อรุณสวัสดิ์ครับทุกท่าน
มีคนบอกว่าเวลาผมตอบคอมเมนท์ดูเจ้าชู้ เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์สุภาพบุรุษ ก็เลยจะตอบและโพสแบบหน้าเรียบๆ นิ่งๆ สุขุมนะครับ
วันนี้มาโพสครึ่งแรกของบทที่ 2 ครับผม
ขอบคุณครับที่ติดตามอ่าน
2
กว่าจะเสร็จงานก็เป็นเวลาสองทุ่ม อนุภาพเก็บของเสร็จแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปปิดแอร์ ก้าวเท้าไปที่ประตูในจังหวะเดียวกันที่โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น แม้จะไม่อยากรับแต่ชายหนุ่มก็จำต้องเอื้อมมือไปรับเพราะเป็นสายเรียกจากภายในบริษัท
...ตฤณทำไมยังไม่กลับบ้านอีก...อนุภาพถอนหายใจแล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นมารับสายเสียงเบา...เวลานี้คงมีเพียงตฤณเท่านั้นที่ยังไม่กลับบ้าน หากเขาไม่ทำงานดึกตฤณก็คงเป็นคนเดียวที่ยังอยู่บริษัท
“ทำไมคุณยังไม่กลับบ้าน” ตฤณส่งเสียบเรียบนิ่งมาตามสายโทรศัพท์
“กำลังจะกลับครับ เพิ่งทำงานเสร็จ” อนุภาพตอบแล้วถามกลับด้วยคำถามเดียวกัน
“ผมรองานจาก Calvin Klein ตั้งใจจะรีวิวแล้วส่งให้ทำซีจีทันที เขารออยู่” ตฤณพูดสั้นๆ ตามแบบฉบับ แล้วบอกให้อนุภาพรีบกลับบ้าน “เห็นไม่ค่อยสบาย ดีขึ้นหรือยังครับ”
อนุภาพไม่ตอบทันใด ชายหนุ่มนิ่งชั่วอึดใจแล้วตอบกลับว่าสบายขึ้นมากแล้ว ทั้งๆ ที่เขารู้สึกแย่ลง
...ตฤณก็เหมือนเดิม…เริ่มเรื่องงานแล้วมักจะจบลงด้วยเรื่องส่วนตัว และที่สำคัญรู้ไปเสียทุกอย่าง แม้ตอนเที่ยงเขาเริ่มเจ็บคอและตัวร้อนก็มีคนรายงานตฤณเสียแล้ว
“พรุ่งนี้คุณไม่ต้องมาทำงานก็ได้ งานอะไรที่ค้างผมจะให้คนทำต่อ”
“ไม่เป็นไรครับ นอนพักคืนนี้ก็หาย แต่ถ้าผมไม่ไหวจริงๆ ก็จะหยุดตามที่คุณตฤณสั่ง” อนุภาพตอบเสียงเรียบเช่นเคย
“ผมไม่ได้สั่ง ผมขอ” ตฤณเสียงนุ่มมากกว่าเดิม “ไม่ต้องเร่งงานมากขนาดนั้นก็ได้”
อนุภาพรับคำ ไม่คิดจะเถียงกับตฤณต่อทั้งที่อยากจะพูดว่าเขานั่นเองเป็นคนโยนงานมาให้เขาหลายชิ้นและชอบเร่งเขาอยู่บ่อย ตอนนี้เขาปวดหัวมากและอยากกลับบ้าน
อนุภาพใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้าน ชายหนุ่มอาบน้ำอุ่น ทำกับข้าวง่ายๆ ไว้รออธิคมแล้วมานั่งอ่านหนังสือที่โซฟาแล้วเดินไปนั่งพักที่โซฟา คืนนี้อธิคมขอมานอนที่บ้านเพราะบอกว่าคิดถึงเขาจนแทบจะทนไม่ไหว กว่าสามวันที่นายตำรวจต้องวิ่งสืบสวนคดีฆาตรกรรมจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน สารวัตรมือปราบส่งข้อความสั้นมาตอนเขากำลังจะอาบน้ำว่างานเสร็จแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงบ้าน
ทันทีที่ถึงบ้าน อธิคมก็ตรงเข้ามากอดอนุภาพแล้วจูบให้หายคิดถึง แต่นายตำรวจหนุ่มทำหน้านิ่วเมื่อสัมผัสตัวชายหนุ่มแล้วรู้สึกได้ว่าอนุภาพตัวร้อน
“ไม่สบายแล้วทำไมยังมานั่งคอยผมอีก แล้วนี่ทานยาหรือยัง” อธิคมถาม “ผมว่าไปหาหมอดีกว่า”
“ไม่เป็นหรอกครับ นอนพักก็หาย” อนุภาพปฏิเสธ “สารวัตรไปทานข้าวสิครับ หิวหรือเปล่า”
“หิวมากๆ หิวจนอยากกินคุณนุให้อิ่ม แต่ว่าขอกินข้าวหน่อยก็ดี” อธิคมทำตาวิบวับ “แล้วค่อยมากินคุณนุ”
อนุภาพรุนหลังคนที่กำลังหิวให้เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วบอกให้รีบทานข้าวแล้วรีบไปอาบน้ำ
“คราวนี้ได้กินก่อนอาบ คุณนุนี่ใจดีจริงเชียว” อธิคมชมอีกฝ่ายเพราะทุกครั้งเขาจะถูกสั่งให้อาบน้ำให้เนื้อตัวสะอาดก่อนทุกครั้งเมื่อกลับถึงบ้าน...ก่อนที่จะได้ทานอาหาร...ก่อนที่จะได้ทำอะไรๆ อย่างที่เขาต้องการ
อธิคมรับประทานอาหารเย็นเสร็จ หันไปหาคนที่มักจะนั่งคอยยื่นแก้วน้ำให้เขาก็พบว่าเอนตัวหลับไปเสียแล้ว นายตำรวจหนุ่มเดินไปหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม ยื่นมือไปแตะหน้าผากอนุภาพแล้วต้องรีบปลุกคนรักให้รู้สึกตัว
“ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลยคุณนุ ห้ามดื้อ ตัวร้อนมากเลยรู้ไม๊” อธิคมสั่งด้วยความห่วงใย “อ๊ะ อ๊ะ ไม่ต้องอ้าปากจะเถียง จะให้ผมอุ้มไปหรือไง ลุกขึ้น ผมจะพาไปหาหมอ”
“ไม่ไป” อนุภาพหน้ามุ่ย
“ไปสิ อย่าโยกโย้” อธิคมจับต้นแขนของคนป่วย ดึงให้ลุกขึ้น “ไปหาหมอตอนนี้เดี๋ยวก็หาย ทิ้งไว้นาน อาจได้นอนโรงพยาบาล ถูกหมอฉีดยาไม่รู้ด้วย อีกอย่างผมจะต้องไปราชการต่างจังหวัดอีกหลายวัน คนเป็นห่วงไม่รู้เหรอ”
อธิคมบังคับให้อนุภาพขึ้นรถแล้วพาไปยังโรงพยาบาลสมิติเวชใกล้บ้านจนได้ แต่แม้มาถึงหน้าโรงพยาบาล อนุภาพก็ยังอิดออดไม่ยอมลงจากรถ จนอธิคมต้องหว่านล้อมอยู่เป็นนานสองนาน
“จะให้เอาขนมมาล่อหรือเปล่าคุณนุ ไม่เอาน่า รีบไปหาหมอ จะได้รีบกลับบ้านไปนอนพัก” อธิคมกล่าวเสียงเบา
“นี่ถ้านอนพักอยู่ที่บ้านก็คงหายไปแล้ว มาเสียเวลา” อนุภาพบ่นอุบอิบเพราะไม่ชอบโรงพยาบาลเป็นที่สุด
“หรือกลัวหมอจะฉีดยา”
“เปล่า ผมเพียงแต่รู้สึกว่า...เอ่อ..ดูเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว” อนุภาพพูดได้ไม่เต็มปาก
อธิคมยื่นมือมาแตะหน้าผาก อีกฝ่ายส่ายหน้าหนี แต่นายตำรวจยื่นมืออีกข้างหนึ่งมาจับแก้มเอาไว้ “ตัวร้อนจี๋เลย หน้าก็แดงเป็นมะเขือเทศ อย่ามาอิดออดหน่อยเลย ผมจะไม่อยู่อีกหลายวัน เป็นห่วงนะรู้ไม๊” อธิคมทำเสียงนุ่ม “น่านะคุณนุ ไปหาหมอกันเถอะ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว”
“พิลึก มาเปรียบคนเป็นมะเขือเทศ”
“หรือจะให้เปรียบเป็นลูกตำลึงสุก” อธิคมยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับ “ผมจะเปรียบเป็นมะเขือเทศ เพราะชอบกินมะเขือเทศ คุณนุเป็นมะเขือเทศของผม”
อธิคมเปิดประตูรถ เดินอ้อมไปดึงประตูด้านที่อนุภาพนั่งอยู่เปิดออกกว้าง ยกแขนขึ้นค้ำกรอบประตูรถ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ชายหนุ่มหน้าแดงที่ยังไม่ยอมขยับตัวลงจากรถ “โตขนาดนี้ยังกลัวหมออยู่ได้ มาสิครับ ผมรับรองด้วยเกียรติของนายตำรวจว่าจะไม่ให้หมอฉีดยา” สารวัตรยิ้มให้กำลังใจ
อนุภาพยิ้มตอบที่ได้ยินความหวังดีจากอธิคม แต่ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคถัดมา “เพราะคนที่จะฉีดยาคุณนุได้ มีผมคนเดียว”
“บ้า” อนุภาพทุบคนตัวใหญ่ อีกฝ่ายแกล้งร้องโอ๊ยทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกเจ็บ แล้วหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี
คนไข้มีไม่มาก ไม่ถึงห้านาทีหลังจากลงทะเบียนผู้ป่วย พยาบาลก็เรียกชื่ออนุภาพให้เข้าพบหมอ อธิคมลุกขึ้นเดินตาม จนอีกฝ่ายหันมาทำหน้าเข้ม “ผู้กอง ไม่ต้องตามเข้าไปหรอก นี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“อ้าวผมนึกว่าต้องให้ผู้ปกครองเข้าไปด้วย” อธิคมยักคิ้ว ส่วนอนุภาพกรอกตาอย่างเอือมระอา “ก็กลัวว่าหมอจะฉีดยาแฟนผม”
“สารวัตรอธิคมครับ” อนุภาพเสียงเขียว เริ่มจะมีอาการปวดหัวเพิ่มเข้ามาผสมกับอาการไข้ตัวร้อน..ปวดหัวเพราะอธิคมยั่วเย้ามากเหลือเกิน
อนุภาพถอนหายใจ “รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ว่าแต่อย่าไปหว่านเสน่ห์ให้ใครที่ไหน”
ชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าห้องตรวจ ในจังหวัดเดียวกันที่ประตู้ห้องตรวจเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าขาวสะอาด ดวงตาเรียวเล็ก ส่วนแว่นกรอบทองเดินออกมา
นายแพทย์หนุ่มชะงักชั่วครู่เมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนยืนอยู่หน้าห้อง
“ผู้กองอธิคม” นายแพทย์อุทานเบาๆ ส่วนเจ้าของชื่อก็พึมพำเบาๆ เช่นกัน “หมอยะ”
อนุภาพหันไปมองอธิคมที่ทำท่ารู้จักนายแพทย์ของเขา อีกฝ่ายรีบหลบตาหันไปมองพยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ทั้งสามยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ จนแพทย์หนุ่มพูดขึ้นว่า “เอ่อ หมอขอตัวซักครู่นะครับ ขอโทษด้วย รอหมอซักไม่เกินห้านาที เชิญคนไข้รอในห้อง เดี่ยวหมอจะรีบมา”
หลังจากหมอหนุ่มเดินจากไป อนุภาพหันมาถามอธิคมมที่ยังยืนทำหน้าผะอืดผะอม
“อดีตของผู้กองหรือครับ” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ เหลือบตาไปมองหลังของนายแพทย์อาติยะที่เดินไปกำลังจะพ้นมุมห้อง แว่บหนึ่งเขาเห็นนายแพทย์หน้าอ่อนหันกลับมามองเขาทั้งสอง
“โลกกลมจริงๆ” อธิคมพูดเสียงเบา ยิ้มแหยๆ ให้อนุภาพ
“แล้วผมจะโดนวางยาพิษไหมเนี่ย” อนุภาพกระทบกระเทียบ “อ้อ อีกอย่าง ผู้กองไม่ต้องเป็นห่วงหรอกว่าจะถูกฉีดยา”
“แหมคุณนุ อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมกับหมอนะจบกับไปนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่”
“จำไม่ไหวมากกว่าล่ะมั๊ง...” อนุภาพเหลือบตามองป้ายชื่อนายแพทย์อาติยะ “คนนี้ล่าสุดหรือเปล่า หรือว่าคนแรกๆ ในชีวิตสุขสำราญของผู้กอง
“จำไม่ได้ครับ”
“อ้อ ลืมไป เยอะมากเลยจำไม่ได้ เรียงลำดับไม่ถูก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณนุ คิดว่านานแล้วเลยจำไม่ได้แล้ว ผมไม่ได้รักเขา เลยไม่ได้จำ”
“ได้แล้วทิ้ง คติประจำใจของพรานล่าเหยื่อ คติของคนเจ้าชู้” อนุภาพหรี่ตา มองหน้าจำเลยตัวดีนิ่ง อารมณ์หึงหวงพุ่งขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่นายแพทย์หนุ่มก็ไม่แสดงท่าทีอะไรมากไปกว่าเรียกชื่อของอธิคม
“โธ่ คุณนุ ไปจำคำพูดแบบนี้มาจากไหน” อธิคมพ้อ “ผ่านมาแล้วก็แล้วไป อย่าสนใจเลยน่า...นะ...ตอนนี้ผมก็ได้คุณนุมาตั้งหลายครั้งแล้วก็ยังไม่เห็นทิ้งเลย เห็นไหมล่ะ แสดงว่าผมก็เลิกเจ้าชู้แล้ว”
“บ้า” อนุภาพตาเขียว เลิกคิดจะต่อปากต่อคำกับนายตำรวจหนุ่มผู้ไม่เคยอับจนคำพูด ชายหนุ่มหันหลังรีบเดินเข้าไปรอหมอให้ห้องตรวจ ทิ้งให้อธิคมยืนทำหน้ากรุ้มกริ่มอยู่หน้าห้อง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นจุดสนใจของชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาสีเทาหม่นไม่ไกลจากหน้าห้องตรวจหมายเลขห้าเท่าใดนัก
นายแพทย์อาติยะเป็นชายหนุ่มที่พูดเสียงนุ่มนวล ท่าทางใจเย็นและใจดีสมกับเป็นหมอ แต่อนุภาพสังเกตว่าคุณหมอหน้าอ่อนดูสงสัยเหมือนอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับเขานอกเรื่อง แต่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยเพราะบทบาทหมอกับคนไข้ที่กำลังดำรงอยู่...โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาลชั้นหนึ่งเช่นนี้ อะไรๆ ก็เคร่งครัดและต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
“ดื่มน้ำอุ่นมากๆ นะครับ ยาฆ่าเชื้อก็ต้องทานจนหมดให้ครบโดซ แต่ยาก็แค่รักษาเบื้องต้นเท่านั้น ที่สำคัญคุณอนุภาพต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าหักโหม...งาน...มากเกินไป” นายแพทย์อาติยะแนะนำเสียงเรียบ
“งานเยอะจนพักแทบไม่ได้เลยครับ” อนุภาพยิ้มแหยๆ แรกที่ตอบคำถามหมอที่ว่าทำไมถึงเป็นไข้ได้ เขาตอบว่าพักผ่อนไม่เพียงพอและสงสัยร่างกายอ่อนแอ อาจมีใครที่ทำงานเป็นไข้ เขาจึงติดเชื้อมา
“ถ้าไม่พักบ้าง คงต้องให้พี่ชายบังคับ” อาติยะล้อเล่นยิ้มๆ
...พี่ชาย...หมอคิดว่าอธิคมเป็นพี่ชายเขา...หมอคิดไปเอง หรือแวะคุยกับอธิคมก่อนที่เข้ามาตรวจเขา...แล้วอธิคมอาจจะบอกว่าพาน้องชายมาหาหมอ...หรือหมอจงใจ...จงใจจะพูดสื่อความนัยว่าไม่สนใจหรอกที่อธิคมจะพาแฟนมาหาหมอ...เขาจะคิดว่าอธิคมโสด...ใครจะทำไม...อนุภาพคิดในใจ ขอบคุณนายแพทย์อาติยะ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องตรวจ
นายแพทย์หนุ่มลุกขึ้นเดินตาม เพราะที่จริงแล้วอนุภาพเป็นคนไข้คนสุดท้ายของเขาสำหรับคืนนี้ แต่ใจหนึ่งอยากจะเห็นอธิคมอีกครั้ง ทั้งที่อยากจะคุยด้วย แต่สถานการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะ อธิคมมากับคนที่น่าจะเป็นแฟน...แต่เขาก็สงสัยว่าอธิคมมากับแฟนจริงหรือเปล่า หรือแค่เป็นคนที่คบๆ กัน เพราะตอนที่เขาเดินกลับมาห้องตรวจหลังจากไปห้องน้ำมา นายตำรวจกำลังนั่งคุยอยู่กับนายแบบหนุ่มหน้าตาดีอยู่ข้างนอก เขาจะแวะทักทายก็ดูไม่สะดวก
...อธิคม...ผู้ชายที่ตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาไม่รู้ลืม...แม้จะเลิกกันไปแล้ว และเขาเองก็คบใครต่อใครอีกหลายคน แต่ภาพของนายตำรวจหนุ่มเจ้าเสน่ห์ยังคงฝังอยู่ในใจเขาจนไม่อาจลบไปได้ เขารู้ดีว่าอธิคมเป็นคนเจ้าชู้ ก่อนที่จะคบกับเขาอธิคมก็ผ่านใครต่อใครมาหลายคน กว่าสองเดือนที่คบกัน เขาเผื่อใจไว้ตลอดว่าสักวันหนึ่งอธิคมก็จะโผไปหาคนใหม่ ตอนนั้นเขายอมรับความจริงและหวังในใจลึกๆ ว่าอาจจะมีสักวันที่เขากับอธิคมอาจกลับมาคบกันอีกสักครั้ง แม้อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนเดิม แต่เขาก็ยังอยากจะไขว่คว้าโอกาสนั้น
ผู้ชายหน้านิ่งคนนี้อาจเป็นแฟนใหม่ของอธิคม อีกไม่นานก็คงเลิกคบกันเหมือนกับที่อธิคมเลิกกับเขา...ตอนนี้เขาจะรอก่อนสักระยะ...หากทนไม่ไหวจริงๆ เขาก็จะลองจีบอธิคมอีกสักครั้ง...
เมื่อเปิดประตูออกไป อาติยะเห็นคนไข้ของเขาชะงักชั่วครู่ อธิคมกำลังคุยอยู่กับวิธ นายแบบหนุ่มหน้าตาดี นายตำรวจรีบหันขวับกลับมา และตัดบทการสนทนา แล้วลุกขึ้นเดินลิ่วตรงมา อาติยะสบตานายตำรวจหนุ่มแว่บหนึ่ง แล้วยังยืนอยู่ข้างๆ อนุภาพเยื้องไปทางด้านหลัง
...อาติยะคิดว่าตัวเองเห็นสายตาของนายแบบหนุ่มชื่อดังมองตามอธิคมอย่างอาลัยอาวรณ์ นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจเบาๆ พลางเปรียบเทียบกับตัวเองว่า หากมีใครมองเห็นเขา สายตาของเขาจะฉายแววออกมาแบบเดียวกันกับนายแบบหนุ่มคนนั้นหรือไม่ อาติยะบอกตัวเองว่าเขาต้องควบคุมอารมณ์ ขณะนี้ยังไม่เหมาะ...ต้องรอเวลาอีกซักระยะ...
......
อนุภาพชะงักเพียงอึดใจเมื่อเปิดประตูห้องตรวจออกมาเห็นอธิคมกำลังนั่งคุยกับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่แต่งตัวเนี๊ยบเหมือนกับกระโดดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น เขารู้สึกคุ้นตาว่าเป็นนายแบบคนหนึ่งที่กำลังสร้างชื่อเสียงอยู่ แต่ก็นึกชื่อไม่ออก
นายตำรวจหันขวับมาทางเขาและรีบตัดบทสนทนา อธิคมลุกขึ้นเดินลิ่วตรงมา อนุภาพคิดว่าเขาเห็นอธิคมสบตาหมออาติยะแว่บหนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้าง มองมาทางเขา แต่สายตาเขามองเลยไปยังหนุ่มรูปหล่อที่ยังนั่งอยู่ที่โซฟา สายตาของนายแบบคนนั้นมองตามอธิคมอย่างอาลัยอาวรณ์อย่างชัดเจน และหูของเขาได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของหมออาติยะที่ยืนอยู่ข้างๆ เยื้องไปทางด้านหลัง
...หมออาติยะกับนายแบบรูปหล่อ...สงสัยเป็นอดีตของอธิคม...
...ภายในเวลาสิบห้านาที...เขาเจออดีตของอธิคมถึงสองคน...สองคนพร้อมๆ กัน...อะไรกันนักกันหนา...
“ตกลงไม่โดนฉีดยาใช่ไม๊คุณนุ” อธิคมยิ้มกว้าง แต่อนุภาพไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ
“คราวต่อไปไม่แน่ครับ” นายแพทย์อาติยะยิ้มกว้าง
“ผู้กองคงต้องดูแลน้องชายให้ดี อย่าให้โหมงานหนัก”
“ครับผม” อธิคมเดินเข้ามาชิดอนุภาพ “แต่น้องชายคนนี้ดื้อครับ ไม่ค่อยยอมเชื่อ”
“ผมไม่ใช่น้องชายสารวัตร” อนุภาพแก้สถานภาพของตัวเองให้ถูก
“อ้าว ขอโทษครับ ผมนึกว่าเป็นน้องชายผู้กอง...เอ่อ...สารวัตร” อาติยะทำหน้าแปลกใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง “แต่อาการไม่เป็นอะไรมากครับ แค่เป็นไข้ธรรมดา โชคดีที่คอยังไม่อักเสบ ระหว่างนี้ก็ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ ที่อาการไข้ยังไม่หาย หรือหายช้านี่ก็เป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย ต้องเพลาๆ เรื่องงานลงบ้างครับ”
...ที่พักผ่อนไม่เพียงพอเพราะโดนกวนใจต่างหากเล่า...อนุภาพท้วงอยู่ในใจ ตอนอยู่ในห้องตรวจที่เขาบอกนายแพทย์ว่าทำงานหนักก็เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ถึงไม่ใช่น้องชายผมก็จะดูแลให้ดีเป็นพิเศษครับ” อธิคมยิ้มกว้าง “รับรองได้เลยครับหมอ”
“ดีครับ” นายแพทย์อาติยะพยักหน้า “ถ้าอาการแย่ลงก็โทรหาหมอได้เลยนะครับ” นายแพทย์หนุ่มทิ้งท้ายแลวแยกตัวเดินจากไป
“ถ้าใกล้จะตาย จะให้พี่ชายโทรไปรายงานครับ” อนุภาพประชดเสียงเบา พอให้ได้ยินระหว่างเขากับอธิคมเท่านั้น แล้วจึงก้าวเท้าเดินตรงไปยังประตูทางออก
อธิคมส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินตามจนทันคนขี้งอน “งอนอะไรล่ะ”
“เปล่า” อนุภาพตอบเสียงเรียบ “แล้วขอเบอร์หมอไว้แล้วหรือยังครับ เผื่อผมเป็นอะไรไป ผู้กองจะได้โทรตามหมอมาดูแลถึงที่”
“เอาอีกแล้ว ประชดอีกแล้ว” อธิคมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “หึงเหรอ”
อนุภาพยักไหล่ ทำท่าไม่สนใจ เร่งฝีท้าวเดินตรงไปที่ลิฟท์ ยื่นมือไปกดเรียกลิฟท์แล้วยืนมองมองเครื่องหมายหน้าลิฟท์อยุ่เงียบๆ
“หึงหน่อยน่า” อธิคมเซ้าซี้ ก้มลงให้ใช้ไหล่ซ้ายกระแทกไหล่ของคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
“หึงทำไม น้องชายไปหึงพี่ชายได้ด้วยเหรอ”
“เรื่องนี้เอง แหมขำๆ น่าคุณนุ หมอก็แค่พูดผิด”
“ถ้ามัวแต่หึงผู้กอง คงไมต้องทำอะไรพอดี นี่มาหาหมอไม่ถึงหานาที ต้องหึงคนตั้งสองคน”
“สิบเอ็ดนาทีครับ” อธิคมท้วง
เมื่ออยู่สองต่อสองในลิฟท์ อธิคมยิ่งแสดงความเจ้าชู้มากขึ้น นายตำรวจหนุ่มยื่นมือมาจับมืออนุภาพแน่น แล้วพูดว่า “”วิธเข้ามาทักผมเอง เขามารอแฟนที่ตรวจอยู่อีกห้องหนึ่ง คนทักผมก็ต้องคุยเป็นธรรมดา จะให้ปฏิเสธหรือไง”
อนุภาพนิ่ง ฟังอธิคมอธิบาย ค้านอยู่ในใจว่าเขาเห็นสายตาของนายแบบคนนั้นมองแฟนเขาเหมือนจะอยากกลืนกินเข้าไปทั้งตัว แบบนั้นจะมานั่งรอแฟนได้อย่างไรกัน
“ผมมีคุณนุคนเดียวนะครับ คนอื่นๆ เลิกหมดแล้ว เลิกตั้งแต่เราไปถ่ายโฆษณากันที่กาญจนบุรีโน่นแน่ะ”
“อ๋อ แสดงว่าตอนที่เริ่มจีบผมตั้งแต่ผู้กองชนท้ายรถผม ผู้กองก็ยังมีคนอื่นอยู่ใช่ไม๊”
“ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ ก่อนที่เราเราจะชนกัน ผมก็เลิกๆ ไปแล้ว” อธิคมรีบปฏิเสธ
“ผู้กองชนท้ายรถผม” อนุภาพแก้ให้ถูก
“คร้าบ ท่านผู้กำกับ พูดผิดหน่อยไม่ได้เลยนนะ เรื่องนี้จำไม่ยอมลืมเลยนะจ๊ะ แต่ก็อย่างว่า ลืมไดยังไง เพราะมันทำให้เราได้พบกัน อะไรที่เกี่ยวกับคุณนุนี่ผมจำได้ไม่ลืม” อธิคมพูดเสียงหวาน ส่งสายตาวิบวับมาให้
“จำไม่ลืม...เฮอะ” อนุภาพทำเสียงเยาะๆ “แต่ชอบลืมว่าชนท้ายรถผม” อนุภาพกรอกตา แล้วพูดต่อว่า “ผู้กองชนท้ายรถผม ไม่ใช่รถเราชนกัน ไม่ต้องแกล้งพูดผิด”
“จ้า ท่านอธิบดีกรมตำรวจ” อธิคมทำเสียงล้อเลียน ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มคนที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่ง
“ผู้กอง” อนุภาพดุ
“นิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เลยหรือ แล้วเลิกเรียกผมว่าผู้กองได้แล้ว ผมอุตส่าห์ได้เลื่อนยศเป็นสารวัตร วันนี้เรียกผมว่าผู้กองทั้งวันแล้วนะ โกรธอะไรนักหนานี่” อธิคมทำหน้ามุ่ย...จำได้ไม่ลืมว่าหากอนุภาพไม่พอใจมักจะเรียกเขาว่า “ผู้กอง”
“เขามีทีวีวงจรปิด ทำอะไรรุ่มร่าม” อนุภาพบ่น
“งั้นเรารบไปที่ไม่มีวงจรปิด แล้วเราค่อยรุ่มร่ามกันนะ” สารวัตรหนุ่มยักคิ้ว ทำตาเจ้าชู้
“ผมป่วยและต้องการพักผ่อน หมดก็ยังบอก” ชายหนุ่มเตือนความจำ เน้นเสียงที่คำว่า “หมอ” อย่างชัดเจน
“เขาว่าเซ็กส์เป็นยารักษาชั้นยอด” อธิคมพูดเบาๆ ลอยหน้าลอยตา...มองขึ้นไปที่หมายเลขบอกชั้นเหนือประตูลิฟท์
“เหรอครับ งั้นถ้าผู้กองป่วยบ้าง ผมจะไปตามหมอมารักษาด้วยยาขนานวิเศษ” อนุภาพพูดเสียงเข้มแล้วเดินออกจากลิฟท์ที่ประตูเปิดออกพอดี
อธิคมอมยิ้มที่เห็นแฟนออกอาการหึงหวง “ยาขนานเดียวที่ผมอยากได้คือยาแช่เย็นยี่ห้ออานุภาพเจ้าอิทธิฤทธิ์”
“ผู้กองอธิคม” อนุภาพหันไปพูดเสียงเข้ม...รู้สึกฉุนที่โดนล้อเลียน “หาว่าผมเย็นชาเป็นน้ำแข็ง คืนนี้ไม่ต้องมาใกล้เลยนะ ขอบอก”
“ล้อเล่นน่าที่รัก” อธิคมรีบเร่งเท้าเดินตาม “เป็นน้ำแข็งก็จริง แต่จุดเดือนต่ำมาก กลายเป็นน้ำเดือดทำให้ผมร้อนเหมือนถูกอบซ่าวน่า เหงื่อแตกพลั่กจนแทบจะทนไม่ไหว ต้องระเบิดจน...”
“พันตำรวจตรีอธิคม กรุณาไปสตาร์ทรถเดี๋ยวนี้ จะได้ไปส่งผมที่บ้าน” อนุภาพหยุดยืนข้างรถ เอียงหน้าทำเสียงเข้ม
“ใครบอกว่าจะไปส่งคุณ” อธิคมยังเล่นลิ้น “เรากลับด้วยกันต่างหาก”
“คุณตำรวจ” อนุภาพหรี่ตา เปลี่ยนสรรพนามเพิ่มความเข้มข้นของอารมณ์...อาการไข้ตัวร้อนเริ่มจะหายไป แต่ความอ่อนอกอ่อนใจเข้ามาแทนที่
เสียงรีโมทปลดล๊อครถยนต์ดังขึ้นในที่สุดพร้อมเสียงห้าวๆ ตอบรับว่า “คร้าบ ท่านผู้กำกับ” ตามด้วยเสียงหัวเราะร่าของนายตำรวจจอมกวน
อนุภาพขึ้นนั่งบนรถ เอนตัวลงพิงกับเบาะอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกง่วงนอนเป็นที่สุด ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงเพื่อพักผ่อน เก็บแรงเอาไว้เตรียมตัวไปสู้รบกับการกวนใจของอธิคมต่อที่บ้าน
...อยู่กับอธิคม ไม่เคยได้นั่งอยู่เฉยๆ เกินสิบนาที...ผู้ชายคนนี้มีพลังก่อกวนอย่างล้นเหลือ...ผู้ชายคนที่ทำให้ชีวิตของเขาไม่เงียบเหงา...ผู้ชายที่สร้างสีสันให้กับชีวิต...
อีกสักครู่จะมาต่อช่วงหลังของบทที่ 2 ครับผม