#เจนไม่นก
เจนกับการเดินถอยหลัง
และหลังจากนั้นมา เจนก็ตัดสินใจไม่เดินหน้าและไม่ถอยหลังอีก
เพราะเหมือนว่าเจตนาที่ดีของตน สุดท้ายแล้วก็ถูกตีความไปแบบเผียดๆเรื่อยจนทนไม่ไหวแล้วว้อย!
“วันนี้ก็ยังยุ่งอยู่หรือครับ” นักรบถามแม่ไพของเขา
“ค่ะ ไม่รู้ยุ่งอะไรนักหนา” คำตอบของแม่ไม่เชิงแซะ ถ้าเจนรู้คงกระอักเลือดตาย
“นี่ก็ไม่รู้ว่าผมให้เงินเดือนน้อยไปหรือเปล่า คุณพี่เลี้ยงดูยุ่งจัง” นักรบพูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยม เจนรักษ์หลบหน้ากันมาจะอาทิตย์แล้ว ถ้าไปทำเรื่องอะไรให้งอนก็ดีอยู่หรอก แต่นี่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ไม่รู้สิคะ ทำไมไม่ลองไปถามดูละคะ คุณรบ” คุณอำไพตอบกลับยิ้มๆ
“วันนี้มาผูกเนคไทให้ก็รีบๆ สงสัยจะยุ่งจริงๆ” นึกภาพคนที่เปิดประตูเข้ามา หยิบเนคไท จับพาดคล้องคอ ผูกและรูดทันที ทำรุนแรงซะอย่างกับไม่กะให้เข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีก
ถามจริงโกรธหรือเขิน….ทำอะไรให้มันชัดเจนหน่อยสิ
แต่เขามั่นใจว่าไม่มีอะไรให้โกรธ นักรบนั้นเมื่อพอจะจับทางเจ้าตัวดีได้บ้างแล้ว เขาก็เร่งรีบแก้ไขไม่ให้เวลามันผ่านไปนาน เจนรักษ์นั้นสำหรับเขาเป็นอะไรที่เปราะบางมาก และไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรับมือได้ทั้งหมดด้วยความยินดี ในความต่างทางบุคลิกนี้มันไม่ได้ชี้ชัดเลยว่าเรานั้นต่างกันมากมาย จริงๆแล้วเขาค้นพบว่าเจนมีมุมเปราะบางแบบที่เขาเองก็มี เราต่างก็มีปัญหาและไม่เคยให้ความไว้ใจกับใครจริงๆ และจุดๆนั้นก็เหมือนจะดึงดูดกันและกันให้เข้ามาใกล้ นอกเหนือที่ว่าอยู่ด้วยแล้วสนุกดี นักรบก็ค้นพบแต่ความสบายใจ
แต่ไหงเป็นงั้นไปแล้วล่ะ
ตีความได้อย่างเดียวว่าเขิน แต่จะเขินอะไรขนาดนั้น นักรบได้แต่ถอนหายใจ จะว่าไปเขาเองก็ไม่ค่อยรู้ตัวนักว่าทำอะไรลงไปบ้าง เจตนาแรกเริ่มเพียงแค่ให้เราคุยกันได้ดี พอเห็นเจนเริ่มจะไม่พอใจ เขาก็มักมีความรู้สึกที่อยากจะเข้าไปพูดคุยให้อีกฝ่ายสบายใจ ไฉนเลยเจตนาจะผันแปรไปเป็นการเกี้ยวพาราสีได้ เขาเองไม่เคยคิดอยากทำอย่างนั้น แต่เมื่อมองดวงตาและท่าทางของอีกฝ่าย เขาก็หลุดเสมอ ช่างน่าประหลาดใจนักเพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนเลย
อาจจะเพราะความสบายใจที่กล่าวไว้ในตอนแรก กับเจนเขาแทบไม่ต้องปรุงแต่งปรุงเสริม หรือจะปรุงก็เป็นไปเพราะความพอใจและชื่นชอบในปฏิกิริยาของอีกฝ่ายมากๆ โดยรวมแล้วเพราะเหตุผลเหล่านี้ มันจึงทำให้เขาเผลอแสดงออกถึงมุมอื่นๆที่ไม่คุ้นเคยออกไป แต่อย่างไรดีนะ ไม่คุ้นเคย แต่เขาก็ยังสบายใจ และไม่เคยต้องหวั่นเกรงว่าสิ่งที่ทำไปจะดูไม่ดี และอะไรที่เจนบอกกันว่าไม่เหมาะสม หัวของเขาก็มักจะคิดตามและเออออตามไป
แต่หัวใจกลับค้านชนฝา เพราะไม่มีอะไรไม่เหมาะสมเลยสักนิดเดียว
สุดท้ายแล้วเขาก็ออกจากบ้านโดยที่ยังไม่ได้ไขข้อข้องใจสักนิดเดียว แต่นักรบร้ายกาจกว่านั้น เจนรักษ์อาจจะได้สัมผัสมันมาบ้างแล้ว คิดจะเล่นแง่กับเขาไม่ง่ายนักหรอก ได้ชื่อว่าเป็นเหยื่อก็จะได้เป็นตลอดไป และเหยื่อตัวน้อยนี่ก็เล่นสนุกเสียด้วย เขาจึงจริงจังกับการวิ่งไล่จับครั้งนี้ นี่คิดว่าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนกันเชียว ถ้ายังเป็นพี่เลี้ยงน้องวินอยู่ ไกลสุดเขาให้แค่บนต้นมะม่วงเถอะ!
อย่าคิดว่าจะไปไหนรอดเลย…..
xxx
คุณรบไม่อ่อนโยนเลย!
ในตอนแรกๆก็พอจะรู้หรอกว่าเป็นคนเกรี้ยวกราดแบบเงียบๆ แต่พออยู่ไปนานวัน เจนก็เริ่มเห็นพระฤทธิ์พระเดชของเขามากขึ้น เหมือนกับว่ายิ่งหนีก็จะยิ่งตาม แต่ถ้าอยู่เฉยๆก็จะทำให้หนีอยู่ดี คนแบบนี้มันอีหยังวะ เจนตามไม่ทัน เจนไปไม่ถูก และเจนก็ไม่คิดจะตามแล้วด้วย! แต่ทำไมไม่รู้ พอหนีไปเรื่อยๆก็เริ่มรู้สึกว่าเขานั้นเริ่มไม่ได้เดินตาม เจนอาจจะเผลอน้อยใจ แต่ไม่เลย ทำไมเจนถึงคิดว่าคุณรบกำลังจะทำอะไรสักอย่าง….
ที่ชั่วร้ายและเอาคืนกันได้แบบเจ็บแสบกว่าเดิมร้อยเท่าพันเท่า
“นี่กูไปทำอะไรให้เขาเนี่ย” นอกจากทำหน้านกๆไปวันๆก็ไม่ได้ทำอะไรแล้ว พอเราเริ่มได้สติตีตัวออกห่าง ก็เป็นเขานั่นแหละที่มากระชากให้กลับไปในวังวนนรกนั่นอีกครั้ง นี่กะจะเอาความสนใจจากเจนไปทั้งหมดทุกคนเลยใช่ไหม รักทั้งลูกแล้วก็ยังต้องเผื่อไปให้พ่ออีกเหรอ!
“เจนจ้ะ” ตายยากจริงๆตระกูลนี้ คิดถึงลูกคิดถึงหลาน คนแม่ก็เรียกหาด้วย
“ครับ” เจนนั้นขานรับ ผละจากน้องวินที่กำลังดูดน้ำผลไม้
“เดี๋ยวช่วยอะไรหน่อยได้ไหมจ้ะ” คุณหญิงพูด ดูท่าทางออกจะเกรงใจ
แต่นั่นมันไม่จริง!
“อะไรเหรอครับ”
“ช่วยเอาอาหารกลางวันไปส่งให้ตารบหน่อยได้ไหม เขารีบเคลียร์งานน่ะวันนี้”
“งานคุณรบยุ่งเหรอครับ”
“เดี๋ยวจะไปบิสเนสทริปยาวน่ะ เลยต้องรีบ”
“อา…”
“จะว่าไปเจนก็จะลายาวอาทิตย์หน้าเหมือนกันนี่ พอดีเลย”
อย่าพูดอะไรที่เป็นลางสิครับ!
“หายกันไปทั้งคู่ก็ดี จะได้ไม่ต้องลำบากฉันมาผูกเนคไทให้” เจนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คำพูดนี้ไม่ได้พิสดารจนเกินรับได้จริงๆ
แต่ภาระที่ต้องแบกกล่องข้าวไปส่งให้คุณพ่อกบก็ยังคงต้องทำอยู่ดี เจนรักษ์นั่นมาโผล่ที่ออฟฟิศและพกน้องวินมาอีกเช่นเคย จริงๆไม่มีใครบอกให้เอามาด้วย แต่การมีไว้ก็เหมือนพกพระ ทำให้รู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่า ก็อย่างที่บอกว่าเจนไม่ควรอยู่กับคุณรบโดยไม่มีน้องวิน อาจจะดูน่าหมั่นไส้คนอะไรคิดมากไปนิด แต่เจนก็ยังคิดว่ามีไว้สบายใจกว่าอยู่ดี
วันนี้ก็ยังได้รับการต้อนรับดีจากเจ้าหน้าที่ของทางตึกเช่นเดิม บางทีเจนยังสงสัยด้วยซ้ำว่ากับคุณนักรบเองจะได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้ไหม พอมาถึงห้องท่านประธาน เลขาผู้รู้ใจก็ออกมาราวกับมีพรายไปกระซิบบอกไว้ก่อน น้องวินในอ้อมแขนของเจนนั้นเอาแต่หลบคุณเพชรที่หยอกเก่งหยอกอยู่ได้อย่างไม่แน่ใจว่าชอบหรือรำคาญกันแน่ หยอกไปรอบๆตัวเจนสักพักให้รู้สึกรำคาญได้ไม่นาน
ก็ได้ระเห็จไปเพราะคนข้างในนั้นออกมามองกันด้วยตาที่ขวางราวกับมีบ้านแถวบางขวาง
“ไปชงกาแฟ” นักรบที่เฝ้ารอมาสักพักแล้วนั้นทนต่อไปไม่ไหว คาดการณ์ไว้แม่นยำว่าเลขาหน้าเป็นของเขาต้องออกไปชวนทำเรื่องไร้สาระเป็นแน่จึงออกมาตามด้วยตนเอง นักรบรู้สึกเหมือนเขารอมานานแล้ว แต่จริงๆมันไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำที่เจนมายืนอยู่หน้าประตูแห่งนี้ แต่สุดท้ายแล้วเราก็เห็นตรงกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ว่าคุณเพชรนี่แม่งเกะกะชะมัด
“ปาปา ป้า!” น้องวินที่เห็นผู้พิทักษ์อันดับหนึ่งของตนเดินมาก็ส่งเสียงเรียก อาจจะยินดีด้วยซ้ำที่ในที่สุดก็มีคนมาไล่ตาลุงนี่ไปเสียที และคนนั้นไม่ใช่ใคร….ปะป๋าของหนูเองไง
“มากับเขาด้วยเหรอเจ้าลูกกบ” ดูเหมือนจะพูดกับลูก แต่ก็มองคนอุ้มด้วยแววตาคาดโทษทั้งๆที่เจนว่าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แต่ทั้งๆที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดไป แล้วทำไมเจนต้องกลืนน้ำลายไม่หยุดแบบนี้
“ปะ ป้า” หนูไม่รู้ หนูโดนลากมา น้องวินอาจจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอยู่ด้วยภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ ยิ่งเห็นแววตาที่เหมือนกำลังจ้องเหยื่อของเขาที่มองมา เจนก็ยิ่งกอดเจ้าลูกกบแน่นกว่าเดิม ถามว่าช่วยอะไรได้ไหม ต้องได้สิ นี่ชื่อจริงชื่ออัศวินนะ!
“กินข้าวมาหรือยัง” แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดกับเจ้าตัวเล็กอีกต่อไปแล้ว น้ำเสียงนั้นแม้จะดูเรื่อยๆแต่ก็นุ่มนวลลง อย่างไรก็ตามที่เจนทำมาทั้งหมด นักรบไม่ได้มองว่ามันน่ารำคาญเลย กลับกันเขารู้สึกว่าน่าขันเสียด้วยซ้ำ ช่างเลือกคนกลางได้ดีเสียจริง ติดสินบนด้วยไอติมรสไหนเล่า
“เอ่อ ยังครับ” ก็ไม่มีใครให้เจนกิน!
“งั้นเข้ามา” เขาบอกก่อนจะหลีกทางให้เจนเข้าไปภายในห้อง ว่าแต่คุณรบที่เจนคิดไว้คือคนที่งานยุ่งนี่หว่า เอ….เจนว่าเจนจำไม่ผิดนะ หรือที่ผ่านมานั่นแกล้งทำเป็นยุ่งวะ เนียนเชียว
บนโต๊ะทำงานยังมีเอกสารมากมายวางเรียงรายรอให้จัดการอยู่ ก็คงจะยุ่งจริงๆนะแหละ วันนี้ก็อาจจะไม่ได้กลับบ้านมากล่อมน้องวินนอน แต่เดี๋ยวเจนค่อยถามทีหลัง นักรบที่เดินตามมานั้นเป็นฝ่ายจัดการเก็บแฟ้มและเอกสารต่างๆด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้เจนเห็น แต่เพราะเราต้องใช้พื้นที่ตรงนี้ และการเก็บเองก็ช่วยทำให้เขารู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนได้ดี รอจนมีพื้นที่พอเพียงแล้ว เจนก็หยิบกล่องข้าวที่น้าจินเตรียมให้ขึ้นมาจัดวาง ก่อนจะหยิบน้ำส้มคั้นสดในกระติกน้ำขึ้นมาให้ด้วยเช่นกัน
“คั้นมาเผื่อผมด้วยเหรอ”
“เจนคั้นให้น้องวิน แต่มันมีเยอะไปต่างหาก….” คนอะไรขี้ตู่! เป็นอะไรกับผู้นำประเทศปะเนี่ย แค่กๆ!
“ใจดี” พูดว่าขอบคุณมันยากไปเหรอ ชมแล้วยิ้มแบบนั้นทำไม อยากได้อะไร แค่นี้เจนก็แทบจะขายบ้านให้ลูกแล้ว อย่าให้เกิดความรู้สึกอยากเสียตัวให้คนพ่อสิ! เอ๊ะ….ไม่ได้ดิ เจนจะอยู่บนคานอย่างมีคุณภาพ รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เปย์
“คุณรบจะทานเลยไหมครับ” เขายิ้มรับให้กับหน้าบึ่งๆของคนที่ไม่ชอบใจกับท่าทางไนซ์ๆที่เขาทำ นักรบเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้สนุกกับการเป็นใครคนนึงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงเพราะแค่จะได้เห็นท่าทางน่าสนใจของอีกฝ่าย เขาถึงกลับพลิกคาแรคเตอร์จากฟ้าไปเหวเลยทีเดียว
ว่าแต่เขาเป็นใคร…. ทำแบบนี้กับเจนได้ไง
ใครอนุญาตเหรอ?????
จริงๆก็ไม่มีใครอนุญาตหรือสั่งห้ามอะไร แต่เขาไม่ใช่คนที่ชอบเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคนเท่าไหร่ แม้แต่กับรดาเองเขาก็มีวิธีแสดงความรักแบบเงียบๆ ซึ่งบางทีก็เงียบเกินไปจนอีกฝ่ายไม่สนใจ หรือต่อให้แสดงออกชัดเจนหรือเงียบงันแค่ไหน คนที่ไม่ใช่สำหรับรดา ยังไงมันก็น่ารำคาญอยู่ดี แต่กับเจน เขายอมรับว่าท่าทางไนซ์ๆที่ว่านี่มันจะเกินไปสักหน่อย สนุกอะไรมันก็ควรมีลิมิตบ้าง แต่ที่ทำมาทั้งหมดยังไม่รู้ซึ้งถึงลิมิตของตัวเองเลย ซึ่งจะให้รู้สึกมันก็ไม่ยากนัก เพียงแค่ตอบคำถามง่ายๆคำเดียว
ที่ทำไปนั้นรู้สึกอึดอัดบ้างหรือยังล่ะ?
ไม่เคยถามตัวเอง และไม่เคยรู้สึกเมื่อลองถามตัวเองดู….เขาเคยมีลิมิตกับทุกคน และแม้แต่กับเจนรักษ์ก็เคยมีเหมือนกัน ทว่าเวลาคือสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ลิมิตดังกล่าวไม่เคยถูกพูดหรือคิดถึงมันอีกเลย เขารู้สึกเป็นธรรมชาติมาก ทั้งๆที่มันไม่เคยเป็นส่วนนึงในธรรมชาติของผู้ชายที่ชื่อนักรบ รัตนสกุลมาก่อน ต้องยอมรับแล้วล่ะว่าเจนรักษ์นั้นพิเศษกับเขาคนนี้มากมายเหมือนกัน
แต่มันใช่….ความรักหรือยังล่ะ
ว่าแต่อะไรคือความรักเหรอ……จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งชีวิต เขาคิดว่าความรักนั้นคือความห่วงใยแบบที่มีให้กับลูกและแม่หรือเปล่า กับรดานั้นเขาเพิ่มความหวั่นไหวลงไปในนั้น และก็รู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้รับกลับ หากแต่วันนึงเมื่อรับรู้ว่าการรั้งไว้ไม่ช่วยอะไร เขาก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ พร้อมกับคำว่าพอแล้ว ในวันนี้เขากลับมามีความหวั่นไหวอีกครั้ง แต่ก็น่าคิดว่ามันจะฉาบฉวยหรือไม่ เขาเคยเป็นคนที่ปักใจกับใครคนนึงนานกินเวลาหลายปี แต่ก็รับรู้ว่าวันนึงช่วงเวลาเหล่านั้นเมื่อผ่านไปก็ไม่เหลือคุณค่า และในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้ ใครจะไปกล้าตอบได้….ว่าความหวั่นไหวนั้นมันคืออะไร
เพราะความรักมันเป็นนามธรรมที่ยากเกินกว่าคนแข็งๆอย่างเขาจะเข้าใจ
“กะ ก้า กา” แต่เขามองเจนที่กำลังคุยกับเจ้าลูกกบราวกับเพื่อนเล่นแล้วเขาสบายใจ รู้สึกเหมือนมองได้ทั้งวันโดยไม่ต้องทำอะไร และมีบางครั้งก็อยากจะหลุดออกจากการมองเฉยๆและเข้าไปมีส่วนร่วม นักรบเคยหวงความเป็นส่วนตัว ทุกวันนี้ก็ยังเป็น แต่เขาคิดว่าการที่เจนรักษ์อยู่ในนั้น ไม่ใช่การก้าวก่ายแต่อย่างใด หากไม่เพราะเจ้าตัวมีตัวตนอยู่ในนี้อยู่แล้ว ก็เป็นเขานั่นแหละที่เดินเข้าไปหาเอง
มันก็ชัดเจนแต่ก็ทำเหมือนไม่ชัดเจนอยู่ดี….
ทั้งนี้เขาสบายใจอย่างนี้ หรือว่ากลัว…หากกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง….
“เจนเอง….ก็จะไม่อยู่บ้านเหรอ” เขาถาม กำลังจิบน้ำส้มที่ไม่ใส่น้ำตาลจนเกินไปที่เจนทำให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวันนี้ที่ไม่ชงกาแฟมาด้วย เพราะไม่อยากให้เขาดื่มมันเท่าไหร่ และเพราะเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ออกปากให้อีกคนออกไปชงกาแฟให้กันแทนคนที่ชงมาให้แล้วเขาไม่เคยกินจริงๆ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าหายไปชงกาแฟแถวไร้กาแฟหรือเปล่าถึงได้หายไปเหมือนตายแบบนี้
“ครับ ทั้งๆที่ทำงานมาได้ไม่นานแท้ๆ ต้องขอโทษจริงๆนะครับ” เจนตอบกลับอย่างนอบน้อม ท่าทางที่ดูเกรงอกเกรงใจคงไว้ซึ่งสถานะผู้ว่าจ้างและลูกจ้าง นักรบจำต้องยกแก้วขึ้นจิบอีกครั้งเพื่อเลี่ยงการแสดงออกทางใบหน้า
“ไม่ต้องหรอก เราอยู่กันแบบสบายๆ” จริงๆก็ไม่สบายขนาดนั้นหรอก เขานึกสงสัย ว่าหากไม่ใช่คนแบบเจนรักษ์ ที่ทำตัวแบบเจนรักษ์ และเป็นที่เอ็นดูแบบเจนรักษ์ มีนายจ้างที่ไหนจะยอมให้ลายาวเป็นอาทิตย์แบบนั้นบ้าง แต่อีกฝ่ายต้องกลับบ้านนี่นา ทั้งนี้คุณพรรณีคงต้องยอมเพราะถ้าไม่…ก็เป็นไปได้ที่ว่าอีกฝ่ายจะไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก
“ขอบคุณคุณรบมากครับ” เจนยิ้มให้เขา เป็นการขอบคุณกันในความเอื้อเฟื้อ ถึงยังไงเขาก็คงไม่ได้เจออีกฝ่ายในระยะเวลาไล่เลี่ยกันเนื่องจากว่าเขามีบิสเนสทริปที่ต่างประเทศ เท่าที่รู้ คือเจนจะต้องกลับไปหาญาติผู้ใหญ่ที่เคยรับกันไปเลี้ยงดู คนพวกนั้นสำคัญกับเจนมากอย่างไม่ต้องสงสัย และคงสนิทสนมกันมากๆ....เพราะเจนมีตัวตนอยู่ที่นั่นมานานแสนนาน นานมากจนเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในปีนี้
มื้ออาหารของเขาเสร็จสิ้น แต่เจนก็ยังไมได้กลับ ทั้งนี้เพราะเจ้าลูกกบได้ย้ายถิ่นฐานจากตักพี่เจนไปยังตักของคนเป็นพ่อ เห็นได้ชัดว่านักรบไม่มีอาการเกร็งกับลูกชายเหมือนที่เคยเป็นในตอนนั้น ทางด้านความรู้สึกผิดก็คงจะถูกชะล้างไปหมดแล้ว เจนรักษ์ถือว่าภารกิจของตนนั้นผ่านพ้นไปได้อย่างดี ต้องขอบคุณเขาที่อดทนและให้ความร่วมมือมาตลอด นักรบไม่ได้รู้สึกติดค้างอะไรต่อน้องวินอีกแล้ว การที่เขาเลิกกับแม่ของอีกฝ่ายไปไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก และเขาก็รู้สึกผิดที่ทำให้ลูกกำพร้ามาตลอด แต่ก็ไม่สามารถทนรั้งรดาไว้ได้จริงๆ ถ้าเขาไม่เคยพยายามขอร้อง และถูกปฏิเสธอย่างเย็นชามานับครั้งไม่ถ้วนเช่นนั้น บางทีเขาอาจจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ให้กับลูกชายที่จะเกิดมาคนนี้
แต่ภาพฝันแบบนั้นไม่มีวันจะเกิดขึ้น…..
ทว่าในตอนนี้เขาก็หมายมั่นที่จะสร้างภาพฝันที่สมบูรณ์แบบแบบใหม่ให้กับลูกชาย ต้องขอบคุณเจนรักษ์ที่ทำให้เขาคิดได้ เราสองคนคือเด็กที่แตกหักในวันวานซึ่งมีแนวคิดตรงข้ามกันมาตลอด เจนเป็นเด็กกำพร้าอย่างแท้จริง แต่รับรู้ได้ด้วยตนเองว่าความรักสร้างได้รอบตัว เพราะความรักนั้นมีคำนิยามมากมาย และเด็กคนนึงอาจจะไม่มีพ่อหรือแม่ แต่ยังมีคนมากมายที่พร้อมจะเติมเต็มส่วนที่เขาอาจจะขาดหายไป หากไม่มีเจนเข้ามาในชีวิต นักรบที่มีทั้งพ่อและแม่แต่เติมไม่เคยเต็มคนนั้นจะรู้ตัวไหม ว่าเขานี่แหละที่กำลังสร้างบาดแผลให้ลูกจากความกลัวของตนเอง
“ปะ ปา”
“ชอบจังเลยนะเนคไทของป๊ะป๋าเนี่ย” เขาพูดกับลูก เขี่ยแก้มอมชมพูนั้นอย่างเผลอไผล เอะอะเอาเข้าปากตลอด
“คิกๆ ฮะๆ”
“พี่เจนผูกให้ป๊ะป๋าสวยๆ ตาหนูจะมาทำเลอะๆไม่ได้นะครับ ป๊ะป๋าผูกเองไม่เป็นนะ”
“แบ แบ้”
“เดี๋ยวพี่เจนโกรธเราสองคนนะ แล้วใครจะมาผูกให้ป๊ะป๋ากัน”
“พูดซะเจนดูเป็นคนร้ายๆเลยครับ” ในที่สุดคนที่นั่งใจเต้นแรงมองภาพสองพ่อลูกคุยกันเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวก็ต้องบ่นออกมาเมื่อมีชื่อของตนในบทสนทนา ก็เพราะเจนนั่งอยู่หรอก เขาเลยพูดถึง จะมาพูดลับหลังไปทำไม เจนไม่ได้ยินก็ไม่รู้สึกอะไรนะสิ ผิดจุดประสงค์ในการพูดถึงของเขาหมด
“เจนจะดูใจดีกว่านี้ ถ้ามาผูกเส้นใหม่ให้ผม” ก็เส้นที่สวมอยู่นี่มันเยิ้มน้ำจิ้มเจ้าลูกกบไปหมดแล้วนะสิ
“แล้วเจนเลือกอะไรได้บ้างไหมล่ะครับ” เจนพูดออกมา ดูก็รู้ว่างอนกันอยู่ จะว่าไปเจนก็งอนคุณรบทั้งวัน เขาจะเพิกเฉยตามสไตล์ของเขาก็ย่อมได้ แต่นี่ก็ง้อได้ง้อดี ง้อแล้วก็ทำให้งอนอีก คนบ้าบออะไรก็ไม่รู้ เหมือนเอาเจนมาตีด้วยไม้หน้าสาม ก่อนจะทายาและลูบหัวให้ แล้วก็จับมาตีๆๆๆๆอีก
“ผมจะกลับไปทำงานแล้วล่ะ” ในที่สุดช่วงเวลาที่เจนไม่โปรดปรานก็กำลังจะจบลง แต่ลึกๆก็แอบใจหายไม่น้อย
หลังจากเก็บข้าวของ คนตัวเล็กก็เดินไปรับเจ้าลูกกบจากตักพ่อเขา จับใส่เป้อุ้มแปลงร่างเป็นลูกจิงโจ้ชั่วคราว ก่อนจะเหยียดตัวยืนหลังตรง และเมื่อใบหน้าเงยขึ้นมาได้องศาที่พอเหมาะ ก็ได้เห็นว่าเจ้าของร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพง ทั้งตัวของเขาดูเนี้ยบไปหมด แลดูเหมือนมีแสงเจิดจ้าจนเจนต้องก้มหน้าลงเพื่อหลบตา มือของเขาดูเรียวสวยน่าลูบไล้และมันก็ยื่นส่งเนคไทของเขาที่น่าจะมีเก็บไว้ที่ไหนสักแห่งในห้องแห่งนี้ เจนรับมาก่อนจะจัดการทำหน้าที่ของตน ในใจพยายามหยุดคิดทุกสิ่งทุกอย่าง สุดท้ายเจนก็ทำไม่ได้ และมือของตนก็ชะงัก เมื่อความคิดแล่นเข้ามาในจุดที่เกินจะรับไหว คุณรบดูดีมากๆ เขาดูเหมือนจะเป็นไทป์แบบที่เจนชอบและคลั่งไคล้ และเมื่อนึกถึงสถานะระหว่างเรา และภาพลักษณ์ของเขา
มันก็ทำให้นึกถึงเรื่องราวร้ายๆกับเจ้านายคนเก่าขึ้นมา
“………”
“………”
“………” ไม่มีอะไร….
ไม่มีอะไร….เจนบอกตัวเองเช่นนั้นก่อนจะจัดการผูกเนคไทให้เขาอย่างสวยงามจนเสร็จ ราวกับช่วงเวลาที่หยุดนิ่ง นักรบรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว เขาก้มลงมองเจนรักษ์แต่ไม่ได้คำตอบอะไรออกมา แม้แต่สีหน้า อีกฝ่ายก็ซ่อนไว้มิดชิด ราวกับไม่ใช่เด็กเด๋อๆที่เขารู้จัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวมีมุมนี้อยู่ด้วยจริงๆ เจนไม่ใช่เด็กใสซื่อจากบ้านนอกที่ไหน แต่อีกฝ่ายเคยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้บริหารมาก่อน และนั่นทำให้เจนสามารถกอบกู้ตัวเองจากภาวะทางอารมณ์และสภาพจิตใจที่ย่ำแย่อย่างกระทันหันได้ดี ถ้าทำจริงๆ
แต่เจนรักษ์ที่เป็นแบบนี้ทำให้เขาหวั่นใจ….เมื่อคู่กรณีเหมือนจะเป็นตัวเขาเลย
“เจน….ขอตัวก่อนนะครับ” ตลอดมาเจนอาจจะใจอ่อนเกินไปจริงยอมแสดงด้านอ่อนแอเหล่านั้นออกมา แต่ถ้าวันไหนใจแข็งจริงๆก็คงไม่ยอมอีกต่อไป และเราก็จะได้เห็นหน้ากากอันนั้นที่เจ้าตัวไม่เคยเอามาใส่
“อืม” หรือเขาควรให้ระยะกับเจนนิดหน่อย รุกแรงง้อเก่งแบบที่ทำนั้นอาจจะไม่ใช่วิธีที่เหมาะกับการป้องกันตัวเองระดับนี้ที่เขารู้สึกได้ อยู่ๆกำแพงที่มองไม่เห็นก็เหมือนจะหล่นลงมาแยกเราออกจากกัน ทั้งๆที่เจนนั้นอยู่เพียงเอื้อมมือ และไม่ใช่นักรบเอื้อมได้ไม่ถึงหรอก แต่เขาไม่มีสิทธิ์อะไรจะเอื้อมไป
ตัวเป็นใคร แล้วรู้สึกอย่างไรเขายังไม่ยอมตอบตัวเองเลย….
“ที่คุณรบทำไป เจนไม่โอเคนะครับ” แล้วเรื่องที่เราเลี่ยงจะพูดกันออกมาสักพัก….
ก็มีคนๆนึงที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“แต่เจนจะพยายามไม่คิดอะไรล่ะกัน”
“ผมทำอะไรเหรอ” แต่เขาก็ยังถามคำถามที่ตัวเองรู้คำตอบอยู่แก่ใจ อย่าบีบให้เจนต้องพูดออกมาชัดๆจะได้ไหม เขามองอีกฝ่ายโดยไม่หลบตาแม้แต่น้อย แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรทำเช่นนั้น เขาควรรู้ว่าเจนโกรธมาก
โกรธทั้งเขา…และโกรธตัวเอง
“ถ้าคุณรบไม่ได้ทำอะไร ก็คงมีแต่เจนที่ผิดแล้วล่ะครับ”
“เจนทำอะไรผิดเหรอ บอกผมได้ไหม”
“ไม่บอกครับ”
“แล้วผมจะรู้ไหมว่าทำผิดอะไร”
บอกแล้ว…..ว่าอย่าบีบให้เจนพูดออกมา
“ผมจะไม่พูดครับ”
“……….”
“เพราะอะไรที่มันไม่มีวันเป็นไปได้ ผมก็จะปล่อยมันไปให้เวลาเป็นคนจัดการให้” แล้วอะไรกันล่ะที่เจน….จะให้เวลาเป็นตัวชะล้าง
“………….”
“คุณรบก็ลองถามความรู้สึกตัวเองดีๆละกันครับ”
เขาก็ถาม แต่ไม่เห็นจะมีคำตอบ
“อย่าให้การกระทำเดินนำ แต่ความรู้สึกหยุดอยู่กับที่แบบนี้เลยครับ มันไม่เป็นผลดีต่อใครจริงๆ” เพราะเจนก็สังเกต และพอจะมองออก เจนไม่ใช่เด็กหัดริรัก ประสบการณ์ที่ตนพอมีจากคนรอบตัวหรือตัวเอง มันทำให้เจนมั่นใจในระดับนึงว่าเราสองคนเดินก้าวผ่านจุดที่ควรเป็นมาแล้ว แต่ก็ยังลังเลที่จะเดินก้าวต่อหรือพูดออกไป ซึ่งการก้าวต่อไป มันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับเราทั้งสองฝ่ายนัก แม้จะไม่แน่ใจความรู้สึกของเขา 100% แต่จะผิดอะไร เพราะเจ้าตัวเอง ยังไม่คิดจะเรียนรู้จักความรู้สึกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
แล้วเจนจะเอาที่ไหนไปรู้ใจเขาแทนกันล่ะ…..
“………….”
“หรือจะให้เจนแนะนำก็ได้ครับ”
ก็ถ้าเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตโดยที่พยายามไม่สนใจความรู้สึกที่แท้จริงต่อไปแล้วล่ะก็…..
“ถ้าไม่เดินหน้าก็เดินถอยหลังไปเลยก็ได้ครับ เพราะเจน….ก็พยายามเดินแบบนั้นอยู่เหมือนกัน” นักรบขมวดคิ้ว เขาเริ่มรู้สึก….โกรธและผิดหวัง
แต่จะโกรธใครได้ โกรธเจน….หรือโกรธตัวเอง?
“ช่วยเอ็นดูเจนแบบที่เอ็นดูพระพาย…ก็พอนะครับ” อย่าให้ความหวั่นไหว….ทำให้เราที่ไม่พร้อมรักใครเดินไปสู่จุดที่จะทำร้ายตัวเองอีกต่อไปเลย…..เจนรู้ว่าเราทั้งสองต่างเหนื่อย….เรากลัวการรักคนที่เราแคร์มากๆ
และไม่พร้อมรับความสูญเสียใดๆอีกต่อไปแล้ว!
Talk: แตกหักกันไปเล้ยยยยย มาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้คนอ่านจะด่าเราไงแล้ว มาม่าซดกันมากี่ชามแล้วให้ตาย จะหวานจะง้องอนกันได้น้องเจนก็บีบผงเครื่องปรุงเขย่าๆผสมในถุงมาม่าซะอย่างนั้น เห็นหลายคนร้องเรียกให้เบิกตัวพี่เคลที่แค่ชื่อก็เรียกพ่อ(ทูนหัว) เรามีข่าวดีมาบอกว่า ออกตอนหน้า แต่เพราะพี่เขาไม่ใช่พระเอก(เลยไม่กาก) เพราะฉะนั้นอยากคาดหวังเยอะนะคะ ฮือออออออ
เอนี่เวย์ ตอนนี้เราหนีไปแต่งนิยายน้ำเน่าของน้องพายสีพาสเทลและพี่เพชรสีรุ้งแล้วค่ะ คาดว่าถ้าลงเจนจบจะลงคู่นั้น และแน่นอนว่าเคลจุ้นยังไม่ได้แต่งโลย เอารบเจนให้รอดก่อนเด้อ และหลายคนอาจจะคิดว่าเพชรจะต้องกากกว่าคุณรบแน่นอน อันนี้เราไม่รุ้ ก็ให้คุ้กกี้ทำนายกัน555555 (ว่าเราจะแต่งจบไหม)
ฝากเอ็นดูไปอีกสักพักนะคะ อย่าเพิ่งยอมแพ้ ดราม่าความกลัวนี่เป็นพลอตใหญ่สุดในเรื่องนี้แล้วค่ะ ถ้ารักกันได้อุปสรรคใดๆก็ไม่อาจจะขวางกั้นอีกต่อไป คือเป็นคนเก่งทั้งคู่ค่ะ แต่เขาต่างก็มีปมเรื่องครอบครัวคนละแบบ ถ้าดูดีๆจะเห็นว่าเจนนั้นโหยหาครอบครัวมากแต่พยายามกดเอาไว้โหยหาความรักแต่ไม่เคยรักใครได้จริงเพราะความกลัวแฝงอยู่ในใจ ส่วนคุณรบที่มีพร้อมทุกอย่างและมีความมั่นใจในตัวเองสูงเคยพยายามสร้างครอบครัวแต่ทำไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นต้องให้เวลากันหน่อยเนาะ ไม่มีใครอยากพลาดซ้ำๆเพราะองค์ประกอบที่คอนโทรลไม่ได้มันเยอะเนอะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ แล้วเราก็ขอแจ้งว่าตอนหน้าขอมาวันเสาร์นะคะ