เจ็บก้นไปหมดเลย ขอบคุณทุกท่านสำหรับคะแนน + 1 นะครับ
โพสตอนที่ 43 ให้อ่านครับ แล้วก็บายๆ นะครับ จะเดินทางแล้วตอน 11.30 น. สุขสันต์วันหยุดสุดสัปดาห์ ทำอะไรขอให้ถึงจุดไคลแม็กกันทุกคนนะคร้าบบบ
บทที่ 43
หัวใจของสารวัตรหนุ่มกำลังเอนนอนอยู่บนเก้าอี้บนดาดฟ้าของเรือสีขาวที่ทีมงานบริษัทโฆษณาเช่าตะเวนถ่ายทำโฆษณาตามเกาะสวยงามแห่งต่างๆ ของท้องทะเลกระบี่
เรือลำน้อยกำลังลอยลำอยู่กลางทะเล เมฆขาวสะอาดราวปุยนุ่นล่องลอยบนท้องฟ้าสีครามสดใส ลมทะเลพัดมาเอื่อยๆ ชวนให้นอนพัก
นิตินัยลอยคออยู่ในน้ำทะเลใสราวกระจกจนเห็นฝูงปลาตัวเล็กๆ สีสันสวยงามแหวกว่ายไปมารอบๆ อธิปลอยคออยู่ข้างหลังคอยช่วยพยุงตัวของนักร้องหนุ่มที่ว่ายน้ำไม่เป็น
นักร้องชื่อดังหันมามองอธิปบ่อยครั้ง ชายหนุ่มรูปหล่อคนเดียวของทีมงานที่ว่ายน้ำเก่งที่สุด ดึงดูดความสนใจของเขา ทำให้นักร้องหนุ่มอารมณ์ดีและอดทนลอยคออยู่ในน้ำได้เป็นนานสองนามโดยไม่บ่น
"นี่ถ้าสารวัตรมารับรองแบ๊งค์ยอมลอยอยู่ในน้ำทั้งวัน" พจนีย์กระซิบสมบัติ หัวเราะคิกคัก
"บ้าเหรอ...เดี๋ยวนุมันได้กระโดดลงน้ำไปจับคอแบ๊งค์กดน้ำ" สมบัติผสมโรง ก่อนทั้งสองจะหัวเราะร่าจนผู้กำกับต้องหันหน้ามาปราม ทั้งสองทำเฉไฉมองธรรมชาติรอบตัวแต่ก็ยังกระซิบกระซาบกันต่อ
"ดีจังเลยนะ มีผู้ชายหล่อๆ มาด้วยคนหนึ่ง เอาไว้ล่อนักแสดงให้ความร่วมมือในการถ่ายทำ โชคดีที่อธิปว่ายน้ำแข็ง" พจนีย์ไม่ยอมหยุด
"นุก็หล่อ นั่นก็ว่ายน้ำเป็นปลาเหมือนกัน"
"แต่แบ๊งค์เขาชอบหนุ่มล่ำๆ กล้ามโตๆ หล่อแบบห้าวๆ เถื่อนๆ นะพี่"
"ผู้กองไม่เถื่อนนี่นา อธิปก็ไม่เถื่อน แค่เซอร์ๆ"
"แต่อธิปชายแท้ เข้มได้ใจ แบบนี้ล่ะ แบ๊งค์ชอบ"
พจนีย์ล้อเลียนท่าทางนิตินัย...ประโยคเด็ดของโฆษณาครั้งนี้คือ ‘เป็บซี่...เข้มได้ใจ แบบนี่ล่ะ แบ๊งค์ชอบ’
สมบัติกลั้นหัวเราะจนน้ำตาแทบไหล...เวลาอยู่กับพจนีย์ทั้งสองมีเรื่องคุยกันได้ไม่หยุดหย่อน แต่ครั้งเหลือบตาไปมองอนุภาพที่กำลังนั่งเหม่อลอย สมบัติก็อดสงสารชายหนุ่มรุ่นน้องกับสารวัตรอธิคมไมได้
อนุภาพนั่งนิ่งเงียบมาตั้งแต่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ปรกติเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วยิ่งพูดน้อยมากกว่าเดิม เช้าวันนี้คิดว่าจะสดใสขึ้น กลับเอาแต่นิ่งเงียบ ทำงานเหมือนเครื่องจักร ไร้อารมณ์ สมบัติอยากแอบโทรศัพท์ไปรายงานสารวัตรอธิคม บอกให้รีบมาง้อเสียไวๆ แต่ก็ทำไม่ได้
ผู้กองหนุ่มโทรมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาจำใจต้องปฏิเสธบอกว่าห้ามให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น
"สารวัตรเก่งอยู่แล้ว ก็สืบให้ได้เร็วๆ ว่าเราอยู่ที่ไหน"
"พี่บั๊ด อย่างน้อยบอกจังหวัดหน่อยไม่ได้หรือ"
"ไม่ได้ฮ่ะ สารวัตรอยากให้นุเขามาแหกอกบั๊ดหรือไง"
"เขาไม่รู้หรอกว่าคุณบั๊ดเป็นคนบอก"
"น้อยไปซะแล้ว อนุภาพน่ะรีดความจริงจากคนเก่งจะตาย แล้วคนที่สารวัตรมีเบอร์โทรก็บั๊ดคนเดียว โดนไปเต็มๆ"
อธิคมอ้อนวอนเสียงอ่อนน่าสงสาร เขาบอกว่าสืบได้ก็จริงอยู่ แม้จะสืบง่ายกว่าหาตัวผู้ร้ายคดีฆาตกรรมแต่เขาไม่อยากเสียเวลาไปอีกเป็นวันๆ เขาอยากขึ้นเครื่องบินตรงรี่มาหาในอีกชั่วโมงสองชั่วโมงด้วยซ้ำไป
สมบัติมั่นใจว่านายตำรวจหนุ่มคงสืบหาได้ไม่ช้าก็เร็ว ขอเพียงอย่างเดียว เมื่อมาถึงแล้ว ขอให้ง้ออนุภาพได้สำเร็จ อนุภาพใจแข็งจะตาย ส่วนเขาคงได้แต่เพียงเอาใจช่วย
"นุ...คิดอะไรอยู่" สมบัตินั่งลงข้างๆ ถามอนุภาพด้วยน้ำเสียงห่วงใย
"คิดเกี่ยวกับสารวัตรอธิคม" อนุภาพพูดตรงๆ จนสมบัติไม่คาดคิด
"ดีแล้วล่ะนุ...แต่คิดในเรื่องที่ดีเท่านั้นนะ อะไรที่มันแย่ๆ ก็พยายามตัดมันทิ้งไป นุก็รู้ว่าสารวัตรรักนุ"
"แต่เขาอยู่กับอัสนัย เขากอดแขนกันแน่นเลยนะพี่บั๊ด"
"นั่นก็ใช่...แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขารักอัสนัยนี่ อีกอย่าง ยังไม่ได้ฟังเขาอธิบาย ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย"
อนุภาพถอนหายใจ สองคืนที่ผ่านมา เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดเกี่ยวกับอนาคตของเขากับอธิคม คิดหลายๆ เรื่อง"
"แสดงว่าผมไม่หนักแน่นพอใช่ไม๊พี่บั๊ด" อนุภาพเสียงเบา
"นุก็มีสิทธิ์จะคิดแบบนั้นนะ คนเรามันก็มีอารมณ์น้อยใจหรือเสียใจเป็นธรรมดา จริงอยู่ สถานการณ์มันทำให้ชวนคิด แต่นั่นมันกลางลานจอดรถนะ ไม่ใช่ในห้องนอนสองต่อสอง...นุ...อารมณ์คนเรานี่มันเปราะบาง ของแบบนี้ มันน้อยใจกันได้ แต่เมื่อมีอะไรแบบนี้ขึ้นมา มันต้องหันหน้าเข้าคุยกัน และเชื่อมั่นในตัวของกันและกัน...ถ้า...ถ้าเรารักเขาและเขารักเรา"
"ผมรู้...แต่ว่าผม...ผมควบคุมตัวเองไม่ได้"
"ไม่มีใครควบคุมตัวเองได้ตลอดเวลาหรอกนุ...แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่ง เราก็ควรจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ว่าไม่ให้มันมาอยู่เหนือเหตุผล คนเรารักกันก็ควรจะให้อภัยกันได้ แต่ก่อนอื่น ต้องฟังเขาอธิบายก่อน..."
