ขอบคุณครับสำหรับคอมเมนท์และแรงเชียร์แรงใจนะครับ รู้สึกว่าคนเชียร์บางคนอาจจะต้องช๊อคผิดหวังอย่างแรง
พอดีวันนี้มามหาลัยเลยได้ใช้เน็ต จึงแอบโพสให้อ่านกันก่อนนอน
นอนหลับฝันดี ฝันถึงคนเขียนบ้างนะครับ (ในฝันนั้น ฉันแก้ผ้าเดินมาหาเธอ เธอเลยตกใจแล้วร้องออกไปว่า...อย่านะ อย่านะ...อย่าเ ปลี่ยนใ จ
(อิ อิ ตลกไหมเนี่ย...ตัวเองพิมพ์ไปก็ตลกไปอยู่คนเดียว)
บทที่ 34
พันตำรวจตรีอธิคมชะลอรถเมื่อใกล้ถึงประตูทางเข้าคอนโดของอนุภาพ เขาคิดถึงชายหนุ่มเหลือเกิน อดใจไม่ได้ ต้องขอแวะเห็นหน้าให้มีกำลังใจสักหน่อย วันนี้เขากะจะหาวิธีขอจูบคนที่ชอบทำหน้านิ่งเรียบสักครั้ง...ทนไม่ไหวแล้ว
ขณะที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจ พลันนายตำรวจหนุ่มต้องเบี่ยงรถออกทางด้านขวาแซงเบ็นซ์สีดำที่จอดอยู่ข้างถนน สายตาเขามองไปโดยอัตโนมัติ เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีนั่งอยู่ในรถ...ธนาภพ!
อธิคมจำได้แม่น แม้พบธนาภพเพียงครั้งเดียวเขาก็จำได้ไม่ลืม
คนที่มาข้องแวะกับอนุภาพ คนที่อาจจะเป็นศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งของเขา...ทำไมจะจำหน้าไม่ได้
นายตำรวจหนุ่มสงสัยว่าธนาภพมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ จอดรถอยู่ข้างรั้วประมาณ 10 เมตรก่อนถึงประตูทางเข้า
'รู้ได้อย่างไรว่าอนุภาพอยู่ที่นี่...หรือว่าสะกดรอยตามมา…ถ้าสะกดรอยตามมาแล้วไปเจออนุภาพที่ไหน'
ในความคิดของอธิคมเต็มไปด้วยความหวาดระแวง...กลัวไปหมดทุกอย่าง...ความหึงหวงเริ่มพุ่ง
หลังจากเลี้ยวเข้าประตู อธิคมจอดรถ โบกมือให้สิงห์ รปภ. ประจำคอนโดที่กำลังเดินตรวจตราดูความเรียบร้อย นายตำรวจหนุ่มเดินย้อนกลับไปที่ประตูรั้วเพื่อดูให้แน่ใจว่าใช่ธนาภพ...หากใช่...เขาจะเดินไป ‘คุย’ ให้รู้เรื่อง
รถเบนซ์คันใหญ่หายไปแล้ว...หันไปทางซ้าย เขาเห็นท้ายรถอยู่ไกลๆ นายตำรวจมือปราบบันทึกหมายเลขทะเบียนรถไว้ในความทรงจำ กรามขบกันแน่น
ท่าทางธนาภพไม่ยอมรามือจากอนุภาพง่ายๆ....
แม้ใจหนึ่งเขาจะเข้าใจธนาภพว่าคนที่เคยรักกันมากว่าสิบปีย่อมมีความห่วงหาอาทรคนรักกันเก่าเป็นธรรมดา แต่ความหึงหวงในใจเขามีมากกว่า...เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นธนาภพมาข้องแวะกับอนุภาพอีก
คืนนั้น...เขามองเห็นใบหน้าเจ็บปวดของธนาภพ...ชายหนุ่มยังมีเยื่อใยกับอนุภาพอยู่...
อธิคมพยายามนึกถึงความรู้สึกของคนที่รักกันมาเกือบสิบปีว่าจะมีความผูกพันกันมากเพียงใด แล้วเปรียบเทียบกับตัวเอง...แม้เขากับอนุภาพจะรักกันมาเพียงไม่กี่เดือน เขายังรู้สึกผูกพันมากขนาดนี้
'รักกันหรือ...เขาต่างหากที่รักอนุภาพ...
อนุภาพรักเขาเหรือเปล่า'...อธิคมเฝ้าแต่ถามตัวเองอยู่ในใจ...
เขาบอกรักอนุภาพแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่เอ่ยปากสักคำ คืนนั้นที่เขาบอกรักแล้วดึงชายหนุ่มเข้ามากอด ซุกไซร้ซอกคอ และหอมแก้ม อนุภาพเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ได้ขัดขืน ซ้ำยังกอดตอบ
อธิคมนึกเข้าข้างตนเองว่า ถ้าอนุภาพไม่รักเขาบ้าง ก็คงไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้น ชายหนุ่มคงยังใจแข็งอยู่ หรืออาจยังสับสน ไม่มั่นใจ
'คุณนุ...แล้วเมื่อไหร่ล่ะคุณจะมั่นใจเสียทีว่ารักผม...ผมใจจะขาดอยู่แล้ว...'
........
อธิคมกดกริ่งหน้าห้อง แล้วยืนรอ เขาไม่แน่ใจว่าอนุภาพอยู่ในห้องหรือไม่ เดิมทีอยากจะโทรศัพท์ถามก่อน แต่เขาเลือกที่จะมาโผล่หน้าให้เห็นที่หน้าประตูห้องเสียเลย...อยากเห็นสีหน้าของชายหนุ่มทันทีที่เห็นว่าเขายืนอยู่ตรงนี้...
...ยังจะทำหน้านิ่งๆ เรียบๆ อยู่อีกหรือเปล่าถ้าเห็นว่าแฟนของตัวมายืนอยู่หน้าห้อง...
อธิคมอมยิ้ม...นึกถึง ‘กำลังใจ’ ที่จะได้รับ
'วันนี้ ยังไงก็ต้องจูบปากให้ได้...ได้จับมือแล้ว...ได้กอดแล้ว...ได้หอมแก้มแล้ว...คราวนี้อะไรๆ ควรคืบหน้าไปบ้าง...อีกไม่นาน...ก็ควรจะถึงขั้น...' นายตำรวจหนุ่มจินตนาการถึงขั้นต่อไป...เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีความสุขเพียงใด ถ้าได้ทำอะไรต่ออะไรกัน...
กดกริ่งอีกครั้ง...อนุภาพยังไม่เปิดประตู...เขานึกเสียดายที่ไม่ได้ถาม รปภ. สิงห์ ก่อนว่าอนุภาพกลับบ้านหรือยัง
อธิคมหันหลัง ตั้งใจจะลงไปข้างล่างเพื่อถามสายสืบคนใหม่...หากอนุภาพไม่อยู่ เขาจะกลับมาพร้อมกับกระดาษโน๊ตเขียนข้อความว่า “คิดถึง” แปะไว้ที่ประตู แต่เสียงเรียกชื่อเขาที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำให้เท้าของเขาชะงัก
อนุภาพแง้มประตูออกมา ผมยังเปียกอยู่ หน้าตาสดชื่น ส่งยิ้มบางๆ
“สารวัตรมีธุระอะไรหรือครับ”
...อนุภาพ...แกล้งเขาหรืออย่างไร...ทำไมจะต้องมีธุระถึงจะมาหาได้...ไม่รู้หรืออย่างไรว่าที่เขามาหาก็เพราะคิดถึง...
“คุณนุ ต้องมีธุระด้วยหรือถึงจะมาหาได้” อธิคมแกล้งทำหน้าน้อยใจ ตาจับจ้องอยู่ทีริมฝีปากอิ่มเต็มแดงระเรื่อของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำตรงหน้า อยากปิดปากช่างประชดนั้นด้วยปากของเขาเหลือเกิน
“อ้าว จะไปรู้หรือครับ”
“ที่ผมมาหาก็เพราะมีเหตุผลอยู่สามข้อ...หนึ่ง ผมหิวข้าว สอง ผมคิดถึงคุณมาก และสาม...ผมอยากจะ...” เขาจงใจทิ้งไว้ให้คิด
“แล้วบ้านสารวัตรไม่มีข้าวกินหรือไง” อนุภาพยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
อธิคมก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆ ชิดประตู จ้องตาอนุภาพนิ่ง
“มี แต่ไม่อร่อย...ขอผมเข้าไปเถอะนะ พอได้ข้าวเย็นกินแล้ว ผมจะรีบไป ไม่รบกวนนานหรอก สงสารคนกำลังหิวเถอะ”
อนุภาพเงียบ ไม่ตอบอะไรสักคำ แต่ดึงประตูให้เปิดกว้างขึ้น ปล่อยให้นายตำรวจผู้หิวโหยเดินเข้ามาในห้อง
อธิคมก้มลงมองชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เสื้อคลุมสีขาวผูกเอวไว้หลวมๆ เผยให้เห็นแผ่นอกขาวสะอาดมีกล้ามเนื้อพองาม...เนียนจนเขาอยากจะผลักอนุภาพชิดผนังห้อง ปลดเสื้อคลุมออก แล้วเชยชมให้สมปรารถนา
“เชิญนั่งก่อนครับ สารวัตรโชคดี ผมเพิ่งทำกับข้าวเสร็จก่อนไปอาบน้ำ รอสักครู่นะ เดี๋ยวเดียวก็ได้ทานแล้ว”
“ว้า...ผมนึกว่าจะได้ช่วยคุณนุทำกับข้าว”
“ขอบคุณที่คิดอยากจะช่วยครับ” ชายหนุ่มพูดเร็วๆ แล้วรีบเดินเข้าห้องไป
อธิคมเดินไปนั่งคอยที่เก้าอี้สตูลข้างโต๊ะทำครัว...เขาออกจะตะขิดตะขวงใจสักหน่อยที่ต้องนั่งจีบอนุภาพบนเก้าอี้ที่อาทิตย์ซื้อให้ชายหนุ่ม...อดไม่ได้ที่จะนึกเห็นภาพใบหน้าของอาทิตย์อยู่บนสตูล...เขาคิดว่าอีกไม่กี่วัน รอให้มีโอกาส จะไปซื้อตัวใหม่มาแทนเก้าอี้ตัวนี้...ทนไม่ได้แล้วที่จะนั่งทับเงาของอาทิตย์
อนุภาพเดินกลับเข้ามาในชุดลำลองอยู่กับบ้าน เสื้อตัวโคร่งสีน้ำตาลซีดอีกแล้ว กางเกงผ้าฝ้ายสีเทาอ่อน ผมปล่อยยุ่ง เหมือนรีบเช็ดศรีษะให้แห้ง ยกมือขึ้นเสย แล้วรีบเดินออกมาจากในห้อง
ดูน่ารักไปอีกแบบ...มองมุมไหน อนุภาพของเขาก็น่ารัก...มิน่า...ธนาภพถึงยังตามมาเกาะแกะ แล้วยังจะใครต่อใครอีกหลายคนก็มารุมรักคนเสน่ห์แรงคนนี้
อธิคมอยากบอกเรื่องที่พบว่าธนาภพแอบมาจอดรถหน้าคอนโด แต่เขาตัดสินใจเก็บไว้เป็นความลับก่อน ด้วยไม่แน่ใจว่าเรื่องนั้นจะมาทำลายบรรยากาศของเย็นนี้หรือไม่
“หอมน่าทานจังเลย” อธิคมทำจมูกสูดดม “ว่าแต่ว่าคุณนุ กินจุขนาดนี้เลยหรือนี่”
“ทำไว้เผื่อพรุ่งนี้ด้วยครับ เก็บเข้าตู้เย็น ได้ทานหลายๆ วัน ขี้เกียจทำอีก”
“งั้น...ผมก็มาเบียดเบียนคุณนุ”
"ไม่เป็นไรครับ สงสารตำรวจผู้หิวโหย ผมแบ่งให้ทานก็ได้"
"ผมกลัวว่าคุณนุ จะไม่มีอะไรกินพรุ่งนี้"
“สารวัตร จะทานก็ทานเถอะ ไม่ต้องลีลามาก” อนุภาพแกล้งทำหน้าเข้ม
“แหม ล้อเล่นหน่อย อย่ารีบฉุนสิครับ”
อธิคมทานจุ อาหารที่อนุภาพทำไว้เผื่อวันหลังด้วยถูกนายตำรวจหนุ่มจอมตะกละกวาดเสียเกือบเรียบ อนุภาพนั่งมองผู้ชายตัวโตอย่างไม่เชื่อสายตา...'อธิคมคงจะหิวจริงๆ'
“สารวัตร...ถ้าต้องทำกับข้าวให้ทานทุกวันนี่ ผมคงต้องล่มจมแน่ๆ เลย”
“ไม่ต้องห่วงน่า ผมหาเงินเลี้ยงคุณนุก็ได้ เงินเดือนทุกบาททุกสตางค์จะให้เก็บไว้หมดเลย เอาไว้ซื้อกับข้าวมาทำให้ผมกินทุกเย็น”
“งั้นผมคงต้องลาออกจากงานละมั๊ง ใครจะมาทำกับข้าวให้ทานได้ทุกเย็น”
“บอกแล้วไง ผมเลี้ยงคุณได้ ถ้าคุณยอม” อธิคมทำตาซึ้ง
อนุภาพเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป เขาคุยกับอธิคมเสมือนว่ากำลังจะใช้ชีวิตร่วมกัน...ชายหนุ่มชะงัก ไม่นึกว่าตัวเองจะเผลอพูดเล่นกับเขาไปเช่นนั้น...
“คุณนุครับ...ผมอยากให้เราได้มีเวลาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมากขึ้น รู้ไม๊ว่าผมมีความสุขมากที่เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ คุณนุรู้สึกอย่างผมไม๊ครับ” เสียงอธิคมจริงจัง
อนุภาพไม่กล้าสบตาคมกริบคู่นั้น ชายหนุ่มหลุบตาลงมองพื้นโต๊ะ เริ่มเอาแต่จะนิ่งเงียบแบบที่เคยทำ
“คุณนุครับ ห้ามเข้าโหมดนิ่งเงียบอัตโนมัตินะ พูดอะไรบ้าง ผมรู้นะว่าคุณจะนิ่งเงียบทันทีถ้าผมเริ่มที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ของเรา...คุณนุ คิดยังไง พูดออกมาบ้างสิครับ อย่าปล่อยให้ผมพร่ำอยู่คนเดียว”
คนรู้ทันรีบดักทาง...แต่ไม่ได้ผล...อนุภาพยังนิ่งอยู่
“ผมรักคุณนะ ผมอยากใช้ชีวิตร่วมกัน อยากให้คุณนุมั่นใจในตัวผม ผมสัญญาว่าจะเป็นคนดีของคุณนุตลอดไป” อธิคมดึงอนุภาพเข้ามาใกล้ โอบเอวเอาไว้หลวมๆ
“ทานกาแฟไม๊ครับ ผมซื้อกาแฟมาแล้ว”
“คุณนุก็รู้ว่าผมรู้สึกกับคุณยังไง...เมื่อไหร่จะมั่นใจในตัวผมเสียที”
“หรือว่าจะดื่มน้ำส้มเหมือนเคย”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ถ้าจะเฉไฉแบบนี้ ไม่ต้องพูดอะไรเสียดีกว่า”
“ก็คนเป็นห่วง กลัวข้าวจะติดคอ”
“รักต่างหากที่มันกำลังติดคอผมอยู่ จนหายใจไม่ออก แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว”
สายตาของอนุภาพจับอยู่ที่แผ่นอกหนากว้างของนายตำรวจหนุ่ม
อธิคมหายใจแรง แผ่นอกแกร่งกำยำขยับขึ้นลงเพราะจังหวะหัวใจที่เต้นแรงขึ้น...ความอดทนเขาเริ่มจะถึงขีดสุดแล้ว
“คุณนุครับ ยังไม่บอกรักผมตอนนี้ก็ได้ แต่ขอให้ผมได้กำลังใจจากคุณนุบ้าง ให้ผมได้รู้สึกเพียงสักนิดก็ยังดี จะได้รู้ว่าคุณนุไม่ได้รังเกียจผม...”
อธิคมยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“คุณนุครับ มองตาผมสิครับ แล้วจะเห็นว่าผมจริงใจแค่ไหน”
อนุภาพเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองตาสารวัตรหนุ่มที่กำลังบ่งบอกความในใจ ขณะนี้ในแววตาไม่มีความขี้เล่น เจ้าเล่ห์ ยียวนกวนอารมณ์อย่างที่เคยเป็น หากเต็มไปด้วยความจริงจัง มั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม
“สารวัตรครับ...ผมขอให้สิ่งที่สารวัตรพูดออกมาเป็นการกระทำด้วยได้ไม๊”
“ได้สิครับ”
“แต่ผมขอเวลาอีกซักนิด...ขอเวลาให้ผมได้ไตร่ตรองเสียก่อน...สารวัตรคงเข้าใจ”
“ผมเข้าใจ...แต่คุณนุอย่าลืมนะ...ผมต้องการเป็นปัจจุบันและเป็นอนาคตของคุณนุ และที่สำคัญ...ผมรักคุณ...รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน”
อนุภาพซบหน้าลงกับอกของนายตำรวจหนุ่ม สัมผัสถึงความแข็งแรง อบอุ่น...เสียงหัวใจเต้นแรง อ้อมแขนกอดกระชับแน่นเข้า ความร้อนตรงหน้าขาที่แนบชิดกันเริ่มแผ่ซ่าน เขารู้ว่าอธิคมพยายามที่จะควบคุมตัวเองเป็นอย่างมาก แต่แก่นกายร้อนผะผ่าวของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อยู่นอกเหนือการควบคุม เขารู้สึกถึงความพยศของส่วนนั้น ขยับไปมาประหนึ่งว่ามันมีชีวิตของมันเอง...
อธิคมรัดตัวเขาแน่นขึ้น เริ่มขยับย่อตัวลง...ใบหน้าก้มลงซุกไซร้ซอกคอของเขา พยายามที่จะเลื่อนมาด้านหน้า จมูกโด่งคมบดเบียดกับใบหูเขาจนร้อนผ่าว ริมฝีปากของนายตำรวจหนุ่มเผยอ ก่อนจะทาบทับลงบนแก้มซ้าย แล้วย้ายมาจนถึงมุมปาก ลมหายใจอุ่นๆ ของอธิคมกระทบผิวหน้าของเขาทำให้รู้สึกราวกับเป็นขี้ผึ้งกำลังถูกไฟลน
อนุภาพใจเต้นแรง หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้ เขาแหงนหน้า ปากเผยออ้าเพื่อจะสูดอากาศเข้าไปต่ออายุลมหายใจที่กำลังจะขาดห้วง....ความร้อนในช่องท้องเหมือนลาวากำลังจะพุ่งขึ้นมาถึงกลางอก ลำคอที่ถูกริมฝีปากร้อนผ่าวของอธิคมกำลังบดเบียดอยู่เหมือนถูกนาบด้วยเหล็กเผาไฟ
'ใจจะขาดแล้ว...ไม่ไหวแล้ว...หากอธิคมไม่หยุดตอนนี้ เขาก็คงจะหลอมละลายลงกองบนพื้นในวินาทีนี้นี่เอง...'
“สารวัตร...”
“คุณนุ...”
สองเสียงครางประสานกัน...แผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน...ดังเสียงคลื่นในทะเลยามสงบนิ่งที่ค่อยๆ เคลื่อนกายประทับจูบหาดทรายขาวสะอาด แล้วคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง...ครั้งแล้ว ครั้งเล่า...เนิ่นนาน
-----
ธนาภพเหม่อมองไฟระยิบระยับซึ่งตกแต่งอยู่บนต้นไม้ที่ยืนต้นสล้างเป็นทิวแถวสองข้างทาง เขาพาตัวเองมาไกลจนไม่รู้ว่าถนนสายนี้อยู่ส่วนใดของกรุงเทพฯ ---เมืองกรุงที่เขาไม่เคยคิดจะมาอยู่ เมืองที่เขาตัดสินใจวันนั้นว่าจะกลับมา...เพียงเพราะข้อเสนอของบิดาให้มารับตำแหน่งสำคัญในบริษัท...เพียงเพราะเขาต้องการสร้างเนื้อสร้างตัวให้มั่นคง...เพียงเพราะเขาจะมีโอกาสทำฝันให้เป็นจริง...ฝันนั้นที่ขัดแย้งกับอนุภาพ...รักแรกของเขาตั้งแต่แรกหนุ่ม...รักเดียวของเขา...
...รักเดียวที่เขาได้เสียไป
เขายังจำคืนนั้นได้...ไฟระยิบระยับประดับต้นสนคริสต์มาสทั่วเมือง...เขาวิ่งตะเวนหาอนุภาพราวคนเสียสติ...หิมะโปรยปราย เนื้อตัวสั่นสะท้าน...ไม่ใช่เพราะความหนาว...แต่เป็นเพราะสภาพที่จำต้องจำนนต่อการรับรู้ว่าได้สูญเสียคนที่เขารักที่สุด...เขาเคาะประตูห้องของเพื่อนๆ คนแล้วคนเล่าเพื่อถามหาอนุภาพ...ทุกคนส่ายหน้า...
อนุภาพจากเขาไป ทิ้งสิ่งของทุกอย่างที่เคยมีความทรงจำร่วมกันไว้ในห้องพัก...เก็บไปเฉพาะเสื้อผ้าตัวโปรด...
กว่าสองปีหลังจากคืนนั้น เขาทำงานอย่างหนักพร้อมกับการตามหาอนุภาพ...แม้ว่าจะพยายามสอบถามจากเพื่อนๆ หากไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ให้คำตอบได้...เพื่อนรักของอนุภาพคงเกลียดเขาจึงอาจพร้อมใจกันปิดบัง...เขาจมอยู่กับความเสียใจจนแทบตั้งตัวไม่ติด กว่าจะยืนหยัดขึ้นมาได้ก็แทบแย่
ตอนนี้เขาพบอนุภาพแล้ว พบอย่างไม่คาดฝัน แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย...อนุภาพแทบไม่เหลือเยื่อใยให้เขา
บทเรียนนี้ช่างราคาแพงมากนัก...แลกกับหัวใจของเขาทั้งดวง...แลกกับความรักเขาทั้งหมด...
-------
อธิคมอิดออดไม่ยอมกลับบ้าน อนุภาพต้องเอามือดันหน้าอกแกร่งของนายตำรวจหนุ่มให้ถอยออกไปให้พ้นประตู พร้อมกับขู่ว่าจะไม่ให้มาหาอีกแล้วหากยังดื้อดึงอยู่
“ผมจะคอยอยู่เป็นยามเฝ้าคุณนุ กลัวว่าจะมีพวกไม่กลัวบาปมาเกาะแกะแฟนชาวบ้านเค้า”
“สารวัตรอย่ามาพูดเป็นลิเกนะ ไม่ชอบ”
“งั้นชอบให้ผมพูดจริงจังใช่ไม๊ครับ” อธิคมเปลี่ยนสีหน้ากรุ้มกริ่มเป็นจริงจังภายในครึ่งวินาที
“ไม่ต้องจริงจังมากก็ได้ เอาแค่จริงใจธรรมดาก็พอ”
“ทำไมเหรอ กลัวผมจริงจังแล้วก็โดนผม...”
“หยุดพูดนะ แล้วก็หันหลังกลับเดินไปเดี๋ยวนี้”
“ครับๆ ท่านผู้กำกับ” อธิคมยิ้มพราว ทำปากส่งจูบให้อนุภาพ แล้วถอยให้พ้นจากประตูไปยืนยิ้มมองเจ้าของห้องที่ก้มหน้าปิดประตูช้าๆ
นายตำรวจหนุ่มยืมมองอย่างอาลัยอาวรณ์...วันนี้ได้กำลังใจมากเกินคาด...เขากะว่าจะขอ ‘กำลังใจ’ นิดๆ หน่อยๆ จากอนุภาพ แต่สิ่งที่ได้รับทำให้หัวใจเขาพองโตจนแทบจะดันอกให้ระเบิดออกมา
นี่หากเขาไม่ได้ยกน้ำหนักเกือบทุกวันจนแผงอกอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง ป่านนี้หัวใจคงหลุดออกมากองอยู่บนพื้นไปนานแล้ว...
สารวัตรมือปราบเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปตามทางเดิน สลับกับหันหลังไปมองประตูห้องของคนที่เขารัก ระยะทางถึงลิฟท์ใกล้เกินไป จนเขาอยากเดินย้อนกลับไปกลับมาสักร้อยรอบ เพื่อชื่มชมกับความรู้สึกอิ่มเอมเช่นนี้...
...คราวนี้มีกำลังใจมากกว่าเดิมที่จะสู้รบปรบมือกับบรรดาเสือหิวที่จ้องจะเข้ามาเขมือบกวางน้อยของเขา...ใครหน้าไหนแหยมเข้ามาเขาจะตีให้กระเจิง...
ตี๋น้อยอาทิตย์ท่าทางจะไม่ยากแล้ว...เพราะมีพรานล่าเนื้ออย่างธงรบเป็นตัวช่วย...ตฤณก็มีตำแหน่งเจ้านายกับลูกน้องค้ำคอ...คนที่น่าจับตามองคือธนาภพ...ถ้าตามมาถึงที่ขนาดนี้ก็ดูท่าทางจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว...
...อ้อ...ธนาวุฒิล่ะ...รอก่อน...ธนาวุฒิคงไม่ยุ่งกับอนุภาพตราบใดที่รู้ว่าเป็นแฟนเพื่อน...ธนาวุฒิเป็นสุภาพบุรุษพอ...
อธิคมได้แต่หวังว่าธนาวุฒิอย่าเข้ามาร่วมวงด้วยเลย...แค่นี้เขาก็จะเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว...
นายตำรวจหนุ่มมัวแต่นึกถึง “ศึกนอก” อยู่ หากเขาลืมว่า “ศึกใน” เองก็ยังมี
ผู้กองหนุ่มยังไม่ได้ตระหนักว่าบทเรียนเรื่องต่างๆ ย่อมมีราคาค่างวด---การเคยเป็นคนเจ้าชู้นั้นมีราคาแพงมากนัก...
**********************
ผู้เขียนเชียร์ธงรบครับ