Partner of life คู่ชีวิต
ตอนที่3
“พรุ่งนี้ชากลับบ้านนะ” ชาพูดขณะเดินออกจากห้องน้ำพลางเช็ดผม
“กลับทำไม แล้วพีทจะอยู่กับใคร” พีทมีอาการงอแงทันที และก็เป็นแบบนี้บ่อยเวลาเชาต้องกลับบ้าน กลับไปค้างที่บ้าน
“พีทก็กลับบ้านบ้างสิ” ชาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง
“เบื่ออะ ขี้เกียจกลับไปตีกับพี่พล เมื่อคืนยังเล่นพีทหนัก ยังแค้นไม่หาย”
“เอาหน่า ถ้าไม่อยากนอนคอนโดคนเดียวก็กลับไปบ้านเถอะ” ชาตอบพร้อมนั่งเป่าผมให้แห้ง
“ก็ได้ เดี๋ยวพีทบอกอีกทีละกัน” พีทเงียบไปแปปนึงก่อนถามต่อ “แล้วชาจะกลับยังไง”
“เดี๋ยวไปลงบีทีเอสละให้พี่เชนมารับที่บีทีเอส”
“พูดถึงพี่เชน ไม่ค่อยได้เจอเลยตั้งแต่เรียนจบ” พีทถามถึงพี่ชายคนกลางของอีกฝ่าย พี่เชนเป็นคนที่ยอมไฟเขียวให้เขาคบกับชา เขาเคารพพี่เชนมาก นอกจากเป็นพี่ชายของคนรักแล้วยังเป็นพี่ในคณะที่สนิท
“ไปต่อโทที่อังกฤษมา เพิ่งกลับมาอะ”
“โห เจ๋ง ปบบนี้พี่เชนมีเมียฝรั่งไปยัง”
“เหอะ พาเมียฝรั่งเข้าบ้านแม่ฉีกอกเอาแน่นอน” ชาพูดพร้อมส่ายหน้าวสงไดร์เป่าผมลง คิดถึงแม่เขาละนึกถึงระเบิดลงบ้านแน่นอน
“ฮ่าๆ จะว่าไปยังไม่รู้จักครอบคัรวชาเลยนอกจากพี่เชน”
“เราก็ไม่เคยรู้จักครอบครัวพีทเหมือนกัน” ขาตอบพร้อมหันมามองหน้าอีกฝ่าย บรรยากาศเงียบลงทันที เหมือนมหมอกอะไรบางอย่างมากั้นเขาสองคนไว้
ที่ผ่านมาเขารักกันมาก แต่มันก็รักกันอยู่สองคน ถ้าจะเดินด้วยกันต่อไป
ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็เป็นสิ่งสำคัญ
“เอ่อ แล้วพรุ่งนี้ชาจะออกกี่โมง” พีทเปลี่ยนเรื่องเมื่อรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
“ออกเช้าเลย” ชาตอบพร้อมเดินไปนอนข้างๆอีกฝ่าย ชาสอดตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายพร้อมซบลงบนอกแกร่ง
“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไร” พีทตอบพร้อมลูบหัวคนรัก เขาชอบเวลาชาอ้อนที่สุด น่ารักที่สุด
“เปล่า แค่อยากกอดไม่ได้เหรอ” ชาตอบพร้อมเงยหน้ามองอีกฝ่าย
ทั้งสองคนสบตากับพร้อมใบหน้าที่โน้มเข้าหากัน ริมฝีปากทั้งสองแตะกันจากค่อยๆจูบกลายเป็นร้อนแรงจนชาต้องยึดไหล่อีกฝ่ายไว้
“ขอตุนหน่อยสิ จะไม่ได้กอดตั้งสองวัน” พีทกระซฺบเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์
ชายิ้มยั่วพร้อมขึ้นคร่อมอีกฝ่ายใช่บั้นท้านสวยเสียดสีส่วนกลางของอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน ริมฝีปากค่อยๆจูบไล่ไปตามลำคอแกร่ง
“อื้อออ ยั่วกันใช่มั้ย”
พีทเหวี่ยงอีกฝ่ายลงพร้อมขึ้นคร่อม เขาบดจูบอรกฝ่ายอย่างร้อนแรงก่อนจะรีบกระชากเสื้อผ้าทุกชิ้นที่กั้นเขาทั้งสองคนไว้
“อ๊ะ พีท อื้ออออ” ชาเด้งอกขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายชิมยอดอีกสีสวยพร้อมทำรอยรักไว้บนอกขาว
“อื้ออออ ลึกๆเลยที่รัก อ๊ะ แรงอีก แรงอีก”
“ได้เลยที่รัก อ๊ะ รัดเค้าไปแล้ว”
“อื้ออ ไม่ไหสปล้ว อ๊ะ”
“พร้อมกันนะที่รัก อื้ออออออ”
พีทซบลงบนอกขาวอย่างเหนื่อยหอบเขามองหน้าคนรักของตัวเองก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมจูบหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ
“พีทรักชานะครับ”
“ชาก็รักพีท” ชาตอบพร้อมจูบริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“ว่าไงเราเป็นไงบ้างไม่เจอกันนาน” พี่ชายคนกลางเขาทักขึ้นทันทีที่นั่งบนรถ
“ก็ดีพี่เชน พี่เชนละตั้งแต่เรียนจบเที่ยวจะหมดประเทศยัง” เขาหันไปแซวพี่ชายที่หลังเรียนจบขอแม่เที่ยวพักผ่อนก่อนเริ่มทำงาน
“เกือบครบ77จังหวัดละ ฮ่าๆ” เขาตอบพร้อมมองสีหน้าอันสดใสของน้องชาย ชาเป็นเด็กน่ารัก เหมาะกับรอยยิ้มสดใสที่สุดแล้ว “เรากับไอ้พีทเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีพี่”
“จะเรียนจบกันแล้ววางแผนยังจะเอาไงกันต่อ” เชนถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
ชานิ่งไปทันที เรียนจบจะเอาไงต่อเหรอ เขาแอบคิดไว้บ้างว่าอาจเรียนต่อ แต่อีกฝ่ายเขาก็ไม่รู้เลยว่าคิดอะไรอยู่
เราไม่เคยคุยกัน
“ไม่รู้เหมือนกันพี่” ชาตอบพร้อมนิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“คิดกันได้แล้วนะ เรียนจบกันแล้ว เริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันไม่ง่ายเหมือนเด็กๆคบกันแล้วนะ”
“ชารู้”
“เอาหน่า อย่าเพิ่งคิดมาก เดี๋ยวถึงเวลาเราก็รู้กันเอง” เชนตอบพร้อมลูบหัวน้องชายเบาๆ
ชาเหม่อมมองข้างทาง เขาคิดว่าบางทีอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องคุยเรื่องอนาคตกับพีทบ้างสักที
“น้องชา คุณแม่คิดถึงจังเลย” แม่ของเขาเข้ามากอดเขาเต็มแรง ชากอดตอบผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม
“ชาก็คิดถึงคุณแม่ครับ” ชาตอบด้วยรอยยิ้มหวาน
“คิดถึงคุณแม่แล้วทำไมไม่ค่อยโทรหาคุณแม่เลยละ”
“เอ่อ ชาไม่ค่อยว่างนะคัรบ ใกล้จบละเรียนหนัก” ชาฉีกยิ้มอ้อนให้แม่
“คุณก็จะไปคาดคั้นลูกทำไม” มล.องอาจพูดขึ้น ชายิ้มหวานให้พ่อพร้อมยกมือไหว้
“สวัสดีครับพ่อ”
ผู้เป็นพ่อยิ้มรับพร้อมลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ
“ไปกินข้าวกันเถอะ แม่ให้จิตรเตรียมโต๊ะไว้ให้เรียนร้อยแล้ว” มล.นภา ตอบพร้อมจูงมือลูกชายเดินเข้าไปในห้องอาหาร ซึ่งมีพี่ชายคนโตเขานั่งอยู่
“พอน้องชามาทุกคนก็ไปโอ๋น้องชาหมดเลยนะ” ชัช พี่ชายคนโตทักขึ้นทพเอาน้องชายรีบเข้าไปอ้อน
“พี่ชัชไม่งอนนะ น้องชาคิดถึงพี่ชัชจังเลย”
“พี่ก็คิดถึงเรา” ชัชตอบพร้อมลูบหัวน้องชายคนเล็กอย่างเอ็นดู “แต่เราเงียบหายไปเลยนะ วันนั้นพี่ผ่านคอนโดจะเข้าไปหา ข้างล่างก็บอกว่าเราไม่อยู่เลยไม่ได้โทรหา”
ชาชะงักทันที เขาหันไปสบตากับพี่ชายคนรอง “เอ่อ ชาคงออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะครับ”
“ติดเพื่อนเหรอเรา แต่ติดเพื่อนก็ดีแล้ว ดีกว่าไปติดอย่างอื่น” ชัชพูดขึ้นพร้อมจ้องมองเขา เขารีบยิ้มหวานกลบเกลื่อนไปนั่งที่ของตน
“น้องชาจะไปติดใครได้ละตาชัช น้องยังเด็ก ยังไม่คิดเรื่องแบบนั้นหรอกใช่มั้ยลูก” มลนภาถามขึ้น
“เอ่อ ครับ”
“กินข้าวกันดีกว่า เชนหิวละ” เชนพูดขึ้นช่วยน้องชายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มไปไม่ถูก
อาหารตรงหน้าล้วนเป็นอาหารตำรับชาววัง ใช่ บ้านเขาเป็นวังเก่า และตระกูลเขาก็สืบเชื้อสายกษัตริย์ เขามีแม่และพ่อเป็นหม่อมหลวง มียายเป็นหม่อมราชวงศ์ ซึ่งหม่อมยายอยู่ในวังใหญ่ เป็นรุ่นหลานจึงไม่มีคำนำหน้า แค่มี ณ อยุธยา ห้อยหลังนามสกุล ซึ่งเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องที่บ้านให้ใครฟังเท่าไหร่ ทุกคนรับรู้แค่ว่าพ่อเขามีกิจการส่วนตัว และแม่เป็นผู้ดีเก่า ปต่ไม่มีใครรู้ว่าเชื้อสายเขาจะใกล้กว่าที่คิด
“ของชอบน้องชาทั้งนั้นเลย กินเยอะๆนะ” มล.นภาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขามองลูกชายคนเล็กด้วยความรักใคร่ ในบรรดาลูกเขาเป็นห่วงลูกคนเล็กมากที่สุด ชาเป็นคนน่ารัก สดใสเหมือนผ้าขาว เธออยากจะกป้องลูกถึงที่สุด ไม่อยากให้มีรอยเปื้อน ชาคือคนที่มีความเป็นราชนิกุลสุดแล้วในบรรดาลูกเขา ชีชคนโตก็เหมือนกัน โดนอบรมมาอย่างพี่คนโต ผู้ดีทุกระเบียบนิ้ว เรียนรู้งานจากพ่อ และสานต่อได้อย่างชำนาญ ส่วนคนกลาง ตาเชนดูผ่าเหล่าสุด ใจร้อน ห่าม แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เธอรับได้ เชนจึงดูเป็นปถุชนสุด
“หม่อมลงครัวมาทำอาหารให้คุณหนูเองเลยนะคะ” จิตร สาวใช้ในบ้านที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นยายพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอครับ กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่วังสวัสดิกรแล้ว” ชาตอบด้วยรอยยิ้ม
“โอ๋น้องชากันเข้าไป ผมเป็นหมาหัวเน่าแล้ววมั้ง” เขนพูดขึ้นอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ ทุกคนโอ๋น้องชาเสมอ น้องชาคือน้องน้อยของบ้าน เด็กน้อยที่โตมาท่ามกลางความรัก รอยยิ้มหวานที่ทำให้ทุกคนต้องยิ้มตาม
ถ้าคุณแม่รู้ว่าอยู่มหาลัยน้องมีแฟนเป็นใครละก๊อกแตกตายแน่ๆ
“อย่ามาทำเป็นงอนเลยตาเชน เราละเรียนจบมาสักพักละเมื่อไหร่จะเข้ามาช่วยงานพี่เขา” มล.นภาพูดขึ้น
“นี่ไงครับ กลับมาแล้ว พร้อมลุยงานแล้ว”
“ดี งั้นวันจันทร์ก็เข้าไปหาพี่เขาเลยแล้วกัน” มล.องอาจพูดขึ้น
“โห ได้ทีสั่งเลยนะคุณพ่อ”
“ฮ่าๆ” ทั้งโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
กินข้าวเสร็จเขานั่งดูโทรทัศน์กับที่บ้านซึ่งตั้งแต่โตก็นานกว่าจะมีเวลาอยู่ร่วมกัน
“ข่าวสมัยนี้แม่ดูแล้วกลัวจริงๆ ทั้งฆ่าข่มขืน ยิงกัน สังคมมันโหดร้ายจริงๆ” มล.นภาพูดขึ้น
“หม่อมแม่ก็อย่าไปดูสิครับ” เขนพูดแซวขึ้น แม่เขาไม่ชอบให้เรียกว่าหม่อมแม่ตั้งแต่เด็ก เพราะแม่มองว่ามันห่างเหินไป
“อย่ามาเรียกแม่อย่างนั้นนะตาเชน” มล.นภาหันไปมองลูกชายคนกลางตาเขียว
“เชน เราก็อย่าไปแกล้งคุณแม่สิ” ชัชห้ามทัพทันทีเขารู้ว่าสองคนนี้มักจะมีปากเสียงกันเสมอ เพราะน้องชายก็ชอบแหย่ ส่วนแม่เขาก็เถรตรง
พวกเขานั่งดูโทรทัศน์ไปจนมาถึงข่าวเกี่ยวกับคนที่มีเรื่องกันในผับ สถานที่กลางคืน มล.นภาจึงพูดขึ้นอีก
“ชาอย่าไปเที่ยวที่แบบนะครับ แม่ละเป็นห่วงจริงๆ”
“เอ่อ ชาไม่ไปหรอกครับ” ชาตอบพร้อมยิ้มแหยๆ เขาไม่อยากโกหกแต่ถ้าบอกความจริงแม่ไปต้องโดนสอบยาวแน่ๆ แต่เขาไปไม่บ่อย นานๆที
พวกที่ทำธุรกิจแบบนี้แม่ไม่ชอบเลย มอมเมาคนอื่น ธุรกิจมีตั้งเยอะแยะแต่กลับไปขายเหล้า ขายเบียร์”
คำพูดของแม่ทำเอาเขาชะงัก เอ่อ บ้านพีทเปิดผับซะด้วย
“ละยิ่งพวกมาเฟยหัวไม้นะ แม่ละไม่ชอบเลย ชาอย่าไปอยู่ใกล้พวกนี้นะลูก” มล.นภพูดพร้อมหันมามองลูกชาย
“เอ่ ครับ” ชาตอบอย่าอดไม่ได้ เขาหันไปสบตาพี่เชนทันที
“มันก็ธุรกิจแบบนึงหน่าคุณแม่ เขาเปิดเพราะให้คนเรามาผ่อนคลายสังรรค์ ถูกกฎหมายก็ไม่ผิดอะไรนิ” เชนพูดช่วยน้องชายเมื่อเห็นว่าชาเริ่มมีสีหน้าไม่ดี
“ต่อให้ถูกกฎหมายแม่ก็ไม่ชอบหรอก น่ากลัวจะตารยพวกนี้”
จบคำพูดของแม่ทำเอาชาคิดไม่ตก ความคิดที่คิดว่าจะพาพีทมาทำความรู้จักที่บ้านทำเอาเขาเริ่มคิดหนัก เขารู้จักแม่ตัวเองดี แม่เป็นที่โดนอบรมมาแบบในวังจนเถรตรงเกินไป ไม่ชอบอะไรก็ไม่ชอบตรงๆ ถ้าแม่รู้ว่าที่บ้านพีททำงานอะไรละก็ ตายแน่ๆ!!
“เออ เดี๋ยวตอนเย็นๆต้องเข้าไปหาหม่อมแม่ของคุณในวีงใหญ่ใช่มั้ย” มล.องอาจพูดขึ้น
“ใช่ คุณแม่ลืมบอกพวกเราเลย เดี๋ยวตอนเย็นไปกินข้าวกันที่วังใหญ่หม่อมย่านะ หม่อมย่าอยากเจอหลานๆ”
“ได้ครับ” ทั้งสามคนพยักหน้ารับคำ
“คิดมากที่คุณแม่พูดไหม”
ชาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพี่ชายคนกลาง เขาหันไปมงอพร้อมรอยยิ้ม
“นิดหน่อยครับ” ชาตอบพร้อมทอดสายตามองดอกไม้ในสวน เขามานั่งเล่นรับลมในสวนดอกไม้ เพื่อระงับความคิดที่เริ่มตีรวนขึ้นมาในใจ
“อย่าคิดมากไปเลย เมื่อถึงเวลาคุณแม่คงไม่ว่าอะไรหรอก” เขนพูดปลอบน้องชาย แม้ว่าลึกๆเขาจะรุ้จักแม่ตัวเองดี
“ชาก็หวังให้เป็นอย่างนั้นครับ”
“เอาหน่า อย่าทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนี้สิ ไม่น่ารักเลย” เชนพูดพร้อมยิ้มมอย่างอ่อนโยนให้น้องชาย
“เห้อ ยังดีที่มีพี่เขนที่รู้เรื่องและรับฟัง ไม่งั้นชาคงอกแตกตายแน่ๆ”
“มีอะไรเราก็พูดกับพี่ได้”
ชาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนหันไปมองพี่ชายตัวเองพร้อมถามคำถามที่อยู่ในใจมาตลอดหลายวัน
“ชาเคยคิดนะพี่เชนว่าคนเราเป็นแฟนกัน แค่รักกัน แค่นั้นมันไม่พอเหรอ ชาคบกับพีทตั้งแต่ปีหนึ่ง นี่ก็สามปีกหว่าแล้ว เรามั่นใจในกันและกัน ไม่มีใครทำอะไรเราสองคนได้ มีคนเข้ามาทั้งคู่แต่เราก็จับมือกันแน่นพอ” ชาเว้นวรรคก่อนพูดต่อ “แต่พอโตขึ้น ใกล้เรียนจบ เริ่มเป็นผู้ใหญ่ ทำไมชายิ่งรู่สึกว่าคำว่ารักคำเดียวมันไม่พอ ไหนจะครอบครัว สังคม อะไรต่างๆมากมายและที่สำคัญ อนาคต มันเป็นไง ความมั่นคงอีก โอ๊ย ปวดหัวเลย”
ชากุมขมับตัวเองทันที
“พี่ก็พูดไรมากไม่ได้หรอกเพราะพี่โสด ฮ่าๆ” เชนพยายามไม่ให้น้องเครียดเกินไป “เอาจริงๆเราอย่าเพิ่งคิดมากไปเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”
“ชาก็ว่างั้น”
“ยังไงเราก็กลับคอนบ้าง อย่าอยู่แต่ห้องไอ้พีท พี่ชัชไม่ใช่คนโง่และจะปิดได้ง่ายๆ กันไว้ดีกว่า” เขนบอกในสิ่งที่เขากังวล ถ้าพี่ชายคนโตเขารู้ ไม่มีทางที่แม่จะไม่รู้
“ครับ ชาจะกลับไปนอนคอนบ้าง” ถ้าพีทรู้ต้องไม่ยอมแน่ๆ
ถ้าวันนั้นมาถึง วันที่ทุกอย่างไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เขาก็แค่ภาวนาให้เขาทั้งสองจะจับมือกันแน่นพอเหมือนที่ผ่านๆมา
เขาไม่กังวลแค่พีทจะปล่อยมือ เขากังวลตัวเองด้วยว่าจะรับแรงกดดันมากมายได้หรือเปล่า
ดีนะที่ไม่มีอะไรให้คิดมากเพิ่มไปอีก
*****************************************************************
มาต่อแล้วครับ บ้านน้องชาไม่ธรรมดาซะด้วย
พีทถ้าได้เจอแม่ยายจะเป็นไง ควสนุกแน่ๆ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและคอมเม้นต์ครับ
ฝาก #พีทชา ในมทวิตเตอร์ด้วยครับไป พูดคุย ติ ชม กันได้