❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018  (อ่าน 48997 ครั้ง)

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ได้เวลาเอาคืนแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขอแบบสาสมเลยนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


เริ่มมม

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้าจะแก้แค้นจัดหนักไปเลย หนับหนุน กลัวแต่เด็กน้อยนี่ซิ นังธีมันจะฝังอะไรร้าย ๆ เกี่ยวกับธีไว้ในสมองเด็กน้อยบ้างหรือไม่นะ  :katai1:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
แก้แค้นให้สาสม

ออฟไลน์ Hibird1827

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าติดตามมาก ๆ อยากอ่านต่อแล้ว :katai1:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
สงสารวิน โดนพรากลูกไปห้าปีแล้ว ต้องเอาคืนอย่างสาสมนะ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
​บทที่ 8

ก้าวแรก



          ตอนนี้ผมกำลังเข้าไปที่บ่อนเป็นวันแรกในฐานะผู้บริหารคนใหม่ โดยมีอาหยางเป็นสารถีขับรถให้เหมือนเดิมทุกครั้ง ส่วนรถที่เตี่ยซื้อให้ผมอยากจะรอประเดิมขับเข้าไปเหยียบในบ้านหลังนั้นเป็นครั้งแรก เป็นการตอกย้ำว่าผมไม่ใช่วินคนนั้นที่เคยเป็นเด็กกำพร้า เป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่ไป ไม่ใช่วินคนเดิมที่พวกเขาเคยรู้จัก

          ระหว่างทางผมเอาแต่นึกถึง วันที่ธุรกิจของครอบครัวนั้นตกเป็นของผม ผมจะทำให้พวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ขณะทอดสายตามองสองข้างทางไปเรื่อยเปื่อย อีกเพียงห้าร้อยเมตรก็จะถึงบ่อนแล้ว แต่ทว่ากลับเจอคนถูกทำร้ายอยู่ข้างทาง ผมจึงสั่งให้อาหยางหยุดรถเพื่อไปช่วยผู้หญิงคนนั้น

            “อาหยางลงไปช่วยผู้หญิงคนนั้นที”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            อาหยางจอดรถทันควันก่อนจะลงไปช่วยหญิงวัยเกือบห้าสิบ ที่กำลังโดยชายวัยรุ่นเหมือนพยายามแย่งอะไรบางอย่างจากเธอไป ผมเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เพราะนึกถึงสภาพตัวเองตอนที่เคยเร่ร่อนอยู่ข้างถนน

            เมื่ออาหยางจัดการกับชายวัยรุ่นคนนั้นจนวิ่งหนีหางจุกตูด ผมจึงลงจากรถไปถามไถ่อาการของเธอ ว่าเหตุใดถึงได้มาอยู่ข้างถนนในสภาพมอมแมมอย่างนี้

            “เป็นยังไงบ้างครับป้า”

            “ป้าไม่เป็นไร ขอบใจพ่อหนุ่มสองคนมากนะ ถ้าไม่ได้พวกคุณป้าคงจะโดนขโมยของไปแล้ว” ป้าคนนั้นกำที่นิ้วมือเอาไว้ ผมเดาว่าน่าจะเป็นแหวน คงจะเป็นของที่สำคัญสำหรับป้ามาก

            “บ้านป้าอยู่ไหนครับเดี๋ยวพวกผมจะไปส่ง”

            “ป้าไม่มีบ้านหรอกจ้ะ ป้าเป็นคนเร่ร่อน หากินตามถนนไปเรื่อย” ป้าก้มหน้าพูด ไม่กล้าสบตาผมกับอาหยางเลย สงสัยคงจะเคยโดนคนทำร้ายมาบ่อยๆ จนกลายเป็นโรคกลัวคนไปเสียแล้ว ยิ่งเห็นอย่างนี้ยิ่งน่าสงสาร

            “ป้าไปทำงานกับผมไหมล่ะครับ ผมมีที่พักและงานให้ทำด้วย มีรายได้ป้าจะได้ไม่ต้องลำบากไงครับ” ผมส่งยิ้มให้ป้า

            “ไม่เป็นไรจ้ะป้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว” ป้าปฏิเสธผม ก่อนจะพยายามเดินหนีไป แต่ผมไม่ยอมหรอกยังไงก็จะทำให้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ดีขึ้นให้ได้ ผมอยากให้โอกาสเธอเหมือนที่ยายจันทร์เคยให้ผมมาแล้ว

            “ป้าครับไปทำงานกับผมเถอะนะ ผมรับรองว่าจะไม่ให้ใครทำร้ายป้าได้เด็ดขาด ผมสัญญานะครับ” พอได้ยินอย่างนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็หยุดชะงัก แล้วหันมามองหน้าผมด้วยแววตาเศร้า เธอคนนั้นมองผมอย่างมีความหวัง ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา

            “คุณจะไม่ให้ใครมาทำร้ายป้าจริงๆ นะ ฮึก”

            “ครับป้าผมสัญญา”

            ได้ยินอย่างนั้นป้าจึงยอมเดินเข้ามาหาผม ก่อนจะยกมือไหว้ “ขอบคุณนะจ๊ะพ่อหนุ่ม”  ผมรีบจับมือเธอเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะอายุสั้น

            “ป้าอย่าไหว้ผมเลยนะครับ ถ้างั้นขึ้นรถไปพร้อมกับผม ผมจะพาป้าไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ว่าแต่ป้าชื่ออะไรครับ”

            “ป้าชื่อกิ่งจ้ะ”

            “ผมอี้เฟยนะครับ ส่วนนั่นชื่ออาหยาง”

            “ค่ะคุณอี้เฟย คุณอาหยาง”

            “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ” ผมจะพาป้าไปนั่งเบาะหลังด้วย แต่อาหยางเอ่ยห้ามเอาไว้เสียก่อน

            “คุณอี้เฟยครับ ให้ป้ามานั่งข้างหน้ากับผมดีกว่า” อาหยางเอ่ย

            “ไม่เป็นไรหรอกอาหยาง”

            หลังจากนั้นพวกผมก็ขึ้นรถ เพื่อเดินทางเข้าไปยังบ่อน

            ตอนนี้ผมเข้ามาถึงห้องทำงานของเตี่ยแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ไปมันจะเป็นที่ทำงานของผม เพราะผมจะต้องมาประจำที่นี่ เพื่อจะได้มีเวลาทำความรู้จักกับเมียของพี่ธี

            หลังจากแนะนำตัวกับพนักงานทุกคนในฐานะผู้บริหารคนใหม่แล้ว ผมก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ จะเหลือก็แต่ผู้จัดการบ่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เพราะต้องการให้เขาจัดการหาที่หลับที่นอนให้กับป้ากิ่ง

            “คุณโอภาสนี่ป้ากิ่ง ผมจะรับเธอมาเป็นแม่บ้านที่นี่ รบกวนคุณโอกาสจัดหาห้องว่างในบ้านพักพนักงานให้ป้าด้วยนะครับ” ผมจัดแจงงานให้คุณโอภาสทำ

            “ได้ครับคุณอี้เฟย ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด”

            “ป้ากิ่งนี่คุณโอภาสนะ ต่อไปนี้เขาจะเป็นหัวหน้างานป้า มีอะไรขาดเหลือก็แจ้งคุณโอภาสได้”

            “สวัสดีค่ะ” ป้ากิ่งยกมือไหว้ทันที

            “สวัสดีครับป้า ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ” คุณโอภาสยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง

            “ถ้าอย่างนั้นคุณโอภาสพาป้าไปพักก่อนเถอะครับ ผมฝากจัดหาเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้เธอด้วยละกัน ค่าใช้จ่ายมาเบิกที่ผม พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานวันนี้ให้ป้าไปพักก่อน”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            “ป้าไปก่อนนะคะคุณอี้เฟย ป้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณคุณเลยค่ะ” ป้าซึ้งกับน้ำใจของผมจนน้ำตาไหล ทำไมผมถึงได้แพ้น้ำตาของผู้หญิงคนนี้มากเหลือเกิน รู้สึกจะร้องตามไปด้วยซะงั้น

            “ป้าอย่าร้องเลยนะครับ ผมเคยอยู่ในสถานการณ์แบบป้ามาก่อน ผมรู้ดีว่ามันรู้สึกยังไง ป้าไปพักผ่อนให้สบายตัวก่อนเถอะครับ”

            “ค่ะ” ป้ายกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาบนแก้มออก ก่อนจะเดินตามหลังคุณโอภาสไป

            เมื่ออยู่กันเพียงลำพังแล้ว อาหยางก็หันมาเอ่ยกับผมทันที

            “คุณอี้เฟยเป็นคนใจดีมากเลยนะครับ ถ้าผมจะมีแฟนสักคนต้องหาให้ได้อย่างคุณอี้เฟยนี่ล่ะครับ”

            “อาหยางก็ชมฉันเกินไปแล้ว ฉันเคยลำบากมาก่อน พอมีโอกาสก็อยากช่วยเหลือคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง ส่วนใครที่เคยทำอะไรกับฉันไว้ ฉันก็จะเอาคืนให้สาสมเช่นเดียวกันนั่นล่ะ”

            “จะเริ่มวันนี้เลยไหมครับ”

            “แน่นอน ยิ่งเร็วยิ่งดี”

            “ถ้าอย่างนั้นผมจะออกไปดูว่าเธอคนนั้นมาหรือยัง”

            “เดี๋ยวก่อนอาหยาง”

            เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากผม อาหยางก็หยุดชะงัก หันกลับมามองหน้า เลิกคิ้วเชิงตั้งคำถาม

            “อะไรครับ”

            “ถ้าฉันอยากจะให้นายช่วยอะไรสักอย่าง นายพอจะทำได้ไหม” ใจจริงผมเองก็ไม่อยากจะทำอย่างนี้ แต่เพื่อเอาคืนเขาให้เจ็บแสบผมจำเป็นจะต้องทำมัน นั่นคือการเป็นชู้กับเมียพี่ธี ผมจะทำให้เขาเจ็วปวดที่สุด แต่ผมคงไม่ลดตัวไปเกลือกกลั้วกับคนพวกนั้นอย่างแน่นอน

            “ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณอี้เฟยครับ”

            “ฉันตั้งใจว่าจะแก้เผ็ดผู้ชายคนนั้นด้วยการเป็นชู้กับเมียเขา”

            “วะ...ว่าไงนะครับ เป็นชู้งั้นเหรอ” ดูท่าทางอาหยางคงจะตกใจมาก ถึงได้ขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่น่าเชื่อ

            “ใช่! สิ่งเดียวที่จะทำให้เขาเจ็บปวดได้ก็คือเรื่องนี้ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก คงต้องอีกสักพักก่อน รอให้ได้ทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นก่อน”

            “แล้วที่ว่าจะให้ผมช่วยล่ะครับ”

            “ฉันจะให้นายช่วยมีอะไรกับเธอแทนฉันได้ไหม เพราะฉันไม่อยากจะไปเกลือกกลั้วกับคนพวกนั้นอีกแล้ว ฉันว่านายคงจะชอบเธออยู่ไม่น้อย ดูจากรูปร่างหน้าตาเธอก็สวยใช่ย่อย” ผมมั่นใจว่าคนอย่างอาหยางคงไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ผู้ชายแมนๆ อย่างเขามีผู้หญิงมาประเคนให้อยู่ตรงหน้า มีหรือจะปล่อยให้ลอยนวล ผมจะหาวิธีทำเรื่องนี้ให้แยบยลที่สุดแน่นอน

            “เธอสวยมากครับ และผมก็เต็มใจที่จะมีอะไรกับเธอแทนคุณอี้เฟยได้ทุกครั้ง แต่ความสวยของผู้หญิงคนนั้น มันเทียบไม่ได้กับความดีของคนที่อยู่ในใจผมหรอกครับ” ผมเพิ่งรู้ว่าอาหยางมีคนที่อยู่ในใจแล้ว ใครกันนะที่เป็นผู้หญิงโชคดีคนนั้น

            “ขอบใจนะ ว่าแต่ผู้หญิงที่อยู่ในใจนายคือใครกัน ฉันรู้จักหรือเปล่า”

            “เอ่อ...คุณอี้เฟยรู้จักครับ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่เมืองไทยหรอก” เขาเอ่ยแต่ไม่กล้าสบตาผม สงสัยคงจะอายมากสินะ

            “แสดงว่าไปพบรักกันที่เมืองจีนสินะ ฉันรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นจังที่ได้คนดีๆ อย่างนายมาเป็นคนรัก” ผมยิ้มให้อาหยางด้วยความยินดี

            “จริงๆ แล้วผมกับเธอคนนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกครับ ผมแค่แอบชอบเธอเท่านั้นเอง” แววตาของอาหยางเริ่มเศร้า เมื่อเอ่ยประโยคนั้นจบลงไป

            “อ้าว! ทำไมล่ะอาหยาง ทำไมนายไม่บอกกับเธอไป ฉันเชื่อว่าถ้าเธอคนนั้นรู้ว่านายแอบชอบ เธอคงจะตอบรับโดยเร็วแน่นอน”

            “มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นน่ะสิครับ เพราะเธออยู่สูงเกินกว่าที่ผมจะเอื้อมถึง”

            “เอาน่า อย่าคิดมากเลย ถ้าจบงานนี้แล้วฉันสัญญาว่าจะพาเธอกลับไปเมืองจีน ไปสารภาพรักกับเธอคนนั้นด้วยตัวเอง” ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าอาหยาง เอื้อมมือไปวางบนบ่าหนา บีบเบาๆ ให้กำลังใจ ส่งยิ้มให้เขาอยู่ตลอดเวลา

            “ขอบคุณครับคุณอี้เฟย เขาเริ่มยิ้มออก

            ผมนั่งอ่านเอกสารเพื่อศึกษางานอยู่ในห้อง ส่วนอาหยางก็ออกไปดูแลความเรียบร้อยข้างนอก บ่อนของเตี่ยมีระบบความปลอยภัยที่แน่นหนามาก แม้ว่าจะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ให้ความคุ้มครองดูแลอยู่ เพื่อแลกกับเม็ดเงินจำนวนมากต่อเดือน แต่ถึงกระนั้นเตี่ยก็ยังไม่ไว้ใจใคร

            ลูกค้าที่นี่ส่วนมากจะเป็นเศรษฐี นักธุรกิจและข้าราชการระดับสูง ที่ชื่นชอบการเสี่ยงดวงเป็นชีวิตจิตใจ บางคนก็มาเพื่อคลายเหงาเท่านั้นเอง เม็ดเงินสะพัดในแต่ละวันไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาทเลยทีเดียว นั่นเป็นที่มาของรายได้มหาศาลของเตี่ย

            “คุณอี้เฟยครับ”

            เมื่อได้ยินเสียงอาหยางเอ่ยเรียก ผมจึงเงยขึ้นมามองหน้า ส่งยิ้มให้ “ว่าไงอาหยาง”

            “ตอนนี้เป้าหมายของเรามาถึงแล้วครับ”

            “ดีเลย ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

            “ตอนนี้เธอกำลังนั่งดื่มอยู่ เป็นช่วงเวลาเหมาะที่คุณอี้เฟยจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ”

            “ไปกันเถอะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินนำหน้าไปอย่างอารมณ์ดี

            เดินมาถึงโซนเครื่องดื่ม ผมก็เจอเธอคนนั้นที่เคยเห็นเมื่อครั้งไปหาตาหนูที่หน้าโรงเรียน ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งรู้ว่าเธอสวยมาก ช่างเหมาะสมกับพี่ธีเหลือเกิน แต่ผมจะเป็นคนทำให้ความรักของพี่ธีต้องย่อยยับลงในพริบตา แต่ต้องหลังจากผมได้ครอบครองธุรกิจของบ้านหลังนั้นเสียก่อน ผมจะทำทุกวิธีเพื่อทำให้พวกเขาเหลือเพียงแต่ตัว ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนเหมือนอย่างที่ผมเคยเป็น

            “สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหม” ผมยืนผงกศีรษะให้เธอเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย

            “สวัสดีค่ะ ฉันจำได้ว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” เจ้าหล่อนว่าแล้วก็ยกแก้วไวน์ที่อยู่ในมือเรียวขึ้นมาจิบเล็กน้อย ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะกระจกตรงหน้า

            “ใช่ครับ เราอาจจะไม่เคยรู้จักกัน แต่จากนี้ไปคุณอาจจะต้องเจอผมบ่อยๆ แน่นอน เพราะผมคือลูกชายเจ้าของบ่อนแห่งนี้ และจากวันนี้เป็นต้นไปผมจะมาบริหารงานแทนเตี่ยครับ เลยอยากจะทำความรู้จักกับลูกค้าวีไอพีเอาไว้”

            “อ้อ...ลูกชายของคุณโจวนี่เอง เชิญนั่งค่ะ” เมื่อเธอรู้ว่าผมคือลูกชายของเตี่ย ท่าทีของเจ้าหล่อนก็เปลี่ยนไป ดูยิ้มแย้มและเป็นมิตรกว่าเมื่อครู่

            “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ ผมอี้เฟย” ผมยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อรอรับมิตรไมตรีจากเธอ

            “ฉันอรจิราหรือเรียกว่าอรเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” เธอยื่นมือมาจับ ก่อนที่ผมจะโน้มศีรษะลงไปจุมพิตที่หลังมือของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะเงยขึ้นไปจ้องมองใบหน้าสวย ให้เธอรู้ตัวว่าผมกำลังสนใจอยู่ไม่น้อย

            “ท่าทางคุณอี้เฟยจะไม่ธรรมดานะคะ มาวันแรกก็ทำรุ่มร่ามกับฉันซะแล้ว” แทนที่อรจิราจะโกรธผม แต่เธอกลับยิ้มมุมปากราวกับพอใจซะเหลือเกิน

            “ผมเป็นคนตรงๆ ครับถ้าเจอผู้หญิงถูกใจ ก็จะแสดงออกให้เธอรู้ตัว” ผมยังคงส่งสายตาเจ้าชู้ยักษ์ให้เธออยู่ตลอดเวลา

            “งานนี้คุณต้องผิดหวังซะแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันแต่งงานแล้ว ไม่ได้เป็นสาวโสดอย่างที่คุณเข้าใจ”

            “เรื่องนั้นผมไม่สนครับ ผมสนแค่ว่าเธอคนนั้นจะยินดีให้โอกาสผมไหม”

            เจ้าหล่อนยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น นี่เหรอผู้หญิงที่พี่ธีเลือกมาเป็นภรรยาและเป็นแม่เลี้ยงของตาหนู ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด

            “ถ้าอย่างนั้นเราก็คุยกันได้ ฉันเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ผู้ชายคนไหนให้ความสุขกับฉันได้ฉันก็พร้อมที่จะเปิดใจให้เขาเหมือนกันค่ะ” ว่าแล้วอรจิราก็ยกมือมาวางไว้บนหน้าขาผม ลูบไล้เบาๆ ผู้หญิงคนนี้คงจะสวมเขาให้พี่ธีมานักต่อนักแล้วสินะ ความสวยระดับนี้คงจะมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามารุมจีบเป็นแน่ คิดแล้วก็สมน้ำหน้า

            “แล้วอย่างนี้สามีคุณจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”

            “สามีฉันโง่จะตาย วันๆ เอาแต่ประคบประหงมลูกชายขี้โรค นอกจากนั้นก็ทำงานน่าเบื่อจะตายชัก เขาไม่มีเวลามาสนใจฉันหรอก” เมื่อเอ่ยถึงสามี เธอก็ทำหน้าตาเบื่อหน่ายขั้นสุด

            ผมรู้สึกขัดใจที่เธอบอกว่าพี่ธีโง่ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างพี่ธีจะโง่จนไม่รู้ว่าภรรยาตัวเองเป็นคนอย่างไร ทำไมตอนอยู่กับผมถึงได้ดูฉลาดและเจ้าเล่ห์มากเหลือเกิน อย่างนี้สินะที่เขาบอกว่าถึงผู้ชายจะเก่งกล้ามากแค่ไหนก็ต้องตายเพราะผู้หญิง

            “คุณพูดราวกับว่าเด็กไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณ” ผมแกล้งถาม

            “ใช่ค่ะ! เขามีลูกติดคนหนึ่ง ขี้โรคซะเหลือเกิน ป่วยออดๆ แอดๆ ฉันเบื่อที่จะทำตัวเป็นแม่เลี้ยงแสนดีซะเหลือเกิน แต่บางทีก็อดไม่ได้ที่จะดุด่าเพราะรำคาญ ฉันมาที่นี่เพราะต้องการหนีจากเรื่องน่าเบื่อพวกนั้น หวังว่าคุณอี้เฟยคงจะไม่รำคาญ ถ้าเห็นหน้าฉันที่นี่บ่อยๆ นะคะ”

            ผมคิดผิดว่าเธอจะดีกับลูกชายผมจากใจจริง ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ภาพที่เห็นหน้าโรงเรียนวันนั้นเป็นภาพที่เธอสร้างขึ้นมา ไม่อยากคิดเลยว่าตาหนูจะโดนเธอทำอะไรลับหลังบ้าง

            “ผมจะรำคาญคนสวยอย่างคุณได้อย่างไรกันครับ ยิ่งถ้าคุณมาบ่อยๆ ผมยิ่งมีสิทธิพิเศษให้กับคุณ พิเศษจนคุณต้องร้องขอมันอีกครั้งแน่นอน” ผมเอ่ยกับเจ้าหล่อนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไปด้วยความต้องการที่เปี่ยมล้น

            “ฉันอยากจะร้อง...ใจจะขาดแล้วล่ะค่ะ” ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ยกมือไปวางไว้บนหน้าขาขาวๆ ของเธอก่อนจะลูบไล้อย่างเชื่องช้า

            “อีกไม่นานคุณได้ร้องแน่นอนครับ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ ก่อนจะปรายตามองอาหยางที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขาเองก็ส่งยิ้มมุมปากมาให้ผม ราวกับว่าตอนนี้เหยื่อได้ติดกับแน่แล้ว

            ผู้หญิงคนนี้อ่านใจง่ายเหลือเกิน เธอเป็นคนที่มีความต้องการไม่รู้จักหยุดหย่อน ใจง่ายขนาดนี้พี่ธีเอามาเป็นภรรยาได้อย่างไรกัน แต่ก็นะ เหมาะสมกันจะตายผู้หญิงใจง่ายกับผู้ชายโคตรเลว ผมจะปรนเปรอเธอคนนี้ด้วยเงินทอง และความสุขทางกามารมณ์จากอาหยาง และเธอคนนี้จะพาผมเข้าไปทำลายคนบ้านนั้นในอีกไม่ช้า

            นอกจากจะเข้าหาอรจิราแล้ว ตอนนี้ก็ผมส่งคนไปทำลายชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของธุรกิจของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือโรงแรม พอมีข่าวฉาวก็ไม่มีลูกค้า ไม่มีรายได้ หุ้นส่วนก็จะพร้อมใจกันถอนตัวออกมา ทำให้สภาวะทางการเงินขาดสภาพคล่อง หลังจากนั้นผมนี่ล่ะจะเข้าไปทำทีเป็นสนใจร่วมหุ้นผ่านการแนะนำของอรจิรา และทำให้ทุกอย่างกลายมาเป็นของผมให้จงได้

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไงพฤติกรรมนังธี มันผิดไปจากหน้ามือ เป็นหลังเท้าได้น่ะ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
รอดูต่อไป :katai2-1:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เอาจริงดิ จะให้ธีเป็นพระเอกจริงดิ คือแบบต้องมีเหตุการณ์ไหน

หรืออะไรยังไงถึงจะทำให้ธีคิดได้อะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2018 20:21:47 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ทำไมธีเหมือนจะเป็นคนดีขึ้นมา หรือเพราะโตขึ้นเลยคิดได้

หรือเพราะสำนึกผิด อืม แต่ว่านะป้ากิ่งเนี่ยจะมีบทบาทสำคัญ

ในเรื่องใช่ไหมคะ หรือแค่ช่วยไว้เฉยๆ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 9

เผชิญหน้า



          “กาแฟค่ะคุณอี้เฟย”

            เสียงป้ากิ่งดังขึ้นอยู่ตรงหน้า ผมจึงเงยขึ้นไปส่งยิ้มให้ ตอนนี้กาแฟร้อนๆ ถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงานผมเรียบร้อยแล้ว หลายวันที่ผ่านมาผมสังเกตได้ว่า ป้ากิ่งมีความสุขมากกับการทำงานมาก เธอเป็นคนยิ้มง่ายและมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก ทำให้พนักงานและลูกค้าต่างก็ชอบใจ ให้ทิปเธออยู่บ่อยๆ

            “ขอบคุณครับป้า”

            “ถ้าคุณอี้เฟยต้องการอะไรบอกป้าได้เลยนะคะ” ป้ากิ่งจ้องมองใบหน้าผมแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น ทำเอาผมรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก เลิกคิ้ว ยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยถาม

            “หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าครับป้า ทำไมถึงได้มองอย่างนั้น”

            “เปล่าค่ะ ป้าขอโทษด้วยที่เสียมารยาท พอดีว่าป้าเห็นคุณอี้เฟยแล้วนึกถึงลูกชายน่ะค่ะ” เธอเอ่ยกับผมด้วยแววตาเศร้า ดูแล้วช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน

            “อ้าว! ป้ามีลูกชายด้วยเหรอครับ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนทำไมปล่อยให้ป้าลำบากอย่างนี้ล่ะครับ” ผมเริ่มสนใจเรื่องของป้ากิ่งเสียแล้ว เธอมีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจมากเหลือเกิน ยิ่งได้พูดคุยยิ่งมีอะไรให้น่าค้นหา

            “เอ่อ..”

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            ป้ากิ่งกำลังจะเอ่ยกับผม แต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะก่อน เป็นอาหยางนั่นเองที่กำลังเดินเข้ามา

            “คุณอี้เฟยครับ ผมมีความคืบหน้าเรื่องนายธีภพมารายงานครับ”

            ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับป้ากิ่งอีกที

            “ป้าครับเอาไว้เราค่อยคุยกันนะ ผมมีธุระต้องคุยกับอาหยาง”

            “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวไปทำงานก่อน”

            ผมยิ้มให้ ก่อนเธอจะออกไปนอกห้อง

            “นั่งลงก่อนสิอาหยาง”

            “ครับ”

            เมื่ออาหยางนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานผมแล้ว ผมก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบสองสามอึกก่อนจะวางลงไว้บนโต๊ะเช่นเดิม

            “เป็นยังไงบ้าง สำเร็จลุล่วงทุกภารกิจไหม”

            “แน่นอนครับ หลังจากที่เราส่งหน้าม้าไปป่วน ทั้งโรงแรมและโรงพยาบาลของพวกมัน รวมถึงสร้างข่าวเสียๆ หายๆ ผ่านทางโลกโซเชี่ยว ทำให้ตอนนี้ผู้ถือหุ้นต่างก็เริ่มทยอยขายหุ้นคืนให้พวกมัน อีกไม่นานบริษัทของมันคงจะเจ๊งแน่นอน เพราะคงแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ตอนนี้แทบจะไม่มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการเลย หลังจากมีข่าวพวกนั้นออกไป” อาหยางเล่ารายละเอียดความคืบหน้าให้ผมฟัง

            “ดีมาก ต่อให้มันรวยแค่ไหน ก็คงแบกรับค่าใช้จ่ายมหาศาลขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ตอนนี้มันคงจะนั่งกลุ้มใจอยู่สินะ...สมน้ำหน้า” ผมยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ อีกไม่นานเราจะต้องได้เจอกันแน่พี่ธี

            “แล้วเรื่องอรจิราล่ะครับ เราจะเอายังไงต่อ”

            “วันนี้ฉันนัดเธอไปดินเนอร์ เพื่อจะได้เกลี้ยกล่อมให้พาฉันไปที่บ้านหลังนั้น และขอเจรจาเป็นผู้ร่วมทุน ฉันเชื่อว่าคนอย่างพี่ธีฉลาดพอที่จะยอมรับข้อเสนอดีๆ จากฉันแน่นอน”

            “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอตามไปดูแลคุณอี้เฟยด้วยนะครับ”

            “แน่นอนเธอต้องไปอยู่แล้ว เพราะวันนี้ฉันจะให้เธอได้มีความสุขกับอรจิราไงล่ะ”

            “ครับ” อาหยางขานรับก่อนจะก้มหน้าเล็กน้อย

            “นายโอเคใช่ไหมอาหยาง ถ้านายต้องฝืนไม่ต้องทำก็ได้นะ ฉันแคร์นาย” ผมอยากถามให้แน่ใจ เพราะดูจากสีหน้าของเขาแล้ว เหมือนจะมีความกังวลใจเล็กน้อย

            “ผมทำได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร” เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่จริงใจมากจนผมรู้สึกได้

            “ถ้างั้นคืนนี้เตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปที่นั่นพร้อมกัน”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            ผมอยากจะรู้นัก ถ้าพี่ธีได้เห็นคลิปวิดีโอของภรรยาแอบเริงรักกับชายชู้ เขาจะรู้สึกยังไง แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก เพราะผมจะเก็บคลิปนี้ไว้ใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

            ช่วงเย็นผมแต่งตัวให้ดูดีมีระดับมากที่สุด เพื่อจะได้มัดใจอรจิราให้อยู่หมัด ผมมาถึงก่อนจึงนั่งรอที่โต๊ะอาหารในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง สั่งอาหารไว้รอเธอเสร็จสรรพ จะเหลือก็เพียงเจ้าหล่อนเท่านั้นที่ยังมาไม่ถึง นั่งรอไม่นานอาหยางที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบงัน ด้วยการโน้มตัวมากระซิบที่ข้างใบหูผม

            “เธอมาโน่นแล้วครับ”

            เมื่อมองไปตรงหน้าก็เจอกับหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงเพลิง เข้ารูปจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ยั่วตายั่วใจชายหนุ่มที่อยู่ตามรายทางได้ไม่น้อย

            “ขอโทษนะคะ พอดีฉันแต่งตัวนานไปหน่อยเลยมาช้า หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะคะ” มาถึงเธอก็เอ่ยขอโทษขอโพย ที่มาถึงช้ากว่าเวลานัดหมาย

            “ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ เชิญนั่งเลยดีกว่า” ผมลุกขึ้นยืน  เดินอ้อมไปเคลื่อนเก้าอี้ให้เจ้าหล่อนนั่ง พยายามทำให้เธอประทับใจมากที่สุด

            “ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ย พร้อมส่งยิ้มหวานมาให้

            “ผมสั่งอาหารไว้รอแล้วนะครับ หวังว่าคุณคงจะถูกใจ ทุกอย่างที่สั่งมาล้วนแต่เป็นเมนูจานเด็ดของที่นี่”

            “ว้าว! ขอบคุณนะคะที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้ ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน”

            “ไม่เป็นไรครับ ถึงแม้ว่าเราเพิ่งจะเจอกัน แต่ผมก็รู้สึกดีกับคุณมาก ราวกับเคยรู้จักกันมาเป็นสิบปีซะอย่างนั้น”

            ในระหว่างที่เราสนทนากันอยู่นั้น พนักงานเสิร์ฟที่ยืนอยู่ก็มาบริการรินไวน์ลงในแก้วให้

            “ปากหวานอย่างนี้ คงจะพาสาวๆ มาดินเนอร์บ่อยสินะคะ”

            “ไม่เลยครับ คุณคือคนแรกที่ผมพามา”

            “พูดเอาใจเก่งอย่างนี้ ไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังแล้วล่ะ”

            “คุณอรครับผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ผมพยายามหาทางพูดเข้าเรื่อง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

            “ได้เลยค่ะ ถามมาเลย” เธอเอ่ยหลังจากจิบไวน์แล้วอึกหนึ่ง

            “ผมได้ยินข่าว ว่าช่วงนี้ธุรกิจที่บ้านสามีคุณไม่ค่อยสู้ดีนัก ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยผมยินดีนะครับ”

            “คุณรู้เรื่องได้ยังไงคะเนี่ย” เธอจ้องมองหน้าผมด้วยความประหลาดใจ

            “ก็ข่าวออกจะดังซะขนาดนั้น ใครก็พอจะเดาออกทั้งนั้นล่ะครับ ผมเห็นว่าคุณเป็นคนสำคัญเลยอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ ได้ยินข่าวว่าผู้ถือหุ้นขายหุ้นกลับคืนไปหมด ผมเลยอยากจะเข้าขอซื้อหุ้นพวกนั้นจากสามีคุณ เพื่อช่วยพยุงกิจการน่ะครับ”

            “เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้หรอกค่ะ ต้องให้สามีและแม่สามีฉันเป็นคนตัดสินใจ แต่ถ้าคุณสนใจจริงๆ ฉันสามารถพาคุณเข้าไปเจรจาได้นะคะ พรุ่งนี้เลยไหมล่ะ” เธอเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ รับประทานอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย

            “ได้เลยครับผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ง่ายดายขนาดนี้ ฟ้าช่างเป็นใจให้ผมซะเหลือเกิน

            “ฉันแค่ล้อเล่นเองนะคะ” เธอขำออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นผมรีบตอบรับอย่างไม่ลังเลใจ

            “แต่ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ที่ผมตอบรับอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะมั่นใจว่าหากเข้าไปช่วยบริหารงาน จะสามารถทำให้ธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น คุณก็รู้ว่าผมมีเงินทองมากมายขนาดไหน เงินจะสามารถทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะเดิมได้เร็วดั่งที่ใจต้องการ ผมเองก็อยากจะทำธุรกิจอย่างอื่นบ้าง จะได้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นไปอีก”

            “แหม แค่บ่อนก็ไม่รู้จะเอาเงินเก็บไว้ไหนแล้ว ยังจะขยันอีก ฉันน่าจะเจอคุณก่อนพี่ธี จะได้ไม่ต้องมีชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายอย่างนี้” เธอพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งขั้นสุด

            “เจอตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่ครับ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมอยากจะชวนคุณไปต่อ” ผมส่งสายตาเจ้าชู้ยักษ์ให้เธอ

            “ที่ไหนคะ”

            “ที่ที่จะทำให้เรามีความสุขกันไงล่ะครับ คุณพร้อมจะไปมีความสุขกับผมไหมล่ะ”

            “ถ้าฉันไม่พร้อม...ก็บ้าแล้วล่ะค่ะ คนที่เพียบพร้อมอย่างคุณ หาได้ง่ายๆ ซะที่ไหนกันล่ะ” เธอไม่ว่าเปล่า กลับส่งสายตาหวานเยิ้ม ยั่วยวนผมซะเหลือเกิน คืนนี้เธอได้มีความสุขสมใจอยากแน่ แต่กับอาหยางนะไม่ใช่ผม หึๆ

            “ดีมากครับแล้วเราจะได้ไปมีความสุขกัน ว่าแต่เรื่องไปที่บ้านคุณล่ะตกลงว่ายังไง”

            “ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นจริงๆ ฉันจะแจ้งทางครอบครัวสามีฉันให้เอง ส่วนคุณก็ไปหาฉันที่บ้านพรุ่งนี้ได้เลยค่ะ ”

            “ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นเรารีบทานกันดีกว่าจะได้ไปต่อเร็วๆ”

            “ค่ะ”

            พวกเรารับประทานอาหารมื้อเย็น ไปพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่อาจจะดูมีความสุข แต่นั่นมันเฉพาะกับอรจิรา แต่ผมมันคือการเข้าใกล้ความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้น มีแต่ความสะใจและสะใจเท่านั้นเอง

            หลังจากทานมื้อเย็นแล้ว ผมก็พาเจ้าหล่อนมาเปิดห้องในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง โดยให้อาหยางรออยู่หน้าห้อง รอจังหวะที่ผมจัดการทุกอย่างในห้องแล้ว จึงจะส่งสัญญาณให้อาหยางเข้าไปรับช่วงต่อ

            ตอนนี้ผมกับอรจิราอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว ผมนั่งรออยู่บนเตียงขณะเจ้าหล่อนกำลังเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ หลังจากนั้นไม่นานอรจิราก็ออกมาในสภาพล่อแหลม มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบตัว เผยให้เห็นท่อนขาเรียวที่ขาวสะอาดหมดจด แต่นั่นไม่สามารถปลุกความเป็นชายในตัวผมได้เลย แต่สำหรับอาหยางผมมั่นใจว่าไม่ยากเลยสำหรับเขา

            “คุณอี้เฟยไม่เปลี่ยนชุดบ้างเหรอคะ” เธอเดินเข้ามานั่งข้างผม ก่อนจะเอื้อมมือเรียวมาเกลี่ยนิ้วไล้ไปตามแผงอก มืออีกข้างก็คล้องคอผมเอาไว้

            “ไม่ล่ะครับผมอยากจะเปลี่ยนในระหว่างที่เราสนุกกัน มันน่าตื่นเต้นเร้าใจกว่า” ว่าแล้วผมก็ผลักตัวเธอให้นอนลงบนเตียง แล้วเดินไปหยิบผ้าปิดตาที่เตรียมมาด้วยไว้ในมือ ยืนจ้องมองเธอปานจะกลืนกิน เห็นอย่างนั้นอรจิราก็มองหน้าผมด้วยความสงสัย

            “คุณถือผ้ามาทำไมคะ”

            “ผมเป็นคนที่ชอบอะไรตื่นเต้นเร้าใจครับ เวลาผมมีอะไรกับสาวๆ มักจะปิดตาไว้อย่างนี้แล้วก็จัดการปรนเปรอพวกเธออย่างถึงใจ” ผมว่าพลางเดินขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะค้ำยันมือทั้งสองข้างคร่อมตัวเธอไว้ จ้องมองดวงตาหวานนั้นอย่างหื่นกระหาย จากนั้นก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปประกบจูบเธออย่างดูดดื่ม เมื่อเธอเริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบผมแล้ว ผมก็ผละใบหน้าออกมาจัดการใช้ผ้าปิดตาเธอทันที

            “ปิดตาก่อนนะครับคนดี แล้วคุณจะได้รู้ว่าความตื่นเต้นมันเป็นยังไง”

            “อย่าทำรอยบนตัวฉันนะคะ เดี๋ยวสามีฉันจะสงสัย”

            “ครับผม จะไม่ให้ผิวขาวๆ ของคุณมีรอยช้ำแม้แต่น้อย”

            “พร้อมรึยังครับที่รัก”

            “พร้อมแล้วค่ะ”

            ในจังหวะนั้นผมก็ส่งข้อความทางไลน์บอกให้อาหยางเข้ามาในห้อง เมื่อเขามาถึงผมก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้อาหยางตักตวงความสุขจากเธอตามต้องการ

            “ห้ามเปิดตาจนกว่าผมจะอนุญาตนะครับคนดี” ผมกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

              ขณะนั้นอาหยางก็กำลังเปลื้องผ้าตัวเองออกจนหมด เผยให้เห็นร่างกำยำสมส่วน จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นไปบนเตียง จัดการดึงผ้าเช็ดตัวที่ปกปิดเรือนร่างสวยนั้นออกไป ความงดงามตรงหน้าทำให้ความเป็นชายของอาหยางตื่นตัวได้ไม่ยาก จากนั้นเขาก็ละเลงบทรักบนตัวเธออย่างชำนิชำนาญ ส่วนผมก็ยืนอยู่ข้างเตียงมองดูความร่านรักของผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของพี่ธี พร้อมกับบันทึกวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานชิ้นโบแดงอีกด้วย

--*-*-*-*-*

            และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง ผมตื่นขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมตัวเข้าไปที่บ้านหลังนั้น อรจิราได้แจ้งกับพี่ธีเรื่องที่ผมจะเข้าไปเจรจาธุรกิจในวันนี้ และเขาก็ตอบตกลง ผมจะได้เจอหน้าตาหนูใกล้ๆ แล้วสินะ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกตื่นเต้นซะเหลือเกิน

            ผมขับรถซูปเปอร์คาร์ที่เตี่ยซื้อให้ ตรงไปยังบ้านของพี่ธีอย่างคุ้นชินเส้นทาง โดยมีอาหยางขับบิ๊กไบค์ตามประกบคอยรักษาความปลอดภัยให้อยู่ตลอดทาง

เมื่อรถเคลื่อนล้อเข้ามาให้รั้วบ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้เผชิญหน้ากับคนบ้านนั้นอีกครั้ง แต่ทว่าไม่ได้มีความรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะมีแต่ความแค้นเข้ามาแทนที่ความรู้สึกพวกนั้นไปหมดแล้ว

            เมื่อรถจอดนิ่งสนิทแล้ว ผมก็เปิดประตูก้าวขาลงจากรถด้วยท่วงท่าที่สง่าผ่าเผย ยืนมองคฤหาสน์หลังนั้นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวภายใต้แว่นกันแดดสีชา ก่อนจะถอดมันออกเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อแบรนด์ดังที่สวมใส่อยู่

            “คุณอี้เฟยจะให้ผมเข้าไปด้วยไหมครับ” เมื่ออาหยางลงจากรถแล้ว ก็เดินมาเอ่ยถามผมทันที

            “ไปสิ! เราจะไปด้วยกัน ไปดูหน้าผู้ชายคนนั้นใกล้ๆ ดูให้ชัดๆ ให้จำขึ้นใจ ว่าเขาเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            “ว่าแต่เป็นยังไงบ้างมีความสุขใช่ไหมล่ะ” ผมเอ่ยถามถึงเรื่องเมื่อคืนนี้

            “ก็ดีครับ” เขาตอบแค่นั้นก่อนจะส่งยิ้มอายๆ ให้ผม

            “ทำไมยิ้มแบบนั้นล่ะอาหยาง หรือว่านายอายที่ฉันยืนดูด้วย”

            “ก็นิดหน่อยครับ ผมไม่เคยแก้ผ้าทำอะไรอย่างนั้นต่อหน้าใครมาก่อน”

            “อีกหน่อยนายก็จะชินเองล่ะ มันคงไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวแน่นอน”

            “ครับ”

            ในระหว่างที่พวกเรากำลังสนทนากันอยู่นั้น อรจิราก็เอ่ยเสียงแทรกเข้ามา ทำให้เราทั้งสองต้องหันไปมองยังต้นเสียงทันที

            “คุณอี้เฟยสวัสดีค่ะ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ ทำหน้าเขินอายเล็กน้อย ผมรู้ว่าเธอกำลังนึกถึงรสสวาทของอาหยางเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน

            “สวัสดีครับ คุณอรนอนหลับฝันดีใช่ไหมครับเมื่อคืนนี้”

            “แน่นอนค่ะ ฝันดีมากที่สุด”

            “ผมก็ฝันดีเหมือนกันครับ ฝันเห็นคุณอรทั้งคืนเลย” ว่าแล้วก็ส่งสายตาหื่นกระหายไปให้เธอ

            อรจิราทำท่าเหนียมอายก่อนจะเอ่ยต่อไป “เชิญด้านในเลยค่ะ ทุกคนรออยู่ในบ้านแล้ว”

            “ครับผม”

            พวกเราเดินตามหลังอรจิราเข้าไปในบ้านอย่างมั่นอกมั่นใจ อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าผมก็จะได้เผชิญหน้ากับเขาแล้ว ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุให้ชีวิตผมต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆ นับจากวินาทีนี้เขาจะเป็นเพียงแค่เศษดิน ที่ผมจะเหยียบย่ำเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ รวมถึงใครก็ตามที่เคยทำอะไรผมไว้เอาจะเอาคืนให้สาสมที่สุด

            แวบแรกที่เราทั้งคู่เห็นหน้ากันและกัน พี่ธีก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ลุกขึ้นจากโซฟาทันที รวมถึงพ่อกับแม่ที่ต่างก็จ้องมองมาที่ผมอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง คงกำลังคิดว่าผมคือวินคนเดิมสินะ แต่ขอโทษด้วยผมไม่ใช่คนที่พวกเขารู้จักเลยสักนิด

            “ทุกคนนี่คือคุณอี้เฟยที่อรพูดถึงไงคะ” อรจิราแนะนำผมให้กับทุกคนในบ้านรู้จัก

            “สวัสดีครับทุกคน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ผมเอ่ยทักทายแต่ไม่ยอมยกมือไหว้ ส่งยิ้มหน้าระรื่นให้กับพวกเขา รู้สึกสะใจไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าแต่ละคน...ราวกับเห็นผีซะอย่างนั้น

            พี่ธีจ้องหน้าผมอย่างจับผิด เขาไม่ละสายตาจากผมแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะเผลอเอ่ยคำที่คิดอยู่ในใจออกมา

“วิน! มึงใช่ไหม”

            “ใช่! แกแน่ๆ แกคือไอ้วินใช่ไหม ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับแกไอ้ฆาตกร” แม่บุญธรรมผมเองก็เอ่ยทักทายด้วยข้อกล่าวหาเมื่อห้าปีที่แล้ว คงจะคิดถึงผมมากสินะ หึๆ

            “ขอโทษนะครับ ใครคือวินงั้นเหรอ?” ผมถามกลับด้วยสีหน้างงงวย ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

            “ทุกคนคงจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ นี่คุณอี้เฟยนักธุรกิจพันล้าน เพิ่งกลับมาจากเมืองจีนเมื่อไม่นานมานี้เอง” อรจิราเองก็รู้สึกงง จึงเอ่ยชี้แจงให้ทุกคนฟังอีกครั้ง

            “ไม่อยากเชื่อเลย ว่าจะมีคนหน้าเหมือนกันอย่างนี้บนโลกด้วย” แม่บุญธรรมผมเอ่ยขึ้น สายตายังคงจับจ้องมองมาที่ผมอย่างจับผิด แต่ผมไม่แสดงพิรุธอะไรให้พวกเขาเห็นแม้แต่น้อย เพราะทุกอย่างที่ผมฝึกฝนมาจากเมืองจีนเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ

            “บนโลกใบนี้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นล่ะครับคุณเอ่อ...”

            “ฉันชื่อวรรณีค่ะ”

            “ครับคุณวรรณี”

            “แล้วคุณล่ะครับ” ผมเอ่ยถามพ่อ ท่านเองยังคงอึ้งมองหน้าผมแทบไม่กะพริบตา

            “ผมพงษ์ศักดิ์ครับ”

            “ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองท่านนะครับ”

            “ถ้างั้นเชิญนั่งก่อนดีกว่าครับคุณอี้เฟย” พี่ธีผายมือเชิญผมให้นั่งลงที่โซฟาข้างกัน

“ขอบคุณครับ” เมื่อนั่งลงแล้วก็มีสาวใช้นำน้ำมาเสิร์ฟทันที

            “แล้วที่มาด้วยนั่นคือ” พี่ธีถาม พลางมองหน้าอาหยางไปด้วย

            “นั่นอาหยางเป็นบอดี้การ์ดผมเองล่ะครับ”

             พี่ธีพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยกับผมต่อไป

            “ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องรู้สึกอึดอัดใจ คุณหน้าคล้ายกับคนที่ผมรู้จักมากเหลือเกิน เหมือนมากราวกับคนเดียวกัน” เขายังคงจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา

            “ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ ทุกวันนี้คนหน้าตาเหมือนกันออกเยอะแยะ ผมเองก็เคยทักคนผิดมาหลายครั้งอยู่เหมือนกัน” ผมเอ่ยกับทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อให้พวกเขาเลิกระแวงผม

            “ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ...ผมธีภพ”

            “ผมอี้เฟย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

            เราทั้งสองจับมือกันเพื่อสร้างมิตรภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น สายตาเราประสานกันแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายละสายตาออกไป

            “ไม่ทราบว่าคุณอี้เฟยอายุเท่าไหร่แล้วครับ”

            “ครบยี่สิบสี่ปีนี้ครับ”

            “บังเอิญจังเลยนะครับ ใบหน้าก็เหมือนกันอายุก็เท่ากัน ถ้าไม่บอกว่าคุณเป็นนักธุรกิจพันล้านผมคงเชื่อว่าคุณคือคนที่ผมรู้จักไปแล้ว”

            “คนที่ชื่อวินเป็นใครกันเหรอครับ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสำคัญกับพวกคุณทุกคนสินะ เห็นทำท่าตกใจกันซะทั้งบ้าน”

            พี่ธีหันไปมองหน้าพ่อกับแม่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองผมอีกที

            “เป็นเมียเก่าผมเองล่ะครับ”

            อรจิราได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ เธอคงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเมียน้อยซะอย่างนั้น

            “อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วคุณวินอยู่ที่ไหนล่ะครับตอนนี้” ผมยังคงยิ้มให้เขา แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บแปลบๆ ทำไมที่ธีถึงได้บอกว่าผมเป็นเมีย ทั้งที่ความเป็นจริงผมแทบจะไม่เฉียดเข้าใกล้สถานะนั้นเลยแม้แต่น้อย

            “ผมขอไม่ตอบละกันนะครับ ผมว่าเรามาคุยธุระกันต่อดีกว่า”

            “ได้เลยครับ เข้าเรื่องเลยนะครับ คือผมได้ยินข่าวว่าตอนนี้ธุรกิจของคุณ สถานการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ผู้ถือหุ้นเทขายหุ้นคืนให้คุณหมด ผมเลยอยากจะเสนอตัวเข้ามากอบกู้วิกฤติทางการเงินในครั้งนี้ครับ” ผมบอกความต้องการไป

            “รู้สึกว่าคุณจะรู้ข้อมูลบริษัทผมดีจังเลยนะครับ ราวกับว่าคุณตั้งใจจะเข้ามาหาพวกผมก่อนอยู่แล้ว” พี่ธียังคงเป็นพี่ธี เขายังคงไม่วางใจผม

            “เพราะผมกับคุณอรเป็นเพื่อนกันยังไงล่ะครับ เห็นเพื่อนมีปัญหา ผมเลยอยากช่วยเหลือเพื่อน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

            “เพื่อนในบ่อน” พี่ธีเอ่ยประชดประชันภรรยา ได้ยินอย่างนั้นอรจิราก็หันขวับไปมองหน้าสามีด้วยความไม่พอใจ

            “คุณอย่าทำให้เสียบรรยากาศได้ไหม” อรจิราทักท้วงสามี

            “ใช่ครับเราเจอกันที่บ่อน มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนี่ครับ มีเงินทั้งทีก็เอาไปใช้ปรนเปรอความสุขให้กับตัวเอง แก้เบื่อ แกเซ็ง ชีวิตคนเรามันสั้นครับ อยากทำอะไรก็ควรรีบทำ ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน บางทีเราอยู่ที่บ้านตัวเองแท้ๆ อาจจะมีคนมาฆ่าเราถึงที่ก็เป็นไปได้” ผมร่ายยาว พลางนึกถึงเรื่องของยายจันทร์ที่โดนฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในบ้านตัวเอง

            “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยสักหน่อย รู้สึกว่าคุณกับภรรยาผมจะสนิทกันมากจนเกินไปนะครับ” คงจะเริ่มระแวงเมียตัวเองแล้วสินะ อีกไม่นานหรอกคุณจะได้รู้ได้เห็นกับตาแน่นอน

            “คุณชักจะเสียมารยาทแล้วนะคะธี”

            “เสียมารยาทตรงไหน ผมแค่ถามทำไมคุณถึงได้เดือดเนื้อร้อนใจอย่างนี้ หรือมันมีอะไรจริงๆ” เขาตวาดแหวใส่หน้าภรรยาอย่างลืมตัว

            “ตาธีอย่าอารมณ์ร้อนสิลูก ส่วนเธอออกไปกับฉัน ปล่อยให้ผู้ชายเขาคุยกัน ถ้าเธออยู่ด้วยคุยกันไม่รู้เรื่องแน่”

            “แต่คุณแม่คะ”

            “ไปดูแลลูกบ้าง ตานนท์ไม่สบายอยู่ข้างบนโน่น”

            “ก็ได้ค่ะ”

            ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันขวับไปมองแม่บุญธรรมอย่างลืมตัว ตาหนูไม่สบายงั้นเหรอ มิน่าล่ะตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นหน้าเลย วันนี้คงไม่ได้เห็นหน้าตาหนูแล้วสินะ

            “คุณอี้เฟยครับ” เสียงเข้มของพี่ธีเอ่ยเรียก ทำให้ผมหลุดจากภวังค์หันไปมองด้วยสีหน้าเหลอหลา

            “ตกใจอะไรงั้นเหรอครับ หน้าซีดเชียว”

            “เปล่าครับไม่มีอะไร”

            “ผมต้องขอโทษเรื่องเมื่อครู่ด้วยนะครับ ผมคงหวงภรรยามากเกินไป”

            “ผมไม่เคยโกรธใครอยู่แล้วครับ ยกเว้นถ้าเขาคนนั้นมาทำร้ายผมก่อน” ผมเอ่ยประชดประชันคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

            “ผมก็เหมือนกันครับ” เขาจ้องมองมาที่ผมอย่างมีเลศนัย ทำไมผมถึงอ่านความรู้สึกนั้นไม่ออกนะ มันยากจริงๆ

            “ผมว่าเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ” ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมจึงพยายามดึงเข้าประเด็นที่ต้องการทันที

            “ถ้าคุณอี้เฟยต้องการซื้อหุ้นจริงๆ ผมก็ยินดีขายให้ครับ แต่แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ คุณจะไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายกับการบริหารงาน หน้าที่นั้นจะยังคงเป็นของผมเหมือนเดิม คุณแค่รอรับเงินปันผลประจำปีเท่านั้นเอง ถ้าคุณรับข้อตกลงได้ผมก็ยอมครับ” เขายังคงไม่ไว้ใจ จึงดักผมไว้ทุกทาง แต่คนอย่างผมไม่มีทางยอมแน่นอน

            “คุณคิดดีแล้วเหรอที่จะขายหุ้นให้ผมแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ อย่าลืมนะว่าตอนนี้คุณกำลังแบกรับภาระไว้ตั้งมากมาย ไหนจะค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน เงินเดือนลูกน้อง ลูกค้าก็หนีหายไปหมด ไม่มีรายรับเข้า ถ้าไม่ได้รับเงินค่าหุ้นจากผมคุณจะยังไหวอยู่ไหม ขายให้ผมสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์เถอะนะครับ อย่างน้อยคุณก็มีเงินสำรองมากขึ้น ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร ผมอยากช่วยเหลือคุณจริงๆนะ ถึงยังไงคุณก็เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเหมือนเดิมอยู่แล้วนี่ แต่ขอให้ผมเข้าไปช่วยคุณบริหารงานด้วยเท่านั้นเอง” ผมศึกษาข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าจึงรู้ภูมิหลังของบริษัทนี้เป็นอย่างดี

            “ผมบอกตรงๆ ว่าผมยังไม่เชื่อใจคุณ”

            “ทำไมล่ะครับ หน้าผมมันเป็นคนขี้โกงขนาดนั้นเลยเหรอ”

            “ก็เปล่า...แต่ผมรู้สึกว่าคุณไม่ได้ต้องการแค่ลงทุนอย่างเดียว”

            “คุณคิดมากไปแล้วนะครับ ผมแค่ต้องการช่วยเหลือคุณเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านี้เลย” ผมแค่นยิ้มให้กับความหวาดระแวงของเขา

            “......”

            พี่ธีนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพรูลมออกจากปากเบาๆ เหมือนได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

            “ว่าไงครับ”

            “ตกลงผมจะขายหุ้นให้ตามจำนวนที่คุณร้องขอ และให้คุณเข้ามาบริหารงามร่วมกับผมได้ แต่ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษก็แล้วกัน”

            ก็แค่นี้ล่ะผมไม่ได้สนว่าจะได้ตำแหน่งสูงสุดของบริษัท แต่ผมแค่ต้องการเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เขาเพื่อจับตามองและหาทางจ้องทำลายเขาเท่านั้นเอง

            “ไม่มีปัญหาครับผมพร้อมที่จะร่วมงานกับคุณทุกเมื่อ เพื่อทำให้ผลประกอบการไตรมาสนี้ดีขึ้นให้ได้”

            ผมส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ แต่ในดวงตาคมคู่นั้นกลับยังมีความคลางแคลงใจในตัวผมอยู่ แต่ก็ช่างเถอะเพราะนั่นมันคือจุดประสงค์ของผม ให้เขาอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตยิ่งดี

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ลุ้นๆๆๆ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ดูๆแล้วอิตาพี่ธีน่าจะสำนึกบ้างแล้วนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครฆ่ายายจันทร์กันนะ หนึ่งในสามคนนี่แหละ  :m16:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ยัยแม่คือคนสั่งฆ่ายายจันทร์รึเปล่า เซ้นส์มันบอกแบบนั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ป้ากิ่งคือแม่ของวินหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 10

แผนร้ายทำลายรัก



          เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผมก็ต้องมีภาระเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษให้กับบริษัทพาณิชย์เซอร์วิส โดยมีธุรกิจในเครือนั่นคือโรงแรมและโรงพยาบาลนั่นเอง ผมเจียดเวลาเข้าไปบ่อนในช่วงเย็น เพื่อไปรับฟังสรุปรายงานประจำวันจากผู้จัดการ ส่วนช่วงเวลาที่เหลือผมต้องมาคลุกคลีอยู่กับพี่ธี และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมจะต้องเข้าไปที่บริษัท

            ตึก ตึก ตึก

            ผมกำลังเดินตรงเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อขอเข้าพบประธานของบริษัท ที่นี่คือออฟฟิศของบริษัทพาณิชย์เซอร์วิส สถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นกองบัญชาการใหญ่ ในการบริหารจัดการธุรกิจในเครือทั้งหมด

            “สวัสดีครับ ผมขอพบคุณธีภพครับ” ผมเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวย ผู้ซึ่งกำลังส่องกระจกอัดแป้งพับลงบนใบหน้าสวยนั้นให้สวยเด้งยิ่งขึ้นไปอีก เธอได้ยินเสียงผมจึงวางตลับแป้งลง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้

            “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ ได้นัดท่านประธานไว้หรือเปล่า”

            “ผมอี้เฟยครับ นัดไว้ครับ”

            “ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ ดิฉันขอโทรไปแจ้งท่านประธานก่อน”

            “ครับผม”

ผมส่งยิ้มให้ ก่อนจะกวาดสายตามองดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย

            “คุณคะ...ขึ้นไปที่ชั้นห้าออกจากลิฟต์แล้วจะมีเลขาของท่านประธานมารอรับนะคะ”

            “ครับผม”

            ผมเดินตรงไปยังลิฟต์ซึ่งอยู่เยื้องออกมานิดหน่อย ก่อนจะเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยม กดปุ่มวงกลมเล็กๆ ที่มีตัวเลขกำกับอยู่ ยืนรออยู่ในนั้นไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนส่งยิ้มให้อยู่ตรงหน้า ผมพอจะเดาออกว่าเธอคนนั้นคงจะเป็นเลขาของพี่ธีแน่นอน

            “สวัสดีค่ะ คุณอี้เฟยใช่ไหมคะ”

            “ใช่ครับ”

            “ฉันชื่อเมษา เป็นเลขาคุณธีภพ ท่านให้ดิฉันมารับคุณค่ะ”

            “ออครับผม”

            “ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ ท่านประธานรออยู่ในห้องแล้ว” เธอผายมือบอกทิศทางให้ผม

            “ครับผม” ผมส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินไปพร้อมกัน

            ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารสูงสุดแล้ว เมื่อเจ้าหล่อนเปิดประตูให้ ผมก็เอ่ยขอบคุณ สาวเท้าก้าวเข้าไปอย่างมั่นอกมั่นใจ

            “สวัสดีครับคุณอี้เฟย” เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน ปรายตามองมาที่ผมอย่างไม่ให้เกียรติกัน ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ทำตัวแย่ไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งที่ตัวเองควรจะต้องเอาอกเอาใจผม ในฐานะผู้ให้เงินทุนในการอุ้มชูบริษัทไว้

            “สวัสดีครับคุณธีภพ”

            “เชิญนั่งครับ”

            “ขอบคุณครับ”

             ว่าแล้วผมก็หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานเขา พี่ธีจับตามองทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวร่างกายของผมตลอดแทบไม่คลาดสายตา นั่นทำให้ผมทำหน้าไม่ถูกเล็กน้อย

            “คุณอี้เฟยจะรับเครื่องดื่มอะไรคะ” เลขาของพี่ธีเอ่ยถาม

            “ผมรับกาแฟก็แล้วกันครับ น้ำตาลหนึ่ง ครีมหนึ่งครับ”

            “ได้ค่ะ แล้วท่านประธานล่ะคะ”

             เธอหันไปเอ่ยกับผู้เป็นเจ้านาย ส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ผมดูออกทันทีว่าหล่อนคนนี้คงจะแอบชอบพี่ธีอยู่เป็นแน่ เผลอๆ อาจจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปแล้วก็เป็นได้

            “เอาเหมือนเดิม รู้แล้วยังจะมาถามฉันอีก” เขาดุให้เลขาสาว แต่ทว่าเจ้าหล่อนกลับทำหน้าระรื่นไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด

            “ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ”

            หลังจากเธอไปแล้วผมก็หันไปสนใจเขาอีกครั้ง เราจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทหรือผิดใจกันมาก่อน

            “คุณมองผมอย่างนั้นหมายความว่ายังไงครับ” ผมเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมาก่อน เพราะเขาเอาแต่จ้องมองแต่ไม่ยอมเอ่ยอะไร

            “ทำไม?  ผมมองคุณไม่ได้งั้นเหรอ คุณเป็นคนอยากเข้ามาที่นี่จนตัวสั่น คุณก็ต้องทนนิสัยผมให้ได้” เขาเอ่ยกับผมอย่างไม่สะทกสะท้าน

            “ผมทนได้แน่นอนครับ เพราะผมตั้งใจเข้ามาที่นี่เพราะอยากจะช่วย แต่ถ้าผู้บริหารอย่างคุณจะทำตัวไม่เข้าท่าอย่างนี้ ผมก็จะไม่ถือสา คิดเสียว่ามันเป็นสันดานที่แก้ไม่ได้” ในเมื่อเขาไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยใจคอ ให้เข้ากับคนอื่นอย่างนี้ ผมเองก็ไม่มีทางยอมก้มหัวให้เด็ดขาด เพราะเกมนี้ผมจะเป็นคนคุมมันเอง

            “นี่คุณ! มันจะมากไปแล้วนะ ผมให้คุณมาเป็นที่ปรึกษาผม ไม่ใช่ให้มาเป็นเจ้านายคิดอยากจะพูดอะไรก็ได้ อย่าคิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะทำก็ได้ ถ้าคุณยังทำตัวแย่ๆ อย่างนี้ ผมเองนี่ล่ะจะเขี่ยคุณออกจากที่นี่” พอโดนด่าเข้าให้ก็เริ่มจะหัวร้อน เฮ้อ! ผู้ชายคนนี้สงสัยจะดัดสันดานไม่ได้แล้วจริงๆ

            “คุณอย่าคิดว่าจะทำอะไรคนอื่นได้เพียงฝ่ายเดียว ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะต้องรองรับอารมณ์คุณหรอกนะ ลืมไปแล้วเหรอว่าผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ จะพูดจะจาอะไรก็ระวังปากบ้างนะ”

            “ผมไม่น่าเอาคุณมาเป็นหอกข้างแคร่เลยจริงๆ” เขาส่ายหน้าอย่างหัวเสีย สงสัยคิดว่าการตัดสินใจเอาผมเข้ามาที่นี่ เป็นเรื่องผิดพลาดซะเหลือเกินกระมัง

            ในระหว่างนั้นเลขาสาวก็เดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟ

            “ขออนุญาตนะคะ ดิฉันเอากาแฟมาเสิร์ฟค่ะ”

            “ครับผม” ผมยิ้มรับ

            จากนั้นเมษาก็ยกแก้วกาแฟมาวางตรงหน้าผม ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งที่พี่ธีนั่งอยู่ แล้วยกถ้วยกาแฟร้อนๆ ให้เช่นกัน ดูท่าทางแล้วคงจะอ่อยเจ้านายสินะ เสื้อสีขาวเว้าลึกจนเห็นเนินอกทรงโต แต่ทว่าพี่ธีกลับไม่ได้สนใจเธอเลย

            “ออกไปได้ อ้อ..ถ้าไม่ได้สั่งห้ามเข้ามา ฉันมีธุระจะคุยกับคุณอี้เฟย”

            “ค่ะท่านประธาน” เธอตอบรับด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

            ผมเกลียดสายตาคู่นั้น ที่เอาแต่จ้องมองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา ราวกับต้องการกดดันผมให้รู้สึกอึดอัด แต่ผมไม่ยอมทำให้เขาสมใจแน่ หากเล่นเกมจ้องตากันอย่างนี้ ผมก็จะยอมเล่นด้วย ดูซิว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้

            “หน้าผมมีอะไรติดอยู่งั้นเหรอครับ”

            “ก็เปล่า” เขาว่าพลางจิบกาแฟในถ้วยไปด้วยอย่างสบายอุรา

            “เปล่าแล้วมองมาเพื่อ ถ้าอาหยางมาด้วยคงจะกระชากตัวคุณให้นอนหมอบลงกับพื้นไปแล้ว ไม่เคยมีใครจ้องหน้าผมได้นานเท่าคุณมาก่อนเลย”

            “นี่สินะนิสัยของพวกมาเฟีย ใช้แต่กำลัง”

            “ใช่ครับพวกผมเป็นมาเฟีย แต่ก็เล่นงานซึ่งๆ หน้าอย่างลูกผู้ชาย ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมลอบทำร้ายคนอื่นอย่างกับไอ้พวกหน้าตัวเมียหรอกครับ” ผมว่าพลางแสยะยิ้มใส่อย่างไม่ยี่หระ

            “คุณคงไม่ได้ว่าผมหรอกนะ”

            “ถ้าคุณไม่ใช่คนแบบนั้นก็อย่าร้อนตัวครับ สรุปว่าเราจะคุยเรื่องงานกันได้หรือยัง อย่าบอกนะว่าจะให้ผมมาเป็นเพื่อนคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้ไปทั้งวัน”

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะ”

            “ไม่มีปัญหาครับ อย่างน้อยผมก็ได้รู้แล้วว่า ที่บริษัทกำลังจะเจ๊งมันมีสาเหตุมาจากอะไร”

            “ก็แล้วแต่คุณจะคิด เพราะผมรู้ดีว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร มันมีพวกจ้องจะทำลายธุรกิจผม ตอนนี้กำลังตามสืบอยู่ อีกไม่นานหรอกจะได้รู้ว่าพวกมันเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่” สายตาคมที่จ้องมองมานั้น ราวกับมั่นใจเสียเหลือเกิน ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือผม ได้ยินอย่างนี้แล้วผมจะต้องบอกให้อาหยางระวังตัวมากขึ้นไปอีก

            “แล้วคุณเคยไปทำอะไรใครไว้หรือเปล่าล่ะครับ”

            “ก็ไม่นะ ผมไม่เคยทำร้ายหรือมีเรื่องกับใครมาก่อน” เขาตอบออกมาหน้าระรื่น ผมเกลียดสีหน้าที่เขาแสดงออกมา ราวกับต้องการเย้ยหยันผมซะอย่างนั้น ไอ้คนสารเลว!

            “โกหก!” ความเกรี้ยวกราดในใจผมมันระเบิดออกมาโดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ขมวดคิ้วเป็นปม มองหน้าผมอย่างจับผิดไปเสียแล้ว “เอ่อ...ขอโทษครับ”

            “มึงใช่ไหม?” เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ราวกับมั่นใจว่าผมคือวินที่เขาเคยรู้จัก

            “อะไรกันครับ จู่ๆ ก็พูดคำหยาบใส่ผมซะอย่างนั้น เสียภาพลักษณ์ท่านประธานบริษัทหมดเลย” ผมแสยะยิ้มให้ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธวลีที่เขาเอ่ยมาก่อนหน้านี้

            ปึง!

เขายกมือขวาทุบลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผม แต่มีหรือที่ผมจะกลัว กลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่หนีไปไหน ไม่แสดงท่าทีตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

            “มึงต้องการอะไรกันแน่ กูรู้ว่าเป็นมึงตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้วิน!” เขาจับคอเสื้อผมดึงตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วกึ่งลากกึ่งดึงตัวไปจนหลังผมชิดกับผนังห้อง ก่อนจะใช้ลำตัวทับทาบประกบตัวดันผมเอาไว้อย่างนั้น

            “ผมเพิ่งรู้ว่าผู้บริหารที่นี่นอกจากจะเป็นคนหัวร้อนแล้ว ยังมีอาการโรคประสาทร่วมด้วยอีก แถมสายตาก็พร่ามัว ชอบคิดว่าผมเป็นคนอื่นอยู่เรื่อยเลย หึๆ” ผมจ้องตาเขา แค่นยิ้มออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

            “มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดประชดกูหรอก กูไม่รู้ว่ามึงไปชุบตัวมาได้ยังไง แต่กูรู้ว่ามึงคือไอ้วินคนที่กูเคยยัดเยียดความเป็นผัวให้ ไปชุบตัวมาใหม่แต่คิดเหรอว่ากูจะจำกลิ่นตัวมึงไม่ได้” ผมทำเป็นยิ้มสู้เข้าไว้ แต่ใจกลับเต้นระส่ำ เมื่อพี่ธีกดจมูกลงมาดอมดมที่ซอกคอผมอย่างหื่นกระหาย แต่ผมยังคงยืนนิ่งให้เขาทำอยู่อย่างนั้นจนพอใจไม่ได้ขัดขืนอะไร

            “พอใจหรือยังครับคุณธีภพ ผมจะไม่ถือสาคุณหรอก เพราะเข้าใจว่าคุณคงจะทำอะไรคนที่ชื่อวินไว้เยอะ จนกลายเป็นวัวสันหลังหวะไปแล้ว” ผมขยะแขยงดีเอ็นเอของเขาที่แปดเปื้อนอยู่บนซอกคอผมเหลือเกิน หากกลับไปผมคงจะต้องรีบอาบน้ำล้างตัวออกให้เกลี้ยง

            “มึงจะหน้าด้านหน้าทนได้นานแค่ไหนกันวะ กูอยากจะรู้นัก” เขาผละจากตัวผมแล้วเดินไปที่ประตูห้องก่อนจะล็อกมันไว้

            ผมได้แต่เหลือบตามองแล้วยิ้มมุมปาก คิดจะทำอะไรโง่ๆ อีกแล้วสินะ มีปัญญาคิดได้แค่การใช้กำลังข่มเหงคนอื่นเหมือนเดิม

            เขาเดินย่างสามขุมยิ้มมุมปากเข้ามา พร้อมทั้งคลายเนกไทที่คอออกด้วย สงสัยคงจะใช้วิธีเดิมที่เคยทำกับผมสินะ แต่ขอโทษด้วยผมไม่ใช่วินคนเดิมที่จะใช้กำลังบังคับข่มเหงได้ ผมจะตอกย้ำให้เขารู้ว่าผมไม่ใช่วินคนที่เขารู้จักอย่างแน่นอน

            “คุณจะทำอะไรครับคุณธีภพ” ผมเอ่ยถาม ไม่ได้มีความตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

            “ก็จะทำอย่างที่กูเคยทำกับมึงยังไงล่ะ มีชีวิตที่สุขสบายแล้วยังจะกลับมารนหาที่อีก มึงเลือกเองนะ”

            “ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่วินคนที่พวกคุณรู้จัก ผมจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่าผมไม่ใช่ อื้อ..” พูดยังไม่ทันจบ พี่ธีก็เข้ามารวบตัวผมไว้แล้วประกบริมฝีปากทันที เขาจัดการดึงชายเสื้อผมออกจากกางเกง ล้วงมือหนาเข้าไปซุกซนที่เนินอกผมอย่างหื่นกระหาย

            ผมปล่อยให้เขาทำตามใจมากพอแล้ว จึงเป็นฝ่ายเริ่มออกแรงบ้าง มือทั้งสองข้างของผมยกขึ้นมาวางไว้บนอกแกร่ง ก่อนจะออกแรงผลักให้ร่างกำยำนั้นออกห่างจากตัวผม จากนั้นก็ส่งหมัดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยแรงอันหนักหน่วงซัดเข้าที่ใบหน้าคมนั้นจนเซถลา ผมไม่รอให้เขาหันกลับมามองหน้า จึงยกเท้าขึ้นไปถีบที่หน้าท้องจนล้มลงกับพื้น จากนั้นก็จับพลิกตัวให้นอนคว่ำหน้าลง จับแขนทั้งสองข้างขึ้นมาไขว้บนหลังไว้ ผมไม่ใช่วินคนเดิมที่ร่างกายอ่อนแออีกแล้ว...จำไว้ด้วย

            “ปล่อยกูสิวะ!” ตอนนี้คนที่เคยรังแกผมมาตลอด ได้นอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าผมเสียแล้ว ดูท่าทางเขาคงยังไม่หมดฤทธิ์ เอาแต่ตะโกนด่าทอผม นี่หรือสันดานของผู้บริหาร หากแม้นว่าผมไม่ได้เข้ามาทำลายธุรกิจเขา แต่อีกไม่นานผมเชื่อว่ามันคงจะเจ๊งด้วยน้ำมือของพี่ธีเองแน่นอน

            “ผมจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่าผมไม่ใช่วิน ผมคืออี้เฟย แล้วแต่คุณจะเชื่อหรือไม่นะ ถ้าคุณไม่ใช่สามีคุณอรผมคงจะถอนหุ้นออกไปแล้ว”

            “ถอนออกไปสิ! ถอนเลย!”

            “ผมไม่โง่อย่างนั้นหรอก ยิ่งเห็นคุณหัวร้อนอย่างนี้ผมยิ่งอยากจะอยู่ที่นี่ คอยช่วยเหลือคุณ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะผมรู้สึกสมเพชคุณไง เป็นผู้บริหารแท้ๆ ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้บริษัทจะไปรอดได้ยังไงกันครับ ผมจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นละกัน ผมยังยืนยันที่จะอยู่เป็นที่ปรึกษาให้คุณที่นี่เหมือนเดิม”

            “อย่ามาทำเป็นหวังดีเลย กูไม่มีทางเชื่อมึงหรอก มึงแค้นที่กูแย่งลูกมาจากมึงใช่ไหมล่ะ มึงถึงได้กลับมาเอาคืนกู” เขายังไม่สำนึกเลยแม้แต่น้อย ผมได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่ายให้กับความรั้นของพี่ธี คนอะไรจะหัวดื้อขนาดนี้นะ

            ในเมื่อไม่ยอมรับฟัง ผมก็จะใช้ความรุนแรง โดยการบิดข้อมือให้เขาเจ็บมากขึ้นไปอีก

            “โอ๊ย!! กูเจ็บนะโว้ย”

            “เจ็บสิดี คุณจะได้ตื่นจากฝันซะที ถ้าคุณยังบ้าอยู่อย่างนี้ผมจะไม่ใจดีกับคุณแล้วนะ” ขณะพูดผมยิ่งเพิ่มแรงบิดข้อมือเขา จนคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่นั้นใบหน้าแดงก่ำราวกับลูกตำลึงซะอย่างนั้น

            “โอ๊ยยย!!! ผมยอมแล้ว ผมยอมแล้ว ปล่อยผมเถอะครับ” คงเจ็บจนทนไม่ได้สินะ ถึงได้ยอมเสียศักดิ์ศรีอ้อนวอนขอร้องผม

            ในที่สุดผมก็สามารถใช้กำลังเอาชนะเขาได้เป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกสะใจมากเหลือเกิน

            “ถ้าคุณยังไม่เลิกคิดว่าผมเป็นคนที่ชื่อวิน ไม่แน่ผมอาจจะให้เตี่ยอุ้มคุณไปที่ไหนสักแห่งเพื่อตัดรำคาญก็เป็นได้นะครับ ผมไม่ได้ขู่ แต่มันจะเกิดขึ้นจริงหากผมไม่สามารถทนกับนิสัยของคุณได้”

            “.........”

            เขาไม่ตอบอะไรได้แต่นอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดรับฟังผม ผมรู้ว่าพี่ธีคงไม่ยอมอะไรง่ายๆ หรอก แต่เขาฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดได้ คงไม่คิดสั้นแน่นอน

            ผมปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระ แล้วลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพเหมือนเดิม ส่วนพี่ธีก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิทำหน้าเหยเกอยู่บนพื้น จับข้อมือตัวเองพลางบีบเบาๆ สงสัยคงจะเจ็บมาก ระหว่างนั้นก็จ้องเขม็งมาที่ผมอย่างเดือดดาล คงยังไม่หายแค้นแต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้

            สมน้ำหน้า!

            “ผมขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บตัว” ผมยื่นมือไปรอให้เขาจับเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น แสดงความมีน้ำใจให้เขาเห็น แต่ไม่รู้ว่าคนอย่างนั้นจะยอมรับมิตรไมตรีจากผมหรือเปล่านะ”

            “ผมเองก็ต้องขอโทษที่ล่วงเกินคุณ ผมรู้แล้วว่าคุณคงไม่ใช่วินที่ผมเคยรู้จักแน่นอน เพราะเขาคนนั้นไม่ได้สู้คนอย่างที่คุณเป็น” ผมไม่รู้ว่าพี่ธีคิดอะไรอยู่ในใจถึงได้พูดอย่างนั้นออกมา แต่แววตาที่ส่งมานั้นมันแฝงไปด้วยความจริงใจ ผมดูออก หรือว่านี่มันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น

            เขายื่นมือมาจับก่อนที่ผมจะดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นผมก็เดินเข้าไปประชิดตัว เอื้อมมือไปจัดเสื้อให้อย่างถือวิสาสะ สายตาผมจ้องมองไปที่คอเสื้ออย่างตั้งใจ ส่วนพี่ธีคงกำลังอึ้งกับการกระทำผมอยู่ ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังจ้องมองการกระทำของผมอยู่เช่นเดียวกัน

            “เสร็จแล้วครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาพร้อมส่งยิ้มให้

            “ขอบคุณครับ” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย

            “เย็นนี้คุณพอจะมีเวลาว่างไหมครับ ผมอยากจะชวนคุณไปทานมื้อเย็นด้วยกันสักมื้อ เพื่อเป็นการปรับความเข้าใจกัน และเพื่อธุรกิจของเรา”

            “ได้สิครับ ไม่มีปัญหา” ท่าทีของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ราวกับว่าเรื่องเมื่อสักครู่ไม่ได้เกิดขึ้นเลย

            “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

            “เชิญตามสบายครับ ให้เมษาพาไปก็ได้นะครับ คุณคงยังไม่รู้จักทาง”

            “ครับ”

            ผมหันหลังเดินออกมาจากเขา ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ทำไมแผนร้ายๆ ในหัวผมมันผุดขึ้นได้ตลอดเวลาเลยนะ รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นปีศาจร้ายซะอย่างนั้น

            เดินออกมาแล้วผมก็เอ่ยถามเมษาที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าห้อง เจ้าหล่อนกำลังงุ่นอยู่กับการจ้องมองหน้าจอมอนิเตอร์อย่างตั้งใจ

            “คุณเมษาครับ”

            “มีอะไรคะคุณอี้เฟย”

            “คือผมรบกวนช่วยพาไปที่ห้องน้ำได้ไหมครับ ผมยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหน”

            “อ๋อ...ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดินตามดิฉันมาเลยค่ะ” เธอส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินนำหน้าผมไป

            เมื่อมาส่งผมถึงที่แล้ว เธอจึงหันหลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ผมจึงเอ่ยเรียกเอาไว้เสียก่อน

            “คุณเมษาอย่าเพิ่งไปครับ”

เจ้าหล่อนหันกลับมายิ้ม เลิกคิ้วเชิงตั้งคำถาม “มีอะไรคะ”

            “ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณคงแอบชอบคุณธีภพอยู่ใช่ไหม?”

            “คะ” เธอทำหน้างงเล็กน้อย

            “ผมพอจะดูออกว่าคุณชอบคุณธีภพมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมช่วยคุณได้นะครับ”

            “เราเพิ่งรู้จักกันทำไมคุณอี้เฟยถึงได้ทำอย่างนี้ล่ะคะ มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า” เธอคงคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะไว้ใจผม

            “ผมเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นครับ ผมเคยแอบชอบใครบางคนเหมือนกัน รู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน แต่ถ้าคุณเมษาไม่สนใจก็ไม่เป็นไรนะครับ ถือซะว่าไม่ได้ยินที่ผมพูดก็แล้วกัน” ผมว่าแล้วก็ส่งยิ้มให้เธอ หมุนตัวกลับจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

            “เดี๋ยวค่ะ!”

            ได้ยินอย่างนั้นผมก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับไปยิ้มละมุนให้กับเธอ

            “ว่าไงครับ”

            “คือ...ฉันสนใจค่ะ ว่าแต่คุณจะช่วยฉันยังไงล่ะ”

            “คืนนี้ผมนัดคุณธีภพไปทานอาหารเย็น ถ้าคุณอยากครอบครองเขา ผมจัดให้คุณได้ขอแค่คุณเอ่ยปากมา”

            “ฉันต้องการอย่างนั้นค่ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นคุณไปเปิดห้องรอได้เลย ผมจะส่งเขาไปให้คุณถึงที่เลย รับรองว่านับจากนี้ไปผู้ชายคนนี้จะอยู่ในกำมือคุณอย่างแน่นอน”

            “ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน ถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วยอะไรบอกได้นะคะฉันทำให้ได้ทุกอย่าง” เธอแสยะยิ้มให้ผมอย่างพอใจ

            แน่นอนว่าผมเองก็เช่นเดียวกัน เราต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ เธอได้ตัวพี่ธี ส่วนผมก็ได้ใช้เธอเป็นเครื่องมือในโอกาสถัดไป

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เรื่องมันต้องมีอะไร ากกว่านี้แน่ๆ
ต้องมีบุคคลที่สามสร้างเรื่องแน่นอน :katai5:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:

จะเป็นใหญ่ ใจต้องนิ่ง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เริ่มสนุกละสิ อิอิ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
คิดว่าธีร์จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ตอนนี้คือ  :z6: สมควรจบแบดเอนด์

เรามองไม่ออกเลยว่าจะเอาเรื่องไหนมาโยงได้ ให้จบแฮปปี้

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ความน่าจะเป็นว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือตัวแม่นะ แต่มันจะใช่หรือเปล่าหน่า  :hao4:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 11

หวั่นไหว



ณ ภัตตาคารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง

“เชียร์!”

แกร๊ง!

“แด่มิตรภาพของเราครับ” พี่ธีชูแก้วไวน์สีแดงเลือดนกขึ้นตรงหน้า ส่งสายตาคมมาให้ผมอย่างมีเลศนัย

“แด่มิตรภาพของเราเช่นกันครับ” ผมเองก็ส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะจิบไวน์ในแก้วเล็กน้อย

"ขอบคุณนะครับที่ไม่ถือสาเอาเรื่องผมเรื่องเมื่อเช้า”

“เรื่องแค่นี้เองชิวๆ ครับ หนักกว่านี้ผมก็เคยโดนมาแล้ว”

เรื่องที่ว่านั่นก็มาจากฝีมือคุณนั่นล่ะ...คุณธีภพ

“หนักกว่านี้หมายความว่ายังไงครับ” เขาจ้องหน้ารอฟังคำตอบ มือก็หั่นสเต๊กชิ้นหนาในจานไปด้วย

“เอ่อ...อย่าพูดถึงมันเลยครับ มันไม่น่าฟังเท่าไหร่หรอก” ผมแค่นยิ้มให้

“ถ้างั้นไม่เป็นไรครับ ผมไม่น่าเสียมารยาทถามเลยเนาะ”

“เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่หรอกครับ”

“จะเสียมารยาทเกินไปไหม ถ้าผมจะถามเรื่องของคุณบ้าง เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นไงครับ”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา ผมยินดี” จะมาไม้ไหนอีกนะผู้ชายคนนี้

“คุณอี้เฟยเกิดที่เมืองไทยหรือเมืองจีนครับ”

“ผมเกิดที่เมืองไทยครับ เรียนที่เมืองไทย จนเตี่ยมั่นใจว่าดูแลตัวเองได้จึงส่งไปเรียนต่อเมืองจีนอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว และเพิ่งกลับมาได้ไม่นานนี้ล่ะครับ”

“อ๋อ มิน่าล่ะคุณถึงได้ดูเปลี่ยนไปเยอะเลย” เขาเอ่ยก่อนจะหันไปสนใจแก้วไวน์ จิบสองสามอึกแล้ววางข้างมือเหมือนเดิม ทำตัวราวกับกำลังเป็นต่อผมซะอย่างนั้น

“เปลี่ยนไปเยอะ? หมายความว่ายังไงครับ” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ คำพูดที่เอ่ยออกมาราวกับต้องการสื่อให้ผมรู้ว่า เขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าผมคือใคร เพียงแต่ยังไม่เอ่ยมันออกมาเท่านั้นเอง

“เปล่าครับ ผมพูดตามที่ผมคิดเท่านั้นเอง อย่าถือสาผมเลยนะครับ” เขายิ้มมุมปาก ทำหน้าตายียวน ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะเลิกทำพฤติกรรมอย่างนี้ แต่มันก็มีมาให้เห็นเรื่อยๆ ราวกับผู้ชายคนนี้กำลังต้องการเล่นสงครามประสาทกับผมซะอย่างนั้น

ทำเป็นเก่งไปเถอะ อีกไม่นานชีวิตนายจะต้องเข้าสู่ความหายนะ

“ครับ...ผมไม่ถือสาหรอกเพราะรู้ดีว่าคุณเป็นคนยังไง” ผมแสร้งยิ้มพิมพ์ใจให้เขา

“ผมเป็นคนยังไงเหรอครับ อยากจะรู้จากปากคุณจัง” เขาแค่นยิ้มจ้องมองมาที่ผมรอคำตอบ

“ไร้สาระไปวันๆ แต่จะจริงกับเรื่องที่ตัวเองเสียผลประโยชน์” ผมตอบออกไป

ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่เขาขืนใจผม และใส่ร้ายว่าผมขโมยทองคำของแม่เลี้ยง เพราะเหตุผลใดกันแน่ ถ้าเดาไม่ผิดผมคิดว่าเขาคงจะอิจฉาที่พ่อรักผมมากกว่า

“รู้สึกว่าคุณจะรู้จักผมดีซะเหลือเกินนะครับ”

“ก็คงเหมือนคุณที่คงจะรู้จักผมดีเช่นกัน จริงไหม?”

“เปล่าเลย! ผมบอกตรงๆ ว่ายังไม่รู้จักคุณดีพอ แต่กับวินคนที่ผมเข้าใจผิดว่าคุณคือเขา ผมรู้จักดีเลยล่ะ คุณอยากจะฟังเรื่องของเขาไหมล่ะครับ” พี่ธีแสยะยิ้มออกมาราวกับเป็นซาตานร้าย แม้ว่าผมจะเกลียดรอยยิ้มนั้นจับใจ แต่ผมก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มให้เขา ทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด

“ดีเหมือนกัน...ผมเองก็อยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณวินมานานแล้ว”

“วินเป็นเด็กที่พ่อกับแม่ผมรับอุปการะมาจากบ้านเด็กกำพร้า รู้ไหมครับว่าแม่ผมเคยบอกว่ายังไง แม่บอกว่าเด็กคนนี้จะมาเป็นทาสรับใช้ผม แต่ด้วยที่รับมาอย่างถูกกฎหมาย ท่านจึงยอมยกให้วินมีสถานะเป็นน้องชาย แต่ผมไม่เคยคิดกับมันอย่างนั้นหรอกครับ ผมคิดกับมันเป็นแค่ทาสเท่านั้นเอง มันน่าสนุกนะครับที่มีคนให้แกล้งทุกวันเช้าเย็น โดยที่มันไม่กล้าหือกับผมเลยแม้แต่น้อย” เขาเอ่ยพลางจ้องตาผมไปด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะภูมิใจกับสิ่งที่ทำกับผมซะเหลือเกิน

“พูดอย่างนี้ไม่กลัวว่าผมจะมองบ้านคุณเป็นโรคจิตหรอกเหรอครับ ที่เอาเด็กมาทารุณกรรมซะอย่างนั้น”

“ไม่กลัวครับ เพราะคนรวยๆ อีกหลายบ้านก็ทำอย่างที่พวกเราทำ ชีวิตของคนจนมันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นหรอกครับ ขนาดพ่อแม่มันยังไม่ต้องการเลย แล้วทำไมพวกผมจะทำอย่างนั้นมันไม่ได้ล่ะ”

ผมยังคงฝืนทำหน้าให้เป็นปกติ แต่แววตาผมที่มองเขามันกลับร้อนเป็นไฟ ที่พร้อมจะแผดเผาเขาเต็มทนแล้ว

“ผมว่าเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่าครับ ผมว่าผมไม่ควรจะต้องมารับรู้เรื่องทางบ้านคุณสักเท่าไร” ผมไม่ไหวแล้ว เพราะหากเขาพูดถึงเรื่องที่ทำกับผมได้หน้าตายอย่างนี้ ผมคงอดรนทนไม่ไหวได้ฆ่าเขาตายตรงนี้แน่

“อ้าว! ผมก็นึกว่าคุณจะสนใจเสียอีก ไม่เป็นไรครับถ้ามีเวลาเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอีก” เขาทำหน้าเสียดายขั้นสุด คิดจะกวนประสาทผมงั้นเหรอ เดี๋ยวจะโดน!!!

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมยินดีรับฟัง...แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ว่าแล้วผมก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเล็กน้อย เหลือบตามองเขา ก่อนจะยิ้มมุมปาก

อีกไม่เกินสามวินาทีโทรศัพท์มือถือของเขาจะต้องมีสายเข้าแน่นอน 3 2 1….

Rrrrr….

“เมษาโทรมาทำไมตอนนี้นะ” พี่ธีขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ลังเลใจที่จะรับสาย

“คุณจะไม่รับเหรอครับ เผื่อว่าคุณเมษาอาจจะมีธุระด่วน ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรมาช่วงเวลาอย่างนี้หรอก”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาก็กดรับสายทันที

“ว่าไงเมษา”

(คุณธีคะช่วยฉันด้วย ฉันโดนผู้ชายฉุดมาที่โรงแรมค่ะ ตอนนี้มันเข้าห้องน้ำอยู่ คุณรีบมาช่วยเมตอนนี้เลยนะคะ ที่โรงแรมXXX ห้องXXX)

ตู๊ดๆ ๆ

“เมษาเดี๋ยวก่อน!” ดูสีหน้าพี่ธีไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อรู้ว่าเลขาสาวกำลังตกอยู่ในอันตราย

“คุณเมษาเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอครับ” ผมแสร้งถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“เมษาโดนฉุด ผมต้องไปช่วยเธอตอนนี้”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วยนะครับ”

เขาพยักหน้าหงึกเป็นการอนุญาต หลังจากนั้นเราทั้งสองก็รีบบึ่งรถไปที่นั่นทันที



มาถึงแล้วพี่ธีก็รีบเดินดุ่มๆ เข้าไปในโรงแรมอย่างเป็นกังวล โดยมีผมเดินตามหลังไปติดๆ ผมกะเวลาไว้แล้วเมื่อพี่ธีเข้าไปถึงห้อง ยาปลุกเซ็กส์ที่ผมใส่ลงไปในแก้วไวน์จะต้องออกฤทธิ์พอดิบพอดี เมื่อเข้าไปเห็นเมษาในสภาพล่อแหลมอย่างนั้น มีหรือที่เขาจะปล่อยให้เธอรอดไปได้

ปังๆ ๆ !!!

“เมษาฉันมาแล้ว! เปิดประตูสิวะ” ในระหว่างนั้นผมสังเกตได้ว่า ใบหน้าของพี่ธีเริ่มแดงก่ำ ความกำหนัดในตัวเขาเริ่มปะทุออกมาเป็นระลอก ที่สำคัญตอนนี้เป้ากางเกงของพี่ธีเริ่มตุงขึ้นมาแล้ว “ทำไมถึงได้ครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างนี้นะ” เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือไปหมุนลูกบิดประตู เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้ล็อก

แก๊รก!

“ประตูไม่ได้ล็อกครับ”

“จริงสิ!” เขาไม่รอช้ารีบเปิดเข้าไปช่วยเหลือเลขาสาวในห้อง ส่วนผมไม่ได้เข้าไปด้วย เพราะรู้ดีว่าเมษาคงไม่ยอมปล่อยให้พี่ธีรอดออกมาเป็นแน่

นับจากนี้ไปชีวิตของพี่ธีจะต้องวุ่นวายจากผู้หญิงทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นอรจิราเมียในสมรส หรือเมษาเลขาสาวสุดแสบ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเมียน้อยของพี่ธีไปเรียบร้อยแล้ว กลับบ้านก็ต้องทะเลาะกับเมีย มาทำงานก็ต้องทำสงครามประสาทกับผม เจออย่างนี้มีหรือที่จะนั่งยิ้มอยู่ได้

*-*-*-*-*-*-*

หลายวันต่อมา

อรจิราเข้ามาที่บ่อนอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนนี้เราทั้งสองนั่งดื่มอยู่ในห้องทำงานผม เธอตัดพ้อกับผมว่าตอนนี้สามีเริ่มนอกใจ นั่นเพราะมีผู้หญิงส่งภาพเริงรักมาให้เธอ นั่นทำให้หญิงสาวที่เป็นเมียในสมรสกรี๊ดแทบจะลั่นบ้าน มีปากมีเสียงกันจนเธอต้องออกมาหาความสุขนอกบ้าน โดยการมาที่บ่อนนั่นเอง

“คุณอี้เฟยช่วยฉันคิดหน่อยสิคะ ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี”

“ผมว่าของอย่างนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะครับ ถ้าผู้ชายไม่เล่นด้วยมันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน” ผมเติมเชื้อไฟ ให้ความคับแค้นใจของเธอมันเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก

“ก็จริงค่ะ แต่ฉันยังอยากจะตบนังนั่นอยู่ดี ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าหล่อนคนนั้นเป็นใคร มันส่งภาพมาไม่พอยังส่งข้อความมาเยาะเย้ยฉันอีก ตอนแรกก็ว่าจะอยู่เฉยๆ เพราะฉันเองก็ทำผิดกับเขาไว้เหมือนกัน แต่นังนั่นมันไม่ยอมเลิกกะจะเอาพี่ธีไปกอดคนเดียวให้ได้ เมียน้อยสมัยนี้มันร้ายกว่าที่คิดอีก เชื่อไหมคะว่าตั้งแต่แต่งงานกันมา พี่ธีไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้ฉันกลุ้มใจเลย” เธอเอ่ยพลางจิบไวน์ลงคอไปหลายอึกจนเกือบจะหมดแก้ว สงสัยวันนี้อาหยางจะต้องทำงานหนักอีกแล้วสินะ

“สันดานผู้ชายยังไงก็หนีไม่พ้นเรื่องอย่างนี้หรอกครับ ต่อให้ไม่เคยมีประวัติแต่พอได้เห็นผู้หญิงสาวๆ สวยๆ กว่าคนเก่าย่อมมีความอยากเป็นธรรมดา” ผมเผลอพูดแทงใจดำเธอออกไปอย่างลืมตัว จนอรจิราหันขวับมามองค้อนผมทันที

“นี่คุณอี้เฟยกำลังว่าฉันแก่อย่างนั้นเหรอคะ”

“เปล่านะครับผมแค่เปรียบเปรยกับคู่รักที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้”

“ก็แล้วไปค่ะ วันนี้อรขอค้างที่นี่ได้ไหมคะ อรไม่อยากกลับบ้านน่าเบื่อจะตาย ทั้งผัวทั้งแม่ผัว”

“แม่สามีทำอะไรคุณงั้นเหรอครับ”

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ คุณแม่แค่ชอบบ่นชอบด่าให้ฉัน ราวกับฉันไม่ใช่สะใภ้ บางทีก็อยากจะตบสักฉาดให้หายแค้นซะเหลือเกิน” เธอเอ่ยด้วยแววตาที่แข็งกร้าว มือจับแก้วไว้แน่นจนสั่น ราวกับกำลังโกรธแค้นแม่บุญธรรมผมซะอย่างนั้น

“ดูท่าทางคุณจะไม่ชอบแม่สามีมากเลยนะครับ” ผมแกล้งเอ่ยถาม เพราะตอนนี้เธอเริ่มจะมีอาการมึนเมาบ้างแล้ว ถามอะไรมีหรือที่เธอจะไม่ตอบ

“มากที่สุดเลยล่ะค่ะ คุณแม่ชอบบังคับคนอื่นให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ บังคับให้ฉันโกหกว่าเป็นแม่แท้ๆ ของธนนท์ ทั้งที่ฉันไม่ชอบเลี้ยงเด็ก ฉันไม่ชอบเด็กเลย แถมยังพูดจาดูถูกฉันสารพัด ว่าเป็นสะใภ้ที่ไม่มีศักดิ์ศรี แลกมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล นั่นเพราะพ่อกับแม่ฉันทำธุรกิจขาดทุนเลยต้องกู้เงินคุณแม่ไปหมุน พอไม่มีจ่ายก็ยกหนี้ให้เป็นค่าสินสอดทองหมั้น” เธอพูดหมดเปลือกแบบไม่มีกั๊ก

ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ชีวิตอรจิราก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย เพราะผมรู้จักนิสัยของแม่บุญธรรมดี เธอเป็นคนอารมณ์ร้ายและอำมหิตมาก แต่ตอนนี้ผมคงจะสงสารเธอไม่ได้ เพราะเธอคือตัวแปรสำคัญที่จะเปิดประตูให้ผมเข้าไปแก้แค้นพี่ธีคืนได้

ระหว่างนั้นอรจิราก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินมานั่งบนตักผม ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างมาคล้องคอผมไว้ กดจมูกสวยได้รูปลงมาที่แก้มผมจนพอใจ

“คุณอี้เฟยคะ เรามามีความสุขกันเถอะค่ะ” เธอนัวเนียผมอยู่อย่างนั้นไปได้สักพัก ผมจึงอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวซึ่งอยู่ติดกับห้องทำงาน โดยมีประตูเชื่อมต่อหากันได้

ด้วยความเมามายทำให้เธอนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ส่งเสียงอ้อแอ้ไปเรื่อยฟังไม่ได้ความ ก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากห้องนั้น อรจิราก็ได้เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก มองกลับไปที่หล่อนอย่างสนใจ

“ถ้าหนูทนไม่ได้ หนูจะแฉเรื่องคุณแม่ให้หมดเปลือกเลยคอยดู”

“คุณอรจะแฉเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมก้มลงไปถามเจ้าหล่อนใกล้ๆ ใบหู แต่ทว่าตอนนี้อรจิรากลับหลับไม่รู้เรื่องไปเสียแล้ว

กำลังจะรู้อะไรดีๆ อยู่แล้วเชียว ตอนแรกกะจะเรียกอาหยางเข้ามาให้ความสุขเธอ แต่เมื่อเห็นสภาพอย่างนี้ปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนจะดีกว่า

เดินออกมาจากห้อง ผมก็เห็นอาหยางยืนรออยู่ตรงหน้าแล้ว เขามองมาที่ผมราวกับกำลังน้อยใจอะไรบางอย่าง เห็นอย่างนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะอาหยาง” ผมเอ่ยแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย

“คือ...คุณอี้เฟยกับเธอมีอะไรกันแล้วเหรอครับ” อาหยางก้มหน้าเอ่ย ไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตาผม

“จะบ้าเหรออาหยาง ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก นายกลัวว่าฉันจะแย่งหน้าที่นายรึไงกัน ยังไงซะหน้าที่นั้นมันต้องเป็นของนายอยู่แล้วไม่ต้องห่วง เพียงแต่ว่าตอนนี้อรจิราเมาหลับไม่รู้เรื่อง เลยปล่อยให้เธอนอนยังไงล่ะ” ผมขำกับท่าทางราวกับเด็กของอาหยาง ทำไมเขาทำอย่างนี้แล้วถึงได้ดูน่ารักน่าเอ็นดูซะเหลือเกิน

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพียงแต่ผมไม่อยากให้ตัวคุณอี้เฟยต้องมาแปดเปื้อนครับ เรื่องอย่างนั้นให้ผมเป็นคนทำจะดีกว่า”

“นายพูดอย่างนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิด” ใช่...ผมรู้สึกผิดที่ทำให้อาหยางต้องมาทำเรื่องอย่างนี้ ทั้งที่เขามีคนที่อยู่ในใจแล้ว

“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครับ ผมเคยบอกแล้วไงว่าชีวิตผมก็ให้คุณอี้เฟยได้” แววตาที่เขาส่งมานั้นสื่อถึงความจริงใจขั้นสุด แรงดึงดูดนั้นทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ ราวกับมีเวทมนตร์สะกดใบหน้าผมให้อยู่นิ่ง เพื่อรอให้เขาโน้มใบหน้าเข้ามาตักตวงความสุขจากริมฝีปากผม

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้พวกเราทั้งสองคนหลุดจากภวังค์ ละสายตาออกจากกันโดยทันที ใบหน้าของผมร้อนผ่าว รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่นะ

“มีลูกค้าต้องการจะกู้เงินครับคุณอี้เฝย”

“โอเคเดี๋ยวฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

“ครับ”

หลังจากลูกน้องในบ่อนเดินออกไปแล้ว ผมก็ทำทีหันไปมองหน้าอาหยางอีกครั้ง ประหนึ่งว่าเรื่องก่อนหน้านั้นไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย

“เราออกไปข้างนอกกันเถอะอาหยาง”

“ครับ” เขาส่งยิ้มทำหน้าเขินให้ก่อนจะเดินตามหลังผมออกไป

หรือว่าผมจะจมอยู่กับความแค้นมากเกินไป จนลืมไปแล้วว่าคนเรามันต้องมีความรัก ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถทำให้หัวใจที่เคยมืดดำ กลับกลายเป็นสีชมพูได้ในพริบตา สำหรับอาหยางผมรู้สึกกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ทว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่กลับทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป ไม่นะ! มันต้องไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับผม อาหยางเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ล่ะ ผมจะไม่มีทางให้อย่างเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด... ไม่มีวัน




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด