MUSIC BOX
#นิยายกล่องดนตรี
ผมเติบโตมาพร้อมกับธุรกิจดนตรี
แต่มีเครื่องดนตรีเดียวที่ผมชอบคือ ไวโอลิน – เบนจามิน เกียรติธนธาดา
ผมเติบโตมาพร้อมกับครอบครัวนักดนตรี ผมเล่นดนตรีได้ทุกอย่าง
ยกเว้น ไวโอลิน – คีตา นันทสกุล
CHAPTER.16 :The last song
“คีตา เรามีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีนิครับ”
“เรานั่งมองหน้าพี่มาตั้งแต่ตอนตื่นแล้วนะ”
“มองเฉยๆ ไม่ได้เหรอครับ”
“นี่จีบพี่เหรอ”
คีตาแกล้งส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเมื่อคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามทำหน้าเขินอายไม่เข้ากับตัวโตๆ สักเท่าไหร่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าคุณเบนรู้เรื่องที่คุณจันทร์เจ้ากลับมาหรือยัง และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามีสิทธิ์ถามเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน วันนั้นเขาไม่ได้คุยอะไรกับคุณจันทร์เจ้าเท่าไหร่นักส่วนมากพี่เจมส์เป็นคนที่คุยมากกว่า
แต่ยอมรับเลยว่าคุณจันทร์เจ้า สวยมาก..
ไม่แปลกเลยที่คุณเบนเคยรักเธอขนาดนั้น
คุณเบนโทรกลับมาหลายรอบ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะรับสายเลยตัดบทไปในไลน์ว่ายังคุยเรื่องเพลงกับพี่เจมส์ แต่พอถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับ คีตาเลยโทรหาเบนอีกรอบคนในสายถามเขาอีกครั้งว่าให้ไปรับไหม ตอนนั้นคีตาหันไปมองคุณจันทร์เจ้าที่ยืนคุยกับพี่เจมส์อยู่ ใจหนึ่งเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเขาสองคนกลับมาเจอกันอีกครั้งมันจะเป็นยังไง แต่สุดท้าย..
“เดี๋ยวผมกลับเอง ว่าจะแวะดูกีตาร์สักหน่อย”
เขายังไม่พร้อมจริงๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จคีตาสังเกตหลายรอบแล้วว่าคุณเบนเอาแต่กดโทรศัพท์ มันมีเสียงเรียกเข้าแต่คุณเบนก็ไม่ได้กดรับ แล้วก็มีข้อความที่โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ ถ้าเป็นเรื่องงานปกติคุณเบนต้องบ่นออกมาแล้ว แต่สีหน้าคุณเบนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เหมือนลังเลว่าจะคุยดีหรือไม่คุยดี
“ปัญหาเล็กน้อย”
เบนจามินยิ้มให้คนที่ยังเอาแต่จ้องเขาไม่เลิกท่าทางกังวลเหมือนเด็กคิดมากมันดูน่ารักดี เบนเลยยกมือขึ้นมาบีบแก้มป่องๆ นั่นพร้อมกับบอกว่ามันไม่มีอะไร แต่อยู่ดีๆ คีตาก็เอียงแก้มเข้าหามือแถมยังช้อนตามองอ้อนๆ อีกต่างหากเบนหยุดนิ่งเพราะทุกทีที่เขาบีบแก้มเจ้าตัวต้องร้องโวยายแล้ว
“ทำไมวันนี้อ้อนขนาดนี้”
“.....................................”
“ใจพี่เบนอ่อนยวบยาบเลยนะตอนนี้”
“........................................”
“ยังจะมายิ้มอีกลองในรถไหม โอ๊ย..เจ็บโว้ย!”
พอจบประโยคก็โดนฟาดลงบนแขนเต็มๆ แต่โดนอ้อนขนาดนี้แล้วมีหรือจะอยู่รอดปลอดภัยเบนเอื้อมมือไปยกตัวให้คีตามานั่งลงบนตักฝั่งคนขับ ท่าทางลำบากเล็กน้อยเพราะพื้นที่ไม่ได้กว้างขวางอะไร เบนกอดเอวคนที่นั่งอยู่บนตักไว้แน่นดีที่จอดรถค่อนข้างเป็นที่ส่วนตัวไม่งั้นยามต้องวิ่งมาหาแน่ๆ
“เสื้อยับหมดแล้ว”
“ความมผิดเราหมดเลยอ้อนพี่ทำไม”
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“พูดใหม่”
“ตั้งใจอ้อนนิดหน่อย”
“เดี๋ยวนี้คำพูดคำจาร้ายมากเลยว่ะ”
เบนแกล้งกอดรัดคนบนตักให้หายใจไม่ออก คีตาเลยต้องยกมือมาดันอกกว้างนั่นไว้ เบนหยุดแกล้งแล้วมองคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแถมตอนนี้หัวก็ยุ่งเหยิงชี้ไปคนละทิศคนละทาง คีตาหลับตาลงเมื่อแก้มโดนคุณเบนหอมเข้าไปเต็มๆ มีการกดย้ำ ๆ ซ้ำๆ พอโดนบ่อนว่าพอแล้วก็ย้ายมาอีกข้าง
“โกนหนวดหรือเปล่าจั๊กกะจี้”
“วันนี้ลืมแก้มแดงเลย”
“มันเป็นรอยต่างหาก”
“คีตา”
“ครับ”
“เราทำแบบนี้กันทุกเช้าเลยนะ”คีตาเลื่อนมือขึ้นมาวางบนไหล่กว้าง พอเห็นรอยยิ้มกับตาตี่ๆ มันทำให้เขาหลุดยิ้มออกมา เรื่องขุ่นมัวที่ยังอยู่ในใจมันจางหายไปตอนไหนเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เบนก้มลงมาหาก่อนจะจูบเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะหยุดมองแต่พอเห็นคีตายิ้มก็ก้มลงไปหาอีกครั้ง มันไม่ได้ลึกซึ้งถึงขึ้นดีฟคิส แต่มันก็นานจนทำให้คนที่นั่งอยู่บนตักเริ่มหายใจไม่ทัน เบนถอยออกมาให้น้องได้พักแค่ไม่กี่วิแต่พอจะก้มลงมาหาใหม่หลังคีตาก็โดนแตรทำให้เสียงดังลั่นไปทั่วที่จอดรถ
“เราควรทำอะไรแบบนี้ไหมเนี่ย ดีนะไม่มีใครโผล่มา”
“มอร์นิ่งคิสไง”
“เบาๆ หน่อย”
“นี่ยังไม่หนักเลยนะ”
คีตาส่ายหน้าเมื่อเบนทำท่าจะจูบอีกรอบเลยกระเถิบตัวกลับมานั่งที่เดิม เพิ่งรู้ตัวว่าเวลามันล่วงเลยจนเกือบจะสายอยู่แล้ว เขาทั้งคู่ยังไม่ได้ออกจากคอนโดเลยด้วยซ้ำ อยู่ดีๆ คีตาก็นึกขึ้นมาได้โปรเจคสิบเพลงรักใกล้จะเสร็จแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องย้ายออกจากคอนโดที่เราอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ ยังไงที่นั่นก็ไม่ใช่บ้านเขาอยู่ดีจะให้อยู่ไปตลอดก็คงไม่ได้
“พี่เบน”
“เรียกพี่นี่ต้องมีอะไรแน่ๆ”
“...............................................”
“อ้าว เงียบ”
“พรุ่งนี้เช้าเรากินอะไรกันดี”
“ไอ้หนูมื้อเที่ยงมื้อเย็นเรายังไม่ได้กินเลย ใจเย็นๆ ค่ะ”
“ผมอยากคิดมื้อเช้าทุกวัน”
“ก็ให้คิดทุกวันอยู่แล้วหน้าที่ทำคือพี่”
“ตลอดไปเลยนะ”
เบนหันมามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าคำพูดมันฟังดูเหมือนคีตาไม่มั่นใจเท่าไหร่จริงๆ ก็สงสัยตั้งแต่ทำตัวอ้อนตั้งแต่เช้าแล้ว เบนเลยยกมือวางลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลนั่นเบาๆ ก่อนจะแกล้งยีให้มันไม่เป็นทรง
“ตลอดชีวิตเลยจ้าคีตา ปลุกพี่เบนมาทอดไข่ได้เสมอ”MUSIC BOX
“คุณคีย์ คุณสองบอกว่าระหว่างเพลงนี้กับเพลงนี้เลือกได้หรือยังครับ”
“.............................................................”
“หรือจะเอาสองเพลงนี้ใส่เข้าไปแล้วตัดเพลงนี้ออก”
“.............................................................”
“คุณเอกให้คุณคีย์ตัดสินใจได้เลย”
“.............................................................”
“คุณคีย์ คุณคีย์ คุณคีตา คีตาครับ!”
“.............................................................”
คนที่นั่งเหม่ออยู่สะดุ้งสุดตัวพร้อมกับหันมามองหน้ามาร์ชที่ทำเสียงปรบมือพร้อมกับเรียกชื่อเขาดังลั่น ต่างคนต่างเงียบแล้วมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น มาร์ชเลยรู้ว่าคุณคีย์น่าจะไม่ได้ฟังที่เขาพูดตั้งแต่ต้น จะว่าไปวันนี้ทั้งคุณเบนและคุณคียืก็มีอาการแปลกๆ มาตั้งแต่เช้า เหมือนทั้งสองคนมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเวลา
เอาแต่นั่งเหม่อๆ
เขาพูดอะไรก็ไม่ได้ฟังเขาต้องพูดซ้ำๆ อยู่สองสามรอบ เกิดอะไรขึ้น?
“ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหมครับ”
“เปล่าครับ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“ขนาดตอบยังตอบเหมือนกันเลย มีต่างกันนิดนึง”
“คุณเบนบอกว่ายังไง”
“บอกว่าไม่ได้ทะเลาะกัน สวีตกันดีเมื่อเช้าก็ยังฟัดกันอยู่”
คีตารีบยกมือห้ามไม่ให้พี่มาร์ชพูดต่อรู้ว่าพูดจริงแน่ๆ เพราะคำพูดนี่ถอดแบบมาจากเจ้านายเด๊ะๆ ไม่มีผิดเพี้ยน พอสติเริ่มกลับมามาร์ชก็กลับมาตั้งใจทำงานเหมือนเดิม จนเวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนเย็นพี่สองกับพี่เอกมีงานต่อ โปรเจคสิบเพลงรักเลยยกยอดไปพรุ่งนี้ จริงๆ ทุกอย่างเสร็จหมดแล้วเหลือแค่เพลงสุดท้ายเท่านั้น แต่โปรดิวเซอร์ก็ไม่ได้กดดันนักแต่งเพลงเพื่อให้เสร็จรู้ดีว่างานแบบนี้ต้องให้เวลา
“คุณเบนอยู่ที่ห้องทำงานครับ คุณคีย์ไปหาได้เลยเดี๋ยวผมต้องเอาเอกสารไปให้พี่นุชก่อน”
คีตาถอนหายใจรู้ตัวว่าวันนี้เขาเองไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ทั้งๆ ที่ควรโฟกัสกับงานตรงหน้าแต่ในหัวเขาเอาแต่คิดเรื่องคุณจันทร์เจ้าไม่หยุด หรือเขาควรจะคุยกับคุณเบนให้มันรู้เรื่องไปเลยดี มันเหมือนว่าตอนนี้ในหัวของเขามันมีเรื่องให้คิดหลายเรื่องจนน่าปวดหัว ทั้งเรื่องเพลงสุดท้าย เรื่องของคุณจันทร์เจ้า คีตาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานมือที่กำลังจะเคาะประตูห้องหยุดค้างอยู่ที่ห้องทำงานเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของคุณเบนกับคุณคินภายในห้อง
“สรุปว่าพี่จันทร์เจ้าโทรมาหามึง แล้วมึงได้รับสายไหม”
“ไม่ได้รับว่ะ พอไม่รับก็ไลน์มาอีกไม่รู้ว่าเอาไลน์กูมาจากไหนกูว่าอันเก่ากูไม่มีชื่อเขาตั้งนานแล้ว”
“ตอบยัง”
“ไม่ได้ตอบ เขาพิมพ์มาว่าอยากคุยกับกู คุยเรื่องอะไรวะไม่เห็นเข้าใจ”
“จริงๆ ตอนนั้นมึงกับเขาก็จบกันแบบไม่ค่อยดีไม่ใช่เหรอวะ”
“ตอนนั้นจะให้กูจบดีได้ยังไงวะเสียใจฉิบหาย”
“แล้วไวโอลินที่มึงทำให้เขามึงยังอยากให้เขาอยู่ไหม เบน”
“.....................................................................”
“กูถามจริงๆ เลยนะเบนจามินมึงยังอยากเจอพี่จันทร์เจ้าอยู่ไหม”
“.....................................................................”
มือที่ยกค้างอยู่ตรงประตูกำแน่น คีตาเองยอมรับเลยว่าเขากลัวคำตอบที่จะได้ยินเขารู้หมดทุกอย่างว่าคุณเบนมีอะไรอยู่ในใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แล้วมันก็เป็นเรื่องที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด คีตาหลับตาแน่นเพื่อรอฟังคำตอบแต่ยังไม่ทันจะได้ยินอยู่ดีๆ ก็มีมือเอื้อมมือมาปิดหูไว้ทั้งสองข้างเหมือนตั้งใจจะให้เขาไม่ได้ยินในสิ่งที่คุณเบนกำลังจะตอบ พอคีตาเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ปิดหูเขาอยู่ก็ยิ้มให้
คุณรามิล...“เสร็จยังวะแดกข้าวกันเถอะไอ้ทิมโทรตามกูยิกๆ อย่าให้ไอ้ทิมโมโหหิว”
คุณรามิลบอกให้เขารออยู่ที่หน้าห้อง ก่อนที่ตัวเองจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของคุณเบนเอาจริงๆ เขาก็ต้องขอบคุณคุณรามิลอยู่เหมือนกันเพราะเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ถ้าเขาได้ยินคำตอบที่คุณเบนบอกออกมาแล้วเขาจะรู้สึกยังไง พอดีกับที่พี่มาร์ชเดินกลับมาพอดีคีตาเลยเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกัน
“เพื่งประชุมเสร็จเหรอเห็นพี่เอกออกมาตั้งนานแล้ว”
“ครับ? เสร็จ..”
“เลิกงานแล้วถือคติห้ามคุยเรื่องงานเอาอย่างกูนี่หกโมงปุ๊บเด้งปั๊บ”
รามิลศอกใส่มาร์ชที่ยืนทำหน้า งง อยู่ข้างๆ ดีที่มาร์ชน่าจะรู้ทันเลยพยักหน้าเออออห่อหมกไปกับเขาด้วย พอมีคนตัดบทเลยไม่มีใครติดใจอะไรเบนลุกจากเกาอี้ทำงานแล้วเดินมาหาคีตา ก่อนที่ทั้งคู่จะคุยกันเรื่องอาหารเย็นที่กำลังจะไปกิน ตามด้วยมาร์ชที่โบกมือลาไปหาแฟนที่อยู่ชั้นสิบห้า
“เมื่อกี้มึงอยู่ข้างนอกกับคีตาใช่ไหมมิล”
“เออ เห็นคีตายืนอยู่นานแล้ว”
“ได้ยินอะไรไหม”
“ประโยคสุดท้ายไม่ได้ยิน”
“ทำหน้าที่หัวหน้าแกงค์ได้ดีมาก วันนี้มึงต้องเลี้ยงข้าวแล้วว่ะ”
“เลี้ยงกูสิวะไม่ใช่กูเลี้ยง”
“แล้วที่ไอ้เบนมันบอก..”
ที่รามิลไม่อยากให้คีตาได้ยินเพราะกลัวว่าจะเข้าใจไปผิดๆ เขาคบกับเบนจามินมานานรู้ดีว่าไอ้เพื่อนเขานั้นจะตอบว่าอะไร แต่เขาก็รู้อีกนั่นแหละว่าความหมายของมัน ไม่ใช่อย่างที่คีตาเข้าใจเขาเลยเลือกที่จะให้คีตาคุยกับเบนจามินเองจะดีกว่า อย่าเพิ่งฟังอะไรตอนนี้เลย คินได้ยินที่รามิลถามก็พยักหน้าเพราะสิ่งที่เบนบอกรามิลก็น่าจะคิดแบบเดียวกัน
“อยากเจอ กูอยากเจอจันทร์อยากทำทุกอย่างที่ค้างคาให้มันจบสักที”MUSIC BOX
นอนไม่หลับ..........คีตาเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายที่นอนอยู่ข้างๆ ก็นอนไม่หลับเหมือนกันคุณเบนนอนห้องคีตาตั้งนานแล้วหลังจากที่ตอนแรกทำเป็นเนียนว่า มาตามหาน้องอันนาที่ชอบหนีมานอนที่ห้องบ่อยๆ ไปๆ มาๆ ก็นอนที่นี่ทุกวัน คีตาชะโงกหน้ามาหาและก็เป็นอย่างที่คิดไว้ คุณเบนยังคงนอนลืมตามองเพดานท่าทางเหมือนมีเรื่องให้คิดเพราะคิ้วก็ยังขมวดเป็นปม
“นอนไม่หลับเหรอไง”
“คุณเบนต่างหากที่นอนไม่หลับ”
“แค่นอนลืมตาเฉยๆ ”
“เป็นอะไรครับ”
“มีเรื่องให้คิดเยอะแยะ”
“เรื่องผมด้วยเหรอ”
“…………………………………………..”
เบนเลือกที่จะไม่ตอบและเขาก็คิดว่าระดับคีตาก็คงรู้อะไรมาบ้างเหมือนกันแต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะไม่พูด นอกจากเรื่องจันทร์เจ้าที่เขาคิดมากแล้วยังมีอีกเรื่องที่เขายังไม่ได้บอกให้คีตาได้รู้ โปรเจคสิบเพลงรักใกล้จะเสร็จแล้วเบนใช้ชีวิตอยู่กับคีตาจนลืมวันเวลาลืมเหตุผลที่เราต้องมาอยู่ด้วยกันแบบนี้จนกระทั่งบนโต๊ะอาหารที่บ้านใหญ่ของเกียรติธนธาดา เจ้าสัวกรรณพ่อของเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“เบน โปรเจคสิบเพลงรักใกล้เสร็จหรือยัง”
“ใกล้แล้วครับเหลือแค่เพลงสุดท้ายแล้ว อาจจะใช้เวลาหน่อยแต่ผมว่าคีตาต้องแต่งได้แน่ๆ”
“ไหนๆ ก็จะเสร็จแล้วจะย้ายออกเลยไหม”
“ย้าย? ย้ายไปไหนครับ”
“เอ๊า..เราจะไม่กลับมาอยู่บ้านหรือไง คีตาเขาก็มีบ้านเขานะ อคิราห์เขาก็ถามพ่อเหมือนกัน เขาจะได้ให้คนไปดูบ้านไม่มีคนอยู่มาหลายเดือนเขาจะได้ให้คนไปทำความสะอาดที่กรุงเทพคีตาเขาก็อยู่บ้านคนเดียว”
“……………………………………………………………”
“เบน”
“เดี๋ยวผมคุยกับคีตาก่อนแล้วกันครับ”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาตอบพ่อไป หลังจากนั้นเบนก็กินอะไรไม่ลงอีกมีแค่เฮียบาสที่นั่งอยู่ข้างๆ ยกมือขึ้นมาบีบไหล่เขาเบาๆ ตอนนี้มันเหมือนกับว่ามีเรื่องหลายเรื่องถาโถมเข้ามาจนเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำเรื่องไหนให้มันเคลียร์ก่อน เพราะเบนเผลอคิดอะไรนานไปหน่อยเลยไม่เห็นว่าคีตาที่นอนอยู่ข้างๆ ยกตัวขึ้นมามองหน้า หน้าตี๋ๆ ที่ชอบทำหน้าทะเล้นอยู่บ่อยๆ ตอนนี้มีแต่ความกังวลจนคีตาเองก็รู้สึกได้
“จุ๊บเหรอ”
เบนรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อคีตาก้มลงมาจูบที่หน้าผากเบาๆ เบนเลยยกมือขึ้นมาคว้าเอาคีตาให้ขึ้นมานอนทับบนตัว คิดดูว่าคนที่อยู่ด้วยกันมายี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่ดีๆ จะให้ย้ายกลับบ้านกลับช่องต่างคนต่างอยู่ได้ยังไงกันเขาขาดใจตายกันพอดี
“พี่เบน”
“ครับ”
“ถ้าพี่เบนอยากทำอะไรทำได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจผม ไปทำทุกอย่างที่มันยังค้างใจอยู่เถอะครับ ถ้าสุดท้ายแล้วไวโอลินยังสำคัญสำหรับพี่เบน ผมก็เข้าใจ”
เบนไม่ได้ตอบรับประโยคที่คีตาบอกเพียงแค่เขาพลิกตัวคีตาให้ลงมานานข้างๆ แล้วกอดไว้แนบอกคนที่นอนกอดอยู่ตบหลังเขาเบาๆ คล้ายปลอบใจ เบนจามินกังวลเรื่องนี้อยู่หลายวันแต่เพียงแค่ประโยคเดียวทำให้เขาเหมือนยกภูเขาออกจากอก เบนเอื้อมมือไปไขลานกล่องดนตรีรูปกีตาร์ที่วางอยู่บนหัวเตียงแล้วปล่อยให้เสียงเพลงมันดังอยู่อย่างนั้น
“อันนา..”
ไอ้ก้อนขนฟูๆ ที่มานอนทับอยู่ตรงหน้าทำให้คีตารู้สึกตัวตื่นเจ้าแมวอ้วนหันมามองแล้วก็นอนบนหมอนต่อ คีตายกมือลูบขนอยู่สองสามทีก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น คนข้างๆ ที่นอนกอดกันทั้งคืนไม่ได้อยู่ในห้องแล้วคีตาเลยลุกแล้วเดินออกมาข้างนอก ห้องครัวและห้องนั่งเล่นก็เงียบกริบเลยตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของคุณเบน ทุกอย่างยังคงวางอยู่ที่เดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงยกเว้น
กล่องใส่ไวโอลินที่หายไป..เขาเองก็ควรจะทำเรื่องที่มันยังค้างคาใจอยู่เหมือนกัน
MUSIC BOX
ประตูรั้วสีขาวที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่คีตาเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมายืนอยู่ที่นี่ มือก็ยกขึ้นๆ ลงๆ ไม่กล้าที่จะกดกริ่ง เขายืนอยู่ตรงนี้มานานแล้วตอนแรกก็คิดมาอย่างดี แต่พอมาถึงจริงๆ เขาก็เกิดกลัวขึ้นมา แค่เพียงไม่นานร่างของผู้ชายดูมีอายุก็ลากสายยางมายังต้นไม้หน้าบ้าน ลุงพิชัย..คือสามีใหม่ของแม่คีตารู้จักแต่ไม่เคยได้คุยกันสักครั้ง คงเพราะเห็นว่ามีใครมายืนอยู่หน้าบ้านลุงพิชัยเลยเดินมาเปิดประตู
“มาหาใค..คีตา”
“………………………………………….”
“เข้ามาก่อนๆ คีตา”
“………………………………………….”
“เพลง เพลง คีตามา เพลง!”
เพราะเขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ลุงพิชัยเลยเลือกที่จะตะโกนเรียกคนที่อยู่ในบ้าน คีตาเห็นแม่เพลงวิ่งมาที่หน้าประตูตามด้วยกีตาร์ที่วิ่งตามมาติดๆ คีตายิ้มให้แม่ที่ยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะรีบวิ่งเข้ามากอดเขาไว้แน่น อ้อมกอดแม่ที่คีตาลืมไปแล้วว่าเป็นยังไงตั้งแต่วันที่แม่ย้ายออกไป สองมือที่ตกข้างลำตัวค่อยๆ ยกขึ้นมาก่อนที่จะกอดเอวแม่ไว้แน่นเช่นกัน หยดน้ำตาที่กลั้นไว้ค่อยๆ ไหลลงมาบนแก้มหลังจากนั้นคีตาเหมือนย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนเด็ก เขาปล่อยโฮอย่างไม่อายใครโดยมีแม่คอยลูบหลังอยู่ตลอดเวลา
“ผมขอโทษ”
“แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษ แม่ทำร้ายคีย์มาโดยตลอดเลยทั้งๆ ที่แม่เป็นแม่แท้ๆ แต่กลับทำให้ลูกเสียใจ แม่เองก็นึกว่าจะไม่มีวันนี้แล้ว วันที่แม่ได้กอดคีย์อีกครั้ง คีย์โตขึ้นเยอะเลยเมื่อก่อนตัวเท่านี้เท่าตุ๊กตาหมี”
“ผมยี่สิบห้าแล้วนะครับ”
“สายตาแม่คีย์ก็ยังแปดขวบ ไหนให้แม่กอดอีก”
คีตาหัวเราะเมื่อแม่เอาแต่พูดสองประโยคแล้วก็กลับมากอดเขาต่อ กอดๆ ปล่อยๆ อยู่อย่างนั้นคีตาได้พูดทุกอย่างที่ค้างคาใจตั้งแต่วันนั้นและอีกหลายเรื่องในช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราสองคนแม่ลูกสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องอดีตที่ผ่านมานอกจากมันจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วมันยิ่งจะทำร้ายเรายิ่งขึ้นไปอีก
“เดี๋ยวแม่จะออกไปจ่ายตลาดจะทำทุกอย่างที่เราชอบเลย แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ปลาผัดพริก ผัดผักรวม กุ้งทอดกระเทียม”
คีตาขมวดคิ้วเมื่อรายการอาหารที่แม่บอกมา แม่ไม่น่าจะรู้ขนาดนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาชอบตอนโตแล้วทั้งนั้น พอเห็นเขาทำหน้าสงสัยแม่ก็แกล้งเดินหนีไปเรียกลุงพิชัยให้เตรียมรถ คีตายิ้มนิดๆ เดาได้ว่าพ่อเขานี่แหละที่เป็นคนรายงานทุกอย่างให้แม่รู้ เขารู้ว่าพ่อกับแม่ยังคงติดต่อกันอยู่ถึงแม้จะไม่ใช่ในฐานะคู่ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตาม คีตานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก่อนที่เสียงเรียกชื่อเขาจะดังขึ้น
“พี่คีย์”
“กีตาร์”
“ผมมีอะไรจะให้พี่ดู”
กีตาร์ดึงมือเขาให้ลุกตามขึ้นมาข้างบนแล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องๆ หนึ่งทั้งๆ ที่มันก็อาจจะเป็นแค่ห้องธรรมดาทั่วๆ ไปแต่ไม่รู้ทำไมคีตาถึงรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ กีตาร์ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปก่อนจะเบี่ยงตัวแล้วให้เขาเป็นคนเดินเข้ามา ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องบอกได้เลยว่าหัวใจแทบหยุดเต้น
“แม่เพลงเก็บทุกอย่างที่เกี่ยวกับคีตา นันทสกุลไว้ในห้องนี้”
คีตาเงยหน้ามองบรรดาซีดีเพลงที่เขาเคยแต่งเมื่อนานมาแล้ว ชื่อเพลงทุกเพลงที่แต่งโดยคีตา นันทสกุลถูกจดใส่สมุดไว้อย่างสวยงาม หรือแม้แต่รูปภาพเขาในวัยจบมัธยมปลาย จบปริญญาตรีหรือแม้แต่ข่าวเพียงแค่สองสามบรรทัดมันถูกใส่กรอบไว้เป็นเหมือนสิ่งล้ำค่า รูปเขาเล่นดนตรีกับพ่อที่เชียงราย รูปที่เขาไปรับรางวัลเพลง คีตาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตู้กระจกใบใหญ่แต่สิ่งที่อยู่ในตู้กระจกทำให้คีตายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“แม่เพลงสั่งทำกล่องดนตรีในวันเกิดพี่ทุกปีแต่แม่ไม่เคยกล้าเอาไปให้”
กล่องดนตรีหลากหลายแบบวางเรียงอยู่ในตู้ ทุกอันมีหลายเซ็นต์ของแม่สลักไว้เหมือนกับกล่องดนตรีรูปกีตาร์ที่วางอยู่บนหัวเตียงเขาตอนนี้ หยดน้ำตาเอ่อล้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกีตาร์พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา
“แม่บอกผมเสมอว่าพี่คีตาเหมือนกล่องดนตรีเสียงเพลงจากพี่จะทำให้ทุกคนที่ได้ฟังได้รับพลังและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยิน”กับข้าวฝีมือแม่เพลงยังคงอร่อยเหมือนเดิมคีตาไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตามานานแล้ว ลุงพิชัยตอนแรกไม่ค่อยคุยกับเขาเท่าไหร่แต่พอนานเข้าก็เริ่มคุยเล่น ส่วนกีตาร์ก็เป็นเด็กร่าเริงที่พูดไม่หยุดเขาสัญญาว่าจะเอาลายเซ็นต์น้องนีน่าศิลปินที่ KTD มาฝาก เป็นรอบหลายปีเลยนะที่เขาไม่ได้กินข้าวไปหัวเราะไปแบบนี้ คีตาไม่ได้พูดเรื่องห้องที่กีตาร์พาขึ้นไปดูเขาจะรอให้แม่บอกเขาเองหรือไม่บางทีแม่อาจจะอยากเก็บห้องนั้นไว้เป็นความลับของแม่ก็ได้ ก่อนจะกลับแม่เพลงเลยเดินมาส่งที่หน้าประตู
“คีย์คุยกับพ่อบ้างนะลูก แม่หมายถึงคุยกันแบบพ่อกับลูกชาย”
“…………………………………………….”
“เพลงสุดท้ายที่คีย์ยังแต่งไม่ได้ถ้าอยากได้คำแนะนำ เราน่ะลืมอะไรไปแล้วแน่ๆ “
“ลืม? ผมเหรอ?”
“พ่อเราน่ะนักดนตรีในตำนานเลยนะ”คีตาเดินมาที่ร้านกาแฟใกล้ๆ บ้านแม่ เขาแค่อยากได้ที่เงียบๆ คิดอะไรนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจกดเบอร์โทรหาคนที่ตอนนี้อยู่ที่เชียงราย แค่เพียงไม่นานก็มีคนรับแต่เสียงเพลงดังโหวกเหวกจนคีตาต้องถามซ้ำสองสามรอบ
“พ่ออยู่เชียงรายรำลึกอามินชวนมาเล่นดนตรี เดี๋ยวนะคีย์พ่อหาที่เงียบๆ ก่อน”
“พ่อ”
“ว่าไง”
“วันนี้ผมไปหาแม่มา”
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“พ่อต้องรู้อยู่แล้วแน่ๆ ดูไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่”
“เรื่องเกี่ยวกับเราทุกเรื่องแม่เรารายงานพ่อหมด ตอนนั้นที่เราป่วยเข้าโรงพยาบาลไลน์หาพ่อเกือบจะสี่หน้ากระดาษเอสี่บอกให้พ่อส่งกล้วยปิ้งเจ้าโปรดมาจากเชียงรายไปให้ ต้องรีบบอกว่ากรุงเทพก็มีขายกลัวจะนั่งเครื่องบินมาซื้อที่นี่”
อีกหลายเรื่องที่พ่อเล่าเกี่ยวกับแม่ให้ฟังคงเพราะเขาเองได้คุยกับแม่แล้วพ่อถึงยอมเล่าให้ฟัง เขาก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่คุยกันเยอะขนาดนี้คีตาหัวเราะเมื่อพ่อบอกว่าแม่ให้พ่อแอบถ่ายรูปเขาแล้วส่งให้ทุกวันสงสัยเขาต้องเซลฟี่แล้วส่งให้แม่เองแล้ว
“แล้วเป็นไงเรื่องงาน สิบเพลงรัก”
“พ่อ..เหลือแค่เพลงสุดท้ายแต่งยังไงก็แต่งไม่ได้สักทีผมถามคนมาหลายคนแล้ว”
“ยากขนาดนั้นเลย..แล้วเราอยากให้ความรักบทสุดท้ายจบแบบไหน”
“ทุกคนก็อยากให้ความรักจบแบบสมหวังไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ทุกคนที่สมหวังหรอกนะคีตา”
“พ่อยังรักแม่อยู่ไหม”
“รัก..แต่ในฐานะคนที่เคยเป็นสามี ภรรยาของพ่อคนเดียวก็คือแม่เพลงของคีย์ แต่ถึงแม้ทุกวันนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วแต่ตอนที่เรายังรักกันตอนนั้นพ่อกับแม่มีความสุขมากนะ ช่วงเวลาตอนจีบ ตอนเป็นแฟน แต่งงานหรือแม้แต่ตอนที่เราเกิด ทุกช่วงเวลามันมีแต่ความทรงจำดีๆ เต็มไปหมด”
“……………………………………………………”
“ถึงแม้สุดท้ายแล้วมันอาจจะไม่ได้จบแบบ Happy Ending เหมือนในนิทานแต่ที่ผ่านมาพ่อก็มีความสุขจริงๆ ทั้งหมดนั่นมันคือความรักของพ่อ คีตา”
“……………………………………………………”
คีตายิ้มออกมาเมื่อได้ฟังสิ่งที่พ่อบอกออกมาเป็นอย่างที่แม่บอก เขาขอคำปรึกษาจากคนรอบตัวหลายคนแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้นึกถึงคนที่อยู่กับเขามาทั้งชีวิต เขารู้ว่าตั้งแต่พ่อกับแม่เลิกกันเขาเอาแต่โหยหาความรักจากแม่โดยไม่ได้นึกถึงพ่อคนที่อยู่ด้วยกันเลยพ่อที่ทำให้เขาทุกอย่าง
“แม่บอกว่าให้ผมคุยกับพ่อบ้าง คุยแบบพ่อกับลูกชาย”
“ตั้งแต่พ่อกับแม่หย่ากันเราก็เอาแต่เงียบจนพ่อเองก็กลัวว่าจะไปพูดอะไรทำร้ายจิตใจลูกอีก แต่พ่อก็หวังว่าวันหนึ่งเราจะคุยกันได้ทุกเรื่องนะคีย์ ทุกเรื่องที่ลูกอยากจะพูดกินเหล้าไปคุยไปก็ได้”
“ถ้าสมมุติว่าผมอกหัก”
“กับใคร? เบนจามินน่ะเหรอ”“พ่อ….”
“บางทีเรื่องบางเรื่องผู้ใหญ่เขาก็รู้แต่แค่เขาไม่พูดแต่พ่อยังไม่ได้บอกแม่นะเรื่องนี้ แล้วอกหักอะไรเห็นรักกันดีตัวติดกันยังกะปาท่องโก๋”
“นี่พ่อจ้างคนมาตามผมใช่ไหมยอมรับมาเดี๋ยวนี้”
“ลูกพ่อทั้งคนก็ต้องห่วงสิวะ กับเบนนี่รวยกว่าพ่อไม่สู้นะเจ้าสัวกรรณเอาปืนมายิงทำไง กลับมาซบอกพ่อที่เชียงรายนั่งมองนาฬิกาเปลี่ยนสีเดี๋ยวก็หายเศร้า”
“ผมบอกว่าถ้า..”
“อย่ากลัวเลยคีตาถ้ากล้าจะรักก็ต้องกล้ารับทุกย่างที่ตามมาด้วย โลกนี้ยังมีอะไรให้ลูกได้เรียนรู้อีกเยอะอย่างน้อยเบนจามินก็เข้ามาทำให้ชีวิตลูกได้เจออะไรใหม่ๆ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ถ้าสุดท้ายแล้วมันอาจจะต้องเจ็บแต่ก็ถือว่าชีวิตหนึ่งคีตาได้รักใครสักคนแล้วนะ
“………………………………………………..”
“เบนทำให้คีย์แต่งเพลงรักได้ เปิดใจในทุกเรื่อง เข้าสังคมที่คีย์ไม่มีมานาน ทำให้คีย์ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่งพ่อว่าสำหรับคีย์มันก็ดีมากแล้ว ส่วนเรื่องความรักเราบังคับใครไม่ได้นะ”
“……………………………………………………”
“ถึงสุดท้ายเขาจะไปแต่ที่ผ่านมาช่วงเวลาที่เขาอยู่ด้วยมันก็เป็นความทรงจำที่ดีสำหรับคีย์แล้วใช่ไหม”
“……………………………………………………”
คีตานึกตามที่พ่อบอกภาพที่เราตื่นนอนพร้อมกัน ทำอาหารเช้า นั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่น เล่นดนตรีกันสองคน มันทำให้คีตาเข้าใจได้ทั้งหมด ไอแพดถูกหยิบขึ้นมาก่อนที่เนื้อเพลงที่อยู่ดีๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวไม่รู้จบถูกเขียนลงไป เขาจมอยู่กับเพลงสุดท้ายมาหลายวันจมอยู่กับมันจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน ถามหาคำแนะนำจากคนหลายคนและในที่สุดเขาก็แต่งมันได้สักทีคีตาใส่ชื่อเพลงสุดท้ายก่อนจะยิ้มออกมา
เนื้อร้อง : คีตา นันทสกุล
ทำนอง : คีตา นันทสกุล
เสร็จสักทีโปรเจคสิบเพลงรัก
“ผมได้เพลงสุดท้ายแล้วครับพ่อ ขอบคุณครับ”.....................
.......................................................