(จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)  (อ่าน 132701 ครั้ง)

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
โค๊ด: [เลือก]
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



[color=red]1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม[/color]

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 








สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
[/b]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2018 20:47:24 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1



Red fox
ชริณ x หมาจิ้งจอก



   เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ชริณหวาดระแวงการออกจากบ้านเป็นที่สุด.... เหมือนมีบางอย่างกำลังรออยู่ข้างนอก คอยจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา... ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่มีทางออกจากบ้านเด็ดขาด แต่ตอนนี้...วินาทีนี้...เขาจะต้องเสี่ยง เพราะกำลังจะไปทำงานสายแล้ว!

   “เอาไงดีวะ” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดไปทำงานเต็มตัวพูดกับตัวเอง พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูด้วยอาการกระสับกระส่าย อยากออกไปทำงานแทบตาย แต่ตอนนี้เขาออกไปไม่ได้

   เพราะมีเจ้าจิ้งจอกแดงคอยเฝ้ามองหน้าประตูบ้านเขาอยู่!

   จริง ๆ มนุษย์ไม่ควรกลัวจิ้งจอกหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ ต้องเป็นเจ้าพวกสัตว์มากกว่าที่ต้องหวาดกลัวมนุษย์ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงตามมาตรฐานชายไทย มั่นใจในระดับหนึ่งว่าตัวเองไม่ค่อยกลัวอะไร  ไม่ว่าจะเป็นงู ตุ๊กแกหรือสัตว์แปลก ๆ พวกอสรพิษ ที่คนส่วนใหญ่ต่างหวาดกลัวกัน เขาก็ไม่กลัว ใจกล้าสุดในกลุ่มเพื่อนแล้ว แต่สุดท้ายชรินก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าจิ้งจอกแดงต่างถิ่นอย่างง่ายดาย

   ไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกแดงเป็นเช่นนี้ทุกตัวหรือเปล่า…

   ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเขาได้ย้ายงานประจำมาอยู่สำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เขาก็เช่าเป็นบ้านพักแทนที่จะอยู่ในหอพักแออัดเหมือนคนอื่น ๆ เพราะความชอบส่วนตัว แม้ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นถือว่าสูงเมื่อเทียบกับของไทยและยิ่งอยู่โตเกียว แต่สำหรับเขาก็ยังอยู่ในระดับที่พึงพอใจ

   โชคดีที่ชริณได้บ้านพักราคาถูก แต่แลกมากับบ้านที่ถูกปลูกห่างไกลจากครัวเรือนหลังอื่นนิดหน่อย เพราะเจ้าของเดิมชอบอยู่แบบสันโดษ และอยู่เกือบชานเมือง หากจะเข้าไปบริษัทเขาต้องจัดสรรเวลาดี ๆ แค่บ้านนี้ไม่มีผีเขาก็โอเค

   วันแรกที่ย้ายของเข้าบ้าน เขาโคตรรู้สึกดี เรียกได้ว่าชีวิตเหมือนฝันที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ชริณคลุกคลีกับประเทศญี่ปุ่นจนอยากมาลองใช้ชีวิตที่นี่ผ่านหนังสือการ์ตูนมังงะทั้งหลายแหล่ รวมถึงหนังผู้ใหญ่ด้วย มันเป็นความฝันที่เขาเคยวาดฝันไว้ครั้นในวัยเด็ก พอโตขึ้นมาอายุเลยสามสิบมานิดหน่อย เขาก็สามารถทำความฝันให้กลายเป็นจริงได้

   ขณะที่กำลังยกข้าวของย้ายเข้าที่พักอาศัยซึ่งไม่มีอะไรเลย นอกจากเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว เครื่องอำนวยความสะดวกและเอกสารเกี่ยวกับงานนิดหน่อย หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวเล็กค่อย ๆ เดินออกมาจากโพรงป่าหลังบ้านเขาด้วยท่าทีหวาดกลัว

   เพียงวูบเดียวเขาก็เกิดความสงสารเจ้าจิ้งจอกน้อยนี้จับใจ มันดูผอมกระจ้อยร่อยเหมือนไม่ได้มีอะไรลงท้องมานาน พวงหางก็ดูไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น หูของมันลู่ไปข้างหลัง พยายามเข้าใกล้เขาอย่างหวั่น ๆ นั่นชริณรู้ได้ทันทีว่าที่เจ้าตัวนี้พยายามเข้าใกล้เขาทั้ง ๆ ที่กลัวจับใจ คืออยากมาขออาหารเขากิน

   ด้วยนิสัยของคนไทยชอบเห็นใจ ขี้สงสารสัตว์โลกเป็นที่สุด เขาไม่รอช้ารีบวางข้าวของแล้วเข้าไปหาอาหารที่สุนัขจิ้งจอกพอจะกินได้ให้มันกิน ประทังความหิวโหย เพียงเท่านั้น....ชีวิตอันแสนสงบสุขของชริณก็เปลี่ยนไปตลอดกาล....
   



   ชริณค่อย ๆ แง้มเปิดประตูออกอย่างช้า ๆ ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาจะต้องมาคอยหลบเลี่ยงสุนัขจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวเล็กดูไร้พิษสงแต่แสบยิ่งกว่ามดคันไฟ เมื่อเห็นข้างหน้าบ้านโล่ง ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าจิ้งจอกน้อย เขาก็ไม่รอช้า รีบคว้ากระเป๋าทำงานเตรียมเผ่นทันที

   แอ๊! แอ๊!

    ไม่ทันจะได้ปิดประตูบ้านให้สนิทดี เจ้าจิ้งจอกตัวแสบที่โผล่จากไหนก็ไม่รู้ รีบวิ่งมาตะครุบขาเขาแล้วงับขากางเกงสแลคของเขาไว้แน่น พร้อมกับล้มตัวอย่างรู้งาน ชริณมองเจ้าสัตว์ป่าด้วยความตกใจ ดูเหมือนมันรู้เวลาที่เขาต้องออกไปทำงานเวลานี้ ถึงได้แอบสุ่มโจมตีจากพุ่มไม้และทุกอย่างก็เข้าทางเจ้าจิ้งจอกแดงหมด เพราะชริณหลงเชื่อว่ามันไม่ได้อยู่แถวนี้

   มันส่งเสียงร้องเสียงดัง ความโกลาหลระหว่างมนุษย์และสัตว์เกิดขึ้นทันที เมื่อชริณพยายามดึงตัวเจ้าจิ้งจอกออกให้พ้นขา แต่ในขณะเดียวกันมันก็พยายามเกาะแข้งเกาะขาเขาแน่นยิ่งกว่าตัวตุ๊กแก

   “ปล่อยสิโว้ยย ไอ้จิ้งจอกบ้า!”

   แอ๊! แอ๊!

   มันส่งเสียตอบรับอย่างรู้งาน พร้อมกับใช้ลำตัวพันแข้งพันขาชริณยิ่งกว่าเดิม นั่นทำเอาชายหนุ่มถึงกับคิดหนักจะงัดเจ้าตัวนี้ออกจากตัวเขาได้ยังไง ไม่รู้ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ชริณตัดสินใจเข้าไปเอาอาหารในบ้านมาให้มันกิน เจ้าจิ้งจอกแดงก็คอยมาหาเขาเช้า เย็น ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่คิดอะไร ยังคงคิดว่ามันมาขออาหารกินอยู่ จึงได้ให้ไปซ้ำสอง แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าตัวเองคิดผิดอย่างมหันต์

   “ฉันกำลังจะไปทำงานสายนะ” เพราะยิ่งแงะร่างเจ้าจิ้งจอกน้อยมากเท่าไร มันก็ยิ่งเกาะแน่น เขาจึงตัดสินใจปล่อย แล้วคุยกับมันดี ๆ เผื่อมันจะฟังภาษาคนรู้เรื่อง

   มันจ้องเขาตาแป๋ว ลุกขึ้นนั่งอย่างสงบเสงี่ยม เมื่อเขาไม่พยายามงัดร่างมันออกให้พ้นตัว พวงหางสวยแกว่งไสวไปมา เหมือนหมาบ้านที่กำลังให้รอเจ้าของเล่นด้วย แต่มันคงจะลืมไปว่าตัวเองเป็นสัตว์ป่าและเขาไม่ใช่เจ้าของมัน!

   “เอางี้ไหม หลังเลิกงานฉันจะซื้อของอร่อย ๆ มาให้กิน” ชริณยื่นข้อเสนอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุดแสนใจดีแต่ในความเป็นจริง ตอนนี้แทบฆ่าเจ้าจิ้งจอกแดงตรงหน้าได้ด้วยซ้ำ

   “.....” เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงคออย่างฉงน มันไม่ได้ส่งเสียงร้องตอบเหมือนอย่างทุกที แต่ล้มตัวนอนหงายท้องแล้วพยายามใช้เท้าหน้าสะกิดเขาให้เล่นพุงมัน

   แต่ชริณกำลังจะไปทำงานสายแล้ว!

   เขาไม่มีเวลาและอารมณ์จะมาพูดเสียงที่สองกับสัตว์โลกที่น่ารักอีกต่อไป ชริณลูบหัวมันเบา ๆ ให้เคลิ้มได้ที่แล้วเริ่มออกตัววิ่งสุดแรงเกิด ทิ้งให้มันนอนหงายพุงทำหน้างงอยู่อย่างนั้น


   “นี่ไปออกกำลังกายถึงค่อยมาทำงานเหรอวะ” เมื่อมาถึงบริษัทใหญ่ เพื่อนร่วมงานและร่วมสัญชาติอย่างไอ้เมฆก็เอ่ยทักทันที หลังเห็นชริณมาทำงานในสภาพเหงื่อซกอีกแล้ว

   “เออ ช่วงนี้กูฟิตหุ่น”

   “เย—เข้ พี่เขาฟิตหุ่น”

   “ทำไมกูจะออกกำลังกาย ฟิตหุ่นแบบผู้ชายเขาทำกันไม่ได้หรือไง” ชริณย้อนถาม

   “....ยังชอบซากุระอยู่เหรอวะ”

   “.....”

   “เขามีแฟนแล้วนะมึง” บรรยากาศของบทสนทนาเปลี่ยนไป เมื่อเมฆพูดถึงซาโต้ ซากุระ เพื่อนร่วมงานคนสวยสัญชาติญี่ปุ่น แค่พูดถึงเธอยังไม่พอ ไอ้เมฆยังซ้ำเดิมเขา ตอกย้ำสถานะว่าซากุระมีแฟนแล้วอีก นั่นยิ่งไม่ต่างจากการเหยียบบาดแผลในใจที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วซ้ำเข้าไปอีก

   “เดี๋ยวเขาก็เลิกกัน” ชริณพูดเพียงสั้น ๆ อย่างเท่ ๆ ให้เพื่อนตบมืออย่างชื่นชมในความเลว ไม่ว่ายังไงก็ช่าง เขาถือคติไว้อย่างหนึ่งว่า ขนาดแต่งงานกันยังหย่ากันได้เลย นับประสาอะไรกับอีแค่คบ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เลิกและเขานี่แหละจะเป็นมือที่สามเอง!


   ถึงต่อหน้าเพื่อนจะปากเก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องแอบมาซดเหล้าแถวบ้านด้วยความช้ำใจ ชริณนั่งเท้าคางพลางจิบสาเกประจำท้องถิ่นที่อิซากายะอย่างเหม่อลอย นึกตัดพ้อถึงความใจร้ายของซากุระในใจ รู้ว่าเขาชอบแค่ไหน ยังจะให้ความหวังอีก ใจร้ายกว่านี้ไม่มีใครเกินเธอแล้ว

   ยิ่งคิดยิ่งจิบ เขารินสาเกยกดื่มเป็นหนที่สอง ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเองว่าสักวันหนึ่งสองคนนั้นจะเลิกกัน แต่ก็เหมือนรอรถไฟที่สนามบิน เหมือนจะมีโอกาสได้ครอบครองเธอ แต่มันก็เลือนลางและไม่รู้ความหวังนั้นจะเป็นจริงตอนไหน

   หลังจากดื่มจนแทบคุมสติไม่อยู่แล้ว ชริณก็เดินออกจากร้านด้วยสภาพโซซัดโซเซ จวนจะล้มอยู่ร่อมรอ เขาพยามยามประครองสติ เดินสะเปะสะปะไปตามเส้นทางแสงไฟสีเหลืองนวลคอยส่องนำทางให้ จนในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านพักของตัวเองด้วยสภาพที่ปลอดภัย แต่สติไม่ค่อยมี

   ก่อนจะเปิดประตูบ้าน ชริณก็เปิดกระเป๋าทำงานตัวเอง หยิบถุงขนมสุนัขออกมา เมื่อนึกได้ว่าตนเองได้ให้คำสัญญากับเจ้าจิ้งจอกน้อยเอาไว้ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ซื้อมา แต่ไหน ๆ ก็เดินผ่านร้านสะดวกซื้อมาแล้วก็อดแวะไม่ได้ เผื่อของกินจะช่วยให้เจ้าจิ้งจอกแดงเลิกยุ่งกับเขาสักระยะ

   เขาหันมองซ้ายขวา มองหาเจ้าตัวดีที่ชอบมาวอแวตอนไปทำงาน แต่กลับไร้เงาของมัน ด้วยความที่อยากจะนอนเต็มที เพียงเท่านั้นชริณก็โยนซองนั้นไว้หน้าบ้านทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แกะห่อขนม ถ้าเจ้าจิ้งจอกฉลาดนัก เดี๋ยวมันก็คงหาวิธีเจ้าซองขนมนี้ได้เอง ชายหนุ่มคิดเช่นนั้นก่อนจะประคับประครองร่างกายตัวเองเดินเข้าบ้านพัก

   เมื่อมาเข้ามาด้านในชายหนุ่มก็ทำเพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อสองสามเม็ด ถอดถุงเท้าโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ตอนนี้เขาอยากจะนอนเป็นที่สุดแล้ว เปลือกตาก็ใกล้ปิดแล้ว เขาโหยหาโซฟานุ่ม ๆ เป็นที่สุด

   หลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้ตัวเองอยู่ในสภาพนอนสบายได้แล้ว ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบกระโดดขึ้นโซฟา คว้าหมอนนอนได้ที่ทันที ในที่สุดเขาก็เคลิ้มหลับในเวลาไม่ถึงสามนาที ทิ้งให้จิ้งจอกตัวน้อยที่แอบเข้ามาผ่านหน้าต่าง จ้องมองตาแป๊วอยู่มุมห้องท่ามกลางความมืด....

   ชา-ริน ซัง หลับไปแล้ว?

   นั่นคือสิ่งที่จิ้งจอกตัวน้อยสงสัย มันเอียงคอมองจากมุมห้องด้วยความฉงน อยากเดินเข้ามาสำรวจแทบตาย แต่ก็กลัวเจ้าของบ้านไล่ตะเพิด ขนาดเมื่อเช้ายังวิ่งหนีมันเลย นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้ ดูเหมือนโชคชะตารู้เห็นเป็นใจให้ชาริน ซังลืมปิดหน้าต่างบ้าน ทำให้จิ้งจอกแดงอาศัยความตัวเล็กลอดเข้ามาผ่านช่องแคบ ๆ ได้

   เมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจ้าจิ้งจอกจึงกล้าเสี่ยง มันค่อย ๆ เดินย่างเท้าออกมาจากความมืด มันใช้จมูกของตัวเองสูดดม ฟุดฟิดกลิ่นกายของชาริน ซังผ่านมือหนาที่ตกจากโซฟาลงมาอย่างระแวดระวัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตามแบบฉบับจิ้งจอก จ้องมองใบหน้าหล่อโดยที่มีแสงจันทร์กระทบลงมาผ่านหน้าต่างบ้าน ทำให้มองเห็นสัดส่วนใบหน้าของอีกคนได้อย่างชัดเจน

   เพียงเท่านั้นหัวใจของเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เกิดอาการเต้นแรงอีกครั้ง....

   การที่สัตว์ตกหลุมรักมนุษย์เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์และไม่ควรอย่างยิ่ง แต่จิ้งจอกน้อยเชื่อว่าตัวเองสามารถทำได้...มันลองส่งเสียงแอ๊ ๆ ตามแบบฉบับของเจ้าจิ้งจอกอีกครั้ง มันครางดังในลำคอ จ้องหน้าชาริน ซังไม่กะพริบเผื่ออีกคนจะตื่นขึ้นมา แต่ก็มีแค่
ความเงียบตอบกลับมา
   เพียงเท่านั้นมันก็รับรู้ได้ทันทีว่าสวรรค์ได้ให้โอกาสแล้ว ไม่รู้โอกาสแบบนี้จะมีอีกกี่ครั้ง เมื่อคิดได้เช่นนั้นมันก็ไม่รอช้า ต้องรีบจัดการตัวเองให้เสร็จภายในราตรีนี้ อีกทั้งถือเป็นการขอบคุณชาริน ซังที่คอยให้อาหารและความช่วยเหลือมาตลอด

   จิ้งจอกน้อยกระโดดขึ้นไปบนโซฟานุ่ม เตียงเดียวกับชาริน ซังมันขึ้นไปนั่งบนอกของมนุษย์หนุ่มอย่างไม่กลัวตาย ก่อนร่างของจิ้งจอกแดงตัวจ้อยจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ จากขนสีน้ำตาลแดงยาวสลวยก็ค่อย ๆ สั้นขึ้น จมูกและปากยาวยืดก็ค่อย ๆ ลดลง ลำตัวขยายใหญ่ขึ้น

    ...จนในที่สุดก็อยู่ในร่างมนุษย์หมาจิ้งจอกโดยที่ไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายและกำลังนั่งทับตักแกร่งพนักงานออฟฟิศ

   ตำนานที่เล่าขาน แต่ไม่เคยมีหลักฐานมารองรับ เพราะไม่เคยจับตัวมนุษย์หมาจิ้งจอกได้เป็น ๆ เสียที สุดท้ายก็กลายเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก แต่ใครจะรู้เล่าว่ามนุษย์หมาจิ้งจอกมีอยู่จริงและเหลือแค่เขาเพียงตัวเดียว...

   ดูเหมือนสวรรค์ได้มอบภารกิจใหญ่หลวงให้กับเขา หากสิ้นชีวิตนี้ไป เชื้อสายของมนุษย์หมาป่าก็สูญสิ้นจากโลกนี้เช่นกัน เพราะเหลือเพียงตัวเดียวที่มีเชื้ออยู่ ทำให้ธรรมชาติได้สร้างสองเพศไว้ในตัวเดียวกัน ทางเดียวที่เผ่าพันธุ์จะอยู่รอดคือเขาต้องท้อง

   เมื่อคืนร่างเป็นมนุษย์จิ้งจอก สะโพกอิ่มก็เริ่มเสียดสีขยับเป็นจังหวะ ไม่สนใจว่ามนุษย์ใต้ร่างต้องการคำขอบคุณนั้นไหม เสียงหวานเริ่มครางฮึมฮัมในลำคอ เขามีเวลาไม่มากนัก ต้องทำจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง

   “ค—ใคร” ชริณถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาหนักอึ้งไปหมดแทบไม่อยากจะลืมตาด้วยซ้ำ แต่ก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่กำลังนั่งทับตนเองและเสียงเสียดสีของผ้า ดังเป็นระยะ ๆ

   “น้องเอง” คนที่แทนตัวว่าน้องเอ่ยตอบ ขณะที่ช่วงล่างก็ยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ปลุกเร้าอารมณ์ทั้งคนใต้ร่างและของตัวเอง

   “อะ...อา น้องไหน ลูกคนเดียว”

   “น้องนี่ไง....นอนนะ น้องจะจัดการเอง” คนตัวเล็กพูด ก่อนจะประกบจูบแผ่วเบา หมายให้มนุษย์ใต้ร่างเคลิ้มหลับ  ตลอดทั้งคืนนี้น้องจะตอบแทนให้พี่เอง

   เมื่อการเสียดสีช่วงนั้นได้ที่แล้ว จนภายใต้กางเกงของชาริน ซังมันคับพองเหมือนถูกสูบลมเอาไว้ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวหมายจะปลดเปลื้องกางเกงให้ แต่ต้องเจอปัญหาโลกแตกของสัตว์ เมื่อเปิดเข็มขัดไม่เป็น! น้องจ้องเข็มขัดด้วยความฉงนใจ ลองเอานิ้วถู ๆ ดูมันก็ไม่ออก พยายามกระชากก็ไม่ออก สุดท้ายก็ได้นั่งมองอย่างจนปัญญา

   “พี่..พี่จ๋า ช่วยน้องด้วย น้องเปิดไม่ออก” มนุษย์หมาจิ้งจอกพูดแผ่ว ลองเสี่ยงปลุกชาริน ซังดู เรื่องสืบพันธุ์มันสำคัญต่อเผ่าพันธุ์ของเรา หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมหรือตื่นมาพร้อมกับสติที่หายไป มนุษย์จิ้งจอกผู้นี้ก็ต้องวิ่งหายเข้าไปในป่าลึกและก้มหน้ารับชะตากรรมว่าต้องสูญพันธุ์

   “เปิดอะไรวะเนี่ย” ชรินพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญทั้ง ๆ ที่ไม่ลืมตา สติก็พร่าเลือนเต็มทีแต่ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์อย่างว่า ภาพในหัวคือซาโต้ ซากุระแจ่มชัด

   “เปิดตรงนี้....” ว่าจบเจ้าจิ้งจอกน้อยก็จับที่หัวเข็มขัดมน “เปิดให้น้อง น้องจะทำให้พี่สบายตัว” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดด้วยน้ำเสียงหวั่น ๆ มองคนที่เริ่มคิ้วขมวดเพราะความไม่สบายตัวอย่างลุ้น ๆ

   เมื่อได้ยินว่าต้องการอะไร ชรินก็ปลดเข็มขัดให้อย่างไม่เฉลียวใจว่าตนเองกำลังพูดกับใคร เพราะเขาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง…

   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับยิ้มอย่างดีอกดีใจ เมื่ออุปสรรคเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว น้องไม่รอช้ารีบปีนป่ายขึ้นไปทับตักแกร่งตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ปัญหาหนที่สองจะตามติด ๆ

   “เข้ารูไหนวะเนี่ย” น้องพูดกับตัวเอง เพราะธรรมชาติคัดสรรและสร้างให้มีสองเพศในตัวเดียวกัน ทำให้เกิดความสับสนว่าควรเข้าตรงไหนดี แม้จะทำตามสัญชาตญาณ แต่มันก็ไม่ได้บอกละเอียดนัดและนี่ก็คือครั้งแรกที่ได้ทำภารกิจ รู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องการเหลือเกิน

   สุดท้ายก็ต้องทำการสุ่มทางเข้า มนุษย์หมาจิ้งจอกตัวน้อยหลับตาปี๋ ค่อย ๆ จับส่วนร้อนผ่าวของอีกฝ่ายสอดเข้ามาในร่างตน กลีบปากบางถึงกับเม้มแน่นเพราะความเจ็บแปลก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเพราะความกระสันอย่ากมากมาย จึงพยายามทำให้มันเข้ามาจนสุดความยาว

   “อือ....” น้องครางฮือในลำคอ เมื่อเริ่มขยับสะโพกอิ่มตามสัญชาตญาณ ความต้องการหมุนเกลียวเหมือนเป็นลูกพายุกำเนิดอยูในร่าง จากจังหวะที่เชื่องช้าก็กลายเป็นเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณความต้องการ ประกอบกับเสียงคำสั่งคนใต้ร่างที่จับใจความได้ว่าให้ทำเร็วกว่านี้

   “พี่จ๋า น้อง....น้อง” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นขณะที่กำลังบอกความรู้สึกตนเองในตอนนี้ให้มนุษย์ใต้ร่างได้รับรู้  ฝ่ามือร้อนของมนุษย์หนุ่มเอื้อมมาจับบั้นท้ายนุ่มนิ่มที่ขยับช้าเกินไป จนเป็นฝ่ายควบคุมเสียเอง ภาพของซากุระยิ่งชัดเจน หลังความต้องการเริ่มใกล้มาถึงฝั่งฝันอยู่ในไม่ช้า ก่อนที่บางอย่างจะฉีดพุ่งเข้าไปในร่างของคนในฝัน พร้อม ๆ กับมนุษย์จิ้งจอกที่ซบลงอกแกร่งอย่างหมดแรง

   “ดี...ดีที่สุด” ชรินละเมอพูด ก่อนจะโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของซากุระ หญิงสาวที่ได้ครอบครองแค่ในความฝันเอาไว้แน่น

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1



01
[/b]



   ชรินตื่นมาพร้อมอาการแฮงค์และสบายตัวแปลก ๆ แต่ด้วยหัวที่หนักอึ้งเกินกว่าจะเปิดเปลือกตาไหว เขาจึงต้องโทรลางานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำใจยอมรับว่าการลางานกะทันหันครั้งนี้ อาจถูกหักเงินเดือนตามกฎของบริษัท แต่เขาแบกสังขารไปไม่ไหวจริง ๆ

   เมื่อคืนในความฝันมันดีมาก ๆ มันดีเกินไปจนเขานึกว่าเป็นเรื่องจริง หลังจากนึกได้ว่าเมื่อคืนฝันว่าอะไร ชริณก็รีบลุกขึ้นสำรวจร่างกายและรอบตัวของเขา เผื่อเมื่อคืนเขาหิ้วผู้หญิงกลับมานอนด้วยแล้วจำไม่ได้ ทว่ารอบตัวกลับเงียบสงบ เขาไม่ได้พาใครมานอนด้วย

   ชริณถอนหายใจอย่างอก มีเพียงแค่เข็มขัดและท่อนล่างที่หลุดลุ่ย กางเกงยับยู่ยี่ไปหมด แต่ท่อนบนของเขายังอยู่ครบ จึงมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อคืนเขาอาจโลกสวยด้วยมือเรา

   “อ้าว เมื่อวานลืมปิดหน้าต่างเหรอวะ”

   สุดท้ายวันนี้เขาก็กลายเป็นคนว่างงานโดยปริยาย ชริณนอนยาวจนถึงช่วงสายของวัน ก่อนจะลุกขึ้นทำซุปร้อน ๆ กินพร้อมกับยาแก้แฮงค์ อากาศในวันนี้หนาวกว่าปกติ สังเกตจากหิมะที่ตกโปรยปรายข้างนอก

   ในขณะที่ชริณกำลังนั่งดูโทรทัศน์และซดซุปไปด้วย เขาก็ได้ยินเสียงขูดประตูหน้าบ้านดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าคงเป็นฝีมือเจ้าจิ้งจอกตัวป่วนแน่ ไม่รู้ทำไมมันถึงตามติดเขาแจนัก พักหลังชริณก็ว่าไม่ได้ให้อาหารมันแล้ว แต่ทำไมมันถึงไม่ยอมไปเสียที

   เขาเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น หวังจะกลบเสียงขูดประตูของมัน ขนมที่บอกว่าจะให้ก็โยนทิ้งไว้หน้าบ้านแล้ว แต่ดูเหมือนมันยังไม่พอใจ

   คราวนี้มันไม่จบแค่การขูดประตูเรียกร้องความสนใจ แต่กลับส่งเสียงร้องดังลั่นตามแบบฉบับของมัน ขนาดเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้นจนสุดยังไม่สามารถกลบเสียงของมันได้ กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณกำลังสร้างสงครามประสาทกับสัตว์

   “โว้ยย! หยุดร้องได้แล้วโว้ย ไอ้จิ้งจอกบ้า!” สุดท้ายก็กลายเป็นเขาที่ทนไม่ไหว

   แอ๊! แอ๊! มันส่งเสียงตอบกลับพร้อมกับขูดประตูชุดใหญ่ คราวนี้หนักว่าเดิมจนเขากลัวว่าประตูจะเกิดรอย สุดท้ายชริณก็ต้องลุกขึ้น เขาเดินไปยังประตูหมายจะจับมันโยนทิ้งเสีย ข้อหาสร้างความรบกวนและรำคาญอย่างถึงที่สุดตั้งแต่เช้า

   ทันทีที่กระชากประตูออกอย่างอารมณ์เสีย มันก็นั่งจ้องแป๋ว ดูสงบเสงี่ยมเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในปากของมันคาบซองขนมที่เขาโยนไว้ในเมื่อคืน มีการกัดแทะซองไปแล้ว แต่เหมือนมันยังกินไม่ได้

   “เฮ้ย! เข้ามาไม่ได้ โน!” ชริณร้องห้ามเสียงหลง เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อย ทำท่าจะเดินเข้ามาในบ้านของเขา เขารีบเอาขากั้นไว้อย่างทันท่วงที แต่มันกลับหันก้นให้ เอาก้นถูขาเขาพร้อมกับช้อนตามองยิ่งว่าผู้หญิง พฤติกรรมแบบนี้มันไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งเขาก็ตกใจมาก ยกขาขึ้นหลบมันแทนไม่ทัน

   “บอกว่าไม่ได้ไง เจ้าหมาโง่! อ้าว แล้วขาหลังเป็นไรล่ะนั่น” ชริณพูดกับมัน หลังสังเกตว่าขาหลังมันเดินกะเผลกเหมือนเจ็บสะโพก พอจะเอื้อมไปจับหมายจะดูอาการให้มันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ สงสัยกลัวเขาทำมันเจ็บซ้ำสอง

   มันเดินนวยนาดเข้ามาในบ้านเขา คราวนี้มันชักเหิมเกริมนัก ปกติมันจะเฝ้าโจมตีอยู่หน้าบ้าน คอยงับกางเกงไม่ยอมให้เขาไปทำงาน แต่คราวนี้มันกลับมาไกลกว่านั้น อีกเพียงนิดเดียวชริณจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวยกเว้นห้องนอนแล้ว ดีไม่ดีวันข้างหน้า เขาอาจไม่มีที่ซุกหัวนอนก็ได้

   “เอาขนมมานี่ เดี๋ยวแกะให้”

   “.....”

   “ได้กินแล้ว ก็ต้องออกไปนะ ไม่ให้อยู่ เข้าใจ๊?” เขาพูดแล้วดึงซองขนมออกจากปากมันหมายจะแกะให้ มันไม่ได้ส่งเสียงตอบรับ แต่กลับชำเลืองมองเขาครู่หนึ่งและหันมองไปทางอื่นอย่างมีจริตจะก้าน ยิ่งกว่าหมาบ้านตัวเมีย

   “.....”

    “ทำไมไม่เข้าป่าวะเนี่ย แกไม่ใช่หมาบ้านนะเว้ย”

   “.....”

   “นึกว่าตัวเองเป็นหมาบ้านรึไง” เขาถาม ก่อนจะชะงักไปเมื่อมันอ้าปากกว้างเหมือนห้าว แต่โชว์เขี้ยวแหลมครบทุกซี่

   “อ้าวนี่ ขนมแกะให้แล้ว ออกไปได้เลย ว่าจบชริณก็เอาขนมยัดใส่ปากให้มันคาบไว้ออกไปแทะข้างนอก แต่มันกลับจ้องตาแป๋ว พยายามขยับเข้ามาใกล้เอาหัวซุกแขน ถูไปมาอ้อนยิ่งกว่าลูกแมว

   “อยู่ไม่ได้ จะไม่ใจดีแล้วด้วย” เขาว่าเสียงเข้ม คราวนี้มันหูลู่หางตก ดวงตาดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าสัตว์แสนรู้ ทำเอาคนมองรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคนใจร้าย ใจอำมหิตมาก ๆ

   “เฮ้อ...งั้นกินเสร็จก็ต้องออกไปนะ ไม่ให้อยู่จริง ๆ” สุดท้ายชริณก็ต้องยอมมันอีกจนได้...

   เป็นครั้งแรกที่ทั้งวันเขาได้ใช้ชีวิตกับสุนัขจิ้งจอก ส่วนใหญ่เราจะเล่นซ่อนแอบกันตอนไปทำงานก็เท่านั้น แต่ครั้งนี้มันต่างจากทุกที หลังจากที่มันกินขนมเสร็จ มันก็นอนหมอบดูโทรศัพท์ พยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชริณไม่ได้ลืมไล่มัน เขาแค่เห็นว่ามันไม่ซุกซน ทำตัวเป็นหมาผีเหมือนเช่นทุกวัน ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ถ้ามันเบื่อก็คงออกจากบ้านเขาเอง

   แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดผิด เพราะมันหลับคาพรมเช็ดเท้าของเขาถึงเย็น พยายามเอาเท้าเขี่ยก็ไม่ตื่น ไม่รู้หมาจิ้งจอกมันกินน้อยหรือยังไง เพราะทั้งวันมันอยู่กับเขาและกินเพียงขนมหนึ่งซองเท่านั้น

   “แกนี่มัน....”

   “.....”

   “ถ้าพรุ่งนี้เห็นว่า¬ขี้ในบ้านจะโดนไม่น้อย” สุดท้ายชริณก็ต้องเสียสละพรมเช็ดเท้าให้กับมัน เขาปล่อยให้มันนอนนอกห้องอย่างสบายใจ เพราะขี้เกียจไล่มันออกจากบ้าน ดีไม่ดีปลุกหมาจิ้งจอกตอนหลับ อาจได้แผลเป็นของฝากก็ได้ ส่วนเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องของมนุษย์ก็โบกสะบัดพวงหางเบา ๆ ด้วยความดีใจ

   ....คืนนี้พี่จ๋ารอน้องก่อนนะจ๊ะ น้องจะไปบริการความสุขให้ถึงที่




   
   ถึงอยากจะเข้าไปคลุกคลี อยู่ใกล้ ๆ ชาริน ซังสักแค่ไหน แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ต้องอดทนรอ หลังจากชาริน ซังเข้าไปในห้องนอนแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็นั่งมองหน้าห้อง รอให้ไฟข้างในดับไปก่อนถึงจะเข้าไปได้

   ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลก แบกรับภารกิจอันใหญ่หลวงเอาไว้ น้องไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ เพราะเป็นจิ้งจอกที่กลัวคน ไม่กล้าเข้าใกล้ใคร เพราะกลัวถูกทำร้าย แต่ก็เหมือนฟ้าดินเป็นใจเปิดทางให้น้องได้เจอกับชาริน ซังผู้ไม่ต่างจากเทวดา เป็นเจ้าชีวิตของน้อง ถึงแม้อีกฝ่ายจะคอยผลักไสไล่ส่ง แต่ก็คอยให้อาหารกิน ไม่เคยปล่อยให้อดอยากสักมื้อ

   ด้วยความอดอยากปากแห้ง ในป่าเย็นมีแต่หิมะโปรยปราย มองทางไหนก็เจอแต่หิมะ เพราะอากาศหนาวที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบทศวรรษของญี่ปุ่น อาหารที่เคยกินอย่างอุดมสมบูรณ์กลับขาดแคลน พ่อแม่ที่เคยอยู่เป็นครอบครัวก็ล้มหายตายจาก จนเหลืออยู่เพียงลำพัง

   ชีวิตที่เคยมีแต่ความสุขจางหายไป น้องเหลือเพียงตัวเดียว จิ้งจอกตัวอื่นก็ไม่มีตัวไหนเหมือนกับครอบครัว เพราะความอดยากบางครั้งก็ต้องแย่งอาหารกัน กลายเป็นปรปักษ์กันโดยปริยาย น้องซึ่งตัวเล็กกว่าใคร ตามประสาจิ้งจอกที่มีเชื้อมนุษย์อยู่ในตัว จึงต้องแพ้อยู่เรื่อยไป

   จากที่เคยกลัวมนุษย์มากกว่าสิ่งใดบนโลก กลายเป็นว่าการที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องน่ากลัวกว่านัก วัน ๆ นึกแต่ว่าจะมีอะไรตกขึ้นท้องไหม พรุ่งนี้อยู่รอดปลอดภัยหรือเปล่า ต้องคอยมาคุ้ยถังขยะหาเศษอาหารที่ติดตามถุงพลาสติก ข้างถนนเขตที่มนุษย์อาศัยอยู่เพื่อไม่ให้ตัวเองอดตาย

   จนกระทั่งวันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป.... เมื่อบ้านที่น้องอาศัยหลบฝน หลบพายุหิมะอยู่หลังบ้าน ที่เดิมที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ได้มีคนย้ายเข้ามา น้องแอบมองอย่างหวาดระแวง ชาริน ซังในตอนนั้นก็ดูเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันก็ดูแตกต่าง ไม่คล้ายกับคนญี่ปุ่น

   เสียงท้องที่ร้องหาอาหาร ให้หาอะไรตกลงกระเพาะได้แล้ว เร่งเร้าให้น้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะอดตายของจริง ด้วยความที่คิดไปเองว่าชาริน ซังอาจจะดีใจ เพราะหน้าตาดูแปลกประหลาดไม่เหมือนมนุษย์ที่เคยเจอ ทำให้น้องตัดสินใจค่อย ๆ เดินเข้าไปขออาหารด้วยความหวาดกลัว

    นับตั้งแต่นั้นน้องก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้คิดผิดแต่อย่างใด อย่างน้อยชาริน ซังก็คือเทวดาของน้อง

   จริง ๆ น้องฟังภาษาของชาริน ซังไม่ค่อยออกเท่านั้น ภาษาของชาริน ไม่เหมือนภาษาที่น้องรู้จัก มีฟังออกบ้างบางคำ แต่ส่วนใหญ่อาศัยฟังน้ำเสียงและท่าทางของอีกฝ่ายทั้งนั้น ถึงคุยกันรู้เรื่องมาถึงทุกวันนี้

   แม้วันนี้จะได้กินอาหารที่ชาริน ซังเรียกว่าขนมแค่ซองเดียว แต่หากเทียบชีวิตแต่ก่อนที่ยังไม่มีเทวดาคอยช่วยเหลือ อดมื้อกินมื้อ บางครั้งหาเศษอาหารไม่ได้ จนไม่ได้กินข้าวถึงสองวันติด แค่นี้สบายมาก น้องอยู่ได้

   ไฟห้องชาริน ซังดับไปแล้ว พวงหางสายจิ้งจอกน้อยขยับไปมาด้วยความดีใจตามสัญชาตญาณ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวิบวับเหมือนเห็นอาหาร เมื่อเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนกำลังจะฉายวนอีกครั้ง แม้น้องจะจับสะโพกก็ไม่เป็นไร เพื่อแลกกับการทำภารกิจของตัวเองและให้ชาริน ซังมีความสุข อย่างน้อยก็ในความฝัน น้องทำได้!

   ถึงไฟในห้องชาริน ซังจะดับแล้ว แต่น้องก็ยังต้องรอเวลา ปิดไฟแล้วใช่ว่าคนในห้องจะหลับเลย ระหว่างนั้นน้องก็มองหามุมเพื่อแปลงกายกลับคืนร่างมนุษย์ จะได้เปิดลูกบิดไปหาชาริน ซังที่รักง่าย ๆ

   ที่ ๆ เหมาะกับการแปลงร่างมากที่สุดก็คือมุมในครัวของชาริน ซังเพราะมืดทึบ น้องค่อย ๆ เดินไปตรงนั้น ขณะที่กำลังหลับตาเตรียมจะคืนร่างเหมือนอย่างเดิม จู่ ๆ ประตูห้องนอนของชาริน ซังก็เปิดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

   “....!!”

   “อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” น้องแอบมองชาริน ซังอยู่มุมหนึ่งในเคาน์เตอร์ครัวด้วยความตื่นตระหนก ดีที่น้องยังไม่แปลงร่าง อาจเร็วไปนั้นไปสักนาที ความลับที่มีมาตั้งแต่กำเนิดอาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป

   “......”

   “เฮ้อ อุตส่าห์จะเอาผ้าเน่ามาห่มให้” ชริณบ่นกับตัวเองเสียงแผ่ว เมื่ออุตส่าห์ใจดีหาผ้าห่มเล็ก ๆ ผืนที่ไม่ได้ใช้แล้วมาให้เจ้าจิ้งจอกน้อยห่ม เพราะกลัวหนาว แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา เขาส่ายหน้าอย่างระอา เจ้าตัวนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ นึกจะมาก็มา ไล่ให้ไป ไม่เคยเขยิบ พอจะไปก็หายไปเอง

   เมื่อไม่มีใครอยู่ข้างนอกแล้ว ชริณก็กลับเข้าห้องตัวเองเตรียมตัวเข้านอนเสียที พรุ่งนี้ยังไม่ใช่วันหยุด เขาต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ฉะนั้นควรรีบเข้านอนตั้งแต่ตอนนี้

   เสียงปิดประตูดังขึ้น ชาริน ซังเข้าไปในห้องนอนแล้ว ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาอะไรกินในครัว แต่ก็ไม่ แอบรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่ชาริน ซังหาผ้าห่มมาให้ แม้จะไม่อยากให้อยู่ในบ้านเพียงใด แต่สุดท้ายก็แอบเป็นห่วงทุกที เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เปิดประตูออกมาเป็นหนที่สองแล้ว น้องก็ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ตั้งจิตไว้ให้มั่น เพื่อทำการกลายร่างอย่างที่ควรจะเป็น

   ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่น้องกลายร่างได้ แต่ครั้งแรกที่รู้วิธี แทบเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขา เพราะกลายเป็นมนุษย์ตอนอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่ามากกว่าห้าตัว

   การที่เป็นมนุษย์อยู่ท่ามกลางป่าเขาที่มีสัตว์ดุร้ายและอสรพิษอยู่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก จริงอยู่ที่สัตว์ป่ามักจะกลัวมนุษย์แต่ก็มีบางส่วนอยากลองดีอยู่เสมอ อย่างเช่นงู หมีหรือหมาป่า

   การกลายร่างเป็นมนุษย์อยู่กลางป่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก ทักษะบางอย่างของมนุษย์มีไม่เทียบเท่ากับจิ้งจอก สัตว์ที่มีพื้นเพอยู่ในป่าตั้งแต่กำเนิด และมีเลือดอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ในตัวน้อง จิ้งจอกว่องไวกว่ามนุษย์และสายตาเร็วกว่า จึงเหมาะที่จะอยู่ในป่ามากกว่า

   เสียงเปิดประตูห้องค่อย ๆ ดังขึ้นในความเงียบ ร่างเล็กที่ปรับสายตาได้ดีในยามวิกาลจ้องมองเตียงใหญ่ที่มีชาริน ซังนอนอยู่อย่างเป็นเป้าหมาย น้องค่อย ๆ ปิดประตูลง ลอบเลียกลีบปากอย่างประหม่าเพราะกลัวจะถูกจับได้ หัวใจดวงน้อยระส่ำระส่าย น้องสัญญาว่าคืนนี้อยู่ไม่นาน พอเสร็จภารกิจจะรีบออกจากห้องนี้ไป ไม่ปล่อยให้พี่กอดตลอดทั้งคืนเหมือนครั้งก่อน

   “.....”

   “.....”

   เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ชะโงกหน้าดูชาริน ซังอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายปิดเปลือกตาสนิท หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เหมือนกำลังอยู่ในนิทราห้วงลึก รอยยิ้มของเจ้าจิ้งจอกผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะภาพตรงหน้า ความจริงน้องไม่อยากทำตอนพี่หลับ แต่ขอถ้าทำตอนพี่ตื่น พี่ก็คงไม่สมยอม น้องจึงต้องทำในเวลานี้

   เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ไม่รอช้า รีบกระโดดขึ้นเตียงนุ่มขึ้นคร่อมชาริน ซังเอาไว้ ดวงตาเรียวจ้องหน้าเทวดาของตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้ม ยิ่งได้มองหน้าใกล้ ๆ ก็ยิ่งใจเต้นแรงยิ่งกว่าอะไร แม้อีกฝ่ายจะหลับตาอยู่ก็ตาม

   ไม่มีใครหล่อเท่าชาริน ซังของน้องแล้ว...

   โชคดีที่วันนี้ไม่มีเข็มขัดซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำภารกิจและน้องก็ไม่สามารถเปิดมันเองได้ มีเพียงแค่กางเกงหัวยางยืดโง่ ๆ เท่านั้น แต่น้องคิดว่าตัวเองจัดการได้โดยไม่ต้องให้พี่ช่วยเหลือ

   ทุกอย่างต้องอาศัยความเร็ว น้องจะชักช้าไม่ได้ เวลาไม่เคยคอยใคร มือเล็กรีบเอื้อมไปจับหัวกางเกงของชาริน ซังด้วยอาการใจเต้นแรง ก่อนจะค่อย ๆ รั้นมันลงอย่างช้า ๆ

   น้องสูดลมหายใจเข้าเพื่อตั้งสติ ก่อนจะจับมันเข้ามาในร่างแต่เข้ามาในอีกช่องทางหนึ่ง ที่ไม่ใช่แบบเมื่อคืน ความปวดหนึบเล่นงานน้องเข้าอย่างจัง มันเจ็บจนเหมือนจะแยกร่างน้องออกเป็นชิ้น ๆ ร่างกายเกร็งไปหมด ดูผิดจากธรรมชาติ เพราะสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่าง

   “ท—ทำไม ครั้งนี้มันเจ็บล่ะ อือออ” น้องส่งเสียงร้อง มันเจ็บจนแทบน้ำตาไหล อยากจะเอาออกร่างเร็ว ๆ แต่ก็ต้องอดทน น้องต้องทำสำเร็จ!

   “อะไรเนี่ย”

   “.....!!” ทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อจู่ ๆ ชาริน ซังก็พูดขึ้นมา น้องที่กำลังทำภารกิจและจัดการกับสิ่งแปลกปลอมแทบหยุดสายตา หลังชาริน ซังลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ อีกฝ่ายหรี่ตามอง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

   “น—นี่ความฝันเหรอ”

   “จ้ะ...นะ..นี่ความฝัน” น้องตอบเสียงสั่น

   “อะ...อาละ...แล้ว ทำไม อืม....” ชริณที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าและรู้สึกดีกับบางสิ่งบางอย่างกำลังประติดประต่อทุกอย่างเข้าในหัว แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่ มันเหมือนกับความจริงแต่ก็รู้สึกแปลกประหลาด

   “พี่จ๋า น้องขอโทษนะจ๊ะ แต่พี่จ๋าจะมาตื่นตอนนี้ไม่ได้” เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ขอโทษขอโพยยกใหญ่ ก่อนจะคว้าของบางอย่างที่อยู่ข้างตัวตบเข้าที่หัวพี่อย่างเต็มแรงจนอีกฝ่ายสลบไป

   “ฮือ...น้องขอโทษ” เจ้าจิ้งจอกแต่พรรณนาคำขอโทษ แต่พี่จ๋าจะมาตื่นตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ น้องกลัวพี่ตกใจที่แรกพบต้องมาเห็นกันในสภาพเช่นนี้



   
   “โอ้ยยยย” เสียงโอดครวญของชายหนุ่มดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ หลังเขาตื่นมาในสภาพที่หัวโน มิหนำซ้ำความเจ็บยังเล่นงานตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา

   ความเจ็บเข้าเล่นงานอย่างจัง ทำเอาชริณถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้แค่ว่าตัวเองฝัน แต่มันช่างเลือนลางเหลือเกิน ก่อนที่ทุกอย่างจะวูบหายไป แต่ไม่ว่ายังไง ถึงจะปวดหัวแค่ไหน ในวันนี้เขาต้องไปทำงานให้ได้ ชริณจะไม่ยอมลางานสองวันติดเด็ดขาด

   เขาเดินโงนเงนเข้าห้องน้ำ ทำกิจวัตรของตัวเองอย่างเช่นทุกวัน เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าความต้องการของเขา มันทำงานได้ดีเกินไป เมื่อคืนก่อนเขารู้สึกสบายตัว เพราะเมาแล้วโลกสวยด้วยมือเราจนจำอะไรไม่ได้ แต่คราวนี้ชริณกลับรู้สึกคั่งค้างเหมือนยังไม่เสร็จสม มันน่ารำคาญจนเขาต้องรีบจัดการมัน ก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น

   ฝั่งจิ้งจอกแดงก็ได้แต่นอนหงอยรอชาริน ซังอยู่หน้าบ้านอย่างใจจดจ่อ ถึงหิมะกำลังตกโปรยปราย แต่น้องไม่มีอารมณ์กระโดดงับเล่นเหมือนทุกที เมื่อคืนนอกจากทำภารกิจไม่สำเร็จ เพราะรู้สึกว่ามันเจ็บเกินไป มิหนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายชาริน ซังอีก เขารู้สึกผิดจนอยากหนีเข้าไปในป่าลึก แต่ก็อยากดูให้แน่ใจว่าชาริน ซังไม่ได้เป็นอะไรแล้ว

   ไม่อยากทำภารกิจแล้ว ไม่อยากให้ชาริน ซังเจ็บตัว....

   เสียงเปิดประตูบ้านทำเจ้าจิ้งจอกน้อยเลิกหงอยและรู้สึกผิดชั่วขณะ มันโบกสะบัดพวงหางไปมาอย่างดีใจ แต่ไม่ได้เข้าตะครุบขา เหนี่ยวรั้งให้ชริณเล่นด้วยอย่างทุกที เขามองเจ้าจิ้งจอกวายร้ายอย่างไม่ไว้วางใจเท่าไร ปกติมันไม่เคยเรียบร้อยแบบนี้

   “วันนี้มาแปลกนะเนี่ย”

   แอ๊!!

   “เฮ้ย! ไม่ต้องวิ่งมาเลย ไม่ได้จะมาเล่นด้วยจะไปทำงาน” ชริณร้องห้ามมันเสียงยกใหญ่ เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยทำท่าจะกระโดดเข้าใส่ เหมือนจะเล่นตัว

   “ไหน ลองเดินเข้าใกล้ ๆ นะ ไม่ต้องกระโดดนะ” เขาออกคำสั่ง มันเอียงมองหน้าด้วยความฉงน แต่เมื่อเขากวักมือเรียก เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ เข้ามาหาอย่างว่าง่าย

   “.....”

   “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่หว่า ไม่มีน้ำมูกด้วย ไหนลองหมุนตัวหน่อย” เขาตบเข้าที่ก้นมันเบา ๆ เป็นสัญญาณให้มันหันบั้นท้ายมาให้ ซึ่งมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี

   “ตัวก็ไม่มีแผลนี่นา แล้วทำไมทำตัวแปลก” ชริณขมวดคิ้ว

   จริง ๆ เขาก็ไม่ได้อยากจะสนใจเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เท่าไรหรอก เดี๋ยวมันจะได้ใจไม่ยอมไปไหนสักที แต่เพราะเขาเป็นคนขี้สงสาร หนึ่งในคุณสมบัติของผู้ชายหน้าตาดี สุดท้ายก็ต้องขอดูอาการให้แน่ใจก่อน เผื่อจะได้พามันไปหาหมอ หากมันตายขึ้นมา แม้จะไม่ค่อยชอบมันเท่าไรนัก แต่ก็คงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เพราะมันเล่นมาหาเขาเช้าเย็นขนาดนี้

   “.....”

   “...แต่แบบนี้ก็ดี ค่อยดูน่ารักขึ้นมาหน่อย ทำตัวเรียบร้อยเข้าไว้ล่ะ เดี๋ยวเลิกงานฉันซื้อขนมมาฝากแล้วกัน” ชริณว่าเขาลูบหัวและเกาคางให้มันเคลิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออก เขาจะได้ไปทำงานเสียที



   
   “อะไรวะเนี่ย ลางานไปวันหนึ่งแล้ว มาวันนี้สภาพยังไม่ปกติอีกเหรอวะ”

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านี่มันมายังไง” ชริณว่าพร้อมกับชี้บริเวณศีรษะที่นูนออกมาอย่างปลง ๆ

   เมื่อคืนเขาจำอะไรไม่ได้จริง ๆ ดูรอบเตียงแล้วก็ไม่น่ามีอะไรที่ทำให้หัวโขลกได้ อีกทั้งชริณไม่ใช่คนนอนดิ้น ร้อยวันพันปีไม่เคยนอนแล้วได้แผล มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดที่เขาได้แผลนี้มา!

   “ชีวิตมึงนี่หรรษาสุดล่ะ ไม่เรื่องหนึ่งก็อีกเรื่องหนึ่ง ขนาดอยู่คนเดียวนะเนี่ย” เมฆถึงกับส่ายหน้า ชีวิตชายโสดไม่ควรต้องเจอความวุ่นวายแบบนี้ แค่เรื่องงานก็ปวดหัวเต็มทนแล้ว เคยได้ยินบ่นเรื่องมีสัตว์ตามติด คราวนี้ได้แผล เขายอมใจในชีวิตของชริณจริง ๆ

   “เออ ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นสีสันชีวิต ทำงาน ๆ” ชริณว่าแล้วก็แยกย้ายทำงานในส่วนของตัวเอง ก่อนที่นายจะมาเห็น


   “สวัดสดี/สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายของสองคนดังขึ้นพร้อมกันในห้องเอกสารของบริษัท ชริณเกาท้ายทอยแก้เก้อ ไม่คิดว่าจะได้เจอซากุระ จังที่นี่ บรรยายกาศระหว่างเราแตกต่างตอนที่อยู่กับเจ้าเมฆอย่างชัดเจน มันดูอึดอัดและชวนใจเต้นแรงพร้อม ๆ กัน

   ชริณพยักพเยิดให้เธอใช้เครื่องก่อนเลย ของเขาค่อยถ่ายทีหลังก็ได้ เราสองคนต่างกระอักกระอ่วนกันทั้งคู่ ความจริงเราก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานและชริณก็ชอบเธอมาก ๆ แต่เพราะซากุระ จังมีคนรักอยู่แล้ว เขาจึงอกหักอย่างเงียบ ๆ พยายามจะตัดใจเหมือนกัน แต่ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา

   “หัวไปโดนอะไรมาเหรอคะ”

   “ค—ครับ! อ๋อ เกิดอุบัติเหตุนิดเดียวครับ” เพราะไม่คิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายชวนคุย ชริณจึงตั้งตัวไม่ถูก เขาใจเต้นแรงมาก ๆ ยามที่เธอกำลังให้ความสนใจเขา

   “แย่จัง... ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ” เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้และเดินจากไป ทิ้งให้ชริณหัวใจพองโตอยู่เพียงลำพัง





   ชีวิตชริณในการทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเรียบง่ายมาก เพราะวัน ๆ เขาทำแต่งาน เลิกงานก็แวะซื้อของกินแล้วกลับบ้าน นาน ๆ ทีถึงออกไปสังสรรคกับเพื่อนอย่างมากก็ต่อนช่วงเงินเดือนออกและวันนี้ก็เช่นกันที่เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย

   การมาทำงานที่บริษัทใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นก็ดี เงินเดือน ตำแหน่งงานขยับขยาย แต่ค่าครองชีพก็สูงตาม อีกทั้งเขายังต้องแบกรับความเครียดสะสมที่มาจากงานอีก ไม่รู้ว่าชริณจะทำงานในสภาวะแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน เขาก็ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองปรับตัวกับการทำงานเช่นนี้เร็ว ๆ

   หลังเลิกงานชายหนุ่มก็แวะเข้าร้านสะดวกซื้ออย่างเช่นทุกที เขาหยิบเอาพวกข้าวหน้าต่าง ๆ เบียร์หนึ่งกระป๋องและแฮมสดให้เจ้าจิ้งจอกโดยเฉพาะ เพราะวันนี้เขาสัญญาว่าจะซื้อของกินไปให้มัน ก็ไม่อยากผิดสัญญา มันควรจะจบแค่นั้น แต่เมื่อเดินผ่านโซนอาหารสัตว์ เขาก็เกิดความลังเลว่าควรซื้อไปให้มันดีไหม

   ภาพเจ้าจิ้งจอกตัวแสบผุดขึ้นมาในความคิดอัตโนมัติ ชริณไม่ได้อยากเลี้ยงสัตว์ ลำพังแค่เขาเองใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นในแต่ละวันก็เกือบไม่รอด แต่ก็ลังเลว่าจะควรซื้ออาหารเม็ดไปให้มันเป็นกิจจะลักษณะเลยดีไหม

   “ซื้อไม่ซื้อดีวะ”

   “ไม่ได้อยากเลี้ยงนะเว้ย”

        “ซื้อถุงเล็กไปก็คงไม่เสียหายมั้ง” สุดท้ายชริณก็หยิบเอาอาหารสุนัขถุงเล็กลงตะกร้าจนได้ เขาไม่ได้อยากเลี้ยงจิ้งจอกหรอก แต่ถ้ามันคอยประตูบ้านเขาเช้าเย็นขนาดนี้ก็คงไม่มีทางเลือก อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นค่าแรงของยามสี่เท้าที่ไม่ได้อยากจ้างก็แล้วกัน

   เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยที่นอนเฝ้าหน้าบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา ก็รีบลุกขึ้นโบกสะพัดพวงหาง ส่ายก้นไปมาอย่างดีอกดีใจ

   “เดี๋ยววว ให้ฉันเปิดประตูก่อนสิ” ชริณส่งเสียงปราม เมื่อมันตะกุยขาเขาไม่เลิก มิหนำซ้ำยังพันแข้งพันขาจนเขาเกือบล้มหน้าคะมำ

   เมื่อเปิดประตูบ้านเอากระเป๋าทำงานวางไว้เสร็จ เขาก็ออกมาฉีกแฮมสดให้มันต่อ ชริณหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีมีจริตจะก้านของเจ้าจิ้งจอก มันค่อย ๆ เล็มกินเหมือนหมามีมารยาท ซึ่งจะมาทำตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะเขารู้ไส้รู้พุงมันหมดแล้ว

   ชริณนั่งดื่มเบียร์ขณะที่มองมันกินอาหารไปด้วย หลังจากมันจัดการแฮมสดจนหมดแล้ว เขาก็หาถ้วยเล็กมาลองเทอาหารเม็ดแล้วยื่นให้มันดูว่ามันจะกินไหม เพราะบางตัวก็ไม่กินอาหารเม็ดและยิ่งกับสัตว์ป่า ยิ่งเดาใจไม่ถูก แต่มันก็กินอาหารเม็ดอย่างไม่เกี่ยงงอน

   “เดี๋ยวอัพเลเวลเหรอ มีมาอ้อนด้วย” เขากลัวหัวเราะ เมื่อมันเอาคางมาเกยตักเขาไว้ ชริณลูบหัวมันเป็นรางวัลในการทำตัวดีของมัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันถึงทำตัวดีแบบนี้ ช่วงก่อนหน้านี้พฤติกรรมของมัน ทำเอาเขาถึงกับประสาทเสียและต้องผวาทุกครั้งยามออกจากบ้าน ก่อนที่เขาจะเอามือนั้นมาดมดู

   “วันหยุดฉันจะจับแกอาบน้ำ”


ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
02
[/b]

                แอ๊!!

                เสียงหวีดร้องของเจ้าจิ้งจอกดังขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ หลังชริณหลอกล่อมันด้วยอาหารเม็ดให้เดินเข้ามาในห้องน้ำและจัดการขังเตรียมอาบน้ำให้มัน เจ้าจิ้งจอกทำท่าจะง้างปากหันมากัดเขาอยูหลายหน แต่ก็ชะงักแล้วก็หันกลับไป ร้องโหยหวนเท่านั้น

                “แค่อาบน้ำเอง ตัวแกเหม็นนะ ไม่รู้เหรอ” ว่าจบเขาก็เทแชมพูสระขนสุนัขลงกลางหลังมันแล้วจัดการเกาขนทุกซอกทุกมุม หวังจะให้กลิ่นสาปของมันหายไป

                กลิ่นของจิ้งจอกมันเป็นเรื่องปกติ เพราะมันอยู่ในป่า แต่บางครั้งเขาก็เห็นมันคุ้ยถังขยะ นาน ๆ ทีกว่าจะได้อาบน้ำก็คงเป็นตอนหน้าฝน เขาไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งชีวิตของมันเท่าไร แต่ถ้ามันยังตามติดเขาแจและอยากเล่นกับเขามันก็ต้องอาบน้ำ จะได้น่าคบหาหน่อย

                แอ๊!

                “อีกแป๊บเดียว ยังถูไม่ทั่วเลยเนี่ย ฉันอุตส่าห์สละเวลาพักผ่อนให้แกเลยนะ!” เขาว่าเมื่อมันส่งเสียงประท้วงอีกครั้ง ก่อนที่ชรินจะตีเข้าที่บั้นท้ายของมันด้วยมันเขี้ยว หลังมันชอบส่งเสียงร้องโวยวายนัก

                ในที่สุดการอาบน้ำซึ่งน่าจะเป็นฝันร้ายของเจ้าจิ้งจอกก็สิ้นสุดลงสักที แม้มันจะตัวนิดเดียว แต่การอาบน้ำครั้งนี้ ทำเอาเขาปาดเหงื่อนับไม่ถ้วน เพราะมันทั้งดิ้น ทั้งโวยวายไม่ยอมให้น้ำโดนตัวท่าเดียว

                เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวสั่นเทาเล็กน้อยเพราะความหนาว เขาเช็ดตัวและอุ้มมันไปยืนบนเคาน์เตอร์ครัวดี ๆ เพื่อที่จะเป่าขนมันให้แห้ง พอการอาบน้ำผ่านไป มันก็กลับมาจ้องเขาตาแป๋วเหมือนเดิม

                “.....”

                “อยู่นิ่ง ๆ นะ เหนื่อยแล้วเนี่ย” เขาเหลือบมองมันครู่หนึ่ง กลัวเจ้าจิ้งจอกจะตกใจเสียงไดร์เป่าผมแล้ววิ่งกระเจิง แต่โชคดีที่มันไม่ทำแบบที่เขาคิด มันยอมนั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้เขาเป่าขนมันแต่โดยดี มันหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ดูแล้วก็น่าขัน ชริณก็เพิ่งสังเกตว่าจิ้งจอกมีขนตายาวขนาดนี้

                “ไงล่ะ สบายตัวเลยล่ะสิ” เขาถามมันทั้งรอยยิ้ม ซึ่งมันทำตาหยี ยิงฟันเหมือนจิ้งจอกกำลังยิ้มส่งกลับมา

                ความหงุดหงิดที่มีต่อเจ้าจิ้งจอกน้อยมันลดน้อยลง เมื่อมันทำตัวน่ารัก มันคงรู้ว่าเขาชอบที่มันทำตัวแบบนี้ คราวนี้ดูเชื่องยิ่งกว่าแมว ไม่เข้ามางับแข้งพันขาไปมาเหมือนอย่างเคย ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตในวันหยุดหนึ่งวัน เขาสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าจิ้งจอกน้อยโดยที่ไม่ต้องรู้สึกหงุดหงิดใจ

 

                คืนนี้เป็นอีกคืนที่น้องได้รับสิทธิพิเศษในการนอนบ้านของชาริน ซัง พอตะวันตกดินเทวดาของน้องไม่ได้ไล่อย่างที่กลัว นั่นทำให้มีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใด ความรู้สึกเหมือนกำลังได้รับความรักมันดีเช่นนี้นี่เอง สี่เท้าเดินย่ำไปมาหน้าห้องนอนของชาริน ซัง ก่อนจะนั่งรออย่างเรียบร้อย รอให้แสงไฟในห้องของชาริน ซังดับลง

                ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่จิตใจของเจ้าจิ้งจอกน้อยจดใจรอแค่ไฟในห้องนอนของชาริน ซังดับ ในตอนแรกไม่กล้าทำภารกิจลับกับชาริน ซัง แต่พอได้มีโอกาสครั้งหนึ่ง ครั้งสองก็แล้ว ครั้งสามจึงตามมาอย่างหย่ามใจ ทว่าหนนี้น้องไม่ได้คิดจะทำให้ชาริน ซังเจ็บตัว ก็แค่อยากอยู่ใกล้ ๆ ก็เท่านั้น

                รอเกือบเที่ยงคืนไฟในห้องของชาริน ซังถึงดับลง เมื่อถึงเวลานั้นดวงตาของเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับพราวประกาย หลังเฝ้าคอยเวลานี้หลายชั่วโมง เสียงเปิดประตูดังขึ้นในเวลาต่อมา เมื่อจิ้งจอกน้อยกลายร่างเป็นมนุษย์อีกคราและกำลังสวมบทเป็นโจรย่องเงียบเข้าห้องชาริน ซัง

                แค่เห็นชาริน ซังนอนหลับอยู่บนเตียง น้องก็ใจเต้นแรง รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาทันที ผ้าห่มผืนหนาถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ร่างเล็กค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ในช่องว่างที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิด พยายามเบียดชิดหาความอบอุ่นจากชาริน ซังด้วยอาการหัวใจพองโต

                วันนี้เป็นอีกวันที่น้องรู้สึกมีความสุขมาก ๆ หัวใจมันพองโต อิ่มเอิบจนอธิบายไม่ถูก จากที่รักชาริน ซังอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายใจดี คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก อยากอยู่ใกล้ชิด

                หงิง~

            เสียงครางหงิง ๆ ประหนึ่งลูกสุนัขดังขึ้น เมื่อน้องได้สวมกอดชาริน ซังอยากที่ใจปรารถนา ใบหน้าเล็กฝังลงกับแผ่นอกอุ่น สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอีกฝ่ายอย่างเต็มรัก มือเรียวตวัดรอบเอวหนาไว้ ก่อนจะเหลือบเห็นอะไรบางอย่างกลางหว่างขาของอีกฝ่าย ที่คุ้นเคยกันดี แล้วเผลอเอื้อมไปแตะตามสัญชาตญาณ

                “อุ้ย...ลืมตัว” น้องว่าพร้อมกับชักมือกลับ โอบเอวหนาไว้เช่นเดิม

                รักชาริน ซังที่สุด....

                “น้องขอนอนด้วยนะ”เพราะแค่กอดมันยังไม่พอใจ จึงขอเอายื่นแก้มไปแตะจมูกให้ชาริน ซังหอม วันนี้น้องตัวหอมแล้ว ชาริน ซังอาบน้ำให้แล้ว จึงกอดน้องได้ เดี๋ยวพาใกล้รุ่งสางน้องจะออกจากห้องนี้ไปเอง















                ก่อนที่ชารินซังจะตื่น น้องก็ไหวตัวทัน ออกมาจากห้องนอนก่อน จิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ค่อย ๆ กลายร่างกลับคืนเป็นดังเดิม นั่งตาแป๋วรอชาริน ซังอยู่หน้าห้องอย่างเรียบร้อย

                ชริณที่เพิ่งออกจากห้องนอนมาถึงกับชะงักไป เมื่อเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยนั่งตาแป๋วรอเขาอยู่หน้าห้อง เขาลืมเสียสนิทว่าเมื่อคืนใจดี ยอมให้มันค้างอยู่ในบ้านอีกคืน ดวงตากลมโตของมันแพรวพราว พวงหางโบกสะบัดไปมาราวกับว่าดีอกดีใจที่เห็นเขาออกมาจากห้องนอนแล้ว

                “ไง” เขาทักทายมันเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางครัว เสียบปลั๊กกาน้ำร้อนลงมือทำอาหารเช้าในช่วงวันหยุด เพราะอยู่ตัวคนเดียว พอวันหยุดไม่ได้ไปทำงาน ทุกอย่างก็จะเงียบสงบหน่อย ตอนที่ย้ายมาอยู่นี่ใหม่ ๆ ชริณก็เหงาอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นความชินชาแล้ว

                เขาทำการทอดไข่ดาว ไส้กรอกและปิ้งขนมปัง เพื่อทานคู่กับกาแฟ แต่ยังไม่ลืมทอดเผื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยที่ย้ายก้นตาม นั่งตาแป๋วรอเขาอยู่ในครัวอีกด้วย ระหว่างที่รอให้น้ำเดือด ชริณก็หันมาเล่นกับเจ้าจิ้งจอกแก้เซ็งก่อน

                “ยื่นหัวมา” เขาออกคำสั่ง ตั้งใจจะลองพิสูจน์กลิ่นดู ว่ากลิ่นแชมพูที่เขาละเลงลงบนตัวมันเมื่อวานยังอยู่ดีไหมหรือมันเล่นซนจนกลิ่นหอม ๆ หายไปแล้ว

                เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงหัวมองเขาอย่างงุนงง เหมือนจะยังไม่เข้าใจในคำสั่ง จนต้องเป็นเขาเองที่เดินเข้าไปหามันแล้วดม ๆ ตรงหัว

                “โอเค กลิ่นหอมยังอยู่” ชริณพูดงึมงำกับตัวแอง ก่อนจะเดินกลับไปทำกาแฟร้อนของตัวเองต่อ ทิ้งให้เจ้าจิ้งจอกมองตามแผ่นหลัง

                “จะให้พูดตามตรงนะ ฉันเองก็ไม่อยากให้นายกินไส้กรอกนี่หรอก เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ”

                “.....”

                “แต่เพราะนายกำลังจ้องฉันตาแป๋ว หนำซ้ำน้ำลายยังไหลเป็นยางยืดแล้วด้วย ฉันยอมให้กินก็ได้” ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกจะไม่ได้ฟังเสียงของชริณด้วยซ้ำ ดวงตากลมโตตามประสาสัตว์ป่ากำลังให้ความสนใจอาหารลูกเดียว มันจ้องจานไส้กรอกไก่ที่กำลังมีควันลอยฟุ้ง กลิ่นหอมชวนหิวอยู่มือเขา ทำเอาชริณถึงกับกลั้วหัวเราะ

                “อยากกินล่ะสิ” เขาว่าอย่างลีลา รู้ทั้งรู้ว่ามันอยากกินของในมือเขาแค่ไหน แต่ก็ยังลีลาไม่ยอมให้กินง่าย ๆ ทิ้งให้มันนั่งมองน้ำลายยืดทั้งอย่างนั้น

                “....”

                “ให้กินดีไหม”

                แอ๊!

                มันส่งเสียงร้องประท้วง ย่ำเท้าไปมาบนพรมเช็ดเท้าผืนหนา ทำท่าจะกระโดดใส่ชริณ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่กล้า จึงได้แต่ส่งสายตาเร่งเร้าให้เขาเลิกลีลาแล้วยกไส้กรอกชิ้นที่เหลือให้มันเสียที

                “ก็ได้ ๆ” สุดท้ายชริณก็ใจอ่อน ยอมยกไส้กรอกที่ว่าที่เป็นของมันตั้งแต่แรกให้ เขาหั่นไส้กรอกเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนใส่ถ้วยข้าวที่ยกให้มันตั้งแต่เมื่อวาน

                “ทำไมตัวผอมจังวะ” เขาพูดพึมพำกับตัวเอง เมื่อสังเกตเห็นกระดูกขาหลังของมัน มันดูชัดเจนเกินไป เขาเพิ่งได้สังเกตดี ๆ ว่าตัวของมันซูบผอมเกินกว่าที่จิ้งจอกป่าควรจะเป็น

                “อย่ามาเนียน” ชริณว่า หลังเห็นเจ้าจิ้งจอกกินไส้กรอกเสร็จแล้ว ค่อย ๆ เดินมาใกล้ ๆ แล้วล้มตัวนอนเอาคางพาดหลังเท้าเขาเอาไว้ ทำตัวเหมือนเป็นหมาบ้านไม่มีผิดเพี้ยน ทว่ามันกลับทำเป็นไม่ได้ยิน เจ้าจิ้งจอกหลับตาพริ้มเตรียมจะงีบหลับอย่างสบายอารมณ์

                “ไม่ได้จะเลี้ยงนะ” เขาพูดต่อ กลัวว่าเจ้าจิ้งจอกตัวแสบจะคิดว่าเขาเป็นเจ้าของของมัน อนาคตต่อไปเป็นยังไง เขาไม่รู้ แต่ตอนนี้ชริณยังไม่คิดจะเลี้ยงเจ้าจิ้งจอก มันเป็นสัตว์ป่า สิ่งที่มีให้ก็แค่ความเอ็นดูปะปนกับความสงสารเท่านั้น

                ชริณปล่อยให้มันอยู่ในบ้านถึงตอนเที่ยงเพราะเห็นว่ามันกำลังหลับอยู่ หลังกินอาหารและดูข่าวเช้าเสร็จ เขาเองก็เข้าห้องนอนไปงีบตามประสาคนว่างงาน รู้สึกตัวอีกทีออกมาตอนช่วงบ่าย เจ้าจิ้งจอกก็ไม่อยู่ในบ้านแล้ว

                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยหลังออกจากบ้านชาริน ซังได้ก็วิ่งเข้าไปในป่าลึกตามสัญชาตญาณนักล่าที่ถูกปลุก เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอาหารอันโอชะของมันที่ไม่ได้มีให้กินบ่อยนัก กระโดดไหว ๆ ไปได้ไม่ไกลจากบ้านชาริน ซังเท่าไรนัก มันคือกระต่ายป่า

                ดวงตากลมโตที่มักใช้อ้อนมนุษย์อย่างชาริน ซังมองหลังเจ้ากระต่ายน้อยปานเหยี่ยว มันอาศัยความตัวเล็ก ปราดเปรียวตามที่ธรรมชาติให้มา วิ่งลัดเลาะในเขตป่าอย่างชำนาญ แข่งกับกระต่ายที่พยายามกระโดดหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

                ผลสุดท้ายชัยชนะก็เป็นของจิ้งจอก...


            ปากแหลมที่ชุ่มไปด้วยเลือดกระต่าย ใครมาเห็นก็ต้องน่าผวา แม้มันจะเป็นธรรมชาติของสัตว์ก็ตาม ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยเลือกที่จะเข้าไปในป่าลึกอีกนิด เพื่อดื่มน้ำที่ธารน้ำแล้วล้างปากก่อนที่เสนอหน้าไปหาชารินอีกครั้ง















               

                ถึงไม่ได้อยากจะเลี้ยงจิ้งจอกเจ้าปัญหา แต่ชริณก็ยังไม่วายแอบเปิดอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าจิ้งจอกแดงตัวนี้อยู่ดี เขาใช้เวลาช่วงวันหยุดของตัวเองอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมันบนโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นตำนานความเชื่อ ปีศาจจิ้งจอก(ซึ่งเขามองว่ามันไร้สาระ) ที่อยู่อาศัย พฤติกรรมหรืออาหารการกิน

                เนื่องด้วยมันทำตัวน่ารัก ไม่กระโดดงับขาเหมือนอย่างเคย ทำให้ชริณเริ่มเอ็นดูมันมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว จนเผลอคิดว่าถ้ามันมาอยู่ใกล้ ๆ ก็คงไม่เป็นไร เพราะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเขา

                เจ้าจิ้งจอกไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามกับเขาตลอดทั้งบ่าย เรียกได้ว่ามันหายไปเลยซึ่งน่าจะไปเที่ยวเล่น เข้าป่าตามประสาสัตว์ หลังจากอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกจนเบื่อแล้ว เขาก็ฟังเพลง เล่นเกมตามประสาคนว่างงานและไม่คิดจะไปสังสรรค์ที่ไหน



                ก๊อก! ก๊อก!



                เสียงเคาะประตูหน้าบ้านทำให้ชริณต้องรีบถอดหูฟังออก เขาเดินไปส่องตาแมวด้วยความสงสัยว่าใครมาหาถึงที่นี่ แต่ทว่ากลับไม่พบคนที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างที่ควรจะเป็น

                “ใครเล่นตลกวะเนี่ย” ชริณพูดกับตัวเองเบา ๆ อาการกลัวผีที่มีมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยเริ่มกำเริบอีกครั้ง เพราะตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

                “สงสัยหูแผ่วไป...มั้ง” เขาพึมพำปลอบใจตัวเอง แต่พอหันหลังให้ประตูได้ไม่ทันไร เสียงเคาะประตูบ้านก็ดังขึ้นอีกแล้ว คราวนี้ทำเอาชริณถึงกับขนลุกชันทั่วร่าง ยิ่งตอนนี้อยู่บ้านคนเดียว ยิ่งทำให้เขากลัวมากขึ้นไปอีก

                บางทีอาจจะเป็นเจ้าจิ้งจอกก็ได้ มองผ่านตาแมวเลยไม่เห็น เพราะมันตัวเตี้ยเกินไป.... ชริณปลอบใจตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าและเดินไปเปิดประตูอย่างไม่ลังเล

                “เซอร์พร๊ายยยยยยยย”

            “.....”

                “มึงจะทำหน้างงทำไม ลืมวันเกิดตัวเองแล้วเหรอ วันนี้วันเกิดมึงนะเว้ย”

                “.....”

                “ชริณ! มึงจะอึ้งอีกนานไหม กู ซากุระกับอายูหนาวจนจะแข็งตายแล้วเนี่ย”

                “เออ ๆ เข้ามา ๆ” เมื่อตั้งสติได้ชริณก็รีบเบี่ยงตัวให้เหล่าเพื่อนเข้ามาในบ้านตัวเอง เขาลืมเสียสนิทว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าเพื่อนไม่มาเซอร์ไพรส์ถึงที่บ้าน ก็คงไม่รู้ตัวและวันนี้ก็คงเป็นแค่วันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง

                พวกเพื่อนที่ทำงานไม่ได้มาบ้านเขาตัวเปล่า แต่ได้เตรียมพวกของสดตั้งใจจะมาทำอาหารกินที่นี่ด้วย แผนการนี้คงเป็นของไอ้เมฆแน่ เพราะมันเป็นคนเดียวที่คลุกคลีกับเขามากที่สุด อายูและซากุระคงไม่ใช่ตัวต้นคิดแน่ เผลอ ๆ มันเป็นชวนซากุระมาด้วยซ้ำ เพราะรายนั้นคงไม่ออกตัวว่าอยากมา

                “ลืมวันเกิดตัวเองจริงเหรอวะ” ไอ้เมฆถามเขา

                “ก็คงงั้น”

                “เฮ้อ จริง ๆ เลยนะมึงเนี่ย”

                “บ้านชริณดูน่าอยู่ดีนะคะ รู้สึกอบอุ่นดี”

                “แล้วอยากมาอยู่กับมันไหมครับ”

                “ไอ้เมฆ!” ชริณหันไปถลึงตาใส่เพื่อนสนิท ข้อหาเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง รู้ทั้งรู้ว่าซากุระมีแฟนอยู่แล้วก็ยังพยายามยัดเยียดอยู่ได้ รอให้ซากุระเลิกกับแฟนแล้วค่อยชงไม่ได้หรือไง ฝั่งตัวเพื่อนตัวดีก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ไม่ได้ดูรู้สึกรู้สาอะไรในสิ่งที่ทำ

                เราทำปิ้งย่างเนื้อกันอย่างง่าย ๆ กินกัน มีเบียร์ มีเสียงกีตาร์โดยชริณเป็นผู้บรรเลงเป็นฉากประกอบ เป็นงานวันเกิดของชริณที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความกันเอง ถึงเมฆจะพยายามชงเขาให้ซากุระบ่อย ๆ จนเขาเริ่มไม่ขำ แต่ก็ขอบคุณมันที่อุตส่าห์นึกถึงกัน

                “สุขสันต์วันเกิดนะชริณ ขอให้มีความสุขมาก ๆนะคะ” อายูเพื่อนของซากุระว่าพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญขนาดกลางให้กับเขา

                “ขอบคุณมากครับ เกรงใจจัง”

                “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย นี่ฉันกับซากุระจังอุตส่าห์ไปเลือกของขวัญให้เลยนะ หวังว่าชริณ ซังคงจะชอบ” อายูว่า นั่นทำให้ชริณเลื่อนสายตาไปมองซากุระอัตโนมัติ ประจวบเหมาะกับที่อีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่พอดี ทำให้เรารีบผละสายตาออกจากกันราวกับกระแสไฟฟ้าช็อต

                “ช—ชริณซัง ลองเปิดดูเลยก็ได้นะ” ซากุระว่า

                ฝั่งชริณเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่รอช้า แกะของขวัญที่อายูและซากุระร่วมกันซื้อให้เขาโดยทันที ท่ามกลางท่าทางลุ้น ๆ ของเหล่าเพื่อนร่วมงานว่าเขาจะชอบมันไหม

                กลีบปากอิ่มถึงกับคลี่ยิ้มออกมาของขวัญวันเกิดปรากฏขึ้นแก่สายตา มันคือกับดักฝันสีละมุน ดูเหมาะกับบ้านของชริณเป็นอย่างมาก

                “น่ารักดี ขอบคุณครับ” ชริณกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมงาน

                “ชริณชอบใช่ไหม” ซากุระถาม

                “ชอบครับ” หมายถึงชอบซากุระ

                “โล่งอกไปที นึกว่าชริณ ซังจะไม่ชอบซะแล้ว เพราะมัน....ไม่ค่อยเหมาะกับผู้ชายเท่าไร” ซากุระว่าด้วยน้ำเสียงหวั่น ๆ แต่วินาทีตอนเลือกของขวัญ เธอเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ชริณ ซังเหมือนกัน

                “ไม่เหมาะอะไรกันครับ อันนี้ผมยังไม่มีไว้ติดบ้านเลย ช่วงนี้ฝันไม่ค่อยดีด้วย ได้มาก็อุ่นใจแล้วเพื่อนยังให้เป็นของขวัญอีก จะไม่ชอบได้ไงครับ” ชริณพูดประโยคยาวเหยียดพร้อมกับส่งยิ้มให้ซากุระด้วย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมอบอะไรให้กับเขา (ยกเว้นแฟนของเธอ) เขาก็ชอบทั้งนั้น

                “เลิก ๆ ให้ความสนใจกับดักฝันได้แล้ว มาให้ความสนใจกับของขวัญจากกูดีกว่า” ชริณเห็นแล้วอาชีพหนึ่งที่เหมาะกับเมฆมากที่สุด นอกจากการเป็นพนักงานออฟฟิศก็คือนักทำลาย เพราะมันทำลายบรรยากาศระหว่างเขาและซากุระพังอย่างย่อยยับ

                ไอ้เมฆ มึงงงง!

            ดูเหมือนเมฆเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกเจ้าของวันเกิดกินหัวอยู่รอมร่อ เพื่อนตัวดีของชริณรีบเอากล่องของขวัญยัดใส่วงแขนเจ้าของวันเกิดพร้อมกับคะยั้นคะยอให้รีบแกะกล่องของขวัญจากเพื่อนรักเสียที

                “กูไม่อยากรู้เลยว่ะ”

                “ไม่ได้นะมึง เปิดเลยกูคิดของขวัญมึงเกือบค่อนวันเลยนะ เปิด ๆ”

                “เออ ๆ” สุดท้ายชริณก็ทนแรงรบเร้าไม่ไหว ยอมแกะกล่องของขวัญจากเมฆตามที่คนให้ต้องการ

                ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเพื่อนจะให้อะไร แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่ามันจะเล่นพิเรนทร์ต่อหน้าสาว ๆ เห็นเพียงแค่ครู่เดียวเขาก็รีบปิดกล่องในทันที ว่าแล้วเชียวถ้าคนอย่างเมฆให้ของดี ๆ ก็คงไม่ใช่มัน ฝั่งเมฆเองก็ถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา ให้กับท่าทางตลก ๆ ของชริณ

                “ไอ้เมฆ!”

                “เป็นไงชอบไหม? กูเห็นว่ามึงอยู่คนเดียวนี่หว่า เผื่อเหงา ๆ จะได้เอาออกมาใช้”

                “มึงไม่ต้องเลย” ชริณว่าพลางขบกรามแน่น ดีที่เขาไหวตัวทัน ไม่งั้นคงได้ขายขี้หน้าสาว ๆ แน่

                “มันคืออะไรเหรอ” อายูถามด้วยความใคร่รู้ เห็นท่าทีตลก ๆ ของเมฆและอาการหน้าแดงของชริณ ยิ่งกระตุ้นให้เธออยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

                “ม—ไม่มีหรอก” ชริณเป็นคนตอบ

                “มันเป็นของสำหรับผู้ชายโสดจ้ะ” เมฆพูดบ้าง

                “ไอ้เวร พอเลย!” เจ้าของวันเกิดหันไปตวาดลั่นใส่เพื่อนสนิท ต่อหน้าอายูจนพอทน แต่จะมาแกล้งเขาต่อหน้าซากุระไม่ได้!

                “ฮ่า ๆ ก็ได้ เอาเป็นว่าอายูอย่ารู้เลย ปล่อยให้เป็นความลับของผู้ชายสองคนก็พอ” เมื่อเมฆเห็นว่ามีคววามเสี่ยงที่ชริณจะโกรธอย่างจริงจัง เขาจึงยอมถอยทัพ

                “เผลอแป๊บเดียวจะสามทุ่มแล้ว พวกเราแยกย้ายกันกับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวอากาศจะหนาวกว่านี้” ซากุระว่าเมื่อเห็นว่าข้างนอก หิมะเริ่มโปรยปรายอีกครั้ง

                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกแดงที่ไปเที่ยวเล่น นอนพุงกางอยู่ใต้ต้นไม้ หลังกินกระต่ายเสร็จก็วิ่งรีบกลับมาอยู่บริเวณใกล้ ๆ บ้านของชาริน ซัง เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ดวงตากลมโตแอบมองผ่านหน้าต่างบ้านจากด้านนอกก็พบว่าวันนี้ชาริน ซังไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีแขกด้วย

                เจ้าจิ้งจอกมองพฤติกรรมของชาริน ซังกับคนที่อยู่ในบ้านอีกสามคนสลับไปมา ก่อนจะหยุดสายตาที่ผู้หญิงที่นั่งข้างชาริน ซังอย่างเคลือบแคลงใจ สายตาของเธอที่มองชาริน ซังไม่เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป เจ้าจิ้งจอกน้อยรับรู้ได้ถึงพลังงานแปลก ๆ ของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อตัวชาริน

                ความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า.... เกิดขึ้นในทันทีเมื่อชาริน ซังส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผู้หญิงคนนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยมองภาพนั้นด้วยความอิจฉา รอยยิ้มของชาริน ซังต้องเป็นของน้องคนเดียวเท่านั้น!

 





                “งั้นกลับก่อนนะคะ”

                “ครับ ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาฉลองวันเกิดด้วย” ชริณผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยร่ำลาซากุระและอายูพอเป็นพิธี เขาเห็นเจ้าจิ้งจอกที่หายหัวไปตั้งแต่ช่วงบ่าย ไปกำลังซุ่มมองเขา อายูและซากุระอยู่ข้างบ้านด้วย แต่สายตาของมันกลับจับจ้องแค่ซากุระและดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเลย

                “โอ้ย! กรี๊ดดด!”

                ไวเท่าความคิด! เจ้าจิ้งจอกที่ซุ่มมองซากุระอยู่ก่อนแล้ว กระโดดตะครุบกระเป๋าถือของเธออย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้ เหมือนที่เคยกระโดดใส่ขาเขา มันใช้คมเขี้ยวอันแหลมคมของมัน กัดกระเป๋าถือของซากุระไว้แน่นแล้ วสะบัดหัวไปมา เหมือนพยายามดึงกระเป๋าถือของเธอให้ได้ จนสายกระเป๋าขาดวิ่น

                “หยุด!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อตั้งสติได้ ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งเข้าไปช่วยซากุระทันที พร้อมกับตบเข้าที่หัวเจ้าจิ้งจอกด้วยแรงที่มาพอ จะสามารถทำให้มันปล่อยยอมกระเป๋าได้

                “ไปเลย! ไปเลยจะไปไหนก็ไป!” เขาตวาดลั่นด้วยความโมโห นึกไม่ถึงว่ามันจะกล้าทำร้ายคน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่พฤติกรรมปกติของเจ้าจิ้งจอก หากมันไม่รู้จักที่จะปรับตัว เรียนรู้ที่จะอยู่กับมนุษย์ เขาก็คงเลี้ยงมันไว้ไม่ได้....

                “ไป!” ชริณตวาดลั่นซ้ำสอง หลงเข้าใจผิดว่าพฤติกรรมของมันจะดีขึ้นแล้วเชียว เจ้าจิ้งจอกน้อยได้แต่ช้อนตามองชริณอย่างตัดพ้อ ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึก











ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1


                หิว....

                ความรู้สึกนี้ชัดเจนที่สุด หลังเจ้าจิ้งจอกตัดสินใจวิ่งโดยไม่แม้แต่จะหันมองหลัง กลับเข้ามาในป่าลึก บ้านที่เคยเป็นของตัวเอง หลังจากวิ่งเข้ามาได้ระยะหนึ่ง มันก็ตัดสินใจนอนพักเอาแรงที่ใต้ต้นไม้ เพราะความน้อยใจที่มีต่อชาริน ซัง ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยวิ่งได้เร็วเกินกว่าขีดกำจัดของตัวเอง

                เสียงครางหงิง ๆ ของเจ้าจิ้งจอกดังขึ้นในยามวิกาลหลังน้ำค้างจากใบไม้ตกกระทบกับพวงหางของมัน โดยปกติจิ้งจอกที่อาศัยอยู่ในป่าจะมีโพรงดินที่ใช้หลับนอน ป้องกันภัย...แต่จิ้งจอกแดงตัวนี้กลับไม่มี เพราะอาศัยอยู่แถวเขตมนุษย์ จึงไม่จำเป็น

                มันนอนขดตัวเป็นก้อนกลม หลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ โชคดีที่พื้นฐานของจิ้งจอกชอบอากาศหนาว หิมะที่ตกโปรยปรายลงมาตลอดทั้งคืน ไหนจะน้ำค้างเย็นบนยอดไม้อีก จึงไม่เป็นอุปสรรค

                แสงอาทิตย์แห่งเช้าวันใหม่ได้กลับมาเยือนอีกครั้ง พร้อมเสียงท้องร้องที่ดังเป็นนาฬิกาปลุก ทำให้เจ้าจิ้งจอกถึงกับยอมแพ้และลุกขึ้นมา

                ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบบริเวณที่ตนเองยืนอยู่ มันว่างเปล่าไปหมด มีแต่ต้นไม้ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่ควรจะเป็นมื้อเช้าของมัน เจ้าจิ้งจอกน้อยได้แต่รำพึงรำพันในใจ หากรู้ว่าชาริน ซังจะไล่ออกมา คงจะเก็บซากกระต่ายเมื่อวานไว้กินวันนี้

                ปกติหวังพึ่งแต่ชาริน ซัง อย่างเดียว พอเขาไล่ไม่ให้อยู่แม้แต่ใกล้ ๆ บ้านเหมือนอย่างเคย เจ้าจิ้งจอกน้อยจึงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ต้องฝึกการเอาตัวรอดในป่าอีกครั้ง เหมือนเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรกเกิด ต่างจากครั้งก่อนคือครั้งนี้ไม่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเจ้าจิ้งจอกคุ้นชินกับการที่มนุษย์ให้อาหารไปแล้ว

                การกระทำเมื่อคืน...นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย โดยที่แม้แต่ตัวของมันเอง ก็ยังไม่เชื่อว่าจะกล้าทำร้ายมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานเป็นสัตว์กลัวมนุษย์ ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ ยิ่งชาริน ซังทำดีกับผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไร เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ยิ่งไม่พอใจผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้นในใจของจิ้งจอกแดงตัวเล็ก

                ปกติมักจะกระโดดใส่ชาริน ซัง เพราะอยากจะเล่นด้วย อยากคลอเคลีย อยากอ้อน แต่เมื่อคืน...มันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร หลุมดำขนาดใหญ่สั่งการให้มันกระโดดใส่ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้ต้องการจะเล่นตัวด้วย แต่ต้องการทำร้าย ทำให้บาดเจ็บเพื่อรู้ว่าอย่ามายุ่งกับชาริน ซัง

                ดวงตากลมโตแบบตามฉบับของจิ้งจอกฉายแววความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองหาอาหารทางสายตาไม่เจอ เจ้าจิ้งจอกน้อย ตัวกระจ้อยร่อยยิ่งกว่าใครก็เริ่มเดินออกสำรวจไปทั่วด้วยเท้าสี่ขาของมันเอง



                ขอกินอะไรก็ได้ ลดความหิวลงสักนิดก็ยังดี...



                สุดท้ายเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ตัดสินใจเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ เดินไปแถวลำธาร ที่ ๆ มันใช้ล้างคราบเลือดกระต่ายและดื่มน้ำดับกระหายเมื่อวาน มันกวาดตามองไปรอบบริเวณ มันต้องมีสัตว์น้อยใหญ่มาดื่มน้ำจากที่ตรงนี้แน่ ๆ ฉะนั้นมันก็จะนั่งรอเลยแล้วกัน ยังไงก็ต้องมี!

                ยิ่งรอเวลานานมากเท่าไร เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น ถ้าตอนนี้อยู่ในบ้านชาริน ซังมันก็คงนอนหลับ พุงกางเพราะชาริน หาอาหารให้กินแล้ว แต่ก็ได้แค่คิด เพราะอีกฝ่ายไล่มันออกมาแล้ว เท่านั้นไม่พอยิ่งทำร้ายร่างกายมัน เพื่อชดใช้กับการที่มันงับกระเป๋าผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย

                ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ เขาคงไม่ใจดีกับเจ้าจิ้งจอกตัวนี้อีกแล้ว...

            อุตส่าห์มีความหวัง แอบนั่งรอให้สัตว์ตัวไหนก็ได้มาดื่มน้ำลำธาร แต่ก็ไร้วี่แวว จนความหวังที่มีอยู่น้อยนิด ริบหรี่ลงไป ตอนนี้สิ่งเดียวที่เจ้าจิ้งจอกน้อยต้องการ ไม่ใช่ชาริน ซัง แต่เป็นอาหารต่างหาก

                 แต่สุดท้ายมันก็ตัดสินใจเตรียมถอยทัพอย่างสิ้นหวัง ทว่าจังหวะที่กำลังจะก้าวเดิน ใบหูของมันกลับตั้งขึ้นอัตโนมัติเมื่อรับรู้ได้ถึงเสียงเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต ที่กำลังเดินตรงมาทางนี้! มันกลืนน้ำลายรออย่างใจจ่อจอ เจ้าจิ้งจอกน้อยรีบแอบอยู่หลังพุ่มไม้ รอดูว่าสิ่งมีชีวิตนั้นคืออะไร



                ถ้าเป็นกระต่ายป่าของโปรดปราน นี่หวานหมู!



            มันเฝ้ารอสิ่งมีชีวิตนั้นเดินตรงมาทางนี้อย่างใจจดจ่อ แอบมองผ่านพุ่มไม้ด้วยหัวใจระทึก นึกขอบคุณฟ้าดินที่ให้มันรอดตายไปหนึ่งวัน ฟังจากเสียงเท้า เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะจัดการกับว่าที่อาหารได้ไหม เพราะน่าจะมีขนาดตัวใหญ่กว่ามันและสิ่งที่มันกลิ่นได้ส่วนใหญ่ก็มีแต่สัตว์ตัวเล็ก ๆ



                แออออออออออ๊!



                มันเผลอส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าฟ้าดินจะส่งอาหารชิ้นโตขนาดนี้มาให้ ดีไม่ดี มันเนี่ยแหละที่อาจเป็นว่าที่อาหารตรงหน้ากินเสียเอง หมาป่าขนาดตัวมหึมา เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มันหวาดกลัวมาโดยตลอดกำลังจ้องมองมันอยู่ เราต่างรู้ตัวว่าไม่ถูกกันและจะเป็นจิ้งจอกทุกทีที่พ่ายแพ้



                 ในตอนแรกเจ้าหมาป่าจะมาดื่มน้ำที่ลำธารเหมือนเช่นสัตว์ เจ้าหมาป่ายังไม่เห็นจิ้งจอก แต่พอเจ้าจิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องมันก็หันขวับมองตามต้นเสียงและเราทั้งสองตัวก็สบตากัน

                ต่อให้ไม่ต้องแยกเขี้ยวใส่กันก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เมื่อตั้งสติได้เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่รอช้า รีบออกแรงวิ่งหนีเอาตัวรอดในทันที โดยที่มีหมาป่าวิ่งตามมันมาติด ๆ จิ้งจอกแดงวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ด้วยขนาดตัวและอาการอ่อนเพลีย ทำให้มันวิ่งได้ช้ากว่าที่ควร

                แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ย่อท้อ มันวิ่งเร็วโดยไม่หันมองหลังด้วยซ้ำ จนในที่สุดตัวของมันก็ค่อย ๆ สูงขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกอย่างหยุดนิ่งไปพร้อม ๆ กับหัวใจของจิ้งจอก เมื่อมันถูกหมาป่าตัวจับตัวไว้ทันและคาบเข้าที่หลังคอลอยขึ้นกลางอาการ

                หงิง ๆ หงิง ๆ เสียงร้องหงิง ๆ ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ด้วยความหวาดกลัว เริ่มทำใจรับโชคชะตาตัวเองแล้วว่าจะต้องตายด้วยคมเขี้ยวของหมาป่าที่มันหลีกหนีมาตลอดชีวิตอย่างแน่แท้ ต้องยอมรับในโชคชะตาว่ามันทำภารกิจไม่สำเร็จและเผ่าพันธุ์ของมันก็จะสิ้นจากโลกนี้ไป

                ไม่รู้ว่าเจ้าหมาป่าพามันไปที่ไหน แต่รู้ตัวอีกทีเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถูกปล่อยลงกับโขดหินแล้ว มันครางฮือในลำคอด้วยความเจ็บ แต่ก็พยายามกัดฟันแน่นลุกขึ้น วิ่งเข้าไปอ้อน เอาหัวถูไถขาหน้าของหมาป่าอย่างกลัวตาย หวังจะให้เจ้าหมาป่ายักษ์เห็นใจ เพราะวิธีนี้ใช้ได้ผลกับชาริน ซัง

                ทว่าเจ้าหมาป่ายักษ์กลับจ้องจิ้งจอกน้อยด้วยสายตาอันน่ากลัวและคาดเดาไม่ถูก แต่มันยังไม่ลดละความพยายาม เอาหัวถูไถขาหน้าเพื่ออ้อนขอชีวิต ทว่าเจ้าหมาป่ากลับใช้ขาหน้าเขี่ย ๆ ตัวจิ้งจอกแดงให้ออกไปไกล ๆ อย่างนึกรำคาญ แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยากเป็นมิตรด้วย

                มันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่แสดงถึงความหวาดกลัวของจิ้งจอกตัวจ้อย ยิ่งข่มขวัญจิ้งจอกแดงจนมันเผลอคางหงิง ๆ ออกมาอีกรอบ เพียงแค่หมาป่าอ้าปากกว้าง โชว์คมเขี้ยวอันแหลมคมที่สามารถฉีกเนื้อจิ้งจอกแดงได้เป็นชิ้น ๆ เจ้าจิ้งจอกเล็กก็ถึงกับถอยกรูดไปชิดกับโขดหินในทันที


                หมาป่าตัวใหญ่สาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ จิ้งจอกแดงถึงกับหลับตาปี๋ หยุดหายใจ เตรียมรับชะตากรรมของตัวเอง ทว่าสัมผัสที่บางเบา ทำให้มันรู้ตัวว่ากำลังถูกหมาป่าหอมแก้ม!





_________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องงงงงงงงงงงงงง

ใกล้จะกลายร่างแล้ว อย่าลืมสกรีมแท็กหรือคอมเมนต์นะคะ จะได้รู้ว่ามีคนรอเราอยู่ แล้วจะได้รีบเขียน แห้งเหี่ยวมากก






ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เดี๊ยวว ทำไมเราเขินแทนล่ะ อะไรคือการมาหอมแก้มน้องเรา

นึกว่าน้องจะโดนกินซะแล้ว 5555 เจ้าหมาป่าอย่ากินน้องนะ

ตอนนี้เรา #ทีมหมาป่า ชารินซังคือใคร ไม่รู้จัก เชอะ! ทำร้ายน้องเรา

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จริงๆก็อยากจะบอกน้องว่าอย่านะ อย่าเทชารินซังนะ อย่าไปกับคุณหมาป่าน้าาาาา  :katai1: แต่ก็นะ ชารินซังทำร้ายน้องอ่ะ ตบน้องทำไมม ฮือออ โกรธแล้ว ไม่ยกน้องให้แล้ว :katai4:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
น้องกลับมาแล้ววววววว จุดพลุฉลองงง เฮฮฮฮ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
น้องกลับมาแล้ววววววว จุดพลุฉลองงง เฮฮฮฮ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1



03

น้องจะเป็นเด็กดี...



                เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกหอมแก้ม เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ผละหน้าออกจากจมูกยาว ๆ ของหมาป่าทันที การกระทำอย่างไม่มีที่มาที่ไปของหมาป่าทำเอามันรู้สึกสับสนไปหมด เหมือนจะมาอย่างเป็นมิตร แต่ก็ไม่... อีกทั้ง หากว่ากันตามจริง จิ้งจอกจะได้เป็นอาหารให้กับหมาป่าผู้หิวโหย จะมีใครอยากเป็นเพื่อนกับอาหารเล่า ขนาดมันเองยังไม่เคยชวนกระต่ายคุยเลย



                ดวงตากลมโตของจิ้งจอกแดงแสดงความหวาดหวั่นอีกครั้ง เมื่อหมาป่าเจ้ายักษ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ สบตากันในระยะกระชั้นชิด ยิ่งทำให้เจ้าจิ้งจอกแดงขวัญฝ่อ เพราะดวงตาของเจ้าหมาป่ามันดุดันและดูน่ากลัว มันถึงกับยืนสองขา เอาหลังพิงโขดหินอย่างหวาดกลัว



                เจ้าหมาป่าใช้จมูกยาว ๆ ของตัวเองฟุดฟิดข้างแก้มจิ้งจอกแดงอีกครั้ง ก่อนจะถอยเท้าไปก้าวหนึ่ง ยืนมองจิ้งจอกแดงตัวกระจ้อยร่อยด้วยท่าทีที่น่าเกรงขาม



                ด้วยความยังอยากมีชีวิตรอดของเจ้าจิ้งจอก ทันใดนั้น! เจ้าจิ้งจอกแดงก็อาศัยทีเผลอวิ่งรอดขาหมาป่าตัวใหญ่ไถลตัวไปกับพื้นดิน แล้วรีบตั้งหลักเร่งฝีเท้าวิ่งหนีสุดแรงเกิด หนีจากความตายอย่างไม่คิดชีวิต



                ทว่าเหมือนเพียงแค่ฉากตลก ๆ ฉากหนึ่ง ตัวหนึ่งวิ่งหนีตาย หวงแหนชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใด แต่อีกตัวกลับยืนมองอย่างงุนงง หมาป่าไม่ได้วิ่งตามเจ้าจิ้งจอก อย่างที่มันกลัวในตอนแรก แต่กลับหันกลับมามองอย่างนิ่ง ๆ ด้วยท่าทีสุขุม นั่นทำให้เจ้าจิ้งจอกแดงหยุดฝีเท้า ยืนมองเจ้าหมาป่าด้วยความฉงน



                ไม่รู้ว่าหมาป่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่หลังจากนั้นเจ้าจิ้งจอกแดงก็เห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนจะถอนหายใจและคอตก  ดวงตาคมของหมาป่าจ้องมองหน้าจิ้งจอกครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินจากไปอีกฝั่งหนึ่งของป่า



                นั่นทำให้จิ้งจอกแดงรู้ว่า มันถูกไว้ชีวิต...









           

                ไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองจะมีค่ามากมายจนกระทั่งผ่านเหตุการณ์รอดตายมา เจ้าจิ้งจอกแดงไม่รู้ว่าหมาป่าตัวนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงเลือกที่จะไว้ชีวิตมัน ทั้ง ๆ ที่ตัวมันคงทำให้อิ่มไปได้มื้อหนึ่งแท้ ๆ แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าเป็นเจ้าหมาป่าตัวอื่น ป่านนี้เจ้าจิ้งจอกคงไม่มีโอกาสรอดและคงอยู่ในท้องไปแล้ว



                มันเดินลัดเลาะไปตามชายป่าด้วยสภาพที่อ่อนแรง จนกระทั่งกลับมาที่เดิมคือหลังบ้านชาริน ซัง เจ้าจิ้งจอกน้อยมองบ้านหลังนั้นด้วยสายตาเศร้า ๆ แต่ไม่คิดจะกลับไป เพราะไม่อยากถูกชาริน ซังออกปากไล่ซ้ำสอง



                บ้านของชาริน ซังอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นเกือบร้อยเมตร ทำให้มันตัดสินใจกัดฟันทนความหิว เดินเลยบ้านชาริน ซังไป หวังจะไปคุ้ยแถวถังขยะของมนุษย์ หาของกินประทังความหิว



                ทุนเดิมจิ้งจอกแดงก็ตัวเล็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะจิ้งจอกที่ไม่เหมือนใคร เพราะได้รับพลังพิเศษและสิ่งที่มันเป็น ทำให้ตัวเล็กยิ่งกว่าเดิม ร่างกายเติบโตได้ไม่เต็มที่แลกกับการกลายร่างเป็นมนุษย์ เจ้าจิ้งจอกเดินไปตามทางอย่างเหม่อลอย มันกำลังเข้าเขตมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งต้องห้าม แต่เพราะความหิวทำให้มันไม่มีสติเท่าไรนัก



                พอไม่มีตกถึงท้องเกือบวันแล้ว ทำให้มันที่ผอมกระจ้อยร่อยอยู่แล้วยิ่งดูผอมโซขึ้นไปอีก มันมองเห็นถังขยะซึ่งเป็นขุมสมบัติของมันตั้งแต่ไกล ๆ นั่นทำให้มีกำลังใจจะการเดินไปหา มันรีบเร่งฝีเท้าโดยทันที อาหารซึ่งเป็นเศษขยะของมนุษย์ ขุมทรัพย์ของมันอยู่ตรงหน้าแล้ว!



                ไม่มี...ไม่มีอาหาร



            ความหวังเพียงหนึ่งเดียวหายไปในพริบตา เมื่อถังขยะที่คิดว่าจะได้มีอะไรตกถึงท้องประทังความหิวบ้าง ว่างเปล่าไม่เหลือ แม้แต่ชิ้นเดียว... เจ้าจิ้งจอกมาช้าเกินไป มนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งต้องเอาขยะพวกนี้ไปจัดการแล้วแน่ เกือบจะตกเย็นแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเสียที มันหิวไส้กิ่วจนไม่รู้จะหิวยังไงแล้ว



                หอม....



            ขณะที่กำลังตัดพ้อว่ารอดพ้นจากคมเขี้ยวหมาป่าได้ ต้องมาตายเพราะไม่มีอาหาร มันก็ได้กลิ่นหอมเหมือนอาหารของมนุษย์ลอยละลิ่วมาตามลม ยิ่งมันสูดลมกลิ่นหอมนั้นมากเท่าไร มันก็ยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น ...ไม่ไหวแล้ว



                เจ้าจิ้งจอกตัดสินใจเดินตามกลิ่นนั้นไป ยิ่งอาหารของมนุษย์ช่างหอมยั่วยวนชวนน้ำลายสอ มันก็เดินต่อไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่านั่นอาจทำให้พบเจอกับมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะใจดี มีเมตตากับมัน



                ในที่สุดมันก็ค้นพบบ้านที่เป็นต้นตอกลิ่นหอมชวนทรมานเสียที เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่รอช้า เริ่มเดินสำรวจรอบ ๆ หลังนั้นทันที แถบนี้คนญี่ปุ่นไม่นิยมสร้างรั้วบ้านกัน ทำให้ง่ายต่อการเข้าไปทักทาย



                เสียงสับของและกลิ่นหอมมันจากทางหลังบ้าน ซึ่งน่าจะเป็นครัวเหมือนครัวเรือนอื่น ๆ เจ้าจิ้งจอกไม่รอช้า รีบเดินไปใกล้ แอบซุ่มมองอยู่หลังพุ่มไม้ มันมองเห็นชายร่างท้วมผู้หนึ่งกำลังทำอาหารเสียงดังและไม่ทันได้สังเกตว่ามีสัตว์ตัวหนึ่งกำลังเฝ้ามองอยู่



                หิว~



            เสียงท้องร้องดังขึ้นอีกครา เร่งเร้าให้มันรีบทำอะไรสักอย่างได้แล้วก่อนที่จะตายเพราะความหิว ทว่าเจ้าจิ้งจอกต้องรอเวลา มันต้องอดทนให้ได้ เพราะจะสวมบทเป็นแมวขโมย หากทำอะไรบุ่มบ่ามอาจเป็นอันตรายถึงได้ตายได้



                กลิ่นหอมที่ว่าคงมาจากทงคัตสึชิ้นโตแน่ เจ้าจิ้งจอกถึงกับตาลุกวาว มองมันเป็นทองคำว่าเห็นมนุษย์ร่างท้วมทอดเพิ่งเสร็จและกำลังวางไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน มันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ หากได้ครอบครองทงคัตสึชิ้นนั้น คงอิ่มไปได้หลายวัน



                มันต้องได้มา!



                นอกจากจะต้องสืบทอดทายาทแล้ว นี่ก็คือภารกิจของมันเช่นกัน ก่อนที่เจ้าจิ้งจอกจะอดตายก่อนทำภารกิจ มันจ้องทงคัตสึชิ้นนั้นอย่างไม่วางตา รอจังหวะให้มนุษย์ร่างท้วมหันหลังให้แล้วมันจะรีบวิ่งไปคาบทันที!



                เจ้าจิ้งจอกเริ่มจัดท่าเตรียมกระโดดไปงับทงคัตสึนั้น มันเลียปากรอแล้ว จริง ๆ ไม่ได้อยากทำ เพราะไม่อยากให้มนุษย์เกลียดสัตว์อย่างทำ แต่มันไม่มีทางเลือก...



                ซุ่มโจมตีนานเกือบห้านาที ในที่สุดมนุษย์ก็หันหลังให้! มันไม่รอช้า กระโดดไปงับเอาทงคัตสึชิ้นโตนั้นตามแผนการ ทว่าทุกอย่างเหนือความหมาย เมื่อตะแกรงที่ใช้วางทงคัตสึตกหล่นพื้น เสียงดังสนั่นครัว นั่นทำให้ชายร่างท้วมหันขวับกลับมามองทันที



                “ไอ้จิ้งจอก!” ชายร่างท้วมแผดเสียงดังลั่น



                “แกแน่ ๆ แกแน่ ๆที่กินกระต่ายของลูกสาวฉัน! มันหายไปจากหลังบ้าน ไป! ไปเลยนะ” ชายร่างท้วมตวาดลั่น ประโยคของชายร่างท้วมทำเอาจิ้งจอกน้อยถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชายร่างท้วมหันไปจับอะไรบางอย่าง ก่อนที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มันรีบวิ่งหนีโดยที่มีอาหารคาบไว้ในปาก



                ทว่ามันออกตัวช้าเกินไป น้ำร้อนจากหม้อซุปถูกสาดใส่ช่วงบั้นท้ายของมันเต็ม ๆ มันกัดชิ้นอาหารไว้แน่น สู้คาบทงคัตสึแล้วหาที่เงียบ ๆ แอบกินอาหารของมนุษย์ประทังความหิว



                หงิง ๆ



                หลังจากกินทงคัตสึชิ้นนั้นภายในเวลาอันรวดเร็วและหายหิวแล้ว มันก็มาจัดการกับบาดแผลของตัวเองต่อ มันแสบร้อนยังอย่างครั้งไหน ๆ ขนยาวที่ปกคลุมร่างกายก็ช่วยอะไรมันไม่ได้



                ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตา เพราะความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส พยายามหันมองบาดแผลที่เพิ่งได้สด ๆ ร้อน ๆ ตรงบริเวณช่วงบั้นท้ายแต่ก็มองได้ไม่ชัดนัก มันพยายามโน้มตัว หมายจะปลอบประโลมบาดแผลด้วยน้ำลายตัวเอง แต่ก็โน้มไปไม่ถึง



                ยิ่งขยับร่างกายมากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้มองบาดแผลตรงบั้นท้ายของตัวเองได้ไม่ชัด แต่เจ้าจิ้งจอกก็เริ่มรู้โชคชะตาของตัวเองแล้ว เพราะบาดแผลมันใหญ่จนมีความเป็นไปได้ว่าเจ้ามันอาจไม่รอด...



                แผลพุพองจนน่ากลัว ขนบริเวณที่ถูกน้ำร้อนร่วงลงมา ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าสิ่งใด พวงหางของตัวเองที่มันมั่นใจว่างดงามก็โดนน้ำร้อนกระเด็นใส่เป็นจุด ๆ อีกไม่นานแผลพุพองนี้ต้องเกิดหนองและเน่าเปื่อยแน่ หากไม่ได้รับการรักษา แล้วมันจะไปขอความช่วยเหลือจากใครได้



                บอกแล้ว...ไม่มีใครดีใจเท่าชาริน ซังหรอก อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเอาน้ำร้อนสาดไล่กัน



                ยิ่งมีบาดแผลแสบร้อนประดับตัว ยิ่งทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยอ่อนแอไปกว่าเดิม มันเริ่มเดินกะเผลก ๆ หวังจะไปหลบลม หลบฝนหลังบ้านชาริน ซัง เพราะพลังงานวิเศษที่มันมี ทำให้แผลของเจ้าจิ้งจอกลุกลามเร็วกว่าปกติ



                เมื่อมาถึงที่หมายมันก็ล้มตัวนอน แอบ ๆ อยู่หลังบ้านชาริน ซังไม่ได้หวังให้เขาเห็น หากจะต้องตายเพราะแผลนี้จริง ๆ ก็ขอตายใกล้ ๆ บ้านชาริน ซังก็ยังดี แมลงวัน แมลงวี่เริ่มเข้ามาตอมร่าง เหมือนรู้ว่ากำลังมีสิ่งหนึ่งจะตาย มันเริ่มหายใจรวยรินมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังพอ ๆ กับเสียงปีกดังกระทบกันของเหล่าแมลงวัน



                อีกฝั่งหนึ่งชริณก็เพิ่งเลิกงานมา กำลังเดินกลับบ้านเหมือนทุกที ช่วงที่ไม่มีเจ้าจิ้งจอกคอยมาเฝ้าอยู่หน้าบ้านยอมรับว่ารู้สึกแปลกไปอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ยอมรับผลการกระทำ เพราะไล่มันไปแล้ว



                การกระทำที่ไม่ค่อยน่ารักของมันที่ทำต่อซากุระ เขายังคาดมันไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะกล้าได้ถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าจิ้งจอกถึงกับทำแบบนั้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชอบซากุระ แต่มันไม่ควรทำกับแขกของเขา



                 ลึก ๆ แอบเสียใจอยู่ไม่น้อย เพราะปกติเขาชอบลูบหัวมัน แต่วันนั้นกลับเป็นคนตบหัวมันเอง มิหนำซ้ำมันยังมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ยิ่งทำให้ชริณรู้สึกผิดไปกันใหญ่



                ขณะที่เขากำลังจะไขกระตูเข้าไปในบ้านเหมือนทุกที ชริณก็ได้ยินเสียงเหมือนแมลงวันกำลังตอมบางสิ่งบางอย่างอยู่แถวหลังบ้าน นั่นจึงทำให้เขาผละแวะไปดูก่อน เผื่อมีอะไรมาตายแถวนี้ อาจสร้างความเหม็นได้



                 ทว่าสิ่งที่เขาเจอทำเอาชริณแทบหยุดหายใจ เจ้าจิ้งจอกน้อยที่พยายามวิ่งมาพันแข้งพันขาเขา มาด้วยความสดใส ชอบทำตาหยี ฉีกยิ้มกว้างเหมือนหมายิ้ม กำลังหายใจพะงาบ ๆ ลืมตาค้าง เตรียมกำลังรอความตาย นั่นทำเอาเขาถึงกับใจหายวาบ



                “เจ้าจิ้งจอก....”














___________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องจะตายแล้วว ชริณซังช่วยน้อยด้วย

เรื่องนี้ตอนแรกมี6-7บท เดี๋ยวเราจะขยายไปเป็น 10 บทถ้วนนะคะ

น่าจะพอดีแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-07-2018 16:01:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
«ตอบ #10 เมื่อ03-07-2018 16:17:48 »

ช่วยน้องด้วยนะ
ส่าแต่ถเาไม่กลายร่างแล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหม

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
«ตอบ #11 เมื่อ03-07-2018 17:15:25 »

เกลียดชริณแล้ว สงสารน้อง

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
«ตอบ #12 เมื่อ03-07-2018 19:26:18 »

ไปช่วยน้องเลยนะ!!!

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
«ตอบ #13 เมื่อ05-07-2018 02:17:15 »

                แอ๊!



                เสียงหวีดร้องของเจ้าจิ้งจอกแดงดังลั่นโรงพยาบาลสัตว์ขนาดเล็ก หลังทันทีที่ยาสลบสิ้นฤทธิ์ มันก็ตื่นขึ้นและความเจ็บปวดจากบาดแผลที่เพิ่งรักษาไป ก็เล่นงานมันเข้าอย่างจัง ชริณที่เพิ่งพบคุณหมอเสร็จ ถึงกับวิ่งดูมันด้วยความตกใจ ดูเหมือนมันจะเจ็บมาก สังเกตได้จากน้ำตาคลอเต็มเบ้าและพยายามขยับตัวไปมา



                “ไม่เป็นไรแล้วนะ ๆ” เขายื่นนิ้วชี้ลอดผ่านซี่กรงพักฟื้นของมัน ไปลูกสัมผัสส่วนหัวเพื่อปลอบประโลมและมันยอมสงบ รู้ว่ามันคงเจ็บมาก แต่ถ้าไม่มารักษามันก็อาจจะไม่รอดคืนนี้



                 ผิวหนังบางส่วนที่เป็นแผลของมันเริ่มตายไปแล้ว จึงต้องทำการกำจัดออก เพื่อให้ผิวหนังส่วนใหม่เตรียมขึ้นมาทดแทน ตอนนี้ทุกอย่างไม่มีน่าห่วง คุณหมอจัดการทำความสะอาดแผลและฉีดยาให้มันเรียบร้อย เหลือเพียงแค่มันต้องมาตามนัดของสัตวแพทย์และสามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้



                ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันบ้างหลังเขาเอ่ยปากไล่ตะเพิดครั้งนั้น... แต่นั่นทำให้รู้แล้วว่ามันไม่สามารถเอาชีวิตรอดในป่าได้เลย ทั้ง ๆ ที่เป็นบ้านเกิดของมัน เพราะมันคลุกคลีกับมนุษย์มากเกินไป จนทำให้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในป่าแทบเป็นศูนย์



                หลังจากโวยวายเสร็จ มันก็นั่งซึม ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อย คุณหมอบอกว่ามันเป็นผลข้างเคียงของยา ไม่ได้มีผลร้ายแรงมาก ใช้เวลาสักพักหนึ่งมันก็จะกลับมาสดใสเหมือนเดิม เมื่อไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว เขาจึงจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล พามันมาพักฟื้นที่บ้านแทน



                ชริณเคยออกปากไปแล้วว่าไม่อยากเลี้ยงดูสัตว์ หนำซ้ำเขายังไม่ชอบจิ้งจอก แต่พอเห็นมันใกล้ตายจริง ๆ กลับอยู่เฉยไม่ได้ ต้องคอยยื่นมือเข้าไปช่วย



                เขาจับเจ้าจิ้งจอกให้อยู่ในกระเป๋าสำหรับสัตว์เลี้ยง พามันมาถึงบ้านพักเขาก็ค่อย ๆ รูดซิปเปิด ให้เจ้าจิ้งจอกเดินออกมา มันยังคงซึมอยู่เหมือนเดิม เจ้าจิ้งจอกน้อยแอบชำเลือง ช้อนตามองหน้าชริณอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินออกจากกระเป๋า เดินไปนอนกับเศษผ้าอยู่มุมบ้านอย่างรู้หน้าที่



                ดูเหมือนเหตุการณ์หนนั้นจะทำให้มันไม่ไว้วางใจเขาเหมือนอย่างเคย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่ได้แยกเขี้ยวขู่หรือจะทำร้ายเหมือนกับตอนซากุระ สายตาของเจ้าจิ้งจอกดูเกรง ๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อชริณทำท่าจะขยับเข้าไปหามัน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ขยับตัวหนีเล็กน้อย



                “กลัวฉันแล้วหรือไง” เขาเกลั้วหัวเราะ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิตรงข้างหน้ามัน เอามือยีหัวให้มันเลิกเกร็ง ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดี เพราะมันหลับตาพริ้มยอมรับสัมผัสจากเขา



                “แล้วไปทำอะไร ถึงได้แผลมาใหญ่ขนาดนี้”



                “......”



                ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ ในขณะเดียวกันชริณก็กำลังคิดว่าจะเอายังไงกับเจ้าจิ้งจอกตัวดีนี้ อย่างที่บอกมันกลับไปใช้ชีวิตในป่าแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของชริณเองที่มักจะใจอ่อนยอมให้อาหารทุกครั้งที่มันขอ  มิหนำซ้ำยังปล่อยให้มันเข้ามาเพ่นพ่านในบ้านอีก



                “ฉันจะเอายังไงกับแก เจ้าจิ้งจอก” เขาถามมัน ซึ่งเจ้าจิ้งจอกก็ได้มองหน้ากลับอย่างซื่อ ๆ เพราะไม่เข้าใจความหมายที่ชริณสื่อ



                “.....”



                “เลี้ยงดีไหมเนี่ย?”



                 พอได้ยินคำเลี้ยงเจ้าจิ้งจอกแดงที่ตอนแรกยังคงง่วงซึมเพราะฤทธิ์ยาสลบถึงกับหูผึ่ง อาการที่เหมือนจะยังตัดพ้อและโกรธชริณหายไปเป็นปลิดทิ้ง มันหูตั้ง มองหน้าชริณอย่างกระตือรือร้น จากที่พยายามขยับตัวหนีก็เปลี่ยนเป็นขยับตัวเข้ามาเบียดเสียดแทน มิหนำซ้ำยังเอาคางมาพาดตักเขาอีก ทำเอาชริณถึงกับหลุดหัวเราะกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของมัน



                “อยากเห็นฉันเลี้ยงหรือไง หืม”



                แอ๊! คราวนี้มันส่งเสียงตอบรับ เอาหัวถูไถตักเขาช่างอ้อนราวกับลูกแมว ยิ่งไปกว่านั้นมันจ้องตาแป๋ว เรียกได้ว่าพยายามออดอ้อนทุกวิถีทางเพื่อให้เขาเลี้ยงมัน



                “โอเค ๆ ได้คำตอบแล้ว....”



                “......”



                “....ฉันจะเลี้ยงแกก็ได้ ทำตัวน่ารัก ๆ เข้าไว้ล่ะ” คำพูดของชริณทำเอาเจ้าจิ้งจอกแดงดีใจมาก จนกระโดดเลียปาก เลียหน้าจนเขาแทบปัดป้องไม่ทัน มันโบกสะบัดพวงหางแหว่ง ๆ ของมันอย่างดีใจ ในที่สุดก็ได้มีเจ้าของเสียที



                จะดูแลชาริน ซังให้ดีที่สุดเลย....



                เมื่อตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบอีกชีวิตหนึ่งแล้ว ชริณก็ตั้งใจว่าจะเลี้ยงให้ดีที่สุด ก่อนออกจากบ้านมาเขาก็จัดการเตรียมอาหารหมา เทน้ำสะอาดเตรียมไว้ให้มันแล้ว หลังจากเลิกงานเขาก็ตัดสินใจไปร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เพื่อที่จะหาซื้อเบาะนอนดี ๆ ให้กับมัน มันจะได้ไม่ต้องนอนพื้นพร้อมกอดผ้าเน่า



                นึกแล้วก็ขำตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนเขาหวาดระแวงการออกไปทำงานและกลับบ้านมากที่สุด เพราะไม่อยากเจอเจ้าจิ้งจอก เรียกได้ว่าตอนรับมือกับมันเหนื่อยกว่าตอนทำงานอีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว จากตอนแรกที่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีทางใจอ่อนกับมันเด็ดขาด ตอนนี้กลับรับเลี้ยง มิหนำซ้ำยังซื้อข้าวของเต็มสองมือให้อีก



                เมื่อมาถึงประตูบ้านชริณก็ไม่รอช้า เขาจัดการไขประตูเข้าไปทันที ก่อนหลุดยิ้มตั้งแต่อยู่หน้าบ้าน เมื่อเห็นเจ้าจิ้งจอกกำลังนั่งตาแป๋วรอเขากลับมาจากที่ทำงานอย่างเรียบร้อย มันโบกสะบัดหางไปมา พยายามพันแข้งพันขาเมื่อเขากลับมา



                “เดี๋ยว ๆ วางของก่อน จะล้มแล้วเนี่ย” เขาเอ็ดมัน หลังเจ้าจิ้งจอกน้อยพยายามตะครุบขาหน้าเขา จนชริณเกือบหน้าคะมำ เขาจัดการแยกของของตัวเองและของที่ซื้อมาให้มันออก เมื่อแยกได้เรียบร้อย ชริณก็เอาพวกผงกาแฟสำเร็จรูปไปไว้ในลิ้นชักครัว ก่อนที่ชายหนุ่มจะขมวดคิ้ว เมื่อเห็นจานที่ควรจะเต็มอ่างกลับถูกล้างอย่างสะอาดและวางไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ



                บ้าน่า...เมื่อคืนเขายังไม่ได้ล้างจานเลยนะ



            เขาถึงกับนิ่งไป ทุกอย่างดูงุนงงไปหมด เมื่อคืนเขาขี้เกียจเลยตั้งใจจะมาล้างจานวันนี้ เขาจำได้แม่นว่าตัวเองวางแพลนไว้ว่าอะไร แต่ทำไมจานมันถึงถูกล้างแล้วและใครล้าง?



                ดวงตาคมกวาดมองรอบ ๆ บ้านตัวเองอย่างไม่วางใจ เผื่อมีคนแอบเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเขา แต่ก็ไม่พบกับความปกติอะไร นอกจากเจ้าจิ้งจอกน้อยที่เดินตามเขาแจ


                หรือจะเป็นจิ้งจอกล้างจานให้เขา?


                “แกล้างจานให้ฉันเหรอ?”



                “......” มันเอียงคอมองชริณอย่างงุนงง เขาจึงได้สติว่าตัวเองบ้าไปแล้ว จิ้งจอกที่ไหนจะมาล้างจานให้ จิ้งจอกผีน่ะสิ...



                แต่แล้วชริณก็ต้องพบกับความพิศวงอีกครั้ง เมื่อตะกร้าผ้าที่ไว้เตรียมซัก กลับไม่มีผ้าอยู่ในตะกร้าเลยสักชิ้น เขารีบเดินไปพิสูจน์ตะกร้าผ้าใกล้ ๆ ด้วยความตกใจ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามขอบหน้าด้วยอาการขนลุก



                 ทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้ต่างหากถึงจะเป็นวันซักผ้า แล้วเสื้อผ้าเสื้อผ้าเตรียมซักมันหายไปไหน เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองเคลือบแคลงใจไปมากกว่านั้น ชริณรีบเดินเข้าไปในห้องนอน เปิดดูตู้เสื้อผ้าของตัวเองในทันที ก่อนจะพบว่าเสื้อทำงานที่เขาถอดซักเมื่อวาน ตอนนี้กำลังถูกแขวนอยู่ในตู้ ถูกซักเรียบร้อยมิหนำซ้ำแขนยังถูกรีดเป็นกลีบเหมือนแม่มารีดผ้าให้อีก



                นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว!



                หรือแม่จะมาญี่ปุ่นแล้วไม่บอก? แต่แม่ไม่มีกุญแจบ้านเขานะ!



            ชริณไม่รอช้า เขารีบต่อสายไปหาแม่ทันที เขารับรู้ได้ถึงอาการใจเต้นแรงระหว่างที่รอแม่ตัวเองรับสาย เขาภาวนาให้เป็นแม่ของเขาที่มาจัดการเรื่องพวกนี้ให้ ก่อนที่เขาจะขนหัวลุกไปมากกว่านี้ เอาอีกแล้ว....อาการกลัวผีกำเริบอีกแล้ว



                [ว่าไง เจ้าลูกชาย]



                “แม่มาญี่ปุ่นเหรอครับ”



                [หืม ตอนนี้แม่อยู่ไทยนะลูก]



                “แม่อำผมใช่ไหม สารภาพมาเลย ตอนนี้ผมขำไม่ออกแล้วนะครับ” ชริณจี้ถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีนัก



                [เอ๋...แม่งงไปหมดแล้วนะ แม่อยู่บ้านนะลูก ถ้าไม่เชื่อจะคุยกับพ่อเราไหมล่ะ] แม่ว่าด้วยน้ำเสียงติดตลกแต่แฝงไปด้วยความจริงใจ



                “....ง—งั้นเหรอครับ”



                [ก็ใช่น่ะสิ มีเรื่องอะไรเปล่าลูก] แม่เริ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หลังจับสังเกตได้จากน้ำเสียงของชริณว่าแปลกไป เหมือนคนกำลังกังวลอะไรบางอย่าง



                “เปล่าหรอกครับ แต่แม่สบายดีใช่ไหม”



                [สบายใจ มีแต่พ่อนั่นแหละ ช่วยนี้ป่วยบ่อย ทำแต่งาน]



                “บอกพ่อรักษาสุขภาพดี ๆ ด้วยนะครับ แม่ก็ด้วย งั้นผมไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ สวัสดีครับ”



                เอาล่ะ....เมื่อแม่เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว ก็ชัดเจนว่าเธอไม่ได้มาญี่ปุ่นจริง ๆ และมีคนกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่!








                ชริณคิดไม่ออกว่าคนที่จะเล่นตลกกับตัวเองคือใคร เขาจึงพยายามปลอบใจตัวเองว่าเป็นเขานี่แหละ ที่นอนละเมอและทำงานบ้านทุกอย่างเอง ไม่ใช่ผีสางเทวดาหรือแม้แต่ผีที่ไหน หากบ้านนี้มีผีจริง ๆ ก็คงไม่ใช่ เพราะเขาเองก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มาได้ปีกว่าแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาเจอสิ่งลี้ลับเอาป่านนี้



                หนแรกยังพอหลอกตัวเองให้เข้าใจอย่างนั้น แต่พอหนที่สอง...ที่สาม...ตามมาติด ๆ ชริณไม่สามารถหลอกล่อว่าเป็นตัวเองทำได้อีกแล้ว ทั้งบ้านก็มีแค่เขาและเจ้าจิ้งจอกหนึ่งตัว แล้วจะมีใครอีก หากบอกว่าโจรก็คงไม่ใช่ เพราะมีเจ้าจิ้งจอกคอยเฝ้าอยู่ แค่ไอ้เมฆมาเล่นที่บ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาก็จ้องอย่างไม่เป็นมิตรเลย



                สุดท้ายชริณก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาต้องการพิสูจน์ความจริง!



                การพิสูจน์ความจริงนี้ จะเกิดขึ้นในวันที่บริษัททำงานเพียงครึ่งวัน เพราะเป็นนโยบายลดความเครียดให้พนักงานของบริษัทตามคำสั่งของรัฐบาล เขาจัดการกองจานไว้สูงเท่าภูเขา โยนเสื้อผ้าใส่ตะกร้าซักไว้จนมันยัดไม่ลงแล้ว สภาพบ้านรกยิ่งกว่าการใช้ชีวิตแบบปกติ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะความตั้งใจของเขา



                “เจ้าจิ้งจอกเฝ้าบ้านให้ดีนะ ถ้าโจรบุกบ้านกระโดดงับขาเลย เข้าใจไหม?” เขาจัดการสั่งเสียสัตว์นี้ประจำบ้าน ซึ่งยามที่เขาไม่อยู่มันจะได้สวมบทเป็นรปภ.ให้ เจ้าจิ้งจอกขานรับในลำคอ ก่อนจะหลับตาพริ้มยอมให้ชริณลูบหัวอย่างสบายอารมณ์



                “ไปแล้วนะ”



                แอ๊! มันส่งเสียรับทราบในลำคออีกครั้ง ก่อนที่ประตูบ้านจะถูกปิดลง โดยที่มันนั่งรออยู่หน้าประตูอย่างสัตว์ผู้ซื่อสัตย์









 

                “หน้ากลุ้ม คิ้วขมวดเชียว มีไรเลยเหรอวะ”



                “หน้ากูชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”



                “ก็เออน่ะสิ ว่าแต่มีเรื่องอะไร” เมฆเอ่ยถามเพื่อนอีกครั้ง หลังเห็นชริณทำหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้าคอมนานสองนาน ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่ใช่คนแบบนั้น



                “ก็...เครียดเรื่องงานแหละ” ชริณตอบอย่างเลี่ยง ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังหยุดคิดเรื่องนั้นไม่ได้เสียที



                “ใช่เหรอวะ วันนี้ทำงานแค่ครึ่งวันเองนะ” เมฆพูดต่อ เขาทำหน้ามีความสุขกันทั้งบริษัท มีแต่ชริณคนเดียวที่หน้าเคร่งเครียด มันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างแน่ ๆ



                “.....”



                “เอาล่ะ บอกกูมาได้แล้ว อย่าเฉไฉ”



                “เออ ๆ ...กูกำลังสงสัยว่ามีคนเล่นตลกกับกูอยู่”



                “ก็กูนี่ไง เห็นมึงขำกับมุกกูทุกวัน”



                “ไม่ใช่ตลกแบบนั้น ไอ้เมฆกูจริงจังอยู่นะเว้ย”



                “อะ ๆ เล่ามา”



                “คือบ้านกูอะ เมื่อหนึ่ง สองสัปดาห์ที่ผ่านมามีคนคอยทำความสะอาดบ้านให้ ทั้งล้างจาน ซักผ้า รีดผ้าให้กูด้วย”



                “มึงอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?”



                “ใช่ กูไม่ได้จ้างแม่บ้านด้วยไง กูอยากรู้ว่าใครทำ”



                “เขาไม่ได้เอาทรัพย์สินไปใช่ไหม”



                “ไม่ ของทุกอย่างยังอยู่ครบ”



                “งั้นก็เป็นเรื่องดีแล้วนี่ มึงจะสงสัยไปทำไม” เมฆขมวดคิ้ว



                “มึงจะไม่ให้กูสงสัยได้ยังไง เรื่องแบบนี้เจอเองมันน่ากลัวนะไอ้เมฆ ไม่รู้ว่าหวังดีประสงค์ร้ายหรือเปล่า” ชริณว่า เขาไม่เชื่อการทำงานบ้านให้นี่จะเป็นการทำดีโดยไม่หวังผล มันไม่มีทางแน่นอน แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร



                “.....”



                “มึงคิดดูดิ ถ้าเขาสามารถเข้ามาทำงานบ้านกูได้ แต่แสดงก็สามารถเข้าออกบ้านกูได้ตลอดปะ แล้วถ้าแอบเข้ามาตอนกูนอนหลับนะ ไม่ตายห่าเลยวะ” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงเครียดจัด



                เขายิ่งเป็นคนนอนหลับลึกด้วย ชนิดที่ว่าวางนาฬิกาไว้ข้างหมอนยังไม่ค่อยอยากจะตื่น ถ้าใครเข้ามาในบ้าน ในยามวิกาลเขาจะรู้ได้ยังไง



                “มึงไม่คิดว่าจะเป็นผีบ้างเหรอวะ”



                “จริง ๆ กูก็เคยคิดนะมึง แต่พอคิดดี ๆ แล้ว...กูว่าไม่ใช่ผีว่ะ คนนี่แหละ” ชริณว่า ถ้าเป็นผีในบ้านจริง ๆ คงออกมาหลอกหลอนเขาตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ย้ายเข้ามาอยู่แล้ว แต่นี่อยู่มาปีกว่าทำไมเพิ่งมาหลอกหลอนกัน?



                มันดูตลกเกินไป....



                “แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป” เมฆถามต่อ



                “วันนี้กูจะพิสูจน์ความจริง”



                “งั้นให้กูไปเป็นเพื่อนไหม มันอันตรายนะ”



                “.....” ชริณนิ่งไปครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะเอาเมฆไปเป็นเพื่อนดีไหม



                “ว่าไง”



                “ขอบใจ แต่กูคิดว่ากูจัดการเรื่องนี้ได้” ชริณว่าอย่างหนักแน่น สันนิษฐานแล้วคนทำความสะอาดในบ้านเขาคงทำแค่หนึ่งคน ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ลองสู้กันสักตั้งให้รู้กันไปเลย



                ไม่มีใครต่อบทสนทนาอีก เราต่างแยกย้ายกลับไปสวมบทเป็นพนักงานบริษัทอีกครั้ง ชริณมองเข็มนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้เขาอยากจะกลับบ้านไปพิสูจน์ความจริงแล้ว แต่ดูเหมือนวันนี้เข็มนาฬิกาจะช้าเสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่วันนี้ทำงานเพียงแค่ครึ่งวัน



                “ไปก่อนนะมึง” ในที่สุดก็สิ้นสุดการรอคอยของชริณสักที เมื่อถึงเวลาที่บริษัทประกาศเลิกงานครึ่งวันแล้ว เขาโบกมือลาเมฆ เตรียมจะรีบกลับบ้านอย่างที่ตั้งใจไว้



                “จะไม่ให้กูไปเป็นเพื่อนแน่นะ”



                “ไม่ต้องหรอก ขอบใจมากนะ”



                “เออ ๆ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล รีบโทรหากูได้เลยนะมึง”



                “เออ เจอกันพรุ่งนี้” ชริณโบกมือลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะรีบตรงไปที่ลิฟต์เพื่อรีบกลับบ้าน ระหว่างทางเขาก็เห็นซากุระกำลังยืนรออยู่หน้าลิฟต์เช่นกัน เธอหันเจอเขาด้วยความบังเอิญ ก่อนจะส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้เขาตามมารยาท แต่กลับทำให้ชริณใจเต้นแรงอีกแล้ว



                “สวัสดีครับ” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายเธอก่อน



                “สวัสดีค่ะ”



                “อ้อ เรื่องแผล.... หายดีหรือยังครับ” ชริณทักท้วงเรื่องแผลที่มือของเธออย่างนึกขึ้นได้ เกิดจากเจ้าตัวป่วนที่อยู่บ้านนั่นแหละ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขี้ยวของเจ้าจิ้งจอกดันไปกวนมือเธอด้วย



                “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ซากุระพูดเสียงหวาน ยิ่งทำให้ชริณรู้สึกประทับใจ “ชริณคะ”



                “ครับ?”



                “ข้างบริษัทเรา มีคาเฟ่เปิดใหม่.... ชริณ ซังสนใจไปด้วยกันไหมคะ”



                “ครับ....อา แต่วันนี้ผมคงไม่สะดวกนะครับ พอดีมีธุระที่บ้าน” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเสียดาย อยากจะไปตามคำชวนของซากุระที่นานที มีหนเหมือนกัน แต่ดูเหมือนตอนนี้เรื่องจับโจรที่บ้านจะสำคัญกว่ามากนัก



                “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ” ซากุระนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ชริณ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น



                ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากบทบาทของลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ พนักงานบริษัท จะต้องมาสวมบทเป็นตำรวจจับโจรอีก ชีวิตของเขาแฟนตาซีเกินไปแล้ว หลังจากลงรถไฟ ชริณก็รีบเร่งฝีเท้ามากขึ้น เพื่อให้รีบไปถึงบ้านตัวเองเร็ว ๆ ตลอดระยะทาง เขาใจเต้นตึกตัก คิดหาวิธีการรับมือเจ้าโจรแปลกทุกรูปแบบ



                จากเดินกลับบ้าน กลายเป็นการวิ่งแทน จนสุดท้ายชายหนุ่มต้องมาหอบแฮ่กอยู่หน้าบ้านแทน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติตัวเองแล้วค่อย ๆ เอาหูแนบประตู ฟังเสียงจากข้างในว่าได้ยินอะไรไหม



                นั่นมันเสียงโทรทัศน์นี่!



                 ชริณเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไรว่านั่นคือมนุษย์ เขาแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ ถึงกับต้องรวบรวมสติตัวเองอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ ไขประตูเข้าไปอย่างเบาเสียงมากที่สุด



                “เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน!” เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูออก



                ไม่มีใครนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา... แต่กลับปรากฏเป็นร่างของเด็กผู้ชายคนนั้นกำลังเปลือยเปล่า ผิวขาวเหมือนเปลือกไข่ กำลังตั้งหน้าตั้งตาล้างจานอย่างสบายอารมณ์ มิหนำซ้ำยังหันหลัง โชว์แผ่นหลังอันขาวเนียนและก้นสีชมพูอ่อน ๆ มาทางเขาอีกด้วย! ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาชริณถึงกับอ้าปากค้าง



                น—นี่มันไม่ใช่ภาพที่เขาคิดไว้นี่ ภาพในจินตนาการมันไม่ใช่แบบนี้!!



                อีกฝ่ายหันมามองเขาด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่ต่างกัน พร้อมกับปล่อยจานลงสู่อ่างเหมือนเดิม ก่อนจะ พรึบ! กลายร่างเป็นเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาอย่างรวดเร็วและ พรึบ! กลายร่างกลับคืนเป็นเด็กหนุ่มเช่นเดิม...



                “แหะๆ ส—สวัดดีฮะ ชาริน ซัง” เด็กชายตรงหน้าเอ่ยคำทักทายพร้อมกับส่งรอยยิ้มบริสุทธิ์มาให้.....


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
«ตอบ #14 เมื่อ05-07-2018 07:39:35 »

เย้เจอตัวพ่อบ้านแล้ว

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
«ตอบ #15 เมื่อ05-07-2018 20:26:43 »

โดนจับได้แล้ว  :o

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
«ตอบ #16 เมื่อ05-07-2018 22:38:44 »

แอบหมั่นไส้พ่อซารินซัง...ว่าแต่หมาป่าเป็นใคร??? :hao4:

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
«ตอบ #17 เมื่อ05-07-2018 23:26:00 »

แงงงง น้องโดนจับได้แล้ววว ชาริณซังอย่าพึ่งช็อคตายไปก่อนนะ อยู่กับน้องก่อน ให้น้องตอบแทนชาริณซังก๊อนนนน ตอบแทนท่าไหนดีล่ะ ท่ามาตราฐา-- แค่กๆๆ //โดนตบ// ผิดๆ ตอบแทนด้วยการช่วยดูแลชาริณซัง ช่วยทำงานบ้านไรงี้  :hao3:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
«ตอบ #18 เมื่อ05-07-2018 23:56:28 »

หมาป่าตัวนั่นคงเหงาไม่มีฝูงแน่ๆ

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
«ตอบ #19 เมื่อ07-07-2018 00:26:47 »





04



                เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก แต่ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ยังติดตาชริณอยู่เลย ชายหนุ่มผงะถอยไปข้างหลัง ลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี ควรวิ่งหนีเลยดีไหม เขาศึกษามาแค่การต่อสู้กับคน ไม่ได้ศึกษาการต่อสู้กับตัวอะไรก็ไม่รู้สักหน่อย   มิหนำซ้ำคู่ต่อสู้ของเขา ยังมีก้นสีชมพูอีก!



                เอ่อ....ประโยคสุดท้าย ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่อง



            “น—นายเป็นใคร!?” เขาเอ่ยปากถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แปลงร่างได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว!



                “น้องไงจ๊ะ ชาริน ซังจำน้องไม่ได้เหรอ เมื่อคืนยังขย้ำก้นน้องอยู่แท้ ๆ” เด็กหนุ่มตรงหน้าว่าด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ไม่หนำซำยังหันบั้นท้ายแน่น ๆ มาประกอบประโยคตัวเองอีก เรียกได้ว่าไม่มีท่าทีเขินอาย แม้ตัวเองจะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอยู่ก็ตาม



                “.....”



                “ชาริน ซังจำไม่ได้จริง ๆ เหรอ” เด็กหนุ่มพูด ก่อนจะพรึ่บ! กลับคืนเป็นร่างจิ้งจอกอีกครั้ง



                “เฮ้ยยยยยย!” ชริณส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่อสัตว์ประหลาดวิ่งเข้ามาพ้นแข้งพันขาเขา ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเป็นปกติเขาก็คงจะจับเจ้าจิ้งจอกฟัดอย่างไม่ลังเล แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่จิ้งจอกธรรมดา แต่เป็นเจ้าจิ้งจอกผีต่างหากเล่า!



                “เฮ้ยยยย ออกไป!!” เขาส่งเสียงขณะที่กระโดดเหยง ๆ ไม่ยอมให้มันสัมผัสร่างกายตัวเอง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ฟังเขาเสียเลย มิหนำซ้ำยังพยายามต้อนชริณให้ล้มลงโซฟาอีก และมันก็ได้อย่างที่ต้องการ



                เจ้าจิ้งจอกผีอาศัยจังหวะที่เขากำลังตกใจ ไล่ต้อนชริณเข้ามาในบ้าน จนเขาล้มตัวลงบนโซฟาแล้วมันก็ พรึบ! กลับคืนร่างเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง เดินไปล็อกประตูบ้านเสร็จสรรพ ตวัดสายตากลับมามองชริณอีกครั้ง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับใจหายวาบ



                “ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวน้องจะทวนความจำให้พี่เอง”



                เอาแล้ว มันเล่นงานกูแล้ว....



            “ขยับออกไป ไม่งั้นฉันต่อยจริงด้วย” ชริณขู่ ต้องท่ายกหมัดขึ้นพร้อมสู้ ถ้าเจ้าตัวประหลาดนี่เข้ามาใกล้เขาอีกนิดเดียว เขาจะ....เขาจะร้องไห้แน่ ชริณพร้อมสู้กับคนมาก แต่กับเจ้าตัวนี้เขาไม่พร้อมจริง ๆ



                “ใจร้ายจัง....ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันเลยนะจ๊ะ” เด็กหนุ่มในร่างเปลือยเปล่าว่า พยายามตีเนียนเดินเข้ามาใกล้ชริณ ยิ่งเขาก็รีบขยับตัวหนีไปจนสุดขอบโซฟา



                “......”



                “แต่ไม่เป็นไรจ้ะ ใจร้ายแบบนี้น้องชอบ”



                “ใครพี่แก” เขาว่า



                “ก็ชาริณ ซังไงจ๊ะ แหม....อุตส่าห์ทำงานบ้านให้ ตอบแทนน้องแบบนี้เหรอจ๊ะ น่าเสียใจจัง” เจ้าตัวประหลาดพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ยิ่งชริณมอง ยิ่งทำให้เขานึกถึงเจ้าจิ้งจอกตัวนั้น ตัวที่เขาคิดว่ามันก็แค่จิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ แต่มันไม่ใช่



                ถึงแม้ว่าเจ้าตัวประหลาดนี่จะทำตัวน่าสงสารแค่ไหน อย่าคิดว่าชริณจะหลงกลเชียว ไม่มีทาง! เขารีบคว้าโทรศัพท์ออกมา หมายจะโทรหาเมฆเพื่อนของตนให้มาช่วยเหลือ แต่เพียงแค่ปลดล็อกหน้าจอ เจ้าตัวประหลาดที่ว่าก็โน้มตัวมา อาศัยความรวดเร็วเกินมนุษย์ ชกชิงโทรศัพท์ของเขาไป



                “เฮ้ย! เอามานะ” เขาโวยวาย



                “จะเรียกคนอื่นมาทำไมล่ะจ๊ะ เรื่องนี้คุยกันแค่เราสองคนดีกว่า”



                “งั้นออกไปจากบ้านฉันเดียวนี้”



                “.....” เจ้าตัวประหลาดเอียงคอมองเขาอย่างงุนงง จนชริณจนออกปากไล่มันซ้ำสอง



                “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”



                “กะแล้วว่าชาริน ซังต้องพูดแบบนี้ แต่เสียใจจัง เพราะน้อง...”



                “.....”



                “ไม่ออก” ท้ายประโยคเจ้าจิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกราวนิดหน่อย ทำเอาชริณถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เริ่มกลัวมันโมโหและจับเขากินตงิด ๆ



                “ไหนบอกว่าจะรับผิดชอบชีวิตน้องจนกว่าจะตายไง ไม่ทันไรก็ออกปากไล่แล้วหรือมนุษย์เขาเป็นแบบนี้กันหมดเลย”



                “ฉันหมายความว่าจิ้งจอกธรรมดา ไม่ใช่จิ้งจอกผีแบบนาย!” เขาเถียง ใครอยากจะเลี้ยงจิ้งจอกผีกัน



                “ก็ถ้าชาริน ซังไม่พยายามค้นหาความจริงก็คงไม่ต้องรู้เรื่องนี้หรอกจ้ะ จะเข้าใจว่าน้องเป็นแค่จิ้งจอกธรรมดาตัวเล็ก ๆ ไปอีกนานแสนนาน.....”



                “......”



                “แต่ชาริน ซังอยู่ดีไม่ว่าดีเอง ชอบค้นหาความจริง ทั้ง ๆ ที่ถ้าไม่รู้ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติอยู่แล้ว...และไม่ว่าจะยังไงชาริน ซังก็ต้องทำรับผิดชอบในความอยากรู้ของตัวเอง ด้วยการ....”



                “.....”



                “เป็นผัวน้อง”



            “เฮ้ย!!” ชริณอุทานออกมาด้วยความตกใจอีกครั้ง หลังเจ้าตัวประหลาดพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย



                “ชาริน ซังจะตกใจอะไรหนักหนา ในเมื่อชาริน ซังรู้ความลับน้องแล้ว ชาริน ซังก็ต้องรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย เพราะความลับนี้จะต้องตายไปพร้อม ชาริน ซัง” เจ้าตัวประหลาดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ น้องจะทำหน้าที่เมียอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย”



                “ไม่มีทาง!” เขาพูดอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด “ใครจะอยากมีเมียเป็นตัวประหลาดกัน”



                “เลี้ยงน้องเถอะนะ ถ้าชาริน ซังเลี้ยง อืม.....” เด็กหนุ่มเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งทำเอามองรู้สึกขนหัวลุก “มีได้กับได้....”



                “เลิกเรียกฉันว่าชาริน ซังสักที น่ารำคาญ ฉันชื่อชริณ!” ชริณว่าเสียงเข้ม จ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางไว้ใจ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!



                “แล้วน้องจะเรียกชาริน ซังไม่ได้เหรอ? เอาล่ะชาริน ซังลองคิดดูดี ๆ สิ ถ้าตอนกลางวัน ชาริน ซังเหงาน้องจะเป็นจิ้งจอกให้ก็ได้จะอ้อนชาริน ซังให้หายเหงาเลย.....แต่ถ้าตอนกลางคืน” เด็กหนุ่มเว้นวรรคอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ เผยรอยยิ้มกรุ่มกริ่มออกมา



                 “น้องเป็นเมียให้ก็ได้นะจ๊ะ”



                “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็น!” ชริณเริ่มขึ้นเสียงใส่เจ้าตัวประหลาดอย่างมีน้ำโห นี่มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาเถียงกับตัวประหลาด! แอบแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่กล้าอยู่ต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านี่อยู่นานสองนาน เพราะในความเป็นจริงเขาควรจะวิ่งหนีป่าราบด้วยซ้ำ



                “ต้องเป็น”



                “ไม่เป็น!” เขาขึ้นเสียงใส่เจ้าตัวประหลาด จะมายัดเยียดอะไรแบบนี้กันง่าย ๆ ได้ไง



                “จะไม่เป็นได้ไงในเมื่อ ชาริน ซังได้น้องไปแล้ว ต้องรับผิดชอบ!”



                “ห๊ะ!!”



                “จริง ๆ ตอนนั้นพูดว่าอะไรนะ....อืม ซากุระ งั้นเหรอ แหวะ จะอ้วก! ทั้ง ๆ ที่น้องนอนทับชาริน ซังอยู่แท้ ๆ แถมจำอะไรไม่ได้อีก แม้แต่หน้าน้อง ชาริน ซังใจร้ายที่สุดเลย”



                คราวนี้ชริณแทบหยุดหายใจ เขาอยากจะเป็นลมไปเสียดื้อ ๆ นอกจากจะถูกตัวอะไรไม่รู้มายัดเยียดจะเป็นเมียเขา ยิ่งมีการมาบอกว่าเราสองคนมีอะไรกันแล้วอีก เขาอยากจะเป็นลม มันต้องเป็นเหตุการณ์นั้นแน่ ๆ คืนที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าหิ้วผู้หญิงมานอนด้วย



                .ใช่ คืนนั้นแน่ ๆ!



                “ไม่จริง....” ชริณกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอที่แห้งผาก เขาพยายามปลอบใจตัวเอง อะไรมันจะแย่ขนาดนั้นแล้วแต่ละอย่างมีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์ ยากที่จะทำใจ ตอนนี้เขากำลังฝันแน่ ๆ ว่าจบก็ลองตบหน้าตัวเองดู เผื่อจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่านี่ก็แค่ความฝัน



                “ตื่นซีวะ!”



                “ไม่ต้องคิดว่าเป็นความฝันเลยจ้ะ เพราะมันคือเรื่องจริง” แต่แล้วเจ้าตัวประหลาดก็ดับฝันเขากลางอากาศ เขาอยากจะบีบคอให้ตายเสียจริง คนกำลังขวัญฝ่ออยู่แน่ ๆ



                “ฉ—ฉันไม่เชื่อ” เขาเถียง เจ้าตัวประหลาดนี่อาจกำลังหลอกเขาอยู่แน่ ๆ



                “น้องพร้อมทวนความจำให้เสมอ ชาริน ซังล่ะพร้อมทวนความจำกับน้องหรือยัง?” เจ้าตัวประหลาดว่าด้วยสายตาแพรวพราว ทำเอาชริณถึงกับขนลุกฮือ



                “.....”



                “มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่เชื่อเถอะมันคือความจริง น้องเหลือตัวเดียวบนโลกแล้ว ชาริน ซังต้องช่วยน้องขยายเผ่าพันธุ์ มีลูกกับน้องหลาย ๆ คอกเลย เพราะน้องเลือกแล้ว” ว่าจบเจ้าประหลาดก็ชี้หน้าเขา



                “บ—บ้าไปแล้ว”



                “ชาริน ซังไม่ดีใจหรือไง มีเมียไม่เหมือนใคร”



                “จะบ้าหรือไง! แล้วนายเป็น....คิตสึเนะ?” ชริณสันนิษฐาน เขาเคยอ่านเกี่ยวกับตำนานพวกนี้มาบ้าง คิดว่าเป็นอาจเป็นแค่ตำนาน ไม่คิดว่าจะมีจริง ๆ พวกปิศาจในตำนานทั้งหลายแหล่น่ะ



                “ไม่ใช่จ้ะ น้องไม่ใช่ปิศาจจิ้งจอก น้องก็แค่เป็นมนุษย์ได้ เป็นจิ้งจอกก็ได้ ไม่ได้มีอำนาจวิเศษอะไรแล้ว” เจ้าตัวประหลาดว่า “บอกแล้วว่าน้องไม่มีพิษมีภัย ฉะนั้นเลี้ยงน้องไว้เถอะจ้ะ น้องอยู่ง่ายกินง่าย ทำงานบ้านเก่ง เรื่องบนเตียงก็ไม่เป็นสองรองใคร”



                “นี่เจ้าตัวประหลาด....”



                “น้องไม่ใช่ตัวประหลาด!” เจ้าตัวประหลาดเถียงทันควันและดูเหมือนจะไม่ชอบใจที่ชริณ เรียกแบบนั้นด้วย “จะเรียกน้องว่ามนุษย์จิ้งจอกก็ได้นะ หรือถ้าขี้เกียจนักก็เรียกเมียไปเลยสิ แบบนั้นค่อยลื่นหูหน่อย”



                “ม—มนุษย์จิ้งจอก”



                “ว่าไงจ๊ะ”



                “นี่มันเรื่องจริงเหรอ”



                “จนป่านนี้ชาริน ซังยังไม่เชื่ออีกหรือไง หรือจะต้องให้น้องแปลงร่างอีกรอบ”



                “ก็มันเหลือเชื่อ”



                “แต่ชาริน ซังต้องเชื่อ! แล้วอย่าคิดจะหนีด้วย เพราะชาริน ซังรู้ความลับของน้องแล้ว น้องจะตามไปทุกที่”



                “.....” ชริณถึงกับนิ่งไป ดูท่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดจริงทำจริงแน่



                “ว่าไงจะให้น้องเป็นเมียไหม ชาริน ซังอย่าลืมว่าได้น้องไปแล้วนะ!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเร่งเร้าเอาคำตอบ



                “ขอเวลาทำใจก่อนไม่ได้หรือไง มันยากนะเว้ย!”



                “ก็ได้จ้ะ.... งั้นระหว่างนี้ น้องจะล้างจานรอก็ได้ แล้วอย่าคิดจะหนี อย่าคิดทำให้น้องโมโห เพราะมันไม่ดีต่อตัวชาริน ซังแน่” ท้ายประโยคเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกดเสียงต่ำ ราวกับจะข่มขวัญเขา



                “แล้วถ้าชาริน ซังยังไม่เชื่ออีก เดี๋ยวคืนนี้จะพิสูจน์อีกรอบก็ได้นะจ๊ะ น้องพร้อมเสมอ ถ้าพี่สะกิด” เจ้าจิ้งจอกผีว่าพร้อมเขยิบตาให้หนึ่งหน ก่อนจะเดินไปล้างจานทั้งสภาพเปลือยกายอย่างนั้น




________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องไม่อ่อนโยน น้องจะล่อพี่ขึ้นเตียงอย่างเดียว






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
« ตอบ #19 เมื่อ: 07-07-2018 00:26:47 »





ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
«ตอบ #20 เมื่อ07-07-2018 00:57:25 »

ขำคำพูดน้อง ต้องช่วยน้องขยายเผ่าพันธุ์ให้น้องหลายๆ คอก  นี่น้องกะไม่ให้ท้องว่างเลยเหรอหนักใจแทนชริณ
น่ารักงะ น้องจิ้งจอก  ติดตามตอนต่อนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
«ตอบ #21 เมื่อ07-07-2018 08:26:32 »

น้องแม่งมนุษย์เมีย 555555555555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
«ตอบ #22 เมื่อ07-07-2018 09:13:40 »

คุ้มมากอะ เลี้ยงน้องได้ลูกเป็นคอกนะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
«ตอบ #23 เมื่อ07-07-2018 13:39:03 »

น้องจิ้งจอกไม่ใช่นายเอกละครหลังข่าว...ออกจะเปรี้ยว..วววววววว  :m20:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2018 22:03:26 โดย ืniyataan »

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
«ตอบ #24 เมื่อ07-07-2018 14:10:59 »

ยัยน๊องงงงงงงง!!! โว้ยยย จะบ้า ทำไมน้องแบบ จะพูดยังไงดี พูดไม่ถูก แซ่บเหรอ เออๆ คงแซ่บได้ล่ะมั้ง55555 คือบอกไม่ถูกอ่ะ ตอนแรกๆน้องคือน่ารักมากกก อยากจับขย้ำ แต่พอชารินซีงรู้ความลับน้องคือเปรี้ยว แซ่บ น่ารักกว่าเดิม ชอบบบบ

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
«ตอบ #25 เมื่อ08-07-2018 21:54:56 »


                    ชริณได้แต่ฝืนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หลังเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเดินไปล้างจานต่ออย่างที่ว่าจริง ๆ ตอนนี้เขาชามึนไปหมด สิ่งที่เหลือเชื่อและไม่คิดว่าจะมีบนโลกใบนี้ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกหรือการที่เราได้เสียกันแล้ว ล้วนแต่ทำให้เขาตกใจไม่จบไม่สิ้น



                เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหันมามองเขาเป็นระยะ ๆ ด้วยความหวาดระแวง กลัวเขาจะหนีออกไปจริง ๆ ซึ่งชริณทำแน่ ถ้ามันเผลอ….



                “หันก้นมาทางนี้ไม่อายหรือไง เจ้าจิ้งจอกบ้า” ชริณตะโกนถามมัน หลังเจ้ามนุษย์จิ้งจอกยังคงส่ายก้นดุกดิก ขณะล้างจานไปด้วยอย่างไร้ยางอาย



                “ไม่อาย!” และเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ตอบกลับมาอย่างไม่ต้องคิด



                ฝั่งน้องเองอาการหงุดหงิดก็เริ่มทุเลาลง หลังพ้นรัศมีกลิ่นของชาริน ซังมา กลิ่นที่ติดบนตัวของชาริน ซังทำให้น้องรู้สึกหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ มันไม่ใช่กลิ่นเดิมที่น้องชอบซุกไซ้



                สัญชาตญาณด้านมืดถูกปลุกขึ้นมา เมื่อจิตใจถูกรบกวนโดยกลิ่น มันเป็นกลิ่นของเพศหญิง น้องรู้สึกอย่างนั้นไม่รู้ว่าก่อนกลับบ้าน ชาริน ซังไปทำอะไรมา แต่กลิ่นนี้น้องคุ้นเคยแปลก ๆ และมันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้หญิงคนนั้น คนที่จ้องจะง้าบชาริน ซังของน้อง!



                ในที่สุดถ้วยจานเต็มอ่างก็ถูกน้องล้างจนหมด ก็ได้เวลาที่จะกลับสะสางกับชาริน ซังต่อเสียที จังหวะที่หันกลับไปมองชาริน ซังที่ควรจะนั่งดี ๆ อยู่โซฟา กลับเห็นอีกฝ่ายกำลังย่องเงียบเปิดประตูเตรียมจะหนีน้อง



                “จะทำอะไรน่ะ!”



                “เฮ้ย!” ชริณอุทานด้วยความตกใจ ในเวลาเดียวกันเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ใช้ความว่องไว อาศัยช่วงที่เขากำลังตกใจกลายร่างเป็นจิ้งจอกอีกรอบ ทะยานตัวมาแล้วใช้ทั้งเท้าหน้าและฟันแหลมคมพยายามดึงขากางเกงเขาไว้แล้วลากเข้าบ้านเหมือนเดิม



                “ปล่อยซีวะ!”



                แอ๊!! มันแผดเสียงร้องประท้วงลั่นบ้าน ตั้งท่าจะไม่ยอมง่าย ๆ เช่นกัน ชริณเองพยายามเกาะขอบประตูไว้แน่น ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่ตัวเองมีต่อต้านแรงเจ้าจิ้งจอก ซึ่งมันเองก็สู้ยิบตาพยายามลากชริณกลับเข้าบ้านด้วยพละกำลังทั้งหมดของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร



                “ปล่อยยยยย”



                แอ๊!



                “ม่ายยยยยย!!” ชริณส่งเสียงโอดครวญอย่างโหยหวน ทันทีที่เขาเผลอผ่อนแรงนิดหน่อย เพราะเริ่มเหนื่อยแล้ว เจ้าจิ้งจอกก็ใช้จังหวะนั้นลากเขาเข้าบ้านได้สำเร็จ มันลากขาเขาจนมาถึงโซนห้องครัวแล้วกลับคืนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้งวิ่งไปล็อกประตูบ้านไว้ทันที



                “น้องบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้น้องโมโห....ทำไมไม่เชื่อฟังกัน” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกดเสียงเข้ม สบตาชริณด้วยความโกรธพร้อมกับค่อย ๆ เดินย่างกรายเข้ามาหาเขาที่กำลังนอนหมดแรงอยู่บนพื้น



                “ใครอยากจะฟังจิ้งจอกผีอย่างนายกัน!” ชริณเถียงอย่างไม่กลัวตาย



                “น้องไม่ใช่จิ้งจอกผี น้องเป็นเมียชาริน ซัง!”



                “ไม่ใช่เมียฉันเว้ย! ฉันไม่มีเมียเป็นตัวประหลาดแบบนี้” ชริณเถียงพร้อม ๆ กับค่อย ๆ พยุงร่างตัวเองขึ้น ตอนนี้ใกล้เวลาโพล้เพล้เต็มทีแล้ว ยังสร้างบรรยากาศชวนให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ทว่าขณะที่เขากำลังพยุงร่างตัวเองขึ้นเพื่อตั้งหลัก เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ผลักเขาลงพื้นซ้ำสอง



                “น้องจะเตือนชาริน ซังเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่าทำให้น้องโมโห” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกดเสียงต่ำ แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ใช้จมูกฟุดฟิดตามเสื้อของชริณ ราวกับกำลังหากลิ่นบางอย่างอยู่ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสยิว



                “จะทำอะไรน่ะ!”



                “ใช่เลย....แค่กลิ่นผู้หญิงที่ติดเสื้อชาริน ซังน้องก็หงุดหงิดแทบแย่แล้ว ฉะนั้นอย่าทำให้น้องโมโห ไม่งั้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตชาริน ซังเอง น้องขอเตือนด้วยความหวังดี” มนุษย์จิ้งจอกว่า ปกติไม่ใช่สัตว์โมโหหรือจ้องจะทำร้ายใคร แต่เพราะถูกกลิ่นรบกวนทางจิตใจ ทำให้กลายเป็นสัตว์เจ้าอารมณ์และหงุดหงิดง่ายในบางครั้ง



                ฝั่งชริณเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว พยายามคิดหาว่าทั้งวันมานี้ ตัวเองไปคลุกคลีกับผู้หญิงคนไหนบ้าง ก่อนทุกอย่างจะถึงบางอ้อ เมื่อเขาจำได้ว่าวันนี้ตนได้ลงลิฟต์พร้อมกับซากุระ น้ำหอมของเธอคงติดเสื้อเขามา จนทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหงุดหงิด



                “เอาล่ะ คิดได้ยัง จะเป็นหรือจะต้องเป็น” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามเขา



                “อะไรกัน...นี่ใจคอจะไม่ให้ฉันปฏิเสธเลยหรือไง มันไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจง่าย ๆ เลยนะ” ชริณว่าอย่างสุดจะทน ใจคอเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้จะจับเขาทำสามีลูกเดียว



                “ชาริน ซังไม่อยากทำความเข้าใจเองมากกว่า ก็แค่ยอมรับน้องเองไม่เห็นจะยากอะไร น้องแสนดีขนาดนี้แล้ว อีกอย่างชาริน ซังไม่มีทางเลือกมากกว่านี้แล้วด้วย นอกจาก....”



                “นอกจากอะไร” ชริณตาย



                “ถ้าไม่เป็นผัวน้อง ชาริน ซังจะต้องตาย”



                “จะบ้าเหรอ”



                “น้อง....น้องไม่ได้อยากจะฆ่านะ แต่มนุษย์ที่จะอยู่รอดหลังจากรู้ความลับของเผ่าพันธุ์เรา คือต้องเป็นคนในครอบครัว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกรีบอธิบายใหญ่ กลัวชาริน ซังจะตกใจไปมากกว่านี้



                “เป็นข้อตกลงที่มีมานานแล้วถ้าน้องไม่ฆ่าชาริน ซัง... น้องเองที่จะต้องตาย...แต่น้องจะตายไม่ได้ เพราะถ้าหมดน้องไป บนโลกนี้ก็จะไม่มีมนุษย์จิ้งจอกแล้ว”



                “ข้อตกลงบ้าอะไรวะเนี่ย เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า” ชริณว่า



                ถามเขาสักคำหรือยังว่าอยากรู้เรื่องนี้หรือเปล่า กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณรู้ความจริง แต่ถอยกลับมาไม่ได้แล้ว และมีทางเดียวหากไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ก็คือความตาย แต่ไม่ว่าจะถอยไม่ถอยสำหรับเขาก็ไม่มีทางไหนดีทั้งนั้น



                “แล้วทำไมต้องยัดเยียดจะเป็นเมียฉันด้วย มีฉันเป็นเจ้าของ หาอาหารให้ไม่ต้องลำบาก มีเบาะอุ่น ๆ แค่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน ไม่ดีหรือไง”



                “ดี....แต่น้องต้องมีลูก”



                “ก็หาหมาจิ้งจอกในป่าสิ ถ้าไม่มีก็หาหมาแถวนี้เอา”



                “มันไม่เหมือนกัน! น้องต้องได้มนุษย์”



                “.....”



                “นะ ๆ เลี้ยงน้องเถอะ น้องไม่ขออะไรเลย แค่ทำลูกกับน้องนะ ไม่ต้องเลี้ยงลูกก็ได้ น้องเลี้ยงเอง แต่ช่วยให้น้องทำภารกิจสำเร็จนะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า พยายามทำตาแป๊วเพื่อที่จะอ้อนชริณ แต่มันไม่ทันแล้ว เพราะเขาเห็นด้านร้าย ๆ ของเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ไปแล้ว



                 จากที่ฟัง ๆ มา ชริณเองก็เริ่มจับใจความสำคัญได้ว่า เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็แค่อยากมีลูกเพื่อขยายเผ่าพันธุ์ของตัวเองเท่านั้น



                “แล้วฉันจะได้อะไร” ชริณถามต่อ



                “ความสุขไง” เจ้าจิ้งจอกตอบแบบไม่ต้องคิด “ชาริน ซังก็จะได้ไม่ต้องใช้มืออีก น้องรู้นะ ชาริน ซังเข้าห้องน้ำนาน ๆ เพราะอะไร”



                คราวนี้ชริณถึงกับเงียบไป ดูเหมือนเจ้ามนุษย์จิ้งจอกจะรู้เรื่องราวของเขามากเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เวลาเขาอาบน้ำ มันเองก็นอนแซะกระดูกของเล่นอยู่หน้าห้องแท้ ๆ



                “ใจดีกับน้องนะ น้องจะเป็นเด็กดี”



                “ดีกับผีน่ะสิ”



                “ปกติชาริน ซังใจดีจะตาย ใจดีกับเรื่องนี้อีกไม่ได้เหรอ”



                “มันใช่เรื่องง่ายที่ไหนกัน จนถึงตอนนี้ฉันยังคิดว่าตัวเองฝันอยู่เลย” ชริณพูดพึมพำกับตัวเอง เขาอยากให้ตัวเองเข้าใจเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์เหมือนกัน แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาและที่สำคัญ เขาไม่สามารถทำความเข้าใจทุกอย่างได้ทั้งหมดคืนนี้แน่



                “ขอเวลาคิดหนึ่งคืนได้ไหม” เขาถามมนุษย์จิ้งจอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไหน ๆ เขาก็เลือกอะไรไม่ได้แล้ว ก็ขอเวลานอนคิดอีกสักคืนและเขาได้ทำใจก่อนจะตัดสินใจอะไรดีกว่า



                “......”



                 “สัญญาจะไม่ไล่ออกจากบ้าน อย่างน้อยก็คืนนี้” ชริณว่าต่อ เมื่อเห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแสดงความหวาดหวั่นออกมาผ่านทางแววตา ภายใต้ความแสบสันนั้นดูเหมือนจะกลัวเขาทิ้งตลอดเวลา



                “ได้...แต่คืนนี้น้องขอนอนกับชาริน ซังได้ไหม น้องกลัวผี” สิบปากว่ายังไม่เท่าตาเห็น หลังจากที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดจบก็พยายามขยับตัวเข้าใกล้ เบียดเสียดเขา แต่ก็ยังไม่วายแอบทำจมูกฟุดฟิดกับเสื้อเขาอีก



                 “มันจะดีกว่านี้ถ้าตัวของชาริน ซังไม่เต็มไปด้วยกลิ่นนน้ำหอมของผู้หญิง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกแอบบ่นพึมพำ แต่ไม่ได้หวังจะให้ชาริน ซังได้ยิน



                “แล้วนายจะกลัวผีทำไม นายเองน่ากลัวกว่าผีอีก” เขาว่า



                “น้องไม่น่ากลัวนะ ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว น้องขอนอนด้วยนะ นอนพื้นก็ได้”



                “ก็แปลงร่างเป็นจิ้งจอกอีกสิ เก่งนักไม่ใช่หรือไง นอนเบาะข้างนอกไปเลย”



                “ชาริน ซังจะใจร้ายกับน้องจริง ๆ เหรอ”



                “ใช่!” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่มีวันยอมให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้เข้าไปยุ่มย่ามในห้องนอนเขาเด็ดขาด เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้มันอันตรายเกินไป ไม่รู้ว่าถ้าตอนเขาเคลิ้มหลับมันจะแอบทำอะไรเขาหรือเปล่า ยิ่งแสบสันยิ่งกว่าพริกขี้หนูอยู่ด้วย



                ทว่าความตั้งใจของเขากลับพังทลายลงไปในพริบตา เมื่อเขาสลัดมันให้พ้นตัวได้ ก็รีบวิ่งเข้าห้องนอน จัดการล็อกประตูเสร็จสรรพและใช้ห้องน้ำภายในห้องนอน เพื่ออาบน้ำ ทว่าพอกลับออกมา เขาก็เห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกในร่างเปลือยเปล่าอย่างไม่อายกำลังนอนยิ้ม โบกไม้โบกมือให้เขาอยู่บนเตียง



                ยิ่งไปกว่านั้นไล่เท่าไรก็ไม่ยอมลงจากเตียง พอเขาจะออกไปนอนข้างนอกก็ตามมา อย่างช่างตื๊อ จะมานอนเบียดกันอยู่บนโซฟาแคบ ๆ อีก ยิ่งทำให้ชริณหัวร้อนเข้าไปใหญ่ จนต้องตกลงกันว่า หากมันจะนอนบนเตียงกับเขา มันต้องใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่โป๊เปลือย ไม่ยุ่มย่ามกับร่างกายเขา ยามเขาพักผ่อน



                “ชาริน ซัง....”



                “....อะไร” ชริณที่กำลังเคลิ้มหลับเต็มทีขานรับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย



                “เล่นผีผ้าห่มกันไหม”



                “ไม่เอา”



                “งั้นจูบหน้าผากน้องหน่อยนะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า พยายามให้หน้าผากตัวเองแตะกับกลีบปากของว่าที่สามี แต่ชาริน ซังกับหันหน้าหนีไม่ยอมง่าย ๆ



                “นะ ๆ”



                พอร่างของชาริน ซังไร้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง พายุที่อยู่ในใจของเจ้ามนุษย์หมาป่า ตั้งแต่ตอนชาริน ซังเปิดประตูบ้านเข้ามา ก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเหมือนความแสบสันไม่เคยมีมาก่อน เหลือเพียงแค่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกขี้อ้อน ไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างสัตว์และตอนนี้กำลังอ้อนขอความรักจากชาริน ซังเพราะนอนไม่หลับ



                “ไม่เอา” ชริณเอ่ยปฏิเสธทั้งน้ำเสียงงัวเงีย



                “นะ ๆ ครั้งเดียว” ทว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกลับไม่ยอมเช่นกัน พยายามรบเร้าให้ชาริน ซังจูบหน้าผากตัวเองให้ได้ ด้วยความที่รำคาญ ชริณจึงตัดสินใจกดหน้าผากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแรง ๆ หนึ่งหนให้จบ ๆ เสียที



                “เอ่า! พอใจยัง” เขาถามประชด



                “ที่สุด”







                “เป็นไงบ้างวะ เมื่อวานจับโจรได้ไหม” เมฆเอ่ยถามหลังเราลงมาทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้านใต้ตึกของบริษัท คำถามของเพื่อนสนิททำเอาชริณที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ถึงกับชะงักไป เขาลืมเสียสนิทว่าเมื่อวานเล่าเรื่องโจรที่บ้านให้เพื่อนฟัง



                “ได้....”



                “เฮ้ย! เรื่องจริง? แล้วที่คอมึงรอยอะไรวะนั่น” ว่าจบเมฆก็ชี้เข้าที่ซอกคอของเพื่อน แม้จะมีแสงตกกระทบ แต่รอยนั้นก็ยังเด่นชัดอยู่ดี



                “เออ นี่แหละสิ่งที่กูได้มา” ชริณพูดอย่างระอา พร้อมแตะเข้าที่ต้นคอตัวเองอย่างลืมตัว



                เจ้ามนุษย์จิ้งจอกแสบสันใช่ย่อย ทำเป็นไม่มีพิษภัย อ้อนขอจูบผากหน้าแล้วจะยอมเรียบร้อย แต่พอเขาหลับปุ๊บ มันก็อาศัยจังหวะนั้นรีบสร้างรอยไว้ที่ซอกคอเขาทันที พอชริณตื่นขึ้นมา เข้าห้องน้ำตามปกติ เขาก็ต้องออกมาถามเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วยความโมโห แต่มันกลับตีหน้าซื่อ พูดเสียงเศร้าทำเหมือนจะร้องไห้ว่าแค่อยากให้ของขวัญต้อนรับก็เท่านั้น



                เขาจะบ้าตาย!



                หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็ออกมาจากบ้านตรงดิ่งมาบริษัทเลย ข้าวเช้าเขาก็ไม่กินตั้งแต่เห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังนั่งตาแป๋วอยู่บนโซฟาแล้ว



                นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!



                ชริณหันมองเพื่อนอย่างลังเล ความอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นมา เมื่อเขาไม่สามารถขอคำปรึกษาจากใครได้เลย เพราะลึก ๆ แล้ว เขาเองก็ยังกลัวตายอยู่ พ่อแม่ก็ยังไม่สุขสบาย ฉะนั้นเขาจะมาจบชีวิตเพราะเรื่องงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้ ฝั่งเมฆเองก็เลิกคิ้วสูง รอฟังคำตอบจากเพื่อนตัวดีว่ารอยบนคอนั่นได้มันมายังไง



                “ตอบกูได้ยัง”



                “ยุงกัด”



                “ใช่เหรอวะ” เมฆว่าอย่างไม่เชื่อ โต ๆ เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว รู้อยู่หรอกว่ารอยนั้นคืออะไร แต่ที่ถามไป เพราะอยากให้ชริณเล่าอะไรให้ฟังบ้าง หิ้วหญิงกลับบ้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะชริณก็ไม่ได้มีใคร แต่ทำไมเพื่อนถึงไม่เล่า



                “.....”



                “คนเมื่อคืนเด็ดเหรอวะ”



                “หืม?” ชริณมองหน้าอย่างงุนงง



                “ก็เจ้าของรอยนี้ไง กูรู้หรอกน่าว่านี่ไม่ใช่รอยยุงกัด ว่าไงเด็ดเหรอวะ”



                “แสบล่ะสิไม่ว่า” เขาว่า พูดแล้วหน้าเจ้าตัวแสบก็ลอยขึ้นมาในความคิด เจ้ามนุษย์จิ้งจอกนะแสบสันยิ่งกว่าพริกขี้หนู....



                “มึงเปลี่ยนสเป็กแล้วเหรอ ไหนบอกว่าชอบสาวหวาน ๆ แบบซากุระ จัง”



                “ไม่ใกล้เคียงกับสเป็กกูเลยวะ ออกจะประหลาดด้วยซ้ำ” ...เดี๋ยวก็กลายร่างเป็นจิ้งจอก เดี๋ยวก็เป็นมนุษย์ เอาแต่ใจ ตามอารมณ์ไม่ทัน เอะอะใช้กำลังกับเขา มิหนำซ้ำยังพยายามยัดเยียดให้เราเป็นครอบครัวเดียวกันอีก ถ้าไม่ประหลาดก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว



                “แล้วสรุปเรื่องโจร? กูงงนะเนี่ย ผู้หญิงของมึงเป็นคนทำความสะอาดบ้านให้เหรอวะหรืออะไรยังไง”



                “เขา...” ชริณอึกอัก ไม่รู้จะตอบว่ายังไง “เขาไม่ใช่ผู้หญิง”



                “อ๋อ โอเค แล้วยังไงต่อ?”



                “เขาเป็นคนที่ชอบกูเลยมาทำงานบ้านเพื่อเอาใจกู แล้วกูเองก็จำไม่ได้ว่าเคยให้กุญแจบ้านกับเขาไว้” ชริณโกหกหน้าตาย ขนาดเมฆยังหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ แน่ล่ะ.... ประโยคโกหกเมื่อกี้ดูไม่ค่อยเป็นไปได้เลยที่เขาจะลืมว่าเคยให้กุญแจบ้านกับใครไว้ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญ



                “จริง ๆ”



                “แล้วมึงจะทำไงต่อ”             



                “ก็....ถ้าเขาอยากมาทำงานบ้านกูนัก ก็ให้มาเลยดีซะอีกกูจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”



                “คนไหนวะ ทำไมไม่เคยเห็นเล่าให้ฟัง” ชริณได้แต่ด่าเมฆในใจ ทำไมวันนี้เพื่อนสงสัยมากกว่าปกติ ปกติถามสองสามประโยคก็จบ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรำคาญออกไป เพราะเข้าใจดีว่าเพื่อนมันอาจเป็นห่วง



                “อ้าว คนนี้กูยังไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ” ชริณยังเล่นบทคนซื่อไป



                “กูเข้าใจมาตลอดว่ามึงชอบซากุระคนเดียว”



                “งั้นแสดงว่ามึงเข้าใจกูผิดแล้ว ถึงกูจะรู้สึกดีกับซากุระ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูต้องมองเขาคนเดียวปะ เขามีแฟนแล้ว....” ชริณว่า แม้ในความจริงเขาจะมองแค่ซากุระคนเดียวก็ตาม ช่วยไม่ได้....เขาชอบเธอแค่คนเดียว



                 “ไว้ว่าง ๆ กูจะแนะนำคนนี้ให้มึงรู้จักแล้วกัน”



                “แล้วคนนี้มึงชอบเขาไหม”



                “.....”คราวนี้คำถามของเมฆทำเอาชริณถึงกับอึ้ง จะให้ชอบได้ยังไงในเมื่อเพิ่งเจอกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง มิหนำซ้ำยังไม่ธรรมดาอีก



                “ไม่รู้ว่ะ คงต้องดู ๆ ไปก่อน”



                “อย่าลืมพาเขามาแนะนำให้กูรู้จักล่ะ เดี๋ยวกูพิจารณาช่วยว่าผ่านไหม กูไปทำงานล่ะเพื่อน รีบมาตามนะ”



                “เออ ๆ เดี๋ยวตามไป”




 

                ฝั่งน้องเองที่ยังอยู่ในชุดนอนเมื่อคืนก็ทำงานบ้านอย่างสบายอารมณ์ หลังความลับไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์รู้สึกโล่งอก ราวกับยกภูเขาออกจากอก เพราะนึกว่าตัวเองจะได้อาศัยตอนกลางคืนลักหลับชาริน ซังจนกระทั่งตั้งท้องเสียแล้ว



                มันเป็นเพราะฟ้าลิขิตให้เมื่อวานนี้ชาริน ซังต้องรู้ความลับของน้องแน่ น่าเสียดายที่การพบกันครั้งแรกของเรา ชาริน ซังน่าจะประทับใจมากกว่านี้ แต่เมื่อวานความลับของน้องแตกไปพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงที่ติดเสื้อชาริน ซังมาปลุกสัญชาตญาณบางอย่างของน้องเข้า ทำให้เรื่องราววุ่นวายมากกว่าเดิม



                น้องรู้ว่าเมื่อวานน้องนิสัยไม่ดี น้องหงุดหงิดใส่ชาริน ซัง อยากจะข่วนเสื้อที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงให้หายโมโหด้วยซ้ำแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะชาริน ซังคงได้ไล่น้องออกจากบ้านแน่



                 วันนี้น้องก็เลยอยากแก้ตัว ทำตัวดี ๆ เรียบร้อยเหมือนที่เคยคิดเอาไว้ว่าหากวันหนึ่งความลับแตกขึ้นมาจะทำยังไงให้ชาริน ซังประทับใจตัวเองมากที่สุด….



                ข้าวของเครื่องใช้ของมนุษย์ไม่เป็นปัญหาเมื่อน้องต้องใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้า เตาแก๊สหรือโทรทัศน์ ที่ทุกอย่างมันง่ายดายและไม่เป็นปัญหาสำหรับน้อง ก็เพราะส่วนหนึ่งเพราะมันสมองที่ฉลาดกว่าจิ้งจอกทั่วไป แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ามนุษย์และอีกส่วนหนึ่งเพราะน้องตามชาริน ซังไปทุกที่ แม้กระทั่งห้องครัว จึงได้สังเกตวิธีการใช้งานพวกนี้อยู่บ่อยครั้ง



                วันนี้พิเศษกว่าเมื่อวานอีก เพราะนอกจากทำงานบ้านแล้ว น้องยังคิดจะนวดให้ชาริน ซังด้วย!



                หลังจากทำงานบ้านเสร็จแล้ว น้องก็มานั่งจมปุ๊กอยู่บนโซฟา มองหน้าจอโทรศัพท์อย่างตั้งใจ หลังเห็นมนุษย์สองคนในจอกำลังปรนนิบัติเอาใจกัน เมื่อคนหนึ่งเอาใจ คนหนึ่งก็สีหน้าดีขึ้น



                ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างตั้งใจ อยากจะเรียนรู้อย่างเต็มที่เพื่อไปใช้งานกับชาริน ซัง เพราะเมื่อเช้าอีกฝ่ายอารมณ์เสียเพราะน้องเผลอทำรอย น้องเสียใจมาก ไม่ทันได้ขอโทษ ชาริน ซังก็ออกจากบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้ว แต่เย็นนี้แหละชาริน ซังจะต้องยิ้มเพราะน้องเอาใจแน่



                น้องจะทำให้ชาริน ซังยอมรับน้องให้ได้!




________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง



ใส่เหตุผลไปให้แล้วนะคะ ทำไมน้องถึงใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็น

มีคนถามทำไมเขียนว่า ชาริน ซัง แทนที่จะเขียนว่า ชารินซัง อันนี้ขอโทษจริงๆ เราติดนิสัย เว้นวรรคแล้วรู้สึกอ่านสบายตามากกว่าในความคิดเรา เพราะเวลาเขียนพาร์ทสัตว์ มันบรรยายมันเยอะจนดูลายตาค่ะเลยขอเว้น สักนิดก็ยังดี TT
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2018 21:58:35 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
«ตอบ #26 เมื่อ08-07-2018 22:05:10 »

น้องน่านักนะแค่ขี้หึงมากๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
«ตอบ #27 เมื่อ08-07-2018 22:11:40 »

 o13 o13 o13

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
«ตอบ #28 เมื่อ08-07-2018 23:46:45 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
«ตอบ #29 เมื่อ10-07-2018 23:12:16 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด