า โทรศัพท์นี่ฉันคืนนะ” ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงส่งโทรศัพท์เครื่องหรูที่ถอดซิมออกแล้ววางบนโต๊ะโดยไม่สนใจสายตาคมที่มองมาเลยสักนิด

“ผมตั้งใจจะให้คุณอยู่แล้ว”

“แต่เราไม่รู้จักกัน” ไม่รู้จักกันแต่ก็มาให้ของแบบนี้มันก็ออกจะแปลกๆ แต่ที่แปลกคือตัวเขาเองที่ไปรับเอาของมาใช้เฉยเลย

“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมรับ”

“เดี๋ยวพวกมึงสองคนเลิกคุยกันเรื่องนี้ก่อนไอ้ตางค์ไปสั่งขนมไป” ผมที่กำลังจะหันไปว่าไอ้อิฐแต่พอเห็นสายตาของมันแล้วผมก็ยอมที่จะลุกไปสั่งน้ำและขนมสั่งเผือไอ้อิฐด้วย ผมได้แต่เหลือบมองเป็นพักๆ เมื่อเห็นไอ้อิฐกับไอ้โรคจิตนั่นคุยกันเรื่อยๆ และเมื่อผมถือเอาน้ำที่สั่งกลับมาที่โต๊ะ ไอ้อิฐก็ดูจะสนิทสนมกับไอ้โรคจิตตรงหน้าไปเสียแล้ว

“เรื่องโทรศัพท์มึงก็รับไว้เถอะตางค์”

“เดี๋ยวสิอะไรกันจู่ก็ให้กูรับ” ผมหันไปประท้วงทั้งๆ ที่ตอนแรกมันหัวเด็ดตีนขาดก็ให้เอามาคืน ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปในเวลาสั้นๆ เล่า

“สตางค์ ผมอยากให้คุณจริงๆ ผมไม่ได้ต้องการอะไรเลยนะครับ” ไอ้สายตาหมาโดนทิ้งนี่คืออะไรกัน ผมหลบสายตาลูกหมาของไอ้โรคจิต

“แล้วทำไมถึงได้มาตามติดกันแบบนี้เล่า”

“ผมอยู่ใกล้คุณแล้วสบายใจ” น้ำเสียงอ่อนลงของคนตรงหน้าทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดหาเรื่องอะไรอีก

“เอาล่ะถือว่ารู้จักกันแล้วนะ ถ้าจะมาเจอก็นัดมันเองล่ะกันถ้ามันอยากเจอก็คงจะมาเจอเอง” เดี๋ยวๆ ผมรีบหันไปมองเพื่อนสนิทที่มันตกปากรับคำโดยไม่ถามความคิดเห็นเขาเลยสักนิด

“มึงไปบอกมันอย่างนั้นได้ยังไง”

“ก็ไม่ได้มีอะไรซักหน่อยถ้ามึงไม่อยากเจอมึงก็ไม่ต้องไปคำชวนของมันก็สิ้นเรื่อง” เออวะ ผมพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ทันสังเกตตัวเองนั้นถูกเก็บภาพความน่ารักไว้ตลอด

“ตกลงชื่ออะไรนะ” สตางค์หันไปถามหลังจากที่ตกลงกับอิฐได้

“ไตเติ้ลครับ สตางค์ไม่ได้ทำงานเหรอครับวันนี้” ไอ้หมอนี่จะรู้ดีเกินไปแล้วนะ

“วันนี้ร้านเจ้ไม่เปิด ไม่รู้ว่าหายไปไหนโทรไปก็ไม่รับ” ผมเผลอบ่นออกมาเพราะเจ้านายร้านอาหารหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ตอนแรกที่ว่าปิดสามวันแต่พอผ่านมาสามวันแล้วก็ไม่เห็นจะกลับมาดูท่าผมจะต้องหาที่ทำงานใหม่เสียแล้ว

“งั้นสตางค์ก็ว่างสินะครับ”

“อือ” ผมตอบพร้อมกับจ้วงเค้กมื้อนี้ไอ้อิฐเลี้ยงเพราะฉะนั้นต้องกินเยอะๆ

“งั้นทำงานกับผมไหมครับ”

“ทำงานอะไรกันดูไม่น่าไว้ใจ”

“ผมจะให้เงินเดือนเท่ากับเงินเดือนพนักงานที่บริษัท แต่ทำงานช่วงเวลาที่สตางค์ว่าง” ผมนี่ตาโตกับข้อเสนอถึงไม่รู้ว่าไอ้เงินเดือนพนักงานบริษัทของมันเท่าไหร่แต่งานที่มันได้เป็นเงินเดือนก็ดีกว่า ตานี่เปล่งประกายในหัวคำนวณเงินอย่างรวดเร็ว

“เงินเดือนเท่าไหร่” ผมไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะครับ เงินซื้อผมไม่ด้ายยยยยย

“พนักงานผมเหรอ.........ก็ราวๆ หมื่นต้นๆ นะครับ” ผมนี่ตาโตกับเงินเดือนและที่สำคัญคือทำตอนที่ผมว่างนั่นหมายความว่าผมมีงานประจำโดยไม่เสียเวลาเรียน

“เดี๋ยวนะ มึงบอกว่าพนักงานบริษัทมึงนี่ทำงานแล้วเหรอวะ” อิฐที่นั่งฟังมานานขัดขึ้นเพราะสะดุดกับคำว่าพนักงานของมัน

“ก็ทำงานแล้วครับแต่ก็ยังเรียนด้วย ส่วนบริษัทก็เป็นบริษัทคุณพ่อ”

“กู..เราทำอะไรไม่เป็นเลยนะ” พอจะพูดคำหยาบก็รู้สึกเกรงใจ คำพูดของมันโคตรดีไม่มีคำหยาบเลยสักนิดถ้าพูดหยาบผมนี่ดูเลวไปเลย แต่ผมจะทำงานบริษัทได้เหรอเคยทำแต่งานใช้แรงไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า

“ไม่เป็นไรเลยครับแค่สตางค์อยู่ใกล้ผมก็พอแล้ว”



ผมขอถอนความคิดดีๆ ก่อนหน้านี้ มันโรคจิตชัดๆ




**************************************

น้องสตางค์คนจนคนเดิมมาแล้วค่ะ

ถถถถนึกว่าจะหลุดพ้นจากคำว่าโรคจิตแล้วซะอีก

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 3 15/9/2561
«ตอบ #13 เมื่อ16-09-2018 00:03:38 »

โดนกลับไปเป็นโรคจิตอีกแล้ว 55555555555555

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 3 15/9/2561
«ตอบ #14 เมื่อ16-09-2018 08:34:19 »

ติดตาม

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 3 15/9/2561
«ตอบ #15 เมื่อ18-09-2018 09:15:11 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 4 2/10/2561
«ตอบ #16 เมื่อ02-10-2018 10:15:19 »

4

หลังจากที่ได้เจอและได้คุยกับไอ้โรคจิตสุดท้ายผมก็ตัดสินใจคิดว่าหมอนั่นมันโรคจิตดีๆ นี่เองเอาจริงๆ นึกว่าจะเป็นคนเงียบๆ แต่จริงพูดมากอย่างไม่น่าเชื่อ รู้ได้ไงนะเหรอ

หมอนั่นมันทักแชทผมมาทุกวันไง!!

ถ้าไม่คุยก็จะรู้สึกสงสารยังไงก็เคยคุยกันแล้วและยิ่งคุยก็เหมือนว่าหมอนั่นจะดูดีใจที่ผมยอมคุยแถมบางทีก็ขอจะมาหาจนผมต้องรีบไปล็อกห้องเพราะความหวาดระแวงกลัวว่าจะโผล่มาหน้าห้องจริงๆ ตอนนี้งานที่ร้านอาหารเจ้ก็ปิดตัวลงเพราะเจ้ปิดไปตามผัวโดยที่ลอยแพผม ทำให้งานช่วงเย็นผมว่าง....ว่างซะจนคิดถึงข้อเสนอของไอ้โรคจิตนั่น

“ไอ้อิฐ” ผมเรียกมันขณะที่กำลังนั่งกินข้าวที่หอวันนี้มันหอบข้าวมากินกับผมที่หอเพราะไม่มีเรียนแถมยังไม่มีงานทำให้ผมว่าง

“อะไรของมึงไอ้สตางค์” อิฐทำท่างงๆ เมื่อเพื่อนตัวเล็กมันทำหน้าเหมือนหมาหงอยคิ้วขมวดเหมือนคิดอะไรอยู่

“กู..จะไปทำงานกับมันดีไหมวะ” น้ำเสียงอ่อยๆ เพราะกลัวเพื่อนที่ผันตัวเป็นพ่อเขาตลอด

“งานที่มันบอกนะเหรอกูก็ว่าดีอีกอย่างมึงจะได้เลิกไปทำงานดึกๆ ดื่น ปีหน้ามึงก็จะขึ้นปีสามแล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำงานมาพัก” นั่นไงครับร่ายยาวมาเลย ซึ่งสิ่งที่มันพูดก็ตรงกับที่ผมกังวลแค่ตอนนี้ผมได้นอนวันละไม่กี่ชั่วโมงเองไหนงานที่มีเยอะขึ้น ถ้ายังฝืนผมไม่รู้ว่าจะสามารถรักษาผลการเรียนเพื่อที่จะได้ทุนหรือเปล่า

“นั่นสิ กูก็คิดอยู่”

“คิดไรมากวะเท่าที่เห็นไอ้ไตเติ้ลแม่งก็แค่เด็กขี้เหงาที่ดันมาถูกใจมึงแค่นั้น”

“เดี๋ยวนะกูว่ามึงใช้คำแปลกๆ วะ” ไอ้อิฐมันไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่หัวเราะเบาๆ แล้วบอกให้ผมรีบกินข้าว

“กูกลับล่ะ ยังไงมึงก็คิดดูดีๆ ได้ทำงานที่เป็นเวลาแถมมันยังให้เป็นเงินเดือนอีก” ก่อนกลับไอ้อิฐก็บอกให้ผมคิดดีๆ อีกครั้ง ผมพยักหน้ารับปากว่าจะเอาไปคิดให้ดีๆ เงินในบัญชีที่เขาเก็บหอมรอมริบเอาไว้มันไม่ได้มีมากมายพอที่จะทำให้เรียนจบโดยที่ไม่ลำบาก

“เอาวะเป็นไงเป็นกัน” เมื่อคิดถึงเรื่องที่ต้องเจอในอนาคตอันใกล้นี้ทำให้ผมตัดสินใจ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้ายอะไร กดเบอร์ที่มีอยู่ในโทรศัพท์เครื่องหรูที่เจ้าตัวเขายืนยันที่จะให้ผมใช้และแทบไม่ต้องรอปลายสายก็กดรับเล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดที่จะรับเร็วแบบนี้

“ (สตางค์ ได้ยินผมรึเปล่าครับ) ” เสียงเรียกครั้งที่สองเรียกสติกลับคืนมา

“ได้ยินๆ นี่ ฉันอยากรู้ว่างานที่จะให้ทำนะ นายยังรับอยู่รึเปล่า” ผมถามเบาๆ เพราะเล่นด่ามันไว้ว่าโรคจิตทั้งต่อหน้าและลับหลังแต่พอตอนนี้กลับอยากได้ความช่วยเหลือผมก็รู้สึกละอายใจ

“ (สตางค์จะมาทำงานกับผมเหรอครับ ผมดีใจจัง) ”

“ยังไม่ได้ตัดสินใจสักหน่อยแต่ว่าฉันสนใจ”

“ (ผมดีใจที่สตางค์สนใจ จะให้ผมไปคุยด้วยได้ไหม) ” อยากจะวางสายหนี สุดท้ายก็อยากมาเจอผมอยู่ดี แต่พอคิดไปคิดมามันก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ

“จะมาก็ได้นะฉันอยากคุยรายละเอียดด้วย” เพราะถ้าจะให้คุยตอนนี้ผมก็คิดไม่ออกว่าจะถามอะไรอยู่ดี

“ (ได้ครับผมจะรีบไป) ” น้ำเสียงดีใจแถมเจ้าตัวยังวางสายทันที นี่........จะรีบร้อนไปหน่อยไหม ผมรีบลุกจากที่นอนจัดการเก็บห้องให้มันดูเรียบร้อยกว่านี้ เพราะเสื้อผ้าที่ผมยังไม่ได้ซักที่กระจัดกระจายทั่วห้องกางเกงในยังขดเป็นเลขแปดอยู่มุมห้อง แหมก็ห้องชายโสดนะครับ ผมเปล่าซกมกนะ

ก๊อกๆ

ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีคนมาเคาะประตูอย่าบอกนะว่าเป็นไอ้โรคจิตนะ ผมรีบโยนเสื้อกางเกงใส่ตระกล้ากวาดสายตามองรอบห้องดูเรียบร้อยแล้วล่ะนะ เดินไปส่งตาแมวก็เห็นไอ้โรคจิตยืนอยู่หน้าห้องกับไอ้ชุดดำคาดแมสผมเผ้าปิดหน้าปิดตา ผมเลยเปิดประตูห้องออก

“ไง”

“คุณยังกลิ่นเหมือนเดิมเลยนะครับ” ถ้าผมจะปิดประตูอัดหน้าก็คงจะไม่ผิดอะไร กำลังที่จะปิดประตูอัดหน้าใส่คนที่มันพูดอะไรประหลาดๆ ออกมาอีกก็โดนกันไว้เสียก่อน

“ขอโทษ ผมเผลอไปอีกแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดก็โกรธไม่ลง ยอมเปิดประตูให้เข้ามา เมื่อเข้ามาในห้องหมอนั้นก็ปลดแมสออกสายตากวาดมองรอบห้อง

“นั่งลงสิ” ผมนั่งลงที่พื้นโดยมีโต๊ะญี่ปุ่นกางอยู่

“ครับ ห้องสตางค์น่าอยู่นะครับ” ยัง..ยังไม่เลิกสำรวจอีก

“นี่คุยกันเรื่องธุระดีกว่า”

“ครับ นี่เอกสารที่สตางค์น่าจะต้องรู้ครับ” ไตเติ้ลส่งซองน้ำตาลมาให้ ผมรับไว้แล้วเปิดออกมาอ่าน แรกๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเนื้อหางานที่ผมต้องเจองานมันโคตรสบายแต่ที่ผมตกใจคือค่าตอบแทนมันยิ่งกว่านักเรียนจบใหม่เสียอีก

“นี่ฉันดูตัวเลขผิดไปหรือเปล่า”

“ไม่หรอกครับ นั่นเป็นตัวเลขที่ผมจะให้สตางค์”

“แต่มันไม่มากเกินไปเหรอ” ตัวเลขห้าหลักนั่นทำให้ผมเครียด ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีแต่มันมากเกินกว่าที่จะรับไว้ได้ ผมยอมทำงานหนักดีกว่างานเบาแต่ค่าตอบแทนมากขนาดนี้

“ไม่มากครับ”

“แต่งานมันไม่หนักสมกับค่าแรงเลยนะ” ผมโวยวาย

“แต่ที่นายให้มันเยอะจริงๆ ฉันรับไว้ไม่ได้”

“ผมว่ามันคุ้มที่จะให้และไม่ได้มากมายเลย แค่คุณมาทำงานกับผม ผมก็ดีใจมากแล้ว” ไอ้สตางค์อยากจะทึ้งหัวตัวเองมีที่ไหนกับการคุยงานไม่ได้มีปัญหาเรื่องงานแต่มีปัญหาเรื่องเงินเดือนเกือบสามหมื่น

“ฉันลำบากใจนะ”

“ผมคิดมาแล้วครับว่าถ้าให้เท่านี้สตางค์ก็จะไม่ลำบากเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรอีกแต่มีข้อแม้คือต้องทำงานกับผมงานเดียว” นี่เป็นประโยคยาวๆ ครั้งแรกที่ได้ยิน ก้มลงอ่านหน้าที่อีกครั้ง

- ไปทำงานเมื่อว่างตามตารางเรียน เสาร์อาทิตย์ทำเต็มวัน

- ตำแหน่งผู้ช่วย

- คอยอยู่ใกล้

เดี๋ยวนะไอ้ข้อนี้ทำไมมันแปลกๆ

“นี่ๆ ข้อนี้มันแปลกๆ นะ” ผมยื่นข้อนี้ให้มันดู

“ไม่แปลกหรอกครับ ผมอยากให้สตางค์อยู่ใกล้ ผมสบายใจที่สตางค์อยู่ใกล้” หลายครั้งที่มันพูดแบบนี้ทำให้ผมคิดถึงคำพูดไอ้อิฐ

“นี่...นายไม่มีเพื่อนเหรอ”

“ไม่มีครับ” แล้วทำไมมันยังยิ้มได้ นี่ปกติใช้ชีวิตยังไงของมันกัน

“ปกตินายทำอะไร” เป็นครั้งแรกที่สนใจในตัวคนตรงหน้า

“อืม..ผมจะอยู่ในห้องตลอด ถ้ามีงานก็จะทำงานในห้องส่วนมาผมก็จะอ่านหนังสือ”

“แล้วไม่เคยออกไปข้างนอกเลยเหรอ” ผมแทบอ้าปากค้าง นี่มีชีวิตได้ยังไงกันอยู่แต่ในห้องแคบๆ (อันนี้มโนเองนะครับ)

“ไม่ครับผมออกมาข้างนอกเท่าไหร่แต่ถ้ามาเจอสตางค์ผมอยากมานะครับ” นั่นไง ยังวกกลับมาที่เขาได้อีก

“ฉันไปทำให้นายสบายใจได้ยังไง”

“กลิ่นไงครับ” มันเว้นวรรคนานผมก็เงียบฟังแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พูดอะไร แหมคันปากอยากจะถามแต่ก็คงไม่ดี

“เอาเสื้อฉันไปดมแทนไหม”

“มันไม่เกี่ยวกับเสื้อผ้าหรือ “กลิ่น” อย่างที่สตางค์เข้าใจหรอกนะครับ” ผมได้แต่ทำหน้างงไม่เข้าใจว่าความหมายของกลิ่นที่หมอนี่พูดและกลิ่นที่เขาเข้าใจมันไม่เหมือนกันตรงไหน พอๆ เลิกนอกเรื่อง

“งั้นฉันจะไปทำงานกับนาย อ๊ะ แต่ว่าห้ามทำอะไรแปลกๆ โรคจิตๆ กับฉันนะ” พอนึกเรื่องสำคัญได้ผมก็รีบบอกไปทันที เรื่องนี้สำคัญกว่าเรื่องไหนๆ อีก

“ผมรับปากครับ สตางค์จะเริ่มงานวันไหนครับ”

“ฉันจะเริ่มอาทิตย์หน้าเลยได้ไหม” เพราะต้องไปลาออกจากร้านสะดวกซื้อและงานอีกงานที่ทำไว้

“ได้ครับเดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมจะส่งคนมารับ” อือหือ โคตรทุ่มทุนมีลูกจ้างที่ไหนได้แบบนี้บ้าง หลังจากที่พูดคุยและเซ็นสัญญาเรียบร้อยผมเตรียมที่จะไล่ออกจากห้องแต่ท่าทางงอยๆ นั่นทำให้ผมเอ่ยปากไล่ไม่ออก โอ๊ยยยยทำไมผมเป็นคนแบบนี้

“นี่กินอะไรมารึยัง”

“ยังครับ” แล้วก็มานั่งคุยกับผมเป็นชั่วโมงๆ

“งั้นจะให้ฉันสั่งขึ้นมาให้ไหม” เพราะรู้ว่าไม่ชอบคนเยอะๆ ถ้าพาออกไปก็คงจะลำบากเปล่าๆ

“เดี๋ยวผมโทรไปสั่งคนของผมเองครับ สตางค์จะทานอะไร” แหมพ่อคนรวย

“อยากกินสุกี้” ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้กินข้าวกับไอ้อิฐไปแล้วแต่เมื่อจะมีคนเลี้ยงท้องผมก็ว่างเสมอแหละน่า พิมพ์อะไรหยุกหยิกกับโทรศัพท์แล้วก็มานั่งจ้องหน้าผมแม้จะเห็นตาลางๆ จากผมที่ปิดไว้นั่นล่ะนะ

“จ้องอะไรขนาดนั้น”

“ผมไม่คิดว่าจะได้มานั่งคุยกับสตางค์แบบนี้” เออเอาเข้าไป

“ไม่รำคาญผมข้างหน้าบ้างเหรอ”

“ไม่ครับ”

“โอ๊ย เลิกพูดเพราะกับฉันทีเถอะ” มันไม่ชินเลยจริงๆ ปกติผมไม่ได้หยาบคายอะไรหรอกนะแต่แบบไอ้ที่พูดสุภาพทุกคำคือไม่ชิน

“ผมชินแบบนี้” มันบอกเสียงอ่อนทำไมผมรู้สึกผิดวะ เลยเลิกที่จะหาเรื่องคุยเดินไปนั่งที่เตียงอ่านหนังสือการ์ตูนที่กองไว้ เอาเถอะถือว่าไม่มีคนอยู่ในห้องก็แล้วกัน และเจ้าตัวก็ทำตัวเองเป็นอากาศธาตุจริงๆ นั่งนิ่งๆ บางครั้งก็หยิบโทรศัพท์อ่านยังไม่ทันจะหมดเล่มเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นผมรีบกระโดดลงไปเปิดประตู

ใคร??

“สวัสดีครับผมเอาของมาส่ง”

“สตางค์รับมาเลยครับ” ผมที่กำลังงงเสียงทุ้มด้านหลังช่วยไขข้อข้องใจ ผมรับเอาข้าวของที่คุณน้าในชุดสูท อ่า ไม่อยากกินสุกี้เลย ดูจากยี่ห้อแล้วมันส่งตรงจากห้างดังเลย น้ำตาจะไหลเสียดายเงิน

เมื่อได้ของผมก็ไปขนถ้วยชามกับกระทะไฟฟ้ามาตั้งที่โต๊ะญี่ปุ่น อาหารไฮโซแต่สภาพการกินโลโซมาก ยังดีที่มีถ้วยพอที่จะใส่ของที่ซื้อมา

“อ่ะ ทานนี่สิ” ผมคีบเนื้อชั้นดีใส่ถ้วยคนที่นั่งกินเงียบๆ ไม่คิดว่าจะเป็นของราคาแพงแบบนี้ทุกอย่างอร่อยอย่างที่ผมคงไม่มีทางไปกินที่ร้านแน่ๆ

“ขอบคุณครับ” และผมก็ได้รู้ว่าการทานข้าวเงียบๆ กับคนที่ผมตราหน้าว่าโรคจิตกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะดีใจจนไม่ยอมหยุดยิ้มสักที คุยงานก็คุยแล้ว กินข้าวก็กินแล้วได้เวลาผมต้องไปทำงานกะเย็นแล้วด้วย

“งั้นผมกลับเลยนะครับ แล้วเจอกันนะครับ” ผมโบกมือไล่คนที่มากพิธีรีตองในการล่ำลาเสียจริง ผมเก็บจานชามไปกองไว้เยอะขนาดนี้เดี๋ยวกลับมาค่อยล้างละกัน ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปทำงาน เอาล่ะ สู้ๆ




**************************************

แง่มน้องสตางค์เราเข้าปากเสือไปเรียบร้อยค่ะ

ฮ่าๆ อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: Pleasing scent ตอนที่ 4 2/10/2561
«ตอบ #17 เมื่อ02-10-2018 11:49:25 »

มาต่อแล้ว

ออฟไลน์ 30267

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 4 2/10/2561
«ตอบ #18 เมื่อ02-10-2018 13:00:13 »

มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ / รอเลยๆ  :mew1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 4 2/10/2561
«ตอบ #19 เมื่อ02-10-2018 15:54:36 »

เขามาเป็นเจ้านายแล้วนะอย่าเผลอไปว่าเขาอีกล่ะ 55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Pleasing scent ตอนที่ 4 2/10/2561
« ตอบ #19 เมื่อ: 02-10-2018 15:54:36 »





ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Pleasing scent ตอนที่ 4 2/10/2561
«ตอบ #20 เมื่อ03-10-2018 13:56:26 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 5 10/10/2561
«ตอบ #21 เมื่อ10-10-2018 20:49:57 »

5

“ไม่นะ น้องสตางค์ของพี่จะลาออก โอเอซิสของพี่” ใครก็ได้ช่วยแงะพี่ผู้จัดการที่พุ่งเข้ามาฟัดผมทันทีที่บอกว่าจะขอลาออก พี่น้ำเป็นผู้จัดการของสาขาที่คอยช่วยเหลือผมอยู่เสมอๆ ทั้งจัดตารางงานให้ทั้งบางครั้งก็ให้เขาไปพักในห้องพักในเวลางาน

“ผมได้งานใหม่ที่โอเคมากๆ เลยครับ”

“หนูไม่ได้โดนใครหลอกไปใช่ไหมลูก” พี่น้ำลูบหัวลูบหางทำราวกับว่าใครมาล่อลวงผมไปเขาไปขาย

“ไม่ครับเขาเป็นเพื่อนผมเอง” ที่รู้จักกันไม่นานเท่าไหร่เอง นี่ผมไม่ได้เห็นแก่เงินเลยนะครับ

“แล้วพี่จะฟัดใครได้ล่ะ”

“ก็พี่น้องไงครับ” ผมโบ้ยไปทางเพื่อนร่วมงานกะดึกที่พอพูดถึงพี่น้ำก็ทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วหันมาฟัดผม ตอนแรกๆ ก็ไม่ชินหรอกนะครับแต่พอโดนบ่อยๆ ผมก็รู้ว่าหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ยิ่งหนีพี่น้ำยิ่งฟัดนานขึ้นแต่ถ้าอยู่นิ่งให้พี่น้ำฟัดจนพอใจก็เลิก หลังจากที่บอกพี่น้ำผมก็เข้ากะทุกวันก่อนที่จะครบวันลาออกและเป็นกะดึกทุกวัน วันนี้กะของผมเลิกตีห้า หลังจากที่รีสต๊อกของเสร็จผมก็เก็บของเพื่อเตรียมกลับหอ

“พี่น้องกลับล่ะนะครับ”

“อือ” เพื่อนร่วงงานผู้พูดน้อยพยักหน้าให้ระหว่างทางกลับหอแวะซื้อน้ำเต้าหูเจ้าประจำที่เมื่อไปซื้อจะได้ปาท่องโก๋แถมเป็นประจำ ประหยัดได้อีก หิ้วน้ำเต้าหู้ขึ้นมาบนห้องแกะน้ำเต้าหู้ใส่แก้วหยิบปาท่องโก๋มาฉีกจุ่มลงในน้ำเต้าหู้เป็นวิธีกินที่ไอ้อิฐเห็นแล้วบ่นประจำ ก็แบบนี้มันอร่อยในความรู้สึกผมยกน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มจนหมดเก็บแก้วไปล้าง เดินไปอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอน วันนี้มีเรียนบ่ายเพราะงั้นมีเวลานอนอยู่ซักสี่ห้าชั่วโมงตั้งนาฬิกาปลุกแล้วก็เข้านอน

กริ๊ง!! กริ๊ง!! กริ๊ง!!

เสียงนาฬิกาปลุกลั่นห้องทำให้คนที่แทบจะฝังตัวกับเตียงค่อยๆ งัวเงียลุกขึ้นนั่งนิ่งๆ อยู่ร่วมนาทีก่อนที่สติจะเข้าร่างแล้วค่อยๆ เดินไปอาบน้ำ เพราะการนอนไม่เป็นเวลาทำให้เบลอตอนตื่นเป็นประจำหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยผมก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นหลังปิดห้องเดินเบลอๆ ลงจากหอ ไม่สังเกตถึงรถหรูที่จอขวางทางอยู่สักนิดจนแทบจะเดินผ่านไปแล้วถ้าไม่มีเสียงเรียกชื่อเขาขึ้นมาเสียก่อน

“คุณสตางค์ครับ”

“หือ..ครับ” ผมขานรับอย่างแปลกใจเพราะคนที่เรียกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

“คุณไตเติ้ลส่งผมให้มารับคุณไปส่งที่มหาลัยครับ”

หือ เดี๋ยวนะส่งรถมารับอะไรกัน มองรถหรูสีดำที่อยู่ข้างหลัง ให้ตายเถอะมันจะหรูเกินไปนะผมยังไม่ทันที่จะเริ่มงานเลยด้วยซ้ำจะมารับมาส่งอะไรกันแต่เมื่อคิดถึงความสะดวกผมเลยไม่ปฏิเสธที่จะขึ้นรถ

“พี่ทำไมได้มารับผมตอนนี้”

“คุณไตเติ้ลบอกให้มารับครับบอกว่าคุณสตางค์มีตารางเรียนช่วงนี้ครับ” ไม่น่าถามคำถามที่รู้ดีเลยเล่นรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผมแบบนี้ก็รู้สึกขนลุกอยู่นะถึงจะตกลงทำงานร่วมกันแล้ว

“เจ้านายพี่นี่โรคจิตจริงๆ”

“ฮ่าๆ คงเป็นเพราะคุณสตางค์เป็นคนแรกล่ะมั้งครับ” หือ คนแรกอะไรพอถามพี่แกก็ไม่บอกอะไรอีกจนมาถึงหน้าคณะโดยที่ผมไม่ได้บอกอะไรคงเป็นหมอนั่นที่บอกหมดแล้วสินะ

“ผมจะมารับตอนห้าโมงนะครับคุณสตางค์จะให้มารับก่อนรึเปล่าครับ”

“ไม่ต้องเลยพี่ผมจะกลับเองแล้วบอกเจ้านายพี่ด้วยว่าไม่ต้องมารับมาส่งผมอีกนอกจากวันเริ่มงาน” ถามว่ามันสบายไหมมันก็สบายใครจะไม่รักความสะดวกสบายล่ะครับแต่มันเกินความจำเป็นสำหรับผม แค่มหาลัยผมเดินไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง

“ครับผมจะบอกคุณไตเติ้ลให้ครับ”

“ขอบคุณครับพี่” ผมรีบลงจากรถแล้วก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วมคณะที่แปลกใจเมื่อเห็นผมลงจากรถก็นะไอ้เด็กเงียบๆ ที่วันๆ ทำแต่งานจะมีหรูมาส่งได้ยังไง เฮ้อ ความอยากรู้อยากเห็นของคนเราช่างน่ากลัว เดินขึ้นตึกไปยังห้องเรียนที่ไอ้อิฐมันมาถึงก่อนแล้ว

“ไงมึง”

“ไง ตื่นยังวะ” ผมพยักหน้าเหนื่อยๆ เพราะยังเหนื่อยจากการนอนน้อย และยังดีที่วันนี้ไม่ต้องเดินมาเอง

“ดีแล้วที่มึงเลือกงานกับไอ้ไตเติ้ล” และก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเพราอาจารย์เข้ามาพอดี

.

.

ใครก็ได้ช่วยเอาเปลมาหามผมกลับหอที วันนี้วิชาโหดจริงทั้งคำนวณทั้งภาษาอังกฤษจนผมแทบอ้วกออกมาเป็นตัวเลขกับคำศัพท์แล้วหลังอาจารย์วิชาออกผมก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีพลังงานจากน้ำเต้าหูและปาท่องโก๋จากตอนเช้าหมดไปแล้ว อิฐมองร่างเพื่อนที่ตอนนี้กลายเป็นผักเปื่อยอยู่ตรงโต๊ะ

“ไหวไหมเฮ้ย”

“กูตายแล้ว” อดขำกับคำพูดมันไม่ได้สงสารก็สงสารนะ แต่ท่าทางตอนนี้มันน่าขำจริงๆ ท่าทางเหมือนแมวที่ไหลไปกับโต๊ะ

“มึงทำงานอีกไหมวันนี้”

“ทำตอนสองทุ่ม” นี่ก็หกโมงแล้วคงต้องไปหาอะไรกินแล้วกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอค่อยไปทำงาน

“แล้วงานที่อาจารย์สั่งวันนี้ล่ะ” รายงานสองเล่มทำให้ผมคิดหนักแม้จะส่งอีกสองวันแต่ถ้าเทียบกับตารางงานเต็มของเขาก็คิดหนักเหมือนกัน

“ลาเถอะวะ มึงจะเป็นซอมบี้อยู่แล้วนะ” ไอ้อิฐแม่งเอานิ้วจิ้มผมเหมือนผมเป็นซากอะไรสักอย่างแม่งไอ้เพื่อนเชี่ย ลุกขึ้นฟาดมือที่ยังจิ้มตามตัวไม่เลิก

“กูยังไหว”

“ดูใต้ตามึงก่อนเถอะเพื่อน” และมันก็บ่น บ่นตั้งแต่ห้องยันเดินลงมาใต้ตึกแล้วก็ยังไม่เลิกบ่นอยากจะยกตำแหน่งพ่อคนที่สองให้มันจริงๆ บ่นตั้งแต่เรื่องที่ไม่ยอมลาแล้วพอรู้ว่าผมยังไม่ได้กินอะไรยิ่งบ่นไปอีก

“ครับพ่อ เลิกบ่นเถอะกูขอร้อง” หูชาหมดแล้วหันไปทำหน้าตาหน้าสงสารกระพริบตาปริบๆ ให้มันดูน่าสงสารขึ้นไปอีก

“ไปหาอะไรกินกัน” มันกอดคอผมลากไปแต่ผมดันเห็นอะไรเสียก่อนขาหยุดนิ่งเมื่อเห็นรถคุ้นตาผมเลยลากไอ้อิฐให้ไปที่รถคันนั้นด้วย

ก๊อกๆ

ผมเคาะกระจกรถเบาๆ กระจกเลื่อนลงเห็นพี่ที่มาส่งเมื่อเช้า

“พี่มาทำไม”

“อ่าถามคุณไตเติ้ลเองดีกว่าครับ” พี่แกปลายตาไปด้านหลังที่ผมพึ่งเห็นว่ามีกระจกทึบกั้นอยู่ดูท่าตัวต้นเหตุจะอยู่ด้วย แงะแขนไอ้อิฐออกจากไหล่เดินไปเปิดประตูด้านหลัง

“มาทำไม” อาจเป็นเพราะนอนไม่พอทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่าไม่อยากให้มา

“สตางค์ดูเหนื่อยมากเลย” และมันก็ยังเป็นคนที่พูดกันคนละภาษาเหมือนเดิม

“เออ เหนื่อย เหนื่อยที่ต้องมาเจอมึงด้วยเนี้ย” เพราะเหนื่อยบางครั้งผมก็คุมตัวเองไม่อยู่ไอ้อิฐจะรู้ดีตอนนี้ผมเอาอารมณ์ไปลงกับคนตรงหน้าทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ดีแต่ผมก็หยุดตัวเองไม่ได้

“เฮ้ยๆ ไอ้ตางค์” ไอ้อิฐที่เห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาห้ามแต่ก็ช้ากว่าคนในรถที่ดึงข้อมือจนผมถลาเข้าไปในรถมืออีกข้างมันกดที่ท้ายทอยให้ผมซบลงกับอกก่อนที่ผมจะอ้าปากด่าอะไรมันอีก มือที่กดท้ายทอยเลื่อนมาลูบหลังขึ้นลงเบาๆ

“พักก่อนนะครับ” อาจจะเพราะมือที่ลูบหลังหรือเพราะกลิ่นอาฟเตอร์เชฟที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น ไอ้อารมณ์เสียที่กำลังปะทุหายวับไปทันที มือลูบหลังขึ้นลงเหมือนกล่อม

อาจจะเพราะเหนื่อย

อาจจะเพราะไม่เคยมีใครกอดแบบนี้

อาจจะเพราะกลิ่นหอมๆ



อิฐอ้าปากค้างเมื่อไอ้คนที่จู่ๆ ก็ขึ้นหลับไปดื้อๆ อย่างนั้น ไอ้คนที่กล่อมเพื่อนเขาหลับค่อยๆ ประคองให้มันนอนบนตักนี่มันเรื่องสยองสองบรรทัดชัดๆ

“ผมจะไปส่งสตางค์ที่หอเองนะครับ”

“เออ..ฝากมันด้วยนะ” เพราะไม่รู้จะบอกอะไรไอ้คนที่เป็นห่วงนั่นก็หลับสนิทอยู่บนตักเขา บอกลาแล้วปิดประตูรถให้มัน มองดูรถหรูที่เคลื่อนตัวออกไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก อ่า เหมือนส่งตัวลูกเข้าหอเลยวะ แต่เฮ้ยกูไม่มีลูกนี่หว่า ขยี้หัวแรงๆ ไล่ความคิดบ้าๆ

ไตเติ้ลก้มลงมองคนที่หลับสนิทบนตักใต้ขอบตาดำช้ำเพราะทำงานดึกทุกวันผมรู้ได้ยังไงนะเหรอ อ่าก็ผมให้คนตามตลอดแต่เจ้าตัวเขาก็ไม่รู้ ตลอดอาทิตย์ที่ผมไม่ได้เจอและรู้ดีว่าอีกคนยุ่งเลยไม่ได้ทักมาชวนคุยหรือมาหา ไม่คิดว่าสตางค์จะทำงานหนักจนถึงขั้นนี้ พอเจอหน้าไม่คิดว่าจะโดนโมโหใส่แต่ก็เข้าใจว่าคงจะเหนื่อย ไหล่เล็กๆ จะแบกอะไรหนักๆ ได้เหรอ

“พาไปส่งที่หอเลยนะครับ” เพราะมีสตางค์อยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมไม่ต้องปิดกระจกเขาก็สามารถหายใจได้ทั่วปอด

“ครับ” มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของคนที่หลับสนิทอยู่บนตักเมื่อรถจอดหน้าหอพักเก่าๆ ก็ค่อยๆ ประคองคนหลับขึ้นอุ้มแล้วเดินขึ้นห้องพักเห็นอย่างนี้ผมก็ออกกำลังกายนะครับแม้จะไม่ได้ออกไปไหนก็เถอะ แต่อุ้มคนที่ตัวบางแบบนี้อุ้มได้สบายๆ อยู่แล้ว พี่โตเดินขึ้นมาเปิดประตูให้แล้วก็เดินออกไปซื้อของตามที่ผมสั่งไว้ ค่อยๆ อุ้มคนตัวเล็กไปวางที่เตียงที่พอได้เจอเตียงนุ่มๆ แล้วก็พลิกตัวไปซุกกับหมอน

“น่ารัก” อ่า ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะ สตางค์น่ารักมากจริงๆ ผ่านไปไม่นานข้อความจากพี่โตบอกว่าของที่ให้ซื้ออยู่หน้าประตูแล้ว พิมพ์ขอบคุณส่งไปแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูเอาของเข้ามาวางบนโต๊ะแล้วก็กลับมานั่งมองคนนอนหลับ แค่นี้ผมก็รู้สึกว่ามีความสุขมาก

“อือ” ผมตื่นเพราะรู้สึกหิว

“ตื่นแล้วเหรอครับ” หือ ผมว่าผมอยู่ห้องคนเดียวนะแล้วใครมาทักกูวะ ตื่นเต็มตาเลยครับทีนี้ผมผุดลุกขึ้นนั่งมองรอบๆ ห้องก็เห็นไตเติ้ลมันนั่งมองผมอยู่ อ่า..ขอประมวลผลแปบ เลิกเรียนแล้วมาเจอมัน โมโหใส่ โดนดึงเข้าไปกล่อมจนหลับ เชี่ย นี่ทำอะไรลงไป โอ๊ยยยย อับอายขายขี้หน้า

“หิวแล้วใช่ไหมครับ ผมให้พี่โตซื้อมาหลายอย่างเลยไม่รู้ว่าสตางค์ชอบแบบไหน” น้ำเสียงและรอยยิ้มเหมือนเดิมนี่มันไม่ได้โกรธเขาเลยเหรอ

“ไม่โกรธเหรอวะ” เร็วกว่าความคิดก็ปากผมนี่ล่ะครับ อยากจะปิดปากไว้ก็ไม่ทันซะแล้ว

“ไม่โกรธหรอกครับ เดี๋ยวผมไปอุ่นให้นะครับ” ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ไอ้คนที่ถือวิสาสะทำเนียนอยู่ในห้องก็ลุกไปอุ่นกับข้าว เสร็จก็ตั้งโต๊ะเตรียมจานช้อนให้ผมเสร็จสรรพบริการทุกระดับประทับใจ เหลือแค่ตักข้าวป้อนแค่นั้น อ่า รู้สึกไม่ชินเลยแหะกับการที่มีใครมาทำอะไรให้แบบนี้ พอรู้สึกตัวก็ค่อยลงจากเตียงกลิ่นหอมของอาหารตรงหน้าทำให้ท้องร้องทันที

“อร่อยยย ขอบคุณนะ” ขอบคุณเสร็จผมรีบจ้วงเข้าปากไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ด้วย อาหารที่ซื้อมาถูกใจผมมากเลยล่ะ

“โอ๊ยอิ่ม เฮ้ย ไม่ต้องเดี๋ยวฉันทำเอง” ผมที่นั่งอืดอยู่รีบห้ามไอ้คนเนียนที่กำลังจะเก็บจานแค่ซื้อแค่เตรียมให้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว

“ไม่เป็นไรครับ”

“หยุด!!! ถ้าไม่ฟังก็กลับไปเลย” ได้ผลครับมันยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมเก็บจานชามไปไว้มองนาฬิกาก็เห็นว่าจะได้เวลาทำงานผมแล้วผมเลยวางจานชามไว้

“นี่จะไปทำงานเหรอ”

“ใช่”

“ผมว่าสตางค์ควรพักนะ”

“เฮ้ยแค่นี้ไม่เป็นไรเมื่อกี้ก็ได้นอนพักแล้ว” ผมแค่..รู้สึกสบายมากไปเลยหลับไปแค่นั้นเอ๊ง

“งั้นผมจ้างสตางค์หยุดครับ”

“ห๊ะ”

“เอาจริงครับ จนกว่าจะทำงานด้วยกันผมจ้างให้สตางค์หยุด” มองแววตาจริงจังของมันแล้วก็รู้เลยว่ามันเอาจริง จ้างหยุดทำงานนี่นะ ไม่ใช่มันทำไม่ได้นะ

“หยุดก็ได้แต่ไม่ต้องจ้างหรอก แล้วนี่จะกลับเมื่อไหร่” อีกไม่กี่นาทีก็สองทุ่มแล้วคงต้องโทรบอกพี่น้ำก่อนยังดีที่พี่น้ำจัดกะให้พนักงานอีกคนมาช่วยก่อนเพราะผมจะออก

“ขอบคุณครับพี่น้ำผมขอโทษด้วยนะครับ” พี่น้ำไม่ได้ว่าอะไรถ้าหากผมจะขอลาตั้งแต่วันนี้เพราะจริงๆ พี่แกก็บอกให้ผมหยุดตั้งแต่สองวันที่แล้วจากสภาพซอมบี้ของเขา

“งั้นผมกลับนะครับ”

“ขอบคุณมากเลยนะวันนี้และก็ขอโทษด้วย” ผมบอกคนที่ยังยืนอยู่หน้าประตูไม่รอฟังคำตอบอะไรก็ปิดประตูใส่ทันที

แปลก

แปลกจริงๆ

ไอ้หมอนั่นเหรอ

เปล่า ผมนี่ล่ะแปลก!!!
********************************************

สตางค์ลูก ลูกยังไม่แปลกลูก ไอ้คนที่แปลกมีคนเดียวในเรื่องเท่านั้นล่ะ

ฮ่าๆๆ อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ยังไม่ได้เช็คคำผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ 




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Pleasing scent ตอนที่ 5 10/10/2561
«ตอบ #22 เมื่อ10-10-2018 21:13:22 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 5 10/10/2561
«ตอบ #23 เมื่อ10-10-2018 23:29:43 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: Pleasing scent ตอนที่ 5 10/10/2561
«ตอบ #24 เมื่อ10-10-2018 23:58:59 »

แหม่ะ ! เจออกแน่นๆแล้วหลับปุ้ย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 5 10/10/2561
«ตอบ #25 เมื่อ11-10-2018 01:08:13 »

หลับง่ายเลยทีนี้ 555555555555

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 5 10/10/2561
«ตอบ #26 เมื่อ11-10-2018 16:34:01 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 6 21/10/2561
«ตอบ #27 เมื่อ21-10-2018 16:45:02 »

6

วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมจะได้เริ่มงานกับไอ้โรคจิตที่ตอนนี้ไม่ได้มาหาหลังจากวันนั้นมีแต่ข้อความที่บอกว่าจะส่งคนมารับในวันนี้ อ่า ตื่นเต้นจังแหะ ผมเปิดตู้เสื้อผ้ามองอยู่นานแต่ก็ไม่รู้ว่าจะใส่อะไรไปดีเพราะเสื้อผ้าส่วนมากก็เป็นเสื้อธรรมดาที่ไว้ใส่ในห้องเพราะทำงานปกติก็มียูนิฟอร์มให้เลยไม่ได้ลำบาก ไอ้ชุดไปเที่ยวมันก็มีแต่รอยขาดตรงกางเกงที่ไอ้อิฐมันชอบว่าเวลาที่ผมใส่กางเกงตัวนี้ไปเที่ยว มันบอกว่านึกว่าเอาผ้าขี้ริ้วมาใส่ แม่งดูถูกกางเกงตัวเก่งกู

“ใส่ชุดนักศึกษาก็ได้วะ” ดูสุภาพและเป็นทางการที่สุดละ ผมรีบแต่งตัวเพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลานัด เช็คความเรียบร้อยก่อนที่จะรีบออกจากห้องล็อกแน่นหนาเดินลงไปรอคนมารับ และพอถึงเวลานัดรถคันที่เคยมารับก็มาจอดตรงหน้าผมเปิดประตูด้านที่นั่งข้างคนขับ

“สวัสดีครับพี่”

“เรียบร้อยนะครับ” ผมพยักหน้าให้พี่ที่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถามชื่อ

“ผมถามได้ไหมครับว่าผมต้องไปทำงานที่ไหน” เพราะที่เซ็นตอนนั้นมันไม่ได้บอกสถานที่ทำงานผมก็คิดไปว่าคงทำที่บริษัทแต่เมื่อคิดดีๆ ถึงไอ้อาการประหลาดๆ ของนายจ้างก็คิดได้ว่าคนอย่างหมอนั่นคงออกไปเจอใครไม่ได้

“เรื่องนี้พี่ก็ไม่รู้ครับ”

“โถ่ นึกว่าจะรู้ซะอีก ว่าแต่พี่ชื่ออะไรอ่ะ” เพราะไม่รู้ว่าต้องนั่งรถไปนานแค่ไหนตีสนิทไว้คงไม่เสียหาย

“อ้อพี่ชื่อกานต์นะ ทำงานด้วยกันนานๆ ล่ะ” ผมยิ้มรับเขาก็อยากทำงานให้นานเหมือนกันเพราะมันมั่นคงและได้เงินดีด้วย ผมนั่งถามอะไรหลายเรื่องทั้งเรื่องเจ้านายคนใหม่และก็ไอ้นิสัยประหลาดๆ ของมันด้วยแต่พี่กานต์ก็ไม่ยอมแง้มบอกเลยสักนิด คุยจนมาจอดที่หน้าประตูใหญ่ไม่ใช่ใหญ่แค่ประตูนะรั้วแม่งก็โคตรสูงขนาดรั้วบ้านยังใหญ่โตขนาดนี้แล้วบ้านจะขนาดไหน กานต์หลุดขำกับท่าทางตกใจสีหน้าประหลาดๆ ของเด็กคนนี้

ประตูรั้วเลื่อนออกรถค่อยเคลื่อนเข้าไปจากที่คิดไว้ว่าบ้านคงจะหลังใหญ่มากแต่เอาเข้าจริงๆ กลับเป็นบ้านที่ขนาดกลางสไตล์โมเดิลแต่ที่ใหญ่คือสวนพอรถจอดผมก็ไม่อยากลงจากรถเลยทีเดียวเกร็งไปหมดแล้ว

“ลงมาเถอะครับคุณไตเติ้ลรออยู่ข้างในแล้วครับ”

“คะ..ครับ” ผมรีบลงจากรถเดินตัวลีบตามพี่กานต์เข้าไปในบ้าน ก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้เข้ามาทำงานในบ้านนึกว่าจะเป็นที่ทำงานส่วนตัว ไอ้อิฐกูเกร็งงงง

“อ่าวกานต์มาแล้วเหรอจ๊ะ”

“ครับคุณผู้หญิง นี่สตางค์ครับคนช่วยงานของคุณไตเติ้ล” พี่กานต์แนะนำผมให้กับผู้หญิงสูงวัยตรงหน้าที่มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ตลอดเวลาที่มองหน้าเขา

“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ทันที

“หนูน่ารักจังเลยนะ ขอบใจมากๆ นะจ๊ะที่ยอมมาช่วยงานลูกน้า” ผมรู้สึกประหลาดใจกับรอยยิ้มเศร้าของคนตรงหน้า

“ไม่ใช่หรอกครับผมต่างหากที่ต้องขอบคุณอะ...ไตเติ้ล” ยังดีที่รีบกลับคำทันเกือบแล้วเกือบหลุดคำที่ใช้กับมันบ่อยๆ

“งั้นขึ้นไปหาเติ้ลเถอะจ๊ะ คงรอนานแล้ว” ผมยกมือไหว้อีกครั้งแล้วเดินตามพี่กานต์ขึ้นไปชั้นสองพี่กานต์เคาะเบาๆ ที่หน้าประตูสองครั้ง รอสักพักก็ได้ยินเสียงปลดล็อกประตูเจ้านายคนใหม่ก็โผล่ออกมา

“มาแล้วเหรอครับสตางค์” น้ำเสียงดีใจของเจ้าตัวยังไม่ชัดเท่ากับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า นี่ดีใจอะไรขนาดนั้นกัน พี่กานต์ที่พอไตเติ้ลมาเปิดประตูเจ้าตัวก็เดินลงไปข้างล่าง

“อือ จะให้ทำงานที่นี่เหรอ”

“ใช่ครับ เข้ามาสิครับ” ไตเติ้ลเปิดประตูห้องออกกว้างทำให้เห็นภายในห้องแต่ผมกลับไม่มั่นใจที่จะเข้าไป อยู่ภายในห้องด้วยกันสองคนมันจะทำอะไรแปลกๆ เขาไหม ผมรีบไล่ความคิดบ้าๆ ของตัวเองก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องกว้าง ไม่สิต้องบอกว่าโคตรกว้าง กว้างชิบหาย แต่ภายในห้องไม่ได้มีอะไรตกแต่งมากมายแถมยังคุมโทนขาวดำอีก ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่กลางห้อง

“สตางค์นั่งตรงนี้นะครับเดี๋ยวผมจะเอางานมาให้” ผมเดินไปนั่งที่โซฟากว้างที่หมอนั่นชี้ อือหืออออขนาดโซฟาแม่งยังนุ่ม ข้าวของแต่ละอย่างมันช่างดูมีราคามากจนไม่กล้าขยับ

“นี่งานสตางค์นะครับ โน๊ตบุ๊คสตางค์ก็ใช้ได้เลยนะครับ”

“อือ จะให้เราทำอะไรเหรอ” บอกตามตรงไม่กล้าพูดคำหยาบกับมันแล้วครับ

“นี่เป็นเอกสารที่ผมอยากสตางค์สรุปให้ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามผมได้เลยนะครับ” แฟ้มเอกสารหนาที่วางอยู่ตรงหน้า นี่ผมจะใช้เวลาเท่าไหร่กัน เอาเถอะต้องลองดู ไตเติ้ลลุกไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดแฟ้มค่อยๆ อ่านไปทีละหน้ายังดีที่บางส่วนก็ถูกสรุปไว้บ้างแล้ว นั่งตรงโซฟาแล้วก้มไม่ลงไปพิมพ์ไม่ถนัดผมเลยนั่งลงกับพื้นพรมค่อยๆ สรุปไปที่ละอัน

“สตางค์ครับเที่ยงแล้วพักทานข้าวกันครับ”

“อ่าวเที่ยงแล้วเหรอ” เพราะทำงานเพลิน

“ครับลงไปทานข้าวกัน”

“ข้างล่างเหรอ”

“ครับ” ไตเติ้ลบอกก่อนที่จะหยิบเอาแมสมาสวมนี่ขนาดในบ้านยังต้องใส่แมสอีกเหรอ ผมมองด้วยความสงสัย

“ทำไมถึงต้องใส่แมสด้วยอ่ะ” ต้องโทษความปากไวของผมครับที่พอคิดก็ถามออกไป

“เอ่อ เพราะกลิ่นนะครับ”

“กลิ่นอย่างที่นายพูดตอนเจอกันแรกๆ นะเหรอ” ผมลุกเดินตามไตเติ้ลที่สวมแมสลงไปข้างล่าง

“ใช่ครับ”

“แต่นี่มันบ้านนายไม่น่าจะต้องใส่นะ”

“มันไม่ใช่กลิ่นอย่างที่สตางค์เข้าใจหรอกนะครับ” อ่าวแล้วมันต่างกันตรงไหนวะ พอถามเจ้าตัวก็ไม่ยอมอธิบายอะไรอีก พอแม่บ้านตั้งโต๊ะเสร็จก็ออกไปจากห้องไตเติ้ลถึงยอมปลดแมสออก แปลกคนจริงๆ

“อร่อยอ่ะ” ผมว่าการมาทำงานกับไตเติ้ลมีข้อดีอีกอย่างแล้ว อาหารที่ป้าแม่บ้านทำอร่อยมากเลยล่ะ

“ทานเยอะๆ นะครับ พรุ่งนี้สตางค์ว่างช่วงบ่ายก็ค่อยเข้ามานะครับเดี๋ยวผมให้คนไปรับ”

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวมาเองจำทางได้แล้ว” ผมรีบบอกปัดจะไปรับทำไมให้วุ่นวาย พอมันจะอ้าปากพูดผมก็ห้ามมันไว้ก่อนยืนคำขาดมันไปเลย

“ไม่ต้องเลยนะเดี๋ยวมาเองฟังกันบ้าง” จะมาเซอร์วิสอะไรกันมากมายมันสบายซะจนผมกลัวว่าจะเคยตัว

“ก็ได้ครับ” หลังจากตกลงก็ก้มหน้าก้มตาทานเงียบๆ กินเสร็จก็ขึ้นไปทำงานต่อ ผมแอบมองด้านหลังของคนที่ตอนแรกถูกผมตราหน้าว่าเป็นโรคจิตแต่พอดูตอนนี้กลับดูจริงจังและเก่งมากดูจากงานที่ผมได้ดูจากเอกสารนี่สิ กว่าเขาจะเข้าใจต้องใช้เวลาตั้งนานแต่หมอนี่กลับทำงานได้อย่างรวดเร็ว ผมล่ะทึ่ง พอถึงเวลาเลิกงานมันก็ให้พี่กานต์ไปส่งผมที่หอ หลังจากอาบน้ำเตรียมตัวพักผมก็รู้สึกไม่ชิน

“ว่างชะมัด” เพราะเคยชินกับการทำงานหนักตลอดเวลาพอได้ทำงานเบาแล้วเลิกเร็วเขาไม่ชินเลยจริงๆ นอนกลิ้งเล่นไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“ว่าไงไอ้อิฐ”

“ (ไงทำงานวันแรก) ” ผมยิ้มกว้างแล้วสาธยายงานวันนี้ให้มันฟัง

“นี่เว้ยแม่งโคตรเก่งเลยวะไม่นึกเลยว่ามันจะอายุเท่ากู” ผมเล่าอย่างสนุกปากเอ่ยชมเจ้านายคนใหม่อย่างไม่รู้ตัว

“ (แหม เจ้านายมึงนี่ดีจังนะ) ” น้ำเสียงกระแนะกระแหนได้น่าโบกหัวมากเลยไอ้อิฐ

“เออเจ้านายกูใจดี” อันนี้เรื่องจริงครับไม่เถียงฮ่าๆ

“ (ไหนไอ้คนที่ด่ามันวะ หายไปไหนแล้ว) ”

“ไหนไอ้คนไหน อู้ยย มันวิ่งไปโน้นแล้ว”

“ (มึงเป็นคนหรือกิ้งก่าวะ) ” คำด่าแค่นี้จิ๊บๆ ไม่ได้ทำให้ทะลุรูขุมขนผมด้วยซ้ำ

“โถไอ้สัตว์เลื้อยคลาน ยังมีหน้ามาด่ากู” คบกันมาจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วด่ากันแค่นี้ยังเบาๆ ด้วยซ้ำ

“ (มึงว่างใช่ไหมออกมาหาอะไรกินกัน หมูกระทะร้านเจ๊ป่ะ) ”

“เออดีๆ มารับกูด้วยนะเว้ย” หลังวางสายผมรีบลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า รอให้ไอ้อิฐมารับ ไม่นานไอ้อิฐก็ขับมอไซค์มารับไอ้นี่มันเศรษฐีแต่ชอบทำตัวยาจกครับ ทั้งที่มันมีปัญญาซื้อคันหรูๆ ขี่แต่มันก็ดันขับเวฟร้อยเก่าๆ ตะลอนๆ ทั่วมอจนสาวๆ ที่อยากจะเข้ามาหาต้องถอยไปเอง พอถามเหตุผลมัน

“ก็ดีป่ะวะ รถมันขี่ได้กูก็ขี่ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นอีกอย่างถ้าแค่นี้รับไม่ได้ก็แสดงว่าไม่ได้รักกูชอบกูในแบบที่กูเป็น” ลุกขึ้นตบมือให้มันเลยครับ โคตรหล่อ โคตรพระเอก บางครั้งมันก็มีมุมผู้ใหญ่แบบนี้ล่ะครับ

“อ่ะมึงกินเยอะๆ พรุ่งนี้มึงจะไปทำงานยังไง”

“ว่าจะนั่งรถเมล์ไปอ่ะ มีผ่านปากซอยอยู่” ผมจำรถเมล์ที่ผ่านหน้าปากซอยทางเข้าบ้านไตเติ้ลได้อยู่

“เหอะๆ เป็นไงวะบ้านมัน”

“ไม่รู้วะ บ้านก็หลังใหญ่แต่เหมือนมันอยู่คนเดียวอ่ะ” ผมตอบมันพร้อมกับคีบหมูขึ้นย่าง ถึงใครจะบอกว่ากินเยอะแม่งก่อให้เกิดมะเร็ง ช่างมันแม่งอร่อยซะอย่าง

“เหรอ ว่างๆ ก็ชวนมันออกมาข้างนอกบ้างสิ”

“โหย มึงเห็นมันไหม กูว่าคงไม่มีทางออกมาหรอก” ผมบอกได้เลย ดูจากการที่แม่มันดีใจเมื่อเห็นผมเข้าไปทำงานในบ้าน

“เออว่ะ” มันพยักหน้าเห็นด้วย กินเสร็จผมก็ส่งเงินให้ไอ้อิฐไปจ่าย แล้วขึ้นไปซ้อนท้ายรถเวฟลูกรักของมันกลับหอ

“เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”

“อือ” โบกมือลาแล้วขึ้นห้อง ก่อนที่จะอาบน้ำล้างกลิ่นควันแล้วค่อยปีนขึ้นเตียงล้มตัวลงนอน

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังลั่นห้องทำให้ร่างที่กำลังหลับฝันดีสะดุ้งตื่นจนเกือบตกเตียง ใบหน้ายับเป็นรอยหมอนครึ่งซีกหัวฟูๆ ที่คงยังฟูไม่พอยังยกมือขึ้นขยี้ให้ฟูฟ่องเป็นแผงคอสิงโต นั่งเหม่อเหมือนวิญญาณยังไม่เข้าร่างไปสิบนาทีกว่าจะรู้ตัววิ่งเข้าห้องน้ำเตรียมไปเรียน

“ไงมึง” ผมที่วันนี้นอนหลับเต็มอิ่มเลยมาทันก่อนเข้าเรียน ปกตินี่ต้องแอบเข้ามาในห้องเรียนด้วยซ้ำ

“โอ้คุณชายสายเสมอมาเรียนทันด้วย”

“นอนหลับเต็มอิ่มด้วย” อาจจะเพราะใบหน้าที่ดูร่าเริงเพราะไม่ต้องอดหลับอดนอนทำงานเกือบเช้า

“ดีแล้วล่ะ” ว่าจะคุยกันต่อแต่อาจารย์ก็เข้ามาเสียก่อน คาบนี้เป็นวิชาภาษาอังกฤษวิชาที่ผมไม่ถนัดเลยสักนิดเลยต้องตั้งใจฟัง

ใครบอกว่าตั้งใจแล้วจะเข้าใจวะ

โอ๊ยยย แกรมมงแกรมม่านรกอะไรเนี้ย อยากจะบ้าตาย ไอ้อิฐที่เห็นผมจะเป็นจะตายกลับชอบใจ อยากจะขอให้มันติวนะแต่ให้มันติวก็เปิดประตูสู่นรกแน่ๆ ปกติมันบ่นเหมือนพ่อใช่ไหม ตอนมันติวก็เอาคูณ10เท่าไปเลย

“จะกินข้าวก่อนไหม” ผมยกนาฬิกาขึ้นดู

“ไม่ล่ะเดี๋ยวเข้าไปทำงานเลย” ไอ้อิฐเลยขับรถไปส่งขึ้นรถเมล์ ผมนั่งรถเมล์จนมาถึงหน้าปากซอย กวาดสายตามองแต่หน้าปากซอยนี้มันไม่มีวิน!!

พระเจ้า

นี่เขาต้องเดินเข้าไปเหรอ ผมที่กำลังยืนเคว้งตัดสินใจไม่ถูก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพอยกขึ้นมาดูก็เห็นชื่อเป็นไตเติ้ล

“ไง”

“ (ถึงแล้วใช่ไหมครับ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าปากซอยไม่มีวินผมเลยจะส่งคนไปรับนะครับ) ”

“ขอบคุณมากเลย” บางครั้งการที่หมอนั่นรอบคอบก็เป็นเรื่องดีผมยืนรอไม่นานรถเจ้าประจำก็มาจอดผมรีบกระโดดขึ้นรถหนีอากาศร้อน

“สวัสดีครับพี่กานต์”

“กำลังคิดว่าจะปล่อยให้เดินเข้าไปเองอยู่เลย”

“โถผมได้ไหม้ละลายก่อนนะสิ” ผมตอบไปขำๆ อากาศประเทศไทยเดินตากเกิน 10 นาทีได้ไหม้แน่ๆ พอถึงบ้านพี่กานต์ก็เดินหนีปล่อยให้ผมเดินเข้าบ้านเอง จะไว้ใจกันเกินไปไหมบ้านนี้ พอเข้าบ้านแม่บ้านก็เพียงเงยหน้าส่งยิ้มผม

ก๊อกๆ

“เข้ามาเลยครับสตางค์” เสียงร้องบอกออกมา ทั้งๆ ที่ปกติจะล็อกห้องไว้ผมเปิดประตูเข้าไป

“ไอ้โรคจิต!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
************************************************

คำเดิมกลับมาอีกแล้วค่ะ 

สงสารน้องฮ่าๆๆๆ 

อ่านแล้วเป็นไงก็บอกด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 6 21/10/2561
«ตอบ #28 เมื่อ21-10-2018 18:24:02 »

ไอ้โรคจิตอีกแล้ว 55555555
เติ้ลเปิดประตูสภาพไหนเนี่ย

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 7 5/11/2561
«ตอบ #29 เมื่อ05-11-2018 14:35:35 »

7.

ฮืออออออออออออออ

พ่อครับแม่ครับ ตาลูกมีมลทินแล้ว อยากจะได้น้ำมนต์มาล้างตาชะมัดถึงแม้มันจะไม่ได้เห็นคาตาก็เหอะแต่แค่นี้ก็ทำเอาผมไม่กล้ามองหน้าเลย อยากรู้ให้ไหมว่าผมเห็นอะไร ก็ตอนเปิดประตูเข้ามา ไอ้หมอนี่ก็อยู่ในสภาพเสื้อไม่ใส่ส่วนข้างล่างก็มีเพียงผ้าขนหนูคาดเอว ผมจะไม่ร้องเลยถ้าไม่เห็นเศษซากที่บ่งบอกว่ามันไม่ได้ใส่อะไรไว้เลย

ทั้งๆ ที่ต้องรู้ว่าผมต้องเข้ามาแล้วทำไมถึงไม่แต่งตัวให้มันเรียบร้อยนะ

“เอ่อ...นี่งานวันนี้นะครับ”

หงึกๆ

ผมพยักหน้าแต่ก็ไม่ยอมหันไปมองคนที่ส่งงานให้ ไอ้บรรยากาศประดักประเดิดนี่มันอะไรกัน แต่เมื่อได้รับงานผมก็หันมาโฟกัสกับงานพยายามลบภาพนั้นในหัว

ไหนว่าไม่ค่อยออกไปไหนทำไมหุ่นมันดีจังวะ

ไอ้สตางค์ไหนว่าจะไม่คิดวะ เพราะมัวแต่ทะเลาะกับตัวเองเลยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตกอยู่ใต้สายตาของใครอีกคนในห้อง ไตเติ้ลมองคนที่เดี๋ยวก็น่าแดง เดี๋ยวก็ส่ายหัว ทำหน้าตาน่ารักจนเขาอดไม่ได้ที่จะต้องหันไปมองบ่อยๆ แต่ถ้าทำอย่างนั้นงานเขาคงไม่เดิน

ทำงานกันต่างฝ่ายต่างเงียบจนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันเย็นค่ำแล้ว ผมรีบเซฟงานปิดคอมพับงานที่ทำค้างไว้ ผมเพราะต้องรีบกลับงานวิชาภาษาอังกฤษวันนี้ผมแทบจะอยากลาไปเกิดใหม่ที่เมืองนอกเผือจะได้เข้าใจความหมายมันมากกว่านี้ จะให้เขาทำอย่างอื่นก็ได้นะแต่กับภาษาอังกฤษนี่ไม่ไหวจริงๆ ถ้าไม่ได้ไอ้อิฐคอยติวให้ก่อนสอบไม่อย่างนั้นคงได้ตายตั้งแต่ปีหนึ่ง

“รีบเหรอครับ”

“อือพอดีต้องไปทบทวนบทเรียนนะ พอดีวิชานี้ไม่ค่อยเข้าใจ” แม้จะเกรงใจที่ช่วยงานได้ไม่เต็มที่แต่คิวซวันศุกร์นี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน

“วิชาอะไรเหรอ”

“อังกฤษ”

“ให้ผมช่วยไหม” ผมหรี่ตามองไอ้คนที่อยู่ติดบ้านถึงจะเห็นเอกสารภาษาอังกฤษที่อยู่บนโต๊ะมันก็เถอะแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเก่งสักหน่อย

“ช่วยได้จริงๆ เหรอ” ผมพูดเสียงสูงไม่ได้จะปรามาสหรืออะไรหรอกนะแต่ไม่เชื่อจริงๆ ว่าหมอนี่จะติวให้ได้

“ให้ผมลองดูก่อนสิครับ” ไตเติ้ลลุกขึ้นมานั่งที่โซฟาข้างๆ ผมเลยส่งชีทวิชาให้ มันรับไปเปิดดูคร่าวๆ แล้วถามว่าผมไม่เข้าใจตรงไหน

“ทุกตรงนั่นล่ะจะเรียนไปทำไมก็ไม่รู้” ผมบ่นอุบอิบ

“งั้นลงไปทานข้าวก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะช่วย” เมื่อยืนยันที่จะช่วย ผมเลยพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเอาจริงๆ ก็หิวด้วยล่ะนะ เดินตามหลังเจ้าของบ้านไปด้านล่างพอดีกับแม่บ้านกำลังตั้งโต๊ะ และคุณแม่ที่กำลังทำกับข้าวในครัว

“ลงมาแล้วเหรอคะ แม่ทำอาหารไว้เยอะเลย”

“ขอบคุณครับ” ผมรู้สึกเกรงใจคุณแม่ของไอ้ไตเติ้ลมากเลยครับแค่มาทำงานแต่คุณแม่เลี้ยงดูปูเสื่อผมดีมากทั้งขนมนมเนยไม่ขาดแถมยังชวนผมทานมื้อเย็นด้วยตลอด ผมแทบไม่ได้เสียค่าอาหารเย็นเลย

“ไม่เป็นไรจ๊ะ เดี๋ยววันนี้คุณพ่อก็จะมากินข้าวด้วยนะคะ” ไตเติ้ลไม่พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าจนผมอยากจะตีมันสักที

“ลงมากันแล้วเหรอ” ผมที่กำลังจะกระซิบถามเรื่องพ่อ แต่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ผู้ชายสูงวัยแต่ดูท่าทางภูมิฐานแถมยังดูดีมากเล่นเอาผมมองตาค้าง

“อือ เล่นไรเนี้ยปล่อยเลยนะ” ผมร้องประท้วงเมื่อจู่ๆ ก็โดนปิดตาจากคนนั่งข้างๆ

“เลิกมองพ่อได้แล้ว” น้ำเสียงติดจะห้วนทำให้ผมขมวดคิ้ว เป็นบ้าอะไรของมันอีกล่ะเนี้ยะ

“ปล่อยๆ ไม่ปล่อยจะไม่ให้ติวให้แล้วนะ” พอพูดจบมันก็ปล่อยผมทันทีแต่ก็ยังไปมองค้อนพ่อตัวเองอีก

“หึๆ อะไรของแกไตเติ้ล”

“เปล่าครับ” ท่าทางสะบัดสะบิ้งงอแงจนผมหลุดขำ หมอนี่ท่าทางเป็นเด็กๆ

“พอค่ะพอทานข้าวกันค่ะ อายน้องสตางค์บ้าง” ผมได้แต่ยิ้มจางๆ ให้คุณแม่ทุกคนประจำที่มือเย็นพร้อมกับครอบครัวที่ผมไม่ได้พบเจอมานาน มันรู้สึกแปลกๆ ยิ่งคุณแม่ตักกับข้าวให้คอยถามว่าถูกปากไหมชอบรึเปล่าทำให้ผมคิดถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวยังอยู่พร้อมหน้า อาจจะเพราะผมเงียบไปคนที่นั่งข้างๆ เลยรู้สึกได้ถึงอาการเปลี่ยนไปถึงได้เอื้อมมือมาแตะมือเขาเบาๆ

“อ๊ะ”

“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

“ปะ..เปล่าครับ” ผมรีบปฏิเสธแล้วก้มลงกินข้าวต่ออารมณ์มืดมนก่อนหน้านี้หายวับไปเรียบร้อย ผมเลยตักชิ้นปลาหมึกใส่จานคนข้างๆ อะไรผมไม่ได้คิดอะไรนะแค่อยากตอบแทนเฉยๆ จริงๆ นะเชื่อผมสิ

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จช่วงเวลานรกของผมก็มาถึงผมนั่งลงกับพื้นอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวส่วนคนติวก็นั่งอ่านเลคเชอร์ที่ผมจดกับชีทที่ส่งให้ เงียบอยู่นานครูจำเป็นก็เงยหน้าขึ้น

“สตางค์ไม่เข้าใจเรื่องไวยากรณ์สินะครับ”

หงึกๆ ผมพยักหน้ารับไวยากรณ์เป็นอะไรที่ผมเกลียดมากเลยครับโดยเฉพาะไอ้กริยาสามช่องเนี้ยะ ทั้งคำศัพท์มากมายอีก ไตเติ้ลไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแต่ลุกขึ้นไปที่โต๊ะทำงานเปิดลิ้นชักค้นอะไรอยู่สักพักแล้วเอาสมุดคำศัพท์แบบที่ไว้ท่องศัพท์มาให้ผม

“สตางค์เอาตัวนี้ไปท่องนะครับ ส่วนวันนี้ผมจะติวเรื่องที่สตางค์เรียนในวันนี้”

“อือ ขอบคุณนะ” ผมยกยิ้มจนตาหยี ถึงมันจะโรคจิตไปหน่อยแต่ก็เป็นคนดีทีเดียวเลยล่ะ เอาเถอะจะให้เขามานั่งด้วยหรือจะบอกว่าได้กลิ่นแล้วสบายใจก็เอาเถอะจะยอมๆ ให้

“อันนี้อย่างนี้นะ” และผมก็ต้องกราบความอดทนของมันที่ยอมสอนคนโง่อิ้งค์ให้เข้าใจได้ ถ้าให้ไอ้อิฐติวให้นะป่านนี้มันกินหัวผมไปแล้ว สองชั่วโมงแห่งการเปิดโลกใหม่ ผมเข้าใจเนื้อหาที่มันติวให้แต่มันก็แทบสูบพลังงานเขาไปจนหมด

“ดึกแล้วสตางค์นอนที่นี่ก็ได้นะ”

“เฮ้ยๆ ไม่เป็นไรแค่สามทุ่มเองดึกตรงไหน” ผมแย้งแค่สามทุ่มมันจะดึกตรงไหนกัน ดึกผมต้องโน้นเที่ยงคืน

“งั้นไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้คนไปส่งนะ” เพราะรู้ว่าปฏิเสธไปก็ลำบากตัวเองเปล่าๆ แถมมันคงไม่ยอมให้ผมกลับเองแน่ๆ เลยพยักหน้า

“ขอบคุณนะ พรุ่งนี้จะเข้ามาแต่เช้าเพราะไม่มีเรียน”

“ครับ ผมจะรอ” ทำไมรู้สึกแปลกๆ กับคำนี้นะ แล้วอย่ามาทำเสียงนุ่มใส่เขาด้วยสิ มันรู้สึกจักกะจี้แฮะ เพราะรู้สึกแปลกๆ เลยเออออส่งๆ ไปแล้วออกจากห้องพอลงมาพี่กานต์ก็เอารถมาจอดรออยู่แล้ว

“ขอบคุณนะครับพี่กานต์” ผมยกมือไหว้พี่กานต์ก่อนที่จะเดินเข้าหอหลังจากทำธุระเสร็จผมก็ขึ้นมานอนกลิ้งบนเตียงในหัวคิดถึงเรื่องนายจ้างคนใหม่

ไตเติ้ลมันเป็นคนแปลก.....แต่ก็ใจดี

เป็นคนที่รวยมากกกก....แต่ก็เหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจ

ชอบทำตัวโรคจิตโดยการมาอยู่ใกล้ๆ เขา

อืม มันยังช่วยผมตอนที่ลำบาก งั้นผมจะไม่ว่ามันเป็นโรคจิตก็ได้

.

. หลังจากคนกลิ่นหอมกลับบ้านไปร่างสูงก็ยังคงไม่ได้นอนเพราะมัวคิดถึงแต่ตอนเย็นที่ดูเหมือนสตางค์จะดูเป็นมิตรมากขึ้นแม้ก่อนหน้านั้นเขาดันเผลอทำตัวแบบที่สตางค์ว่าผมโรคจิตใส่อีก ตอนนั้นผมขอแก้ข่าวนะครับเพราะตอนสตางค์มาผมดันเผลอทำน้ำหกใส่ตัวเองเลยเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้นตามความเคยชินเลยโดนตราหน้าว่าโรคจิตอีกแล้ว เขาก็เพิ่งรู้ว่าสตางค์อ่อนอังกฤษทั้งๆ งาที่ช่วยเขาทำก็ทำได้ดี พอได้ติวให้ผมก็รู้สึกเหมือนได้เข้าใกล้เข้าไปอีกนิด ยิ่งอยู่ใกล้ผมยิ่งรู้สึกดี

ก๊อกๆ

“เข้ามาเลยครับ” เพราะหลังจากที่สตางค์มาทำงานด้วยห้องของผมก็ไม่ได้ล็อกตลอดเวลาเหมือนอย่างที่ผ่านมา

“แม่เข้ามาถามพรุ่งนี้ลูกอยากทานอะไรไหม”

“เอาอาหารทะเลได้ไหมครับ สตางค์คงชอบ” เพราะสังเกตว่ามื้อเย็นนั้นสตางค์ตักปลากหมึกและกุ้งบ่อยๆ คงจะชอบ คนเป็นแม่ได้แต่ลอบอมยิ้มเดี๋ยวนี้ลูกชายเธอร่าเริงแถมยังไม่ได้ปิดกั้นตัวเองอีกต่อไป ต้องขอบคุณหนูสตางค์สินะ

“ได้จ๊ะเดี๋ยวแม่จะเตรียมไว้ให้ ว่าแต่หนูสตางค์น่ารักดีนะคะ” ร่างสูงขยับมานั่งที่โซฟากับมารดา กลิ่นที่เคยอึดอัดกดดันแน่นกลับเจือจางลง

“ครับ ทั้งน่ารักและขยันมากเลยครับ” พอได้พูดถึงสตางค์ก็เหมือนจะมีออร่ามีความสุขแผ่ออกมานี่ขนาดเจ้าตัวไม่อยู่นะ ยังทำให้ลูกชายเธออารมณ์ดีได้

“ถ้าหนูสตางค์เรียนจบแม่ว่าให้มาทำงานช่วยลูกดีไหมคะ” พอได้ยินตาคมภายใต้ผมยาวนั้นเบิกกว้างแล้วรีบพยักหน้าเห็นด้วย เพราะคิดไว้แล้วว่าจะชวนให้สตางค์มาเป็นผู้ช่วยเขาแต่ก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

“ผมก็อยากทำแบบนั้นครับแต่ก็คงต้องคุยกับสตางค์ดูก่อน”

“แม่ดีใจที่เห็นลูกเปลี่ยนไปนะคะ” ผมที่กำลังคิดหาทางชวนให้สตางค์ทำงานกับเขาก็หยุดชะงัก ทั้งแววตาและรอยยิ้มของมารดาทำให้เขารู้สึกละอายใจ

“ผมขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรลูก สตางค์ทำให้ลูกดีขึ้นใช่ไหมค่ะ”

“ครับ สตางค์ทำให้ผมไม่ได้กลิ่นแย่ๆ ที่ชวนเวียนหัวขอเพียงมีสตางค์อยู่ใกล้ๆ แค่นั้นก็พอครับ” พอพูดออกไปก็รู้สึกอายเมื่อที่พูดไปความหมายมันดูยังไงๆ ก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นความจริงที่เขาอยากให้สตางค์อยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา

“จ๊ะ แม่ไปล่ะ ฝันดีนะคะลูกรัก”

ฟอด

“ฝันดีเหมือนกันครับแม่” ผมลุกเดินไปส่งแม่ที่หน้าประตูพอปิดประตูล็อกเรียบร้อยก็กลับมานั่งย่อจดชีทที่จะเอาให้สตางค์อ่านเพื่อที่จะเข้าใจได้ง่ายกว่าชีทของอาจารย์ กว่าจะจบก็ครึ่งค่อนคืนแล้วเขาค่อยเดินไปนอน

*******************************************************

ตอนนี้ก็จะเรื่อยๆ ช่วงนี้กลับมาปั่นอย่างจริงจังแล้วนะคะ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ปล.สามารถติดตามข่าวสารและคนเขียนพร่ำเพ้อที่เพจน่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด