Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561  (อ่าน 16896 ครั้ง)

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ระกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

****************************************************************************************









เย้ๆ เปิดเรื่องใหม่เรื่องที่ 5
เรื่องนี้ก็จะเรื่อยๆน่ารักๆอ่านสบายๆค่ะ
ดราม่าไม่มีมั้ง??
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ












ผลงานที่แล้วมา
Love Diary รักที่แอบมอง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54878.0
ไร่สายลม
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59812.0
 และอีกสองเรื่องไม่ได้ลงในเล้านะคะ
สามารถเข้าไปติดตามข่าวสาร ทวงนิยายได้ที่
https://www.facebook.com/letter123.writer/
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2018 19:19:24 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
บทนำ
   
   “คืนวันศุกร์อาทิตย์ต่อไปนะครับ” เสียงพูดเบาๆของเจ้าหน้าที่ห้องสมุดที่คนที่มาใช้บริการบ่อยชินแต่อาจจะดูแปลกใจสำหรับคนที่มาใหม่ ก็เจ้าหน้าที่คนนี้แทบจะไม่สบตาใส่แว่นตาหนาบังซะครึ่งใบหน้าไหนจะทรงผมที่เหมือนจะตื่นมายังไงก็เป็นแบบนั้นไหนจะเสียงพูดเบาๆนั้นอีก
   “กล้าจ๋า ตื่นมายังไงก็มาแบบนั้นเลยใช่ไหม” เสียงหวานของสาวน้อยร่างเล็กเพื่อนสนิทคนเดียว
   “ก็เราตื่นสาย” เสียงเบาๆที่ฟังเหมือนยุงบ่น ทำให้สาวน้อยต้องกรอกตาไปมา ก่อนที่จะหยิบหวีในกระเป๋ามาหวีผมนุ่มให้หายยุ่งทั้งๆที่ผมของเจ้าตัวนิ่มแถมยังหอมขนาดนี้แต่เจ้าตัวดันไม่สนใจ
   “ขอบใจนะเอม”
   “จ้าๆ นี่เดี๋ยวเราเฝ้าให้เอง กล้าไปจัดหนังสือเถอะเดี๋ยวคุณคนนั้นมา ไม่ทันน้า” ชะเอมแอบเย้าเพื่อนสนิทขำๆเพราะพอได้ยินแก้มซีดๆนั่นแดงระเรื่อ
   “งะ...งั้นเราไปก่อนนะ” กล้าได้แต่รีบหนีสายตาล้อเรียนของเพื่อนสนิทร่างเล็ก เข็นรถเข็นเล็กๆที่มีหนังสือที่เอามาคืนอยู่เต็มรถ ร่างเล็กขยับไปเอาหนังสือเก็บเข้าชั้นหมวดหมู่ที่จัดไว้  งานของเขาไม่ได้วุ่นวาย ไม่ได้พบคนมากมาย มีเพียงเขากับหนังสือ ความเงียบสงบของห้องสมุดช่วงเย็นนั่นยิ่งทำให้ร่างเล็กชื่นชอบมือเรียวหยิบจับหนังสือเข้าชั้นตามหมวดหมู่ได้อย่างถูกต้องเพียงดูรหัสอย่างเดียวเรื่องนี้คงเป็นเรื่องเดียวที่คนตัวบางจะทำได้ดีเสียด้วยสิ 
   ตั้งแต่ตอนไหนที่กล้ารอคอยวันศุกร์เป็นเวลา 30 นาที ในช่วงตอนเย็นที่ไม่มีใครเข้าห้องสมุดจะมีใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในชุดสูทหรู เพียงแค่เวลา 30 นาทีที่เขาได้แอบมองคนที่เดินเลือกหนังสือ ก่อนที่จะจบลงเพียงระยะเวลาสั้นๆ
   “กล้าๆ มาเร็วๆ” เสียงเล็กที่เรียกเสียงดังยังดีที่ในห้องสมุดไม่มีใคร ร่างบางรีบวางหนังสือแล้วเดินมาที่เค้าเตอร์ มือขาวซีดสั้นน้อยๆเมื่อเห็นร่างสูงอยู่ข้างนอกประตูกระจกใส พูดคุยกับอีกคนก่อนที่จะเดินเข้ามา ดวงตากลมโตได้แต่แอบมองลอดผ่านหนังสือที่ยกขึ้นมาบัง
   “นี่ๆ” เอมเพื่อนสนิทกระตุกแขนเบาๆ
   “อะไรเหรอ” กล้าหันไปกระซิบตอบ
   “ไม่คิดจะเข้าไปคุยหน่อยเหรอ” ได้ยินอย่างนั้นกล้าได้แต่ส่ายหน้ารัวๆจนผมนุ่มกระจายด้วยการตกใจ
   “บะ..บ้าไปแล้วเอม เราไม่กล้าหรอก” กล้าได้แต่กระซิบบอกไป แค่เห็นห่างๆมือยังสั่นขนาดนี้จะให้ไปคุยนะเหรอ คงไม่มีทางเป็นไปได้
   “นายควรมีความกล้าให้สมกับชื่อนายหน่อยนะกล้า” แก้มป่องขาวๆถูกยืดออกเพราะความมั่นเขี้ยวกับท่าทางก้มหน้าก้มตาของเพื่อนรัก ไม่ว่าจะยุเท่าไหร่ก็ยุไม่ขึ้นจนสาวสวยเหนื่อยใจ
   “แค่นี้ก็พอแล้ว พอแล้วจริงๆนะเอม” ชะเอมได้แต่ยอมรับถ้าเพื่อนทำแล้วมีความสุขก็แล้วแต่เพื่อนก็แล้วกัน ได้เวลาที่เธอต้องหลบแล้วล่ะ สาวสวยรีบเดินหนีหลบฉากเมื่อหางตาเหลือบเห็นร่างสูงที่ใส่สูทเนี้ยบกริบถือหนังสือเดินตรงมา ยิ่งเข้ามาใกล้ใจดวงน้อยยิ่งสั่นรัว มือขาวบีบกันแน่นเพื่อระงับอาการตื่นเต้น
   “ยืมหนังสือครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูที่ฟังแล้วรู้สึกสบายยิ่งทำให้ใจสั่น ร่างขาวไม่กล้าที่แม้จะเงยหน้ามองหน้าด้วยซ้ำ มองเพียงกองหนังสือกับมือใหญ่ก่อนที่จะรับเอาหนังสือมาประทับวันคืนก่อนที่จะส่งคืนให้ทั้งๆที่ไม่มองหน้านี่ล่ะนะ   
   “คืนวันศุกร์สัปดาห์หน้านะครับ”
   “ขอบคุณนะครับ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วหยิบเอาหนังสือเดินออกจากห้องสมุดไป กล้ายอมที่เงยหน้าก็ตอนนี้ มองแผ่นหลังที่ส่งหนังสือให้กับคนที่ขยับตัวเข้ามารับของก่อนที่จะเดินลับสายตาไป
   “หน้ามีความสุขเชียวน้า ชอบเขารึไง” ชะเอมกลับมานั่งข้างๆพร้อมกับจิ้มแก้มขาว
   “อือ เปล่านะ” กล้าปัดมือที่จิ้มแก้มเขาทิ้งรีบปฏิเสธเมื่อถูกถาม ชอบเหรอ คงไม่ใช่หรอก 
   เพียงแค่ 30 นาทีในทุกๆวันศุกร์ เป็นความสุขที่เขารอคอยนอกจากการรอหนังสือออกใหม่ ความสุขที่เพียงมอง ได้คุยกันเพียงแค่นี้ก็พอใจแล้ว
**************************************************
จุดพลุเปิดเรื่องใหม่อีกแล้วค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆด้วย

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
หากจะถามว่าอะไรคือสิ่งที่กล้าชอบ คำตอบคงเป็นกลิ่นหนังสือใหม่ๆกับบรรยากาศสายฝนพร่ำ กล้าสามารถอยู่ได้ทั้งวันเพียงแค่มีหนังสือโดยไม่รู้สึกเบือเลยซักนิดเพราะฉะนั้นงานที่กล้าคิดว่าเหมาะกับตัวเองคงไม่พ้นบรรณารักษ์ห้องสมุด สมัยเรียนก็เรียกได้ว่านอกจากเวลาเรียนแล้วกล้าก็จะมาหมดตัวอยู่ในห้องสมุดแห่งนี้เป็นประจำจนกระทั่งได้สมัครเป็นลูกจ้างแต่กล้าก็ขยันทำงานพอเรียนจบเขาก็สมัครเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดใหญ่แห่งนี้

   “กล้าจ๋า กล้าจำได้ยังไงอ่ะเอมจำไม่เคยได้ซักที” เสียงหวานของเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของกล้าถามอย่างสงสัย

   “ก็เราอ่านจนจำได้หมดแล้ว” มือขาวเรียงหนังสือเข้าชั้นอย่างช่ำชอง เพราะขลุกอยู่ในห้องสมุดมานานเลขหมวดหมู่ของห้องสมุดนั้นร่างขาวจำได้อย่างขึ้นใจ

   “แต่เอมจำไม่ได้” กล้าหลุดขำเบาๆกับอาการบ่นของเพื่อนสาวแล้วก็หันมาสนใจกับการจัดหนังสือเข้าชั้น ช่วงเวลาบ่ายเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีคนเข้ามาใช้บริการ ทำให้เขาและเอมมีเวลาคุยเล่นกัน ถึงชะเอมจะเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวก็เถอะ เขาถนัดฟังซะมากกว่า

   ห้องสมุดแห่งนี้เป็นห้องสมุดเอกชนที่ป้าของชะเอมเป็นคนเปิดเพราะท่านรักการอ่านเลยเปิดห้องสมุดใหญ่แห่งนี้มาตั้งแต่ยังมีขนาดเล็กๆจนขยายเป็นห้องสมุดที่ใหญ่อันดับต้นๆของจังหวัดแถมยังมีหนังสือหลากหลายแนว เพราะมาอ่านที่นี่บ่อยๆเลยได้รู้จักกับชะเอมและได้เป็นเพื่อนกัน เขาเป็นคนพูดน้อยดีที่ชะเอมชอบพูดและเขาชอบฟังเลยสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว

   “นี่ๆ ตอนเย็นไปหาอะไรกินกันไหม” เขาหันไปมองคนที่ชวนได้ทุกเย็น

   “อือ ไป” แม้จะไม่ชอบอยู่กับคนหมู่มากแต่เขาก็ไม่อยากให้เอมต้องเสียใจที่ชวน

   “จริงๆก็อยากชวนไปตอนกลางวันบ้าง นี่ดูสิผิวกล้าขาวจนซีดหมดแล้ว” ชะเอมจิ้มผิวขาวที่โผล่พ้นเสื้อแขนยาวผิวขาวซะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉา

   “คิกขนาดนั้นเลยเหรอ” กล้าได้แต่ส่ายหัวกับการเปรียบเทียบของเอมจริงอยู่ที่เขาขาวแต่คงไม่ได้ซีดขนาดนั้นหรอกมั้ง เพราะไม่ชอบออกไปไหนอยู่แต่ในห้องสมุดเลิกงานก็กลับบ้าน วันนี้คนมายืมหนังสือน้อยพอถึงเวลาปิดห้องสมุดชะเอมนี่รีบปิดไฟปิดแอร์แถมยังมาเร่งเขาให้รีบเก็บของ หลังจากตรวจความเรียบร้อยเขาก็ปิดล็อกห้องสมุด ชะเอมก็รีบจูงมือเขาไปยังตลาดนัดที่ไม่ไกลจากห้องสมุดนัก

   “ร้านนี้ไหม” ชะเอมชี้ไปยังร้านข้าวต้ม กล้าผู้ซึ่งอะไรก็ได้พยักหน้าตามใจเพื่อนสาวร่างเล็ก ที่พอเข้าไปนั่งในร้านก็สั่งรัวๆโดยที่สั่งเผือเขาด้วยเพราะรู้ดีว่าถ้าให้กล้าสั่งคงจะต้องเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมงแน่ๆ ไม่นานนักอาหารที่ชะเอมสั่งก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ กล้ากินเงียบๆคอยฟังชะเอมคุยโน้นคุยนี่ซึ่งเขาพยักหน้าบ้างตอบกลับบ้างไม่นานก็กินเสร็จ ชะเอมก็ชวนเขาไปเดินเล่นในตลาดนัด

   “นี่ตัวนี้เข้ากับกล้ามากเลยนะ” ชะเอมยกเสื้อเชิ้ตสีสดใสทาบตัวเขาซึ่งเป็นสีที่เขาไม่เคยใส่

   “อือ” ได้แต่พยักหน้า เสื้อแบบนี้มันเข้ากับเขาจริงๆเหรอ กล้าได้แต่สงสัยเพราะไม่เคยใส่เสื้อผ้าสีสดใสซักเท่าไหร่
 
   “อ่ะเอมซื้อให้”

   “ไม่เอานะเอม เราเกรงใจ” คนตัวขาวรีบดันถุงเสื้อคืน

   “ไม่เอาเอมจะโกรธนะ” หน้าหวานๆของชะเอมทำหน้าบึ้งจนคนขี้เกรงใจรีบรับเอาไปเพราะกลัวเพื่อนโกรธตัวเองจริง

   “เราเอาก็ได้อย่าโกรธเรานะเอม” เอมแอบขำแต่ก็ต้องทำหน้าบึ้งไว้ จนกล้ารับเอาถุงเสื้อไป

   “พรุ่งนี้ใส่มาด้วยนะ” เอมแอบกำชับเพราะกลัวว่าคนขี้เกรงใจไม่ยอมเอาเสื้อออกมาใส่ ทั้งตู้นี่มีแต่สีขาวกับสีดำเธอเลยอยากให้ใส่สีอื่นที่มันเข้ากับเจ้าตัวมาก หลังจากที่ยอมรับเสื้อหนึ่งตัวก็เดินจูงมือกันเดินดูของไปเรื่อยจนกระทั่งถึงร้านที่ขายหนังสือ กล้ารีบผละออกก่อนที่จะเดินเลือกหนังสืออย่างถูกใจจนลืมไปเลยว่ามากับใครและเพื่อนหายไปไหน และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เงยหน้ามาอีกทีก็มีแต่เขายืนอยู่ในร้าน เมื่อจ่ายเงินค่าหนังสือเขาก็ได้แต่มองช้ายมองขวาอย่างไม่รู้ทิศทางเพราะพึ่งมาครั้งแรกแถมเพื่อนยังหายไปอีก

   “อ่ะ จริงสิโทรศัพท์” เหมือนพึ่งจะนึกได้ มือขาวรีบค้นในกระเป๋าเอาโทรศัพท์รุ่นปุ่มกดที่ดูล้าสมัยออกมากดเบอร์เพื่อนสนิท

   “เอม....เอมอยู่ไหน”

   “(เอมต่างหากที่ต้องถามว่ากล้าอยู่ไหน ปลอดภัยดีใช่ไหม)”

   “อือเราปลอดภัยดี เอมอยู่ตรงไหนเหรอ”

   “(คือเราอยู่บนรถตอนนี้ที่บ้านเกิดเรื่องเราขอโทษที่ทิ้งกล้านะเราหากล้าไม่เจอจริงๆ)” เขาไม่ได้โกรธอะไรเพื่อนเลยแม้แต่นิด ผิดที่เขาเองมัวแต่เพลินเลือกหนังสือไม่ได้สนใจโลกอย่างที่เอมว่าให้บ่อยๆ

   “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากลับเอง รีบกลับเถอะ” เพราะรู้ดีว่าเป็นเพื่อนรักเป็นห่วงก่อนที่จะวางสายยังโดนย้ำนักย้ำหนาว่าถ้าถึงบ้านให้โทรไปบอกได้แต่ยิ้มเพราะความเป็นห่วง  ดวงตากลมใต้แว่นมองซ้ายมองขวาอย่างชั่งใจว่าจะไปทางไหนดีจนเมื่อตัดสินใจได้เขาก็เดินหอบหนังสือหลายเล่มเดินไปอีกทาง เดินไม่นานก็เจอซอยทางลัด

   “เราก็เก่งเหมือนกันนี่น่า” กล้าได้แต่ยกยิ้มชมตัวเองเพราะขนาดเดินมั่วๆก็มาเจอทางลัดเขาคงจะโชคดีจริงๆ หอบหนังสือเดินเข้าซอยถึงจะเปลี่ยวหน่อยแต่ผู้ชายอย่างเขาคงไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกมั้ง?? ยังดีที่ข้างทางสว่างเขารีบสาวท้าวเดินไวๆเพื่อให้พ้นซอยถึงจะสว่างแต่เขาก็กลัวเหมือนกันนะ

   ตุ๊บ!!!

   ตั๊บ!!!

   ผลั๊วะ!!

   “โอ๊ย พวกมึง...” เสียงโวยวายพร้อมกับเสียงเหมือนคนกำลังตีกันทำให้คนที่กำลังก้าวเท้าเร็วๆหยุดชะงัก ไม่นะกล้า ไม่ใช่เรื่องของนายรีบเดินกลับบ้านเลยนะ ร่างเล็กได้แต่กำชับหนังสือเข้าอ้อมอกคิดปลอบตัวเองแต่ขาดันก้าวไม่ออก เสียงในหัวถกเถียงกันไปมาเขาแอบดูในตรอกเล็กๆเงาร่างของคนหลายคนกำลังรุมทำร้าย ยิ่งนานไปเสียงโวยวายเริ่มเบาลงจนเขาเป็นห่วงคนที่ยังไม่รู้จักกันเสียอย่างนั้น เอาล่ะ

   “ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย คุณตำรวจทางนี้ครับ” นี่คงเป็นการที่เขาเสียงดังที่สุดในชีวิตแล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องของเขาร้องเสียงดังเงาในตรอกก็หยุดชะงักเหมือนลังเล เขาเลยทำเป็นร้องเรียกตำรวจอีกครั้งและก็ได้ผลเมื่อคนกลุ่มนั้นวิ่งหลบไปอีกทาง ร่างเล็กรอซักพักแล้วค่อยขยับที่เรียกได้ว่าเดินก้าวต่อก้าวช้ายิ่งกว่าหอยทางเข้าไปในตรอกก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นคนที่นอนขดตัวอยู่ในตรอกมืดๆ

   ฮือ ตายยังอ่ะ

   กล้าได้แต่จดๆจ้องๆเมื่อเห็นคนเจ็บยังนอนนิ่งก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปนั่งยองๆข้างๆก่อนที่จะสะกิดไหล่คนที่นอนเจ็บเบาๆ

   “คะ....คุณ...คุณเป็นอะไรไหม”

   “โอ๊ยเจ็บ” เสียงทุ้มที่ร้องเพราะเขาไปเขย่าไหล่นั่นแรงไปสักหน่อย

   “คุณลุกไหวไหมผมแบกคุณไม่ไหวหรอกนะ” กล้าพูดความจริงเพราะดูขนาดตัวนั่นสิ เขายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เขาได้แต่อิจฉาคนเจ็บที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าเขา

   “ไม่ไหว ช่วยพยุงผมที” พอได้ยินคนเจ็บบอกกล้ารีบวางถุงหนังสือลงก่อนที่จะขยับเก้กังพยุงตัวคนเจ็บให้นั่งพิงกำแพง แสงไฟสลัวๆที่ทำให้เห็นทางเลือดสีแดงที่ไหลลงจากไรผม ปริมาณมันดูน่ากลัวจนร่างเล็กผู้ที่ซึ่งทีแรกยังกลัวๆ หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าจากซอกๆหนึ่งในกระเป๋า มันยังสะอาดอยู่นะ ค่อยๆแตะลงบนแผลเบาๆ ถึงอย่างนั้นคนเจ็บก็ยังสะดุ้งแต่ก็ยอมอยู่นิ่งให้คนตัวเล็กเช็ดให้พร้อมกับไอ้โอกาสสำรวจใบหน้าใต้แว่นอันโต

   “คุณรออยู่ตรงนี้ได้ไหมผมจะไปตามคนมาช่วย”

   “ไม่เป็นไรขอยืมแค่โทรศัพท์คุณ...ได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มทอดเสียงอ่อนตอนนี้เขาเริ่มตาพร่าเพราะเจ็บแผลที่หัวมากไปแน่ๆ  กล้าลนลานรีบส่งโทรศัพท์รุ่นดึกดำบรรพ์ส่งให้จนคนรับยังแปลกใจที่มีคนใช้โทรศัพท์รุ่นนี้อยู่อีกเหรอ คนเจ็บรีบต่อสายเรียกคนมารับคุยไม่กี่คำเขาก็วางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืน

   “ผมจะรอจนกว่าจะมีคนมารับคุณนะ คุณไม่ให้โทรเรียกรถพยาบาลจริงๆเหรอ” กล้าได้แต่กลัวว่าคนตรงหน้าจะตายเอาเมื่อผ้าเช็ดหน้าที่กดแผลไว้นั้นเริ่มชุ่ม แต่คนเจ็บก็ยืนยันว่าจะไม่ไป วางสายได้ไม่นานก็มีรถหลายคันมาจอดที่หน้าตรอกจนคนตัวบางชักกลัวกำลังที่จะหาทางหนีทีไล่คนเจ็บก็ห้ามเขาไว้เสียก่อน

   “นั้นคนของฉัน” กล้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่นานคนใส่ชุดดำหลายคนก็วิ่งกรูเข้ามาในตรอกพร้อมกับไฟฉาย จากตรอกที่แคบตอนนี้ยิ่งแคบเข้าไปอีก ร่างเล็กได้แต่มองหวาดๆก็แต่ละคนหน้าตาน่ากลัวจริงๆ

   “ขออภัยครับนายเป็นเพราะพวกผม” หนึ่งในชายชุดดำโค้งจนสุดตัวพร้อมกับพูดเสียงดังจนเขาตกใจ ไม่ใช่แค่ตกใจเสียงแต่ตกใจกับบรรยากาศที่มันดูอึดอัด  คนเจ็บเพียงยกมือโบกแล้วบอกให้ช่วยพยุงซึ่งมันก็ง่ายๆ ร่างบางรีบลุกพร้อมกับหยิบเอาหนังสือขึ้นมา อันนี้ลืมไม่ได้

   “ขอบคุณคุณมาก จะให้ฉันตอบแทนยังไง” น้ำเสียงที่ฟังแล้วดูเย็นชาขึ้นทำให้ร่างขาวเอียงคอด้วยความสงสัย ตอบแทนยังไง เขาไม่ได้ต้องการอะไรซักหน่อย

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณมีคนมาช่วยแล้วรีบไปโรงพยาบาลดีกว่า ผมกลับก่อนนะ” เขาไม่ได้ต้องการอะไร อยากจะหนีออกจากตรอกนี้จะแย่แล้ว

   “ไม่รู้จักฉัน” เขาได้แต่ขมวดคิ้วกับคำถามของเจ็บ แล้วเขาจำเป็นต้องรู้จักด้วยเหรอ ท่าทางงงๆแบบที่ดูยังไงๆก็รู้เลยว่าไม่เข้าใจคำถามและแสดงออกชัดเจนว่าไม่รู้จักคนเจ็บ

   “ผมไปล่ะ คุณก็ระวังตัวด้วยนะ” ยังไม่วายที่จะห่วงแต่พอจะก้าวออกจากตรอกยังไม่ทันได้ก้าวเลย คนใส่ชุดดำก็ก้าวมาขวางทางไว้จนเขาสะดุ้ง

   “ให้ฉันไปส่ง”

   “มะ....ไม่เป็นไรครับ” เขารีบโบกมือไปมาน่ากลัวแบบนี้ใครเขาจะอยากไปกัน เมื่อเห็นว่าคนชุดดำไม่ได้เข้ามาใกล้แล้ว เท้าเล็กๆก็รีบวิ่งหนีออกไปจากตรอก เป็นครั้งแรกที่หนอนหนังสืออย่างเขาวิ่งได้เร็วแบบนี้

   “แฮ่กๆ ฟู่...น่ากลัวจัง คราวหน้าไม่เอาอีกแล้วนะกล้า” เมื่อคิดว่าพ้นแล้วหนอนหนังสือก็หอบจนตัวโยน เขาไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้เลยนะ ได้แต่ลูบอกเพื่อปลอบใจที่เต้นรัวของตัวเองให้สงบ พอหายเหนื่อยก็เดินกลับบ้าน และไม่ลืมที่จะโทรรายงานเพื่อนสนิทโดยที่ปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะนะ คนที่ไม่ได้สนใจอะไรอาบน้ำเสร็จก็ลืมเรื่องระทึกที่สุดในชีวิตอย่างง่ายดาย
   
   ในตรอกแคบ คนเจ็บได้แต่แปลกใจสายตายังคงมองตามทางที่คนตัวขาววิ่งหนีไป ทีแรกนึกว่าจะเป็นแผนอะไรซักอย่างแต่เด็กนั่นไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ ไม่รู้จักเขาแต่ยังมาช่วยคนที่ไม่รู้จักจะเรียกว่าเป็นคนใจดีหรือซื่อเกินไปดีนะ

   “จะให้ตามไหมครับนาย” หนึ่งในคนสนิทถามขึ้นเมื่อเห็นว่านายยังมองตามอยู่เป็นคนที่คิดไม่ดีรึเปล่าถ้าใช่พวกเขาจะได้ตามจับมาให้ทันท่วงที

   “ไม่ต้องพาฉันไปโรงพยาบาล” ก่อนที่ลูกน้องจะคิดไปทำอะไรเองก็สั่งให้พาไปโรงพยาบาลเพราะชักจะรู้สึกหน้ามืดเล็กๆแล้วสิ กวินนั่งพิงเบาะมือใหญ่กดผ้าเช็ดหน้าที่คนตัวขาวทิ้งไว้ให้กดแผล รถสีดำเล่นมาจอดหน้าโรงพยาบาลจนเจ้าหน้าหลายคนแตกตื่น แต่เมื่อมีคนเจ็บระดับวีไอพีมา หมอแทบจะวิ่งมารักษาจนรักษาเสร็จหมอก็ให้แอดมิทเพื่อดูอาการซักสองสามวัน

   “เอ่อผ้านี้ทิ้งเลยไหมคะ” นางพยาบาลหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่ตอนนี้มันมีบางส่วนแห้งไปแล้ว

   “ไม่ต้อง เอาวางไว้นี่” กวินชี้ไปที่โต๊ะข้างเตียง นางพยาบาลรีบวางแล้วถอยหนี หน้าตาถึงแม้จะมีรอยช้ำแต่ก็ดูหล่อมากแต่ถ้าดูดุแบบนี้เธอก็กลัวเหมือนกัน

   ทันทีประตูปิดลงร่างใหญ่ก็หันไปมองผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กนั่น ใบหน้าคมเข้มติดเย็นชามีรอยยิ้มบางๆแต้มอยู่

   ก๊อกๆ

   “เข้ามา”

   “เรื่องของเด็กคนนั้น ผมสืบให้เรียบร้อยแล้วนะครับไม่เกี่ยวกับเรื่องลอบทำร้าย คงบังเอิญมาช่วยจริงๆ ส่วนพวกที่ลอบทำร้ายผมได้ส่งคนตามสืบแล้วครับ” คนสนิทส่งแฟ้มที่สืบอย่างรวดเร็วเพราะว่าคนใจดีนั้นไม่ได้เป็นคนหาตัวยากอะไร

   “ขอบใจมากไปพักเถอะ” มือใหญ่เปิดแฟ้มอ่านประวัติคนตัวขาวที่ดูเหมือนจะธรรมดามากคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจทางเขาแน่ๆ อายุ 23 เหรอ เด็กชะมัด ทำงานบรรณารักษ์เหรอก็ดูเหมาะกับเจ้าตัวดี ถ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรก็คงจะไม่ต้องได้ยุ่งเกี่ยวกันอีกแล้ว ส่วนตอบแทนค่อยให้เชษฐ์ส่งของตอบแทนคำขอบคุณไปล่ะกัน ใจดีแบบนี้ไม่กลัวรึยังไงกัน แม้จะว่าไม่ได้ติดต่อกันแต่ในหัวก็ยังวนเวียนอยู่กับคนตัวขาวที่มาช่วยตลอดที่รักษาตัว
*************************************************
เปิดตอนแรกแล้วค่ะ อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า

อันนี้พยายามปรับเปลี่ยนการเขียนอยู่ ถ้าอ่านแล้วติดขัดตรงไหน

ติชมได้เลยค่ะ

ถ้าชอบก็บอกด้วยนะคะจะได้เป็นแรงใจ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
        “กล้า เราขอโทษน้า” เช้าวันต่อมาขณะที่ร่างขาวกำลังอ่านหนังสือที่ซื้อมาเมื่อวาน
   “หือ ขอโทษเราทำไม” กล้าได้แต่งงเมื่อเพื่อนสนิทเดินมานั่งลงข้างๆแถมยังกอดแขนเขา
ไว้แล้วซบหน้าลงอ้อนๆ บางทีเขาก็คิดว่าชะเอมเหมือนลูกแมว

   “ก็ที่เราทิ้งกล้าเมื่อคืนไง” เขาได้แต่ส่ายหัวไปมาเพราะไม่ได้โกรธเลยซักนิด เมื่อยืนยันว่าไม่ไดโกรธอะไรแล้วเขาก็ปล่อยให้เอมนั่งเฝ้าเค้าเตอร์ส่วนเขาก็ขอไปจัดหนังสือทำความสะอาดชั้นหนังสือที่ไม่ค่อยมีใครใช้งานฝุ่นจับหมดแล้ว มือซ้ายหิ้วตะกร้าที่ใส่อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดทั้งน้ำยา ทั้งไม้ขนไก่ ที่ปัดฝุ่นเดินขึ้นชั้นลอยชั้นสองที่เก็บหนังสืออ้างอิงและหนังสือต่างประเทศที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาใช้งานบ่อยๆ ถึงจะทำความสะอาดเดือนละสองครั้งแต่ฝุ่นก็ยังมาเกาะอยู่ดี

   “กระดาษเริ่มเหลืองแล้วเหรอ” นิสัยอย่างหนึ่งของกล้านอกจากชอบอยู่คนเดียวแล้วยังชอบพูดคนเดียวอีกด้วย ปากเล็กบ่นไปแต่มือก็ยังทยอยหยิบหนังสือลงจากชั้นทีละเล่มๆ เริ่มจากชั้นบนก่อนและเมื่อกล้านั้นสูงไม่เกินมาตรฐานชายไทย เขาสูงเพียง 170 ซม.แต่เขานั้นผอมก็ไม่เชิงว่าผอมแบบแห้งแรงน้อยอะไรนั่นหรอกนะเพียงแต่ผอมเพราะบางทีเขาก็ลืมกินข้าวแถมยังกินทีก็น้อยเท่าแมวดมเวลาที่ไปกินข้าวกับชะเอมจะโดนบังคับให้กินตลอด

   “ทำไมฝุ่นเกาะเร็วจังนะ” หอบหนังสือในอ้อมแขนเกือบสิบเล่มก่อนที่จะค่อยๆปีนลงจากบันไดแล้วค่อยหอบหนังสือไปวางไว้ที่โต๊ะใหญ่ที่เขาเตรียมไว้ที่ข้างหน้าต่างให้แดดส่องเล็กน้อย ขนไปสามสี่รอบแขนเล็กก็เริ่มล้าแต่ก็อยากขนลงมาให้หมดจะได้ทำความสะอาดครั้งเดียว

   “กล้า จะเที่ยงแล้วนะพอก่อนไหม”เสียงเรียกเบาๆของชะเอมทำให้เขาสะดุ้งจนแทบจะตกจากบันได

   “ชะเอมไปกินก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราไปเฝ้าให้”

   “เอางั้นเหรอ งั้นเราจะซื้อเข้ามาให้”

   “ขอบใจนะ” เขารีบลงไปล้างมือก่อนที่จะไปทำหน้าที่แทนเอม ช่วงนี้จะมีคนมาคืนหนังสือเยอะเพราะเป็นเช่วงพักเที่ยง

   “อ่าวน้องผู้หญิงหายไปไหนแล้วล่ะจ๊ะ” พี่พนักงานออฟฟิศที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีถามขึ้น

   “พอดีไปทานข้าวนะครับ อ่านจบแล้วเหรอครับ” เพราะเห็นหน้ากันทุกวันเขาเลยพูดคุยด้วยโดยไม่เคอะเขิน

   “ใช่แล้วจ๊ะ ช่วยแนะนำหนังสือให้พี่หน่อยสิ เรื่องก่อนที่เราแนะนำอ่านแล้วสนุกมากเลย” เรื่องที่เขาแนะนำล่าสุดเป็นนิยายรักเรื่องหนึ่งของวิลเลียม เชคเปียร์ ฝันกลางคืนฤดูร้อน เป็นนิยายรักที่มีครบรสชาติ แฝงแฟนตาซีนิดๆ แถมยังมีมุขตลก

   “อ่านเรื่องเศร้าๆได้ไหมครับ”
   “โอ๊ยพี่อ่านได้หมดล่ะจ๊ะ แนะนำมาเลย” ผมเลยแนะนำ เรื่อง The fault in our Stars กับ อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก แม้จะเป็นนิยายที่คนแต่งต่างเชื้อชาติแต่ก็แฝงข้อคิดความรักและการใช้ชีวิตได้มากมาย แนะนำจบพี่สาวก็ตกลงยืมสองเรื่องที่ผมแนะนำไปแถมยังขอบอกขอบใจผมยกใหญ่

   “เอ่อขอโทษครับ”

   “ครับ??” กล้าเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อมีคนมาแล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่มาถามนั้นไม่น่าจะใช่คนที่น่าจะเข้ามายืมหนังสือซักนิด

   “ผมได้คำสั่งจากนายมาส่งของตอบแทนให้ครับ” กล้ายิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อคนชุดสูทสีดำส่งกล่องหรูที่ขนาดเขาไม่ได้เป็นคนสนใจอะไรมากมายนัก ก็รู้เลยว่าเป็นของมีค่าราคาแพง

   “ของตอบแทน?? ตอบแทนอะไรกันเหรอครับ” เขาลุกขึ้นดันกล่องหรูนั่นกลับไปทางคนที่เอามาให้อย่างสั่นๆก็คนที่เอามาส่งนั้นน่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่

   “ก็ที่คุณช่วยเจ้านายผมไว้ครับ” ช่วย??? ตอนนี้ในหัวเล็กๆมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ท่าทางเอียงคอสีหน้าไม่ปิดบังซักนิดว่างง ท่าทางที่แสดงออกอย่างใสซื่อทำให้เชษฐ์คนสนิทของกวินที่เอาของตอบแทนมาให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี
 
   “ผมรับไม่ได้หรอกนะครับเอาคืนไปเถอะ” กล้ารีบบอกปฏิเสธเพราะไม่กล้าที่จะรับอีกอย่างมันก็มากเกินไป

   “แต่นายของผมต้องการตอบแทนคุณ”

   “เอาคืนไปเถอะครับผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ” ไม่กล้ารับจริงๆกับของตอบแทนนี่มันมากเกินไป เขาแค่ช่วยเท่านั้นเอง

   “งั้นก็ได้ครับ” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ยอมรับของเชษฐ์ก็ต้องยอมถอยเก็บของขวัญไว้ก่อนที่จะชวนคนตัวเล็กที่รู้สึกดีด้วย คนที่ไม่เคยเจอในชีวิตด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์

   “เอ่อ ถ้าผมจะยืมหนังสือต้องทำอะไรบ้างครับ” แม้ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าถึงเปลี่ยนไปแต่เมื่อต้องการยืมหนังสือเขาก็ไม่คิดอะไรมาก

   “ครับ ก็ทำบัตรสมาชิกและเวลาต้องการยืมก็ทิ้งบัตรไว้ด้วยครับ”

   “เอ่อแล้วถ้าพี่ไม่สะดวกทิ้งบัตรไว้ล่ะครับ” สีหน้าลำบากใจทำให้กล้ายกยิ้มบางๆให้ ก่อนที่จะอธิบายให้ฟัง

   “อ้อ งั้นก็ขอข้อมูลที่ติดต่อได้ไว้ก็ได้ครับอย่างเช่นนามบัตร” คนตัวสูงพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะขอสมัครสมาชิกซึ่งเขาก็ไม่อิดออดขอบัตรประชาชนเพื่อกรอกข้อมูล ถึงจะแปลกใจกับอายุที่ไม่เข้ากับหน้าของคนตรงหน้านี่เลยแต่กล้าก็ยังเป็นกล้าไม่ได้สนใจเรื่องของคนอื่นที่ผ่านเข้ามานัก

   “เรียบร้อยครับ นี่ครับ” เขายืนบัตรสมาชิกให้คนตรงหน้าที่พอได้รับบัตรก็หมุนตัวไปมาอย่างที่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี จนเขาอดที่จะแนะนำให้ไม่ได้ว่าชั้นไหนเป็นชั้นไหน ถ้าเป็นเรื่องหนังสือเขาสามารถพูดได้น้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว จนสมาชิกใหม่เดินไปชั้นหนังสือเพื่อลองเลือกหนังสือไปอ่านบ้าง

   “กล้า ไปกินข้าวก่อนสิเดี๋ยวเอมจัดการเอง”

   “ขอบคุณมากนะเอม” รับเอาถุงกล่องข้าวแล้วเดินไปห้องเล็กด้านหลังที่เป็นส่วนของเจ้าหน้าที่เพื่อกินข้าวเที่ยงที่ค่อนมาบ่ายกว่า เมื่อกินเสร็จก็เดินออกมาตั้งท่าจะไปทำความสะอาดหนังสือต่อถ้าไม่เพราะเอมมาดึงแขนเขาไว้แล้วเขย่าอย่างตื่นเต้น

   “กล้าๆคนเมื่อกี้ใครเหรอทำไมเขาฝากของให้กล้าด้วยล่ะ”

   “หือ เราไม่รู้จักหรอกนะแต่เราบอกแล้วนิว่าไม่รับ” เขารีบเดินไปที่เค้าเตอร์เห็นถุงที่ใส่ของก็ต้องถอนหายใจหนัก คงต้องรอวันที่พี่คนนั้นเอาหนังสือมาคืนเพื่อที่จะคืนของแล้วล่ะสิ

   “ไม่รู้จักทำไมเขาให้ของกล้าล่ะ”

   “ก็เราช่วยเขาไว้นิดหน่อยแต่เราไม่ต้องการเลยนะเอม” ใบหน้าใต้แว่นมุ่ยลงเมื่อโดยยัดเยียดของตอบแทนให้ทั้งๆที่เขายืนยันแล้วว่าไม่ต้องการ

   “งั้นถ้าเขามาตอนที่เอมอยู่เอมจะคืนให้นะ”

   “อือขอบคุณนะ งั้นเราขึ้นไปจัดหนังสือต่อนะ” เอมโบกมือให้ผมเลยขึ้นไปทำความสะอาดต่อแต่ในหัวก็ยังคิดไพล่ไปถึงคนที่เอาของมาให้ เอาความจริงแล้วเขาจำหน้าคนที่เขาช่วยเมื่อคืนไม่ได้ด้วยซ้ำแทบจะลืมไปแล้วเพราะสมองเขามีไว้เก็บตัวละครในหนังสือเท่านั้น ต้องตอบแทนกันขนาดนี้เลยเหรอ และจากคนที่ในหัวมีแต่เรื่องที่วันนี้จะอ่านอะไรดีกลับวนเวียนคิดว่าจะได้คืนของขวัญวันไหน





   หลังจากวันที่พี่คนนั้นมายืมหนังสือก็ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งของขวัญยังอยู่ที่ชั้นด้านหลังวันนี้เป็นวันที่ต้องคืนหนังสือกล้าวันนี้ถึงกับขอทำหน้าที่เฝ้าเองทั้งๆที่ปกติชอบไปเรียงหนังสือซะมากกว่า รอจนเย็นก็ยังไม่เห็นมาแล้วเขาจะได้คืนของไหมล่ะ
   “กล้าวันนี้เอมกลับก่อนนะพอดีไปเดทนะ” ท่าทางเขินๆทำให้เขาส่งยิ้มบางๆให้

   “ไปสิ ไม่เป็นไรหรอก” เอมขอบคุณผมยกใหญ่ นั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยจนใกล้เวลาปิดก็มีคนเดินเข้ามาซะก่อน ใบหน้าขาวดีใจนึกว่าจะเป็นพี่คนนั้นแต่เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ก็รู้สึกผิดหวังแต่ทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงนักนะ

   “คืน”

   “อ่า...ครับ” น้ำเสียงติดจะเย็นชานั่นทำให้ผมลน เมื่อสแกนบาโค้ดดูก็เห็นขึ้นเป็นชื่อพี่คนนั้น ฝากคนอื่นมาคืนงั้นเหรอ?? ท่าทางใส่สูทเหมือนกันคงทำงานที่เดียวกัน เมื่อเช็คจนครบแล้ว

   “เรียบร้อยใช่ไหม” ผมรีบพยักหน้าให้ เมื่อเห็นว่าเสร็จธุระคนตัวโตก็หันหลังกลับแต่ผมรีบเรียกไว้

   “เอ่อ...ผมฝากนี่ไปคืนพี่เขาได้ไหมครับ” กล้าได้แต่พูดเสียงเบาเมื่อสายตาคมนั่นดูน่ากลัวซะจนเกินไป

   “ทำไม”

   “คือผมบอกพี่เขาไปแล้วว่าไม่รับเพราะฉะนั้นฝากคืนด้วยนะครับ” ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆเมื่อโดนจ้องนิ่งๆ

   “อืม” คำสั้นๆพร้อมกับมือใหญ่หยิบเอาถุงของตอบแทนเดินกลับออกไป กล้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับบรรยากาศกดดันหายไป รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นโดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่คิดว่าไปแล้วแอบมองอยู่
   


   การทำงานของกล้าไม่ได้มีอะไรมากมายออกจะซ้ำซากจำแจด้วยซ้ำแต่กล้ากลับทำโดยไม่รู้สึกเบื่อเลยซักนิดวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ต้องเอาหนังสือไปเรียงเข้าชั้นเพราะเก็บสะสมมามาทั้งอาทิตย์

   “อ่าวสวัสดีน้องกล้า” งานที่ซ้ำซากจำเจเปลี่ยนไปเมื่อมีสมาชิกที่รู้สึกว่าจะสนิทสนมกับเขาแบบแปลกๆถึงอย่างนั้นเขาก็ยกมือขึ้นไหว้

   “สวัสดีครับพี่เชษฐ์”

   “อ่ะนี่พี่ซื้อมาฝาก” อีกแล้วเหรอ ตั้งแต่คืนของตอบแทนนั่นไป วันต่อมาพี่เชษฐ์ก็มาที่ห้องสมุดแถมยังหิ้วขนมมาฝากพอบอกไม่เอาพี่เชษฐ์ก็ทำหน้าเศร้าจนเขาปฏิเสธไม่ได้

   “ขอบคุณครับ จริงๆพี่ไม่ต้องซื้อมาก็ได้นะครับ” มือขาวรับเอาถุงขนมมาถือไว้พร้อมกับบอกอย่างเกรงใจก็เล่นซื้อมาให้เขาทุกวันที่มาหา ถ้าหากร่างขาวรู้ว่าขนมในถุงพลาสติกธรรมดาๆนั่นเป็นขนมจากร้านดังที่ทำขายวันละไม่กี่ชิ้นคนตัวขาวคงต้องรีบคืนให้แน่ๆ เมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กเป็นคนขี้เกรงใจเชษฐ์เมื่อซื้อขนมมาก็รีบเปลี่ยนถุงแถมแกะป้ายออก ทำไมเลขามือหนึ่งอย่างเขาต้องมาทำรายละเอียดหยิบย่อยขนาดนี้แต่เขาก็เต็มใจเมื่อเห็นสีหน้าดีใจของกล้า

   “ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ กินเยอะๆล่ะ ผอมจริงๆเลยเรา” กล้าได้แต่ก้มสำรวจตัวเองเขาผอมไปเหรอ??

   “ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ พี่เชษฐ์จะยืมหนังสือไหมครับ”

   “ไม่ล่ะพี่แค่แวะเอาขนมมาให้พี่ไปล่ะ”

   “ครับ ขอบคุณนะครับ” พี่เชษฐ์ยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินออกจากห้องสมุด เป็นคนที่ไปเร็วมาเร็วเสมอเลย กล้าเอาถุงขนมไปเก็บแล้วค่อยไปทำงานเหมือนเดิมจนกระทั่งเลิกงานปิด

   “อ่าวพี่เชษฐ์” กล้าได้แต่ทำหน้างงๆเมื่อหันกลับมาเห็นพี่เชษฐ์ยืนพิงรถด้วยท่าทางเท่ๆโบกมือให้เขาอยู่

   “มาพี่ไปส่ง”

   “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”

   “น่านะพี่อุตส่าห์มารอเรา” พูดแบบนี้คนขี้เกรงใจอย่างเขาก็อ้ำอึ้งจนเปิดโอกาสให้อีกคนฉวยเอาย่ามเก่าๆไปถือพร้อมกับดันหลังผมไปที่รถติดฟิล์มดำสนิท นี่พึ่งรู้จักกันครึ่งเดือนเองนะแต่คนทีเรียกได้ว่าเข้าขั้นเบลอๆอย่ากล้าก็วางใจพี่เชษฐ์ไปซะแล้ว  พี่เชษฐ์รีบขึ้นรถแล้วขับพาผมไปส่งบ้าน

   “นี่เหรอบ้านกล้า” เขาพยักหน้ารับไม่ได้อายอะไรกับสภาพบ้านที่ดูภายนอกมันดูโทรมๆหน่อยจะทำยังไงได้ก็เขาอยู่คนเดียวภายนอกอาจจะดูแย่หน่อยแต่ข้างในก็อยู่ในสภาพดีแถมไม่ต้องกลัวความปลอดภัยบ้านเขามีอะไรให้ขโมยกัน

   “ขอบคุณนะครับพี่เชษฐ์” กล้ากระพุ่มมือไหว้แล้วค่อยลงจากรถเปิดประตูเข้าบ้าน รถของพี่เชษฐ์ขับออกไปเมื่อผมเดินเข้าบ้านไป ตั้งแต่สนิทกันกับพี่เชษฐ์ต้องบอกว่าพี่เชษฐ์เป็นฝ่ายขอสนิทด้วยกับผมน้ำหนักผมก็ขึ้นมากิโลกว่าๆเพราะขนมหวานนั่น ชะเอมเคยว่าผมไว้ใจคนอื่นง่ายๆแต่พี่เชษฐ์ก็ดูไม่เป็นคนเลวร้ายอะไรออกจะใจดีด้วยซ้ำ อาบน้ำเสร็จเขาก็ล้มตัวลงนอนท่ามกลางความเงียบสงัด เพราะเขาชิน ชินกับการที่อยู่คนเดียวท่ามกลางหนังสือพวกนี้
*************************************************************************
ทำไมยิ่งเขียนยิ่งรักน้องกล้า

นิยายเรื่องนี้ก็จะออกแนวไปเรื่อยๆคิดไว้ว่าคงไม่เกินยี่สิบตอน

แหะๆแต่ถ้าไหลก็อีกเรื่องนะคะ 555

อ่านแล้วเป็นยังไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
หลังจากการมีคนเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งคน กล้ายอมรับเลยว่าเหมือนได้พี่ชายเพิ่มอีกคน จนชะเอมบ่นน้อยใจใหญ่ว่าผมมีพี่ชายคนใหม่แล้ว

   “พูดยังไม่ทันขาดคำนั่นไงมาแล้ว” ชะเอมบ่น ทีแรกล่ะก็กรี๊ดใหญ่รอพี่เชษฐ์มา แต่ทำไมพอหลังๆมาถึงได้ดูไม่พอใจนักก็ไม่รู้

   “อ่ะพี่ซื้อมาฝาก”

   “ผมกินจนน้ำหนักขึ้นแล้วนะครับ” ถึงจะบ่นอย่างนั้นแต่กล้าก็ยังรับขนมนมเนยนั่นมาเพราะรู้ดีถ้าไม่เอาพี่เชษฐ์ก็จะพูดหว่านล้อมจนได้

   “ดีสิกล้าผอมไป เออเดี๋ยวพี่ไปทำธุระต่อก่อนนะ”

   “ครับ ขอบคุณนะครับ” กล้ายกมือไหว้ พี่เชษฐ์ยกมือยีหัวเขาก่อนที่จะเดินออกไป หลังๆมานี่ไม่ได้มายืมหนังสือแล้วล่ะครับ มาแค่เอาขนมมาให้แล้วก็กลับ ทุกวันศุกร์พี่เชษฐ์ก็จะมาแบบเร่งรีบแบบนี้ประจำ กล้าหอบเอาถุงขนมหวานเข้าไปห้องพัก

   “แหมๆวันนี้ได้อะไรบ้างล่ะ” ชะเอมเดินเข้ามาแซว

   “อือ เค้กนะน่าอร่อยมากๆเลยล่ะ” กล้ายกเค้กครีมสด ขนาดหนึ่งปอนด์ออกมาจากถุง

   “หือ เค้กร้านนี้แพงมากนิ” กล้ารีบเงยหน้าขึ้นมองชะเอม เขาก็เห็นมันเป็นเค้กธรรมดาๆที่สวยมากปอนด์หนึ่ง แต่ชะเอมไม่คิดอย่างนั้นเธอจำเค้กนี่ได้ เพราะป้าเธอสั่งมาที่บ้านทุกอาทิตย์มันเป็นของที่ขายเพียงไม่กี่ชิ้นต่อวัน

   “มันคนละร้านกันหรอกมั้งเอม” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่กล้าก็ไม่มั่นใจเอาซะเลย ก็เขาไม่เคยที่จะได้กินของราคาแพงเลยนี่น่า รู้เพียงแต่ว่าเค้กที่พี่เชษฐ์ซื้อมาฝากมันอร่อยมาก และถ้ามันแพงอย่างที่เอมพูดเขาคงรับขนมจากพี่เชษฐ์ไม่ได้อีกแล้ว

   
   ก๊อกๆ

   “เข้ามา”

   “เรียบร้อยแล้วครับนาย” เชษฐ์รีบแจ้งงานที่นายส่งให้เขาไปทำ แรกๆเขาก็งงๆหน่อยแต่ตอนนี้เขาดดันรู้สึกสนุกที่ไปเจอน้องกล้า เขาไม่รู้ว่านายต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ให้เขาไปตีสนิทน้องกล้า   

   “เป็นยังไงบ้าง” โอ๊ะหายากที่นายของเขาจะยอมหยุดมือทำงานแถมยังสนใจเรื่องคนอื่นอีก สายตาคมของเจ้านายทำให้ผมต้องรีบรายงาน

   “ก็ไม่มีอะไรมากครับ น้องกล้าก็ยังน่ารักเหมือนทุกๆวัน ตอนนี้ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลขึ้นเพราะขนมที่นายสั่งให้ผมไปส่งได้ผลดี ส่วนเรื่องบ้านบอกตามตรงนะครับนาย ผมยังไม่ได้เข้าบ้านน้องแต่ว่ามันก็ดูทรุดโทรมแถมดูเหมือนน้องจะอยู่คนเดียวเสียด้วย” พอได้พูดถึงน้องผมก็พูดน้ำไหลไฟดับ บอกตรงๆเลยครับว่าอยากได้น้องมาเป็นน้องชายจริงๆเด็กอะไรจะใสซื่อและมีจิตใจดีแบบนั้น คนแบบพวกผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่บริสุทธิ์แบบนี้หรอกนะ

   ปึก

   เอ....ทำไมเหมือนนายไม่พอใจหว่า ผมทำอะไรผิดหว่า เผลอก้าวถอยหลังก็สายตาเจ้านายตอนนี้เหมือนพร้อมจะฆ่าคนเลยนี่น่า

   “ต่อไปไม่ต้องไปแล้ว”

   “ได้ไงอ่ะนาย ผมอุตส่าห์สนิทกับน้องแล้วนะครับนาย” เหมือนคนไม่กลัวตายเพราะเชษฐ์ทำงานกับนายมาตั้งนานถึงแม้จะไม่เคยเห็นอาการแบบนี้ของนายก็เถอะ

   “ไอ้เชษฐ์ฉันสั่ง”

   “อ่าวแล้วใครจะส่งขนมให้น้องล่ะ น้องชอบขนมที่นายสั่งให้มากเลยนะครับ” แอบเห็นมุมปากนายยกขึ้นแวบหนึ่งถ้าไม่ใช่คนสนิทอย่างผมไม่มีทางที่จะทันเห็นหรอกนะ

   “ไม่ต้องยุ่ง”

   “นะครับนาย ให้ผมไปเจอน้องนะ ผมชอบน้องจริงๆ” ลองอ้อนวอนเผือที่นายจะเห็นใจ
   
           ปัง!!!

   “หุบปากแล้วเลิกเรียกว่าน้องซักที” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเจ้านายตบโต๊ะเสียงดัง อาการแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน เจ้านายผมเปลี่ยนไป ได้แต่ยอมยกมือยอมแพ้คืออยากจะแซวแต่ก็กลัวตาย ได้แต่ลี้ออกจากห้อง

   กวินรู้สึกแปลกๆเมื่อลูกน้องคนสนิทเริ่มที่จะสนิทกับคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ให้ตายเถอะมันจะสนิทเกินไปแล้วนะ ทีแรกเขาเพียงส่งให้เชษฐ์เอาของไปให้แต่เมื่อเขาได้รับคืนก็เลยเปลี่ยนให้เชษฐ์ไปดูแล ไม่รู้สิ ตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เมื่องานไม่เข้าหัว กวินก็ยอมที่จะเกงานวันนี้

   “อ่าวนายจะไปไหนครับ”

   “ห้องสมุด”  สั่งสั้นๆไอ้เชษฐก็ระริกระรี้รีบขับรถพาผมไปที่ห้องสมุดทันที

   “จะให้ผมเข้าไปด้วยไหมครับนาย”

   “ไม่ต้อง เอาบัตรแกมา” มันทำปากขมุบขมิบแต่ก็ส่งบัตรสมาชิกให้ คนในชุดสูทหรูเดินเข้าห้องสมุดใบหน้าคมนิ่งเฉยชา แต่ก็เรียกสายตาของทุกคนที่อยู่ในห้องสมุด ยกเว้นใครคนหนึ่งที่มัวแต่ก้มอ่านหนังสือ กวินเหลือบมองคนตัวขาวที่แสดงสีหน้าเปลี่ยนไปมาตลอด รอยยิ้มบางแต้มอยู่บนใบหน้าตลอดแต่เมื่อมีคนไปที่เคาน์เตอร์รอยยิ้มนั่นจะหายไปเหลือเพียงใบหน้าเรียบเฉย กวินแอบมองอยู่หลังชั้นหนังสือ มองเพลินจนมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสั่นเตือน  ข้อความจากเชษฐ์บอกว่าเขาได้เวลาที่ต้องไปงานต่อแล้ว  กวินหยิบหนังสือส่งๆสามสี่เล่มก่อนที่จะเดินไปหาร่างบางที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่จนเขาวางหนังสือแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว กวินเลยเคาะนิ้วลงบนเคาน์เตอร์สองสามทีก็ได้ผล ร่างขาวสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง มือเรียวขยับแว่นขึ้นอย่างตกใจ เปิดโอกาสให้กวินสำรวจใบหน้าขาวชัดๆ ดวงตากลมใต้แว่นหนาที่บังไปซะครึ่งหน้า ไหนจะเรียวปากบางชมพูระเรือที่อ้าปากค้างน้อยๆ จนแก้มขาวเริ่มแดงระเรื่อกวินก็รู้ว่าตัวเอง “เผลอ” จ้องนานไป

   “ยืมครับ”

   “อ้อ ครับ เอ๋ พี่เชษฐ์ไม่มาเหรอครับ” คิ้วหนากระตุกน้อยๆเมื่อทันทีแสกนบัตรคนตัวขาวถามหาเจ้าของบัตร

   “อยู่ข้างนอก” และก็เงียบพร้อมกับเสียงติ๊ดๆ ก่อนที่กล้าจะส่งหนังสือคืนให้

   “คืนวันศุกร์หน้านะครับ” กวินมองหน้าคนที่พยายามก้มหน้าก้มตาแวบหนึ่งแล้วค่อยหอบเอาหนังสือที่คนตัวโตคงรู้ดีว่าไม่มีทางอ่านแน่ๆ

   กวินเดินออกมาด้านนอกซึ่งเจ้าเชษฐ์รออยู่แล้ว พอเห็นนายออกมาก็รีบเปิดประตูรถให้ กวินขึ้นรถวางหนังสือที่หยิบมั่วๆวางอยู่ข้างกาย มือขยับรูดไทลงปลดกระดุมเม็ดบนนั่งมองหนังสือสี่เล่มไม่พูดอะไร 

   เชษฐ์เหลือบมองกระจกเห็นนายนั่งมองหนังสือนิ่งๆและที่แปลกใจที่สุดคือรอยยิ้มบางๆนั่น นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจ้านายของเขาอารมณ์ดี

   “เจ้านายจะไปไหนต่อไหมครับ”

   “กลับบ้าน” เชษฐ์พยักหน้าแล้วหมุนพวงมาลัยตรงกลับบ้านเจ้านาย จนรถจอดหน้าบ้านหลังใหญ่แต่มีเพียงความเงียบเหงาในบ้าน กวินเดินถือหนังสือเข้าบ้านตอนนี้แม่บ้านก็แยกย้ายไปพักผ่อน ไอ้เชษฐ์บ้านก็อยู่ในรั้วเดียวกันเพราะเขาและมันโตมาด้วยกัน กวินวางหนังสือไวที่หัวเตียงก่อนที่จะไปอาบน้ำเพื่อเตรียมพักผ่อน จริงๆแล้ววันนี้เขาต้องไปงานต่อแต่หากได้ยินลูกน้องตัวดีที่ทำเกินหน้าที่ เรียกน้องอย่างนั้นน้องอย่างนี้อยู่ได้ มันน่ารำคาญจริงๆ
   กวินเอนตัวนอนเหลือบมองหนังสือนิ่งแล้วยกลงมาไว้บนเตียงก่อนที่จะหลับไป นี่คงเป็นคืนที่เขาหลับได้สนิท

   “กล้า พี่ชายคนใหม่นายไปไหน” กล้าได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้

   “หายไปจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว” เขานับวันหลังจากวันล่าสุดที่เอาเค้กมาให้และมีเพื่อนพี่เชษฐ์มายืมหนังสือพี่เชษฐ์ก็หายไป  ขนมหวานของเขาก็หายไปด้วย

   “เหงาล่ะสิ” ผมพยักหน้า ยอมรับว่าพี่เชษฐ์เป็นคนที่สี่ที่เข้ามาในชีวิตและเขาเองก็เปิดรับ พี่เชษฐ์เป็นพี่ชายที่เขาไม่เคยมี

   “ก็นิดหน่อย เอมวันนี้กลับบ้านเร็วนิน่า” วันนี้เอมต้องไปบ้านคุณป้าเพื่อคุยเรื่องสั่งซื้อหนังสือใหม่

   “ใช่แล้วจ๊ะ ชวนไปก็ไม่ไปด้วย”

   “ไม่ล่ะเรายังอ่านหนังสือเล่มใหม่ไม่จบเลย อ้อนี่นะหนังสือที่เราลิสไว้ให้” ส่งกระดาษที่เขาจดรายชื้อหนังสือที่จะซื้อเข้ามาใหม่ 

   “งั้นเราไปก่อนนะ ถ้าไม่มีคนก็ปิดก่อนเวลาได้เลยนะ” ผมยิ้มให้เอม รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ทำ โบกมือลาชะเอมกลับมานั่งเฝ้าเคาน์เตอร์เพราะอยู่คนเดียวเลยต้องมีสติในการทำงานนิดหน่อย ใกล้ได้เวลาปิดห้องสมุดแล้วกล้าทยอยเก็บของเพราะวันนี้เขาจะเอาหนังสือกลับไปซ่อม

   ครืด

   เสียงประตูเลื่อนเรียกความสนใจของกล้าดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใส่สูทที่ดูเท่และน่าอิจฉามากในความคิดของกล้า เพื่อนของพี่เชษฐ์

   ตุบ

   “คืน”

   “อ้อครับ” กล้ารีบวางหนังสือแล้วไปทำเรื่องคืนให้คนตัวโต ส่วนคนที่เอาหนังสือมาคืนหมุนตัวไปตรงชั้นหนังสือเพื่อเลือกหนังสือ กล้าไม่รู้ตัวว่าเผลอมองคนที่เดินเลือกหนังสือ รู้ตัวอีกทีก็เผลอมองคนจำหน้าคนๆนี้ได้อย่างขึ้นใจ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เผลอสบตากับสายตาคมที่หันมามองพอดี  ไม่สิคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง ฟู่ว เผลอถอนหายใจยาว ยกมือทาบอกส่ายหน้าไล่ความคิดบ้าๆของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าท่าทางน่ารักๆนั่นถูกมองอยู่โดยสายตาคมที่แอบมองอยู่

   “อันนี้คืนวันศุกร์เหมือนเดิมนะครับ” กล้าอยากจะถามหาพี่ชายคนใหม่ตัวเองแต่แค่จะเงยหน้ามองเขายังรู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆเลย เลยได้แต่นั่งมือไม้สั่นจนเพื่อนพี่เชษฐ์เดินออกไป

   เฮ้อ.....

   ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆแบบนี้นะ คราวหน้าหวังว่าพี่เชษฐ์จะมานะ
   
   หลังจากวันนั้นพี่เชษฐ์ก็หายไปจนผ่านมาจะสองเดือนกว่าแล้วจะมีเปลี่ยนไปก็เพียงคนๆนั้นที่มายืมหนังสือทุกวันศุกร์เป็นเวลา 30 นาที และเป็นเวลาที่ผมเกิดอาการแปลกๆมือไม้สั่นตลอดเวลาที่คนๆนั้นอยู่ในห้องสมุด จนชะเอมสังเกตเห็นพยายามผลักดันให้ผมกล้าคุยมากกว่าการแจ้งเวลาคืนหนังสือ

   “ถามเรื่องพี่เชษฐ์ก็ได้น่า” นั่นสิ

   “อือ จะลองดูนะ” ผมรอจนกระทั่งถึงวันศุกร์และเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างผมเมื่อชะเอมหนีกลับไปทำธุระที่บ้านและคนๆนั้นก็มาในเวลาที่ใกล้จะปิดแล้ว พอวางหนังสือคืนเสร็จก็เดินไปเลือกหนังสือ ทำไมหนังสือเหมือนไม่ได้อ่านเลย ซักพักคนๆนั้นก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือ ที่เอ่อ ไม่เข้ากับคนที่ถือมาซะเลย หลังจากแจ้งกำหนดคืน เพื่อนพี่เชษฐ์ก็เดินเตรียมจะออกไปแล้ว จะไปแล้วนะกล้า ผมสูดหายใจลึกๆเพื่อเรียกความกล้า

   “ดะ......เดี๋ยวครับ” กล้ารีบเรียกคนที่กำลังจะเดินออกประตูไป คนตัวโตหยุดยืนนิ่งรอคนที่เรียกหยุดพูด

   “เอ่อ...อยากจะถามว่าพี่เชษฐ์หายไปไหนครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับคนที่แอบมองตลอดสองเดือนนอกจากคำพูดที่พูดประจำ

   “ทำไมเหรอ”

   “พี่เชษฐ์ไม่มานานแล้วนะครับ” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลงเรื่อยๆ เมื่อคนที่จะกลับเดินเข้ามาใกล้

   “ทำไม”

   “เอ่อ...”เหมือนคำพูดจะหายไป กล้ายกมือดันแว่นเพราะรู้สึกประหม่าเมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์เดินเข้ามาใกล้ จนเขาพูดอะไรไม่ออก  ฮือออออย่าเข้ามาใกล้นักสิ

   “ว่าไง”

   “ก็ไม่เจอนาน ผม...คิดถึง” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง ทำไมรู้สึกกดดันแบบนี้ล่ะ ยิ่งประหม่าผมยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอะไรมือไม้รู้สึกเก้งก้างจนได้แต่บีบไว้แน่น

   “อืม งั้นปิดห้องสมุด” ถ้อยคำสั้นๆ แต่เรียกความงงให้กับผมเต็มที่ พูดจบเพื่อนพี่เชษฐ์ก็เดินออกไป เอ...หมายความว่ายังไงอ่ะ   เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันเลยเวลาแล้วผมเลยรีบหอบเอาของใส่กระเปาเป้ใบใหญ่รีบปิดไฟเช็คทั้งหมดเรียบร้อยก็รีบปิดล็อกประตูด้านหน้า

   “เหวอ..” ผมตกใจแทบตายเมื่อหันกลับมาเพื่อนพี่เชษฐ์ก็มาอยู่ข้างหลัง ทำไมมาเงียบๆแบบนี้ มือขาวรีบยกมือทาบอกอย่างที่ชอบทำเวลาตกใจ

   “หึๆ มาสิ” ผมผงะเมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์ขยับเข้ามาจับต้นแขน เดี๋ยวสิ

   “ปล่อยนะครับ” ผมพยายามที่จะแกะมือใหญ่ที่กำรอบแขนแน่นจนรู้สึกเจ็บ ดึงผมไปที่รถคันสีดำแถมยังติดฟิล์มดำสนิท พอถึงรถเพื่อนพี่เชษฐ์ก็เปิดประตูดันหลังให้ผมเข้าไปในรถ

   “ดะ...เดี๋ยวสิจะพาผมไปไหน” เขาพยายามยื้อประตูรถไว้ ฮือออ ผมแค่ถามหาพี่เชษฐ์เองนะ

   “ขึ้นรถ” เสียงทุ้มพร้อมกับการขยับเข้ามาใกล้ จ..จะชิดเกินไปแล้วยิ่งผมช้าเพื่อนพี่เชษฐ์ยิ่งขยับเข้ามาใกล้จนผมกระโดดขึ้นทันทีพร้อมกับยกเป้มากอดแน่นพร้อมกับขยับชิดประตูรถอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์ขึ้นรถมา

   “สวัสดีน้องกล้า” เสียงคุ้นหูมาจากที่นั่งคนขับ

   “พี่เชษฐ์!!!” ผมเรียกพี่ชายพร้อมกับยิ้มกว้างจนลืมคนที่นั่งข้างๆ

   “ครับพี่เอง” พี่เชษฐ์ตอบกลับขณะที่จะออกรถ

   “พี่หายไปไหนมาครับตั้งสองเดือน” และผมก็ลืมคนที่นั่งข้างๆไปเรียบร้อยขยับเข้าไปใกล้เบาะหน้า

   “แหะๆ พี่ทำงานนะครับ ทำไมคิดถึงพี่เหรอ” น้ำเสียงติดจะร่าเริงของพี่เชษฐ์

   “อือ คิดถึงพี่”

   กร๊อบ

   เสียงคนข้างๆหักข้อนิ้วทำให้ทั้งผมกับพี่เชษฐ์เงียบไป เอ่อ ลืมไปเลย เมื่อนึกได้ผมก็ขยับกลับมานั่งที่เดิมทำตัวลีบๆเข้าไว้ พยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา

   “นายครับจะให้ไปส่งกล้าก่อนไหมครับ”

   “อืม” และคราวนี้ทั้งรถก็เงียบผมไม่กล้าที่จะชวนพี่เชษฐ์คุยอีกลเย คนที่ผมเข้าใจว่าเพื่อนกลับเป็นเจ้านายของพี่เชษฐ์แถมยังเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนมานั่งข้างๆ ทำไมใจผมถึงเต้นแรงแบบนี้นะ ทั้งรถเงียบจนกระทั่งมาถึงหน้าบ้าน

   เอ่อ

   “ขอบคุณครับพี่เชษฐ์ เอ่ ขอบคุณนะครับ” ยกมือไหว้พี่เชษฐ์แล้วก็คนข้างๆ ที่ผงกหัวยิ้มรับบางๆ แต่พอผมลงจากรถมายืนหน้าประตูรั้วที่ดูไม่น่าจะเป็นรั้ว เพื่อน ไม่สิ เจ้านายของพี่เชษฐ์ก็ลงมายืนข้างๆ

   “เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ” กล้าขยับถอยเข้าไปชิดประตูรั้ว

   “พี่ชื่อกวิน แล้วไม่คิดจะชวนเข้าไปกินน้ำหน่อยเหรอ” กวินมองคนตัวเล็กที่กอดกระเป๋าเอียงคอมองหน้าท่าทางน่ารักเป็นธรรมชาตินั้นทำให้เขามองไม่รู้เบือ

   “พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมน้องกล้า” ฝ่ายเชษฐ์เมื่อเห็นทั้งเจ้านายยืนนิ่งส่วนน้องชายเขาก็ยืนงง เห็นทีคนดีอย่างไอ้เชษฐ์ต้องช่วยเหลือนิดหน่อย น้องกล้าหันหน้ามามอง คิ้วเรียวขมวดนิดหน่อยก่อนที่จะไขประตูรั้วผุพังเข้าไปด้านในแม้ว่าภายนอกจะดูทรุดโทรมแต่สวนในตัวบ้านนั้นก็ไม่ได้ดูรกกลับกันมีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์

   “อ่า บ้านรกหน่อยนะครับ” กล้าพูดเสียงเบาก่อนที่จะไขกุญแจบ้าน เพราะบ้านเขาไม่ได้จัดมาสองวันแล้วแถมปกติก็ไม่มีแขกขนาดชะเอมยังนับครั้งที่ได้เข้าบ้านเขาเลย มือขาวค่อยๆเปิดประตูไม้บานเก่าแล้วเชิญแขกฉุกเฉินเข้าบ้าน

   “ห้องน้ำเดินตรงไปทางนั้นอยู่ขวามือนะครับ” กับพี่เชษฐ์เขาสามารถพูดได้ตามปกติแต่กลับใครอีกคน เขากลับหมุนตัวเดินหนีไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำมาให้



   กวินมองรอบๆ มันไม่ได้ดูรกอะไรเพียงแต่มันมีหนังสือในจำนวนที่......เรียกว่ามาก บ้านหลังนี้เหมือนเป็นห้องสมุดเล็กๆด้วยซ้ำ ทั่วทั้งห้องเล็กๆด้านล่างนี่มีเพียงโซฟานุ่มกับโต๊ะเล็กๆที่ตอนนี้เต็มไปด้วยหนังสือ คงเป็นคนที่ชอบอ่านจริงๆสินะ กวินนั่งลงตรงโซฟาพร้อมกับร่างเล็กที่ถือแก้วน้ำมาให้พร้อมกับนั่งลงตรงพื้นด้านล่างตรงข้ามกับโซฟา

   “เอ่อ...น้ำครับ” พอกับเขาล่ะไม่กล้าสบตา ทีกับไอ้เชษฐ์เดี๋ยวก็พี่แถมยังคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติ

   “จำฉันได้ไหมนอกจากเจอกันที่ห้องสมุด” พอถามไป เด็กนี่ก็เงยหน้ามองผมแล้วเอียงคอคิด เหมือนจะดูตกอยู่ในความคิดของตัวเองเมื่อทาทางคิดว่าเคยเห็นเขาตอนไหน

   “อ่าเคยเจอกันด้วยเหรอครับ” ไอ้ท่าทางที่ไม่กล้ามองหน้าพร้อมกับพูดเสียงเบามือดันแว่นหนาๆที่น่าจะจับโยนทิ้ง ท่าทางแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงหงุดหงิด แต่ทำไมพอเป็นเด็กคนนี้เขากลับมองว่ามันก็น่ารักดี

   “งั้นนายก็ไม่รู้จักฉัน” ก็คงไม่แปลกเพราะท่าทางคงจะจมอยู่กับหนังสือ ขนาดทีวีในห้องยังไม่มีเลย ถึงจะแปลกใจที่มีแค่คนตัวบางอยู่คนเดียว

   “เอ๋....คำถามนี้ คุณในตรอก??”

   “อืม ใช่”  นี่ไม่คิดที่จะจำเขาได้เลยเหรอ

   “แผล.......แผลตอนนั้นไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ” ใบหน้าใต้แว่นใหญ่ยอมที่จะเงยหน้ามามองผมสายตาที่ทอดผ่านฉายแวเป็นห่วงทำให้หัวใจของเขารู้สึกอุ่นขึ้นมาแปลกๆ

   “อืมดีขึ้นแล้วล่ะ” เพียงนั่งมองหน้าคนที่หันซ้ายหันขวาเหมือนอึดอัดที่นั่งเงียบๆด้วยกัน เชษฐ์มันคงไม่ออกมาจากห้องน้ำง่ายๆหรอกนะ

   “ชอบอ่านหนังสือมากเลยนะ” ผมชวนคุย

   “ใช่ครับ ทั้งชีวิตผมมีแค่หนังสือนี่ล่ะครับ” คำพูดแปลกๆชวนสะกิดใจแต่ผมก็เลือกที่จะชี้ถามเรื่องหนังสือและก็เป็นผลเมื่อกล้าเริ่มคุยอย่างสนุกสนาน ถามว่าผมจำเรื่องหนังสือที่กล้าเล่าได้ไหมบอกเลยว่าไม่ เพียงแต่มองสีหน้าสนุกเหมือนเด็กกำลังอวดของเล่นทำให้ผมเลือกที่จะเงียบฟัง ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่เรื่องจนเชษฐ์เดินออกมาจากห้องน้ำ (นึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว) ผมก็รู้เลยว่าได้เวลาที่ผมต้องกลับแล้ว

   “งั้นพี่กลับล่ะ” ผมบอกกับกล้าที่ทำตาปริบๆมือดันแว่นเรียวปากสวยยิ้มบางๆแล้วลุกขึ้นไปส่งพวกผมที่หน้าบ้านพอร่างบางล็อกประตูรั้วแล้วเดินกลับเข้าบ้านผมถึงสั่งให้เชษฐ์ออกรถ

   “นายคิดยังไงกันแน่ครับ” เชษฐ์ถามนายตัวเองเมื่อขับออกมาได้ซักพัก

   “เปล่านิ”

   “ถ้าเปล่าพรุ่งนี้ผมไปหาน้องนะครับ” เชษฐ์ยิ้มอย่างดีใจไม่ได้คุยกับน้องชายเลยนับตั้งแต่นายห้าม

   “ว่างสินะ งั้นแกไปดูงานที่เปิดใหม่ที่ชลนะ” เชษฐ์ได้แต่อ้าปากค้างอารมณ์ช็อคค้างขับรถกลับมาส่งนายถึงบ้านได้ยังไงก็ไม่ทราบได้

   นาย!!!!!!!!!!!

   อย่างนี้เค้าเรียกหวงก้างนะเว้ยนาย อยากจะตะคอกว่าแบบนั้นเหมือนกัน แต่นั่นเจ้านายไง

   แล้วก็ตอบเขาว่าเปล่า คอยดูเถอะ จะได้ตามติดชีวิตน้องกล้าผู้น่ารักของไอ้เชษฐ์แน่ๆ
*********************************************************
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ
เอ...น้องกล้ากับคุณกวินเป็นยังไงบ้างคะ
อ่านแล้วเป็นไงบ้าง
บอกเราด้วยนะ พลีสสส :monkeysad:
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ คุณ Billie คุณ darinsaya
โค้งให้งามๆ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
สุขสันต์วันวาเลนไทน์
 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
       ตุ๊บ
   ถุงพ
ลาสติกถุงใหญ่วางลงบนเคาน์เตอร์เรียกให้คนที่มัวก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าขาวที่มีแว่นปิดเสียครึ่งหน้าฉายแววแปลกใจ เรียวปากบางอ้าน้อยๆตากลมโตใต้แว่นเบิกกว้าง

   “อ่ะ”

   “เอ๋??” เสียงอุทานแปลกใจพร้อมกับหน้าขาวเอียงคอน้อยๆ ท่าทางที่แสดงออกทำให้คนที่แอบอู้งานแอบอมยิ้มในใจแม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ถ้าสังเกตเห็นแววตาพราวระยับ มองหน้าคนที่ยังอึ้งจนพอใจแล้วก็หมุนตัวเดินกลับออกจากห้องสมุดไป
 
   “เดี๋ยวนะกล้าเดี๋ยวนี้ก้าวหน้าอะไรแล้วทำไมไม่บอกเอมล่ะ” กล้าที่ยังนั่งอึ้งอยู่สะดุ้งเพราะชะเอมโผล่มากอดแขนเขาแน่นแถมยังเขย่ารัวๆอาการดูตื่นเต้นมาก

   “ปะ..เปล่าซักหน่อย”

   “แว่นน้อยของเอมเริ่มก้าวหน้าแล้วน้า” แก้มขาวๆถูกยืดออกเพราะความเอ็นดูของชะเอม พอปล่อยกล้ายกมือขึ้นนวด ปวดแก้มไปหมดแล้ว

   “ไม่ใช่ซักหน่อยคุณกวินเป็นเจ้านายของพี่เชษฐ์”กล้ารีบอธิบายให้เพื่อนสนิทฟังก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้

   “จ้าๆ ไหนดูชิมีอะไรบ้าง” ชะเอมชโงกหน้าเข้ามาดูในถุงขนม  พอเห็นข้างในเธอถึงคิดในใจว่าคุณกวินของแว่นน้อยทุ่มทุนจริงๆก็ขนมในถุงถึงจะไม่มีป้ายราคาแต่เธอก็จำแบรนด์ได้ แต่อย่างกล้าหรือจะรู้ ดูสิ นั่งอมยิ้มแก้มแดงมองขนนในถุง ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้นะเพื่อนรักของเธอ

   “เอาเข้าไปกินด้านหลังเธอจ๊ะแว่นน้อยแล้วนั่นแก้มแดงเชียวน้า” อดไม่ได้ที่จะแซ็วแว่นน้อยที่พอแซ็วแล้วยิ่งแก้มแดงกว่าเดิมซะอีก

   “อือ ขอบคุณนะเอม” กล้ารีบหอบถุงขนมเดินเข้าไปห้องพัก  ทันทีที่กล้าหายเข้าไปในห้องชะเอมก็ถอนหายใจ เพื่อนตัวน้อยใส่แว่นตาแถมยังซื่อแสนซื่อตากลมเหมือนหนูแฮมเตอร์จะสู้อะไรกับคุณกวิน   นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงกับแฮมเตอร์คิดว่าใครจะชนะกันล่ะ 

   คนที่หอบถุงขนมที่ไม่ได้กินมานานร่วมสองเดือน กล้ารีบหยิบเอาขนมออกจากถุงรู้สึกว่าจะมีแต่เค้กและคัพเค้กหน้าตาน่ารักจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เพียงแต่ที่กล้ามีมันยังเป็นหน้าจอขาวดำอยู่เลย

   “คุณกวินซื้อมาหรือพี่เชษฐ์ซื้อมาให้กันนะ”ไม่รู้ทำไมพอคิดว่าคุณกวินเป็นคนซื้อมาให้แล้วใจเขาเต้นรัวเหมือนได้หนังสือเล่มใหม่กันล่ะ มือเรียวยกขึ้นทาบตรงตำแหน่งที่หัวใจเต้นรัว นี่เขาต้องไปหาหมอไหม  กล้ากินขนมหวานที่คุณกวินจนหมด

   “กล้าวันศุกร์นี้เราไม่ได้มานะ” ชะเอมพูดเสียงอ่อย เธออยากอยู่ช่วยเพื่อนแต่ที่บ้านก็อยากให้เธอไปเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัว

   “อือไม่เป็นไร ที่บ้านยุ่งเหรอ” กล้าถามเพราะเป็นห่วง รู้ดีว่าชะเอมกับที่บ้านมีปัญหาที่ชะเอมไม่ยอมไปรับหน้าที่ต่อที่ธุรกิจที่บ้าน

   “ช่ายยย เอมอยากอยู่นี่มากกว่า อยู่บริษัทนะน่าเบื่อ” ขะเอมเอียงหัวไปซบไหล่กล้าอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะสุดท้ายเธอก็ต้องไปรับช่วงต่ออยู่ดี เธอบ่ายเบี่ยงมานานแล้ว

   “เราว่าเอมขี้เกียจมากกว่านะ”

   “แว่นน้อย!! กล้าว่าเราเหรอ”

   “โอ๊ยๆ เจ็บน้าเอม” กล้ารีบยกมือนวดแก้มเมื่อชะเอมบีบมาเต็มแรง ทำไมถึงได้ชอบบีบแก้มเขาจัง

   “หึ ใช่สิ ตอนนี้กล้ามีพี่เชษฐ์พี่ชายสุดที่รักแถมยังมี คุณก....อุ๊ฟ”

   “อย่าพูดนะเอม” กล้ารีบยกมือปิดปากสวยๆของเพื่อนไว้ แค่ได้ยินชื่อใจเขาก็เต้นรัวแล้ว ชะเอมมองล้อๆ กล้ารีบเอามือลงหันไปหยิบหนังสือมาอ่านทั้งๆที่มันไม่เข้าหัวเลยซักนิด ยังดีที่ชะเอมไม่ได้พูดแซ็วอะไรให้เขารู้สึกแปลกๆอีก 

   วันต่อๆมา คุณกวินก็เดินเข้ามาในห้องสมุดวางถุงขนมไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกไปยังไม่ทันที่จะได้ขอบคุณด้วยซ้ำ กล้าแอบอมยิ้มเมื่อได้เห็นคนที่เคยแอบมองทุกวันไม่ใช่เพียงแค่ 30 นาทีในวันศุกร์อีกต่อไป แย่หน่อยก็ตรงที่ความรู้สึกแปลกๆมันเพิ่มขึ้นทุกวัน จนวันศุกร์วันนี้มีเพียงคนตัวขาวอยู่คนเดียวแต่แปลกเมื่อวันนี้ไม่เห็นคุณกวิน

   “หรือวันนี้ไม่มาน้า” กล้าบ่นกับตัวเองเมื่อได้เวลาปิดห้องสมุดยังคนที่รอก็ยังไม่มา เห็นทีวันนี้คงไม่ได้ทั้งขนมและไม่ได้เจอหน้า ก่อนหน้านี้รอคอยเพียงวันศุกร์แต่พอได้มาเจอทุกวันพอไม่เจอกลับรู้สึกไม่พอใจ ทำไมเป็นคนโลภมากอย่างนี้นะ กล้าได้ว่าตัวเองในใจก่อนที่รีบปิดห้องสมุดเพราะมัวแต่คิดไปเรื่อยจนเลยเวลา

   “อ๊ะ” กล้าอุทานตกใจเมื่อปิดร้านเสร็จเดินออกมาก็เห็นคนที่รอยืนกอดอกพิงรถด้วยท่วงท่าสบาย แต่ทำไมพอกล้าเห็นท่าทางแบบนี้แล้วกลับรู้สึกร้อนที่หน้า

   “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ไม่รู้ว่าคุณกวินถามที่ว่าเรียบร้อยคืออะไรแต่กล้าก็พยักหน้างงๆแล้วก็ต้องผงะเมื่อกวินเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งเอาของที่หอบอยู่ไปถือให้

   “เอ๋..เดี๋ยวสิครับ”กล้ารีบเดินตามคุณกวินที่พอแย่งของไปถือก็เดินลิ่วไปที่รถแล้วก็โยนของเขาเข้าไปในรถ

   “ขึ้นสิ” กวินเปิดประตูแถมยังยืนรอให้กล้าขึ้นรถ

   “จะไปส่งผมเหรอครับ”

   “ใช่ขึ้นรถสิ” ถึงจะแปลกใจแต่กล้าก็ก้าวขึ้นรถกวินปิดประตูรถแล้วเดินมาขึ้นรถ พอกวินขึ้นรถมากล้ายิ่งรู้สึกเกร็งหนักขึ้นนั่งตัวลีบติดเบาะ ขนาดหายใจยังทำเบาๆเลย

   “เกร็งเหรอ”   

   “เอ่อครับ” เพราะเป็นคนที่โกหกไม่เป็นเมื่อถูกถามกล้าก็ตอบไปตามตรง และคำตอบซื่อๆก็ทำให้ใบหน้าเข้มมีรอยยิ้มมุมปาก และก็เงียบมาตลอดทางจนถึงบ้านของกล้า เมื่อรถจอดสนิทกล้าปลดเข็มขัดแต่ก็ลงไม่ได้เมื่ออีกคนยังไม่ได้ปลดล็อกประตู

   “ขอบคุณนะครับคุณกวิน” กล้ายกมือไหว้ขอบคุณ

   “ไม่เป็นไร พี่ลืมถามกล้ากินอะไรหรือยัง”

   “ยังครับ”

   “ถ้างั้น.....กล้าไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหมครับ” ฮืออออ ทำไมต้องยื่นหน้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยล่ะ  กล้าขยับตัวชิดประตูรถ

   “แต่ถึงบ้านผมแล้วนะครับ” กล้าก้มหน้าหลบสายตาคมที่ทำให้ใจเขาเต้นหนัก นี่เขาเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าเนี้ย

   “ไปได้ครับ เดี๋ยวพี่กลับมาส่ง ไปทานข้าวกับพี่หน่อย...นะครับ”  แย่แล้ว ตอนนี้หัวใจของเขาแย่จริงๆเต้นรัวยิ่งกว่าตอนได้หนังสือที่อยากได้ซะอีก เต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นมาทาบไว้กลัวว่ามันจะเต้นทะลุออกมานอกอก

   “กะ..ก็ได้ครับ” กล้ารีบตอบรับเพราะรับมือกับคนตรงหน้าไม่ถูก

   “ดีมากเด็กดี” มือใหญ่ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มอย่างที่คิดไว้ ก่อนที่จะหันไปขับรถปล่อยให้คนที่โดนรุกได้หายใจหายคอเสียบ้าง
   กล้ายกมือขึ้นลูบผมใบหน้าก้มตำจนจะชิดอกในหูมีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นดังก้องคิ้วเรียวขมวดอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง แถมอาการร้อนที่หน้าอีกกล้ายกมือกุมแก้มตัวเองไว้แถมยังส่ายหน้าเบาๆ ท่าทางน่ารักๆถูกมองตลอดโดยคนที่ทำเนียนชวนมากินข้าว

   รถหรูสีดำจอดที่ร้านอาหารที่บรรยากาศอบอุ่นที่ดูเหมือนว่ากล้าจะชอบกับบรรยากาศแบบนี้เมื่อลงมายืนข้างๆรถ ตากลมใต้แว่นมองไปทั่วบริเวณ น้อยครั้งที่กล้าจะออกมาข้างนอกถ้าหากไม่โดนชะเอมลากออกมา

   “เข้าไปข้างในกันเถอะ” กวินเดินมาหาคนที่ยังมัวแต่มองรอบๆพร้อมกับมือใหญ่ที่แนบหลังบาง แต่คนที่มัวสนใจสถานที่ไม่ได้สนใจเลยว่าโดนร่าสูงแอบแตะตัวเนียนๆ

   “สวัสดีครับ ได้จองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับ” พนักงานรีบเดินมาต้อนรับ

   “จองไว้ ชื่อกวิน” พอได้ยินชื่อของคนตรงหน้าพนักงานรีบเชิญไปที่โต๊ะวีไอพีเพราะเจ้านายได้กำชับเกี่ยวกับลูกค้าวีไอพีท่านนี้ กวินแตะเอวพาคนที่มัวสนใจร้านให้เดินตามไปที่จองไว้ โต๊ะส่วนตัวที่ถูกจัดไว้ที่สวนที่ร้านทั้งสวนถูกตกแต่งด้วยไฟสีส้มให้บรรยากาศดูอบอุ่น กวินหันมามองคนที่มัวแต่ตกหลุมรักบรรยากาศตากลมโตมองรอบๆอย่างสนใจ อยากจะปล่อยให้มองต่ออยู่หรอกนะเพราะท่าทางมีความสุขแต่ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ได้กินข้าวกันพอดี กวินเลื่อนเก้าอี้แล้วดันหลังน้องให้นั่งลง

   “ชอบรึเปล่า” กวินถาม

   “ครับชอบมาก” เหมือนจะชอบมากจริงๆในเมื่อใบหน้าขาวประดับด้วยรอยยิ้มกว้างที่มอบให้ กวินมองรอยยิ้มกว้างนั่นด้วยใจที่เต้นแรง คิดถูกที่โทรหาเพื่อนสนิทให้จัดโต๊ะพิเศษให้ นั่งรอไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ พอเห็นอาหารเต็มโต๊ะ รอยยิ้มหวานก็มีให้เห็นตลอด

   “น่าทานจัง” ท่าทางเหมือนเด็กๆ ดวงตากลมใต้แว่นมีประกายระยิบระยับ

   “ทานสิ” กวินว่าพร้อมกับตักเนื้อกุ้งใส่จาน

   “ขอบคุณครับ” มองดูกล้าที่เอ่ยคำขอบคุณโดยไม่สบตา เห็นเพียงปลายหูที่แดงระเรื่อนั่นกวินก็ยิ้มพอใจ

   เพราะบรรยากาศดีๆกับอาหารอร่อยทำให้กล้าคุยกับกวินอย่างไม่เขินอายแถมยังโปรยยิ้มกว้างให้คนพามาอิ่มรอยยิ้มหวานไปนานแน่ๆ หลังจากที่อิ่มกันเรียบร้อยกวินก็เดินโอบเอวบางเดินออกจากร้านท่ามกลางสายตาสงสัยของสาวๆที่รู้จักกับกวิน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ได้รับตำแหน่งผู้ชายสุดฮอตอันดับหนึ่งในแวดวงธุรกิจ ท่ามกลางสายตาสงสัยและอิจฉาของสาวๆหนุ่มๆ สองคนที่ถูกจับจ้องกลับมีแต่รอยยิ้ม


   ชะเอมได้แต่จ้องซ้าย จ้องขวา เอียงหนังสือพิมพ์ซ้ายเอียงขวา แทบจะตีลังกาดูเมื่อข่าวซุบซิบวงการธุรกิจภาพถ่ายด้านหลังของคนคู่หนึ่ง ผู้ชายตัวสูงเธอไม่แปลกใจเพราะเสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งที่เห็นนั้นเธอฟันธงได้เลยว่าเป็นคุณกวิน แต่ผู้ชายตัวเล็กที่มองไม่เห็นหน้าเธอคุ้นตาเหลือเกิน แว่นน้อย!! แว่นน้อยของเธอ ตายแล้วววว ชะเอมได้แต่กรีดร้องในใจ แว่นน้อยเธอโดนล่อลวง!!

   “กล้า!!!” ชะเอมที่ถือนิตยสารก้าวฉับๆพร้อมกับเรียกกล้าเสียงดัง

   “ชู่วว”กล้ารีบห้ามเพราะมันเสียงดังเกินไปในห้องสมุด สาวสวยรีบยกมือไหว้ขอโทษคนที่อยู่ในห้องสมุดแล้วขยับเดินเข้ามานั่งชิด

   “กล้าบอกเรามาเลยนะ นี่แอบไปกินข้าวกับคุณกวินตอนไหน”

   “เอมรู้ได้ไงอ่ะ” กล้าตาโต เพื่อนสนิทเธอรู้ได้ยังไง

   “นี่ไง” เอมรีบเปิดหน้าข่าวซุบซิบให้กล้าดู ที่พออ่านไปเรื่อยๆตาโตเป็นปลาทองหน้าแดงไปหมด

   “ปะ..เป็นข่าวได้ยังไงกัน”

   “เพราะคุณกวินของกล้าไง” เอมได้แต่ส่ายหัวเพราะกล้าคงไม่รู้หรอกว่าคุณกวินนั่นนะดังแค่ไหน

   “ของเราอะไรกันล่ะเอม” กล้าตาโต คุณกวินไม่ใช่ของเขาซักหน่อย

   “จ้าๆ ทำหน้าตาน่ารักอีกแล้วนะ คุณกวินของกล้านะ....” ชะเอมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจะร่ายประวัติให้กล้าฟังต้องหยุดชะงักเมื่อกล้ายกมือปิดหู

   “เราอยาก..รู้จักแค่คุณกวินที่เป็นเจ้านายพี่เชษฐ์แค่นั้น”กล้าไม่อยากรู้จักคุณกวินในส่วนอื่นๆเป็นแค่คุณกวินเจ้านายของพี่เชษฐ์แค่นั้น ยิ่งพูดกล้ายิ่งก้มหน้าลงเพราะรู้สึกเขิน

   “จ้าๆ” ชะเอมอยากจะล้อต่อแต่กลัวว่าเพื่อนเธอจะม้วนลงไปกองกับพื้นไปเสียก่อน

   หลังจากนั้นกล้าก็ตั้งหน้าตั้งอ่านคอลัมน์นั้น ยิ่งอ่านผิวขาวๆเริ่มเปลี่ยนสีแดงขึ้นๆจนคิดว่ามีใครมาสาดสีใส่ ก็จะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไงก็ในเมื่อพาดหัวก็บอกว่าคุณกวินเปิดตัวหวานใจ ยิ่งดูภาพประกอบแล้วกล้ารู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายได้แต่ฟุบหน้าลงกับเคาน์เตอร์

   “เป็นอะไรรึเปล่า”

   “ค..คุณกวิน” กวินแปลกใจเมื่อใบหน้าที่เงยขึ้นมาแดงระเรื่อ

   “เป็นอะไรหรือเปล่า หรือไม่สบาย” มือใหญ่เอื้อมมาแตะหน้าผากคิ้วหนาขมวดแน่นทำไมถึงหน้าแดงขึ้นกว่าเดิมล่ะ

   “ปะ..เปล่าครับ ทำไมถึงมาช่วงนี้ได้ครับ” กล้าเหลือบมองนาฬิกาเมื่อมันไม่ใช่เวลาปกติ

   “เป็นห่วงพอดีพี่เห็นข่าวแล้ว”

   “ไม่ใช่พี่ต้องการให้เป็นข่าวเหรอคะ” เสียงหวานๆที่ติดจะห้วนๆหน่อยของชะเอมที่เดินออกมาจากห้องพัก กล้าได้แต่มองหน้าทั้งสองคนสลับไปมาเมื่อทั้งคุณกวินและชะเอมต่างจ้องหน้ากันนิ่ง

   “สวัสดีชะเอม”

   “ค่ะพี่กวิน”  ทำไมเหมือนเห็นประกายไฟระหว่างสองคนนี้ กล้าได้แต่หันมองคนทั้งคู่ไปมาพร้อมกับคำถามมากมายในหัว สองคนนี้สนิทกันเหรอ??

*************************************************************
อ๋อย หมดพลังงานชีวิตกว่าจะป่ันออกมาตอนนี้
เจ็บคอมากมาย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์
ขอบคุณ คุณ warin  คุณsirin_chadada
และคุณ Billie ขาประจำ สำหรับคอมเม้นต์นะคะ //โค้งงามๆ
อ่านแล้วเป็นไงบอกด้วยนะคะ
รัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
         กล้ามองหน้าชะเอมที คุณกวินทีทั้งสองคนยังยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร จนชะเอมเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับคว้าแขนเขากอดซ้ำยังเอียงหัวซบไหล่อีกต่างหาก

   “พี่กวินมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้เหรอคะ” ชะเอมมองคนที่ตอนนี้ยืนพิงเคาน์เตอร์ท่าทางสบายๆ เป็น CEOไม่ใช่เหรอทำไมถึงดูว่างงานอย่างนี้ล่ะ

   “ฉันเป็นห่วงกล้า” หนอยย อย่ามาทำหยอดคำหวานกับแว่นน้อยของเธอนะ

   “ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วค่ะ เอมจะดูแลแว่นน้อยเอง”

   “หึ ตกลงต้องการอะไรกันแน่ชะเอม” น้ำเสียงจริงจังทำให้เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มที่จะจริงจังแล้ว

   “เอมต่างหากที่ต้องถามพี่กวิน แว่นน้อยปิดหูก่อนเร็ว” เธอปล่อยแขนเรียวนั่นออกแล้วจับมือทั้งสองข้างปิดหูให้เสร็จสรรพ ถึงจะดูงงๆแต่กล้าก็ยอมยกมือปิดหูเธอเลยบีบแก้มที่เริ่มมีหลังจากที่โดนอ่อยด้วยของหวานจนแก้มน่าบีบขึ้นเยอะเลย

   “พี่คิดยังไงกับแว่นน้อยของเอมกันแน่คะ” เธอกอดอกทำท่าจริงจัง

   “แว่นน้อย??” กวินไม่ตอบคำถามแต่กลับยิ้มกว้างกับคำเรียกหาของเพื่อนสนิทแต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังของชะเอมเลยเลือกที่จะตอบ

   “ยังไม่ได้คิดอะไร” กวินบอกไปตามตรง ยอมรับว่าตอนนี้เขาเพียงสนใจคนที่ช่วยเหลือเขาโดยบังเอิญแถมยังใสซื่อ  ก็ดูตอนนี้สิยังปิดหูตามที่เพื่อนบอกแถมยังทำหน้างงๆอีก

   “งั้นถ้าเอมบอกไม่ให้พี่มายุ่งกับกล้าล่ะ” เธอไม่เข้าใจคนที่มากด้วยเสน่ห์มายุ่งอะไรกับเพื่อนเธอ ทีแรกที่ไม่พูดเพราะคิดว่ามันคงจะจบตั้งแต่ที่พี่เชษฐ์หายไป

   “เราไม่มีสิทธิมาบอกพี่หรอกนะ” กวินคิดอย่างย่ามใจ กับชะเอมเขาพึ่งได้รู้จักในฐานะคนที่กำลังจะสืบทอดธุรกิจของครอบครัว

   “ใช่ค่ะเอมไม่มีสิทธิที่จะบอกพี่ แต่กับ....” เธอเหลือบมองเพื่อนสนิทแสนชื่อ “พี่กวินคิดว่ากล้าจะเชื่อใคร เอมไม่อยากให้กล้าเสียใจ ตอนนี้กล้าเปิดใจรับทั้งพี่และพี่เชษฐ์แล้วแค่พี่เชษฐ์หายไป กล้าก็หงอยแล้ว” กว่าที่เธอจะเป็นเพื่อนสนิทกับกล้าได้กว่าที่กล้าจะเปิดใจให้เธอคิดว่ามันง่ายหรือไง เธอไม่อยากให้เพื่อนที่แสนดีของเธอเสียใจอีกแล้ว

   กวินนิ่งเงียบเมื่อเห็นสายตาจริงจัง แม้จะบอกว่ายังไม่คิดอะไรแต่ความรู้สึกของเขามันก็มากกว่าคำว่าต้องตอบแทน มากกว่าความสนใจเขาหันไปสบตากับคนที่ยังนั่งปิดหูเอียงหน้ามองเขางงๆ ก่อนที่จะยกยิ้ม เรื่องบางเรื่องไม่ต้องค้นหาแต่ต้องปล่อยให้มันชัดเจน

   “พี่ขอปฏิเสธและพี่ก็ไม่ยอมถอยด้วย” กวินยืนยันกับสิ่งที่ตัวเองพึ่งตัดสินใจ สบตากับชะเอม ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีคนเข้ามายืมหนังสือไม่อย่างนั้นเขาคงโดนด่าไปแล้ว
 
   “เอาเถอะเอมก็พอเดาได้” เธอถอนหายใจ ก่อนที่จะหันไปหาเพื่อนที่ตอนนี้ยังปิดหูอยู่เธอเลยดึงมือออก

   “อ่าวเสร็จแล้วเหรอ”

   “จ้า จริงสิกล้าเราลืมบอกว่าจะปิดห้องสมุดสามวันนะ พอดีที่บ้านจะไปทำธุระคุณป้าก็ไปด้วยเลยให้กล้าหยุดพักด้วย” เธอลืมเพราะดันไปเห็นข่าวซุบซิบนี่ก่อน

   “อ่าวเหรอ อืมๆ งั้นเราขอยืมหนังสือเรื่องใหม่กลับบ้านนะ” กล้าทำตาเป็นประกาย หยุดสามวันเท่ากับเขาจะได้อ่านหนังสือที่กองไว้ที่บ้านให้หมดซักที

   “จ้าๆ แต่อย่าย่าอ่านหนังสือจนไม่กินข้าวล่ะ กลับมาถ้าแก้มหายเราจะลงโทษ” ชะเอมอดใจไม่ได้ที่จะดึงแก้มป่องๆนั่นออก

   “อือ สัญญา” กล้ารีบรับคำเมื่อแก้มโดนปล่อยเขายกมือขึ้นนวดแก้มที่แดงเบาๆ

   “แดงหมดแล้ว” กล้าสะดุ้งเมื่อคนที่ยังยืนนิ่งๆเอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มเขาเบาๆ ใจดวงน้อยเต้นแรงหน้าร้อนฉ่า

   “โอ๊ยยยร้อนนนน ร้อนจังเลยค่า”เอมทำท่าโบกไม้โบกมือพัดที่หน้า

   “หึ พี่กลับก่อนนะครับ เจอกันตอนเย็นนะ....แว่นน้อย” กวินลูบแก้มนิ่มเบาๆก่อนที่จะผละออกด้วยความเสียดาย  แล้วเดินออกจากห้องสมุด

   “แว่นน้อยของชะเอม หน้าแดงไปหมดแล้ว” เธอดึงตัวกล้ามากอดฟัด

   “คิกๆ จักกะจี้นะเอม”

   “นี่เคยกลับกับพี่กวินแล้วสินะ” ชะเอมถามกล้าที่ยังกุมเอวแน่น กล้าพยักหน้ารับ ชะเอมได้แต่ถอนหายใจพี่กวินเอาจริงสินะ แว่นน้อยของเธอรู้หรือเปล่าว่าโดนจีบอยู่ หันไปมองคนที่หันไปอ่านหนังสือไม่สนใจโลก ชะเอมไม่รู้ว่าจะสงสารคนจีบหรือคนโดนจีบดี



   กล้าวันนี้ก็ปิดห้องสมุดคนเดียวเพราะชะเอมกลับบ้านตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ๆแล้ว กล้าหอบลังกระดาษใหญ่ที่บรรจุไปด้วยหนังสือเล่มใหม่ที่สบโอกาสกับวันหยุดกล้าจะได้กลิ้งนอนอ่านหนังสือที่บ้าน

   “เสร็จแล้วใช่ไหม” กวินถามเมื่อเดินมาชิดตัวคนที่ยังก้มปิดประตูเหล็กด้านหน้า ที่พอทักก็สะดุ้งสุดตัวหันมาทำหน้าตาตื่นใส่อีก

   “อ่า...เสร็จแล้วครับ” กล้ารีบบอกพร้อมกับก้มลงจะยกลังหนังสือแต่ก็ช้ากว่าคนที่มารอรับ

   “พี่ถือเอง กล้าเปิดรถให้พี่ที” กวินส่งกุญแจให้คนข้างเร็วๆเพราะลังหนังสือมันหนักจริงๆ  กล้ารีบกดเปิดแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ กวินเอาลังหนังสือไปเก็บพร้อมกับถามอย่างสงสัย

   “ถ้าปกติเอากลับยังไงครับ” กวินถามพร้อมกับเปิดประตูให้ กล้าทำหน้านึกพร้อมกับเข้าไปนั่ง

   “ค่อยๆถือกลับครับ” กล้าหันไปตอบ ถึงจะหนักหน่อย เดินกลับบ้านถึงช้าหน่อยแต่ก็ถึงบ้านล่ะนะ กวินพยักหน้ารับคงจะค่อยๆแบกกลับบ้านสินะ

   “พรุ่งนี้หยุดกล้าจะทำอะไรเหรอ” กวินหันไปถามทั้งๆที่เดาคำตอบได้แล้ว

   “อ่านหนังสือครับ” ผิดอย่างที่กวินเดาไว้ไหม แต่ถ้าหากห้องสมุดหยุดสามวันกวินก็ไม่มีข้ออ้างมาเจอแล้วสิ หัวสมองนักธุรกิจกำลังหาทางแก้ปัญหา นิ้วยาวเคาะที่พวงมาลัยคิ้วเข้มขมวดแน่น หากเชษฐ์มาเห็นคงบอกว่ากับงานจริงจังแบบนี้ไหมเจ้านาย จนรถมาจอดหน้าบ้านกล้าแล้วกวินก็ยังคิด

   “เอ่อ คุณกวินครับถึงบ้านผมแล้วครับ” กล้าเรียกคนที่ทำหน้าคิดมากจนทำให้กล้ารู้สึกกังวลตาม

   “อ้อ ลงเถอะเดี๋ยวพี่ยกหนังสือเข้าไปให้” กวินได้สติบอกกล้าให้ไปเปิดประตูรถลงไปเปิดบ้านให้ส่วนเขาก็เดินไปยกลังเดินตามกล้าเข้าไปในบ้าน

   “ขอบคุณนะครับคุณกวิน” กล้ายกมือไหว้ขอบคุณกวินที่ยังยืนนิ่งอยู่กลางบ้านแถมยังมีทีท่าว่าจะไม่ยอมกลับ

   “เมื่อไหร่จะเรียกพี่ว่าพี่” กวินขยับเข้าไปชิด มองคนที่กระโดดหนีขยับถอยห่าง

   “อ่า...เรียกคุณก็ดีแล้วนิครับ”

   “ทีกับเชษฐ์ยังเรียกว่าพี่เลย แล้วพี่ล่ะ” กวินขยับเข้าไปกดดันท่าทางที่เหลือบซ้ายมองขวาหาที่หนีทั้งๆนี่เป็นบ้านตัวเอง

   “ก็.....ก็.....ก็ยังไม่สนิทกันนิครับ” กล้าบอกเสียงเบา ไม่อยากบอกว่าแท้ที่จริงที่ไม่เรียกว่าพี่นั่นมีเหตุผลอะไรอยู่ มันน่าอายจะตายไป

   “แล้วพี่ต้องทำยังไงถึงจะสนิทกันล่ะครับ” กวินถามรู้สึกสนุกเมื่อเห็นอาการก้มหน้าหลบหน้าหลบตา แถมยังแก้มแดงระเรือที่อยากเข้าไปสัมผัสอีกครั้ง

   “เอ่อ....ไม่ต้องทำอะไรครับ ดึกแล้วคุณกวินกลับเถอะครับ” ยังมีการมาไล่เขาอีกทั้งๆที่ไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ

   “อ่า พี่เหนื่อยจัง ง่วงมากด้วยขอพี่นอนพักได้ไหม” พอได้ยินผมพูดว่าเหนื่อยกล้าก็ทำหน้าตาตื่นรีบดึงข้อมือผมให้ไปนั่งที่โซฟาแล้วรีบเดินหายไปในครัวแล้วออกมาพร้อมกับแก้วน้ำ

   “เอ่อ คุณกวินพักให้หายง่วงก่อนก็ได้นะครับ” กวินลอบยิ้มกับท่าทางเป็นห่วง เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่ใจดีแถมยังขี้ใจอ่อนอีกด้วย กวินนั่งจิบน้ำในขณะที่กล้าวิ่งขึ้นชั้นสอง มือใหญ่กดโทรศัพท์กดเบอร์หาคนสนิท

   “(นายยยยย นายหายไปไหน)” ยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้ลูกน้องคนสนิทก็โวยวายจนต้องยืดโทรศัพท์ออกจากหู ให้ตายเถอะทำไมเป็นคนขี้โวยวายแบบนี้นะ

   “วันนี้ฉันไม่กลับบ้าน” กวินบอกแล้วก็ตัดสายทันทีไม่อยากที่จะให้ไอ้ลูกน้องกิตติมาศักดิ์มาซักไซ้แค่ทุกวันนี้ก็เหมือนจะเป็นพ่อคนที่สองของเขาขึ้นไปทุกที นั่งรอไม่นานกล้าในชุดนอนลายน่ารักก็เดินลงมาพร้อมกับผ้าขนหนูในมือ

   “อ่า..คุณกวินไปล้างหน้าก่อนก็ได้นะครับ” กล้าส่งผ้าขนหนูที่ตั้งใจถือลงมาให้กวินตอนนี้ก็จะสี่ทุ่มแล้ว เขาอยากไม่อยากให้มีคนอยู่กับเขาเลยแต่กลับคนๆนี้ คนที่เฝ้าแอบมองมาตลอดแถมยังได้คุยกัน นั่นทำให้ในหัวเขาตีกันจะแย่อยู่แล้ว

   “ขอบคุณครับ ว่าแต่พี่จะพักที่นี่ได้ไหมครับ” กวินจับมือที่ส่งผ้าขนหนูให้พร้อมกับช้อนตามองคนที่ยืนอยู่ กล้าหน้าร้อนฉ่าเมื่อสบสายตาคมใจเต้นรัวซะจนกลัวอีกคนได้ยิน กล้าพยักหน้าเบาๆ

   “ดะ..เดี๋ยวผมขึ้นไปเตรียมห้องให้นะครับ” กล้ารีบดึงมือออกแล้ววิ่งหนีขึ้นชั้นบนไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มกว้างของคนที่ทำเนียนขอนอนกวินรู้ดีว่าคนตัวขาวนั้นใจอ่อน นั่นรออีกนานก่อนที่กล้าจะเรียกให้เขาขึ้นไปข้างบน เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นมาแม้ว่าสภาพภายนอกจะดูทรุดโทรมแต่ภายในก็ยังดูสภาพดี

   “พักห้องนี้นะครับ อาจจะเล็กไปหน่อยนะครับ” กล้าบอกเพราะห้องที่ให้เข้าไปพักนั่นเป็นห้องของกล้าเอง

   “นี่..ห้องเราใช่ไหม” กวินมองดูรอบๆก็รู้แล้ว แต่ที่เขาสงสัยว่ากล้าจะนอนไหน

   “ครับ เดี๋ยวกล้าไปนอนอีกห้องเอง”

   “พี่ไปนอนอีกห้องให้ก็ได้นะครับ” จริงอยู่ที่เขารุกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรุกจนเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของกล้า

   “ห้องนั้นไม่ได้ครับ” กล้าก้มหน้าบอกเสียงเบา ห้องนั้นเขาแทบจะปิดตายไปแล้วด้วยซ้ำ กล้ารู้สึกแปลกใจกับตัวเองด้วยซ้ำที่ยอมให้คุณกวินมาพักมันไม่ใช่ความใจอ่อนของเขา มันเพราะอะไรกล้าเองก็ไม่อยากคิดหาคำตอบในตอนนี้

   “งั้นก็ขอบคุณครับ” กวินส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้คนใจดีเขินเล่นใจเต้นแรง ก่อนที่จะรีบพูด

   “คุณกวินห้องน้ำใช่ได้เลยนะครับ แล้วก็ราตรีสวัสดิ์ครับ” กล้าพูดจบก็วิ่งหนีเข้าห้องที่อยู่เยื้องถัดไป กวินเดินเข้าห้องน้ำ พอเข้าไปก็แปลกใจเมื่อมีทั้งชุดนอนและแปลงสีฟันอันใหม่เตรียมพร้อมให้เสร็จสรรพถึงจะแปลกใจที่กล้ามีชุดนอนไซส์เขา อาบน้ำเสร็จกวินก็เดินเข้าห้องที่เขาจะนอนคืนนี้ ห้องเล็กๆที่มีตียงขนาดหกฟุตภายในห้องไม่ได้มีของตกแต่งอะไรมากเพียงแต่มีชั้นหนังสืออยู่เต็มห้อง ขายาวก้าวไปนั่งที่เตียงขาวแล้วล้มตัวลงนอนกลิ่นหอมๆที่คงไม่ต่างจากเจ้าของห้อง คืนนั้นกวินนอนหลับสนิทในรอบหลายปี ส่วนเจ้าของห้องก็นอนหลับสนิททันทีที่นอนเพราะหัวใจทำงานหนัก

   กล้าตื่นมาแต่เช้าพยายามทำทุกอย่างเงียบๆปิดประตูบ้านแล้วเดินไปที่หน้าปากซอย ปกติแล้วเขาจะไม่ออกจากบ้านแต่เมื่อมีคนที่มาค้างด้วยและที่บ้านไม่มีอะไรในตู้เย็นเลย กล้าเดินหิ้วถุงน้ำเต้าหูเข้าบ้านที่ยังคงเงียบสงบ ท่าทางคุณกวินจะเหนื่อยอย่างที่บอกคงยังไม่ตื่นสินะ วางของไว้ที่โต๊ะกลางบ้านกล้ากำลังลังเลว่าจะขึ้นไปเรียกดีไหมวันนี้มันวันปกติ คุณกวินต้องไปทำงานหรือเปล่านะ เพราะความเป็นห่วงกล้าเลยเดินขึ้นไปที่ห้องแล้วเคาะประตู

   “คุณกวินครับตื่นหรือยังครับ” กล้าเคาะประตูเรียกอีกสองสามครั้ง

   เกร๊ก

   “อรุณสวัสดิ์ครับน้องกล้า ขอโทษนะพี่นอนเพลินไปหน่อย” กวินรีบเปิดประตูพร้อมกับเอ่ยปากขอโทษเขานอนหลับสนิทจนได้ยินกล้ามาเคาะประตูเรียก

   “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่กลัวว่าคุณกวินจะไปทำงานไม่ทัน” กล้าหลบตาเมื่อคนมาเปิดประตูนั้นกระดุมชุดนอนหลุดจนเห็นแผ่นอกแกร่งแก้มขาวนั้นร้อนฉ่า

   “อ้อวันนี้พี่ไม่ได้เข้าบริษัทขอบคุณนะที่มาปลุก” กวินมองอาการเขินของกล้าอย่างชอบใจและไม่คิดที่จะติดกระดุมด้วย

   “ผมซื้อน้ำเต้าหูมาคุณกวินลงไปกินก่อนก็ได้นะครับ” กวินมองคนที่ใจดีมากแถมยังซื่อจนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาที่ตีเนียนสนิทด้วย

   “อืมขอบคุณเดี๋ยวพี่ลงไปนะ” กวินบอกพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูเพื่อเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา กล้าเลยเดินลงไปแกะถุงน้ำเต้าหู้รอ ไม่นานกวินก็เดินตามลงมาในชุดนอนสภาพเดิม กวินนั่งทานน้ำเต้าหู้พร้อมกับมองหน้ากล้าที่ดูเหมือนจะตั้งอกตั้งใจกินน้ำเต้าหู้มาก หลังจากทานเสร็จกวินเป็นฝ่ายขอทำความสะอาดเอง

   “วันนี้หยุดกล้าจะทำอะไรเหรอ” กวินถามเพราะเขาก้าวเข้ามาในเขตส่วนตัวของกล้านานไปกลัวว่ากล้าจะรู้สึกลำบากใจ

   “ก็จะอ่านหนังสือครับ” กวินพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะคิดออกว่าทำยังไงถึงจะได้อยู่ใกล้กับคนตัวเล็กในวันหยุด

   “ไปอ่านกับพี่ไหม”

   “หือ”

   “ก็จะได้เจอกับพี่เชษฐ์เราด้วยไง” กวินหาข้ออ้างที่จะล่อลวง และดูเหมือนว่าจะเริ่มได้ผลเมื่อกล้าทำหน้าคิดหนัก

   “เดี๋ยวตอนที่ไปทำงานค่อยเจอกันก็ได้ครับ” ไม่คิดว่าน้องจะตอบแบบนี้คนที่ยกเอาเชษฐ์มาเป็นข้ออ้างเลยต้องรีบคิดหาแผนการสำรองทันที

   “อ้อพี่ไม่ได้บอกเราไปสินะว่าวันจันทร์หน้าเชษฐ์ต้องไปดูการก่อสร้างแทนพี่ที่ชลเดือนหนึ่ง” ข้ออ้างที่คิดสดๆใหม่ๆแถมยังโยนไอ้เชษฐ์ไปทำงานที่ไซต์งานที่ชล โดยไม่สนใจว่าคนสนิทจะโวยวายแค่ไหนถ้ามันรู้ข่าว

   “เอ๋ ทำไมไปนานจังครับ” กล้าถึงกับตกใจเขาจะไม่ได้เจอพี่ชายที่ขยันเอาขนมมาฝากตั้งเดือนหนึ่งเลยเหรอ ยังไม่ทันได้คิดอะไรกล้าก็พยักหน้าตกลงแถมยังวางหนังสือใส่ลังเหมือนเดิม คนตัวเล็กไม่รู้อะไรเสียเลยเดินเข้าหลุมตื้นๆที่กวินพึ่งขุดเสร็จใหม่ๆ ขุดแบบต่อหน้าต่อตานี่ล่ะ กวินลอบยิ้มบอกให้กล้าไปเตรียมตัวส่วนตัวเขานั้นใส่ชุดนอนนี่กลับก็ได้ ถึงยังก็กลับบ้านตัวเองอยู่แล้ว ไม่นานกล้าก็เดินลงมาเขาเลยถือลังหนังสือไปที่รถ ปล่อยให้กล้าล็อคประตูบ้าน  กวินขึ้นไปนั่งรอกล้าบนรถเมื่อพร้อมเขาก็ขับตรงกลับบ้าน

   กับการแค่ล่อลวง?? ไม่สิหลอกล่อให้กล้ากลับบ้านด้วยนั้นไม่ได้ยากอะไรเลยเมื่อคนตัวเล็กนั่นซื่อแสนซื่อ แถมยังหลอกง่ายถึงอย่างนั้นก็จะมีกำแพงที่เขายังไม่สามารถก้าวข้ามไปได้เช่นกัน

************************************************************
พึ่งหายป่วย  :mew5: 5555
ไม่รู้ว่าจะสงสารเชษฐ์หรือแว่นน้อยดี
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ
อ่านแ้ลวเป็นไงบอกเราด้วยน้า

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2


กล้าคิดว่าตัวเองตกลงปลงใจอะไรง่ายไปเพราะตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่นที่กว้างใหญ่จนเขารู้สึกว่าตัวเล็กและมาอยู่ผิดที่ผิดทาง ส่วนคนที่พามานั้นก็เดินหนีขึ้นไปข้างบนปล่อยให้เขานั่งเหงาๆเพียงคนเดียว

                “น้องกล้า”เสียงเรียกทำให้คนที่นั่งตัวลีบหันไปมอง พร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่เขาไม่ต้องนั่งเหงาคนเดียว

                “พี่เชษฐ์” กล้าขยับตัวนั่งดี เชษฐ์เดินมานั่งข้างๆทำให้กล้าคลายความตื่นเต้นไปได้

                “ทำไมถึงได้มาที่นี่ได้ล่ะหือ” เชษฐ์ถามคนที่นั่งหน้าตื่น แต่ก็ยอมรับว่าเจ้านายเขาเจ๋งจริงที่ล่อลวงน้องมาที่บ้านได้

                “ก็คุณกวินบอกว่าถ้าไม่มาเจอพี่เชษฐ์วันนี้ ผมก็จะไม่ได้เจอพี่อีกตั้งเดือน” เชษฐ์ได้แต่งงในใจนี่เขาจะหายไปไหนเดือนหนึ่ง แต่ก่อนที่จะได้อธิบายอะไรคนกุเรื่องก็เดินลงมาซะก่อน

                “ใช่เพราะนายต้องไปคุมงานให้ฉันที่ชลไงลืมแล้วเหรอ”  ลืมบ้าอะไรมันไม่เคยมีคำสั่งนี้ด้วยซ้ำเลยเว้ย เชษฐ์อยากจะตะโกนเถียงออกไปอยู่หรอกนะ แต่นี่เจ้านายไง ได้แต่เออออไปตามที่เจ้านายว่านั่นล่ะแต่จู่ๆก็โยนเขาไปเป็นเดือนก็ขอเอาคืนหน่อยล่ะกัน

                “น้องกล้า ขอบคุณนะที่มาหาพี่มาให้พี่ฟัดที” เชษฐ์อ้าแขนรอ คนที่เอียงคอทำหน้างงก่อนที่จะขยับเข้ามากอดปล่อยให้เชษฐ์ฟัดท่ามกลายสายตาคมที่กำมือแน่นและคิดว่าแค่เดือนเดียวคงจะยังไม่พอสินะ  เชษฐ์แอบขำเจ้านายที่นั่งลงตรงข้ามท่าทางขบกรามแน่นไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะโดนโทษหนักเป็นสองเท่า

                กล้ากอดเชษฐ์เหตุผลของเขาไม่ได้มีอะไรมากเพียงแค่เชษฐ์เป็นคนที่เขาเปิดใจให้ เป็นพี่ชายคนใหม่ที่เขายอมเปิดใจยอมรับ

                “ถ้าพี่เชษฐ์ไป กล้าต้องอดขนมแน่ๆครับ” ไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองเผลอใช้คำแทนตันกับคนที่สนิท จนกวินที่นั่งฟังอยู่ด้วยอยากจะลุกไปกระชากแยกทั้งสองคนพี่น้องนั้นออกจากกัน

                “พี่ว่าไม่หรอกนะ” เชษฐ์มองไปที่เจ้านายที่ตอนนี้เส้นดำคาดเต็มหน้าแล้ว ให้ตายเถอะนี่หลงน้องชายเขาแล้วสินะ

                “หือ จริงสิกล้าอยากถามตั้งนานแล้วว่าซื้อที่ไหน จะได้ฝากให้เอมซื้อมาให้” เขาถามเมื่อมันเป็นเค้กที่อร่อยมากจนคนที่ไม่ค่อยกินขนมหวานอย่างเขาชอบมากจนคิดว่าสามารถกินมันได้ทุกวัน ตากลมใต้แว่นช้อนมองคนที่ยังลูบแก้มเขาอยู่

0              เชษฐ์สบตาโตแล้วรู้สึกเหมือนใจเต้น ทำไมน่ารักอย่างนี้ ไม่ยกให้เจ้านายจะผิดไหม ยิ่งเห็นแก้มป่องๆ รอยยิ้ชี่รบลางๆนั่นยิ่งทำให้เชษญ์อยากจะก้มลงไปฟัดแก้มนั่นแรงๆซักทีแต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้น   

                ฟุบ

                “เอ๋!!”

                “ถอยไปห่างๆเลยไอ้เชษฐ์” กวินยกมือชี้หน้าห้ามไม่ให้เชษฐ์เข้ามาใกล้คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดเขาให้ตายเถอะ แค่เขามองห่างๆยังคิดว่ากล้าน่าฟัดเลย คนในอ้อมแขนเขานี่ก็เหลือเกิน ทีกับเขาล่ะไม่กล้าเข้าใกล้แต่พอเป็นไอ้เชษฐ์กลับยอมแถมเข้าไปกอดเองด้วยซ้ำ

                “ปล่อยนะครับคุณกวิน” กล้าดิ้นพยายามที่จะแกะมือหนาที่ล็อคเอวเขาแน่น ฮือ ใครก็ได้ช่วยเขาทีใจเขาเต้นแรงจนจะทะลุออกมาอยู่แล้วหันไปสบตาพี่คนใหม่ ก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

                “ปล่อยก็ได้” กวินเห็นว่าตากลมสวยเริ่มมีน้ำตาคลอซึ่งมันทำให้ผมเริ่มคิด..............ที่อยากจะรังแกอะไรๆมากกว่านี้ พอปล่อย กล้าก็ขยับหนีไปไกลยิ่งเห็นท่าทางเหมือนกระต่ายยิ่งทำให้เขาอยากจะแกล้งแต่ก็เอาเถอะ ปล่อยให้กระต่ายได้ทำใจก่อน

                “ไอ้เชษฐ์ไปคุยกันหน่อยสิ” กวินเดินนำเชษฐ์ไปที่ห้องครัวปล่อยกระต่ายให้หันซ้ายหันขวาทำหน้างงๆ เมื่อลับสายตากลมของกล้า เชษฐ์ก็เตรียมที่จะโวยเรื่องไปทำงานต่างจังหวัดเดือนหนึ่ง

                “นายหมายความว่าไงครับเรื่องที่ชล” ไม่ปล่อยให้คนเป็นเจ้านายบ่นเขาก็เริ่มก่อนลงมือก่อนได้เปรียบ

                “น่า ก็พึ่งคิดได้ฉุกละหุก เออออไปก่อนสิ”

                “แล้วนายคิดไงล่อน้องมาที่บ้าน ตกลงนี่คิดยังไงกับน้องกันแน่” เชษฐ์ทำหน้าจริงจัง แรกๆก็แค่เอ็นดูแต่พอสนิทกันจริงเขารักกล้าเหมือนน้องชายคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นเจ้านายเขาก็ไม่ไว้หน้าแน่ๆ

                “ถ้าฉันบอกว่ายังไม่รู้ล่ะ”

                “ผมก็จะบอกให้เจ้านายไม่ต้องไปยุ่งกับกล้า"
      “นี่แกเห็นคนอื่นดีกว่าฉันเหรอวะ” กวินว่าพร้อมกับเอนตัวพิงเคาน์เตอร์ครัว

                “ใช่ครับนาย” คำตอบมันน่าส่งให้ไปอยู่ชลถาวรจริงๆ กวินหัวเราะเบาๆในลำคอสายตาคมแวววับนั้นทำให้เชษฐ์รู้สึกหนาวๆร้อนๆ

                “เอาเถอะรับรองว่าจะไม่มีใครเสียใจและแกก็จะไม่เสียน้องรักแน่ๆ” กวินว่าก่อนที่จะหมุนตัวไปเปิดตู้เย็นเทน้ำผลไม้กับขนมเค้กที่แอบสั่งให้คนไปซื้อมาไว้ที่บ้านวางบนถาด

                “อ้อไปเตรียมตัวได้เลยนะ เดือนหนึ่ง” รู้สึกสนุกที่เห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หึ เขายกถาดเดินออกมาที่ห้องรับแขกที่ตอนนี้กำลังเอนพิงหมอนอ่านหนังสือเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว ซึ่งก็เป็นภาพที่คุ้นตา

                กึก

                “ทานขนมก่อน”

                “ครับ” กล้าปิดหนังสือแล้วขยับตัวนั่งดียอมกินน้ำผลไม้และทานเค้กที่ดูเหมือนพอเข้าปากตากลมเปล่งประกายวิบวับชอบใจ

                “อร่อยไหม”

                “ครับเหมือนพี่เชษฐ์เอามาฝากบ่อยๆเลยครับ” เพราะความคุ้นเคยหรือเพราะวางใจกล้าเงยหน้าจากจานขนมยิ้มพร้อมกับยิ้มกว้าง รอยยิ้มใสซื่อที่กระตุกหัวใจอีกคนได้อย่างง่ายดาย มือหนาขยับไปเช็ดครีมขาวที่ติดอยู่ที่มุมปากบางแล้วยกนิ้วเปื้อนครีมแตะที่ปากตัวเอง ใบหน้าขาวแดงก่ำเรียวปากบางอ้าค้างนิ่งเหมือนโดนแช่แข็งไว้ จนกวินอดไม่ได้ที่จะขำเบาๆ น่ารักจริงๆ รอจนกระทั่งเลิกตกใจคนที่หน้าแดงก่ำยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ท่าทางโก๊ะนั่นทำให้กวินถึงกับหัวเราะเสียงดัง นานแล้วที่กวินไม่ได้หัวเราะอะไรแบบนี้

                “ทานต่อเถอะ.....ไม่ทำอะไรแล้ว” กวินเสริมเมื่อตาโตๆนั่นหวาดระแวง ตาโตมองแวบหนึ่งก่อนที่จะหันมากินเค้กต่อด้วยท่าทางระมัดระวังไม่ให้ครีมมันเปื้อนอีก

                “ชอบมากเหรอ” ถามคนที่กินเค้นจนจะหมดชิ้นแล้ว

                “ครับ คุณกวินซื้อจากที่ไหนมาเหรอครับ” กล้ายังไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่นี่ยังไม่สนิทกันอีกหรือไง

                “งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อไปฝาก”

                “มะ..ไม่เป็นไรครับ บอกร้านมาเดี๋ยวผมไปซื้อเอง” กล้ารีบยกมือปฏิเสธ แค่มาทุกวันศุกร์หัวใจเขาก็ทำงานหนักแล้วถ้าให้เอาขนมมาให้เหมือนที่พี่เชษฐ์เอามาให้ล่ะก็เขาคงต้องไปหาหมอแน่ๆ

                “ไม่เป็นไรไม่ต้องเกรงใจพี่”

                “แต่ว่าไม่ดีกว่าครับ” คนหนึ่งก็อยากจะให้อยากจะไปหาส่วนอีกคนก็ปฏิเสธ ยิ่งคนตัวเล็กปฏิเสธอีกคนยิ่งขยับเข้ามาใกล้

                “งั้นถ้าพี่จะพาไปกินที่ร้านล่ะ ที่นั่นมีหนังสือน่าอ่านเยอะเลยล่ะ” พอพูดถึงหนังสือกล้าก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจ

                “เอ๋ ที่ไหนเหรอครับ หนังสือเยอะมากเลยเหรอครับ”

                “ใช่ เห็นว่าเป็นหนังสือเก่าด้วยล่ะ” ยิ่งพูดตายิ่งเป็นประกาย กล้าแทบจะขอร้องให้คนที่ล่อล่วงพาไปตอนนี้เสียเลยด้วยซ้ำ

                “ที่ไหนครับ ผมอยากไป”

                “พรุ่งนี้ล่ะกันนะ วันนี้ก็อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ เชษฐ์ก็มากินด้วย” พอเห็นว่าเชษฐ์มาด้วยกล้าเลยพยักหน้าอย่างลืมตัวทั้งๆที่ตั้งใจจะขอตัวกลับ

                “อ่านหนังสือเลยก็ได้นะ หรือจะไปอ่านที่สวนก็ได้นะแต่ต้องรอแดดร่มกว่านี้” กวินบอกกับกล้าที่เขากลัวว่าจะเบือกับการที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

                “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ไหนก็ได้” กล้ารีบบอกปฏิเสธแม้สวนด้านนอกจะดูสวยล่อลวงแค่ไหนก็ตาม เมื่อเห็นกล้าสนใจหนังสือในมือกวินเลยหยิบไอแพดมาเลื่อนดูเอกสารข้อมูลงาน แม้จะอยู่กันเงียบๆมีเพียงเสียงเปิดหนังสือกับเสียงลมหายใจเบาๆแต่กวินกลับรู้สึกอยากให้มีบรรยากาศแบบนี้ตลอดไป

                กวินที่นั่งอ่านรายงานอย่างเคร่งเครียดรู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาเย็น มือหนายกมือขึ้นกดหัวตาเพราะรู้สึกสายตาล้าจนต้องหลับตาไปสักพักหันไปมองคนข้างๆที่ตอนนี้กึงนั่งกึ่งนอนบนโซฟาใบหน้าเล็กๆนั่นเอียงซบกับหมอนอิงบนตักมีหนังสือที่ไม่ใช่เล่มเดิมกับที่เขาเห็นล่าสุด อ่านเร็วจริงๆ ร่างสูงยืดเส้นยืดสายก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวหยิบจับข้าวของออกจากตู้เย็นเพื่อเตรียมทำอาหารเย็น แม่บ้านที่นี่เขาให้ทำแค่ความสะอาดเสร็จแล้วก็กลับเพราะเขากลับไม่เป็นเวลา ส่วนมากไม่กินมาจากข้างนอกเขาก็ทำอะไรง่ายๆเองแต่วันนี้เป็นมื้อพิเศษซึ่งเขาอยากจะทำให้มันดี

                ตึงๆ

                โครม

                สาบานว่านี่เสียงทำอาหาร เชษฐ์ที่เดินเข้ามาถึงกับแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายทำเสียงดังโครมครามแต่คนที่นอนอยู่โซฟากลับหลับสนิท

                “นายทำอะไรครับสียงดังมาก” เชษฐ์อยากจะลากเสียงก ไก่ ให้ยาวเพราะดูเหมือนห้องครัวใหญ่ตอนนี้มันจะดูรกมาก

                “มื้อเย็น แต่กะปริมาณไม่ถูก” ไม่ค่อยได้เห็นนักหรอกนะที่เจ้านายเขาจะทำท่าเก้ๆกังๆแบบนี้ เชษฐ์เดินเข้าไปถามว่ามีอะไรจะให้เขาช่วยไหมซึ่งกวินก็ไม่ขัดศรัทธาใช้ให้ล้างผักทันที กวินลงมือทำอาหารเย็นที่จากที่แรกจะทำสเต็กแต่มีปัญหาตรงเนื้อหมูเลยเปลี่ยนเมนูเป็นสปาเก็ตตี้มีทบอลแทน เอาจริงๆก็เขาทำพลาดเองเลยต้องเปลี่ยนเมนู หลังจากปลุกปล้ำกับการทำอาหารสำหรับสามคนแล้วไม่นานอาหารมื้อเย็นก็พร้อม

                “นายไปปลุกน้องเถอะครับ เดี๋ยวผมตั้งโต๊ะเอง”

                เขาเดินไปนั่งลงข้างๆโซฟามองคนที่หลับสนิทท่าทางมีความสุขจนเขาไม่อยากที่ปลุกแต่มือใหญ่ก็ขยับไปเขย่าไหล่เล็กๆนั่น

                “กล้า ตื่นได้แล้วครับ” เขาเขย่าเบาๆ จนคนที่หลับเริ่มขยับตัวเบาๆ เปลือกตาเริ่มเขาเลยขยับตัวออก

                หมับ

                “พี่พลูเหรอครับ กลับมาหากล้าแล้วเหรอครับ” ” น้ำเสียงออดอ้อนกับมือเรียวที่ความมือเขาไปแนบแก้มนุ่มแถมรอยยิ้มหวานนั่นอีก ไอ้พลูนี่โครวะอยากจะโวยวายอยู่หรอกนะ

                “โทษทีนะที่พี่ไม่ใช่ ลุกได้แล้วครับนี่เย็นแล้วนะ” กวินดึงมือตัวเองออก

                “เอ่อ คุณกวิน ขอโทษที่เผลอหลับครับ” กล้ารีบลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาขยับขึ้นนั่งดีๆ กวินถอยออกห่างเพื่อให้กล้าเรียกสติเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กโอเค

                “พี่ทำอาหารเย็นไว้แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีไหม” กล้ารีบพยักหน้ารับแล้วเดินไปตามทางที่กวินบอก มือสั่นที่พยายามกวักน้ำขึ้นล้างหน้า เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องราวนั้นมานานจนกระทั่งวันนี้ กล้ารีบนึกถึงเรื่องราวในหนังสือร้อยๆเรื่องเพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีก

                กล้าเดินออกมาทั้งๆที่หน้าชุ่มโชกไปด้วยหยดน้ำท่าทางที่ทำให้กวินยืนรอเอาผ้าเช็ดหน้าให้เป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแคส่งผ้าขนหนูให้

                “ไปที่โต๊ะทานข้าวกัน”  กวินเลือกที่จะทำตัวปกติเดินนำกล้าไปที่โต๊ะ ส่ายหน้าห้ามเชษฐ์ที่กำลังจะถามเพราะท่าทางของกล้าซึ่งไอ้เชษฐ์ก็ยอมที่จะนั่งนิ่งๆแล้วชวนกล้าคุย

                “พรุ่งนี้จะไปร้านเค้กใช่ไหม”

                “อ้อครับ พี่เชษฐ์ไปด้วยกันนะ” กวินมองคนข้างๆที่ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติคุยกับเชษฐ์แถมยังกลับมาเป็นกล้าที่ไม่ค่อยสบตาเขาเหมือนเดิม

                “ไปสิครับ” ไอ้เชษฐ์มันต้อนกวนตีนเขาอยู่แน่ๆ เอาเถอะแลกกับที่กล้าจะไม่อึดอัดใจที่จะอยู่ด้วยกัน

                “อาหารอร่อยไหม”

                “อร่อยครับ”

                “งั้นก็กินเยอะๆนะ ไม่บ่อยหรอกนะที่บอสจะลงมาทำอาหารให้กิน ต้องเอาให้คุ้ม”ยื่นหน้าเข้าไปชิดกันมากไปไหม

                “คุณกวินทำทั้งหมดนี่เลยเหรอครับมันอร่อยมาก ขอบคุณครับ” กล้าหันมายิ้มกว้างขอบคุณคนที่ทำอาหารมื้ออร่อยให้ถึงแม้จะดูไม่เข้ากับบุคลิกผู้บริหารของคุณกวินเลยก็ตาม

                “งั้นจะทำให้กินบ่อยๆ” สายตาคมสบตาอย่างสื่อความหมายจนกล้าไม่สบสายตาคม หลังจากกินข้าวเสร็จกวินก็ดื้อที่จะไปส่ง เรียกง่ายๆก็บังคับซึ่งกล้าก็ยอมเพราะเขาก็คิดถึงบ้านแล้วเช่นกัน

                “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะกล้า”

                “เอ๋ เรื่องอะไรเหรอครับ”

                “ที่ยอมไปกับพี่ เข้าบ้านเถอะพรุ่งนี้สายๆพี่จะมารับ” กวินตัดบทก่อนที่จะนัดหมายวันพรุ่งนี้

                “ครับ ขอบคุณนะครับคุณกวิน” กล้ายกมือไหว้ก่อนที่จะลงจากรถ กวินรอให้กล้าเข้าบ้านเรียบร้อยก่อนที่จะขับรถกลับบ้านเพื่อรอวันพรุ่งนี้

*****************************************************************

หลังจากงานสุมหัวมาทั้งอาทิตย์พร้อมกับอาการป่วย

ในที่สุดก็เข็นออกมาสำเร็จ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2018 20:56:15 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
7
   เช้าวันต่อมากล้าลุกขึ้นมาแต่เช้าด้วยท่าทางเพลียๆเพราะอ่านหนังสือติดลมบนไม่หลับไม่นอนเมื่อคืนนี้อาจจะเป็นเพราะคิดถึงเรื่องในอดีตทำให้เขานอนหลับไม่สนิทจนมีอาการเบลอๆตั้งแต่เช้า แถมยังดูเหมือนว่าจะลืมนัดวันนี้ไปแล้ว

   “ขี้เกียจจัง” กล้าบ่นเบาๆพร้อมกับเดินอุ้มผ้าห่มลงมาที่โซฟาที่เขาชอบนั่งอ่านหนังสือเป็นประจำ วางผ้าห่มแล้วก็เดินไปเปิดหน้าต่างและผ้าม่าน แสงแดดจ้าที่สาดเข้ามาในบ้านทันทีที่เปิดผ้าม่าน ร่างบางเดินสะลืมสะลือกลับมาที่โซฟา สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มนวมม้วนตัวเป็นก้อนก่อนที่จะหลับไปอีกครั้ง



แกร๊ก



   “ทำไมไม่ล็อกบ้านนะ” เสียงทุ้มๆของคนที่ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้ามาเพราะกวินบีบแตรเรียกตั้งนานสองนานแต่ก็ไม่มีคนมาเปิดด้วยความเป็นห่วงเขาเลยถือวิสาสะเปิดประตูรั้วสนิมเก่าๆเข้ามาในบ้าน แถมประตูบ้านก็ยังไม่ล็อก กวินรู้สึกใจตกไปที่ตาตุ่มเมื่อประตูบ้านไม่ได้ล็อกเขารีบเปิดเข้าไปทำท่าว่าจะตะโกนเรียกแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นม้วนผ้าห่มที่กลมป้อมตรงโซฟา กวินถอนหายใจอยากจะเดินเข้าไปดีเด็กที่ไม่รู้จักระมัดระวังตัวซักนิด ขายาวเดินไปหาทีแรกว่าจะปลุกแต่เมื่อเห็นท่าทางหลับสบาย

   “ปล่อยให้นอนไปก่อนละกัน” ร่างสูงเดินหายไปในห้องครัวเพื่อเทน้ำกินเองดูไร้มารยาทไปหน่อยแต่เจ้าของบ้านนั้นยังนอนหลับฝันดีอยู่เลย ถือแก้วน้ำมานั่งลงที่พื้นพรมมองก้อนกลมที่นอนหลับสนิทตรงโซฟา บนโต๊ะมีหนังสือกองไว้แต่มีเล่มหนึ่งที่เปิดอ่านไว้อยู่ เขาหยิบหนังสือสักเล่มในกองมาอ่านรอคนตัวเล็กตื่น  หากเชษฐ์มาเห็นภาพนี้คงต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก ใครๆก็รู้ว่ากวินนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่วันๆอ่านแต่เอกสารและข่าวธุรกิจจะมานั่งรอใครอีกคนตื่นแถมยังนั่งอ่านหนังสือรออีก
 
   แดดยามสายของประเทศไทยเริ่มส่องไปทั่วห้องเพราะความร้อนร่างที่นอนหลับอุตุเริ่มมีเหงื่อซึมพลิกตัวเตะผ้าห่มบางออกพอผ้าห่มหล่นไปที่พื้นร่างขาวก็พรูหายใจด้วยความพอใจทำท่าว่าจะหลับไปอีกถ้าไม่ใช่เพราะเสียงหัวเราะทุ้มที่ไม่น่าจะมีในบ้านเขา

   “หึๆ” คิ้วเรียวขมวดเมื่อเสียงไม่คุ้นหูดังขึ้น เปลือกตาขยุกขยิกก่อนที่ตากลมเหมือนกวางจะลืมขึ้น กวาดสายตาจนมาหยุดที่ร่างใหญ่ที่นั่งมองหน้าเขาอยู่ กล้าหรี่ตามองนี่เขาฝันไปเหรอก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเพื่อจะขยี้ตา

   หมับ

   “อย่าขยี้เดี๋ยวตาก็แดงหมดหรอก”

   หือ

   ไม่ใช่ฝัน!!! ร่างบางรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงหน้าตาตื่น มะ..มาอยู่ในบ้านเขาได้ยังไง  ท่าทางเหมือนกระต่ายตกใจหูตั้งตาโตเรียกรอยยิ้มกว้างให้กับคนตัวโต

   “พี่มารับไปร้านหนังสือ” เลือกที่จะปัดรายละเอียดปลีกย่อยทิ้งๆไป

   “อ๊ะแล้วคุณกวินเข้ามาได้ยังไงครับ” เหมือนกระต่ายจะตั้งสติได้ ถามคำถามที่น่าสงสัยที่สุดแล้ว

   “ก็พี่มาถึงบีบแตรเรียกตั้งนานสองนานก็ไม่เห็นเราไปเปิด พี่เลยถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้ามาแถมประตูบ้านก็ไม่ได้ล็อค” กล้ายกมือกุมขมับเขาลืมปิดประตูบ้านอีกแล้วเหรอ

   “งั้นไม่เป็นไรครับ” กล้าได้แต่ยอมรับว่าเป็นเพราะเขาลืมเองแถมยังนอนหลับสนิทจนคุณกวินเข้ามานั่งเล่นอยู่ในบ้านยังไม่รู้ตัวอีก

   “ปวดหัวไหม นี่ก็สายแล้วหิวหรือเปล่า” ถ้อยคำที่ถามเพราะความเป็นห่วงเรียกความร้อนมาอังที่แก้มขาวที่ตอนนี้แดงระเรื่อ จนกล้าทำตัวไม่ถูก

   “งะ..งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” กล้ารีบหอบผ้าห่มวิ่งขึ้นไปชั้นสองจนคนที่มองอยู่นึกเป็นห่วงกลัวว่าจะเหยียบชายผ้าห่มแถมยังไม่ได้ใส่แว่นกลัวจะหกล้ม แต่ก็อดขำกับอาการรนๆของคนตัวขาวไม่ได้ นั่งรอไม่นานกล้าก็เดินลงมา

   “ส..เสร็จแล้วครับ” กล้ากระชับสายกระเป๋าแน่นเมื่อสายตาคมมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “น่ารัก...ป่ะไปกันเถอะเดี๋ยวไอ้เชษฐ์รอ” กวินเดินออกไปรอที่รถ โดยที่ไม่ลืมกำชับให้กล้าล็อกบ้านดีๆ กล้าย่นจมูกใส่คนขี้บ่น ท่าทางน่ารักที่กล้าเผลอทำ กำแพงที่กั้นระหว่างสองคนเริ่มบางลง

   กวินขับรถออกนอกตัวเมืองร้านกาแฟที่จะไป เป็นร้านของเพื่อนสนิทที่มีน้อยนิดของเขาเองที่ลงทุนไปเรียนถึงเมืองนอกแต่กลับไทยมาเปิดร้านกาแฟกึ่งร้านหนังสือในชานเมืองแบบนี้ พอทาบทามให้มาทำงานด้วยเพราะเสียดายฝีมือแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธ ล่ะไม่เข้าใจหัวคิดไอ้อัจฉริยะนี่เลยจริงๆ เหลือบตามองคนข้างๆที่นั่งเงียบเลยเลือนไปเปิดวิทยุ

   “หิวไหม” มองเวลาที่หน้าปัด ใกล้จะเที่ยงแล้วนึกเป็นห่วงคนที่พึ่งตื่น

   “ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว” กวินพยักหน้าแต่มองหาปั้มน้ำมันเพถึงก็ตบไฟเลี้ยวเข้า

   “รอแปบนะ” กำชับคนที่นั่งงง เพราะเขาไม่ได้ปิดรถ กวินเดินเข้าไปหยิบขนมกับนมไปจ่ายเงินแล้วเดินกลับมาที่รถ

   “กินนี่รองท้องก่อนนะเดี๋ยวจะปวดท้องเอา อีกไกลกว่าจะถึง” ส่งถุงขนมให้คนตัวเล็กที่รีบยกมือไหว้รับถุงขนมไปนั่งกินเงียบๆ ขับรถร่วมๆสี่สิบนาทีกล้ามองข้างทางด้วยความสนใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางไกลขนาดนี้ ยังดีที่ได้นมและขนมที่คุณกวินซื้อมาให้เลยไม่หิวเท่าไหร่นัก แอบมองคนที่ตั้งใจขับรถที่ดูแลเขาอย่างดีถึงแม้ตอนเช้าจะแอบเข้าบ้าน เป็นคนที่กล้ายอมรับว่าหล่อมากและจากที่แอบมองห่างๆก็มาใกล้ชิดจนตั้งกำแพงไม่ทัน ถึงจะไม่สนใจโลกภายนอกแต่เขาก็รู้ดีว่าด้วยรูปลักษณ์และฐานะที่ชะเอมรู้จักคงไม่ใช่ธรรมดา จะมาสนใจอะไรกับเด็กที่ช่วยไว้โดยไม่ตั้งใจ มองซะจนคนที่ขับรถหันมา

   “อ๊ะ” อุทานซะน่ารักจริงๆกวินก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าโดนจ้องก็เล่นจ้องซะขนาดนั้น

   “มีอะไรหรือครับ” ตีหน้านิ่งถามคนที่ทำหน้าตาตื่น

   “เอ่อ ใกล้ถึงรึยังครับ”

   “อีกไม่ไกลครับ หิวแล้วเหรอ”มุมปากยกยิ้มทำเอากล้าทำได้เพียงพยักหน้าอายๆ กวินแอบขำแล้วหันมาตั้งใจขับรถไม่นานก็มาถึงทางเข้าที่เป็นซุ้มต้นไม้รั้วเป็นต้นไม้ความร่มรื่นที่เห็นทำให้กล้าลืมเขิน พื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้พอเปิดประตูรถลงกลิ่นความสดชื่นมีเสียงน้ำไหลเบายิ่งทำให้ผ่อนคลาย แววตากลมแวววับด้วยความถูกใจและนึกชอบใจจนอยากมาอ่านหนังสือที่นี่ทุกวัน กวินมองรอยยิ้มกว้างอย่างชอบใจคิดถูกที่พามาที่นี่

   “เข้าไปในร้านเถอะ” กล้าพยักหน้าแรกจนผมกระจาย รีบวิ่งตามคนตัวโตไปร้านที่พอเห็นเขายิ่งชอบร้านไม้สีขาวที่ติดกระจกรอบบ้านยิ่งดูน่ารักพอเปิดประตูที่ห้องกระดิ่งไว้ พอเข้าไปในร้านกลิ่นหอมของกาแฟอบอวนไปทั่ว

   “ไงมากันแล้วเหรอ” เสียงหวานระรื่นหูดังขึ้นก่อนที่จะเห็นคนพูดซะอีก ประตูด้านหลังเคาน์เตอร์เปิดออก ร่างสูงโปร่งของเจ้าของร้านที่ถือถาดใส่จานสปาเก็ตตี้กลิ่นหอม

   “ไงซิน” กล้ามองคนที่คุณกวินเข้าไปทัก ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวใบหน้าสวยผมสีดำยาวระใบหน้า สวยจัง เขาได้แต่มองตาไม่กระพริบยิ่งเรียวปากสีเชอร์รี่ยกยิ้มบางยิ่งทำให้คนคนนี้สวย

   “นี่เหรอน้องกล้า”
   “ใช่ มานี่สิกล้า” เขาสะดุ้งเมื่อเผลอสังเกตจนคุณกวินกวักมือเรียก เดินตัวลีบไปยืนข้างๆคุณกวิน

   “สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้

   “น่ารักจังพี่ชื่อซินนะ ดีใจที่ได้เจอน้องกล้านะครับ”รอยยิ้มหวานที่พอยิ้มแล้วเขาได้แต่ยิ้มตาม

   “ไปนั่งกินข้างนอกกันเถอะ” คุณซินเดินออกมาจากเค้าน์เตอร์แล้วคล้องแขนดึงออกไปข้างนอกปล่อยให้คุณกวินถือถาดตามออกมา

   “ร้านคุณซินน่ารักมากครับ” กล้าอดไม่ได้ที่จะชมร้านที่ถูกใจเขามากจริงๆ

   “ไม่เรียกคุณสิ เรียกพี่สิ น้องกล้าชอบอ่านหนังสือเหรอ” คนสวยบังคับให้น้องเรียกว่าพี่ กล้าพยักหน้า
   “ครับพี่ซิน” เท่านี้ก็เรียกรอยยิ้มหวาน

   “เดี๋ยวสิ ทำไมกับไอ้ซินกับไอ้เชษฐ์ กล้าถึงเรียกว่าพี่แล้วทีพี่ล่ะ” กวินโวยวายเมื่อเดินออกมาทันได้ยินคนตัวเล็กเรียกเพื่อนสนิทว่าพี่ แล้วเค้าล่ะ ทีเขายังเรียกคุณอยู่เลยความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน

   “โถ พ่อคนหล่อ น่าสงสารจังนะ กล้าลองชิมนี่สิพี่ลองทำอร่อยไหม” หันไปสมน้ำหน้าเพื่อนแล้วหันไปยิ้มให้น้องคนใหม่เลื่อนจานไปให้น้อง

   “ครับ” กล้าไม่หันไปสบตาคุณกวินที่ยังจ้องหน้าเขาอยู่ ก้มหน้าม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก ง่ำ อร่อย เขารีบเงยหน้าหันไปหาพี่ซิน

   “อร่อยมากครับ” กล้าส่งยิ้มกว้างรอยยิ้มที่กวินได้แต่ทำหน้าบึ้ง ทำไมนะเหรอ ก็เพราะไม่เคยได้จากคนตัวเล็กเลยนะสิแถมตอนนี้ยังรู้สึกเป็นส่วนเกินอีก

   “น้องกล้าพี่มาแล้วววววว” เสียงโวยวายมาก่อนตัวจะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้เชษฐ์ที่ทะเล่อทะล่าเข้ามา

   “พี่เชษฐ์ สวัสดีครับ” นี่ก็ไปยิ้มกว้างให้อีก ให้ตายเถอะชักไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไอ้เชษฐ์เดินมานั่งทักทายกับซินนิดหน่อยก็หันมาคุยกับน้องชายสุดที่รัก เหมือนตัวเองเป็นตัวแถมยังไงไม่รู้สิ


   ครืด

   “อ่าวจะไปไหน” ซินถามเมื่อเพื่อนจู่ๆก็ลุกขึ้นดื้อๆ

   “ไปเข้าห้องน้ำ” น้ำเสียงห้วนๆทำเอาทุกคนบนโต๊ะหันไปมอง กวินรีบลุกเดินหายไปในร้าน ให้ตายเถอะอารมณ์เขาตอนนี้เหมือนเด็กหมดมาดCEO ได้แต่เดินเข้ามาสงบสติอารมณ์ความไม่พอใจที่คุกกรุ่นอยู่ภายใน จากที่คิดว่าแค่ชอบแค่สนใจตอนนี้ความรู้สึกมันชัดเจน ให้ตายเถอะ ร่างสูงที่บอกว่าจะเข้าห้องน้ำยืนกอดอกพิงอ่างเพื่อปรับอารมณ์หงุดหงิดให้เป็นปกติ




   กล้าแม้จะยิ้มจะคุยกับพี่ทั้งสองคนแต่สายตาก็ยังมองไปยังทิศที่แผ่นหลังกว้างเดินลับไป ซึ่งอาการนี้ทั้งเชษฐ์และซินต่างสังเกตเห็น โดยเฉพาะอาการหงุดหงิดของไอ้เพื่อนซี้ที่แทบจะกินหัวพวกเขาสองคนอยู่แล้วเมื่อกี้ เชษฐ์พยักหน้าให้ซินเป็นคนเริ่มหลังจากส่งซิกกันได้ซักพัก

   “น้องกล้าทำไมไม่เรียกไอ้วินวาพี่ล่ะครับ” ซินเปิดประเด็นอาการหงุดหงิดของเพื่อนเขาถ้าเดาไม่ผิดเกี่ยวกับที่น้องกล้าเรียกพวกเขาสองว่าพี่แต่เรียกมันว่าน้องเพิ่งรู้ว่าไอ้วินมันมีนิสัยเด็กน้อยแบบนี้ด้วย

   “ก็....ไม่รู้สิครับ” กล้าบอกเสียงเบาไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่กล้าเรียกคุณกวินว่าพี่ แต่กับพี่ซินและพี่เชษฐ์เขากลับไม่มีปัญหา แถมยังไม่กล้าที่จะสบตาคุณกวินได้นานเลยซักที

   “พี่ว่าเราสนิทกับบอสพี่มากเลยนะ” เชษฐ์สำทับขึ้นถึงจะชอบที่เห็นอาการผิดปกติของบอสก็เถอะ

   “เปล่าซักหน่อยครับ” อะไรคือการปฏิเสธแต่แก้มขาวนั้นแดงระเรื่อ อาการที่ทั้งสองคนแอบยิ้มอยากจะยุอีกอยู่หรอกนะแต่บอสเขาก็เดินกลับมาก่อน

   “เอากาแฟไหมวิน” ซินหาช่องทางเปิดโอกาสให้เพื่อนอยู่กับน้อง

   “อือ”

   “เฮ้ยเดี๋ยวไปช่วยจะไปเลือกเค้กด้วยเดี๋ยวพี่เลือกมาให้นะ” เชษฐ์รีบลุกวิ่งตามซิน พอสองคนนั่นไปโต๊ะก็กลับมาเงียบเพราะต่างคนต่างก็ไม่รู้จะคุยอะไรกัน

   “อยากเข้าไปดูห้องหนังสือก็ได้นะขึ้นไปชั้นสองของร้านได้เลยนะ” กวินบอกเมื่อมองเห็นความอึดอัดของคนตัวเล็กที่พออยู่กับเขาแล้วเหมือนจะอึดอัดไม่ค่อยยิ้มเหมือนตอนที่มีหนังสืออยู่ด้วยไม่ก็ไอ้เพื่อนสองคนของเขา ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยสายตารีบหันไปมองทางร้าน เอาเถอะยังไงเขาก็เป็นคนเอาตัวเองเข้ามาในโลกของน้อง เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรกล้าก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทางร้าน กวินได้แต่มองแผ่นหลังเล็กๆ ที่วิ่งสวนกับซินที่ถือกาแฟมาให้เขา

   “อ่าวนึกว่าจะคุยกับน้อง” ไอ้ซินถามซึ่งเป็นคำถามที่เขาได่แต่ถอนหายใจแรงรับแก้วกาแฟที่มันส่งมาให้

   “ก็ไม่รู้จะคุยอะไร” ตอบกลับเงียบๆ

   “อ่าว ถามจริงเถอะวินแค่อยากตอบแทนน้องหรือถูกใจน้อง”

   “ไม่ใช่ถูกใจ มันเกินคำนั้นไปแล้ว” ซินยกยิ้มกับอาการที่ยืนยันว่ามันคิดกับน้องไปไกลแล้ว


   “แล้วทำไมไม่จีบ”

   “ก็จะให้ทำยังไงได้น้องไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับฉันเลย”  เพราะรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นโลกทั้งใบมีแต่หนังสือกับเพื่อนสนิทแค่น้องไม่เอ่ยปากกันเขาออกจากชีวิตน้องตอนนี้ก็ดีแล้ว

   “เห็นว่าเจอกันเพราะเรื่องบังเอิญ?”

   “ใช่ พอได้รู้จักน้องยังแปลกใจเลยที่ตอนนั้นไปช่วยฉัน” มุมปากยกยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น คนที่แสนจะขี้กลัวและไม่ค่อยกล้าทำไมตอนนั้นถึงได้วิ่งเข้าไปช่วยเขา

   “ดูท่าทางมีความสุขนะ”

   “แค่เห็นน้องฉันก็มีความสุขแล้ว” กวินยกยิ้มจริงใจที่ไม่ใช่รอยยิ้มการค้าอย่างที่ทำเป็นประจำ ซินได้แต่ดีใจกับเพื่อน นั่งกินกาแฟคุยกันไปจนโทรศัพท์เครื่องหรูของกวินสั่น

   “ครับ....................ได้ครับ” คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อกดวางสาย
 
   “ฉันต้องไปก่อนล่ะ”

   “อ่าวแล้วน้องล่ะ” ซินถามเมื่อกวินเก็บข้าวของบนโต๊ะ มือใหญ่ชะงักไปแต่เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดนั่น

   “ฝากบอกให้ไอ้เชษฐ์ไปส่งน้องด้วย น้องคงอึดอัดถ้าฉันยังไปส่งเดี๋ยวต้องเข้าบริษัทก่อน”กวินรีบร้อนหยิบกุญแจรถเมื่อเกิดปัญหาที่บริษัท

   “เดี๋ยวสิ วิน ไอ้วิน!!” ซินร้องเรียกตามเมื่อกวินไปโดยไม่บอกใครแถมคนติดตามก็ไม่มี โดนลอบทำร้ายครั้งก่อนไม่เข็ดหรือไง เมื่อเห็นเพื่อนไม่ฟังซินเลยรีบเดินไปหาเชษฐ์

   “เชษฐ์ วินมันรีบกลับไปแล้วท่าทางที่บริษัทจะมีปัญหา” เชษฐ์รีบวางหนังสือโทรติดต่อหาคนที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ตามเจ้านายที่ไม่สำนึกว่าตัวเองเป็นเป้าชอบทำตัวล่อเป้าตลอด  เมื่อสั่งงานเสร็จเชษฐ์ก็ทำท่าจะตามไป

   “วินให้นายไปส่งน้องกล้า” คนตัวเล็กที่ตอนนี้ที่รู้สึกใจกระตุกเมื่อได้ยินว่าคนที่ชวนมากลับไปก่อน

   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวค่อยกลับละกันเนาะน้องกล้า” กล้าพยักหน้าเบาๆ เดี๋ยวถ้าได้เจอกับคุณกวินเขาจะขอบคุณที่พามา หลังจากได้หนังสือน่าอ่านเกือบสิบเล่มแถมพี่ซินยังใจดีให้ขนมแสนอร่อยมาด้วยกับหนังสือที่จะมาคืนตอนไหนก็ได้

   “ขอบคุณนะครับพี่เชษฐ์ที่มาส่ง”

   “ไม่เป็นไรพี่กลับล่ะนะ ปิดบ้านดีๆล่ะ” กล้าพยักหน้าให้พี่เชษฐ์ที่หอบข้าวของเข้ามาส่งถึงในบ้าน “ไม่ต้องไปส่งพี่นะ พักเถอะ”  กล้ายกมือไหว้ พี่เชษฐ์เดินกลับไปขึ้นรถ กล้าปิดลงกลอนประตูจนแน่นหนาหลังจากอาบน้ำร่างเล็กก็หอบผ้าห่มลงมาอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม  แต่ในหัวกลับคิดถึงคนที่หนีกลับไปก่อนไม่มีแม้คำลาเดี๋ยววันที่เขาเริ่มไปทำงานก็คงจะเจอเพราะยังไงก็มายืมหนังสือแทบทุกวัน แต่ร่างเล็กยังไม่รู้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอ

********************************************************
หลังจากอู้ไปไร่สายลมมา ก็กลับมาแต่งต่อแล้ว
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยเถอะนะคะ พลีสสสสสสสสสสส
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2018 21:09:36 โดย Letter123 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

รอนะ ^^

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
8
   ร่างขาวนั่งตรงเคาน์เตอร์ท่าทางเหมือนตั้งใจอ่านหนังสือแต่ทุกๆครั้งที่มีคนเดินเข้ามาหัวทุยจะรีบเงยหน้าขึ้นมองทันทีเหมือนรอใครบางคน ใครบางคนที่หายไปห้าวันแล้วหลังจากวันที่ไปที่ร้านพี่ซินแล้วคนตัวโตหนีกลับ จากทีแรกเขาตั้งใจที่จะบอกขอบคุณแต่คนตัวโตก็ไม่มา

   “เฮ่อ..” เสียงถอนหายใจเบาๆทำให้ชะเอมที่นั่งสังเกตมาหลายวันอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

   “แว่นน้อยเป็นอะไร”

   “ไม่ได้เป็นอะไร” เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไรเลยไม่ได้สามารถบอกได้เป็นอะไร ไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้เลยจริงๆ

   “อย่ามาโกหกเอม กล้ารออะไรอยู่เราเห็นมองแต่ประตูมาสามสี่วันแล้วนะ”

   “เอ่อ..คือ..”  ได้แต่อึกอักไม่ยอมตอบ ชะเอมยกมือกอดอกกดดันพลางคิดว่าอะไรทำให้แว่นน้อยของเธอมีอาการกระวนกระวายทั้งๆที่มือถือหนังสือเล่มใหม่แต่สามวันแล้วที่ยังอ่านไม่จบ

   “พี่กวินใช่ไหม พี่กวินทำอะไรนาย” อาการสะดุ้งเธอก็รู้เลยว่าเดาถูก พี่กวินทำอะไรแว่นน้อยของเธอ

   “ไม่ได้ทำอะไรเพียงแต่......ไม่เห็นมาห้าวันแล้ว” ยิ่งพูดยิ่งเสียงเบากลัวว่าเพื่อนจะว่า

   “ทำไมไม่โทรหาล่ะ”

   “ก็ไม่มีเบอร์” กล้ามีเพียงเบอร์พี่เชษฐ์กับพี่ซินที่ขอโทรศัพท์ไปเมมให้เมื่อวันที่ไปร้านแต่กลับคุณกวินนั้นเขาไม่มีช่องทางติดต่อจริงๆ

   “โทรหาพี่เชษฐ์สิแต่ก็แล้วแต่นะไปพักก่อนไป” เห็นหน้าหงอยๆแล้วก็ไม่อยากจะพูดอะไรต่อเลยไล่คนตัวเล็กให้หนีเข้าไปหงอยในห้องพัก กล้าหยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนไปที่เบอร์พี่เชษฐ์ ไม่รู้ว่าพี่ชายคนนี้ไปอยู่ที่ชลแล้วเป็นอย่างไรบ้างจะรู้รึเปล่าว่าคนที่หายไปเป็นยังไงบ้าง

   กดดี

   หรือไม่กดดี

   “เอาล่ะ” เมื่อตัดสินใจได้มือขาวก็กดโทรออกหาพี่เชษฐ์ รอสายไม่นานเสียงทุ้มก็กดรับสาย

   “(สวัสดีครับ)”

   “พ..พี่เชษฐ์”

   “(อ่าวน้องกล้าว่าไงครับ)” เชษฐ์แปลกใจเมื่อคนที่ไม่คิดว่าจะโทรหากลับโทรหาเขา

   “พี่เชษฐ์ ย้ายไปที่ชลหรือยังครับ” อยากจะถามหาใครอีกคนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง

   “(ยังครับพอดีมีปัญหาพี่เลยยังไม่ได้ไป)” พอรู้ว่ามีปัญหากล้าอดเป็นห่วงไม่ได้

   “มีอะไรมากหรือเปล่าครับ” ร่างบางรีบถาม

   “(อ้อเปล่าครับ พอดีบอสพี่บาดเจ็บนิดหน่อย.......เงียบนะไอ้เชษฐ์” เสียงตะโกนลอดเข้ามายังไม่ทำให้ร่างขาวตกใจจนหน้าซีดเท่ากับคำบอกเล่าของพี่เชษฐ์ บาดเจ็บ!! บอส?? คุณกวินงั้นเหรอ

   “พี่เชษฐ์คุณกวินเป็นอะไรหรือครับ” มือเรียวกำแน่นระหว่างรอคำตอบของพี่ชาย

   “(เอ่อ พี่พูดไม่ได้อ่ะน้องกล้า บอสนอนจ้องหน้าพี่อยู่)” ยิ่งพูดร่างขาวยิ่งรู้สึกเป็นห่วงดวงตากลมเริ่มแดงระเรื่อ

   “พี่เชษฐ์ครับอยู่ไหนครับ” เป็นครั้งแรกที่กล้าถามเรื่องอีกฝ่ายถึงจะแปลกใจแต่เชษฐ์ก็บอกที่อยู่ตอนนี้ให้ กล้ารีบวางสายแล้วไปหยิบกระเป๋ารีบเดินออกไปหาชะเอม

   “เอม เราขอหยุดครึ่งวันนะ” ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบกล้าก็ขอบคุณแล้ววิ่งหนีปล่อยให้ชะเอมยกมือค้างยังไม่ทันที่จะได้ถามเลยว่าเพื่อนหนอนหนังสือของเธอรีบร้อนไปไหน กล้าเรียกแท็กซี่บอกจุดหมายปลายทางมือเรียวประสานแน่นอยู่บนตัก




เชษฐ์ Part

   จากที่แรกกำหนดการของผมจะต้องไปอยู่ชลแล้วแต่บอสผู้ซึ่งไม่เคยสำนึกตัวเองเลยว่าตอนนี้โดนหมายหัว หลังจากรับโทรศัพท์ก็รีบกลับบริษัทหลังจากแก้ปัญหาเสร็จก็หนีกลับไม่บอกคนติดตามเลยโดนลอบทำร้ายแล้วเป็นไง ตอนนี้ก็นอนเจ็บอยู่บ้านนี่ไง

   “บอสจะเอาอะไรอีกไหมครับ”

   “เอาโน้ตบุ๊กมาให้ฉัน” เชษฐ์กรอกตา หลังจากที่หลับไปสามวันตื่นมาก็เรียกจะเอาเอกสาร เอาโน้ตบุ๊ก จนผมต้องสั่งห้ามทุกคนที่เข้ามาดูแลห้ามเอาเข้าให้โดยเด็ดขาดไม่งั้นบอสเขาก็ไม่ยอมพักแน่ๆ

   “ไม่ได้ครับ อ้อเดี๋ยวผมขอไปรอรับแขกก่อนนะครับ นอนพักนิ่งๆถ้าแผลเปิดอีกผมจะให้หมอฉีดยานอนหลับให้”วันก่อนเล่นขยับซะจนแผลฉีกเดือดร้อนหมอที่ต้องรีบมารักษา

   “จะไปไหนก็ไปไอ้เชษฐ์” ผมรีบหนีออกจาห้องไปรอต้อนรับแขกพิเศษดีกว่าบอสเขาจะหายเร็วก็เพราะแขกพิเศษนี่ล่ะ โดนยิงไปตั้งสามนัดรอดมาได้ก็เรียกปาฏิหาริย์แล้ว รอไม่นานก็มีแท็กซี่มาจอดที่รั้วหน้าบ้านผมเห็นได้จากจอมอนิเตอร์ ร่างเล็กที่พอลงจาแท็กซี่แล้วยืนหันซ้ายหันขวา ผมรีบเดินไปที่รั้วที่ตอนนี้น้องกล้าโดนลูกน้องผมเข้าไปล้อมแล้ว

   “เดี๋ยวนั่นแขกฉันเอง”

   “ครับ” ทุกคนรีบกลับไปประจำตำแหน่ง ผมรีบเดินไปหาคนที่ทำหน้าตื่นใบหน้าขาวซีดซะจนเขาสงสาร

   “เข้ามาในบ้านสิ”

   “เอ่อคุณกวินเป็นยังไงบ้างครับ” กล้ารีบเดินเข้ามาจับแขนพี่ชายไว้ดวงตากลมใต้แว่นหนาฉายแววเป็นห่วงอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง

   “ตอนนี้หมอให้พักแล้วก็ห้ามขยับตัว”

   “เป็นหนักมากเลยเหรอครับ” เชษฐ์มองน้องชายตัวเล็กที่มาหาเขาไม่ใช่สิต้องแก้ว่ามาเยี่ยมบอสผมต่างหาก

   “ก็คนไข้ดื้อนิดหน่อยนะ” หันไปมองกล้าที่เอียงหน้าทำหน้างงๆท่าทางน่ารักจนผมหลุดขำพอเห็นผมขำกล้ายิ่งทำหน้างงไปใหญ่เลยพาน้องเดินเข้าบ้านท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของลูกน้องว่าร่างเล็กนี่เป็นใครกันแน่

   “เดี๋ยวขึ้นไปเยี่ยมบอสก่อนก็แล้วกันนะ” พอจะชวนขึ้นไปข้างบนกล้าก็หยุดนิ่งที่บันได

   “ผม...ผมกลับดีกว่า” คิดจะหนีเหรอผมรีบคว้าแขนเล็กนั่นไว้แล้วลากขึ้นไปบนห้องใหญ่ชั้นบนไม่ฟังเสียงท้วงเบาๆของน้องกล้า


   ก๊อกๆ

   “เข้ามา” พอกล้าได้ยินเสียงของบอสก็ตัวแข็งทื่อพยายามที่จะแงะมือผมออกอีก คิดเหรอว่าจะรอด ยาดีสำหรับบอสเขาแบบนี้ไม่ปล่อยไปหรอกนะ รีบเปิดประตูแล้วผลักน้องชายสุดที่รักเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู อ่ะ แถมปิดล็อกจากข้างนอกให้ด้วยเอ๊า หึๆ บอสจะต้องขอบคุณเขา



   กวินมองคนที่โดนผลักเข้ามาในห้องอย่างไม่เชื่อสายตาพอจะลุกไอ้แผลที่อยู่ที่ท้องและไหล่เจ็บจนต้องล้มตัวนอนลงไปอีก

   “โอ๊ย” เจ็บซะจนเขาต้องร้องออกมา อย่าบอกนะว่าเลือดออกอีก

   “อย่าลุกสิครับ” ก่อนที่จะได้พูดอะไรมือขาวๆก็ดันไหล่ข้างที่ไม่บาดเจ็บให้นอนลง กวินมองใบหน้าเนียนนิ่ง ทั้งๆที่อยากจะไปหาแต่สภาพร่างกายนี่สิ

   “เจ็บ”

   “จะ..เจ็บตรงไหนครับ ละ..เลือดออกด้วย”เสียงหวานตื่นตระหนกมองร่างเล็กที่รีบวางกระเป๋ามองซ้ายมองขวาหาอะไรมาเปลี่ยนผ้าพันแผล

   “ไปถามกับไอ้เชษฐ์ก็ได้” คิ้วหนาขมวดแน่นหน้าผากเริ่มมีเหงื่อซีมเพราะอาการปวดหนึบที่แผล ครั้งนี้พวกมันเล่นหนักซะจนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดหายดีเมื่อไหร่จะตามเก็บบัญชีนี้รายตัวผมหลับตาลงซักพักได้ยินเพียงเสียงเปิดปิดประตู

   “คุณกวินครับเดี๋ยวผมเปลี่ยนผ้าพันแผลนะครับ” มืออุ่นๆที่แตะที่แผลทำให้ผมลืมตา ร่างขาวที่ยืนชะโงกหน้ามาดูแผลที่ไหล่เพราะท่าทางดูลำบากผมเลยบอกให้ขึ้นมานั่งบนเตียงท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นๆที่แสนคิดถึง

   “ไม่เป็นไรก็ได้มั้งครับ” ท่าทางลังเลเหมือนตัดสินใจไม่ได้

   “อ่ะ เจ็บ” เพียงแค่ผมอุทานเบาๆน้องก็รีบวางกล่องพยาบาลขึ้นมานั่งบนเตียงข้างที่ไหล่เจ็บ ดวงตาคมมองใบหน้าเนียนที่ตั้งอกตั้งใจทำแผลอย่างเบามือจนเปลี่ยนเสร็จทั้งไหล่และที่ท้อง

   “ทำไมถึงมาตอนนี้ได้ล่ะ” ถามเพราะว่าตอนนี้ยังเป็นเวลางานของน้อง

   “พอดีโทรหาพี่เชษฐ์เลยรู้ข่าวนะครับ” น้องตอบเสียงเบา อะไรคือการที่น้องมีเบอร์ไอ้เชษฐ์วะ แต่ก็รู้สึกดีใจที่มาถึงจะไม่ได้ตั้งใจมาหาเขาก็เถอะ ให้ตายเด็กน้อยชะมัดที่ดีใจกับเรื่องอะไรแบบนี้

   ก๊อกๆ


   “อาหารเที่ยงกับยาครับบอส”  เชษฐ์ที่เห็นว่าได้เวลาทานข้าวแล้วถึงจะแปลกใจเมื่อเห็นกล้าขึ้นไปนั่งบนเตียง

   “งั้นผมกลับนะครับ”

   “โอ๊ะไม่ได้ครับพี่จะไปทำธุระฝากกล้าดูแลบอสได้ไหมครับ” ผมรีบถลึงตาใส่ไอ้ลูกน้องที่เจ้ากี้เจ้าการ ก็ดูน้องตอนนี้สิก้มหน้านิ่ง

   “เอามาวางไว้แล้วไปทำธุระที่ไหนก็ไป ไปส่งกล้าด้วย” อยากจะลุกไปตบหัวมันซักทีที่พอได้ยินผมสั่งมันก็กรอกตาไปมาทำปากขมุบขมิบนี่ผมยังเป็นเจ้านายมันไหม

   “เอ่อ”

   “ออกไปได้แล้ว” ผมตัดบทเพราะแค่น้องมาถึงบ้านเขาก็พอใจแล้ว ไอ้เชษฐ์ถอนหายใจก่อนที่จะยกถาดมาวางที่โต๊ะข้างเตียง

   “ป่ะน้องกล้าเดี๋ยวพี่แวะไปส่งบ้าน ปล่อยบอสพี่นอนแห้งอยู่นี่ล่ะ” ผมหลับตาลงได้ยินเสียงปิดประตู คงจะไปแล้วสินะน่ารำคาญแผลที่แค่ขยับเลือดก็ไหลซึมออกมาแล้วให้ตายเถอะ ได้แต่หงุดหงิดตัวเองยังดีที่เจ็บแค่ข้างเดียว ด้วยความที่ลูกน้องแต่ละคนรู้ดีว่าไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในห้องต่อให้เจ็บแค่ไหน แต่ไอ้เชษฐ์ห้ามมันได้ซะที่ไหน


   “ชิส์” ได้แต่จิปากเมื่อขยับพิงหมอนแล้วเอื้อมไปหยิบแก้วยาหลายเม็ดมากิน ข้าวตงข้าวต้มไม่ต้องกินมันหรอก แต่ก่อนที่จะกรอกยาเข้าปากประตูห้องก็เปิดซะก่อน

   “ทำอะไรนะครับ” หยุด ทุกอย่างหยุดรวมทั้งผมที่นิ่งจนมือขาวมาหยิบแก้วยาออกจากมือแล้วนั่งลงข้างๆ

   “ไม่ได้กลับไปแล้วเหรอ” ถามขึ้นเมื่อตั้งสติได้

   “ถ้ากลับก็ไม่เห็นคุณกวินไม่ยอมกินข้าว” จมูกรั้นย่นให้กับความรั้นถ้าเขากลับคงไม่เห็นคนเจ็บที่ไม่ยอมกินข้าวหรอก
   “ก็...”

   “เดี๋ยวผมป้อน” กล้าถือถ้วยข้าวต้มใช้ช้อนตักขึ้นจ่อริมฝีปากบางเป่าเบาๆแล้วค่อยยื่นไปจ่อปาคนเจ็บที่ยังมองหน้าเขานิ่งก่อนที่จะอ้าปากรับข้าวต้ม ในห้องมีเพียงเสียงช้อยกระทบชามกล้าบรรจงป้อนข้าวต้มจนจะหมดชามเมื่อเห็นคนเจ็บอิ่มแล้วเขาก็หยิบยาส่งให้

   “ทานยาก่อนครับ” คนเจ็บรับยาส่งเข้าปากแก้วน้ำก็ถูกยื่นมาจ่อริมฝีปากแถมยังหยิบทิชชู่มาเช็ดขอบปากผมให้อีก ประคองให้ผมลงไปนอน เมื่อได้รับการดูแลอย่างดีคนเจ็บยิ้มกว้างลืมความเจ็บแผลไปเรียบร้อย

   “ขอบคุณนะ”ผมคว้ามือขาวมากุมไว้แน่นเมื่อฤทธิ์ยาออก ตาคมเริ่มปรือแต่ไม่อยากปล่อยมือที่ให้ความอบอุ่นนี้ไปสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนที่สติจะหายไปคือรอยยิ้มหวานของคนที่กุมมือตอบ
**************************************************
ฮืออออออออออ
ไม่ว่างเลยค่ะทั้งงานราษฎและงานหลวงรุมเร้าเหลือเกิน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่เป็นกำลังใจให้เขียนต่อ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราบ้างนะคะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
9
   
หลังจากที่ผล่อยหลับเพราะฤทธิยาคนเจ็บรู้สึกตัวขึ้นมาข้างนอกก็มืดไปซะแล้ว กวินกระพริบตาไปสองสามทีเรียกสติ คนตัวเล็กคงจะกลับไปหลังจากที่ผมหลับแล้วสินะทั้งๆที่คิดอย่างนั้นสัมผัสที่กุมมือไว้นั้นแสดงว่าผมคิดผิด ผงกหัวขึ้นมองเห็นเพียงหัวทุยที่นอนซบแขนตัวเองหลับสนิท มืออีกข้างนั้นยังถูกมือผมกุมไว้แน่น นี่นอนเฝ้าเขาตลอดเลยเหรอ ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะปลุกดีหรือเปล่าประตูก็เปิดออก ไอ้เชษฐ์เดินเข้ามาหน้าตาระรื่น

   “แฮ่ม ตื่นแล้วเหรอครับบอสให้ผมเอาข้าวขึ้นมาให้เลยไหมครับ” อย่าคิดว่าฟังน้ำเสียงล้อๆของมันไม่ออกนะได้แต่ถลึงตาใส่ลูกน้องตัวดี

   “น้องนอนหลับไปนานหรือยัง”

   “ก็หลังบอสไปไม่เท่าไหร่ครับท่าทางจะเพลีย” ผมพยักหน้ารับแต่จะให้นอนแบบนี้คงจะไม่สบายตัว

   “ไปยกขึ้นมาเลย”

   “แล้วน้องล่ะครับ”

   “เดี๋ยวฉันปลุกเอง” ผมรีบห้ามทันทีเมื่อไอ้เชษฐ์ทำท่าจะเดินเข้ามาหาน้อง ให้ตายเถอะผมไม่เคยรู้สึกหวงอะไรแบบนี้เลยซักครั้งในชีวิตนี้ ไอ้ลูกน้องตัวดีหัวเราะในลำคอก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป หึ เห็นทีคำสั่งไปชลคงจะเลื่อนเร็วขึ้นอีกถึงจะยังไม่หายก็จะให้มันไป เลิกคิดวุ่นวายกับไอ้เชษฐ์แล้วหันไปปลุกคนเล็กที่นอนหลับสนิท เรื่องน้องนอนขี้เซานั้นผมรู้ดีเหมือนตอนที่แอบเข้าบ้านนั่งเฝ้าเป็นชั่วโมงน้องก็ยังไม่คิดจะตื่น

   “กล้า.....กล้าครับ...น้องกล้า” เขย่ามือเรียกน้องเบาๆจนหัวทุยๆค่อยๆสเงยหน้านี่หลับทั้งๆไม่ถอดแว่นเลยนี่นะ ตากลมโตใต้แว่นกระพริบถี่ท่าทางงงๆเหมือนกำลังคิดว่าตัวเองอยู่ที่ไหนนั้นน่ารักซะจนผมหลุดขำ

   “ไปล้างหน้าก่อนไหมครับ” พอหันมาทางผมตากลมนั่นยิ่งเบิกกว้างกว่าเดิมแถมแก้มขาวนั้นยังแดงระเรือเพราะผมบีบมือขาวที่กุมไว้

   “อ่า ครับ” น้องหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหน ยิ่งเห็นผมยิ่งคิดว่าน้องเหมือนกระต่ายเข้าไปทุกที

   “อยู่ด้านหลังตรงมุมนั้น ในห้องน้ำมีผ้าขนหนูที่พี่ยังไม่ได้ใช้กล้าใช้ได้เลย” พูดจบน้องก็ยังนั่งนิ่งไม่ขยับตัว

   “ปะ...ปล่อยมือได้ไหมครับ” อ่าวลืมไปเลยว่าจับมือน้องไว้ผมปล่อยมือน้องด้วยความเสียดาย พอปล่อยน้องก็กระโดดแผล็วเข้าห้องน้ำ พอดีกับไอ้เชษฐ์ยกถาดอาหารเข้ามาพอวางไว้ก็เดินออกไป ไม่นานน้องก็เดินออกมาจากห้องน้ำท่าทางมองซ้ายมองขวาอยากจะหนีกลับ

   “อ่าหิวจัง” พอน้องได้ยินน้องก็รีบเดินเข้ามาหา

   “พี่เชษฐ์ไปไหนเหรอครับ” รู้ดีที่น้องถามเป็นเพราะจะหาทางหนีแล้วให้เชษฐ์ดูแลผมแน่ๆ

   “เชษฐ์ไปทำงานต่อแล้ว”

   “ดึกแบบนี้นะเหรอครับ” ตากลมเบิกกว้าง ถ้าน้องรู้ว่าบางทีพวกเขาแทบไม่ได้นอนเลยสองวันตาคงโตกว่านี้แน่ๆ

   “ใช่ เพราะพี่เจ็บอยู่เชษฐเลยต้องทำแทนพี่”

   “ทำงานหนักแบบนี้ตลอดเลยเหรอครับ” น้องขยับเข้ามาใกล้ช่วยผมให้พิงหมอนแล้วยกชามข้ามต้มค่อยๆเป่าแล้วป้อนผม พอกินไปได้สองคำผมก็ปิดปากแน่

   “ไม่ทานแล้วเหรอครับ”

   “กล้าทานด้วยสิไม่งั้นพี่ก็ไม่กิน” จะให้ผมทานคนเดียวได้ยังไงกัน ไม่รู้เลยว่าตอนที่น้องมาน้องได้กินข้าวมาแล้วหรือยัง

   “คุณกวินกินก่อนก็ได้ครับ”

   “กินด้วยกัน” แม้จะเคืองๆที่น้องยังไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ซักทีแต่ก็เป็นห่วงคนตัวบาง กล้าที่เห็นสายตาคมกดดันพอสบสายตานี้เขาโต้แย้งอะไรไม่ได้ เลยได้แต่พยักหน้า ป้อนคนเจ็บคำให้ตัวเองอีกคำจนคนเจ็บยิ้มพอใจยอมว่าง่ายทั้งกินข้าวกินยาไม่โดยไม่อิดออด คนเจ็บมองกล้าที่หันซ้ายหันขวา

   “ผมกลับล่ะนะครับ” เพียงคำสั้นๆก็ทำให้คนเจ็บรู้สึกเจ็บแผลขึ้นกะทันหัน

   “ช่วยทำแผลให้พี่ได้ไหม นี่ก็ดึกแล้วพักที่นี่เถอะนะ”

   “ทำแผลเสร็จผมค่อยกลับก็ได้ครับ” คนตัวเล็กยังยืนยันที่จะกลับบ้าน นี่มันก็ดึกแล้วไม่อยากให้กลับเลย

   “ค้างที่นี่เถอะนะครับ พี่เป็นห่วง” เพียงถ้อยคำสั้นๆกับน้ำเสียงทุ้มทีวอนขอทำให้กล้าเผลอพยักหน้าลงโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีคนเจ็บก็ยิ้มกว้างทำลายระบบความคิดเขาไปหมด

   “เดี๋ยวผมทำแผลให้นะครับ” กล้าปีนขึ้นเตียงก้มหน้าก้มตาทำแผลไม่ยอมสบสายตาคมที่ที่มองทุกการกระทำ กล้าอยากจะถามเหลือเกินว่าจ้องอะไรเขาหนักหนาพยายามที่จะจดจ่อกับแผลเมื่อการทำแผลเพราะคนเจ็บนั้นไม่ได้ใส่เสื้อมีเพียงผ้าพันแผลสีขาวพันช่วงไหล่และช่วงเอวสอบ จนกระทั่งเสร็จมันคงเป็นการทำแผลที่ทำให้หัวใจเขาทำงานหนักมาก

   “พี่มีเสื้อผ้าใหม่กับผ้าขนหนูอยู่ในตู้กล้าหยิบไปใช้ได้เลยนะ”

   “ขอบคุณครับ” กล้าบอกเบาๆแล้วลงจากเตียง ผมหลับตาเพื่อให้น้องสะดวกใจกับการใช้ห้องเลยแกล้งทำเป็นหลับได้ยินเพียงเสียงกุกกักทั้งๆที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับห้องนอนและไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามในนี้แต่เขาก็รู้สึกดีที่มีน้องอยู่ในห้อง ความรู้สึกมันชัดเจนจนไม่รู้ว่าจะชัดเจนยังไงแล้ว เหลือก็เพียงเปิดประตูทีน้องไม่ยอมให้เขาเข้าไปซักที






   กล้ายืนกุมแก้มที่มันร้อนฉ่าจนรู้สึกได้เรียวปากบางขบเม้มจนเป็นเส้นตรงดวงตากลมใต้แว่นสั่นไหว อาการหัวใจเต้นแรงจนก้องอยู่ในหู ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจยิ่งเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง พอเห็นอาการเจ็บหนักของคุณกวินครั้งแรกหัวใจเขาก็ปวดหนึบขาแทบก้าวไม่ออก แถมยังเผลอหลับไปอีก

   “ฮือออ ทำอะไรลงไปนะกล้า” ลูบแก้มที่ตอนนี้แดงก่ำ จริงอยู่ที่อยู่ต่อหน้าเขาอาจจะไม่แสดงอาการอะไรแต่ในใจนี่เต้นรัวจนกลัวคุณกวินได้ยิน หายใจเข้าลึกๆเรียกสติก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำพอแต่งตัวเหมือนเขาแอบเอาเสื้อพ่อมาใส่ทั้งเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มขายาวที่มันเลยขาผมไปอีกจนต้องพับขึ้นสองทบ มองดูสภาพตัวเองด้วยความรันทด ผึ่งผ้าขนหนูไว้กับราวในห้องน้ำแล้วค่อยเดินออกมามองคนเจ็บที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะเดินไปล้มตัวนอนที่โซฟาใหญ่ในห้อ

   “กล้าขึ้นมานอนบนเตียง” ยังไม่ได้ทันที่จะได้หลับตาเสียงทุ้มจากคนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็ดังขึ้น

   “แต่ว่าแผลคุณกวิน”

   “ไม่เป็นไรเตียงออกจะกว้างขึ้นมานอนตรงนี้เถอะ”

   “ไม่เป็นไรครับผมนอนตรงนี้ก็ได้” ใครจะกล้าขึ้นไปนอนตรงนั้นล่ะแค่ทำแผลใจเขาก็ทำงานหนักแล้ว

   “อย่าดื้อสิ”

   “ผมไม่ได้ดื้อนะ” อยากจะเถียงเหลือเกินว่าใครกันแน่ที่ดื้อ คนเจ็บต่างหากที่ดื้อแสนดื้อจนเผลอย่นจมูกเบ้ปากใส่คนที่ว่าเขาดื้อ

   “ไม่ดื้อก็นอนที่นี่สิครับ”

   “ผมจะนอนนี่” ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจหนักเหมือนยอมแพ้

   “งั้นก็ไปหยิบผ้าห่มในตู้มาครับเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” เมื่อเห็นว่าคุณกวินยอมผมก็รีบวิ่งไปเปิดตู้เอาผ้าห่มทันทีล้มตัวนอนบนโซฟาที่ใหญ่กว่าตัวเขามากแถมยังนอนสบายซะจนผ่านไปแปบเดียวก็หลับไปแล้วทั้งๆที่ไม่ใช่ที่บ้านไม่ใช่เตียงตัวเองแต่ความสบายใจนี้ทำให้ผมหลับแทบจะทันที

   เสียงหายใจประสานในห้องเงียบสะงัดสองร่างที่นอนหลับสนิทกันคนละมุมแต่กลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทั้งๆทีแอร์เย็นเฉียบ(ใช่เวลาเล่นเหรอ)




   แสงสว่างยามเช้าส่องผ่านรอยแยกผ้าม่านแต่สองร่างยังนอนหลับสนิทจนคนที่แอบเปิดประตูห้องเข้ามาส่องหลุดยิ้มแล้วค่อยๆปิดประตูเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสองคนที่ยังหลับอยู่ แต่เพียงแค่เสียงปิดประตูเบาๆคนบนเตียงก็รู้สึกตัวตื่นแล้ว หันไปมองที่โซฟาหลุดยิ้มกับท่านอนที่คุ้นตา ม้วนตัวเป็นก้อนกลมกับผ้าห่ม กวินค่อยๆหยัดตัวขึ้นยังดีที่แผลเขาไม่ได้ปวดเท่าไหร่

   “อ่า” ยกมือกุมแผลที่ท้องที่ปวดจิ๊ดๆ ก่อนค่อยๆลงจากเตียงเดินกระเพลกเข้าห้องน้ำปล่อยให้คนตัวเล็กนอนหลับอย่างสบาย ทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็โทรให้ไอ้เชษฐเอาเอกสารงานมาให้ขยับได้ขนาดนี้แล้วจะให้นอนนิ่งๆงานการก็ไม่เดินซักที ค่อยๆเดินไปที่โซฟาวันนี้น้องต้องไปทำงาน

   “กล้า..ตื่นได้แล้ว” เขย่าตัวน้องเบาๆซักพักน้องก็ตื่นท่าทางงัวเงีย

   “ลุกได้แล้วเหรอครับ ไม่เจ็บแผลเหรอ” หลังจากที่นั่งเรียกสติไม่นานน้องก็รีบถามเพราะเห็นผมยืนอยู่
 
   “เจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไร วันนี้กล้าไปทำงานเดี๋ยวพี่ให้คนไปส่ง”

   “เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ครับ” มองคนที่ดื้อกับผมซะเหลือเกิน

   “หรือจะให้พี่ไปส่งเองครับ พี่ไปได้นะ” ตาโตสะบัดค้อนให้เรียวปากเม้มอย่างรู้สึกขัดใจที่คนตัวโตบังคับหันไปพับผ้าห่มวางไว้ที่ปลายเตียงแล้วหนีเข้าห้องน้ำ กวินเดินไปหยิบเสื้อมาใส่ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่างปล่อยให้น้องใช้ห้องตามสบาย

   “ลงมาทำไมครับนาย” ไอ้เชษฐ์ที่กำลังจัดเอกสารหันมามองเขา

   “ให้เดินบ้างเถอะ แผลฉันดีแล้ว ป้าน้อมทำกับข้าวอะไรล่ะวันนี้” เดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว บ้านหลังโตมีเพียงผมไอ้เชษฐ์และป้าน้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนซึ่งมีบ้านอยู่ในรั้วเดียวกันบ้านใหญ่มีเพียงผมอยู่คนเดียว

   “ป้าทำข้าวต้มกุ้งให้ค่ะ” ยังไม่ทันไอ้เชษฐ์ได้ตอบ ป้าน้อมก็ยกถาดข้าวมาเสิร์ฟถึงที่ ป้าน้อมป้าแม่บ้านที่เหมือนเป็นแม่อีกคนของผมร่างท้วมๆแต่ทำอะไรคล่องแคล้วเลี้ยงดูผมกับไอ้เชษฐ์มาด้วยกัน

   “หอมจังเลยครับ ผมขออีกที่นะครับ”

   “ได้ค่ะ” ป้าน้อมเดินเข้าห้องครัวพอดีกับน้องลงมาจากห้อง

   “อรุณสวัสดิ์น้องกล้า” ไอ้นี่ก็ตัดหน้าตลอด

   “มานั่งกินข้าวด้วยกันก่อนนะเดี๋ยวเชษฐ์จะไปส่ง”

   “ครับ” น้องวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆไอ้เชษฐ์ก็ลุกมาร่วมโต๊ะ

   “หลับสบายไหมครับ” เชษฐ์ถามน้องซึ่งน้องส่งยิ้มบาง

   “สบายครับ” พอดีกับป้าน้อมยกถาดข้าวต้มมาน้องรีบยกมือไหว้ป้าน้อมยิ้มเอ็นดูแถมยังบอกน้องทานเยอะๆอีก นั่งกินกันเงียบๆ

   “ป่ะเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ทั้งเชษฐ์และกล้าเตรียมตัวที่จะออกจากบ้านแล้วผมขยับเข้าไปใกล้ถือวิสาสะกุมมือน้องไว้

   “ถ้าพี่หายเดี๋ยวพี่จะยืมหนังสือนะ” ร่างเล็กไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้าเบาๆนั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างแล้วเห็นทีผมต้องรีบหายเพื่อที่จะได้ไปหากล้าที่ห้องสมุดซะแล้ว





   หลังจากที่กล้ามาเยี่ยมก็ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆแล้วแผลที่ถูกยิงก็แทบหายดีแล้วร่างสูงในชุดสูทพอดีตัวใบหน้าคมสวมแว่นตาสีชาเดินเข้าตึกพร้อมกับขบวนชายชุดดำตามหลังบรรยากาศเย็นยะเยือกและน่าหวาดหวั่นจนพนักงานในตึกหวาดหวั่นแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง เมื่อร่างสูงและคนติดตามเดินเข้าลิฟท์ไป ทุกคนถึงได้รู้ตัวว่าเมื่อซักครู่พวกเขานั่นกลั้นหายใจ ทำไมถึงน่ากลัวแบบนี้นะ

   “บอสจะเข้าไปคนเดียวจริงๆนะเหรอครับ”

   “หึ แค่ฉันรอดตายมาได้มันก็คงร้อนรนจะเป็นจะตายอยู่แล้ว” รอยยิ้มเย้ยยันแผลมันหายแต่มันก็เป็นรอยแผลเป็นและคนที่ทำมันก็ต้องรับผลที่ทำ

   “แต่คุณเชษฐ์ให้พวกผม..”

   “พอ..ไม่ต้องพูดถึงมัน” ผมรีบยกมือห้ามเพราะเพียงพูดถึงหูก็เหมือนได้ยินเสียงบ่นไอ้เชษฐ์ลอยเข้าหูเลยทีเดียว เมื่อลูกน้องแต่ละคนเชื่อไอ้เชษฐ์มากกว่าผมจะห้ามอะไรได้ เดินขึ้นไปยังห้องประธานใหญ่

   “ดะ........เดี๋ยวค่ะ ต้องนัดไว้ก่อนนะคะ” เลขาหน้าห้องที่เพียงสบตาก็ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ส่งยิ้มเย็นก่อนที่จะพังประตูห้องเข้าไปไม่สนใจเสียงหวีดร้องของเลขาหน้าห้อง

   ปัง

   “ไง”

   “แกอ..ไอ้กวิน” ร่างท้วมของคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะผุดลุกขึ้นยืน ท่าทางตื่นตระหนกและหวาดกลัว หึรีมฝีปากหนายกยิ้มเหยียด

   “ทำหน้าเหมือนเห็นผีเลยนะครับ” น้ำเสียงสบายๆพร้อมกับยกมือสั่งลูกน้องให้ยืนรอตรงประตูก่อนร่างสูงจะก้าวไปนั่งเก้าอี้อย่างถือวิสาสะมือใหญ่ประสานอยู่บนตัก

   “แกมาที่ทำไม”

   “ก็แค่มามาบอกว่ายังไม่ตายและมาคิดบัญชี”

   ปัง!!

   “บัญชีเหี้ยอะไรไอ้เด็กเวร” โดนด่าว่าเด็กเวรอีก มองคนร้อนรนที่โวยวายปิดบังความรู้สึกสึกหวาดกลัวที่ฉายชัดออกมาทางแววตามือประสานกันนิ่งไม่ได้หวาดหวั่นกับท่าทางที่เล่นใหญ่จนเกินจริง

   “อืมนั่นสินะครับ เอาเป็นว่าเตรียมรับการคิดบัญชีจากผมดีๆก็แล้วกันนะครับ ขอให้มีความสุขกับทรัพย์สมบัติก่อนที่จะไม่มีโอกาสนะครับ” รอยยิ้มเย็นที่ทำให้คนมองรู้สึกเย็นยะเยือกแต่แผ่นหลังท้วมชุ่มไปด้วยเหงื่อ คนอย่างกวินในเมื่อถ้าคิดจะเล่นงานก็ต้องเตรียมรับผลที่กล้ามากระตุกหนวดเขา ส่งรอยยิ้มเย็นแล้วลุกขึ้นเดินกลับสายตาคมที่มองเหมือนเป็นตัวอะไรที่ไม่ควรค่า ตอนมาทำให้ทุกคนหวาดหวั่นขากลับยิ่งทำให้ทุกคนหลีกหนี

   
   “จะไปไหนต่อครับนาย” ใบหน้าที่ยังคงเย็นชาวันนี้ที่เขาไปพบตาแก่จิ้งจอกนั่นก็เพื่อบอกและเตือนพวกที่รวมมือว่าผมจะไม่ตั้งรับอีกต่อไปแล้ว ทีแรกว่าจะรอก่อนแต่เมื่อเล่นแรงแบบนี้ก็ไม่คิดจะเอาไว้เหมือนกัน ทั้งๆที่ทำธุรกิจมือสะอาดแต่ไอ้พวกโลภมากยังมาวุ่นวาย

   “แวะไปเอาขนมก่อนแล้วค่อยไปห้องสมุด” ขนมที่ร่างบางบอกว่าอร่อยทีแรกก็แค่ต้องการหาอะไรตอบแทนไอ้เซษฐ์แนะนำให้ซื้อไปให้ พอไอ้เชษฐ์บอกมาว่าอร่อยก็สั่งคนให้ไปสั่งจองเป็นเดือน จนไอ้เชษฐ์บ่นว่าทุ่มเทเกินไป สั่งให้ลูกน้องไปรับขนมแล้วก็ตรงไปห้องสมุดตั้งแต่เจอกันวันนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออีกเลย ไอ้เชษฐ์ก็โดนผมเนรเทศไปคุมงานที่ชลเมื่อสองวันก่อน พอรถจอดที่หน้าห้องสมุดผมก็ถือเอาถุงขนมลงไป

   “จะให้ผมไปด้วยไหมครับนาย”

   “ไม่ต้องเดี๋ยวตอนเย็นค่อยมารับฉัน” ไม่ทันที่พวกผู้ติดตามจะได้พูดอะไร ร่างสูงก็ก้าวขายาวเดินหนีเข้าห้องสมุด

   “โอ๊ะลมอะไรหอบพี่กวินมานี่คะ” ชะเอมร้องทักคนที่หายไปจะเป็นเดือนเดินถือถุงขนมแบรนด์ดังแต่เห็นทีขนมจะเป็นม่ายซะแล้ว

   “ลมอะไรก็ช่างเถอะ กล้าอยู่หรือเปล่า” ผมเลือกที่จะเมินรอยยิ้มแปลกๆจากชะเอม สายตาคมกวาดมองหาร่างเล็กแต่ก็ไม่เจอ

   “แว่นน้อยไม่อยู่ แว่นน้อยไม่มาทำงานสามวันแล้ว” ได้ยินผมก็แทบจาหยน้องเป็นอะไรทำไมถึงได้ไม่มาทำงานด้วยนิสัยของกล้าคงไม่ทิ้งงานแบบนี้

   “กล้าเป็นอะไร”

   “ไม่รู้สิคะ” ไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มบนใบหน้าชะเอม ผมรีบหมุนตัวเดินออกจากห้องสมุดเดินไปหาลูกน้องที่รออยู่ที่รถ

   “ไปบ้านกล้า” ถึงลูกน้องจะทำตามคำสั่งทันทีแต่ก็ไม่เร็วทันใจผมเลย น้องเป็นอะไรทำไมถึงไม่มาทำงาน
*************************************************
หมดแรงทอคล์ แวะมาลงนิยายนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
10
รถคันหรูขับด้วยความเร็วมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กไม่รอให้ลูกน้องทั้งสองคนเดนลงมาเปิดประตูกวินก็เปิดประตูรถเดินเข้ารั้วบ้านขายาวๆนั้นก้าวไปจนถึงประตูบ้านลองหมุนลูกบิดดูก็รู้ว่าไม่ได้ล็อก กล้าจะเป็นอะไรไหม??
   “กล้า!! กล้า!!” เสียงตะโกนดังลั่นบ้านพร้อมกับร่างสูงที่กวาดสายตามองรอบๆด้านล่างแล้วไม่เห็นคนตัวเล็กก็หมุนตัวเดินขึ้นชั้นสองของบ้านหยุดที่หน้าห้องนอนที่เขาเคยเข้าไปนอนหมุนลูกบิดเข้าไปก็เห็นร่างขาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงยิ่งทำให้ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มรีบเดินเข้าไปที่เตียงแตะเบาๆที่หน้าผากเนียนถ้าหากน้องไม่สบายจะได้รีบพาไปโรงพยาบาล แต่สิ่งที่พบคืออุณหภูมิปกติและลมหายใจเข้าออกที่ดูเหมือนว่า......น้องกำลังหลับ ผมถึงกับถอนหายใจแรงทั้งเพราะความโล่งอกทั้งจากจะบีบคนที่หลับอุตุให้สมกับที่ทำผมตกใจ นี่ขนาดเรียกเสียงดังแทบจะปลุกคนทั้งหมู่บ้านแต่ตัวเล็กก็ยังหลับอุตุได้ไม่สนใจโลกไหนจะบ้านที่ไม่ยอมล็อกประตูอีก มันน่าลงโทษซะให้เข็ด มองดูกองหนังสือเก่าที่วางไว้เป็นระเบียบด้านล่างทั้งยังอุปกรณ์หลายสิ่งที่ดูท่าน้องคงจะทำงานจนเหนื่อยแล้วหลับไป ผมเดินไปปิดผ้าม่านก่อนที่จะลงไปหยิบเอาขนมและบอกให้ลูกน้องกลับบ้านไปก่อน แล้วผมก็นอนเล่นที่โซฟาด้านล่างรอกล้าตื่น

   ผมหอบเอางานกลับมาทำโดยความช่วยเหลือจากซะเอมที่เอารถขนมาส่งให้หนังสือเก่าพวกนี้เป็นหนังสือที่ผมต้องเอามันกลับมารักษาดูแลเพราะเป็นงานที่ชอบเลยเผลอทำโต้รุ่งวันนี้เลยหมดแรก นอนบิดขี้เกียจซักพักแล้วค่อยลุกขึ้นจากเตียง
   “หือ เราปิดผ้าม่านด้วยเหรอ” ได้แต่เกาหัวงงๆเรียวปากสีเชอร์รี่อ้าปากหาวแม้ใบหน้าขาวจะซีดไปหน่อยเพราะการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างบางคว้าแว่นตาเดินเข้าห้องน้ำหลังจากเสร็จธุระแล้วก็เดินลากเท้าลงมาข้างล่างไม่ได้สังเกตว่ามีคนอยู่ในบ้านเดินผ่านโซฟาทั้งๆที่ตาจะปิดหายไปในห้องครัว
   “หิวจัง” บ่นเสียงเบาขณะที่เปิดตู้เย็นแล้วพบเจอกับความว่างเปล่าลืมไปซื้อของเข้าบ้านอีกแล้ว มือขาวลูบเบาๆที่ท้องก่อนที่จะเทน้ำมาจิบ
   “พี่มีขนมกินไหม”
   “ว๊ากกกก” เพราะจู่ก็มีใครมากระซิบที่ข้างหูทำให้ผมตกใจร้องดังลั่น พอหันกลับไปก็เห็นร่างสูงของคุณกวินที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่ มาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ เพราะมัวแต่ตกใจเลยได้แต่อ้าปากค้างทำตาโตเหมือนตัวจะแข็งทื่อไปแล้วด้วยซ้ำ
   กวินมองภาพคนที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มุมปากยกยิ้มอย่างอดไม่ได้เห็นตั้งแต่ร่างบางลงมาแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอยู่จนเดินมาชิดตัวก็ยังไม่รู้อีก  ถือโอกาสที่ร่าบางกำลังงงฉวยข้อมือเล็กจูงไปที่โต๊ะจับไหล่ให้นั่งลง
   “อ่ะนี่พี่ซื้อมาฝาก....กล้า...น้องกล้า” เหมือนคนตรงหน้ายังไม่ได้สติ ผมเลยยกมือโบกผ่านหน้า ตาโตกระพริบถี่ๆหลังจากตั้งสติได้กล้าก็ขยับถอยห่างแก้มป่องนั้นแดงระเรื่อ
   “มาได้ยังไงล่ะครับ” กล้ายกมือขยับแว่นเพราะรู้สึกขัดเขินจนไม่กล้ามองหน้า
   “ก็ไปหาที่ห้องสมุดแล้วไม่เจอ เลยมาที่บ้าน” ข้ามเหตุผลที่โดนหลอกให้คิดไปไกลจากชะเอม
   “พอดีผมทำงานนะครับ”
   “นี่พี่ซื้อมาฝาก” ผมขยับถุงเค้กไปตรงหน้า ตากลมส่องประกายถูกใจเมื่อเห็กเค้กที่พี่เชษฐ์ถือมาฝากโดยตลอด
   “ขอบคุณครับ” กล้ายกมือไหว้พร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่ไม่ปิดบัง
   “ชอบมากเลยสินะ”
   “ครับ ซื้อมาจากที่ไหนครับ ผมจะได้ไปซื้อมากินเองบ้าง” กล้าถามพร้อมกับค่อยๆแกะกล่องเค้ก ชีสเค้กนุ่มๆกลิ่นหอมกระจายทั่วห้องทันทีที่เปิดกล่อง
   “พี่ซื้อมาให้ไม่ดีเหรอครับ” กวินขยับตัวเข้าไปใกล้เพราะน้องส่งส้อมที่มีมาให้
   “ผมเกรงใจ”
   “แต่พี่เต็มใจ” ทั้งผมและน้องต่างนิ่ง  มองใบหน้าขาวที่ก้มลงแทบชิดคาง “พี่อยากสนิทกับกล้าไม่ใช่แค่คนที่ไปยืมหนังสือ"
   “ก็เราสนิทกันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ” กล้าถามกลับ
   “เป็นเพราะพี่ก้าวเข้ามาใช่รึเปล่า” เป็นเพราะเขากล้าหรือจะเรียกว่าดื้อด้านก็คงไม่ผิด ถ้าหากเป็นปกติกว่าน้องจะสนิทใจด้วยคงใช้เวลาเป็นเดือนๆแบบไอ้เชษฐ์แต่กับผมที่เหมือนพยายามทู่ซี้เข้ามาน้องก็ยังคงไม่สะดวกใจและยังคงทิ้งระยะห่างจากผมอยู่ดี
   “.....” กล้าเงียบเป็นคำตอบนั่นทำให้ผมถอนหายใจแต่ก็เข้าใจดี
   “กินขนมเถอะ พักผ่อนด้วยนะ พี่กลับก่อน”  แต่ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นแรงกระตุกเบาๆปลายเสื้อจากคนที่นั่งก้มหน้าอยู่
   “ตลอดอ่ะชอบทำให้ผมรู้สึกแย่แล้วก็หนีไป” ได้แต่ยืนอึ้งๆ เมื่อเห็นสีหน้าของกล้า คิ้วเรียวขมวดแน่นปากบางนั้นยู่อย่างขัดใจแถมยังแก้มแดงระเรื่อนั่นอีก ทำไมน่าเข้าไปลูบจังเลยนะรีบเบือนหน้าหนีท่าทางน่ารักของกล้าจนทำให้เขาอยากเข้าไปฟัด พึ่งรู้ตัวว่าแพ้อะไรๆน่ารัก ร่างสูงขยับไปนั่งข้างๆมีเพียงความเงียบและชายเสื้อที่ถูกกำไว้
   “พี่ขอโทษครับ”
   “อย่ามาทำเสียงแบบนั้นนะ” เสียงหวานเหวทั้งๆที่ก้มหน้าซ่อนแก้มแดงก่ำที่ยังไงก็ซ่อนไม่มิด เสียงทุ้มๆที่กล้าชอบแต่ก่อนเวลาที่จะได้ยินมีเพียงแค่วันหยุดแต่ตอนนี้เขากลับได้ยินมันบ่อยๆและมันทำให้หัวใจเขาทำงานหนัก
   “โอเค ๆ รีบทานเถอะเดี๋ยวจะไม่อร่อย” ร่างสูงมองกล้าที่บ่นพึมพำเรียวปากบางยู่อย่างขัดใจหันไปตักชีสเค้กเข้าปากโดยที่มืออีกข้างยังกำชายเสื้อเขาไว้ มองเสี้ยวหน้าขาวที่อมยิ้มที่ดูถูกอกถูกใจกับเค้กแสนแพง
   “งานทำเสร็จแล้วเหรอ” กวินหาเรื่องคุยไปเรื่อยยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดเรื่องอะไรที่เขาจะพลาดโอกาสล่ะ
   “ยังครับเหลืออีกเยอะเลย” คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเมื่อคิดถึงงานที่ยังไม่เสร็จอย่างหนักใจเพราะวันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วที่เขาจะต้องทำงานให้เสร็จมีหนังสือหลายเล่มที่มีคนต้องการจะยืมแต่งานเสร็จเพียงครึ่งเดียว
   “พี่ช่วยได้ไหมจะได้เสร็จเร็วๆ” กวินเสนอถ้าน้องตกลงเขาก็ได้ข้ออ้างแบบเนียนๆโดยที่ไม่ต้องทำหน้ามึนแอบเนียนอยู่ใกล้คนตัวเล็ก กล้ารีบหันขวับมามองใบหน้าคมถึงจะจ้องได้เพียงครู่เดียวก็เถอะกล้ารีบพยักหน้ารัวๆได้คนช่วยถึงจะทำไม่เป็นแต่ก็ยังดีกว่าทำคนเดียวมั้ง
   ทั้งสองคนต่างตั้งหน้าตั้งตากินเค้กทั้งๆที่กวินไม่ได้ชอบของหวานซักเท่าไหร่แต่ถ้ากินกับคนข้างๆเขาก็ยอมทุกอย่าง กินเสร็จร่างบางก็หายเข้าไปในครัวกวินเลยถือโอกาสถอดสูทเนื้อดีวางพาดโซฟาแผลที่ถูกยิงนั้นดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายสนิทเอนหลังพิงโซฟาเพราะเริ่มปวดหนึบแผลที่ท้องถึงภายนอกจะดูดีแต่ภายในยังเจ็บอยู่ถ้าหากนั่งนานๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน
   “เป็นอะไรไปนะครับ” กล้าถือแก้วน้ำกลับมาแล้วเห็นคนตัวโตนั่งกุมท้องพิงโซฟาหรือว่าแผลยังไม่หายดี
   “ปวดแผลนิดหน่อยครับ” นั่นไงล่ะคิดไว้ไม่ผิดเพราะแผลที่เขาเห็นนั้นมันลึกจนงไม่มีทางที่จะหายดีภายในวันสองวันหรอก กล้าวางแก้วลงบนโต๊ะ
   “เดี๋ยวผมดูให้ครับ” เสียงหวานบอกเบาๆแล้วนั่งลงบนพื้นพรมเพื่อจะได้ดูแผลที่ท้องได้ชัดๆ กวินขยับตัวเพื่อดึงชายเสื้อออกจากกางเกงแล้วค่อยๆปลดกระดุมเผยให้เห็นกล้ามท้องแกร่งที่สาวๆหลายคนอยากลูบไล้ร่างบางที่เห็นได้แต่อิจฉาเขาก็อยากมีแบบนี้บ้างนะแต่ความขยันในการออกกำลังกายนั้นเป็นศูนย์ มองแผลที่ยังคงมีผ้าก๊อชสีขาวปิดไว้มีเลือดซึมเป็นจุดเล็กๆ
   “เลือดซึมนิดหน่อยนะครับยังไม่หายดีทำไมถึงไปทำงานล่ะครับ” เพราะเห็นใส่สูทเต็มยศกล้าเลยเดาว่าคงไปทำงานขนาดตอนที่นอนเจ็บอยู่ยังทะเลาะกับพี่เชษฐ์เรื่องจะทำงานเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เดาถูกเพียงรึ่งวันนี้ร่างสูงไปจัดการเรื่องตัวต้นเหตุต่างหาก มือเรียวทำแผลให้ใหม่อย่างคล่องแคล่วเก็บอุปกรณ์ทำแผลที่ค้นมาจากมุมห้องเพราะโดนหนังสือทับไว้จนมองไม่เห็นยังดีที่ยังจำได้ พอเห็นแผลที่ยังไม่หายสนิทร่างเล็กก็เริ่มที่ไม่อยากให้ช่วยทำงานแล้วแต่มีหรือที่จะทัดทานความดื้อของคนเจ็บได้เพียงแค่สบตาสายตาคมกับน้ำเสียงทุ้มละมุนเขาก็ใจอ่อนแล้ว ได้แต่ยอมสอนวิธีทำงานให้กับร่างใหญ่ที่แรกๆดูเงอะงะเพราะมือใหญ่กับงานละเอียดนั้นเป็นภาพที่ทำให้ร่างบางหยุดอมยิ้มไม่ได้เลย
   กวินรู้สึกอยากจะขอให้นิ้วตัวเองเล็กลงกว่านี้อีกนิดเมื่องานที่คนตัวเล็กให้ทำมันคือทากาวบางๆที่ขอบกระดาษและยังต้องทำให้บางสม่ำเสมอกันด้วยให้ตายเถอะ คิ้วหนาขมวดแน่นเพราะจริงจังกับงานที่ทำ ไม่รู้ว่าตัวเล็กทำงานแบบนี้ได้ยังไงทั้งวันแต่มันก็คงจะเหมือนที่เขานั่งเซ็นเอกสารทั้งวันล่ะมั้ง สายลมเอื่อยๆที่พัดผ่านผ้าม่านสีขาวนำกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูกริมหน้าต่าง ต่างคนต่างก้มหน้าทำงานจนเวลาล่วงแสงสว่างหายลับไปนานแล้ว
   “อืออ” เสียงหวานส่งเสียงครางเมื่อยืดตัวบิดขี้เกียจเพราะนั่งก้มนานๆเงยหน้ามาข้างนอกก็มืดเสียแล้ว หันไปมองคนที่นั่งข้างๆยังก้มหน้าก้มตาแปะกาวตากกระดาษให้แห้งดูท่าทางจะคล่องขึ้นกว่าที่ทำแรกๆดวกตากลมใต้แว่นเหลือบมองนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้ที่เลขแปด สองทุ่มแล้วเหรอ
   จึก จึก    มือขาวเอื้อมไปกระดุกชายเสื้อคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานช่วยเขาจริงๆ
   “หือ อะไรเหรอครับ”
   “ขอโทษครับมัวแต่ทำงาน หิวรึเปล่าครับ” กวินมองคนหน้าขาวที่ทำหน้าสำนึกผิดทำให้เขาเหลือบมองนาฬิกาบ้างนี่ทำงานเพลินขนาดนี้เลยเหรอ
   “ไปหาอะไรกินกันเถอะ” กวินเอ่ยชวนเพราะเขาก็เริ่มรู้สึกหิวพอได้ทำงานก็ลืมเวลาแถมยังเป็นทั้งคู่
   “อือครับ” คนตัวเล็กผงกหัวรัวๆเพราะตอนนี้ท้องเขาร้องหาอาหารแล้วขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะทีแรกนึกว่าจะหาอะไรกินง่ายๆแต่คุณกวินบอกว่าจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็ขึ้นมานั่งบนรถหรูที่กวินเรียกลูกน้องให้มารับ ร้านอาหารที่กวินพามาเป็นร้านที่ร่างสูงมาทานเป็นประจำเพราะถูกปาก บรรยากาศร้านทำให้กล้ารู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทียังดีที่มือใหญ่ที่จู่มาแตะเบาๆที่หลังช่วยทำให้เขาไม่รู้สึกประหม่า พอพนักงานเชิญไปนั่งที่ประจำ
   “สั่งได้เลยนะ” กวินบอกกับคนตัวเล็กที่ยังกวาดสายตามองดูรอบๆดูก็รู้ว่ากำลังประหม่า
   “เอ่อผมไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี” คำตอบที่ทำให้กวินยิ้มกว้างให้เลยอาสาสั่งอาหารมื้อนี้ทั้งหมด
   “พรุ่งนี้น้องกล้าจะไปทำงานรึเปล่าครับ” กวินชวนคุยระหว่างที่รออาหาร
   “คงต้องเอาหนังสือที่เสร็จแล้วไปส่งถ้ายังเหลือไม่เยอะคงเอาไปทำที่ห้องสมุดครับ” เพราะระยะห่างเริ่มน้อยลงรึเปล่ากล้าถึงได้พูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติตอบกลับยาวๆมากกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่กล้าสบตาคมนั่นอยู่ดี
   “งั้นพรุ่งนี่พี่ไปส่ง......ได้ไหมครับ”
   “ไม่ต้องก็ได้นะครับ.ผมเกรงใจ” กล้าบอกเสียงอ่อยแค่วันนี้ที่เขาทำงานเพลินลืมไปว่าคุณกวินอยู่ช่วยทั้งๆที่ยังเจ็บแผลอยู่
   “พี่เต็มใจ นะพรุ่งนี้พี่จะมารับ” ก่อนที่กล้าจะได้แย้งอะไรพนักงานก็ยกอาหารมาเสิร์ฟเสียก่อนและกวินก็ไม่ปล่อยให้กล้ามีโอกาสแย้งโดยการเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น มือค่ำที่การพูดคุยเป็นอย่างลื่นไหลเป็นมื้อที่กวินยิ้มกว้างตลอดการรับประทานมื้อเย็น เมื่อมาส่งร่างเล็กที่บ้าน
   “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ” ร่างบางยกมือไหว้เขารู้สึกขอบคุณคุณกวินมากที่วันนี้ทั้งช่วยงานแล้วยังพาไปทานอาหารที่แสนอร่อย
   “พี่เต็มใจครับ คืนนี้อย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีครับ”มือหนายกขึ้นแนบแก้มเนียนที่รู้สึกถึงความร้อนทันที นี่เป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กไม่สะดุ้งหนีแถมยังเอียงหน้าซบฝ่ามือเขาอย่างที่ไม่รู้ตัว ทำไมถึงน่ารักแบบนี้นะและพอร่างเล็กรู้ตัวก็ผละออกท่าทางเหมือนกระต่ายที่ตกใจตากลมนั่นเบิกกว้างแก้มแดงระเรือนั่นทำให้ผมอยากลูบแก้มนิ่มอีกครั้งแต่ก็ต้องอดทนไว้ ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว หลังจากร่างเล็กลงจากรถเข้าบ้านแล้วกวินก็สั่งให้ลูกน้องพาไปที่บริษัท
   “แต่มันดึกแล้วนะครับบอส”
   “แกอย่าบ่นเหมือนไอ้เชษฐ์ได้ไหมเดี๋ยวฉันนอนที่บริษัท” ลูกน้องแต่ละคนนี่ได้ไอ้เซษฐ์มาทั้งนั้นนี่เขายังเป็นเจ้านายพวกมันอยู่ไหม รถหรูมาจอดลานเขาขึ้นไปบนห้องทำงานอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยไปอีกวันจริงๆแล้วเขานอนแค่วันละไม่กี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นก็พอ กวินเดินเปิดประตูที่อยู่หลังชั้นวางหนังสือภายในเป็นห้องนอนที่เขานอนบ่อยกว่าที่บ้านยิ่งช่วงเดือนไหนที่งานเข้าแทบไม่ได้โผล่หน้ากลับบ้านเลยด้วยซ้ำ หลับได้ไม่นานก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวไปบ้านคนตัวเล็ก



******************************************************************
มาทำงานต่างจังหวัดความสงบที่หายไป555
นิยายเรื่องนี้ก็จะไปเรื่อยๆเหมือนคนเขียนนะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
สนุกมากครับ มาลงบ่อยๆนะ
ชอบฟีลแบบนี้ เรียบง่ายดี
อ่านแล้วอยากทำงานแบบกล้าบ้าง ชอบหนังสือ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
11

กวินมาหากล้าแต่เช้าเพื่อช่วยขนหนังสือไปที่ห้องสมุด แล้วก็แยกย้ายถึงอยากจะอยู่ต่อแต่ภาระหน้าที่เขาก็ต้องทำ แถมยังโดนคนตัวเล็กบ่นอีกเลยกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านแล้วตรงไปบริษัท

“บอสครับ มีคนขับรถตาม” ทำไมกันนะขออยู่อย่างสงบๆ ไม่ได้เลยเหรอ ก็อยากจะตะโกนไปถามนะแต่ดูท่าคงได้อย่างอื่นที่ไม่ใช่คำตอบนะสิได้แต่ถอนหายใจ

“สลัดให้พ้นถ้ามันยังเล่นไม่เลิกฉันก็จะเล่นกับมันด้วย” ลูกน้องรับคำก่อนที่จะเร่งความเร็วเพื่อสลัดรถสองคันที่ตามหลังมาติดๆ สงสัยว่าคงจะได้จัดการให้จบๆ ซะแล้วบอกให้ขับรถไปนอกเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือนร้อนเพราะสลัดยังไงก็ยังไม่พ้น นี่กะจะเก็บเขาให้ได้จริงๆ เลยสินะ

“เอาละอย่าให้พวกมันเล่นสนุกฝ่ายเดียวสิ” รอยยิ้มร้ายประกฎขึ้นพร้อมกับมือที่เอื้อมไปใต้เบาะหยิบปืนพกที่เขาไม่อยากใช้เลยแต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังคำเตือนก็คงต้องตอบโต้กันบ้าง

“ติดต่อไอ้ผู้กองให้มารอเก็บพวกนี้ด้วย” เมื่อได้ระยะเพราะทางเขาผ่อนความเร็วลงรถที่ตามมาสองคันพวกนั้นก็ไม่รอช้าเปิดฉากยิงใส่ทันที

“นี่ต้องเปลี่ยนรถอีกแล้วใช่ไหม”

ปัง ปัง ปัง

เสียงกระสุนดังลั่นนี่กะจะยิงสาดเลยสินะ มีกระสุนเท่าไหร่กันวะ ไม่อยากจะหลุดคำหยาบเลยซักนิดแต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสให้โผล่ออกไปยิงเลย

“หักพวกมาลัยหลบ” ทันทีที่สั่งลูกน้องก็หักพวงมาลัยทันทีเสียงล้อรถบดเบียดถนนดังลั่น กวินเลื่อนกระจกรถลงก่อนที่จะส่งมือยื่นปืนยิงสวนไปจนหมดแม็ก

แกร๊ก

“เล็งที่ล้อถ้าคนมันไม่โผล่หัวมาอย่ายิง” ถึงยังไงการฆาตกรรมก็นำพาความยุ่งยากพวกมาด้วย

ปัง!

เอี๊ยด!! โครม!! กวินสอยรถคันหนึ่งรวงไป รถเสียหลักชนต้นไม้ข้างทางผมสั่งให้รถจอดข้างทางรถอีกคันที่ตามมาเห็นเพื่อนเสียหลักลงข้างทางไปแล้วก็รีบกลับรถเตรียมหนีแต่ก็ช้ากว่าไอ้รถผู้กองที่เปิดไซเรน นี่มันยกมาทั้งสถานีกันรึไง ยกมากันเยอะซะจนปิดถนนได้ หลังจากที่จับทั้งไอ้คนจะหนีและคนเจ็บไอ้ผู้กองก็เดินเข้ามาหา

“ไง เมื่อไหร่จะเลิกโดนหมายหัวซักทีวะ” มาคำแรกก็ชวนฟาดปากแล้วนะ

“เมื่อมึงเลิกเป็นตำรวจมั้ง ไอ้กิต” ยกมือไปตบบ่ามันแรงๆ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีๆ สกิลปากก็ยังไม่เปลี่ยนถ้าได้รวมกับไอ้เชษฐ์ต้องขอพาราซักแผง กิตหันไปสั่งงานลูกน้องสองสามคำก่อนที่จะหันมาหา

“แล้วมึงจะเอาไง มันเล่นแรงขึ้นทุกวันนะ” กวินรู้ดีไม่ได้อยากมีเรื่องกับใครเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ตัวเองทำธุรกิจขาวสะอาดแต่พวกในมุมมืดก็เห็นเขาเป็นเสี้ยนหนามที่อยากกำจัดถอนหายใจหนักแล้วเปิดประตูรถไปหยิบเอาเอกสารที่เขาด็ใช้เล่ห์กลสืบเสาะหามาเพื่อเอาคืนตามกฎหมายทั้งหมดอยู่ในแฟ้มส่งให้กิตที่ทำตาโต

“ไม่ไว้ลายเลยนะ”

“ก็เล่นทำกูก่อนทำไมล่ะ” ร่างสูงเพียงยักไหล่เมื่อเขาอยู่สงบๆ แล้วมาเล่นไม่ซื่อก็คงไม่ยอมเป็นฝ่ายโดนเล่นฝ่ายเดียวหรอกนะกิตที่รับเอาหลักฐานทุกอย่างไปมันรับคำว่าเรื่องจะเสร็จภายในสองสามวันแถมยังบอกว่าถ้าเสร็จเรื่องเขาต้องเลี้ยงขอบคุณมันอีก หลักฐานเขาก็เป็นคนหาแล้วยังต้องมาเลี้ยงมันอีก

“เออๆ เลือกร้านไว้ล่ะกัน” ตัดบทโบกมือไล่ให้มันกลับไปทำงานซะทีจะได้ไม่มากวนเขาเล่นแบบนี้หันไปมองรถคู่ใจที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยกระสุน

“ต้องเปลี่ยนรถจริงๆ เหรอ” แม้จะมีเงินแค่ไหนแต่คนอย่างกวินก็ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ช่างเถอะถึงคราวเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนล่ะนะ

“ไปส่งฉันที่บ้านกล้านะ” กวินเลือกที่จะเมินสายตาล้อเลียนของลูกน้องทั้งสองคน

“ครับบอส” รถหรูที่มีแต่รอยกระสุนขับไปจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กที่มาประจำกวินลงจากรถบอกให้ลูกน้องสองศรีนี่ไปเปลี่ยนรถที่บ้าน ตอนนี้เย็นแล้วกล้าคงจะยังไม่กลับบ้าน กวินกดโทรศัพท์โทรหาคนตัวเล็กที่ได้มาหลังจากไปส่งน้องเมื่อตอนเช้า รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ

“ (ครับ) ”

“พี่รออยู่ที่บ้านนะ พอดีพี่ผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหา” เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรดีเลยพูดออกไปตรงๆ ถ้าไปหาที่ห้องสมุดก็คงไม่ได้คุยกับน้องเลยเลือกที่จะมารอที่บ้านดีกว่า

“ (เอ๋...รอที่บ้าน คุณกวินมีอะไรหรือเปล่าครับ) ” เสียงหวานๆ ที่ติดจะงงๆ เพราะกล้าก็เดาไม่ถูกว่าทำไมคุณกวินถึงได้เข้ามาในชีวิตเขาทีละนิดทีละนิด แต่เมื่อในใจเขาไม่ได้รู้สึกแปลกที่กวินก้าวเข้ามาในพื้นที่ของเขา

“พี่ไม่มีอะไรเพียงแค่อยากเจอกล้า” ได้โอกาสก็หยอดนิดหยอดหน่อยจริงๆ กวินเองก็อยากอยู่ใกล้ๆ แถมวันนี้เจอเรื่องมาเลยอยากที่จะอยู่มองหน้าคนตัวเล็กเพื่อเพิ่มแรงใจ ตอนนี้ถึงจะไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ตามที่เขาร้องขอแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ตั้งกำแพงสูงลิ่วเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก

“ (เอ่อ..อีกซักหนึ่งชั่วโมงนะครับ วันนี้ผมเลิกเร็วคุณกวินเข้าไปรอในบ้านก่อนก็ได้นะครับ) ”

“อย่าบอกนะว่าไม่ได้ปิดบ้านอีกแล้ว ไม่กลัวขโมยรึไงหือ” กวินแทบจะกุมขมับทีแรกนึกว่าเป็นนิสัยเวลาน้องทำงานเหนื่อยๆ แล้วลืมปิดแต่นี่ออกจากบ้านก็ยังไม่ปิดอีกเหรอ

“ (ไม่มีอะไรน่าขโมยหรอกครับมีแต่หนังสือ เข้าไปพักด้านในก่อนก็ได้ครับ) ” กวินได้แต่กรอกตาไปมาคงเป็นเพราะนิสัยของน้องเองแล้วล่ะที่ประมาทแบบนี้

“ครับขอบคุณนะ” พอวางสายกวินก็เดินไปเปิดประตูบ้านแถมยังถือวิสาสะเปิดม่านเปิดหน้าต่างให้ลมเข้า หลังจากที่ขลุกช่วยงานวันนั้นเลยได้รู้ถึงวิธีการเก็บรักษาหนังสือ จากที่คิดว่าจะเข้าบริษัทแต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อน มือหนากดโทรหาลูกน้องแฝดสองคนนั่นให้ไปเอางานที่บริษัทและกระเป๋าเสื้อผ้าแถมยังสั่งให้ไปซื้อของอีก เลยได้คำบ่นเล็กๆ น้อยลอดมา

ให้ตายเถอะเหมือนลูกพี่มันจริงๆ นะกวินบ่นในใจ



ใบหน้าขาวฉายแววงงหลังจากวางสายจากคุณกวินแล้วก็นึกเป็นห่วงคงจะไม่มีอะไรหรอกนะหลังจากที่รับรู้ว่าคนที่ทำเนียนเข้ามาสนิทเจ็บตัวเพราะถูกยิง เขาก็มาถามข้อมูลจากชะเอมเพราะไม่รู้จักคุณกวินนอกจากที่ว่าเป็นเจ้านายของพี่เชษฐ์และทำธุรกิจหลายอย่างแต่ก็ไม่รู้เลยว่าทำอะไรบ้าง พอชะเอมเล่าให้ฟังตาที่โตอยู่แล้วยิ่งเบิกกว้างอ้าปากค้างนิ่งอยู่นานจนชะเอมต้องมาดันให้กลับคืน คนที่รวยขนาดนั้นทำไมถึงอยากสนิทกับเขาล่ะแถมยังไม่เคยบังคับอะไรเขาเลย ทั้งที่มีทั้งเงินและอำนาจถึงจะงงแต่ร่างบางก็เลือกที่จะโยนทิ้งไปอย่างที่เคยทำ รับรู้เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว

“แหมๆ ใครกันน้าโทรมาหาแว่นน้อยของเรา” กล้าหันไปสบตาเพื่อนสนิทที่ดวงตาสวยพราวระยับสีหน้าที่บ่งบอกชัดเจนเลยว่าล้อเขา กล้าเลยได้แต่อมลมแก้มพองงอนเพื่อนสนิท

“ไม่คุยด้วยแล้ว”

“แหมๆ แค่นี้ทำเป็นงอนนะคะ ไหนดูซิแก้มนี่ย้วยยัง” ชะเอมที่เห็นเพื่อนงอนแล้วยิ่งชอบใจยกมือมาจิ้มย้ำๆ ที่แก้มป่องแถมยังยืดแก้มนั่นอีก ถ้าพี่วินมาเห็นคงจะอิจฉาเธอน่าดู คิกๆ

“งือออเจ็บน้า ปล่อยได้แล้วน่าชะเอม” มือเล็กรีบปัดมือที่บีบแก้มเขาออก ทำไมถึงได้ชอบบีบแก้มเขานักหนา

“พี่วินโทรมาว่ายังไงบ้าง เล่ามาเลยยะ” ปล่อยแค่มือแต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยโดยไม่คาดคั้นเอาคำตอบนะ

“ก็.....คุณกวินแค่โทรมาบอกว่ารออยู่ที่บ้าน” ชะเอมยกมือปิดปากทำตาโตเล่นใหญ่ นี่มัน....สองคนนี่พัฒนากันไปถึงขั้นไหนแล้วนะพี่วินถึงได้เข้าออกบ้านแว่นน้อยของเธอได้เป็นว่าเล่น

“นี่กล้าให้พี่วินเข้าบ้านด้วยเหรอ” แม้แต่เธอยังไมได้รับอนุญาตเลยด้วยซ้ำ

“ก็......ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ” กล้าตอบเสียงอ่อยๆ จนชะเอมอยากตะโกนบอกว่าเป็นสิ ทำไมจะไม่เป็นล่ะเพราะความหมั่นไส้แต่เธอก็รู้ดีว่าพี่วินไม่ได้หลอกอะไรแว่นน้อยของเธอหรอกเพียงแต่หมั่นไส้พี่วินจนอยากจะแกล้งแต่ก็กลัวโดนเอาคืน

“ชิ อยากจะว่าอะไรหรอกนะเพียงแต่เราอยากรู้ว่ากล้ายอมเหรอแล้วเรื่องนั้น...” เธอเว้นวรรคไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นเรื่องที่ทำให้เธอไม่สามารถเข้าไปในบ้านนั้นได้แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

“ก็นี่คุณกวินนะไม่ใช่คนเดียวกันซักหน่อย ยิ้มหน่อยสิชะเอม” กล้าเอาคืนด้วยการยืดแก้มของชะเอม เขาไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นอีกแล้วเพราะท้ายที่สุดคุณกวินกับพี่พลูก็เป็นคนละคนกันเขาเลยไม่คิดถึงเรื่องนั้นแถมเขายังลืมมันไปหมดแล้ว ชะเอมเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างของแว่นน้อยทำให้เธอยิ้มกว้าง

“งั้นแว่นน้อยก็กลับไปเลยก็ได้พี่วินจะได้ไม่ต้องรอ”

“จะดีเหรอ” กล้าทำหน้าไม่แน่ใจ

“ดีสิวันนี้ไม่มีคนเท่าไหร่หรอกกลับเลย” เมื่อเห็นเพื่อนยืนยันกล้าก็เก็บของกลับก่อนบอกลาเพื่อนแล้วเดินกลับไปที่บ้านหลังเล็กของเขา

แกร๊ก

ทันทีเปิดประตูรั้วกลิ่นหอมๆ เรียกน้ำย้อยก็โชยมา หือ ใครทำอาหารทำไมมันหอมอย่างนี้นะกล้ารีบก้าวเท้าเข้าบ้านยิ่งเข้าบ้านกลิ่นหอมยิ่งทำให้เขาหิวทันทีที่เดินไปห้องครัวเล็กๆ ก็เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดสบายๆ ทำโน่นทำนี่ในครัวทำให้เขาอึ้ง

“อ่าวกลับมาแล้วเหรอ พี่ขอโทษที่ถือวิสาสะมาใช้ครัวนะ” กล้ามองคนที่หันมายิ้มกว้างให้เขาพร้อมกับเทผัดในกระทะใส่จานคำขอโทษไม่ได้น่าสนใจเท่ากลิ่นหอมๆ ที่ชวนหิวนั่นเลยซักนิด กวินมองท่าทางสนอกสนใจอาหารมากกว่าเขาอย่างขำๆ ท่าทางจะหิวไม่อยากจะอวดอาหารฝีมือเขาที่เพียรทำมาขนาดไอ้เชษฐ์ยังนับครั้งได้ที่ได้กิน นานแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารให้ใครกินเพราะงานรัดตัว

“ไปล้างมือก่อนสิจะได้กินข้าวกัน” ร่างเล็กพยักหน้าแรงก่อนที่จะหมุนตัววิ่งดุ๊กดิ๊กไปชั้นสองกวินเกือบหลุดขำกับท่าทางรีบร้อนที่แสนน่ารักนั่นจนเขาอยากจะคว้าตัวมากอดจนได้แต่อดใจไว้หันไปตั้งโต๊ะเตรียมรอน้องลงมา รอไม่นานนักกล้าลงมาพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ

“ไม่รู้ว่าจะอร่อยไหมพี่ไม่ได้ทำนานแล้ว”

“กลิ่นหอมมากเลยล่ะครับ” กวินเห็นท่าทางตื่นเต้นเลยบอกให้น้องลงมือกินข้าว

กล้าตักกับข้าวเข้าปาก อือหือนี่เหรอคนที่ไม่ได้ทำมานานอร่อยยิ่งกว่าร้านอาหารอีก ตากลมโตใต้วแว่นหนาเงยหน้าขึ้นสบตาคมที่จ้องรอลุ้นว่าอาหารมื้อนี้จะถูกปากหรือเปล่า

“อร่อยมากเลยครับ”

“งั้นก็ทานเยอะๆ” กวินตักแกงพะแนงใส่จานคนตัวเล็กบอกขอบคุณเสียงเบาแถมยังตักคืนใส่จานให้กับเขาอีกน่ารักจริงๆ เป็นมื้อที่กวินยอมรับว่าเขากินข้าวได้เยอะที่สุดแล้ว

“เดี๋ยวผมล้างเองนะ” และก็เกิดปัญหาเมื่อกล้าไม่ยอมให้เขาล้างจาน

“ไม่พี่จะล้างเองเราไปพักเถอะ”

“คุณกวินนั่นล่ะที่ควรพัก ไหนว่าอยากมาพักไงครับ” ใบหน้าขาวบึ้งตึงเพราะโกรธคนตัวโตที่ไม่ยอมให้ล้างจาน ไหนบอกว่าเหนื่อยแถมยังทำกับข้าวที่แสนอร่อยให้เขากินอีกแล้วจะมาล้างจานให้อีกแก้มขาวเริ่มพองลมเมื่อรู้สึกขัดใจ

“โอเคงั้นเจอกันครึ่งทางช่วยกันได้ไหมครับ” เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไม่ยอมกันแล้วเห็นแก่ท่าทางน่ารักๆ กวินเลยเสนอทางเลือกให้

“ก็ได้ครับ” และจานที่รอมานานก็ได้ทำความสะอาดซักที หลังจากที่ทำความสะอาดทั้งจานทั้งครัวต่างคนก็ต่างนั่งคนละมุม ร่างสูงนั่งลงกับพื้นพรมพิงโซฟาอ่านเอกสารข้างๆ กายเปิดโน้ตบุ๊กที่แสดงตัวเลขทั้งเขียวทั้งแดงที่ชวนปวดหัว ส่วนร่างเล็กนั้นนั่งบนโซฟาอิงหมอนอิงอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่พึ่งเข้ามา แม้จะมีเพียงเสียงเปิดหน้ากระดาษดังสลับกัน

กวินที่ร่างกายวันนี้บู๊หนักอ่านเอกสารได้ไม่เท่าไหร่ร่างสูงก็คอพับคออ่อนหลับทั้งๆ ที่มือถือเอกสารไว้อยู่ ท่าทางสัปหงกนั่นทำให้กล้าชักสงสารถ้าปล่อยให้นอนอย่างนี้พรุ่งนี้คงจะปวดคอแน่ๆ

“คุณกวินครับ ขึ้นไปนอนข้างบนนะครับ” กล้าวางหนังสือแล้วขยับตัวไปเขย่าไหล่หนาเพื่อปลุกให้ตื่น ร่างสูงงัวเงียอยู่ซักพักมือใหญ่ลูบต้นคอเพราะรู้สึกปวด

“พี่เผลอหลับไปเหรอ”

“ใช่ครับพี่ขึ้นไปนอนข้างบนก็ได้นะครับ” กล้าอนุญาตให้คนตัวโตขึ้นไปชั้นสองอีกครั้ง กวินเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็กที่บอกให้เขาขึ้นไปนอนก่อนที่จะส่งยิ้มกว้างให้

“ขอบคุณนะครับ” มือหนาวางทับมือเรียวที่ยังวางบนไหล่พร้อมกับคำขอบคุณที่สือออกมาทางแววตา แววตาที่ทำให้กล้าก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา ท่าทางเขินอายที่กวินชอบมองร่างใหญ่บิดขี้เกียจเล็กน้อยเพราะการนั่งหลับทำให้เขารู้สึกปวดร่างกายซะเหลือเกิน รึว่าเขาจะแก่แล้วจริงๆ

“แล้วกล้าไม่ขึ้นไปนอนเหรอ” กวินหันไปถามขณะที่กำลังเก็บเอกสารและโน้ตบุ๊ก

“ยังครับ ยังอ่านไม่จบเลย” กล้าชูหนังสือในมือที่ยังเหลืออีกครึ่งตั้งใจที่จะอ่านให้จบ ปกติแล้วถ้าได้อ่านหนังสือเขาก็เหมือนที่จะตัดขาดจากโลกภายนอกแต่พอมีคุณกวินเขากลับละความสนใจจากหนังสือได้แถมยังยอมให้ไปนอนที่ห้องตัวเองอีก

“อย่านอนดึกนะครับพี่เป็นห่วง” กวินไม่คิดจะห้ามคนตัวเล็กเพราะรู้ดีมันก็เหมือนเขาตอนที่ทำงาน หยิบเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่วางไว้ข้างใต้โต๊ะที่พอกล้าเห็นแล้วได้แต่อ้าปากค้าง นี่เตรียมการไว้แล้วนี่หนาเขากำลังคิดว่าจะหาเสื้อผ้าให้ลำบากใบหน้าน่ารักเผลอค้อนวงโตให้กับคนที่เตรียมการพร้อมมาค้างที่นี่

กวินมองท่าทางที่น้องค้อนๆ เรียวปากบางที่อ้าปากน้อยๆ เหมือนจะว่าอะไรเขาแต่ก็ไม่กล้าว่าจนอยากจะหลุดขำแต่ก็กลัวจะโดนค้อนอีกเลยขอตัวขึ้นไปข้างบนซึ่งได้นอนที่นอนน้องอีกแล้วแม้อยากจะถามว่าอีกห้องทำไมถึงไม่ให้เขาไปนอนแต่ให้มานอนห้องตัวเองเพราะโดยปกติเราต้องให้แขกนอนห้องพักแขกแต่กล้ากลับให้เขาไปพักห้องตัวเอง ระหว่างที่อาบน้ำกวินคิดถึงกำแพงที่กล้ายังไม่ปล่อยให้เขาเข้าไป หากจะถามว่าที่เขาทำทุกวันนี้มันเกินคำว่าถูกใจ จากที่ตอนแรกถูกใจคนตัวเล็กที่กล้าไปช่วยเขาในตรอกและพอได้ใกล้ชิดได้รู้จักเขายิ่งอยากอยู่ด้วยขึ้นทุกๆ ที มือใหญ่ปิดน้ำคว้าเอาผ้าขนหนูพันเอวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเพราะคิดว่าอยู่คนเดียวในห้อง

แกร๊ก

“เฮ้ย!!!” กวินร้องตกใจเมื่อจู่ประตูห้องก็เปิดออกจะไม่ตกใจเลยถ้าเขาไม่ได้กำลังจะใส่บ็อกเซอร์มือใหญ่รีบตะปบผ้าขนหนูที่มันหมิ่นเหม่จะร่วงออกจากเอวอยู่รอมร่อ

“อ๊า!!!” กล้าที่ลืมไปว่าไม่มีชุดที่ห้องโน้นเลยคิดที่จะแอบเข้ามาหยิบนึกว่าคนที่พักห้องนี้จะนอนแล้วใครจะรู้ว่ากำลังแต่งตัวอยู่ สิ้นเสียงร้องกล้ายกมือปิดหน้าหมุนตัวหันหลังให้ ฮืออมันต้องเป็นภาพติดตาเขาไปแน่ๆ ใบหน้าขาวแดงก่ำ ภาพร่างหนาผมที่เสยขึ้นไหล่กว้างที่ยังมีหยดน้ำเกาะไหนจะกล้ามท้องที่เป็นลอน อ๊า ภาพที่เห็นเหมือนจะวนเวียนหลอกหลอนซะจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าได้แต่ซุกหน้าลงกับฝ่ามือบ่นพึมพำพยายามท่องรายชื้อหนังสือชื่อตัวละครจากนิยายที่เขาชอบแต่เหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้เลย คิดอะไรของนายนะกล้า

“หันกลับมาได้แล้วพี่แต่งตัวเสร็จแล้ว” เสียงทุ้มพร้อมกลับแรงบีบที่บ่า

“ฮืออไม่เอา” เสียงสั่นๆ พร้อมกับหัวทุยส่ายรัวจนผมกระจ่ายใบหูแดงก่ำ

“งั้นกล้ามีอะไรรึเปล่า” กวินถามอย่างแปลกใจไม่เซ้าซี้ให้น้องหันหน้ามาเพราะเพียงแค่เห็นปลายหูเล็กที่แดงก่ำนั่นก็รู้เลยว่าน้องอายมาก

“อะ...เอาชุดครับ” กล้าบอกเสียงสั่น กวินบอกขออนุญาตเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบของที่คนที่ยังอายต้องการไปส่งให้ พอกล้าได้ของก็รีบเปิดประตูวิ่งออกจากห้องได้ยินเพียงเสียงดังปัง คงเป็นประตูห้องที่ถูกปิดอย่างแรง กวินได้แต่ยืนยิ้มกว้างถ้าร่างเล็กมีอาการหวั่นไหวให้เห็นชัดๆ นี่ถือว่าเขามีโอกาสใช่หรือเปล่า

ร่างเล็กที่วิ่งเข้าห้องปิดประตูเสียงดังก่อนที่จะทรุดนั่งพิงประตูใบหน้าซุกลงกับเข่ามือเรียวยกขึ้นขยี้ผมแรงๆ ฮืออออออออ อยากจะร้องทำไม ทำไม ทำไม ทำไมภาพนั้นยังไม่หายไปเลยอ่ะ พยายามที่จะลบภาพที่เห็นจนอาบน้ำเสร็จจนตอนนี้ร่างขาวนอนบนเตียงภาพที่เห็นก็ยังตามมาหลอกหลอน

“ฮือออลืมเดี๋ยวนี้เลยนะ” พลิกตัวนอนคว่ำเรียวขาขาวผ่องตีไปมาบนเตียง แล้วเขาจะนอนได้ไหมคืนนี้!!
**********************************************************

กลับมาแล้ววว สงกรานต์เล่นน้ำกันสนุกไหมคะ 

นี่นอน กิน อ่านนิยายอย่างเดียว

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับคอเม้นต์นะคะ 

อาจจะดูราบเรียบไปนิด แต่ขอบคุณทุกคนที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
12

แสงแดดที่สาดผ่านหน้าต่างร่างเล็กที่ขดตัวใต้ผ้าห่มท่านอนประจำแต่เพราะความร้อนของแดดที่อส่องทำให้ก้อนกลมเริ่มขยับใบหน้าขาวที่เริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม ตากลมปรือขึ้นสีหน้างัวเงียลุกขึ้นนั่งผมหนาชี้ฟู มือขาวยกขยี้ตาเบาๆ แล้วเหลือบมองนาฬิกา ตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามันสายมากแล้วเพราะเมื่อคืนที่เขาไม่หลับซักทีไม่รู้เลยว่าเผลอหลับไปตอนไหน สะบัดผ้าห่มทิ้งแล้ววิ่งออกจากห้องไปที่ห้องนอนตัวเองพอเคาะประตูแล้วก็เงียบพอลองบิดลูกบิดดูก็เห็นว่าไม่ได้ล็อกเขาเลยรีบเปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยทั้งๆ ที่สงสัยแต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะสนใจอะไรแล้ว รีบคว้าเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ

“สายแล้วๆ” เรียวปากบางบ่นพึมพำมือเล็กรีบโกยเอาข้าวของใส่กระเป๋าวิ่งลงจากห้องทีแรกว่าจะออกจากบ้านเลยถ้าหากหางตาไม่เหลือบไปเห็นโต๊ะกินข้าวที่มีฝาชีคลอบไว้ แม้จะรีบแต่ขาเขาก็ก้าวไปเปิดดูก็เห็นมื้อเช้าที่ถึงมันจะดูเย็นชืดไปแล้วพร้อมกับกระดาษที่ถูกทับไว้ข้อความสั้นๆ อยู่บนกระดาษนั่นทำให้ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้าง

“ลายมือสวยจัง” น่าอิจฉาลายมือสวยๆ คนที่ควรรีบกลับนั่งลงกินข้าวเพียงเพราะข้อความที่ถูกทิ้งไว้ ข้อความขอโทษที่ต้องออกไปก่อนและไม่ได้ปลุกแถมยังบอกว่าขอไถ่โทษด้วยการทำมือเช้าไว้ให้แม้มันจะเย็นชืดแต่มันกลับทำให้เขาอบอุ่นทั้งหัวใจหลังจากทานเสร็จกล้าก็รีบไปทำงาน

.

.

“ทำไมวันนี้มาสายล่ะแว่นน้อย” ชะเอมเอ่ยถามอย่างแปลกใจแว่นน้อยของเธอมาสายทั้งๆ ที่ปกติต้องรีบมาแต่เช้า

“ตื่นสายนะ” กล้ายกมือขยับแว่นอย่างประหม่า ท่าทางที่ชะเอมได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร กล้าเลยเลือกที่จะเก็บกระเป๋าแล้วหนีขึ้นไปเก็บหนังสือเข้าชั้น ตลอดทั้งวันกล้าพยายามที่จะไม่ลงมาอยู่ใกล้ชะเอมเพราะเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามซะจนไม่กล้าลงไปขนาดกินข้าวยังพยายามหลบเลย จนเลิกงานเขาเลยเดินลงไปข้างล่าง

“วันนี้หนีเอมตลอดเลยนะ” น้ำเสียงสะบัดติดจะงอนๆ ทำให้กล้าส่งยิ้มแห้งให้ มือเรียวกำแน่นที่สายกระเป๋า ง่า ก็เขาไม่พร้อมที่จะตอบเพราะถ้าชะเอมได้ถามเขาก็คงตอบโดยไม่โกหกอยู่แล้วก็บอกแล้วว่าชะเอมคือเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวของเขา

“งือ ขอโทษน้า” ขยับไปจับแขนเขย่าเบาๆ พร้อมกับส่งสายตาอ้อนๆ ไปให้เพราะรู้ดีว่าทำแบบนี้แล้วชะเอมจะโกรธเขาไม่ลง

“ฮึ รอดไปได้แค่วันนี้ล่ะ” ชะเอมหมั่นไส้เลยยกมือขึ้นบีบจมูกเชิดๆ นั่นแรงๆ

“โอ๊ย” กล้ายกมือขึ้นลูบจมูกเบาๆ มันคงจะแดงแน่ๆ

“ไปเดินตลาดกันไหม”

“อือไปสิ” เพราะไม่อยากขัดใจอะไรเพื่อนอีกเลยยอมไป แถมวันนี้คุณกวินก็ไม่ได้บอกด้วยว่าจะมาหาเมื่อเช้าก็ไม่รู้ว่าออกไปจากบ้านกี่โมงคงจะติดงานด่วนจริงๆ

“แล้วพี่วินไม่มาหาเหรอ” ชะเอมถามแต่ดวงตากลมนั้นพราวระยับสบตาล้อๆ ซะจนเขาเป็นฝ่ายหลบตาแถมยังเหมือนหน้ามันร้อนๆ ยังไงไม่รู้สิ

“ไม่รู้กับพี่วินสิ ไปกันเถอะนะ” เขารีบจูงมือชะเอมเดินออกไปข้างนอกก่อนที่เขาจะเป็นคนปิดประตู สองร่างบางที่ส่วนสูงไม่ได้ต่างกันนักเดินควงแขนไปที่ตลาดตอนเย็นที่ไม่ห่างจากห้องสมุดไม่เท่าไหร่ ชะเอมหันไปมองเพื่อเธอที่หลังๆ มามีรอยยิ้มกว้างแถมยังดูมีออร่าความสุขแผ่ออกมาคงต้องขอบคุณใครบางคนที่เข้ามา

“อ๊ะ เราอยากกินอันนี้ เอมกินด้วยไหม” กล้าที่มองเห็นร้านขายเครปเย็นนานๆ ครั้งที่เขานึกอยากกินของหวานตากลมเป็นประกายหันมาถามเพื่อนสนิทที่ส่ายหน้า เธอไม่เหมือนกล้านะที่กินของหวานตอนเย็นแล้วไม่เคยอ้วนซักที กล้าเลยเดินเข้าไปสั่งแล้วยืนรอซึ่งดูท่าจะรอนานชะเอมเลยบอกจะไปซื้อน้ำแล้วกลับมาหา กล้าที่ยืนรอเครปไม่ทันรู้เลยว่ามีคนมายืนซ้อนหลัง

“ได้แล้วครับ” กล้ารีบรับเครปพร้อมกับจ่ายเงินพอจะหันกลับมาเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อหันกลับมาคนที่ยืนข้างหลังกลับไม่ใช่เพื่อนสนิทแต่เป็นคนที่ทำมื้อเช้าไว้ให้ต่างหาก

“หึๆ ตกใจอะไรกันครับ” เสียงทุ้มถามเพราะคนตัวเล็กสะดุ้งซะจนกวินหลุดขำ

“กะ....ก็มาได้ยังไงครับ” เสียงหวานบอกสั่นๆ ไม่นึกว่าจะหันมาแล้วเจอคนที่ทำให้ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะแบบนี้แถมสภาพตอนนี้ของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขาไม่กล้าสบตา ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนเสื้อพับขึ้นจนถึงศอกเนคไทถูกรูดลงหลวมๆ สูทหรูพาดอยู่ที่แขนซ้ายแต่ที่ทำให้ร่างเล็กไม่กล้าเงยหน้าสบตาคงเป็นสายตาคมที่ทอสายตาเอ็นดูให้เขา

“พี่พึ่งเลิกงานว่าจะมารับกลับแต่ไม่ทันเลยมาเดินเที่ยวตลาดด้วย” คนอย่างกวิน เจ้าของตำแหน่งนักธุรกิจไฟแรงแห่งปีมาเดินตลาดนัดตอนเย็น

“งั้นไปหาชะเอมกันดีกว่าครับ” กล้ารีบหาทางที่ตัวเองจะได้ไม่อยู่กับคนที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หมุนตัวเดินนำพร้อมกับกินเครปที่แสนอร่อย เพราะมัวถูกใจกับเครปเลยก้มหน้าก้มตากินไม่ได้สนใจทางเลยด้วยซ้ำ กวินได้แต่ส่ายหน้าขำๆ มือใหญ่โอบรอบเอวบางดึงให้พ้นทางเพราะคนที่มัวแต่กินจะชนกับคนที่เดินสวนทางมาแล้ว ถึงทำขนาดนี้แล้วคนที่กินก็ไม่ได้สนใจจะบอกให้เขาเอามือออกก็ถือเป็นโอกาสทองของเขา เดินจนผ่านหลายล็อกก็ยังไม่เห็นน้องชะเอม เขาเลยโอบเอวพาน้องไปนั่งพัก

“เดี๋ยวพี่โทรหาชะเอมดีกว่านะ” กล้าทำเพียงพยักหน้าเออออตามที่คนตัวโตแนะนำ ท่าทางเหมือนเด็กๆ กวินโทรหาชะเอมเขามีเบอร์ชะเอมอยู่แล้วเหลือก็เพียงเบอร์คนที่นั่งกินไม่นานก็ได้ความว่าชะเอมหลงไปไกลเมื่อเขาอยู่กับกล้าชะเอมเลยว่าจะกลับเลย

“ชะเอมจะกลับเลย หึ กินเหมือนเด็กๆ เลยนะ” กวินหัวเราะเบาๆ เมื่อคนตัวเล็กพยายามยกมือขึ้นเช็ดวิปครีม แต่ไม่โดน “ขอโทษนะครับ” ร่างสูงว่าแล้วค่อยใช้นิ้วโป้งเช็ดวิปครีมเบาๆ ที่มุมปากก่อนที่ยกปลายนิ้วที่เปื้อนแตะปลายลิ้น

ฉ่า!!

กล้ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไข้ทั้งหน้าร้อนฉ่าจนต้องก้มหน้าหลบสายตาที่มองอยู่ ไม่อยากกินแล้วเครปใจเต้นรัวเหมือนวิ่งเพิ่งวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาหัวใจเขาจะวายไหมอ่ะ ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มหู

“อยากได้อะไรเพิ่มไหมหรือจะเดินเที่ยวต่อ” ใจเต้นแรงอย่างนี้จะให้เขาเดินเที่ยวได้ยังไง ร่างบางส่ายหน้าจนผมกระจาย ก่อนที่มือหนาจะส่งมาตรงหน้า กล้ามองมือใหญ่อย่างไม่แน่ใจนักแต่ก็ยอมส่งมือเรียวไปวางบนมือหนาที่กุมมือเขาไว้แน่นดึงให้เขาลุกแล้วเดินจับมือกันเดินกลับไปที่รถ

“อ๊ะน่ากินจัง” เสียงพูดเบาๆ พร้อมกับร่างเล็กที่ชะงักหยุดนิ่งกวินหันมามองคนตัวเล็กที่มองร้านขายอาหาร

“งั้นซื้อกลับไปกินที่บ้านดีไหม” ร่างบางพยักหน้ารัวนานแล้วที่เขาไม่ได้มีความกระตือรือร้นอยากกินอะไรแบบวันนี้ยิ่งมีคนตามใจระหว่างเดินกลับสองมือเต็มไปด้วยถุงของกิน

“จะกินหมดไหม หือ” น้ำเสียงละมุนยามมองคนตัวเล็กที่หอบหิ้วของกิน เหมือนได้ใกล้ชิดเข้าไปอีกขั้นหลังจากที่หอบข้าของเข้าบ้านกวินก็โดนคนตัวเล็กไล่ไปอาบน้ำ ซึ่งเขาก็เต็มใจเอาจริงๆ ที่นี่เขาก็แทบจะทำให้เป็นบ้านอีกหลังไปซะแล้ว แต่งตัวเสร็จร่างสูงก็เดินลงมาพร้อมกับได้กลิ่นหอมอบอวนทั่วชั้นล่าง มองเข้าไปในครัวก็เห็นร่างเล็กกำลังจัดโต๊ะ

“จะกินหมดไหม” มองอาหารเต็มโต๊ะ

“แหะน่าจะหมดมั้งครับ” กวินมองร่างบางที่เริ่มแสดงอารมณ์ทางสีหน้าและกำแพงที่เริ่มบางลง

“อืออันนิ้อร่อยดีนะ” กวินตักไก่ใส่จาน กล้าก็ตักปลาหมึกคืน ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้นั่งกินข้าวสบายๆ แบบนี้นักหรอกแค่เวลาจะนอนยังหายากเลย ยังดีที่โยนงานที่ชลให้ไอ้เชษฐ์ไปดูแล ซึ่งมันก็โทรมาบ่นได้ทุกวัน

ครืดๆ

เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำลายบรรยากาศดีๆ พอยกขึ้นมาดูชื่อที่โชว์ทำให้เขาแทบไม่อยากรับสาย ไอ้เชษฐ์เพิ่งนึกถึงตายยากจริงๆ ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างสงสัยเขาเลยยกยิ้มให้แล้วหันมือถือไปให้ดู กล้าเลยยิ้มกว้าง เขากัดรับและเปิดลำโพงเอาโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะ

“ (บอสสสสสสสสสสสสสสสส เมื่อไหร่ผมจะได้กลับ) ” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรมันก็โหยหวนซะจนอยากจะปิดลำโพงตัดสายหนี แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรคนตัวเล็กก็ชะโงกหน้ามาตรงโทรศัพท์

“พี่เชษฐ์เหนื่อยไหมครับ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยชวนให้คิ้วกระตุกเพียงแต่เห็นแก่ที่น้องขยับเข้ามาใกล้ชิดถือว่าปล่อยผ่าน

“ (ฮือน้องกล้า พี่เหนื่อยมากกกก บอสใช้งานพี่หนักมากกก) ” ไอ้การลากเสียงอ้อนน้องมันอ้อนอวัยวะเบื้องล่างเขามากให้มันอยู่ต่ออีกซักเดือนดีไหม คนตัวเล็กได้แต่หัวเราะคิกคักคุยกับไอ้เชษฐ์ตกลงมันโทรมาหาเขารึเปล่าเหมือนมันจะลืมไปแล้ว

“แค่ก โทรมามีอะไรห๊ะไอ้เชษฐ์” เพราะเหมือนจะลืมเขาไปแล้วเลยต้องขัดจังหวะพูดแทรกขึ้น

“ (อ้อบอส บอสช่วยเรียกไอ้ผู้จัดการที่นี่ไปทิ้งที่ไหนก็ได้ได้ไหม) ”

“เป็นอะไรหมอนั่นทำงานดีมากนะ” น้อยครั้งที่ไอ้เชษฐ์จะบ่นไม่ชอบใจใครเห็นมันเป็นคนพูดมากแบบนี้แต่ก็เป็นคนอดทนไม่งั้นจะทำงานกับเขาได้เหรอ

“ (มัน.........มัน....ฮึย ช่างหัวมันเถอะ เมื่อไหร่ผมจะได้กลับบอส) ” ดูเหมือนว่าถ้าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้ามันคงโดนกระชากคอเสื้อแน่ๆ

“อาทิตย์หน้าก็กลับได้แล้ว ให้วันหยุดด้วยอ่ะ อาทิตย์หนึ่ง”

“ (ขอบคุณครับบอสผู้ใจดี น้องกล้าพี่กลับไปหนีไปเที่ยวกับพี่ไหม) ” มันน่าให้มันหยุดไหมวอนจริงๆ นะแต่พอเห็แววตาพราวระยับกับคำชวนของไอ้เชษฐ์เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ที่ไหนครับพี่เชษฐ์”

“ (ไว้พี่กลับพี่จะไปคุยด้วยนะ) ” แล้วมันก็ตัดสายโดยไม่ลาเจ้านายมันซักคำ ผมเจ้านายมันนะเห้ย เมินตรูอีก น้องขำเมื่อเห็นสีหน้าเขา ให้ตายเถอะ

“อยากไปเที่ยวเหรอ”

“ก็..ครับ” ถึงใบหน้าขาวนั่นจะราบเรียบแต่แววตานั้นบอกทุกอย่าง เขายกยิ้มกว้างก่อนที่จะชวนน้องกินต่อหลังจากทานจนหมดโดยฝีมือของคนตัวเล็กซะส่วนใหญ่ ร่างสูงที่อาสาล้างจานเองถึงตอนแรกน้องจะไม่ยอมก็เถอะ ลับสายตาจาน้องมือใหญ่ก็คว้าเอาโทรศัพท์กดเบอร์ลูกน้องคนสนิทอีกคน

“ (ครับบอส) ”

“อาทิตย์หน้ามีงานด่วนไหม” เพราะจำตารางงานตัวเองไม่ได้

“ (ไม่มีงานด่วนครับบอส มีอะไรรึเปล่าครับ) ”

“ฉันจะไปพักผ่อนซักอาทิตย์หนึ่ง จองตั๋วให้ด้วยนะเดี๋ยวจะบอกรายละเอียดอีกที”

“ (อ่า...ได้ครับ) ” แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ทำตามคำสั่งเจ้านายที่นึกยังไงอยากจะพักผ่อน หลังจากสั่งงานเสร็จเขาก็รีบล้างจานแล้วขึ้นไปบนห้องที่ถือว่าเป็นห้องนอนเขาแล้วที่ตอนนี้มีเสื้อผ้าของเมื่อวานถูกพับวางไว้บนเตียง อ่าอยากมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้วสิ เพราะยังไม่ถึงเวลานอนเลยนั่งพีงเตียงไถไอแพดในมือดูหุ้นและข่าวต่างประเทศไปเรื่อย

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูเรียกให้ผมลุกขึ้นไปเปิดให้กับเจ้าของห้อง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“พอดีว่า....พรุ่งนี้จะขอให้คุณกวินไปส่งได้รึเปล่าครับ”

“ได้สิ ว่าแต่” ผมเอื้อมมือไปจับมือเรียวไว้ซึ่งสะดุ้งทันทีที่เขาแตะ “เมื่อไหร่จะยอมเรียกพี่ว่าพี่ซักทีล่ะครับ”

“ไว้ถึงเวลาผมจะเรียกเอานะครับ” ทีแรกนึกว่าน้องจะปฏิเสธเด็ดขาดเหมือนที่แล้วๆ มา แต่เพราะประโยคสั้นๆ นั่นทำให้เขายิ้มกว้าง กำแพงนั่นกำลังลดลงให้เขาแล้ว
*******************************************

อาจจะสั้นไปหน่อย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ตอนต่อไปเจอกันวันอังคารนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
สนุกดีนะ โมเม้นเดินตลาดชอบมากๆ
น้องกล้าได้ของกินเต็มเลย
ตอนหน้าจะไปเที่ยวกันที่ไหนนะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
13

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” กล้ายกมือไหว้ขอบคุณคนที่มาส่ง หลังจากเคาะประตูขอให้คนตัวโตมาส่งเมื่อคืนตื่นเช้ามาทีแรกนึกว่าจะตื่นขึ้นมาก่อนแต่ก็ยังช้ากว่าคุณกวินที่ตื่นขึ้นมาทข้าวเช้าให้เรียบร้อยอีกต่างหากจนเขารู้สึกเกรงใจทั้งๆ นี่เป็นบ้านของเขาเอง

“พี่เต็มใจครับ อืมพี่จะไม่ได้มาหาแต่พี่จะให้คนมารับ” พอได้ยินผมก็รีบบอกปฏิเสธ

“ไม่ต้องครับ ผมเกรงใจ”

“พี่เป็นห่วง” เสียงทุ้มและแววตาจริงจังนั่นแทบทำให้เขาพูดไม่ออกใบหน้าขาวเลยพยักหน้ารับ แม้ในใจอยากจะบอกเหลือเกินว่าคนอย่างเขาใครจะทำอะไรแต่ก็ยอมกลืนคำนี้ไป เมื่อเห็นว่าเขารับคำคุณกวินก็ยกยิ้มกว้างที่ไม่ค่อยเป็นผลดีต่อหัวใจเขาเลย มือใหญ่ยกวางบนหัวทุยโยกเบาๆ สองสามทีก่อนที่จะบอกลา กล้าได้แต่มองตามหลังรถหรูยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนโดนตอกหมุดไว้ที่เท้ามือเรียวยกขึ้นแตะเบาๆ ตรงที่มือใหญ่วางไว้ แก้มขาวแดงก่ำซะจนหากคนที่ผ่านไปผ่านมาคงคิดว่าร่างเล็กนั้นไม่สบายแน่ๆ

กล้ารวบรวมสติก่อนที่จะหมุนตัวเดินเข้าห้องสมุด คุณกวินทำให้เขาเสียหลักไม่เป็นตัวของตัวเองหลายครั้งจนใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วตอนนี้

“อ๊ะๆ เอมเห็นน้าเมื่อกี้นี้” ยังไม่ทันที่จะได้ทักทายชะเอมก็เอ่ยล้อเมื่อเช้าเธอมาพร้อมกับที่รถคันหรูมาจอดหน้าห้องสมุดพอดีทีแรกว่าจะเข้าไปทักแต่พอเห็นบรรยากาศหวานๆ ทำให้เธอได้แต่แอบกันผ้าด้วยความฟินกับความละมุนของพี่วิน แต่ที่แปลกใจคือเพื่อนสนิทของเธอ “ยอม” ให้กับพี่วินขนาดนั้นได้ยังไง

“เห็นอะไรเล่าเอม ทำงานไปเลยนะ” กล้าโวยเสียงเบาพร้อมกับก้มหน้าไม่ยอมสบสายตา วางเของเสร็จก็เดินดุ่มๆ หนีไปเรียงหนังสือที่คืนเข้าชั้น ฮือทำไมถึงได้รุมแกล้งเขานักก็ไม่รู้ ตลอดทั้งวันกล้าได้แต่ก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆ ที่โดนชะเอมล้อทั้งวัน จนถึงเวลาปิดห้องสมุด

“ไปนะพรุ่งนี้เจอกัน จะไม่ให้เอมไปส่งจริงๆ เหรอ”

“ไม่เป็นไรเจอกันพรุ่งนี้นะ” โบกมือลาเพื่อนสาวที่คนที่บ้านมารับจนกระทั่งลับสายตาไป เขาก็เตรียมที่จะเดินกลับบ้านแล้วถ้าหากไม่มีรถสีดำคล้ายรถของคุณกวินมาจอดตรงหน้าเสียก่อนที่แรกนึกว่าเป็นคุณกวินแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวบอกว่าจะไม่ได้มาขณะที่กล้ายืนงงใครบางคนที่เปิดประตูรถลงมา สูงจัง ร่างเล็กได้แต่โอดครวญด้วยความอิจฉาในใจ แค่สูงยังไม่พอยังต้องดูดีขนาดนี้เลยเหรอ ส่วนสูงที่พอๆ กับพี่เชษฐ์ยิ่งใส่สูทแบบนี้ยิ่งทำให้ดูดีขึ้นไปอีก เอ๊ะ เหมือนพี่เชษฐ์งั้นเหรอหรือว่าทำงานกับคุณกวิน

“สวัสดีครับคุณกล้าบอสให้ผมมารับคุณไปส่งที่บ้าน” คนตัวสูงมาหยุดตรงหน้า

“บอส....คุณกวิน??” ร่างเล็กถามกลับงงๆ

“ใช่ครับ” เมื่อเห็นคนตรงหน้าพยักหน้าหนักแน่นพร้อมกับคำตอบ ทำให้กล้าต้องถอนหายใจแรงเพราะความเกรงใจแต่ก็เดินตามคนมารับไปที่รถ

“ขอบคุณครับ” กล้ารีบยกมือไหว้ขอบคุณเพราะคนตัวสูงรีบก้าวมาเปิดประตูรถให้เขา คนที่ถูกไหว้กลับยิ้มมุมปากไม่ได้พูดอะไรพอร่างเล็กขึ้นนั่งเรียบร้อยเขาก็ปิดประตูรถให้ทำเหมือนที่ทำให้กับบอส พอขึ้นรถขับออกไปทั้งห้องโดยสารก็มีเพียงเสียงหายใจ จนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าบ้านหลังน้อยกล้าอึกอักก่อนที่จะยกมือไหว้แล้วขอบคุณ

“พรุ่งนี้ผมจะมารับตอนแปดโมงเช้านะครับ”

“ไม่ต้องก็ได้ครับ” กล้ารีบตอบกลับด้วยความเกรงใจ

“บอสสั่งมาครับผมต้องทำตาม” พอได้ยินคำตอบสีหน้าคนตัวเล็กยิ่งลำบากใจ

“แต่ว่า...”

“ถ้าจะให้ผมไม่มารับคุณกล้าต้องบอกบอสเองแล้วล่ะครับ” เพราะรอยยิ้มกว้างบนใบหน้ารึเปล่ากล้าถึงได้เห็นว่าคนที่มารับกำลังกวนเขาอยู่ ใบหน้าขาวงอง้ำเพราะถึงมีเบอร์เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะโทรไปหรอกนะ แค่ทุกวันนี้มันก็เกินความคาดหมายไปหมดแล้ว

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้ล่ะกันครับ” กล้าตอบแล้วรีบลงจากรถเข้าบ้าน ให้ตายเถอะทั้งเจ้านายแล้วลูกน้องเลย หลังจากอาบน้ำเสร็จร่างขาวก็นอนกลิ้งอยู่บนเตียงแต่แล้วก็ต้องซุกหน้าลงกับหมอนนิ่งเพราะกลิ่นหอมที่แตะจมูก กลิ่นกายของคนที่มานอนพักที่ห้องนี้

“ง่า แล้วจะนอนหลับได้ไหมล่ะ” เพราะกลิ่นที่ทำให้เหมือนว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียวเหมือนถูกโอบรัดด้วยกลิ่นกายของคนที่ไม่อยู่ เพียงแต่ซุกได้ไม่นานคนตัวเล็กก็ตวัดผ้าห่มเป็นก้อนกลมหลับไป

.

.

เช้าวันต่อมาคนที่บอกว่าจะมารับก็มารับตรงเวลาพอส่งถึงหน้าห้องสมุดก็พูดเพียงว่าตอนเย็นจะมารับเป็นอยู่อย่างนี้จนเข้าวันที่สี่ พอมารับมาส่งก็เลยได้เริ่มพูดคุยจนได้รู้จักชื่อ พี่ฐา พี่ฐาก็เป็นลูกน้องคนหนึ่งของคุณกวินแต่อยู่คนละสาขางานกับพี่เชษฐ์แถมเวลาที่พี่ฐาพูดถึงพี่เชษฐ์ก็เรียกคุณแม้จะงงๆ แต่เขาก็เข้าใจว่าพี่เชษฐ์คงจะมียศใหญ่กว่าโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าลูกน้องทุกคนของบอสต่างก็เรียกเชษฐ์ว่าคุณเพราะความเคารพทั้งฝีมือและนิสัย

“วันนี้ทำไมมาเร็วจังครับพี่ฐา” กล้าที่พึ่งปิดห้องสมุดก็เห็นพี่ฐายืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างรถอยู่แล้ว เขาเลยรอพี่ฐาคุยเสร็จจึงเข้ามาทัก

“บอสสั่งให้พี่มาเร็ว” พอพี่ฐาพูดถึงบอส ในหัวเขาก็ปรากฏภาพคนที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน อยากจะถามไถ่ว่าเป็นยังไงแต่ก็เหมือนคำถามมันติดอยู่ตรงลำคอ พี่ฐาเปิดประตูให้เหมือนทุกครั้ง เขานิ่งเงียบจนถึงบ้านรถจอดแล้วแต่เขาก็ยังไม่ลงจากรถ

“เอ่อ...พี่ฐาครับ”

“ครับ??” มือเรียวบีบกันแน่นอยู่บนตัก เรียวปากสวยขมเม้นแน่นเพราะความประหม่าอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะถามดีรึไม่ถามดี จนตัดสินใจได้

“คะ..คุณกวินเป็นยังไงบ้างครับ” เพราะหายไปนาน เพราะไม่ได้ยินเสียง เพราะไม่ได้เจอหน้า เพราะก่อนหน้านี้ได้เจอหน้าทุกวันแถมบางวันยังยิ่งกว่าเจอซะอีก

“อ้อ ตอนนี้บอสเคลียงานอยู่ที่บริษัทครับ” เพราะอยากจะหนีเที่ยวงานในอาทิตย์ที่บอสเขาจะหยุดเลยต้องมากองที่อาทิตย์นี้ถ้าหากอยากหยุดสบายๆ โดยไม่มีการหอบงานไปด้วย

“แล้วได้พักบ้างรึเปล่าครับ” พอได้ยินว่ายังอยู่บริษัททั้งๆ ที่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว งานเยอะมากเหรอ ใบหน้าขาวก้มลงต่ำก่อนที่จะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบตาที่นั่งอยู่ตรงคนขับ “พี่ฐารอผมซักครู่ได้ไหมครับ”

“อ่าได้ครับ” แม้จะแปลกใจแต่ฐาก็ยอมรออยู่ในรถ ส่วนคนที่บอกให้รอรีบวิ่งเข้าบ้าน โยนกระเป๋าลงโซฟาแบบลวกๆ ก่อนที่จะเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็นหยิบเอากุ้งกับหอมหัวใหญ่มา มือขาวผัดข้าวมือเป็นระวิงไม่นานข้าวผัดกุ้งสีสวยก็เสร็จ กล้าหาเอาปิ่นโตเถาใหญ่ตักข้าวผัดใส่จนเต็มอีกอันเขาตักแกงจืดเต้าหู้ที่ทำพร้อมกันปิดฝารีบหิ้ววิ่งไปหาคนที่รอ

“พี่ฐา.....อันนี้..ผมฝากให้คุณกวินด้วยนะครับ” ส่งของที่ต้องการฝากไปให้กับคนงานยุ่ง ฐารับเอาปิ่นโตมาไว้พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากดูท่าวันนี้บอสของเขาจะมีแรงทำงานโต้รุ่งแน่ๆ พอให้กล้าก็วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าบ้าน ฐาขับรถเรียกได้ว่าประคองปิ่นโตจนถึงบริษัท ร่างสูงถือปิ่นโตเถาใหญ่ขึ้นลิฟท์ตรงไปยังชั้นบริหาร

ก๊อกๆ

ฐาเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ภาพคุ้นตาในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาก็คือบอสที่ก้มหน้าก้มตาใส่แว่นอ่านเอกสารแทบจะไม่รู้ถึงเดือนถึงตะวันอยู่แล้ว

“กลับมาแล้วเหรอ” กวินที่เงยหน้าขึ้นมาทักแล้วก็ก้มลงอ่านเอกสารต่อ เขาพยายามที่จะเคลียงานที่จะทำให้เขาสามารถว่างได้อาทิตย์หนึ่งแต่ทำไมยิ่งทำเหมือนมันจะยิ่งเยอะแบบนี้นะ

“ผมว่าบอสควรพักนะครับ” พอเห็นสภาพแล้วฐาได้แต่สงสารตอนนี้บอสเขานอนที่นี่แทบจะเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว

“ก็ทำเสร็จจะพัก” ฐาอยากจะย้อนว่าเมื่อวานบอกก็พูดแบบนี้ แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน

“อ่า งั้นบอสคงไม่อยากกินอาหารฝีมือคุณกล้าหรอกนะครับ” สิ้นคำพูดแฟ้มในมือบอสถูกปิดดังฉับลุกขึ้นมาตรงหน้าเขาทันที เอ่อเห็นทีคงได้ผลเกินไป

“อยู่ไหน” เสียงทุ้มที่แทบจะห้วนจนฐาต้องรีบส่งปิ่นโตให้

กวินรับปิ่นโตมาไว้ในมือด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนหัวใจมันฟูฟ่องอบอวนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกรู้เพียงแค่มันทำให้เขามีความสุขมาก อ่ารู้สึกปวดแก้มหน่อยๆ แหะ

“นี่คุณกล้าอุตส่าห์รีบทำให้ทันทีที่รู้ว่าบอสไม่ได้พักงานเลยนะครับ” ยิ่งได้ฟังกวินยิ่งรู้สึกหัวใจพองโตกว่าเดิม รีบไปนั่งเปิดปิ่นโตกลิ่นหอมของข้าวผัดและแกงจืดเต้าหู กลิ่นหอมที่ทำให้เขารู้สึกหิวทันที ไม่รอช้ากวินรับเอาช้อนที่ลูกน้องคนสนิทส่งให้ตักเข้าปากให้ตายเถอะได้เสบียงแบบนี้ต่อให้โต้รุ่งเขาก็ไหวยิ่งอาหารถูกปากเขาก็ยิ่งได้แรงใจ ใช้เวลาไม่นานเขาก็กินเสร็จ เขามองไปที่กองงานกับความต้องการที่อดกลั้นมาตลอดสามสี่วันยิ่งได้เสบียงใจเขายิ่งอยากไปหา

“กลับกันเถอะ” กวินเก็บปิ่นโตทีแรกฐาจะเข้ามาถือแต่เขาก็อยากถือเองลงมาถึงชั้นจอดรถ

“กลับบ้านเลยเหรอครับบอส”

“ไม่ ไปบ้านน้องกล้า” เหลือบมองนาฬิกาเวลานี้น้องคงยังไม่นอน เพราะรู้นิสัยคนตัวเล็กดี ไอ้ฐาไม่ตอบอะไรเพียงหัวเราะเบาๆ แล้วกลับรถไปทางบ้านน้องกล้าของบอส

กวินเปิดประตูรั้วที่น้องไม่เคยจะล็อกจนถึงประตูหน้าบ้าน แล้วเคาะประตูเบาๆ ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในบ้านก่อนที่ประตูจะเปิดออก

“คุณกวิน” เสียงหวานที่คิดถึงมาตลอดสามสี่วัน

“พี่ขอมานอนที่นี่ได้ไหม” ไอ้ฐาพอเขาลงจากรถมันก็ออกรถกลับบ้านทันที กวินมองร่างเล็กที่อยู่ในชุดนอนสีฟ้าผมฟูเป็ดไปข้างหนึ่งท่าทางน้องคงนอนอ่านหนังสือ ตาโตๆ นั่นเบิกกว้างเมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าประตูแต่น้องก็เบี่ยงตัวหลบให้เข้าบ้าน

“เอ่อ....เข้ามาสิครับ”

“ขอบคุณมากเลยนะสำหรับข้าวอร่อยๆ” ระหว่างที่เดินเข้าบ้านก็บอกขอบคุณน้องไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มกว้างรับปิ่นโตที่เบาที่แสดงว่ากับข้าวโดนกินจนหมด

“ไม่ได้พักเลยเหรอครับ” กล้าหันกลับมามองคนตัวโตที่ยังใส่แว่นดูไม่คุ้นแต่ก็ดูดีอีกแบบแต่รอยคล้ำใต้ตาเห็นได้ชัดและสีหน้าอิดโรย

“ก็ได้นอนนิดหน่อย” เพราะสายตากลมโตเต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้กวินกลืนคำโกหกที่ว่าได้พักลงคอ

“งั้นขึ้นไปนอนพักดีกว่าครับ” เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะบอกราตรีสวัสดิ์แล้วเดินขึ้นไปห้องน้องถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วล้มตัวนอน ปลายจมูกโด่งได้กลิ่นหอมจางๆ ก่อนที่จะเข้าสู่นิทราในเวลาไม่นาน

เพราะการไม่ได้นอนเต็มที่หลายวันทำให้กวินหลบยาวตื่นขึ้นมาก็บ่ายกว่าแล้วเขาอาบน้ำแต่งตัวตรงเข้าบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าวันนี้งานจะต้องเสร็จไม่งั้นเขาได้ขาดใจตายแน่ๆ เพราะทุมเทกับการวางแผนไปเที่ยวครั้งนี้มาก

ครืดๆ

“ไง”

“ (บอส!! ไหนบอกจะให้ผมไปพักผ่อนแล้วทำไมบอสต้องเป็นคนกำหนดทริปด้วยล่ะ ห๊ะ!!) ” เสียงโวยวายดังจนได้แต่ถอนหายใจ ทำไมช่วงนี้มันเป็นคนขี้โวยวายแบบนี้นะไปกินยาผิดที่ชลหรือไง

“ก็ฉันจะไปด้วยไง”

“ (เรื่องสิบอส บอสจะไปก็แยกกันไปสิทำไมต้องพ่วงผมไปด้วย) ”

“กล้าจะไปด้วย” พอเอ่ยถึงชื่อน้องไอ้เชษฐ์ก็เงียบไปทันที

“ (บอสจะล่อลวงน้องใช่ไหม) ” ไอ้นี่...กล่าวหากันชัดๆ

“เรื่องสิ น้องไม่เคยไปเที่ยวเลยอยากจะพาไป” เพราะอยากให้น้องมีความสุขเขาเลยคิดทริปเที่ยวนี้ที่จะให้น้องไหนจะไล่เคลียงานนี่อีก

“ (ไม่ค่อยนะบอสเอาเถอะเห็นแก่ความสุขบอสผมจะยอมทำให้) ”

“หึน่าเดียซจะให้โบนัสพิเศษ”

“ (ช่วยอย่าส่งผมกลับมาทำงานที่นี่อีกก็แล้วกัน) ” ท่าทางจะไม่ชอบผู้จัดการสาขานั้นจริงๆ เลยตกปากรับคำว่าจะไม่ส่งมันไปแล้วถึงได้พอใจ

“เอาวะรีบทำให้เสร็จเถอะไอ้วิน” เรียกสติให้คืนกลับมาพร้อมกับลุยงาน หลังจากที่ตะบี้ตะบันทำจนในที่สุดงานที่กองท่วมหัวก็สามารถจบลงซักที อยากจะนอนนิ่งๆ ซักหนึ่งวัน คว้าเอาข้าวของก่อนที่จะให้ฐาไปส่งที่บ้านน้อง เอาจริงๆ ก็แทบไม่อยากจะกลับบ้านตัวเอง

“บอสจะให้ผมเอาอะไรมาให้ไหมครับ”

“ให้ป้านงค์จัดกระเป๋าให้ฉันสำหรับเที่ยวอาทิตย์หนึ่งกับเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนซักสองสามชุดนะ” ฐารับคำก่อนที่จะออกรถไป ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านก่อนที่จะโทรไปขออนุญาตเข้าบ้านซึ่งน้องก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่บอกให้เขาขึ้นไปนอนได้เลย ให้ตายเถอะนี่ไม่ได้ปิดบ้านอีกแล้วใช่ไหมได้แต่ส่ายหัวกับการไม่เคยปิดบ้านของน้อง เปิดประตูเข้าบ้านขึ้นไปอาบน้ำชำระความเหน็ดเหนื่อยแล้วล้มตัวลงนอนพักสายตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นพอดี

“ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานสินะ” ร่างสูงบ่นเบาๆ มองมือถือมีข้อความที่ฐาส่งมาบอกว่าเตรียมของมาให้แล้วอยู่ด้านล่าง เขาเดินลงมาเปิดไฟข้างล่างแล้วเดินเข้าห้องครัว ทำอาหารรอคนตัวเล็กยังดีที่ของในตู้เย็นมีไม่นานอาหารง่ายๆ สามสี่อย่างก็เสร็จ

แกร๊ก

“เอ๋ หอมจัง” เสียงอุทานแปลกใจพร้อมกับร่างเล็กที่เดินลิ่วมาที่ครัว

“ทานข้าวก่อนหรือจะอาบน้ำก่อน” กวินชอบบรรยากาศแบบนี้ อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ อยากทำอาหารรอหรือไม่กลับบ้านมาก็มีคนตัวเล็กรอ อาจจะเป็นภาพที่เขาละเมอเพ้อพกไปก่อนคนเดียวแต่เขาก็อยากให้มันเป็นอย่างที่ฝัน

“งั้นเดี๋ยวผมลงมานะครับ” เสียงหวานที่ปลุกให้เขาออกจากภาพฝัน กวินเลยตั้งโต๊ะรอไม่นานน้องก็ลงมา

“กล้า สามารถหยุดงานได้ไหมซักอาทิตย์หนึ่ง” ร่างเล็กเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมองคนถาม

“ก็ได้นะครับ”

“งั้นดีลาเลยวันพรุ่งนี้พี่จะพาไปเที่ยว”

“เอ๋!!!!” กล้าอุทานเสียงดัง จู่ๆ ก็จะไปเที่ยวอย่างนี้เหรอ

“ไปกับพี่และก็ไอ้เชษฐ์” กล้าลังเลใจหนึ่งเขาก็อยากจะไปเที่ยวซักครั้งแต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวจากกำแพงที่เขาสร้างขึ้น

“แต่ว่า....”

“นะ...ไปกับพี่..นะครับ” มือใหญ่เอื้อมมากุมมือขาวที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ

ตึกตักๆ ๆ

ฮือ

ทำไมใจเขาเต้นแรงแบบนี้ ใจดวงน้อยเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก แก้มขาวแดงก่ำนัยน์ตากลมโตสั่นไหวได้แต่นิ่งให้คนตัวโตกุมมืออยู่อย่างนั้น

เขาแพ้แล้ว

แพ้ให้กับคนตรงหน้าแม้อีกคนจะไม่ได้บอกคำรักหรือแม้กระทั่งคำว่าชอบมีเพียงสายตาที่บอกเขาทุกอย่าง เขาควรออกจากกำแพงที่เขาสร้างได้แล้วใช่ไหม คนคนนี้จะไม่ทำให้เขาเจ็บปวด เขาควรที่จะลองอีกครั้ง

“ผม..ไปก็ได้ครับ” สิ้นคำตอบกล้าก็เห็นรอยยิ้มกว้างเพราะดีใจที่เขาตกลงไป รอยยิ้มที่ยิ่งทำให้ใบหน้าคมดูดีขึ้นอีกมากโข

“เยส พี่ดีใจจริงๆ ที่กล้ายอมไปกับพี่” ลูบเบาๆ ที่มือเล็ก

“ผมก็ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับพี่เชษฐ์แล้วก็..... พี่กวิน” ถ้าหากที่น้องยอมไปเที่ยวทำให้กวินดีใจแล้ว คำพูดสามคำที่หลุดออกมาจากเรียวปากสวยนั่นยิ่งทำให้เขาเหมือนขึ้นสวรรค์ เคยคิดถ้าหากน้องเรียกเขาว่าพี่จะน่าฟังขนาดไหน แต่พอได้ยินแล้วมันกลับดียิ่งกว่าที่จินตนาการไว้ จนต้องยกมือมาปิดปากหลบสายตาน้องทั้งๆ ที่ปกติจะเป็นอีกฝ่ายที่เป็นคนหลบตา ใบหูใหญ่แดงระเรื่อง แค่น้องเรียกว่า “พี่” ทำไมดาเมจมันทำลายล้างแบบนี้ล่ะ เสียมาดนักธุรกิจหมด ให้ตายเถอะ

****************************************************

คุณกวินก็จะน่ารักหน่อยๆ

มาเร็วกว่าที่คิด อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด