บทที่ 21
อวสาน
“ฉัน...อยากให้นายเจอคนดีๆ ไม่มีพันธะเหมือนอย่างฉันนะ” ผมเอ่ยกับเขาทั้งน้ำตา ทั้งที่รู้ว่าต้องเห็นเขาร้องไห้เสียใจแต่ผมยังคงจ้องมองใบหน้าหล่อนั้นอย่างไม่ละสายตา เพื่อตอกย้ำว่าตอนนี้ตัวเองได้ทำร้ายผู้ชายคนหนึ่งที่รักผมสุดหัวใจลงไปแล้ว
“ผมดีใจนะที่คุณอี้เฟยเลือกเขา” เขายิ้มให้ผมผ่านม่านน้ำตา
“ฉันขอโทษที่ทำให้นายผิดหวังเสียใจ นายจะโกรธหรือเกลียดฉันก็ได้นะที่ให้ความหวังนายมาตลอด”
“ทำไมผมจะต้องรู้สึกอย่างนั้นด้วยล่ะครับ ในเมื่อผมรักคุณอี้เฟย รักโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น รักโดยไม่ต้องการอยากครอบครอง แค่คุณอี้เฟยมีความสุขผมเองก็มีความสุขตามไปด้วย”
ยิ่งได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาน้ำตาผมยิ่งไหล ผมโผเข้าไปกอดเขาทันที อยากจะกอดเขาไว้อย่างนี้ไปตลอดชีวิต แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะต่อไปนี้เราจะอยู่ในสถานะพี่น้องเท่านั้น
“ฮือๆ ๆ ฉันขอโทษจริงๆ อาหยางฉันขอโทษ”
“ไม่เป็นไรนะครับ ผมยังอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายปลอบใจเขาในฐานะที่โดนปฏิเสธ แต่ทว่ากลับเป็นอาหยางที่ต้องเป็นฝ่ายปลอบประโลมผมซะงั้น ผมนี่มันแย่มากๆ
“ฉันจะไม่มีวันลืมความรักที่นายมีให้ ฉันจะจำมันไปตลอดชีวิตเลยนะอาหยาง นายควรจะหาใครดีๆ สักคนเข้ามาเติมเต็มในชีวิตนะ” ผมเอ่ยหลังจากเราผละออกจากกันแล้ว
“ชาตินี้ผมคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะอยู่รับใช้ท่านประธานและคุณอี้เฟยไปจนตาย คุณอี้เฟยไม่ต้องห่วงนะครับเพราะทุกวันนี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว”
“อาหยาง....นายทำให้ฉันรู้สึกผิดจริงๆ นายเป็นคนดีเกินกว่าที่จะต้องมาเสียใจเพราะฉันฮึก...”
“คุณอี้เฟอยากทำให้ผมรู้สึกดีไหมล่ะครับ” เขาเอ่ยยิ้มๆ
“อยากสิ...นายบอกมาเลยว่าฉันต้องทำยังไงนายถึงจะรู้สึกดีขึ้น” ผมจะทำตามที่เขาบอกทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้
เขาจับมือทั้งสองข้างผมขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม
“คุณอี้เฟยช่วยจูบผมอีกสักครั้งได้ไหมครับ แล้วกลับไปบอกรักเขาคนนั้น สร้างครอบครัวที่น่ารักครองคู่กันไปตลอดชีวิต แค่นี้ผมก็รู้สึกดีที่สุดแล้ว”
“อาหยาง....” ผมเอ่ยออกมาอย่างเบาเสียง ก่อนจะโน้มใบหน้าขึ้นไปประกบจูบเขาทันที มันเป็นจูบที่ผมตั้งใจที่สุดในชีวิต เพื่อเป็นการไถ่โทษกับการต้องมาทำลายความรู้สึกของอาหยาง จากนี้ไปเราจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างในใจแล้ว
เรายืนจูบกันอยู่อย่างนั้นราวสามนาที ก่อนจะผละใบหน้าออกมาอย่างช้าๆ
“รู้สึกดีจัง...ต่อไปนี้คุณอี้เฟยไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้วนะครับ ตอนนี้ผมโอเคขึ้นมากแล้ว” สีหน้าของอาหยางเริ่มดีขึ้นเมื่อได้รับสัมผัสจากผม ผมรู้ว่าเขาแกล้งข่มความเสียใจเอาไว้เพื่อให้ผมสบายใจเท่านั้น
“เห็นนายโอเคฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้น ต่อไปนี้เราจะช่วยกันดูแลเตี่ยนะ” ผมพยายามยิ้ม
“ครับคุณอี้เฟยผมจะอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้เสมอนะ”
“ขอบคุณนะอาหยางที่ช่วยดูแลฉันมาตลอด นายคือพี่ชายที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน”
“คุณก็เป็นคนที่ผมรักและเทิดทูนที่สุดในชีวิตเช่นกันครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อื้ม” ผมยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา
อาหยางส่งยิ้มให้ผมทั้งที่น้ำตายังคลอเบ้า ก่อนจะเดินผ่านหน้าผมไป ผมปิดเปลือกตาตาลงอย่างช้าๆ ทำให้น้ำตาที่เอ่อล้นในนั้นไหลลงมาเป็นทาง ผมจะเสียใจให้กับเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปทำตามที่อาหยางบอกและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ผมรีบบึ่งรถกลับมาที่บ้านหลังจากนั้น วันนี้ผมต้องย้ายที่บ้านยายจันทร์แล้ว ป่านนี้แม่กับตาหนูคงจะรอผมอยู่ รวมถึงพี่ธีเองที่คงจะเตรียมรอไปส่งพวกเราที่นั่น
เมื่อมาถึงแล้วผมก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน พบว่าตาหนูและแม่กำลังนั่งรอผมอยู่ในห้องโถง ผมเดินเข้าไปหาทั้งสองคนโดยไม่ลืมที่จะกวาดสายตามองหาเขาคนนั้น คนที่ผมต้องการจะมาบอกความรู้สึกที่แท้จริง จะมาบอกให้เขาดูแลรับผิดชอบชีวิตผมไปตลอดชีวิต
“คุณแม่กลัวมาแล้วววว” ตาหนูเห็นผมก็ลุกขึ้นมาแล้วรีบวิ่งมากอด
“น้องนนท์เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”
“ครับผม”
“แล้ว...คุณพ่อล่ะครับตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“คุณพ่อเอาของไปเก็บไว้ในรถแล้วครับ”
“ถ้างั้นเราไปกันเถอะครับ” ผมเอ่ยกับตาหนูก่อนจะจับมือไว้เตรียมตัวเดินไปที่รถ “แม่ครับเราไปกันเถอะ” แม่ส่งยิ้มมาให้
ก่อนเราทั้งสามคนจะเดินออกไปผมก็หันกลับมามองบ้านหลังนี้ให้ชัดๆ อีกครั้ง เพื่อบอกลามันในใจ เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้จะเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืม จุดเริ่มต้นของความรักและความเกลียดชังที่ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นวายมากมายในชีวิตของพวกเราทุกคนได้จบลงแล้วสินะ ต่อไปนี้มันจะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาเท่านั้น
เดินออกมาจากบ้านแล้วก็พบว่าพี่ธีกำลังยืนกอดอกพิงข้างรถรออยู่ เขาวางสายตาไว้ที่พื้นราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ เดาว่าคงจะเป็นเรื่องที่คุยกับผมเมื่อคืน บวกกับเรื่องที่เราจะย้ายออกจากบ้านในวันนี้ด้วยแน่นอน
“พี่ธีครับ” ผมเอ่ยเรียกเมื่อเดินมาถึง เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ แต่ทว่าสายตาคมนั้นกลับไม่ได้สดใสเลยสักนิด ราวกับว่าเมื่อคืนนี้อดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืน
“เสร็จแล้วเหรอ”
“ครับ”
“ถ้างั้นก็ขึ้นรถกันเถอะป่ะ” เขายิ้มน้อยๆ ให้ก่อนจะขึ้นรถไปก่อน ราวกับคนที่งอนกันซะอย่างนั้น
ระหว่างที่นั่งรถมานั้นผมกับพี่ธีเอาแต่เงียบไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรเลย ตาหนูนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือไม่ได้สนใจใคร ส่วนแม่ก็นั่งมองตาหนูแล้วยิ้มตามไปด้วย ผมปรายตามองดูพี่ธีอยู่บ่อยครั้งแต่เขาก็เอาแต่สนใจมองทาง ทำเป็นไม่สนใจผม
สาเหตุที่ผมตัดสินใจเลือกพี่ธี นั่นเพราะเราต่างก็ผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมาด้วยกันทั้งคู่ กว่าจะมาถึงวันนี้ต่างฝ่ายต่างบอบช้ำทางใจมาพอสมควร ผมไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว ผมอยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเสียที หลังจากที่เราต้องแยกกันอยู่มานาน ส่วนเรื่องความรักนั้นผมยอมรับว่ารู้สึกดีกับอาหยางมากกว่า แต่ความรู้สึกดีนั้นผมมองว่ามันไม่ใช่ความรักเชิงชู้สาว แต่มันเป็นความปรารถนาดีต่อกันอย่างบริสุทธิ์ใจ เขาเข้ามาในช่วงที่หัวใจผมอ่อนแอเลยอาจจะเผลอเกินเลยไปบ้างเท่านั้น
“ฮัลโลอาหยาง”
“ทำอะไรอยู่เหรอ...ฉันคิดถึงนายจัง”
“คิดถึงเหมือนกันงั้นเหรอ ดีใจจัง”
“จ้า”
“จะมาที่บ้านงั้นเหรอ ได้ๆ รีบมานะ”
“ใกล้จะถึงแล้ว จ้าแค่นี้นะแล้วเจอกัน”
ในระหว่างที่ผมคุยกับอาหยางอยู่นั้น พี่ธีก็แอบปรายตามองอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้เขาคงจะรู้สึกแย่มากที่ได้ยินผมคุยกับอาหยางแบบสนิทสนมอย่างนี้ คงนึกไม่ถึงว่าผมกับบอดี้การ์ดส่วนตัวจะมีซัมติงกัน
“สนิทกับอาหยางขนาดนี้เลยเหรอ” เขาทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากถาม หลังจากนั่งกระสับกระส่ายอยู่นาน
“ครับสนิทมาก สนิทจนเตี่ยว่าจะให้เราคบกันเลยล่ะ” ผมตอบกวนๆ ไป ยั่วให้เขาอารมณ์เสียเล่นๆ
“นี่สินะเหตุผลที่ปฏิเสธพี่”
“ก็ไม่เชิงครับอาหยางเขาเป็นคนดีมาก คอยช่วยเหลือผมมาตลอด ไม่แปลกถ้าผมจะรู้สึกดีกับเขา”
“ใช่สินะพี่มันคนเลวทำร้ายวินไว้เยอะ แต่ก็ดีแล้วล่ะวินได้เจอคนดีๆ พี่ก็ดีใจด้วย”
“ขอบคุณครับ”
ผมแทบกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นว่าตอนนี้พี่ธีแอบร้องไห้ เขาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่มันดันไหลลงมาเป็นสายซะอย่างนั้น พี่ธีใช้มือเกลี่ยมันออกพยายามไม่ให้ผมเห็น นั่งใกล้ขนาดนี้จะไม่เห็นได้อย่างไรกัน เพียงแต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็นเท่านั้นเอง
พี่ธีสายโหดในวันนั้นเป็นคนเดียวกับที่นั่งข้างผมจริงๆ เหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อเลย เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
ในที่สุดก็มาถึงบ้านเสียที ผมได้กลิ่นอายของความสุขเมื่อได้ย่างกรายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างถาวร ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้ยายจันทร์กำลังยิ้มต้อนรับพวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ผมกลับมาแล้วนะครับยาย ผมจะไม่มีทางย้ายออกไปจากบ้านของเราอีกแล้ว
“พี่ธีอยู่ทานข้าวก่อนนะครับ” ผมเอ่ยกับเขาหลังจากช่วยกันจัดบ้านอยู่นาน จนตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คือ...พี่” ผมรู้ว่าพี่ธีคงไม่อยากเห็นผมอยู่กับอาหยางแน่นอน แต่ผมจะรั้งเขาไว้ให้ได้
“เพราะอาหยางใช่ไหม”
“คงงั้นมั้ง” เขาถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะเสตาไปมองทางอื่น
“ผมรับรองว่าจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามกับอาหยาง ผมเองก็กลัวว่าพี่จะไม่สบายใจเหมือนกัน แต่มาขึ้นบ้านใหม่ทั้งทีผมก็อยากให้ทั้งคนรักและพ่อของลูกอยู่พร้อมหน้ากัน” ยิ่งได้ยินคำว่าคนรักพี่ธียิ่งขมวดคิ้วจนเป็นปม
“กล้าเอ่ยปากว่าคนรักพี่คงหมดหวังแล้วสินะ” เขาว่าก่อนจะเดินไปที่ศาลาท่าน้ำ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาจะอยู่ที่นี่ต่อ ผมไม่เคยเห็นท่าทีขี้งอนอย่างนี้มาก่อนเลย...ก็น่ารักไปอีกแบบนะ
จากนั้นผมก็เดินเข้าไปในครัว ตอนนี้แม่กำลังทำกับข้าวอยู่ ส่วนตาหนูกำลังนั่งปั้นแป้งให้เป็นลูกกลมๆ เล็กๆ เพื่อนำมาทำบัวลอยไข่หวาน ดูท่าทางตาหนูคงจะสนุกมากราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ซะอย่างนั้น
“เก่งจังเลยครับน้องนนท์” ผมเอ่ยชมก่อนจะนั่งลงข้างลูกชาย
“สนุกมากๆ เลยครับคุณแม่ น้องนนท์ไม่เคยเล่นอย่างนี้มาก่อน” ตาหนูส่งยิ้มมาให้ ขณะที่มือน้อยๆ ก็บรรจงปั้นแป้งวางไว้ในถาดอย่างขะมักเขม้น
“สนุกก็ทำให้เสร็จนะครับ คุณยายจะได้เอาไปทำเป็นขนมให้ทาน”
“ขนมอะไรครับคุณแม่ น้องนนท์ไม่เห็นเคยรู้จักเลย”
“ก็บัวลอยไข่หวานไงครับ”
“บัวลอยไข่หวาน ว้าว! ชื่อน่ากินจังเลย”
“ถ้างั้นเรารีบทำกันเถอะครับจะได้เสร็จเร็วๆ”
“ครับคุณแม่” ผมยิ้มให้ลูกชายอย่างมีความสุข ไม่นึกเลยว่าเราจะได้กลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันอีกครั้ง แถมยังมีแม่แท้ๆ ของผมมาอยู่ด้วยอีกคนมันเหมือนฝันมากเหลือเกิน ตอนนี้จะเหลือก็แต่พ่อของลูกเท่านั้นที่ยังไม่ได้ถูกเอ่ยปากชวนให้มาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ
“อ้าว! พ่อธีล่ะลูกหรือว่ากลับไปแล้ว” แม่ที่กำลังยืนอยู่หน้าหม้อแกงหันมาเอ่ยถาม
“อยู่ที่ศาลาท่าน้ำครับแม่”
“เรานี่นะไปพูดอย่างนั้นได้ไงตอนอยู่บนรถ อย่างนี้พ่อธีก็เสียใจแย่สิ” แม่เอ่ยตำหนิผมพลางส่ายหน้าเล็กน้อย
“ก็ผมตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นนี่ครับแม่”
“อ้าวไอ้ลูกคนนี้สรุปเราเลือกได้แล้วใช่ไหมว่าเป็นอาหยาง”
“เปล่าครับแม่”
“แล้วทำไมถึงพูดอย่างนั้นออกไปล่ะ”
“จริงๆ แล้วอาหยางไม่ได้โทรมาหรอกครับผมแค่แกล้งพี่ธีเท่านั้นเอง”
“เรานี่นะรีบออกไปบอกความจริงพี่เขาเลย อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นอย่างนี้อีกนะ ไม่งั้นแม่จะหยิกให้เนื้อเขียวเลยคอยดู” แม่ว่าให้ผม
“โอเคครับแม่จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ผมอยากแกล้งพี่ธีคืนบ้างก็โดนมาเยอะแล้วนี่นา” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน จะเดินออกไปหาพี่ธีที่ศาลาท่าน้ำ “น้องนนท์ครับเดี๋ยวแม่เข้ามาช่วยนะ”
“ครับคุณแม่” ตาหนูเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ เด็กคนนี้ช่างน่ารักว่านอนสอนง่ายเหมือนผมซะจริงๆ
ผมเดินออกมาหลังบ้านก็เห็นพี่ธีกำลังยืนกอดอก ทอดสายมองดูเรือหางยาวที่กำลังแล่นผ่านไปมาจนน้ำในคลองกระเพื่อม บรรยากาศที่นี่ยังคงน่าอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน ผมคิดถูกแล้วที่พาทุกคนกลับมาใช้ชีวิตที่นี่
ผมเดินอย่างเบาเสียงเข้าไปหาพี่ธี เขายังไม่รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้ผมได้ยืนอยู่ข้างหลังแล้ว ผมมองไปที่แผ่นหลังกว้างของเขา เห็นแค่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน ต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นที่พึ่งทั้งทางกายและใจให้กับผมและลูก ฉะนั้นแล้วผมเองก็ต้องเป็นภรรยาและแม่ที่ดีด้วยเช่นกัน เพื่อให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบอย่างที่ตั้งใจไว้
หมับ!
ผมกอดเขาจากด้านหลังก่อนจะซบใบหน้าลงที่แผ่นหลังกว้างอย่างออดอ้อน
“พี่ธีครับ”
“วิน! พี่ก็นึกว่าใคร” น้ำเสียงเขาดูตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ผมก็เข้ามากอดอย่างนี้
“ผมเองครับ”
“ทำไมจู่ๆ ถึงมากอดพี่อย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวอาหยางก็มาเห็นเข้าหรอก” เขาเอ่ยแต่ทว่ากลับกุมมือผมเอาไว้ ปากไม่ตรงกับใจเลยจริงๆ
“อาหยางไม่มีทางมาเห็นหรอก”
“อ้าว! เห็นคุยกันว่าจะมาไม่ใช่เหรอ”
“ผมโกหกพี่ต่างหากล่ะ”
“หมายความว่าไง ทำไมต้องโกหกพี่ด้วยเนี่ย” เขาดึงมือผมออกก่อนจะหมุนตัวกลับมามองหน้าผม
“ที่คุยโทรศัพท์กับอาหยางบนรถผมแค่แกล้งหลอกพี่เท่านั้นเอง”
“เด็กบ้าทำเอาพี่แทบจะขาดใจตายเลยรู้รึเปล่า” เขาพรูลมออกจากปากราวกับว่าตอนนี้ได้ยกภูเขาออกจากอกไปแล้ว
“พี่ธีครับ...ผมรักพี่นะ”
“วะ...วินกำลังล้อพี่เล่นใช่ไหมเนี่ย” พี่ธีเยิ้มกว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“หน้าผมจริงจังขนาดนี้ยังจะมาว่าล้อเล่นอีกนะ” ผมดุให้เขาเชิงหยอก
“พี่ขอโทษ...แต่ตอนนี้พี่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่”
“นี่คือเรื่องจริงครับ พี่ธีย้ายมาอยู่ที่นี่กับพวกเราได้ไหม มาอยู่ในฐานะพ่อของตาหนู แล้วก็ในฐานะ...สามีของผมด้วย” ผมส่งยิ้มหวานให้เขา ทำหน้าไม่ถูกเมื่อต้องมาสารภาพอะไรอย่างนี้ รู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
“พี่โคตรดีใจเลยรู้ไหมครับ” พี่ธียิ้มกว้างเขย่ามือผมไม่หยุด ผู้ชายคนนี้กำลังจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว เห็นอย่างนั้นผมก็น้ำตาคลอตามไปด้วย
“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ จากนี้ไปชีวิตผมและลูกอยู่ในกำมือพี่แล้วนะ”
“พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้วินเสียใจเด็ดขาดครับ”
“สัญญาแล้วนะ ถ้าผิดสัญญาผมจะหนีไปหาอาหยางจริงๆ ด้วย”
“อย่าแม้แต่จะคิด พี่ไม่มีทางยอมให้วินไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด” เขาว่าก่อนจะรวบตัวผมเข้ามากอดไว้ มือทั้งสองข้างของผมวางทับทาบลงบนอกแกร่ง ดุจลูกนกตัวน้อยที่ถูกขังอยู่ในกรงทรงของพี่ธี แววตาที่เขาจ้องมองมานั้นปานจะกลืนกินผมเสียให้ได้ในตอนนี้
“พี่ขออนุญาตจูบเราได้รึเปล่า” เขายิ้มเขินต่างจากท่าทีเมื่อสักครู่ ผมกลั้นขำเอาไว้ จะจูบทำไมต้องขออนุญาตด้วยนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แล้วแท้ๆ
“ทำไมต้องมีมารยาทตอนนี้ด้วยเนี่ย”
“ก็พี่ไม่อยากทำรุ่มร่ามกับวินเหมือนเมื่อก่อน กลัวว่าจะทำให้วินรู้สึกไม่ดี” เขายิ้มอายๆ
แหม่...ช่างเป็นสุภาพบุรุษซะจริงๆ เลยนะครับพ่อคุ๊ณ!!!
“ตอนนี้ผมเป็นเมียพี่แล้วนะอยากจะทำอะไรก็ทำสิ ผมเต็มใจทุกอย่าง พูดแค่นี้พอจะเข้าใจนะ” ผมเปิดโอกาสให้เขาทำตามใจเต็มที่ ก่อนที่แม่หรือตาหนูจะออกมาเจอเข้าเสียก่อน
เขาเม้มริมฝีปากไว้แน่น จ้องมองที่ริมฝีปากบางของผมแทบไม่กะพริบตา พร้อมทั้งกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาประกบจูบผมอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา นี่สินะจูบที่ผมต้องการมาโดยตลอด จูบที่อ่อนโยนจากพี่ชายที่ผมแอบรักมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเขาจะเคยเป็นพี่ชายที่ร้ายกาจในสายตาผมอยู่ช่วงหนึ่ง แต่วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิดมาตลอด เนื้อแท้ของพี่ชายคนนี้ช่างเป็นสุภาพบุรุษ แถมยังเป็นสามีที่จูบได้ดูดดื่มมากที่สุดอีกด้วย
จบบริบูรณ์