Begin Again ที่เก่าเวลาเดิม แต่….
#17
หมดไปอีกวันกับการฝึกงาน วันนี้มันก็เรื่อยๆไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ดีแค่ตรงที่ว่าวันนี้ผมมีไอ้ป่านอยู่เป็นเพื่อนทั้งวันเพราะภารกิจเฝ้าอิเคดะซังคอมพลีทแล้วน่ะแหละ เออ วันนี้เธอมาทำงานด้วยนะ น่ารักสมกับที่ไอ้ป่านมันเล่าจริงๆด้วย
“อ่าว น้องตัง” เสียงทักจากทางด้านหลังเรียกให้ผมหันกลับไปมอง
“พี่ปอนด์ หวัดดีครับ”
“หวัดดีครับ ทำไมมายืนตรงนี้คนเดียวล่ะ?” คนถามยิ้มมุมปากเล็กๆก่อนจะเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“พอดีรอคนมารับน่ะครับ” ใช่แล้ว ตอนนี้ผมยืนหัวโด่รอไอ้พี่แดนอยู่ตรงข้างร้านกาแฟหน้าตึก ก็ร้านที่ผมเคยมานั่งกินกาแฟรอไอ้ปอกับพี่ปอนด์น่ะแหละ
วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาเองเพราะพี่แดนมันชวนไปตัดผมที่สยาม พี่มันเลยขับรถมาส่งเมื่อเช้าเพราะจะได้ไม่ต้องเอารถออกหลายคัน
“ไปนั่งรอในร้านกาแฟด้วยกันไหม?”
“คือ...วันนี้ผมคงไม่สะดวกครับ” ผมปฏิเสธ พี่ปอนด์เลิกคิ้วเหมือนสงสัยอะไรซักอย่างก่อนจะพยักหน้ารับแกนๆแล้วส่งยิ้มเล็กๆมาให้
“งั้นพี่ไปนะครับ ไว้เจอกันนะ”
“ครับ”
ผมล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเจ้าไอโฟนออกมาดูเวลา คนที่บอกว่ากำลังจะมาถึงเมื่อ 5 นาทีที่แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนวะ แต่ไม่นานรถสีขาวคันเดิมก็มาจอดเทียบที่ฟุตบาตข้างหน้า ผมเปิดประตูก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งทันทีเพื่อที่พี่มันจะได้ไม่ต้องจอดนาน ไม่ใช่อะไรหรอก มันจะขวางทางคนอื่นเขาน่ะ
“มายืนรอนานหรือยัง?” พี่มันเอ่ยถาม ผมส่ายหัวก่อนจะตอบ
“แปบเดียว แต่หิวมากกกก” ผมลากเสียงยาว พี่มันหัวเราะก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ๆจะยื่นมายีหัวผมเบาๆ
“แล้วจะกินอะไร?”
“อืม...รางเมงมะ?” ผมเสนอ
“อ่าหะ”
“หรือจะเป็นชาบูดีอ่ะ”
“แล้วแต่ครับ”
“ไม่เอาๆ เนื้อย่างดีกว่า” ผมบอก แต่คราวนี้พี่มันเงียบแฮะ
“พี่” ผมสะกิดมือที่วางอยู่บนเกียร์เบาๆเพื่อให้พี่มันหันมาหา
“ส้มตำไก่ย่างก็น่ากินเนอะ” ผมหัวเราะแหะๆก่อนจะชี้ไปที่หน้าต่างรถฝั่งตัวเอง ก็ตอนนี้รถมันติดอ่ะ ละแบบบนฟุตบาตเป็นร้านขายอาหารอีสานไง คนยืนมุงกันเพียบเลย สงสัยจะอร่อย
“อ่าหะ”
“แต่...เอาไว้ไปถึงสยามก่อนก็ได้” ผมพูดเสียงอ่อย พี่มันหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรโต้ตอบออกไป
“พี่อนุญาติให้หลายใจได้เฉพาะเรื่องกินนะครับ”
หึ้ยยยยยยยยยยยยยยยย บ้าบอ!
“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจแล้วทิ้งตัวไถลลงกับโซฟาทันทีที่กลับมาถึงห้อง สรุปไอ้ที่คิดว่าจะกินนั่นกินนี่ก็จบด้วยราเมงนั่นแหละง่ายสุดละ จากนั้นก็ไปตัดผม และโชคดีเรื่องเดียวของวันนี้ก็คือช่างประจำของผมคิวว่างพอดี
เออ ผมทำสีผมใหม่ด้วยนะ เป็นสีเทาหม่นแต่ออกเข้มเหมือนสีควันบุหรี่แต่เข้มกว่า คิดภาพกันออกไหมอ่ะ แต่เอาเถอะ พูดง่ายๆว่ามันเท่โคตร เท่จนใครบางคนมันทำตามอ่ะ แต่แม่ง ทำออกมาแล้วดันดูดีกว่ากูเนี่ยสิ ชิส์
“พี่แดน แล้วไอ้ฟ้าอ่ะ?” ผมถามเมื่อไอ้คนที่ผมกำลังนินทาในใจมันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมสีเทาหม่นๆสะท้อนกับแสงไฟยิ่งทำให้หน้ามันดูเด่นขึ้นไปอีก พี่มันยกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบคำถามผมด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ไล่ไปแล้ว”
“เอาจริงดิ่?”
“จริง” พี่มันย้ำเสียงกลั้วขำก่อนจะทิ้งตัวลงมานอนหนุนตักผมซะดื้อๆ ดวงตาคมปิดลงครู่หนึ่งจนเห็นแพขนตายาวก่อนจะลืมขึ้นมองหน้าผมพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่คว้ามือผมไปจับเอาไว้โดยที่พี่มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“หนักนะเนี่ยะ” ผมแกล้งขยับขาไปมาเมื่ออยู่ดีๆพี่มันก็ถือถือวิสาสะจูบหลังมือผมซะเฉยๆแถมยังจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก
“ยังอีก” ผมเหล่ตามองคนที่ยังนอนยิ้มจนตาหยี่แบบไม่สะทกสะท้านอะไรใดๆทั้งสิ้น
“พี่แดน!”
“โอเคๆ ยอมแล้วครับ” ปากก็พูดแบบนั้นแต่หน้าตาก็ไม่มีสำนึกอะไรหรอก พี่มันยังคงยิ้มแต่ก็ยอมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
“ปล่อยมือด้วยสิ” ผมหรี่ตามองฝ่ามือใหญ่ที่ยังจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย แต่พี่มันยังทำหูทวนลม
“ต้องจูบก่อน”
“......” ไอ้ ไอ้ ไอ้บ้า! ผมถลึงตาใส่ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างตีแรงๆที่หน้าอกแกร่งแต่ก็ต้องโดนพี่มันยึดมือไปด้วยอีกข้างจนได้ แถมยิ่งผมพยายามดึงออกมันก็ยิ่งแน่น เออ กูซึ้งละว่าการไม่ออกกำลังกายมันทำให้ง่อยแบบนี้นี่เอง ห่า สะบัดยังไงก็ไม่หลุด
“งั้นก็จับไปจนตายเลยนะ” ผมกระแทกเสียงใส่เมื่อขี้เกียจจะสู้ มุมปากบางหยักยิ้มน้อยๆก่อนจะคลายความแน่นของฝ่ามือออก แต่ก็ยังจับไว้อยู่ดี
“จนตายก็ไม่ปล่อย” ผมเม้มปากแน่นเมื่ออยู่ๆความร้อนก็ฉาบไปทั่วทั้งใบหน้า น้ำเสียงทุ้มนุ่มนั่นกระแทกเข้ามาในอกจนเหมือนหัวใจของผมจะปลิดปลิวออกมากับคำพูดนั้นเสียให้ได้
ดวงตาคมที่จ้องมามันทำให้ผมไม่สามารถจะละสายตาตัวเองที่จ้องมองตอบกลับไป และระยะของสายตามันก็สั้นขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องหลุบตาลงเมื่อลมหายใจของเราทั้งคู่ต่างก็ปะทะกันอยู่บนปลายจมูก
ลิ้นร้อนที่ค่อยๆสอดแทรกเข้ามาในห้วงจังหวะหายใจทำให้ผมต้องเปิดปากออกและตอบสนองมันด้วยปลายลิ้นของตัวเองก่อนที่จะปล่อยให้แรงโน้มถ่วงดึงตัวผมให้เอนราบลงไปกับโซฟาโดยที่ริมฝีปากก็ยังถูกพี่มันถือวิสาสะครอบครองอยู่แบบนั้น
ผมก็ไม่รู้ว่าเราจูบกันอยู่นานแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่ายิ่งเราจูบกันนานขึ้นเท่าไหร่ ความต้องการในสิ่งที่มากกว่าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“อืม….” ริมฝีปากชื้นที่ลากไล้รอยจูบไปถึงแอ่งชีพจรนำพาความซ่านแล่นริ้วไปถึงปลายเท้าจนผมต้องเม้มริมฝีปากเมื่อระงับเสียงครางของตัวเองไม่ไหว
“ทำกันนะ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นติดริมฝีปากเรียกให้ผมต้องลืมตาขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงนั้นช้าๆ ดวงตาคมที่กำลังจ้องมองมามันบอกความหมายของสิ่งที่เจ้าของมันต้องการได้อย่างชัดเจน
และทั้งๆที่ผมเข้าใจความหมายนั้น…
แต่ผมก็ยังหลับตาลงเพื่อเป็นคำตอบของคำถามอยู่ดี
“ไปที่เตียงกันเถอะ”
ผมแทบจะตั้งตัวอะไรไม่ทันอีกเลยหลังจากประโยคนั้นเพราะทันทีที่แผ่นหลังของผมสัมผัสกับเตียงกว้างพี่แดนก็กดจูบลงมาทันที ริมฝีปากร้อนนั่นแทบจะทำให้ผมหายใจผิดจังหวะ และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมครางประท้วงพี่มันก็จะผละออก แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นแล้วก็ย้ำลงมาใหม่ ผมไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ากระดุมเสื้อนักศึกษาเม็ดสุดท้ายหลุดออกไปตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีริมฝีปากร้อนๆนั่นก็ลากไล้ทิ้งรอยสัมผัสไว้ทั่วผิวเนื้อผมแล้ว
“อื้อ…” ผมเกร็งตัวแน่นเมื่อปลายลิ้นร้อนถูกลากผ่านจุดอ่อนไหวบนหน้าอก ก่อนที่มันจะวนกลับมาดูดเม้มย้ำๆหลายทีจนผมต้องกัดปากแน่น
“พี่….” ผมท้วงเมื่อริมฝีปากร้อนนั่นเริ่มจาบจ้วงต่ำลงไปจนถึงหน้าท้อง ความซ่านแล่นริ้วไปตามผิวหนังจนผมต้องจิกปลายนิ้วลงบนบ่ากว้างนั่น ใบหน้าคมเงยขึ้นมาสบตาผมอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากหยักก่อนที่ฝ่ามือกว้างจะปลดเข็มขัดของผมออกทั้งๆที่เรายังสบตากันอยู่
ผมเม้มปากแน่นด้วยความอายกับอะไรหลายๆอย่างในร่างกายที่กำลังรอการตอบสนอง แต่ดวงตาคมนั่นก็ยังท้าทายให้ผมมองจ้องตอบแบบไม่หลบสายตา แล้วอยู่ๆพี่มันก็ยืดตัวขึ้นแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีดำของตัวเองออกจนหมดแล้วโยนทิ้งลงที่ข้างเตียง
และนั่น…
มันก็ทำให้ผมแพ้แบบไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับได้เลย
ความเย็นวาบที่ช่วงล่างเล่นงานผมทันทีเมื่อกางเกงถูกถอดออกไป คราวนี้ต่อให้ใจกล้าแค่ไหนผมก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้สบตาคมนั่นได้อีกแล้ว
“มองพี่สิครับ” เสียงทุ้มๆนั่นกระซิบที่ข้างหูก่อนที่ฝ่ามือกว้างจะจับมือที่ผมยกขึ้นปิดหน้าออกแล้วกดริมฝีปากจูบลงที่ริมฝีปากผมอีกครั้ง
“อือ...ไม่..เอา..” ฝ่ามือใหญ่กดมือขวาผมลงที่เตียงในขณะที่ริมฝีปากร้อนก็ไล้เลียตั้งแต่ลำคอลงมาจนถึงยอดอก
“พี่…แดน..” จากที่พยายามจะดันไหล่กว้างๆนั่นผมกลับต้องยึดเอาไว้แน่นเมื่อฝ่ามือร้อนกอบกำส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายผมเอาไว้ในมือโดยที่ปลายลิ้นร้อนนั่นก็ลามเลียต้นขาด้านในจนความเสียวซ่านแล่นริ้วไปถึงปลายเท้า
“อ๊ะ...อื้อออ” ความอุ่นวาบของโพรงปากที่เข้าครอบครองผมแทนฝ่ามือยิ่งถ่าโถมความสุขซ่านให้เพิ่มขึ้นจนผมแทบจะรับมือไม่ไหว และไม่ว่าผมจะดึงทึ้งผ้าปูที่นอนยังไงมันก็ไม่สามารถบรรเทาความชาวาบที่ปลายนิ้วได้เลย
“พี่ แดน ผม...ไม่ อืออ” ผมกัดปากแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดเสียงครางดังๆออกมาเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของอารมณ์ ใบหน้าคมเงยขึ้นมาสบตาผมอีกครั้ง ปลายลิ้นร้อนถูกส่งออกมาเลียคราบสีขาวขุ่นที่มุมปากหยักช้าๆ
ความขัดเขินทำให้ผมหน้าร้อนจนแทบไหม้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นภาพที่น่าดูจนไม่อาจจะละสายตาไปได้
ริมฝีปากบางก้มลงมาจูบผมอีกครั้งความฝาดเฝื่อนที่ยังหลงเหลืออยู่ในโพรงปากทำให้ผมต้องครางประท้วงแต่พี่มันกลับหัวเราะในลำคอเบาๆซะแบบนั้น ใช่ มันหัวเราะทั้งๆที่ยังจูบผมอยู่นั่นแหละ ไอ้บ้านี่!
“ไม่อร่อยเหรอครับ?” น้ำเสียงหยอกเย้าคลอเคลียอยู่ข้างแก้มเมื่อพี่มันถอนจูบออก ริมฝีปากบางจูบซับที่มุมปากผมอีกครั้งก่อนจะย้ำลงมาจูบปิดปากผมอีกครั้งเหมือนไม่ต้องการคำตอบหรือคำท้วงติงใดๆ
ฝ่ามือร้อนเริ่มลูบไล้ไปจนถึงบั้นเอว ริมฝีปากบางก็ยังคงย้ำจูบผมไม่ละออกไปไหน ความรู้สึกเสียวซ่านเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อร่างกายหนาๆของพี่มันแทรกเข้ามาตรงกลางหว่างขาของผมที่ถูกจับแยกออก
“ซี้ด…อือออ” ผมสูดลมหายใจเข้าทางปากก่อนจะกัดริมฝีปากล่างแรงๆเพื่อระงับเสียงครวญครางที่น่าอายเมื่อริมฝีปากร้อนดูดดึงยอดอกจนแข็งตึง ความต้องการที่ส่วนล่างของผมถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฝ่ามือใหญ่ไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระ
ความกระสันต์แล่นริ้วไปทั่วร่างกายผมจนเหมือนมันจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ทั้งเสียงริมฝีปากร้อนที่ดูดเคล้ายอดอกผมอย่างหยาบโลนทั้งฝ่ามือใหญ่ที่รูดรั้งปรนเปรอส่วนอ่อนไหวผมไม่หยุด ความสุขซ่านที่พุ่งทะยานทำให้ผมต้องยกสองมือขึ้นรั้งลำคอแกร่งเอาไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว
“พี่…แดน ไม่” ผมผวาเฮือกเมื่ออยู่ๆสัมผัสจาบจ้วงจากฝ่ามือร้อนก็หยุดลง พี่มันยืดตัวขึ้นก่อนจะจับมือของผมไปวางที่ขอบกางเกงยีนส์ตัวหนา มุมปากหยักยักยิ้มน้อยๆในขณะที่ดวงตาคมนั่นก็กำลังท้าทาย
และหลังจากที่ผมปลดซิปบนกางเกงยีนส์นั่น…
“ขอบคุณนะครับ” น้ำเสียงทุ้มก้มลงมากระซิบติดริมฝีปากก่อนจะจูบย้ำๆให้ผมเปิดปากรับลิ้นร้อนที่เจ้าตัวกำลังส่งเข้ามาหยอกเย้ากับปลายลิ้นของผมในโพรงปาก
ผมหลับตาลงอีกครั้งเพื่อตัดทุกอย่างออกจากสมองในขณะที่ปล่อยให้สัญชาติญาณได้ทำงานของมันอย่างเต็มที่ ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเหตุผลหรือความผิดชอบชั่วดีอะไรก็ตามแต่ ผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
“อื้ออ” ความเย็นของเจลหล่อลื่นทำให้ผมกระตุกตัวเกร็ง ความเสียวซ่านแล่นปราดจนถึงปลายเท้าทันทีทีนิ้วเรียวยาวสอดแทรกเข้ามาที่ช่องทางด้านหลัง ความเสียดเสียวประดังประเดเข้ามาจนผมแทบจะรับไม่ไหว แต่ยิ่งพี่มันสอดลึกเข้ามาเท่าไหร่ ผมกลับยิ่งต้องการมันมากกว่านั้น
“พี่...แดน..ผม..” ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเรียกร้องออกไปยังไงกับสิ่งที่ตัวเองกำลังต้องการเลยเลือกที่จะยกมือขึ้นดันไหล่กว้างนั่นเพื่อให้พี่มันเงยหน้าขึ้นมาสบสายตา และเมื่อเราสบตากันริมฝีปากบางนั่นก็ยกยิ้มก่อนที่ผมจะได้ในสิ่งที่กำลังต้องการ
ซองพลาสติกสีเงินถูกฉีกและโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีเมื่อสิ่งที่ถูกห่อหุ้มถูกนำออกมาใช้ และทันทีที่ส่วนปลายของสิ่งที่แสดงความต้องการของพี่มันถูกสอดเข้ามามันก็ทำให้ผมต้องสูดลมหายใจเข้าทางปากเพื่อระบายความเสียดเสียวนั่น
“ซี้ด...อือออ”
“พี่ แดน...”
“ครับ...ที่รัก” เสียงทุ้มนุ่มที่ตอบรับกลับมามันทำให้ผมรู้สึกซ่านเข้าไปในอกอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งมองจ้องคนที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บนตัวผมนานเท่าไหร่ หัวใจผมก็ยิ่งเต้นแรง
“ผม..ไม่ อืออ” เหงื่อกาฬที่ผุดพราวเต็มใบหน้าคมจนไหลลงมาถึงหน้าอกแกร่งทำให้ผมเผลอมองตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กล้ามเนื้อที่ขึ้นรูปสวยนั่นยิ่งเร่งเร้าความตื่นเต้นของผมให้พุ่งขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด
และยิ่งมองต่ำลงไปกว่านั้น สิ่งที่กำลังเชื่อมต่อเราอยู่ก็แทบจะทำให้ผม...
“อ๊ะ…” จังหวะการเคลื่อนไหวที่ถี่กระชั้นทำให้ผมผวากอดพี่มันไว้แน่น และเสียงหอบหายใจหนักๆที่ข้างหูนั่นก็ยิ่งเป็นตัวเร่งเร้าความวาบหวามให้ถึงขีดสุด
“พี่ แดน ผม ไม่ อ๊ะ”
“อีกนิด เดียว อาา ที่รัก” เสียงกระเซ่ากระซิบเบาๆที่ข้างหู ก่อนที่ทุกอย่างจะขาวโพลนเหมือนกลุ่มควันที่พุ่งทะยานขึ้นในอากาศ
ริมฝีปากร้อนชื้นฝังลงที่ข้างขมับผมในขณะที่เราต่างก็ยังหอบหายใจ พี่แดนดันตัวขึ้นจากตัวผมช้าๆ แววตาที่มองสบกันมันให้ความรู้สึกที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก
บรรยากาศรอบตัวเราเงียบไปชั่วอึดใจเมื่อเราต่างก็จ้องมองกันและกันอยู่แบบนั้น แต่แล้วริมฝีปากบางที่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ก็ทำให้ผมค่อยๆหลับตาลงเพื่อรอรับสัมผัส และเมื่อเราจูบกันอีกครั้ง ผมก็ไม่สามารถจะหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้อีกเลย
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งในความมืด วงแขนกว้างที่โอบกอดผมไว้จากด้านหลังยังคงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่าทุกสัมผัสที่หลงเหลืออยู่บนร่างกายผมนั้นมันเป็นของจริง ไม่ว่าจะเป็นด้วยจากฝ่ามือหรือริมฝีปาก หรือแม้แต่….
ใช่ สุดท้ายผมก็ปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดไปไกล ไกลจนผมมองไม่เห็นต้นทางที่ผ่านมาแล้วด้วยซ้ำ คำถามมากมายที่ถ่าโถมเข้ามาในหัวสมองเรียกให้ผมต้องกัดปากตัวเองเอาไว้เมื่อต้องใช้ความคิดในการหาเหตุผลที่จะตอบ
แต่อย่างหนึ่งที่ผมรู้ก็คือ
ผมไม่ได้เสียใจ ในทางกลับกันผมยอมรับเลยว่ามันรู้สึกดีเอามากๆด้วยซ้ำ
อาจเป็นเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก…
ด้วยสัญชาติญาณและความคุ้นชินทุกอย่างมันตอกย้ำผมได้อย่างดีว่าตลอด2ปีที่ผ่านมา เราคงจะทำเรื่องแบบนี้ด้วยกันมามากมายแค่ไหน
อยู่ๆอ้อมแขนที่คลายกอดอย่างกระทันหันก็ทำให้ผมผวา แต่สัมผัสจากฝ่ามือที่ลูบเบาๆบนหัวมันก็ทำให้ผมรู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“พี่กอดแน่นไปหรือเปล่า?” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆที่ข้างหู ผมส่ายหัว ถึงแม้ว่าห้องมันจะมืดแค่ไหนผมก็มันใจว่าพี่มันจะรู้คำตอบในเมื่อเราร่างกายเราแนบชิดกันมากขนาดนี้
“พี่แดน…” ผมเอ่ยออกไปเสียงแผ่วแต่ก็เลือกที่จะหยุดคำพูดเอาไว้ เพราะแม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากจะพูดอะไรออกไป
“ครับ?”
“ผม…”
“เปล่า ไม่มีอะไร” ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจมันทำให้ผมแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง ผมเม้มปากเมื่อไม่อยากให้ตัวเองได้พล่ามอะไรออกมาอีกก่อนจะตัดสินใจพลิกตัวเข้าไปหาอ้อมกอดของคนที่นอนอยู่ข้างหลัง และอ้อมกอดนั้นก็รับตัวผมเข้าไปในทันที
“ฝันดีนะครับ”
ผมผยักหน้ากับแผ่นอกกว้างของคนที่จูบหน้าผากผมเบาๆและบอกให้ฝันดี ถึงแม้ว่าผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะนอนหลับได้จริงๆหรือเปล่าก็ตาม ในเมื่อคำถามที่อยู่ในใจผมมันยังสว่างเด่นชัดไม่จางไปไหน
นี่ผม….รักพี่มันไปแล้ว
จริงๆน่ะเหรอ?
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxหว่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เขินพี่เขาจังค่ะ >////////<
ขอบคุณทุกคนมากๆที่กดเข้ามาอ่านแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ด้วยค่ะ มันเป็นกำลังใจที่ดีมากๆเลย
ช่วงนี้เรางานยุ่งมากกกกกกกจริงๆค่ะ แต่ตอนหน้าจะพยายามมาให้ไม่เลทมากนะคะ
ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปจนจบด้วยนะคะ
B2
Twitter : @B2YFICTION