08
“ทำไมไม่ใส่กางเกง”
“มันอึดอัด อ๊ะ....! อย่าบีบก้นน้อง!”
“ดื้อ....”
“โอ้ย! ชาริน ซังอะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ชริณทันที หลังถูกเขาบีบก้นเด้ง ๆ เข้าให้ รู้เหมือนจะไม่ชอบใส่กางเกงจริง ๆ ถึงได้ใส่กางเกงในตัวเดียวพร้อมกับเสื้อยืดเดินไปรอบ ๆ บ้าน ทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวแบบนี้ ข้างนอกก็เริ่มหิมะตกแล้ว ทำเอาชริณปวดหัวอยู่ไม่น้อย พูดเท่าไรก็ไม่เชื่อฟัง
หลังจากเราทานอาหารเช้าเสร็จ ซึ่งชริณก็สวมบทเป็นพ่อครัวอีกเช่นเคย เจ้าจิ้งจอกจึงอาสาเป็นคนล้างถ้วยจานเอง รวมถึงของเมื่อวานด้วย เพราะอยากแบ่งเบาภาระ ซึ่งชริณก็ไม่ได้ห้าม หากอีกฝ่ายอยากทำก็ทำไป ขอแค่ไม่ทำถ้วยจานแตกก็พอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอได้รู้จักความเป็นอยู่เจ้าจิ้งจอกน้อย ก่อนที่จะเจอเขา ชริณก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น ตัวเล็กแค่นี้แต่ต้องต่อสู้อะไรมากมายโดยปราศจากพ่อแม่ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เขาเริ่มมองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกในมุมที่แตกต่างออกไป คนเราไม่มีใครเลือกเกิดได้ เจ้าจิ้งจอกเองก็คงไม่อยากเกิดเป็นตัวประหลาดในสายตาของใครหรอก
แต่จะทำไงได้ เมื่อทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว เหลือเพียงแค่เราจะทำให้มันดีขึ้นหรือแย่ลง....
“ช—ชาริน...”
“หืม?”
“จ—จมูก...ปากด้วย”
“อืม....” ชริณขานรับในลำคอ วันหยุดทำให้เขากลายเป็นคนว่างงานโดยปริยาย ไม่รู้ตัวเองนึกบ้าอะไรอยู่ จู่ ๆ ก็อยากลองดมหลังคอเจ้ามนุษย์จิ้งจอกดู อยากรู้ความรู้สึกตอนดมจะเป็นยังไง
จากที่บีบก้นเล่น เพราะความมันเขี้ยว ก็แปรเปลี่ยนเป็นอยากทำอย่างอื่นแทน ต้นเหตุเกิดจากความสงสัยล้วน ๆ กลายเป็นว่า ตอนนี้ชริณมายืนซ้อนหลังคนตัวเล็กกว่าที่กำลังล้างจานอย่างเป็นงานเป็นการ มือหนาที่บีบก้นอีกฝ่ายอย่างมันมือ ก็เลื่อนมาสัมผัสสะโพกอิ่มไว้แทน ก่อนจะโน้มหน้าดมหลังคอและจูบเบา ๆ อย่างที่สงสัย ทำเอาคนรับสัมผัสถึงกับสะดุ้ง
“อืม...ก็ดี” ชริณพูดพึมพำกับตัวเอง
เพราะลมหายใจร้อนที่เป่ารดต้นคอ ทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังล้างจานอย่างตั้งใจถึงกับขนลุกซู่ มือจับขอบอ่างล้างจานไว้แน่น ย่นคอหลบลมหายใจร้อนกรุ่นของชริณ
ฝั่งชริณเองเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกคนก็เริ่มอยากแกล้งขึ้นมา ดวงตาคมเลื่อนมองบั้นท้ายแน่น ก่อนที่ก้านนิ้วยาวจะเกี่ยวขอบกางเกงในตัวบางเอาไว้ ทำท่าจะเกี่ยวแล้วดึงลง แต่เจ้าจิ้งจอกจับไว้ทันเสียก่อน
“ทำไม? ไหนบอกว่าใส่แล้วอึดอัดไง นี่ไงกำลังจะถอดให้”
“ไม่ต้อง น—น้องอาย”
“เมื่อก่อนไม่เห็นอาย ชอบเดินโป๊ไปรอบบ้านไม่ใช่เหรอ”
“ก็ตอนนี้น้องอายแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า ขณะเดียวกันแก้มบางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ แต่ก่อนน้องไม่เคยต้องรู้สึกอาย หากต้องโป๊เปลือยต่อหน้าชาริน ซังเลย เพราะธรรมชาติของสัตว์ก็ไม่เคยสอนให้ใส่เสื้อผ้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ความกล้าที่เคยมีเริ่มลดหลั่นหายไปกลายเป็นความขี้ขลาดเข้ามาแทนที่
สุดท้ายชริณก็เลือกที่จะเลิกแหย่เจ้ามนุษย์จิ้งจอก ปล่อยให้อีกฝ่ายล้างจานต่อไปจนเสร็จ ส่วนเขาเองก็หาหนังสือที่เคยซื้อไว้แต่ยังอ่านไม่จบมาอ่านฆ่าเวลา พอให้วันหยุดผ่านพ้นไปหนึ่งวัน
ฝั่งน้องเองก็ถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่อชาริน ซังยอมถอยทัพ อาการใจเต้นแรงจนคงทำงานอยู่ แม้อีกฝ่ายจะเดินไปนั่งบนโซฟาเพื่อไปอ่านหนังสือ
“ร้อนจัง...” เจ้าตัวเล็กบ่นพึมพำ หน้าก็เห่อร้อน ตัวก็ร้อนไปหมด แม้ข้างนอกหิมะกำลังโปรยปรายอยู่ก็ตาม...
หลังจากล้างจานเสร็จ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไปเก็บห้องนอนต่อ มือเล็กพับผ้าห่ม จัดหมอนนอนอย่างขยันขันแข็ง จริง ๆ ห้องนอนไม่ได้สกปรก ผ้าห่มก็ถูกพับอย่างลวก ๆ ไปก่อนจะออกจากห้องแล้ว แต่น้องไม่มีอะไรทำ หนังสือก็อ่านไม่ออก ทำได้แค่การสื่อสารเท่านั้น จึงเลือกที่จะทำงานบ้านดีกว่า อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งนิ่ง ๆ
คิ้วเรียวเผลอขมวด เมื่อจังหวะที่ก้มตัวหมายจะกวาดใต้เตียงก็เผอิญไปเห็นกล่องบางอย่างวางเอาไว้ น้องหยิบมันออกมาอย่างนึกสงสัย ก่อนจะถือวิสาสะเปิดกล่องนั้น
“ชาริน ซัง อันนี้มันคืออะไรเหรอ” แม้จะดูของแล้ว แต่ก็ยังงุนงงอยู่ดี น้องจึงเดินไปเอ่ยถามชาริน ซังเองพร้อมกับหยิบเจ้าสิ่งนั้นไปถามเจ้าของบ้านด้วยความสงสัย ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร รูปร่าง หน้าตาแปลกประหลาด เหมือนเคยเห็นในตัวของชาริน ซังอีกด้วย
ฝั่งชริณเองเมื่อเห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกถือของที่ว่าไว้ก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบวางหนังสือลง แล้วลุกไปแย่งสิ่งนั้นออกจากมือเล็กทันควัน ทิ้งให้อีกคนทำหน้างุนงง
“ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า” เขาพูดเพียงสั้น ๆ แล้วเอาของที่ว่าไปซ่อนไว้ด้านหลัง นึกก่นด่าเมฆในใจอยู่พันล้านคำ ข้อหาซื้ออะไรก็ไม่รู้ว่าเป็นของขวัญวันเกิดเขา
“ก็น้องอยากรู้นี่”
“ถ้าอยากรู้....ไว้วันหลังจะพาใช้งาน” ชริณตอบส่ง ๆ
“แล้วมันคืออะไรอะ เห็นมีสองชิ้นด้วย” ว่าจบเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็คว้าเซ็กส์ ทอยอีกชิ้นชูให้ชริณดู ชายหนุ่มก็รีบแย่งจากมือเล็กอีกทันควัน
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“ก็.....”
“ไว้จะอธิบายให้ฟัง โอเคไหม” ชริณพูดแทรกก่อนเจ้ามนุษย์จิ้งจอกจะพูดจบ เรื่องสงสัยในเรื่องที่ไม่ควรสงสัยนี่เป็นที่หนึ่งเลย รอบสงสัยตอนอยู่ห้างสรรพสินค้าก็อดหนึ่งแล้ว เขาล่ะยอมใจเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเสียจริง สงสัยแต่เรื่องแบบนี้
“อรุณสวัสดิ์ครับ เพื่อน” ขณะที่กำลังชงกาแฟร้อนอยู่ในโซนของพนักงาน เมฆเพื่อนสนิทของชริณก็เดินมาทักทายพอดี วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกหลังวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
“เออ” ชริณพยักหน้ารับอย่างส่ง ๆ ก่อนที่กลับไปจัดการกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
“นี่ไม่คิดจะทักทายกูกลับเหรอ”
“ก็ตอบเออไปแล้วไง”
“แม่งโคตรน่าน้อยใจว่ะ ทีกลับคนอื่นทำไมไม่เห็นเป็นแบบนี้บ้าง กับเพื่อนล่ะชินชาจังเลยครับ”
“อะไรของมึงว่ะไอ้เมฆ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้ วิญญาณสาวน้อยร่างบางเข้าสิงเหรอมึง” ชริณได้แต่มองเพื่อนอย่างงุนงง ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมาพูดตัดพ้อใส่ ทั้ง ๆ ที่เราก็ทักทายกันแบบนี้ประจำ
“อ้อ! อีกอย่างกูยังไม่เคลียร์กับมึงนะ เรื่องของขวัญวันเกิดกูอะ” ชริณพูดต่ออย่างเพิ่งคิดได้ ให้ของขวัญธรรมดา เหมือนคนอื่นเขา คงไม่ใช่ไอ้เมฆเพื่อนรักเพื่อนแท้แน่ มันให้ทีเขาเอาไปอวดใครไม่ได้เลย ต้องแอบเก็บไว้อย่างเงียบ ๆ
“ทำไม? ติดใจเหรอ ไม่ต้องขอบคุณกูนะมึง ไม่ต้องอายด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดาของชายโสดอย่างเราว่ะ” เมฆว่าพร้อมกับตบบ่าชริณ ทำเป็นเข้าอกเข้าใจจนเขาอยากแตะก้นสักป้าป
“ไอ้เวร”
“ฮ่า ๆ แล้วตกลงมึงชอบไหม”
“ชอบกับผีน่ะสิ กูไม่ได้ใช้โว้ยยย”
“ไม่ได้ใช้? อะไรว่ะ กูซื้อมาตั้งแพงเลยนะ”
“แล้วกูบอกยังว่าอยากได้ มึงน่ะคิดอะไรอยู่ถึงได้ซื้อของแบบนั้นมาให้” การชงกาแฟของเรากลายเป็นเรื่องรองไปแล้ว เมื่อเรื่องของขวัญวันเกิดเขาเป็นเรื่องสำคัญกว่า เขาแทบลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไม่เจอกล่องนั้นเข้าเสียก่อน แถมดูจะอยากรู้มากอีกด้วย เล่นถามเขาเช้าเย็น แม้กระทั่งก่อนนอน จะให้ชริณอธิบายว่ายังไง
“ก็มึงโสดไง เอ๊ะหรือไม่แล้ววะ? เออ นั่นแหละกูแค่คิดว่ามึงอาจเบื่อโลกสวยด้วยมือเราแล้วก็ได้ เลยซื้อให้ ของไม่ใช่ถูก ๆ ด้วยนะมึง พลาสติกเกรดดีมาก เหมือนผิวมนุษย์ ของจริงสุด แถมกูซื้อทั้งแบบของผู้ชายและผู้หญิงอะ มึงก็ควรขอบใจกูไม่ใช่เหรอวะ”
“ก็กูไม่ได้ใช้ไง”
“ไม่ได้ใช้ ก็ใช้เลยสิ เออ...ว่าแต่ว่าเรื่องเด็กผู้ชายที่มาทำงานบ้านเพื่อเอาใจมึง เป็นไงบ้างวะ” เมฆชวนคุยต่อ หลังเพิ่งนึกได้ว่าชริณเคยเล่าเรื่องประหลาด ๆ ของเจ้าตัวให้เขาฟัง
เขาก็อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป เพราะตัวชริณเองก็ไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องความรักกับกลุ่มเพื่อนเท่าไรนัก เขาก็กลัวจะถูกเด็กญี่ปุ่นหลอกเอา ส่วนชริณเอง หลังถูกทักถามเช่นนั้นก็ถึงกับชะงักไป เขาลืมเกือบไปแล้วว่าเคยโกหกเมฆเอาไว้
“กูไม่รู้แล้ว”
“หืม?” เมฆหรี่ตามองอย่างจับผิด
“มึงมาสงสัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวกูว่ะ ว่างนักก็ไปทำงานไป” สุดท้ายชริณก็เลือกที่จะเอ่ยปากไล่ ทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อน หลังเห็นอีกคนชงกงแฟร้อนเสร็จก่อนตนแล้ว
“ทำตัวมีพิรุธนะมึง ก็ได้....เดี๋ยวกูทำงานเสร็จ แล้วจะมาสอบสวน” ส่วนเมฆเองก็ได้แต่มองอย่างเคลือบแคลงใจ ทุกอย่างดูน่าสงสัยและพบพิรุธเต็มไปหมด ก็แต่อยากรู้เอง ไม่เห็นจะต้องโวยวาย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินกลับไปโต๊ะทำงานพร้อมกับถ้วยกาแฟร้อนตัวเอง
พ้นหลังเพื่อนไปแล้ว ชริณก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ความหนักใจเริ่มมีขึ้น เมื่อคิดว่าหากทุกอย่างยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ ไม่ช้าก็เร็วสองคนนี้ต้องได้พบกันแน่ แต่อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
หลังเมฆเดินออกมาไปแล้ว ซากุระก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วชงกาแฟพอดี เราทั้งคู่ต่างชะงัก นับตั้งแต่วันที่เธอโทรมาหาเขา ปรึกษาปัญหาหัวใจ เราก็ไม่ได้พบกันอีกเลย แม้จะอยู่ในบริษัทเดียวกันก็ตาม ก็เพิ่งมาเจอกันอีกครั้งก็วันนี้ ชริณผงกหัวแล้วทักทายเธอเสียงแผ่ว ส่วนซากุระก็เช่นกัน
ชริณเขยิบตัวนิดหน่อย เพื่อให้เธอได้เข้ามาชงชาร้อนบนเคาน์เตอร์ได้ถนัด ความอึดอัดโรยอยู่รวมตัวเราทันที เมื่ออยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ส่วนตัวเขาเองก็เริ่มเร่งมือรีบจัดการเครื่องดื่มร้อน ๆ ของตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่กับเธอสองต่อสอง
เขายังชอบเธอและรู้เหมือนว่าจะรู้ว่าเขาแอบมีใจให้เช่นกัน แต่การกระทำบางอย่างเริ่มทำให้เขามองผู้หญิงคนนี้ในมุมมองที่ต่างจากเดิม....
ชริณก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นมุมที่ดีไหม...
“เรื่องครั้งก่อน ขอบคุณชริณ ซังมาก ๆนะคะ ที่คอยให้คำปรึกษาฉัน แม้จะเป็นตอนดึก” ซากุระเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นทันที เมื่อชริณทำตัวไม่ถูก
“อ—อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นเพื่อนกันนี่นา...” ชริณว่าเสียงแผ่ว วูบหนึ่งในความคิดใบหน้าของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ลอยขึ้นมา นั่นทำให้เขาเขยิบห่างจากซากุระไปอีก เพราะกลัวว่าน้ำหอมของหญิงสาวจะติดตัว
“ค่ะ....เพื่อนกัน” ฝั่งซากุระเอง เมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปของชริณ ทำท่าเหมือนไม่อยากเข้าใกล้ หญิงสาวก็ได้แต่ยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้
“ชริณ ซังคะ”
“ครับ?”
“วันนี้ฉันอยากเลี้ยงขอบคุณเรื่องวันนั้นน่ะค่ะ คาเฟ่เปิดใหม่แถวบริษัทเราที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง” ซากุระหันหน้ามาคุยกับชริณอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไรหร--”
“เถอะนะคะ.... “ หญิงสาวพูดแทรกก่อนที่ชริณจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา “ฉันไม่สบายใจจริง ๆ เหมือนกำลังติดหนี้คุณอยู่ ไปกับฉันสักครั้งเถอะนะคะ แต่ถ้าคุณรังเกียจฉัน...ก็ชวนเมฆ ซังไปด้วยกันก็ได้ค่ะ”
เธอเดินจากไปแล้วพร้อมกับทิ้งคำชวนไว้กับเขา ทิ้งให้ชริณมองตามด้วยความหนักใจ เขาควรจะดีใจสิ....ใช่ ชริณควรจะรู้สึกเช่นนั้น คนที่ตัวเองแอบชอบมานาน ชวนไปคาเฟ่ทั้งที แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนเขากำลังหลอกตัวเอง ไม่มีความดีใจอะไรทั้งนั้น มีแต่ความหนักใจเต็มไปหมด
สุดท้ายชริณก็ต้องตอบรับคำชวนนั้นตามมารยาท ชริณไม่ได้ชวนเมฆมาด้วย เพราะกลัวซากุระจะมองว่ารังเกียจเธอ ซึ่งไม่ใช่...ชริณไม่ได้รังเกียจเธอ เขาก็แค่ไม่สบายใจ
“ดูคุณรีบ ๆ นะคะ มีอะไรหรือเปล่า” ซากุระเอ่ยถาม หลังเห็นชริณเหลือบมองประตูอยู่หลาย ๆ ครั้งในรอบสิบนาที
“ป—เปล่าครับ”
“อ๋อค่ะ งั้นลองกินเค้กจานนี้ดูสิคะ เห็นเขาบอกว่าขึ้นชื่อที่สุดในร้านเลย.....”
หนึ่งทุ่ม.... นั่นคือเวลาที่ชริณได้แยกจากเธอ หลังเราเลิกงานกันตอนห้าโมงเย็น ขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน เขาก็คิดเรื่องราวของวันนี้อย่างเหม่อลอย ชริณได้แต่เดินเตร็ดเตร่ระหว่างทางกลับบ้านอย่างไม่เร่งรีบนัก ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทพาดบ่าไว้อย่างลวก ๆ ขณะที่หิ้วกระเป๋าทำงานไปด้วย
ตอนนี้เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ถูกพรมมาอย่างลวก ๆ เขาไม่แน่ใจว่ากลิ่นน้ำหอมของซากุระติดตัวมาหรือเปล่า เพื่อไม่ให้ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง ไม่ให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกอารมณ์เสีย เขาจึงลงทุนซื้อแอลกอฮอล์กระป๋องมาทำเป็นกระเด็นหกใส่เสื้ออย่างไม่ตั้งใจ พอให้กลิ่นของมันติดร่าง
ชริณมองเห็นแสงหลอดไฟสีเหลืองนวลที่สว่างอยู่ในบ้านลาง ๆ เพียงเท่านั้นเขาจึงรีบเร่งฝีเท้ามากขึ้น เพราะตระหนักได้ว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกคงรอเขานานแล้ว
“ชาริน ซัง!!” ทันทีที่เปิดประตูออก เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ถลามากอดเขาไว้แน่นทันที แก้มนิ่มแนบกับอกของเขา ทำเอาชริณถึงกับมึนงงไปหมด
“.....”
“เมาเหรอ” โล่งอกที่อีกฝ่ายกลับบ้านมาได้ไม่ทันไร เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ทำหน้าเหยเกทันที เมื่อได้กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งออกมาจากตัวชาริน ซัง
“ไม่เป็นไรนะ ๆ นั่งลง ๆ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดพึมพำ พร้อมกับแบกร่างชริณที่สวมบทเป็นคนเมาชั่วคราว ไปนั่งที่โซฟา พร้อมกับเก็บซื้อสูทไปลงตะกร้าซัก หยิบกระเป๋าทำงานไปวางไว้ที่มัน ก่อนจะกุลีกุจอมานั่งลงข้าง ๆ เจ้าของบ้าน
ดวงตากลมโตมองชาริน ซังอย่างพินิจพิจารณา นับว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้เจอชาริน ซังในหมวดคนเมา ครั้งแรกที่ได้เจอก็เป็นตอนที่มนุษย์จิ้งจอกได้เข้าบ้านหลังนี้ครั้งแรก เจ้ามนุษย์จิ้งจอกนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้จะจัดการคนเมายังไง ในขณะเดียวกัน ชริณก็จ้องหน้าน้องกลับตาไม่กะพริบ
“เมาจริงด้วยแหะ” เจ้าจิ้งจอกพูดเสียงแผ่ว อุตส่าห์เป็นห่วงนั่งไม่ติดที่ตั้งนาน เพราะอีกฝ่ายกลับบ้านช้าผิดปกติ จนนึกว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น ที่แท้ก็ไปแวะดื่มจนเมาแอ๋นี่เอง
“......”
“น้องไม่รู้วิธีให้หายเมาด้วยอะ ....ชาริน ซังอย่าจ้องน้องอย่างนั้นสิ อยากนอนไหมหรือจะอาบน้ำ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังประสบปัญหา ไม่รู้วิธีรับมือกับคนเมา รีบโบกมือปัดทันที เพื่อไม่ให้ชาริน ซังจ้องนาน เพราะเห็นว่าชาริน ซังยังจ้องตนไม่เลิก จนน้องเริ่มเคอะเขิน
แม้ถามว่าจะนอนหรือจะอาบน้ำ ชาริน ซังก็ไม่คิดจะตอบโต้อะไรออกมา ทำเอาน้องถึงงงไปหมด ตั้งใจว่าวันนี้จะทำลูกเสียหน่อย สงสัยต้องอดไป เพราะชาริน ซังเมา...
เอ๊ะ....แต่ตอนนั้นครั้งแรกของเรา ชาริน ซังก็เมานี่นา
ดวงตากลมโตฉายแววสนุกขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าคืนนี้แผนการของตัวเองคงไม่ล่มแน่ เพราะต่อให้ชาริน ซังเมา น้องก็ยังคิดว่าตัวเองรับมือไว้ อันที่จริงน้องคิดว่าตัวเองน่าจะจัดการชาริน ซังตอนเมาได้ดีกว่าตอนอีกฝ่ายมีสติเสียอีก
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแผนการจะให้ชาริน ซังเข้านอนหรือไม่ก็อาบน้ำถูกพับเก็บไว้ทันที ก่อนที่เจ้าตัวแสบจะปีนขึ้นตักอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ ฝั่งชริณเองที่อยู่ในบทบาทคนเมาก็มองตาม รอดูว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวแสบจะจัดการเขายังไง แต่ที่แน่ ๆ เขารอดตัวแล้ว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้กลิ่นน้ำหอมของซากุระ กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่งคงทำหน้าที่ได้ดี
“หอมแก้มน้องหน่อย ข้างนี้ ๆ” ว่าจบก็เอียงแก้มข้างซ้ายใส่ชาริน ซังได้หอม ยิ่งอีกฝ่ายยอมทำตามอย่างไม่อิดออด น้องก็ยิ่งชอบใจใหญ่ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใหญ่ กำลังอยู่เหนือชริณ มีอำนาจในกำมืออย่างไงอย่างงั้น
รังแกคนเมานี่มีความสุขเสียจริง!
“ชาริน ๆ หอมแก้มน้องข้างนี้ด้วย” พูดแล้วก็เอียงแก้มข้างขวาให้
“.....”
“จูบไหล่น้องหน่อย” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าพร้อมกับดึงคอเสื้อให้ออก เปิดหัวไหล่มนเอียงให้ชาริน ซังได้จูบ ยิ่งชาริน ซังทำตามเท่าไร น้องก็ยิ่งรู้สึกดีมาก ดวงตากลมโตฉายแววความสนุกขึ้นด้วยพลัน ก่อนจะกระซิบข้างหูคนเมาที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่ทั่วตัว
“งั้นคืนนี้น้องจะเอาจริงแล้วนะ...” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกระซิบบอกชาริน ซัง ในขณะเดียวกันมือเล็กก็เริ่มปลดกระดุมอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ
พอจะได้สัมผัสอารมณ์แบบนั้นอีกครั้ง เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็เริ่มใจเต้นแรง น้องเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าว่าที่สามีออกอย่างช้า ๆ ขณะที่ชาริน ซังก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไร ดูเหมือนจะสมยอมด้วยซ้ำ
พออยู่กับชาริน ซังตอนที่เมา น้องรู้สึกว่าตัวเองมีความกล้ามากขึ้น ไม่เหมือนตอนที่ชาริน ซังชักชวนให้เราทำลูกด้วยกัน ตอนนั้นความกล้าหาญหดหายไปหมดจนแทบไม่เหลือ แต่ตอนนี้น้องรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้นำ ตามประสาคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่าชาริน ซัง เพราะน้องได้ทำเกือบสองครั้งเลยนะ และครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สาม!
“ไม่เจ็บหรอกนะ นิดเดียว เหมือนมดกัด” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ หวังจะปลอบใจชาริน ซังที่กำลังมองทุกการกระทำของเจ้าจิ้งจอกเป็นตาเยิ้ม ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะลุกออกจากตักชาริน ซัง เพื่อที่จะได้รูดซิปกางเกงลง เพื่อที่จะได้จัดการอะไร ๆ อย่างที่ควรจะเป็น
หลังจากจัดการถอดเสื้อผ้าชาริน ซังให้อยู่ในสภาพที่พร้อมแล้ว น้องก็เริ่มจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ตัวเองออกบ้าง มือเล็กค่อย ๆ เกี่ยวขอบกางเกงในของตนเองลงอย่างใจเย็น พร้อมกับถอดเสื้อผ้าด้านบนออกด้วย จนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า พอ ๆ กับชาริน ซัง
“ไม่ต้องกลัวนะ ชาริน ซังน้องจะทำเบา ๆ”
“อ๊ะ! ชาริน...มัน อึก! ลึกไป”
“ลึกอะไร เท่านี้แหละ”
“ไม่เอาแล้ว!”
“อะ...อา ไหนบอกจะทำลูกไง ยังไม่เสร็จเลย”
“ฮือ...มันลึกไป อ๊ะ!”
“แล้วชอบไหม”
“ชอบ อ๊ะ..อา ไม่ชอบแล้ว!”
ชาริน ซังโกหก! ชาริน ซังแกล้งน้อง ชาริน ซังไม่ได้เมา!
เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กตกเป็นรองทันที เมื่อชาริน ซังเผยตัวตนที่แท้จริงว่าตัวเองไม่ได้เมาอย่างที่น้องเข้าใจ ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด ทันทีที่เจ้าจิ้งจอกขึ้นคร่อมตักชาริน ซังอีกครั้ง อีกฝ่ายก็เริ่มจัดการเองทุกเอง แม้กระทั่งอุ้มน้องขึ้นควบเอว พาน้องมาที่เตียงนอนเพื่อจะได้จัดการได้อย่างถนัดถนี่
กลีบปากบางถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยินยอมสมัครใจและขัดขืนในเวลาเดียวกัน เพราะตัวตนของชาริน ซังเข้ามาลึกเกินไป ครั้งที่แล้วน้องทำเอาไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย! มันทำให้น้องใจหวิวไปหมดและในขณะเดียวกัน น้องก็อยากถูกชาริน ซังจูบซ้ำ ๆ ด้วย มันจึงกลายเป็นความย้อนแย้งไปหมด
มือเล็กกำปูมือที่นอนไว้แน่น ปล่อยให้ชาริน ซังส่งตัวตนเข้ามาข้างใน ขณะเดียวกันชาริน ซังเองก็ฟัดเนินนมเล็ก ๆ ของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วยความมันเขี้ยว ฝ่ามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทุกสัดส่วน ก่อนจะวนมาหยุดที่เนินอกเล็กอีกหน
“อ๊ะ! ชาริน ซัง....”
“อะ....อา”
“อือ...รู้สึกดี จ—จัง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดออกมา ขณะเดียวกันก็เริ่มเหนื่อยล้ากับกีฬาในร่ม หลังเราเริ่มปฏิบัติการภารกิจทำลูกร่วมกันได้เกือบชั่วโมงแล้ว
กรอบใบหน้าของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชาริน ซังเองก็ไม่ต่างกัน ในเวลานี้ชาริน ซังดูร้อนแรงขึ้นเป็นสิบเท่า น้องชอบกลิ่นเหงื่อ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของชาริน ซังที่บ่งบอกถึงการเป็นผู้ชายมาก ๆ เพราะมันสามารถปลุกอารมณ์ดิบของน้องได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ! ชาริน พ—พอก่อนไหม” เจ้าตัวเล็กเริ่มร้อง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ทัน จังหวะขยับตัวของชาริน ซังกำลังทำให้น้องซับซ้อน ตอนนี้มันยังไม่หนักหน่วงถึงขนาดนี้เลย
....แต่น้องก็ชอบดี
“ยังไม่เสร็จเลย เพิ่งได้ยก...เดียวเอง ไม่อยากท้องแล้วเหรอ” ชริณพูดต่อ ขณะที่ขบกรามและสวนสะโพกเข้าหาร่างเล็กไปด้วย แม้จะตกใจกับเพศของน้องอยู่ไม่น้อย อวัยวะเพศบางอย่างที่ไม่เหมือนมนุษย์อย่างเรา ๆ แต่พอเข้าใจว่าเพราะน้องเหลืออยู่ตัวเดียวบนโลกใบนี้ ทำให้ธรรมชาติสร้างร่างกายให้เป็นแบบนี้ ชริณก็พร้อมจะเข้าใจ
“น—น้องอยากท้อง!”
“งั้นถึงเช้าเลยไหม จะได้ท้องเร็ว ๆ” ชริณว่าพร้อมกับโน้มตัวลงไปหอมแก้มนิ่ม ยิ่งได้ฟัดบ่อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเสพติดเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เสียแล้ว
“หา....”
“จะทำถึงเช้าไปเลย อยากมีลูกนักไม่ใช่เหรอ ยกเดียวไม่ติดหรอกนะ”
“แต่...แต่น้องเหนื่อยแล้ว”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง” นั่นคือสิ่งที่ชาริน ซังบอก แต่น้องเองก็เริ่มเหนื่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว เปลือกตาบางปิดสนิทลง ยินยอมให้ชาริน ซังทำลูกต่อแต่โดยดี แต่น้องไม่ทำนะ น้องเหนื่อยแล้วจึงยกหน้าที่ทั้งหมดให้ชาริน ซังรับช่วงต่อ
แขนเล็กได้แต่กอดคล้องชาริน ซังไว้อย่างหลวม ๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายจูบ อีกฝ่ายหอมตามอำเภอใจ ย่นคอหนีบ้างยามที่อีกฝ่ายงับหู ชาริน ซังจัดการให้เองทุกอย่าง ทำจนถึงรุ่งสางตามที่อีกฝ่ายได้ลั่นวาจาไว้...
_________________________
สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
ิอย่าลืมคอมเมนต์ สกรีมแท็กนะคะ กำลังใจทั้งหมดของเรา
รักค่ะ