Begin Again ที่เก่าเวลาเดิม แต่….
#12
เมื่อวานวันพุธ งั้นวันนี้ก็ต้องเป็นวันพฤหัส และพรุ่งนี้ก็คือวันศุกร์ พี่มันจะกลับมาแล้วโว้ยยยย!!
ไอ้ที่บอกจะคิดทบทวนห่าเหวอะไรนั่นบอกตามตรงว่าไม่ได้คิดอะไรเลย 4-5วันที่ผ่านมา นอกจากจะแบกสมองกลวงๆไปสอบไฟนอล (พอกลับมาอยู่ปี3แล้วทำไมต้องกลับมาโง่เหมือนเดิมด้วยวะ บ้าบอที่สุด!) กลับบ้านก็เอาแต่นัวเนียอยู่กับเจ้าก้อนกลมตลอด ก็มีบ้างที่พี่มันวีดีโอคอลมาหา จะว่าบ้าง ก็วันละครั้งก่อนนอน เขาเรียกว่าบ้างป่ะวะ เออ ก็นั่นแหละ แต่ไม่ต้องถามว่าคุยอะไรกันนะ แม่งหาเนื้อหาสาระอะไรไม่ได้หรอก แต่ก็บ้าบอมากที่แม่งกินเวลาเป็นชั่วโมงๆทุกทีสิน่า!
ส่วนเรื่องของเบล ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เจอกับเบลอีกเลย ได้เจอแค่ลูกน้ำกับแตงครั้งนึงที่โรงอาหารกลาง ผมยิ้มทักทายไปซึ่งสองสาวก็ยิ้มตอบกลับมาแบบปกติ มันทำให้นึกย้อนไปตอนที่เจอกับเบลวันนั้น มาคิดแบบไตร่ตรองดูอีกที น้ำเสียงของเบลที่พูดกับผมมันดูไม่ได้แฝงความรู้สึกใดๆ เหมือนคนที่รู้จักกันทักทายกันตามปกติมากกว่า และนั่นมันก็ทำให้ผมคิดอะไรบางอย่างได้
บางอย่างที่บอกผมว่า เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งเอง ในตอนนี้ ผมกับเบลจบกันไปแล้ว และนี่มันเป็นความจริงที่ผมต้องยอมรับให้ได้ จริงๆเหรอวะ ?
แต่ ต้องไม่ใช่ดิ่!
ไม่งั้นมันจะมีประโยชน์อะไรที่ผมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆอะไรแบบนี้ด้วยล่ะวะ!
“เฮ้ออออ” ถอนหายใจรอบที่สองล้านแปด ใครไม่รู้บอกว่าการถอนหายใจจะทำให้อายุสั้นลง เออ กูคงจะอยู่ได้อีกไม่ถึง 3 เดือนแล้วละมั้ง
“เฮ้ออ” นั่นไง เอาอีกแล้วกู ตายเร็วเข้าไปทุกทีๆ
ผมอุ้มเจ้าก้อนกลมที่นอนขดอยู่ข้างๆขึ้นมาวางบนพุงแล้วกอดเอาไว้ มันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรแค่ซบหน้าลงกับอุ้งเท้าอวบๆแล้วหลับต่อ
ทำไมวันนี้กูรู้สึกว่างจังวะ มองไปที่นาฬิกามันก็บอกว่าตอนนี้4ทุ่มกว่าแล้ว กำลังจะถอนหายใจก็นึกขึ้นมาได้ว่าเดี๋ยวอายุสั้นเลยยั้งเอาไว้ก่อน เกือบไปละ
ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาปลดล็อคอีกครั้งก็ไม่ได้มีแจ้งเตือนอะไรที่รู้สึกว่าสำคัญซักอย่าง ก็แล้วทำไมพี่มันไม่โทรมาซะทีวะ…
“บ้าบอ” ผมสบถใส่ความคิดตัวเองก่อนจะเอามือโขกหัวตัวเองแรงๆ ว่างจัดมั้งกูถึงได้ฟุ้งซ่านขนาดนี้
ผมมองหน้าจอก่อนที่มือจะกดเข้าไปในไลน์ ข้อความของคนที่มักจะอยู่บนสุดเป็นอันดับหนึ่งตอนนี้หล่นไปอยู่ที่สามต่อจากของไลน์กลุ่มปี3ที่กำลังชวนกันออกเที่ยวเพราะวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไม่ไปกับเขาน่ะเหรอ บอกตามตรงตั้งแต่ย้อนเวลากลับไปจนวาร์ปกลับมาตอนนี้ ผมไม่รู้สึกสนิทใจกับใครเลยนอกจากไอ้ปอกับไอ้ป่าน คือแบบ ไม่รู้ดิ่มันแปลกๆ
ผมเลือกที่จะจิ้มนิ้วลงไปที่ช่องข้อความของพี่มันก่อนจะชะงักนิ้วที่กำลังจะกดโทรออกไปและเลือกที่จะปิดแอปและล็อคหน้าจออีกครั้งก่อนจะโยนมันไว้ใกล้ๆตัว
“ช่างแม่งดิ่วะ”
“อื้อ” ความอึดอัดเรียกให้ผมต้องครางในลำคออย่างรำคาญ จะขยับตัวหนีก็ขยับไม่ได้
“อื้อออออ” ผมดิ้นแรงขึ้น คราวนี้มันได้ผล อะไรซักอย่างที่รัดเอวผมไว้คลายออกทันทีพร้อมกับเสียงงึมงำอะไรบางอย่างทำให้ผมค่อยๆปรือตาขึ้นดู ยังไม่ทันโฟกัสอะไรตรงหน้าได้ฝ่ามืออุ่นๆก็ขยี้ลงบนหัวผมเบาๆซะก่อน
“เด็กขี้เซา” เสียงพูดกลั้วขำเบาๆบอกออกมาแบบนั้น ถึงจะยังง่วงๆเบลอๆก็จำได้แหละว่าใคร
“อย่ากวนดิ่วะ คนจะนอน” ผมปัดมือมันออกก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังให้
‘ปุ๊บ’
“อื้อออ” คราวนี้เป็นอุ้งตีนแมว เออ เต็มๆหน้าเลย ผมลืมตาโพล่งก่อนจะดีดตัวขึ้นนั่ง เจ้าก้อนกลมมันเงยหน้ามองผมตาแป๋ว เสียงหัวเราะหึหึจากข้างหลังทำให้ผมต้องหันไปเหวี่ยงค้อนใส่อย่างนึกโมโห แม่งกวนประสาททั้งคนทั้งแมว
“พี่แม่ง!” ผมสบถ พี่มันไม่ได้พูดอะไรได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆ แต่กูไม่ขำเว่ย กูง่วง!
“ออกไปเลยไป” ผมบอกอีกแต่พี่มันเงียบ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันน้อยๆ ดวงตาคมนั่นทำผมเดาอารมณ์มันไม่ออก ตอนนี้สติผมเริ่มมา เริ่มตื่นเต็มตา ก็มันเงียบแบบนี้ผมก็เริ่มหวาดระแวงไง
“พี่ แดน….” ผมเรียกเสียงอ่อย และมันก็ทำให้คนเงียบยกยิ้มน้อยๆ ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวทัน ใบหน้าคมนั่นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนที่ปลายจมูกโด่งรั้นจะฝังลงที่แก้มผมแรงๆจนตัวเอียง
“มอร์นิ่งครับ”
ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยย
ผมได้แต่ตาค้างสมองตายทำอะไรไม่ถูก ไอ้คนที่กระทำการอุกอาจมันยิ้มก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วยีหัวผมแรงๆเหมือนหมั่นเขี้ยวอะไรแบบนั้น
“รีบตามลงมานะ คอตตอน come on”
และไอ้ก้อนกลมสีเทาก็กระโดดลงจากเตียงแล้วเดินหางตั้งตามเจ้าของมันไป ทิ้งไว้แต่กูเนี่ยที่ยังเก็บสติตัวเองไม่ครบ
ฉิบหาย หัวใจกูนี่ก็อะไร เต้นแรงจนแทบจะวายตายแล้วโว้ยยยยยยยยยย
“วันนี้ตื่นเช้านะคะลูกชาย” ม๊าทักเมื่อผมเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวที่ตอนนี้เหมือนจะเป็นสภากาแฟตอนเช้าอยู่ ป๊ากับไอ้ตัวโย่งนั่นกำลังคุยอะไรกันซักอย่าง ในมือพี่มันถือไอแพดอยู่แล้วป๊าก็กำลังมองอะไรจากในนั้น
“คนบ้ามันกวน” ผมพึมพำ แต่สิ่งที่ได้รับจากม๊าคือการถูกตีแขนเบาๆหนึ่งที
“พี่แป้ง ตังขอกาแฟเข้มๆเลยนะ” ผมยู่หน้าใส่ม๊าก่อนจะหันไปบอกกับพี่แป้งที่เดินออกจากครัวมาที่โต๊ะพอดี
“ได้ค่ะน้องตัง”
“ขอขนมปังด้วย” ผมบอกต่อ พี่แป้งยิ้มรับแต่ไม่ได้พูดอะไร ซักพักก็เดินออกมาพร้อมกับถาดที่มีแก้วกาแฟและจานอาหารเช้ามาวางไว้ข้างหน้าผมก่อนจะพยัดเพยิดไปทางไอ้พี่แดนแล้วอมยิ้มน้อยๆ แซนด์วิชอโวคาโดกับแซลม่อนรมควันท๊อปปิ้งด้วยไข่ดาว ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ป่ะล่ะว่าฝีมือใคร แม่งบินไฟล์ทไหนวะถึงมาบ้านผมได้เช้าขนาดนี้
“ป๊า ม๊าอยากไปดูสวนแล้วค่ะ” ม๊าหันไปสะกิดป๊าก่อนจะพากันเดินเลี่ยงออกไปทางสวนบอนไซข้างบ้าน ทิ้งไว้แค่ผมกับไอ้ตัวโย่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะกัน
“อยากไปไหนไหม?” พี่มันถาม ผมส่ายหน้าก่อนจะเป็นฝ่ายถามมันบ้าง
“พี่ไม่ง่วงเหรอวะ?”
“นอนมาเต็มที่แล้ว”
“บ้าละ นี่มันเพิ่ง8โมงเช้าเองนะเว่ย” ผมบอกก่อนที่จะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“พี่มาเมื่อไหร่?”
“เมื่อคืนนี้” พี่มันตอบ ถึงว่ามันไม่โทรมาหาผม แต่เดี๋ยวนะ ถึงยังไงก่อนขึ้นเครื่องมันก็โทรได้นี่หว่า
“แล้วทำไม..” เกือบจะถามแต่ก็ยั้งปากทัน พี่มันเลิกคิ้วเหมือนจะบอกผมว่ากำลังรอฟังผมเลยเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วยกกาแฟขึ้นซดแทน
สรุปกินอาหารเช้าเสร็จผมก็ไปนอนเกยตื้นดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นโดยมีผู้ติดตามชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนวันนี้มันนั่งเหยียดขายาวๆอยู่ข้างๆ เพิ่งสังเกตุว่าวันนี้พี่มันใส่เสื้อเชิ๊ตแขนยาวแต่พับแขนไว้ตรงข้อศอก โห้อากาศร้อนปานนี้เนอะ
อยู่ๆสายตาคมก็ทอดมองกลับมาจนผมที่กำลังแอบมองมันอยู่หลบสายตาไม่ทัน รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากบางจนผมต้องยู่หน้าใส่แล้วหันไปมองจอทีวีเหมือนเดิม แต่ฝ่ามือกว้างๆนั่นก็ตามลงมาคุกคามผมจนได้
พี่มันขยี้มือเบาๆที่หัวก่อนจะค่อยๆเลื่อนมาที่ข้างแก้มจนถึงริมฝีปาก ปลายนิ้วอุ่นคลึงไปมาเบาๆ ความรู้สึกวาบหวามในอกทำให้ผมหายใจไม่สะดวก ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้โดยที่ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้อง เหมือนผมกำลังต้องมนต์อะไรบางอย่าง มันไม่สามารถหลบสายตาหรือขยับตัวไปไหนได้อีก เสี้ยววินนาทีนั้น….
‘ตึ่ก’
‘ตึ่ก’
‘ตึ่ก’
“เห้ยย” ผมผลักหน้าอกของพี่มันด้วยสองมือเมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นดึงสติผมกลับมา พี่มันถอยหลังกลับไปก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบหน้าตัวเองในขณะที่ผมดีดตัวขึ้นยืนตัวตรง
“ฮะ ฮะโหล” ผมกรอกเสียงลงไปแบบไม่ทันดูด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนโทรมา สองขาก็ก้าวเดินออกไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้จุดหมายว่าจะเดินไปไหน
‘น้องตังก่ะ นี่แม่นะลูก’ สำเนียงแปลกหูทำให้ผมชะงักฝีเท้าก่อนจะเอาโทรศัพท์ออกจากหูเพื่อดูหน้าจอ ผมเมมไว้ว่าแม่เอื้อง ตอนนี้ก็พอจะเดาได้แล้วครับว่าใคร
“สวัสดีครับแม่”
‘ตอนนี้อ้ายแดนอยู่กับน้องตังแล้วแม่นก่อ’
“ครับ”
‘แบบนี้แม่กะเบาใจ๋ เจ็บตั๋วอยู่แต้ๆก็ยังจะดื้อ ห้ามอะหยังบ่าเกยได้เลยลูกคนนี้’
“แม่หมายความว่ายังไงครับ?” ผมย้อนถาม ถึงจะฟังไม่ค่อยออกแต่ก็พอเข้าใจว่าพี่มันต้องเป็นอะไรซักอย่าง
‘ท่าจะยังบ่ายอมบอกน้องตังเตื่อนิ’
แม่เอื้องถอนหายใจเบาๆก่อนจะเล่าให้ผมฟังเรื่องที่คนงานทำไม้ที่วางขัดนั่งร้านร่วงลงมาฟาดที่ต้นแขนซ้ายพี่มันอย่างแรง เสี้ยนไม้ขูดจนเสื้อขาดแขนถลอกช้ำเลือดเป็นทางยาว อักเสบจนไข้ขึ้น ปล่อยให้อยู่โรงพยาบาลคนเดียวแค่พักเดียวพอคนงานที่บ้านไปถึงก็หายตัวจ้อย
‘โทรมาหาแม่แหมกำก่ะอยู่ตี่สนามบินแล้ว’
ผมได้แต่เงียบเพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้ออกไปยังไง ทำไมแม่งถึงได้บ้าบิ่นขนาดนี้วะ
‘แม่ฝากน้องตังผ่ออ้ายแดนหื้อแม่ตวยเน่อ หยิกหื้อแม่ซักกำตวยกะดี’
พูดจบคุณแม่ก็วางสายไปปล่อยให้ผมยืนกำโทรศัพท์อยู่เงียบๆคนเดียว สิ่งที่ได้ฟังทำให้ผมลำดับเหตุการณ์ได้หลายๆอย่าง อยู่ๆก็หงุดหงิดอยากจะโมโหขึ้นมาซะอย่างนั้น เดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นไอ้คนทำตัวน่าหงุดหงิดนั่งเอนหลังดูทีวีอยู่เงียบๆ
“พี่แดน”
“ครับ?” มันตอบรับ ประเมินดูแล้วเหมือนมันจะพอเดาได้แล้วว่าผมคุยโทรศัพท์กับใคร
“มึงคิดว่าตัวเองเป็นกัปตันอเมริกาเหรอ?”
แต่พี่มันเงียบไม่ตอบ
“เป็นใบ้เหรอวะ?” ผมผลักหน้าอกมันเมื่อมันกำลังเดินเข้ามาใกล้ แล้วก็ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกโกรธมันมากขนาดนี้กก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เก่งนักเหรอ” ผมผลักพี่มันออกอีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดเมื่อถูกรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้แน่น และแค่ผมขยับตัวดิ้นนิดเดียวพี่มันก็เบ้หน้าด้วยความเจ็บ ใช่ เพราะมันเจ็บผมถึงต้องยอมให้มันกอดนิ่งๆถึงแม้อารมณ์ตอนนี้อยากจะผลักมันออกไปให้พ้นขนาดไหนก็ตาม
“กินยาแล้วครับ เดี๋ยวก็หาย” พี่มันพึมพำอยู่ข้างหู เสียงทุ้มๆนั่นทำให้ผมเม้นปากแน่น
“มึงมันบ้า” ผมสบถด่ากับแผ่นอกหนาๆนั่น ไม่มีคำโต้แย้งอะไรกลับมามีเพียงเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอและความอุ่นชื้นจากปลายจมูกโด่งรั้นที่กดลงมาข้างขมับเท่านั้น
⇤ BEGIN AGAIN ⇥
“กุญแจ” ผมยื่นมือไปตรงหน้าพี่มันหลังจากที่อยู่กินข้าวเย็นกับป๊าม๊าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมตัดสินใจจะกลับไปคอนโดกับไอ้คนที่มันอวดเก่งไม่ยอมพกยามาด้วย ไม่ได้พิสวาทอะไรมันหรอกนะ แค่เวทนามันต่างหาก
“เร็วๆ” ผมเร่งเมื่อพี่มันเอาแต่อมยิ้มจนต้องจิ๊ปากใส่มันถึงได้ล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบออกมาให้ ทำเป็นลีลา เดี๋ยวก็เหนี่ยวแม่งซะเลยนี่
แต่แม่ง การขับรถออกจากบ้านในช่วงเย็นวันเสาร์นี่เป็นอะไรที่โคตรคิดผิด ถ้ารถจะติดขนาดนี้เดี๋ยวกูก็จอดทิ้งไว้ตรงนี้แม่งซะหรอก ผมเอนหลังพิงลงไปกับเบาะ หันหน้าไปมองคนข้างๆที่เงียบไปพักใหญ่ เอ้า แม่งหลับเฉยเลย แบบนี้ก็ได้เหรอวะ
“พี่…” ผมเอ่ยปากเบาๆก่อนจะตัดใจไม่เรียกมันอีก พอคิดดูแล้วเรียกไปก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับพี่มันอยู่ดีก็เลยทัชหน้าจอเครื่องเสียงแล้วกดฟังเพลงแทน อืมมม มีแต่ Ed Sheeran ไม่ใช่แนวผมเลยอ่ะ แต่จะว่าไปก็เพิ่งรู้นะว่าพี่มันชอบฟังเพลงแนวนี้
ขับเข้ามาถึงลานจอดรถของคอนโดพี่มันก็ยังไม่มีวี่แววจะตื่น ผมดับเครื่องก่อนจะเขย่าที่ไหล่ขวามันเบาๆ
“พี่”
“พี่แดน”
“อื้อ” พี่มันค่อยๆปรือตาขึ้นมามอง อะไรจะหลับลึกปานนั้นวะ
“ถึงแล้ว” ผมบอก มันพยักหน้ารับแต่ไม่ได้พูดอะไร ท่าทางมันดูเพลียๆเหมือนไปตากแดดแบกกระสอบข้าวสารมาครึ่งวันอะไรแบบนั้น
“พี่เดินไปก่อนเลย เดี๋ยวผมเอาคอตตอนไปเอง” ก็ไม่รู้มันฟังหรือเปล่าแต่ผมก็เปิดประตูรถลงไปจัดแจงกระเป๋าใส่สัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าก้อนกลมนอนขดตัวเงียบอยู่ในนั้น พอเงยหน้าออกจากรถก็เห็นพี่มันยืนพิงกระโปรงรถอยู่
“พี่โอเคป่ะเนี่ย”
“โอเค” มันตอบก่อนจะเด้งตัวออกมาแล้วเดินนำเข้าไปในตัวตึก เออปกติพี่มันเป็นคนพูดน้อยก็เข้าใจ แต่ตอนนี้มันยิ่งน้อยกว่าปกติ ผมว่าจริงๆมันไม่โอเคแล้วล่ะ
รอลิฟท์ไม่นานก็มาถึงห้องซะที ผมปล่อยเจ้าคอตตอนออกจากกระเป๋าเป็นอย่างแรก ออกมาได้ก็บิดขี้เกียจซะยกใหญ่ก่อนที่มันจะเดินไปคลอเคลียเจ้าของมันที่นั่งอยู่ที่โซฟา ผมจัดแจงเดินไปเปิดไฟเปิดแอร์ในห้องนอนก่อนจะเดินกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง พี่มันยังนั่งหลับตาพิงพนักโซฟาอยู่เหมือนเดิม
“เชี่ยยย” ผมอุทานออกมาเมื่ออิงหลังมือไปบนหน้าผากของคนที่นั่งอยู่ มันร้อนมาก ร้อนจนต้องมือออกด้วยความตกใจ
“ยาอยู่ไหนวะ” ผมพึมพำพลางหันรีหันขวางแต่อยู่ๆฝ่ามือร้อนๆของพี่มันก็คว้ามือผมเอาไว้
“บนโต๊ะในห้อง”
ผมพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องอีกครั้ง ไม่ลืมแวะหยิบขวดน้ำจากในครัวติดมือออกมาด้วย
“ขอบคุณนะครับ” พี่มันยิ้มเนือยๆ ก่อนจะพูดต่อแบบคนอวดเก่งอ่ะ
“ตังไปอาบน้ำเถอะ พี่โอเค”
ผมยืนมองพี่มันนิ่งๆก่อนจะตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งข้างๆแล้วแย่งถุงยามาไว้ที่ตัวเอง
“อยู่เฉยๆ” ผมออกคำสั่ง และก็ดีที่พี่มันก็ยอมทำตามโดยดี
ผมขยับตัวลงไปยืนเข่าที่พื้นหน้าโซฟาก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินเข้มที่พี่มันใส่อยู่ออก อยากจะสบถหยาบๆใส่หน้าแม่งว่ะ มึงไปเอาเวลาที่ไหนออกกำลังกายวะซิกแพคมึงถึงได้แน่นขนาดนี้ โว้ยยย แต่พอแกะผ้าพันแผลที่มีรอยเลือดซึมนั่นออกแผลบวมช้ำก็ทำให้ผมต้องเม้มปากแล้วเบือนหน้าหนีนิดหน่อย คือแค่เห็นมันก็เจ็บแล้วอ่ะ
“ซี้ด..”
เสียงสูดลมหายใจของพี่มันทำให้ผมหยุดมือ ฟันซี่คมกัดอยู่ที่ริมฝีปากแน่นเพื่อระงับความเจ็บ อยากจะสมน้ำหน้าที่แม่งเสือกดื้อหนีกลับมา แต่พอเห็นสีหน้าพี่มันตอนนี้แล้ว…
“อีกแปบเดียว จะเสร็จแล้ว” ผมบอกมันเสียงเบาและค่อยๆป้ายยาลงไปอีกครั้งแล้วพันด้วยผ้าพันแผลทับลงไปก่อนจะผละออกไปล้างมือ พี่มันลุกขึ้นจากโซฟาไอ้เจ้าแมวก้อนกลมนั่นก็ลุกขึ้นตามก่อนจะพากันเดินเข้าไปที่ห้อง เห็นแบบนั้นผมก็เลยตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนเลยดีกว่า
“พี่แดน” ผมส่งเสียงเรียกเมื่อในห้องมันเงียบเชียบ อดส่ายหัวกับสภาพพี่แม่งไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยามั้งมันถึงได้หลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ พี่มันนอนตะแคงข้างเอาด้านที่เจ็บไว้ด้านบน ในอ้อมกอดมีเจ้าก้อนกลมๆซุกอยู่ด้วย ชิ รักกันจนน่าหมั่นไส้
“พี่ ลุกขึ้นมาใส่เสื้อก่อน” ผมเขย่าแขนมันเบาๆ ก็เข้าใจว่ามันหลับไปแแล้ว แต่มันจะมานอนเปลือยท่อนบนแบบนี้ไม่ได้ไง อย่างน้อยมันควรจะเกรงใจไข้ที่ขึ้นสูงของมันด้วยดิ่
“พี่แดน” พี่มันขยับตัวแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตา กลายเป็นว่าเจ้าก้อนกลมนั่นกลับมุดออกจากอ้อมแขนแกร่งเดินหนีไปนอนที่อีกมุมของเตียงแทน
ผมส่ายหัวอย่างยอมแพ้ก่อนจะดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นคลุมตัวคนที่นอนหลับ แต่ไม่ทันได้ตั้งตัว วงแขนกว้างกลับตวัดรอบเอวผมแล้วดึงเข้าไปกอดซะอย่างนั้น
“พี่” ผมพยายามขยับตัวออก ตอนนี้คนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วมันดันลืมตาขึ้นมาซะเฉยๆ และวงแขนแกร่งนั่นก็ยังไม่ละออกไปจากตัวผม
“ถ้าขยับตัวช้ากว่านี้ คงไม่ได้กลับมาแล้ว” เสียงนุ่มเจือเสียงหัวเราะแกนๆในลำคอถูกเอ่ยออกมาเบาๆ แต่ผมกลับรู้สึกหน่วงในใจแบบตั้งตัวไม่ทัน
“คงไม่ได้กอดตังเอาไว้แบบนี้” วงแขนแกร่งกระชับกอดผมแน่นจนรู้สึกเจ็บจนผมต้องจับท่อนแขนแกร่งที่ร้อนผ่าวนั้นไว้
“พี่แดน ผม..”
“คงไม่ทันได้รู้ ว่าพี่รักตังมากขนาดไหน”
“มันโคตรดีเลยจริงๆ ที่ได้กลับมา…”
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxขอโทษที่มาต่อช้ามากๆนะคะ
ขอบคุณทุกคนมากๆที่กดเข้ามาอ่านแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ด้วยค่ะ(เป็นกำลังใจที่ดีมากเลย
)
แต่ก็มีเรื่องจะแจ้งนิดนึง คือตอนนี้เรางานยุ่งมากๆ เลยจะขอเปลี่ยนมาลงนิยายทุกวันที่ 10 20 30 แทนนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ
แต่ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อไปจนจบด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าวันอาทิตย์ที่ 30 กันยาค่ะ
ป.ล. ตอนนี้มีภาษาเหนือเยอะเลย ถ้าไม่เข้าใจบอกนะคะ จะมาใส่คำแปลให้ค่ะ
Twitter : @B2YFICTION