Chapter 24 Yue
สุริยะ หยางสะบัดชายเสื้อด้วยความหงุดหงิด ขายาวก้าวไปตามทางเดินของกู้กงจื่อจิ้นเฉิงหรือพระราชวังกู้กง การประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมินนอกจากรัฐบาลจะกังวลเรื่องอำนาจทางการปกครองแล้ว สิ่งที่ต้องกังวลมากกว่าคือพระราชวังแห่งนี้ พระราชวังต้องห้ามที่มีมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ เป็นที่ประทับของกษัตริย์มาแล้ว 24 พระองค์รวมแล้วสองราชวงศ์
และพระราชวังนี้ดันอยู่ใกล้กับจตุรัสเทียนอันเหมิน ถ้าเกิดการประท้วงรุนแรงสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือวังจะถูกกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามา วังนี้นอกจากจะเก่าแก่ทางประวัติศาสตรย์ ยังเต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมเดิมที่สืบทอดมาเป็นร้อยปี ทิศทางฮวงจุ้ย ต้นไม้มงคล และตำหนักรวม 9,999 ห้อง สูญเสียอะไรไปไม่ได้เลย!
ความคาดหวังของรัฐบาลช่างสวนทางกับความเป็นจริง แต่เพราะคณะรัฐบาลตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง เขาในฐานะคนดูแลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัติย์พ่วงตำแหน่งยามเฝ้าวังเก่ากิตติมศักดิ์ก็เลยต้องมาอยู่ตรงนี้
นอกจากจะต้องประสานงานกับฝ่ายกลาโหมให้ทหารมาล้อมรอบวังแล้ว ยังจะต้องส่งคนของตัวเองคอยตรวจตราทุกๆ บริเวณของพระราชวัง
“หยางอวิ๋นออกนอกประเทศไปแล้วครับ”
เสียงรายงานจากชิวซีทำให้ความกังวลลดทอนไปหลายส่วน นอกจากจะมีการประท้วงแล้วยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนการปกครอง ตระกูลหยางที่คนเข้าใจว่าแค่นามสกุลเหมือนกันตามประสาคนจีนส่วนมากจะต้องโดนเพ่งเล็งไปด้วย เขาเองก็อาจจะต้องถูกเรียกตัว อะไรก็ไม่แน่นอน ส่งอวิ๋นกลับไปก่อนก็สบายใจกว่า
ร่างสูงทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นหน้าตำหนักไถ่เหอ เป็นตำหนักที่ตั้งอยู่บนแท่นหินหยกขาวสูงถึงสองเมตร มีบัลลังก์มังกรอยู่ด้านในใช้สำหรับว่าราชการมาทุกสมัย
“อาเฟย”
“ครับหยางหวาง”
“พื้นที่วังนี้ฐานลึกถึงสิบห้าเมตร ป้องกันศัตรูลอบขุดโพรงเข้ามาทำร้ายกษัตริย์”
“ครับ”
“กำแพงวังรอบด้านสูงสิบเมตรป้องกันสงคราม”
“...”
“บ้านฉันอยู่สูงถึงยอดตึก พื้นบ้านสูงเป็นร้อยชั้น กำแพงสูงเป็นกิโล ยังมีคนเข้ามาได้...อย่าประมาท บอกคนของเราระวังตัวให้ดี ในทางกลับกันระวังทหารไว้ให้ดี ถึงฉันจะสั่งพวกเขาได้แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนของเรา ถ้ารัฐบาลเปลี่ยน...”
“ครับ หยางหวาง”
มือหนากดลงกับแผ่นกระเบื้องบนผืน ก่อนจะเงยหน้ามองผ่านเข้าไปยังบัลลังก์มังกร ราชวังจักรพรรดิไม่ใช่ที่ควรอยู่เลยด้วยซ้ำ บนลานนี่คนตายมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน การแย่งอำนาจมีทุกยุคทุกสมัย อำนาจเก่าตายไปอำนาจใหม่เข้ามาแทนที่ วัฎจักรที่ไม่มีวันจบสิ้น
“หยางหวาง! รัฐบาลเปลี่ยนแล้วครับ มีคำสั่งเรียกตัวทุกฝ่าย”
คนสนิทอีกคนรีบวิ่งเข้ามารายงาน สุริยะ หยางรีบดันตัวขึ้นยืน กลุ่มบอดี้การ์ดของอาเฟยขยับเข้ามายืนล้อมรอบ ชิวซีเองก็เช่นกัน
“ใครได้ตำแหน่ง?”
“เจียง เจ๋อหมิง”
ฟันกรามขบแน่น...ขั้วอำนาจฝั่งตรงข้ามเป็นฝ่ายชนะ การพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีหยางซั่งคุน ประธานาธิบดีจีนทุกคนล้วนมีเติ้ง เสี่ยวผิงสนับสนุน...แต่คนต่อไปไม่ได้เป็นคนที่กลุ่มเขาเลือก
“หยางซั่งคุนล่ะ”
“ถูกสั่งให้ออกจากราชการครับ”
“อาเฟย ส่งคนไปรายงานตัว บอกว่าสถานการณ์รอบวังตึงเครียด ฉันจะไปช้า ป้องกันสมบัติชาติเป็นเรื่องใหญ่ หยางหวางรับหน้าที่นี้มาหลายชั่วอายุคน ขอให้รัฐบาลเข้าใจด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังยืนยันว่าจะปกป้องสมบัติชาติต่อไป”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบวิ่งออกไป สุริยะ หยางก้าวเท้านำกลุ่มคนสนิทเดินผ่านตำหนักจักรพรรดิเข้าไปยังเขตพระราชวังชั้นใน ทหารของรัฐบาลยังปฏิบัติงานกันปกติ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มาถึงเขาเร็วนัก
“อาเฟย...ถ้าพ่อฉันไม่ได้เป็นรัฐมนตรีต่อ พวกนายมีทางเลือกสองทาง คือทำงานให้รัฐบาลใหม่กับลาออก พวกนายเป็นบอดี้การ์ดที่รัฐบาลจ้างมา คำสั่งอื่นคงจะตามมาเร็วๆ นี้ เมื่อถึงเวลาเลือกก็ต้องเลือก เพราะหยางหวางคนต่อไปอาจจะไม่ใช่ฉัน”
“หยางหวาง...”
“ชิวซี ถ้าพ่ออยู่ไม่ได้แม่ก็อยู่ไม่ได้ นายไม่ได้เกี่ยวอะไรแต่แรก ไปซะ อยากไปไหนก็ไป หน้าที่ดูแลฉันจบลงแล้ว”
“หยางหวาง...”
คนสนิทสองคนที่มาเจ้านายคนละคนชะงัก แต่ทว่าแผ่นหลังกว้างยังคงยืนหยัดและก้าวเดินไปตามทางของตำหนักใน การตัดสินใจของหยางหวางไม่มีแม้แต่การลังเล
“แค่อย่างสุดท้าย อาเฟย...ชิวซี ในฐานะที่อยู่กันมาหลายปี ฉันขอแค่...เก็บกวาดอาณาจักรพระอาทิตย์ซะ ทำลายให้หมด ก่อนที่รัฐบาลจะส่งคนมา อย่าให้เหลืออะไร...แม้แต่ปลา”
คำสั่งด้วยน้ำเสียงมั่นคงทำให้คนสนิทหัวใจไหววูบ หยางหวางรักบ้านของตัวเองขนาดไหนใครๆ ก็รู้ ปลาทุกตัวก็ไม่ใช่ว่าใครจะไม่เคยเห็นยามจักรพรรดิพระอาทิตย์ดูแลพวกมัน เรียกมันว่าลูกคำแล้วคำเล่า แจกัน ภาพวาดบนอาณาจักรที่รักนักรักหนา
“อย่าลังเล ถึงเวลาต้องทำก็ต้องทำให้เด็ดขาด รีบไปซะ”
“ครับ”
สิ้นเสียงรองเท้าของลูกน้องคนสนิทที่รีบร้อนออกไป ขายาวก็หยุดเดินก่อนจะยกมือหนาขึ้นนวดขมับ บ้านทั้งหลังที่เตรียมไว้หลายปีเพื่ออยู่กับอวิ๋นคงจะต้องปล่อยมันไปแล้ว
เราค่อยสร้างบ้านกันใหม่นะ...อดทนก่อน แล้วพี่จะไปรับกลับมา
“เกิดการจราจลที่เซี่ยงไฮ้ในย่านเศรษฐกิจ มีผู้ร้ายลอบวางระเบิดเครือบริษัทหยาง เชื่อว่าต้องการข่มขู่รัฐบาลเพราะตระกูลหยางทำธุรกิจที่สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก ด้านผู้บริหารยังไม่ออกมาแถลงข่าวใดๆ จำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่ได้รับการยืนยัน ข่าวต่อไป...รัฐบาลจีนเปลี่ยนผู้นำ เจียงเจ๋อหมินขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีภายใต้การสนับสนุนของเติ้ง เสี่ยวผิง...”
“ตอง! ”
ผมร้องไห้ออกมาเหมือนคนเป็นบ้า ภาพบ้านผมกับพี่ซันไฟไหม้ในทีวีมันเลวร้ายมาก บ้านของเรา...เก๋งจีนในสวน บ่อปลาของพี่ซัน ตุ๊กตากระต่ายหูยาวหลายตัว ไม่เหลืออะไรแล้ว
“พี่จิน...บ้าน บ้านตอง”
“โธ่ตอง”
“เป็นอะไรอ่ะ”
เจ้าอ้วนในชุดนักเรียนประถมทิ้งกระเป๋านักเรียนแล้ววิ่งเข้ามากอด ผมพูดอะไรไม่ออกสักคำทำได้แค่ร้องไห้ และร้องไห้ ข่าวการประท้วงและการเปลี่ยนรัฐบาลถูกพูดถึงอย่างมากในหลายวันนี้ เพราะจีนถูกมองว่ากำลังจะเป็นมหาอำนาจใหม่แทนสหรัฐ
แต่ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นประธานาธิบดี ใครจะยึดอำนาจ ใครจะไปท้วง ผมแค่อยาก...อยากรู้ว่าสุริยะ หยางอยู่ไหน เขาเป็นยังไง เขา...เขายังอยู่ไหม
ข่าวของพี่ซันหายไปจากผมได้หนึ่งปีแล้ว สถานการณ์ในจีนกลับสู่ความสงบแต่ข่าวจากตระกูลหยางไม่มีมาเลยสักครั้ง ทุกความสูญเสียมีระยะเวลาเยียวยาของมัน แม้แต่ผมก็เลิกร้องไห้ในที่สุดแล้วกลับไปเรียน
เจิ้น เยว่ทำตัวติดกับผมราวกับเพื่อนสนิท การมีหลานอยู่ด้วยทำให้ผมดีขึ้น ช่วงที่ผ่านมาผมเหมือนไม้หลักปักเลนที่โดนกระแสน้ำทะเลพัดแกว่งไปมา พอมีเรื่องเจิ้นให้ต้องใส่ใจผมก็ดีขึ้นทีละนิด
“จะเรียนเศรษฐศาสตร์หรอ”
“ใช่”
“ทำไมล่ะ”
“ก็บ้านทำธนาคาร ก็ต้องเรียนเกี่ยวกับเงิน”
“สอบเข้ามหาวิทยาลัยยากไหม”
“ยาก แต่บังเอิญเก่งอ่ะ เลยเข้าที่ไหนก็ได้”
เจ้าอ้วนเบะปากใส่ผมแล้วก็หันไปสนใจโจทย์คณิตศาสตร์ตัวเองต่อ ความเสียใจทำให้ผมเรียนเก่งขึ้น เพราะการโฟกัสกับการเรียนทำให้ผมยุ่งจนลืมเสียใจ
“ตอง ช่วยพี่เปลี่ยนหลอดไฟหน่อยสิจ๊ะ”
“ครับพี่จิน”
พี่จินเป็นอีกคนที่ช่วยให้ชีวิตผมหลังจากกลับมาอยู่กับเยว่ไม่รู้สึกแปลกแยกเกินไปนัก พี่จินยังเหมือนเดิม ดูแลผม ใส่ใจผมและทำให้รู้สึกว่าเรายังเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม
“มีตองนี่ดีจังเลย น้องชายพี่เท่จัง”
ผมหัวเราะไปกับคำพูดของพี่จิน ก็แค่ปีนบันไดมาเปลี่ยนหลอดไฟห้องนอนเอง บ้านเรามีคนงานผู้ชายอยู่เหมือนกัน แต่บางอย่างทำเองก็เร็วกว่า
“ไม่เท่อย่างเดียวนะครับ หล่อด้วย”
“จ้าพ่อคนหล่อ เดี๋ยววันนี้พี่ทำบัวลอยให้กิน สูตรใหม่อร่อยแน่นอน”
หนึ่งปีมานี้ผมน้ำหนักลดลงเยอะมากจนพี่จินกังวล ก็เลยกลายเป็นทำอาหารขุนผมให้กลับมาน้ำหนักเท่าเดิม แต่คนที่กินดีมีความสุขน่าจะเป็นเจ้าอ้วนมากกว่า
“อย่าลืมกินยานะตอง”
“ครับพี่จิน”
“เจิ้น ไปกินยาเป็นเพื่อนอาตองเร็ว”
ผมต้องกินยาแก้วิตกกังวลตั้งแต่เกิดเรื่องที่จีน ส่วนเจิ้นกินวิตามินเป็นเพื่อนผม พี่จินเองก็กินวิตามินบำรุงเหมือนกัน ถึงเวลากินยาเลยไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่แปลกประหลาด
ผลการยืนคะแนนสอบเข้ามหาลัยของผมไม่มีปัญหาอย่างที่คิด ชีวิตของผมช่วงนี้ไม่มีเรื่องทุกข์ใจอะไรเลยยกเว้นความคิดถึง พี่จินเคยพูดกับผมแค่รอบเดียวตอนที่ผมสติแตกในช่วงแรกๆ ว่า ตอนนี้ผมต้องใช้ชีวิตให้มีค่า เพราะพี่ซันไม่ได้ไปไหน เขายังอยู่ในใจของผม แล้วถ้าเขารู้ว่าผมไม่มีความสุข เขาก็จะไม่มีความสุข
บอดี้การ์ดที่พาผมกลับมาไทยก็อยู่ไทยแค่เดือนเดียวก็กลับอเมริกาไป เขาไม่ใช่คนในแต่แรกอยู่แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในจีนเป็นยังไง แต่เขามาส่งผมและรอเวลาตามที่อิงอิงสั่งไว้เท่านั้น
ชีวิตผมช่วงสามสี่ปีที่จีนเหมือนกับความฝัน หลักฐานที่บอกว่ามันคือเรื่องจริงก็มีตราประทับตระกูลหยางกับกุญแจโบราณและกระต่ายปั้นชา ปั้นชาเริ่มเก่าแล้ว ด้ายตรงหูเลยหลุดออกมา พี่จินก็หยิบไปเย็บให้มันเลยกลับมาสุขภาพดีเหมือนเดิม
“ทำไมชอบกระต่าย”
“เพราะกระต่ายน่ารัก”
“น่ารักยังไงหรอ”
“ก็ถ้าเราเจอคนตัวเล็กๆ น่ารักแล้วเอากระต่ายให้เขาถือ มันก็ยิ่งน่ารักไง”
ทฤษฎีสุริยะ หยาง ซื้อกระต่ายให้ผมเพราะคิดว่าผมน่ารักเหมือนกระต่าย เจิ้นทำหน้างงกับคำอธิบายแต่ก็ยื่นมือมาขอกระต่ายไปอุ้ม
“แล้วเราจะเจอคนน่ารักตอนไหนอ่ะ”
“ถึงเวลาก็รู้เองแหละว่าเราจะต้องให้กระต่ายกับใคร เพราะคนน่ารักที่เราอยากจะให้กระต่ายกับเขาคงมีคนเดียวในโลก”
“เข้าใจยากจัง”
“โตก่อนก็เข้าใจเอง อีกไม่กี่ปี ทนสงสัยไปก่อนนะ”
เจิ้นทำน่าสงสัยแล้วก็ถอนหายใจ พอเด็กๆ ทำท่าเลียนแบบผู้ใหญ่มันก็ขำจริงๆ อ่ะ
“แล้วน้าตองเคยให้กระต่ายใครไหม?”
“ไม่หรอก...พอดีน่ารักเลยเป็นฝ่ายได้รับกระต่ายแทนไง”
“น่ารักตรงไหน น่าเกลียดจะตาย ตาถั่ว”
“น้าไม่เหมาะกับกระต่ายหรอ? ออกจะน่ากอดเหมือนกัน”
เจิ้นส่ายหัวรัวๆ แล้วก็ส่งกระต่ายคืนมา เจิ้น เยว่ในวัยเก้าขวบเริ่มมีเค้าลางของการเปลี่ยนแปลงเป็นวัยรุ่น อีกปีสองปีคงสูงพุ่งชะรูดเป็นต้นมะพร้าว พี่เขยของผมก็ตัวสูง เจ้าบ้านเยว่ก็ตัวสูง พี่จินเองก็เป็นผู้หญิงตัวสูงเท่าๆ กับผมที่เป็นผู้ชายด้วยซ้ำ
“แล้วถ้าเจอคนน่ารักต้องไปซื้อกระต่ายที่ไหนอ่ะ”
“ฮันแน่...เจ้าชู้นะเรา ก็เอายี่ห้อนี่ดิ นุ่มดี กอดนุ่ม หูยาว คนน่ารักต้องกอดกระต่ายหูยาวๆ”
“อือ ถึงเวลาต้องพาไปซื้อนะ”
“เอาตัวที่น่ารักอันดับสองของโลกเลยนะ”
“ทำไมไม่ได้อันดับหนึ่ง”
“เพราะอันดับหนึ่งคือตัวนี้”
โอ้ยขำ ขำจริงๆ หลานชายผมขมวดคิ้วทำปากขมุบขมิบแล้วก็ถอนหายใจแถมยังส่ายหัวปลงอีก การมีหลานน่าแกล้งนี่เป็นรางวัลชีวิตอย่างหนึ่งเลยน้า
ชีวิตมหาวิทยาลัยของผมเริ่มพร้อมๆ กับการที่เจ้าบ้านเยว่เริ่มสนใจธุรกิจร้านชา ผมเคยทำให้สุริยะ หยางมาก่อนก็เลยได้รับหน้าที่คอยดูแลร้านชาสาขาแรกของเยว่
เราเปิดเป็นช็อปของฝากอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง สินค้าเป็นชาที่ปลูกในไทย ไม่ได้ทำกำไรเลยในไตรมาสแรกแต่เป็นความชอบส่วนตัวของเจ้าบ้านเยว่
บ้านเราเป็นบ้านจีน ชาเป็นอะไรที่ผมคุ้นเคย ชาที่ปลูกในไทยยังไม่ได้คุณภาพเท่ากับชาจีนของร้านในเครือพระอาทิตย์ แต่มันก็น่าซื้อเป็นของฝากมากกว่าจะดื่มเอง
กิจกรรมมหาลัยทำให้ผมมีเพื่อนเยอะขึ้น นิสัยที่ติดตัวมาจากจีนที่ผมแก้ไม่หายคือการกลืนไปกับเพื่อนทุกกลุ่ม หัวเราะไปกับเรื่องที่ผมไม่ได้สนใจ กลายเป็นว่าผมมีคอนเน็คชั่นกับเพื่อนหลายกลุ่มโดยที่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้คอนเน็คชั่นนี้ทำอะไร
จนกระทั่งเข้าเทอมสอง การมีเพื่อนเยอะก็ส่งผลให้ร้านชาของผมมีกำไรมากขึ้น สังคมในมหาวิทยาลัยมีแต่ลูกคนรวย ที่สนับสนุนกิจการของกันและกัน มิตรภาพในวงการธุรกิจ ผมไม่ได้ชอบเท่าไหร่ แต่ผมทำมันได้ดี
แล้วผมก็กลายเป็นคนเที่ยวกลางคืนตามเพื่อน เราอายุไม่ถึงแต่กฏหมายไม่ได้แข็งนักโดยเฉพาะในกลุ่มลูกหลานคนมีเงิน
“เฮ้ยตองมีบุหรี่ปะ”
“มีๆ เอาแบบร้อนหรือเย็น?”
ที่บ้านไม่ได้มีใครว่าเรื่องเที่ยวกลางคืนเพราะผมไม่ได้กลับดึกอะไรมากมาย ไม่ได้เมาหนัก แล้วเพื่อนกลุ่มผมก็มีแต่ลูกตระกูลคู่ค้ากับเยว่
พี่ซันหายไปจากผมเข้าปีที่สอง ผมก็ยังคิดถึงเขาเหมือนเดิมแค่ไม่ได้เศร้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หลังๆ ผมก็ทำใจได้ว่าพี่ซันคงไปอยู่เป็นพระอาทิตย์บนท้องฟ้า ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยผมอยู่นี่มานานขนาดนี้
ผมทำใจได้ขนาดที่ว่าตื่นมาทำบุญกับพี่จินตอนเช้าก็กรวดน้ำขอให้พี่ซันมีความสุข พี่จินยังขำ แซวว่าถ้าพี่ซันได้ยินคงโมโห ผมทำบุญทั้งยาดม ยาหอม ยาแก้ความดัน แล้วบางทีก็ทำบุญด้วยชาราคาแพง ทำอาหารเหลาชุดใหญ่แบบที่พี่ซันชอบบ้าง ล่าสุดวันตรุษจีนก็เผายาย้อมผมไปให้ด้วย อยู่บนนั้นเดี๋ยวโดนคนอื่นล้อว่าผมหงอก
ในห้องนอนผมตอนนี้ก็มีรูปพี่ซันใส่กรอบแขวนอยู่พร้อมกระถางธูปเล็กๆ เป็นรูปพี่ซันสมัยก่อนที่ยังดูเด็ก เจ้าบ้านเยว่ถ่ายไว้เมื่อนานมาแล้วสมัยพี่ซันมาไทย
พี่ซันเองก็เคยมาไทยเหมือนกันตอนอายุสิบสองสิบสาม ก่อนเขาจะไม่ได้ออกนอกประเทศอีกด้วยภาระหน้าที่ ตอนนี้เวลาผมเครียดๆ บางทีก็มาจุดธูปคุยกับเขา ฐานะพี่ซันในใจผมไม่เคยลดลง ผมเองก็คงไม่มีวันเปิดใจให้ใครได้อีก
“ไว้ตองรวยจะหาซื้อแจกันเผาไปให้นะ ตอนนี้ไม่มีเงิน พี่ซันอยู่บนสวรรค์อย่าไปขโมยแจกันเทวดานะครับ เดี๋ยวโดนทำโทษไม่ได้มาเกิดใหม่นะ ช่วงนี้ตองติดบุหรี่อ่ะ โคตรแย่ ถ้าเราจูบกันต้องโดนพี่ซันดุแน่เลย... ตรุษจีนปีหน้าจะเอาเหล้ามาจุดธูปให้นะ เดี๋ยวนี้เป็นเด็กไม่ดีแล้วครับ เมาบ่อย”
รูปพี่ซันในกรอบยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผมเหมือนเดิม ผมนั่งบ่นไร้สาระจนธูปหมดดอกก็ลุกขึ้น สายตาหันไปเห็นเจิ้นยืนชะเง้ออยู่ตรงประตู
“คุยกับเขาอีกแล้วหรอ”
“อือ อดไม่ได้น่ะ”
“คุยแล้วเขาได้ยินไหม?”
“ได้ยินมั้ง? แต่แค่ตอบไม่ได้เฉยๆ เพราะเขาตายแล้ว”
“ไม่ตายหรอก แม่บอกว่าคนตายไม่ได้ไปไหน แต่ยังอยู่ในใจ เหมือนตอนคุณย่าตาย”
“ใช่...เขายังอยู่ในใจ เลยต้องใช้ชีวิตให้ดีเขาจะได้ภูมิใจ”
“น้าตอง...อย่าตายตามเขาไปนะ”
ผมดึงหลานเข้ามากอด ผมผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดมาแล้ว ผมดีขึ้นกว่าตอนนั้นมากทีเดียว เจิ้นเคยพูดหลายครั้งว่าอย่าตามพี่ซันไป ยังไปไม่ได้หรอก...ผมยังอยากดูแลหลาน ยังอยากอยู่กับพี่จิน ยังอยากช่วยงานเจ้าบ้านเยว่อยู่ ยังอยากใช้ชีวิตอิสระที่พี่ซันไม่เคยมีแทนเขา
“ไม่ตายหรอก ปล่อยสุริยะ หยางเป็นผีไปคนเดียวก่อน รู้ไหมป่านนี้โวยวายสวรรค์แตก ตกนรกไปแล้วมั้ง”
“ทำได้ด้วยหรอ”
“คนแบบสุริยะ หยางคงเป็นผีน่ารำคาญ สมมุติเขาให้ลงกะทะทองแดง ก็คงถามยมทูตว่ากะทะนี่อายุกี่ปี ทำจากอะไร ราคาเท่าไหร่ ถ้าถูกใจก็ขอซื้อกะทะผีอีก หรือปีนต้นงิ้วก็คงถามยมทูตอีกว่าเป็นต้นไม้มงคลไป ปลูกถูกหลักฮวงจุ้ยหรือเปล่า ถ้ายิ่งไปสวรรค์นะยิ่งสงสารเทวดาเลย ของดีๆ แพงๆ คงเยอะ โดนขโมยหมดแน่”
“ทำไมนิสัยไม่ดีเลย”
“เจอคนหน้าตาแบบนี้อย่าไปเข้าใกล้ จำไว้นะ”
เจิ้นทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ผมหลอกหลานสำเร็จแล้ว การหลอกเจิ้นให้สงสัยนี่เป็นความสุขของชีวิตเลยล่ะ เดี๋ยวโตขึ้นจะหลอกไม่ได้แล้ว ตอนนี้ต้องรีบหลอกไว้ก่อน
ขอโทษนะครับพี่ซันที่แอบนินทา ไว้ทำบุญคราวหน้าอวิ๋นจะเผาชาไปให้นะ
==========================
เวรกรรมของกันติชาเขานะคะ แกล้งหลานมาก 5555555555555555 โดนแย่งมูนนี่แน่
ส่วนพี่ซันขนาดเป็นผีก็ยังโดนเมียจิกกัด
ฉากตอนต้นเรื่องเป็นพระราชวังกู้กงค่ะ ใครมีโอกาสไปเที่ยวปักกิ่งต้องไปให้ได้ สวยมากค่ะ ใหญ่อลังการตระการตา แนะนำให้ไปแบบมีไกด์นะคะ เขาจะเล่าเกร็ดประวัตินั่นนี่ให้ฟัง
#อาณาจักรพระอาทิตย์ เป็นนิยาย Irony หรือ Ironic คือการย้อนแย้ง
เช่น พี่ซันเป็นพระเอก ชอบกระต่าย ชอบปลา ชอบอะไรเล็กๆ จุกจิก ขี้หึง
แต่นายเอกแบบอวิ๋น ที่ตัวเล็กๆ กลับวางแผน ชอบคิด และแอบเป็นผู้นำในแบบผู้ตาม
เป็น irony แบบ Dramatic Irony คือคนอ่านรู้ทันตัวละคร แต่ตัวละครยังไม่รู้ อย่างที่ทุกคนรู้ว่าพี่ซันไม่ตายหรอก 555+ แต่ตัวละครในเรื่องยังไม่รู้ค่ะ
ตัวละครที่แบมชอบมาตั้งแต่ภาคเจิ้นยันภาคนี้คือคุณแม่เจิ้นค่ะ เป็นพลังงานบวกในชีวิตของทุกตัวละคร