อนุภาพถอดแว่นกันแดด หันหน้ามองสมบัติ
"พี่บั๊ด ผมต้องเจอแบบนี้อีกเยอะไม๊ ความเจ้าชู้ของสารวัตรกับเด็กๆ ของเขา"
"นั่นมันอดีตของเขานะนุ แล้วเท่าที่เห็น สารวัตรเขาก็เลิกเจ้าชู้แล้ว ไม่งั้นเขาไม่ตามยูมานานหลายเดือนขนาดนี้หรอก คนเจ้าชู้เขาจีบใครแล้วไม่ได้แอ้มภายในอาทิตย์สองอาทิตย์เขาก็ผละจากเราไปจีบคนใหม่เรื่อยไป แต่สารวัตรนะเขาทนมานานขนาดไหนยูก็รู้"
อนุภาพหันหน้าออกไปมองทะเล เอ่ยเสียงเบา "ผมกลัวว่าจะเหมือนที่เคยได้ยิน อดทนเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ พอได้แล้วก็หมดความสนใจ ต้องโผไปหาคนใหม่ต่อ"
"ให้เวลาเขาบ้างสิ แต่พี่ว่าพี่มองสารวัตรไม่ผิดหรอก...จะว่าไปก็น่าสงสารรูปหล่อของพี่...เขาเองก็ต้องคอยสู้กับบรรดาอนุภาพแฟนคลับเหมือนกัน ยูเองก็มีคนมาเกาะแกะใช่ย่อย...อาทิตย์เอย...คุณตฤณ แล้วก็ยัง..."
สมบัติหยุดชั่วครู่ ตัดสินใจว่าจะเอ่ยชื่อต่อไปดีหรือไม่
"แล้วก็ยังธนาภพอีก ลองคิดถึงใจสารวัตรบ้างสิ เขาจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่นุกับภพเคยเป็นอะไรกัน แล้วต้องมาสู้กับคนที่เคยรักกับนุมานานกว่าสิบปี แล้วตอนนี้ก็ไม่ชัดเจนว่าอะไรยังไง"
อนุภาพอึ้ง...สมบัติพูดจริง...ถ้าให้เขาต้องสู้กับคนที่อธิคมรักมากเป็นสิบปีเขาก็คงหนักใจเหมือนกัน
...วินาทีนี้...เขารู้สึกเหมือนถูกสาดน้ำเย็นเฉียบใส่ตัว...สะดุ้งตื่น...จากความคิดคำนึง
"พี่บั๊ด ผมกับธนาภพจบกันไปแล้ว..."
ชายหนุ่มนึกถึงคืนที่เขาหนีไปตั้งหลักแต่กลับต้องไปอยู่ในห้องนอนของโรงแรมของธนาภพที่เติมไปด้วยภาพความหลังสะกิดใจต่างๆ ...คืนนั้นทั้งคืนเขาได้ต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง แล้วได้ตระหนักแล้วว่าคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจเขามากที่สุดตอนนี้คืออธิคม...
"แน่ใจว่าในหัวใจของนุไม่มีภพอีกแล้วเหรอ...มีแต่สารวัตรอธิคมใช่ไม๊..." สมบัติเอื้อมมือไปบีบไหล่อนุภาพ ถ่ายเทกำลังใจให้
ชายหนุ่มไม่ตอบ นั่งนิ่ง ตามองไปยังยอดเขาหินปูนสูงตระหง่านของเกาะเบื้องหน้า
ภูเขารูปทรงแปลกตา หน้าผาสูงชัน...ธนาภพชอบความสูง เขาชอบปีนเขาไปหยุดพักเมื่อใกล้ๆ ถึงยอด แล้วปล่อยตัวให้ห้อยต่องแต่งลอยอยู่ในอากาศ
แล้วอธิคมล่ะ...ภายใบหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าของนัยน์ตาพราวระยับ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาแล้วบรรจงจูบริมฝีปากด้วยความนุ่มนวล อ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นโอบเขาไว้แนบอก จนได้ยินเสียงหายใจของอธิคมเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับเขา
ยามที่อธิคมบอกรัก เขารู้สึกว่าตัวเองลอยล่องเหมือนอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก เท้าเหมือนเหยียบอยู่บนปุยเมฆนุ่ม ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีขาวสว่าง ไร้ซึ่งสรรพสำเนียงใดๆ มีแต่ความเงียบสงบ
บัดนี้ ภาพของธนาภพเป็นเพียงการรับรู้ของการมีอยู่ในความทรงจำ แต่ภาพของอธิคมนั้นเด่นชัด...เหมือนจริงจนแทบจะยื่นมือไปคว้าได้...รอยยิ้มในภาพคิดคำนึงนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
ตอนนี้อนุภาพมั่นใจแล้วว่าเขารักอธิคม...รักเขาเพียงคนเดียว
......
เมื่อเสียงผู้กำกับสั่งคัท การถ่ายทำช่วงแรกก็สิ้นสุดลง ได้เวลาย้ายกองไปยังเกาะปอดะเพื่อถ่ายทำฉากพระอาทิตย์ตกดิน
นิตินัยปีนขึ้นมาจากทะเล ทีมงานสองคนบนเรือช่วยดึงแขน มีอธิปลอยคอทำหน้ามุ่ยอยู่ในน้ำ มือดันบั้นท้ายนักร้องหนุ่มเพื่อช่วยส่งแรง
นิตินัยก้มลงมองข้างล่างแว่บหนึ่งพร้อมยิ้มมุมปาก ภาพดังกล่าวไม่รอดสายตาของสมบัติกับพจนีย์
"พี่บั๊ดว่าอธิปจะรอดคืนนี้ไม๊"
"น่าจะ...อธิปนี่เสือผู้หญิงเลยนะจะบอกให้"
"ว่าได้เหรอ...แต่มายาชายนี่ก็ร้ายไม่แพ้มายาหญิงนะพี่บั๊ด แบงค์อาจจะมอมเหล้าอธิป เอายานอนหลับใส่ให้ดื่ม แล้วก็..." พจนีย์จินตนาการบรรเจิด
"ยัยบ้า คิดอะไรทะลึ่ง อย่างลืมนะว่าหล่อนเป็นผู้หญิง มาจินตนาการว่าผู้ชายข่มขืนผู้ชาย สับสนในในเพศของตัวเองหรือไง" สมบัติเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากพจนีย์อย่างเคยทำ หากอดไม่ได้ที่จะเฉียดไปไกล้ๆ หนุ่มหล่อรุ่นน้องเพื่อยั่วเย้า
"ว่าไงอธิป ได้ใกล้ชิดนักร้องชื่อดัง เขาอิจฉาจนตาถลนกันหมดแล้วนะรู้ไม๊"
"ชิดจนแทบจะแนบเนื้อ" พจนีย์หัวเราะคิกคัก
อธิปทำหน้างอนๆ ยังไม่พูดไม่จา มือถอดตีนกบออกจากเท้า
"อดทนหน่อยน่ะอธิป เพื่องาน เพื่อบริษัท"
อธิปนั่งหน้ามุ่ยอยู่กราบเรือ หอบหายใจอยู่จนเห็นแผ่นอกกว้างกระเพื่อม
"อย่าให้นานนักนะพี่บั๊ด ผมกลัวว่าจะโดนปล้ำซะก่อน"
"เถอะน่า เดี๋ยวจะทูลคุณตฤณให้ขึ้นเงินเดือนให้"
"ถึงงั้นก็เหอะ แต่อย่าให้ถึงกับผมต้องเอาตัวเข้าแลกก็แล้วกัน...กลัวเสียตัวชิบ"
อธิปส่ายหน้า ใจยังนึกหวั่นๆ เมื่อครู่ที่อยู่ในน้ำเขาโดนแต๊ะอั๋งไปหลายครั้ง นิตินัยป่ายมือมาถูกของรักของหวงเขาอยู่บ่อยๆ จนน้องชายเกือบขยับตัวทรยศเจ้าของ หน้ำซ้ำยังกระซิบชวนไปเที่ยวเธคตอนกลางคืน บอกว่าเป็นการเอนเตอร์เทนนักแสดง---บริการเสริมจากทีมงานถ่ายทำโฆษณา
ชายหนุ่มอยากให้ฟ้าส่งใครสักคนมาช่วยหันเหความสนใจของนิตินัยไปจากเขาเหลือเกิน ใครก็ได้ที่หล่อและเท่ ดึงดูดความสนใจมากกว่าเขา นักร้องหนุ่มจะได้ไม่มาเกาะแกะเขาอีก
-----------
อธิคมเดินออกมาจากสนามบิน สูดอากาศบริสุทธิ์ของต่างจังหวัดเข้าไปเต็มปอด แม้อากาศตอนบ่ายแก่ๆ จะค่อนข้างร้อนแต่สายลมเย็นๆ ที่พัดมากระทบหน้าก็ทำให้รู้สึกสดชื่นยิ่งนัก
เขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสืบได้ว่าทีมงานแอ๊คโค่แอดเวอร์ไทซิ่งพักอยู่ที่ไหน คนที่บริษัทของอนุภาพไม่มีใครยอมปริปากสักคน จะถามตฤณก็กลัวเสียเชิง
สารวัตรมือปราบโชคดีนึกได้ว่าพงศทัต 'อดีต' ของเขาคนหนึ่งเป็นนักบินสายการบินไทย เขาจึงโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือทั้งที่ไม่อยากทำ กลัวว่าพงศทัตจะเกิดอยากจริงจังหวนกลับมาชอบเขาเหมือนอัสนัย
พงศทัตช่วยตรวจสอบกับเพื่อนที่ทำงานสายการบินต่างๆ แล้วบอกเขาว่าไม่มีผู้โดยสารชื่ออนุภาพ สมบัติ หรือพจนีย์เดินทาง แต่ทันใดเขาก็นึกได้ว่านิตินัยเป็นนักร้องชื่อดัง ใครๆ ก็ต้องรู้ว่านิตินัยเดินทางไปไหน พงศทัตตอบกลับทันทีว่าเมื่อเย็นวานเครื่องที่เขาขับมีนิตินัยนั่งอยู่บนเครื่อง เดินทางไปกระบี่
ชายหนุ่มโทรศัพท์ไปกระบี่ให้คุณปองศักดิ์ผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมภวันตรารีสอร์ทช่วยค้นหาว่านิตินัยพักอยู่ที่ไหน ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจว่าอนุภาพต้องพักอยู่โรงแรมเดียวกัน คำตอบที่ได้รับทันทีที่ถามคำถามคุณปองศักดิ์ทำให้นายตำรวจหนุ่มยิ้มกว้าง...คาดไม่ถึง...นิตินัยและทีมงานทั้งหมดพักที่ภวันตรารีสอร์ท...ใกล้แค่ปลายจมูก...ภวันตรารีสอร์ท โรงแรมของพ่อเขาเอง...
อธิคมยิ้มให้คนขับรถโรงแรมที่ผู้จัดการใหญ่ส่งมารับเขาที่สนามบิน เขาบอกว่าจะขับเองด้วยรู้ว่าคนขับรถคงตั้งอกตั้งใจขับรถช้าๆ นิ่มนวล และใจเย็นเพราะมีลูกชายเจ้านายใหญ่นั่งอยู่เบาะหลัง แต่เขาใจร้อนจนทนแทบไม่ไหว...
ตลอดทางจากสนามบิน คนขับรถโรงแรมนั่งตัวเกร็งจับที่จับข้างประตูแน่น บางช่วงหลับตาปี๋เพราะความหวาดเสียว ด้วยคนขับรถกิตติมศักดิ์เหยียบคันเร่งทะยานไปเหมือนเหาะ
อธิคมยิ้มบางๆ ...อะไรง่ายกว่าที่คิด...แต่ภารกิจที่ยากกว่ารออยู่...
...ภารกิจพิชิตใจคนใจแข็งที่ขโมยหัวใจเขามาด้วย...
-----------
อธิคมมาถึงโรงแรมเมื่อบ่ายแก่ๆ จอดรถกึกหน้าโรงแรม หันไปขอบใจพนักงานขับรถตัวจริงที่นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม แล้วก้าวเท้าออกวิ่งขึ้นไปบนส่วนต้อนรับแขก คุณปองศักดิ์ยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มบอกว่าให้เก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ
พนักงานต้อนรับสาวสวยแจ้งเขาว่ากลุ่มนักโฆษณาไม่มีใครอยู่ในห้องพักสักคน อธิคมยิ้มขอบคุณทุกคนแล้วรีบเดินผ่านล๊อบบี้ของโรงแรมตรงไปยังสระว่ายน้ำเพื่อตามหาอนุภาพ หรือไม่ก็หนึ่งในทีมงานถ่ายทำโฆษณา พนักงานส่วนต้อนรับมองตามชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชื่นชมลูกชายเจ้าของโรงแรมที่นานๆ จะมาเยี่ยมเยือนสักที
อธิคมรู้แล้วว่าอนุภาพพักอยู่ห้องไหน อย่างไรค่ำๆ ชายหนุ่มก็ต้องกลับห้อง หากเขาเคาะประตูห้องก็จะเจอชายหนุ่ม ถ้าไม่ยอมเปิดประตูเขาก็จะเอากุญแจจากผู้จัดการโรงแรมเปิดเข้าไป ลักพาตัวของคนใจแข็งไปขึ้นเรือสปีดโบ้ทขับออกไปนอกฝั่ง แล้วนำไปกักตัวไว้บนเรือยอชน์ของน้องชายเขาที่จอดอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือกระบี่มารีน่าไม่ไกลจากที่นี่นัก
แต่เขารอไม่ไหวถึงขนาดนั้น...ตอนนี้...เวลานี้...เขาต้องพบอนุภาพให้ได้...
...เขาคิดถึงคนรักเหลือเกิน...
**********
Katawoot/30-07-08