ตอนที่ 21 : เด็กบ้ากับลุง
-ธาม- “หล่อๆ อย่างพี่ธามอย่าเป็นมารเลยครับ”
“นายพูดอะไร” ผมหันไปมองร่างผอมที่ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวติดกัน ใบหน้าที่มองผมติดรอยยิ้มกวน
“ผมพูดว่า..” คนพูดเน้นทีละคำเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ “หน้าตาพี่ธามออกจะหล่อไม่เหมาะกับเป็นมารหรอกครับ”
“มาร!” ผมตาลุกโพลงกับคำเรียกของอีกฝ่าย
“ใช่ครับ มารคอหอยไง” เจ้าตัวดีเห็นสีหน้าผมแล้วยังทำไม่รู้ไม่ชี้พูดต่อจนครบคำ
“นะโม!” ผมลงเสียงหนักเพื่อปรามอีกฝ่าย
“เสียดายหน้าตาน่าลุง มันจะได้เพอร์เฟ็คครบจบในคนเดียวทั้งนิสัยและหน้าตา คู่นั้นเขารักกันจะไปขวางเขาทำไม” นะโมพยักพเยิดไปทางสระน้ำ
ผมถอนใจยาว ไม่อยากเถียงกับเด็กแต่ถ้าไม่อธิบายก็จะกลายเป็นมารโดยไม่รู้ตัว
“เพราะนายคิดแบบเด็กถึงไม่เข้าใจโลกความเป็นจริง” ผมเตือนสตินะโมแต่อีกฝ่ายกลับยกยิ้มขำผม
“ใครไม่เข้าใจกันแน่ครับ พี่ธามเห็นอะไรตรงนั้น” นะโมมองตรงไปข้างหน้า “ผมเห็นเพื่อนผมหัวเราะ ผมเห็นน้องชายของพี่ธามสีหน้าผ่อนคลายไม่ตึงเหมือนเดิม ผมเห็นแต่ความสุขแล้วพี่ธามเห็นอะไรครับ ข้างหน้าเรานี่สิครับถึงเรียกว่าความจริง”
“ฉันไม่คิดว่านายจะเข้าใจ โลกของความจริงมันไม่ใช่ตรงนี้ มันคือที่ๆ นายต้องออกไปใช้ชีวิตจริงในสังคม เจอผู้คนที่ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนที่คอยซัพพอร์ตนาย ไม่ใช่ทุกคนที่ดีใจเวลาเห็นนายมีความสุข”
นะโมมองหน้าผมนิ่ง ผมเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดหรือไม่
“ต่อไปโชต้องขึ้นเป็นผู้บริหาร ไม่ใช่ทุกคนบนโลกนี้ที่ยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า คนที่โชต้องทำงานด้วย คนที่เป็นลูกค้า คนที่โชต้องการการยอมรับเพื่อจะยืนได้อย่างมั่นคง”
“ความมั่นคงในชีวิตมันมีราคาแพงเท่ากับความสุขเลยเหรอครับ”
ผมคิดว่านะโมตั้งใจพูดกวนประสาทผม แต่เมื่อหันไปมอง สายตาอีกฝ่ายจับจ้องไปที่น้องชายของผม ดวงตามีร่องรอยเห็นใจและมันดูเศร้านิดๆ
“คนบนโลกนี้มีเป็นล้าน ทำไมถึงคิดว่าจะไม่มีคนที่เหมาะสมและทำให้เรามีความสุขได้ไปพร้อมกัน”
“แล้วพี่ธามเจอหรือยังครับ”
นะโมหันมามองหน้าผม คำถามง่ายๆ แต่ผมกลับรู้สึกสะอึกขึ้นมา
“ลุงยังไม่มีผมจำได้”
“ใครเป็นลุงนาย”
“อ้าว! ผมหลุดปากเรียกเหรอ สงสัยชินเรียกลับหลังบ่อย”
“อะไรนะ!” ผมมองรอยยิ้มกวนๆ ของนะโม เจ้าเด็กบ้ายักคิ้วให้ผมหนึ่งที
“หรือลุงไม่ยอมรับว่าลุงแก่กว่าผม”
“พี่แก่กว่าเราข้อนี้ไม่เถียง”
“หลายปีด้วย”
ผมถอนใจยาว เถียงกับเด็กนี้คงเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ “เอาเถอะ เราจะเรียกอะไรก็ตามใจ”
“เห็นมะลุงใจดีออก เอาน่าลุงเห็นแก่รอยยิ้มของพี่โชยอมปล่อยสักเรื่องเถอะ อานิสงส์อาจทำให้ลุงเจอคนที่ทำให้ลุงยิ้มได้ก็ได้นะ”
“ถามพี่ก่อนไหมว่าอยากเจอหรือเปล่า” นะโมหันมามองผมด้วยดวงตาทะเล้น
“อย่าเล่นตัวนักเลยลุง แก่แล้ว”
“เจ้าเด็กนี่!”
นะโมเผ่นพรวดเดียวไปยืนข้างสระน้ำ หัวเราะเสียงดัง ปล่อยผมไว้กับอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง อยู่กับเด็กบ้ามากๆ เส้นเลือดในสมองของผมคงแตกเข้าสักวัน
ผมละสายตาจากเจ้าเด็กแสบไปมองโช สิ่งที่นะโมสะกิดยิ่งทำให้ผมคิดหนักขึ้น สองวันที่ผ่านมาผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโช ต้องยอมรับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่ปัญหามากมายจะตามมาเช่นกัน คุณปู่จะเป็นอย่างไรถ้ารู้ว่านี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องหลอกอย่างที่อานรีให้ความหวังไว้ ถึงปู่จะเลี้ยงผมมากกว่าหลานคนไหนแต่ผมรู้ดีว่าปู่รักโชมากที่สุด มันอาจมาจากความสงสารและรู้สึกผิดต่อคุณลุงของผม ยิ่งคุณลุงเสียตั้งแต่โชยังเล็ก ก็ดูเหมือนความรักความอาวรณ์ทั้งหมดของปู่จะตกไปอยู่กับโช คุณปู่จึงไม่เคยคิดจะปล่อยมือ ปู่รักด้วยวิธีของปู่ พยายามดึงตัวหลานกลับมาให้ได้ แต่ยิ่งดึงโชก็ยิ่งห่าง สุดท้ายกลายเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่ แยกปู่และหลานออกจากกัน
ผมเคยเห็นด้วยกับปู่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดว่าหรือปู่ควรปล่อยโชไปตามวิถีทางของตัวเอง การดึงโชกลับเข้ามาในตระกูล การวางตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตไว้ให้พร้อมข้อจำกัดมากมาย อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับอีกฝ่ายอย่างที่ปู่คิด
“ลุง”
ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อร่างผอมเดินเข้ามาหยุดยืนค้ำหัว ไม่มีใครบอกหรือไงว่าไม่สมควร
“พี่เดียวให้มาชวนลุงเล่นน้ำ”
ผมมองไปที่สระเดียวยิ้มกว้างรออยู่แล้ว ยกมือขึ้นป้องปากตะโกน “พี่ธามลงไหมครับแก้เบื่อ”
“เขาจะเล่นเกมกัน” นะโมช่วยขยายความ
“ไม่ล่ะ”
“ไปเถอะน่าลุง อย่านั่งแก่อยู่คนเดียวเลย”
“นะโม!”
“ฮ่าๆ ถ้าไม่แก่ก็ลุกสิลุง”
“ไม่ พี่ไม่อยากโดนเด็กนิสัยไม่ดีบางคนจับหัวกดน้ำ” ผมสบตากับนะโม ดวงตาของอีกฝ่ายค่อยๆ กระจ่างขึ้นจนกลายเป็นประกายขำ
“ลุงรู้ด้วย เก่งแฮะ” นอกจากไม่สลดแล้วเด็กบ้ายังยอมรับหน้าตาเฉย “เอาน่าลุงถือว่าหายกัน คราวนี้เล่นดีๆ แล้ว”
“หายกันกับอะไร” ผมข้องใจคำพูดของอีกฝ่าย
นะโมทำหน้าครุ่นคิด “ผมจำไม่ได้แล้วอ่ะ คงอะไรสักเรื่องแหละ ลุงชอบทำหน้าดูถูกพวกผมบ่อยๆ”
“พี่ไม่เคยดูถูก”
“จริงอ่ะ ผมรู้สึกตลอดเลยว่าลุงดูถูกพวกผม วันหลังลุงต้องลองส่องกระจกเวลาพูดกับพวกผม จะได้รู้ว่าจริงหรือเปล่า”
นะโมสบตาผมโดยไม่หลบ ในดวงตาคู่นั้นไม่มีการกล่าวโทษ มีเพียงความขำกับสิ่งที่กำลังพูดถึง
“ขอโทษ”
“หะ!” ตาของนะโมเบิกกว้างขึ้น “ลุงว่าอะไรนะ”
“ได้ยินแล้วทำไมต้องถามซ้ำ”
“ผมไม่ได้ยิน แค่แว่วๆ งึมๆ งำๆ ลุงพูดอีกทีสิ”
“ไม่สำเร็จหรอก”
“โห คำขอโทษลุงท่าทางจะแพงกว่าทอง พูดยากพูดเย็น”
“ก็ได้ยินแล้วนี่”
นะโมชะงักกึก ส่งยิ้มทะเล้น “พลาดจนได้ ไม่เป็นไรได้ยินครั้งเดียวก็ยังดี เดี๋ยวผมจะอัปสเตตัสให้โลกรู้ว่าลุงขอโทษผม นี่วันวาระแห่งชาติเลยนะ”
“เกินไป”
นะโมหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจของผม
“ไปเร็วลุง”
ผมมองรอยยิ้มกว้างของนะโม มีบางอย่างบนใบหน้านั้นทำให้ผมปฏิเสธไม่ลง จึงยอมลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อฮาวายสีน้ำเงินเข้มที่สวมอยู่ออก เหลือเพียงกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ เดินตามอีกฝ่ายไปที่สระ
“แต่คราวนี้พี่ไม่ให้เราขี่คอแน่” ผมพูดระหว่างเดิน นะโมยิ้มกว้างกว่าเดิมดูชอบใจคำพูดของผม และนั่นทำให้ผมเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว เจ้าเด็กนี่ในหัวเคยมีเรื่องซีเรียสกับเขาบ้างไหม ผมอยากรู้จริงๆ
• • • • • • • •
“ทำอะไร”
นะโมหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ พอเห็นว่าเป็นใครจึงถอนใจโล่งอก “ตกใจหมดลุง”
“ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น” นะโมยืนอยู่หน้าห้องของโชและลี ก่อนผมจะทักเห็นอีกฝ่ายยืนกระสับกระส่ายไปมา
“เบาๆ ” นะโมยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก เดินเข้ามาหาผม “ผมกำลังลังเลว่าจะเคาะเรียกดีไหม นี่มันจะตีหนึ่งแล้ว”
“แล้วเราจะเคาะทำไม”
“ผม..” สีหน้าของนะโมเปลี่ยนเป็นเก้อกระดาก เจ้าตัวยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “ผมเผลอล็อคห้องแต่ไม่ได้เอากุญแจออกมา เลยว่าจะไปขอนอนกับลี”
“จะล็อคห้องทำไม”
ผมไม่ได้ตั้งใจมันชินมือ หิวน้ำเลยลงไปข้างล่างขึ้นมาห้องก็ล็อคไปแล้ว”
“ไปขอกุญแจที่แม่บ้าน”
“ผมไปเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบ สงสัยจะหลับลึก”
ผมถอนใจออกมาเสียงดัง ให้ตายเถอะ!
“ลุง” สายตาที่มองมาเป็นประกาย ผมมองด้วยความไม่ไว้ใจ “ไหนๆ ก็เคยนอนแล้วขอนอนอีกสักคืนได้เปล่า”
นั่นไง! ไม่ผิดจากที่ผมคิดสักนิด
“นะลุงนะ ถือว่าช่วยลูกนกลูกกาตาดำๆ ผมก็เคยช่วยลุงไว้จำได้ไหม” ลูกนกลูกกาทวงบุญคุญขึ้นมาทันที
“นายช่วยเพราะจะเอาตั๋วหนังสิบใบ”
นะโมยิ้มแห้งเมื่อโดนเท้าความหลัง ถามผมเสียงอ่อย “ลุงไม่ให้นอนเหรอ”
ผมมองหน้าจ๋อยๆ ของอีกฝ่าย ไม่ตอบแต่ออกเดินต่อ ไปยังห้องของตัวเอง
“จะนอนไม่ใช่เหรอ” ผมหันกลับไปถามเมื่ออีกคนยังยืนนิ่ง สีหน้าสลดร่าเริงขึ้นมาทันที ผมต้องซ่อนยิ้มเพราะมองยังไงก็เหมือนลูกหมากำลังดีใจ ส่ายหัวส่ายหางดุ๊กดิ๊กเดินเข้ามาหา
นะโมเดินตามผมเข้ามาในห้อง เจ้าตัวมองไปรอบๆ ก่อนชี้มือไปที่โซฟา
“ถ้าลุงรังเกียจไม่อยากนอนร่วมเตียง ผมนอนตรงนี้ก็ได้”
“ใครรังเกียจนาย” ถึงผมเคยไม่ชอบหน้านะโมแต่มั่นใจว่าไม่เคยรังเกียจอีกฝ่าย
“ก็วันที่ผมเมาเข้าห้องผิดลุงมานอนตรงนี้” หลังจากคืนนั้นนะโมมาขอบคุณผม แต่เราไม่เคยคุยรายละเอียดกัน
“นี่คิดว่าพี่นอนเพราะรังเกียจเราเหรอ” ผมจ้องหน้านะโม
“อ้าว! ถ้าไม่ใช่แล้วลุงมานอนตรงนี้ทำไม” สีหน้าของนะโมบอกว่าเจ้าตัวงงจริงๆ สรุปคือไม่รู้เลยใช่ไหมว่าทำอะไรลงไป ผมถอนใจยาว
“นายนอนกางเต็มเตียง แขนขาฟาดพี่เกือบทั้งคืนใครจะไปนอนไหว”
เจ้าเด็กแสบมองผมตาโต “จริงเหรอลุง”
“ทำไมพี่ต้องโกหกเรา ปลุกไม่ตื่น ผลักไปแล้วก็กลับมา ใครนอนต่อได้ก็เก่งแล้ว”
“ผมขอโทษ” นะโมยกมือขึ้นไหว้ “ปกติผมนอนไม่ดิ้นนะ แต่สงสัยเมาหนักไปหน่อยเลยควบคุมร่างกายไม่ได้ แต่วันนี้ไม่มีแน่นอนลุง สบายใจได้”
“แน่ใจ?”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์” นะโมพูดเสียงดัง ทำสีหน้าประจบประแจงผม “งั้นผมนอนบนเตียงด้วยนะ”
ยอมให้เข้ามาในห้องด้วยแบบนี้ผมจะมีทางเลือกเหรอ สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้า
“แล้วลุงทำไมนอนดึกจัง เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน” นะโมมองเสื้อผ้าที่ผมสวมอยู่
“พี่นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานข้างล่าง”
“โห มาเที่ยวแบบนี้ยังเอางานมาทำอีกเหรอ”
“ใช่ นายนอนเถอะ พี่อาบน้ำแล้วจะนอนเลย พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว”
“อืม” นะโมพยักหน้า ยกมือขึ้นไหว้ผมอีกครั้ง “ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร” ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว สงสัยว่าจะเชื่อถือคำพูดของนะโมได้แค่ไหน แต่คิดไปก็เท่านั้นเดี๋ยวผมคงได้คำตอบเอง
ผมถอนใจยาว เมื่อแขนของอีกฝ่ายฟาดลงมาบนลำตัวของผม แรงพอให้ตื่นขึ้นมา ต้องมีใครสักคนบอกเจ้าเด็กนี่ว่านอนดิ้นแค่ไหน ไม่ใช่ปล่อยให้เข้าใจว่านอนเรียบร้อยดีเพราะมันเป็นภาระคนอื่น
“อื้อ” เสียงคนหลับสนิทดังเบาๆ ร่างเล็กขยับอยู่พักหนึ่งแต่ก็จบด้วยท่านอนแผ่หลา ทับแขนขาบนตัวผม การต้องย้ายไปนอนโซฟาเป็นครั้งที่สองไม่ใช่สิ่งที่ผมควรเจอ แต่การจะปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อไล่ให้ไปนอนโซฟาก็ดูจะใจร้ายเกินไป
ผมมองนะโมในความมืด พ่นลมหายใจออกมา ตัดสินใจจับอีกฝ่ายพลิกตัวนอนตะแคง ใช้มือหนึ่งโอบรอบบ่าอีกมือรอบเอว รัดไว้ให้นอนนิ่งๆ นะโมขยับตัวเล็กน้อยก่อนสงบลง ดูเหมือนว่าผมจะเก็บแขนเก็บขาของนะโมได้แล้ว แม้จะดูแปลกไปสักนิดที่มานอนกอดผู้ชายด้วยกันก็ตาม
ผมหลับตาลง มีเรื่องให้คิดมากมาย พรุ่งนี้ต้องกลับไปคุยกับคุณปู่ หวังว่าคุณปู่จะเข้าใจโชเหมือนที่ผมเริ่มเข้าใจ กลิ่นแชมพูจางๆ ลอยเข้าจมูก แปลกที่มันทำให้ใจของผมสงบลงได้ ผมซบหน้าลงกับศีรษะของนะโม ปล่อยให้ความง่วงเข้าครอบงำ
• • • • • • • •
-นะโม-ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ก่อนรู้สึกถึงน้ำหนักที่อยู่บนเอว แขนของใครบางคนพาดอยู่ ผมค่อยๆ เอี้ยวตัวไปมอง ลุงยังหลับสนิท ดวงตาหลับพริ้ม
ผมย่นจมูกใส่อีกฝ่าย เนี่ยนะคนเรา ใครกันแน่ที่นอนดิ้น เที่ยวเอาแขนขาไปพาดคนอื่น ต้องถ่ายรูปเก็บไว้หลักฐานซะแล้ว
ผมควานมือไปใต้หมอน หยิบโทรศัพท์ออกมา ยกมือขึ้นสูงกดถ่ายไปหนึ่งรูป หึๆ ลุงโดนแน่!
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin