Chapter 27 Sasimonthon
ความคิดที่กำลังจะปล่อยวางทุกอย่างทำให้ตัวผมลอยนิดหน่อย หลังจากที่หนักอึ้งมานานหลายเดือน ลูกปลาเองก็ดูกังวลน้อยลงเพราะเวลาใกล้จะมาถึงทุกที
เรากลายเป็นเพื่อนสนิทกันในระดับหนึ่ง ลูกปลาเอ่ยถึงแผนการที่จะไปใช้ชีวิตกับคนที่เธอรัก บ้านสวนในต่างจังหวัด เธอดูมีความสุขมากขึ้น
“หนู...หนูขอมาหาลูกบางทีได้ไหม?”
“ได้สิ”
“พี่...ก็ไปเยี่ยมหนูได้นะ”
“อืม พี่จะไป”
“ดีจัง...ยังไงเราก็เป็น...เอ่อ ญาติกันนะพี่”
ผมหัวเราะไปกับคำพูดของเด็กผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่คน เธอเหมือนดอกไม้ที่กำลังจะผลิบานส่วนผม...ก็ใกล้จะได้นอนหลับพักผ่อน
ความตายมันน่ากลัว แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมก็คิดว่ามันก็เป็นความสงบใจอย่างหนึ่ง ผมจะได้ไปเจอพี่ซันแล้ว หัวใจของผม ความทรงจำสุดท้าย...จะจดจำไว้แค่ตอนที่เรารักกัน
ความรักของเรา...ผมจะพามันไปหาพี่ซันด้วยกัน หวังว่าพี่ซันจะไม่ตกใจถ้าผมพาลูกไปด้วย
“ตอง กินข้าวบ้างหรือเปล่า?”
“ครับ? ก็กินปกตินะครับ”
“พี่ว่า...กินวิตามินเพิ่มหน่อยไหม ตองดู...ดูเหนื่อยนะ”
“บ้า ...ผมโอเคน่าพี่จิน”
“เป็นอะไรก็บอกพี่นะ ตองเป็นน้องชายพี่นะ”
“อื้อ...ผมก็บอกพี่จินทุกเรื่องนั่นแหละ”
ช่วงนี้ผมไม่ได้ไปเรียนแล้ว มันเข้าสู่ช่วงปิดเทอมปีสองและผมอยากจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนลูกปลา ทุกเช้าผมพยายามทำหน้าที่ของตัวเองพาเธอไปเดินเล่น นวดขาให้...และอ่านหนังสือให้ฟัง
ลูกเรามีเกณฑ์จะพัฒนาการช้า ผมกลัวว่า...เจ้าหนูตัวน้อยของผมจะขาดอะไรไป แล้วสุดท้ายเขาก็จะกลายเป็นคนอ่อนแอใช้ชีวิตในสังคมไม่ได้...ผมยิ่งอยากจะพาเขาไปด้วยกัน
ก็คิดว่าตัวเองฟุ้งซ่านแต่ผมกลับรู้สึกสงบนิ่ง...สงบแม้กระทั่งตอนเจอไปจุดธูปคุยกับพี่ซัน เล่าเรื่องลูกของผม นิทานที่ผมอ่านให้ลูกฟัง
“กำลังไปหาแล้วนะ...อีกไม่นานครับ แค่อีกไม่นาน”
“พี่...ลูกเราจะชื่ออะไรดีคะ?”
“ท่านอยากให้ชื่อจันทร์ ความหมายเดียวกับนามสกุล”
“ค่ะ...ชื่อเพราะ แต่หนูอยากให้เขาชื่อคล้ายพี่มากกว่า อย่างพี่ชื่อตอง ลูกก็ชื่อ น้องแตง คิก..”
แม้เธอจะอ้วนขึ้นแต่เสียงเธอก็ยังดูสวย ลูกปลาเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยจริงๆ ถ้าลูกเราออกมาหน้าเหมือนเธอคงเหมือนตุ๊กตา อย่าเหมือนผมเลย...ผมน่าเกลียด
“ไม่เอา ชื่อจันทร์นั่นแหละเท่กว่าแตงอีก”
“หนูอยากให้ลูกเราแข็งแรง”
“พี่ก็อยาก”
ครอบครัวเล็กๆ ของผมกำลังจะขยับไปอีกก้าว แต่ไม่ใช่ก้าวที่เราจะได้มาเป็นครอบครัว แต่เป็นการต่างคนต่างไป
ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองผอมลงมากตอนที่กางเกงมันเริ่มหลวม ไม่ได้สังเกตตัวเองมานานเพิ่งรู้ว่าหน้ามันตอบไปอย่างเห็นได้ชัด มิน่าพี่จินถึงกังวล แต่...ผมก็กินข้าวได้นะ
อีกอย่างที่สังเกตเห็นคือมือไม่ค่อยมีแรง ผมอาจจะป่วยจริงๆ นั่นแหละแต่อาจจะไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวผ่านช่วงนี้ไปก็คงดีขึ้น
ผมกินยานอนหลับมาสักพักแล้ว คุณหมอบอกว่าให้กินเฉพาะคืนที่จะนอนไม่หลับจริงๆ แต่ผมกลับนอนไม่หลับทุกวัน...ยาหมด เวลานี้ก็ไม่รู้จะไปหาจากที่ไหน ผมคงต้องฝืนนอน
การไม่มียานอนหลับทำให้กลางคืนมันเลวร้ายกว่าที่คิด ผมกังวลโดยไม่รู้ว่ากังวลอะไร ตัวอะไรสักอย่างที่คล้ายหลุมดำขยับกัดกินข้างในผมจนเจ็บไปหมด
เจ็บปวดจนต้องร้องไห้ แต่การร้องไห้ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ...ผมเกลียดที่ตัวเองอ่อนแอเลยต้องพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไว้ ซ่อนมันไว้ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ มีเพียงปั้นชาในอ้อมแขนที่เลอะเทอะไปด้วยน้ำตาผมเท่านั้นที่ผมอนุญาตให้รับรู้ความงี่เง่าของผม
ผมปล่อยตัวเองร้องไห้เป็นชั่วโมงจนน้ำตาแห้งไป มันก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดีเลยได้แต่นอนมองพระจันทร์กลมโตข้างนอกระเบียงฆ่าเวลาไปทีละนิด ผมเปิดประตูระเบียงทิ้งไว้มาหลายคืนแล้ว ลมเย็นๆ ข้างนอกทำให้ผมไม่รู้สึกอัดอัด มันไม่ได้ช่วยได้ทั้งหมด แต่มันดีขึ้น
เสียงก๊อกแก๊กดังแผ่วเบาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อาจจะเสียงท่อน้ำหรือลมพัดต้นไม้ด้านนอก? แต่เสียงกระซิบที่ดังขึ้นในความเงียบทำให้ผมเริ่มหวาดระแวง
ประสบการณ์หนีตายตอนอยู่ที่จีนทำให้ผมหวาดกลัว แต่จะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วเมื่อผมเห็นแขนผู้บุกรุกโผล่ขึ้นมาเกาะราวระเบียง ผมทำได้แค่ดึงผ้าห่มปิดหน้าแล้วนอนให้นิ่งที่สุด
โจรพวกนี้อาจจะมองผ่านผม...ขโมยของมีค่าจากนั้นก็จากไป ไม่มีโจรคนไหนอยากถูกจับ ผมก็แค่ต้องอยู่เงียบๆ การโวยวายของผมอาจจะทำให้ทุกคนเป็นอันตราย
คงเพราะระเบียงห้องผมมันเปิดกว้างอยู่ห้องเดียว โจรเลยฉวยโอกาสบุกรุกห้องผม...บ้านของเจ้าของธนาคารยังไงคนนอกก็มองว่ามีสมบัติมหาศาลทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วบ้านเราเลือกเก็บทุกอย่างไว้ที่ตู้เซฟธนาคารต่างหาก
เสียงฝีเท้าที่เบาจนเกือบไม่ได้ยินดังขึ้นรอบตัวผม พวกโจรอาจจะกำลังสำรวจห้องนอนของผม มันไม่มีอะไรสำคัญเลยด้วยซ้ำ เสียงประตูห้องนอนเปิดทำให้ผมคิดว่าพวกเขาไปแล้ว ผมจะต้องรีบโทรแจ้งตำรวจ แต่ไม่ใช่...ยังเหลืออีกคนที่เดินเข้ามาใกล้ผมและนั่งลงบนเตียง
หัวใจผมเต้นรัวจนต้องขยำปั้นชาแน่น กลัวว่าโจรจะรู้ว่าผมยังตื่นอยู่ ผมอยากตาย...แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมยังอยากเจอลูก เจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมาต้องการพ่อ ผมไม่อยากให้ลูกขาดเหมือนที่ตัวเองขาด
ผ้าห่มของผมเลื่อนลงช้าๆ ผมเคยดูข่าว เขาบอกว่าถ้าผู้หญิงจะโดนข่มขืนให้จ้องตาคนร้ายไว้ ให้ชวนคุยด้วยท่าทีสุภาพ มันเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่คนร้ายอาจจะเกิดอาการลังเลแล้วหยุดการกระทำ
มันคนละสถานการณ์กัน ผมไม่ได้จะโดนข่มขืนแต่...แต่ผมไม่มีตัวเลือกแล้วนอกจากลองเจรจา ผมถนัดเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรอ? ผมถึงมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ ผมต้องไม่เล่นบทคนที่แต้มต่อน้อยกว่า
ผมจะต้องทำให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สถานะเทียมเท่ากัน
“สวัสดีครับ”
การเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มจะทำให้ผมเป็นผู้ชนะ
ในทันทีที่ผ้าห่มเลือนลงจนสบตาอีกฝ่ายกลายเป็นว่าชัยชนะของผมปลิวหายไปกับสายลม โจรที่บุกรุกห้องผมหน้าเหมือนสุริยะ หยางของผมราวกับคนเดียวกัน
“โอ้ย! ”
อาการสงบที่ผมเพียรพยายามสะกดจิตตัวเองกลายเป็นว่าผมตกใจจนสติแตกเหวี่ยงปั้นชาฟาดใส่โจร แล้วกลิ้งลงจากเตียงหนีไปที่ริมระเบียง ผมมองเชือกเส้นใหญ่ที่พวกเขาใช้ปีนมาห้องผม ผมจะใช้มันนี่แหละหนีจากที่นี่ไป
แต่สภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก การลุกวิ่งออกมาเร็วๆ ทำให้ผมหน้ามืด...แข้งขาหมดแรงและล้มลง ร่างของผมเอียงล้มไปข้างหน้า...ผมกำลังจะตกระเบียง
“ตอง! ”
อ้อมกอดที่ผมไม่มีวันลืมโอบล้อมรอบตัวผมเอาไว้ กลิ่นโคโลญจน์ที่ห่างหายไปจากผมถึงสองปีแต่ผกลับจำมันได้ดี ก่อนที่สติของผมจะหายไปจนหมด....คำถามที่ผมถามตัวเองคือ
ผมกำลังจะตายแล้วใช่ไหม...
พี่ซันมารับผมไปอยู่ด้วยแล้วใช่ไหม...
เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งแล้วใช่ไหม...
สุริยะ หยางหัวใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม อีกนิดเดียวก็จะคว้าหยางอวิ๋นไว้ไม่ทันแล้ว แขนแกร่งกอดคนที่เป็นลมอยู่ในอ้อมแขนแน่น เกือบไปแล้ว...เกือบจะเสียก้อนเมฆของเขาไป
ไม่น่ามาปีนบ้านเยว่ยามวิกาลเลย เพราะกลัวว่ากันติชาจะตกใจถ้าเขาเดินเข้าบ้านมาเป็นทางการ เลยวางแผนให้อีกฝ่ายแข็งแรงขึ้นอีกสักนิดแล้วค่อยมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
ในระหว่างนี้ก็จะจัดการเรื่องลูกของตองให้เรียบร้อย แต่เพราะความคิดถึงมันทำให้คิดอะไรไม่ออก ตั้งแต่มาไทยใจก็อยากจะมาหา...อยากมาเห็นหน้า จนกระทั่งมาปีนบ้านตระกูลเยว่กับอาเฟยและชิวซี
แค่คิดว่าจะมานั่งมองกันติชาสักพักแล้วจากไปเหมือนทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้คิดว่าในวันนี้กันติชาจะยังไม่เข้านอน แถมตกใจจนเป็นลม
“ชิวซี อาเฟย! เตรียมรถไปโรงพยาบาล”
สุริยะ หยางตะโกนเรียกบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่ด้านนอก แต่ทว่าเสียงร้องของแม่บ้านกลับดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
“ใครก็ได้ช่วยด้วย เอารถออกที คุณลูกปลาจะคลอดแล้ว”
เสียงโวยวายปลุกคนทั้งบ้าน ตระกูลเยว่เปิดไฟสว่างทั้งหลัง
สุริยะ หยางมาด้วยลีมูซีนแต่ไม่ได้เข้ามาจอดในบ้านเพราะตั้งใจจะมาแบบเงียบๆ ในยามวิกาล กลัวกันติชาจะตกใจ คนที่ตายจากกันไปสองปีกลับมาโดยไม่บอกกล่าวมันเป็นเรื่องยากเกินจะรับไหว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร กลายเป็นตัวเองที่ตกใจกว่า เมียเกือบตกระเบียงคอหักตายไปต่อหน้า แถมเมียของเมียจะคลอดลูก!
ลีมูซีนคันยาวเลยมีทั้งเมียที่เป็นลมนอนหนุนตักเขาอยู่ตรงนี้ กับเมียของเมียที่กรีดร้องไปตลอดทางไปโรงพยาบาล มีแม่บ้านที่เอ่ยปลอบให้อดทน โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกล และ...
“ยาดมครับหยางหวาง”
“ขอบใจชิวซี”
จะเป็นลม บางทีก็สงสัยว่าการรับบทลุงข้างบ้านของกันติชามันอาจจะหนักหนากว่าที่คิด แล้วถ้ากันติชาตื่นมากลางทางเจอหน้าเขาจะเป็นลมอีกรอบไหม หรือจะเป็นตัวเขาเองเป็นลมไปก่อน
ช่วงเวลารอคอยในโรงพยาบาลไม่ได้น่าพิศมัยเลยสักนิด กันติชาอ่อนเพลียจนต้องให้น้ำเกลือ คนของบ้านเยว่ตามมาด้วยรถอีกคัน เพราะต้องหาเอกสารของทั้งกันติชาและแม่ของเด็ก ชิวซีมาถึงก็จัดกาเรื่องห้องพิเศษของโรงพยาบาลไว้ทันที ส่วนตัวสุริยะ หยางสับสนจนทำอะไรไม่ถูกเลยเดินตามคนของเยว่มารอหน้าห้องคลอด
เมียตัวเองก็ไม่ใช่ แต่ในนั้นคือลูกของเมีย อย่างน้อยก็อยากจะแน่ใจว่าเด็กจะไม่เป็นไร มือหนากำยาดมในมือแน่นสลับคลายเป็นการแก้เครียด สุดท้ายก็ต้องลุกเดินไปเดินมา
ตื่นเต้นมากจนทำอะไรไม่ถูก สงสัยว่าตัวเองจะมีอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์นี้มากไปไหน หรือเพราะตั้งแต่ไปอยู่ทะเลทรายสองปีเต็มจะทำให้มีสภาวะการเข้าสังคมบกพร่องเลยยังปรับตัวไม่ถูกกับเรื่องคนอื่น ยิ่งเมียของเมียจะคลอดลูก แต่ยิ่งเครียดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ แผนการที่วางไว้คือการมาคุยกับเยว่ มาค่อยๆ อธิบายทุกอย่างกับหยางอวิ๋นแล้วก็มาให้กำลังใจอวิ๋นรอเมียคลอดลูก มาปลอบใจอวิ๋นที่จะเดินไปเดินมา ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องมาเดินเอง แถมตื่นเต้นเหมือนในนั้นเป็นเมียตัวเอง
“ชิวซี แล้ววันมงคลที่เราเลือกมาให้เด็กล่ะ? ที่เป็นวันพระอาทิตย์ทรงกลด ชะตาสะเทือนแผ่นฟ้าสะท้านแผ่นดิน อนาคตผู้นำที่ซินแสบอกว่าต้องวันนั้นเท่านั้น...”
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่กังวล กำหนดการที่ซินแสเลือกมามันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ เป็นยามเที่ยงตรงที่พลังพระอาทิตย์เสริมดวงชะตามากที่สุดในรอบปี แต่จะให้แม่เด็กอดทนต่อก็ไม่ได้อีก กลายเป็นเด็กคลอดในคืนวันเพ็ญ
“...เดี๋ยวผมติดต่อทางจีนให้ว่าวันเวลาใหม่นี่จะเป็นยังไง”
“...อืม”
นานเป็นชั่วโมงในความเงียบงัน คนของเยว่อย่างจินและเจิ้นขอไปรอที่ห้องรับรองที่เตรียมไว้แทนเพราะเจิ้นต้องไปโรงเรียนแต่เช้า เจ้าบ้านเยว่เองช่วงนี้ก็สุขภาพไม่ค่อยดีนักพยาบาลเลยแนะนำให้ไปรอในห้องรับรองด้วยเช่นกัน ยังไงกันติชาก็ยังนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่นั่น
เหลือเพียงสุริยะ หยางที่ยังรออยู่ตรงนี้ราวกับเป็นพ่อเด็กเอง จนกระทั่งพยาบาลอุ้มเจ้าตัวเล็กออกมา
“คุณพ่อน้องหรือเปล่าคะ?”
“ครับ?”
สุริยะ หยางหันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูก อาเฟยไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชิวซีเดินออกไปโทรศัพท์ติดต่อไปทางจีน เหลือเพียงตัวเขาและบอดี้การ์ดลูกน้องอาเฟยที่ยืนก้มหน้าเรียบร้อย
“คุณแม่คลอดเสร็จแล้วแต่ว่าคุณแม่ตัวค่อนข้างเล็กเลยยังไม่ได้อุ้มน้องค่ะ เรากลัวว่าคุณแม่จะอุ้มไม่ไหวเพราะคุณแม่อ่อนเพลียมาก คุณพ่อจะได้อุ้มน้องคนแรกค่ะ”
พยาบาลส่งสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กเหมือนปลาคาร์ฟในบ่อที่บ้านสุริยะ หยางมาให้ คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับเจ้าก้อนกลมๆ ในอ้อมแขน มันช่าง...ยากจะอธิบาย
มันดูแปลกประหลาด แต่ในใจก็มีอะไรสักอย่างที่...ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เขา...ปลอดภัยใช่ไหมครับ?”
“ยังไม่แน่ใจค่ะ อาจจะมีสภาวะแทรกซ้อนเพราะน้องตัวเล็กเกินเกณฑ์จะต้องอยู่ในตู้อบที่เนอสเซอรี่ของโรงพยาบาลสักพักนะคะ”
ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่ฝึกอุ้มตุ๊กตากระต่ายกับชิวซีและอาเฟยเลยสักนิด เด็กคนนี้ตัวอุ่น ขยับได้แล้วก็มีลมหายใจ
ยังดูไม่ออกว่าหน้าเหมือนกันติชาไหม...แต่คงน่ารักไม่ต่างกัน คนพ่อน่ารักขนาดนั้น คนลูกคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เจ้าลูกปลาคาร์ฟของเขาต้องโตมาเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้แน่ๆ
“อยากถ่ายรูปไหมคะ? แต่ว่าคุณแม่อาจจะไม่พร้อมเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไรครับ ให้เธอพักผ่อนดีกว่า ผมติดต่อแจ้งเรื่องห้องพิเศษไปแล้ว ฝากดำเนินการตามนั้น ถ้าสงสัยอะไรถามเลขาของผมได้เลยครับ”
สุริยะ หยางขมวดคิ้วมองเจ้าหนูตัวแดงๆ แล้วก็หลุดยิ้มออกมา ...แล้วเจอกันเจ้าลูกปลาคาร์ฟ
“หยางหวาง...เป็นไงบ้างครับ”
ชิวซีมาถึงตอนที่สุริยะ หยางส่งเจ้าตัวเล็กคืนพยาบาลไปแล้ว
“ปลอดภัย แต่ต้องเข้าตู้อบ ชิวซี...ลูกอวิ๋นตัวเท่าปลาคาร์ฟในบ่อฉันเลย สงสัยจะว่ายน้ำเก่ง หึหึ ตัวเล็กนิดเดียวจะแบกเงินที่ฉันจะยกให้ไหวไหมนะ สงสัยต้องให้ออกกำลังกายเยอะๆ เอาตัวใหญ่ๆ กว่าอวิ๋นหน่อยนะ เวลาเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้จะได้มีมาดมีบารมี แล้วก็ต้องหัดพวกยิงปืน ศิลปะการต่อสู้ไว้ด้วย อาเฟยเตรียมตัวสอนด้วยล่ะ ชิวซี หุ้นที่จะยกให้ลูกอวิ๋น ไปเลือกเอาเปอร์เซ็นที่พอดีๆ หน่อยนะ เยอะไปเดี๋ยวเขาต้องเครียดแต่เด็ก เอาแค่ให้มีเงินกินขนมปีละล้านสองล้านก็พอ พอเขามาทำงานเต็มตัวค่อยให้เยอะๆ”
ชิวซีชะงักแล้วส่ายหัวกับอาการเห่อลูกของเมียจนร่ายยาวเป็นสุนทรพจน์ ก่อนมาปีนบ้านเขายังกังวลสารพัด ไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองมาหา อยากเป็นคนในความลับ
คนในความลับยังไง ออกหน้าออกตาแล้วจะออกเงินเยอะขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ขอวันเวลาเกิดด้วยครับ”
“ถามพยาบาลสิ ถามไรฉัน เด็กคนนี้บอกเลยนะว่าเกิดวันเวลาไหนก็ต้องวาสนาดี เป็นใหญ่เป็นโต กลิ่นเงินติดตัวตั้งแต่ตัวเท่าปลาคาร์ฟ ต่อไปลูกอวิ๋นต้องเป็นปลามังกร ปลาฉลาม ปลาวาฬปลาปะไรก็ได้ที่ตัวใหญ่ๆ เป็นพระอาทิตย์ดวงใหญ่จริงไหมอาเฟย”
“ครับ ใช่ครับ”
ชิวซียิ้มขำคุณพ่อ (คนข้างบ้าน) มือใหม่ก่อนจะไปจัดการขอวันเวลาตกฟากส่งไปจีนตามหน้าที่ ปล่อยคนเห่อเกินเบอร์ไว้กับบอดี้การ์ดพูดไม่เก่ง แต่หลังจากกลับมาหาเจ้านายตัวเองเรื่องเห่อลูกของเมียก็ยังไม่จบง่ายๆ ไม่ได้ดูเลยว่ามันจะตีสามเข้าไปแล้ว อาเฟยที่ว่าแน่ยังนั่งตาแดงก่ำพยักหน้าตามเป็นขุนพลอยพยักอยู่ข้างๆ
“แต่เรื่องจะเป็นหยางหวางนี่อย่าเพิ่งบอกอวิ๋นนะ มันต้องเป็นแผนการลับหน่อย เราต้องวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ เด็กผู้ชายยังไงก็ต้องชอบเรื่องท้าทาย หึหึ”
หลังจากคิดแผนเอ แผนบี แผนซีกันมาสักพักประกอบกับได้ดวงชะตาวันเกิดที่เหมาะสม สุริยะ หยางก็ความรู้สึกว่าการเป็นหยางหวางถ้าไม่เน้นการเมือง ตำแหน่งนี้ก็น่าสนใจ ในอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้ายังไงการเมืองก็เปลี่ยน แต่อาณาจักรพระอาทิตย์อาจจะได้ประโยชน์กับการเปิดประเทศของจีนกลายเป็นบริษัทที่มีแต้มต่อทางธุรกิจอันดับต้นๆ ของประเทศ
“ตองเก่งเลขขนาดนั้น ลูกตองก็ต้องเป็นอัฉริยะในยุคนี้แล้วล่ะ”
ชิวซีฟังแล้วก็ไม่อยากจะลงความเห็นอะไร ทำมาเป็นตัดพ้อน้อยใจให้ตัวเป็นลุงข้างบ้าน พอทำใจได้ว่าหยางอวิ๋นเลิกกับเมียแน่ๆ ก็เหมาเอาลูกเขาเป็นลูกตัวเองไปด้วย
แต่ฤกษ์วันเกิดดันไม่เป็นไปตามแผน...เลขาคนสนิทมีลางสังหรณ์ว่าสุริยะ หยางอาจจะไม่ได้อย่างที่หวังเท่าไหร่ ผิดพลาดตั้งแต่ก้าวแรก ก้าวที่สองที่สามจะเป็นดั่งใจได้ยังไง
“ดวงชะตาลูกแก้วมังกร เกื้อหนุนตระกูลพระจันทร์ ส่งเสริมเจิ้น เยว่ เกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวง ฤกษ์มงคลที่สุดแห่งปีของตระกูลเยว่เลยทีเดียว”
“ซินแสเสิ่นเจิ้นหรือเปล่า ชิวซีตรวจสอบประวัติหน่อย”
คนทั้งเยว่ทั้งหยางต่างทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเมื่อจักรพรรดิพระอาทิตย์กวาดมองทุกคนด้วยสีหน้าเย็นชา คนของเยว่ต้องเกรงใจสุริยะ หยางอยู่หลายส่วน ในยุคก่อร่างสร้างตัวของช่อฟ้าก็เพราะได้เงินสนับสนุนแลกกับการดูแลกันติชา เงื่อนไขที่เฉพาะเจ้าบ้านทั้งสองตระกูลรู้กัน
“มิสเตอร์หยางท่านนี้คือซินแสอันดับหนึ่งของประเทศไทย”
“รอซินแสอันดับหนึ่งของประเทศจีนมายืนยันอีกคนผมจะเชื่อ ชิวซีส่งแขก”
ซินแสถูกเชิญออกไปทันทีหลังจากคำทำนายไม่ถูกใจจักรพรรดิพระอาทิตย์ ยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด ตาคมมองไปยังเด็กวัยสิบขวบที่บังอาจมามีดวงชะตามังกร แถมลูกของเมียเขายังต้องไปส่งเสริมมันอีก
แล้วพวกตระกูลเยว่นี่มันยังไง เผลอแป๊ปเดียวไปแจ้งเกิดให้เด็กใช้ชื่อศศิมณฑล เยว่! มันใช้ได้ไหม! ไอ้ตระกูลนี่มันทุจริตขี้โกงชัดๆ ตอนตองก็ยึดไปเป็นลูกตัวเอง ฝากเลี้ยงไม่ได้ฝากให้ใช้นามสกุล! พอมาลูกตองก็ยึดไปเป็นหลานตัวเองอีก จะชื่ออะไรก็ไม่ได้ว่า แต่ไปชื่อที่แปลว่าดินแดนของพระจันทร์มันใช่ไหม!
จะชื่ออลังการงานสร้างก็ควรเป็นสุริยมณฑล หยาง ไม่ใช่ ศศิมณฑล เยว่! มาชื่อเจ้าจงเจ้าจันทร์ จะพระจันทร์อะไรนักหนา ถ้านับสมบัติเขาที่จะยกให้ลูกตองมันเยอะกว่าทั้งตระกูลเยว่รวมกันสามเท่าด้วยซ้ำ จะชื่ออาทิตย์ เจ้าซัน ไรก็ว่าไปสิวะ หมูหมากาไก่ก็ได้ พ่อก็ชื่อตอง ลูกจะชื่อแตง แตงโม แตงกวาก็ตั้งไปสิ คนสมบัติเยอะกว่าควรได้ตั้งชื่อไม่ใช่หรือไง!
ยิ่งโมโหก็ยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยิ่งไอ้เด็กสิบขวบนี่มันทำท่าหรี่ตาแก่แดดแบบผู้ใหญ่ก็ยิ่งได้ยินเสียงเส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ
“ทำไมคุณยังไม่ตาย?”
ไอ้เด็กเปรต! ปากไม่ดี!
“ก็ฉันยังไม่ตาย”
“น้าตองบอกว่าคนหน้าตาแบบนี้ไม่น่าคบ”
ท่าทางพูดแบบไม่มองตา แถมเอามือไพล่หลังวางท่าจองหองนี่มันเด็กนิสัยไม่ดี
“เจิ้น พูดกับมิสเตอร์หยางดีๆ สิลูก พวกเราเข้าใจผิดว่ามิสเตอร์หยาง เอ่อตายเฉยๆ แต่เขาไม่ได้ตายนะคะ”
“ไม่ตายแล้วหายไปไหน ทำไมปล่อยน้าตองร้องไห้เป็นปีๆ นิสัยไม่ดี อย่ามายุ่งกับน้าตองนะ”
สุริยะ หยางชะงักกับคำพูด...ใช่ เขาปล่อยตองร้องไห้เป็นปีแบบไอ้เด็กเปรตนี่มันว่าจริงๆ พอเถียงไม่ได้ก็เลยทำได้แค่ถลึงตาใส่อีกรอบ แล้วรับยาดมจากชิวซีมาดม ปวดหัว ปวดหัวชิบหาย
“มิสเตอร์หยาง จินขอโทษแทนเจิ้นด้วยนะคะ เขารักตองมากเลยพูดไม่ค่อยดี”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือสาเด็ก...ที่ผมสนใจตอนนี้คือเรื่องสัญญากับแม่เด็ก คุณจินบอกว่าเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกแล้ว แต่ผมไม่เชื่อ”
“ใช่ค่ะ จินเองกังวลเรื่องนี้มาก เราปรึกษาทนายไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ชัดเจนนัก”
“ทางผมเองก็เตรียมแผนรับมือไว้แล้ว แต่อยากฟังความเห็นของตองเขาก่อน เขามีสิทธิ์ตัดสินใจในฐานะพ่อ ผมอาจจะต้องรบกวนคุณจินเป็นคนคุยกับเขา ตองอาจจะยังไม่พร้อมที่จะพบผม ผมอยากให้เขาแข็งแรงกว่านี้ก่อน แต่ผมจะไปคุยกับแม่เด็กเอง”
“มิสเตอร์หยางคะ จินคิดว่าอย่าไปคุยกับเขาเลยค่ะ ให้ทนายจัดการดีกว่า แฟนเขามาด้วย นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คำพูดคำจาการกระทำ...เมื่อครู่จินแวะไปดูมา จะเอาแต่ลูกปลากลับบ้านอย่างเดียว จินขอให้แม่เด็กให้นมลูกก่อนก็ไม่ยอม นมแม่สำคัญมากนะคะ”
สีหน้าของสุริยะ หยางอ่อนลง คุณจินที่สถานะเป็นพี่สาวตอง ไม่ว่าจะคำพูด การกระทำเหมือนกับที่ชิวซีเคยบอก เธอรักกันติชาเหมือนน้องชายจริงๆ ไม่ได้คิดว่าน้องจะมาแย่งสมบัติลูก ก็เพราะดีแบบนี้ไงกันติชาถึงไม่อยากอยู่ให้คนรอบข้างกังวลเรื่องตัวเองกับหลานชาย
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการได้ ฝากคุณจินเรื่องตองด้วย”
“เรื่องตองไม่ต้องห่วงเลยค่ะ จินกับพ่อคุยกันไว้คร่าวๆ ว่าทางแม่เด็กอาจจะเรียกเงินค่าชดเชย ค่าเลี้ยงดู หรือพยายามต่อรองให้เราจ่ายถึงจะได้สิทธิ์การเลี้ยงเจ้าจันทร์ แต่เราไม่รู้ว่าเขาจะเรียกเท่าไหร่ แล้วถ้าจัดการไม่รัดกุมเขาจะมาเรียกร้องอีกเรื่อยๆ ไหม”
“ทางผมก็เตรียมรับมือแล้ว ผมเตรียมเงินก้อนแรกไว้แล้วให้เขาตกลงทำสัญญา เงื่อนไขกับเขาทางคุณจินคุยกับตองได้เลยว่าอยากให้เขายุ่งเกี่ยวได้แค่ไหน คนของผมมีประสบการณ์เรื่องการต่อรอง”
หม้อ ไห แจกัน ภาพวาดที่ผ่านมาน่าจะซื้อยากกว่าผัวเมียคู่นี้เยอะ
สุริยะ หยางเดินนำชิวซีกับอาเฟยไปที่แผนกเด็กอ่อน ตาคมมองตามนิ้วเลขาที่ชี้ไปทางตู้อบด้านใน ศศิมณฑลตัวเล็กมากแต่โชคดีที่ไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่หมอบอกว่ายังไม่ควรนิ่งนอนใจเพราะอาการอาจจะแสดงออกมาในภายหลังเพราะคุณแม่เคยจะทำแท้งมาก่อนแต่ไม่สำเร็จ เด็กต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอีกพักใหญ่ อาจจะเป็นเดือน
“ชิวซี...ผู้หญิงคนนั้นทำแท้งลูกอวิ๋น”
มือหนากำยาดมแน่น ตอนคุณหมอรายงานมีแต่ความโกรธแต่ทำได้แค่ข่มมันเอาไว้ ลูกก็ลูกตัวเองแท้ๆ ต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงกล้าทำแบบนี้ ทำลายชีวิตลูกตัวเองได้ลงคอ
“อย่า...อย่าให้เขาได้เด็กไป เข้าใจไหม? ไม่รู้ว่าต่อไปเด็กจะต้องเจออะไรอีก”
“ครับ”
ศศิมณฑลอาจจะไม่ต้องอยู่ในตู้อบเลยด้วยซ้ำถ้าเขาได้รับการดูแลอย่างที่แม่คนหนึ่งควรทำกับลูก
เจ้าหนูพระจันทร์ของเยว่...เจ้าลูกปลาคาร์ฟของเขาต้องทรมานตั้งแต่ยังไม่เกิด นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้หยางอวิ๋นอ่อนแรงลงทุกวัน การมีลูกเพราะความผิดพลาดมันก็เป็นภาระที่หนักหนาเกินพอแล้ว และยังต้องมารับรู้ว่าแม่ของลูกไม่ต้องการลูกอีก
กันติชามีแผลใจกับเรื่องพวกนี้มาตลอด...และผู้หญิงคนนั้นก็ยังทำร้ายกันติชาในเรื่องเดียวกัน
“ฉันไม่อยากให้อวิ๋นรู้สึกว่าลูกเขาไม่มีใครรัก ชิวซี อาเฟย อวิ๋นไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการที่เรายอมรับเขา จำไว้นะอย่าปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนอื่น ศศิมณฑลจะเป็นคนของหยางเข้าใจไหม? บ้านเราจะต้อนรับเขา เซี่ยงไฮ้จะเป็นบ้านของเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะเป็นบ้านให้อวิ๋นกับลูก”
“ครับ”
“เราต้องทำให้อวิ๋นรู้สึกว่าเขาได้รับความรัก ลูกของเขาเป็นที่รัก เขาจะได้ไม่คิดจะฆ่าตัวตาย ไปจัดไปการไปชิวซี เริ่มต้นจากอะไรง่ายๆ ที่เราทำได้ก่อนก็ได้”
ชิวซียกยิ้มกับคำพูดของจักรพรรดิพระอาทิตย์ หยางหวางยังคงเป็นหยางหวางคนเดิมที่ลูกน้องทุกคนเคารพ เด็ดขาดและใจกว้าง
“ครับ ให้ทำอะไรก่อนครับ”
“โอนเงินไปให้เด็กสักร้อยล้านบาทก่อนไป ฉันว่าวิธีนี้แหละชัดเจน ตรงประเด็น ไม่ต้องอ้อมค้อมอะไรมาก มีแต่ความพิสวาทจากฉันล้วนๆ จะมีอะไรจริงใจไปมากกว่านี้อีก จริงไหม?”
“...”
“แล้วก็ห้ามเรียกลูกอวิ๋นว่าลูกปลาคาร์ฟอีก มันไม่ค่อยน่ารัก เปลี่ยนเป็นลูกกระต่าย อวิ๋นจะได้รู้ว่าเรารักลูกเขา”
ยังไม่มีใครเรียกลูกหยางอวิ๋นว่าลูกปลาคาร์ฟเลยครับ...มีแต่คุณนั่นแหละ
“ไปซื้อตุ๊กตากระต่ายมาด้วย เอาตัวเล็กๆ เหมาะกับเด็กนะ ถ้าไม่มีก็สั่งทำไป เอามาหลายๆ ตัว เท่าๆ กับที่เคยซื้อให้อวิ๋นนั่นแหละ เอาให้เป็นกองทัพเลย ดูพวกวัสดุด้วย เดี๋ยวเด็กแพ้ เอาเป็นยางก็ได้ เด็กๆ ชอบกัดชอบเอาของเข้าปาก เลือกแต่อันดีๆ แพงๆ มา พวกชุดเด็ก ขวดนมทั้งหลายทั้งแหล่ด้วย เอาเป็นกระต่ายให้หมด อย่าทำให้มันโจ่งแจ้งล่ะ เดี๋ยวเราออกหน้าออกตามากไปอวิ๋นจะคิดว่าเราไม่จริงใจ ทำแบบเงียบๆ เข้าใจไหม? ยังไงตอนนี้เราก็เป็นแค่คนข้างบ้าน อย่าทำตัวอวดรวยเดี๋ยวเขาหมั่นไส้”
“...”
================
เป็นกำลังใจให้ลุงข้างบ้านด้วยนะคะ ตอนนี้แอ๊บจนอยู่ 5555555555555 ฉากปีนบ้านเยว่นี่คุ้นๆ ไหมคะ บ้านนี้มันอะไรกันนะมีแต่คนปีน
=============
แฟนอาร์ต #อาณาจักรพระอาทิตย์ #ในปกครอง by พี่แกะ @Iam_lazysheep
ชื่อภาพ หยางหวางกับความหวังอินริบหรี่ของเขา
ขอบคุณแฟชั่นเบบี้จั๋น by ลุงหยาง
55555555555555555555555555555555555+
สงสารลุงง่ะ แงงงงงงงงง อุ้ยลืม ต้องพี่ซัน
