9
อนุภาพเดินออกมาตึกผู้ป่วยชายของโรงพยาบาลตำรวจเคียงคู่มากับอธิปที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ช่วยคู่ใจเขาไปเสียแล้ว บ่ายนี้อธิปกับเขาแวะมาเยี่ยมบิดาของลูกค้าคนหนึ่งที่ป่วยหนัก
"อธิป เอากุญแจรถมา พี่ขับเอง" อนุภาพแบมือขอกุญแจรถจากชายหนุ่มที่กำลังล้วงหาโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้นมา
"กิ๊กล่ะสิ" อนุภาพสัพยอก ส่ายหน้าเล็กน้อยกับความเจ้าชู้ของผู้ช่วยหนุ่ม พักหลังอธิปมีลับลมคมในบางอย่าง แต่ที่แน่ๆ เขารู้ว่าอธิปคบกับใครหลายคน และเขาก็สงสัยว่า หนึ่งในจำนวนนั้นมีแบงค์นิตินัยที่เคย "รบกวน" อธิคมอยู่พักหนึ่ง
...อย่าบอกนะว่าอธิปจะกลายจากการเป็นผู้ชายเจ้าชู้ผู้หญิง มาเป็นเจ้าชู้ผู้ชาย...
...ตอนนี้เป็นอะไรกันไปหมด มีแต่คนเจ้าชู้ทั้งนั้น...
ผู้ช่วยหนุ่มยักคิ้วยิ้มๆ ส่งกุญแจรถให้อนุภาพแล้วรับโทรศัพท์เสียงหวาน
อนุภาพยกมือขึ้นบังตา มองหารถมาสด้า 3 สีดำคันใหม่ของเขาที่อธิปมาส่งให้เขาลงหน้าตึกผู้ป่วยแล้วจึงไปหาที่จอด
อธิปสะกิดเขาแล้วชี้มือไปทางด้านขวา บอกให้รู้ว่าจอดรถไว้ด้านในติดกับศาลพระภูมิ
อนุภาพเดินนำหน้าอธิปช้าๆ อีกฝ่ายเดินตามหลังพร้อมกับคุยโทรศัพท์อย่างออกรส
"ไม่ว่างครับ ผมต้องไปนครนายก ไว้กลับมาผมจะรีบไปหา...โธ่...คิดถึงสิคร้าบ ไม่คิดถึงคุณแล้วผมจะคิดถึงใคร พอดีช่วงนี้ผมงานยุ่งมาก เจ้านายก็ใช้งานแทบไม่ได้พัก" อธิปเสียงอ่อนเสียงหวานกลั้วเสียงหัวเราะ
อนุภาพปรายตาไปมองคนงานยุ่งแล้วส่ายหน้าช้าๆ จริงอยู่ เขากับอธิปทำงานหนักกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้ยุ่งจนไม่มีเวลาจะทำอย่างอื่น ต้นอาทิตย์หน้าเขาต้องไปนครนายกกับอธิปเรื่องงาน พอบอกอธิคม ฝ่ายนั้นก็โวยวาย
"ไปกับอธิปสองต่อสองนี่นะ ทำไมต้องไปกันสองคน"
"แล้วทำไมจะไปกันสองคนไม่ได้ สารวัตรอย่ามาหึงไม่เข้าเรื่องหน่อยเลย อธิปนะ ไม่ใช่ผู้กองธงรบเพื่อนของสารวัตรที่จ้องจะปล้ำแต่คนอื่น อธิปเป็นผู้ชาย อย่าคิดมากสิ"
"งั้นก็เหอะ ไว้ใจได้ที่ไหน อธิปเป็นผู้ชายก็จริง แต่ก็คลุกคลีอยู่ในวงการพอสมควร เกิดคิดจะเปลี่ยนรสชาติขึ้นมา..." อธิคมบ่น
"หรือจะให้ผมไปกับคุณตฤณ เจ้านายผม" อนุภาพดุ อีกฝ่ายจึงเงียบลงไปได้ แต่ไม่วายทำปากขมุบขมิบ
อธิคมขี้หึงจริงๆ นานเข้าถึงได้เห็นว่า สารวัตรมือปราบเองก็ชอบหวาดระแวงไม่ใช่น้อย แม้แต่ธงรบเพื่อนสนิท บางครั้งอธิคมก็เขม่นเพื่อนอยู่เหมือนกัน ส่วนธงรบเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเพื่อนไม่ชอบให้เข้ามาเกาะแกะแฟน ก็ยังแกล้งทำท่าเจ้าชู้ใส่อนุภาพอยู่บ่อยครั้ง
อนุภาพกำลังจะถึงรถ พลันมองเห็นอาวุธเดินตรงเข้ามาหา อนุภาพชะงัก ไม่นึกว่าจะพบ "คู่แข่ง" คนสำคัญของอธิคมที่ลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล
พักหลัง อธิคมชอบบ่นว่า "หึง" อาวุธ ธงรบเองก็เล่าให้เขาฟังว่าอธิคมมักจะขุ่นมัวทุกครั้งหากชวนคุยเรื่องอาวุธ
อาวุธมาราชการ และชวนอนุภาพและอธิปไปหาอะไรดื่ม อนุภาพหันไปมองอธิปซึ่งคุยโทรศัพท์เสร็จพอดี ผู้ช่วยของเขาจึงรีบพูดขึ้นว่า
"พี่นุไปเถอะ ผมขอแยกตรงนี้เลย ผมนัดสาวไว้ที่สยาม" อธิปยิ้มกรุ้มกริ่ม "ขอแว๊บก่อนถึงเวลาเลิกงานนะครับ พี่นุอย่าไปฟ้องคุณตฤณนะ"
"ไปเถอะ ขอบใจนะ อธิป แล้วเจอกันพรุ่งนี้ อย่านอนดึกนักล่ะ จำได้ไหม เราตกลงกันว่าพรุ่งนี้อธิปต้องขับรถขาไป" อนุภาพสั่งยิ้มๆ
"แค่นครนายกเองพี่ ผมขับทั้งขาไปขากลับก็ได้" อธิปตอบ ยกมืออำลาแล้วรีบเดินแยกไป
"ไปทำงานต่างจังหวัดกี่วันครับ" อาวุธถาม ผายมือให้อนุภาพเดินตรงไปยังทางออก
"ไปเช้าเย็นกลับครับ ไปพบลูกค้าเฉยๆ ตอนนี้เหลือผมกับอธิปสองคน ได้คนใหม่มาก็ยังไม่ค่อยคล่องก็เลยทำหน้าที่เฝ้าสำนักงานไปก่อน"
"งั้นคุณนุคงงานยุ่งมาก" อาวุธน้ำเสียงห่วงใย "ได้พักบ้างหรือเปล่านี่ สงสัยนอนดึกทุกคืน"
อนุภาพรู้ว่าอาวุธคงเห็นว่าขอบตาเขาค่อนข้างคล้ำจึงถามเช่นนั้น
งานเขายุ่งก็จริง แต่ก็ทำเสร็จทันเวลา แต่เรื่องได้พักนี่หากนอนคนเดียวก็ได้พักเต็มที่เหมือนกัน
แต่หากอธิคมมานอนค้างด้วยที่บ้าน...เขาต้องยอมรับว่าไม่ค่อยได้พักเต็มที่ เพราะอธิคม "กวน" จนดึก กว่าจะได้นอนก็หลังเที่ยงคืน
...คนอะไร...พลังงานเหลือเฟือ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...
ทั้งสองข้ามถนนอันจอแจ เดินเข้าไปในร้านกาแฟที่อยู่อีกฟากอีกหนึ่งของถนน ร้านกาแฟเล็กๆ แฝงตัวอยู่ระหว่างซอกตึกสูง มีลูกค้านั่งดื่มอยู่ไม่กี่คน
อนุภาพชวนอาวุธคุยเรื่องงาน ชายหนุ่มบอกว่างานยุ่งมาก ทีมเก่าๆ ลาออกไปสามคน แต่ได้คนใหม่มาแทนเพียงคนเดียว และกำลังฝึกงานอยู่ ตอนนี้จึงมีเขากับอธิปที่ทำงานหนัก อาวุธถามว่ายังจะทำงานที่บริษัทเดิมอีกนานหรือไม่ อนุภาพบอกว่าอาจจะทำงานบริษัทต่ออีกสักสองปีแล้วถึงจะไปทำงานอิสระ
"ผมเพิ่งซื้อที่ไว้ที่แพร่ กำลังคิดจะสร้างบ้าน"
อาวุธทำตาโต "จริงหรือครับ ผมมีบ้านที่เชียงใหม่ แล้วก็รู้จักคนเยอะแยะแถวลำปาง แพร่ ลำพูน เชียงราย แถวๆ นั้นผมค่อนข้างกว้างขวาง"
"เป็นผู้มีอิทธิพล" อนุภาพเย้าด้วยใบหน้ายิ้มๆ "ถ้ารู้อย่างนี้จะวานให้สารวัตรช่วยต่อรองราคาที่ดิน แต่ว่าซื้อไปแล้วเรียบร้อย น่าเสียดายจัง"
"แล้วบ้านเริ่มสร้างหรือยังครับ" อาวุธถาม "ถ้ายังผมรู้จักผู้รับเหมาหลายคน รับรองว่างานดี คุณนุอยากให้ช่วยก็บอก คนที่สนิทกันเขาทำอยู่ลำปาง แต่จังหวัดใกล้ๆ กันเขาเขตุเขาทั้งนั้นครับ โครงการบ้านจัดสรรแถวๆ นั้นเจ้านี้เขาทำแทบทั้งนั้น ว่าแต่ว่าแบบบ้านเสร็จหรือยัง สถาปนิกผมก็รู้จักนะ"
"เสร็จแล้วครับ" อนุภาพตอบรับเสียงเบา ใจอดนึกถึงคนที่เขียนแบบด้วยกันไม่ได้เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็จะไปเจอธนาภพแล้ว "แปลนเขียนไว้ตั้งนานแล้วครับ เก็บเอาไว้ไม่ได้สร้างซักที ตอนนี้ก็คิดว่าคงจะได้สร้าง"
"คุณนุหรือเขียน" อาวุธทำหน้าแปลกใจ "นักโฆษณานี่นะ"
"ผมจบสถาปัตย์ฯ" อนุภาพตอบยิ้มๆ "แต่เปลี่ยนฟีลด์มาเรียนโฆษณา"
"เก่งจังเลย ไม่นึกว่าผมจะรู้จักกับสถาปนิกเพิ่มอีกคน" อาวุธยิ้มกว้าง สายตาชื่นชมอนุภาพอย่างเปิดเผย "ถ้างั้น หากผมจะสร้างบ้านอีกหลัง จะขอจ้างคุณนุ"
"ที่มีอยู่นี่ไม่พอหรือครับ บ้านริมแม่น้ำ คอนโดกลางกรุงฯ แล้วบ้านที่เชียงใหม่อีก"
"ยังไม่มีบ้านริมหาด" อาวุธหัวเราะ ใจนึกไปถึงครั้งแรกที่เจออนุภาพ
...บ้านริมทะเลของอธิคม...
...เขาชอบทะเล...เคยคิดอยากจะมีบ้านริมทะลเหมือนกัน แต่บ้านของเขาอยากจะให้ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ สงบเงียบ ห่างไกลผู้คน จะได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่เขารัก
...นที...คนที่หลงไหลความเงียบสงบ...คนที่ชอบท่องไปในสถานที่แปลกๆ ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการผจญภัย...คนที่เคยพูดว่าอยากจะหายไปจากโลกมนุษย์ อยู่คนเดียวเงียบๆ และสื่อสารกับธรรมชาติ...
...และในที่สุด...นทีของเขาก็หายไปจริงๆ
...จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ..
...แต่นทีก็ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเขา...
อาวุธมองชายหนุ่มตรงหน้า อนุภาพสะท้อนอะไรของคนรักเก่าออกมามากพอสมควร
อนุภาพกับนทีคล้ายกันมากจนเขาอยากจะบอกว่าเป็นพี่ชายกับน้องชาย...
ชีวิตที่เคยแห้งแล้งของเขาเริ่มมีความรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้ง รู้ทั้งรู้ว่าอนุภาพเป็นของอธิคม แต่เขาก็อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า อีกไม่นาน โอกาสอาจเป็นของเขา
...เพียงแค่อธิคมทิ้งอนุภาพ เหมือนกันที่เคยทิ้งคู่ควงคนอื่น...เมื่อนั้น เขาก็จะไม่รีรอ...
"สารวัตร"
อาวุธสะดุ้ง
"กาแฟมาแล้วครับ" อนุภาพดันแก้วกาแฟของอาวุธไปตรงหน้า "ไม่นึกว่าสารวัตรจะเหม่อลอยก็เป็น"
"ผมไม่ใช่หุ่นยนต์นี่ครับ บางทีก็เบลอๆ อยู่บ้างเหมือนกัน" อาวุธยิ้ม "คมกับธงรบเคยนินทาผมให้ฟังไหมว่านอกจากมิสเตอร์เพอร์เฟ็คแล้ว สองคนนั่นเรียกผมว่ามิสเตอร์โรบ้อทอีกชื่อนึง"
"ชื่อนี้ไม่เคยได้ยิน" อนุภาพอมยิ้ม "แต่ที่ได้ยินบ่อยคือพ่อคนเก่ง"
อาวุธไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มมุมปากแล้วบอกว่า "ผมก็มีความลับของสองคนนั้นจะเล่าให้ฟัง ฉายาแต่ละอย่างที่อธิคมกับธงรบได้รับก็ไม่ใช่ย่อยนะครับ"
จากนั้น...อนุภาพก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับอธิคมและธงรบในสมัยที่ทั้งสามเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานด้วยกัน จนถึงตอนที่รับราชการเป็นตำรวจใหม่ๆ กระทั่งถึงช่วงที่อาวุธไปเรียนและทำงานอยู่ต่างประเทศแล้วค่อนข้างห่างๆ เพื่อนทั้งสองไป
อาวุธเลี่ยงที่จะพูดถึงความเจ้าชู้ของทั้งสองหนุ่ม ไม่พูดถึงอดีตคนรักของตัวเอง สิ่งที่เล่าให้อนุภาพฟังเป็นเรื่องการทำงานและวีรกรรมด้านอื่นๆ ของอธิคมและธงรบ
"ผมดีใจที่คุณนุกับอธิคมรักกัน" อาวุธสรุป "คุณนุก็คงรู้ว่าอธิคมนั่นก็ไม่ใช่เล่น แต่เพื่อนผมก็เปลี่ยนไปเสียจนแทบจะนึกภาพเขาในอดีตไม่ออก"
อนุภาพยิ้ม รอฟังอาวุธพูดต่อ
"คุณนุต้องหนักแน่นนะครับ" อาวุธมองหน้าอนุภาพด้วยสายตาสงบนิ่ง หยุดเงียบชั่วครู่ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิมว่า "คมเขาค่อนข้างหึงผมเหมือนกัน ผมรู้ว่าเขาหวงคุณนุมาก ไม่ค่อยชอบจะให้ผมเข้าใกล้คุณนุ แต่...แต่ว่าผมก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับคุณนุอยู่ คุณนุคงเข้าใจ"
"เข้าใจครับ" อนุภาพตอบเสียงเบา
"แต่ให้สัญญาครับ ว่าถ้าอธิคมต่อยผม ผมจะไม่ต่อยคืน" อาวุธหัวเราะเบาๆ "แต่คมหมัดนักมากเลยล่ะ ใครโดนเข้าจะรู้สึก"
"ต่อยคืนหน่อยก็ดี" อนุภาพล้อเล่น "จะได้หายใจร้อนลงบ้าง"
"ไม่สงสารอธิคมบ้างหรือครับ" อาวุธถาม
"ก็" อนุภาพชะงัก คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อไป เขายอมรับว่าสายตาของอาวุธที่มองเขานั้นมีประกายแปลกๆ "พูดเล่นไปยังงั้นล่ะครับ ผมไม่ชอบให้ใครทะเลาะต่อยตีกันหรอก ไม่ชอบความรุนแรง"
"ต่างจากนที รายนั้นชอบนักล่ะ" อาวุธพูดยิ้มๆ เผลอเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองเพราะตั้งแต่รู้จักอนุภาพมา เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวที่นทีดูแตกต่างจากอนุภาพ
"หรือครับ ชอบความรุนแรงแบบไหนหรือครับ" อนุภาพได้โอกาสถาม ความจริงเขาอยากรู้เรื่องอดีตคนรักของอาวุธอยู่บ้างเหมือนกัน
...ผู้ชายคนเดียวที่เคยเป็นคนรักของสารวัตรอาวุธ...คนเดียวที่อาวุธเคยรัก
...ต่างจาก "เด็กๆ" ของอธิคมกับธงรบที่มีมากจนแทบจะนับไม่ไหว
อาวุธอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะบอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่งว่า "นทีชอบเล่นปืน ตอนแรกผมก็ไม่ทราบ คิดว่าเขาเป็นคนเรียบๆ นิ่งๆ ไม่ประสีประสาอะไร ใครจะไปนึกครับ ล่ามของยูเอ็นจะยิงปืนเป็นและแม่นเหมือนจับวาง แล้วถอดประกอบปืนได้เร็วกว่าธงรบอีก ตอนที่เขาไล่ยิงพวกที่ตามจับเรา นทีทำเอาผมตาค้าง"
"ไล่ยิงกันเลยหรือครับ" อนุภาพแปลกใจ
อาวุธพยักหน้า "ผมกับนทีรู้จักกันแปลกๆ แล้วก็ผ่านอะไรที่ไม่ค่อยจะปกติเหมือนคู่อื่นๆ ทั่วไปเท่าไหร่นัก"
อนุภาพเห็นว่าอาวุธเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังเล่าเรื่องของอดีตคนรักมากขึ้นจึงเล่าต่อแบบรวบรัด แววตาของนายตำรวจหนุ่มตอนนี้ดูเจ็บปวด ต่างจากที่เคยเห็น
"แต่ว่าเรื่องก็จบลงไปนานแล้วล่ะครับ ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทย ชีวิตมันก็เงียบๆ ทำงานสืบสวนก็ใช้สมองซะเป็นส่วนมาก"
"สารวัตรคงคิดถึงคุณนทีมาก"
อาวุธพยักหน้า แล้วชวนคุยเรื่องอื่น อนุภาพจึงเลิกถามถึงอดีตคนรักของสารวัตรคนเก่งที่อธิคมกับธงรบตั้งฉายาให้หลายฉายาด้วยกัน แต่ก่อนที่จะจบการสนทนา อาวุธทิ้งท้ายไว้ว่า
"คุณนุครับ ความสัมพันธ์ของคนสองคนนี่แต่ละคู่มันไม่ค่อยเหมือนกัน บางคู่เหมือนเล่นโรลเลอร์สเตอร์ สนุกสนานน่าตื่นเต้น บางคู่ลำบากเหมือนปีนเขา แต่บางคู่ก็ราบเรียบเหมือนไปเดินเล่นบนหญ้าเขียวๆ นุ่มๆ ในสวนสาธารณะ แต่คนเราอยากเล่นรถไฟเหาะตีลังกาทุกวันหรือครับ ไม่ก็ทุกอาทิตย์ หรืออย่างน้อยเดือนละหนึ่ง หรืออย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง หรือแม้แต่ปีละครั้งหรือยังไง แต่ผมว่าไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะทุกเย็นน่าจะมีความสุขกว่า"
อนุภาพแยกกับอาวุธที่หน้าโรงพยาบาล อาวุธต้องกลับเข้าไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง นายตำรวจหนุ่มบอกว่าจะเดินไปส่งเขาที่รถ แต่อนุภาพปฏิเสธ บอกว่าไม่ต้องลำบากก็ได้ อาวุธไม่เซ้าซี้ ยิ้มบางๆ ให้เขาแล้วเดินจากไป
บางครั้งอนุภาพอดสงสัยไม่ได้ อธิคมกับธงรบพูดถึงอาวุธในแง่มุมต่างๆ แต่สองคนนั้นแทบจะไม่พูดถึงนทีเลย ราวกับว่าเรื่องของนทีนั้นเป็นเรื่องที่มีความหลังอันน่าเศร้าของอาวุธ
...อาวุธ...ผู้ชายคนนี้มีอะไรลึกๆ อยู่ในใจที่เขาแทบจะมองไม่ออก...
...อาวุธ...กำลังคิดอะไรอยู่...
ทันทีที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ชายหนุ่มหน้าเคร่งที่นั่งอยู่ข้างๆ คนขับก็เร่งให้เพื่อนรักเพิ่มความเร็วเพราะกลัวเดินทางไปไม่ทัน
“ช้าหน่อยคุณนุก็รอน่า เอ็งจะรีบไปหาห่...อะไรกันนักหนาวะ” ธงรบบ่น
“เอ็งก็ช้าอยู่ได้ มา...เปลี่ยนให้ข้าขับ” อธิคมเสียงหงุดหงิด
“ไม่ได้โว้ย ไม่อยากเสี่ยง เอ็งเจ็บแขนอยู่ เสียดายรถ และเสียดายชีวิต นี่ยังไม่ได้แอ้มอาทิตย์เลย ข้ายังไม่อยากตาย” ธงรบโวยวาย แล้วลงท้ายด้วยเสียงนุ่ม ใบหน้ายิ้มกริ่ม “คิดถึงอาทิตย์จริงๆ รู้ไม๊ เมื่อวานยอมไปผับกับข้าแล้ว แต่ไม่ยอมดื่มเหล้าเกินสามแก้ว”
“เขากลัวเอ็งมอมเหล้าแล้วข่มขืนนะสิ อธิปยังกลัวเลย” อธิคมตำหนิธงรบ “เอ็งนี่เมื่อไหร่จะเลิกซะทีวะธง เดี๋ยวก็มาเสียใจทีหลัง จะหาว่าไม่เตือน”
“อาทิตย์เขาบอกว่าไม่สนนี่หว่า เขาบอกว่าข้าจะไปยุ่งอะไรกับใครเขาก็ไม่ใส่ใจ” ธงรบยักไหล่
“แกบอกรักเขาไปแล้วหรือ”
“บอกหลายครั้งแล้ว พ่อคุณทำท่าไม่สนใจ” ธงรบถอนหายใจ “คนอะไร ใจแข็งชิบหาย เผลอๆ ข้าคิดว่าใจแข็งกว่าคุณนุเสียอีก”
“ก็เขายังรักคุณนุไม่ยอมเลิกนี่หว่า” อธิคมพึมพำ นึกถึงใบหน้าใสๆ ของอาตี๋เบ็นซ์ดำที่เขาตั้งฉายาให้แล้วอดหงุดหงิดไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมอาทิตย์ถึงฝังใจกับอนุภาพมากมายขนาดนั้น
“ขอบใจที่ให้กำลังใจ” ธงรบเหยียดปาก
“ข้าว่าแกเลิกเถอะว่ะธงรบ เรื่องนี้ข้าจะไม่ดูถูกแก จะถือว่าคดีนี้ โจรอันตรธานหายตัวไปเฉยๆ ถือว่าเป็นคดีลับ ปิดคดีไปแบบไม่ต้องทำสำนวน” อธิคมแสดงความห่วงใยเพื่อน
“เก็บความหวังดีแกไว้เถอะ” ธงรบเบ้ปาก “ข้าไม่ยอมแพ้หรอก ให้มันรู้ไปว่าข้าจะเปลี่ยนใจอาทิตย์ไม่ได้ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก”
“ตื๊อมาเป็นปีแล้วนี่นะ” อธิคมยักไหล่ ก่อนจะเร่งเพื่อนอีกครั้ง “เร็วๆ หน่อยสิวะ ข้าต้องพาคุณนุไปทานข้าวเย็น บอกไว้แล้ว”
“เอ็งยังเจ็บแขนอยู่” ธงรบเตือน “คุณนุได้บ่นเองเป็นกระบุงโกย ปล่อยให้ไปแข่งรถที่พัทยา เอ็งก็เจ็บกลับไป แล้วเอ็งก็ต้องให้เหตุผลว่าข้าพาเอ็งไปซวยอีกใช่ไหมล่ะ ข้ารู้หรอก”
“แล้วจริงไหมล่ะธงรบ” อธิหันมาชี้หน้าเพื่อนตัวดี “ถ้าเอ็งฟังข้าซักนิด เราก็คงไม่เบียดรั้วแบบนั้น หนอย เขายิ้มให้หน่อยเดียว ยอมให้เขาแซงเลยนะ ใส่หมวกกันน๊อคยังเสือกเห็นหน้าเขาอีก”
“ก็น่ารักนี่หว่า ช่วยไม่ได้” ธงรบยกไหล่ ยิ้มพราว นึกถึงนักแข่งรถคู่แข่งที่แสดงท่าทางสนใจเขาอย่างชัดเจน
“เพิ่งพูดถึงอาทิตย์อยู่หยกๆ” อธิคมส่ายหน้าอย่างเอือมระอาธงรบ
“ขอพักยกซักเดี๋ยว ขอกินของหวานก่อนกลับไปแทะปลากระป๋องสแตนเลส”
อธิคมส่ายหน้าอีกครั้ง “เปรียบเทียบดีนะ เปรียบตัวเองเป็นหมาก็ได้”
กว่าธงรบจะส่งอธิคมถึงหน้าคอนโดของอนุภาพก็เลยเวลาที่คาดเอาไว้เกือบสิบนาที ทันทีที่รถจอด อธิคมรีบผลุนผลันออกจากรถสปอร์ตสีบรอนซ์ของธงรบ แต่ทันใดกลับหันมาย้ำเพื่อนรักถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่สนามแข่งรถวันนี้ว่าห้ามพูดอะไรให้อนุภาพฟังเด็ดขาด
“เออๆ ถ้าคุณนุถาม ข้าจะรับผิดเองที่ขับรถไม่ดี ทำให้เอ็งต้องเจ็บแขน” ธงรบพยักหน้าเซ็งๆ
“ไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะคุณนุเขารู้ได้เองอยู่แล้ว เอ็งมันขับรถดีนักนี่” อธิคมโคลงศรีษะ “เรื่องนั้นต่างหาก เรื่องหมออาติยะ”
“แล้วเรื่องศรุตล่ะ”
อธิคมถอนหายใจหนักๆ แล้วตอบว่า “เรื่องนั้นก็ด้วย”
“เอ็งนี่มันกรรมตามสนองจริงๆ นะเว้ยคม เอ็งไม่ต้องมาบอกข้าหรอก ข้ารู้ดีว่าต้องทำยังไง เรื่องลื่นไหลเป็นปลากระดี่ ข้าถนัด”
อธิคมส่ายหน้ากับสิ่งที่ธงรบเปรียบเทียบแบบประหลาดๆ ที่ได้ยินจนชินแต่เขาก็ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่ธงรบพูด ใจอยากจะบ่นธงรบแล้วแก้คำพูดของเพื่อนให้ถูกแต่ตอนนี้สิ่งอื่นสร้างความกังวลใจให้เขามากกว่าที่จะมาสนใจความ “ไม่ประสา” ในการใช้ภาษาของธงรบ
วันนี้เขาเจอโจทย์เก่าถึงสามคน แม้สามคนนั้นไม่ร้ายเท่ากษิดิษฐ์เพียงคนเดียวแต่ก็ทำให้เขาอดหวั่นใจไม่ได้
ศรุตไปแข่งรถด้วย เขาลืมไปเสียสนิท เมื่อไปถึงสนามแข่งจึงนึกได้ว่า ตอนที่เขากลายเป็นนายแบบจำเป็นในงานของสมบัติ ศรุตเคยชวนเขาไปแข่งรถ พอเจอหน้าศรุต เขาก็โดนชายหนุ่มเกาะติดแจ พอแยกตัวมาได้ก็เจอกับนายแพทย์อาติยะที่มาเชียร์เพื่อนแข่ง และที่สำคัญ เห็นอัสนัยด้วย และเขาคิดว่าเห็นอัสนัยมองเขาอยู่ห่างๆ ทำราวกับเป็นสายลับยังไงยังงั้น
ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่านนะคร้าบบบ ขอโพสละครในสต๊อคให้หมดก่อนนะ แล้วจะขอลาบวชซักหนึ่งพรรษา (ถ้าวัดเขายอมรับผม