11
ความชุลมุนตกใจเกิดขึ้นในทันที เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่สามารถกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง เมื่อไม่ได้ดั่งใจเจ้าจิ้งจอกก็เริ่มน้ำตาซึม พยายามแค่ไหนทุกอย่างก็ยังล้มเหลว
ทำไม....ทำไมน้องกลายร่างไม่ได้?
ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำใส ผิดหวังที่ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจตัวเอง ทำไมน้องถึงกลายร่างไม่ได้ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย
“ไม่เอา ไม่ร้อง” ชริณลูบหัวเจ้าจิ้งจอกตัวน้อย พยายามเช็ดน้ำตาออกให้ หลังเขาเดินตามมันออกมาจากห้องนอน เจ้าจิ้งจอกพยายามหลับตาปี๋ เหมือนกำลังกลั้นใจอธิษฐานบางอย่างอยู่หลายหนแล้วก็เริ่มน้ำตาซึมออกมา
“ฮึก...ก” ความเสียอกเสียใจของเจ้าจิ้งจอกน้อย ทำให้มันเลือกที่จะหันหน้าเข้ากำแพง ชริณเองก็ถึงกับไปไม่ถูก จึงทำได้แค่ลูบหัว คอยให้กำลังใจเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ล้มตัวนอนกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก มีอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด จนชริณอดห่วงไม่ได้ เพราะเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่กินข้าวกินน้ำเลยตั้งแต่ตื่นมา
“กินข้าวเร็ว” เขาเรียก พร้อมกับเคาะถาดข้าวเรียก
“.....”
“ไม่กินข้าวก็ต้องกินน้ำนะ” เขาว่าต่อเมื่อยังคงเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกยังเงียบอยู่ ไม่ยอมขยับร่างกาย มีแต่มองหน้าชริณอย่างนิ่ง ๆ
“เจ้าจิ้งจอก....” เขาเรียกมันอีกหน คราวนี้เจ้าจิ้งจอกถึงยอมลุกขึ้น เดินไปจิบน้ำพอเป็นพิธีไม่ให้ถูกบ่นไปมากกว่านี้แล้วกลับมาล้มตัวนอนต่อราวกับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ทิ้งให้ชริณถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อย หลังชาริน ซังกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วก็กลับมาเครียดเช่นเดิม...ความเครียดเริ่มกัดกินใจน้องอย่างช้า ๆ ตอนนี้ในหัวของน้องมีแต่คำว่าทำไม ทำไม อยู่เต็มไปหมด หากน้องไม่สามารถกลายร่างกลับคืนมนุษย์ได้ อยู่ในร่างนี้ตัวชีวิต เผ่าพันธุ์ของน้องจะสูญพันธ์ไปใช่ไหม...
ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น หากน้องท้องไม่ได้ ก็แปลว่าภารกิจของน้องไม่สำเร็จ น้องไม่มีประโยชน์อะไร กลายคืนสู่สถานะจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง.... แล้วต่อจากนี้ไปไม่มีภารกิจที่ต้องทำแล้ว ชาริณ ซังจะยังอยากอยู่กับน้องไหม?
ฝั่งชริณเองเมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่แตะต้องอาหารสักเม็ด เขาก็ลงทุนเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อที่จะทำอาหารสำหรับหมา เผื่อเจ้าจิ้งจอกอาจเบื่อหน่ายอาหารเม็ดก็เป็นได้
เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้กลับมาในร่างจิ้งจอกแดงอีกครั้ง มันเป็นความผิดพลาดหรือไม่เป็นสัญชาตญาณบางอย่างที่เจ้าจิ้งจอกอาจไม่เคยรู้ก็ได้ ชริณเองก็ไม่รู้จะช่วยเหลือยังไงเหมือนกัน พยายามลองค้นหาอ่านพวกตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกแดงอีกหลายหนแล้ว แต่ก็พบเพียงตำนานปิศาจจิ้งจอกเท่านั้น
เขาอยากลองหาทางช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนมืดทั้งแปดด้าน พอ ๆ กับเจ้าจิ้งจอกที่ไม่รู้สาเหตุของเรื่องนี้เช่นกัน ตอนนี้ชริณก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ไม่ให้อีกฝ่ายคิดมากไปกว่านี้
“เจ้าจิ้งจอก กินข้าวเร็ว” ชริณเรียกขานเจ้าหมาง่วงซึมอีกครั้ง เคาะถาดข้าวใบใหม่เพื่อเรียกให้เจ้าจิ้งจอกลุกมากินข้าวเสียดี ๆ
วันนี้ชริณอุตส่าห์ทำสตูหมู อาหารสำหรับสุนัขที่เขาอุตส่าห์เปิดกูเกิ้ล หาวิธีมาจากอินเทอร์เน็ต มาทำให้อีกฝ่ายกิน เอาเนื้อหมูไม่ติดมัน แครอท ไข่ไก่ มันฝรั่งออกมาจากตู้เย็น ลงทุนปรุงรสจนกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวเชียว เจ้าจิ้งจอกไม่ต้องกินจนหมดถาดก็ได้ แต่เจ้าจิ้งจอกต้องกิน เดี๋ยวล้มป่วยขึ้นมาแล้วจะแย่เอา
“มากินข้าวเร็ว ๆ อุตส่าห์ลุกมาทำให้กินเลยนะ” ชริณเรียกเจ้าจิ้งจอกอีกหน คราวนี้เขาใช้โทนน้ำเสียงเข้มขึ้นเพื่อให้คล้ายกับการออกคำสั่ง นั่นทำให้เจ้าจิ้งจอกยอมเดินมากินอาหารแต่โดยดี
เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน พอร่างกายได้กลิ่นอาหารหอมฉุยเข้าหน่อย กระเพาะเล็ก ๆ ก็ส่งเสียงร้องทันควัน ลิ้นยาวค่อย ๆ กินอย่างไม่รีบร้อน แต่ทว่าใช้เวลาเพียงไม่นานสตูหมูฝีมือชาริน ซังก็เคลื่อนย้ายไปอยู่ในกระเพาะเล็ก เหลือไว้แต่ถาดเปล่าให้ดูต่างหน้าแทน
“เก่งมากเจ้าจิ้งจอก! ต้องยังงี้สิ” เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกจัดการสตูฝีมือเขาจนเกลี้ยงถาด ชริณก็รีบลูบหัวเพื่อให้รางวัล พอได้เห็นเจ้าจิ้งจอกกินอะไรลงท้องบ้าง เขาจะได้คลายความกังวลลงบ้างอย่างน้อยก็มีอะไรตกถึงท้องอีกฝ่าย
ช่วงเวลาตั้งแต่เย็นจนถึงหัวค่ำ ชริณได้ให้เวลากับเจ้าจิ้งจอกน้อยไปเสียหมด ด้วยความที่ไม่อยากทิ้งมันอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง กลัวจะฟุ้งซ่าน พูดกับใครก็ไม่ได้อีก เขาจึงจัดการอุ้มเจ้าจิ้งจอกแดงขึ้นมานั่งบนโซฟา ดูโทรทัศน์ด้วยกันเสียเลย ขณะที่กำลังดูรายการข่าวหัวค่ำ ชริณก็ลูบหัวมันไปหมด เขาอยากช่วยเหลือเจ้าจิ้งจอกน้อยจริง ๆ แต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
กลายเป็นว่าช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ชริณใช้เวลาตะลึงไปกับเรื่องของเจ้าจิ้งจอกเป็นสิบรอบ นับตั้งแต่เช้าวันเสาร์กับอาการแปลก ๆ จนคล้ายว่าจะตั้งท้อง จนถึงวันอาทิตย์ที่จู่ ๆ ก็กลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงเช่นเดิม มิหนำซ้ำยังกลายกลับคืนไม่ได้อีก ชริณจนปัญญากับเรื่องนี้จริง ๆ
“อยากเข้าไปนอนด้วยกันไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม หลังเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้เขาต้องเข้าบริษัททำงานไปอีก จะลาอีกก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่ได้โบนัสพักร้อน
เจ้าจิ้งจอกน้อยได้มองหน้าชริณอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดจาและไม่มีท่าทีจะลุกตามชริณเข้าห้องนอนมา ชายหนุ่มได้ถอนหายใจอย่างลำบากใจ สงสารก็สงสาร เรื่องเมื่อวานก็ยังไม่ปรับความเข้าใจกัน มีเรื่องนี้เข้ามาแทรกอีก
เราสบตากันครู่หนึ่ง ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาจะมีข้อความมากมายที่อยากบอกให้ชริณได้รับรู้ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พูด เล่าเรื่องราวผ่านสายตาเศร้า ๆ ออกมาเท่านั้น เพราะอยู่ในร่างสัตว์ พูดจาภาษามนุษย์ไม่ได้ ขีดกำจัดของร่างกายมันก็มี ทำอะไรก็ไม่เทียบเท่ากับตอนอยู่ในร่างมนุษย์อยู่แล้ว
“งั้นถ้าอยากเข้ามานอนก็มานะ ประตูไม่ได้ล็อก” ชริณว่าสั้น ๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เจ้าจิ้งจอกน้อยอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง
หากมีปาฏิหาริย์....ชริณก็อยากขอให้เจ้าจิ้งจอกกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้เหมือนเดิม....
เช้าแห่งการไปทำงานก็เวียนมาถึงอีกจนได้ เป็นวันที่ชริณก็ไม่อยากตื่นมากที่สุด ข้างกายของเขาไร้เงาของเจ้าจิ้งจอก เป็นอันรู้กันว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้ามานอนในห้องทั้งคืน ชายหนุ่มจึงยืดเส้นยืดสาย ลุกขึ้นออกไปเช็กข้างนอก ภาวนาขอให้วันนี้สถานการณ์ทุกอย่างกลับคืนปกติ
ทว่าทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งนั้น ภาพที่ชริณเห็นคือภาพของเจ้าจิ้งจอกน้อยกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา ขดตัวเป็นวงกลม กกกอดตัวเองเอาไว้
“เดี๋ยวจะรีบกลับมานะ ข้าว น้ำเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว ไม่ต้องเครียด ไม่ทิ้งหรอก”
ก่อนจะออกไปทำงาน ชริณก็พูดคุยกับเจ้าจิ้งจอกอย่างเช่นทุกที เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้ มันกำลังคิดเรื่องอะไรบ้าง ภายใต้แววตานิ่ง ๆ นั่น แต่ชริณต้องรีบบอกมันไว้ก่อนว่าจะไม่มีทางทิ้งเด็ดขาด เคยเอ่ยปากให้สัญญาอะไรไว้ เขาก็จะรักษาคำนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนหรือสัตว์ก็ตาม...
“ไปแล้วนะ ดูแลบ้านดี ๆ ด้วย”
“.....” เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้ส่งเสียงร้องตอบกลับ หรือทำท่าทางร่าเริงอย่างเช่นทุกวัน แต่กลับมองหน้าชริณนิ่ง ๆ มอง...จนอีกฝ่ายอยู่ไกลสุดสายตา
“สรุปไปบ้านชริณ ซังนะ สะดวกใช่ไหม”
“บ—บ้านผมเหรอครับ”
“อา...ไม่สะดวกงั้นเหรอ”
“สะดวกครับหัวหน้า แต่ว่า....”
“แต่ว่า?”
“ป—เปล่าหรอกครับ สามารถมาได้” สุดท้ายชริณก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป เพราะหากพูดไป ทุกคนคงมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่เขากำลังเกรงใจเจ้าจิ้งจอก สภาพจิตใจและอารมณ์ของมัน คงไม่ได้อยู่สภาพพร้อมที่จะรับแขกเท่าไรนัก ขนาดตอนอยู่กับเขา หน้ายังไม่ค่อยอยากจะมองเลย
“ไปได้แน่นะ”
“ได้ครับ” ชริณยืนยัน
“งั้นก็ตามนั้นแล้วกัน”
“ครับ หัวหน้า”
เหตุมันเกิดที่ว่าหัวหน้าแผนกเขาอยากจะเลี้ยงวันเกิดของเจ้าตัว ครั้นจะไปนั่งกินที่ร้านอาหารก็ไม่เหมาะเท่าไรนัก เพราะเราค่อนข้างเสียงดัง ขี้โวยวาย เวลาแอลกอฮอล์เข้าปาก จึงไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัท จึงตัดสินใจหาบ้านใครสักคนกินเลี้ยงกันดีกว่า ปรากฏว่าหวยมาลงที่บ้านของชริณ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่มีครอบครัว บ้านอยู่ห่างไกลจากครัวเรือนอื่น
มติเป็นเอกฉันท์ว่างานเลี้ยงวันเกิดของหัวหน้า จะใช้บ้านชริณเป็นสถานที่จัด ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้หวงอะไร แต่มาติดตรงรู้สึกว่าเกรงใจเจ้าจิ้งจอกนี่แหละ ถึงได้ทำให้เขาหนักใจจนถึงตอนนี้
“สรุปบ้านมึงได้แน่นะ” หลังจากที่เราแยกย้ายกันแล้ว เป็นอันเข้าใจว่าจะมาเจอกันที่บ้านของชริณหลังเลิกงาน เมฆก็เดินมาคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว อีกฝ่ายคงเดาจากสีหน้าชริณออกว่าเขากำลังมีเรื่องหนัก
“ได้ ๆ”
“สีหน้ามึง....”
“กูแค่เกรงใจเขา”
“อ๋อ...คนนั้นของมันอะนะ งั้นให้กูไปคุยกับหัวหน้าให้ใหม่ไหม เอาห้องกูก็ได้ แต่ให้เบาเสียงลงกว่าปกตินิดหน่อย” เมฆเสนอความคิด
“ไม่เป็นไรหรอก เอาบ้านกูนี่แหละ”
หลังจากเลิกงานเสร็จ ทุกคนที่จะมากินเลี้ยงในวันนี้ก็ต่างแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันไป บางส่วนก็ไปซื้อของที่ทำกินกันวันนี้ ส่วนชริณเองก็ต้องรีบกลับบ้าน ไปเคลียร์พื้นที่ให้กว้างพอและบอกเจ้าจิ้งจอกด้วยว่าวันนี้มีแขกมาบ้าน เขาล่ะกลัวใจเหลือเกินว่ามันจะหงุดหงิด ไล่งับทุกคนเหมือนตอนที่ทำกับซากุระคราวนั้น
ชริณมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ เมื่อเปิดประตู เจ้าจิ้งจอกก็มองเขาอย่างตื่น ๆ ดูเหมือนมันเองก็คงตกใจเหมือนกันที่เขากลับบ้านเร็ว เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่ชริณมองคือถาดข้าว ถาดน้ำของเจ้าจิ้งจอก มันพร่องไปแค่นิดเดียว เมื่อเช้าชริณใส่อาหารเม็ดให้จนพูนถาด
“กินข้าวน้อยจัง” เขาว่าพร้อมกับเดินไปลูบหัวเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเช่นทุกที
“.....”
“ยังไม่หายซึมอีกเหรอ ไม่ต้องเครียด ๆ” ยิ่งเห็นท่าทางซึม ๆ ของเจ้าจิ้งจอกน้อย ชริณก็ยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่ ปกติเขาเคยชินที่อยู่กับความร่าเริงของเจ้าจิ้งจอกน้อย มากกว่าจะได้เห็นเช่นนี้ ยอมรับเลยว่าไม่ชิน
“อืม...เจ้าจิ้งจอกวันนี้จะมีคนมาบ้านนะ อย่าไปกระโดดงับเขาอีกรู้ไหม แบบนั้นมันไม่น่ารักเลย” เมื่อนึกได้ว่าวันนี้กลับบ้านเร็วทำไม เขาก็รีบพูดคุยกับเจ้าจิ้งจอกทันที ต้องบอกก่อน ไม่รู้ว่ายามมันอยู่ในร่างจิ้งจอกจะรู้ทุกคำที่ชริณพูดไหม แต่เขาก็ต้องบอกมันไว้ก่อน
เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไรหรือแสดงความไม่พอใจอะไรออกมา ชริณก็ปลีกตัวไปล้างจาน เก็บข้าวของ เสื้อที่พาดไว้อยู่บนโซฟาให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่กลุ่มเพื่อนร่วมงาน ร่วมแผนกจะเดินทางมาถึง
เฮ!!
เสียงแก้วกระทบกันเคล้ากับเสียงเฮของเหล่าเพื่อนร่วมงาน เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีชนแก้วกันเสียที งานนี้ไม่ได้มีแต่แผนกของชริณที่มาที่บ้าน แต่รวมไปถึงซากุระที่อยู่แผนกบัญชีก็มาร่วมงานด้วย เพราะสนิทชิดเชื้อกับเจ้าของวันเกิดอย่างหัวหน้า
โชคดีที่บริษัทของชริณไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากนัก หลังเลิกงานเราจะไม่มีการพูดเรื่องงานอีก เพื่อเพิ่มความเครียดให้กับใครคนใดคนหนึ่งอีก ทำงานคือทำเต็มที่ ตรงต่อเวลา เลิกงานปุ๊บทุกอย่างคือจบ นอกเวลางานคือการใช้ชีวิตส่วนตัว หัวหน้าแผนกชริณก็เป็นกันเอง ทำให้ยามเราอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครเคอะเขิน ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
“กินกันเยอะ ๆ เลยนะทุกคน มื้อนี้ไม่อั้น มีของเต็มที่” หัวหน้าแผนกพูด
“รับทราบครับ/รับทราบค่ะ”
“ดื่มให้หมดแก้วสิชริณ คุง” คราวนี้หัวหน้าหันมาพูดกับชริณที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดและเป็นเจ้าของสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์
“ค..ครับ” ชริณรับปาก ก่อนจะยกแก้วสาเกดื่มจนหมดจอก
ตอนนี้เหล่าพนักงานร่วมแผนกรวมถึงคนอื่นอยู่ในบ้านชริณห้าหกคน โชคดีที่บ้านเดี่ยวของเขาไม่ได้ใหญ่และแคบจนเกินไป ทำให้เราสามารถนั่งล้อมวงรอบโต๊ะญี่ปุ่นร่วมกันได้ไม่อึดอัดและหลาย ๆ คนเราก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
การเลี้ยงสังสรรค์ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันชริณก็เหลือบไปมองเจ้าจิ้งจอกที่กำลังนอนแนบไปกับพื้นบ้านเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่เพื่อนทยอยเข้ามาบ้าน สิ่งเดียวที่ชริณปวดหัวมากที่สุดก็คือเรื่องราวระหว่างซากุระและเจ้าจิ้งจอกน้อย…
แม้ครั้งนี้เจ้าจิ้งจอกจะไม่ได้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับซากุระ เพราะมัวแต่เศร้าเรื่องตัวเองอยุ่ แต่หญิงสาวก็แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนชริณต้องพูดยืนยันว่าเจ้าจิ้งจอกคงไม่ได้ไม่ชอบหน้าเธอ มันก็แค่ไม่ชอบกลิ่นหอมที่ติดตัวหญิงสาวเท่านั้น แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไร พยายามจ้องเจ้าจิ้งจอกเป็นระยะ ๆ จนมันเลิกสนใจเรื่องของตัวเองและจ้องเธอตาไม่กะพริบแทน
“อืม...เจ้าจิ้งจอกตัวนี้ชริณ คุงเลี้ยงมันมานานแล้วเหรอ” ระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งดื่ม สนทนาอย่างออกรสชาติ หัวหน้าแผนกก็ชวนชริณพูดคุยต่อ
“ไม่นานเท่าไรครับ ยังไม่ครบปีเลย” ชริณว่า
“เป็นจิ้งจอกป่า?”
“ประมาณนั้นครับ ตอนผมเจอเจ้าจิ้งจอกครั้งแรก ผมเห็นมันกำลังคุ้ยขยะอยู่ ตัวของมันผอมกะหร่องมากเลย สงสารเลยหาอาหารให้กิน มันก็เลยมาอยู่ด้วยจนถึงตอนนี้นี่แหละครับ” ชริณว่า ย้อนกลับไปตอนที่เขาเจอเจ้าจิ้งจอกครั้งแรก มันน่าสงสารจริง ๆ ตัวที่ผอมกะหร่อง ผอมจนเห็นกระดูกซี่โครงชัดเจน ยังเป็นภาพติดตาชริณจนถึงทุกวันนี้
“แล้วไม่กลัวเหรอ”
“ครับ?”
“อ้าว...ชริณ คุงไม่เคยได้ยินตำนานปิศาจจิ้งจอกของญี่ปุ่นเหรอ น่ากลัวไม่หยอกนะ” หัวหน้าถามหน้ายิ้ม
“อ๋อ...ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอกครับ” เขาโกหกคำโต....ใครว่าชริณไม่เชื่อเรื่องพวกนี้กันเล่า
จริง ๆ ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่ออะไรพวกนี้หรอก แต่พอเจ้าจิ้งจอกน้อยแสดงสิ่งที่เหนือธรรมชาติให้เห็นเป็นขวัญตา ทำให้ชริณรู้เลยว่าสิ่งที่ไม่เห็นใช่ว่ามันจะไม่มี...
งานเลี้ยงมีเริ่มก็ต้องมีเลิกรา พรุ่งนี้ยังเป็นวันปกติที่เราต้องไปทำงานกัน ทำให้เราทั้งหมดจะอยู่ดึกกันไม่ได้ เมื่อได้เวลาที่พอเหมาะแล้ว ไม่ถือว่าดึกมาก ทุกคนก็พร้อมใจกันจะกลับบ้าน แต่ก่อนที่จะไป บางคนก็ขอใช้ห้องน้ำก่อน ซึ่งชริณก็ไม่มีปัญหาอะไร
“ชาริน ซังคะ”
“ครับ?” ชริณหันไปตามเสียงเรียกของซากุระ
“ขอใช้ห้องน้ำในห้องนอนได้ไหมคะ พอดีข้างนอกไม่ว่าง” หญิงสาวว่าพร้อมกับปรายตามองห้องน้ำข้างนอก เพื่อยืนยันว่ามันไม่ว่างจริง ๆ
“อ๋อ ได้ครับ เข้าไปในห้องนอนจะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ” ซากุระว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเข้าไปห้องนอนชริณ เพื่อไปให้ห้องน้ำอย่างที่เจ้าตัวบอก
“ชริณ...เขาอยู่ไหนวะ” หลังจากพูดคุยกับซากุระแล้ว ชริณก็หันมาคุยกับเจ้าเมฆต่อ อีกฝ่ายเอ่ยถามเขาพร้อมกับชะโงกหน้ามองนั่นนี่ไปเรื่อย ราวกับว่ากำลังจับผิดกัน
“เขาไหน?” ชริณทำหน้างง
“ก็แฟนมึงไงเล่า”
“อะไรของมึงเนี่ย อยากเจอขนาดนั้นเชียว”
“ก็เออสิวะ กูหวังลึก ๆ นะเนี่ยว่าวันนี้จะได้เจอกัน”
“เขา....ก็มีครอบครัวของเขาไหมวะ เวลาส่วนตัวของเขา จะให้อยู่กับกูตลอดเวลาเลยหรือไง” วันนี้ชริณโกหกไปนับครั้งไม่ถ้วน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปหนาเหลือเกิน ครั้นจะชี้เจ้าจิ้งจอกที่นอนสิ้นอาลัยตายอยากอยู่มุมบ้านแล้วว่านี่คือคนรัก ก็กลัวว่าเพื่อนจะเป็นลมไปเสียก่อน
“เสียดาย โอกาสจะมาบ้านมึงก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ”
“เออน่า ครั้งหน้ายังไม่สาย ไม่เลิกง่าย ๆ หรอก” ชริณว่า
“เออ ๆ งั้นกูกลับล่ะ เจอกันที่ทำงานมึง”
“เออ กลับบ้านดี ๆ นะเว้ย”
“รับทราบ” ชริณโบกมือลาเพื่อนสนิท ในที่สุดก็ส่งแขกคนสุดท้ายกลับบ้านเสียที
“อ้าวซากุระ ซัง” นึกว่าส่งทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ทว่าพอหันกลับเข้ามา ชริณก็เห็นซากุระกำลังยืนมองเขาอยู่พอดี เขาลืมเสียสนิทว่าเธอขอเข้าห้องน้ำในห้องนอนเขา
“ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ฉันบังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณและเมฆ ซังเข้าพอดร ว่าแต่ว่าชาริน ซัง.... มีคนรักแล้วเหรอคะ” หญิงสาวพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งบ้านมีแค่เขาและเธอ และเจ้าจิ้งจอกตัวป่วนที่บัดนี้กำลังซากุระตาเขม็ง
“...ครับ” ชริณตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“เมื่อไรเหรอคะ ชริณไม่ได้ชอบฉันหรอกเหรอคะ” หญิงสาวถามต่อในทันที นั่นทำให้ชริณถึงกับเงียบ อย่างที่เจ้าเมฆว่าจริง ๆ ด้วย ซากุระรู้ว่าเขาแอบมีใจให้เธอ แอบมีใจให้...ทั้ง ๆ ที่เธอมีคนรักอยู่แล้ว
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมคะ คุณถึงพยายามห่างจากฉัน”
“คุณมีแฟนแล้วนะครับ พูดแบบนี้ไม่เหมาะหรอก” เขาว่า บรรยากาศระหว่างเรา เริ่มกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“งั้นลองจูบฉันหน่อยค่ะ ฉันอยากพิสูจน์ว่าใจคุณยังเต้นแรงกับฉันอยู่ไหม”
“ซากุระ ซังผมว่าคุณเมาแล้วนะครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันมีสติดี... ชาริน ซังเองก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอคะหรือที่ผ่านมา ฉันเข้าใจผิดไปเอง”
“.....”
“ช่วยลองจูบฉันหน่อยค่ะ สักครั้งหนึ่งก็ยังดี”
“คุณมีแฟนแล้วนะครับ” ชริณพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดูเหมือนตอนนี้เธอเองก็ไม่ค่อยมีสติเท่าไรนัก ส่วนเขาเองก็พยายามคิดว่าจะสรรหาคำไหนให้เธอออกจากบ้านไป โดยไม่ทำให้รู้สึกเสียหน้าและพรุ่งนี้เรายังร่วมงานกันได้ดี
“ตอนนี้ฉันใกล้เลิกกับแฟนแล้วนะคะ...” ซากุระโพล่งออกมา พลางถือวิสาสะจับคางชริณให้หันมาสบตาเธอดี ๆ เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย
“ไม่ดีใจเหรอคะ ฉันเองก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน”
“......”
“ตอนนี้มีแค่เราอยู่กันสองคน ทุกคนก็กลับไปหมดแล้วด้วย จูบฉันหน่อยได้ไหมคะ ฉันสัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเรา” หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะให้ชริณทำตามที่เธอปรารถนา
“ไม่ครั—“ จังหวะที่ชริณก็กำลังเอ่ยปากปฏิเสธอีกครั้ง ซากุระก็อาศัยทีเผลอประกบปากจูบเขาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่วินาที ชริณก็ตั้งสติ ผลักเธอออกทันควัน
ซากุระจูบเขาต่อหน้าเจ้าจิ้งจอก!
“อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับ ซากุระ ซัง ผมยังอยากรักษาความสัมพันธ์ดี ๆ กับคุณไว้อยู่....” ชริณว่า “ต่อให้ผมชอบคุณมาก ต่อให้คุณจะเลิกกับแฟนแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะง่าย ๆ นะครับ มันต้องใช้เวลา”
“.....”
“ที่คุณเคยถามว่าผมชอบคุณเหรอ ใช่ครับ....ผมเคยชอบคุณ รู้สึกดีกับคุณ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว”
“.....”
“อย่าเปลี่ยนจากความรู้สึกดีของผม เป็นความรู้สึกแย่เลยนะครับ ผมไม่อยากมองคุณไม่ดี นี่ก็เริ่มดึกแล้ว กลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวครอบครัวจะเป็นห่วงเอา” ชริณว่าด้วยประโยคยาวเหยียด เขาขีดเส้นระหว่างเธออย่างชัดเจน ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้ใจเต้นแรงกับซากุระอีกต่อไป แม้เราจะเพิ่งจูบกันเสร็จก็ตาม
ฝั่งเจ้าจ้องจิ้งจอกน้อย มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างช็อค ๆ แม้จะเข้าใจว่าชาริน ซังเองก็ไม่ได้อยากจูบกับผู้หญิงคนนั้น แต่น้องก็ยังตกใจอยู่ไหน น้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะได้รับจูบหวาน ๆ จากชาริน ซัง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน จู่ ๆ ก็มาคว้าคอชาริน ซังไปจูบแบบนั้น
รู้ตัวอีกทีดวงตากลมโตก็เริ่มคลอไปด้วยน้ำใสอีกครั้ง เจ็บใจที่ตัวเองทำได้แค่นั่งมองและส่งเสียงร้องประท้วง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเพราะเป็นแค่สัตว์
“มันไม่มีอะไรนะ” หลังซากุระออกพ้นประตูไปแล้ว ชริณก็รีบมาคุยกับเจ้าจิ้งจอกทันที ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่เขารู้แค่ว่าตัวเองต้องรีบอธิบายว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่คิดว่าซากุระจะกล้าทำแบบนั้น
ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเองก็เหมือนยังตกใจอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินเข้ามาใกล้ชริณแล้วเอาหัวซุกอก พยายามเอาเนื้อตัวถูไถ หวังจะให้ชริณกอด
“ไปนอนแล้วนะ ห้องไม่ได้ล็อก” ทุกอย่างจบลงที่ชริณกอดเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ จนรู้สึกว่ามันดีขึ้น เขาถึงกลับเข้าห้องนอนและไม่ได้ล็อกประตูห้องเหมือนอีกเช่นเคย เผื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยอยากจะมานอนด้วย
ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้รับคำปลอบโยนทั้งเรื่องเมื่อกี้และเรื่องที่ตัวเองยังแปลงร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ไม่ได้ น้องก็รู้สึกว่าตัวเองมีพลังบวกมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น....บางอย่างก็ค่อย ๆ แจ่มแจ้งเช่นกัน พอมาคิด ๆ ดูแล้ว บางทีสัญชาตญาณน้องอาจจะผิดพลาด บางทีน้องอาจจะไม่ท้องก็ได้ เพราะน้องไม่มีมดลูก ธรรมชาติจึงให้น้องกลายร่างไม่ได้
กลับคืนสู่สถานะจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง
นั่นเท่ากับทุกอย่างเคยทำมา สูญเปล่าหมดเลย ไม่ว่าเป็นความสัมพันธ์กับชริณ หรืออะไรต่าง ๆ นานาที่เคยมี ภาพบางอย่างที่เคยเลือนราง เริ่มกระจ่างชัดขึ้นมา เมื่อเห็นมุมมองของสัตว์เลี้ยง
ยังไงเสียก็ไม่ได้เคียงข้างกับชาริน ซังหรอก เพราะน้องเป็นแค่สัตว์….
น้องรู้สถานะของตัวเองดี...น้องรู้ว่าตัวเองไม่ใช่....ใครจะอยากได้เมียเป็นตัวประหลาดกัน น้องมันก็แค่ตัวประหลาดอย่างที่ชาริน ซังเคยว่าไว้นั่นแหละและตอนนี้ก็กลายเป็นเจ้าจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ แล้ว น้องทนไม่ได้หรอก หากต้องเห็นชาริน ซังใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น
น้องมันโลภ...พอได้อยู่กับชาริน ซังแล้ว ก็อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขานาน ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นไปไม่ได้ เคยให้สัญญาเขาไว้ตั้งแต่คราวนู้น น้องก็ต้องรักษาสัญญาเหมือนที่ชาริน ซังเคยบอกไว้เช่นกัน
ต่อให้ท้องก็ต้องไปอยู่ดี ยิ่งตอนนี้กลับคืนร่างไม่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่ท้องอีก แล้วน้องจะอยู่ไปทำไม ทำไมไม่กลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง น้องจำคำพูดที่เคยให้ไว้กับชาริน ซังได้ น้องต้องรักษาสัญญา...
น้องต้องไป ก่อนที่ทุกอย่างจะถลำลึกไปกว่านี้.... เมื่อคิดได้เช่นนั้น ดวงตากลมโตก็มองไปรอบ ๆ บ้าน เพื่อหาช่องทางในการหลบหนี จะใช้ประตูอีกก็ไม่ได้ เพราะน้องไม่สามารถกลายร่างได้ ไม่มีมือเปิดลูกบิด มีแต่เท้าหน้าเท่านั้น หาช่องทางอยู่นาน ก่อนที่สายตาของเจ้าจิ้งจอกน้อยจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างครัวที่ชาริน ซังเปิดแง้ม ๆ ไปเพื่อระบายอากาศ
มาก็มาแต่ตัว....พอจะไปก็ต้องไปแต่ตัว...