Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 22 50 เปอร์ 29/12/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 22 50 เปอร์ 29/12/2561  (อ่าน 10810 ครั้ง)

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



***********************************************************************************



เด็กหนุ่มผู้มีแผลในใจกับคนที่หวังเพียงแค่ผลประโยชน์จากความสามารถ หากแต่คนที่เข้ามากลับเป็นคนที่รักษาแผลลึกในใจได้ แม้สมองสั่งว่าห้ามคิดไปไกลเพราะสถานะของทั้งสองคนนั้นแทบไม่ใช่เส้นทางที่จะมาบรรจบกันได้







ปล.เรื่องนี้เคยแต่งทิ้งไว้ประมาณสามสี่ตอนเมื่อปีที่แล้วนะคะ ต้องได้เขียนพล็อตใหม่เลยเพิ่งมาแต่งต่อ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ





ผลงานที่แล้วมา
Love Diary รักที่แอบมอง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54878.0
ไร่สายลม
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59812.0

Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66116.msg3785385#msg3785385
 และอีกสองเรื่องไม่ได้ลงในเล้านะคะ
สามารถเข้าไปติดตามข่าวสาร ทวงนิยายได้ที่
https://www.facebook.com/letter123.writer/
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2018 16:01:58 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก บทนำ 3/6/2561
«ตอบ #1 เมื่อ03-06-2018 14:45:32 »

หนาว สิ่งเดียวที่ร่างบางรู้สึกได้คือความรู้สึกหนาวถึงขั้วหัวใจ ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนเขาแน่ๆ แม้อยากจะลืมตาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าร่างกายจะไม่ทำตาม

กลัว

คือสิ่งที่รินรู้สึกได้ กลัวความเย็นนี้ กลัวความรู้สึกที่จมลึกลงใต้น้ำเรื่อยๆ เหมือนทั้งร่างถูกบีบอัดหายใจเริ่มลำบากขึ้นทุกทีๆ ได้แต่จมดิ่งลงไปในน้ำที่เย็นและดำมืดอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด

“รีน!!!”

เฮือก

“แฮ่ก.ๆ .” เสียงตะโกนเรียกชื่อเหมือนกระชากร่างบางจากความฝันหอบหายใจแรงแก้มใสเต็มด้วยหยาดน้ำตาเสื้อขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อมือเล็กสั่นเทา แม้จะตื่นจากฝันแต่ร่างเล็กก็ไม่มีปฏิกิริยาจนคนที่ปลุกต้องเดินเข้าไปนั่งบนเตียงเอื้อมมือว่าจะแตะที่ไหล่

เพี๊ยะ!!

“ไม่นะ อย่าทำรินนะ อย่าทำริน” ร่างบางปัดมือหนาหวีดร้องเสียงสั่นเนื้อตัวสั่นเทายกมือกอดเข่าน้ำตาใสพรั่งพรู ท่าทางเหมือนลูกนกที่ถูกทำร้ายทำเอาร่างสูงทำตัวไม่ถูกได้แต่นั่งนิ่งมองคนร้องไห้อยู่ไม่นานร่างบางก็เหมือนจะรู้สึกตัวใบหน้าขาวหันมองรอบๆ ไม่ได้สนใจคราบน้ำตาบนแก้มเลยซักนิด ก่อนที่จะมาหยุดที่ร่างสูงนั่งนิ่งบนเตียงข้างๆ เขา

ใคร?

“ยินดีต้อนรับสู่โลกของฉันนะ” เสียงทุ้มราบเรียบดวงตาสีดำขลับที่เหมือนดึงดูดเข้าไปในเสน่ห์อันแสนร้ายกาจ เขามาอยู่ที่นีได้ยังไง





************************************************************

ตรบมือต้อนรับเรืองใหม่ค่าาาาาาา 

ต้องขอบอกว่าเป็นการทุบไหดองสุดๆ 

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ 

ฝากน้องรินด้วยนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก บทนำ 3/6/2561
«ตอบ #2 เมื่อ04-06-2018 11:04:30 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก บทนำ 3/6/2561
«ตอบ #3 เมื่อ06-06-2018 12:53:48 »

 :pig2:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก บทนำ 3/6/2561
«ตอบ #4 เมื่อ06-06-2018 16:45:03 »

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
1

ต๊อกแต๊กๆ

เสียงเคาะคีย์บอร์ดด้วยความเร็วสม่ำเสมอเป็นเสียงท่วงทำนองที่ไพเราะแม้เวลาตอนนี้จะค่อนรุ่งเช้าแล้วนิ้วเรียวยังขยับรัวใบหน้าขาวใต้แว่นสายตาไม่มีแม้แต่ริ้วรอยความง่วงซักนิด มือเรียวหยุดลงดวงตากลมกวาดสายตามองตัวหนังสือสีเขียวที่วิ่งรัวบนหน้าจอจนกระทั่งหยุดลง รอยยิ้มพึงพอใจประดับบนใบหน้าขาว ในที่สุดก็ได้ข้อมูลมารายชื่อทั้งหมดที่เขาต้องการก็อยู่ในมือ ร่างขาวถอนหายใจยาวในที่สุดก็เสร็จถือเป็นงานหนักที่สุดเท่าที่เคยทำมา

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูบานสีขาวจะถูกเปิดเข้ามาร่างท้วมแต่ดูกระฉับกระเฉงเดินทำหน้าโมโหเธอเดินเข้ามาชิดกองผ้าห่มนวมแล้วกระชากกองผ้าห่มออก

“แหะๆ นม” เสียงหวานติดจะแหบพร่าเพราะมัวทำงาน

“อีกแล้วนะคะ ไม่ยอมนอนคอยดูนะนมจะงดขนมทั้งอาทิตย์” ลงโทษอะไรลงโทษได้แต่จะมาห้ามให้กินขนมนะไม่ได้ น้ำตาลสำคัญต่อสมองมากเลยนะตากลมเบิกกว้าง

“ไม่น้านม ไม่งดขนมรินนะ รินไม่ทำแล้วจะไปนอนแล้ว” ร่างบางรีบถลาเข้าไปกอดนมที่ยังทำหน้าบึ้ง

“ไม่ได้ค่ะ ครั้งที่แล้วก็พูดอย่างนี้อีกอย่างนี่จะเช้าแล้ววันนี้วันสำคัญไม่ใช่เหรอคะ” พอนมพูดขึ้นรินก็นึกขึ้นได้

“ตายล่ะ รินลืม” ผมอุทานเสียงดังเหลือบมองนาฬิกาข้างฝานี่ทำงานลืมเวลาจนเช้าแล้ว

“ให้ตายเถอะเด็กคนนี้ ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะนมจะไปปลุกคุณเยว่” ผมลุกขึ้นไปกอดฟัดร่างท้วมของนมแรงๆ หนึ่งทีแล้วค่อยวิ่งเข้าห้องน้ำ ท่าทางเหมือนเด็กๆ ทำให้นมอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันสำคัญ เธออยากให้ทั้งคุณผู้ชายคุณหญิงมาอยู่ในวันสำคัญๆ แบบนี้แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่คุณหนูพาเธอออกมาจากบ้านหลังนั้นไม่มีแม้แต่การติดต่อ ขอแค่คุณหนูของเธอไม่ฝันร้ายทุกคืนเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ร่างท้วมวางชุดที่เธอรีดเสร็จบนเตียงเดินแล้วเดินไปอีกห้องเพื่อที่จะไปปลุกคุณหนูอีกคนของเธอ



“ไอ้ริน กินข้าวได้แล้ว” รินได้แต่กรอกตาไปมาทำไมโชคชะตาถึงได้ส่งตัวเพื่อนคนเดียวของเขามีเป็นคนจู้จี้และขี้บ่นแบบนี้นะ

“กินพอแล้วน่า”

“แค่ครึ่งทัพพีนี่เหรอเขาเรียกว่าดมเองนะเว้ย กินให้หมดไม่งั้นอดขนม” ร่างบางยู่ปากอย่างขัดใจแต่ก็ยอมตักข้าวเข้าปากนอกจากนมก็มีเพียงแค่เพื่อนคนนี้ที่คอยห่วงเขา

“หึ ดีมากเด็กน้อย” ให้ตายเหอะโตกว่าเขาแค่ครึ่งปีทำเป็นวางท่า

“อย่ามาทำตัวเป็นพี่หน่อยเลยน่าเสี่ยว*ซิน” ผมเรียกสรรพนานที่ตั้งใจเรียกตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก (เสี่ยว ใช้เรียกในกลุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันหรือเป็นชื่อที่ผู้อาวุโสเรียกผู้ที่อายุน้อยกว่า)

“หุบปากนะอย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะ” ร่างบางที่ไม่ได้ต่างกันนักหากแต่ใบหน้าขาวนั้นดูอ่อนหวานลุกตบโต๊ะอย่างแรงแม้จะทำหน้าโมโหแต่ใบหน้าหวานก็ยังน่ามอง

“นายแค่โตกว่าฉันแค่ครึ่งปีอย่ามาทำตัวเป็นพี่ฉันนะ” ผมก็พูดอย่างไม่ยอมแพ้ห่างกันแค่ไม่กี่เดือนอย่ามาข่ม

“พอค่ะพอๆ ๆ ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ ได้ทุกวันไม่เบื่อบ้างเลยหรือยังไงคะ” นมที่เดินเข้ามาห้ามทัพสงครามน้ำลายทะเลาะกันได้ทุกวันไม่รู้จักเบื่อกันเลยคู่นี้

“นมจิตครับเพราะรินไม่ยอมกินข้าวต่างหากล่ะครับผมถึงได้บังคับ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรคนตรงข้ามก็ฟ้องขึ้นทันที ก่อนที่จะได้ว่าอะไรเสียงนุ่มก็ห้ามขึ้นมาเสียก่อน

“พอค่ะพอ ไปกันได้แล้วค่ะจะสายแล้ว” พอโดนเตือนพวกเราก็เหมือนจะได้สติรีบคว้าถุงเสื้อวิ่งไปใส่รองเท้ากันอย่างเร่งรีบ

“รีบๆ ใส่เข้าสิ”

“อย่าดันสิ”

ร่างสูงวัยได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างจนใจอยู่ด้วยกันมาจะห้าปีแล้วยังทะเลาะกันได้ทุกวันไม่รู้จักเบือกันหรือยังไง เธอได้แต่รีบไล่เด็กไม่รู้จักโตทั้งสองคนหันตัวไปเตรียมทำกับข้าวฉลองตอนเย็นดีกว่า



เสียงจอแจพร้อมกับฝูงชนที่ถ่ายรูปกับบัณฑิตหลังจากที่ออกจากห้องประชุมแล้ว ร่างบางในชุดครุยของคณะบริหารเดินฝ่าเหล่าบัณฑิตและครอบครัวเพื่อไปหาที่เย็นๆ และไม่วุ่นวายหลบซักพักไม่ได้สนใจสายตาของเหล่าบัณฑิตที่มองตามจนต้องหลียวหลัง

“ร้อนชะมัด เรากลับกันเลยได้ไหม” ยังไม่ทันที่จะเดินถึงไหนเยว่ซินก็บ่นยังไม่ชินกับอากาศร้อนของประเทศไทยหรือไง

“บ่นจริงเดี๋ยวไปนั่งใต้ตึกดีกว่านะ” ตอนนี้คงไม่มีใครอยู่ สองขอทำกลังจะก้าวไปแต่ก็หยุดเพราะเสียงเรียกเสียก่อน

“เอ่อ น้องรินครับพี่ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ” ดวงตากลมหันไปมองผู้ชายร่างสูงที่ใส่ชุดครุยเหมือนกันสังเกตเข็มแล้วน่าจะคณะเกษตรแล้วทำไมมาขอถ่ายรูปกับเขาทำไมแต่เมื่อเห็นริ้วสีแดงบนใบหน้าแล้วยอมให้กับความกล้านี้ก็ได้นะ

“ได้ครับ” พอได้ยินคำตอบเหมือนทุกคนจะหันควับมาขอถ่ายรูปกับผมและเสี่ยวซินอีกหลายคนจากที่คิดว่าจะไปพักกลับต้องยืนถ่ายรูปไปเกือบชั่วโมงเราสองคนเลยคิดว่าจะกลับกันเลยไม่อยู่แล้วเหมือนโดนดูดพลังงานเลย

“พี่รินนนนนนน พี่ซินนนนนน” เสียงร้องลั่นที่ทำเอาทุกคนสะดุ้งเจ้าของชื่อได้แต่กุมขมับหัวฟูๆ ของน้องรหัสที่วิ่งโร่มาหยุดตรงหน้าพอดี

“อ่าวๆ เดี๋ยวก็หายใจไม่ทันกันพอดี” ผมยกมือลูบผมน้องรหัสให้มันดูเข้าที่เข้าทางไม่ใช่เป็นยายเพิ้งอย่างนี้

“แฮ่ก เกือบไม่ทันนึกว่าพวกพี่จะกลับกันไปซะแล้ว”

“ก็เกือบนะพี่ถ่ายรูปกับพวกนั้นอยู่” ปรายตามองคนที่มาขอถ่ายรูปที่ยังยืนอยู่แถวนั้นที่รีบหลบตากันเป็นแถว

“โอ้วมายก๊อดดดดด สองดอกไม้ของคณะบริหารยอมให้ถ่ายรูปมิน่าล่ะ อาหารตาดีๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ” ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับความล้นของน้องรหัสตัวเอง

“มีอะไรรึเปล่าพี่จะกลับแล้วนะ” น้ำเสียงหวานพร้อมกับรอยยิ้มทำเอาบรรดาคนแอบมองทำหน้าเคลิ้ม

“อ้อ นี่ค่ะยินดีด้วยนะคะที่เรียนจบ ฮืออดอกไม้ของคณะบริหารจบไปทั้งสองคนเลย”

“เรียกแบบนี้อีกแล้วนะ” ผมบ่นเบาๆ กับฉายาที่ได้รับมาตั้งแต่เข้าเรียนก่อนที่จะรับเอากล่องของขวัญเล็กๆ มา

“อ่าวแล้วของพี่ล่ะ”

“ของพี่ก็รอน้องรหัสพี่สิคะ”

“พี่ซินนนนนนนนน” ยังไม่ทันที่เยว่ซินจะพูดอะไรร่างเล็กก็พุ่งมาชนมันอย่างจัง

“แอ่ก”

“นึกว่าจะไม่ทันแล้วนะครับฮืออออถ้าพี่ไปแล้วใครจะดูแลผมล่ะครับฮืออออ”

“ปล่อยเว้ยยยยยยย” เยว่ซินไม่รอให้ใครช่วยถีบรุ่นน้องร่างเล็กที่พุ่งเข้ามากอดไว้แน่นออก ท่าทางน่าสงสารของน้องรหัสไอ้เยว่เลยอดยื่นมือไปให้จับลุกขึ้นดีๆ

“ฮือออพี่รินผมต้องคิดถึงพี่แน่ๆ เลยครับ”

“นี่ๆ อย่ามาเกาะแกะพี่รินของฉันนะ” อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางทะเลาะกันของรุ่นน้อง ต้นข้าวน้องรหัสของเยว่ซินส่งของขวัญให้ก่อนที่จะร้องไห้อีกรอบ อวยพรให้ทั้งต้นข้าวและน้ำโชคดีก่อนที่พวกเขาจะเดินไปที่ลานหลังตึกเรียนถอดชุดครุยออกเพราะกลัวมันจะเปื้อนแล้วนั่งลงตรงม้าหินอ่อนที่ประจำของพวกเขา

“เฮ่อ....จบแล้วสินะ” เยว่ซินนั่งลงข้างๆ ผมเลยเอียงตัวไปพิง

“ใช่จบแล้ว นายจะกลับไปวันไหน” เพราะที่เสี่ยวซินมาเรียนก็เพื่อมาเป็นเพื่อนมาดูแลผมพอจบแล้วต้องกลับไปช่วยงานป๊า

“เอกสารเสร็จก็คงวันมะรืน” พอคิดว่าจะไม่ได้อยู่ทะเลาะกับเสี่ยวซินแล้ว....ผมก็รู้สึกโหวงๆ แหะ

“อือ”

“ก็บอกให้ไปด้วยกันก็ไม่ไป กับนมจิตก็พาไปด้วยก็ได้ที่นี่ไม่มีอะไรให้นายแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมเงียบเป็นคำตอบนั่นสินะทั้งๆ ที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ผมห่วงหาแล้วแต่ทำไมถึงไม่ยอมไปกับเสี่ยวซินนะ

โป๊ก!!

“เลิกทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออกซักทีเถอะน่านายก็บินไปหาชั้นทุกอาทิตย์ก็ได้นี่น่า”

“ฉันไม่ว่างขนาดนั้นหรอกน่า” เพราะสมัครงานบริษัทไว้แล้วแถมยังเริ่มงานอาทิตย์หน้าด้วย

“นายไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ทั้งชาติแล้วแท้ๆ ยังต้องไปเป็นลูกน้องเขาอีก” ผมได้แต่หลับตาพิงไหล่ฟังเสี่ยวซินบ่นไปเรื่อย ชั่วชีวิตนี้ของเขาไม่ได้มีคนสำคัญอะไรมากมายช่วงเวลาที่มืดมิดมีเสี่ยวเยว่คอยเป็นแสงจันทร์ที่ประดับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด เป็นเหมือนครอบครัวของเขา

“ไม่รู้สิไม่ว่ายังไงก็ยังอยากอยู่ที่นี่ ไว้ว่างๆ จะไปหา ฝากบอกป๊าด้วยนะว่าคิดถึง” ในหัวยังจำตอนแรกที่เจอผู้ชายร่างท้วมแม้ทุกคนจะบอกว่าน่ากลัวแต่เขากลับรู้สึกว่าเป็นคนใจดีและเขาก็คิดไม่ผิดจริงๆ

“อยู่ที่นี่ก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน อย่าไปคึกทำอะไรบ้าๆ อีกล่ะ” เสี่ยวซินบ่นด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าผมจะทำอะไรบ้าๆ เหมือนตอนนั้น

“สัญญาคร๊าบบบบว่าจะไม่ทำอะไร” ขยับกอดแขนแล้วถูหน้าตรงไหล่อย่างอ้อนๆ รู้ว่าพอทำแบบนี้แล้วเสี่ยวซินจะใจอ่อนกับผมตลอดนั่งเล่นซักพักก็คิดว่าจะพากันกลับเสี่ยวซินเลยโทรหาพี่ฟงเพื่อให้มารับขณะที่นั่งรอ

~~~ครืด ครืด~~~

เสียงโทรศัพท์ผมสั่นพอดีเบอร์ที่โชว์แม้จะไม่ได้เมมไว้แต่ผมก็จำได้ขึ้นใจมือเรียวสั่นเบาๆ เมื่อกดรับ

“ครับ”

“ (รินวันนี้รับปริญญาใช่ไหม พี่ยินดีด้วยนะ) ” ผมถอนหายใจเบาๆ

“ครับ” เพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรช่องว่างมันห่างกันเกินไปถึงอีกฝ่ายจะเป็นพี่ชายก็เถอะนะ

“ (พี่ต้องวางแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปในวันสำคัญแบบนี้) ”

“ไม่เป็นไรครับ” ใช่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ของผมไม่เป็นไรเพราะไม่ว่าตอนไหนมันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับผมอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะวางสายผมก็นึกอะไรขึ้นได้

“พี่รัน......เรื่องเซ็นสัญญาพี่คิดดูดีๆ ก่อนนะครับ”

“ (หมายความว่ายังไงริน...ริน) ”

“แค่นี้นะครับ” ผมรีบตัดสายกลับไปเอาหัวพิงไหล่เสี่ยวซินเหมือนเดิม

“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง ห๊า!! แล้วเมื่อกี้นี้อะไรกันฉันยังไม่ได้ไปไหนเลยนะ” อูยยกมือปิดหูแทบไม่ทัน

“พอๆ อย่าบ่นฉันเลยน่ารีบกลับกันเถอะนมคงรอฉลองกับพวกเราอยู่แน่ๆ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องไม่อย่างนั้นมีหวังโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ เสี่ยวซินทำท่าทางฮึดฮัดแต่ก็ยอมเดินไปขึ้นรถกับผม

มื้อใหญ่ตอนเย็นมีทั้งเสียงผมกับเสี่ยวซินทะเลาะกันเสียงห้ามของนมส่วนพี่ฟงนั้นทานเงียบๆ ถ้าบรรยากาศแบบนี้หายไป........มันจะต้องเหงาแน่ๆ เลย คิดไรมากนะรินอะไรที่มันจะเปลี่ยนมันก็ต้องเปลี่ยนสิ ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันเข้าห้อง ร่างขาวที่เดินออกจากห้องน้ำในชุดนอนเสื้อกล้ามสีดำที่สภาพยืดแล้วยืดอีกกับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวผ่องเรียวสวยที่ผู้หญิงยังอิจฉา เช็ดผมลวกๆ ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงนิ่มที่เต็มไปด้วยหมอนคว้าเอาผ้าห่มขึ้นคลุมเป็นเพราะไม่ได้นอนทั้งคืนทำให้ผมหลับไปอย่างรวดเร็ว



“นี่ฉันไม่อยู่ก็อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินยืนส่งเพื่อนคนเดียวกลับบ้าน สองร่างบางใบหน้าหวานเกินผู้ชายเรียกสายตาของใครหลายๆ คนรวมทั้งสายตาคมสองคู่ที่มองอยู่

“อือ”

“อย่าทำตัวซึมหน่อยเลย แล้วเจอกันนะ”

“อือ” เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมยิ้มสักทีเยว่ซินเลยยกมือมาบีบแก้มผมยืดออกจนผมได้แต่ร้องโอดโอยจนเป็นที่พออกพอใจถึงได้ปล่อยแก้ม ปวดไปหมดแล้วยกมือขึ้นนวดเบาๆ

“ไปนะ”

“อือ แล้วจะไปหานะ” ผมยิ้มให้เพื่อนสนิทคนเดียวของผมก่อนที่เสี่ยวซินจะไปผมโผไปกอดแล้วกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ขอบคุณนะขอบคุณมากๆ อ้อถ้าธุรกิจฉันขาดทุนฉันจะถอนทุนคืนจากนาย”

“ไอ้คนขี้เหนียว” เสี่ยวซินโวยวายลั่นผมผละออกมายิ้มกว้างโบกมือลาเพื่อนที่โดนพี่ฟงลากเข้าเกตไปดวงตากลมมองร่างเพื่อนจนลับสายตารอยยิ้มกว้างเริ่มหายไปใบหน้าหวานเรียบเฉยเย็นชาหมุนตัวเดินออกไปขึ้นแท็กซี่

หลังจากเสี่ยวซินกลับไปแม้จะรู้สึกเหงาหูอยู่บ้างแต่อีกไม่นานก็คงชินวันนี้เป็นวันแรกที่เขาต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทของไปสมัครไว้เป็นบริษัทใหญ่ที่ทำเรื่องส่งออกซึ่งก็ตรงกับเรื่องที่เขาสนใจพอดี

“ทานข้าวก่อนนะคะ”

“นิดหนึ่งได้ไหมครับ” ใบหน้าหวานฉายแววอ้อนวอนเรื่องที่จะให้กินข้าวนะเป็นเรื่องที่ยากกว่าการแฮกเข้าไปหาข้อมูลอีกนะ

“นิดหนึ่งก็ยังดีค่ะ วางขนมลงเลยนะคะ” เพราะเสียงดุๆ เลยยอมวางถุงขนมหวานตักข้าวทานแม้ฝีมือของนมจะอร่อยแต่เขาเป็นพวกบริโภคของหวานมากกว่าข้าวอยู่แล้วทานได้ครึ่งจานผมก็อิ่มคว้าขนมที่ยังทานไม่หมดมาทานต่อ

“ผมไปล่ะนะครับ”

“สู้ๆ นะคะ” ผมยิ้มกว้างแล้วเดินออกจากห้องพัก ลงไปขึ้นแท็กซี่ที่เรียกไว้ผมขับรถไม่เป็นและไม่คิดจะหัดด้วยเสี่ยวซินเคยบ่นผมว่าไปไหนมาไหนลำบากเคยจะให้พี่ฟงสอนแต่ผมไม่เอาลำบากจะตายไปถึงขนส่งประเทศนี้จะย่ำแย่แต่ก็ไม่จำเป็นต้องขับรถมาเพิ่มจำนวนรถบนท้องถนนเลยนี่ ไม่นานผมก็มายืนอยู่หน้าตึกใหญ่ป้ายบริษัทตรงทางเข้าว่าอลังแล้วนะมาเห็นตึกนี่ก็อลังเหมือนกัน ขาเรียวเดินเข้าไปในบริษัทเพื่อไปรายงานตัว

“เอ่อ..สวัสดีครับ”

“คะ?? ติดต่ออะไรคะ” พนักงานต้อนรับยกยิ้มหวาน ผมเลยแจ้งชื่อไป รอไม่ได้นานผมก็ได้ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนสุดเพื่อรอคนที่จะมาคุมงานเขาเพราะในอีเมลล์ตอบรับไม่ได้บอกว่าให้ทำตำแหน่งอะไรแม้จะสงสัยแต่เท่าที่ตรวจสอบมาก็ไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรทำให้ผมเลือกบริษัทนี้ นั่งรอไม่นานเสียงเท้าเป็นจังหวะเดินมาที่ห้องรับรอง

แกรก

“ขออภัยที่ให้รอนานนะ ผมเอสนะคุณรินนภัทรสินะครับ” ผมลุกขึ้นยกมือไหว้คนที่เดินเข้ามา ทั้งท่าทางและบรรยากาศรอบๆ ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ธรรมดา

“สวัสดีครับ”

“งานของคุณจะอยู่ชั้นนี้นะครับ บอสเห็นข้อมูลที่ส่งมาแล้วคิดว่าคุณน่าจะร่วมงานกับเราได้”

“ขอบคุณมากครับ” ผมนั่งลงเพื่อรอฟังว่าจะได้ทำงานตำแหน่งไหน เอาจริงๆ ก็อย่างที่เสี่ยวซินพูดผมไม่ต้องทำงานก็สามารถอยู่ได้ทั้งชีวิตแต่แบบนั้นมันจะมีความหมายอะไรทำงานก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ ละกันนะ

“ผมจะให้คุณไปช่วยงานฝ่ายการตลาดเดี๋ยวเลขาจะพาไปนะครับ” พูดจบคุณเอสก็เดินออกไปปล่อยให้ผมเกาหัวอย่างงงๆ เออดีนะจู่ๆ ก็ได้ไปฝ่ายการตลาดเอาเถอะอย่างน้อยก็ตรงกับที่เรียนมา เลขาพาผมมาส่งที่แผนก

“สวัสดีครับผมรินนภัทรเพิ่งเริ่มงานวันแรกครับ”

“อุ๊ย หนุ่มน้อยน่ารักล่ะปลา”

“ฮืออทำไมผิวสวยจัง” เสียงจอแจของสาวๆ ที่แซวซะจนเขาทำหน้าไม่ถูกหัวหน้าฝ่ายเลยเข้ามาช่วยห้ามสาวๆ

“เอาล่ะๆ น้องตกใจหมดแล้ว น้องรินใช่ไหมนั่นโต๊ะทำงานนะ ส่วนเรื่องงานวันนี้ก็ศึกษาจากพี่ๆ เขาไปก่อนนะ” ร่างบางพยักหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ตรงไปนั่งที่นั่ง

“สวัสดีจ๊ะน้องริน พี่ชื่อปลานะคะมีอะไรถามพี่ได้นะ”

“ส่วนพี่นินนะ” สองสาวที่นั่งข้างๆ รีบปรี่มาแนะนำตัว ร่างบางได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้ปกติแล้วรินก็ไม่ได้เป็นฝ่ายพูดมากอยู่แล้ว ฟังพี่สาวทั้งสองคนเม้าท์แนะนำทุกคนให้รู้จักร่างบางเก็บข้อมูลเงียบๆ จนพี่หัวหน้าฝ่ายออกมาไล่สาวๆ ไปทำงาน

“นี่เป็นงานที่เราต้องศึกษานะ วันนี้พี่จะให้ดูพวกนี้ไปก่อนนะ” หัวหน้าฝ่ายเอาแฟ้มเอกสารมาให้ รินรับไว้นั่งอ่านผ่านๆ ตาเพราะก่อนที่เข้ามาทำงานก็ศึกษาข้อมูลพวกนี้ไว้อยู่แล้วพอถึงพักกลางวันก็ไปทานข้าวกับพี่ปลาและพี่นินเลยได้รู้เรื่องหลายๆ เรื่องในบริษัท

“ครับนม เดี๋ยวรินแวะซื้อขนมเข้าบ้านอาจจะกลับช้าหน่อยนะครับ” มือเรียวหยิบข้าวของใส่กระเป๋าปากก็ออดอ้อนนมรอกินข้าวด้วยกัน

“ผมกลับนะครับ สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ทุกคนที่กำลังประชุมว่าจะไปต่อหลังเลิกงาน

“อ่าวไม่ไปกับพวกพี่เหรอ”

“เอ่อไม่ล่ะครับผมมีธุระต่อ” รินปฏิเสธแล้วขอตัว ร่างบางไม่ได้อยากที่จะสนิทสนมกับใครนักแวะห้างสรรพสินค้าใหญ่ ร่างบางเดินตรงดิ่งเข้าไปเลือกขนมและช็อกโกแลตลงรถเข็นจนเป็นที่พอใจเลยแวะไปเลือกซื้อผลไม้ไปให้นมด้วย

~~~ครืด ครืด~~~

“หือ ว่าไงเสี่ยวซิน”

“ (ไอ้ริน แกอยู่ไหนฉันโทรหานมแล้วบอกว่าแกยังไม่กลับ) ” น้ำเสียงร้อนรนทำให้คิ้วเรียวขมวดแน่น

“อยู่ห้าง มีอะไรเหรอ” ร่างบางที่กำลังตั้งใจคุยกับเพื่อนขณะรอคิวจ่ายเงินไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาคมที่มองสำรวจเขาอยู่

“ (ฉันจะส่งพี่ฟงไปอยู่ด้วยนะ สถานการณ์ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่) ” เหมือนว่าจะฟังสิ่งที่ปลายสายบ่นยาวเหยียดแค่ไหน ตากลมสนใจเพียงขนมที่ถูกคิดตังไปเรื่อยๆ จะพอไหมนะ

“ (นี่ๆ ฟังฉันอยู่ไหมเนี้ย) ”

“ทั้งหมด 2500 บาทค่ะ”

“นี่ครับ” ส่งบัตรให้พนักงานขยับออกมาให้คนที่ต่อแถววางของลงบนเคาน์เตอร์รอเซ็นบิลแล้วร่างบางก็หอบถุงขนมเดินออกไป

“ (ไอ้รินตกลงแกฟังฉันไหมวะ) ” เยว่ซินอยากจะมุดไปตบหัวเพื่อนทำไมถึงได้ทำตัวทองไม่รู้ร้อนแบบนี้นะ ทั้งๆ ตอนนี้ที่ฮ่องกงแทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว

“อ่อ..ฟังๆ ไม่ต้องห่วงน่าเสี่ยวซินมันไม่มีอะไรหรอก” น้ำเสียงสบายๆ ตัดกลับอีกคนที่ดูจะร้อนรนเหลือเกิน

“ (เอาเถอะพี่ฟงไปแล้วแกก็เชื่อฟังพี่เขาด้วย อยู่นิ่งๆ ด้วยล่ะป๊ากำลังปกปิดข้อมูลแกอยู่) ” เพราะธุรกิจที่เจ้ารินไปลักไก่มาเป็นของตนเองรุ่งเรืองและเป็นที่จับตามองจนตอนนี้มีแต่คนกระหายที่อยากครอบครองแต่ไอ้คนที่เป็นเจ้าของกลับทำตัวเป็นแมงกะพรุนลอยน้ำอยู่ได้

“จ้าๆ เดี๋ยวจะทำตัวดีๆ นะครับคุณแม่” ยกโทรศัพท์ออกห่างแทบไม่ทันเมื่อเสียงแว้ดๆ ดังลอดออกมา ตามด้วยคำบ่นอีกเป็นกระบุงจนผมได้แต่กรอกตาไปมารับคำเป็นมั่นเหมาะเสี่ยวซินถึงได้ยอม

“เอาเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากัน” บ่นเบาๆ กับปัญหาใหม่ที่เข้ามามันคงไม่มีอะไรร้ายแรงกว่าเรื่องในอดีตอีกแล้วล่ะ เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะผ่านมันไปไม่ได้ก่อนอื่นต้องกลับไปกินอะไรหวานๆ เพิ่มพลังก่อน เรื่องอื่นค่อยคิด เมื่อโยนปัญหากองทิ้งไว้ร่างบางก็โบกแท็กซี่กลับไปยังคอนโด

.

.

คล้อยหลังร่างเล็กที่หอบของพะรุงพะรังขึ้นแท็กซี่ไปร่างสูงของชายหนุ่มสองคนเดินออกมา แม้จะมีแว่นตาสีดำปิดบังแต่กลับกลบความหล่อที่เหล่าสาวๆ ต่างเหลียวมองไม่มิด

“นี่เหรอวะคนที่แกลงทุนบินข้ามทะเลมาตามดู น่ารักดีนี่หว่า” ชายหนุ่มที่แผ่ออร่าไม่น่าเข้าใกล้ถอนหายใจยาวทั้งๆ ที่คิดว่าจะมาคนเดียวแต่ไอ้เพื่อนคนนี้ก็เหมือนจะตามติดเป็นปรสิตอยู่ได้

“.....”

“นี่พูดบ้างก็ได้นะเว้ย น้องเขาก็ดูไม่มีพิษมีภัยนี่เหมือนเด็กธรรมดาด้วยซ้ำ” คนที่ยังไม่รู้ตัวยกแขนวางบนไหล่เพื่อนซี้ไม่รู้ว่าคิดไปเองว่าซี้ฝ่ายเดียวหรือเปล่า ปากยังพร่ามไม่หยุดเพราะรู้สึกถูกชะตากับคนที่เพิ่งขึ้นรถไป

“หุบปากแล้วจะไปไหนก็ไปเลย”

“เรื่องสิ อยู่กับแกท่าทางจะมีเรื่องสนุก” น้ำเสียงทะเล้นดื้อด้านไม่ได้สนใจท่าทางเซ็งๆ ของเพื่อนซี้ที่ยืนข้างๆ เลยซักนิด ได้แต่ปล่อยให้เพื่อนทำตามใจเพราะเขามีเวลาที่จะล่าเหยื่ออีกนาน มุมปากหยักยกยิ้มร้ายก่อนที่จะหมุนตัวหนีปล่อยให้เพื่อนที่พิงอยู่เซถลาไปข้างหน้าอย่างไม่ทันระวัง

*********************************************************

ในที่สุดก็หายป่วยแล้ว //จุดพลุ 

เลยปั่นมาลงยาวๆชดเชย เรื่องนี้อาจจะได้ลงอาทิตย์ล่ะตอน 

ยังไงก็ฝากติดตามน้องรินของเราด้วยนะคะ 

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ ถ้าถูกใจหรือติชมบอกเราได้เลยนะ 

ชอบอ่านคอมเม้นต์ 55555 

เจอกันตอนหน้าค่ะ 

ปล. สามารถตามนิยายได้ที่เพจนะคะ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 13:57:12 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
2

หลังจากที่เสี่ยวซินโทรมาไม่ถึง 12 ชั่วโมงพี่ฟงก็มาเคาะประตูหน้าห้องพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ทำให้รู้ว่าคงจะรีบร้อนเก็บมาแค่ของจำเป็นเท่านั้น

“เลวร้ายมากเลยเหรอครับ” เมื่อเห็นว่าพี่ฟงเดินทางมาด่วนผมก็รีบถามถึงสถานการณ์

“ก็นิดหนึ่งครับ ตอนนี้เหมือนมีคนต้องการตัวคุณรินมากถึงขั้นสืบหาข้อมูลและได้ข่าวว่าทางนั้นเดินทางมาที่ไทยด้วย” ใบหน้าสวยของฟงฉาบนิ่งเมื่อพูดถึงความยุ่งยากที่ตอนนี้ทางฝั่งฮ่องกงได้รับ แต่ก็ไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าเพราะเขานับถือเป็นคุณหนูอีกคนของบ้านไป๋อยู่ดี

เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ฟงถึงจะนิ่งแต่รินก็เดาได้ว่ามีเรื่องยุ่งยากที่โน้นเขาบอกให้พี่ฟงไปพักเพราะวันนี้คงไม่ออกไปไหนแล้ว ส่วนไปทำงานพรุ่งนี้พี่ฟงบอกแค่ว่าจะไปส่งซึ่งรินก็ไม่คัดค้านอะไรไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น หอบขนมเข้าห้องเปิดคอมของตัวเองเพื่อหาข้อมูลของฝั่งนั้น มือเรียวข้างหนึ่งพิมพ์รัวบนคีย์บอร์ด อีกมือกดโทรศัพท์หาใครอีกคนที่อยู่ซีกโลก

“ (ริน) ” เสียงทุ้มแฝงความดีใจของพี่ชายทำให้รินถอนหายใจยาว

“พี่รัน เรื่องที่ผมเตือนพี่เก็บไปคิดด้วยนะครับ” เพราะวันนั้นโดนเสี่ยวซินโวยวายหนักรินเลยลืมไปเลยว่ายังไม่ได้เตือนพี่ชาย

“ (แต่นั่นก็เป็นเพื่อนคุณพ่ออีกอย่างพี่ก็คิดว่าบริษัทนั้นเชื่อถือได้นะ) ” อยากจะตะโกนให้รู้พี่ชายรู้ตัวซักทีแต่เพราะเอ่ยถึงใครอีกคนทำให้ร่างบางกลืนคำพูดลงคอแทบไม่ทัน

“ผมไม่ได้คิดจะว่าอะไรหรอกนะครับแต่แค่เตือนไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมไม่รับรู้ด้วยนะครับ”

“ (รินหมายความว่ายังไงกันแน่มีอะไรก็บอกพี่มาตรงๆ ได้เลยนะ) ”

“ (นั่นแกคุยอะไรกับมันฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ติดต่อมันอีกแล้ว) ” เสียงตะโกนลอดออกมาทำให้ผมต้องถอนหายใจอีกครั้งบอกลาพี่ชายแล้วตัดสายทิ้งทันที ท่าทางผมต้องตัดเชือกเส้นสุดท้ายนี่สักทีสินะ โยนโทรศัพท์ทิ้งไปบนเตียงมั่วๆ แล้วหันมาสนใจข้อมูลที่เพิ่งขึ้นมาบนจอ ท่าทางจะเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ สินะเก็บข้อมูลนั่นไว้ในที่เก็บส่วนตัว ผมก็ลุกขึ้นเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มเปิดแอร์จนเย็นเฉียบมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มนวมก่อนจะเข้าสู่นิทรา

เช้าวันต่อมาพี่ฟงเป็นคนมาส่งผมตั้งแต่เช้าด้วยรถของซินที่ซื้อทิ้งไว้อยากจะด่าว่ามันสิ้นเปลืองแต่ก็ยังดีกว่าขึ้นแท็กซี่ทุกวัน พี่ฟงยืนยันที่จะรอผมอยู่บริเวณบริษัทเพราะถ้าจะให้ขึ้นไปด้วยก็จะเป็นการดึงดูดความสนใจและเปิดเผยตัวตนมากเกินไปแค่มีรถหรูมาส่งที่หน้าบริษัทก็เป็นที่สนใจพอแล้ว

“ตอนเย็นเจอกันที่ร้านกาแฟนะพี่ฟง”

“ครับ อย่าลืมทานข้าวนะครับ” ผมไม่อยากจะรับคำด้วยซ้ำแต่เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ฟงก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

“ครับๆ ไปละครับ” เดินเข้าบริษัทขึ้นไปที่แผนกตัวเองทักทายพี่ๆ ที่มาถึงก่อนยังไม่ทันได้นั่งพี่เอ๋หัวหน้าผมก็หอบแฟ้มมาหาที่โต๊ะ

“น้องรินพี่อยากได้เอกสารนี้ช่วยสรุปให้พี่ก่อนเที่ยงได้ไหม” สีหน้ายุ่งยากใจของพี่เอ๋เพราะทุกคนต่างก็มีงานเธอก็ไม่อยากให้งานเด็กใหม่และเป็นงานสำคัญเสียด้วยแต่เธอก็ไม่มีทางเลือก

“ได้ครับ”

“ขอบใจมากนะ” ผมรับเอางานมาเปิดแฟ้มค่อยๆ อ่านแล้วค่อยลงมือพิมพ์โดยใช้ความเร็วมือธรรมดาขืนใช้เหมือนตอนปกติของผมล่ะก็ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ พิมพ์เสร็จผมก็ประวิงเวลาโดยการอ่านทวนอีกรอบมันเป็นเอกสารการประชุมแผนงานและงบประมาณเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรยากมากมาย ปริ้นงานเสร็จผมก็ลุกเอางานไปให้พี่เอ๋ที่โต๊ะ

“เสร็จเร็วจังขอบใจมากนะ ใกล้พักแล้วไปกินข้าวกับพวกพี่ไหม” พี่เอ๋ชวนซึ่งผมก็ปฏิเสธไปโดยบอกว่าจะไปทานกับพี่ชาย หยิบโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ลงมาจากตึกเดินข้ามถนนไปร้านคาเฟ่น่ารักๆ พอเดินเข้าร้านร่างสูงโปร่งของพี่ฟงก็ดูเหมือนจะโดดเด่นขึ้นมา

“เบือไหมครับ” ผมถาม พี่ฟงส่ายหน้ายกมือเรียกพนักงานมาสั่งข้าวให้ผมและตัวเองผมทานได้ครึ่งหนึ่งก็วางช้อนหันไปสั่งขนมหวานแทน

“ทานนิดเดียวเองนะครับ”

“นี่ก็เยอะแล้วนะครับ” ผมมุ่ยหน้าเรื่องทานข้าวนี่มันพูดยากจริงๆ นะ ผมเป็นคนทานข้าวได้น้อยตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนมจิตก็รู้ดี แต่ถ้าเป็นขนมนี่ถึงไหนถึงกันเพราะผมต้องการน้ำตาลมากกว่าข้าวอีก

“ผมได้ข่าวมาว่าทางโน้นเคลื่อนไหวแล้ว” พี่ฟงพูดเบาๆ ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะข้อมูลที่ได้มาก็เห็นความเคลื่อนไหวเพียงแต่ที่ผมแปลกใจคือมีแกงค์ๆ หนึ่งที่ข้อมูลนั้นเป็นความลับมากมายแถมเจาะลึกไปก็กลัวจะโดนทางโน้นจับได้เพราะระบบป้องกันทางนั้นก็ไม่ใช่ย่อยๆ แค่ได้ชื่อมาผมก็แทบโดนไล่ตามทันแล้ว

“ผมจะส่งข้อมูลให้ซิน ส่วนเรื่องของผมคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” ถ้าหากมีความเคลื่อนไหวที่มากกว่านี้ผมคงต้องหายตัวไปอีกครั้ง พูดคุยกันซักพักผมก็กลับไปทำงานช่วงบ่ายต่อ

ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆ ทุกอย่างยังคงเป็นปกติพอเข้าไปเช็คทางโน้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรจนผมรู้สึกแปลกใจความเงียบแบบนี้มันไม่ดีเลยซักนิด ร่างขาวบนเตียงกว้างกระสับกระส่ายเหมือนคนฝันร้าย

‘ทำไม แกไม่ตายๆ ไปซะ!!’

เฮือก

ร่างบางที่นอนท่ามกลางกองหมอนสะดุ้งตื่นทั้งๆ ที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำแต่ใบหน้าเนียนชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“บ้าชิบ” ผมยกมือขึ้นเสยผมยาวที่เปียกแบบแก้มออก ฝันที่คอยตอกย้ำถึงแม้เลือกที่จะออกมาจากสภาพนั้นแต่แผลมันยังคงอยู่และคอยหลอกหลอนอยู่บ่อยครั้ง นานแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงทำไมถึงได้ฝันอีกนะ

“เหนียวตัวชะมัด” ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างเหงื่อก่อนที่จะเดินหัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ “มันผ่านไปแล้วนะ ริน อย่าคิดถึงมันอีก” เสียงพึมพำเหมือนย้ำกับตัวเองเมื่อเดินไปนั่งตรงสวนที่ระเบียงเพ็นท์เฮ้าส์ นั่งมองแสงไฟที่หากมองจากห้องเป็นเหมือนหิงห้อยที่เปล่งแสงระยิบระยับเท่านั้น ทั้งๆ ที่ก็ข้ามวันใหม่มาแล้วสายลมพัดผ่าไม่ได้ทำให้ผมหนาวแต่อย่างไรเพียงแต่นั่งเหม่อจนกระทั่งแสงยามเข้าส่องพ้นขอบฟ้า

แกร๊ก

“คุณหนูนอนไม่หลับอีกแล้วเหรอคะ” เสียงนมจิตทำให้ผมหันกลับไปมองร่างท้วมที่ยืนอยู่ตรงประตูระเบียง ผมพยักหน้า ตอนนี้ไม่มีซินอยู่อาการเดิมๆ ก็เหมือนจะกลับมาขยับตัวไปนอนตักนมจิตที่เดินมานั่งข้างๆ

“รินฝันอีกแล้วครับ” บอกเสียงเบาขยับถูไถอย่างออดอ้อนมือเหี่ยวย่นที่กำลังลูบหัวอยู่

“มันผ่านมาแล้วค่ะ วันนี้ไม่รีบไปทำงานเหรอคะ” นมรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าผมเริ่มจมกับความคิด ผมเลยลุกขึ้นกดจมูกลงแก้มแรงๆ แล้ววิ่งเข้าไปในห้อง จิตได้แต่มองตามคุณหนูตัวน้อยที่ถึงแม้จะโตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ที่เธอเลี้ยงดูมา เธอไม่ขออะไรมากขอแค่คุณหนูตัวน้อยของเธอมีแต่ความสุขในทุกๆ วันก็พอแล้ว

“เจอกันตอนเที่ยงนะครับ” โบกมือลาพี่ฟงที่มาส่งหน้าบริษัท วันนี้ผมมีงานค้างเลยมาแต่เช้ามือเรียวกดชั้นทำงาน เสียงฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ฝันร้ายเมื่อคืนนั้นหายไปจากใจแล้ว

ติ่ง

เสียงลิฟท์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นที่กดไว้ ผมเดินออกจากลิฟท์กำลังที่จะเดินไปที่โต๊ะแต่จู่ๆ ก็มีมือใหญ่มาปิดจมูกแม้จะตั้งสติว่าอย่าสูดกลิ่นเข้าไปแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วสิ่งสุดท้ายทีเห็นคือใบหน้าคมเข้มและมุมปากหนายกยิ้มร้ายก่อนที่สติเขาจะหายไป

.

.

ในเวลาที่อยู่ในความมืด ผมฝัน ฝันถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ฝันถึงอดีตที่เลวร้าย

“ไม่.........อึก.......” มือเรียวพยายามที่จะไขว่คว้ากลางอากาศ ผมเหมือนจะจมน้ำได้แต่ตะเกียกตะกายพยายามเพื่อหาอากาศหายใจ

“ตื่น!!!!”

“เฮือก!” ผมกระพริบตาหลายครั้งก่อนที่จะหุบอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด เหมือนผมกำลังจะตายถ้าไม่ได้เสียงตะวาดนั่น ผมนั่งนิ่ง ทั่วทั้งร่างมันสั่น สั่นจนผมต้องยกมือขึ้นมากอดอกไว้ เหมือนจะจมดิ่งกับฝันจนไม่รู้สึกว่ามีอีกคนในห้อง ทั้งที่นั่งอยู่ตรงนี้แต่ก็เหมือนอยู่ไกลแสนไกล



“เป็นอะไรไป” หยางอี้ได้แต่มองคนที่นั่งขดกอดตัวเองแน่นบนเตียง เล็บจิกที่ต้นแขนจนเป็นรอยแดง เขาเดินเข้ามาดูคนที่เขาไปหิ้วมาจากบริษัทคนที่ติดหนี้เขาอยู่ จริงๆ จะหิ้วมาตอนไหนก็ได้ แต่เผอิญเวลาไม่ปล่อยให้เขาเล่นสนุกเลยต้องใช้วิธีหักดิบ โปะยาแล้วหิ้วมา คนที่นอนนิ่งบนเตียงกว้างยิ่งดูตัวเล็กกว่าเดิม จากที่นอนนิ่ง แขนเรียวเริ่มปัดป่ายไปทั่ว อีกทั้งเสียงพึมพำและหยาดน้ำตาที่ร่วงกราว และที่น่าเป็นห่วงคืออาการที่เจ้าตัวทำท่าเหมือนหายใจไม่ออกจนเขาต้องพุ่งเข้าไปเขย่าตัวพร้อมตะโกนเสียงดัง

“..........”

“นี่นาย” หยางอี้ลองยื่นมือไปแตะที่ไหล่เล็ก

“ไม่....ไม่!! อย่าทำร้ายรินเลยนะ อึก...ไม่” เสียงหวีดร้องพร้อมกับมือที่พยายามปัดป้องนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วแน่นเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กนี่

“นาย..ริน!!” ผมเขย่าร่างบางที่ยังเหมือนไม่รู้สึกตัวพร้อมกับตะวาดเรียกชื่อเสียงดัง

“อ๊ะ..นาย..เป็นใคร” ตากลมโตกระพริบตาปริบๆ เหมือนได้สติทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม

“หยางอี้” ผมแนะนำตัว

“นายจับฉันมาทำไม” ก้มลงมองคนที่กล้าสบตาผมตรงๆ ทั้งๆ ที่ปกติไม่มีใครกล้าที่จะสบตากับผมแท้ๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมยกมือเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอยู่บนแก้มเนียน

“ฉันต้องการให้นายช่วย”

“ช่วยบ้าอะไร ฉันเป็นแค่นักศึกษาจบใหม่” เจ้าตัวหันหน้าหนีหลบสายตาผม

“หึๆ อย่างนั้นเหรอ นายคิดว่าฉันไม่รู้รึไงก่อนที่จะจับตัวนายมา” ตากลมตวัดจ้องหน้า เขาน่าจะเชื่อไอ้ซินไม่น่าประมาทเลย บริษัทนั่นต้องมีเบื้องหลังกับไอ้มาเฟียตรงหน้าเขา

“บริษัทนั่น??” ร่างเล็กเอ่ยถาม

“อ้อ ที่นั่นติดหนี้ฉันรับนายเข้าไปทำงานนิดหน่อย จริงๆ จะให้นายเล่นสนุกแต่ไม่มีเวลาแล้ว”

“นานเท่าไหร่”

“งานเสร็จเมื่อไหร่ นายก็เป็นอิสระเร็วเท่านั้น”

“ฉันต้องการเวลาที่แน่นอน สองเดือน ที่สำคัญฉันต้องมีอิสระทุกอย่าง” ทำไมผมต้องถูกต่อรองเรียกร้องขนาดนี้วะ ผมมองคนที่ยังมีหยาดน้ำตาเกาะแพขนตาหนา นี่มันใช่คนที่ถูกลักพาตัวมาเหรอ ทำไมถึงได้ทำท่าสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรแถมยัง....

“นี่ๆ ขอโทรศัพท์ฉันด้วยสิ” ร่างบางส่งมือมาตรงหน้าหลังจากที่หาทั้งตัวแล้วไม่เจอ เด็กนี่จะทำตัวสบายเกินไปไหม

“ฉันจับตัวนาย”

“ก็ใช่ไง แต่จะให้เครียดก็ใช่เรื่องแถมทำงานเสร็จนายก็ปล่อยฉันจะให้มาเครียดทำไม อีกอย่างก็ชินแล้วล่ะนะนี่ขอโทรศัพท์หน่อยสิ” หยางอี้ถอนหายใจทำไมถึงรู้สึกถึงความยุ่งยากในการจับตัวเด็กนี่มานะ ในข้อมูลที่หามาด้วยความลำบากเหมือนข้อมูลที่มีบางอย่างที่เป็นข้อมูลลวงที่เนียนมาก แต่ที่สะดุดใจเขาที่สุดก็คำว่า ประหลาด ตอนนี้เขาเห็นด้วยที่สุด เป็นคนที่ประหลาดจริงๆ เขาล้วงเอามือถือที่ยึดไว้ส่งให้ มือเรียวกดเบอร์ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่

“พี่ฟง”

(คุณหนูริน หายไปไหนครับ เกิดอะไรขึ้น) เสียงร้อนรนปลายแตกต่างจากคนที่เสยผมชื้นขึ้น

“อ่า ใจเย็นๆ นะพี่ฟง ตอนนี้รินปลอดภัย ทำสัญญาเสร็จแล้วอาจจะไม่ได้กลับมั้ง” ตาโตเหลือบมองคนที่ยืนนิ่งดูเขาคุยโทรศัพท์

(คุณหนูรินหมายความว่ายังไงครับ ผมจะไปบอกคุณหนูซินยังไงล่ะครับเนี้ย) ฟงรู้สึกล้มเหลวในการทำงานคุณหนูซินไว้ใจให้เขามาคุ้มกันแต่เขากลับทำงานพลาดไปเสียแล้ว

“น่าๆ พี่ฟงไม่ต้องซี เดี๋ยวรินคุยกับมันเอง พี่ฟงช่วยดูแลนมให้รินหน่อย คงไม่นานหรอก” รินบอกปักก่อนที่วางสายก่อนที่พี่ฟงจะบ่นอะไรออกมา ทั้งลูกน้องและเจ้านาย ผมเงยหน้ามองคนที่ยังยืนค้ำหัวเขาอยู่ ในหัวไล่เรียงรายละเอียดของคนที่ชื่อหยางอี้ คงจะเป็นคนนั้นสินะที่ซินเป็นกังวลถึงขั้นส่งพี่ฟงมาแต่ก็เหมือนจะดูร้ายกว่ารูปลักษณ์ภายนอก ช่างเหอะ ไว้ค่อยคิด

“นี่แล้วงานจะให้ทำอะไร” ผมยกมือลูบหน้าลูบตา

“ฉันต้องการบริษัทนี้” ไอ้หล่อกระดิกนิ้ว คนที่ยืนหุ่นอยู่มุมห้องขยับเอาเอกสารมาส่งให้ ผมรับมาเปิดอ่านก่อนที่จะโยนทิ้งส่งๆ ไว้ที่เตียง

“หิวแล้ว”

“ตามลูกน้องฉันไป” หยางอี้รู้สึกปวดหัวที่คนที่ลักพามาทำท่าสบายๆ เหมือนมาพักร้อนซะมากกว่า

ร่างบางรีบวิ่งลงจากเตียงเดินตามลูกน้องหน้านิ่งออกจากห้องไม่สนใจสายตาแปลกใจของอีกหลายๆ คนที่เห็นเขาเดินออกมาประหนึ่งแขกของเจ้านาย

“คุณชื่ออะไรครับ” ผมเงยหน้าถามคนที่เดินนำมองไม่ผิดน่าจะเป็นคนสนิทของหยางอี้แน่ๆ

“ผมนิวครับ” ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะนั่งลงตรงโต๊ะทานข้าว ตากลมมองทั่วห้องมันเป็นห้องสูทใหญ่ข้างนอกเป็นวิวที่ดูไม่น่าจะใช่กรุงเทพและเดาจากช่วงเวลา ผมน่าจะหลับไปนาน ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนทำให้ทุกคนมองอย่างสนใจ สักพักก็มีคนเปิดประตูเอาอาหารเข้ามา ค่อยๆ คิดไปละกัน ผมอาจจะคิดอะไรง่ายๆ แต่ในที่สุดทุกอย่างมันจะต้องผ่านไป ไม่ต้องคิดมาก อืม สปาเก็ตตี้นี่อร่อยจริงๆ ผมม้วนเส้นเข้าปากเร็วๆ เพราะไม่ได้ทานอะไรเลย

“งือ อยากกินขนมจัง” ปกติแล้วผมไม่ได้กินข้าวเยอะแบบนี้หรอกนะ ผมอยากได้ขนมหวาน

“นี่ฉันออกไปข้างนอกได้ไหม” เขาหันไปถามคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ไม่ ช่วยสำนึกตัวเองได้ไหมว่าโดนพาตัวมานะ”

“งั้นเหรอ พี่นิว ผมวานอะไรได้ไหมครับ” หันไปหาคนที่ยืนนิ่ง

“เอ่อครับ?” หยิบกระเป๋าเงินที่หยางอี้เดินมาวางทิ้งไว้ให้ ผมหยิบเงินสดทั้งหมดในกระเป๋าราวๆ สามพันส่งให้

“อะไรครับ??”

“ผมวานพี่ไปซื้อขนมให้หน่อยเน้นที่ช็อกโกแลต ขนมไทยด้วยก็ได้ถ้ามันมีนะครับ” ผมว่าชักอยากกินขนมไทย

“ทั้งหมดนี่เหรอครับ” นิวมองจำนวนเงินที่ดูไม่น้อยสำหรับการซื้อขนม

“อือ ทั้งหมดนี่ล่ะครับ” จะเงินหมดไม่ว่าขอแค่ผมได้กินขนมก็พอ พี่นิวทำหน้างงๆ แต่ก็หยิบเงินแล้วเปิดประตูไปสั่งลูกน้องข้างนอกให้ เดินไปนั่งที่โซฟาคว้าหมอนอิงมากอด มองคนนั่งไขว่ห้างพิงโซฟาอ่านดูเอกสารตรงหน้ามีโน๊ตบุ๊คเปิดทิ้งไว้

“จะจ้องอีกนานไหม” คนตรงหน้าเอ่ยถามโดยที่ยังไม่ละสายตาจากเอกสาร

“อืม ก็นานนะ อยากอาบน้ำ นายมีเสื้อผ้าให้ฉันเปลี่ยนไหม” เหมือนผมจะเห็นคนกำลังโมโห

“นาย...ช่างเถอะในห้องนายใส่ได้ทุกตัว” ผมพยักหน้าแต่ไม่ได้ลุกไปไหนมองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน อืม อายุก็น่าจะเกือบๆ สาบสิบ แถมยังสูงซะผมต้องเงยหน้ามอง มองจนพอใจโดยที่คนที่ถูกมองไม่ว่าอะไรผมก็ลุกเดินเข้าไปในห้อง รื้อเอาเสื้อผ้าที่ขนาดพอดีตัวกับผมเตรียมพร้อมจริงๆ นะอาบน้ำเรียบร้อย ผมก็ออกมายืนมองเตียงกว้าง จะนอนได้ไหมล่ะเนี้ย

ก๊อกๆ

“ครับ” ผมเดินไปเปิดประตู

“ของที่สั่งได้เรียบร้อยแล้วนะครับ” ผมขอบคุณแล้วเดินออกมานั่งที่โซฟาหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรรอสายซักพัก

“ (ไอ้รินนนนนนนนนนน) ” เสียงโวยวายดังลอดออกมาทันที

“อืม”

“ (ทำไม ทำไมถ้าฉันไม่อยู่ด้วยนายจะอยู่นิ่งๆ อยู่เฉยๆ ที่บ้านไม่ได้ใช่ไหม นายนี่มัน...) เหมือนจะหาคำมาว่าผมไม่ออก

“หายใจเข้า...หายใจออก....และทำใจเย็นๆ ฉันไม่เป็นไร กำลังกินขนมอยู่ แต่ขอยืมตัวพี่ฟงหน่อยนะเป็นห่วงนม” ผมได้ยินเสียงถอนหายใจปลงๆ ลอดมา

“ (นายไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นมันร้ายแค่ไหนถึงขั้นหาข้อมูลนายได้) ” เหลือมตามองคนตรงข้ามแวบหนึ่งก่อนที่จะสนใจห่อขนมต่อ

“อืมก็คงงั้น เอาเถอะเดี๋ยวเสร็จฉันก็กลับบ้านเองล่ะ ป๊าเป็นไงบ้าง”

“ (ฉันไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่นายดูไม่ทุกข์ร้อนนะริน) ”

“ฮ่าๆ ดีใจเถอะ ฉันเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว” คุยกันอีกสองสามคำก่อนที่จะวางสาย นั่งกินขนมไปเรื่อยจนค่อนคืน ผมก็ล้มตัวนอนบนโซฟากอดหมอนอิงก่อนที่จะหลับตาลง

“ไปนอนในห้อง”

“อือ ไม่เอา นอนนี่ล่ะกัน” ผมตอบก่อนที่จะนอนนิ่งๆ ร่างสูงได้แต่มองนิ่งๆ ก่อนที่จะเดินไปกระชากแขนเรียว

“เฮ้ยๆ ปล่อยนะ” แรงบีบที่แขนทำให้เขาต้องนิ่วหน้า ทั้งที่พยายามฝืนแต่ก็สู้แรงควายถึกไม่ได้ ได้แต่ปลิวตามแรง

ตุ๊บ

“โอ๊ยเจ็บนะ” ดวงตากลมโตคลอน้ำใสตวัดมองคนที่ทำหน้าเข้ม

“นอนนี่” หยางอี้พูดก่อนที่จะเดินออกจากห้องพร้อมได้ยินเสียงล็อกกลอนด้านนอก เผมได้แต่โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่บนเตียง อะไรวะแค่นอนข้างนอกก็ไม่ได้เหรอ กว้างแบบนี้จะให้เขานอนได้ยังไง เขาได้แต่ขดตัวนอนม้วนผ้าห่มจนเหมือนดักแด้เหมือนหวาดกลัว กลัวความฝัน ความฝันที่เข้ามาหลอกหลอนทั้งคืน
*********************************************

ช่วงนี้งานรุมเร้าเหลือเกิน 5555

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
3

หากจะถามว่าคนอย่างผมกลัวอะไรต้องตอบว่าในโลกนี้ที่ผมกลัวที่สุดคือ “ความฝัน” ผมหลอกตัวเองได้ หนีความจริงได้ แต่หนีจิตใต้สำนึกที่คอยหลอกหลอนผมยามหลับไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมหวานกลัวที่สุดคือความฝัน ร่างที่ขดเป็นก้อนกลมบนเตียงกว้างขยับไปมาเหมือนคนหลับไม่สนิท มือเรียวกำแน่นที่ปลายผ้าห่มจนขึ้นข้อขาว

เฮือก!

ผมสะดุ้งสุดตัวทั้งร่างหอบสะท้านเหมือนคนที่พึ่งไปวิ่งมาราทอนมา อีกแล้ว...ฝันอีกแล้ว ผมไม่อยากลับไปกินยาอีกแล้ว ถึงแม้จะดีขึ้นสามารถใช้ชีวิตปกติโดยไม่มีอาการหลงเหลืออยู่ แต่ก็ยังมีฝันที่ยังคอยหลอกหลอนและย้ำเตือนผมอยู่

“โธ่เว้ย ให้ตายเถอะ” ยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ ก่อนที่จะตวัดผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งกอดเข่าอยู่ทีมุมห้อง ก่อนที่จะหลับไปทั้งอย่างนั้น

แกร๊ก

คนที่เพิ่งเดินเข้าห้องมาแปลกใจเมื่อไม่เห็นใครที่ควรนอนอยู่บนเตียง สายตาคมเหลือบไปเห็นก้อนกลมสีขาวที่มุมห้อง ทำไมถึงไปนอนตรงนั้น หยางอี้รู้สึกแปลกใจกับอาการตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่พอได้สติขึ้นมาก็กลายเป็นคนกวนไปซะได้ เหมือนเป็นคนที่มีสวิตส์อยู่ในตัวเอง ประวัติของเด็กคนนี้แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเลยเพราะทางฝั่งเพื่อเด็กนี่จะช่วยเหลือไว้มากเลยทีเดียว ขายาวเดินไปประชิดก่อนที่จะเขย่าไหล่คนที่นอนหลับสนิท ทั้งๆ ที่ท่านอนที่ดูไม่สบายตัวแต่กลับหลับลงได้

“อือ..นม.”

“ไม่ใช่ นายควรลุกได้แล้ว”

“ก็...นอนไม่สบาย เริ่มงานได้แล้วเหรอ” หยางอี้มองคนมี่สะบัดหอบผ้าห่มไปวางที่เตียงนิ่งสายตาคมที่ไม่สื่อถึงอารมณ์ใดๆ

“ใช่”

“ออกไปซื้อของได้ไหม ฉันไม่คิดหนีอยู่แล้วน่า” น้ำเสียงสบายๆ กับร่างเล็กที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ผมไม่คิดจะพูดอะไร ถึงปฏิกิริยาของเด็กนี่จะสบายๆ เหมือนอยู่บ้านไม่คิดที่จะหนี ไม่คิดที่จะโวยวายทำให้ทั้งผมและลูกน้องต่างรับมือไม่ถูก

“....”

“ก็ได้ๆ ไม่ต้องทำหน้าดุขนาดนั้นก็ได้” เด็กนั่นยกมือยอมแพ้แล้วหนีเข้าห้องน้ำ ผมได้แต่ส่ายหัวหมุนตัวเดินออกไปสั่งงานลูกน้องแล้วออกไปข้างนอก เสร็จงานเมื่อไหร่ผมจะไม่เอาตัวประหลาดนี้ไว้ให้ปวดหัวแน่ๆ

ร่างบางเดินออกมานอกห้องเพราะรู้สึกหิว ตอนที่เปิดม่านในห้องออกไปเห็นเพียงต้นไม้ใหญ่รอบข้างไม่มีอะไรให้ระบุได้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนน่าจะเป็นเซฟเฮ้าส์ของหยางอี้และน่าจะอยู่ในไทยอยู่ล่ะนะ

“สวัสดีครัพี่นิว” ผมยกมือไหว้คนคุ้นหน้าที่นั่งอยู่โซฟาซึ่งยกมือรับไหว้เงอะๆ งะๆ “กินข้าวยังครับพี่” ผมถามขณะเดินเข้าห้องครัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นค้นหาของมาเยี่ยวยาพยาธิในท้องที่โหยหวนประท้วงหนักจะไม่กินก็ไม่ได้เพราะไม่อยากป่วยขณะถูกจับตัวอยู่อย่างนี้หรอกนะ

“ก็ยังครับ” ผมเหลือบมองนาฬิกาในห้องที่มันค่อนไปบ่ายกว่าๆ

“งั้นรอแปบนะครับพี่” ผมว่าก่อนที่จะลงมือทำอาหารเช้าควบเที่ยงของผม เสียงครึกโครมในครัวทำให้คนนั่งอยู่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ผ่านไม่นานกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็อบอวลทั่วทั้งห้อง ร่างบางตั้งโต๊ะก่อนที่จะเรียกพี่นิวคนที่เขาพอที่จะคุยเล่นได้แก้เหงา

“อร่อยมากครับ คุณรินนี่มีฝีมือนะครับ” ทันทีที่คำแรกเข้าปากคำชมก็หลุดออกมาทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้

“ขอบคุณครับ” ผมว่าพร้อมกับนั่งทานข้าวเงียบๆ ตามนิสัย ผมชอบทำอาหารเพียงแต่สองสามปีมานี้ไม่ได้ทำบ่อยๆ เท่านั้นเอง

แกร๊ก

“เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจจากทั้งพวกผมที่นั่งกินข้าว

“อ่าวไอ้หยางไม่อยู่เหรอนิว” คนที่เข้ามาใหม่เดินเข้ามาถาม ตกลงนี่ลักพาตัวผมมานี่เป็นความลับหรือเปล่าทำไมถึงมีคนนอกเข้าออกอย่างสบายใจ คิดไปพร้อมกับสังเกตคนที่เพิ่งเข้ามาร่างสูงใหญ่แต่ท่าทางจะเปน็0E47็นคนไทยแท้ท่าทางจะเป็นเพื่อนกับหยางอี้สินะ

“บอสออกไปข้างนอกครับ คุณชินมีนัดกับบอสเหรอครับ” พี่นิวรวบช้อนทำท่าจะลุกขึ้น แต่คนที่ชื่อชินโบกมือเชิงว่าไม่เป็นไรก่อนที่จะเดินมานั่งลงข้างๆ ผมซึ่งไม่ได้สนใจอะไรเพียงแต่นั่งทานไปเงียบๆ

“สวัสดีครับคนน่ารัก” คิ้วเรียวขมวดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ฮ่าๆ พี่ชื่อชินนะเป็นเพื่อนกับคนที่ลักพาตัวน้องมา” พี่ชินแนะนำตัวอย่างสบายๆ ด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้า เออเป็นเพื่อนกับมนุษย์หน้าตายนั่นได้ยังไงนะ

“อ้อครับ ผมรินครับ พี่ชินทานด้วยกันไหมครับ??” ผมถามพี่ชินที่ไม่ขัดศรัทธาพยักหน้ารับผมเลยลุกไปตักข้ามาให้

“น้องรินนี่มีฝีมือนะเดี๋ยวพี่มาฝากท้องบ่อยๆ”

“แค่ทำได้นิดหน่อยครับ”

“คุณชินครับมาบ่อยๆ เดี๋ยวบอส.......” นิวที่นั่งฟังรู้สึกเหงื่อตกเหมือนเป็นการรวมตัวของคนแปลกยังไงไม่รู้ไหนจะอาการคุยถูกคอของทั้งสองคนนี้อีกถ้าบอสรู้............เขาจะไม่ตายเหรอ

“ช่างหัวมันสิ ป่ะน้องรินไปนั่งดูหนังกันดีกว่า ปล่อยคนคิดมากล้างจานไป” พี่ชินลุกขึ้นจูงมือผมไปนั่งที่โซฟากลางห้องแล้วเปิดหนังดูส่วนผมก็ยกโน๊ตบุ๊คมาไว้ที่ตักแล้วเคาะแป้นพิมพ์รัวๆ ป้อนข้อมูลลงไป คนที่นั่งพิงโซฟาดูหนังชะโงกหน้าไปดูถึงกับต้องนวดขมับเมื่อหน้าจอสีดำเต็มไปด้วยภาษาต่างดาว

“นี่ทำอะไรอยู่ หืม” ผมละสานตาจากหน้าจอหันไปสบตาคนถามแต่มือยังพิมพ์ไปเรื่อย

“ก็ทำงานไงพี่ชิน ไม่งั้นไม่ได้กลับ น่าเบือจะตาย” คนถามที่ได้คำตอบถึงกับอึ้งเมื่อร่างเล็กพูดเหมือนมาพักร้อนอะไรประมาณนั้น

“ไม่คิดหรือไงว่าไอ้หยางจะไม่ยอมปล่อย” ชินเลิกสนใจหนังหันมาถามคนที่กลับไปตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์เหมือนเดิม

“ฮ่าๆ ผมไม่ได้ยอมอะไรง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะ” ผมยกยิ้มบาง เรื่องโดนลักพาตัวนี่มันก็แค่แผนเอาตัวรอดของผมแค่นั้นเอง

“รินนี่....ร้ายนะ” พี่ชินชมผมก่อนที่จะสนใจไปดูหนังต่อ ผมหยิบอมยิ้มขึ้นมาแกะใส่ปาก นิ้วเรียวเพิ่มความเร็วใจการพิมพ์โค้ดเพื่อที่จะเจาะระบบ เมื่อได้เริ่มพิมพ์โค้ดต่างๆ มากมายในหัวผมก็แทบตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชินกลับไปตอนไหน และที่นั่งข้างๆ เปลี่ยนเป็นใครอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ อมยิ้มในปากหมดแล้วแต่ผมยังคงกัดก้านอมยิ้มจนยุ่ย

“เฮ้อ.............” เสียงถอนหายใจยาวเหยียดพร้อมกับดวงตากลมที่ปิดลงอย่างเหนื่อยล้า หัวทุยพิงพนักอย่างอ่อนแรงก่อนที่ผมจะปิดสวิตส์ตัวเองหลับไป

.

.

คนที่กลับจากข้างนอกเดินลงมานั่งข้างๆ ร่างเล็กอย่างเนียนๆ มองคนที่จริงจังกับการพิมพ์จนไม่รับรู้ว่าผมมานั่งข้างๆ ผมเลยเลือกที่จะนั่งทำงานเงียบๆ ข้างๆ จนเสียงถอนหายใจยาวเหยียดก่อนที่คอเล็กจะพับหลับไปทันที ปล่อยให้นอนแบบนี้ก็คงจะใจร้ายไปนิด ผมดึงเอาก้านอมยิ้มออกโยนทิ้งขยะ เป็นเด็กรึไงกัน ยกโน๊ตบุ๊คออกจากตักแล้วช้อนคนตัวบางขึ้น

“เดี๋ยวผมอุ้มไปให้ก็ได้ครับ” รีบส่ายหน้าห้ามคนสนิทตัวเองขายาวก้าวเข้าห้องนอนวางคนตัวบางลงที่เตียงใหญ่

“เวลาหลับก็ดูเหมือนคนปกติดีอยู่หรอกนะ” มองคนที่ม้วนตัวเป็นดักแด้ทันทีที่สัมผัสกับเตียงซึ่งเป็นการนอนที่ผมได้แต่มองงงๆ ตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนแล้วผมเลยล้มตัวลงนอนข้างๆ ทั้งเซฟเฮ้าส์นี่มีห้องนอนใหญ่เพียงห้องเดียวหลังจากที่ปล่อยให้อีกคนยึดมาสองวันแล้วผมก็ขอนอนบ้างล่ะกัน

“หวังว่าจะไม่นอนดิ้นหรอกนะ” ผมพึมพำก่อนที่คิดจะพักสายตาสักพัก

.

“อึก ฮือ...ไม่นะ” เสียงพึมพำเหมือนไม่ได้สติพร้อมกับมือที่ปัดป่ายไปทั่วทกให้ร่างใหญ่ต้องลืมตาขึ้นมองคนที่นอนปัดป่ายเหมือนฝันร้าย

“รินขอโทษ รินไม่ทำแล้ว...แม่..อึก” เสียงที่จับใจความทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแน่น

“เฮ้ ตื่นสิ” เขย่าไหล่เล็กแต่เหมือนอีกคนจะติดอยู่ในฝันของตนเอง ผมรั้งคนที่กำลังจิกเล็บลงที่ท่อนแขนขาวของตัวเองเข้ามาก่อนที่จะลูบไล้ตามแผ่นหลังบาง

“ชู่ว..นอนซะนะ ไม่มีอะไรแล้ว” ร่างสูงทำสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลมคนที่ฝันร้าย มือเรียวที่จิกแขนตัวเองคลายออกก่อนที่จะซุกตัวกับอ้อมกอดอุ่นที่ขับไล่ฝันร้ายก่อนที่จะหลับสนิท ดวงตาคมมองคนที่หลับสนิทไปแล้วผมกอดคนที่กำเสื้อตรงอกแน่นก่อนที่จะหลับลงไปอีกครั้งและครั้งนี้ผมหลับสนิทกว่าทุกที



ฝันเมื่อคืนนี้เขาฝันดีที่สดในชีวิตฝันที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นซะจนไม่อยากตื่นแพขนตาหนาขยับเบาๆ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นเจอกับกำแพงกล้ามเนื้อระยะประชิดกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติเข้าร่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นใบหน้าคมเข้มระยะประชิดรับรู้ถึงอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดผมไว้ ความอบอุ่นที่ไม่ควรมีนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยซักนิด ผมค่อยๆ แงะท่อนแขนออกจากตัวแล้วพลิกตัวลงจากเตียงหนีเข้าห้องน้ำ

“ให้ตายเถอะริน” ผมได้แต่สบทว่าตัวเองในกระจกรีบอาบน้ำแต่งตัวหนีออกไปข้างนอกโดยคนที่กอดเขายังหลับอยู่บนเตียง

“ตื่นแล้วเหรอครับ”

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่นิว ทานแค่กาแฟเองเหรอครับ” ผมถามพี่นิวที่ตรงหน้ามีเพียงกาแฟดำแก้เดียว

“ครับ”

“รอทานข้าวกับผมก่อนนะครับ” แค่อยู่ต่างที่ก็น่าเบือพอแล้วอย่าให้ผมต้องนั่งกินข้าวคนเดียวเลย เดินเข้าครัวทำข้าวต้มด้วยความรวดเร็วเพราะมีข้าวสวยอยู่แล้วพี่นิวบอกว่าจะออกไปข้างนอกให้ทานก่อนได้เลยเดี๋ยวจะกลับมากิน ผมตักข้าวมาวางที่โต๊ะหน้าโซฟาก่อนที่จะนั่งลงกับพื้นพรมพร้อมกับเปิดโน๊ตบุ๊คดูผลลัพธ์ที่ผมสร้างไว้เมื่อวาน

“เอ๋ อ้อ...เป็นแบบนี้สินะ” ผมว่าพร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปากเก็บข้อมูลทั้งหมดลงในไฟล์และความเคลื่อนไหวทางหุ้นของบริษัท งานที่หยางอี้ให้ผมทำคือเอาข้อมูลลับของบริษัทนี้และรายชื่อผู้ถือหุ้นรายละเอียดหุ้นต่างๆ บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ที่ดูแล้วจะมีปัญหาภายในมากมายเหลือเกิน ถ้าได้บริษัทนี้เห็นทีหยางอี้คงจะขึ้นแท่นอันดับหนึ่งแน่ๆ

“จะกินหรือทำงานเลือกเอาซักอย่างสิ” เสียงทุ้มที่ดังมาจากข้างหลังเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง

“ไม่ สามารถทำพร้อมกันได้” ผมยักคิ้วกวนๆ ไปให้หนึ่งฉึก คนตัวโตได้แต่ส่ายหน้ากับอาการเด็กๆ ก่อนที่จะล้มตัวนอนที่โซฟาด้านหลังจามองหน้าจอคอมทั้งๆ ที่จะนอนต่อในห้องนอนก็ได้แต่เขากลับนอนไม่หลับ ลึกๆ เขารู้ดีเพราะไม่มีร่างนุ่มที่นอนกอดเมื่อคืนทำให้เขานอนหลับต่อไม่ลง

“นั่นทำเองเหรอ”

“อ้อ..ใช่จะกินไหมล่ะ ทำไว้เยอะเลยพี่นิวไม่รู้หายไปไหนยังไม่กลับมา” กับผมนี่ห้วนๆ กับคนสนิทนี่ พี่นิวอย่างนี้พี่นิวอย่างนั้น เหอะ

“กิน ไปตักมาสิ” ตากลมหันควับมามองสายตาค้อนแรงแถมยังกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าจนผมต้องชักสีหน้า

“ก็ได้ๆ” เด็กนั่นรับคำส่งๆ วางช้อนแล้วลุกไปตักข้าวต้มมาให้เพียงแต่มันไม่ได้มีเพียงข้าวต้มมีผัดผักแถมยังมีถ้วยผักดองเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาอีกดวงตาคมมองถ้วยข้าวต้มนิ่งก่อนที่จะลงมือทานรสชาติที่ได้กินมัน....ก็อร่อยดีแต่ก็ไม่ไดพูดออกไป

“นี่เรื่องที่ให้ทำนะเสร็จแล้วนะ เหลือแต่ฝีมือนายแล้ว งานฉันคงเสร็จก่อนสองเดือนแน่ๆ” หันไปสบตากลมวาวที่มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม

“งั้นเหรอ แล้วถ้าฉันไม่ปล่อยนายไปล่ะ”

“อ้อ..เหรอ” เด็กนั้นตอบแค่นั้นแล้วหันไปกินข้าวต่อเงียบๆ

“หึ” มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวที่รสชาติถูกปาก

นิวที่เพิ่งคุยงานเสร็จเดินกลับเข้ามากำลังคิดว่าจะเดินเข้าไปดีหรือจะออกไปคุยงานต่อดี เหมือนบรรยากาศมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้สินะ สงสัยจะได้ออกไปทานข้าวข้างนอกอีกแล้วสินะ

.

.

หลังจากที่โดนจับมาอาทิตย์หนึ่งผมไม่ได้โทรติดต่อกับทุกคนมีเพียงการคุยกับซินผ่านโปรแกรมที่ผมสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับเราสองคน ซินรายงานความเคลื่อนไหวภายนอกให้ผมฟังตลอดแต่ครั้งล่าสุดคือตัวรหัสสีแดงและขาดการติดต่อไปแต่ผมยังรู้ว่าซินปลอดภัยแค่นั้นก็ดีแล้วท่าทางฝั่งนั้นก็จะตึงมือ แม้อยากจะช่วยแต่ถ้าสอดมือไปตอนนี้ผมจะเป็นฝ่ายเพิ่มปัญหาวันเวลาผ่านไปผมอยู่ในห้องด้วยความเบื่อเพราะงานที่ได้รับมาใช้เวลาไม่นานผมก็ทำเสร็จวันๆ ก็ชวนพี่นิวคุยคลายเหงาส่วนบอสของพี่นิวนะเหรอผมไม่ได้เจอหน้ามาสามสี่วันแล้ว

“น้องรินนนนนน” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมพร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามาเสียงดังและเสียงร้องห้ามของเหล่าลูกน้องหยางอี้ข้างนอก พี่นิวที่นั่งตรงข้ามถึงกับถอนหายใจยาวและยกมือขึ้นกุมขมับตัวประหลาดมาเพิ่มอีกคนแล้ว

“พี่ชิน” ผมยกมือไหว้คนที่มาแบบแปลกๆ

หมับ

“พี่คิดถึงงง” ยังไม่ทันที่จะได้ทักทายอะไรมากมายร่างสูงโปร่งของพี่ชินก็พุ่งเข้ามากอดผมแน่น อ๊อก จะหายใจไม่ออกอยู่แล้วนะผมตบไหล่พี่ชินที่เหมือนจะรู้ตัวรีบปล่อยผมออกจากอ้อมแขนแต่ก็ยังไม่ลุกออกห่างไปไหน

“มีอะไรรึเปล่าครับ” หันไปถามคนที่หายไปนานได้ยินพี่นิวเล่าให้ฟังว่าโดนหยางอี้สั่งห้ามมา แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มาได้ล่ะ

“พี่อยากกินข้าวฝีมือน้องริน” คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ ใช่เหรอ...แต่ผมก็ไม่ได้พูดค้านอะไร

“ดีเหมือนกันครับผมจะได้มีเพื่อนกินข้าว” เพราะอะไรไม่รู้พี่นิวถึงไม่ได้มานั่งกินข้าวกับผมอีกเลยได้นั่งกินข้าวคนเดียวยังดีที่มีขนมให้ทานไม่ขาดมีแต่ยี่ห้อที่ผมชอบทั้งนั้น พอใกล้เที่ยงผมก็ลุกไปทำกับข้าวโดยมีพี่ชินเดินห้อยท้ายมาด้วย

“จะทำอะไรกิน”

“พี่ชินอยากกินอะไรครับผมทำได้หลายอย่างนะ” เมื่อรู้ว่าผมทำอาหารได้ในตู้เย็นก็เต็มไปด้วยของสดจะดูแลดีเกินไปแล้วแต่ก็ดีผมจะได้ทำอะไรแก้เบื่อ

“พี่อยากกินอาหารไทยรสจัดๆ”

“พี่ชินไม่ได้อยู่ที่ไทยหรอกเหรอครับ” ผมถามขณะที่หยิบของออกจากตู้เย็นมาวางที่โต๊ะ

“รู้ได้ไงอ่ะ” แม้น้ำเสียงจะดูเล่นใหญ่แต่แววตาเรียวนั้นกลับมองผมเหมือนจะค้นหาร่างสูงโปร่งยืนพิงเคาน์เตอร์หยิบแอปเปิ้ลมาถือหมุนเล่น

“ก็นิดหน่อยครับ” ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่ยอมเล่าอะไรมาผมก็ไม่คิดที่จะเผยไต๋ตัวเองออกมา

“รินนี่ฉลาดมากเลยนะ” พี่ชินชมผมก็เพียงยิ้มรับก่อนที่จะยกครกขึ้นมา ที่นี่มีทุกอย่างให้ใช้แถมถ้าขาดอะไรเพียงบอกพี่นิวรอไม่นานก็จะถูกหามาให้

“พี่ชินอยากช่วยไหมครับ” หั่นของเตรียมไว้โขลกเครื่องพริกแกงใส่จานไว้เรียบร้อย

“เอาสิ”

โป๊กๆ เสียงโขลกเครื่องแกงดังก้องทั่วเพนท์เฮ้าส์ผมละกลัวไม่ครกก็กระเบื้องไม่รู้อะไรจะแตกก่อนกัน

“ฮู้ว เหนื่อยจริงๆ” อ่า...มองความวินาศสันตโรตรงโต๊ะแล้วผมก็ไม่อยากจะพูดอะไรให้พี่ชินเสียน้ำใจยังดีที่เครื่องแกงยังเหลือพอที่จะทำเมนูเศษซากอารยธรรมที่กระจายอยู่รอบๆ

“นี่ๆ จะเอาไปทำอะไรอ่ะ” พี่ชินเหมือนเด็กเลยครับเดี๋ยวเดินวนเวียนคอยถามนั่นถามนี่ซะจนผมตอบทันบ้างไม่ทันบ้าง

“อันนี้ผมจะทำพะแนงหมูส่วนในหม้อนี้ต้มยำกุ้งน้ำข้น” แถมยังทำเผือไว้ทานถึงเย็นเลยกุ้งที่มีตัวโตมากซะจนไม่กี่ตัวก็เต็มหม้อแล้ว

“หอมมากๆ เลยพี่หิวแล้วล่ะ”

“งั้นพี่ชินตั้งโต๊ะเลยก็ได้ครับพะแนงต้องรออีกแปบ”

“ได้ๆ” ผมหันมาสนใจหม้อพะแนงลดไฟลงตักส่วนหนึ่งใส่ถ้วยส่วนที่เหลือก็ตั้งไฟอ่อนทิ้งไว้ ผมนั่งลงตรงข้ามพี่ชินกำลังที่จะตักต้มยำใส่จานเสียงเปิดประตูก็เรียกความสนใจของพวกเราซะก่อน

แกร๊ก

บรรยากาศที่กำลังชื่นมื่นกลับเงียบสงัดเมื่อร่างสูงใหญ่ชุดสูทสีดำพาดอยู่ที่แขนยืนทำหน้านิ่งพี่นิวขยับถอยห่างทำท่าจะหนีออกไปนอกห้องเสียด้วยซ้ำส่วนพี่ชินนี่วางช้อนทำหน้าทะเล้นมองเพื่อนสนิทตัวเอง

“ไง ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง”

“ฉันสั่งห้ามว่ายังไง” เอ่อ....ท่าทางที่ไม่เคยเห็นทำให้ผมเลือกที่จะเงียบทำตัวลีบเดี๋ยวโดนหางเลขไปด้วย

“ก็ฉันไม่ใช่ลูกน้องนายนะหยางอี้”

“แต่นายกำลังล้ำเส้น” แววตาคมแข็งกร้าวอย่างน่ากลัวทั้งสองคนจ้องตากันนิ่งอย่ามาทะเลาะกันตรงนี้นะเฟ้ย อยากจะตะโกนออกไปนะแต่ผมไม่กล้า

“หึ เหตุผลจริงๆ ของนายมันยังไงกันแน่”

“ชิน” ผมสะดุ้งเมื่อหยางอี้ตะคอกชื่อพี่ชินเสียงดังก่อนที่เรื่องมันจะแย่ไปกว่านี้ผมรีบลุกขึ้นไปคว้าแขนหยางอี้ก่อน

“เอ่อทานข้าวกันดีกว่านะ นั่งๆ” ดึงแขนใหญ่มานั่งลงข้างๆ ที่นั่งตัวเองแล้วรีบตักข้าวมาเสิร์ฟให้เสร็จแล้วก็นั่งลงข้างๆ

“อ่ะ นี่ลองทานดูนะ พี่ชินลองพะแนงสิครับ” ตักต้มยำกุ้งใส่จานคนนั่งข้างๆ แล้วค่อยตักพะแนงใส่จานพี่ชิน จะตีกันก็รอให้ผมกินข้าวเสร็จก่อนนะ

“หึๆ โอเคๆ พี่ทานก็ได้” พี่ชินขำในลำคอก่อนที่จะลงมือทาน ผมเลยเผลอถอนหายใจเบาๆ แล้วลงมือทานข้าวซักทีจะมีก็แต่คนที่นั่งข้างๆ นี่ล่ะ

“ยุ่งจริง” เสียงทุ้มบ่นเบาๆ ก่อนที่จะพาดสูทไว้ที่เก้าอี้อีกตัวแล้วลงมือทาน

“อร่อยจริงๆ นี่นายลองทานนี่สิฉันลงมือโขลกเครื่องเองเลยนะเว้ย” อยากจะขำกับอาการพรีเซ้นต์ของพี่ชิน

“อย่างนายนี่นะ”

“ช่ายยย ฉันเป็นคนโขลกเองกับมือ” เมื่อเห็นหยางอี้ทำหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่ผมเลยพูดยืนยันให้พี่ชิน

“ใช่ครับ พี่ชินเป็นคนช่วย” สายตาคมตวัดมามองแววตาเปล่งประกายกร้าวจนผมสะดุ้งริบก้มหน้าหลบสายตานั้นสายตาโกรธๆ สายตาที่เหมือนจะต่อว่า ผมทานไม่กี่คำก็อิ่มเลยยกจานไปเก็บแล้วเดินหอบเอาโน๊ตบุ๊คหนีเข้าห้องที่เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนว่าเป็นห้องของหยางอี้ซึ่งเจ้าของห้องไม่ค่อยได้กลับมานอนหรอกมีเพียงวันนั้นผมตื่นขึ้นมาเจอก็ไม่เห็นหยางอี้กลับมานอนห้องอีกเลย

ผมนั่งเหม่อมองตัวหนังสือสีเขียววิ่งผ่านหน้าจอไปเรื่อย นี่เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วงานที่ให้ทำเป็นงานง่ายๆ และดูเหมือนหยางอี้จะวุ่นวายขึ้นมากกว่าช่วงแรกที่ผมโดนจับตัวมา หรือว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ ผมรีบเข้าโปรแกรมติดต่อหาซินแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายแต่นี่มันนานเกินไปจนผมใจไม่ดี รีบคว้าโทรศัพท์ติดต่อหาพี่ฟงซึ่งก็ติดต่อไม่ได้เลยเปลี่ยนโทรหานมจิตรอสายไม่นาน

“นมครับพี่ฟงไม่ได้อยู่ด้วยเหรอครับ” ก่อนที่นมจะพูดอะไรผมรีบยิงคำถามไปก่อน

“คุณฟงกลับได้อาทิตย์กว่าๆ แล้วค่ะ” คำตอบที่ได้ยินทำเอาความคิดในแง่ร้ายผุดขึ้นในหัว ผมรีบลานม ขยับนิ้วล้างตัวหนังสือบนหน้าจอป้อนคีย์ลับอย่างรวดเร็วเมื่อประมวลผลเสร็จจุดพิกัดก็เด้งขึ้นมากระพริบและเคลื่อนที่น้อยๆ ซินยังอยู่ที่บ้านนั่นทำให้ผมโล่งใจคงจะเรียกพี่ฟงกลับไปสินะ พ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเห็นทีผมต้องหาทางจัดการเรื่องวุ่นๆ นี่แล้วสินะ

.

.

ทันทีที่ร่างบางลุกขึ้นจากโต๊ะบรรยากาศก็กลับมามาคุเหมือนเดิมทั้งสองคนต่างวางช้อนหยางอี้โมโหแทบอยากจะต่อยเพื่อนคนเดียวสักทีสองที ทั้งๆ ที่สั่งห้ามไว้แล้วยังจะข้ามเส้นมาอีก

“น้องหน้าเสียหนีเข้าห้องไปแล้ว” รอยยิ้มหวานแต้มบนใบหน้าเรียวเป็นรอยยิ้มที่ผมอยากต่อยจริงๆ

“ไม่เกี่ยวกับนาย”

“หึๆ คิดเหรอว่าน้องรินจะอยู่ที่นี่” ผมนิ่งเพราะรู้ดีว่าคนที่หนีเข้าห้องนั้นมีทางหนีทีไล่สำหรับการลักพาตัวครั้งนี้อยู่แล้วและผมก็ปล่อยให้รินทุกอย่างทั้งอินเตอร์เน็ตทั้งโทรศัพท์ไม่ได้คิดที่จะห้ามด้วยซ้ำเพราะจุดประสงค์แรกก็ไม่ได้คิดที่จะจับตัวมาข่มขู่อะไรอยู่แล้ว

“ตอนนี้ต้องอยู่ที่นี่เท่านั้น”

“วุ่นวายมากสินะ” ใบหน้าคมพยักหน้าเบาๆ ถ้าหากเด็กดื้อนั่นอยากกลับเรื่องราวมันคงแย่กว่านี้ ต่อให้แฮกข้อมูลได้แต่ข้อมูลหลายอย่างมันก็ไม่ได้เห็นภายในโลกตัวเลขศูนย์หนึ่งเท่านั้น

“กลับไปได้ล่ะ”

“ที่ห้ามมาที่นี่ไม่ใช่กลัวเปิดเผยอะไรใช่ไหมแต่กลัวว่าฉันจะสนิทกับน้องล่ะสิ” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทจนอยากสั่งให้ลูกน้องหิ้วมันออกไปจากบ้านแล้วสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาอีก

“.....” ผมเงียบเป็นคำตอบยกช้อนขึ้นตักต้มยำกุ้งไม่อยู่ที่นี่ตั้งหลายวันเพราะต้องบินกลับไปคุยเรื่องปัญหาเกี่ยวกับเด็กดื้อนั่นล่ะ

“เอาจริงๆ นะน้องรินน่ารักมากเลยวะ ข้อมูลอื่นๆ นี่หาไม่เจอจริงๆ เหรอวะ” นี่เป็นเรื่องที่อยากจะรู้อยู่เหมือนกันช่วงเวลาตอนเด็กหรือครอบครัวกลับไม่มีข้อมูลเลยซักนิด หลังจากที่ไล่ชินกลับก็เดินเข้าไปในห้องแต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงแก้มใสเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เกิดอะไรขึ้น!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายทำอาหาร ฮ่าๆๆ

ช่วงนี้เค้าติดซีรี่วายจะว่าวายมากก็คงไม่ถูกนักแต่มีโมเม้นต์ให้ดูให้จิกหมอน 

ที่เงียบคือติดมาก  เรื่อง Guardian 40 ตอนจบนะคะ

เดี๋ยวนะนี่นอกเรื่องหนักมาก อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบอกเราด้วยนะคะ 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 3 24/6/2561
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-06-2018 13:37:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 4 2/7/2561
«ตอบ #10 เมื่อ02-07-2018 23:09:03 »

5

เมื่อสบายใจว่าเจ้าซินยังอยู่บ้านก็หันมาเช็คโน้นเช็คนี่จนสะดุดกับการเปลี่ยนแปลงของบริษัทพี่รัน ทั้งๆ ที่เตือนแล้วแต่ก็ยังไม่ฟังสินะ เอาเถอะถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ตัดสายสัมพันธ์สุดท้ายนี่ทิ้งซะที กดโทรข้ามประเทศรอเพียงไม่นานปลายทางก็กดรับ

“ (ริน เป็นยังไงบ้างครับ) ”

“พี่ทำไมไม่ยอมฟังที่รินเตือน” ไม่ตอบคำถามพี่รันเพราะบริษัทนี้พี่รันเป็นคนสร้างขึ้นมาจากบริษัทเล็กๆ ขึ้นเป็นบริษัทในชั้นแนวหน้า ทำให้ผมเป็นห่วงความรู้สึกของพี่รันมากกว่า

“ (พี่....พี่พยายามแก้ไขอยู่) ” น้ำเสียงเหนื่อยล้าของพี่รันทำให้ผมเป็นห่วง

“ให้รินช่วยไหม??”

“ (ไม่ต้องหรอกรินแค่รินเป็นห่วงพี่ก็ดีใจแล้ว..........นั่นแกคุยกับใครไอ้รัน....ผมคุยกับน้องครับ...แกไม่เคยมีน้องเพราะแกคุยกับตัวเสนียดนั่นไง............พ่อ!! พอเถอะครับผมจะคุยกับน้องเอง) ” เสียงทะเลาะกันนั่นทำให้ผมรู้ว่าใจผมยังไม่ได้ตายด้านแม้จะได้ยินอีกครั้งผมก็เจ็บปวดได้ยินเสียงทะเลาะเบาๆ ลอดออกมาพร้อมกับเสียงปิดประตู

“ (รินยังอยู่ไหม) ” เพราะเมื่อครู่ทำให้ผมตัดสินใจบางอย่างสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพูดในสิ่งที่คิดดีแล้วแม้จะต้องเสียสิ่งที่สำคัญอีกคนไป

“พี่รัน รินจะช่วยเอาบริษัทนี้กลับมาให้ทั้งพี่และคนคนนั้น”

“ (นั่นพ่อนะริน) ” พี่รันไม่พอใจที่ผมไม่ยอมเรียกคนๆ นั้นว่าพ่อปกติผมจะไม่เรียกให้พี่รันได้ยินหรอกนะ พ่องั้นเหรอ ได้แต่หัวเราะเย้ยหยันกับตัวเองผมไม่เคยได้สัมผัสกับความหมายของคำๆ นี้เลยซักครั้ง

“ (พี่รันก็รู้ว่าผมไม่เคยได้รับคำๆ นี้เพราะงั้นอย่ายื้อเลยดีกว่าครับ รินจะเอาบริษัทนี้คือให้แลกกับทุกเรื่องของตระกูลเศวษฉัตร จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับรินอีกต่อไป” มือเล็กกำแน่นเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต

“ (ริน!! พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง) ”

“พี่รัน ถือว่าเป็นการตอบแทนที่พี่รันดูแลน้องคนนี้มาโดยตลอด สองเดือนพี่รันจะได้ทุกอย่างคืนและกับสายสัมพันธ์ที่เหลืออยู่ ผมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว”

“ (แต่รินเป็นน้องพี่..) ”

“พี่รัน..พอเถอะครับ สิ่งที่ยื้อไว้มันก็แค่เศษเสี้ยวบางๆ ที่รั้งตัวพี่รันไว้ ผมรู้ว่าพี่รันรู้สึกผิด รินดีใจนะที่มีพี่รันเป็นครอบครัวแต่พอเถอะ...บอกเขาด้วยในสิ่งที่ผมบอกไป แล้วอยู่นิ่งๆ อย่าทำอะไรปล่อยให้ผมจัดการเอง” ผมว่าก่อนที่จะตัดสาย พอกันทีรู้มาโดยตลอดสิ่งที่บอกว่าพี่รันเป็นคนยื้อแต่เอาจริงๆ เป็นผมต่างหากที่อยากจะยื้อคำว่าครอบครัวนี้ไว้ และสิ่งที่เสนอก็เพื่อผมจะได้ลบข้อมูลของตัวเองให้หายไปจริงๆ ซะที ครอบครัว สิ่งที่ผมไม่เคยได้จากคนที่ให้กำเนิดแท้ๆ ยิ่งคิดหยาดน้ำใสยิ่งไหลออกมา ถือว่าผมทำถูกแล้วสินะ

หยางอี้ไม่รู้ว่าเด็กดื้อเป็นอะไรเพียงแค่เห็นอาการนิ่งแบบนี้เหมือนตอนที่เจ้าตัวตื่นขึ้นมาในวันแรกขนาดผมเดินเข้ามาก็ยังไม่รู้ตัวเลยเอื้อมไปหยิบโน๊ตบุ๊คออกวางที่โต๊ะข้างเตียงคนที่นั่งร้องไห้ก็ยังไม่รู้สึกตัวดวงตาเหม่อลอยไปไกลผมไม่ได้เขย่าตัวเรียกแต่นั่งลงข้างๆ ค่อยๆ ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่เหมือนยิ่งเช็ดจะยิ่งไหลจะร้องไห้ให้น้ำหมดตัวเลยหรือยังไง เนินนานจนตากลมนั้นแดงก่ำซะจนน่ากลัวแต่ดูเหมือนยังไม่คืนสติ ร่างสูงเดินออกไปหยิบผ้าผืนเล็กห่อด้วยก้อนน้ำแข็งเดินกลับเข้าไปในห้อง มือใหญ่ค่อยๆ ประคบอย่างเบามือใต้ตาแดงช้ำแทบไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะทำตัวอ่อนโยนกับใครก็เป็น

“อึก....นาย” เหมือนจะได้สติคืนมาแล้วสินะ

“นอนพัก” เด็กดื้อเหมือนจะพูดอะไรออกมาอีกผมเลยใช้มือที่ว่างดันหน้าผากแรงๆ จนหงายหลังลงบนที่นอนตากลมแวววาวด้วยน้ำตาค้อนวงโตอยากจะค้อนนักใช่ไหมผ้าเย็นๆ ถูกพับแล้วโปะลงที่ตาทั้งสองข้าง

“มันเย็นนะ”

“จะได้ไม่บวมไง” บอกเสียงเรียบๆ ทีกับผมนี่ทั้งดื้อทั้งงอแงแต่กับคนอื่นนี่ทำตัวเป็นน้องเล็กเมื่อเห็นว่าขัดขืนไม่ได้เด็กดื้อก็ยอมนอนลงดีๆ ไม่นานก็หลับไปร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำผ่านไปสักพักร่างสูงทีสวมเพียงกางเกงขายาวเดินมาล้มตัวนอนข้างๆ คนที่ขดตัวเป็นกลมที่พอเขานอนลงก็พลิกตัวขยับเข้ามาชิดเหมือนแมวที่ต้องการไออุ่น มองใบหน้าเนียนที่หลับพริ้มรอยยิ้มบางที่ประดับบนใบหน้าเหมือนอยู่ในฝันดี ดวงตาคมมองรอยยิ้มบางนิ่ง แม้จะรู้จักเด็กนี่มานานแต่บางครั้งก็เหมือนเป็นใครที่ไม่รู้จัก เติบโตขึ้นเหมือนดอกไม้กลางป่าใหญ่แม้จะดูสวยงามแข็งแกร่งแต่ก็เปราะบาง นิ้วหนาไล่ตามโครงหน้าเรียวแผ่วเบาก่อนที่จะหลับตาลง เขาตื่นขึ้นกลางดึกเมื่อร่างเล็กขยับเข้ามาซุกมือเรียววางบนแผ่นอกทำให้คนอื่นเขาตื่นแต่ตัวเองหลับสบายนี่นะ อยากจะแกล้งอะไรอยู่หรอกนะแต่ท่าทางหลับสนิทไม่เหมือนหลายๆ คืนทำให้เขาแกล้งไม่ลงยอมให้นอนซุกจนถึงเช้าตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นอยู่บนเตียงแล้ว

“บอสครับเรื่องที่ฮ่องกง........” นิวเคาะประตูเรียกท่าทางจะมีเรื่องด่วนรีบลงจากเตียงเปิดประตูไปหา

“มีอะไร”

“ที่ฮ่องกงเกิดเรื่องแล้วครับ”

“โทรกลับไปฉันจะเดินทางไปให้เร็วที่สุด ส่วนนายดูแลที่นี่ให้ดีเรียกทุกคนกลับมา” รีบสั่งงานอย่างรวดเร็วหมุนตัวกลับเข้าไปทำธุระส่วนตัวเก็บกระเป๋าใส่ใบเล็กพอเปิดประตูออกมาก็มีเด็กดื้อยืนรออยู่แล้ว

“มีอะไร”

“ร้ายแรงมากเลยใช่ไหม” ผมถอนหายใจ

“ถ้ารู้แล้วก็อยู่ดีๆ อย่าดื้อ” ตบเบาๆ ที่หัวทุยนั่นสองสามทีและก็โดนปัดมือออกหน้ามุ่ยๆ นั่นจนอยากจะบีบจมูกรั้นนั้นแรงๆ สักที

“อย่าสั่งนักเลยน่า แล้วงานล่ะ”

“ก็รู้ว่าให้ทำเล่นๆ จะทวงทำไม”

“ชิ จะไปไหนก็ไปเลยไป” มือเล็กโบกมือไล่ ผมเลยจัดการโยกหัวทุยนั่นแรงๆ เพราะความมั่นเขี้ยว ก่อนที่นิวจะเรียกเลยต้องผละออกอย่างเสียดายแล้วก้าวยาวโดยไม่หันหลังกลับ เดินทางลัดฟ้าจนมาถึงแผ่นดินฮ่องกง ทันทีที่เท้าเหยียบแผ่นดินเกาะฮ่องกงก็ถูกต้อนรับอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว ขายาวก้าวเข้ายังคฤหาสน์หรูของตนเอง

“บอกมาว่านี่มันเรื่องอะไร”

“ทางมันรู้แล้วครับว่าเป็นคุณหนูรินและตอนนี้กำลังตามหาตัวอยู่ครับ” คนสนิทที่ให้อยู่ดูแลทางนี้รายงานสถานการณ์ที่มันไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเลยด้วยซ้ำแถมรู้ตัวเจ้าเด็กดื้อแล้วด้วยท่าทางปัญหาจะตามมาอีกเยอะ ไม่รู้จะอยากได้อะไรกันหนักกันหนากับเด็กตัวแค่นั้น ถึงแม้ฝีมือจะดีแต่ก็เป็นแค่เด็กดื้อคนหนึ่ง แม้จะคิดอย่างนั้นแต่เขาก็รู้ดีว่าเพราะเป็นรินทุกคนถึงได้ต้องการตัว ถ้าไม่ได้ตระกูลไป๋ดูแลและช่วยเหลือไว้ล่ะก็คงโดนรุมทึ้งไปตั้งนานแล้ว

“รีบจัดการปล่อยข่าวลือและติดต่อไปทางไป๋เหยียนฉันจะไปเข้าพบ” ยังไม่ทันที่จะได้นั่งพักก็รีบเดินทางไปยังตระกูลไป๋ รั้วสูงแบบจีนโบราณไม่ใช่แบบสมัยใหม่ตามที่อยู่รอบๆ นั่นยิ่งทำให้บ้านหลังนี้โด่ดเด่น

“คุณหยาง เชิญครับ” หยางอี้พยักหน้าแล้วเดินตามพ่อบ้านที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม้ใหญ่ ไม่ยักรู้ว่าคุณไป๋จะชื่นชอบกับการแต่งบ้านแบบนี้พอเดินเข้าไปก็เจอสวนร่มรื่นมีเพียงเรือนแบบจีนพ่อบ้านเดินลัดเลาะไปตามสวนจนมาถึงสระบัวมีเก๋งเล็กตั้งอยู่กลางน้ำ

“เชิญรอที่นี่ก่อนนะครับ” นั่งลงเก้าอี้ไม้สีแดงชาร้อนถูกเตรียมไว้อยู่แล้วสายลมเบาๆ พากลิ่นหอมของดอกบัวที่บานอยู่เต็มสระ บรรยากาศน่าอยู่จนผมคิดอยากจะสร้างบ้านแบบนี้บ้าง

“รอนานเลยสินะ” ร่างท้วมเดินตรงมายังเก๋งผมลุกขึ้นโค้งให้กับผู้สูงวัยกว่าแม้ใบหน้าจะมีริ้วรอยความแก่ชราดวงตาที่ผ่านโลกมามากมาย

“ไม่นานเลยครับ”

“มาเรื่องเจ้าหนูรินสินะ” ไป๋เหยียนผายมือเชิญให้นั่งลงข้างๆ

“ครับ”

“อยู่กับเจ้าหนูนั่นคงปวดหัวไม่น้อยเลยสินะ” แววตาของคนสูงวัยฉายแววรู้ทันทำให้ผมยกยิ้มจริงๆ มันก็ไม่ได้ปวดหัวเท่าไหร่

“ไม่หรอกครับ”

“งั้นเหรอ ยังไงก็ฝากดูแลหน่อยละกันนะ ตอนนี้ทางฉันก็กำลังจัดการอยู่” ไป๋เหยียนยกชาขึ้นจิบ

“ทำไมคุณต้องช่วยรินขนาดนั้นครับ”

“เจ้าหนูนั่นน่าสงสารนะ นิสัยอาจจะแปลกๆ ไปหน่อยแต่ก็เป็นเด็กดี” ดวงตาเหม่อมองสระบัวย้อนนึกไปถึงตอนที่ได้เจอเจ้าหนูครั้งแรกเมื่อสี่ปีก่อนหลังจากที่จู่หุ้นทั้งหมดของคาสิโนใหญ่ในเกาะฮ่องกงก็เปลี่ยนมือชื่อที่ได้เห็นทำให้เขาสืบทันทีก็เจอเพียงเด็กอายุราวๆ 17-18 ครั้งแรกที่ได้เจอเจ้าหนูนั่นเหมือนตุ๊กตาที่กลวงเปล่าแววตากลมนั้นมีประกายมีชีวิตเลยด้วยซ้ำ ท่าทางไม่หยีระกล้าสบตาเขาตรงๆ ทั้งที่โดนจับตัวมา จากที่ได้คุยและดูแลทำให้เขาอดสงสารและเอ็นดูไม่ได้เลยทุ่มเทปิดทุกๆ ประวัติของเจ้าหนูนั่นเขารักเจ้าหนูนั่นเหมือนลูกอีกคน

“ผมทราบครับ” พูดคุยธุระกันอีกหลายเรื่องเลยถูกชวนให้ร่วมทานอาหารเย็นซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“ป๊า สวัสดีครับคุณหยาง” ร่างบางสมส่วนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามา เพื่อนสนิทของริน เยว์ซิน ผมพยักหน้าทักทายเล็กน้อย

“รินเป็นยังไงบ้างครับ”

“ก็ดื้อได้ทุกวันแต่เข้าใจสถานการณ์ดี” พอได้ยินผมบอกแบบนั้นเย่ว์ซินก็ยิ้มกว้าง

หลังจากที่ทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วท่านไป๋ก็ยินยอมที่จะร่วมมือกัน เพราะฝั่งที่อยากได้ตัวรินนั้นก็เป็นหนึ่งในสี่พยัคฆ์ของฮ่องกงที่เหมือนจะยังอาฆาตกับการที่เสียผลประโยชน์ไป ร่างสูงค่อยๆ ถอดไทและสูทพาดบนเก้าอี้เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ ในหัวคิดถึงเรื่องที่จะต้องจัดการให้เสร็จภายในพรุ่งนี้ อยากจะเร่งให้จบเร็วๆ แต่สถานการณ์กลับไม่สู้ดีนัก

.

เมื่อให้ยื่นเส้นตายกับพี่ชายไปผมก็รีบหาข้อมูลทุกอย่างเท่าที่จะขุดหาได้และติดต่อขอเอกสารทั้งหมดจากพี่รันและรู้สึกว่างานนี้ท่าจะยากเพราะเตือนแล้วก็ไม่ฟังทำให้หลายอย่างแทบที่จะหาทางเอาคืนไม่ได้ เพราะจะให้ผมกระโดดออกตัวไปเปิดเผยก็คงไม่ใช่เรื่อง เพราะตอนนี้สถานการณ์ผมก็ใช่จะดีถ้าหากเปิดเผยตัวตอนนี้ปัญหายุ่งๆ ก็คงจะตามมาและจะทำให้ทุกคนที่คอยช่วยต้องเดือดร้อน แต่จะทำอย่างตอนที่เอาหุ้นคาสิโนนั่นก็ไม่ได้ ปวดหัวจัง โยนเอกสารทั้งหมดทิ้งลงเตียงล้มตัวลงนอนที่รู้สึกว่ามันกว้าง.....กว้างซะจนไม่ชิน

ครืดๆ

เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงผมเลยกระดึ๊บขยับไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับโดยไม่มองชื่อ เพราะมีแต่คนสนิทเท่านั้นที่รู้

“สวัสดีครับ”

“ (ทำอะไรอยู่) ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำเอาผมต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง

“หยางอี้??” น้ำเสียงที่พูดออกมาแปลกใจสุดกู่ไม่นึกว่าจะโทรมาหาผม

“ (ช่วยเรียกดีๆ หน่อยได้ไหม) ” จมูกรั้นย่นน้อยๆ เหมือนจะได้ยินหยางอี้ทักเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

“อ้อ จะให้เรียกอะไรล่ะ เหล่าหยางไหม” ผมพูดขำๆ เพราะคำว่าเหล่านี้ก็คงจะเกินอายุของหยางอี้ไปซักหน่อยเพราะมันเป็นคำเรียกของผู้อาวุโส

“ (เด็กนี่...) ”

“อ๊ะ หรือจะเรียกหยางเกอ” ผมรีบพูดแทรกก่อนที่ปลายสายจะบ่นอะไรผมออกมาและเหมือนคนปลายสายจะเงียบหายไป (เกอ คำเรียกพี่ชาย)

“นี่ยังอยู่หรือเปล่า หยางเกอ....เกอเกอ”

ตรู๊ดๆ

เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าผมโดนตัดสายหนี อะไรกันก็เรียกตามที่อยากให้เรียกแล้วไงแล้วก็ตัดสายหนีแบบนี้นี่นะ

“หึๆ ฮ่าๆ ๆ น่ารักไปรึเปล่า ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะใสกังวานทั่วห้อง กับอาการตัดสายทิ้งเพียงเพราะผมเรียกเกอหัวเราะซะจนต้องปาดน้ำตาอะไรของเขานะ อยากจะส่งข้อความไปแซวอยู่หรอกนะแต่กลัวเกอเกอจะปิดเครื่องหนี ล้มตัวลงนอนด้วยอารมณ์ดีที่เกิดได้ยากแม้จะไม่มีไออุ่นจากใครคนนั้น คืนนี้ผมก็นอนหลับฝันดี

หลังจากที่เรียกหยางอี้ว่าเกอเกอไปแล้วก็ไม่มีการติดต่อมาจากหยางอี้อีกเลยพอถามพี่นิว พี่ท่านก็ตอบเพียงว่าไม่ทราบข่าวเลย วันนี้หอบเอางานทุกอย่างมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นโดยมีเสบียงเป็นขนมหวานที่พี่นิวไปซื้อมาให้ทุกวันโดยที่ผมไม่ได้บอกอะไรเลยแถมยังมีทุกอย่างที่ผมชอบ แถมตอนนี้ผมจะทำอะไรก็ได้ตามสบาย

ปัง

“เรื่องด่วนครับ เราต้องเดินทางกันเดี๋ยวนี้” พี่นิวที่จู่ๆ ก็เปิดประตูเข้าห้องมาเสียงดังแต่สิ่งที่ตกใจคือเรื่องที่ผมต้องเดินทาง แสดงว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ ผมรีบเก็บเอาเอกสารและโทรศัพท์ใส่กระเป๋าส่วนโน๊ตบุ๊คก็ถือ พี่นิวรีบเดินนำผมออกจากห้อง

“ทำลายทุกอย่างที่ซะ” พี่นิวสั่งลูกน้องทิ้งท้ายแล้วรีบเดินจูงมือผมลงไปยังชั้นจอดรถที่อยู่ใต้ดิน

“เกิดอะไรขึ้นครับพี่นิว” ผมถามเมื่อขึ้นรถมาเรียบร้อยแล้ว

“ตอนนี้บอสถูกลอบทำร้ายครับ”

“!!!” ข่าวที่ได้รับทำให้ผมตกใจพูดไม่ออก ขอร้องล่ะอย่าเป็นอะไรไปเลยนะ
*********************************

เอามาลงให้ก่อนนะคะครึ่งหนึ่ง

ยอมรับว่าเหมือนหมดไฟในการปั่นนิยายมากช่วงนี้  :z3:

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

อีกครึ่งลงพรุ่งนี้ค่ะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ช่วงชีวิตยี่สิบกว่าปีของผมเริ่มจากจุดต่ำสุดจนสู่จุดสูงสุดและช่วงเวลาวัยรุ่นเป็นช่วงที่ผมรักที่สุด ได้เจอซินได้เจอป๊าได้มีชีวิตใหม่ ผมเป็นลูกคนเล็กจากครอบครัวเศวษฉัตรตระกูลที่มีประวัติผู้ดีมายาวนานคงคิดว่าผมเกิดมาคงจะได้เป็นคุณหนูตัวน้อยๆ ที่ได้รับความรักอย่างมากล้นแต่ความจริงแล้วตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดคนที่เป็นแม่ด้วยซ้ำ มีเพียงนมที่คอยเลี้ยงดูพอโตขึ้นมาบ้านทั้งหลังก็เหมือนเป็นนรกทั้งเป็นของผม หลังจากที่เริ่มเรียนอนุบาลผมก็ถูกย้ายลงมานอนกับนมเพราะยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไรเลยไม่ได้คิดอะไรมาก พี่รันถูกส่งไปเรียนเมืองนอกหลังจากที่ผมถูกย้ายลงมาทันที

“นมฮะ พี่รันไปไหน” จำได้ว่าผมตั้งคำถามนี้เป็นร้อยครั้งและทุกครั้งนมก็เพียงกอดผมและร้องไห้จนผมเลิกถาม

“แม่ฮะทำอะไรอยู่ฮะ”

“แก!! แกเกิดมาทำไม ทำไมไม่ตายๆ ไปซะ” ตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ๆ แม่ก็พุ่งเข้ามาเขย่าตัวแรงทั้งโดนฝ่ามือเรียวนั่นฟาดตามเนื้อตัว

“แง้ เจ็บรินเจ็บฮือออออ โอ๊ย”

“คุณผู้หญิงคะปล่อยค่ะ” นมรีบวิ่งมาดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น

“หึทำไมเด็กอย่างมันเกิดมาก็เป็นแค่ตัวซวย เพราะมัน มันทำให้คุณพฤษพาลูกหนีฉันไป ฮืออลูกรันของแม่” ในตอนนั้นผมได้แต่กอดนมเพราะหวาดกลัวแม่แท้ๆ ของตัวเองไม่ได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ นมเพียงแต่พร่ำบอกว่าแม่รักเขามากแต่สิ่งที่ได้เห็นมันกลับไม่ใช่

“ผมยกข้าวต้มขึ้นมาให้ครับ”

“เพล้ง!!!”

“ฉันเกลียดแก ออกไปให้พ้นหน้าฉัน” อึก ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะถูกยอมรับรีบก้มหน้าก้มตามเก็บถ้วยข้าวต้มยังไม่ทันที่จะทำเสร็จแก้วน้ำก็ถูกปาลงพื้นเศษแก้วส่วนหนึ่งบาดหลังมือเป็นแผลยาว

“อึก”

“หึ รีบไสหัวออกไปได้แล้ว” รีบกล้ำกลืนก้อนสะอื้นกุมแผลเดินออกจากห้องนอนใหญ่ลงไปที่ครัว

“ฝากยกข้าวขึ้นไปให้คุณหญิงใหม่ด้วยนะครับ” เทเศษแก้วลงถังขยะเดินไปที่ซิงค์น้ำเปิดน้ำไหลผ่านแผลน้ำผสมกับเลือดไหลลงตามซิงค์ผมมองเลือดตัวเองที่ไหลนิ่งความรู้สึกเจ็บ ความรู้สึกแบบนั้นมันหายไปนานแล้ว

“คุณหนูทำแผลก่อนนะคะ”

“ครับ” ผมเทยาพันผ้าพันแผลเดินไปหยิบกระเป๋าเป้บอกนมว่าจะไปเรียนแล้วเดินออกจากบ้านหลังใหญ่แต่ไม่มีพื้นที่สำหรับผมตลอดเวลา 17 ปีผมเฝ้าถามตัวเองว่าผิดอะไร ผิดที่เกิดมาเหรอ ผิดที่จู่ก็โดนตราหน้าว่าเป็นลูกชู้เหรอ ผิดเหรอที่ผมเกิดมาแข็งแรงคนเดียว เพราะมัวแต่คิดมากจนเกือบขึ้นรถเมล์ไม่ทัน ความรู้สึกเจ็บปวดมันข้ามผ่านจนกลายเป็นด้านชาไม่รับรู้อะไรแล้ว นั่งรถเมล์ไม่นานก็มาถึงโรงเรียนปีหน้าก็จะเข้ามหาลัยแล้วผมยังคิดเรื่องอนาคตไม่ออกทั้งๆ ที่อยากจะจบชีวิตบ้าๆ นี้ไปสักทีแต่ก็เห็นแก่นมที่เลี้ยงดูผมมา ก่อนที่จะขึ้นเรียนผมก็เดินเข้าห้องพยาบาล

“ขออนุญาตครับ”

“อ่าวริน มือไปโดนอะไรมา!!” ก่อนที่จะได้ยกมือไหว้ครูห้องพยาบาลที่ผมสนิทที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้ก็โดนลากเข้าห้องไปทำแผลใหม่เพราะระหว่างที่นั่งรถเมล์ผมไม่ระวังทำให้เลือดออกอีกแล้ว

“ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองดีๆ แล้วแผลนี่เกิดอะไรขึ้น เจ็บไหม” ผมส่ายหน้าตอบคำถามที่ว่าเจ็บไหมมันไม่เจ็บเลยสักนิด

ยิ่งเห็นอาการเงียบและไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาทั้งๆ ที่ตอนนี้กำลังเช็ดแผลด้วยแอลกอฮอล์แต่กลับไม่สะดุ้งเลยเด็กคนนี้ทำให้เขาเป็นห่วงจริงๆ ยังดีที่อาการไม่ได้หนักจนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง

“เสร็จแล้วล้างแผลดีๆ อย่าให้โดนน้ำนะ”

“ครับ ขอบคุณครับอาจารย์” ผมยกมือไหว้ขอบคุณก่อนที่จะขึ้นไปเรียนก่อนกลับโดนอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกไปสอบถามเรื่องอนาคต ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้ในตอนนั้นผมยังเด็กแต่ก็พอมีฝีมือและเรียนรู้วิธีต่างๆ จากดิพเว็ปซึ่งพวกนั้นเป็นเพื่อนที่ดีมากกว่าเพื่อนในโรงเรียนผมเสียอีกทุกคนดูจะเอ็นดูและคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำถึงแม้บางคนจะมีอีโก้และความหยิ่งสูงมากก็เถอะแถมบางครั้งก็เกิดนึกคึกแข่งขันกันก็มีแต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรกันมากมาย จนผมได้เรียนรู้การปั่นตลาดหุ้นมาและก็เห็นช่องทางที่จะทำให้ผมได้หลุดพ้นจากที่นี่ซะที่

หลังจากที่ปั่นหุ้นให้ขึ้นๆ ลงๆ และช้อนซื้อมาเป็นของตัวเองและดันเผลอคึกไปหน่อยเลยได้เป็นเจ้าของอย่างงงและทันทีที่หุ้นเปลี่ยนมือผมก็ถูกรหัสแดงเตือนจากพี่ๆ ที่คอยดูแลแถมยังรีบช่วยปกปิดข้อมูลของผมอีกต่างหาก และผมก็กลายเป็นเศรษฐีเพียงข้ามคืนถึงจะโกงไปหน่อย?? แต่มันก็จะทำให้ผมมีชีวิตที่ดีขึ้นพออายุ 18 ผมก็จะออกจากบ้านหลังนี้เสียที พอได้ยืนยันหลักฐานทั้งหมดแล้วผมก็ได้คาสิโนมาอยู่ในมือ

“นมครับ”

“คุณหนูมือเป็นยังไงบ้างคะ”

“ไม่เป็นไรแล้วครับ ผมจะย้ายออกไปเดือนหน้านมไปกับผมนะครับ” เดือนหน้าผมก็อายุครบแล้ว

“แล้วคุณหญิงล่ะคะคุณหนู”

“ตลอด 18 ปี ถือว่าผมทดแทนบุญคุณไปแล้วนมไปกับผมนะครับ” โถมตัวกอดร่างท้วมที่คอยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ สุดท้ายแล้วนมก็ตอบตกลง ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจนกระทั่งวันที่จะย้ายออกผมเดินขึ้นห้องนอนของคนให้กำเนิด

ตลอด 18ปีผู้ที่ให้กำเนิดไม่เคยที่จะอุ้มเลยซักครั้งแม้กระทั่งคำว่าลูกยังไม่เคยได้ยิน หลายครั้งอยากจะถามไปตรงๆ ว่าทุกอย่างที่โทษผมนั้นมันใช่ความผิดผมจริงๆ เหรอ

เรื่องที่คนคนนั้นพาพี่รันย้ายไปอยู่เมืองนอกและตัดการติดต่อไปเลย

เรื่องที่ผมถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ ทั้งๆ ที่ผมเป็นลูกของคนคนนั้นจริง

เรื่องที่ผมผิดเหรอที่ผมรอดอยู่เพียงคนเดียวและน้องชายผมไม่รอด

ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมเหรอ

ก๊อกๆ

ผมเคาะประตูก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป ใบหน้าสวยหวานที่คล้ายคลึงกับเขาแม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังดูอ่อนกว่าวัยหมดเงินไปกับความสวยไปเยอะสินะ

“เข้ามาทำไม” น้ำเสียงเย็นชาที่ได้รับมาตลอดทำให้ผมก้มหน้าสูดหายใจลึกก่อนที่จะกลั้นใจถามคำถามที่ค้างคามาโดยตลอด เพราะต่อให้ยังไงผมก็ยังอยากที่จะได้รับความรักจากคนที่ได้ชื่อว่าแม่อยู่ดี

“ผมขอถาม ผมผิดอะไรทำไมถึงทำเหมือนผมไม่ใช่ลูกของแม่”

“แกอย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ลูกฉันมีคนๆ เดียวก็คือรันแต่มันเป็นเพราะแกทำให้ฉันไม่ได้อยู่กับลูกฉัน” ร่างสูงสง่าหันมาร้องไห้และโวยวาย แต่ไม่ได้พุ่งเข้ามาทำร้ายเหมือนตอนเขาเด็กๆ อีกแล้ว

“ทั้งหมดเป็นความผิดผมจริงๆ นะเหรอครับ โอเคในเมื่อก็รู้มาตั้งนานแล้วผมก็คงต้องยอมรับ งั้นในเมื่อที่นี่ไม่มีที่สำหรับผม...ผมก็ไม่ขออยู่วันนี้ผมอายุครบ 18 แล้ว ผมจะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลนี้อีกต่อไป ขอบคุณสำหรับเก้าเดือนที่อุ้มท้องผมมา” ไม่ได้สนใจจะมองคนเป็นแม่ยกมือไหว้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินไปหานมที่รออยู่แล้วเพื่อที่จะออกจากบ้านหลังนี้ ผมพานมมายังเพนท์เฮ้าส์ที่ซื้อไว้นมแปลกใจแต่ผมก็อธิบายส่งๆ ว่าไม่ต้องห่วงผมไม่ได้ใช้เงินสกปรก (มั้ง) ซื้อมา

“ผมออกไปทำธุระที่โรงเรียนนะครับนมเดี๋ยวรินกลับมา” วันนี้ผมจะต้องไปเอาเอกสารและไปเดินเรื่องเรียนต่อและเป็นวันที่ผมโดนหิ้วไปตระกูลไป๋ ได้เจอกับซินได้เจอกับป๊าและได้เริ่มชีวิตใหม่เป็นชีวิตที่เป็นของผมเอง

ทีแรกนึกว่าจะโดนป๊าทำอะไรมากกว่านี้แต่ไปๆ มาๆ ป๊าดันถูกใจและแถมยังช่วยเหลือผมอีกแถมยังถีบหัวส่งลูกชายคนเล็กอย่างซินมาเรียนที่นี่กับผมเลยได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันเสียอย่างนั้น

“ขอบคุณมากเลยนะครับป๊า”

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าแสบ เราก็เหมือนลูกป๊าคนหนึ่ง” มือใหญ่วางปาบลงบนหัวแล้วโยกเบาๆ ทำให้ผมยิ้มกว้างกับความอบอุ่นที่เรียกว่าพ่อ

“ใช่แถมผมยังเป็นลูกรักของป๊ามากกว่าเสี่ยวซินด้วย” เห็นซินเดินมาตามทางผมเลยโผเข้ากอดป๊าพอดีกับเจ้าซินเดินมาเห็นพอดี

“ได้ข่าวนั่นป๊ากูป่ะ”

“ก็ป๊ากูเหมือนกันป่ะ” ยักคิ้วกวนส่งไปให้ ซินฟึดฟัดแต่ก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับผมอีกเพราะรู้ดีว่าผมนั้นแกล้งเล่นยิ่งดิ้นผมยิ่งแกล้งต่อ พอนิ่งผมก็จะเบื่อไปเองผมเทียวไปเทียวมาช่วงปีดเทอมก็ไปเล่นที่บ้านป๊าเปิดเทอมก็กลับมาเรียนต่อบางครั้งคนที่ไม่เกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดกลับให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวมากกว่าครอบครัวที่ให้กำเนิดเสียด้วยซ้ำ

.

.

หลังจากที่เดินทางลัดฟ้ามาจนถึงคฤหาสน์ของหยางอี้ตอนนี้ผมบินมาทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงกระเป๋าเอกสารและโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่งพี่นิวเดินนำเข้าบ้านผมกวาดสายตามองรอบๆ ทั้งบ้านมีแต่ความเงียบแม่บ้านสักคนก็ไม่เห็น

“บอสอยู่ห้องด้านบนซ้ายมือนะครับผมขอไปจัดการงานก่อน” ยังไม่ทันที่จะถามอะไรพี่นิวก็ทิ้งผมให้เคว้งอยู่กลางบ้านหลังใหญ่แบบนี้เนี่ยนะ ผมเลยเดินขึ้นไปตามห้องที่พี่นิวบอกหยุดที่หน้าห้องใหญ่ลังเลที่จะเปิดเข้าไปดีหรือเปล่าสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเคาะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้มีการตอบรับอะไรเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป ห้องกว้างๆ มีเพียงเตียงกว้างและร่างใหญ่ที่นอนหลับสนิทบนเตียงผมวางข้าวของแล้วเดินไปชิดเตียง ใบหน้าคมดูซีดเซียว บนตัวมีผ้าพันแผลพันตั้งแต่ไหล่กว้างจนถึงเอวที่โผล่พ้นผ้าห่ม ทำไมโดนหนักแบบนี้ล่ะ เพราะผมใช่ไหมหยางอี้ถึงได้เป็นแบบนี้ ผมเอื้อมมือแตะเบาๆ ที่ผ้าพันแผลดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตาที่เอ่อคลอ

“ทำไมล่ะ” เหมือนว่าที่ผมแตะเบาๆ จะทำให้คนเจ็บรู้สึกตัว ดวงตาคมกระพริบถี่ก่อนที่จะหันมามอง

“แค่ก..อย่าร้องสิ” น้ำเสียงแหบพร่าไม่เหมือนเคยทำให้ผมยิ่งร้องหนักกว่าเดิม

“เจ็บขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ” ผมเช็ดน้ำตาพร้อมกับหันไปเทน้ำใส่แก้วจับหลอดป้อนคนเจ็บ

“แค่เรื่องนิดหน่อย”

“มันนิดหน่อยซะที่ไหน เจ็บมากไหม” ถามเสียงเบาแค่เห็นแผลผมก็รู้เลยว่าต้องหนักแน่ๆ ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก เรื่องนิดหน่อยอะไรกันแค่ขยับคิ้วหนาก็ขมวดแล้ว

“ไม่เป็นไรน่าไปพักเถอะมาเหนื่อย” ยังมีหน้ามาห่วงผมอีก

“ทำไม....ทำไมต้องทำขนาดนี้ ....ทำไมต้องทำเพื่อผมขนาดนี้ด้วย” หลังจากที่ถามไปทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบต่างคนต่างจมอยู่กับคำถามเพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำไมหยางอี้ถึงทำเพื่อเขาขนาดนี้และหยางอี้ก็ถามตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้ทำอะไรที่มันเกิดขีดจำกัดของเขาให้กับเด็กดื้อตรงหน้านี้ด้วย


***********************************

ขอโทษที่หายไปนะคะ เอาจริงๆคือช่วงนี้จิตตกค่ะ

ดิ่งหนักมากเลยเกิดอาการเททุกสิ่งอย่าง แหะๆ

แต่ก็กลับมาแล้ววววว อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

สนุกไม่สนุกก็บอกเราเถอะ พลีสสสสสสสสสส

หลังจากนี้จะไม่อู้แล้วค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่5 23/7/2561
«ตอบ #13 เมื่อ23-07-2018 16:00:04 »

5

หลังจากที่ร้องเป็นเผาเต่าจนคนเจ็บปลอบจนเหนื่อยผมเลยรีบเช็ดคราบน้ำตาป้อยๆ มองหยางอี้ที่พอเห็นว่าผมหยุดร้องก็ยอมล้มตัวลงนอนนิ่งๆ ให้ผมดูแผลชัดๆ ซักทีแผลที่เจ้าตัวขยับเลยทำให้เลือดไหลซึมออกมา

“เดี๋ยวผมทำแผลให้ใหม่นอนนิ่งๆ นะครับ”

“เพราะใครกันล่ะ” น้ำเสียงดูยียวนกวนประสาทเหมือนเดิม เออ ความผิดเขาเองล่ะ เพราะไม่อยากจะว่าอะไรคนเจ็บเลยเลือกที่จะลุกเดินไปหากล่องพยาบาลซึ่งไม่มีในห้อง เลยคิดที่จะออกไปหาข้างนอกแต่หยางอี้ก็เรียกไว้ก่อน

“โทรไปสั่งนิวเอามาให้ ห้ามออกไป” ผมได้แต่กรอกตามองบนแต่ก็ยอมที่จะโทรบอกให้พี่นิวเอากล่องมาสั่งผมเลยเดินไปปีนขึ้นเตียงไปนั่งลงข้างๆ รอกล่องพยาบาล

“ผมจะแกะผ้าพันแผลให้นะ” คนตัวโตไม่พูดเพียงหลับตาลงปล่อยให้ผมทำแผลให้อย่างเบามือยังไม่ทันที่จะแกะแผลออกหมดพี่นิวก็เอากล่องพยาบาลมาส่งรีบวางแล้วก็รีบออกจากห้องไม่รู้จะรีบไปไหนผมเปลี่ยนผ้าพันแผลให้คนเจ็บใหม่ซึ่งฝีมือ....เอาน่าก็ถือว่าใช้ได้ล่ะนะ

“นี่ผมไปที่บ้านป๊าได้ไหม” ผมจิ้มท่อนแขนใหญ่เบาๆ ถ้าไม่ให้ไปก็ไม่เป็นไรเพราะดูๆ สถานการณ์ก็เลวร้ายพอดู ดวงตาคมลืมขึ้นสบตานิ่งไม่ยอมพูดอะไรจนผมเดาได้เลยว่าจะต้องโดนห้าม ใบหน้าขาวมุ่ยลงทันทีแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร

“ถ้าอยากไป.....ก็เรียกฉันแบบวันนั้นสิ” วันนั้น.....อ้อ..ที่ผมเรียกว่าเกอเกอนะเหรอรีบเรียวปากบางเม้มแน่นเพื่อกลั้นยิ้มไม่ให้เผลอยิ้มออกมา

“หยางเกอ...ให้รินไปนะรินอยากไปหาซิน” ผมจับมือใหญ่เขย่าเบาๆ สบสายตาคมเอียงหน้าน้อยๆ อย่าดูถูกการอ้อนของผมนะ สังเกตปลายหูหยางอี้จะมีริ้วแดงตาคมที่เหมือนเหยี่ยวนั้นสั่นไหวชั่วขณะก่อนที่จะกลับมานิ่งเหมือนเดิม

“ให้นิวพาไปและอย่าดื้อ” กำชับอย่างกับเขาเป็นเด็กแต่เพราะความอยากไปเลยพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน

“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มกว้างถูกมอบให้อย่างจริงใจ หยางอี้มองรอยยิ้มนั้นนิ่งสัมผัสที่มือถูกกุมไว้ทำให้เขากุมมือเล็กกลับ

“รีบกลับมาล่ะ” หยางอี้พูดแล้วปล่อยมือผมพร้อมกับหลับตาพักผ่อน ท่ามากจริงๆ อยากจะแซวอยู่หรอกนะแต่กลัวหยางอี้จะเปลี่ยนใจไม่ให้ผมไป ค่อยๆ ปีนลงจากเตียงวิ่งลงไปหาพี่นิวที่ยืนสั่งงานอยู่ตรงห้องโถง

“พี่นิว พาผมไปที่ตระกูลไป๋ที”

“แล้วบอส..”

“ไม่ต้องห่วง หยางเกอเป็นคนอนุญาตเองครับ” นิวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินคำเรียกที่เปลี่ยนไปของคุณรินแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาหันไปสั่งการลูกน้องที่ยังรอฟังคำสั่งให้เตรียมรถและคนเพื่อที่จะพาคุณหนูคนใหม่ไปยังตระกูลไป๋

ขบวนรถสีดำที่ทำเอาผมอึ้งนี่แค่จะไปบ้านป๊าทำไมต้องยิ่งใหญ่เบอร์นี้ด้วยนะแต่ก็ไม่ได้เรื่องมากอะไรเพราะรู้ดีว่าเป็นเรื่องของความปลอดภัยมองวิวรอบๆ อย่างคิดถึงยิ่งใกล้ถึงผมยิ่งตื่นเต้นไม่ได้เจอป๊ามานานแล้วนะไม่นานรถก็มาหยุดที่หน้าประตูใหญ่พี่นิวลงจากรถมาเปิดประตูรถให้ผมรีบกระโดดลงจากรถบอกขอบคุณพี่นิวแล้วเคาะประตูเสียงดังไม่นานพ่อบ้านก็มาเปิดประตู

“คุณหนูริน” ผมยิ้มกว้างกับท่าทางตกใจของพ่อบ้านคนเก่งของป๊า

“ป๊าอยู่ไหนครับ”

“ที่ประจำครับคุณหนู” ผมยิ้มกว้างบอกขอบคุณ

“เดี๋ยวผมเข้าไปหาป๊าก่อนนะครับไม่น่าจะเกินสามชั่วโมงเดี๋ยวผมกลับ” เพราะคำสี่คำที่หยางอี้พูดก่อนที่จะออกมาทำให้ผมไม่อยากกลับไปช้าเดี๋ยวคนเจ็บจะทำหน้ายักษ์อีก ผมวิ่งตามทางเดินหินไปยังเก๋งน้อยกลางสระบัว

“ป๊า!!!!!!!” ทันทีที่เห็นร่างท้วมนั่งจิบชาผมก็ร้องเรียกเสียงดังซะจนคนสูงวัยสะดุ้งทำถ้วยชาตกลงพื้นหันกลับมามองผมแล้วถอนหายใจส่ายหัวอย่างระอา

“มาแล้วเหรอเจ้าแสบ” ดูสิคำทักคำแรกน่าดีใจไหมผมเดินไปนั่งข้างพร้อมกับกอดแขนซบหน้าลงอย่างออดอ้อน

“คิดถึงป๊าจัง”

“หึๆ แสบเอ๊ย หยางอี้เป็นไงบ้างล่ะ”

“งือ ก็นอนอยู่บ้านเขาไงครับ” ตอบกลับกวนๆ เลยได้ฝ่ามือใหญ่ที่ยีผมจนฟูเป็นการตอบแทน

“ไปเรียกพี่เขาอย่างนั้นได้ยังไง”

“ก็ไม่เห็นว่าอะไรผมนะครับ แล้วซินล่ะครับป๊า”

“ไปทำธุระให้ป๊านะ ยังไหวหรือเปล่า” เงยหน้ามองป๊าทันทีที่ถูกถาม

“ไหวครับ รินมีเรื่องอยากให้ป๊าช่วย” เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมออกหน้าไม่ได้ด้วย

“เรื่องอะไรอีกล่ะตัวแสบ” สงสัยว่านี่คงจะเป็นคำนิยามตัวผมไปซะแล้ว

“ช่วยเอาบริษัทคืนให้พี่รัน” ป๊ารู้เรื่องครอบครัวผมดีตอนแรกที่รู้เรียกได้ว่าป๊าอยากจะไปถล่มครอบครัวผมเลยทีเดียว

“หึเอามาสิป๊าจะหาคนออกหน้าให้”

ฟอด

“ขอบคุณครับ” นั่งคุยกับป๊าร่วมชั่วโมงซินก็เดินเข้ามา

“ไง ไอ้ตัวดึงปัญหา” มันน่าโดนโบกซักทีเจอหน้ากันเขาทักกันอย่างนี้เหรอ ผมองซินที่ดูแปลกไปเดี๋ยวได้อยู่สองคนจะเค้นถามให้

“อะไรล่ะซินไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ”

“ไอ้คนโดนคุมประพฤติอย่างนายนะเหรอ คิดถึงทำมะเขืออะไรล่ะ” เจ็บปวดแค่โดนจับตัวไปเฉยๆ ไม่ได้โดนคุมขนาดนั้นสักหน่อยพูดซะจนเหมือนผมติดคุกขนาดนั้น ป๊านั่งคุยไม่นานก็ขอขึ้นไปนอนพักกลางวันโดยไม่ลืมที่จะย้ำให้ผมเอาเอกสารทั้งหมดมาให้ ตั้งแต่ได้คุยกันล่าสุดพี่รันก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกคงซึ่งก็เป็นเรื่องดี

“เป็นไงทำไมทำหน้าอย่างนั้น” หันไปถามเพื่อนซี้ที่ทำตัวเงียบๆ ไม่สมกับเป็นซินเลยสักนิด

“ก็..นะ ป๊าให้ฉันหมั้น” พูดจบผมก็อ้าปากค้าง จับไอ้ซินหมั้นเนี้ยนะ มิน่าถึงได้เงียบไปและไม่ติดต่อผมกลับไปเพราะปัญหาทางนี้คงจะหนักดูจากสีหน้าก็ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ

“แล้วไม่ได้บอกป๊าเหรออย่างซินถ้าพูดป๊าก็ต้องฟังอยู่แล้ว” ป๊าตามใจมันจะตายไม่งั้นไม่ยอมปล่อยให้ไปเรียนที่ไทย

“ป๊าไม่ยอมนะสิ แถมคู่หมั้นฉัน........ไม่อยากพูดถึงวะ”

“ทำไมวะดูไม่ได้เหรอหรือไม่สวย” ผมแหย่ขำๆ เพื่อไม่ให้เครียดกว่าเดิม

“ไม่สวยแต่แม่งโคตรหล่อ” ยิ่งกว่าข่าวว่าจะหมั้น คู่หมั้นเป็นผู้ชาย!!

“ดะ...เดี๋ยวนะ คู่หมั้นนายเป็นผู้ชาย” แม้จะไม่ได้แปลกใจกับชายรักชายแต่ถ้าจะบอกว่าประเทศที่ไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้น่าจะเป็นจีนไม่ใช่เหรอและทำไมป๊าถึงให้หมั้นกับผู้ชายด้วยกันเล่า

“ใช่ เห็นว่าเป็นสัญญาเก่ากับเพื่อนป๊า” ท่าทางเซ็งๆ ของซินทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาได้แต่นั่งเงียบ

“แล้วเคยได้เจอกับเขารึยัง”

“ยังแต่ลองถามแล้วก็ฟังดูเป็นคนที่ฉันไม่ชอบ” แอบขำเบาๆ กับอาการงอแงของซินเพราะขนาดยังไม่เจอยังทำท่าไม่ชอบใจขนาดนี้ถ้าหากเจอไม่รู้ว่าเพื่อนคนนี้จะทำตัวแสบแค่ไหน ไว้อาลัยว่าที่คู่หมั้นไว้ก่อนดีกว่า

“เอาน่าไม่แน่นายอาจชอบนะ”

“ไม่มีทางซะหรอก ว่าแต่นายเถอะกับหยางอี้นี่ยังไงกัน หือ” นั่นไง กลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว

“ก็ไม่ยังไงเพียงแต่..ฉันไม่อยากให้ใครมาเจ็บตัวเพราะฉัน” น้ำเสียงผมจริงจังขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุผลที่หยางอี้ถูกยิงก็เพราะเรื่องของผม ใจจริงก็อยากจะเทสิ่งที่ได้มาทิ้งแล้วรับจ๊อบงานเอาผมก็น่าจะพอกินพอใช้แล้วแต่ปัญหามันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนตอนนั้นเท่าไหร่

“นายไม่หวั่นไหวกับหมอนั่นเลยเหรอ” มือที่ยกกาน้ำชาหยุดชะงักไปชั่วครู่แต่ก็เพียงนิดเดียว ผมไม่ได้พูดตอบเพราะอะไรคือความรู้สึกหวั่นไหวผมไม่รู้หรอกนะ มีเพียงความรู้สึกเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้หยางอี้เจ็บตัวและความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมหยางอี้ถึงได้ยอมทำให้ผมขนาดนั้น เพราะตกอยู่ในห้วงความคิดนิ้วเรียวลูบตามขอบถ้วยชา ทั้งสองอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง

“นายจะให้ฉันช่วยไหมเรื่องคู่หมั้น” ผมหันไปสนใจคนเหม่อที่ตอนนี้รอยยิ้มสวยๆ นั้นหายไป

“ไม่ต้องหรอกฉันคงจะต้องทำใจ ทำไงได้ดื้อกับป๊าไว้เยอะ” ผมหันไปหาซินแล้วอ้าแขนออกกว้างซินยิ้มกว้างแล้วขยับเข้ามากอดกันแน่น

“ฉันคงจะต้องกลับแล้วไม่รู้ว่าจะได้ออกมาจากบ้านนั้นไหม”

“เดี๋ยวฉันไปหาเอง” ผมยิ้มกว้างอย่างน้อยผมก็ไม่เหงา คุยกันสามสี่คำแล้วค่อยแยกย้ายผมเดินไปที่รถที่จอดรออยู่แล้ว ขากลับขับรถไม่นานก็กลับมาถึงคฤหาสน์ของหยางอี้

“พี่นิวครับจะให้ผมพักที่ห้องไหนหรือครับ” ผมถามเพราะไม่รู้ว่าจะได้อยู่ที่นานเท่าไหร่แต่ผมก็ควรได้ห้องนอนส่วนตัวสักห้อง

“ห้องบอสครับ” เหมือนพี่นิวจะฉวยโอกาสตอนที่ผมงงเดินหนีหมายความว่าผมต้องนอนกับหยางอี้เหรอ บ้านตั้งหลังใหญ่โตแต่ให้ผมไปนอนกับคนเจ็บอยากจะบ้าตาย ได้แต่ฟึดฟัดอยู่คนเดียวผมเลยเลือกทีจะเดินขึ้นไปห้องคนเจ็บ

แกร๊ก

“มาแล้วเหรอ”

“อือ หายเจ็บแล้วเหรอถึงได้ทำงานนะ” ผมมองหยางอี้ที่นั่งพิงหัวเตียงในมือมีเอกสารข้างๆ ตัวมีไอแพดวางอยู่

“ก็ดีขึ้นแล้ว” เบ้ปากมองบนแผลใหญ่ขนาดนั้นยังมีหน้ามาบอกว่าดีขึ้นแล้ว เดินเข้าไปนั่งลงบนปลายเตียงมองหยางอี้ที่นั่งทำงานเงียบๆ จนหยางอี้เงยหน้าขึ้นมาคิ้วหนาเลิกขึ้นน้อยๆ ทำนองว่าผมนั่งจ้องทำไม ผมเลยส่ายหัวแต่ก็ยังไม่เลิกจ้องในหัวมีคำถามแต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถาม

“มีอะไรจะถามหรือเปล่า” เสียงทุ้มถามดึงผมออกจากภวังค์ นั่งคิดทบทวนนิดหน่อยเมื่อตกตะกอนได้ผมเลยอ้าปากถาม

“ถามจริงเถอะทำไมถึงช่วยผม และทำไมถึงต้องทุ่มเทแบบนี้ด้วย อยากได้คาสิโนนั่นเหรอ ผมยกให้ก็ได้นะ” เพราะตอนนี้ผมไม่ได้อยากใช้ชีวิตแบบนี้เลยสักนิดแต่จะโทษอะไรใครได้ทำตัวเองเองแถมยังลากคนอื่นมาเดือดร้อนด้วย

“ถ้าถามว่าทำไมถึงช่วย ฉันก็ไม่รู้ และทำไมถึงทุ่มเท...ฉันก็บอกไม่ได้ส่วนเรื่องคาสิโนนั่นฉันไม่อยากได้” อ่าว คำตอบที่ได้ทำให้ผมอ้าปากเหวอๆ มันถือว่าเป็นคำตอบตรงไหนวะไม่ได้มีอะไรเลย ยกเว้นเรื่องคาสิโน

“หึๆ” ได้แต่อมลมแก้มป่องอย่างขัดใจกับเสียงหัวเราะกลั้วในลำคอ

“เอาเรื่องจริงสิ ผมจะได้ตัดสินใจถูก”

“ก็นี่จริงแล้วไง”

“หยางเกอ!!” อยากจะฟาดคนเจ็บซักทีกวนประสาทจริงๆ

“ก็ที่ถามมาเกอก็ตอบตามตรงแล้ว เพราะก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน” คำแทนตัวที่ได้ยินทำให้ผมชะงัก เออ ดีนะตัวเองยังไม่เข้าใจตัวเองแล้วผมจะเข้าใจได้ยังไง

“เอาตามที่เกอสบายใจ” หันไปมองที่หน้าต่างขอบฟ้าแสงสีส้มแตะขอบฟ้าเย็นขนาดนี้ ผมเลยขยับเข้าไปดึงแผ่นเอกสารออกพร้อมกับหยิบเอาไอแพดแล้วกระโดดลงจากเตียงเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ

“พักได้แล้วครับ ผมจะไปเอาข้าวมาให้มียาที่ต้องทานรึเปล่า”

“ไม่รู้สิถุงอยู่ในลิ้นชักไม่ต้องลงไปข้างนอกน่ะจะมีคนอยู่บอกให้ยกขึ้นมา” ผมเปิดลิ้นชักหยิบถุงยาเดินออกไปเปิดประตูห้องซึ่งมีคนมายืนอยู่ข้างหน้าแล้วทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มี

“เอ่อ เดี๋ยวรบกวนยกข้าวเย็นขึ้นมาบนห้องได้หรือเปล่าครับ”

“รอซักครู่นะครับ” พี่เขาโค้งให้ผมแล้วเดินลงไปข้างล่างผมเลยกลับเข้าห้องเปิดถุงยาเพื่อแยกยาก่อนอาหารและหลังอาหารรอไม่นานก็มีเมดยกอาหารเข้ามา

“ทานอาหารอ่อนๆ ก่อนนะครับ” ผมง่วนกับการจัดโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ ให้พอวางของทั้งหมด

.

.

ผมมองร่างเล็กที่วุ่นกับการจัดถาดข้าวเพราะมีทั้งขอตัวเองและของผม คำถามทีน้องถามมาผมไม่มีคำตอบที่จะให้เพราะที่ทำไปทุกอย่างในตอนนี้เขาทำตามความรู้สึกของตัวเองจนนิวถึงขั้นออกปากถามเพียงแต่ผมก็ไม่มีคำตอบให้เหมือนกัน อาจจะเพราะเห็นตัวตนในอดีตที่คล้ายกันหรือเปล่าเอาเป็นว่าผมอยากช่วยและเป็นการช่วยที่เขาก็ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนเลยสักนัด

“ทานข้าวก่อนสิ”

“เกอเจ็บแผลอยู่” หลังจากที่เผลอเรียกตัวเองว่าเกอแล้วสีหน้าแปลกๆ ของเด็กดื้อแล้วก็ไม่ผิดที่จะลองอีกครั้ง

“อีกข้างไม่เจ็บไม่ใช่เหรอไง”

“ไม่ถนัด” ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเยียดก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบข้าวป้อนทีละคำสลับกับกับข้าวที่มีแต่ผักจืดๆ

“พอแล้วเราก็กินบ้างเถอะ”

“อ่ะนี่ยา.....น้ำ...” พอกินยาแก้วน้ำก็ถูกยื่นมาจ่อที่ริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากกับการเอาใจใส่ของร่างเล็ก พอดูแลจนเรียบร้อยแล้วรินก็หันไปตั้งอกตั้งใจกินอาหารในส่วนของตัวเองท่าทางเอร็ดอร่อยจนอดคิดไม่ได้ว่าอาหารบ้านเขามันอร่อยขนาดนั้นเหรอ

“อร่อย?” คนที่ก้มหน้าก้มตากินเงยหน้าขึ้นมามองทั้งๆ ที่ตะเกียบยังอยู่ในปากแก้มขาวๆ นั่นกลมป่องท่าทางเหมือนกระรอกที่เก็บอาหารไว้ในปาก....มันน่าบีบจริงๆ

“อึก อร่อยมากถ้ากินแบบนี้ทุกวันคงจะอ้วนแน่ๆ”

“หึๆ ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหน” ดวงตาคมกวาดมองร่างเล็กที่ดูยังไงๆ ก็ไม่เห็นใกล้คำว่าอ้วนเลยซักนิด

“เงียบไปเลย” ท่าทางงอนๆ นั่นทำให้ผมหลุดขำอยู่กับรินทำให้เขาหลุดยิ้มได้หลายครั้ง พอทานข้าวเสร็จรินก็เดินออกไปเรียกให้คนมาเก็บออกไป ผมเมื่อได้ทานยาเข้าไปก็เริ่มรู้สึกง่วงจนจะหลับทั้งๆ ที่นั่งอยู่หลายครั้งแต่รินก็มาปลุกไว้เสียก่อนบอกว่าจะเช็ดตัวให้

“นิ่งๆ หน่อยสิ” แค่ขยับนิดเดียวก็ดุแล้วจะไม่ให้ขยับได้ยังไงก็ในเมื่อความรู้สึกร้อนแปลกๆ ตามที่มือเล็กลากผ้าขนหนูผ่าน

“เสร็จแล้ว เดี๋ยวผมใส่เสื้อให้” รินโน้มตัวเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมๆ จากซอกคอขาวให้ตายเถอะคอขาวๆ และกลิ่นหอมๆ นี่ทำให้ผมอยากจะกดจมูกลงไป

“อ๊ะ ทำอะไรนะ” ร่างบางผละออกทันทีเมื่อเขาเผลอกดจมูกแนบชิดกับลำคอระหง

“ไม่ได้ทำอะไร” ผมตีหน้านิ่งมองแก้มขาวที่ขึ้นสีระเรื่อ เมื่อเห็นว่าทำอะไรผมไม่ได้รินเลยรีบใส่เสื้อให้ผมแล้วประคองให้ผมนอนลง มองคนที่หันซ้ายหันขวาหาอะไรบางอย่างอยู่

“เสื้อผ้าอยู่ในตู้เกอให้คนมาเก็บให้แล้ว” รินรีบลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้หยิบเอาชุดนอนผ้าขนหนูหนีเข้าห้องน้ำทันที ตอนที่เห็นว่าในตู้มีเสื้อผ้าของร่างเล็กมันทำให้เขาอยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปจริงๆ ยังไม่ทันที่ร่างบางจะออกจากห้องน้ำเขาก็หลับไปก่อนแล้ว



ร่างกายที่ได้พักผ่อนทั้งวันทำให้วันนี้เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดเขาค่อยๆ หยัดตัวขึ้นแผลที่ไหล่ยังปวดนิดหน่อยหันมองข้างๆ ที่มีก้อนกลมขดอยู่ นอนหลับสนิทเลยนะ มือหนาขยับไปเกลี่ยเบาๆ ที่แก้มขาวถ้ามีคนนอนข้างกายตื่นขึ้นมาเจอทุกๆ เช้ามันก็คงจะดี







************************************************

กลับมาแล้วหลังจากที่หายไป ขอโทษด้วยนะคะ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 6 13/8/2561
«ตอบ #14 เมื่อ13-08-2018 15:14:17 »



6

หลังจากที่ให้เด็กดื้อมาอยู่ด้วยจนแผลเริ่มหายดีเขาก็ยังไม่ได้คิดที่จะให้เด็กดื้อกลับไปแถมตอนนี้เจ้าตัวก็ติดลมบนใช้ชีวิตแทบไม่มีความเครียดอะไรเลยวิ่งไปบ้านตระกูลไป๋กับบ้านนี้ตลอดแต่ก็ยังกลับมาดูแลเขาได้เสมอ

“นิว”

“ครับบอส”

“พรุ่งนี้ฉันจะเข้าบริษัท”

“แต่คุณรินบอกว่า” ไม่รู้ว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายดูเหมือนจะเชื่อฟังเด็กดื้อนั่นมากกว่าคนที่เป็นบอสอย่างเขาซะอีก และตอนนี้ก็คงจะอยู่ในสวนที่เป็นที่ประจำของรินไปซะแล้วยิ่งสบายใจก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะทำตัวน่ารักขึ้นทุกวันและเหมือนจะดูสบายใจมากขึ้น โบกมือไล่นิวให้ออกไปก่อนที่จะลุกขึ้นแผลที่ไหล่เริ่มหายแล้วและผมก็คงจะต้องไปขอบคุณคนที่ให้แผลนี้มาสักหน่อยแล้ว ขายาวก้าวตามทางเดินหินไปยังเรือนกระจกที่ป๊าทำให้ม๊าไว้เพียงแต่ตอนที่สร้างเสร็จม๊าไม่ได้อยู่ดูเท่านั้นเองหลังจากนั้นป๊าก็หนีไปทำใจจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาปล่อยให้เขาต้องดูแลบริหารธุรกิจที่บ้านต่อทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมกำลังสนใจใครบางคนอยู่ ใครบางคนที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาที่เขาให้คนจัดไว้ให้ตั้งแต่รินแอบเข้ามานอนเล่นในนี้ เดินลงไปนั่งที่อีกฝั่งเจ้าตัวก็ผุดลุกขึ้นนั่ง

“ลงมาทำไมครับ”

“เบือ” พอบอกแค่นั้นเจ้าตัวก็ทำจมูกยู่แบบขัดใจ

“หายดีแล้วเหรอ”

“ก็ดีขึ้นแล้วพรุ่งนี้จะไปทำงาน”

“ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป....งั้นพรุ่งนี้ไปอยู่บ้านป๊าได้ไหม” รินหันมาอ้อนทันทีอกีอย่างที่เขาชักชอบคืออาการอ้อนเพิ่งสังเกตว่ายิ่งสนิทกันเจ้าตัวยิ่งอ้อนหนักเป็นการอ้อนที่หวังในสิ่งที่ตัวเองอยากได้และผมก็ยอมตามใจเสียทุกครั้ง

“จะให้ไปอยู่ที่นั่นสองสามวันเลยล่ะ”

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ตากลมฉายแววสงสัยนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมถูกใจ

“ก็จะไปจัดการเรื่องวุ่นๆ ให้มันจบไปไง” ยืนมือไปโยกหัวทุยเบาๆ เพราะเจ้าตัวคิ้วเรียวขมวดเป็นปมแล้ว

“ให้ผมไปด้วยนะ” เด็กดื้อขยับเข้ามาใกล้สองมือจับที่แขนแล้วเขย่าเบาไหนจะช้อนตามองอีกจนต้องหันหน้าหลบสายตากลมนั่น

“ไม่ได้..อยู่เฉยจะดีกว่านะ” เพราะเป็นตัวแปรสำคัญอีกทั้งยังเป็นคนที่ไม่น่าออกไปเผชิญหน้ามากที่สุด ใบหน้าหวานหมองลงแต่ก็ยอมพยักหน้าเข้าใจแต่โดยดีถึงแม้จะเข้าใจแต่เด็กดื้อก็ยังเป็นเด็กดื้อขยับตัวหนีไปชิดอีกมุมของโซฟาแถมยังทำหน้าง้ำเป็นปลาทูคอหักจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ แล้วหันทิ้งตัวลงนอนบนตักนุ่ม

“ลุกออกไปเลยนะ” น้ำเสียติดจะสะบัดนิดๆ ทำให้ผมยิ้มมุมปาก

“เกอเหนื่อยแล้ว” พอบอกเท่านั้นมือที่ยกขึ้นกำลังจะดันหัวผมออกก็ค้างอยู่กลางอากาศท่าทางฟึดฟัดที่ทำอะไรผมไม่ได้ช่างน่าดูเพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบแกล้งเหมือนกันนะ เพราะยาที่ทานลงก่อนที่จะลงมาบวกกับหมอนนุ่มที่หนุนอยู่ทำให้เกิดอาการเคลิ้มจะหลับแต่ก่อนที่จะหลับไปผมสัมผัสถึงมือเรียวที่ลูบหัวพร้อมกับคำว่าฝันดี

.

.

“อย่าดื้ออย่าซนนะ”

“รินไม่ใช่เด็กนะ จะไปไหนก็ไปเลย” ผมขำคนที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่เด็กที่พยายามปัดมือผมออกเลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นจมูกรั้นบีบเบาๆ ก่อนที่จะปล่อยมือออก

“อีกสามวันเกอจะมารับกลับนะ”

“ดูแลตตัวเองดีๆ นะครับ” แววตากลมที่ฉายความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิดทำให้รู้สึกคันยุบยิบตรงหัวใจและเป็นอาการที่เขาไม่เคยรู้สึกเลื่อนมือไปจับแก้มนุ่มที่เจ้าตัวเอียงหน้าซบกับฝ่ามือผมก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ตัวสะดุ้งผละออกห่างแก้มขาวนั้นแดงก่ำ

“ผะ...ผมไปแล้วนะ” ว่าจบก็หนีลงจากรถกระโดดเข้าประตูบ้านตระกูลไป๋ไปทันที ท่าทางตื่นๆ นั่นทำให้อดคิดไม่ได้ว่าไม่ช้าไปหน่อยเหรอก่อนหน้านี้ทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“ออกรถ” ใบหน้าคมเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปในทันที ขบวนรถคันหรูขับเข้าจอดหน้าร้านอาหารจีนชื่อดังที่ถูกปิดเป็นที่คุยข้อตกลงในวันนี้ ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำเดินเข้าร้านพร้อมกับขบวนคนติดตาม ห้องรับรองส่วนตัวที่มีบรรยากาศกดดันจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

พรึบ

เหล่าคนที่ยืนหน้าห้องโค้งทำความเคารพอย่างพร้อมเพียงแม้จะมีบางครั้งที่ไม่ลงลอยกันแม้จะอยู่กันคนละแก๊งแต่พวกเขาก็เคารพหยางอี้ผู้ชายที่มีทั้งความเกรงขามและน่าเคารพอย่างใจจริง ร่างสูงเพียงพยักหน้าให้ก่อนที่จะหันไปสั่งให้ลูกน้องรออยู่ด้านนอกมีเพียงนิวที่ติดตามเข้าไปด้วย

ภายในห้องรับรองมีเพียงชายวัยกลางคนที่นั่งจิบชาอยู่เพียงคนเดียวแต่ก็สร้างความกดดันไม่น้อย ผมโค้งเคารพคนที่อายุมากกว่าเล็กน้อยก่อนที่จะไปนั่งลงตรงข้ามต่างฝ่ายต่างเงียบจนกระทั่งคนสูงวัยวางถ้วยชาลง

“ยังเป็นเด็กที่หน้าตายเหมือนเดิมนะ”

“ผมว่าเราเข้าเรื่องกันดีกว่าไหมครับ”

“เด็กๆ นี่ใจร้อนจังเลยนะ”

“ผมว่าก็ยังไม่เท่าคนที่ส่งคนไปลอกัดผมหรอกนะ” นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างหน้ากลัว

“ฉันเป็นคนมีเกียรติพอเรื่องหมาลอบกัดแบบนี้” สบตานิ่งดวงตาสูงวัยไม่มีท่าทีโกหกถ้าอย่างนั้นใครกันที่ลอบทำร้าย ยังดีที่ตัดสินใจถามก่อนไม่ได้ผลีผลามทำอะไรลงไป

“แล้วเรื่องคาสิโนนั่นล่ะ”

“หึ ฉันอยากได้เจ้าของมากกว่าคาสิโนนั่นอีก”

“นั่นเด็กคราวลูกนะครับ” เพราะรู้จักกันมานานถึงรับรู้เรื่องรสนิยมส่วนตัวของผู้เฒ่าคนนี้ซึ่งปกติก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของใครหรอกนะแต่กับเด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ แววตาคมแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว

“หึๆ เด็กนั่นเป็นตัวจริงของนายหรือยังไง”

....

ผมเงียบเป็นคำตอบเพราะผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบผู้เฒ่าเฉินก็หัวเราะเสียงดังก่อนที่จะโบกให้เสิร์ฟอาหาร

“เด็กนั่นเป็นคนของตระกูลไป๋” ผมบอกอีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนเข้าใจและจะได้ไม่มีใครกล้าแตะเด็กดื้อ

“เรื่องแค่นั้นฉันรู้ดีเพราะเจ้าไป๋เคยอวยให้ฟังแต่ที่ฉันยังสนใจเพราะเด็กนั่นมีฝีมือแถมยังน่ารัก ไม่ใช่แค่ฉันหรอกนะที่อยากได้” คำพูดเป็นนัยทำให้ผมคิ้วขมวดไม่เพียงแค่คุณเฉินสินะ นั่งทานอาหารร่วมกันพอเป็นพิธีก็ขอตัวกลับคุณเฉินไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่โบกมือพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจ แม้จะเป็นคนเจ้าเล่ห์แถมยังเป็นคนที่อ่านไม่ออกแต่อย่าให้พูดถึงลูกชายของคุณเฉินรายนั้นคุยกันแต่ครั้งเป็นอะไรที่น่าปวดหัวมากเป็นคนเดียวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม จะว่าสนิทก็สนิทไม่สนิทก็ไม่สนิทเมื่อขึ้นรถคิ้วหนาก็ขมวดแน่นใครกันนะที่อยู่ในมุมมืดคอยลอบกัดอยู่อย่างนี้

“บอสครับมีรถขับตามมา” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายทำไมถึงได้วอแวกับเขานักนะ

“ออกไปนอกเมือง” เพรราะอยากจะจับตัวมาเพื่อเค้นถาม

นิวขับรถเล่นออกนอกเมืองโดยมีรถอีกสองคันตามตามมาติดๆ ขนาดที่ขับออกนอกเมืองเพื่อบอกว่าทางเขารู้ตัวแล้วก็ยังจะตามมาคงจะมาเพื่อปิดบัญชีสินะ เอื้อมมือลงไปเปิดช่องลับที่อยู่ใต้เบาะหยิบปืนGlockปืนพกพาที่มีประสิทธิภาพแม่นยำและมีน้ำหนักเบาเหมาะแก่การต่อสู้เช็คความพร้อมแล้วค่อยพยักหน้าให้กับนิวตอนนี้มีเพียงสองคน รถที่ขับมาด้วยความเร็วถูกนิวหมุนพวกมาลัยกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับดึงเบรกมือเพื่อดริฟหันกลับไปเพราะเป็นการกลับรถกะทันหันทำให้พวกที่ตามมาเบรกจนรถเสียหลัก เสียงล้อเบียดถนนและกลิ่นควันคลุ้งไม่รอให้ใครมาตัดริบบิ้นขายาวก้าวลงจากรถที่จอดสนิทสาดกระสุนยิงทะลุกระจกคนขับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

“บอสครับ”

“เหลือไว้เพียงคนเดียวพอ” เพราะโต้กลับไม่ทันตั้งตัวทำให้พวกนั้นไม่มีทางตีโต้

แกร๊ก

เปลี่ยนแม็กแล้วสาดกระสุนไปอีกหลายนัดเสียงปืนเงียบลงเพียงระยะเวลาไม่กี่นาทีนิวรีบเดินนำหน้าบอสที่จัดการเองหมดทุกอย่างนี่เขายังเป็นมือขวาอยู่ใช่ไหม ทำไมถึงได้ชอบทำอะไรนำหน้าลูกน้องอยู่ตลอดไอ้ครั้งที่โดนยิงครั้งที่แล้วเหมือนกันเล่นโดดไปยืนนำตลอด ได้แต่ทำใจที่มีเจ้านายที่ไม่ใช้ลูกน้องเป็นโล่แถมยังเป็นเจ้านายที่ทำตามใจตัวเองสุดๆ เมื่อเปิดประตูรถที่โดนสาดกระสุนจนพรุนก็เหลือเพียงคนเดียวที่นั่งพะงาบๆ เพราะโดนยิงเข้าที่ไหล่เลือดไหลนองเต็มเบาะ นิวหยิบปืนที่หล่นถอดแมกกาซีนแล้วโยนทิ้งกลางถนน

แกร๊ก

“ตอบคำถามฉันมา” ร่างสูงเดินมาดันไหล่ลูกน้องออกก่อนที่จะจ่อปืนที่หัวของไอ้คนที่รอดมิรอดแหล่ แววตาคมดำสนิทไร้ซึ่งความรู้สึกน่าหวาดหวั่น

“แค่กๆ อ๊ากกกก!!!” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรปากกระบอกปืนก็ถูกกดลงบนแผลเลือดไหลทะลักออกมาใบหน้าเริ่มซีดขาวไร้สีเลือด

“ตอบ” แววตาคมของร่างสูงไม่ได้มีความสงสารในนั้นเลยสักนิดกระบอกปืนเลื่อนกลับมาจ่อที่หน้าผากถ้าหากครั้งนี้ไม่ตอบชีวิตเขาก็ไม่คิดที่จะรออีกแล้ว

“แค่กๆ บอส..ผมทำตามคำสั่งบอสหลี่” เมื่อได้คำตอบที่พอใจแล้วเขาก็หันกลับไปหาลูกน้อง

“รักษามันแล้วส่งกลับไปบอกนายมันว่า...ฉันจะไปคิดบัญชีทบต้นทบดอก” ไม่คิดที่จะปล่อยคนที่ลอบกัดเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปแน่ๆ นิวพยักหน้ารับคำก่อนที่จะทำตามที่สั่งก่อนที่จะโทรเรียกลูกน้องมาจัดการเก็บกวาด

“บอสจะไปไหนครับ”

“จัดการให้เรียบร้อยฉันจะไปรอที่เซฟเฮ้าส์” ยังไม่ทันที่คนสนิทจะได้ตอบอะไรเจ้านายก็ออกรถไปเสียแล้ว ไอ้นิวอยากจะบ้า

ร่างสูงขับรถมาถึงเซฟเฮ้าส์อีกหลังของตัวเองที่มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเมื่อเข้าบ้านสั่งงานเรียบร้อยก็หยิบมือถือเพื่อโทรหาเด็กดื้อที่ส่งไปเล่นที่บ้านตระกูลไป๋ รอสายเพียงไม่นานยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรเสียงลนๆ ของเด็กดื้อก็แทรกเข้ามาเสียก่อน

“ (เป็นยังไงบ้างไม่ได้บาดเจ็บอะไรใช่ไหม) ” มุมปากหนาอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นไม่ได้กับอาการห่วงแบบนี้

“ไม่เป็นไรเก็บกวาดหมดแล้ว”

“ (ถ้างั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย..นี่หยางเกอ...รินต้องกลับไปที่ไทยนะ) ” ดีใจยังไม่เท่าไหร่เด็กดื้อก็บอกเรื่องที่ชวนให้ไปพาตัวมาเก็บไว้ที่นี่จริงๆ ไอ้ที่บอกนี่ก็คงจะไม่ได้มาขออนุญาตเพียงแต่บอกให้รู้เฉยๆ สินะ

“กลับไปทำไม”

“ (อ่า.......จะไปเคลียร์ทุกอย่างที่ค้างคา) ” น้ำเสียงอ่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องที่เดาไว้รึเปล่าแต่ก็น่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ได้แต่ถอนหายใจ

“นานเท่าไหร่” เพราะถ้าจะห้ามคงจะไม่ได้เพราะตอนนี้ก็ถือว่าผมปล่อยให้น้องให้มีอิสระทุกอย่างแล้วเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะจับตัวมาขังอะไรมากมายอยู่แล้ว

“ (อืมคิดว่าจะทำให้เสร็จภายในอาทิตย์เดียว) ” อยากให้บอกให้ทำให้เสร็จภายในวันเดียวเสียด้วยซ้ำแต่ทางเขาก็มีงานหนักรอยู่

“จะให้คนไปช่วยแล้วก็ทำตัวดีๆ อย่าดื้อ” เพราะกลัวว่ากลับไปแล้วเด็กดื้อจะแผลงฤทธิ์อะไรขึ้นมาอีกแต่ไปอยู่ที่นั่นก็คงจะดีกว่าอยู่ที่นี่

“ (ง่าไม่เอาได้ไหมเจ้าเยว่ก็ไปด้วยแถมป๊าก็ส่งคนไปด้วย) ”

“ให้คนของเกอไปด้วย....เกอจะได้สบายใจ” ผมย้ำเสียงเข้มแม้จะมีคนไปด้วยแต่ก็ไม่ไว้วางใจแม้ใจจริงอยากจะไปด้วยก็ตาม

“ (อือ.ก็ได้ครับ...เดี๋ยรินต้องไปเตรียมตัวเดินทางแล้ว...ริน...) ” จู่ๆ เด็กดื้อก็เงียบไป ผมก็เงียบรอฟังปลายสายพูดต่อให้จบ

“ (เอ่อ....ดูแลตัวเองดีนะครับ..รินเป็นห่วง) ” แม้จะโดนตัดสายไปแล้วแต่มือใหญ่ก็ยังยกโทรศัพท์แนบหูเพราะคำพูดสุดท้าย ให้ตายเถอะ ชักไม่อยากให้เด็กดื้อไปซะแล้วสิ ได้แต่สั่งให้คนรีบไปคุ้มกันทันที

.

.

ฮือ...ไอ้บ้ารินพูดออกไปได้ยังไง พอพูดออกไปเขาก็แทบจะมุดแผ่นดินหนีเพราะเผลอเป็นห่วงคนตัวโตที่ดูเหมือนว่าผมจะเปิดใจให้คนๆ นี้เกินไปแล้วความรู้สึกแปลกๆ ที่มันอบอวนอยู่ข้างในที่มันมากขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ผมมองข้ามความรู้สึกนี้ไปไม่ได้

“ช่างเถอะ เลิกคิดได้แล้ว เก็บของๆ” บ่นเบาๆ กับความคิดไร้สาระที่ชอบโผล่ขึ้นมาตอนที่ผมว่าง กลับไปไทยครั้งนี้ผมจะได้ตัดสายสัมพันธ์ทุกอย่างให้จบลงซะที่อาจจะพานมมาอยู่ที่นี่เลยเพราะป๊าก็ชวนให้ผมมาอยู่ด้วยแถมซินอ้อนขอให้ผมมาอยู่ด้วยดูท่าทางแล้วซินคงจะไม่พ้นการแต่งงานแน่ๆ ท่าทางเหม่อๆ และไม่ร่าเริงทำให้ผมเป็นห่วงเพื่อนสนิทคนนี้เหลือเกิน

“เสร็จรึยังใกล้ได้เวลาแล้วนะ” ซินเดินเข้ามาในห้องแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงยังดีที่ไม่ได้นอนทับกองผ้าที่ผมพับไว้ ท่าทางเบื่อๆ ของซินทำให้ผมไม่ว่าอะไรเพียงพยักหน้า

“อือเสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวหยางเกอจะส่งคนมาเพิ่ม” รูดซิบกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแม่บ้านที่เดินตามเจ้าซินเข้ามาก็มาลากลงไปผมเลยกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงที่ทันทีที่ผมนอนซินก็ขยับมากอดผมเหมือนตอนที่เวลาซินไม่สบายใจ

“เป็นอะไร..หือ..เสี่ยวซิน”

“นายจะมาอยู่ที่นี่กับฉันใช่ไหมริน” น้ำเสียงหงอยๆ ของเจ้าซินนี่ไม่ชินเลยจริงผมกอดตอบ

“เออๆ ฉันจะมาอยู่แย่งตำแหน่งลูกรักจากนาย” เสียงหัวเราะเบาๆ ของซินทำให้ผมวางใจเคยถามว่าจะให้ผมช่วยเรื่องที่จะหมั้นแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธ

“ลุกเถอะเดี๋ยวก็ไม่ทันเวลา” ขยี้ผมนุ่มๆ ของซินให้มันฟูแต่ก่อนที่เจ้าตัวจะโวยวายผมก็กระโดดวิ่งหนีโดยมีเสียงโวยวายลั่นบ้าน ไป๋เหยียนที่นั่งจิบชาอยู่ที่สวนได้แต่ส่ายหัวให้กับเสียงอึกทึกโวยวายของสองแสบ แต่บ้านก็ดูเป็นบ้านเมื่อมีเด็กสองคนนี้อยู่ด้วยกัน

************************************

หลังจากที่หายไปนาน ต้องขอโทษด้วยนะคะ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า

ฝากเม้นต์ ฝากติชมเป็นกำลังใจด้วยค่ะ

เจอกันตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 6 13/8/2561
«ตอบ #15 เมื่อ13-08-2018 20:25:00 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 6 13/8/2561
«ตอบ #16 เมื่อ15-08-2018 18:25:37 »

 o13

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 7 19/8/2561
«ตอบ #17 เมื่อ19-08-2018 12:52:34 »

7

ขบวนร่างโปร่งเดินออกจากเกตท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นมากมายแต่ก็ทำได้เพียงเหลือบมองเท่านั้นเพราะร่างโปร่งทั้งสองถูกห้อมล้อมไปด้วยชายชุดดำน่ากลัวจนทุกคนเว้นระยะห่างแหวกเป็นทางแถมยังเว้นระยะห่างซะจนร่างบางทั้งสองแอบขำเดินออกมาขึ้นรถที่ทางหยางอี้เตรียมไว้ให้พร้อมกับพี่ฟงที่ถูกเรียกตัวมาดูแลซินหลังจากที่โดนสั่งให้อยู่ดูแลนม

“พี่ฟง คิดถึงจังเลยครับ” ผมหลุดขำกับสีหน้าของพี่ฟงที่ดูท่าทางจะเบื่อกับการอยู่เฉยๆ

“กลับมาก็ดีแล้วครับอย่าได้โดนหิ้วไปอีกนะครับ” ปากหรือนั่น

“ครับๆ กลับบ้านกันครับพี่ฟง”

“ได้ข่าวนั่นลูกน้องฉัน” เห็นเงียบอยู่นานเจ้าซินก็ออกปากแย้งแค่ให้คนสนิทมาดูแลแต่ดูเหมือนจะโดนโมเมเป็นของตัวเองไปแล้ว

“เอาน่าคนกันเอง” ผมกอดคอซินพากันเดินไปยังขบวนรถที่จอดรอเป็นขบวน หลังจากที่มาถึงบ้านผมก็ต้องปลอบนมที่ร้องไห้เสียยกใหญ่จนทั้งผมและซินปลอบอยู่นาน บรรดาคนติดตามแยกย้ายทำหน้าที่ยังดีที่ไม่มีใครมายุ่งย่ามวุ่นวายไม่งั้นคงจะแตกตื่นกับบรรดาคนชุดดำที่ยืนเฝ้าเต็มยังไม่รวมที่แฝงตัวมา

“แล้วนายจะไปตอนไหนเหรอ” ซินถามขึ้นเมื่อเรานั่งเปิดทีวีให้ดูเพราะต่างคนก็ต่างก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่อยู่ในมือ

“ก็....เย็นนี้” เหลือบมองนาฬิกาคำนวณเวลาแล้วก็น่าจะเตรียมเอกสารและเตรียมจิตใจทัน ที่ผมต้องเดินทางกลับมาไทยกะทันหันเพราะโทรศัพท์ทางไกลครั้งล่าสุดพี่รันบอกว่าตอนนี้เดินทางกลับมายังไทยเพราะทำอะไรกับการเอาบริษัทคืนมาก็ไม่ได้และสภาพทางการเงินก็ย่ำแย่เลยต้องหนีกลับมาที่ไทย หากจะถามว่าแค่เสียบริษัททำไมถึงได้ตกต่ำขนาดนี้ หึ ก็คนๆ นั้นเอาเงินไปถลุงในคาสิโนจนไม่มีเงินแถมยังเป็นหนี้เสียอีกมากมายช่างน่าขำ

“ไหวไหมจะให้ฉันเข้าไปด้วยไหม” เมื่อซินเห็นว่าผมเงียบไปเลยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ไหวสิแค่นี้เอง..ฉันไม่ใช่คนเดิมแล้วนะ” ผมยิ้มกว้างปลอบใจซินสายสัมพันธ์สุดท้ายก็ตัดไปแล้วจะให้มีความรู้สึกอะไรอีก ครั้งนี้ก็เป็นเพียงการเจรจาธุรกิจอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะเรื่องที่ขอป๊าออกหน้าให้นั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจนบริษัทนั้นกลับคืนมาแล้ว อย่าถามนะว่าผมทำได้อย่างไรเพียงแค่ปั่นป่วนตลาดหุ้นและยอมเสียเงินที่ไม่เคยได้ใช้ช้อนซื้อมาจนหมดทำให้ได้บริษัทกลับมา



หลังจากที่นั่งตรวจเอกสารเรียบร้อยหมดแล้วก็ได้เวลาที่จะต้องไปเจ้าซินเดินมากอดให้กำลังใจพร้อมกับนมที่เดินมาจับมือผมแน่น

“รินไปนะครับนมเดี๋ยวรินกลับมา” กอดนมผู้ที่ซึ่งดูแลผมมาทั้งชีวิตก่อนที่จะสวมสูทตัวนอนเดินนำพี่ฟงเพื่อเดินทางไปยังบ้านเศวษฉัตรเพื่อตัดสายสัมพันธ์สุดท้ายนี้ให้จบซะที ข้างตัวมีพี่ฟงและก็ยังมีคนของหยางอี้ที่ส่งมาอีกสองคน แม้จะไม่อยากที่จะพาคนไปเยอะแต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอม รถคันหรูที่ทางลูกน้องของหยางเกอเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพเล่นเข้าสู่ถนนที่คุ้นในความทรงจำ มือที่ถือซองเอกสารสั่นเบาๆ ยิ่งเข้าไปใกล้ความทรงจำน่าหวาดกลัวก็ยิ่งโผล่เข้ามาในหัว

“คุณรินไหวไหมครับ” ฟงถามร่างเล็กที่ยิ่งใกล้ทางกลับบ้านใบหน้าขาวซีดเผือดจนไร้สีเลือดซะจนน่าเป็นห่วง

“ไหวครับ” ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นหน้าซีดมือสั่นแค่ไหน แต่ก่อนที่ฟงจะถามต่อโทรศัพท์มือถือที่วางบนตักก็ดังขึ้นเสียก่อน

“คะ.ครับ” ผมรับโทรศัพท์โดยยังไม่ทันที่จะดูชื่อคนโทรเข้าเสียด้วยซ้ำ

“ (เป็นอะไรหรือเปล่า) ” เสียงทุ้มที่ฉุดให้ผมหลุดจากภาพในอดีตเรียวปากบางค่อยระบายยิ้มกว้าง

“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ โทรมาได้ถูกจังหวะเลยนะครับเกอ” โทรมาช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาดอย่างน้อยๆ ก็ทำอาการสั่นของผมหายไปแล้ว

“ (หึๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรฉันจะอยู่ข้างหลังนายเสมอ) ” เสียงทุ้มหนักแน่นกับคำพูดที่ทำให้ใจผมเต้นรัวแก้มขาวมีริ้วแดงก่ำ ให้ตายเถอะทำไมหัวใจผมถึงเต้นแรงแบบนี้ เรียวปากบางอ้าแล้วก็หุบเพราะคิดหาคำพูดที่จะตอบออกไปไม่ได้เลยมีเพียงสามคำที่พูดอออกมาเบาๆ

“ขอบคุณครับ”

“ (ฉันเต็มใจ) ” เสียงทุ้มพูดเบาๆ ก่อนที่จะตัดสายไป ผมมองโทรศัพท์ในมือที่เหมือนจะส่งกำลังให้ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ กลับมาเป็นรินคนเดิมแล้วรถคันหรูจอดที่หน้าประตูรั้วเหล็กใหญ่ที่ๆ เคยเป็นกรงขังของผม ประตูรั้วเหล็กค่อยเลื่อนเปิดเผยให้เห็นคฤหาสน์หรู ขับผ่านรูปปั้นน้ำพุผมหันมองรอบๆ ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่มีเพียงต้นไม้รอบๆ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการดูแลแห้งเหี่ยวแล้วไม่เป็นรูปทรงต้นไม้บางต้นถึงกับยืนต้นตาย เมื่อรถจอดคนขับรถก็รีบลงมาเปิดประตูรถให้ผม ลงมายืนมองประตูบ้านโดยมีพี่ฟงและพี่ๆ อีกสองคนยืนอยู่ข้างหลังเงียบๆ ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพยักหน้าให้พี่ฟงแล้วเดินนำเข้าบ้านที่มีเพียงความเงียบ ผมกวาดสายตามองรอบๆ มันทั้งเย็นยะเยือกและน่าหวาดกลัว

“ริน” ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องรับแขกเรียกผมเสียงเบาในความทรงจำของผมเลือนรางมากกับคนที่เป็นพี่ชายเพียงแต่เสียงคุ้นหูทำให้ผมรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นพี่รัน

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้คนตรงหน้าแม้จะไม่เคยเจอหน้าแต่พี่ชายคนนี้ก็เป็นคนคอยถามไถ่เสมอพี่รันรับไหว้ก่อนที่จะมองเลยไปข้างหลังที่มีพีฟงและพวกพี่ๆ ผมหันไปสั่งลูกน้องของหยางเกอเป็นภาษาจีนว่าให้รออยู่ข้างนอกมีเพียงพี่ฟงที่จะเดินเข้าไปกับผม

“แกพาใครมานะไอ้รัน” ร่างสูงวัยที่นั่งอยู่โซฟาผมไม่คิดว่าจะได้เจอเพราะผมนัดคุยเพียงแค่พี่รัน

“นี่ระ..”

“อ่าไม่จำเป็นก็ได้ครับพี่รันผมมาแค่ไม่นาน” พอได้ยินผมเรียกพี่รันว่าพี่ใบหน้าก็ทะมึงตึงผุดลุกขึ้นมาพี่ฟงรีบขยับขึ้นมาบังผมไว้ ส่วนพี่รันก็รีบเดินไปจับแขนพ่อของพี่รันไว้มีเพียงคนๆ เดียวที่นั่งจิบน้ำชาสายตาไม่ได้มีความยินดียินร้ายที่เห็นผมกลับมา

“พ่อนั่งลงก่อนครับนั่นน้องรินนะครับ” ผมอยากจะขำกับสิ่งที่พี่รันแนะนำผมกับผู้ชายคนนี้ เอาเถอะพูดธุระเสร็จผมก็จะจากที่นี่ไป

“พี่ฟงไม่เป็นไรครับ” ผมแตะไหล่พี่ฟงที่ยังยืนบังผมไว้อยู่ พี่ฟงพยักหน้าให้ก่อนที่จะขยับกลับมายืนข้างๆ

“พี่รันมาคุยธุระเราให้เสร็จดีกว่านะครับ” เมินสายตาสงสัยของทั้งสองคนในห้องเดินลงไปนั่งที่โซฟาอย่างถือวิสาสะปรับสีหน้าและท่าทางที่ทำให้สายตาที่มองมาเปลี่ยนไป

“พี่ดีใจที่ได้เจอรินนะ” สายตาที่มองมาอย่างอ่อนโยนทำให้ผมส่งยิ้มบางๆ ไปให้

“ผมก็ดีใจที่ได้เจอพี่รันนะครับ ขอบคุณที่คอยห่วงใยมาตลอดนะครับ” ผมขอบคุณอย่างใจจริง

“พี่เต็มใจ” ผมทำเพียงยิ้มน้อยๆ แล้วค่อยเปิดกล่องเอกสารหยิบเอกสารผู้ถือหุ้นทั้งหมดออกมาส่งให้พี่รัน

“นี่เป็นเอกสารทั้งหมดส่วน....อ่า พี่ฟงครับผมลืมหยิบซองเอกสารน้ำตาลลงมาจากรถช่วยไปเอามาให้ผมได้ไหมครับ” หันไปบอกพี่ฟงที่ท่าทางไม่อยากห่างผมไปไหน

“แต่ว่า..”

“ไม่ต้องห่วงผมหรอกนะครับ” เมื่อผมยืนยันหนักแน่นพี่ฟงเลยยอมที่จะเดินออกไป และเมื่อความเงียบก็ปรกคลุมห้องรับแขก ผมส่งเอกสารทั้งหมดให้พี่รัน มือใหญ่นั้นสั่นน้อยๆ เมื่ออ่านเอกสารทั้งหมดสีหน้าของพี่รินมีเพียงความประหลาดใจตาคมเงยหน้ามองผมอย่างตื่นตะลึง

“นี่มัน...อะไรกัน” พี่รันพึมพำเบาๆ กับตัวเอง

“อย่างที่ผมให้คำสัญญากับพี่รันไว้ บริษัทกลับมาเป็นของพี่รันถึงตอนนี้จะเป็นชื่อผมก็เถอะนะเดี๋ยวพอพี่ฟงเอาเอกสารเข้ามาพี่ก็ค่อยเซ็นรับล่ะกันนะครับ” พอได้ยินว่าบริษัทที่ตัวเองเสียไปได้กลับมาเป็นของตัวเองคนคนนั้นก็ผุดลุกขึ้นถาม

“นี่แกทำได้ยังไง นี่แก......อยากได้อะไรจากบ้านนี้แกไม่มีสิทธิที่จะได้อะไรทั้งนั้น” ผมหลุดขำอย่างกลั้นไม่อยู่ แค่บริษัทเล็กๆ นี่นะเหรอ แค่บ้านเก่าๆ นี่นะเหรอหรือแค่ทรัพย์สินเพียงไม่กี่สิบล้านนะเหรอ พอเห็นผมหลุดขำอย่างกับมันเป็นเรื่องตลกซึ่งมันก็ตลอกจริงๆ ก็ยิ่งทำให้เขาไม่พอใจชี้หน้าด่าผมไปอีกหลายคำ

“ผมไม่อยากบอกอะไรคุณหรอกนะกับวิธีที่ผมทำ บริษัทเล็กๆ นี่นะเหรอ บ้านหลังนี้หรือแม้กระทั้งเงินของคุณผมไม่เคยต้องการถ้าผมต้องการอยากจะได้คุณไม่มีทางได้มายืนว่าผมอยู่ตรงนี้หรอกนะครับ” ใบหน้าผมมีเพียงความเย็นชา

“หึ น้ำหน้าอย่างแกมันก็แค่เด็กเหลือขอ” คนบางคนต่อให้นานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“กะอีแค่เศษเงินน้อยนิดนั่นนะเหรอ” ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปอีกพี่ฟงก็รีบเดินเอาซองเอกสารมาส่งให้ ผมเปิดเอกสารที่เตรียมไว้ให้พี่รันเซ็นรับหุ้นทั้งหมดที่ผมถือ กางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ

“พี่รันเซ็นรับนะครับ ส่วนนี่ เช็ค 10 ล้านเป็นคำขอบคุณที่คอยห่วงใยผมมาตลอดส่วนนี่............เป็นเอกสารสำหรับการที่ผมจะเป็นอิสระจากบ้านหลังนี้” ในนั้นเป็นเอกสารสำหรับที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านหลังนี้และอดิตที่ไม่น่าจดจำ

“สะ..สิบล้าน รินไปเอาเงินมาแต่ไหนมากมายแบบนี้”

“อันนี้เป็นเงินของผมเอกที่ทำธุรกิจนิดหน่อย” อืม..จะถือว่าเป็นธุรกิจหรือเปล่านะไอ้คาสิโนนั่นนะ

“พี่รับไว้ไม่ได้หรอกนะ”

“พี่รันต้องรับไว้เพราะยังไงตอนนี้ถึงได้บริษัทกลับคืนไปเงินหมุนเวียนก็คงไม่พอถือว่าผมช่วยล่ะกันนะครับ” พี่รันยอมที่จะรับเช็คนั่นไว้เพราะมันเป็นความจริงเงินในนั้นแทบจะไม่เหลืออยู่แล้วพี่รันเซ็นรับทั้งหมด ส่วนเอกสารที่ต้องให้ทั้งสองคนนั้นเซ็นยังคงว่างเปล่า

เมื่อเห็นเงียบอยู่นานผมเลยหันไปคุยกับพี่รันเรื่องธุรกิจที่ทำเอาพี่รันแปลกใจที่ผมรู้เรื่องแบบนี้ แนะนำกันอยู่นานเอกสารนั่นก็ยังคงว่างเปล่า จนผมต้องหันไปมองแล้วถอนหายใจยาว

“เซ็นเถอะครับทั้งผมและคุณต่างก็รู้ดีจะรออะไรกันอยู่ล่ะครับ” ท่าทางอึกอักน่ารำคาญเสียจริง มีบางเรื่องที่ผมไม่อยากจะพูดออกมามีเพียงผมและซินที่รู้ไม่แน่ป๊าก็อาจจะรู้ด้วยก็ได้ ความจริงที่ว่าผมเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านหลังนี้ ลูกชายแท้ๆ ที่พ่อและแม่ต่างไม่ยอมรับ ตอนนั้นผมอยากรู้ความจริงว่าผมใช่อย่างที่เขาด่าว่าผมหรืออย่างที่แม่เคยว่าผมจริงรึเปล่า พอได้รู้ความจริงแล้วความเสียใจทั้งหมดยังไม่เท่าความผิดหวัง

“....”

“ผมจะให้อีก สิบล้านหากคุณเซ็นให้” เมื่อผมยื่นข้อเสนอไปทั้งสองคนก็แทบจะแย่งกันเซ็นผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกได้แต่บอกให้พี่ฟงส่งสมุดเช็คมาให้ก่อนที่จะเซ็นเช็คตามที่เสนอไป ทั้งหมดมันจบลงแล้วสินะ

“พี่รันผมกลับก่อนนะครับ ถ้าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรติดต่อตามนามบัตรนี้นะครับ” พี่ฟงส่งนามบัตรให้พร้อมกับโค้งน้อยๆ ส่วนผมลุกขึ้นยืนมองหน้าพี่ชายที่ได้เจอกันครั้งแรก ขยับเข้าไปชิดแล้วอ้าแขนกอดร่างสูง

“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับพี่รัน” แม้จะไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยแต่พี่รันก็เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่ายังมีครอบครัวทางสายเลือดอยู่ กอดครั้งสุดท้ายผมยิ้มกว้างให้พี่รันครั้งสุดท้ายแล้วหมุนตัวเดินออกจากบ้านหลังนี้ที่ไม่เคยมีความผูกพันอะไรกันซักนิด

.

.

หลังจากที่นั่งรถออกจากบ้านผมก็นั่งเงียบพี่ฟงก็ไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งกลับขึ้นมาบนห้องบอกเพียงขออยู่คนเดียวแล้วเดินเข้าห้อง ถึงแม้จะบอกว่าไม่รู้สึกแต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรเหมือนอย่างที่พูดออกมาเลยสักนิด หลังจากไปทำมิวสิควิดีโอในห้องน้ำก็ออกมาในชุดนอนประจำล้มตัวลงนอนแต่ตายังค้างหลับไม่ลงได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาก็ยังไม่ง่วง เคยคิดว่าถ้าจบเรื่องนี้ไปผมคงจะรู้สึกดีขึ้นแต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่างเปล่า

“นอนได้แล้วน่า” บ่นกับตัวเองเพราะนอนไม่หลับ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ผมต้องเงยหัวฟูๆ รับโทรศัพท์

“ครับ”

“ (ยังไม่นอนอีกเหรอ) ”

“นอนไม่หลับอ่ะ”

“ (เรียบร้อยหมดแล้วสินะ จะกลับเมื่อไหร่ล่ะ) ” ดูท่าคนทางโน้นจะรู้เรื่องหมดแล้วสินะ อะไรคือการถามหาแต่วันกลับ

“อือเรียบร้อยหมดแล้ว” อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงของผมหรือเปล่าทำให้ปลายสายถึงพูดคำนี้ออกมาคำที่ไม่มีใครพูดมีเพียงคำถามที่ผมไม่อยากตอบ

“ (ไม่เป็นไรแล้วนะ นายทำถูกแล้ว) ”

“อึก....ฮืออ..” ไม่ทันได้พูดอะไรผมก็ปล่อยโฮอาจะเป็นเพราะน้ำเสียงทุ้มที่เจือความเข้าใจและอ่อนโยนทำให้ผมรู้สึกอ่อนไหวกว่าที่เคยยอมที่จะปล่อยน้ำตาร้องไห้อย่างเด็กๆ

“ (อย่าร้องในตอนที่ฉันปลอบนายไม่ได้สิ) ” จากที่ร้องไห้อยู่ดีๆ พอได้ยินคำพูดนี้เหมือนถูกกดสับสวิตช์ พูดแบบนี้มัน.

ทำให้ใจผมเต้นแรงจนลืมที่จะร้องไห้ไปแล้ว ทั้งหน้ารู้สึกเหมือนมีใครเอาเตามาอัง

“อ่า..” น้ำตาผมหายไปแล้วเรียบร้อยเหลือเพียงอาการพูดไม่ออก

ง่า

ทำไมมันมีบรรยากาศแปลกๆ ลอยในห้องแบบนี้ล่ะ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา

“ไม่ร้องแล้วขอบคุณนะครับ”

“ (ฉันเต็มใจรีบๆ กลับมาได้แล้ว) ”

“อือ” ผมยกยิ้มกว้างรับคำ

“ (นอนได้แล้ว) ”

“นอนไม่หลับ”

“ (จะให้ร้องเพลงกล่อมเลยไหม หือ) ” แม้จะดูเหมือนประชดแต่น้ำเสียงละมุนนี่ต้องการอะไรกันครับ

“แน่จริงก็ร้องสิครับ” พอผมบอกไปแบบนั้นหยางเกอก็เงียบกริบซะจนคิดว่าสายหลุดไปแล้ว “ฮ่าๆ แค่คุยกันก็พอแล้วครับ”

“ (งั้นนอนเถอะไม่ต้องวางสายหรอก) ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ้มกว้างนะสิ ปลายสายไม่ได้ร้องเพลงกล่อมเพียงแต่จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงลอดออกมาเบาๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกง่วงตาโตเริ่มปรือพร้อมจะเข้าสู่นิทราแต่ก่อนหลับไปนั้น

“ฝันดีนะครับ”

“ (ฝันดีนะเด็กดื้อ) ” และก็เหมือนว่าผมจะหลับฝันดีไปทั้งคืน



ตื่นเช้ามาโทรศัพท์ยังอยู่ข้างหูและผมก็ต้องแปลกใจที่เห็นเวลามันร่วมๆ เกือบสองชั่วโมงทั้งๆ ที่คุยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำทำไมเป็นคนน่ารักอย่างนี้นะ ทำให้ผมยิ้มกว้างตั้งแต่เช้าเดินหัวฟูออกจากห้องคนในบ้านก็ตื่นกันหมดแล้วอ่ามีเพียงผมที่ตื่นสายอยู่คนเดียวสินะ

“อรุณสวัสดิ์” เดินงัวเงียทักทุกคนที่กำลังทานข้าวเช้า

“ไงหลับสบายไหม” ซินถามเพราะคงจะกลัวว่าผมจะนอนไม่หลับ

“หลับสบายดีเลยล่ะ วันนี้ไปเที่ยวกันไหม”

“หือ ก็ได้นะต่อไปคงไม่ได้มาบ่อยๆ” ซินทำหน้าเศร้าผมรู้ดีเจ้าซินไม่ได้เศร้าเรื่องที่จะมาบ่อยๆ หรอกแต่เป็นเพราะเรื่องคู่หมั้นที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้าแต่ถ้าย้ายไปอยู่ที่โน้นผมคงจะได้เจอหน้าแน่ๆ แต่พอคิดๆ พรุ่งนี้ก็จะเดินทางแล้วเลยขอพักอยู่เตรียมตัวย้ายไปอยู่ที่บ้านของป๊าที่เตรียมย้ายทะเบียนบ้านผมกับนมไปอยู่ที่โน่นแล้ว ส่วนบ้านที่นี่ก็จะให้แม่บ้านมาคอยดูแลเพราะผมก็ไม่ได้คิดที่จะหายไปเลยแต่ถ้ามาไทยก็จะได้มีที่พักไม่ต้องอยู่โรงแรมโดยจะจ้างแม่บ้านมาดูแลเอา หลังจากที่เก็บข้าวของที่จำเป็นซึ่งใช้ไปหลายกระเป๋ามาก ยังดีที่มากันหลายคน เอาล่ะ ผมจะได้ไปเริ่มต้นใหม่ที่โน้นแล้ว

.

.

นิวชักที่อยากให้คุณรินกลับมาเร็วๆ เพราะตอนนี้บอสของเขาแทบจะกลายร่างอยู่แล้วแม้จะไม่ได้ทำร้ายตระกูลหลี่ที่เป็นหนึ่งในสิบของเศรษฐีใหม่โดยตรงแต่ด้วยอำนาจของตระกูลหยางที่หยั่งรากลึกแค่ไหนใครก็รู้ดีแต่ก็ยังมีคนคิดที่จะลูบคมอย่างที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง

“ส่งคนไปเผาสายงานผลิตของมันทุกที่” เสียงทุ้มสั่งอย่างไร้ความเมตตาหลังจากที่รู้ตัวการบอสก็ดูเหมือนคิดจะถอนรากถอนโคน ปลุกปั่นความโกลาหลซะจนเขาคิดสงสารเจ้าบ้านหลี่ที่คิดสั้นมาย้อนเกล็ดมังกรโดยการต้องการตัวคุณหนูริน

“เอ่อบอสครับมันจะดีเหรอครับ” แม้จะมีเหตุผลก็ตามแต่การที่เปิดสงครามใหญ่โตหลังจากที่ทิ้งงานเบื้องหลังเขาก็ไม่อยากให้บอสกลับไปอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้

“หึ ฉันทำอะไรรู้ตัวว่าทำได้แค่ไหน” รอยยิ้มเย็นยกขึ้นทำเอานิวรู้สึกเหงื่อออกเต็มหลัง ใครก็ได้รีบเชิญคุณหนูรินกลับมาที



*******************************************************************

ช่วงนี้ก็จะเรื่อยๆเอื่อยๆนะคะ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 7 19/8/2561
«ตอบ #18 เมื่อ21-08-2018 18:19:51 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 7 19/8/2561
«ตอบ #19 เมื่อ22-08-2018 14:17:06 »

น้องรินเก่งมากๆแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 7 19/8/2561
« ตอบ #19 เมื่อ: 22-08-2018 14:17:06 »





ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
8

เยว่ซิน พระจันทร์แห่งความสุข นั่นคือความหมายของชื่อผมหากเป็นก่อนหน้านี้ผมคงจะยิ้มรับเพียงแต่ตอนนี้ผมกับความสุขสวนทางกันไปหมดแล้ว ผมเป็นลูกคนเล็กของตระกูลไป๋ หนึ่งในห้าตระกูลเก่าแก่ มีพี่ชายอยู่สองคน พี่ชายคนโตเป็นผู้สืบทอดของป๊า ส่วนพี่ชายคนรองเดินทางเที่ยวทั่วโลกพร้อมกับเขียนหนังสือไปด้วย ส่วนผมเพราะเป็นลูกชายคนเล็กแถมยังอายุห่างจากพี่ชายทั้งสองคนเกือบสิบปี ทำให้ผมถูกตามใจจากทุกคนแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ เมื่อทำผิด ต้าเกอ (พี่ชายคนโต) จะเป็นคนลงโทษผมด้วยตัวเองโดยที่ป๊าไม่สามารถห้ามได้ ส่วนมารดานั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ผมได้เพียงหกเดือนเพราะปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นคนที่เลี้ยงผมมาคือบรรดาผู้ชายที่ไร้ความละเอียดอ่อนทั้งสามคนแต่ก็รักผมยิ่งกว่าใคร

หลังจากที่เรียนจบโบกมือลาเมืองไทยที่ไปอยู่กับไอ้รินพอกลับมาได้ไม่ถึงสี่ห้าวันป๊าก็เรียกผมเข้าไปพบ ต้าเกอไม่อยู่เพราะต้องไปตามพี่รอง

“มีอะไรเหรอครับป๊า”

“เสี่ยวซิน........คิดรึยังว่าจะทำอะไร” ผมนั่งน่ามุ่ย เพราะยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรไหนจะคำเรียกหาที่ชวนโมโหนั่นอีก

“ยังไม่ได้คิดเลยครับป๊า”

“ป๊ามีเรื่องบอกเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องคู่ครองของลูก ป๊าจะให้เสี่ยวซินหมั้นกับ..” ยังไม่ทันที่ป๊าจะพูดจบผมลุกขึ้นเตรียมที่จะโวยวายแต่ป๊าก็ยกมือขึ้นห้ามและสายตาที่มองมาของป๊าทำให้ผมต้องเงียบแล้วนั่งลง

“เป็นสัญญาที่ป๊ากับทางนั้นคุยกันไว้ตั้งแต่แม่ลูกจะเสีย ...และมันจะดีกับตัวลูกเอง” อะไรคือดีต่อตัวผม คู่หมั้นเป็นใครก็ไม่รู้ และจู่ๆ จะมาให้ผมหมั้นนี่นะ

“ป๊า จะให้ผมหมั้นได้ยังไงทั้งเฮียหลง เฮียเฟิ่งก็ยังไม่ได้หมั้นเลยด้วยซ้ำ” ผมรีบอ้อนหาทางรอดให้ตัวเองเรื่องอะไรจู่ๆ จะให้ผมไปหมั้น บ้าไปแล้ว

“สองคนนั่นเสี่ยวซินไม่ต้องห่วงเห็นว่ามีแววแล้วล่ะแต่สำหรับเรื่องนี้ถือว่าป๊าขอนะ” น้ำเสียงของป๊าทำให้ผมเงียบ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะเอาแต่ใจได้เหมือนตอนเด็กๆ ที่จะโวยวายหากไม่พอใจ มันเกี่ยวกับคำสัญญาและเป็นครั้งแรกที่ป๊าขออะไรจากผม

“ครับ....ว่าแต่คู่หมั้นผมเป็นใครครับ” อาจจะใช้เวลาทำใจนานนิดหน่อยแต่ถ้าเป็นผู้หญิงน่ารักๆ ผมก็คงทำใจยอมรับได้ไม่ยาก

“ลู่ชิง จางลู่ชิงคือคู่หมั้นของลูก ป๊าแค่บอกไว้ก่อน” พูดจบป๊าก็รีบเดินหนีออกจากห้องทำงานก่อนที่ผมจะได้ทันคิดอะไร

ลู่ชิง??

จางลู่ชิง??

ผู้หญิงเขาชื่อแบบนี้เหรอ

จางลู่ชิง

ตระกูลจาง?? ยิ่งคิดคิ้วยิ่งขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์

สมองน้อยๆ ของผมไล่เรียงรายชื้อตระกูลเก่าแก่ทั้งห้าตระกูล และตระกูลจางไม่ได้มีผู้สืบทอดผู้หญิง

ไม่ใช่ผู้หญิง?? งั้นก็ผู้ชายนะสิ

จางลู่ชิงเป็นผู้ชาย!!!!!

ไม่รู้ว่าผมนั่งเอ๋ออยู่บนห้องทำงานนานแค่ไหน พอรู้ตัวได้แต่เดินโซเซกลับห้องกระโดดขึ้นเตียงซบหน้าลงกับหมอน หมั้นผมไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่จะให้ผมหมั้นกับผู้ชาย นี่มัน....เกินความคาดหมายไปมาก

“ฮือจะทำยังไงดี” อยากจะโทรไปหาเพื่อนสนิทแต่ทางนั้นก็วุ่นวายอยู่แล้ว หรือจะโทรไปหาเฮียหลงดีแต่อีกไม่นานคงกลับ ไว้ค่อยคุยก็ได้แถมยังไม่รู้เวลาที่แน่นอนว่าผมจะได้หมั้นตอนไหน โยนๆ มันทั้งไปก็แล้วกัน

.

แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ผมก็ปัดมันทั้งไม่ได้ จนเจ้ารินสังเกตเห็นแถมยังออกปากว่าจะช่วยผมอีก จนอยากจะโบกหัวมันแรงๆ สักทีแค่นี้มันยังยุ่งไม่พอรึไง

“อยู่นิ่งๆ ได้ไหม ดีนะที่หยางอี้ไม่ได้ทำอะไรนาย”

“ก็นิ่งแล้วไง รินเป็นห่วงอีกอย่างหยางเกอก็ไม่ทำอะไรเราหรอก” เดี๋ยวๆ อะไรกัน มีการเรียกเกออีก เฮียหลงกับเฮียเฟิ่งพยายามเอาอกเอาใจแค่ไหนยังไม่ถูกเรียกเลย

“อือหือมีการเรียกกงเรียกเกอ หยางอี้ดีกับนายใช่ไหม” ช่วงที่ถูกจับไปผมเป็นห่วงแทบตายแต่เจ้าตัวปัญหานี่ยังทำตัวสบายๆ

“อือดีสิ” ผมยิ้มกว้าง ตอนนี้ผมกับรินอยู่บนเตียงเตรียมตัวนอนกันแล้วหลังจากที่รินกลับมาจากบ้านหยางอี้แถมยังวางแผนที่จะกลับไทยไปตัดขาดทางนั้นให้หมดเสียทีและผมก็จะหนีไปด้วย ตั้งแต่วันที่ป๊าบอกว่าคู่หมั้นคือใครผมก็ไม่ได้คิดที่จะขวนขวายหาว่าหน้าตาเป็นแบบไหน ถึงจะบอกว่ายอมหมั้นแต่ผมก็ไม่ได้อยากหมั้นกับผู้ชายสักหน่อย รอเฮียๆ กลับมากซะก่อนเถอะ เฮียหลงต้องตามใจผมแน่ๆ แต่ร่างบางก็ไม่ได้คิดว่าที่พี่ชายคนโตไปตามพี่ชายคนรองกลับมามันต้องมีเหตุผล

หลังจากที่ไปไทยกลับมาเฮียทั้งสองคนก็กลับมาพอดี กระเป๋ายังไม่ทันลากพ้นประตูผมก็ทิ้วแล้ววิ่งไปโผกอดเฮียเฟิ่ง

“เฮีย ผมคิดถึงเฮียม๊ากมากกกกกก” เพราะพี่ชายคนรองหนีไปเที่ยวรอบโลกแม้จะติดต่อได้แต่บางครั้งก็เล่นหายไปเป็นเดือนก็มี

“คิดถึงก็มาให้เฮียฟัดซะดีๆ” ผมได้แต่ซุกหน้าลงกับอกกว้าง เฮียก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงจนเป็นที่พอใจ พอๆ กับแก้มผมที่เจ็บเพราะโดนหอม

“เฮียจะกลับมาเลยไหม”

“อือ ก็คงหลังจากงานแต่งงานของน้องชายตัวน้อยของพี่โน้นล่ะพี่ถึงจะออกไปเที่ยวอีกครั้ง”

“อะไรกัน พี่ก็เห็นดีด้วยหรอกเหรอ” ผมขยับตัวออกห่างจากระยะพี่ชายทั้งสองคนที่เป็นความหวังว่าจะช่วยเรื่องงานหมั้นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้

“ไม่ใช่พวกพี่เห็นดีด้วยนะเสี่ยวซิน แต่มันเป็นเรื่องของคำสัญญา” เฮียหลงพูดออกมาได้ยังไงกัน

“แล้วความรู้สึกซินล่ะ จู่ๆ ก็มีคู่หมั้นคิดว่าซินจะดีใจหรือไง อึก” ทำไมคนที่คิดว่าจะอยู่ข้างเดียวกันกลับเห็นด้วยกับเรื่องคำสัญญาบ้าๆ นั้น ไม่คิดที่จะฟังใครอธิบายอะไรอีกแล้วผมวิ่งขึ้นห้องปิดประตูเสียงดัง หลังจากที่ล็อกประตูแล้วผมก็ทรุดนั่งลงกับพื้นห้อง คงจะหนีเรื่องนี้ไม่พ้นแล้วสินะผมยกเข่าขึ้นซบหน้าลงกับเข่าปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เงียบๆ คนเดียว

“เห็นไหมว่าพูดออกไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น” ไป๋หลงหันไปว่าน้องชายอย่างหงุดหงิด เพราะรู้ดีว่าน้องชายตัวเล็กของเขาต้องขึ้นไปร้องไห้แน่

“ก็จะโกหกทำไมเฮียก็รู้อยู่แล้วที่เสี่ยวซินไม่โวยวายก็เพราะรอพวกเรากลับมา” ไป๋เฟิ่งพูดเรียบๆ พร้อมกับสั่งให้คนยกกระเป๋าของน้องชายขึ้นไปเก็บ ส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งที่ห้องรับแขก

“ก็รู้..แต่เรื่องนี้น้องก็ยังยอมรับไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”

“รู้ตอนนี้ก็ยังดีกว่าให้เจ้าแสบนั่นมาอ้อนแล้วทำเรื่องบ้าๆ” เฟิ่งไม่ใช่ไม่ห่วงน้องชายแต่ก็รู้นิสัยเจ้าตัวดี ถ้าขืนให้มาอ้อนพวกเขาแล้วไม่ได้ดั่งใจคงจะทำอะไรแผลงๆ

“นายคิดว่าเจ้าซินจะรับได้ไหม” เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของน้องชายแต่ก็ไม่สามารถหักสัญญานี้ได้เลย

“ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับ ก่อนอื่นคอยดูไม่ให้เจ้าตัวชิ่งหนีก็พอ”

“พี่ๆ สวัสดีครับ” เสียงหวานๆ ของน้องชายอีกคนที่ไม่ยอมเรียกพวกเขาว่าเฮียหรือเกอสักที

“รินนนน มาให้พี่ฟัดที” เฟิ่งรีบพุ่งเข้าไปหาร่างระหงอ้าแขนเตรียมที่จะรวบน้องชายต่างสายเลือดมาฟัดซึ่งรินก็ไม่ได้หลบหลีก

“งือออ น้องรินของเฮีย ทำไมน่ารักขึ้นอีกแล้ว” เฟิ่งบีบแก้มยุ้ยนั่นไปมา คำถามที่รินก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

“ฮ่าๆ แล้วซินล่ะครับ” เพราะมารถคนละคันแถมเขาก็แวะไปหาป๊าที่ศาลากลางสระบัวเลยไม่ได้ตามซินที่วิ่งขึ้นบ้านมาเสียก่อน

“อ่า ขึ้นไปข้างบนแล้วล่ะ ปล่อยให้อยู่คนเดียวก่อน” คำพูดของไป๋หลงทำให้รินเอียงคออย่างสงสัย ก่อนที่จะเดาทางได้

“คนคนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ รินอยากค้นข้อมูลแต่ทั้งหยางเกอและซินต่างห้ามไว้” รินถามอย่างจริงจังคันไม้คันมืออยากที่จะสืบเรื่องแต่โดนห้ามทั้งสองคนทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำอะไร

เฟิ่งและหลงหันมาสบตา อะไรคือการเรียกคนอื่นว่าเกอแต่กับพี่ชายสองคนที่รู้จักกันมาตั้งนานยังไม่เคยถูกเรียก ความสองมาตรฐานนี่คืออะไร แม้อยากจะทักท้วงเรื่องนี้แต่ก็พยายามที่จะกลืนความขมขื่นลงคอหันมาจริงจังกับเรื่องที่รินถาม

“ลู่ชิงเหรอ พวกพี่ก็เคยเจอเมื่อสมัยยังเด็กอายุเท่าๆ กันกับเฟิ่ง แต่พอโตมาพวกพี่ก็ไม่ค่อยได้ยินข่าวแล้วล่าสุดเห็นว่าขึ้นเป็นผู้สืบทอดตระกูลไม่ใช่เหรอ เฟิ่ง” ไป๋หลงหันไปถามเฟิ่งที่ยังไม่เลิกฟัดแก้มรินเงยหน้าขึ้นมาทำหน้างงๆ ได้ข่าวว่าเขาหนีไปเที่ยวรอบโลกป่ะ จะมารู้เรื่องอะไรพวกนี้หรือแต่ก็พยักหน้างงๆ

“แล้วเป็นผู้สืบทอดแต่ต้องหมั้นและแต่งงานกับผู้ชายมันดีเหรอครับ” คำถามตรงไปตรงมาที่แทงตรงใจของพี่ชายทั้งสองคน แม้ยุคสมัยจะยอมรับได้แต่การที่เป็นถึงผู้สืบทอดกลับต้องหมั้นหมายกับผู้ชาย สถานะในตระกูลนั้นของน้องชายจะเป็นยังไง และก็ได้ความเงียบเป็นคำตอบ รินก็ไม่ได้หยุดรอเลยขอตัวขึ้นห้อง ปล่อยให้พี่ชายทั้งสองคนอยู่กับความหนักใจเพราะคำถาม คำถามเดียวที่ตรงกับความหวั่นใจของพวกเขาพอดี



**************************************************************

เอาเรื่องของน้องซินมาลงเปิดไว้ก่อน

ก็จะแต่งคู่รองควบคู่ไปด้วยเลยนะคะ 

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ติดตามจ้าา

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องซิน  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 9 2/9/2561
«ตอบ #24 เมื่อ02-09-2018 17:23:11 »

9

หลังจากที่โอนย้ายเอกสารทั้งหมดแล้วผมก็บินลัดฟ้ามายังบ้านอีกหลัง หลังจากวันนั้นพี่รันก็ไม่ได้ติดต่อมาคงจะยังวุ่นๆ กับการจัดการเรื่องที่บ้านสินะ ซินที่พอมาถึงบ้านก็วิ่งลากกระเป๋าเข้าบ้านส่วนผมก็เดินไปหาป๊าที่ศาลากลางสระบัวที่ประจำ ผมให้พ่อบ้านพานมไปพักผ่อนก่อนเพราะเดินทางไกลเดินเข้าไปยังศาลา

“มาถึงแล้วเหรอ”

“ครับรินมาแล้ว”

“ดีเลยเย็นนี้จะได้เลี้ยงฉลองใหญ่ เฮียหลงกับเฮียเฟิ่งก็กลับมาวันนี้พอดี” เรียวปากบางยกยิ้มบางเขาไม่ได้เจอพี่เฟิ่งมานานแล้วส่วนพี่หลงก็ไม่ค่อยได้เจอกันหรอกรายนั้นงานเยอะจะตาย

“งั้นแสดงว่างานหมั้นของเจ้าซินจะเกิดขึ้นจริงๆ สินะครับ” ผมพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงเพื่อน ป๊าพยักหน้ายืนยันผมเลยได้แต่ถอนหายใจ

“ก่อนจะห่วงคนอื่น ห่วงคนของตัวเองก่อนนะเจ้าตัวแสบ เด็กนั่นทำเอาทุกตระกูลร้อนๆ หนาวๆ กันไปหมดตอนนี้วุ่นวายกันหมด” พอได้ยินป๊าพูดผมก็รู้สึกหัวใจมันปวดหนึบ ผมป่วยหรือเปล่าได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบเบาๆ ไม่เห็นบอกกันเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพราะมัวแต่นั่งเหม่อลอย พอรู้สึกตัวเลยขอตัวเข้าบ้านก่อน แต่ก่อนที่จะขึ้นห้องก็แวะคุยกับสองพี่ชายที่ตอบคำถามผมไม่ได้ ขาเรียวก้าวมาหยุดที่ห้องซิน แต่ตอนนี้คงยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปปล่อยให้อยู่คนเดียวไปสักพัก บางครั้งการอยู่คนเดียวเจ้าตัวอาจจะคิดอะไรออกก็ได้

ผมเปิดประตูห้องข้างๆ ที่เป็นห้องของผมข้าวของถูกเก็บไว้ในตู้เรียบร้อย พุ่งตัวขึ้นไปกลิ้งบนเตียงที่มีกลิ่นของของดอกบัวที่แม่บ้านชอบเอาเครื่องนอนของทุกคนไปอบกลิ่นดอกบัว ยกเว้นของซินรายนั้นดันชอบดอกหอมหมื่นลี้และต้องเป็นต้นที่ปลูกที่สวนหลังบ้านเท่านั้นอีก

“จะเป็นยังไงบ้างนะ” ตั้งแต่คืนที่ผมร้องไห้ หยางอี้ก็ไม่ได้ติดต่อมาอีก อ่า ผมควรโทรหาได้ใช่ไหมเพราะตอนที่ผมลำบากคนคนนั้นก็มาอยู่ข้างๆ เสมอล้วงเอาโทรศัพท์กดโทรออก รอไม่นานปลายสายก็รับ

“ (ทำอะไรอยู่) ” ยังไม่ทันได้ถามอะไรทางนั้นก็ยิงคำถามมาก่อนเลย

“นอนกลิ้งอยู่บนเตียง เห็นป๊าเล่าว่าทำเรื่องใหญ่ใช่หรือเปล่าครับ” ถามตรงๆ ไปเลยเพราะผมก็อยากรู้ว่าเป็นเพราะผมหรือเปล่า

“ (ก็นิดหน่อย พี่แค่จะตัดรากถอนโคนก็แค่นั้น) ” น้ำเสียงเย็นกับสรรพนามที่คุ้นชิน

“หยางเกอ.......เรื่องนี้เกี่ยวกับรินใช่ไหม” เว้นว่างไปสักครู่ผมคงไม่ได้นึกเข้าข้างตัวเองไปใช่ไหม

“ (ก็ไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็เกี่ยวกับเรา) ” ผมถอนหายใจ ยังไม่จบกันอีกเหรอ อยากได้ไอ้คาสิโนนั่นเหรอ ผมยกให้ก็ได้นะแต่ทำไมถึงทำให้มันยุ่งยากจังนะ

“เพราะคาสิโนเหรอครับ”

“ (เปล่า.....เพราะมันต้องการรินต่างหาก) ”

เอ่อ

ฉ่า

เหมือนใครเอาเตามาอังที่หน้า ถ้าเอาไข่มาเจียวที่หน้าตอนนี้ก็สุกอ่ะผมบอกเลย มันใช่เหตุผลนี้จริงๆ เหรอเหตุผลที่ทำเอาผมร้อนไปทั้งตัว

“ (เงียบทำไมล่ะครับ) ”

“เงียบเพราะพูดอะไรบ้าๆ”

“ (พูดความจริง พรุ่งนี้มาเจอได้ไหมจะส่งคนไปรับตอนเช้า) ” ถามแบบนี้ตกลงจะบังคับหรือจะถาม

“อือ ไปก็ได้”

ก๊อกๆ

“แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วค่อยเจอกันนะครับ” ปลายสายรับคำแล้ววางสายไป ผมลุกไปเปิดประตูก็เห็นร่างสูงของพี่หลงไม่ใช่สิ เฮียหลงยืนหน้าเครียดจนคิ้วจะผูกเป็นปมอยู่แล้ว

“ซินไม่ยอมออกจากห้อง” เมื่อเห็นสีหน้าหนักใจของเฮียหลงแสดงว่าเจ้าซินคงจะงอนหนักมากจนไม่ยอมเปิดประตูให้พี่ชาย

“งั้นเดี๋ยวรินดูให้นะครับเฮีย” เดินเข้าห้องไปอีกด้านเป็นประตูเชื่อมที่มันไม่มีล็อกส่วนเฮียหลงก็รออยู่ในห้องผมเพราะถ้าขืนเข้าไปด้วยเจ้าซินมีหวังได้อาละวาดบ้านแตกแน่ๆ

“ไง” ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ คนที่นั่งพิงประตูดูท่าเจ้าตัวคงจะนั่งอยู่นานแล้ว

“ริน” เสียงแหบพร่าเพราะร้องไห้หนักพอเงยหน้าขึ้นมาดวงตากลมที่เคยมีเสน่ห์บัดนี้แดงก่ำซ้ำดูน่าสงสาร

“โกรธพวกเฮียกับป๊าเหรอ” ซินสายหน้าจนผมสะบัดแต่ก็ยังไม่ยอมบอกอะไรผม “งั้นน้อยใจสินะ” เจ้าตัวพยักหน้าเบาๆ

“งอนอะไร”

“ก็..ฉันอุตส่าห์รอให้เฮียๆ กลับมาเพื่อที่จะช่วยพูดกับป๊าแต่เฮียดันเห็นดีกับป๊า”

“นายไม่ได้เสียใจเรื่องหมั้นเหรอ”

“ฉัน...ฉันไม่รู้สิ แต่คงไม่ได้เสียใจเท่าไหร่มั้ง”

“เพราะยังไม่ได้เจอกับคู่หมั้นคนนั้นหรือเปล่า” ผมถามด้วยความสงสัยเพราะไม่ได้เจอกันเจ้าซินเลยไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเพียงแต่ตอนนี้แค่งอนพี่ชายก็แค่นั้นเอง

“พวกเฮียก็คงไม่ได้ไม่อยากช่วยแต่ก็คงจะช่วยไม่ได้”

“มันจะดีไหมวะริน” ผมดึงมันมากอดแล้วโยกตัวไปมา

“ดีไหมเราไม่รู้แต่ในวันที่แย่จะมีฉันและพวกเฮียๆ อยู่ข้างๆ เสมอ และถ้าไอ้คู่หมั้นลู่ชงลู่ชิงอะไรนั่นทำให้นายเสียใจไม่ต้องถึงมือเฮียๆ หรอกเราจะจัดการให้ล่มทั้งตระกูลคอยดู” ผมไม่ได้พูดเล่นๆ หรอกนะ

“คิก เชื่อจ้าเชื่อ” ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ผมก็ใจชื้นก่อนที่จะชวนกันลงไปทานข้าวด้านล่าง ที่ถูกจัดงานเลี้ยงต้อนรับแบบเรียบๆ พอทุกคนเห็นซินลงมาด้วยก็แทบจะพุ่งเข้ามาหาแต่ซินกลับสะบัดหน้าหนีเดินไปนั่งแบบไม่สนใจเฮียๆ เลยสักนิดเล่นเอาผมหลุดขำกับท่าทางของเด็กขี้งอน

“ก็ขอต้อนรับเด็กแสบมาอยู่บ้านนี้อย่างเป็นทางการกับนมด้วยนะ ย้ายมาได้ซักที” ผมหลุดขำกับคำลงท้ายของป๊า

“ก็ย้ายมาอยู่แล้วไล่รินก็ไม่ไปแล้วนะครับ”

“หึ กลัวแต่จะมีคนมาพาตัวไปจากบ้านนะสิ” พอป๊าพูดขึ้นทำไมผมนึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมาได้ล่ะ อ่า เหมือนหน้าจะร้อนๆ แหะ ใครปิดแอร์รึเปล่านะ ทุกคนเห็นท่าทางอายๆ ของผมก็ยกยิ้มล้อทำเอาผมแก้ๆ กังๆ มีเพียงนมที่ทำหน้างงๆ เพราะไม่เข้าใจว่าพูดถึงใครเพราะผมไม่ได้เล่าว่าใครพาตัวผมไป

“อ่ะนี่กินเยอะนะเสี่ยวซิน” เลยหันไปลงกับไอ้คนที่นั่งข้างๆ แทน ตลอดการทานอาหารเย็นเต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่ได้พูดเรื่องราวเครียดๆ มีเพียงบรรยากาศดีๆ จากนั้นสี่หนุ่มตระกูลไป๋ก็เรียกประชุมเรื่องคู่หมั้นผมเลยขอตัวขึ้นห้องเพราะเรื่องนี้ผมเลือกที่จะเฝ้าดูอยู่ห้างๆ ไว้ถึงตอนที่ผมจะเข้าไปยุ่งก็จะโผล่เข้าไปเอง

.

.

“อรุณสวัสดิ์ครับนมคนอื่นๆ ล่ะครับ” ผมที่ตื่นขึ้นมาสายๆ น้ำท่ายังไม่ได้อาบลงมาทั้งชุดนอนหัวฟูเพราะยังปรับเวลาไม่ได้ลงมาเห็นเพียงนมที่กำลังนั่งถักไหมพรมอยู่ไม่เห็นคนในบ้านเลย

“พวกคุณหลงกับคุณหนูซินออกไปข้างนอกส่วนคุณเฟิ่งยังไม่ลงมาเลยค่ะ” ผมพยักหน้าแล้วเดินไปหาอะไรกินง่ายๆ ในครัวเดินคาบแผ่นขนมปังปิ้งกับมือที่ถือแก้วโกโก้ร้อนเดินยังไม่ถึงโซฟา ผมก็แทบทำขนมปังหล่นเพราะคนที่นั่งกับนมและป๊า

“หึๆ” เสียงหัวเราะทุ้มเรียกเลือดมากองบนหน้า ฮืออ อับอาย รีบคายแผ่นขนมปังออกแค่สภาพพึ่งตื่นก็น่าอายพอแล้ว

“พึ่งตื่นสินะเจ้าตัวแสบ พอดีมีคนมารับ” ผมค่อยๆ ขยับๆ ไปนั่งเบียดนมหลบสายตาคมที่จ้องตลอดหลบจนแทบที่จะสิงร่างนมแล้วนะจะจ้องอะไรนักหนา ก้มหน้าก้มตาจิบโกโก้

“รู้งี้น่าจะไม่น่าลงมาเลย” บ่นอุบเบาๆ มองค้อนคนที่ยังนั่งจ้องยกยิ้มมุมปาก ไหนว่าจะให้คนมารับแต่ทำไมถึงได้โผล่มาเองได้เล่า

“พี่มารับตามที่บอกไว้ไง แต่ไม่รู้ว่ามาแล้วจะได้เห็นอะไรดีๆ” สายตาคมฉายแววเอ็นดูกับร่างบางที่ใส่ชุดนอนหัวฟู ตอนตื่นนอนที่เขาไม่ได้เห็นตั้งแต่แยกกันทำให้เขารู้สึกคิดถึงท่าทางน่ารักๆ ตอนตื่นนอนของรินไม่ได้

“ดีที่ไหนเล่า” ยิ่งท่าทางอายหลบหลังนมแต่แก้มแดงระเรื่อนั่นก็ปิดไม่มิด ท่าทางแบบนี้เขาแทบจะกระชากน้องมาฟัดตั้งแต่เดินคาบขนมปังออกมาแล้ว

“ขึ้นไปอาบน้ำสิเจ้าแสบ ให้พี่เขารอนานไม่ดีนะ”

“ไม่ไปแล้ว รินไม่ไปแล้ว” แม้จะตะโกนว่าไม่ไปแต่ร่างเล็กก็รีบวางแก้วกระโดดแผล็วหนีขึ้นข้างบนไปแล้ว

“ดื้อหน่อยนะ”

“ก็น่ารักดีครับ” หยางอี้พูดตามความรู้สึกแม้จะดูดื้อดึงแต่ก็ไม่ได้พยศเสียจนไม่ฟังคนอื่น ไป๋เหยียนคิดในใจว่าเจ้าตัวแสบของเขาคงไม่มีทางหลุดจากอุ้งมือของเจ้าเด็กนี่แน่นอน ทางนี้ชัดเจนแถมยังรุกหนักแล้วแต่ส่วนทางเขา....คนสูงวัยได้แต่ส่ายหัว เห็นแสบอย่างนั้นแต่เด็กนั่นเคยรู้เรื่องแบบนี้ซะที่ไหน ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องแบบนี้

“งั้นฝากด้วยนะ ป๊าจะขึ้นไปพักผ่อนก่อน” ร่างสูงวัยบอกแล้วเดินขึ้นไปพัก

“นมก็ขึ้นไปพักด้วยดีกว่าค่ะ” สุดท้ายก็เหลือเพียงร่างสูงที่นั่งอยู่คนเดียว เขาไม่ได้กลัวเลยว่าเด็กดื้อจะไม่ลงมาด้วยซ้ำและก็จริงรอไม่นานเด็กดื้อที่คงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินตัวลีบๆ มานั่งโซฟาเล็กข้างๆ ตากลมโตไม่มีแววเศร้าเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอ

“ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อน” เขาเอื้อมไปจับปอยผมที่ยังชื้นนิดๆ เจ้าตัวก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหลบ

“ก็กลัวรอนาน”

“นานแค่ไหนพี่ก็รอ หิวรึเปล่า” เพราะพึ่งตื่นจากทีแรกว่าจะพาไปบ้านแต่คงจะพาไปทานข้าวเช้าคงจะดีกว่า

“หิว อยากกินติ่มซำอ่ะ” อดไม่ได้ที่จะยิ้มกับท่าทางอ้อนๆ แบบที่ไม่ได้เห็นมานานจนอยากที่จะหยิกแก้มป่องนั่นซะที

“ได้สิ”

“ปล่อยผมรินได้แล้ว”

“หึๆ ไปกันเถอะ” ร่างสูงเปลี่ยนจากที่จับปอยผมฉวยจับข้อมือเล็กไม่สนมือที่พยายามแกะมือออกจนน้องเลิกพยายามเดินตามเขามาเงียบๆ

หลังจากขึ้นรถมาผมยังไม่ปล่อยมือเล็กที่ดูเหมือนจะเหมาะเจาะเหลือเกินที่จะอยู่ในอุ้มมือเขา สั่งให้นิวพาไปยังภัตตาคารที่ทานประจำ ระหว่างทางเด็กดื้อก็ดูเหมือนสนใจกับข้างทางมากกว่าที่จะดึงมือออกทำให้เขาสามารถใช้ปลายนิ้วเกลี่ยมือเล็กบาๆ

“นอกจากติ่มซำอยากกินอะไร”

“ยังคิดไม่ออก แล้วนอกจากพามากินข้าวแล้วจะพาไปไหนอีกรึเปล่าครับ”

“พากลับบ้านได้ไหมล่ะ”

เพี๊ยะ

น้องใช้มืออีกข้างฟาดที่ต้นแขนเขาเต็มแรง

“เอาจริงสิ”

“ก็พากลับไปบ้านเกอนั่นล่ะ” จริงๆ แล้วการแทนตัวว่าเกอเขาจะหลุดตอนที่อยากกวนประสาทน้องซะส่วนใหญ่ เมื่อถึงภัตตาคารก็ยังไม่ปล่อยมือ เดินจูงมือน้องเดินเข้าไปเรียกสายตาได้เป็นอย่างดีเพราะตอนนี้เขาก็ตกเป็นเป้าพอสมควรหลังจากเล่นงานตระกูลหลี่ พนักงานเดินนำไปยังห้องส่วนตัว พอได้รับเมนูน้องก็สั่งรัวจนเขาคิดว่าคงไม่ต้องสั่งอะไรเพิ่มแล้ว

“เรื่องที่พูดเมื่อคืนหมายความว่ายังไงครับ” แววตากลมสบตาเขาอย่างจริงจัง

“ก็อย่างที่พูดไป ที่เล่นงานพี่ไม่ใช่เพราะเรื่องของที่เรามีแต่เป็นเพราะเรา” น้องทำหน้าตาตื่น เมื่อคืนก็คงจะเป็นแบบนี้สินะ ท่าทางที่ทำให้เขาหลุดขำ

“แต่..ผมไม่ได้มีอะไรเลยนะ”

“มีสิ......มีทั้งฝีมือ..และหน้าตาที่น่า...รัก” เสียงทุ้มกับแววตาจริงจัง สายตาคมที่จ้องมองมาพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ร่างบางอ้าปากค้างก่อนที่จะแก้มขาวจะแดงก่ำตากลมโตสั่นไหวแทบจะหลบสายตาคม เมื่อคืนที่ได้ยินว่าทำเอาร้อนไปทั้งตัวแต่พอได้ยินต่อหน้าได้สบตาตรงๆ

.

.

งือ

.

เอาผมออกไปจากตรงนี้ที





******************************************

ก็จะหวานๆหน่อย 

ปล่อยหยางเกอรุกบ้างอะไรบ้าง

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ 

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Fengfang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 9 2/9/2561
«ตอบ #25 เมื่อ02-09-2018 18:10:25 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Bad plan แผนร้าย แผนรัก ตอนที่ 9 2/9/2561
«ตอบ #26 เมื่อ02-09-2018 19:25:19 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
10

หลังจาการทานมื้อเช้าควบเที่ยงอย่างที่ร่างบางไม่ยอมสบตาสายตาคมที่มองอยู่ตลอดเวลามันช่วงเป็นความรู้สึกแปลกใหม่และชวนจักกะจี้หัวใจแถมยังคอยเอาใจด้วยการตักโน่นตักนี่สั่งแต่ของที่เขาชอบทานอีกทานอิ่มจนพุงกางภัตตาคารนี้ทำออกมาได้อร่อยมากคราวหน้าชวนซินมาทานร้านนี้ดีกว่า

“อิ่มแล้วเหรอ”

“ครับ” เมื่อท้องอิ่มอารมณ์ผมก็ดีตามยอมสบตาและยิ้มกว้างให้คนนั่งข้างซึ่งดูจะเป็นที่พออกพอใจคนตัวโต

“งั้นกลับกันเถอะ” มือใหญ่แตะหลังเบาๆ เมื่อมายืนข้างกายซึ่งเขาก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหลบอะไรเพราะรู้ตัวดีว่าต่อให้ดิ้นหนีมือหนาก็จะดึงเขามาอยู่ดี เมื่อเดินออกจากห้องส่วนตัวขณะที่เดินผ่านอีกห้องพวกเราก็โดนดักหน้าไว้เสียก่อนพี่นิวและคนติดตามก้าวมาขวางไว้ทันที คนที่โอบเอวขยับมายืนข้างหน้าใบหน้าคมเปลี่ยนไปทันทีรู้สึกถึงความกดดันเผลอขยับเข้าไปชิดร่างสูง

“นายของผมอยากพบคุณ” น้ำเสียงและสีหน้าของพวกนั้นทำให้ผมกำเสื้อสูทแน่น

“หึ ฉันกับหลี่เฉิงไม่มีเรื่องต้องพบกัน”

“แต่นายผมมีเรื่องที่ต้องพบกับคุณและดูเหมือนเรื่องนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆ คุณ” สายตาที่มองมาทำให้ผมยิ่งขยับเข้าไปชิดมันน่าขยะแขยงสายตาของหมอนี่

“อย่าใช้สายตาต่ำๆ นั่นมองเขา”

“นายผมแค่อยากเจอคุณ”

“แค่มดปลวกจะผยองไปหน่อยมั้ง” น้ำเสียงสบายๆ แต่บรรยากาศกับกดดันก่อนที่หยางอี้จะพยักหน้ายอมเดินเข้าไปและผมก็เป็นฝ่ายเอื้อมมือไปกุมมือใหญ่ก่อนที่มือนั้นจะบีบตอบทำให้ผมรู้สึกมั่นใจว่าผมจะไม่เป็นไร ภายในห้องวีไอพีคนที่นั่งอยู่ในนั้นเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่

“ในที่สุดคุณก็ยอมมาเจอผม”

“หึ แก้ปัญหาวุ่นวายได้แล้วหรือไง” แม้จะผายมือเชิญนั่งแต่หยางอี้ยังคงยืนเป็นปราการให้เขาอิงแอบแผ่นหลังกว้าง เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองอย่างเปิดเผยและดูน่าขยะแขยง

“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”

“นั้นเป็นการเตือน ถ้ายังคิดที่จะทำอะไรสิ้นคิด” คนที่อยู่ตรงหน้าผมนี้เป็นใคร เป็นอีกมุมหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ว่าคนคนนี้มีอำนาจแค่ไหน เป็นคนละคนที่อยู่กับเขาโดยสิ้นเชิงทั้งแรงกดดันและคำพูดที่พูดออกมาผมรู้ว่าจะทำจริงๆ ถ้าขืนหลี่เฉินก้าวล้ำเส้นมาผมไม่อยากจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ถ้าฉันคิดจะทำ...จะเปิดสงครามกับฉันหรือยังไง” หลี่เฉินลุกขึ้นตบโต๊ะลูกน้องต่างฝ่ายต่างขยับเข้ามาชิดเจ้านาย

“ผมทำแน่ไม่ต้องห่วงอย่าคิดจะแตะคนของผมอีกเด็ดขาด กลับ” หยางอี้พูดทิ้งท้ายแล้วโอบเอวผมพาเดินออกจากห้องอาหาร จนเดินมาขึ้นรถคิ้วหนายังขมวดเป็นโบว์ภายในรถเงียบจนผมทนไม่ไหวเอื้อมมือไปนวดเบาๆ ระหว่างคิ้วจนมันคลายออกขณะที่กำลังจะถอนมือออกมือหนาก็คว้ามือเขาไปกุมก่อนที่จะยกมือผมขึ้นไปจูบเบาๆ ที่หลังมือเรียกความร้อนทั้งหน้า

“ท..ทำอะไรนะ”

“ขอบคุณที่เป็นห่วง” อยากจะปฏิเสธแต่ผมไม่ใช่คนโกหกความรู้สึกตัวเองเพราะที่ทำก็เพราะเป็นห่วง

“จะเป็นเรื่องใหญ่ไหมครับ”

“ไม่ต้องห่วงพี่เตรียมรับมือไว้แล้ว” ได้แต่เอียงคอมองแม้จะฉลาดในเรื่องออนไลน์แต่บางครั้งการใช้ชีวิตผมก็ต่ำเรี่ยติดดิน อ่าคงไม่ต้องห่วงอะไรมากหรอกมั้ง

“จะให้ช่วยอะไรก็บอกนะครับ”

“ใจดีจังนะ”

“ก็แล้วแต่คน” อันนี้ผมพูดจริงๆ นะ ไม่ใช่ทุกเรื่องหรือทุกคนที่ผมแคร์ พอบอกไปแบบนั้นคนที่ยังกุมมือผมก็ยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำเวลาชอบใจและเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ จนไม่กล้าสบตา

“จะไปไหนต่อไหม” ผมส่ายหน้าเพราะดูจากการประกาศสงครามของหลี่เฉินผมไม่น่าที่จะออกไปลั่นล้ามากจะดีกว่า

“กลับบ้านดีกว่าครับ”

“บ้านพี่เหรอ”

“บ้านรินสิ” อยากจะฟาดหน้าคมๆ ที่ทำลอยหน้าลอยตากวนนิ่งๆ แล้วสั่งให้นิวไปส่งผมที่บ้าน ตลอดทางร่างสูงก็ยังกุมมือผมไว้แถมยังใช้นิ้วโป้งคลึงเบาๆ ที่หลังมือ จนกระทั้งจูงมือมาส่งถึงในบ้านที่ผมแทบก้มหน้าหลบสายตาหกคู่ทั้งพี่ๆ และซินที่มองมาอย่างล้อเลียน

“เดี๋ยวพี่จะมารับพรุ่งนี้”

“ระวังตัวด้วยนะครับ” อย่างน้อยต้นเหตุก็เป็นเพราะผม พอได้ยินคนตัวสูงยิ้มกว้างมือหนาวางเบาๆ บนกลุ่มผมนิ่มก่อนที่จะขอตัวกลับ ปล่อยให้ผมเผชิญกับปากนกปากกาที่เตรียมจิกเตรียมแซวผมอยู่แล้วเลยปั้นหน้านิ่งๆ

“ไม่คิดไม่ฝันนะว่าจะเห็นน้องรินทำท่าทางน่ารักๆ แบบนี้”

“นั่นสิเฟิ่ง อดน้อยใจไม่ได้รู้จักมาตั้งนานยังไม่ยอมเรียกเราว่าเฮียเลยสักครั้ง” แหมเออออห่อหมกเข้าขากันจริงๆ เลยนะ

“ไอ้ท่าทางแมวน้อยนั้นอะไรของแกห๊ะริน” ซินทำหน้ารับไม่ได้

“แมวบ้าแมวบออะไรเล่า” ผมทำเหรอ บ้า ใครจะทำท่าทางแบบนั้นกันเดินไปนั่งที่โซฟายกหมอนอิงมาซุกหน้าลงกับหมอนข้าง

“แหมๆ ไอ้ท่าทางอ้อนๆ ช้อนตามอง ระวังตัวด้วยนะครับ” ไอ้ท่าทางสะดีดสะดิ้งล้อเลียนผมมันน่าหมั่นใส้ซะจนทนไม่ไหวหมอนอิงเลยกลายเป็นอาวุธชั้นดี

ฟุบ

“โอ๊ยเจ็บนะไอ้ริน”

“ก็ปาให้เจ็บ อย่าโยนมานะเว้ย” ผมรีบหลบหมอนอิงที่ซินโยนมาแถมยังปัดกระเด็นไปใส่หน้าพี่เฟิ่งที่นั่งข้างๆ จากนั้นเลยกลายเป็นสงครามหมอนอิงขนาดย่อมๆ หัวหน้าตระกูลไป๋ที่เพิ่งตื่นจากการนอนกลางวันเดินมาเห็นสภาพการเล่นเป็นเด็กๆ ของบรรดาลูกชายทั้งสี่คนแม้กระทั่งคนโตอย่างหลงยังเข้าไปร่วมได้แต่ส่ายหัวไปมา

“เล่นอะไรเป็นเด็กๆ นะพวกแกนี่”

“ป๊า ไอ้รินเริ่มก่อน” ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไรไอ้ซินก็ฟ้องก่อนชิงตัดหน้ากันชัดๆ

“เรื่องอะไรเล่า ซินกับพวกเฮียๆ เริ่มก่อนนะป๊า” ไม่ได้สนใจสายตาดีใจของสองเฮียเอาจริงๆ ก็รู้ล่ะนะว่าทั้งเฮียหลงเฮียเฟิ่งอยากให้เรียกแต่ผมแกล้งไม่เรียกไปงั้น

“พอๆ หลง เฟิ่งไปหาป๊าที่ห้องทำงานส่วนลิงสองตัวนี่ปล่อยไว้นี่ล่ะ”

“ซิน/รินไม่ใช่ลิงนะ” ผมกับซินร้องประท้วงขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับเสียงหัวเราะสะใจของพวกเฮียๆ ก่อนที่จะรีบหนีขึ้นห้องทำงานพร้อมป๊า ปล่อยผมกับซินอยู่ด้วยกัน

“มีความสุขไหมตอนนี้” จู่ๆ ไอ้ซินก็ถามขึ้นผมหันไปมอง

“ก็อือ มีความสุขสิ” ผมเก็บหมอนอิงที่ตอนนี้กระจายไปทั่วห้องรับแขกตอนนี้ผมมีความสุขจริงๆ หลังจากที่เก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้วผมกับซินก็ไปนั่งเล่นที่ศาลากลางสระบัวที่ตอนนี้กำลังบานชูช่อ เห็นแล้วอยากกินเมี่ยงกลีบบัวขอให้นมทำให้กินตอนเย็นดีกว่า

“มองอะไร”

“อยากกินเมี่ยงกลีบบัว”

“เอาสิไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน”

“เออ..ว่าแต่เรื่องคู่หมั้น.....” ผมที่กำลังเกริ่นเข้าเรื่องซินก็ยกมือขึ้นห้ามส่ายหน้าแบบเอาเป็นเอาตาย

“ฉันไม่อยากรู้ตอนนี้กำลังทำใจอยู่อย่าสะกิดมันออกมาสิ” เห็นสายตาของซินแล้วก็ยอมที่จะไม่พูดเรื่องคู่หมั้นออกมาอีก

.

.

หลังจากที่ส่งเด็กดื้อที่บ้านตระกูลไป๋แล้วจากที่จะตรงกลับบ้านเขาก็สั่งให้นิวกลับไปบริษัท ความเป็นห่วงของเด็กดื้อทำให้ผมรู้สึกฟูๆ ความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอมันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่และทำให้ผมมั่นใจว่าอยากจะมีเด็กดื้อคอยวนเวียนอยู่ข้างๆ ทั้งชีวิต แต่ก่อนอื่นต้องจัดการมดปลวกเหลือบไรที่คอยก่อกวนไม่เลิก หลังจากที่อยู่ในห้องทำงานสั่งการให้เรียกคนที่ไว้ใจขึ้นมาในห้อง สั่งงานให้คนละชิ้นส่วนนิวก็ให้ตามผมนี่ล่ะนะถึงเจ้าตัวจะประท้วงอยากจะทำงานอย่างอื่นมากกว่า

“บอสครับทำไมไม่ให้ผมไปทำงานล่ะครับ” เงยหน้ามองคนสนิทที่หลังๆ จะประท้วงเขาบ่อยซะเหลือเกิน

“ทำไมช่วยงานฉันไม่ดีรึไง”

“ผมอยากลงสนามบ้างนะครับ”

“อยู่กับฉันเดี๋ยวก็ได้ลงสนาม” ทิ้งท้ายให้นิวทำหน้างงๆ เดี๋ยวงานภาคสนามก็จะมาหาเองและรอไม่นานโทรศัพท์ของนิวก็ดังขึ้น

“ว่าไง............อะไรนะ!!! .......ได้ฉันจะแจ้งบอส” จากน้ำเสียงดูท่าสิ่งที่คาดเดาไว้จะมาเร็วกว่าที่คิด

“บอสครับคนของเราที่โกดังถูกลอบโจมตีครับ”

“บาดเจ็บเท่าไหร่”

“สาหัส 2 เสียชีวิต 1 ครับ”

“จัดคนของเราให้พร้อมมันกล้าเปิดศึกฉันก็จะไม่เอามันไว้”

และจะรู้ว่าคนอย่างหยางอี้ไม่ได้มีดีแค่คำขู่

*****************************************

                    แอบมาช้านิดหน่อย 555 อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ 


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด