(จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)  (อ่าน 132781 ครั้ง)

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
อ้าว ทำไมอ่าาาาา เกิดอารายขึ้้นนน :katai4:

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
«ตอบ #91 เมื่อ23-07-2018 17:15:37 »



11


   ความชุลมุนตกใจเกิดขึ้นในทันที เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่สามารถกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง เมื่อไม่ได้ดั่งใจเจ้าจิ้งจอกก็เริ่มน้ำตาซึม พยายามแค่ไหนทุกอย่างก็ยังล้มเหลว
   ทำไม....ทำไมน้องกลายร่างไม่ได้?
   ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำใส ผิดหวังที่ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจตัวเอง ทำไมน้องถึงกลายร่างไม่ได้ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย
   “ไม่เอา ไม่ร้อง” ชริณลูบหัวเจ้าจิ้งจอกตัวน้อย พยายามเช็ดน้ำตาออกให้ หลังเขาเดินตามมันออกมาจากห้องนอน เจ้าจิ้งจอกพยายามหลับตาปี๋ เหมือนกำลังกลั้นใจอธิษฐานบางอย่างอยู่หลายหนแล้วก็เริ่มน้ำตาซึมออกมา
   “ฮึก...ก” ความเสียอกเสียใจของเจ้าจิ้งจอกน้อย ทำให้มันเลือกที่จะหันหน้าเข้ากำแพง ชริณเองก็ถึงกับไปไม่ถูก จึงทำได้แค่ลูบหัว คอยให้กำลังใจเท่านั้น
   เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ล้มตัวนอนกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก มีอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด จนชริณอดห่วงไม่ได้ เพราะเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่กินข้าวกินน้ำเลยตั้งแต่ตื่นมา
   “กินข้าวเร็ว” เขาเรียก พร้อมกับเคาะถาดข้าวเรียก
   “.....”
   “ไม่กินข้าวก็ต้องกินน้ำนะ” เขาว่าต่อเมื่อยังคงเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกยังเงียบอยู่ ไม่ยอมขยับร่างกาย มีแต่มองหน้าชริณอย่างนิ่ง ๆ
   “เจ้าจิ้งจอก....” เขาเรียกมันอีกหน คราวนี้เจ้าจิ้งจอกถึงยอมลุกขึ้น เดินไปจิบน้ำพอเป็นพิธีไม่ให้ถูกบ่นไปมากกว่านี้แล้วกลับมาล้มตัวนอนต่อราวกับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ทิ้งให้ชริณถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อย หลังชาริน ซังกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วก็กลับมาเครียดเช่นเดิม...ความเครียดเริ่มกัดกินใจน้องอย่างช้า ๆ ตอนนี้ในหัวของน้องมีแต่คำว่าทำไม ทำไม อยู่เต็มไปหมด หากน้องไม่สามารถกลายร่างกลับคืนมนุษย์ได้ อยู่ในร่างนี้ตัวชีวิต เผ่าพันธุ์ของน้องจะสูญพันธ์ไปใช่ไหม...
   ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น หากน้องท้องไม่ได้ ก็แปลว่าภารกิจของน้องไม่สำเร็จ น้องไม่มีประโยชน์อะไร กลายคืนสู่สถานะจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง.... แล้วต่อจากนี้ไปไม่มีภารกิจที่ต้องทำแล้ว ชาริณ ซังจะยังอยากอยู่กับน้องไหม?
   ฝั่งชริณเองเมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่แตะต้องอาหารสักเม็ด เขาก็ลงทุนเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อที่จะทำอาหารสำหรับหมา เผื่อเจ้าจิ้งจอกอาจเบื่อหน่ายอาหารเม็ดก็เป็นได้
   เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้กลับมาในร่างจิ้งจอกแดงอีกครั้ง มันเป็นความผิดพลาดหรือไม่เป็นสัญชาตญาณบางอย่างที่เจ้าจิ้งจอกอาจไม่เคยรู้ก็ได้ ชริณเองก็ไม่รู้จะช่วยเหลือยังไงเหมือนกัน พยายามลองค้นหาอ่านพวกตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกแดงอีกหลายหนแล้ว แต่ก็พบเพียงตำนานปิศาจจิ้งจอกเท่านั้น
    เขาอยากลองหาทางช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนมืดทั้งแปดด้าน พอ ๆ กับเจ้าจิ้งจอกที่ไม่รู้สาเหตุของเรื่องนี้เช่นกัน  ตอนนี้ชริณก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ไม่ให้อีกฝ่ายคิดมากไปกว่านี้
   “เจ้าจิ้งจอก กินข้าวเร็ว” ชริณเรียกขานเจ้าหมาง่วงซึมอีกครั้ง เคาะถาดข้าวใบใหม่เพื่อเรียกให้เจ้าจิ้งจอกลุกมากินข้าวเสียดี ๆ
   วันนี้ชริณอุตส่าห์ทำสตูหมู อาหารสำหรับสุนัขที่เขาอุตส่าห์เปิดกูเกิ้ล หาวิธีมาจากอินเทอร์เน็ต มาทำให้อีกฝ่ายกิน เอาเนื้อหมูไม่ติดมัน แครอท ไข่ไก่ มันฝรั่งออกมาจากตู้เย็น ลงทุนปรุงรสจนกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวเชียว เจ้าจิ้งจอกไม่ต้องกินจนหมดถาดก็ได้ แต่เจ้าจิ้งจอกต้องกิน เดี๋ยวล้มป่วยขึ้นมาแล้วจะแย่เอา
   “มากินข้าวเร็ว ๆ อุตส่าห์ลุกมาทำให้กินเลยนะ” ชริณเรียกเจ้าจิ้งจอกอีกหน คราวนี้เขาใช้โทนน้ำเสียงเข้มขึ้นเพื่อให้คล้ายกับการออกคำสั่ง นั่นทำให้เจ้าจิ้งจอกยอมเดินมากินอาหารแต่โดยดี
   เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน พอร่างกายได้กลิ่นอาหารหอมฉุยเข้าหน่อย กระเพาะเล็ก ๆ ก็ส่งเสียงร้องทันควัน ลิ้นยาวค่อย ๆ กินอย่างไม่รีบร้อน แต่ทว่าใช้เวลาเพียงไม่นานสตูหมูฝีมือชาริน ซังก็เคลื่อนย้ายไปอยู่ในกระเพาะเล็ก เหลือไว้แต่ถาดเปล่าให้ดูต่างหน้าแทน
   “เก่งมากเจ้าจิ้งจอก! ต้องยังงี้สิ” เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกจัดการสตูฝีมือเขาจนเกลี้ยงถาด ชริณก็รีบลูบหัวเพื่อให้รางวัล พอได้เห็นเจ้าจิ้งจอกกินอะไรลงท้องบ้าง เขาจะได้คลายความกังวลลงบ้างอย่างน้อยก็มีอะไรตกถึงท้องอีกฝ่าย
   ช่วงเวลาตั้งแต่เย็นจนถึงหัวค่ำ ชริณได้ให้เวลากับเจ้าจิ้งจอกน้อยไปเสียหมด ด้วยความที่ไม่อยากทิ้งมันอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง กลัวจะฟุ้งซ่าน พูดกับใครก็ไม่ได้อีก เขาจึงจัดการอุ้มเจ้าจิ้งจอกแดงขึ้นมานั่งบนโซฟา ดูโทรทัศน์ด้วยกันเสียเลย ขณะที่กำลังดูรายการข่าวหัวค่ำ ชริณก็ลูบหัวมันไปหมด เขาอยากช่วยเหลือเจ้าจิ้งจอกน้อยจริง ๆ แต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
   กลายเป็นว่าช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ชริณใช้เวลาตะลึงไปกับเรื่องของเจ้าจิ้งจอกเป็นสิบรอบ นับตั้งแต่เช้าวันเสาร์กับอาการแปลก ๆ จนคล้ายว่าจะตั้งท้อง จนถึงวันอาทิตย์ที่จู่ ๆ ก็กลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงเช่นเดิม มิหนำซ้ำยังกลายกลับคืนไม่ได้อีก ชริณจนปัญญากับเรื่องนี้จริง ๆ
   “อยากเข้าไปนอนด้วยกันไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม หลังเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้เขาต้องเข้าบริษัททำงานไปอีก จะลาอีกก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่ได้โบนัสพักร้อน
   เจ้าจิ้งจอกน้อยได้มองหน้าชริณอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดจาและไม่มีท่าทีจะลุกตามชริณเข้าห้องนอนมา ชายหนุ่มได้ถอนหายใจอย่างลำบากใจ สงสารก็สงสาร เรื่องเมื่อวานก็ยังไม่ปรับความเข้าใจกัน มีเรื่องนี้เข้ามาแทรกอีก
   เราสบตากันครู่หนึ่ง ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาจะมีข้อความมากมายที่อยากบอกให้ชริณได้รับรู้ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พูด เล่าเรื่องราวผ่านสายตาเศร้า ๆ ออกมาเท่านั้น เพราะอยู่ในร่างสัตว์ พูดจาภาษามนุษย์ไม่ได้ ขีดกำจัดของร่างกายมันก็มี ทำอะไรก็ไม่เทียบเท่ากับตอนอยู่ในร่างมนุษย์อยู่แล้ว
   “งั้นถ้าอยากเข้ามานอนก็มานะ ประตูไม่ได้ล็อก” ชริณว่าสั้น ๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เจ้าจิ้งจอกน้อยอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง

   หากมีปาฏิหาริย์....ชริณก็อยากขอให้เจ้าจิ้งจอกกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้เหมือนเดิม....
   เช้าแห่งการไปทำงานก็เวียนมาถึงอีกจนได้ เป็นวันที่ชริณก็ไม่อยากตื่นมากที่สุด ข้างกายของเขาไร้เงาของเจ้าจิ้งจอก เป็นอันรู้กันว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้ามานอนในห้องทั้งคืน ชายหนุ่มจึงยืดเส้นยืดสาย ลุกขึ้นออกไปเช็กข้างนอก ภาวนาขอให้วันนี้สถานการณ์ทุกอย่างกลับคืนปกติ
   ทว่าทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งนั้น ภาพที่ชริณเห็นคือภาพของเจ้าจิ้งจอกน้อยกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา ขดตัวเป็นวงกลม กกกอดตัวเองเอาไว้
   “เดี๋ยวจะรีบกลับมานะ ข้าว น้ำเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว ไม่ต้องเครียด ไม่ทิ้งหรอก”
   ก่อนจะออกไปทำงาน ชริณก็พูดคุยกับเจ้าจิ้งจอกอย่างเช่นทุกที เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้ มันกำลังคิดเรื่องอะไรบ้าง ภายใต้แววตานิ่ง ๆ นั่น แต่ชริณต้องรีบบอกมันไว้ก่อนว่าจะไม่มีทางทิ้งเด็ดขาด เคยเอ่ยปากให้สัญญาอะไรไว้ เขาก็จะรักษาคำนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนหรือสัตว์ก็ตาม...
   “ไปแล้วนะ ดูแลบ้านดี ๆ ด้วย”
   “.....” เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้ส่งเสียงร้องตอบกลับ หรือทำท่าทางร่าเริงอย่างเช่นทุกวัน แต่กลับมองหน้าชริณนิ่ง ๆ มอง...จนอีกฝ่ายอยู่ไกลสุดสายตา

   “สรุปไปบ้านชริณ ซังนะ สะดวกใช่ไหม”
   “บ—บ้านผมเหรอครับ”
   “อา...ไม่สะดวกงั้นเหรอ”
   “สะดวกครับหัวหน้า แต่ว่า....”
   “แต่ว่า?”
   “ป—เปล่าหรอกครับ สามารถมาได้” สุดท้ายชริณก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป เพราะหากพูดไป ทุกคนคงมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่เขากำลังเกรงใจเจ้าจิ้งจอก สภาพจิตใจและอารมณ์ของมัน คงไม่ได้อยู่สภาพพร้อมที่จะรับแขกเท่าไรนัก ขนาดตอนอยู่กับเขา หน้ายังไม่ค่อยอยากจะมองเลย
   “ไปได้แน่นะ”
   “ได้ครับ” ชริณยืนยัน
   “งั้นก็ตามนั้นแล้วกัน”
   “ครับ หัวหน้า”
   เหตุมันเกิดที่ว่าหัวหน้าแผนกเขาอยากจะเลี้ยงวันเกิดของเจ้าตัว ครั้นจะไปนั่งกินที่ร้านอาหารก็ไม่เหมาะเท่าไรนัก เพราะเราค่อนข้างเสียงดัง ขี้โวยวาย เวลาแอลกอฮอล์เข้าปาก จึงไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัท จึงตัดสินใจหาบ้านใครสักคนกินเลี้ยงกันดีกว่า ปรากฏว่าหวยมาลงที่บ้านของชริณ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่มีครอบครัว บ้านอยู่ห่างไกลจากครัวเรือนอื่น
   มติเป็นเอกฉันท์ว่างานเลี้ยงวันเกิดของหัวหน้า จะใช้บ้านชริณเป็นสถานที่จัด ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้หวงอะไร แต่มาติดตรงรู้สึกว่าเกรงใจเจ้าจิ้งจอกนี่แหละ ถึงได้ทำให้เขาหนักใจจนถึงตอนนี้
   “สรุปบ้านมึงได้แน่นะ” หลังจากที่เราแยกย้ายกันแล้ว เป็นอันเข้าใจว่าจะมาเจอกันที่บ้านของชริณหลังเลิกงาน เมฆก็เดินมาคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว อีกฝ่ายคงเดาจากสีหน้าชริณออกว่าเขากำลังมีเรื่องหนัก
   “ได้ ๆ”
   “สีหน้ามึง....”
   “กูแค่เกรงใจเขา”
   “อ๋อ...คนนั้นของมันอะนะ งั้นให้กูไปคุยกับหัวหน้าให้ใหม่ไหม เอาห้องกูก็ได้ แต่ให้เบาเสียงลงกว่าปกตินิดหน่อย” เมฆเสนอความคิด
   “ไม่เป็นไรหรอก เอาบ้านกูนี่แหละ”
   หลังจากเลิกงานเสร็จ ทุกคนที่จะมากินเลี้ยงในวันนี้ก็ต่างแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันไป บางส่วนก็ไปซื้อของที่ทำกินกันวันนี้ ส่วนชริณเองก็ต้องรีบกลับบ้าน ไปเคลียร์พื้นที่ให้กว้างพอและบอกเจ้าจิ้งจอกด้วยว่าวันนี้มีแขกมาบ้าน เขาล่ะกลัวใจเหลือเกินว่ามันจะหงุดหงิด ไล่งับทุกคนเหมือนตอนที่ทำกับซากุระคราวนั้น
   ชริณมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ เมื่อเปิดประตู เจ้าจิ้งจอกก็มองเขาอย่างตื่น ๆ ดูเหมือนมันเองก็คงตกใจเหมือนกันที่เขากลับบ้านเร็ว เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่ชริณมองคือถาดข้าว ถาดน้ำของเจ้าจิ้งจอก มันพร่องไปแค่นิดเดียว เมื่อเช้าชริณใส่อาหารเม็ดให้จนพูนถาด
   “กินข้าวน้อยจัง” เขาว่าพร้อมกับเดินไปลูบหัวเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเช่นทุกที
   “.....”
   “ยังไม่หายซึมอีกเหรอ ไม่ต้องเครียด ๆ” ยิ่งเห็นท่าทางซึม ๆ ของเจ้าจิ้งจอกน้อย ชริณก็ยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่ ปกติเขาเคยชินที่อยู่กับความร่าเริงของเจ้าจิ้งจอกน้อย มากกว่าจะได้เห็นเช่นนี้ ยอมรับเลยว่าไม่ชิน
   “อืม...เจ้าจิ้งจอกวันนี้จะมีคนมาบ้านนะ อย่าไปกระโดดงับเขาอีกรู้ไหม แบบนั้นมันไม่น่ารักเลย” เมื่อนึกได้ว่าวันนี้กลับบ้านเร็วทำไม เขาก็รีบพูดคุยกับเจ้าจิ้งจอกทันที ต้องบอกก่อน ไม่รู้ว่ายามมันอยู่ในร่างจิ้งจอกจะรู้ทุกคำที่ชริณพูดไหม แต่เขาก็ต้องบอกมันไว้ก่อน
   เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไรหรือแสดงความไม่พอใจอะไรออกมา ชริณก็ปลีกตัวไปล้างจาน เก็บข้าวของ เสื้อที่พาดไว้อยู่บนโซฟาให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่กลุ่มเพื่อนร่วมงาน ร่วมแผนกจะเดินทางมาถึง

   เฮ!!
   เสียงแก้วกระทบกันเคล้ากับเสียงเฮของเหล่าเพื่อนร่วมงาน เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีชนแก้วกันเสียที งานนี้ไม่ได้มีแต่แผนกของชริณที่มาที่บ้าน แต่รวมไปถึงซากุระที่อยู่แผนกบัญชีก็มาร่วมงานด้วย เพราะสนิทชิดเชื้อกับเจ้าของวันเกิดอย่างหัวหน้า
   โชคดีที่บริษัทของชริณไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากนัก หลังเลิกงานเราจะไม่มีการพูดเรื่องงานอีก เพื่อเพิ่มความเครียดให้กับใครคนใดคนหนึ่งอีก ทำงานคือทำเต็มที่ ตรงต่อเวลา เลิกงานปุ๊บทุกอย่างคือจบ นอกเวลางานคือการใช้ชีวิตส่วนตัว หัวหน้าแผนกชริณก็เป็นกันเอง ทำให้ยามเราอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครเคอะเขิน ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
   “กินกันเยอะ ๆ เลยนะทุกคน มื้อนี้ไม่อั้น มีของเต็มที่” หัวหน้าแผนกพูด
   “รับทราบครับ/รับทราบค่ะ”
   “ดื่มให้หมดแก้วสิชริณ คุง” คราวนี้หัวหน้าหันมาพูดกับชริณที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดและเป็นเจ้าของสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์
   “ค..ครับ” ชริณรับปาก ก่อนจะยกแก้วสาเกดื่มจนหมดจอก
   ตอนนี้เหล่าพนักงานร่วมแผนกรวมถึงคนอื่นอยู่ในบ้านชริณห้าหกคน โชคดีที่บ้านเดี่ยวของเขาไม่ได้ใหญ่และแคบจนเกินไป ทำให้เราสามารถนั่งล้อมวงรอบโต๊ะญี่ปุ่นร่วมกันได้ไม่อึดอัดและหลาย ๆ คนเราก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
   การเลี้ยงสังสรรค์ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันชริณก็เหลือบไปมองเจ้าจิ้งจอกที่กำลังนอนแนบไปกับพื้นบ้านเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่เพื่อนทยอยเข้ามาบ้าน สิ่งเดียวที่ชริณปวดหัวมากที่สุดก็คือเรื่องราวระหว่างซากุระและเจ้าจิ้งจอกน้อย…
   แม้ครั้งนี้เจ้าจิ้งจอกจะไม่ได้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับซากุระ เพราะมัวแต่เศร้าเรื่องตัวเองอยุ่ แต่หญิงสาวก็แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนชริณต้องพูดยืนยันว่าเจ้าจิ้งจอกคงไม่ได้ไม่ชอบหน้าเธอ มันก็แค่ไม่ชอบกลิ่นหอมที่ติดตัวหญิงสาวเท่านั้น แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไร พยายามจ้องเจ้าจิ้งจอกเป็นระยะ ๆ จนมันเลิกสนใจเรื่องของตัวเองและจ้องเธอตาไม่กะพริบแทน
   “อืม...เจ้าจิ้งจอกตัวนี้ชริณ คุงเลี้ยงมันมานานแล้วเหรอ” ระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งดื่ม สนทนาอย่างออกรสชาติ หัวหน้าแผนกก็ชวนชริณพูดคุยต่อ
   “ไม่นานเท่าไรครับ ยังไม่ครบปีเลย” ชริณว่า
   “เป็นจิ้งจอกป่า?”
   “ประมาณนั้นครับ ตอนผมเจอเจ้าจิ้งจอกครั้งแรก ผมเห็นมันกำลังคุ้ยขยะอยู่ ตัวของมันผอมกะหร่องมากเลย สงสารเลยหาอาหารให้กิน มันก็เลยมาอยู่ด้วยจนถึงตอนนี้นี่แหละครับ” ชริณว่า ย้อนกลับไปตอนที่เขาเจอเจ้าจิ้งจอกครั้งแรก มันน่าสงสารจริง ๆ ตัวที่ผอมกะหร่อง ผอมจนเห็นกระดูกซี่โครงชัดเจน ยังเป็นภาพติดตาชริณจนถึงทุกวันนี้
   “แล้วไม่กลัวเหรอ”
   “ครับ?”
   “อ้าว...ชริณ คุงไม่เคยได้ยินตำนานปิศาจจิ้งจอกของญี่ปุ่นเหรอ น่ากลัวไม่หยอกนะ” หัวหน้าถามหน้ายิ้ม
   “อ๋อ...ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอกครับ” เขาโกหกคำโต....ใครว่าชริณไม่เชื่อเรื่องพวกนี้กันเล่า
   จริง ๆ ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่ออะไรพวกนี้หรอก แต่พอเจ้าจิ้งจอกน้อยแสดงสิ่งที่เหนือธรรมชาติให้เห็นเป็นขวัญตา ทำให้ชริณรู้เลยว่าสิ่งที่ไม่เห็นใช่ว่ามันจะไม่มี...
   งานเลี้ยงมีเริ่มก็ต้องมีเลิกรา พรุ่งนี้ยังเป็นวันปกติที่เราต้องไปทำงานกัน ทำให้เราทั้งหมดจะอยู่ดึกกันไม่ได้ เมื่อได้เวลาที่พอเหมาะแล้ว ไม่ถือว่าดึกมาก ทุกคนก็พร้อมใจกันจะกลับบ้าน แต่ก่อนที่จะไป บางคนก็ขอใช้ห้องน้ำก่อน ซึ่งชริณก็ไม่มีปัญหาอะไร
   “ชาริน ซังคะ”
   “ครับ?” ชริณหันไปตามเสียงเรียกของซากุระ
   “ขอใช้ห้องน้ำในห้องนอนได้ไหมคะ พอดีข้างนอกไม่ว่าง” หญิงสาวว่าพร้อมกับปรายตามองห้องน้ำข้างนอก เพื่อยืนยันว่ามันไม่ว่างจริง ๆ
   “อ๋อ ได้ครับ เข้าไปในห้องนอนจะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ”
   “ขอบคุณมากค่ะ” ซากุระว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเข้าไปห้องนอนชริณ เพื่อไปให้ห้องน้ำอย่างที่เจ้าตัวบอก
   “ชริณ...เขาอยู่ไหนวะ” หลังจากพูดคุยกับซากุระแล้ว ชริณก็หันมาคุยกับเจ้าเมฆต่อ อีกฝ่ายเอ่ยถามเขาพร้อมกับชะโงกหน้ามองนั่นนี่ไปเรื่อย ราวกับว่ากำลังจับผิดกัน
   “เขาไหน?” ชริณทำหน้างง
   “ก็แฟนมึงไงเล่า”
   “อะไรของมึงเนี่ย อยากเจอขนาดนั้นเชียว”
   “ก็เออสิวะ กูหวังลึก ๆ นะเนี่ยว่าวันนี้จะได้เจอกัน”
   “เขา....ก็มีครอบครัวของเขาไหมวะ เวลาส่วนตัวของเขา จะให้อยู่กับกูตลอดเวลาเลยหรือไง” วันนี้ชริณโกหกไปนับครั้งไม่ถ้วน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปหนาเหลือเกิน ครั้นจะชี้เจ้าจิ้งจอกที่นอนสิ้นอาลัยตายอยากอยู่มุมบ้านแล้วว่านี่คือคนรัก ก็กลัวว่าเพื่อนจะเป็นลมไปเสียก่อน
   “เสียดาย โอกาสจะมาบ้านมึงก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ”
   “เออน่า ครั้งหน้ายังไม่สาย ไม่เลิกง่าย ๆ หรอก” ชริณว่า
   “เออ ๆ งั้นกูกลับล่ะ เจอกันที่ทำงานมึง”
   “เออ กลับบ้านดี ๆ นะเว้ย”
   “รับทราบ” ชริณโบกมือลาเพื่อนสนิท ในที่สุดก็ส่งแขกคนสุดท้ายกลับบ้านเสียที
   “อ้าวซากุระ ซัง” นึกว่าส่งทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ทว่าพอหันกลับเข้ามา ชริณก็เห็นซากุระกำลังยืนมองเขาอยู่พอดี เขาลืมเสียสนิทว่าเธอขอเข้าห้องน้ำในห้องนอนเขา
   “ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ฉันบังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณและเมฆ ซังเข้าพอดร ว่าแต่ว่าชาริน ซัง.... มีคนรักแล้วเหรอคะ” หญิงสาวพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งบ้านมีแค่เขาและเธอ และเจ้าจิ้งจอกตัวป่วนที่บัดนี้กำลังซากุระตาเขม็ง
   “...ครับ” ชริณตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียงนัก
   “เมื่อไรเหรอคะ ชริณไม่ได้ชอบฉันหรอกเหรอคะ” หญิงสาวถามต่อในทันที นั่นทำให้ชริณถึงกับเงียบ อย่างที่เจ้าเมฆว่าจริง ๆ ด้วย ซากุระรู้ว่าเขาแอบมีใจให้เธอ แอบมีใจให้...ทั้ง ๆ ที่เธอมีคนรักอยู่แล้ว
   “เพราะแบบนี้ใช่ไหมคะ คุณถึงพยายามห่างจากฉัน”
   “คุณมีแฟนแล้วนะครับ พูดแบบนี้ไม่เหมาะหรอก” เขาว่า บรรยากาศระหว่างเรา เริ่มกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ
   “งั้นลองจูบฉันหน่อยค่ะ ฉันอยากพิสูจน์ว่าใจคุณยังเต้นแรงกับฉันอยู่ไหม”
   “ซากุระ ซังผมว่าคุณเมาแล้วนะครับ”
   “ไม่ค่ะ ฉันมีสติดี... ชาริน ซังเองก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอคะหรือที่ผ่านมา ฉันเข้าใจผิดไปเอง”
   “.....”
   “ช่วยลองจูบฉันหน่อยค่ะ สักครั้งหนึ่งก็ยังดี”
   “คุณมีแฟนแล้วนะครับ” ชริณพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดูเหมือนตอนนี้เธอเองก็ไม่ค่อยมีสติเท่าไรนัก ส่วนเขาเองก็พยายามคิดว่าจะสรรหาคำไหนให้เธอออกจากบ้านไป โดยไม่ทำให้รู้สึกเสียหน้าและพรุ่งนี้เรายังร่วมงานกันได้ดี
   “ตอนนี้ฉันใกล้เลิกกับแฟนแล้วนะคะ...” ซากุระโพล่งออกมา พลางถือวิสาสะจับคางชริณให้หันมาสบตาเธอดี ๆ เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย
   “ไม่ดีใจเหรอคะ ฉันเองก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน”
   “......”
   “ตอนนี้มีแค่เราอยู่กันสองคน ทุกคนก็กลับไปหมดแล้วด้วย จูบฉันหน่อยได้ไหมคะ ฉันสัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเรา” หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะให้ชริณทำตามที่เธอปรารถนา
   “ไม่ครั—“ จังหวะที่ชริณก็กำลังเอ่ยปากปฏิเสธอีกครั้ง ซากุระก็อาศัยทีเผลอประกบปากจูบเขาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่วินาที ชริณก็ตั้งสติ ผลักเธอออกทันควัน
   ซากุระจูบเขาต่อหน้าเจ้าจิ้งจอก!
   “อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับ ซากุระ ซัง ผมยังอยากรักษาความสัมพันธ์ดี ๆ กับคุณไว้อยู่....” ชริณว่า “ต่อให้ผมชอบคุณมาก ต่อให้คุณจะเลิกกับแฟนแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะง่าย ๆ นะครับ มันต้องใช้เวลา”
   “.....”
   “ที่คุณเคยถามว่าผมชอบคุณเหรอ ใช่ครับ....ผมเคยชอบคุณ รู้สึกดีกับคุณ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว”
   “.....”
   “อย่าเปลี่ยนจากความรู้สึกดีของผม เป็นความรู้สึกแย่เลยนะครับ ผมไม่อยากมองคุณไม่ดี นี่ก็เริ่มดึกแล้ว กลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวครอบครัวจะเป็นห่วงเอา” ชริณว่าด้วยประโยคยาวเหยียด เขาขีดเส้นระหว่างเธออย่างชัดเจน ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้ใจเต้นแรงกับซากุระอีกต่อไป แม้เราจะเพิ่งจูบกันเสร็จก็ตาม
   ฝั่งเจ้าจ้องจิ้งจอกน้อย มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างช็อค ๆ แม้จะเข้าใจว่าชาริน ซังเองก็ไม่ได้อยากจูบกับผู้หญิงคนนั้น แต่น้องก็ยังตกใจอยู่ไหน น้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะได้รับจูบหวาน ๆ จากชาริน ซัง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน จู่ ๆ ก็มาคว้าคอชาริน ซังไปจูบแบบนั้น
   รู้ตัวอีกทีดวงตากลมโตก็เริ่มคลอไปด้วยน้ำใสอีกครั้ง เจ็บใจที่ตัวเองทำได้แค่นั่งมองและส่งเสียงร้องประท้วง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเพราะเป็นแค่สัตว์
   “มันไม่มีอะไรนะ” หลังซากุระออกพ้นประตูไปแล้ว ชริณก็รีบมาคุยกับเจ้าจิ้งจอกทันที ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่เขารู้แค่ว่าตัวเองต้องรีบอธิบายว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่คิดว่าซากุระจะกล้าทำแบบนั้น
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเองก็เหมือนยังตกใจอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินเข้ามาใกล้ชริณแล้วเอาหัวซุกอก พยายามเอาเนื้อตัวถูไถ หวังจะให้ชริณกอด
   “ไปนอนแล้วนะ ห้องไม่ได้ล็อก” ทุกอย่างจบลงที่ชริณกอดเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ จนรู้สึกว่ามันดีขึ้น เขาถึงกลับเข้าห้องนอนและไม่ได้ล็อกประตูห้องเหมือนอีกเช่นเคย เผื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยอยากจะมานอนด้วย
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้รับคำปลอบโยนทั้งเรื่องเมื่อกี้และเรื่องที่ตัวเองยังแปลงร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ไม่ได้ น้องก็รู้สึกว่าตัวเองมีพลังบวกมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น....บางอย่างก็ค่อย ๆ แจ่มแจ้งเช่นกัน พอมาคิด ๆ ดูแล้ว บางทีสัญชาตญาณน้องอาจจะผิดพลาด บางทีน้องอาจจะไม่ท้องก็ได้ เพราะน้องไม่มีมดลูก ธรรมชาติจึงให้น้องกลายร่างไม่ได้
   กลับคืนสู่สถานะจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง
   นั่นเท่ากับทุกอย่างเคยทำมา สูญเปล่าหมดเลย ไม่ว่าเป็นความสัมพันธ์กับชริณ หรืออะไรต่าง ๆ นานาที่เคยมี ภาพบางอย่างที่เคยเลือนราง เริ่มกระจ่างชัดขึ้นมา เมื่อเห็นมุมมองของสัตว์เลี้ยง
   ยังไงเสียก็ไม่ได้เคียงข้างกับชาริน ซังหรอก เพราะน้องเป็นแค่สัตว์….
   น้องรู้สถานะของตัวเองดี...น้องรู้ว่าตัวเองไม่ใช่....ใครจะอยากได้เมียเป็นตัวประหลาดกัน น้องมันก็แค่ตัวประหลาดอย่างที่ชาริน ซังเคยว่าไว้นั่นแหละและตอนนี้ก็กลายเป็นเจ้าจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ แล้ว น้องทนไม่ได้หรอก หากต้องเห็นชาริน ซังใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น
   น้องมันโลภ...พอได้อยู่กับชาริน ซังแล้ว ก็อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขานาน ๆ  ทั้ง ๆ ที่เป็นไปไม่ได้ เคยให้สัญญาเขาไว้ตั้งแต่คราวนู้น น้องก็ต้องรักษาสัญญาเหมือนที่ชาริน ซังเคยบอกไว้เช่นกัน
    ต่อให้ท้องก็ต้องไปอยู่ดี  ยิ่งตอนนี้กลับคืนร่างไม่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่ท้องอีก แล้วน้องจะอยู่ไปทำไม ทำไมไม่กลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง น้องจำคำพูดที่เคยให้ไว้กับชาริน ซังได้ น้องต้องรักษาสัญญา...
   น้องต้องไป ก่อนที่ทุกอย่างจะถลำลึกไปกว่านี้.... เมื่อคิดได้เช่นนั้น ดวงตากลมโตก็มองไปรอบ ๆ บ้าน เพื่อหาช่องทางในการหลบหนี จะใช้ประตูอีกก็ไม่ได้ เพราะน้องไม่สามารถกลายร่างได้ ไม่มีมือเปิดลูกบิด มีแต่เท้าหน้าเท่านั้น หาช่องทางอยู่นาน ก่อนที่สายตาของเจ้าจิ้งจอกน้อยจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างครัวที่ชาริน ซังเปิดแง้ม ๆ ไปเพื่อระบายอากาศ
   มาก็มาแต่ตัว....พอจะไปก็ต้องไปแต่ตัว...

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
«ตอบ #92 เมื่อ23-07-2018 17:29:34 »

ฮรือไม่เอานะน้อง มันอันตรายนะ

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
«ตอบ #93 เมื่อ23-07-2018 20:51:58 »

โถลูก

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
«ตอบ #94 เมื่อ23-07-2018 21:36:55 »

น้อง คิดอะไรเป็นตุเป็นตะเลยลูกกกก อย่าหนีออกจากบ้านน้าาาาาาา :sad4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
«ตอบ #95 เมื่อ23-07-2018 21:42:35 »

คุณหมาป่าไปไหนมาอยู่เป็นเพื่อนน้องหน่อย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
«ตอบ #96 เมื่อ23-07-2018 22:19:31 »

 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
«ตอบ #97 เมื่อ23-07-2018 22:23:50 »

ยัยดอกซากุระ ชั้นไม่รู้จะด่าคนอย่างเธอยังไงแล้ววว  :angry2:

ชาริน ซังเห็นธาตุแท้ของนางรึยังห้ะ ว่าแล้วนางต้องมาแนวนี้

แค่ได้เห็นชื่อเธอชั้นยังรำคาญเลย พอมาทำแบบนี้ยิ่งเกลียดๆๆๆ

ไม่เสียแรงที่ด่าไปซะเยอะ 55555555555555

ไม่อยากให้น้องหนีไปเลย ถึงเราจะทีมหมาป่า แต่ก็อยากให้น้องอยู่บ้าน

หนีเข้าป่าไปไม่รู้ต้องเจออะไรบ้าง กลัวน้องเป็นอันตรายนะ อยากให้น้องใจเย็นๆ

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #98 เมื่อ26-07-2018 14:09:35 »





12


   คราวนี้ชริณก็ต้องพบกับเรื่องปวดหัวอีกครั้ง เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาหายไป....
   “เจ้าจิ้งจอกอยู่ไหน...”
   หลังจากตื่นขึ้นมา ชริณก็ลุกไปสังเกตเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเช่นทุกวัน เผื่ออีกฝ่ายจะสามารถกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้แล้ว ทว่าสิ่งที่เขาออกไปพบ กลับเจอแต่เบาะที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งเงาของเจ้าจิ้งจอก ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ในบ้าน
   นั่นทำเอาชริณถึงกับใจหาย นึกโทษตัวเองว่าทำไมพยายามเข้าใจสัตว์ได้มากกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าภายใต้ดวงตากลมโตนั่น เจ้าจิ้งจอกกำลังคิดอะไรอยู่ มันคงอึดอัดแน่ที่ไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ขนาดตอนที่เขาอยากปรึกษาเมฆเกี่ยวกับเรื่องเจ้าจิ้งจอก แต่ก็ทำไม่ได้ ชริณยังอึดอัดเลย
   หรือว่ามันยังน้อยใจที่ซากุระจูบเขา? ชริณตั้งข้อสันนิษฐาน ข้อสันนิษฐานที่ว่ามันก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะเจ้าจิ้งจอกกลายเป็นสัตว์ที่พูดไม่ได้ ทำให้เขาไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนนี้มันหายคิดโกรธหรือยัง เห็นท่าทางดีขึ้นชริณก็เลยเข้าห้องไป
   “เจ้าจิ้งจอก....” ชายหนุ่มลองเรียกอีกครั้ง ขณะเดียวกันสายตาของเขาก็เริ่มสอดส่องไปรอบบ้าน มองหาว่าเจ้าจิ้งจอกออกไปทางไหน
   เรื่องเปิดประตูออกไปเอง ตัดทิ้งไปได้เลย อยู่ในร่างสุนัขคงเปิดเองไม่ได้ ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดตรงหน้าต่างฝั่งครัว ดูเหมือนมันจะเปิดกว้างกว่าปกติ ทำให้ชริณมั่นใจได้ในทันที ว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยได้ใช้ช่องทางนี้ในการออกไปแน่ ๆ
   กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณต้องอยู่ในสภาวะต้องตัดสินใจว่าจะออกไปตามหาเจ้าจิ้งจอกหรือต้องไปทำงาน เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่า เจ้าจิ้งจอกอาจเครียดเลยไปเล่นป่าแถวหลังบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนไกล ตามที่อีกฝ่ายชอบทำอยู่เป็นประจำก็ได้ อีกทั้งถ้าวันนี้หากชริณลา มีหวังหนนี้เขาคงถูกไล่ออกแน่ เพราะวันนี้เขามีประชุมใหญ่กัน
   ขณะที่ชายหนุ่มกำลังลังเลตัดสินใจว่าจะเอายังไงกันแน่ จะออกไปตามหาหรือทำงานเสร็จค่อยหา ก็มีสายเรียกเข้าจากหัวหน้าแผนกคนเมื่อวานพอดี
   “สวัสดีครับ”
   [ชริณ คุงใกล้ถึงบริษัทยัง อีกหนึ่งชั่วโมงจะเริ่มประชุมกันแล้วนะ]
   “อ๋อครับ ผมกำลังออกไป”
   [งั้นก็เร็ว ๆ เข้าล่ะ รู้ใช่ไหมว่ามันสำคัญ]
    สุดท้ายชริณก็ต้องเลือกงานก่อน ชายหนุ่มต้องตัดใจจากเรื่องเจ้าจิ้งจอก เพราะมีงานที่ต้องรับผิดชอบ ทุกคนจะมาเดือดร้อน เพราะเขาคนเดียวไม่ได้ ชริณพยายามบอกตัวเองว่าเดี๋ยวตอนเย็นก็คงเห็นจ้าจิ้งจอกยืนสะบัดหางรออยู่หน้าบ้าน
   มันจะกล้าทิ้งเขาจริง ๆ เหรอ? ชริณคิดในใจ
   ชริณรู้ดีว่าไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาคิดในเวลางาน แต่ทั้งวันเขาแทบไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว จิตใจพะวักพะวงคิดแต่เรื่องเกี่ยวกับเจ้าจิ้งจอกอยู่ทุก ๆ สิบนาที เหม่อลอยมองนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด เพราะเจ้าจิ้งจอกเองก็ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ จะออกไปไหนทีต้องมาให้เขาเห็นหน้าก่อนเสมอ
   เจ้าจิ้งจอกจะกลับบ้านหรือยัง แค่ไปเที่ยวเล่นใช่ไหม? ชริณพยายามคิดว่าเขานี่แหละ ที่คิดมากไปเอง แต่ก็เหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่ ลางสังหรณ์บางอย่างของเขาบอกว่ามีอะไรมากกว่าการไปเที่ยวเล่นป่าหลังบ้าน…
   
   ก้าวแรกที่ยากที่สุดคือการก้าวออกนอกเขตบ้านชาริน ซัง....
   ดวงตากลมโตของสัตว์สี่ขาที่มีใจรักมนุษย์หันกลับไปมองหลอดไฟสีเหลืองนวลเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องตลกมันมีอยู่ว่าแรกพบอยากฝากชีวิตกับเขาไว้จนสิ้นลมหายใจ เพราะเขาดูแลดี ไม่ต่างจากเทวดาบนดิน หรือไม่ก็ทำภารกิจสำเร็จก็แยกทางกัน น้องคิดไว้แค่นั้นจริง ๆ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องตลก ต้องถอยออกมา เพราะทนเห็นเขาใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นไม่ได้
   ไม่มีมนุษย์คนไหนใจดีกับน้องเท่าชาริน ซังแล้ว....
   ถึงชริณจะดุ จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ในบางครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยคิดทำร้ายน้องเหมือนอย่างที่มนุษย์คนอื่นทำ ทำให้อีกฝ่ายได้หัวใจน้องไปง่าย ๆ เพราะว่าเขาอบอุ่น อ่อนโยน น้องก็อยากอยู่กับเขาไปนาน ๆ
   นี่เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่…. แต่น้องคิดว่าน้องคิดดีแล้ว หากน้องต้องอยู่ในร่างนี้ตลอดชีวิต น้องกลับคืนสู่ชีวิตที่เคยจากมาดีกว่า มันอาจลำบากไปเสียหน่อย แต่มันก็คงดีกว่าที่น้องจะต้องทนเห็นชาริน ซังใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น
   คนกับสัตว์รักกันไม่ได้ น้องต้องมองชาริน ซังในฐานะของเจ้านาย ซึ่งน้องทำไม่ได้หรอก
   ยิ่งหันกลับไปมองบ้านเล็ก ๆ ของชาริน ซังนานเท่าไร ยิ่งทำให้รู้สึกว่าขาที่จะก้าวไปต่อจากนี้ หนักอึ้งมากขึ้นเท่านั้น ชาริน ซังไม่ผิดอะไรเลย เขายังเป็นเทวดาของน้องเหมือนเดิม มีแต่น้องนี่แหละที่ละโมบอย่างได้มากกว่านั้นและน้องจะเป็นฝ่ายเดินจากไปเอง
   เจ้าจิ้งจอกน้อยยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อตั้งสติ ก่อนจะตัดสินใจเดินหายเข้าไปในความมืดของหมาป่า น้องยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะไปไหน ไร้จุดมุ่งหมาย น้องรู้เพียงแค่ว่าจนอยู่ไกลจากบ้านชาริน ซังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
   น้องไม่ได้อยากทิ้งชาริน ซัง แต่น้องมองชารินเป็นของคนอื่นไม่ได้จริง ๆ....

   ทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องที่เขาคิดไปเอง….
    ไม่มีหรอกก้อนขนสีน้ำตาลแดงยืนรออยู่หน้าบ้าน รอเขากลับจากที่ทำงาน....เจ้าจิ้งจอกน้อยทิ้งชริณไปจริง ๆ ไม่ได้แค่ไปเที่ยวเล่นเหมือนอย่างเคย
   ชายหนุ่มที่กับถึงชะงัก เมื่อเห็นหน้าบ้านของตัวเองว่างเปล่า ความหวังอันน้อยนิดที่เขาใช้ปลอบตัวเองตลอดทั้งวัน เพื่อให้มีกระจิตกระใจทำงาน พังทลายลงในพริบตา เมื่อกลับบ้านมาก็ไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าจิ้งจอกน้อยที่มักจะนั่งรอหน้าประตู
   จากที่คิดว่าจะรอจนแน่ใจว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยหายไปแน่ ๆ ถึงจะค่อยตามหา กลับกลายเป็นว่าเมื่อเข้ามาในบ้านชริณคว้าเอากระเป๋าเป้ หยิบขวดน้ำ ของใช้จำเป็นที่สามารถใช้ได้ยามเข้าป่าลงกระเป๋า เพราะเขารอให้ถึงเวลานั้นไม่ไหวแล้ว อีกฝ่ายหายไปตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้ยังไม่โผล่หัวมา มันแปลกเกินไป
   ในที่สุดชริณก็ตัดสินใจเข้าป่าเพื่อตามหาเจ้าจิ้งจอก ป่าทึบหลังบ้าน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ชริณเคยเข้าไปแค่สองสามครั้งเอง การเข้าป่าครั้งนี้จึงมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะเข้าไปอยู่ดี อย่างน้อยชริณก็ควรลองเสี่ยง เพราะมันอาจได้เพิ่มโอกาสที่เขาจะได้เจอเจ้าจิ้งจอกมากกว่าการที่นั่งรออยู่บ้านเฉย ๆ
   จากการสังเกตเจ้าจิ้งจอกเองก็ไม่ได้กินอาหารเม็ดหรือจิบน้ำมากมาย หากในป่าหาอาหารยาก ชริณก็คิดว่าเรี่ยวแรงของมันก็คงไม่ได้นำพามันไปไกลจากบ้านเขาเท่าไรนัก
   ขอให้การเข้าป่าครั้งนี้ ชริณโชคดี...

   แอ๊!
   เสียงร้องของเจ้าจิ้งจอกและเสียงฝีเท้าเล็กดังสลับไปมาเป็นระยะ ๆ ดวงตากลมโตฉายแววความสนุกสนาน ขณะที่สับส่ายสะโพกหยอกล้อกับคุณหมาป่า ที่เผอิญเจอกันอีกครั้งในป่าใหญ่พอดี
   จากที่ทุนเดิมคุณหมาป่าดูเป็นสัตว์เข้ม สุขุมอยู่แล้ว คราวนี้คูณเข้าไปอีกสิบเท่า อีกฝ่ายมองเจ้าจิ้งจอกน้อยไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างใช้ความคิด ไม่มีท่าทีหยอกล้อเหมือนอย่างเคย ทำเอาสัตว์ที่เพิ่งหนีออกจากบ้านมา ถึงกับเลิกเล่นและหยุดมองด้วยความเป็นห่วง
   เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงคอมองคุณหมาป่าอย่างฉงน ยิ่งเห็นคุณหมาป่าสบตากลับอย่างนิ่ง ๆ น้องยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ อยากจะถามว่าเป็นอะไร ถูกมนุษย์รังแกมาหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็แค่แสดงท่าทีเป็นห่วง เพราะเราไม่รู้ภาษาของกันและกัน
   น้องดีใจมากที่เข้าป่ามาก็ได้เจอคุณหมาป่าอีก เราบังเอิญเจอกันเป็นรอบที่สามแล้ว บังเอิญจนน้องเริ่มแอบแปลกใจว่านี่ใช่ความบังเอิญจริง ๆ หรือเปล่า แล้วทำไมเราเจอกันบ่อยจัง?
   แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ทุกครั้งได้พบกับคุณหมาป่า น้องรู้สึกอุ่นใจเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน การออกจากเขตของมนุษย์ น้องจะไม่เหงาอย่างที่กลัวอีกต่อไป แถมยังปลอดภัยมากขึ้นด้วย เพราะผู้ร่วมเดินทางของน้องคือหมาป่าเชียวนะ!
   เพราะเห็นคุณหมาป่านิ่งเกินไป หากไม่หายใจน้องก็คิดว่าเป็นรูปปั้น ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยเริ่มเป็นห่วงขึ้นเรื่อย ๆ คิดไปต่าง ๆ นานาว่าคุณหมาป่าอาจไม่สบาย เป็นหวัดหรือเปล่า เพราะช่วงสองสามวันก่อนหน้านี้มีหิมะตก อากาศหนาว ลมแรงเป็นระยะ ๆ มีความเป็นไปได้ที่จะไม่สบาย
    ดวงตากลมโตสังเกตไปทั่วไปใบหน้าของคุณหมาป่ารูปหล่อ มองหาบาดแผล มองจมูกตรวจดูน้ำมูก แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ยิ่งทำให้น้องงงไปใหญ่ว่าคุณหมาป่าเป็นอะไร ทำไมถึงจ้องแต่หน้าน้องเล่า!
   คราวนี้เจ้าจิ้งจอกก็เริ่มใช้หัวตัวเองซุกที่แผงอกของคุณหมาป่าบ้าง น้องจำวิธีนี้มาจากชาริน ซัง จริง ๆ น้องต้องเอาเท้าหน้าแตะ ๆ หน้าผากคุณหมาป่าเพื่อวัดอุณหภูมิ แต่เพราะคุณหมาป่าตัวสูงเกินไป น้องถึงต้องใช้วิธีเอาหัวซุกแผงอกอีกฝ่ายแทน
   มันก็น่าจะแทน ๆ กันได้นะ
   แอ๊ะ!  เจ้าจิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องอีกครั้ง เมื่อจังหวะที่กำลังจะสวมบทเป็นคุณหมอจำเป็น จู่ ๆ คุณหมาป่าก็ก้มมาเลียหัวน้อง จนขนบริเวณที่ถูกเลียเปียกชืดไปด้วยน้ำลายของอีกฝ่าย น้องเห็นด้วยว่าอีกฝ่ายหายใจฮึดฮัดเหมือนกำลังขำ นั่นทำเอาเจ้าจิ้งจอกน้อยถึงกับจ้องคุณหมาป่าตาเขม็ง ไม่เป็นห่วงแล้ว แกล้งน้องแบบนี้แสดงว่าไม่ป่วยแน่นอน!
   หลังจากที่สัตว์สองสายพันธุ์พักเล่นกันพอให้หายเหนื่อย เราก็เริ่มเดินทางต่อ เจ้าจิ้งจอกน้อยแอบแปลกใจเล็กน้อยที่คุณหมาป่ายอมเดินตามกันมา โดยไม่มีท่าทางลังเลเลย คุณหมาป่าไม่รู้เหรอ ว่าน้องกำลังเดินทางแบบไร้จุดมุ่งหมาย ถึงได้เดินตามกันอย่างไม่ลังเลเช่นนี้ จวบจนกระทั่งดวงตะวันจะตกดินแล้วก็ตาม คุณหมาป่าก็ยังเดินตาม พร้อมผจญภัยกับน้องอยู่ดี
   ป่านนี้ชาริน ซังคงถึงบ้านแล้ว....
   วูบหนึ่งในความคิด ทำให้สี่เท้าที่กำลังย่ำเดินทางต่อถึงกับหยุดชะงักไป เพราะคิดไปถึงเรื่องราวของเทวดาของตนเอง อีกไม่กี่ชั่วโมง จะครบหนึ่งวันที่น้องตัดสินใจออกจากบ้านที่แสนอบอุ่นนั่น ป่านนี้ชาริน ซังจะรู้ยัง? จะตามหาน้องไหม? จะเป็นห่วงน้องหรือเปล่า? คำถามสองสามประโยคนี้ดังขึ้นในใจน้องหลายร้อยครั้ง
   น้องไม่ได้อยากให้ชาริน ซังตามหาหรอก ในป่านี้ไม่ใช่ที่สำหรับมนุษย์ ยุงก็เยอะ ขนาดสัตว์ป่าอย่างน้องที่เกิดและเติบโตมาที่นี่ยังใช้ชีวิตลำบากเลย แล้วนับประสาอะไรกับชาริน ซังคนดีของน้องเล่า หากตามเข้ามาในป่าคงลำบากมากกว่าน้องไม่รู้กี่สิบเท่า
   แต่ที่เกิดคำถามขึ้นในใจซ้ำ ๆ แทบทุกเวลาขนาดนี้ น้องก็แค่อยากรู้ว่าหากน้องหายไป ชาริน ซังจะเป็นห่วงกันไหมก็เท่านั้นเอง….
   จวบจนดวงตะวันใกล้ตกดินแล้ว น้องยังเดินทางไปได้ไม่ถึงไหนเลย เพราะกินอาหารเม็ดมานิดเดียว ไม่มีเสบียง แถมช่วงนี้ยังรู้สึกเหนื่อยง่าย ทำให้น้องมีแต่เดินแล้วหยุด เดินแล้วหยุดเป็นระยะ ๆ จึงกลายเป็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยเดินทางได้ช้ากว่าที่คิดไว้
   พ้นเขตบ้านของชาริน ซังได้ไม่เท่าไรเอง....
   ฝั่งหมาป่าหนุ่มที่เดินตามเจ้าจิ้งจอกประหลาดอย่างเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะถามว่าอีกฝ่ายเดินทางไปไหน ก็มองแผ่นหลังสัตว์ที่เล็กกว่าอย่างใช้ความคิด ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่สิ่งที่ได้เห็นกับตาคราวนั้นก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
   จริง ๆ จะว่าเจ้าจิ้งจอกเป็นสัตว์ประหลาดก็ไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะเขาเองก็กลายร่างได้เหมือนกัน...
   ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตั้งแต่วันแรกเขาก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้าจิ้งจอกตัวนี้อย่างบอกไม่ถูก จากที่เคยมองจิ้งจอกทุกตัวเป็นอาหารอันโอชะของตัวเอง พอมาเจอเจ้าจิ้งจอกช่างอ้อนตัวนี้ กลับลงมือฆ่าไม่ลงเสียอย่างนั้น คงเพราะเขาไม่อยากให้ป่าดูชีวิตชีวามั้ง ถึงเลือกที่จะไว้ชีวิตอาหารตัวนี้ไว้ ไม่คิดแม้แต่จะทำร้าย เพราะมองเจ้าจิ้งจอกแดงประหลาดตัวนี้ร่าเริงเหมือนผีเสื้อ
   เพราะแปลกแยกจากฝูง มีเลือดของมนุษย์อยู่ครึ่งตัว ทำให้หมาป่าหนุ่มเลือกที่จะออกจากฝูงมาใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง ตอนแรกการใช้ชีวิตปราศจากฝูงก็เหมือนขาดแขน ขา หู ตาให้กันก็ดูจะลำบากหน่อย แต่พอเริ่มปรับตัวได้ ทุกอย่างก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เขาสามารถใช้ชีวิตเพียงลำพังในป่านี้ได้
   เขาเองก็ไม่แน่ใจความรู้สึกที่มีต่อเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เท่าไร เหมือนจะเป็นแค่ความเอ็นดู แต่ในขณะเดียวกันก็ดูมากกว่านั้น เขาแอบเฝ้ามอง สะกดรอยตาม มองดูชีวิตความเป็นอยู่กับเจ้าจิ้งจอกตัวนี้มาสักพัก ก่อนจะได้ล่วงรู้ความลับของอีกฝ่ายว่านอกจากจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว เจ้าตัวเล็กยังใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อีกด้วย ถึงได้หายเข้าไปในบ้านหลังนั้น
   ความรู้สึกที่ต้องจ้องมองเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ โอบกอดผู้ชายคนนั้นผ่านหน้าต่างขึ้นฝ้า เหมือนจะเจ็บปวด เพราะเผลอมีใจให้สัตว์หน้าขนเหมือนกัน แต่ก็ไม่... ทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด ไม่ได้เกลียดที่ต้องเห็นภาพ แต่ถ้าเลือกได้ เขาก็ไม่อยากเห็น อาจเพราะเขาไม่ได้รู้สึกดีขนาดนั้น ก็แค่ชอบ อยากเดินเคียงข้าง พอไม่ได้สิ่งที่ปรารถนาก็ผิดหวังเล็กตามกฎของธรรมชาติ
   เขาไม่รู้เหมือนกันทำไมเจ้าจิ้งจอกถึงออกมาจากบ้านหลังนั้นในยามวิกาล ด้วยความเป็นห่วง จึงตัดสินใจออกมาจากที่สังเกตการณ์ ปรากฏตัวเดินเคียงข้างอย่างที่เคยปรารถนาไว้เสียเลย เพราะเท่าที่ดู หมาป่าหนุ่มคำนวณว่าแล้ว ตัวเล็กแค่นี้ แต่คิดจะผจญภัยในป่าอันตราย ไม่ถึงหนึ่งวันก็คงได้พลีชีพกลางป่าเขานี้แน่
   
   ฝั่งมนุษย์อย่างชริณก็ตบเท้าเข้าป่าอย่างไม่ลังเล คราวนี้ชายหนุ่มลองทำตามเจ้าจิ้งจอกดูบ้าง เขาปล่อยให้สัญชาตญาณของตัวเองเป็นตัวนำทาง
   ในการเดินทางครั้งนี้อย่างที่เคยบอก เขาไม่คุ้นชินกับเส้นทางในป่านี้เท่าไรนัก เคยเข้ามาในป่านี้เพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นเขาจึงประมาทไม่ได้ ทุกครั้งที่ผ่านต้นไม้หนึ่งต้น ชริณจะใช้เศษผ้าเล็ก ๆ ที่เตรียมมาจากบ้าน ผูกที่กิ่งของมันไว้ตลอด พอจะกลับค่อยทยอยแก้ เก็บกลับบ้าน
   ในป่าไม่ใช่ที่ของชริณจริง ๆ ...   
   เคยคุ้นชินกับความสะดวกสบายของมนุษย์มาโดยตลอด พอต้องเข้าป่าแบบไม่ทันได้เตรียมใจ ไหนจะต้องคอยผูกผ้าตามต้นไม้ที่เดินผ่านมาแล้ว ชริณยังต้องคอยระวังพวกยุงป่าอีกด้วย เพราะนิสัยดุร้ายใช่ย่อย
   มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้พบเจ้าจิ้งจอกอีกครั้ง เพราะผืนป่าแห่งนี้มันกว้างใหญ่มาก ไหนจะไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกไปทางไหนอีก แต่ถึงอย่างนั้นชริณก็ขอลองสักตั้ง ดีกว่านั่งรออยู่บ้านเฉย ๆ สองขาก้าวย่ำแข่งกับเวลา เขาต้องรีบหาและออกไปจากป่านี้ก่อนที่ดวงตะวันจะตกดิน
   “เจ้าจิ้งจอกกกกกกกกกกก อยู่ไหน” ขณะที่กำลังเดินเท้า ผูกผ้าไปด้วย ชริณก็ตะโกนหาสิ่งที่ตัวเองตามหา มันคิดอะไรอยู่ถึงได้หนีออกมา ไม่รู้เหรอว่าชริณเป็นห่วงแค่ไหน
   ตอนนี้ชริณกำลังไม่เข้าใจเจ้าจิ้งจอก ทำไมมันถึงทำกับเขาแบบนี้ กล้าดียังไงถึงจะมาทิ้งเขา มาขออยู่ด้วยแล้วยังทิ้งเขาเหรอ ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว เขาว่าเขาบอกมันแล้วนี่ ว่าต่อให้มันจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ เขาก็พร้อมจะดูแลแล้วตามคำสัญญา
    แต่แล้วทำไมมันถึงหนีเขา หรือเจ้าจิ้งจอกมองว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว สนใจแต่ความสุขตัวเอง ตักตวงเอาแต่ความสุข พอหมดประโยชน์ก็เลิกสนใจอย่างงั้นเหรอ?
   “น้องงงงงงงงงงงงงงง” ชริณตะโกนเรียกหาอีกครั้ง พร้อมกับกวาดสายตามองรอบบริเวณที่ตัวเองยืนอยู่ แต่ก็ไร้เงาของสิ่งมีชีวิต
   “เจ้าตัวแสบ อย่าให้เจอตัวแล้วกัน ก้นลายแน่” แม้จะยังไม่เจอตัว ชริณก็คาดโทษไว้แล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่จุดที่เขากำลังยืนอยู่ ชริณก็เดินไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ จากข้อสันนิษฐานเจ้าจิ้งจอกกินอาหารเม็ดนิดเดียว น้ำก็พอแตะ ๆ ไม่ให้กระหาย ชริณว่ามันคงไปได้ไม่ไกลหรอก
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกที่กำลังย้ำเท้าเดินไปข้างหน้า เมื่อได้ยินความถี่ของเสียงคล้ายชาริน ซังก็ถึงกับหูตั้งทันที สี่เท้าที่กำลังออกเดินทางหยุดชะงักชั่วขณะ ยืนรอฟังเสียงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ เผื่อจะหูฝาดไป
   “น้องงงงงงงงงงงงงงง” ชัดเจนเลยเสียงชาริน ซังจริง ๆ ด้วย น้องไม่ได้หูฝาด!
   สี่เท้าถึงกับกลับหลังหันตามสัญชาตญาณทันที ชาริน ซังเรียกก็ต้องรีบไป อีกฝ่ายเข้าป่ามาตามหาน้องจริง ๆ ด้วย อยากจะรีบวิ่งหนี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงชาริน ซังจับใจ ท้องฟ้ามืดลงทุกที อีกฝ่ายจะกลับบ้านยังไง จะออกจากป่าได้ไหม โดนเจ้ายุงร้ายกัดหรือเปล่า คำถามที่แสดงถึงความเป็นห่วงเทวดาตัวเองมากมายเกิดขึ้นในใจเจ้าจิ้งจอกน้อยทันทีที่เขาเรียกหา
   น้องต้องรีบไปหาชาริน ซัง เทวดาของน้องจะเดือดร้อนเพราะน้องไม่ได้!
   จังหวะที่กลับตัวเตรียมจะวิ่งไปตามเสียงเรียกของชาริน ซัง คุณหมาป่าผู้เป็นเพื่อนร่วมเดินทางของน้อง ก็เอาตัวมาขวางไว้ทันควัน เหมือนจะไม่ยอมให้ไปหาชาริน ซังอย่างไงอย่างงั้น
    ดวงตากลมโตของเจ้าจิ้งจอกแสดงความดื้อรั้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อถูกขัดใจเข้าหน่อย ไหนจะเท้าหน้าที่กระทืบไปมาบนพื้นดิน เหมือนเด็กกำลังถูกขัดใจ ทำเอาหมาป่าหนุ่มกับถึงนึกขัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะยอมให้กลับไปหามนุษย์ผู้นั้นง่าย ๆ
   ทำไมเหล่าสัตว์ทั้งหลายถึงชอบเข้าใกล้มนุษย์นัก ไม่เห็นว่าเขามองชีวิตสัตว์ป่าน้อยใหญ่เป็นแค่ของเล่น คิดจะทำอะไรก็ทำเพื่อความสะดวกสบายของชีวิตกลุ่มตัวเอง ไม่สนว่าชีวิตน้อยใหญ่ในป่าจะเสียหายแค่ไหน
   เขาไม่รู้หรอกว่าสาเหตุใดที่ทำให้เจ้าจิ้งจอกหนีเข้าป่ามา แต่ถ้าคิดจะหลุดพ้นจากพวกมนุษย์แล้วก็ต้องอย่าใจอ่อนอย่างเช่นตอนนี้ เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน!
   แอ๊!
   เสียงเจ้าจิ้งจอกน้อยดังขึ้นอีกครั้ง พยายามถูกขัดใจเข้า น้องจะไปหาชาริน ซัง ทำไมคุณหมาป่าไม่ยอมให้ไป พอจะเดินไปทางซ้ายก็เอาตัวมาขวาง จะเดินไปทางขวาก็ยังเอาตัวมาขวางอีก น้องชักจะโมโหแล้วนะ!
   “เจ้าจิ้งจอกกกกก อยู่ไหน” เสียงของชาริน ซังใกล้เข้ามาทุกที ทำเอาน้องถึงกับหูตั้ง ดวงตากลมโตมองไปข้างหลังคุณหมาป่าทันที อีกหน่อยชาริน ซังต้องมาเจอน้องแน่ แต่น้องต้องแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน ฝั่งคุณหมาป่าเองเมื่อได้ยินเสียงของมนุษย์ก็เริ่มฟึดฟัดในลำคอ เหมือนกำลังหัวเสีย ทำเอาเจ้าจิ้งจอกน้อยเริ่มหวั่นใจ กลัวอีกฝ่ายจะทำร้ายชาริน ซังของน้อง หากทั้งคู่พบกัน....
   แต่น้องขอบอกเลยว่าหากคิดจะฆ่าชาริน ต้องข้ามศพน้องไปเสียก่อน!
   เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะยอมปล่อยให้น้องไปหาชาริน ซังง่าย ๆ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มจ้องหน้าคุณหมาป่าอย่างเอาเรื่อง ในขณะเดียวกันก็กำลังคิดว่าจะฝ่าด่านนี้ไปได้ยังไง แล้วทำไมคุณหมาป่าถึงไม่ยอมปล่อยให้น้องไปหาชาริน ซัง ไม่รู้หรือไงว่าชาริน ซังของน้องใจดี ไม่ทำร้ายสัตว์นะ
   ชาริน ซังใจดีจะตาย...
   วูบหนึ่งในความคิด เจ้าจิ้งจอกน้อยก็คิดอะไรบางอย่างออกพอดี เมื่อคิดได้เช่นนั้น น้องไม่รอช้ารีบทำตามแผนการที่เคยใช้ทันที นั่นก็คือการสไลด์ตัวลอดใต้ท้องคุณหมาป่า แล้วออกตัววิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปตามเสียงของชาริน ซัง น้องรู้แค่ว่าน้องจะปล่อยให้ชาริน ซังเดือดร้อนเพราะตัวเองไม่ได้จริง ๆ
   ขอโทษที่ดื้อนะคุณหมาป่า...
   ทุกอย่างความจะจบถึงตอนแค่ที่น้องฝ่าด่านคุณหมาป่ามาได้ แต่เปล่าเลย คุณหมาป่าวิ่งตามน้องมาด้วยท่าทีฉุนเฉียว จนน้องเริ่มหวั่นว่าอีกฝ่ายพบกับมนุษย์ จะทำร้ายชาริน ซังเข้าจริง ๆ!
   
   “เจ้าจิ้งจอก!” ชริณเรียกเจ้าก้อนขนทันควัน หลังเห็นมันวิ่งหน้าตั้งมาทางเขา ชายหนุ่มทั้งดีใจและตกใจว่าทำไมมันถึงวิ่งมาแบบนั้น เหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่าง สงสัยได้ไม่นาน ทุกอย่างก็กระจ่างชัด เมื่อสิ่งที่วิ่งตามเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขามาคือหมาป่าเจ้าใหญ่!
   “เฮ้ย หมาป่า!” ชริณอุทานออกมาด้วยความตกใจ เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ชริณก็ทำได้แค่ช็อค ทำอะไรไม่ถูก เจ้าจิ้งจอกเมื่อวิ่งมาถึงเขา ก็รีบงับขากางเกงชริณแล้วออกแรงดึงทันควัน หมายจะให้วิ่งไปด้วยกัน ทว่านั่นกลับมาทำให้ชริณล้มลงกับพื้นดังปั๊ก
   “โอ้ยยย!
   แอ๊!! เสียงร้องของชริณและเจ้าจิ้งจอกน้อยดังขึ้นพร้อม ๆ กัน พอ ๆ เสียงฝีเท้าของหมาป่ามาหยุดที่ข้าง ๆ ตัวของเขา....
   ชริณที่ล้มกองกับพื้นได้สบตากับหมาป่าตัวใหญ่อย่างจัง ๆ มันน่ากลัวกว่าในหนังตั้งเยอะ แต่นั่นไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องมาสังเกตลักษณะของมัน เพราะความเป็นตายอยู่ห่างจากชริณแค่เอื้อม และเจ้าหมาป่าก็มองเขาอย่างไม่เป็นมิตร
   “เจ้าจิ้งจอกหนีไปสิ!!” ชริณถึงกับตวาดลั่น แทนที่เจ้าจิ้งจอกจะวิ่งหนีไป กลับวิ่งกลับมากระโดดถีบหน้าเจ้าหมาป่าอย่างไม่กลัวตาย
   แฮ่!
   กรรรรรรรรรรซ์!
   เสียงของสัตว์ต่างสายพันธุ์ขู่กันดังไปทั่วบริเวณ ชริณไม่เห็นหนทางที่เจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาจะชนะเลย ตัวก็เล็กจะไปสู้อะไรกับหมาป่าผู้เป็นนักล่าได้กัน ดูเหมือนฝั่งหมาป่าเองที่ไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว พอถูกเจ้าจิ้งจอกกระโดดถีบหน้าอย่างไม่เกรงตาย ทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้ายลง
   ไม่ต้องลุ้นอะไรทั้งนั้น.... ถ้าเจ้าจิ้งจอกมันคิดจะสู้ มันไม่รอดคมเขี้ยวของหมาป่าแน่ ถึงชริณก็ไม่มีทางปล่อยให้มันตายต่อหน้าต่อตาแน่นอน
   “เจ้าจิ้งจอกอย่า!” ชริณส่งเสียงห้ามพร้อมกับดึงร่างเจ้าจิ้งจอกน้อยว่าอยู่ในอาณัติของตัวเองทันควัน เมื่อเห็นว่าเจ้าหมาป่ายักษ์อ้าปากกว้างคล้ายจะฝั่งคมเขี้ยวไม่เขาก็เจ้าจิ้งจอกที่ต้องรับ  ชริณจึงรีบใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบัง เขากอดเจ้าจิ้งจอกไว้แน่น คิดว่ายังไงเสียเราก็คงไม่รอดแน่ หากต้องสู้กับหมาป่าที่ดุร้าย ตัวใหญ่เช่นนี้!
   หากจะตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ!
   “.....”   
   “.....” ชริณหลับตาปี๋ เตรียมใจรับกับความเจ็บปวดจากคมเขี้ยวหมาป่า แต่ทว่ารอจนแล้วจนเล่า ความเจ็บปวดที่เขาควรจะได้ประสบ กลับมีแต่ความเงียบตอบกลับมาแทน นั่นทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะพบว่า หมาป่าหนุ่มเดินผ่านพวกเขาไปอย่างงงๆ
   “เรารอดแล้ว...เจ้าจิ้งจอก”

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #99 เมื่อ26-07-2018 14:59:04 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
« ตอบ #99 เมื่อ: 26-07-2018 14:59:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #100 เมื่อ26-07-2018 15:36:30 »

คุณพ่อซารินปกป้องน้องด้วยนะ งื้อออ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #101 เมื่อ26-07-2018 15:47:01 »

อยากให้คุณหมาป่ามีคู่จะได้ไม่เดียวดาย

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #102 เมื่อ26-07-2018 16:02:43 »

คุณหมาป่าเท่มาก ๆ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #103 เมื่อ26-07-2018 19:43:12 »

คุณหมาป่าาาาาาา แงงงงงงง :hao5:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #104 เมื่อ26-07-2018 21:02:18 »

ศึกชิงนางก็มา  :m20:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
«ตอบ #105 เมื่อ26-07-2018 22:47:56 »

อะไรคือคุณหมาป่าก้อแปลงร่างได้ ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ   :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #106 เมื่อ28-07-2018 01:55:32 »

13
เพราะชาริน ซังปกป้องน้องด้วยชีวิตของตัวเอง น้องก็เลยยิ่งรักชาริน ซังมากขึ้นไปอีก...
   การหนีออกจากบ้านของน้องไม่สำเร็จ เพราะน้องไม่ความสุข จิตใจพะวักพะวนห่วงแต่ชาริน ซัง สุดท้ายจึงยอมกลับมาเป็นก้อนขนให้ชาริน ซังได้เลี้ยงเหมือนเดิม
   เมื่อเวลาผ่านไป.... เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มทำใจได้แล้วว่าตัวเองอาจไม่มีทางได้กลับคืนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง ตลอดชีวิตนี้ แม้จะเสียใจอยู่ไม่น้อย ต้องมองชาริน ซังในมุมมองของสัตว์เลี้ยง แต่จะให้น้องทิ้งชาริน ซังอีกครั้งก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องทำใจยอมรับสภาพของตัวเองที่ต้องเผชิญ เพราะน้องเลือกไม่ได้จริง ๆ ธรรมชาติทั้งนั้นที่เป็นฝ่ายเลือกว่าน้องจะเป็นแบบไหน
   แอ๊!
   เสียงร้องของเจ้าจิ้งจอกน้อยดังขึ้นทันควัน หลังถูกชาริน ซังกลั่นแกล้งโดยการบีบบั้นท้าย กาลเวลาผ่านไปพวงหางที่ถูกน้ำร้อนลวกคราวนั้น โดยน้ำมือของมนุษย์ใจร้าย ก็กลับมางดงามเช่นเดิม หางสวยโบกสะบัดไปมาตามอารมณ์ของเจ้าตัว และกำลังบ่งบอกว่าเจ้าสัตว์สี่เท้าอยู่ในหมวดอารมณ์ดี
   เจ้าจิ้งจอกน้อยงับเข้าที่นิ้วของชริณเบา ๆ เหมือนจะประท้วงให้ชริณเลิกแกล้งเสียที ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เปลี่ยนจากการบีบบั้นท้ายเป็นมาลูบหัวแทนแล้วอุ้มมันขึ้นมานอนบนตัก
   เจ้าจิ้งจอกน้อยกลับมาอยู่บ้านเราได้เกือบเดือนแล้ว หลังจากที่เราเพิ่งผ่านเหตุการณ์เสียดตายมาด้วยกันมาหมาด ๆ จนถึงตอนนี้ชริณก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมหมาป่าตัวนั้นถึงเลือกที่จะไม่ทำร้ายเราสองคน แต่ที่แน่ ๆ นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็สั่งห้ามไม่ให้เจ้าจิ้งจอกน้อยไปเที่ยวเล่นป่าหลังบ้านเป็นอันขาด เพราะมันอันตรายเกินไป เจ้าจิ้งจอกก็ตัวกระจ้อยร่อยเท่านี้ รู้ว่าสู้ยิบตาแน่ แต่สู้ใครเขาไม่ได้หรอก
   แถมเจ้าจิ้งจอกแบบนี้มีตัวเดียวด้วย หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัว ชริณจะทำยังไง…
   ดวงตากลมโตสีเดียวกับขน สบประสานกับสายตาของชริณ จากตอนแรกที่เจ้าจิ้งจอกขัดขืน ไม่ยอมนอนบนตักของเขาดี ๆ แล้วเป็นหงายท้องขึ้นอย่างให้ท่า เป็นอันเข้าใจตรงกันว่ามันต้องการจะให้ชริณเล่นกับพุงมัน
   “อ้วนขึ้นนะเนี่ย” ชริณว่าเพียงสั้น ๆ
   เมื่อเขารู้สึกว่าหน้าท้องของเจ้าจิ้งจอกขยายใหญ่ขึ้น ดูจนอดนึกถึงวันที่เราเจอกันแรก ๆ ไม่ได้ อย่างที่เคยเล่า...มันตัวเล็กกว่าจิ้งจอกทั่วไป แถมยังผอมโซมาก ๆ อีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าจิ้งจอกถูกชริณดูแลดีจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเก่า จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะฟัดพุงให้หนำใจ หายมันเขี้ยว กลับกลายเป็นว่าชริณเลือกที่จะลูบท้องแทนเท่านั้น
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเอง เมื่อถูกชริณลูบหัวลูบหางเข้าหน่อย ก็ถึงกับหลับตาพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม น้องชอบสัมผัสอ่อนโยนจากชาริน ซังมากที่สุด การได้เป็นสัตว์เลี้ยงของชาริน ซังก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องหาอาหารเอง ไม่คิดวิตกว่าจะกินอะไรดี กิน ๆ นอน ๆ มีหน้าที่เฝ้าบ้าน ทำให้ชาริน ซังยิ้ม สร้างความสุขให้ก็พอแล้ว
   แต่ลึก ๆ ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน น้องเองก็คิดถึงช่วงเวลาที่เราทำลูกด้วยกัน....
   “เอ๋...คือจะท้อง?” จู่ ๆ ชริณก็พูดออกมา หลังลูบคลำท้องของเจ้าจิ้งจอกอยู่นานสองนาน เขารู้สึกว่ามันผิดปกติจริง ๆ ดูเหมือนในภายใต้พุงโต ๆ นี้มีอะไรมากกว่าไขมันหรือความอ้วน
   “แต่แกก็ไม่มีมดลูกนี่นา” ชริณพึมพำกับตัวเองกับตนเองอีกหนอย่างสับสน
    เขาเรียนวิทยาศาสตร์มา ของพวกนี้เป็นเรื่องพื้นฐาน หากไม่มีมดลูกก็ท้องไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นฝ่ายเถียงกับเจ้าจิ้งจอกว่าอีกฝ่ายไม่มีทางท้องแน่ กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่วิตกกังวล ส่วนฝ่ายที่เถียงขาดใจว่าท้องแน่นอน กลับหลับตาพริ้มนอนบนตักเขา โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
   
   “ไปทำงานแล้วนะ ดูแลบ้าน ๆ ดี เข้าใจ๊”
   ก่อนจะออกไปทำงาน ชริณก็พูดกับเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเช่นทุกวัน ชายหนุ่มลูบหัวลูบหางมันพอเป็นพิธี ส่วนเจ้าจิ้งจอกน้อยก็หลับตาพริ้มรับสัมผัสแต่โดยดี มันเป็นแบบนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันส่วนหนึ่งของเราไปเสียแล้ว ที่เจ้าจิ้งจอกจะมาส่งเขาไปทำงาน ส่วนชริณก็จะบอกให้มันเฝ้าบ้านดี ๆ
   เมื่อตรวจตราว่าตัวเองจะไม่ได้ลืมอะไรไว้ที่บ้าน ก็ได้เวลาที่ชริณจะเข้าบริษัทเสียที ก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มมองภาพเจ้าจิ้งจอกน้อยจ้องเขาตาแป๋วเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปิดประตูสนิทลง
   ประตูบ้านถูกปิดลงไปแล้ว…. เจ้าจิ้งจอกน้อยก็กลับมาหงอยเหมือนเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน ชาริน ซังเป็นสังคมเดียวของน้องที่มีอยู่  พออีกฝ่ายต้องไปทำงาน น้องก็ไม่มีเพื่อนเล่น
   คราวนี้น้องไม่มีเพื่อนจริง ๆ คุณหมาป่า ผู้เคยมีพระคุณกับน้อง จนน้องอยากเป็นมิตรสหายด้วย ก็เลิกนับเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่อีกฝ่ายคิดจะทำร้ายชาริน ซังมิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังขัดขว้างไม่ให้น้องวิ่งมาหาชาริน ซังอีก มันน่าโมโหนัก!
   น้องไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหมาป่าทำ อีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ การที่น้องเจอคุณหมาป่าในเขตของมนุษย์แปลว่าอะไร ไม่ใช่เพราะคุณหมาป่าก็คลุกคลีกับมนุษย์เหมือนน้องหรอกเหรอ
   แต่ไม่ว่าจะยังไง นับตั้งแต่วันนั้น เมื่อชาริน ซังรู้ว่าหลังบ้านมีหมาป่า เขาก็สั่งห้ามไม่ให้น้องไปเล่นป่าหลังบ้านอีก เพราะอันตรายเกินไป หากอยากวิ่งเล่นก็ให้เล่นอยู่แถวหน้าบ้านแทน เพราะยังพอมีมนุษย์ผ่านไปมาบ้างประปรายและจะสามารถออกไปเล่นได้ ก็ต่อเมื่อชาริน ซังอยู่บ้านเท่านั้น
   พอไม่ได้อะไรทำ น้องก็นอนฟุบกับพื้น เฝ้าอยู่หน้าประตูเปิด จ้องมองลูกบิดรอเวลาที่ชาริน ซังจะกลับบ้านลูกเดียว น้องติดชาริน ซังมากจริง ๆ หลังจากที่เราผ่านเรื่องเสียดตายมาด้วยกัน จากที่เทิดทูนชาริน ซังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  คราวนี้ยิ่งเทิดทูนขึ้นไปอีก
    เพราะไม่ใช่น้องที่รักกันชาริน ซัง แต่อีกฝ่ายก็เช่นกัน ถึงได้ปกป้องน้องด้วยชีวิตของตัวเองแบบนั้น…
   หลังผ่านเหตุการณ์เสียดตายมาด้วยกัน ทำให้เราเข้าใจอะไรกันมากขึ้น ถึงแม้ชาริน ซังจะไม่เข้าใจภาษาน้อง แต่น้องก็รู้สึกได้เลยว่าชาริน ซังใส่ใจน้องมากขึ้น
   ในขณะที่กำลังใช้เวลาทั้งวันของตัวเอง เพื่อรอให้ชาริน ซังกลับบ้านอยู่นั้น เจ้าจิ้งจอกก็หายใจฮึดฮัดอย่างอึดอัดเป็นระยะ ๆ รู้สึกได้เลยว่าช่วงนี้ตัวเองอ้วนขึ้น หนักพุงอย่างเดียว จากที่ชอบนอนฟุบกับพื้น จ้องมองลูกบิดประตู รอให้ชาริน ซังกลับบ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เปลี่ยนเป็นนอนหงายท้องแทน เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก
   หรือเพราะว่าน้องไม่ได้ออกวิ่งนานเลยทำให้อ้วน? เจ้าจิ้งจอกน้อยสันนิษฐานเกี่ยวกับสรีระของตนเอง

   อุ้ย....อุ้ย อะไรขยับอยู่ในท้องน้อง!
   ขณะที่กำลังนอนหงายท้องอยู่นั้น เจ้าตัวเล็กที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ถึงกับนิ่งไปเมื่อรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังขยับ เคลื่อนไหวอยู่ในท้องตัวเอง เพียงเท่านั้นเจ้าจิ้งจอกก็รีบลุกขึ้นทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปส่องกระจกแต่งตัวในห้องนอนของชาริน ซัง เพื่อที่จะได้มองเห็นสรีระตัวเองอย่างชัด ๆ
   เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายน้อง!?
   เจ้าจิ้งจอกน้อยจ้องตัวเองในกระจกนานนับนาที พักหลังมานี้น้องรู้สึกเลยว่าตัวเองอ้วนขึ้นจากเมื่อก่อนมาก น้องกินจุ กินบ่อยมากขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้น้องชื่นชอบการกินอาหารพอ ๆ กับการได้คลอเคลียชาริน ซังหลังกลับมาจากทำงานเลย
   อุ้ย...แล้วทำไมนมน้องตั้งเต้าด้วย!
   เจ้าจิ้งจอกน้อยที่กำลังสังเกตตัวเองอยู่ในกระจก ถึงกับต้องมองสรีระตัวเองอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแต่อย่างใด ร่างกายของน้องผิดปกติไปหลายอย่าง ตั้งแต่สรีระที่ดูอ้วนท้วม รวมถึงหัวนมที่มาลักษณะใหญ่ขึ้น คล้ายจะตั้งเต้าด้วย
   หรือว่าน้องกำลังตั้งท้อง?
   หนึ่งในข้อสันนิษฐานเกิดขึ้นมาในใจของเจ้าจิ้งจอกทันที เป็นข้อสันนิษฐานที่น้องอยากให้เป็นจริงมากที่สุด ตอนแรกความหวังเสี้ยวเล็ก ๆ ที่คิดว่าตัวเองจะตั้งท้องถูกดับไปแล้ว เพราะอยู่ในร่างนี้ ไหนจะเหตุผลที่ชาริน ซังเคยกล่าวอ้าง จนเราทะเลาะกันใหญ่โตอีก แต่พอได้เห็นสรีระของตัวเองที่เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ นับตั้งแต่วันที่น้องกลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ น้องเองก็อยากลองเชื่อสัญชาตญาณตัวเองอีกสักครั้ง
   น้องว่าน้องท้องแน่ ๆ !
   ในตอนนี้ความรู้สึกของเจ้าจิ้งจอกน้อยคลุมเครือ เหมือนจะดีใจก็ดีใจไม่สุด เพราะอะไรก็ไม่แน่นอน ขนาดตอนไหนมั่นใจว่าตัวเองท้อง พอให้คุณหมอตรวจยังไม่เจอมดลูกเลย นั่นจึงทำให้น้องไม่มั่นใจว่าตัวเองจะท้องด้วย ตามประสาคนที่ผิดหวังหนก่อน
   แต่ถ้าน้องไม่ท้องแล้วอะไรที่กำลังดิ้นอยู่ในท้องน้องกัน?
   ปกติก็รอให้ชาริน ซังกลับมาอย่างใจจดใจจ่ออยู่แล้ว พอมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง น้องก็ยิ่งอยากให้ชาริน ซังรีบกลับบ้านเร็วมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตจ้องมองลูกบิดประตูบ้านตาไม่กะพริบ เพราะใกล้เวลาที่ชาริน ซังจะกลับบ้านมาแล้ว
   คอยดูนะ....ถ้าชาริน ซังกลับมาถึงบ้านปุ๊บ น้องจะรีบฟ้องทันทีว่าในร่างกายน้อง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง!
   
   แกร๊ก!
   แอ๊ ๆๆๆๆ! เมื่อเสียงลูกบิดดังขึ้น ประตูบ้านถูกเปิดออก แล้วจิ้งจอกน้อยก็รีบส่งเสียงเพื่อฟ้องชาริน ซังยกใหญ่ว่ามีตัวดิ้น ๆ ในท้องตัวเอง นมตั้งเต้าแล้ว ทว่าเสียงที่ถูกส่งออกมา เป็นเพียงแค่เสียงร้องแอ๊ ๆ เหมือนอย่างเช่นทุกที ทำเอาเจ้าสัตว์เล็กถึงหัวเสียไม่น้อยและดูเหมือนชริณเองก็ไม่เข้าใจที่น้องจะสื่อสาร
   ฝั่งชริณเองเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หลังเปิดประตูเข้ามาก็เห็นเจ้าจิ้งจอกรอเขาอยู่ประตูพอดี ชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับมัน หลังอีกฝ่ายบ่นใหญ่เลยว่าเขากลับบ้านช้า
   ….ใช่ไหม?
   “กลับบ้านช้านิดเดียวเอง....อืม ช้าไปสิบนาที ถึงกับบ่นใหญ่เลยเหรอ” ชริณถามหน้ายิ้ม
   แอ๊ ๆๆๆๆ!
   “มาเถอะเจ้าจิ้งจอก วันนี้ฉันจะทำสตูไก่ให้กิน ของโปรดนี่นา...” ชริณว่าที่เขากลับบ้านช้ากว่าปกติ เพราะแวะไปห้างสรรพสินค้า ซื้อของสดเข้าตู้เย็นและหาซื้อวัตถุดิบมาทำสตูไก่ให้เจ้าจิ้งจอกกินนั่นแหละ ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับหัวเสีย รู้เหมือนชาริน ซังจะไม่เข้าใจน้อง
   ตอนนี้น้องไม่ได้อยากกินข้าวสักหน่อย ทำไมชาริน ซังไม่เข้าใจ!
   หลังจากเขาเอาของสดเข้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว ชริณก็เริ่มทำสตูไก่อย่างที่พูดไว้ เขาสังเกตมาสักระยะแล้วว่าเจ้าจิ้งจอกมักจะชอบกินสตูหมู สตูไก่สำหรับสัตว์มากเป็นพิเศษ เพราะทุกครั้งที่ชริณทำให้กิน มันมักจะฟาดเรียบ แทบไม่เหลือเศษให้ติดจาน
   นับตั้งแต่เหตุการณ์ตอนมันหายเข้าไปในป่า ชริณก็ถึงความสำคัญของเจ้าจิ้งจอกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าแล้วก็นึกขำตัวเองเหมือนกัน ตอนแรกที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ ต้องแอบเจ้าจิ้งจอกไปทำงานทุกครั้ง กลัวยิ่งกว่าผี ไม่อยากให้มันเข้าใกล้ด้วยประการทั้งปวง แต่พอเวลาผ่านไป สุดท้ายก็เป็นเขาเสียเองที่ขาดเจ้าจิ้งจอกไม่ได้
   ถึงจะเอ็นดูเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างสุนัขมากเพียงใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชริณก็คิดถึงเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์เช่นกัน ได้กอดก้อนขนนุ่มนิ่มมันก็ดี แต่เขาคิดถึงร่างกายอุ่น ๆ ผิวนุ่มนิ่มของเจ้าจิ้งจอกในร่างมนุษย์มากกว่า ชริณเพิ่งรู้ว่าตัวเองแพ้พวกขี้อ้อน ซึ่งเจ้าจิ้งจอกเองก็เหมือนจะรู้งาน เล่นอ้อนเขาเช้าเย็น จนในที่สุดชริณก็ไม่ไปไหนไม่รอด
   “กินเยอะ ๆ นะ” หลังจากพักสตูไก่ให้มันเย็น จนสัตว์สามารถกินได้แล้ว ชริณก็เทมันลงถาดข้าวเพื่อให้เจ้าจิ้งจอกได้กินเป็นอาหารเย็น ทว่าคราวนี้เจ้าจิ้งจอกน้อยกลับทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจอาหาร มีแต่จะเล่นกับเขา
   แอ๊ ๆๆๆๆ! ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเองก็ยังคงไม่ละความพยายาม จะฟ้องชาริน ซังให้รับรู้สิ่งที่ตัวเองจะสื่อให้ได้
   “อย่าเพิ่งเล่นสิ กินข้าวก่อน” ทว่าชาริน ซังกลับไม่เข้าใจอย่างที่น้องจะสื่อ แต่กลับเข้าใจว่าน้องอยากเล่นด้วย มิหนำซ้ำยังเอ็ดน้องอีก มันน่านัก!
   “กินเสร็จก่อนนะ ค่อยมาเล่นกัน วันนี้มีเวลาอีกตั้งเยอะ” ชริณว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะลุกขึ้น ไปจัดการทำอาหารมื้อเย็นของตัวเองกินบ้าน ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยจึงทำได้แค่มองตามแผ่นหลังกว้างเท่านั้น ส่งเสียงฟ้องยังไง ชาริน ซังก็ไม่สนใจจะหันกลับมาฟัง
   น้องจะทำยังไงให้ชาริน ซังเข้าใจในที่สิ่งที่น้องจะสื่อ...

   ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ชาริน ซังก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องจะสื่อเสียที กลับเข้าใจไปว่าน้องเป็นจิ้งจอกขี้บ่น เพียงเพราะเจ้าของกลับบ้านช้า ซึ่งมันไม่ใช่สักหน่อย! แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าจิ้งจอกน้อยก็พยายามบอกสิ่งที่ตัวเองจะสื่ออย่างไม่ย่อท้อ แข่งกับเวลา เพราะหน้าท้องของน้องก็เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวัน
   ชาริน ซังคงไม่เคยสังเกตเห็นหรอก มีแต่น้องนี่ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองทุกวัน!
   ทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้น จนน้องมั่นใจยิ่งกว่าอะไรแล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ จากที่รู้สึกเหมือนมีอะไรถีบท้องทุกช่วงเช้า พอเวลาผ่านไปมาเกือบสัปดาห์การถีบท้องของเจ้าตัวเล็กก็ถี่มากขึ้น มีแต่น้องที่รับรู้ถึงพัฒนาการของลูกน้อยและดูเหมือนไม่ถึงสัปดาห์ก็ใกล้จะถึงเวลาคลอดของตัวเองแล้ว
   จริง ๆ พอใกล้คลอดก็ไม่ควรเคลื่อนไหว เพราะยิ่งใกล้วันมากเท่าไร ลูกทั้งหลายตัวก็ยิ่งดิ้นบ่อยขึ้นเท่านั้น แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยที่กำลังท้องโตในทุก ๆ วัน ยังต้องเคลื่อนไหวอยู่ เพราะต้องที่แอบคลอดของตัวเอง
   หลังจากที่ชาริน ซังออกไปทำงานแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มสำรวจรอบ ๆ บ้าน มองหาซอกหลีบ หมายจะให้เป็นสถานที่คลอดลูกตามสัญชาตญาณ ครั้นจะรอให้ชาริน ซังตาบื้อรู้ตัวว่าน้องกำลังตั้งท้อง ก็คงไม่ได้คลอดลูกกันพอดี    ดวงตากลมโตสำรวจไปรอบ ๆ บ้านชาริน ซัง นอกจากจะต้องแอบให้รอดพ้นจากอันตรายแล้ว ที่ยังต้องกว้างพอให้แม่จิ้งจอกท้องแก่เข้าไปคลอดลูกได้ด้วย มันสำรวจรอบบ้าน หามุมเหมาะ ๆ อยู่นานสองนาน จนกระทั่งพบกับมุมที่พอเหมาะพอดี นั่นก็คือซอกตู้เสื้อผ้าแคบ ๆ ในห้องนอนของชาริน ซัง มันกว้างพอให้แม่หมาเข้าไปทำคลอด
   ที่ตรงนี้แหละที่น้องจะใช้คลอดลูก
   ฝั่งชริณเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเจ้าจิ้งจอกน้อย ในเวลาพักเที่ยงเขาก็ค้นอินเทอร์เน็ต อ่านบทความเกี่ยวกับเจ้าจิ้งจอก เพื่อศึกษาดูข้อมูลเกี่ยวกับมัน เผื่อเขาจะรู้ว่าทำไมมันถึงมีพฤติกรรมที่แปลกไป แต่ข้อมูลก็ไม่ได้มีมากมายนัก เพราะจิ้งจอกเป็นสัตว์ป่า เลี้ยงให้เชื่องยาก หากไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มนุษย์ไม่นิยมเลี้ยงกัน หากไม่ใช่สายพันธุ์ที่น่ารักน่าชังจริง ๆ
   “มันเป็นอะไรของมันนะ” ชริณพึมพำ ขณะที่ค้นอินเทอร์เน็ตไปด้วย
   จนแล้วจนเล่าชริณก็ยังหาสาเหตุพฤติกรรมที่แปลกไปของเจ้าจิ้งจอกไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่เล่นกับมันบ่อย ๆ บางครั้งเขาก็กลับบ้านช้าเพราะเรื่องงาน มีการทำโอทีล่วงเวลา นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เจ้าจิ้งจอกมีพฤติกรรมแปลกไปก็ได้
   “เจ้าจิ้งจอกอยู่ไหน?” เป็นอีกครั้งที่ชริณตื่นมาแล้วไม่พบเจ้าจิ้งจอก คราวนี้เขาเริ่มใจคอไม่ดีตั้งแต่มองไม่เห็นมัน เพราะกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง เพราะพักหลังมานี้ เจ้าจิ้งจอกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไหนเขาจะตีความท่าทางของมันไม่ค่อยออกอีก
   พอไม่เห็นเจ้าจิ้งจอกจริง ๆ อาการสะลึมสะลือ ไม่อยากลุกจากที่นอนในตอนแรกก็หายไปเป็นปลิดทิ้งทันที เมื่อเขาไม่เจอเจ้าจิ้งจอกจริง ๆ ชริณรีบลุกออกจากผ้าห่ม แล้วเดินหาไปทั่วบ้านพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยเป็นระยะ ๆ
    “เจ้าจิ้งจอกอยู่ไหน” ชริณส่งเสียงเรียก ขณะที่เขาก็ตรงไปตู้เสื้อ ตั้งใจจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลองออกไปหาข้างนอกดู เผื่อเจ้าจิ้งจอกจะแอบออกไปเล่นหน้าบ้านคลายเครียด
   กุก ๆ กัก ๆ!    
   เสียงกุกกักอยู่หลังตู้เสื้อผ้าทำให้ชริณที่กำลังจะออกจากห้องนอน ถึงกับชะงักไป คิ้วเข้มถึงขมวด หันมองตามต้นเสียงในทันที
    นึกสงสัยว่าตัวเองอะไรเข้าไปอยู่หลังตู้เสื้อผ้าเขา ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยไปมากกว่านี้ เขาค่อย ๆ ย่องไปมองแถวหลังตู้เสื้อผ้าตัวเองอย่างเบาเสียง แล้วค่อย ๆ ใช้มือดึงตู้เสื้อผ้าขนาดกลางออกอย่างช้า ๆ ก่อนที่ชริณจะได้สบประสานสายตากับดวงตาที่คุ้นเคย พร้อมกับเจ้าสิ่งเล็ก ๆ สี่ตัวกำลังส่งเสียงครางงึมงำ ขณะที่กำลังซุกตัวเข้าหาความอบอุ่น
   “ลูกหมา...ล—ลูกเรา....งั้นเหรอ” นั่นคือคำเดียวที่ชริณนึกได้
   เขาถึงกับไปไม่ถูก มองดูเจ้าก้อนขนสี่ตัวกำลังซุกเข้าหาไออุ่นเจ้าจิ้งจอกน้อยที่เขากำลังจะตามหา ทุกอย่างกระจ่างชัดในทันที เพราะเจ้าจิ้งจอกกำลังตั้งท้องใช่ไหม ถึงได้ทำให้อีกฝ่ายมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
   ไอ้ชริณโง่เอ้ย! ทำไมไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกกำลังตั้งท้อง! เขาได้แต่สบถด่าตัวเองในใจ ชัดเจนเลย ไม่ต้องถามว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ชริณนี่แหละที่ทำเจ้าจิ้งจอกน้องท้องป่อง
   จู่ ๆ เขาก็ได้เป็นพ่อของสิ่งมีชีวิตแบบไม่ได้ตั้งตัว.... ชริณกำลังมีลูกเป็นจิ้งจอก!
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อย เมื่อเห็นว่าชริณรับรู้แล้วก็ถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดน้องก็ทำภารกิจสำเร็จ! น้องรู้แล้วว่าทำไมสองเดือนก่อนตัวเองถึงกลับคืนร่างเป็นจิ้งจอก ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เพราะน้องกำลังตั้งท้องอยู่นี่เอง
   ดวงตากลมโตมองมือหนาของชาริน ซังค่อย ๆ จับลูกของเราที่เพิ่งคลอดหมาด ๆ ออกไปจากซอกตู้เสื้อผ้าที่มีแต่เศษฝุ่น เพื่อไปทำความสะอาดให้ เมื่อลูกน้อยออกไปหมดแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ มุดออกมาจากซอกตู้เสื้อผ้าบ้าง ก่อนจะเริ่มหลับตาลง ตั้งสติแล้วลองกลายร่างอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าทุกอย่างน่าจะเป็นอย่างที่ตนคิดไว้จริง ๆ
   ดวงตากลมโตเริ่มเบิกกว้าง หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรง เพราะในที่สุดน้องก็กลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์จนได้!
   “ชาริน ซัง” เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างเปลือยเปล่าเรียกชื่อชาริน ซังด้วยความดีอกดีใจ พอ ๆ กับคนที่เพิ่งได้เป็นพ่อเด็กป้ายแดง ถึงกับมองค้างอย่างตกตะลึง หลังได้เห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์อีกครั้ง
   นี่มันดีเกินไปแล้ว เขาได้ทั้งลูกแถมเจ้าจิ้งจอกยังสามารถกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้อีก!
   “เย้! น้องกลายร่างกลับคืนได้แล้ว” เพียงรู้ว่าตัวเองทำภารกิจและสามารถกลับคืนร่างมนุษย์ได้อย่างสำเร็จ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็กระโดดลวดเต้นอย่างดีอกดีใจไปรอบ ๆ ห้องนอนทันที แต่ก็เต้นได้ไม่แรงเท่าไรนัก เพราะเพิ่งผ่านการคลอดลูกไปไม่ถึงหนึ่งวัน
   “อ้าว ๆ เบา ๆหน่อย” ชริณที่กำลังใช้ทิชชู่เช็ดตัวเจ้าลูกหมาที่เขรอะฝุ่นทั้งหลาย ถึงกับต้องหันไปเอ็ดคุณแม่จิ้งจอกป้ายแดงที่กำลังเต้นไปมารอบห้องอย่างดีอกดีใจ เขาดีใจที่เจ้าจิ้งจอกกลับคืนร่างมนุษย์ได้ แต่ชริณจะรับมือยังไงกับเหล่าลูกหมาทั้งสี่ตัวนี่ดี!
   ตอนนี้ชริณรู้สึกมึน ๆ งง ๆ อย่างบอกไม่ถูก เขาดีใจกับเจ้าจิ้งจอกที่ทุกอย่างกำลังจะกลับเป็นเหมือนเดิม แต่ในขณะเดียวกันเขาต้องคอยเช็ดคราบอะไรต่อมิอะไรออกจากตัวลูกสุนัข ซึ่งเป็นเหล่าลูก ๆ ของเขาด้วย...

   ชีวิตชริณชักจะหรรษาเกินไปแล้ว! มีเมียเป็นมนุษย์จิ้งจอกไม่พอ ยังมีลูกเป็นมนุษย์จิ้งจอกอีก!
   แม้จะตั้งรับการเป็นคุณพ่อลูกสี่แบบไม่ทันได้เตรียมใจอะไรเลย แต่ชริณก็คิดว่าเขาจัดการปัญหาทุกอย่างได้ดี หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการทำความสะอาดตัวเจ้าลูกหมาทั้งหลายเรียบร้อยแล้ว ชริณก็ปล่อยให้คนเป็นแม่เริ่มดูแลลูกบ้าง โดยการทำความสะอาดเลียขน ให้นมตามที่สัตว์จะทำกัน
   ทว่ายังไม่ทันไร ชริณก็เริ่มมองเห็นปัญหาเสียแล้วเมื่อเต้านมของเจ้าจิ้งจอกไม่เพียงพอต่อลูกน้อย เพราะเจ้าจิ้งจอกมีเพียงแค่สองเต้า แต่ลูกออกมากลับมีถึงสี่ตัว ตอนนี้ปัญหาอาจยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่หลังจากนี้หากไม่รีบแก้ปัญหาที่กำลังส่อเค้าลาง คงได้เป็นเรื่องใหญ่แน่…
   เหมือนทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นใหม่ เราทั้งคู่ต่างไม่มีใครมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก
   ชริณยืนมองดูเจ้าจิ้งจอกน้อยที่กลายร่างกลับคืนเป็นแม่จิ้งจอกให้นมลูกอย่างเงียบ ๆ ในขณะเดียวกันในหัวของเขาก็กำลังคิดเรื่องราวอีกแปดร้อยเรื่อง
   แม้ตอนนี้ลูกที่ออกมาจะเป็นแค่เจ้าลูกหมาตัวเล็ก ๆ แต่ในภายภาคหน้าเจ้าลูกหมาพวกนี้คงจะเป็นแบบเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแน่ ดังนั้นเขาจะต้องมองหาที่อยู่ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อรองรับสมาชิกตัวน้อย ๆ และชริณยังต้องศึกษาเกี่ยวกับพวกนมผง สำหรับอนุบาลสัตว์แรกเกิดอีกด้วย เพราะลำพังอาศัยน้ำนมจากแม่อย่างเดียวก็ไม่พอหรอก
   หลังจากนี้ล่ะ เขาควรจะทำยังไงต่อ โทรบอกเจ้าเพื่อนรักดีไหมว่ามีลูกแล้ว หรือควรจะโทรแจ้งข่าวให้พ่อแม่ที่เมืองไทยรับทราบว่าท่านทั้งสองกำลังจะมีหลาน มีหลาย ๆ อย่างที่ชริณต้องจัดการหลังจากนี้ ไม่ใช่มีลูกกับเจ้าจิ้งจอกแล้วทุกอย่างจะจบ ชริณไม่ยอมให้อีกฝ่ายพาลูกกลับเข้าป่า เหมือนคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้แน่ ๆ
   ชายหนุ่มพอมีเงินเก็บไว้อยู่อีกบัญชีหนึ่ง มันมากพอที่จะไปหาเช่าบ้านที่กว้างกว่าเดิมตามจำนวนสมาชิก อันดับแรกชริณต้องจัดการเรื่องแม่กับเจ้าลูก ๆ ทั้งหลายให้เรียบร้อยก่อน ค่อยแจ้งข่าวให้คนอื่นได้ทราบว่าเขากำลังจะมีครอบครัว

   “เราจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดี” ชริณเอ่ยถามความคิดเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อย พลางมองเจ้าลูกหมาสี่ตัวกำลังนอนกอดก่ายให้ความอบอุ่นกันและกันเหมือนเจ้าก้อนขนขนาดยักษ์
   “ไม่เห็นจะยากเลย ก็เรียกว่าน้อง น้อง น้องและก็น้องไง” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดอย่างไม่ต้องคิด
   “ได้ที่ไหนกันเล่า แล้วทีนี้เราจะเรียกตัวเองว่าอะไร” ชริณถาม
   “ก็น้องเหมือนกัน” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดพลางส่งยิ้มหยีให้ชริณ
   “ไม่แล้วน้องมั้งเนี่ย เป็นเมียแล้ว เมียเต็มรูปแบบเลย” ท้ายประโยคชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว ไม่ได้ตั้งใจให้เจ้าจิ้งจอกได้ยิน
   “เมียงั้นเหรอ...ชอบจัง” เจ้าจิ้งจอกว่า “งั้นต่อจากนี้ ชาริน ซังเรียกน้องว่าเมียนะ”
   “…..”
   “นะ…ชาริน ซัง”
   “ก็อยู่แล้ว นายเองก็ต้องเรียกฉันว่าสามีเหมือนกัน” ชริณว่าพร้อมกับหันไปสบตาคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันอย่างขลาดเขิน ซึ่งอาการแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นกันง่าย ๆ “ก็คิดจะไม่ปล่อยให้ไปไหนอยู่แล้ว”
   ฝั่งคนฟังก็ถึงกับอมยิ้ม อาการอยากงอน เพราะชาริน ซังคนบื๊อไม่รู้ว่าน้องกำลังตั้งครรภ์หายไปเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ยินคำพูดหวาน ๆ ที่ไม่มีคำว่ารัก หลุดมาจากปากอีกฝ่าย ดวงตากลมโตฉายความอบอุ่นออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนเช้าน้องยังปวดท้องคลอดอยู่เลย พอตอนเย็นมาน้องได้มายืนมองลูก ๆ ทั้งสี่ตัวข้างชาริน ซังเสียแล้ว
   ดวงตากลมโตไล่สายตามองลูกน้อยในร่างลูกสุนัขทุกตัว ลูกจะเป็นเหมือนน้องนี่แหละ ตอนเด็ก ๆ ก็จะยังเป็นลูกสุนัขอยู่ พอโตขึ้นก็จะกลายร่างแบบน้องได้ อยากให้ลูกโตเร็ว ๆ จัง น้องจะได้ไม่ต้องเหงาอีกแล้ว.....
   “แล้วเวลาจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างก่อนนะ แล้วจะพาย้ายไปอยู่บ้านที่กว้างกว่าเดิม” ชริณว่า
   “…..”
   “ลืมเรื่องที่ตัวเองเคยบอกว่าพอได้ลูกแล้วจะกลับเข้าป่า หายไปจากชีวิตฉันซะ…. เพราะฉันไม่อนุญาต”
   “…..”
   “ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เรามาสร้างครอบครัวกันเถอะ!”



_________________________________
#น้องจะตอบแทนพี่เอง
อีก1-2บทจะจบนะคะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #107 เมื่อ28-07-2018 02:38:55 »

ครอบครัวสุขสันต์ ยังไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านตอนคุณหมาป่ามีคู่ด้วย  :3123:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #108 เมื่อ28-07-2018 04:09:56 »

ลูก 4 เป็นครอบครัวอบอุ่น น้องจิ้งจอกเก่งมาก

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #109 เมื่อ28-07-2018 06:59:33 »

อย่าเพิ่งจบสิน้องๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
« ตอบ #109 เมื่อ: 28-07-2018 06:59:33 »





ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #110 เมื่อ28-07-2018 11:07:19 »

ขอน้องซักตัวให้คุณหมาป่าได้ไหม 55555555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #111 เมื่อ28-07-2018 12:29:45 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #112 เมื่อ28-07-2018 14:38:42 »

 สนุกมากกกกกก...รอตอนต่อไปค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #113 เมื่อ28-07-2018 19:08:17 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #114 เมื่อ28-07-2018 20:53:43 »

พี่หมาป่าไปแล้วอ่อ???

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #115 เมื่อ30-07-2018 16:33:22 »

คุณพ่อคุณแม่ลูกสี่  :m1:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #116 เมื่อ31-07-2018 11:55:28 »

น่ารักมากๆเลย น้อง น้องน้อง
น้องมีครอบครัวแล้ว
คุณหมาป่าน่าสงสาร ยกลูกชายให้คุณหมาป่าสักตัวไว้สืบเผ่าพันธ์ุได้ไหม

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #117 เมื่อ31-07-2018 13:32:39 »

น้อง น้อง น้อง น้องเต็มไปหมดเลยยย

ออฟไลน์ แมว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
«ตอบ #118 เมื่อ01-08-2018 02:06:28 »

เอ็นดูวววว :katai2-1:

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1




14


   แอ๊!! แอ๊ะ ๆ แอ๊ออออ!!
   “ขวดนม ๆ ขวดนมอยู่ไหน!!” คุณพ่อป้ายแดงสะดุ้งตื่นทันที เมื่อเสียงแผดร้องของเจ้าลูกหมาสองตัวที่นอนอยู่บนอกดังสนั่นลั่นห้องนอน ชริณคว้าสเปะสะปะไปทั่วบริเวณ เพื่อหาขวดนมพัลวัน
   ยิ่งได้ยินเสียงร้องของเหล่าบรรดาลูก ๆ ในคราบเจ้าลูกหมาตัวแสบนานเท่าไร ชายหนุ่มที่ยิ่งสติแตก ทำอะไรไม่ถูกมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่ภรรยาของเขาจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือ จัดการอุ้มเจ้าลูกหมาสองตัวออกจากอกเขา  แอบไปกลายร่างกับคืนเป็นจิ้งจอกน้อยให้นมอีกมุมหนึ่งของห้อง หลังอีกฝ่ายเพิ่งให้นมอีกสองในสี่ตัวไปหมาด ๆ นั่นทำให้สติชริณค่อย ๆ กลับเข้าร่างอย่างช้า ๆ
   ชีวิตของพนักงานบริษัทของเขากำลังเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ....ไม่สิ ต้องเรียกว่าเปลี่ยนไปกะทันหันเสียมากกว่า เมื่อกี้เขาให้นมลูกก็การให้ดื่มนมผงจากขวดนมเด็ก หลังเลิกงาน เขาก็อยากแบ่งเบาหน้าที่ภรรยาจึงให้นมจนเผลอหลับไป จนทำให้เจ้าหนูน้อยในคราบลูกหมาตัวอ้วน ส่งเสียงงอแง เพราะไม่ได้กินนมอย่างที่ต้องการ
   เราแบ่งกันเลี้ยงเจ้าลูกหมาคนละสองจากสี่ตัว สลับผลัดเปลี่ยนไปกัน เพื่อให้ทุก ๆ ตัวได้กินนมแม่เท่า ๆ กัน อย่างที่บอกสรีระของเจ้าจิ้งจอกไม่เอื้ออำนวยต่อการมีลูกพร้อมกันสี่ตัว ดีแค่ไหนแล้วที่ร่างกายของอีกฝ่ายสามารถผลิตน้ำนมได้ ส่วนชริณเองเขาก็ประสบปัญหาเช่นกัน ชอบคิดว่าเจ้าลูกหมาไม่ใช่ลูกตัวเองอยู่เรื่อย เขาคุ้นชินแต่กับการเลี้ยงลูกสุนัขที่เกิดมาจากสุนัข ไม่ได้คุ้นชินลูกสุนัขที่เกิดมาจากเขา
   “ชาริน ซังไปนอนเลยก็ได้ เดี๋ยวน้องดูแลลูกเอง” แม่จิ้งจอกลูกสี่กระซิบบอกสามี หลังเพิ่งให้นมลูกสองตัวไปแล้ว แล้วเพิ่งพาสองตัวแรกเข้านอนไปหมาด ๆ
   ดวงตากลมโตทั้งยามเป็นมนุษย์และอยู่ในร่างจิ้งจอก แสดงความอบอุ่นออกมาทุกครั้งที่ได้มองลูกขณะป้อนนมไปด้วย เจ้าจิ้งจอกน้อยนับวันรอที่ลูกทั้งสี่เริ่มเดินได้แทบไม่ไหวแล้ว พอถึงวันนั้นเราจะกลายเป็นครอบครัวแสนวุ่นวายกว่านี้แน่ ลำพังแค่นี้เจ้าตัวแสบทั้งสี่ตัวยังป่วนคนพ่อแทบไม่ได้นอน ไปทำงานที ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน
   “ไม่เอา อยากดูด้วย” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงงอแง พลางตวัดแขนโอบกอดคุณแม่ลูกสี่จากข้างหลัง มองดูภรรยาจัดการกับลูก ก่อนนิ้วยาวจะไปลูบหัวลูกหนึ่งในสี่แผ่วเบาแล้วยิ้มออกมา
   เจ้าก้อนขนตัวเล็ก ๆ ที่เกิดจากเขา
   “อีกนานไหมว่าลูกของเราจะกลายร่างเป็นคน” ชริณเอ่ยถาม
   “อีกไม่นานหรอก ลูกจิ้งจอกโตเร็วอยู่แล้ว”
   “ก็ดี...งั้นจะพาไปเมืองไทยนะ” ชริณว่าต่อ
   “เอ๋....”
   “ไปไหว้พ่อแม่กัน”
   ตอนนี้เขาเริ่มจัดการอะไร ๆ ได้หลาย ๆ อย่างแล้ว เหลือเพียงพ่อแม่ที่ยิ่งไม่รู้ว่าชริณกำลังมีครอบครัวรวมถึงคนรอบข้างด้วย ครั้นจะผลีผลามรีบไปบอกก็ไม่ได้ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องช่วย ฃ
   ชริณต้องรอให้ลูกทั้งสี่แข็งแรง เติบโตจนสามารถกลายร่างได้ก่อน เขาถึงจะพาข้ามน้ำข้ามทะเลกลับไปเยือนเมืองไทยถิ่นกำเนิดของเขาได้ แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องบัตรประชาชน การเข้าออกภายในประเทศ เอกสารต่าง ๆ ที่เหล่าครอบครัวมนุษย์ของเขาไม่มี ซึ่งนั่นอาจทำให้ต้องเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นสัตว์ก่อน ทุกอย่างถึงจะง่ายขึ้น
   “อยากเจอพ่อแม่ชาริน ซังจัง” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่า เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาหลังสามีบอกจะพาออกนอกประเทศครั้งแรก  ตั้งแต่เกิดมาน้องไม่เคยไปที่ไหนเลย นอกจากคอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านชาริน ซังและป่าหลังบ้านเท่านั้น
   “เดี๋ยวจะพาไป รอลูกโตก่อนนะ”
   “อื้อ!”
   หลังจากให้นมลูกครบทุกตัวเสร็จ คุณแม่ตัวเล็กก็จัดแจงที่นอนเจ้าตัวแสบทั้งตัวในเปลขนาดกลางให้นอนดี ๆ ไม่ต้องนอนเบียดเสียดกัน
   จริง ๆ น้องเคยแย้งชาริน ซังแล้วว่าให้ลูกนอนกับพื้นดินก็ได้ เพราะตอนเด็ก ๆ น้องก็นอนกับพื้นดินในป่า มีคุณมดไต่ไปมาคอยอยู่เป็นเพื่อน ไม่เห็นจะตาย ก็อยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ แต่ชาริน ซังก็ไม่ฟัง ยืนยันจะซื้อมาเปลมาให้ได้ จนในที่สุดเปลที่ว่าก็มาตั้งไว้ในบ้าน น้องก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
   ของใช้ทุกอย่างที่เพิ่งซื้อไม่กี่สัปดาห์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของทารก เด็กอ่อนอะไรเถือกนั้น แทบไม่มีของใช้เกี่ยวกับลูกสุนัขเลยยกเว้นนมผง เรามีความสับสนว่าจะเลี้ยงลูกแบบไหนกันดี จึงกลายเป็นว่าเราเลี้ยงลูกที่อยู่ในร่างสุนัขในรูปแบบของการเลี้ยงคน
   เดี๋ยวนี้น้องได้เป็นคุณแม่เต็มตัวแล้ว ยังคงมีหน้าที่เฝ้าบ้าน รอชาริน ซังกลับจากที่ทำงานเหมือนเดิม แต่ต่างตรงกันตรงที่ว่าตั้งแต่มีลูกมา น้องก็ไม่ได้รู้สึกเหงา เดียวดายหรือเหมือนถูกทอดทิ้งอีกแล้ว เพราะเจ้าตัวแสบทั้งสี่ตัว ป่วนคนแม่ตั้งแต่ยังไม่ลืมตา ทำเอาคุณแม่ป้ายแดงวิ่งวุ่นทั้งวัน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
   มันเป็นความวุ่นวายที่มีความสุข...
   หลังจากให้นมส่งลูกน้อยทั้งสี่ตัวเข้านอนแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณแม่ลูกสี่จะได้พักผ่อนเสียที หลังไล่ให้ชาริน ซังไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนดี ๆ เพราะทำงานมาเหนื่อย ๆ คุณแม่ก็เริ่มวอร์มร่างกายให้พร้อม
   หน้าที่ของแม่ น้องก็ทำไม่มีขาดตกบกพร่อง....หน้าที่ของภรรยาเองก็เช่นกัน
   ฝั่งชริณเองที่เพิ่งออกจากห้องน้ำมา ถึงกับชะงักเมื่อเห็นคุณแม่ลูกสี่พ่วงตำแหน่งภรรยาของเขากำลังนอนรออยู่บนเตียง สายตาแพรวพราวทำเอาชายหนุ่มถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ
   เอาอีกแล้ว....
   “ทำอะไร” ชริณถาม
   “เตรียมรอทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีไง” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าอย่างไม่อาย พลางกระดิกนิ้วเรียกชริณ ทำเอาคนมองถึงกับถอนหายใจออกมา
   “คราวนี้จะมาอ้างภารกิจไม่ได้แล้วนะ เรานั่นแหละที่หื่น” ชริณว่า จะมาอ้างว่าทำเพื่อภารกิจไม่ได้แล้ว เพราะเจ้าก้อนขนสี่ตัวที่นอนอยู่บนเปลคงเป็นหลักฐานชั้นดีว่าภารกิจสำเร็จหรือยัง
   “จ้ะ....น้องยอมรับ”
   “.....”
   “ชาริน ซังรีบมาเร็ว น้องคร้านจะคอยแล้วนะ”
   “เฮ้อ..จริง ๆ เลย” ถึงจะทำท่าทางระเอือมระอาแค่ไหน แต่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ ที่มีเมียไม่เหมือนใครก็เดินตามเสียงเรียกของอีกคนอยู่ดี
   เมื่อชริณเดินมาถึงปลายเตียง คุณแม่ลูกสี่ก็สลัดภาพแม่บ้านกลายเป็นจิ้งจอกยั่วสวาท ตวัดแขนโอบรอบคอสามีผู้เป็นที่รักเอาไว้ ก่อนจะจ้องตา เอียงคอมองตาแป๋วอย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ ชายหนุ่มจึงตวัดแขนโอบกอดเอวบาง ช่วงนี้เวลาส่วนใหญ่เรามักจะทุ่มให้ลูกเสียหมด ส่งลูกเข้านอนแล้วเราถึงจะได้เวลามีเวลาเป็นของตัวเอง อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
   “ตัวแค่นี้เก่งจังเลย” ชริณว่าพร้อมกับจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเนียนเพื่อเป็นรางวัลให้กับคุณแม่ลูกสี่ที่รับมือเจ้าตัวแสบทั้งสี่ตัวแทบทั้งวัน ยังอยากจะปรนนิบัติสามีอีก ไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ใส่ถ่านไว้ในตัวกี่ก้อนกันแน่ ถึงได้อึดถึงเพียงนี้
    “ชอบจัง” เจ้าจิ้งจอกพูดทั้งหน้ายิ้ม ชอบสัมผัสอุ่น ๆ จากชาริน ซังมาก ๆ อีกฝ่ายให้เท่าไรน้องไม่เคยเบื่อเลย
   ไม่เคยนึกฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ เคยคิดเพียงแค่ว่าทำยังไงก็ต่อ ขอให้ภารกิจสำเร็จและทุกอย่างจะเป็นแค่เพียงความทรงจำ ที่ครั้งหนึ่งเคยใกล้ชิดกับมนุษย์มากเพียงใด แต่ทุกอย่างในความจริงกลับต่างจากที่คิดไว้มากนัก พอได้อยู่ใกล้ ๆ ได้ซึมซับความใจดีจากเขา ก็ไม่อยากจากไปไหน อยากเห็นเขาอยู่ในสายตาตลอดเวลา
   ฝั่งชริณเองก็รู้สึกว่าจิตใจตัวเองสงบลง เมื่อได้กอดเจ้าจิ้งจอกไว้อย่างเงียบ ๆ นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดขึ้น ซากุระก็ไม่ได้พยายามเข้าหาเขาอีก ด้วยความที่ว่าชริณพูดอย่างชัดเจนไปแล้ว ไหนจะเรื่องน่าอายที่เธอเคยทำไว้กับเขาอีก ทำให้โลกของเราค่อย ๆ หมุนออกจากกัน จนในที่สุดชริณก็เพิ่งได้ทราบข่าวว่าเธอกำลังจะมีข่าวดีกับหัวหน้าแผนกเขาช่วงปลายปีนี้ ซึ่งฝั่งนั้นก็หย่ากับภรรยามาได้สักระยะแล้ว
   เราต่างฝ่ายต่างชาร์ตพลังงานให้กันโดยการกอด แม้ตอนนี้จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่ต่างฝ่ายก็ต่างมีเรื่องกังวลคนละแบบกัน การที่มีลูก มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี ชริณคิดว่าไว้แล้วว่าเขาจะต้องทำงานให้หนักกว่า รอลูกสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ จะจ้างครูให้มาสอนหนังสือที่บ้าน
   ส่วนความคิดที่ว่าอยากจะพาครอบครัวย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่กว่านี้ เขาก็เพิ่งได้พูดคุยกับเจ้าของบ้านมา ได้ข้อสรุปว่าช่วงต้นเดือนหน้าเราจะได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิม ไปอยู่ในบ้านหลังใหม่
   “พ่อแม่ชาริน ซังจะดุไหม”
   “......”
   “พ่อแม่ของน้องใจดีนะ” เจ้าจิ้งจอกเอ่ยถามสิ่งที่กำลังเป็นกังวล
   กลายเป็นว่าการปรนนิบัติสามีเป็นเรื่องรองไปก่อน เพราะเรื่องนี้สำคัญกว่า น้องรู้ดีว่ามนุษย์มีสังคม รู้เหตุผลด้วยว่าทำไมชาริน ซังถึงอยากพาไปประเทศไทยด้วยกัน เพราะถ้าเป็นน้องเอง ก็อยากเอาชาริน ซังไปแนะนำให้ครอบครัวได้รู้จักเหมือนกัน เราต้องทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราว
   ชาริน ซังจะมาอยู่กับน้อง สร้างครอบครัว มีลูกด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ปราศจากสังคมมาตั้งแต่แรก
   “ใจดีสิ....ไม่ต้องกังวล ท่านเข้าใจทุกอย่างแน่” ชริณว่า เขารู้จักพ่อแม่ของตัวเองดี ท่านรับมือสถานการณ์ได้ดีและคิดว่าท่านคงไม่ว่าอะไร หากลูกชายคนเดียวจะสร้างครอบครัวกับผู้ชายเดียวกัน
   “แต่ก่อนจะไปเราต้องให้ลูกเราแข็งแรงก่อนนะ รอให้เขาโตกว่านี้ก่อน” ชริณว่า ส่วนหนึ่งเหตุผลที่จะไปหาพ่อแม่ อยากให้ท่านรู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมแต่งงานเสียที จะได้หายห่วงกัน
   เพื่อนส่วนใหญ่เริ่มรับรู้กันแล้วว่าเขากำลังมีคนรัก รวมถึงเมฆที่ทำงานอยู่ญี่ปุ่นด้วยกันด้วย แต่สองคนนี้ไม่ได้เจอกันเสียที คลาดกันตลอด
   ชายหนุ่มไม่ได้เปิดตัวเจ้าจิ้งจอก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ปิด มีถ่ายรูปลงโซเชียลบ้าง เพียงเท่านั้นเพื่อนก็เริ่มรับรู้แล้ว ชริณอยู่ในอายุอานามวัยทำงาน พอคิดจะใช้ชีวิตกับใครสักคน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพื่อนร่วมรุ่นบางคนก็แต่งงานได้ลูกสาม ลูกสี่กันแล้ว
   แต่ครอบครัวเขา เมียคลอดครั้งเดียวได้ลูกเลยสี่ตัว....
   “เจ้าจิ้งจอก ลูกสี่ก็พอแล้วเนอะ” เขาถามภรรยา เรื่องลูกเราก็ต้องตกลงกันว่าจะอยู่กี่คน จริง ๆ เขาว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แค่เท่านี้ครอบครัวก็วุ่นวาย หากจะมีอีกคอก ลูกออกมาสี่ตัวอีกรอบ ชริณก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะเลี้ยงไหวไหม
   “อืม...แค่สี่ตัวเองเหรอ” เจ้าจิ้งจอกน้อยทำท่าคิดหนัก “แล้วถ้าสี่ตัว น้องจะได้ภารกิจกับชาริน ซังอีกไหม”
   “.....”
   “น้องอยากทำภารกิจบนเตียงอะ อยากทำแต่ไม่อยากท้อง....” เจ้าจิ้งจอกขยายความ น้องเคยได้ยินว่ามีตัวช่วยที่ลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์ ชาริน ซังเคยอธิบายตอนเราไปห้างด้วยกัน แต่น้องไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร ลืมหมดแล้ว
   “จะมีวิธีอยู่ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก จะจัดการเอง...แต่อยากถามว่าจะมีลูกกี่คน” ชายหนุ่มว่า ชริณภาวนาในใจขอให้เจ้าจิ้งจอกตอบว่าพอแล้ว เพราะสิ่งหนึ่งเขาไม่อยากให้เจ้าจิ้งจอกได้ตั้งท้องในร่างสุนัขจนกระทั่งคลอดด้วย พอนึก ๆ ไปแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย ไม่เคยรู้เลยว่าเมียตั้งท้อง จนกระทั่งอีกฝ่ายคลอดออกมา เขาถึงค่อยรู้
   มันน่านัก....
   “สี่ก็พอแล้ว เท่านี้น้องก็ปวดหัวมาก ๆ เลยอะ” เจ้าจิ้งจอกว่า ลูก ๆ ของเราตัวเล็กพริกขี้หนู ขนาดยังแบเบาะ ก็เล่นเอาพ่อแม่ป้ายแดงถึงกับหัวหมุนไปหมด แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่งั้นคงได้วุ่นวายกว่านี้แน่ ภารกิจที่เหลือก็ให้บรรดาเหล่าลูก ๆ รับช่วงต่อไป ไม่ต้องเพิ่มจำนวนมากมาย แต่ขอให้เผ่าพันธุ์ของเราไม่สูญพันธุ์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
   
   วันนี้เป็นวันพิเศษ...เพราะเจ้าก้อนขนตัวป่วน บรรดาลูก ๆ ของชริณจะอายุครบหกเดือนพอดี ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะได้เห็นหน้าลูกทั้งสี่ในร่างมนุษย์ตามคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์มาก่อน นั่นก็คือคุณแม่ลูกสี่
   ชริณพยายามบอกตัวเองว่าทำใจให้ชินสักที ก็เหมือนกับเจ้าจิ้งจอกนั่นแหละ เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ขนาดเรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนที่เราสร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว ชริณยังต้องคอยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ตามคำบอกเล่าของภรรยา ยกตัวอย่างเรื่องตอนภรรยาของเขาตั้งท้อง คลอดออกมาแล้วถึงได้รู้ว่าท้อง ต่อให้รู้ว่าสามารถอยู่ในสองร่างได้ ก็ต้องเรียนรู้อยู่ดี
   ชริณพยายามคิดเช่นนั้น พูดกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยว่าอย่าตื่นเต้น แต่พอใกล้ถึงเวลาจริง ๆ ชริณกลับนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะนั่นคือลูก เขาลุกขึ้นมามองเปลลูกเป็นระยะ ๆ สังเกตเจ้าหนูน้อยทั้งหลายที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ เผื่อสรีระของเจ้าหนูจะเปลี่ยนจากร่างลูกสุนัขจิ้งจอก เป็นร่างเด็กน้อยแล้ว
   ขณะที่รอให้เวลาผ่านพ้นไปเรื่อย ล่วงเลยจนถึงเช้า ชริณก็คิดไปต่าง ๆ นานา จินตนาการถึงหน้าตาเจ้าหนูน้อยในร่างมนุษย์จะเป็นเช่นไร น่ารักแค่ไหนกันนะ แก้มยุ้ยไหม ดวงตาจะได้ใคร จมูก ริมฝีปากล่ะ เขาคิดไปหมด นึกถึงความรู้สึกตอนได้เห็นหน้าลูกน้อยครั้งแรกอีกด้วย ขณะที่เขากำลังตื่นเต้นจนข่มตาหลับไม่ลง ภรรยาของเขาก็หลับสนิท เพราะทั้งวันใช้พลังงานเลี้ยงเจ้าตัวแสบทั้งหลายจนหมดแล้ว
   เฮ้อ....อยากเห็นหน้าลูกในร่างมนุษย์เร็ว ๆ จัง

   “ชู่ว....อย่ากวนคุณพ่อสิลูก เขาทำงานมาทั้งวันเลยนะ”
   “....”
   “แอ๊ะ ๆ คุงพ่อหลอ คุงพ่อหลับ คิ ๆ”
   “.....”
   “ง—งือ ทำไมหลับอ่า”
   “.....”
   “อยากเล่นกับคุงพ่อจาง”
   “.....”
   “ง—งึก คุงพ่องเล่งตื่งมาเล่งกังก่อง” เสียงเด็กพูดดังสลับกันไปมา ทำเอาชริณที่กำลังหลับอยู่ถึงกับขมวดคิ้วพลิกตัวหันไปอีกทาง ไม่อยากได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ชายหนุ่มได้แต่สงสัยในใจว่าลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมถึงปล่อยให้มารบกวนเวลาพักผ่อนของเขาเช่นนี้
   แต่เดี๋ยวนะนี่มันบ้านเขานี่หว่า งั้นก็แสดงว่า......
   ชริณถึงกับลืมตาขึ้นหันหน้ามองตามเสียงของเด็กทันที หลังเขาเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ เจ้าหนูน้อยทั้งหลายจะอยู่ในร่างมนุษย์!
   “...!!”
   “คุงพ่อ แอ๊ะ ๆ”
   “หน้าคุงพ่อตลกจาง”
   “เล่งกัง ๆ”
   เมื่อหันไปมองตามเสียง ชริณก็เหมือนถูกสาปชั่วขณะ มองดูเด็กตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่คนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง กำลังตั้งไข่หันมองเขา พร้อมกับหัวเราะทั้งฟันหลอ โดยทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในความดูแลของเจ้าจิ้งจอกน้อย
   “นี่มัน....” ชายหนุ่มเกิดอาการน้ำท่วมปาก อึ้ง พูดไม่ออก บรรยายไม่ถูก อย่าบอกว่านะว่าเจ้าเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ชริณฟูมฟัก คอยดูแลให้ความรักตั้งแต่ยังเป็นเจ้าก้อนขน ขี้โวยวาย คือเจ้าเด็กหน้าตาน่ารักพวกนี้....เจ้าเด็กทั้งสี่หนอซึ่งเกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา!
   “ชาริน ซัง นี่ไง....ลูกของเรา” เพราะเห็นว่าชาริน ซังอ้ำอึ้ง มัวแต่ตกใจไม่หาย คุณแม่จิ้งจอกจึงเฉลยให้ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เพราะหน้าตาตลก ๆ ของสามี ไม่รู้จะตกใจไปถึงไหน
   “ลูกเราจริงเหรอ” ชริณละล่ำละลักถามภรรยา ซึ่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็พยักหน้าตอบอย่างยินดี
   อาการง่วงนอนของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง มองเจ้าก้อนอารมณ์ดีทั้งหลาย ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ทั้งดีใจ งุนงง อึ้ง ปะปนกันไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นชริณก็ยังเอื้อมมือไปจับแก้มยุ้ยจากหนึ่งในสมาชิกครอบครัวก้อนขน
   “ฮะ...น่ารักจัง”
   “คุงพ่อ” ทันทีที่ได้สัมผัสแก้มนุ่มนิ่มของเจ้าตัวป่วน ชริณก็ถึงหลุดหัวเราะออก รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ใช่ไหมลูกของเขา ความรู้สึกตื่นตัวเหมือนตอนรู้ว่าเจ้าจิ้งจอกได้คลอดลูกกลับมาเยือนชริณอีกครั้ง นี่เขากำลังได้เป็นพ่อคนแล้ว เป็นแฟมิลี่แมนตัวจริง!
    ชายหนุ่มกวาดตามอง สังเกตเจ้าก้อนขนในร่างมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผิวขาวจั๊วะเหมือนได้แม่มาหมด เครื่องหน้าก็ผสมผสานกันไป ไม่มีสมาชิกคนไหนหน้าตาคล้ายกันสักคน ได้พ่อแม่ปากนิดจมูกหน่อยกันทั้งนั้น มองแค่ปราดเดียวก็รู้เลยว่าลูกใคร
   ทำลูกไม่กี่ครั้งก็ได้มาครบ ไม่มีขาดไม่มีเกิน เมียคลอดครั้งเดียวเขาได้เลยลูกชายสองคน ลูกสาวสองคน...
   เมื่อเขาเริ่มจับแก้มยุ้ยของหนึ่งในสมาชิกก้อนขนตัวป่วน ลูกที่เหลือก็เริ่มคลานเข่ามาหา หมายจะขอเล่นกับคนพ่อด้วย
   “แล้วทำไมลูกถึงมีพัฒนาการเร็วแบบนี้” ชริณเอ่ยถามคนรักอย่างงุนงง ดูเหมือนบรรดาเจ้าก้อนขนทั้งหลายจะมีพัฒนาการเร็ว ไม่ต้องฝึกอะไรมากมายก็สามารถพูดคุยกันพ่อแม่ได้แล้ว ติดตรงที่ว่าพูดไม่ชัดแค่นั้นเอง
   “ก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนน้องอยู่ในป่าก็เป็นแบบนี้เลย เขาจะเรียนรู้ตั้งแต่ตอนแรกเกิด เขาฟังเราออกหมดเลยนะว่าพูดอะไร สนใจเขามากน้อยแค่ไหน ติดตรงที่ว่าลืมตา ตอบโต้ไม่ได้เท่านั้นเอง เวลาร้องก็ได้แต่ส่งเสียงแอ๊ะ ๆ เท่าที่ชาริน ซังได้ยินนั่นแหละ” คุณแม่จิ้งจอกว่า
   ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสุข เมื่อมองดูเจ้าก้อนตัวเล็กตัวน้อยเริ่มป่วนคุณพ่อเพิ่งตื่น บ้างก็ปีนขึ้นตัก บ้างก็จับตาจับจมูก สัมผัสใบหน้าพ่ออย่างใกล้ชิด บ้างก็ดึงหูพอให้ชาริน ซังร้องโอดโอยเคล้าเสียงหัวเราะ ขนาดตอนเกิดใหม่ ๆ บรรดาลูก ๆ ก็เล่นงานจนคนพ่อแทบไม่ได้นอน คราวนี้กลายร่างเป็นมนุษย์เจ้าก้อนขนทั้งสี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ
   “โอ้ยยยยย ตัวเล็กอย่าดึงหูพ่อ พ่อเจ็บ”





#น้องจะตอบแทนพี่เอง
สรุปมี15ตอนนะคะ พาไม่อยากยัดๆให้จบในตอนเดียว 55

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด