บทที่ 3 ครับ
บางส่วนของบทนี้เึคยโพสไปแล้วครับ มีแก้ไขหน่อยนึง
3
"นิตินัย...จุดแรกเริ่มของปัญหา"
วันนี้อธิคมได้พักหลังจากไปราชการกว่าหนึ่งอาทิตย์ วันนี้เขาตื่นสายและตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน ดูหนังสักเรื่องแล้วไปออกกำลังกายก่อนจะกลับบ้าน รอเวลาอนุภาพเลิกงาน วันนี้อนุภาพบอกว่าจะทำอาหารเย็นให้ทาน
เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาโดนอนุภาพทำโทษให้นอนอยู่บนโซฟานอกห้องกว่าครึ่งค่อนคืนเพราะตอบคำถามเกี่ยวกับ “โจ้” ไม่ถูกใจอนุภาพ
เขาบอกชายหนุ่มว่าโจ้เป็นแค่เทรนเนอร์ที่ยิมที่เขารู้จักนานแล้ว แต่อนุภาพคาดคั้นว่าแค่รู้จักอย่างเดียวหรือรู้จักแบบ “แนบแน่น” เขาจึงต้องพยายามนึกเรื่องราวที่จำได้ลางๆ แล้วเล่าให้อนุภาพฟัง
...
อนุภาพถามเขาว่า “ตกลงปีหนึ่งๆ สารวัตรมีแฟนกี่คน ห้าคนได้ไม๊”
“ไม่ใช่แฟน แค่คนที่คบกัน ผมไม่เคยมีแฟน” อธิคมอธิบาย
“อ้อ ไม่ใช่แฟน แต่เป็นประเภทได้แล้วทิ้ง งั้นถามใหม่ ปีหนึ่ง ได้กี่คน แล้วทิ้งกี่คน อัตราส่วนได้กับทิ้งคงเท่ากัน หนึ่งต่อหนึ่ง ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ขาดไม่เกิน”
...คงโหลหนึ่งมั๊ง...อธิคมตอบในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา
“หึงล่ะสิ ไหนว่าไม่หึง” อธิคมเย้า
“ไม่หึง แต่ไม่สบอารมณ์ ตอนแรกนึกว่าจีบผม ที่แท้เข้ามาเลียบเคียงถามถึงคนเสน่ห์แรง” อนุภาพตอบเสียงสะบัดแล้วเดินหนีเข้าห้องนอน ทิ้งให้เขานอนอยู่นอกห้องจนเกือบเที่ยงคืนอนุภาพจึงเปิดประตูออกมาบอกให้เขาเข้าไปนอนในห้องได้
...อนุภาพเลยโดนเขา “ง้อ” จนหมดแรงกันทั้งสองคน
...
อธิคมยิ้มคนเดียวเมื่อเดินออกจากลิฟท์โดยสารของลานจอดรถ กำลังจะก้าวเข้าประตูห้างสรรพสินค้า พลันเห็นร่างคุ้นตาวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจนเกือบจะชนเขา
“พี่คม” นิตินัยเบิกตากว้าง แววตาตื่นตระหนกเปลี่ยนเป็นดีใจ “พี่คม ช่วมผมด้วย รถพี่อยู่ไหนครับ พาผมไปจากตรงนี้ที เร็วๆ เข้า”
“อะไรกันเหรอแบ้งค์” อธิคมถาม นิตินัยไม่ตอบ คว้ามือสารวัตรหนุ่มกึ่งลากกึ่งวิ่งไปทางที่อธิคมเดินมา
“ผมหนีนักข่าว ต้องหนีให้ได้ เรื่องใหญ่มาก ผมไม่อยากให้นักข่าวรุมถ่ายรูป พี่คมพาผมหนีไปที นะครับ ช่วยผมด้วย” นิตินัยละล่ำละลัก
อธิคมรู้สึกถึงความผิดปรกติบางอย่าง นิตินัยดูตกใจมาก แววตาหวาดกลัวตื่นตระหนกเริ่มแดงระเรื่อเหมือนกำลังจะร้องให้ เขาดึงนิตินัยวิ่งย้อนกลับไปยังลิฟท์ลานจอดรถที่เขาเพิ่งเดินออกมา แล้วพาชายหนุ่มขึ้นไปยังชั้น P4 ตรงไปยังรถของเขาที่จอดอยู่แล้วรีบขับลงมายังทางออกลานจอดรถ
ใกล้ถึงตู้พนักงานเก็บบัตรจอดรถ นิตินัยเอ็นเบาะลงจนราบแล้วซุกหน้าลงกับเบาะ อธิคมเห็นนักข่าวอออยู่เต็มไปหมด โชคดีที่กลุ่มนักข่าวยังไม่หันมาทางรถแลนด์โรเวอร์ของเขา อธิคมลดกระจกลงเพียงแค่สามารถยื่นมือออกไปคืนบัตรจอดรถ ชายหนุ่มยื่นเงินหนึ่งร้อยบาทให้พนักงานแล้วบอกว่าไม่ต้องทอน แล้วทะยานรถออกไปโดยเร็ว แต่ทันได้ยินเสียงตะโกนตามหลัง
“โน่นไงๆ คันนั้นๆ แลนด์โรเวอร์สีดำ”
“อะไรกันวะ รู้กันได้ยังไง เร็วจริงๆ” อธิคมบ่น นิตินัยเงยหน้าขึ้นมา ปรับเบาะให้ตั้งตรงแล้วหันหน้าไปมองด้านหลังพร้อมกล่าวว่า “พี่คม อย่าหยุดนะครับ พาผมไปหลบที่ไหนซักแห่งก่อน”
“มันเรื่องอะไรกันแบ้งค์ บอกพี่หน่อยซิ”
“เรื่อง...เรื่อง...เอ่อ...” นิตินัยตะกุกตะกักก่อนจะพูดว่า “เรื่องคลิปหลุด”
อธิคมเลิกคิ้วอย่างไม่น่าเชื่อ ทวนคำว่า “คลิปหลุด...คลิปแบบว่า...”
“พี่คมอย่าเพิ่งถามเลย แค่นี้ผมก็รู้สึกจะแย่อยู่แล้ว” นิตินัยขบกรามแน่น ตาเหม่อมองไปข้างหน้า “บ้าจริงๆ บ้าที่สุด...ไม่น่าเลย”
นักร้องหนุ่มเริ่มตาแดง น้ำตาใสๆ เริ่มเอ่อขึ้นมา อธิคมหันไปมองครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามองตรงไปยังถนนข้างหน้า เร่งความเร็วรถ ขับปาดไปปาดมาด้วยความระมัดระวัง
นิตินัยหันมายังคนขับ อ้อนวอนว่า “พี่คม ช่วยผมด้วย ผมโผล่ออกไปตอนนี้ไม่ได้ ผมยังไม่รู้ว่ามันมีอะไรมากแค่ไหน นี่ผมไปงานเปิดร้านเสื้อ พอเดินเข้าไปในห้าง ยังไม่ทันจะถึงชั้นสามเลย นักข่าวก็กรูเข้ามาถามเรื่องคลิปหลุดเค้กละเลงหน้าอก ผมก็รีบผลุนผลันออกมาเลย”
อธิคมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ในใจถามคำถามว่า...คลิปหลุดหรือ...คลิปที่ละเลงเค้กบนหน้าอก...นิตินัยเล่นอะไรแผลงๆ แล้วถ่ายวีดีโอเก็บเอาไว้อย่างนั้นหรือ...ตัวเองเป็นนักร้องเกือบจะเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ทำไมถึงได้กล้าทำแบบนี้...
...ในใจเขาอยากจะถามต่อว่าคลิปเดี่ยวหรือถ่ายกับใคร...กับธงรบหรือ...ตอนนี้นิตินัยกำลังคบอยู่กับธงรบ...เพื่อนของเขามาอวดอยู่ไม่เว้นแต่ละวันว่ากำลัง “จับผู้ร้าย” เป็นนักร้องชื่อดังระดับแถวหน้าของเมืองไทย
ธงรบกับนิตินัยขลุกอยู่ด้วยกันมานานกว่าสองสามอาทิตย์แล้ว จนเขาอดกระทบกระเทียบไม่ได้ว่าเอาอาทิตย์ไปทิ้งไว้ที่ไหน ธงรบให้เหตุผลว่าเรื่องอาทิตย์ของเวลานอกซักเดือน เพราะรายนั้นใจแข็งเหลือเกิน และตอนนี้เขาขอ “ปลดปล่อย” ซักระยะก่อนกลับไปจับ “จารชนคนใจแข็ง” ต่อ
ธงรบเปรียบคนอื่นๆ เป็นใจรผู้ร้าย แต่เปรียบอาทิตย์เป็นจารชนที่จับยากเย็นนัก ธงรบ "ตาม" อาทิตย์มานานหลายเดือน แต่ยังไม่มีโอกาสได้ "แอ้ม" ซักที
อธิคมใช้ความคิดว่าจะพานิตินัยไปหลบที่ไหนดี...ใจหนึ่งอยากพาไปหลบที่บ้านของเขาเพราะระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก แต่ใจหนึ่งก็นึกหวั่นเกรงว่าอนุภาพจะเข้าใจผิด นายตำรวจหนุ่มจึงนึกถึงธงรบ...
...หากธงรบกำลังคบอยู่กับนิตินัย ก็ให้ถือว่าต้องรับผิดชอบนิตินัยไปก็แล้วกัน...
อธิคมล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์จะโทรหาธงรบ จึงนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน
“พี่คม ใช่รถคันนั้นที่กำลังตามเราหรือเปล่าครับ” นิตินัยพูดเสียงหวาดหวั่น ชี้มือไปยังด้านหลัง
อธิคมชำเลืองมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นรถเก๋งสีบรอนซ์กำลังขับตามเขามาอย่างกระชั้นชิด เชาเห็นคนสองนั่งอยู่ในรถ คุยกันชี้ไม้ชี้มือมาที่รถของเขา
...ท่าทางเหมือนนักข่าว...อธิคมคิด
ทันใด คนที่นั่งข้างคนขับยกกล้องถ่ายรูปขึ้นเล็งมายังรถเขา นายตำรวจหนุ่มจึงเหยียบเบรกลดความเร็วกระทันหัน รถโตโยต้าคันนั้นเบรกตามจนได้ยินเสียงล้อครูดกับถนนดังลั่น เสียงรถคันอื่นบีบแตรดังเซ็งแซ่ ชายหนุ่มที่กำลังยกกล้องขึ้นถ่ายภาพหัวคะมำ อธิคมจึงกระแทกเท้าเหยียบคันเร่งพาแลนด์โรเวอร์ทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและหักรถเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ตรงไปยังคอนโดของเขาที่อยู่ไม่ไกล
...ตอนนี้ขอเข้าไปตั้งหลักในคอนโดเสียก่อน อย่างน้อยนักข่าวก็เข้าไปบริเวณที่พักของเขาไม่ได้เพราะพนักงานรักษาความปลอดภัยที่นี่เข้มงวดมาก จนอนุภาพยังบ่นว่ารักษาความปลอดภัยยิ่งกว่าสถานฑูต
อธิคมสั่งยามว่าอย่าให้คนแปลกปลอมท่าทางเหมือนนักข่าวเข้ามาได้โดยเด็ดขาด รปภ. รับคำโดยเร็วเพราะรู้จักนายตำรวจหนุ่มหน้าดุเป็นอย่างดี
“พี่คมให้แบ้งค์หลบอยู่ที่นี่ซักพักนะ รอให้นักข่าวไปก่อน”
อธิคมพยักหน้าแล้วพูดว่า “แบ้งค์เล่าให้พี่ฟังนะว่ามันเรื่องอะไร ตอนนี้พี่จะช่วยแบ้งค์ก่อน แต่แบ้งค์คงหลบอยู่กับพี่นานไม่ได้”
“ทำไมล่ะ พี่คมช่วยแบงค์ไม่ได้หรือ” นิตินัยทำหน้ามุ่ย
“ได้นะได้ แต่แฟนพี่จะว่ายังไง พี่ว่าแบ้งค์หลบไปอยู่กับธงรบซักพัก” อธิคมนิ่งไปชั่วครู่แล้วถามว่า “หรือว่าคลิปนั้น...”
“ไม่ใช่กับผู้กองธงรบ” นิตินัยพูดสั้นๆ แล้วหันไปมองนอกรถ
“ตอนนี้แบ้งค์คบกับธงรบอยู่ พี่ว่าให้ธงรบดูแลจะเหมาะกว่า” อธิคมถอยรถเข้าจอดจนเรียบร้อยแล้วจึงหันมาพูดกับนิตินัยอีก “นะครับแบ้งค์ พี่ว่าให้ธงรบช่วย ถ้าอยากหลบไปไหนจริงๆ ธงรบเขาพาไปเซฟเฮ้าส์ที่ต่างจังหวัดได้”
“พี่ก็พาผมไปได้ พี่คมกลัวแฟนหึงใช่ไหมล่ะ” นิตินัยทำเสียงน้อยใจ
อธิคมพยักหน้าแล้วบอกให้นิตินัยลงจากรถ พาขึ้นไปยังห้องพักของเขา นิตินัยยื่นมือมาจับแขนของอธิคมแต่ชายหนุ่มดึงออก บอกว่าอย่าประเจิดประเจ้อ “แบ้งค์เป็นนักร้องดังมากขนาดนี้ ทำอะไรต้องระมัดระวัง” อธิคมตำหนิอยู่ในที
“แต่นี่ไม่มีใครเห็นเรา พี่คมจะกลัวอะไร”
“กลัวสิ” อธิคมเดินนำหน้า ตรงไปยังห้องชุดของเขา “หนึ่ง กลัวแฟนพี่เข้าใจผิด สอง กลัวจะมีใครเห็นแล้วเป็นข่าวว่าพี่มีอะไรกับนักร้องดัง ตัวเองคนรู้จักทั่วเมือง อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งล่ะ”
นิตินัยถอนหายใจ ดูท่าทางอธิคมไม่สนเขาเลยจริงๆ คนที่เคยพร่ำบอกว่าหลงไหลเขาจะเป็นจะตายในครั้งนั้น ตอนนี้ดูเย็นชา ทั้งๆ ที่เขาเป็นถึงนักร้องชื่อดังของเมืองไทยที่ใครๆ ต่างก็หมายปอง
“อีกอย่างนะ แบ้งค์มีเรื่องคลิปหลุดอะไรอยู่นี่ ยังไม่เข็ดหรือ” อธิคมเปิดประตูห้องชุด ยืนรอให้นิตินัยเดินเข้าไปก่อน
นิตินัยไม่ตอบ เดินเข้าไปในห้องอย่างเซ็งๆ แล้วโผไปยังโซฟาหน้าทีวี ทิ้งตัวลงนอนมองอธิคมที่เดินไปเปิดแอร์ แล้วเดินไปหยุดยืนที่โต๊ะที่ดูเหมือนจะเป็นโต๊ะทำงาน หยิบโทรศัพท์มากดเบอร์แล้วยกขึ้นแนบหู คุยกับยามรักษาปลอดภัยเรื่องนักข่าวที่มาออกันอยู่หน้าประตูทางเข้าคอนโด อธิคมสั่งให้ยามดูแลให้ดี และหากนักข่าวไปหมดแล้วให้โทรมาบอกเขา
หลังจากนั้นอธิคมหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่มากดเบอร์ รอให้คนที่โทรไปหารับสาย ขณะที่อีกมือหนึ่งก็เก็บของที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะให้เข้าที่
“ธงรบไม่รับสาย” อธิคมถอนหายใจ วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ แล้วเงยหน้ามามองนิตินัยที่ยังนอนมองเขาตาแป๋ว “ถ้ายังโทรไม่ติด รอซักหน่อย ให้นักข่าวไปกันหมด แล้วพี่จะไปส่งที่บ้านธงรบ” อธิคมพูดเสียงเรียบ เอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปเขากับอนุภาพบนโต๊ะขึ้นมาดู แล้ววางลงที่เดิม พลันสายตามองเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่ผู้ช่วยของเขาส่งให้เขาอ่านตั้งแต่เมื่อวานซืน...เอกสารชิ้นนี้เองที่เขาจะไปนำไปประกอบสำนวนฟ้องที่ทำใกล้จะเสร็จ ของบนโต๊ะรกมากจนเขาหาไม่เจอ แต่อยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมา...
อธิคมอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองกรอบรูปที่เพิ่งวางลง...นึกในใจว่าเพราะหยิบรูปเขากับแฟนขึ้นมาดู ก็เลยโชคดี หาเอกสารเจอ...
“พี่คม...” นิตินัยเรียก “รักเขามากนักหรือ”
อธิคมเงยหน้าขึ้น เลิกคิ้วถามนิตินัยเพราะอีกฝ่ายพูดไม่ชัดเจนนัก
“แบ้งค์หมายถึงคุณนุ พี่รักเขามากนักหรือ”
นายตำรวจพยักหน้าช้าๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้นิตินัยที่ตอนนี้ถอดเสื้อออกไปแล้ว เผยให้เห็นผิวขาวเนียนสะอาด กล้ามหน้าอกพองามอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ
“ถอดเสื้อทำไมแบ้งค์”
“ร้อน” นิตินัยทำท่าเอามือโบกพัดให้ตัวเอง “อึดอัดด้วย เบื่อเสื้อผ้ารัดรูปพวกนี้เต็มที แบ้งค์อยากใส่เสื้อผ้าตัวโคร่งๆ ผ้าบางๆ นุ่มๆ”
“แล้วใส่ทำไม”
“ก็แบ้งค์ต้องใส่ เขากำลังนิยม แบ้งค์ต้องทันสมัย ตกเทรนด์ไม่ได้เลย” นิตินัยถอนหายใจ “แต่งตัวไม่เข้ากันหน่อย พวกปากหอยปากปูก็เอาไปนินทา เบื่อจริงๆ” นิตินัยทำหน้าเซ็งแล้วเอื้อมมือมาปลดเข็มขัด
“ตัวเองเป็นคนดังก็ต้องทนสิ...อ้าว...นี่จะถอดกางเกงด้วยหรือ” อธิคมถอนหายใจเบาๆ ไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนักที่จะอยู่กับนิตินัยสองต่อสองในสภาพแบบนี้
“ทำไม กลัวห้ามใจไม่ได้หรือไงครับคุณตำรวจรูปหล่อ” นิตินัยยิ้มเจ้าชู้ “ว่าแต่ว่า...พี่คมยังคึกคักเป็นม้าศึกเหมือนสมัยก่อนหรือเปล่า แบ้งค์อยากรู้จังเลย”
“จะรู้ไปทำไม” อธิคมหันหน้าไปมองหน้าต่าง ทำเป็นไม่สนใจ
“ฮื่อ...พี่คมไม่คิดถึงแบ้งค์บ้างเลยหรือ แบ้งค์คิดถึงพี่คมไม่เคยลืม จะบอกความลับอะไรให้ รู้ไม๊ เวลาแบ้งค์มีอะไรกับใคร ยังแอบนึกภาพว่าเป็นพี่คมด้วยล่ะ แบ้งค์คิดถึงพี่...คิดถึง....” นิตินัยลดสายตาต่ำลงมากลางลำตัวของสารวัตรรูปหล่อ “คิดถึงอะไรๆ ที่แบ้งค์เคยหลงไหล”
อธิคมรู้สึกตัวว่านิตินัยจ้องบางส่วนของเขาไม่วางตาจึงค่อยๆ ขยับออกห่างและหันตัวไปทางอื่น
ทั้งที่รู้ว่าชายหนุ่มแกล้งล้อเล่น แต่เขาก็ไม่ค่อยจะใว้ใจนักร้องหนุ่มคนนี้เท่าใดนัก นิตินัยนั้นชอบทำอะไรแผลงๆ สมัยที่คบกันนั้น เขากับนิตินัยทำอะไรกันหวือหวามาก...จนบางครั้งก็ไม่ได้เล่าให้ธงรบฟัง เพระกลัวจะโดนล้อ
สารวัตรหนุ่มคนเจ้าชู้กลับใจ เดินช้าๆ ไปที่ตู้เย็นๆ พลางปลี่ยนเรื่องสนทนา “ดื่มอะไรไม๊แบ้งค์”
“ดื่มเบียร์เย็นๆ ซักกระป๋อง เอาไฮเนเก้นนะครับ”
“ไม่มีครับ” อธิคมส่ายหน้า...นึกถึง “คำสั่ง” จาก “ท่านผู้กำกับ” ที่ห้ามไม่ให้มีแอลกอฮอล์ในบ้าน...
อนุภาพให้เหตุผลว่า “เพื่อสุขภาพที่ดี” อยู่ที่บ้านไม่ควรดื่มของมึนเมา ดื่มได้ก็เฉพาะไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือเวลามีงานสังคมเท่านั้น ซึ่งเขาให้เหตุผลข้อนี้แก่ธงรบอีกต่อหนึ่ง จนเพื่อนของเขาเกาหัวด้วยความไม่พอใจ บอกว่า “โหดจริงๆ เลยท่านผู้กำกับนี่ ดูเหมือนเอ็งจะได้พ่อคนที่สามแล้วนะโว้ย ถ้ายังงั้นเวลามาหาเอ็ง ข้าจะซื้อติดมือมาด้วย” ส่วนเขาก็ตอบธงรบว่า “เออ ดี แต่อย่าลืมเก็บขวดกลับไปด้วยล่ะ”
“อะไรกัน บ้านตำรวจไม่มีเหล้า ไม่มีเบียร์ เดี๋ยวได้ฟ้าผ่าตายหรอก เกิดอาเพศอะไรขึ้นมา” นิตินัยโวยวาย
“พี่เลิกดื่มเหล้าแล้ว” อธิคมยักไหล่ แล้วพูดต่อค่อยๆ “...ที่บ้าน...”
“เลิกดื่ม” นิตินัยอุทานเสียงสูง ตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูในสิ่งที่ได้ยิน
“เลิกดื่มที่บ้าน แต่ออกไปข้างนอก ไปงาน ก็ดื่มบ้างสองสามแก้ว” อธิคมอธิบายเสียงเรียบ เปิดตู้เย็น มองดูขวดนมสดและน้ำส้มคั้นที่ “คนใจดี” ซื้อมาให้แล้วถอนใจ ก่อนจะปรายตาไปมองนิตินัยที่ทิ้งตัวลงกับโซฟานอนหัวเราะเสียงดัง
“ตลกมากนักหรือไงแบ้งค์ คนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้าง” อธิคมเดินกลับมาที่โซฟา ยื่นแก้วน้ำเย็นให้
“ไม่เอานะพี่คม เดี๋ยวท้องเสีย” นิตินัยล้อเลียน “ดื่มน้ำเย็น แบ็งค์กลัวท้องเสีย เอ๊ะ กลัวเมาต่างหาก”
อธิคมหรี่ตามองนักร้องหนุ่มชื่อดังความฉุนนิดๆ ที่โดนล้อเลียน “งั้นพี่จะออกไปซื้อเบียร์มาให้ซักลัง เอาไม๊”
“ไม่ต้อง...ไม่มีก็ไม่กิน” นิตินัยลุกขึ้นนั่ง มองอธิคมตาเชื่อม “กินสารวัตรดีกว่า”
อธิคมเงียบไปชั่วครู่ นึกแปลกใจที่นิตินัยเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็ว...เมื่อครู่ยังทำหน้าตื่นตระหนก หวาดกลัวนักข่าวเหมือนจะร้องให้ ตอนนี้สดชื่นร่าเริงเหมือนไม่กังวลใจอะไรเลย
“พี่มีเจ้าของแล้ว กินไม่ได้ เดี๋ยวติดคอ”
“ติดคอไม่กลัว แบ้งค์มีความสามารถพิเศษ ไม่เคยกินใครแล้วติดคอเลยซักครั้ง สบายมาก พี่คมจำไม่ได้หรือ” นิตินัยตอบเสียงต่ำ เลิกคิ้วท้าทาย
อธิคมเงียบไปอีกครั้ง ไตร่ตรองในใจว่าควจจะจัดการกับนิตินัยขั้นเด็ดขาด...ตัดสัมพันธ์ให้สิ้น ไม่อยากให้นิตินัยมีความคิดเรื่องจะหวนกลับมามอะไรกับเขาอีกครั้ง แม้ชั่วครั้งชั่วคราวก็ตามที
“แบ้งค์...พี่หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ นะ พี่มีคุณนุแล้ว ตอนนี้พี่ไม่ใช่คนโสด แล้วพี่ก็รักคุณนุมากด้วย พี่ไม่ทำอะไรให้ทุกอย่างพังหรอก อุตส่าห์สร้างขึ้นมากับมือ” อธิคมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มั่นคง มองตานิตินัยนิ่ง
นักร้องหนุ่มหุบยิ้ม ใบหน้าเรียบนิ่ง นึกไม่ถึงว่าอธิคมจะดูจริงจังขนาดนี้...แรกที่เขาเห็นอธิคมกับอนุภาพที่กระบี่เมื่อครั้งไปถ่ายโฆษณาน้ำอัดลม เขาเพียงคิดว่าอธิคมคงจะแค่ “เล่นๆ” กับอนุภาพเหมือนที่เคยคบกับคบอื่นๆ รวมทั้งเขา แต่เวลาผ่านไปปีกว่าๆ อธิคมก็ยังคบกับอนุภาพอยู่ และตอนนี้อธิคมก็ยืนยันหนักแน่นว่ารักชายหนุ่มคนนี้มาก...
...เขาอิจฉาเหลือเกิน...ทั้งน้อยใจ...น้อยใจว่า “คนนั้น” ของอธิคมทำไมเป็นอนุภาพ...ทำไมไม่ใช่เขา...ผู้ชายท่าทางเรียบๆ นิ่งๆ ดูจืดชืด...เขาซะอีกหล่อและรวยกว่า...เป็นถึงคนดังระดับประเทศ...ทำไมอธิคมไม่แล...
“แต่แบ้งค์รักพี่ แบ้งค์รักพี่คนเดียว”
“รักพี่ได้ยังไง แบ้งค์สนุกกับชีวิตขนาดนี้ มีใครต่อใครไม่รู้กี่คนต่อกี่คน จะรักพี่ได้ยังไง”
“ถึงมีคนอื่น แต่พี่คมคือคนเดียวที่แบ้งค์รัก เข้าใจไม๊ เห็นแบ้งค์เป็นอย่างนี้ แบ้งค์ก็มีหัวใจเหมือนกันนะ" นิตินัยเริ่มตาแดงเหมือนจะร้องให้ อธิคมมองแล้วนึกในใจว่าชายหนุ่มคนนี้อารมณ์อ่อนไหวเสียจริง
"แต่แบ้งค์ก็รู้ว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะพิจารณาด้านไหน ก็เป็นไปไม่ได้" อธิคมพูดเสียงเบา จริงจัง...
"แต่ทำไมกับคุณนุถึงเป็นไปได้...ทำไม" น้ำตาใสๆ เริ่มเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตากลมโตของนิตินัย...นักร้องหนุ่มชื่อดังที่มีภาพลักษณ์สนุกสนานร่าเริง ทุกครั้งปรากฏตัวต่อสาธารณชน ชายหนุ่มยิ้มกว้างอยู่เสมอ จนกลายเป็นสัญญลักษณ์ประจำตัว
"ความรัก บางทีก็เข้าใจยากนะแบ้งค์" อธิคมปลอบ "พี่ก็อยากให้แบ้งค์ได้มีโอกาสอย่างพี่บ้าง"
"แต่แบ้งค์มีโอกาสแล้ว แบ้งค์พบกับพี่คม พี่คมเป็นโอกาสของแบ้งค์ แต่ทำไม..." ชายหนุ่มก้มหน้า พูดอะไรไม่ออก...ในใจสับสบวุ่นวาย
"พี่ถึงอยากให้แบ้งค์ดูแลตัวเองดีๆ ครั้งนี้ขอให้ทุกอย่างเป็นบทเรียนที่แบ้งค์จะต้องมองตัวเองใหม่"
"พี่คมจะบอกอะไรแบ้งค์" นิตินัยเงยหน้าขึ้นมาถาม "จะว่าแบ้งค์เรื่องคลิปหลุดใช่ไม๊" นิตินัยสะอื้นเบาๆ แล้วพูดว่า "คลิปนั้น แบ้งค์...เอ่อ...ถ่ายเก็บไว้ดูเล่น ไม่รู้โผล่ออกไปได้ยังไง ต้องมีคนแอบดูโทรศัพท์ของแบ้งค์แน่ๆ ไม่รู้ว่าเขาได้อันไหนไปบ้าง ถ้าบอกว่ามีเค้กละเลงหน้าอก ก็ไม่ใช่อันที่มันเอ็กซ์มาก"
อธิคมถอนหายใจ "มีหลายอันหรือแบ้งค์ แล้วถ่ายไว้ตอนไหน ตั้งใจเหรอ แล้วคนที่เขาทำอะไรกับเราเขารู้หรือเปล่า"
"กลัวว่ามีพี่ด้วยหรือยังไง" นิตินัยทำหน้ามุ่ย
"เปล่า เท่าที่จำได้ เราไม่เคยถ่ายนี่นา" อธิคมยักไหล่ แต่พลันถามต่อว่า "หรือว่าแบ้งค์แอบซ่อนกล้องเอาไว้"
"บ้า...แบ้งค์ไม่ทำหรอก" นิตินัยทำตาค้อน "ก็มีอันเพิ่งถ่ายไปไม่กี่เดือน แล้วก็ต้นปี แล้วก็กลางๆ ปีที่แล้ว กับคนอื่น ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่ผู้กองธงรบ ไม่ใช่คุณอภิชิต"
"หา คุณอภิชิตด้วยหรือ" อธิคมอุทาน นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินชื่อนักการเมืองระดับประเทศ
"แบ้งค์ชอบคนอายุมากกว่า พี่คมก็รู้" นิตินัยถอนหายใจ แล้วหันมายังอธิคม "ส่วนพี่นะ ไม่มีหรอก มีเวลาถ่ายที่ไหนกันเล่า ถึงถ่ายได้ กล้องก็สั่นเหมือนแผ่นดินไหว มองอะไรไม่เห็น ซุปเปอร์สเต็ดดี้ช้อทก็เอาไม่อยู่" นิตินัยอมยิ้ม เปลี่ยนอารมณ์ทันใด จนอธิคมนึกแปลกใจกับแง่มุมของนิตินัยที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นเลย
อธิคมส่ายหน้า ราวกับไม่เชื่อหูที่ตัวเองได้ยินจากปากของนิตินัย "แบ้งค์นะแบ้งค์ สนุกมากนักหรือยังไง ตัวเองเป็นถึงนักร้องดังขนาดนี้ เสี่ยงมากๆ เลยนะ"
"แบ้งค์รู้ แต่แบ้งค์ชอบนี่นา" นิตินัยเบ้ปาก ก่อนทำหน้าออดอ้อน "พี่คม อย่าทิ้งแบ้งค์นะ ถ้าพี่คมไม่รักแบ้งค์ก็อย่าเลิกคบกับแบ้งค์"
"พี่เห็นแบ้งค์เป็นน้องชาย" อธิคมยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นแตะไหล่นิตินัย "เป็นพี่ชายที่อยากเห็นน้องประสบความสำเร็จในชีวิต และมีความสุข แบ้งค์สัญญาได้ไม๊ว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก"
"แบบนี้ แบบไหน ถ่ายคลิปนี้หรือ"
อธิคมพยักหน้า ลดมือลงจากบ่าของนิตินัย เดินไปนั่งที่โซฟาตัวเล็กที่อยู่ใกล้ๆ กับโซฟายาวที่นิตินัยนั่งอยู่
"ซวยจริงๆ พรุ่งนี้มะรืนนี้ข่าวต้องระเบิดแน่ คลิปก็คงต้องว่อนเน็ต ขายหน้าไปทั่วประเทศ แบ้งค์ต้องถูกรุมทึ้งเหมือนซากศพแน่ๆ เลย" นิตินัยกุมขมับ ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"รอดูก่อน แล้วค่อยว่าอีกที ว่าแต่ว่าคลิปมันออกมาเป็นแบบไหนล่ะ เห็นทุกส่วนหรือเปล่า คลิปเดี่ยวหรือคู่ หรือหมู่"
"บ้า...พี่คมนี่..." นิตินัยค้อนขวับ "แบ้งค์ไม่ทำขนาดนั้นหรอก นี่ยังไม่รู้ว่าอันไหนบ้าง ก็มีทั้งเดี่ยวทั้งคู่ เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง" ประโยคหลังนิตินัยพูดอุบอิบ "ถ้าอันที่เป็นเป็นเค้กนี่ไม่เห็นข้างล่าง เห็นแต่ท้องขึ้นมาแล้วมีมือคนยื่นเค้กเข้ามา แต่ถ้าเป็นอันอยู่ในรถ ก็เห็นหน้าเค้าด้วย อันในห้องนอน เห็นหมด"
อธิคมส่ายหน้า "แล้วจะแก้ข่าวยังไงล่ะ ทั้งเมืองก็รู้พอดีว่านักร้องที่เขาหลงไหลเป็นเกย์"
นิตินัยถอนหายใจ "ก็ต้องปากแข็ง ปฏิเสธไปก่อน แบ้งค์จะบอกว่ามือที่ยื่นเข้ามาละเลงเค้กบนหน้าอกเป็นมือผู้หญิง อันนี้บอกว่าไม่ใช่แบ้งค์ไม่ได้เพราะภาพมันชัดมาก แต่ถ้าเป็นอันอื่น แบ้งค์จะยืนกรานว่าไม่ใช่แบ้งค์ หัวเด็ดตีนขาดแบ้งค์ก็จะไม่ยอมรับ" นิตินัยเอนตัวนอน เหม่อมองเพดาน ชายหนุ่มสวมกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวจิ๋ว ขากางเกงรั้งขึ้นมา เผยให้เห็นต้นขาขาวเนียนสะอาด มีรอยแดงๆ พาดอยู่บนต้นขาสามสี่รอย
"รอยอะไรน่ะแบ้งค์" อธิคมเหลือบตามมองแล้วอดถามไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าเป็นรอยอะไร
"ก็รอยคนที่อยู่ในคลิปฝากเอาไว้นะแหล่ะ" นิตินัยตอบเบาๆ ตายังมองเพดานนิ่ง เหมือนกำลังจะปล่อยใจให้ล่องลอย...นึกถึงคนที่ฝากรอยเอาไว้ "แต่ไม่ต้องถามแบ้งค์นะว่าใคร เพราะไม่สำคัญอะไรหรอกว่าเขาเป็นใคร"
อธิคมลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้นิตินัยเพื่อมองหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องเพราะน้ำเสียงนิตินัยที่พูดถึง 'คนที่อยู่ในคลิป' นั้นฟังดูเศร้านัก หากคนที่นอนอยู่บนโซฟาหลับตาลงเสียแล้ว พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า "แล้วเค้าก็คงไม่สนใจว่าแบ้งค์จะเป็นยังไงด้วย"
นายตำรวจหนุ่มยืนมองนิตินัยอยู่ชั่วครู่...แม้มองไม่เห็นแววตาของนักร้องหนุ่มแต่เขาก็รู้สึกได้ว่านิตินัยมีอะไรลึกๆ อยู่ในใจ...ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องเขาเท่านั้นที่เมื่อครู่ที่ชายหนุ่มบอกว่ารักเขา ไม่เคยลืมเขาเลย
อธิคมบอกตัวเองว่ามองไม่ผิด...นิตินัยกำลังมีใครซักคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต...ใครคนนั้นที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของนักร้องหนุ่มมากพอสมควร
"เอาล่ะ พี่จะไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยโทรหาธงรบอีกที ถ้าแบ้งค์หิว รู้สึกว่าจะมีอาหารกล่องในตู้เย็นอยู่ เอาออกมาอุ่นก็กินได้แล้ว"
นิตินัยไม่ตอบ ขยับตัวยุกยิกเปลี่ยนท่าแล้วนอนนิ่งเงียบ อธิคมจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อนเตรียมตัวอาบน้ำ เหลือบตามองนาฬิกาเป็นเวลาห้าโมงเย็น
...เขายังไม่ได้โทรศัพท์ไปหาอนุภาพเลย ตอนเที่ยงวันนี้ที่คุยกัน สุดที่รักของเขาบอกว่างานยุ่งมาก ตอนบ่ายก็จะมีเรื่องต้องสะสางมากมาย ตฤณก็เร่งงานจนหายใจไม่ทัน และตั้งใจว่าจะแวะซื้อหนังสือไอเดียงานโฆษณาที่ห้างเอ็มโพเรี่ยมก่อนกลับบ้าน หากเขาอยากจะทานข้าวด้วยก็ให้แวะไปที่คอนโดตอนทุ่มกว่าๆ...
...แล้วคืนนี้เขาก็จะนอนที่บ้านของอนุภาพ...เชยชมให้สมใจอยาก เมื่อคืนนี้เขายังไม่จุใจ
สองวันที่ผ่านมา อธิคมมัวแต่ตามคดีตำรวจยิงมอเตอร์ไซด์รับจ้าง คดีวุ่นวายขึ้นเมื่อพี่ชายของคนที่ถูกยิงก็ยกพวกมาทำร้ายตำรวจคนนั้นอีกที ที่สำคัญ ภรรยาของตำรวจและลูกชายก็โดนลูกหลง ตอนนี้ลูกชายของตำรวจคนนั้นอยู่ในอาการโคม่า พี่ชายของคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างหายตัวไป ยังตามจับไม่ได้ หนังสือพิมพ์ก็ตีพิมพ์ข่าวกันทุกฉบับ กลายเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เขาจึงต้องเร่งปิดคดีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
อนุภาพจอดรถหน้าคอนโดหรูของพันตำรวจตรีอธิคม ชายหนุ่มยิ้มให้ รปภ. ที่วิ่งตามมาอำนวยความสะดวกในการถอยรถเข้าจอด อนุภาพดึงเบรคมือรถยนต์คันใหม่ของเขาที่เพิ่งจะซื้อมาได้ไม่ถึงเดือน แล้วหันไปคว้าถุงผ้าใส่ของจิปาถะที่อธิคมสั่งให้เขาหามาให้--สบู่ยี่ห้อไอริชสปริงที่ "คนรักสะอาด" เจาะจงว่าต้องเป็นสีเขียวเท่านั้น แปลงสีฟันต้องเป็นยี่ห้อกลิสเตอร์ของแอมเวย์ และถ่านไฟฉายก้อนเล็กสุดเพื่อใส่รีโมททีวี กระดุมเสื้อเครื่องแบบสีกากีที่ถูกเขาดึงขาดเมื่อคืนวันศุกร์ เพราะนายตำรวจหนุ่มมัวแต่อิดออดไม่ยอมถอดเสื้อออกโดยให้เหตุผลว่า "ผมดูเซ็กซี่เวลาใส่เครื่องแบบ" และเขาก็แย้งว่า "เสียเวลา ถอดๆ ให้หมดซะทีเถอะสารวัตร มัวแต่เล่นบทบาทอยู่ได้"
เดี๋ยะมีต่อ แต่ต้องรอหน่อยเพราะเย็นนี้จะไปดูหนังและชอปปิ้งและไปจอง iphone คร้าบ