(จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)  (อ่าน 132794 ครั้ง)

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ชารินซังมันร้ายยยยยยยย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หูย..ยยยยยยยยยยยยยยย ตาชริณ #ทำไมหมั่นไส้

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ซารินซัง ตบะแตกแล้ว :oo1:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อยากจะแหมมมมมให้กับชาริน ซังซะจริงๆ  :a5:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ ให้ +1 แต้มนะครับ :a9:

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1



               “เป็นไร หันหน้ามาคุยกันดี ๆ สิ”



                “.....”



                “ไม่ได้ยินหรือไง”



                “ไม่อยากคุยด้วยแล้ว ชาริน ซังแกล้งน้อง!” เสียงอู้อี้ดังออกมาจากผ้าห่ม ทำเอาชริณถึงกับหลุดยิ้ม มองผ้าห่มผืนร่างกำลังปกคลุมร่างอีกคนจนเป็นเจ้าก้อนยักษ์ วันนี้เป็นอีกวันที่เขาได้ลางานจนได้ เพราะไม่อยากปล่อยให้เจ้าจิ้งจอกอยู่ในสภาพแบบนั้นเพียงลำพัง จับเนื้อตัวแล้วดูเหมือนจะรุม ๆ อาจมีไข้ได้



                ช่วยไม่ได้นี่นา....เขาก็กลัวเจ้าจิ้งจอกจะไม่ท้อง



            “แกล้งอะไรกัน?” ชริณถามเสียงซื่อ เหมือนที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกชอบใช้น้ำเสียงแบบนั้นพูดกับเขา



                “แกล้งว่าเมาไง”



                “แล้วบอกตอนไหนว่าเมา?”



                “.....”



                “คิดเอง เออเองทั้งนั้นเลย” ชริณว่า เขาจำได้ว่าเมื่อคืนยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย แค่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากร่างเขา เจ้ามนุษย์ก็เข้าใจไปแล้วว่าเขาเมา



                ชริณไม่ผิด...



            ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอก เมื่อรู้ตัวว่าเถียงไม่ได้ก็ได้แต่มองค้อนแทน เนื้อตัวปวดไปหมด เป็นเพราะชาริน ซังทั้งนั้น หากปล่อยให้จัดการเอง น้องก็คงไม่ต้องมานอนปวดตัวแบบนี้หรอก ชาริน ซังผิด!



                “แต่ยังไงชาริน ซังก็ผิดอยู่ดีอะ!”



                “อะไรอีกล่ะ” ชริณเลิกคิ้วสูง เจ้ามนุษย์จิ้งจอกไม่ยอมจริง ๆ ด้วยแฮะ



                “ก็....ถ้าปล่อยให้น้องจัดการเอง น้องก็คงไม่ต้องปวดตัวแบบนี้หรอก”



                “ก็ไหนว่าบอกจะทำลูก นี่ก็ช่วยแล้วไง ผิดตรงไหน? แต่ก่อนก็เห็นชวนทำไม่ใช่เหรอ เร่งให้ทำลูกอยู่นั่นแหละ เคยถามแล้วด้วยว่าเตรียมร่างกายยัง ไม่เชื่อฟังเองไม่ใช่หรือไง” ชริณถามกลับบ้าง คราวนี้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็อึ้งกิมกี่ไปอีกรอบ ตั้งท่าอ้าปากจะสู้จนตัวเองชนะ แต่ชริณไม่อยากฟังแล้ว



                “ก—ก็”



                “ไม่ต้องพูดเลย ไม่อยากฟังเด็กขี้เถียงแล้ว” เขาว่า ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้องนอนไปทำซุปร้อน ๆ แต่เด็กขี้เถียงอย่างเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็เรียกเขาไว้เสียก่อน



                “ด—เดี๋ยวสิ ชาริน ซังอย่าเพิ่งไป...”



                “.....”

                “อุ้มน้องไปด้วย ลุกไม่ไหว”



 





                เพราะเช้านี้อากาศค่อนข้างหนาวกว่าทุกวัน ชริณจึงเลือกที่จะทำซุปข้าวโพดร้อน ๆ ให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกได้ซด เพื่อให้ตัวอุ่น ถึงแม้ว่าจะเคยพูดไปว่าหลังเสร็จกิจ จะไม่มีการทายา นวดตัวให้ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องประคบประหงมอีกฝ่ายอยู่ดี เขาลงทุนสวมบทเป็นพ่อครัว หุงหาอาหารให้เจ้าจิ้งจอกกิน พร้อมกับให้กินยาพาราหนึ่งเม็ดก่อนที่จะมีใครได้ล้มป่วยจริง ๆ



                “ไม่กินไม่ได้เหรอ หน้าตามันไม่น่าไว้วางใจเลยอะ” เสียงเล็ก ๆ ต่อรองอีกครั้ง มองเม็ดสีขาวกลม ๆ ตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ ยิ่งลองดมกลิ่นดู ยิ่งไม่น่าไว้วางใจเข้าไปใหญ่



                “ต้องกินนะ เดี๋ยวไม่สบาย”



                “น้องแข็งแรง”



                “แข็งแรงอะไรกัน จะเป็นไข้แน่” ว่าจบเขาก็เอามืออังหน้าผากอีกคนดู คราวนี้ตัวร้อนยิ่งกว่าตอนเพิ่งตื่นเสียอีก



                “มันจะขมไหม?”



                “ไม่ขมหรอก” ชริณโกหกคำโต “รีบเอาเข้าปาก ดื่มน้ำตาม ไม่ขม” เขาว่า จ้องหน้าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายรีบกินยาเสียที เจ้ามนุษย์จิ้งจอกมองหน้าชริณครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมทำปาก รีบโยนเม็ดยาขาว ๆ เข้าปากแล้วดื่มน้ำอึกใหญ่ตามลงไปทันที



                “อี๋....” หลังจากกินยาจนเสร็จ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็หลับตาปี๋ ตัวสั่นเล็กน้อย ทำหน้าเข็ดขยาดทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่ยาพาราโง่ ๆ



                “ฝึกไว้ ตอนคลอดลูกเจ็บกว่านี้อีก” ชริณว่า



                หลังจากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกินอาหารเช้าและทานยาเสร็จเรียบร้อย อาการง่วงซึมเพราะฤทธิ์ยาก็เริ่มเล่นงานเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่างช้า ๆ ขณะที่กำลังนอนดูโทรทัศน์กับชริณ ดวงตากลมโตเริ่มปรือขณะที่กำลังซุกตัวอยู่ข้างกายชริณ



                ภาพเด็กผู้ชายธรรมดา ๆ ดูไร้เดียงสาและกำลังง่วงนอน อยู่ในกรอบสายตาของชริณทั้งหมด ชายหนุ่มมองภาพเหล่านั้นนานนับนาที



                ดูเหมือนเจ้ามนุษย์จิ้งจอกพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับเพื่อที่จะได้ดูโทรทัศน์กับเขา ร่างเล็กพยายามเบียดกระแซะเข้าหาชริณราวกับขาดความอบอุ่น ทั้ง ๆ ที่ผ้าห่มผืนหนาที่อีกฝ่ายขนออกมาจากห้องนอน ปกคลุมบนร่างอีกฝ่ายเกือบทั้งหมด



                “ง่วงก็นอน” ชริณพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับจับศีรษะเจ้ามนุษย์จิ้งจอกให้เอนมาซบไหล่ตน เพื่อให้อีกฝ่ายได้นอนหลับอย่างถนัดถนี่ เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้วเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็พร้อมจะทำตามแต่โดยดี







               

                หลังจากปลุกให้ทานข้าวเย็น ทานยาและเช็ดตัวให้ ชริณก็อุ้มตัวเจ้าจิ้งจอกน้อยให้ไปนอนบนเตียงดี ๆ เพื่อที่จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ก็คงหายไข้ ชายหนุ่มขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคน เอาผ้าห่มผืนหนาปกคลุมร่างเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ เพื่ออีกฝ่ายจะได้อุ่น ๆ ยิ่งจ้องหลังคอขาวนานมากเท่าไร เขาก็ต้องใช้ความพยายามหักห้ามใจตัวเอง ไม่ให้ทำตัวรุ่มร่ามมากขึ้นเท่านั้น



                ....แต่เขาก็ทำไม่ได้



                “อือ....ชาริน ซัง”



                “ชู่ววววววว”



                “น้องง่วง” เสียงงอแงดังขึ้นมาในช่วงกลางดึก หลังเจ้าของเสียงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรบกวนโดยคนที่ใช้เตียงร่วมกัน



                “แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หยุดแล้ว” ชริณว่า



                หลังจากโดนชาริน ซังจัดหนักจัดเต็มไปช่วงเมื่อวาน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไม่คิดโหยหาที่จะทำลูกหรือชักชวนให้เราทำเรื่องอย่างว่าด้วยกันอีกเลย เนื่องจากร่างกายดูอ่อนเพลียเกินกว่าจะซ่าหรือหาเรื่องใส่ตัวไหว มิหนำซ้ำยังดูเหมือนจะซมเพราะพิษไข้อีก



                ซอกคอขาวถูกรุกรานเป็นระยะ ๆ พอ ๆ กับฝ่ามือหนาที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ ร่างเล็กกำลังถูกชายตัวใหญ่กว่าโอบกอดจากข้างหลัง แม้จะไม่ได้มีการทำภารกิจกัน แต่ก็สามารถปลุกเร้าคนที่ตัวร้อนรุม ๆ ได้เป็นอย่างดี จากที่ออกอาการรำคาญ ก็เริ่มมีอารมณ์ร่วม ยอมให้จับ ให้จูบโดยไม่ขัดขืน



                ยอมให้ถูกกระทำมากว่านี้....



            ฝั่งอีกคนก็พรมจูบหลังคอของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะรำคาญหรือไม่ ตั้งแต่ย้ายมาทำงานที่ญี่ปุ่น ชริณก็ห่างหายจากเรื่องอย่างว่าอยู่พอสมควร เขาไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่ได้อดอยาก พอมาอยู่ที่ญี่ปุ่น อาจมีช่วยตัวเองบ้าง แต่ไม่เคยหิ้วใครกลับห้อง อย่างมากก็แค่ดูหนังผู้ใหญ่ตามประสาชายโสด



                จริง ๆ ชริณไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเลย เพราะเขามองเห็นแต่ความแตกต่างของเรา แต่พอได้มี ทุก ๆ อย่างที่เคยเป็นความแตกต่างระหว่างเราในตอนแรกก็กลายเป็นเรื่องเล็ก....



                หลังถูกชาริน ซังรุกรานเข้าหน่อย จนตัวอ่อนระทวยยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟ ในที่สุดเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยก็ยอมหันหน้าไปให้กลีบปากตัวเองถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ โดยชาริน ซัง ดวงตากลมโตเริ่มปรือมองหน้าอีกคน แม้จะอยู่ในความมืด แต่น้องก็มองเห็นใบหน้าของชาริน ซังได้อย่างชัดเจน



                 ไม่รู้ว่าอะไรร้อนแรงกว่ากันระหว่างอุณภูมิในร่างกายของตนเองกับผู้ชายตรงหน้า....


   

            “ชาริน ซังทำลูกกันเถอะ”

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ชริณติดใจน้องแล้ว มีหวังได้ลูกหลายครอกแน่ๆ :mc3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :oo1:  คนนึงจะทำลูกแต่อีกคนน่ะหื่น

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
หลงน้องแล้วว้อยยยยย 55555555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ครอบครัวของน้อง...งงงงงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (2/2) 20.07.18
« ตอบ #69 เมื่อ: 20-07-2018 12:45:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
09


   “ไปทำงานดี ๆ น้า ชาริน ซังรีบกลับบ้านด้วย” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นในช่วงเช้าแห่งการไปทำงาน หลังอาการไข้ทุเลาลงแล้ว เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กก็สวมบทเป็นแม่บ้านจำเป็นเหมือนอย่างเคย วันนี้แตกต่างไปจากทุกวัน เพราะน้องมีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นคือผูกเนคไทให้ชาริน ซัง!
   หลังจากลองผิดลองถูก ให้ชาริน ซังสอนอยู่ตั้งนานสองนาน ในที่สุดน้องก็ทำสำเร็จจนได้ แม้มันจะบิดเบี้ยวไม่ค่อยสวยก็ตาม แต่ชาริน ซังก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยอมใส่แบบที่น้องผูกให้ไปทำงานอีกต่างหาก
   มันเป็นความภาคภูมิใจเล็ก ๆ ของเจ้าจิ้งจอกที่สามารถทำตัวมีประโยชน์ต่อชาริน ซังได้มากกว่าหนึ่ง อย่างน้อยก็มากกว่าการทำงานบ้านหรือเป็นเด็กดี น้องรู้ดีว่าโลกของมนุษย์กำหนดทุกอย่างไว้ด้วยเงินตรา อยากจะทำงานหาเงินเหมือนชาริน ซังเช่นกัน แต่ไม่รู้จะหายังไง สุดท้ายจึงเลือกที่จะทำตัวให้มีประโยชน์ต่อชาริน ซังมากที่สุดแทน
   หลังพิษไข้เพราะหนักเรื่องนั้นเกินไปทุเลาลงแล้ว ดวงตากลมโตก็กลับมาใสแป๋วเหมือนเดิม เจ้ามนุษย์จิ้งจอกชอบยามที่ชาริน ซังอยู่ในชุดไปทำงานมาก ๆ มันดูมีเสน่ห์อย่างอธิบายไม่ถูก น้องหลงใหลชุดไปทำงานของชาริน ซังพอ ๆ กับกลิ่นเหงื่อ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของอีกฝ่าย
   ฝั่งชริณเองก่อนออกจากบ้านก็เช็กกระเป๋ากางเกงว่าลืมโทรศัพท์ กระเป๋าตังไว้หรือเปล่า ก่อนจะพยักหน้ารับปากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กแล้วยีหัวอีกฝ่าย พอให้ผมยุ่ง พร้อมกับบอกว่าให้’ดูแลบ้านดี ๆ’อย่างเช่นทุกวัน
   ชริณเข้าบริษัทโดยจิตใจที่เบิกบาน อาจเพราะว่าได้ลาเฉพาะกิจเมื่อวานนี้ ทำให้เขาได้พักผ่อนอย่างจริง ๆ จัง ๆ ทำให้เขารู้สึกดีกว่าวันทำงานวันแรกหลังหยุดยาวเสียอีก
   โชคดีที่ก่อนลางานเขาไม่ได้มีงานคั่งค้างอะไร พองานใหม่ของเมื่อวานที่ลา ถูกวางไว้บนโต๊ะ ชริณก็รีบจัดการสะสางต่ออย่างไม่รีรอทันที ตั้งใจจะรีบเคลียร์รีบเสร็จ จะได้ไม่ต้องเอาเรื่องงานไปคิดที่บ้าง
   “รู้ตัวไหมวันนี้มึงผูกเนคไทเบี้ยวทั้งวันเลย”
   “อ๋อ...เห็นตั้งแต่เขาผูกให้แล้ว ช่างมันเถอะ”
   ในช่วงพักกลางวันชริณก็ออกมาทานราเม็งกับเมฆเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกันอีกเช่นเคย อีกฝ่ายมิวายทักท้วงเรื่องเนคไทบิด ๆ เบี้ยว ๆ ของเขาที่ถูกเจ้ามนุษย์จิ้งจอกผูกให้ก่อนออกมาทำงาน
   “เขา? สรุปคนนั้นที่มึงเคยเล่าให้ฟัง จริงจังใช่ไหมวะ”
   “ก็...ระดับหนึ่ง” ชริณตอบอย่างเลี่ยง ๆ พร้อมกับโช้ยเส้นราเม็งเข้าปาก
    จะให้พูดกันตามตรงเขาก็ไม่รู้จะเอาไงเหมือนกัน เรื่องนี้จะคิดจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ เจ้าจิ้งจอกต้องร่วมตัดสินใจด้วย ชริณไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหากถึงวันนั้น  วันที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกได้ท้องสมใจอยาก ตัวเขาเองจะยอมปล่อยไปไหม เพราะเจ้าตัวเล็ก ๆ ในท้องนั่นก็ลูกของเขาเหมือนกัน
   “ไว้ใจได้ใช่ไหมมึง” เมฆถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง กลัวเพื่อนจะถูกหลอกเอา ตามประสาคนเป็นห่วงเพื่อน อีกอย่างเขาก็ไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นที่ชริณเล่าให้ฟัง ได้ฟังเรื่องราวจากปากเพื่อนตัวเองแค่ครั้งคราว จึงไม่สามารถประเมินได้ว่าดีไม่ดี
   “ไม่ได้ร้ายหรอก ออกจะซื่อบื้อด้วยซ้ำ มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ขอบใจมาก”
   “เออ ๆ อย่ารีบร้อนแล้วกัน คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ด้วย แล้วอย่าลืมพาเขามาแนะนำให้กูรู้จักด้วยนะ ดู ๆ ช่วยกัน” ในเมื่อชริณยืนยันเช่นนั้น เมฆก็เบาใจลงอีกเปราะหนึ่ง คิดว่าเพื่อนเองก็คงดูคนออกอยู่หรอกว่าคนนั้นเข้าหาด้วยความจริงจัง คนไหนเข้าหาด้วยผลประโยชน์
   “ไอ้เมฆ....”
   “หืม?”
   “กูเริ่มอึดอัดกับซากุระว่ะ” หลังลังเลอยู่ตั้งนานสองนานว่าควรเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังดีไหม สุดท้ายชริณก็ตัดสินใจเล่าออกมา หลังไม่รู้จะปรึกษาใครดีและเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังอึดอัดมาก ๆ ความอัดอัดนี้ ชริณก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันก่อตัวขึ้นตอนไหน แต่เขาแน่ใจว่ามันชัดเจน
   “ไหงเป็นงั้นล่ะ ไหนว่าชอบเขา” เมฆเลิกคิ้วสูง
   “ก็ใช่...แต่กูคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเลิกชอบเขาแล้วว่ะ” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   “.....”
   “กูยังดีใจนะที่เดินผ่านกันเขาก็ทักทายตลอด แต่กูไม่ได้ใจเต้นแรงกับซากุระแล้ว....”
   “.....”
   “อีกอย่างพักหลังมานี้ เขาชอบทักมาหากูหลังเลิกงานด้วย ถามเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานอะและซากุระเองก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย กูเลยรู้สึกอึดอัด”
   มันไม่ใช่แค่หนนั้นหนเดียวที่เธอโทรมาปรึกษาเรื่องแฟน แต่ยังมีการส่งข้อความมาหายามดึก ชวนคุยเรื่องส่วนตัวอีกด้วย ชริณเองก็ตอบตามมารยาท นาน ๆ ทีตอบหนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสร้างความอึดอัดให้เขาอยู่ดี
   “กูไม่รู้กูเล่าเรื่องนี้ให้มึงฟังยัง วันก่อนซากุระชวนกูไปคาเฟ่ด้วย” ชริณพูดต่อ
   “ยัง เรื่องนี้มึงยังไม่เล่าให้กูฟัง”
   “เออ นั่นแหละ เขาชวนกูไป ตอนแรกกูตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เขาก็บอกว่าชวนมึงไปก็ได้ ถ้ารังเกียจเขา กูเลยต้องไป...”
   “เรื่องอะไรวะเนี่ย...เขาก็ดูสวย ๆ เชิด ๆ เหมือนจะรู้ว่ามึงมีใจให้ตั้งนานแล้วนะมึง แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาเล่นด้วยเอาปานนี้ อีกอย่างเขาก็มีแฟนอีก”
   “ใช่ เขามีแฟนแล้ว”
   “อันตรายว่ะชริณ เหมือนซากุระจะเอามึงเป็นกิ๊กปะ เจตนาคลุมเครือแบบนี้ ไม่ต่างจากการเริ่มนอกใจแฟนเลยนะเว้ย” เมฆว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   “กูควรทำไงดีว่ะ”
   “ไหน ๆ ก็ทำคนละแผนกกันอยู่แล้ว มึงก็บล็อกเขาเลยดิ ยังไงก็ไม่ได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว อีกอย่างไลน์บริษัทก็มี ถ้ามีเรื่องสำคัญ เกี่ยวกับงานก็คุยกันในนั้นเอา ถ้าเขาเห็นว่ามันไม่เล่นด้วย ก็คงยอมถอยละมั้ง....”
   “.....”
   “แต่กูอึ้งจริง ๆ นะ ถ้าเขาทำแบบนั้นอะ ก็ใช่ย่อยนะเนี่ย”
   “เฮ้อ...กูก็คิดแบบมึงนั่นแหละ ถึงกูจะชอบเขา เคยบอกว่าจะแย่งแต่ก็ไม่เคยคิดจะทำนะมึง เจอแฟนนอกใจไม่ใช่เรื่องตลก” ชริณว่า
   เขาเองก็เคยมีความรักแบบเด็ก ๆ ตอนช่วงมัธยมปลาย แต่ตอนนั้นสถานะก็แค่คนคุยกันกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทุกอย่างเข้ากันได้ดี เราคุยกันรู้เรื่อง จนชริณคิดว่าเราอาจพัฒนาไปได้ไกลว่าคนคุย ๆ กัน แต่เขาก็ต้องมาพบว่าเธอคนนั้นคุยซ้อน ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟน แต่เขายังรู้สึกว่าถูกหักหลัง ยังเจ็บ แล้วถ้าแฟนนอกใจจะเจ็บขนาดไหน
   ถ้าเมื่อก่อนตอนที่ชริณได้พบซากุระครั้งแรก แล้วเธอตอนนั้นยังไม่มีแฟน เขาคงจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง….
   แต่นั้นก็เป็นแค่ความคิด เพราะตอนนี้เธอเองก็ยังคบกับแฟนคนนั้น และตัวเขาเองก็เริ่มไม่มั่นใจว่าถ้าหากเธอเลิกกับผู้ชายคนนั้น จะลองเสี่ยงอย่างที่อยากอยู่ไหม....
   หลังกลับเข้ามาในบริษัท ชริณเลือกที่จะทำตามคำแนะนำของเพื่อน นั่นก็คือการบล็อกไลน์ซากุระ เขาไม่สบายใจจริง ๆ ที่เธอชอบทักมาหายามดึก แม้จะไม่ได้มีการพูดคุยที่ทำให้ชวนฝัน แต่ศีลธรรมของคนไทยที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ก็อยู่ปลุกขึ้นมาอยู่ดี จนชริณรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำบาป ทั้ง ๆ ที่เขานอนอยู่บ้านเฉย ๆ
   ชริณคิดว่านี่แหละคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว....
   เพราะวันนี้ชริณขี้เกียจทำอาหาร จึงเลือกที่จะแวะย่านโตเกียว ราเม็ง สตรีท เพื่อที่จะได้ซื้อราเม็งที่ร้านโรคุรินฉะ ร้านราเม็งเจ้าดัง เจ้าอร่อยในโตเกียว ไปฝากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วย
   
   “ถ้าอร่อยขนาดนั้น เลียถ้วยเลยไหมล่ะ”
   “น้องทำได้เหรอ”
   “ประชด!” ชริณได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา หลังเจอเจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามกลับตาแป๋ว เขามองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเสียสละราเม็งเกือบครึ่งถ้วยให้เจ้าจิ้งจอกจัดการต่อ หลังเห็นอีกฝ่ายเอร็ดอร่อยกับอาหารมื้อนี้จนแทบจะเลียถ้วยอยู่แล้ว
   “กินเสร็จแล้วจะตัดเล็บให้นะ” ชริณว่าต่อหลังเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าเล็บเจ้าจิ้งจอกยาว หากเราทำภารกิจกันมากกว่าหนึ่งครั้ง เห็นทีคงต้องรีบจัดการเรื่องเล็บให้ เพราะมีความเสี่ยงว่าสร้างบาดแผลให้กับแผ่นหลังของเขา เพราะเพียงแค่มองชริณก็รู้สึกแสบ ๆ แล้ว
   “ตัดเล็บ? อันนี้เหรอ” เจ้าจิ้งจอกเอียงคอมอง พร้อมกับชี้เล็บของตนเอง ซึ่งชริณที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็พยักหน้ารับ
   “ตัดทำไมอะ ไม่ตัดไม่ได้เหรอ เล็บน้องก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะ”
   “ไม่ตัดไม่ได้ หากไม่ตัดก็ไม่ต้องทำแล้วลูก”
   “ชาริน ซังใจร้าย”
   กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณได้ยกหน้าที่หลักของเจ้าจิ้งจอกแล้ว นั่นก็คือการล้างถ้วยจานตอนเย็น มันงานชิ้นเดียวที่เขามอบหมายให้อีกฝ่ายเป็นชิ้นเป็นอัร ซึ่งมันก็ไม่ได้มากมายอะไร อย่างมากใช้กันก็แค่หกเจ็ดชิ้น เพราะอยู่ในเพียงแค่สองคน
   ระหว่างที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังล้างจานอยู่ ชริณก็เดินไปหามีดตัดเล็บมารออีกคนแล้ว เขานั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย พอได้ย้ายมาทำงานที่ญี่ปุ่น เขาก็เล่นสื่อโซเชียลน้อยลง เพราะทำงานแต่ละวันก็เหนื่อยมากพอแล้ว  นาน ๆ ทีถึงได้อัปรูปลง พอให้กลุ่มเพื่อในไทยเลิกถามหา
   ชายหนุ่มถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ทันทีที่อัปรูปแผ่นหลังของเจ้าจิ้งจอกลง เพื่อนก็แทบเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันทันที ส่วนใหญ่แต่มีคนแซวทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้มีอะไร เขาก็แค่ช่วยเจ้าจิ้งจอกสานต่อภารกิจเท่านั้นเอง
   ไม่รู้ว่าวันนี้อีกฝ่ายจะทำอีกไหม แต่ชริณอยากให้เจ้าจิ้งจอกได้พัก เพราะเมื่อวานเขาก็รังแกจนแทบไม่ได้นอน  หลังจากเห็นว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกล้างจานเสร็จแล้ว ชริณก็เรียกให้มาใกล้ ๆ
   “นั่งดี ๆ เดี๋ยวตัดเล็บให้” ว่าจบก็ตบที่วางตรงหว่างขาตัวเอง เรียกให้เจ้าจิ้งจอกมานั่งดี ๆ จะได้จัดการเรื่องเล็บยาว ๆ ของเจ้าตัวเสียที ถ้าได้ข่วนที คงได้แผลยาว เมื่อเห็นว่าจะถูกเรียกไปทำอะไร เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็มีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมไปนั่งที่ ๆ ที่ชริณเตรียมไว้ให้อยู่ดี
   ฟอด~
   “อือ...แก้มน้อง” เสียงเจ้าจิ้งจอกร้องประท้วง หลังทันทีที่ทิ้งน้ำหนักลงชาริน ซังก็หอมแก้มฟอดใหญ่จนเกิดเสียง
   “หมั่นไส้ อีแค่ตัดเล็บ ลีลาจังนะ”
   “ก็มันกลัวนี่ จะเจ็บไหม”
   “ไม่เจ็บหรอก เอาล่ะยื่นมือ”
   “ไม่เจ็บแน่นะ”
   “ฉันไม่โกหก” ชริณว่าก่อนจะถือวิสาสะจับมือเล็กออกมาเอง หลังเจ้าจิ้งจอกยังคงลีลา ไม่ยอมยื่นมือให้เขาดี ๆ ชริณเอาคางเกยไหล่แคบของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเอาไว้ ขณะที่เขาค่อย ๆ ตัดเล็บที่ละนิ้วไปด้วย เพื่อที่จะให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเลือกขยุกขยิกเสียที ซึ่งมันก็ได้ผล อีกฝ่ายนั่งนิ่งยอมให้เขาตัดเล็บให้แต่โดยดี
   “ไม่เจ็บจริงด้วย”
   “บอกแล้วว่าไม่โกหก” ชริณว่าพร้อมกับตัดเล็บนิ้วสุดท้ายให้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เจ้าจิ้งจอกน้อยถึงกับเผยรอยยิ้มร่า หลังความน่ากลัวก็ผ่านพ้นไปเสียที
   ดวงตากลมโตสบตาชาริน ซังในระยะกระชั้นชิด น้องบอกแล้วว่าชอบชาริน ซังในชุดทำงานมาก ๆ พอ ๆ กับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ อีกฝ่าย ซึ่งบ่งบอกตัวตนของชาริน ซังได้เป็นอย่างดี พอมันมารวมกันแล้ว น้องก็...
   “อ้าว ๆ”
   “กอดน้องหน่อย”
   “ไปโดนตัวไหนมาอีกล่ะเนี่ย”
   “กอดน้องหน่อย นะๆ” ชริณถึงกับหลุดหัวเราะออกมาให้กับท่าทีตลก ๆ ของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก หลังจู่ ๆ อีกฝ่ายก็เกิดอาการตัวอ่อนกะทันหัน จากนั่งให้ตัดเล็บดี ๆ ก็เอนตัวมาซบอกเขาแทน จริตจะก้านมารยาไม่มีใครเกิน ฝ่ามือตวัดโอบเอวอีกคนตามคำสั่ง ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็แสดงท่าทีพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
   “ชอบแบบนี้จัง”
   “.....”
   “ชอบชุดทำงานของชาริน ซัง”
   “.....”
   “ชอบกลิ่นน้ำหอมด้วย”
   “.....”
   “แล้วก็อะไรอีกนะ...อืม ชอบหน้าหล่อ ๆ ของชาริน ซัง”
   “......”
   “ชาริน ซังทำลูกกันเถอะ!”
   “เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ!” ทันทีที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดจบ ก็พลิกตัวทำท่าจะโน้มตัวมาจูบเขา แต่ชริณเอามือขึ้นมากั้นไว้ก่อนทำให้เจ้าจิ้งจอกได้จูบหลังมือเขาแทน
   “ทำไมล่ะ”
   “เมื่อวานก็เพิ่งทำไปเอง ร่างกายไหวไหมเนี่ย”
   “ไหวววววว น้องแข็งแรง”
   “เมื่อวานเป็นไข้นะ เจ้าจิ้งจอก”
   “แต่วันนี้น้องหายแล้วไง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าอย่างดื้อรั้น พยายามปล้ำจูบชาริน ซังอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ให้ความร่วมมืออยู่ดี ทำเอาเจ้าจิ้งจอกตัวเล็กถึงกับหน้ามุ้ย เพราะถูกขัดใจ
   “ไม่เชื่อน้องเหรอ น้องแข็งแรงแล้วจริง ๆ”
   “จะเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์ไหมวะเนี่ย” ชริณว่า
   “ไหวก็คือไหว เชื่อใจน้องซี่! น้องรู้ว่าร่างกายตัวเองรับได้แค่ไหน ทำกับน้องเถอะนะ ๆ จะได้มีลูกกัน” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน พยายามชักชวนชาริน ซังอย่างเต็มที่
   น้องมั่นใจว่าครั้งนี้ก็รับไหวแน่ หนที่แล้วมันก็แค่ตั้งรับไม่ทัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่ครั้งนี้คนนอนซมต้องไม่ใช่น้อง! เจ้าจิ้งจอกรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้ร่างกายกำลังแข็งแรงเอามาก ๆ คงเพราะได้รับพลังเอาใจใส่จากชาริน ซังแน่ ๆ ถึงได้แข็งแรงขนาดนี้
   “ไม่อยากคุยด้วยแล้ว จะไปอาบน้ำ” ชริณบอกปัด ตบสะโพกอิ่มเบา ๆ ให้อีกคนลุกขึ้น ทว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกลับมีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด คราวนี้ยิ่งกว่าตอนเรียกให้มาตัดเล็บเสียอีก
   “ลุก” เขาว่าสั้น ๆ
   “ทำลูกกับน้องก่อนค่อยไปอาบน้ำไม่ได้เหรอ”
   “ไม่ได้”
   “งั้นน้องอาบด้วย!” เมื่อเห็นชาริน ซังไม่มีท่าทีใจอ่อน เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็เลือกที่จะตามเข้าห้องน้ำไปเสียดีกว่า หลังเห็นว่าชาริน ซังก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร เจ้าจิ้งจอกก็ไม่รอช้า รีบวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปรอที่ห้องน้ำทันที
   “จริง ๆ เลย” ชริณพูดเบา ๆ พร้อมกับส่ายหน้าให้เจ้าจิ้งจอกอย่างระอา ดื้อกว่านี้ไม่มีใครแล้ว

   “แน่ะ ๆ เดี๋ยวโดน”
   “แหะ ๆ” เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ดังขึ้นเบา ๆ เมื่อถูกชาริน ซังจับได้เข้าให้ หลังพยายามยั่วยวนชาริน ซังระหว่างการสระผมให้ทำลูกอย่างแนบเนียน โดยการบดเบียดสะโพกมาทางด้านหลัง จนกลายเป็นว่าบั้นท้ายแน่นกำลังถูไถไปกับส่วนนั้นของชริณ
   “ไม่เจ็บหรือไง ทำไมลามกอย่างนี้” ชริณว่า เมื่อวานเขาก็ว่าตัวเองก็ทำหน้าที่ไม่ขาดบกพร่องแล้วนะ หนหนึ่งก็ทำมากกว่าสองครั้งด้วย แต่ทำไมเจ้าจิ้งจอกยังรู้สึกไม่พอใจอีก
   หรือชริณฝีมือตก?
   “น้องไม่ได้ลามกนะ น้องแค่ทำภารกิจ”
   “อ๋อเหรออออ” ชริณลากเสียงยาว ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
   “จริง ๆนะชาริน ซัง เมื่อวานน้องแค่ตั้งหลักไม่ทันอะ แต่วันนี้พร้อมแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหันไปพูดกับชาริน ซังด้วยท่าทีจริงจัง แต่ทำไมชาริน ซังไม่ยอมเชื่อเสียที น้องบอกว่าไหวก็คือไหวไง!
   “หึ.....”
   





   “จูบน้องหน่อย” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยร้องขอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ขณะเดียวกันก็ตวัดท่อนแขนโอบกอดคอหนาเอาไว้ ดวงตากลมโตปิดสนิทลง ปล่อยให้ชาริน ซังบดจูบริมฝีปากตัวเองซ้ำ ๆ ขณะที่เรากำลังเดินตรงไปที่เตียง
   ในที่สุดคำร้องขอของเจ้าจิ้งจอกก็สำเร็จเสียที ชาริน ซังยอมใจอ่อนยอมทำภารกิจร่วมกันอีกจนได้ ทั้งคู่ที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า หลังออกมาจากห้องน้ำก็เดินตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีโดยมีชริณเป็นฝ่ายอุ้มเจ้าจิ้งจอกออกมาจากห้องน้ำ
    จมูกโด่งสูดดมกลิ่มสบู่อ่อน ๆ ในแบบที่เขาชอบจากตัวของอีกคน ก่อนจะวางร่างเจ้ามนุษย์จิ้งจอกลงอย่างแผ่วเบา กลีบปากของทั้งคู่แทบไม่ผละออกจากกัน ต่างตักตวงและหิวกระหาย...
   “อือ....” เสียงครางแผ่วเบาของเจ้าจิ้งจอกดังขึ้น เมื่อถูกชาริน ซังดูดดุนจนแถวซอกคอ ซึ่งน้องก็เงยหน้าขึ้น หลับตาพริ้มยอมให้ชาริน ซังทำสัญลักษณ์ แสดงความเจ้าข้าวเจ้าของไว้อย่างเต็มใจ
   ดูเหมือนนอกจากกลิ่นน้ำหอม ชุดทำงาน การถูกชริณโอบกอดไว้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งรายการที่น้องโปรดปรานเสียแล้ว น้องชอบหิมะ... น้องชอบอากาศหนาว... แต่น้องก็ชอบร่างกายอุ่น ๆ ของชาริน ซังเช่นกัน ชอบที่ตัวเองกำลังถูกโอบกอด ทุกครั้งที่ถูกกอด เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกปกป้องจากผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
   มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองโหยหาความรักมาโดยตลอด จนกระทั่งได้พบชาริน ซัง
   ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วนต่าง ๆ ของเจ้าจิ้งจอก ขณะเดียวกันนั้นชริณก็ทำสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของอีกคนไว้ทุกแห่งหนที่ริมฝีปากของตนลากไปถึง
   ร่างเล็กบิดเร้าเมื่อชาริน ซังผละจูบแล้วเคลื่อนหน้าต่ำลงไปอีก จูบสะเปะสะปะตามซอกคอ ก่อนที่มาหยุดที่ยอดอกสีอ่อนที่กำลังชูชันอยู่แล้วใช้เรียวลิ้นแตะผะแผ่ว
   “ดีจัง....” เจ้าจิ้งจอกเล็กพูด ขณะที่หลุบตามองการกระทำทุกอย่างของชริณ ยิ่งจังหวะที่ชาริน ซังเองเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าน้องก็ยิ่งเห่อร้อน ก่อนที่ชาริน ซังจะผละออกไป ให้น้องมองตามอย่างนึกสงสัย
   “อยากรู้ใช่ไหมว่ามันคืออะไร” ชริณถามเจ้ามนุษย์จิ้งจอก หลังผละลงจากเตียง ไปหยิบสิ่งนั้นออกมาจากกล่อง ดวงตากลมโตจ้องมองของในมือชาริน ซัง เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่
   “แล้วมันคืออะไร” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามต่อ นับตั้งแต่วันนั้นวันที่น้องถาม ชาริณ ซังก็ไม่อธิบายให้น้องฟังเลย ปล่อยไว้นานจนลืมสิ่งที่ตัวเองสงสัยด้วยซ้ำ
   “จะพาใช้งานตอนนี้แหละ” ชริณกว่าพร้อมกับกลับขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาคมจ้องมองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวแสบอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าสงสัยมากนัก เขาจะอธิบายแบบภาคปฏิบัติให้แล้วกัน
   หัวใจดวงเล็กถึงกับกระตุกวูบ เมื่อจู่ ๆ ชาริน ซังก็จับขาน้องอ้าออกกว้าง ดวงตากลมโตแสดงท่าทีหวาดหวั่นออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็เชื่อในตัวชาริน ซัง
   “พร้อมไหม...” ชริณถาม
   “พร้อม” เจ้าจิ้งจอกเองก็ตอบอย่างไม่ลังเล
   ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็เริ่มทำต่ออย่างไม่ลังเล หยิบเอาเจ้าอุปกรณ์ที่อีกฝ่ายสงสัยและเป็นของขวัญวันเกิดจากเพื่อนสนิทมาตรวจตราดูความปลอดภัยอยู่ครู่นึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ จับหัวมันสอดเข้าไปในร่างของเจ้าจิ้งจอก ส่วนมือเขาเองก็รูดรั้งส่วนหน้าของเจ้าจิ้งจอกไปด้วย
   ร่างกายของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกช่างแปลกประหลาด แต่ดูโดยรวมแล้วกลับได้เปรียบกว่ามนุษย์ธรรมดา เพราะสามารถคลอดได้ ทั้ง ๆ ที่ยังมีอวัยวะเพศชาย
   ส่วนหน้าของเจ้าจิ้งจอกเป็นเพศชาย ถัดจากถุงอัณฑะถึงจะเป็นช่องคลอดและตามด้วยช่องทวารหนัก ชริณมองท่าทีเจ้าจิ้งจอกเป็นระยะ ซิลิโคนที่เมฆซื้อให้เป็นแบบอ่อนนุ่มพิเศษ ไม่ให้สัมผัสของมันไม่เหมือนอุปกรณ์ทำรักทั่วไปที่วางขายอยู่ท้องตลอด
   “อ—อ๊ะ อือ มันใช้แบบนี้นี่เอง” เจ้าจิ้งจอกว่า รู้ซึ้งถึงประโยชน์ของมันก็คราวนี้
   “ชอบไหม”
   “ชอบ...” เจ้าจิ้งจอกตอบโดยไม่มีความลังเล “น้องชอบมากเลย” ร่างเล็กพูดขณะที่บิดเร้าร่างกายไปด้วย
   “เป็นเด็กเป็นเล็ก ใครหัดให้พูดแบบนี้”
   “ก็ชารินถามนี่นาแล้วน—น้องก็คิดว่า  อ๊ะ...อ๊า! น้องไม่เด็กแล้วอะ....ชาริน ซัง เข้ามาเลย น้องพร้อมแล้ว!” เจ้าตัวเล็กหลับตาปี๋รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะใกล้ฝั่งฝันอยู่ร่อมร่อ
   ฝั่งชริณเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถอดของเล่นออกจากร่างเล็ก ชายหนุ่มโน้มหน้าไปจูบปากเจ้าจิ้งจอกพอเป็นพิธี พร้อมกับรูดรั้งส่วนนั้นของตัวเองเพื่อตั้งหลัก ก่อนจะค่อย ๆ เข้าไปในร่างเจ้าจิ้งจอกตามคำสั่งของเขา
   “อือ....ชอบ”
   “ดูเข้าคำพูดคำจา”
   “ก็น้องชอบนี่ ชาริณ ซัง อ๊ะ! เข้ามาลึก ๆ หน่อย” เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กสั่งการสามี ท่อนแขนเล็กตวัดโอบคอหนาไว้ดังเดิม ส่วนล่างถูกกระทำซ้ำ ๆ เป็นจังหวะ เหงื่อกาฬผุดขึ้นรอบกรอบหน้า เหมือนจะขาดใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
   ยิ่งเห็นสีหน้าชาริน ซังในตอนนี้ เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็ยิ่งเขินจนอธิบายไม่ถูก ชอบที่ตัวเองได้มองเห็นชาริน ซังจากใต้ร่าง พอสิ้นคราบพนักงานบริษัทและมาอยู่บนเตียงสองต่อสองกับน้อง เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กรู้สึกได้เลยว่าชาริน ซังดูร้อนแรงเอามาก ๆ
   “หอมแก้มน้องหน่อย ๆ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกสุดอ้อนเอ่ยขอ ขณะที่ชาริน ซังเองก็กำลังขยับเข้าออกในร่างบาง เพื่อทำภารกิจการมีเจ้าตัวเล็ก ๆ ด้วยกัน
   หลังได้ยินคำเอ่ยขอเขาก็หอมแก้ม สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเจ้าจิ้งจอกอย่างไม่มีเกี่ยงงอน กลีบปากหนาจูบพรมตามลาดไหล่เล็กตระครองกอดร่างเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ จนในที่สุดภารกิจทำลูกครั้งที่สามของเรา ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี




สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2018 15:26:50 โดย Papa614 »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขยันขันแข็งดีมาก ปรบมือ
ไปซะยัยซากุนะเน่า

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
น้องต้องพักร่างบ้างนะลู๊กกกกกกกกก :hao7:

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
 :oo1: :oo1: :oo1:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
หลงเมียเด็กแล้วม้างคนแถวนี้

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :haun4:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ต้องมายุ่งกับชาริน ซัง อีกแล้วนะแม่ดอกซากุระ :bye2:

ซาริน ซังเขามีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วเด้อ

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 


   “กลับบ้านเร็ว ๆ น้า ชาริน ซัง” เสียงตะโกนไล่หลัง ในช่วงเช้าแห่งการไปทำงานวนกลับมาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ชริณรู้สึกเหมือนเขาเพิ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ท่าทางตลกของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก ทำเอาชริณถึงกับหลุดยิ้ม เขาหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้ว ก่อนจะโบกมือกลับไปให้



                “ดูแลบ้านดี ๆ ด้วย!” เขาตะโกนตอบกลับไป



                “อื้อ!” เจ้าจิ้งจอกเองก็ตอบรับอย่างขยันขันแข็ง



                หลังแผ่นหลังชาริน ซังอยู่ไกลจนมองไม่เห็นแล้ว เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยก็ถอนหายใจออกมา แม้จะชอบชุดทำงานของชาริน ซัง แต่น้องไม่ค่อยชอบให้ชาริน ซังไปทำงานเท่าไรเลย น้องไม่ชอบให้ตัวเองต้องอยู่ห่างจากชาริน ซังเป็นเวลานาน ๆ



                วันนี้เป็นอีกวันที่น้องได้ผูกเนคไทให้ชริณซังด้วย มันดีกว่าเมื่อวานตั้งเยอะ จนชาริน ซังถึงกับออกปากชมว่าน้องมีพัฒนาการ เรียนรู้เร็ว ชาริน ซังเอง ก็ไม่ใช่คนที่จะเอ่ยปากชมใครบ่อย พอได้รับคำชมน้องก็รู้สึกพิเศษมาก ๆ จากที่อารมณ์ดีอยู่แล้ว ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ดีจนอยากจะออกไปวิ่งเล่นหลังบ้าน



                วันนี้พิเศษกว่าทุกวัน เพราะชาริน ซังได้ยกกุญแจบ้านหนึ่งดอกให้กับน้องด้วย อีกฝ่ายให้เหตุผลสั้น ๆ ว่าไม่อยากน้องเข้าบ้านไม่ได้ ติดแหง็กอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน พร้อมกับกำชับว่าห้ามทำหายเด็ดขาด



                หลังได้รับกุญแจบ้านมาแล้ว น้องก็รู้สึกเริงร่าเข้าไปอีก อยู่ในบ้านก็มีแต่นั่ง ๆ นอน ๆ ฉะนั้นออกไปเล่นป่าหลังบ้านี่แหละ น่าจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ทำอีกเยอะ แถมในป่ายังคุณมีหมาป่าอีกด้วย



                ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อย อย่างเพิ่งนึกได้พอดี ใช่แล้ว! คุณหมาป่า เพื่อนของน้องรออยู่ที่นั่น เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไม่รอช้า รีบออกจากบ้าน ล็อกประตูลงกลอนเสร็จสรรพออกไปเที่ยวเล่นป่าหลังบ้านทันที





                ดวงตากลมโตของเจ้าจิ้งจอกกวาดตามองไปรอบ ๆ บริเวณป่าที่เงียบสงัด ป่านี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ขนาดน้องที่อยู่มาตั้งแต่กำเนิดยังไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะไปสิ้นสุดตรงไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณหมาป่า สัตว์ต่างสายพันธุ์ที่น้องนับเป็นหนึ่งสหายอยู่หนใด แต่น้องเชื่อว่าวันนี้เราต้องได้เจอกันอีกแน่



                คุณหมาป่าอยู่ไกลจากน้องหรอก น้องมั่นใจ!



                สี่เท้าย่างกรายเข้าไปในเขตป่า ห่างไกลจากตัวบ้านของชาริน ซังไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ไม่มีความอยากล่ากระต่ายเหมือนอย่างเคย เพราะช่วงนี้น้องขี้เกียจวิ่ง จึงได้แต่เดินเที่ยวเตร่รอบป่าไปเรื่อย ๆ เพราะป่าก็คือบ้านน้องเหมือนกัน



                พวงหางที่เริ่มกลับมาสวยงามเช่นเดิม โบกสะบัดไปมาอย่างสบายอารมณ์ สีขนน้ำตาลแดงตัดกับเกล็ดหิมะสีขาวโพลนที่เกาะตามกิ่งไม้ ใบหญ้าอย่างได้อย่างชัดเจน จึงทำให้เจ้าจิ้งจอกดูสง่างาม แม้ว่ามันจะตัวเล็กก็ตาม



                เมื่อได้ที่ ๆ เหมาะแล้ว เจ้าจิ้งจอกแดงก็ล้มตัวนอนกับพื้น ขณะเดียวกันก็ยังมิวายกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณด้วย ถึงแม้ป่าแห่งนี้จะเงียบสงัดก็จริง แต่มันก็เต็มไปด้วยศัตรูสำหรับจิ้งจอกแดงอย่างมันอยู่ดี



                 เมื่อเห็นว่ารอบบริเวณไม่พบความผิดปกติใด ๆ เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยก็เริ่มทำการเสริมสวยให้กับตัวเองบ้าง พวงหางและขนของมัน ควรได้รับการดูแลได้แล้ว เพราะนาน ๆ ทีมีหน ถึงจะได้กลับคืนร่างจิ้งจอก



                ลิ้นสีแดงเลียตามขนของตัวเองเพื่อทำความสะอาด ดูแลภาพลักษณ์ยิ่งกว่าแมวบ้านของมนุษย์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลแดงแต่อ่อนกว่าสีขน จ้องมองพวงหางตัวเอง แม้มันจะเริ่มฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว แต่บาดแผลในใจที่ถูกมนุษย์กระทำ เจ้าจิ้งจอกก็จะไม่ลืมเด็ดขาด



                ไม่มีมนุษย์คนไหนใจดีเท่าชาริน ซังแล้ว...



            คุณหมาป่าไม่อยู่แถวนี้จริง ๆ เหรอ? หลังจากเสริมสวยให้กับตนเองจนน่าพอใจแล้ว เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็กวาดสายตามองรอบ ๆ ป่าอีกหน เพื่อมองหาคุณหมาป่า น้องมั่นใจว่าคุณหมาป่าต้องอยู่แถวนี้แน่ แต่ทำไมกลับไม่พบแม้แต่เงา จมูกน้องก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว กว่าจะได้กลิ่นทีต้องดมจนขนแทบติดจมูก



                เมื่อไม่ได้ออกล่ากระต่าย เมื่อไม่มีเพื่อนเล่นด้วย การเข้าป่าของน้องคราวนี้ก็ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ กลายเป็นว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อย ก็แค่ย้ายสถานที่พักผ่อนเท่านั้น มันพยายามเงียบแล้วเงี่ยหูฟัง เผื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสัตว์ป่า แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมา



                ถ้าไม่เจอคุณหมาป่า น้องก็ควรจะกลับบ้านก่อนเวลา การพักผ่อนอยู่ในป่าเป็นเวลานานไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก หากโชคไม่เข้าข้างนอกก็อาจเจอหมาป่าผู้ใหญ่ งู หรืออะไรก็ตามที่น่ากลัวกว่านั้น



                น้องไม่เคยกลัวความตาย แต่จะมาตายก่อนภารกิจจะสำเร็จไม่ได้!



                เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กถึงกับถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แต่ก่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย น้องอยู่ลำพังมาเกือบทั้งชีวิต แต่ตอนนี้พอไม่มีใครอยู่ในเล่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ น้องก็เหงาไปหมด



                สงสัยต้องรีบมีลูกซะแล้ว...จะได้มีเพื่อนเสียที



            เมื่อเห็นว่าไม่มีวี่แววของคุณหมาป่าจะอยู่แถวนี้จริง ๆ น้องก็ตัดสินใจกลับเข้าบ้านดีกว่า อย่างน้อยมันก็ดูปลอดภัยกว่าตอนอยู่ในกลางป่าเขาเช่นนี้ น้องอยากเล่นกับคุณหมาป่า แต่น้องไม่รู้จะไปวิ่งหาที่ไหน กลับบ้านก่อน วันหน้าค่อยมาใหม่น่าจะดีกว่า



                เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่รอช้า มันลุกขึ้น เดินนวยนาดกลับไปทางบ้านพักของชาริน ซัง เมื่อมาถึงหลังบ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็มองซ้ายขวา ตรวจตราว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้จริง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กลายร่างกลับคืนอยู่ร่างมนุษย์ สภาพเปลือยเปล่าอีกครั้ง แล้วรีบไขประตูเข้าบ้านทันที



                ....ทิ้งให้สัตว์ที่แอบสะกดรอยตามอยู่นานสองนาน ถึงกับนิ่งค้างกับความลับของเจ้าจิ้งจอกแดง หมาป่าหนุ่มจ้องภาพเหล่านั้นอย่างไร้สติ นั่นไม่ใช่จิ้งจอกแดงธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย!






ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1



10

                เสียงโก่งคออ้วกในห้องน้ำดังขึ้นในช่วงเช้ามืด หลังเจ้ามนุษย์จิ้งจอกรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ไม่หยุดเสียที โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้ชริณได้มีเวลาดูแลเจ้าจิ้งจอกอย่างใกล้ชิด เขาค่อย ๆ พยุงร่างเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่อยู่ในสภาพอ่อนแรงออกมาจากห้องน้ำ ให้มานั่งพักบนโซฟา



                “ไหวรึเปล่า” ชริณเอ่ยถามเจ้าจิ้งจอกด้วยความเป็นห่วง



                “ดีขึ้นนิดนึง” เจ้าจิ้งจอกว่า ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ น้องไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย มันเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ



                “อยากกินหญ้า”



                “ฮะ?”



                “น้องอยากกินหญ้า ยอดหญ้าอ่อน ๆ น่ะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกขยายความ จู่ ๆ ก็อยากกินยอดต้นหญ้าขึ้นมา ทั้ง ๆ แต่ก่อนไม่เคยคิดจะกินด้วยซ้ำ มีแต่ชอบกลิ่นหญ้าอ่อน ๆ ตอนช่วงหลังฝนหยุดตกใหม่ ๆ อาการอยากกินยอดหญ้าแบบนี้ มันแปลกเกินไป เป็นพฤติกรรมที่แม้แต่เจ้าของร่างกายเองยังแปลกใจ



                “.....” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝั่งชริณก็ถึงกับชะงักไป เขาจะไปหายอดหญ้ามาจากที่ไหน ป่าหลังบ้านงั้นเหรอ?



                “น้องอยากกินหญ้า” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดซ้ำอีกครั้ง



                “รู้แล้ว แต่จะให้ไปหามาจากไหน”



                “ไม่รู้...ฮือ แต่น้องอยากกิน ไปหามาหาให้หน่อย ไม่ไหวแล้ว”



                สุดท้ายชริณก็ต้องออกจากบ้านเฉพาะกิจ เพื่อไปหาซื้อหญ้าอ่อนที่เขาขายกันในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ที่ร้านค้าไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก วันนี้เจ้าจิ้งจอกมาแปลกจริง ๆ จนเขาแอบหวั่นใจว่าอีกฝ่ายจะท้องแล้วหรือเปล่า ตามประสาคนเคยดูละครไทยหลังข่าวว่าอาการแบบนี้นี่แหละคือคนแพ้ท้องอ่อน ๆ



                ถ้าเจ้าจิ้งจอกท้องจริง ๆ ชริณนี่ก็น้ำยาดีไม่น้อย ทำ ๆ ไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายท้องป่องสมใจอยากแล้ว  เมื่อชริณมาถึงร้านค้าขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เขาก็เลือกซื้อถาดหญ้าอ่อนมาหนึ่งถาด ชายหนุ่มรีบจ่ายเงินแล้วก็รีบกลับบ้านทันที เพราะถ้าปล่อยคนไม่สบายอยู่บ้านเพียงลำพัง มันก็ไม่ดีเท่าไรนัก



                “เป็นไงบ้าง” เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามา ชริณก็รีบถามอาการอีกคนทันที เจ้ามนุษย์จิ้งจอกมีสีหน้าซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด



                “ไหนหญ้าอ่อนของน้อง?” เจ้าจิ้งจอกถามหาสิ่งที่ตัวเองอยากทันที



                “นี่ไง...” ชริณว่าพร้อมกับชูถุงหญ้าอ่อนให้อีกคนดู



                “ฮ—ฮึก ฮือออออออออออออออออออออ”



                ทันทีที่ชริณโชว์ถาดหญ้าอ่อนให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกดู ดวงตากลมโตจ้องถาดหญ้าผืนเล็กครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มมีน้ำตาปริ่มและปล่อยโฮออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาชายหนุ่มถึงกับงุนงง ชริณอาการลนลานทัน เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า



                “เป็นอะไร.... ร้องไห้ทำไม” ชายหนุ่มละล่ำละลักถามอีกฝ่าย



                “หญ้าอ่อนแค่นั้น ใครมันจะไปกินพอ! ไม่อยากซื้อให้น้องใช่ไหม ถึงได้ซื้อมาแค่เท่านั้น ฮ—ฮึก ชาริน ซังใจร้าย!” เจ้าจิ้งจอกร้องไห้ฟูมฟาย มองชริณด้วยสายตาตัดพ้อ เสียอกเสียใจอย่างถึงที่สุด ทำเอาชายหนุ่มถึงกับยืนนิ่ง เหมือนตัวเองเป็นคนบาป ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ



                “ก็ไม่รู้นี่ว่าอยากกินเยอะแค่ไหน” ชริณว่า



                “ฮ—ฮึก ไม่ต้องเลย ส่งมันมาให้น้อง!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเช็ดน้ำตาออกพอลวก ๆ แล้วกระดิกมือ ส่งสัญญาณให้ชริณรีบยื่นถาดหญ้าอ่อนให้เสียที ก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยโฮออกมาซ้ำสอง



                ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอก เมื่อได้รับถอดหญ้าอ่อนมาก็ไม่รอช้า รีบใช้มือเด็ดกินต้นอ่อน เหลือไว้เฉพาะรากอย่างเอร็ดอร่อยทันที



                นี่แหละคือสิ่งที่น้องตามหามาทั้งชีวิต!  รสชาติมันอาจแปลกประหลาดไปหน่อย แต่ก็ช่วยทำให้ความยากและพายุอารมณ์ร้อนของน้องทุเลาลงได้



                ภาพที่เจ้าจิ้งจอกเด็ดกินหญ้าอ่อนจากถาดอย่างเอร็ดอร่อย อยู่ในสายตาของชริณทั้งหมด มันทำให้เขานึกถึงคุณยายแก่ ๆ ที่ชอบทานผักลวกจิ้มน้ำพริก อะไรทำนองนั้น ยิ่งเห็นภาพ ชริณก็ยิ่งคิดเช่นนั้นจริง ๆ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็จัดการหญ้าอ่อนในถาดเล็กจนเกลี้ยง เหลือไว้แค่ถาดหญ้าที่มีแต่รากให้ดูต่างหน้า และดูเหมือนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อาการร้องไห้ฟูมฟายของอีกคนจะสงบลงด้วย



                “เอาอีกไหม” เขาถาม หากเจ้าจิ้งจอกยังไม่พอใจ ชริณจะได้ออกไปซื้อมาให้เพิ่ม ถาดหญ้าอ่อนมันก็เล็กจริง ๆ อย่างที่อีกคนตัดพ้อนั่นแหละ เพราะเขามีไว้ให้พวกแมว สัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ไม่ใช่ให้มนุษย์กิน



                “พ—พอแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าเสียงแผ่ว พร้อมกับยื่นถาดหญ้าอ่อนที่โดนเด็ดจนเกลี้ยงให้ชาริน ซังเอาไปจัดการต่อ เพราะหากปล่อยไว้สักพัก ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เจ้าหญ้าพวกนี้ก็จะขึ้นมาอีก ก็สามารถเล็มกินได้อีกครั้ง



                “แล้วอาการดีขึ้นยัง ยังอยากอ้วก เวียนหัวอยู่ไหม?” ชริณเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ อีกฝ่าย



                เขาเป็นห่วงเจ้าจิ้งจอกจริง ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาในร่างมนุษย์ เขาไม่เคยเห็นเจ้าจิ้งจอกมีอาการเช่นนี้เลย แล้วหากมันอาการหนัก ชริณจะได้พาไปพบหมอ เพื่อตรวจดูอาการอีกครั้ง



                “ไม่ได้อยากอ้วกแล้ว แต่ว่าน้องเหนื่อย เจ็บซี่โครงไปหมดเลย” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงเพลีย ๆ พร้อมกับเอนตัว ทิ้งน้ำหนักพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง น้องไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย อย่างมากก็แค่สำรอกอาหารออกมา ตอนมันย่อยไม่ได้เท่านั้น



                “ก็เล่นอ้วกซะแรงขนาดนั้น ก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว” ชริณว่า



                “งั้นอยากกินอะไรร้อน ๆ ไหม เดี๋ยวจะทำให้” ชายหนุ่มเสนอความคิด กว่าอาการจะดีขึ้นก็เข้าช่วงสายของมันแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราสองคนเลย



                “อือ...ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้น้องหิวมาก” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า แม้จะได้กินหญ้าไปจนเกลี้ยงถาดเล็กแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้อยู่ดี เมื่อชริณได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่รอช้า รีบเข้าครัว เตรียมทำข้าวต้มร้อน ๆ ให้อีกฝ่ายทานและทำอาหารเช้าให้กับตัวเองด้วย



                ชริณเลือกทำอาหารตามวัตถุดิบเท่าที่เหลือ ชายหนุ่มทำข้าวต้มหมูทรงเครื่องง่าย ๆ ใส่ไข่ให้เจ้าจิ้งจอกและตัวเขา เจ้าจิ้งจอกเล็กเพิ่งอ้วกมา มีอาการไม่สบายตัว ควรที่จะได้กินอาหารอ่อน ๆ



                พอมีเจ้าจิ้งจอกเข้ามาในชีวิต ชริณรู้สึกเลยว่าเขาเข้าครัวบ่อยมากขึ้น ส่วนใหญ่ยามอยู่คนเดียว เขามักจะซื้ออาหารแช่แข็ง สำเร็จรูปมากินมากกว่า ตามประสาพนักงานบริษัทที่แสนขี้เกียจและอาศัยอยู่เพียงลำพัง แต่พอมีเจ้าจิ้งจอกเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย เขาจึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง



                ชริณอธิบายไม่ถูก เป็นห่วงสุขภาพทั้งของตัวเองและเจ้าจิ้งจอกด้วยส่วนหนึ่ง และที่แน่ ๆ อีกหนึ่งเหตุผลคือเขาไม่อยากให้เจ้าจิ้งจอกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพียงลำพัง ยิ่งกับพวกเตาแก๊ส ไมโครเวฟต่าง ๆ ชริณก็ยิ่งไม่ไว้ใจใหญ่ กลัวอีกฝ่ายจะเผาบ้านเข้าให้ แถมบ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่ของเขาอีกต่างหาก



                “เจ้าจิ้งจอก มากินข้าวได้แล้ว” หลังจากทำอาหารเสร็จ ชริณก็เรียกเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังนอนซมอยู่บนโซฟามากินข้าวดี

               









                “อร่อยจัง ฟู่วววว” หลังตักคำแรกเข้าปากแล้ว คำที่สองกำลังตามมาติด ๆ เจ้าจิ้งจอกก็เอ่ยชมชาริน  ซังอย่างเอาใจพลางเป่าข้าวต้มคำต่อไปให้หายร้อนไปด้วย ฝั่งชริณที่อยู่ตรงข้ามกันก็ถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน อาจเพราะท่าทางตลก ๆ เจ้าจิ้งจอกตรงหน้าก็ได้มั้ง



                “ก็อยู่แล้ว...คนทำนี่นา” ชริณว่า ไม่มีการถ่อมตัวอะไรทั้งนั้น “ถ้าอร่อย ก็กินเยอะ ๆ เมื่อเช้าออกของเมื่อวานออกไปหมดแล้วมั้งนั่น”



                “งั้นน้องจะกินให้หมดถ้วยเลย ชาริน ซังไม่ต้องเป็นห่วง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตกปากรับคำ



                “....ก็ดี” ชริณพูดเพียงสั้น ๆ ก่อนจะซดน้ำข้าวต้มทรงเครื่องแบบไทย ๆ เข้าปาก พลางชำเลืองมองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังกินข้าวต้มฝีมือเขาด้วยท่าทีเอร็ดอร่อยเป็นระยะ ๆ



                หลังจากที่เราทั้งคู่กินอาหารเช้ากันหมดแล้ว ชริณก็ให้เจ้าจิ้งจอกไปนอนพักเก็บแรงไว้ เดี๋ยวอาการเมื่อเช้าจะกำเริบอีกครั้ง ส่วนเขาเองก็ทำหน้าที่เก็บจานชามไปไว้ล้าง เช็ดถูโต๊ะอาหาร



                “อาการดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ายัง” หลังจากจัดการเรื่องโต๊ะอาหารเสร็จ ชริณก็มาถามอาการเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกครั้ง



                “เหมือนอาการจะหายไม่เวียนหัวแล้ว” เจ้าจิ้งจอกว่า ปล่อยให้ชาริน ซังเอามือมาอังหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายของตนเอง หลังจากได้กินหญ้าอ่อน ร่างกายก็เหมือนจะดีขึ้นมาก ราวกับอาการที่เล่นงานน้องเมื่อช่วงเช้าเป็นแค่เรื่องโกหก



                ดวงตากลมโตมองถาดหญ้าอ่อนเล็ก ๆ ที่ถูกวางไว้หน้าประตู มันเกลี้ยงไปหมดเพราะฝีมือน้องเด็ดกิน ปกติน้องไม่ชอบกินหญ้า จะกินเฉพาะยามร่างกายต้องการแร่ธาตุบางอย่างเท่านั้น



                ปกติจิ้งจอกกินแต่สัตว์เล็ก ๆ พวกหนู กระต่ายป่า ไม่ค่อยได้กินพืช อีกทั้งเหล่าหญ้าพวกนี้มันทำให้น้องอาเจียน ไม่มีรสชาติ ไม่อร่อย หากถามว่าตอนนี้อยากกินอีกไหม น้องขอบอกเลยว่าไม่ มันสู้รสชาติข้าวต้มหมูของชาริน ซังไม่ได้เลยสักนิด



                “งั้นก็ดีแล้วล่ะ  พักผ่อนเถอะ” ชริณว่า หากเจ้าจิ้งจอกไม่เป็นอะไรมาก ก็ดีแล้ว



                “อือ....”



                “แต่หรือว่านี่คืออาการท้อง?” เขาว่าในสิ่งที่ตัวเองสงสัยตั้งแต่แรก ๆ



                 จริง ๆ ก็ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่าเจ้าจิ้งจอกจะท้องได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นชาริณก็ยังแอบสงสัย เขาก็แค่อยากรู้ว่าเจ้าจิ้งจอกท้องหรือเปล่า หรือเป็นพียงแค่เขาคิดไปเองเท่านั้น ชริณจะได้ดูแลถูก



                “ท้องงั้นเหรอ....” เจ้าจิ้งจอกพูดตามชริณ พอได้ยินคำว่าท้องก็รีบจับท้องของตัวเองทันควัน แต่เจ้าจิ้งจอกก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองท้องไหม



                “อ้าว เป็นหมาแล้วไม่รู้เหรอว่าตัวเองท้องไม่ท้อง”



                “ก็น้องไม่เคยท้อง จะรู้ได้ไง”



                “เออว่ะ” ชริณว่า เขาก็ลืมไปว่านี่เป็นท้องแรกของเจ้าจิ้งจอก เพื่อให้ทุกอย่างกระจ่างชัด ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบไปเอาโน้ตบุ๊กส่วนตัวของตนเองออกมากาง ค้นหาพฤติกรรมยามที่สุนัขตั้งท้อง จะได้รู้ให้แน่ชัดไปเลย



                ถ้าเกิดว่าเจ้าจิ้งจอกท้องจริง เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีสัตว์เล็ก ๆ เกิดมาบนโลกใบนี้ แต่ขณะเดียวกันชริณก็เริ่มกังวลใจ เพราะเจ้าจิ้งจอกไม่ใช่จิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ สามารถกลายร่างไปมา เอาแน่เอานอนไม่ได้แล้วมันจะเป็นปัญหาตอนคลอดน่ะสิ



                หากอีกฝ่ายคลอดในร่างคน แต่ลูกออกมาเป็นเจ้าจิ้งจอกสี่ขา เขาจะทำยังไง? เพราะหากคลอดในร่างคน อีกฝ่ายต้องไปคลอดที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นความลับที่เคยเป็นลับของเจ้าจิ้งจอก ก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป คนก็จะไม่ตายกันทั้งโลกเหรอ เพราะล่วงรู้ความลับของเจ้าจิ้งจอกเข้า



                เมื่อเปิดโน้ตบุ๊คได้แล้ว ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบเปิดอ่านบทความเกี่ยวกับพฤติกรรมของสุนัขยามที่กำลังตั้งครรภ์ทันที ทุกครั้งที่เขาได้เลื่อนสายตาอ่านแต่ละบรรทัด ชริณรู้สึกได้เลยว่าเขาใจเต้นแรง เหมือนจะดีใจแต่ก็ไม่เชิง เพราะปัญหาที่ตามมามันก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย แถมยังปรึกษาใครไม่ได้อีก แม้กระทั่งเพื่อนสนิท



                “เจ้าจิ้งจอก เมื่อเช้ามีอะไรเหลว ๆ ออกมาบ้างไหม” ชริณหันไปถามเจ้าจิ้งจอกน้อย



                “ออกจากไหนเหรอ ถ้าทางคอ น้องอ้วกออกมาเยอะเลย”



                “ไม่ ๆ ฉันหมายถึงตรงช่องนั้นของนายน่ะ”



                “ไม่มี”



                “งั้นเหรอ...” ชริณตอบกลับเสียงแผ่ว



                ขณะเดียวกันเขาก็นั่งอ่านบทความเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของสุนัขไปด้วย ช่วง 1-3 สัปดาห์แรก สุนัขที่อยู่ในเกณฑ์น่าจะตั้งท้อง จะมีอาการ mild morning sickness คืออาการดูเหมือนจะป่วยๆ นิดๆ ในตอนเช้าๆ บางตัวอาจมีของเหลวสีชมพูอ่อนออกมาจากช่องคลอด แต่เจ้าจิ้งจอกของเขาไม่มี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังฟันธงอะไรไม่ได้อยู่ดี

     

           “แล้วสัญชาตญาณนายเคยบอกไหม ว่าถ้าท้องตอนคลอดลูกจะคลอดในร่างไหน” ชริณถามต่อ หากเขารู้จะได้รับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้ทัน



                “น้องไม่รู้.....”



                “......”



                “สัญชาตญาณบอกน้องแค่ว่า น้องต้องท้อง”







 

                คำพูดของเจ้าจิ้งจอกทำเอาชริณถึงกับคิดมากไปเกือบค่อนวัน มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าจิ้งจอกหรอกที่ไม่รู้อะไร เพียงแค่ว่าชริณก็แค่เสียดาย...อย่างน้อยถ้าอีกฝ่ายรู้อะไรก่อน เขาจะได้เตรียมแนวทางแก้ไขได้ก่อนที่เรื่องจะเกิด แต่พอเจอแบบนี้ กลายเป็นว่าต้องรอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา ที่ทำได้ในตอนนี้คือเขาต้องคิดเผื่อสองทาง ไม่ว่าจะเป็นการคลอดในร่างคนหรือร่างสัตว์



                “ชาริน ซังคิดมากเหรอ” ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าชาริน ซังผ่านความมืด ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเข้านอน เจ้าจิ้งจอกน้อยรับรู้ได้เลยว่าชริณกำลังคิดมาก เงียบและนิ่งจนอดเป็นห่วงไม่ได้



                น้องอยากช่วยเหลือชาริน ซัง อยากบอกทุกอย่างเท่าที่ตัวเองรู้ แต่ในตอนนี้น้องเองก็ว่างเปล่า หากว่านี่การตั้งครรภ์ ก็จะเป็นการท้องครั้งแรกของน้อง ครอบครัวที่สามารถไขความกระจ่างแจ้งให้ชาริน ซังได้ก็ตายหมดแล้ว แล้วจะให้น้องทำยังไง



            น้องดีใจที่ตัวเองท้อง นั่นเท่ากับว่าภารกิจของน้องสำเร็จเสียที....แต่ในเวลาเดียวกัน น้องก็ไม่อยากให้ชาริน ซังเป็นกังวล...



                “เปล่าหรอก” ชริณตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะพลิกตัวหันหน้าไปหาเจ้าจิ้งจอกแล้ว แล้วลูบกลุ่มผมนุ่มของอีกฝ่ายแผ่วเบา



                 “งั้นจูบหน้าผากน้องหน่อย” เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กว่า พร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้ชาริน ซังทันที ท่อนแขนเล็กตวัดกอดเอวหนาไปอย่างหลวม ๆ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ชาริน ซังได้จูบหน้าผากตัวเอง



                “เจ้าจิ้งจอกน้อย....”



                “...จ๋า”



                “พรุ่งนี้กลายร่างกลับคืนเป็นหมาจิ้งจอกแล้วไปหาสัตวแพทย์ด้วยกันนะ เราดูเองเราไม่รู้หรอกว่าจะท้องไม่ท้อง ให้คุณหมอเขาอัลตราซาวด์ดีกว่า” ชริณว่า



                 อย่างแรกที่ต้องรู้คือสรุปเจ้าจิ้งจอกน้อยตั้งครรภ์จริงหรือเขาวิตกกังวลไปเองกันแน่ ให้สัตวแพทย์ตรวจร่างกายให้ชัดเจนไปเลยดีกว่า ว่าเจ้าจิ้งจอกเป็นอะไรกันแน่ แต่ถึงแม้จะไม่พบความผิดปกติ ยังไงเสียเจ้าจิ้งจอกก็ต้องลองไปตรวจร่างกายกับคุณหมอรักษามนุษย์อีกครั้ง เพราะเจ้าจิ้งจอกเป็นได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ จะตรวจแค่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้



                “อือ....” เจ้าจิ้งจอกน้อยครางรับ แต่ดวงตากลมโตเริ่มแสดงความหวั่นกลัวออกมาท่ามกลางความมืดของห้องนอน เมื่อชาริน ซังพูดถึงสัตวแพทย์



                 “คุณหมอเขาจะจับน้องฉีดยาอีกไหม” มนุษย์จิ้งจอกน้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น



                น้องไม่อยากโดนคุณหมอจับฉีดยาอีกแล้ว ครั้งแรกที่ได้ไปที่นั่น น้องจำไม่ลืมเลย แม้การรักษาของคุณหมอจะทำให้ร่างกายน้องแข็งแรงขึ้น ดีต่อตัวน้องก็จริง แต่น้องไม่ชอบอยู่ดี น้องไม่ชอบกลิ่นยา ไม่ชอบเข็มยาว ๆ ของคุณหมอ



                “ไม่ฉีดยาหรอก แค่ไปตรวจร่างกายเอง แบบเมื่อเช้าอาการไม่ปกติแล้วนะ เราไม่เคยเป็นด้วยนี่ ใช่ไหม?”




                “ก็จริง...งั้นไปก็ได้ ชาริน ซังจะได้สบายใจด้วย”





_____________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง



เห็นในคอมเมนต์ที่โยนเข้ากับเรื่องท้องจริงไม่จริงที่ขำเลย ปั่นต้นฉบับนิดนึง

จะเปิดเทอมแล้ว แง



ชี้แจงเรื่องการกินหญ้านะคะ เห็นคนคอมเมนต์ถามกัน

ไม่ใช่สุนัขจะกินหญ้าเฉพาะตอนต้องการจะสำรอกขนหรืออาหารนะคะ มีสาเหตุที่น้องจะกิน เช่นไม่สบายท้อง ,อยากกินเพราะอยากกินเฉยๆ, กินตามสัญชาตญาณ,กินเพราะต้องการแร่ธาตุ ไฟเบอร์ แบบนี้ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
« ตอบ #79 เมื่อ: 21-07-2018 21:15:18 »





ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คุณหมาป่าจะมาดีหรือมาร้าย..ยยยยยย  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
กังวลยิ่งกว่าท้องเองอีกค่ะ แง น้องจะคลอดยังไง มือใหม่กันหมดเลย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น่าจะคลอดในร่างของสุนัขนะเหมาะกว่าลูกๆๆออกมาเป็นสุนัขกลายได้ร่างมีหูมีหางเหมือนแม่งะ :interest:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ท้องเถอะนะ อยากมีหลานแล้ว

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
 :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ท้องมั่ยท้อง?!?!

ออฟไลน์ Papa614

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
       

           “เจ้าจิ้งจอกพร้อมไปกันยัง?”



                แอ๊!



                นานมากแล้วที่ชริณไม่ได้ยินเสียงเจ้าจิ้งจอกร้อง พอได้ยินเสียงอีกครั้ง ทำให้ชริณถึงกลับหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ตั้งแต่ตื่นมา เขาก็เห็นว่าเจ้าจิ้งจอกตัวเล็กกลับคืนสู่ร่างสัตว์ นอนจ้องเขาอยู่บนเตียงเดียวกัน เตรียมพร้อมจะไปพบคุณหมอแล้ว



                หลังจากทานข้าวเช้าและเทอาหารเม็ดให้เจ้าจิ้งจอกแดงได้กินเสร็จ ชริณก็หยิบกระเป๋าสำหรับหิ้วสัตว์ที่ซื้อมาตั้งแต่คราวนู้น รูดซิปเปิดแล้วตบเบา ๆ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งในนี้ ซึ่งเจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็รู้งาน มันเดินนวยนาดยามปีนเข้ามานั่งในกระเป๋าหิ้วแต่โดยดี



                “จะพาไปแล้วนะ” เขาบอกจิ้งจอกน้อง ก่อนจะรูดซิปกระเป๋า ปิดประตูบ้าน พาอีกฝ่ายไปยังโรงพยาบาลสัตว์ที่เปิดสี่ยิบสี่ชั่วโมง เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจร่างกาย



                หนที่แล้วชริณแจ้งในใบประวัติการรักษาว่าเป็นเพศชาย แต่ครั้งนี้ชริณต้องประสบปัญหา เพราะเขากำลังเอาเจ้าจิ้งจอกแดงเพศชายมาอัลตราซาวด์หาลูก...



                “จะเอาสุนัขเพศชายมาอัลตราซาวด์หาการตั้งครรภ์เหรอคะ”



                “ครับ...คือเจ้าจิ้งจอกแดงตัวนี้ผมเองก็เพิ่งสังเกตว่าน้องมีสองเพศ มีช่องคลอดด้วย แล้วที่นี้ผมเคยเห็นว่าน้องมีอะไรกันกับหมาแถวบ้านน่ะครับ เลยอยากเอามาตรวจให้แน่ชัดว่าน้องท้องไหม”



                หมาแถวบ้านที่ไหนกันล่ะ ชริณนี่แหละที่เป็นคนทำ! เขาลงทุนว่าตัวเองว่าเป็นสุนัขแล้วนะ ได้โปรดขอให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสัตว์เห็นใจ อัลตราซาวด์เจ้าจิ้งจอกตามความต้องการของเขาเถอะ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับทำสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อชริณเท่าไรนัก



                “เถอะนะครับ ผมไม่สบายใจเลย”



                “ก็ได้ค่ะ งั้นขอแจ้งคุณหมอสักครู่นะคะ”



                “ขอบคุณมากครับ!”



                ในที่สุดเจ้าจิ้งจอกก็ได้อัลตราซาวด์ตามความต้องการของชริณจนได้ เจ้าตัวเล็กมีความแตกตื่นเจ้าหน้าที่และคุณหมอประจำโรงพยาบาลเสร็จอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงโวยวายเหมือนหนก่อน ที่ฉีดยาไปแล้วแต่เพิ่งมาโวยวายทีหลัง หลังจากเจ้าจิ้งจอกน้อยอัลตราซาวด์เสร็จ ก็เป็นหน้าที่ของชริณที่ต้องไปฟังสัตวแพทย์อธิบาย



                “เพิ่งเคยเห็นจิ้งจอกมีสองเพศในร่างเดียวกัน...แปลกจังเลยนะคะ น้องมีช่องคลอดด้วย” สัตวแพทย์พูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ชริณ ก่อนจะรับผลอัลตราซาวด์จากเจ้าหน้าที่มาอ่าน



                “ครับ....ผมก็เพิ่งมาสังเกตช่วงหลังนี่เอง” ชริณโกหกคำโตอีกครั้ง ภาวนาในใจขอให้อีกฝ่ายอย่าระแคะระคายหรือสงสัยอะไรเลย



                “ค่ะ....สรุปไม่พบการตั้งท้องของน้องนะคะ คือสรีระของน้องไม่ได้ผิดปกติเลยค่ะ อาจมีแค่ช่องคลอดทีผิดปกติ”



                “อะไรนะครับ? สรุป....น้องไม่มีมดลูกใช่ไหมครับ”



                “ใช่ค่ะ....แต่ถ้าสมมติว่าท้องจริง ช่วงหนึ่งถึงสามสัปดาห์แรกจะไม่รู้หรอกนะคะว่าท้องหรือเปล่า เพราะถ้าอัลตราซาวด์ก็คงไม่เห็นอะไร จะสามารถตรวจได้ตอนอายุครรภ์ครบสี่สัปดาห์นะคะ...”



                “แสดงว่าตอนนี้สามารถท้องและไม่ท้องได้ใช่ไหมครับ” ชริณถามต่อ เขาแอบใจชื้นขึ้นมาเล็ก ๆ แต่ก็แอบกังวลเช่นกัน หากเจ้าจิ้งจอกท้องไม่ได้ก็แสดงว่าจะเผ่าพันธุ์ของมันก็จะสูญพันธุ์น่ะสิ



                “ใช่ค่ะ แต่ว่าน้องไม่มีมดลูกนะคะ.... หมอไม่เคยเจอเคสแบบนี้เลยค่ะ” สัตวแพทย์สาวว่า “น้องอาจมีอาการอยากกินหญ้า ดูซึม ๆ ในช่วงตอนเช้า ซึ่งน่าจะเป็นความผิดปกติของร่างกาย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้าน้องไม่มีมดลูกก็คงท้องไม่ได้”



                “แล้วผมขอถามไหมครับ ว่าจิ้งจอกสามารถคลอดลูกได้มากสุดกี่ตัว” ชริณถาม



                “จิ้งจอกส่วนใหญ่จะคลอดลูกครั้งละสี่ถึงห้าตัวค่ะ ใช้เวลาตั้งท้องทั้งหมดแปดถึงเก้าสัปดาห์ค่ะ”



                “.....”



                “ถ้าน้องมีอาการผิดปกติ มากกว่าอาการซึม ๆ ก็สร้างให้มาตรวจร่างกายอีกได้นะคะ ว่าแต่ชริณ ซังมีอะไรสงสัยอีกไหมคะ?”



                “ไม่แล้วครับ...ขอบคุณมากครับ”







 

                “น้องจะไม่มีมดลูกได้ยังไง น้องมั่นใจว่าตัวเองต้องท้อง!”



                “ก็คุณหมอเขาหามดลูกไม่เจอ”



                “คุณหมอมั่ว! สัญชาตญาณบอกน้องว่าต้องท้อง!” เสียงตะโกนโวยวายดังลั่นบ้าน หลังชริณบอกกับเจ้าจิ้งจอกน้อยว่าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสท้อง เพราะสัตวแพทย์หามดลูกไม่เจอ



                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบโวยวายไม่ยอมรับความจริง มั่นใจว่าตัวเองจะต้องท้องแน่ ทว่าหลักฐานอะไรกลับไม่มียืนยัน นอกจากบอกว่าสัญชาตญาณตัวเองบอกมา



                ชริณถึงกับถอนหายใจ อธิบายยังไงเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่ฟัง แล้วจะให้เขาทำยังไง สัตวแพทย์ว่าอย่างไร เขาก็ต้องเชื่อตามนั้น แถมฝั่งนั้นเองก็มีหลักฐานยืนยันด้วยว่าเจ้าจิ้งจอกไม่มีมดลูกจริง ๆ



                “งั้นไว้ท้องแล้วจะเชื่อล่ะกัน” ชริณเลือกที่จะพูดตัดบทเจ้าจิ้งจอกน้อย เพราะไม่อยากเถียงกับอีกฝ่าย แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมเช่นกัน จะเอาชนะเขาให้ได้



                “หยุดเดินเดี๋ยวนี้นะชาริน ซัง! นี่ชาริน ซังไม่เชื่อน้องเหรอ” เจ้าจิ้งจอกว่าพร้อมกับคว้าแขนชาริน ซังที่กำลังเดินหนีเข้าห้องนอนไว้ทันควัน ในหัวของน้องมีแต่คำว่าทำไม ทำไม เต็มไปหมด น้องว่าคุณหมอมั่วแล้ว ทำไมน้องจะไม่มีมดลูกเล่า น้องมั่นใจมากว่าตัวเองต้องท้อง!



                “ไม่ใช่ไม่เชื่อ... แต่จะอธิบายยังไงในเมื่อคุณหมอเขาอัลตราซาวด์ให้แล้ว แต่ไม่เจอมดลูก จะเชื่อได้ยังไง” ชริณถามกลับบ้าง



                “ก็เชื่อสัญชาตญาณน้องไงเล่า!”



                “เราเอาแต่ใจแล้วนะ ไว้อารมณ์ดีกว่านี้ เข้าใจอะไรง่าย ๆ ค่อยคุยกันอีกรอบ” ชริณว่าตัดบทอีกครั้ง ตั้งท่าจะเดินหนีเข้าห้องนอนอย่างเดียว ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไม่ได้คว้าแขนรั้งไว้อีกแล้ว กลับมาหัวเสียกับตัวเองแทน



                “น้องจะไม่ท้องได้ยังไง คุณหมอนั่นแหละมั่ว! ฮึ่ย!!”



                กลายเป็นว่าหลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลสัตว์เราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จะเรียกว่าทะเลาะก็ไม่เชิง แต่ไม่คุยกัน ต่างคนต่างอยู่มากกว่า เจ้าจิ้งจอกอยู่ข้างนอก นอนดูโทรทัศน์ทั้ง ๆ ที่ดูเรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ส่วนชริณก็นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน



                ตกดึกมา ยามปกติเจ้าจิ้งจอกน้อยมักจะออดอ้อนของจูบจากชริณเสมอ แต่วันนี้กลับนอนหันหน้าหนี ไม่พูดจาด้วย กลายเป็นเขาที่ต้องเขยิบตัวเข้าไปใกล้เสียเอง



                “ไม่ต้องเข้ามาใกล้น้องเลย น้องไม่อยากคุยด้วย” จังหวะที่กำลังตวัดแขนกอด เจ้าจิ้งจอกพูดขึ้นมาทันควัน ทำเอาท่อนแขนชริณชะงักกลางอากาศ



                “ก็ได้....แต่ไม่ง้อหรอกนะ” ชริณพูดอย่างวางฟอร์ม ไว้อีกฝ่ายอารมณ์ดีกว่านี้ ค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย



                “อือ!” เจ้าจิ้งจอกน้อยเองตอบกลับมาทันควัน ตั้งท่าจะไม่ยอมเหมือนกัน แม้ไม่มีมดลูก น้องก็มั่นใจว่าตัวเองต้องท้องกลายเป็นว่าคืนนี้เป็นคืนแรกที่เรานอนหันหลังให้กัน....



                เช้าวันใหม่เวียนมาถึงอีกครั้ง ชริณที่อยู่ในสภาพงัวเงีย คว้าสเปะสะปะ หมายจะดึงร่างนุ่มนิ่มเข้ามากกกอดไว้ตามความเคยชิน ทว่าคิ้วเข้มกลับต้องขมวด เมื่อเขาได้สัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่เป็นก้อนขนนอนขดอยู่ข้างกาย ทำให้ชายหนุ่มต้องงัดเปลือกตาที่หนักอึ้งตัวเองขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ความสงสัยของตัวเอง



                “เฮ้ย!” ชายหนุ่มอุทานเสียงหลง เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยที่ควรจะเป็นมนุษย์กลับกลายร่างเป็นเจ้าจิ้งจอกน้อยเหมือนในวันวาน



                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังสะลึมสะลือก็ตื่นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจของชริณ ก่อนจะไล่สายตามองเนื้อตัวของตนเองด้วยความประหลาดใจ หัวใจดวงน้อยถึงกับกระตุกวูบ ไม่เคยกลายร่างกลับจิ้งจอกทุกครั้งที่ได้นอนบนเตียงเดียวกับชาริน ซัง จึงพยายามหลับตาปี๋ตั้งจิตให้แน่วแน่ เพื่อที่จะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นอย่างที่ใจปรารถนาอีกแล้ว



                น้องกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ไม่ได้!




                แอ๊!!!!!!!!!















_____________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อีก4บทจบนะคะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
กลับเป็นคนเถอะจะได้ปั๊มลูกกันอีก โอ้ยสงสาร

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เกิดอะไรขึ้น!!!

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นรู้กกกก

สรุปน้องจะท้องมั้ย นี่คิดชื่อหลานรอแล้วนะ  :serius2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด