#เจนไม่นก
เจนกับเรื่องเหล้า
“You made me drunk!” มึงทำกูเมา นี่คือสิ่งที่เจนพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“มันต้องเมาเว้ยเจน อกหักมันต้องเมา!” ตัวจุ้นอธิบายให้ฟังชัดๆ และอีกอย่าง ส่งอะไรไปให้มันก็กรอกเข้าปากหมดไม่ได้ยั้งเลย ยังนั่งได้นี่ก็ถือว่าเกินคนล่ะ
“My heart isn’t broken. I didn’t fall in love with him!” อกกูไม่ได้หัก กูไม่ได้หลงรักเขาเว้ย!
“เชื่อแล้วจ้ะพี่ อีกแก้วไหม” ตอนที่รำคาญก็อาศัยรินเข้าไป แล้วเจนแม่งก็ยุง่าย ให้ตายเหอะ ดีแค่ไหนแล้วที่มาเมากับจุ้น เป็นหมาขนาดนี้เอาให้ใครเห็นไม่ได้เลยจริงๆ
แต่คนที่เชื่อคำพูดบ้าๆนั้นหมากว่าเชื่อจุ้นเหอะ บางทีก็ตกหลุมไปแล้ว แต่แม่งยังหลอกตัวเองว่าเกาะกิ่งไม้เอาไว้ได้อยู่ เจนปกติมันเฮิร์ทเป็นบ้าและอารมณ์เสียเป็นแองกรี้เบิร์ดทั้งวันแบบนั้นที่ไหน เอาไปหลอกใครก็ได้ แต่หลอกไอ้ตัวจุ้นที่แค่มันอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ไม่ได้หรอก ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ขนาดนี้มีหรือว่าจะพลาด เก่งกว่านี้กูก็ไปเป็นเทพธิดาพยากรณ์แล้วเหอะ!
นั่นคือความคิดของจุ้นที่มีต่อเจนในตอนนี้ สภาพคนเมาที่ดูจะเป็นหมาในสายตาของญาติผู้น้องนั้นก็ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ไม่ได้หมายความว่าการอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจีบคราวนี้มันสาหัสหรอก ครั้งไหนก็สาหัส แต่เจนรักษ์ก็กลับมาในสภาพที่เป็นนกที่น่าภูมิใจได้ดีเหมือนเดิม บางทีวันนี้เมาแล้วพรุ่งนี้ก็อาจจะกลับมาวิ่งแถ่ดๆพากันไปกินชาบูได้แบบที่เคย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน อย่างที่บอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก เจนมีภูมิคุ้มกันทางด้านความรักที่น่าทึ่งคนหนึ่ง เราไม่สามารถด่าพี่คนนี้ว่าเจ็บแล้วไม่จำได้
แต่บางทีก็สามารถด่าว่าขี้ขลาดได้เต็มปากเช่นกัน
“order more! I need more!” เอาอีกๆ
“พอแล้วมึง ดูสภาพมั้งเดินเซเป็นเลข 8 แล้ว” ไม่เจียมตัวที่แท้จริงเลยคนนี้
“ฮืออออออ I don’t like him. I hate him….no I don’t hate him! I just….ว้อยยยยย” กูไม่ชอบเขา กูเกลียดเขา ไม่ดิ กูไม่ได้เกลียดแต่กูแค่ ว้อยยยยยยย นี่คือสิ่งที่คนเมาตะโกนดังๆในใจจนมันหลุดปากออกมา เจนรักษ์ทิ้งตัวลงนอนกับโซฟาของร้าน โชคยังดีที่ตัวจุ้นพามากินที่บาร์ชั้นบนของโรงแรม ถ้าไกลกว่านี้คงต้องมีคนตายแน่นอน ใครนะเหรอ….ทั้งคู่ คนนึงตายเพราะโดนรถชนหรือโดนซ้อมฐานเมาเรื้อน อีกคนตายเพราะโดนฆ่าโดยที่บ้าน ฐานดูแลพี่ชายไม่ดีนะสิ
“เจน มานี่ คุยกับกูดีๆดิ” ตัวจุ้นที่ดื่มเหล้าเท่ามดตอดขนมเค้กนั้นตัดสินใจเดินไปนั่งที่ข้างๆเจนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน บางอย่างที่เข้าตามาบอกกันว่ามันดูไม่ถูกต้องนัก เพราะฉะนั้นเราสองพี่น้องอาจจะต้องเคลียร์กันดีๆ
และตอนเมานี่แหละดีที่สุดแล้ว
“มึงรักเขาป่ะ”
“ไม่ได้รักไงวะ”
“ไม่ชอบเขาเลยหรือไง”
“ไม่ชอบ….งื้อออออออ”
“เกลียดหรือเปล่า”
“ไม่ได้เกลียด”
“แล้วกับเขานี่รู้สึกไงวะ”
“อือออออออออออออ”
“อะไรวะ อือเนี่ย”
“อย่าเร่งดิวะ”
“อะ….take your time นะ ค่อยๆคิด”
“อืม ก็ไม่ได้รัก ชอบ หรือเกลียด”
“แล้วรู้สึกไง” คนเมาเงียบไปครู่นึง ก่อนจะเอียงคอตัวเองซบกับไหล่ของผู้เป็นน้อง ไม่ได้จะสวีทอะไรแบบนั้นหรอก เหมื่อยคอ
“ก็แบบรู้สึกดี ตื่นเต้นบ้าง หวั่นๆบ้างเวลาอยู่ใกล้ คือแบบเขาเป็นคนดีอ่ะ แบบรักครอบครัว คือมึงรู้ใช่ไหมว่ากูเนี่ยมีปัญหากับความเยอะสิ่งของครอบครัวมาก”
“อืมๆ” จุ้นเข้าใจ เจนนั้นมีปมกับเรื่องครอบครัวเป็นพิเศษ กำพร้าพ่อแบบที่ไม่มีวันรู้ว่าพ่อเป็นใคร แม่ก็อยู่ด้วยไม่ได้ ยายก็ตายให้เห็นต่อหน้า น้าสาวกับลูกพี่ลูกน้องก็โดนลุงเขยซ้อม ตัวเองก็โดนลูกหลงบ่อยๆ แล้วไหนจะกลายเป็นมือที่สามของครอบครัวคนอื่นแบบที่ไม่เคยคิดอยากจะเป็น เจนแม่ง….โคตรมีปมเลยว่ะ!
“คือกูก็ไม่ได้จะดราม่าอะไรเรื่องปัญหาที่ผ่านมาของตัวเองหรอกเว้ย เอิ้ก! แค่กๆ แต่แบบ you know! He is the best family man I ever met. He did everything he could for his son and his mom” เขาคือโคตรแฟมิลี่แมนเท่าที่เจนเคยเจอ เขาทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อลูกและแม่ของเขา ความประเสริฐที่เจนบอกเล่านี้ทำให้จุ้นพยักหน้า ก่อนจะพาดมือกับไหล่ของพี่ชาย จุ้นพอจะเข้าใจเหตุผลของอีกฝ่ายที่ซ่อนอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าเป็นบ้าอะไรถึงเรอออกมาแล้วเปลี่ยนภาษาได้ มันดูซกมกอย่างน่าทึ่งทีเดียว
“So….you like him?” เลยรักเขาใช่ป่ะ จุ้นถามกลับหลังจากได้ยินความในใจเกี่ยวกับสรรพคุณยาต่างๆนั้น
“I kinda….like him but I’m not ready to have that kind of relationship” คือเจนก็ชอบแต่ก็ไม่พร้อมจะมีความสัมพันธ์ในรูปแบบนั้นไง
“อย่าอคติดิวะ การที่อกหักมาไม่นานนี้ไม่ได้หมายความว่ารักครั้งต่อๆไปมันจะแย่หรอก”
“จะบอกว่าไม่ลองไม่รู้ใช่ไหม แล้วถ้าลองแล้วไม่เวิร์คล่ะ”
“แล้วมันมีอะไรที่เสียไปไหมล่ะ” จุ้นถาม ปวดหัวกับการสวิชต์ภาษากระทันหันไม่ใช่น้อย
“ความรู้สึกกูไง”
“………….”
“ ความรู้สึกแม่ ความรู้สึกทุกคนไง”
“มึงเลยจะสละตัวเองถอยออกมางี้เหรอ” เจนผู้เสียสละ ทำบุญเก่งจริงๆ
“อืม….คุณรบข้องเกี่ยวกับคนที่กูรักหลายคนเกินไปน่ะ ฮึก” ข้อนี้ตัวจุ้นเข้าใจดีใช่ไหม บางทีคนที่เรารัก ก็ไม่ใช่คนที่เราควรจะรักจริงๆ
ตัวอย่างของตัวเองก็มีอยู่ไม่ใช่หรือไง กับพี่เคลน่ะ….
สำหรับเจน คนที่ผ่านมาและผ่านไปไม่ได้มีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับคนในครอบครัวเจนเลยสักนิด ดังนั้นการจบกันมันก็ไม่มีความเจ็บปวดหลงเหลือให้ดูไปถึงอนาคต คุณรบที่รายล้อมไปด้วยคนที่เจนแคร์จึงเป็นคนที่อันตรายที่สุด อันตรายมากๆจนเจนไม่กล้าถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะลำพังที่ผ่านมาในชีวิต ก็หนักหนาสาหัสมามากพอแล้ว แต่ถึงพวกนั้นจะเป็นคนที่เจนไม่มีชนักอะไรติดตัวด้วย เจนก็ยังไม่กล้าจะลงหลักปักใจรักใครจริงๆจังๆเลย
เพราะมันน่ากลัวเกินไปถ้าเราถอนใจขึ้นมาไม่ทันในวันที่เขาจะจากไปนะสิ….
มันอาจจะเป็นคำสาปของเจนที่ทำให้ไม่ไว้ใจใครเลย แต่เจนเติบโตมากับการเป็นเด็กที่ถูกแม่ฝากไว้กับยาย พ่อก็ไม่รู้อยู่ไหน เติบโตมาข้างๆบ้านของน้าสาวที่แต่งงานกับตาลุงขี้เมาและมีลูกชายที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน เจนได้รับความรักจากยายแต่มันไม่พอ จะไปร้องขอจากแม่เขาก็ทำงาน การติดต่อสื่อสารที่ไม่นำสมัยเหมือนตอนนี้ทำให้เจนต้องเฝ้ารอเนิ่นนานกว่าจะได้พบเจอ จะไปหาน้าสาวเขาก็ให้ไม่ได้เพราะปัญหาครอบครัวก็รุมเร้าทางฝั่งนั้น หนักมากจนเจนเองก็ต้องยื่นมือเข้าไปดึงตัวจุ้นออกมา
ภาพความร้าวฉานที่ได้เห็นทุกวันทำให้เด็กน้อยรู้สึกไม่มั่นคงในความรัก เจนทั้งเจ็บทั้งกายที่โดนทำร้ายเวลาที่ลุงเมาแล้วจะทำร้ายตัวจุ้น และเจ็บทั้งใจที่ปกป้องใครไม่ได้ ความผิดหวังทำให้รักและอยากจะปกป้องคนในครอบครัวให้ดีที่สุด เพราะตนมีมันอยู่แค่นี้ ประกอบกับการที่ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูจึงทำให้ถูกล้อถูกกลั่นแกล้ง ด้วยความไม่ยอมคนจึงทำให้ไร้เพื่อนขาดมิตร เด็กตัวเล็กที่หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ จำต้องสร้างเกราะกำบังให้ดูเหมือนคนก้าวร้าว และปิดกั้นคนนอกไม่ให้เข้ามาในพื้นที่หวงห้าม นานเข้าเจนก็คัดสรรคนเข้ามาในชีวิตอย่างละเอียด และเผื่อใจไว้เสมอว่าทุกคนจะไม่จริงใจต่อกัน เจนยังคงเป็นอย่างนั้นมาจนถึงวันนี้ และเจนก็คงจะไม่สามารถเปลี่ยนไปได้ง่ายๆเพราะทุกอย่างมันได้สร้างตัวตนนี้ขึ้นมาจนสมบูรณ์แบบแล้ว
เพราะถ้าเจนเปลี่ยน เจนก็กลัวว่าตนเองจะแตกร้าวเหมือนกัน
“เข้าใจแล้ว ไม่เป็นไรนะ งั้นก็อย่าชอบเลย หักห้ามใจละกัน” อย่างที่บอกว่าเราสองคนเป็นพวกที่สปอยล์กันขั้นสุด ถ้าเจนบอกว่าไม่อย่างรุนแรง ตัวจุ้นก็พร้อมจะผลักดันให้ยอมแพ้เช่นกัน
“อื้อออออ กูปวดหัว” ก็เล่นดื่มไม่ยั้งขนาดนั้น
“เออเจน”
“หืม” เจนนอนได้เลยหรือเปล่า ง่วงแล้วนะ
“แต่ถ้าเขาเข้ามาหาเองนี่”
“………..”
“ยังเปิดรับพิจารณานอกรอบได้ปะวะ” ตัวจุ้นมันพูดอะไร
มันจะส่งใครไปออดิชั่นเหรอวะ???????????
xxx
นักรบนั่งแทบไม่ติดเมื่อได้มองภาพข้างหน้า…
“เฮ้ เหล้าแทบไม่พร่องเลยนี่หว่า นานๆทีจะมายังมานั่งเฉยอีก ดื่มๆเว้ย” เพื่อนสมัยเรียนนั้นพยายามคะยั้นคะยอให้เขาดื่ม แต่ไม่ล่ะ นักรบไม่มีอารมณ์จะเอาอะไรลงท้องในตอนนี้ เพราะเขามีบางสิ่งที่อยากจะกลืนลงเสียมากกว่า
เหตุเกิดจากคนที่นั่งอยู่โต๊ะที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เพราะเขาแทบไม่ได้เจอหน้าเพื่อนฝูงจนแทบจะถูกเลิกคบอยู่รอมร่อ วันนี้นักรบที่พอจะว่างเลยแวะมาเพื่อให้เห็นหน้าค่าตาอัพเดทเรื่องราวชีวิตช่วงที่ผ่านมาให้พอหอมปากหอมคอ เขาตั้งใจจะดื่มบ้างเล็กน้อย แต่ที่ทำอยู่นี่มันน้อยกว่าที่คาดไว้เสียอีก เพราะอะไรนะเหรอ……เพราะคนๆนั้นไงเล่า!
“แล้วนั่นเอาแต่มองอะไรวะ” เพื่อนอีกคนถาม แต่นักรบก็ยังคงเงียบ จริงๆแล้วคำถามต่างๆไม่เข้าหัวเขาเลย อารมณ์คุกกรุ่นในใจนี่มันคงจะบดบังความสามารถทางการรับรู้และมารยาทสังคมแบบที่เขามีจนหมดสิ้นแล้ว
“มันไม่ฟังเลยเว้ย” เกินเยียวยาแล้วแหละ
“ลุกไปหาเลยไป” ก็คิดว่าควรเป็นงั้น
“เฮ้ย! แต่เขาไม่ได้มาคนเดียวปะวะ ดูดิ กอดกันกลมเชียว” เพื่อนอีกคนชี้ชวน และนั่นก็คือภาพที่เขามองอยู่ แถมมองมานานแล้ว
“อย่าบอกนะเว้ยว่า”
“………….”
“รบ…มึงนกแล้วว่ะ” เขาขมวดคิ้ว หงุดหงิดกับการที่มีเสียงบ่นงุ้งงิ้งเขาหู จับประเด็นหรือหาสาระไม่ได้ สิ่งเดียวที่ได้ยินชัดนั่นคือคำว่า
นก….
“นกอะไรวะ” ในที่สุดก็มีสักคำที่หลุดออกมา เพื่อนบางคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก มันยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ขอบคุณสวรรค์
“ก็แปลว่าพลาดแล้วไง มึงไม่ได้เขาหรอก”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนก”
“กูไม่รู้เว้ย!” และไม่มีใครในที่นี่รู้ด้วยว่าคำนี้มันบัญญัติมาจากไหน ปกตินักรบ รัตนสกุลก็เป็นเพื่อนที่รับมือยากอยู่แล้ว ภาวะอารมณ์แบบที่ไม่รู้เป็นอะไรแบบนี้ ยิ่งรับมือยากไปใหญ่
“กูว่าน้องเขาสนิทกันมากอ่ะมึง อีกนิดนี่ดูดปากกันแล้วนะ”
“แต่ตัวเท่าๆกันเลยนะเว้ย”
“ใครจะไปรู้วะ เมียกูยังสูงกว่ากูเลย” ทฤษฏีนี้มีคนมายันแล้วว่าความสูงไม่มีผลในแนวราบจริงๆ ยิ่งฟังเขายิ่งปวดหัวและหงุดหงิด รำคาญจนปวดหัว ส่วนหงุดหงิด….ก็คงเพราะปวดหัวเช่นกัน
“เฮ้ย! มึงดู” คนนึงในกลุ่มชี้ชวนเสียงดัง นักรบหันตามทางที่มือของเจ้าของเสียงชี้ แล้วคิ้วเขาก็ขมวดหนักกว่าเดิม
“เอออะไรวะ ทะเลาะกันเหรอ”
“นั่นดิ เมื่อกี๊ยังกอดกันอยู่เลย”
“เออ! ทำไมน้องคนนั้นตะกุยใส่อีกคนแล้ววะ เฮ้ย เดี๋ยว! ไอ้รบ!” ตอนนี้ต่อให้ช้างมาฉุดกลับก็คงไม่กลับมาแล้วล่ะ
เพราะนักรบได้เดินหน้าเต็มเครื่องสูบไปที่โต๊ะนั้นแล้ว!
แม้เดินไปหาแล้วจะทำอย่างไรก็ยังไม่รู้ แต่ภาพที่เห็นมาตลอดนั้นชวนคิดไปไกล และเพราะไม่มีโอกาสได้สอบถามสิ่งที่สงสัย นักรบจึงคิดไปมากมายอย่างที่ตัวเขาไม่เคยเป็น เขานั้นเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามากับผู้ชายอีกคนที่ขนาดตัวพอๆกัน ตอนแรกก็แปลกใจไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายในสถานที่แห่งนี้ ส่วนคนที่มาด้วยเป็นใครก็ไม่ทราบ ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นเพื่อนกัน แต่สักพัก….ไอ้การถึงเนื้อถึงตัวมันก็ย้ำให้เขาได้รู้ว่าคนทั้งสองคนคงไม่ใช่แค่สนิทกันธรรมดา
และก็หยุดคิดไม่ดีไม่ได้อีกเลยหลังจากนั้น
“Get away from me!” ออกไปนะ คือสิ่งที่เจนตะโกนออกมาพร้อมกับผลักอีกฝ่ายที่ยังจับมือถือแขนอยู่
“เฮ้ย! เจนไม่เอาดิวะ” อีกฝ่ายพยายามจะรวบมือที่ตะกุยกันอยู่นั่น นักรบรีบไปคว้ามือของเจนรักษ์ให้หยุดก่อนจะฉุดให้ออกห่าง
“What the fuck!” เชี้ยอะไรวะ เจนอุทานออกมาที่อยู่ๆใครก็ไม่รู้ก็จับกันไว้ แต่ในยามนี้น้ำตาที่คลอเบานั้นทำให้มองอะไรไม่เห็นหรอก
และก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทันที
“………….”
“………….”
“คุณทำอะไรเขา” นักรบออกปากพูดมาก่อน คนสองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครสักพัก ส่วนเจนรักษ์นั้นเหมือนจะหมดฤทธิ์ไปแล้ว
“เจ้านั่นต่างหากที่ทำผม” ตัวจุ้นอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง เป็นเขาหรอกที่เจ็บตัว!
ก็พอรุกถามว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นคนเข้ามาจีบเองมันจะทำยังไง ปกติคนดีๆเขาต้องก้มหน้าเขินอายอะไรอย่างนี้ใช่ไหม แต่เจนรักษ์ไม่เหมือนใคร คนที่อกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มรักนั้นเกรี้ยวกราดมากอย่างถึงที่สุด เจ้านิ้วทู่ๆนั่นก็เอามาตะกุยคนถาม คือถ้ามันรุนแรงดูเข้มแข็งดูรุนแรงจะไม่ว่าเลย…..แต่มันดูตลกเสียมากกว่า และที่ตลกกว่าคือมีคนอินตามมันด้วยนี่แหละ
จุ้นเป็นห่วงอนาคตของโลกจริงๆ ถ้าคู่นี้เขาได้กัน
เพราะเขาจะเอออกันทุกเรื่อง ชี้ไม้เป็นนกได้ก็คราวนี้ล่ะ!
“เจน กลับกันไหม” จุ้นถามขึ้นทั้งๆที่ยังไม่สามารถปะชิดตัวอีกฝ่ายได้ ก็แหมมมมม ใครก็ไม่รู้ทำตัวเป็นพ่อมาคุมอยู่นี่
“ไม่กลับ! จะไปอยู่กับตาหนูน้องกบ งื้อ!”
“เฮ้อ…..” แล้วไปเมาบอกพ่อเขาอีก จุ้นละอยากเอาหัวโขกพื้น
“งื้ออออ เจนง่วง” ถึงได้บอกให้ไปนอนไงล่ะ ตัวจุ้นเหล่มองคนที่ตัวเองจัดการมอมเมื่อครู่อย่างเคืองๆ เออความผิดของจุ้นด้วยนี่ล่ะ แค่ส่วนนึงนะ
“ผมจะพาเขากลับไปด้วย” ไม่มีใครถามหรือขอความช่วยเหลือ นักรบกล่าวออกมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนทั้งสองเป็นอะไรต่อกัน แต่เขาแสดงความจำนงออกไป และมันไม่ใช่คำขอ
แต่เป็นคำสั่งที่ไม่สนว่าใครจะว่าอย่างไร!
“เขามากับผม” แต่ตัวจุ้นไม่สามารถยกให้ง่ายๆ
“แต่เขาอยู่บ้านเดียวกันผม”
“เป็นอะไรกันล่ะ”
“พี่เลี้ยงของลูก” เขาตอบได้ทันที
“ผมเป็นน้องชายของเขา”
“………….”
“เป็นคนที่มั่นใจได้ว่าอยู่ด้วยแล้วเขาจะปลอดภัย”
“………….”
“เมื่อครู่เราทะเลาะกันนิดหน่อย ต้องขอบคุณที่เป็นห่วงพี่ชายผมนะครับ”
“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณเป็นน้องชายเขาจริงๆ” ที่เงียบไปไม่ใช่ว่าเขาสลดลงหรอก นักรบกำลังดูอีกฝ่ายให้ชัดๆ ทั้งคำกล่าวอ้างและลักษณะท่าทาง ทำไมต้องระแวงนะเหรอ……เพราะวันนี้เจนต้องกลับกับเขา เหตุผลมันก็มีแค่นั้นแหละ และไม่มีคำอธิบายอื่นใดมาแนบท้ายเหตุผลนั้นเหมือนเคย
“ผมยังเป็นน้องชาย ไม่ว่าจะมีอะไรมายืนยันก็ยังพูดได้ว่าเป็นน้อง แล้วคุณล่ะเป็นใคร อยู่ๆก็เดินมายุ่งเรื่องชาวบ้าน” ท่าทางคุกคามของนักรบไม่ได้ทำให้ตัวจุ้นหวั่นเกรงเลย มิหนำซ้ำ ยังกล้าท้าทายกลับ เอาความมั่นใจมาจากไหนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต่อยปากให้ อาจจะเพราะบทบรรยายสรรพคุณของเจนก่อนหน้านี้ละมั้ง ขอให้พี่ชายของตนไม่ได้เข้าใจคุณรบอะไรนี่ผิดไปด้วยเถอะ ไม่งั้นไอ้จุ้นตายแน่!
“น้องชาย….เขาไม่เห็นเคยพูดถึงว่ามี” แล้วจะเถียงทำอีหยังวะ หน้าอย่างนี้ไม่มีวันเป็นผัวไอ้เจนหรอก เชื่อกูเหอะ!
“ที่ไม่พูด ไม่ใช่ว่าเพราะคุณไม่สำคัญพอที่จะเล่าให้ฟังหรือเปล่า”
“………….”
“ผมมีหลักฐานยืนยัน นี่คุณนักรบใช่ไหมครับ โทรถามแม่คุณเลยก็ได้ วันนี้ผมไปเจอท่านมาก่อนจะมาที่นี่กับเจน”
ฝีปากของตัวจุ้นนี่พอๆกับตัวเจนตอนที่ยังไม่ได้มาเป็นลูกจ้างของเขาเลย นักรบหมดสิ้นคำพูดโดยแท้จริง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมามันก็ล้วนเป็นความจริง และมันก็แทงใจเข้าไปทั้งหมด นักรบไม่ได้เป็นอะไรกับเจน และไม่ใช่คนที่สำคัญพอที่จะสาธยายให้ฟังว่าโคตรเหง้าของตนมีใครบ้าง เจนรักษ์ทำถูกแล้ว นักรบเข้าใจดี แต่กว่าจะเข้าใจ
เขาก็ต้องสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้งจนกว่าจะคิดได้
“เข้าใจแล้ว” วันนี้เขาคงต้องยอมแพ้ เขาไม่มีสิทธิ์อะไร นี่มันนอกเวลางานของอีกฝ่าย แต่ถึงเป็นเจ้านาย ก็เอาแต่ใจอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย สิ่งที่รั้งเจนไว้คงมีแค่เงินเท่านั้น เหมือนที่มันใช้รั้งรดาไว้กับเขาได้พักนึง และเมื่อมันหมดประโยชน์หรืออีกฝ่ายไม่ต้องการแล้ว ก็จะไม่มีใครอยู่กับเขาให้เสียเวลา
“เจนจะกลับไปหาเจ้าลูกกบ” ทว่าเสียงที่ดังออกมาจากปากของคนที่ไม่มีใครแน่ใจว่าหลับอยู่หรือไม่ก็ฉุดรั้งเขาให้กลับมา มันเหมือนแสงสว่างที่วาบออกมาในขณะที่นักรบไม่คิดจะเดินไปข้างหน้าอีกต่อไป หัวใจของเขาพลันเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แล้วไฉนเขาถึงจะไม่คว้าเอาไว้….
“เฮ้ออออออ นี่น้องนะ นี่น้อง” ตัวจุ้นเบะปากมองเจ้าตัว เราไม่ได้เจอกันตั้งนานแท้ๆ คนเมาหนอคนเมา ไม่รู้อ้างลูกหรือเปล่า
ก็พ่อเขามาตามกลับไปด้วยแบบนี้?!!!?!?!???
“คุณพาหมอนี่กลับไปละกัน” ตัวจุ้นที่ทำคะแนนนำมาตลอดนั้นเหมือนถูกชิงคะแนนพิเศษโดยอีกฝ่ายในช่วงวินาทีสุดท้าย จะเห็นแก่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี่ละกันนะ ได้กันเมื่อไหร่….จะเอาคืนให้สาสมไปเลยคอยดู!
“ขอบคุณมาก” เขาพูดเช่นนั้น ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ขอบคุณ อีกฝ่ายไปทำเรื่องน่าซาบซึ้งให้กันตอนไหน
“ผมกลัวเจ็บตัวหรอก” ถึงตัวจุ้นจะบอกอีกฝ่ายแต่แรกว่าจะไม่ทำอันตรายเจน แต่ไม่ได้หมายความนี่ว่าเจนจะไม่ทำกัน ก็เล่นตะกุยไม่ยั้งแบบนั้น ขึ้นไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองอาจจะได้ยกเท้าขึ้นมายันกันแน่ ตัวจุ้นสูงกว่านะ ลืมไปแล้วเหรอ เขาจัดการเจนได้แน่ อย่าหาว่าไม่เตือน
เจ้าของร่างสูงค่อยๆก้มลงไปประคองให้คนง่วงนอนนั้นลุกขึ้น เจนไม่ได้ให้ความร่วมมือนักเพราะแยกแยะอะไรไม่ค่อยจะได้นอกจากความเมาของตัวเอง ตัวจุ้นที่นั่งอยู่จ้องมองทั้งสองฝ่าย จริงๆแล้วตนนั้นนั่งฝั่งตรงข้ามกับเจนมาตลอด และก็เห็นผู้ชายคนนึงที่จ้องมองมาทางโต๊ะเราโดยไม่มีแม้จะหลบตา โชคดีที่เขาหล่อ ครั้งเดียวที่ได้เห็นรูปที่เจนถ่ายไว้ ก็รู้ได้ทันทีเมื่อได้เจอตัวจริงแม้ที่นั่งเราจะไม่ได้ใกล้กันมากขนาดนั้น ต้องเรียกว่าหล่อทะลุไฟสลัวเลยทีเดียว และยิ่งเดินเข้ามาให้เห็นหน้าใกล้ๆก็ยิ่งมั่นใจว่าใช่แน่ๆ
ทว่าสิ่งนึงที่ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าปล่อยให้ไปด้วยกันในสภาพนี้นี่ดีกับพี่ชายของตนหรือเปล่า แต่ก็คงต้องลองเสี่ยงดู เพราะเจนนั้นอาการหนักไม่ใช่น้อย จากที่ระแวงชาวบ้านเก่งอยู่แล้ว พอมาเจอวิลเลี่ยมไปคงหาทางขึ้นคานอย่างเป็นสุขด้วยตัวเองแล้วแน่ๆ จริงๆมันก็ไม่แย่หรอก ความรักไม่ใช่เรื่องที่ดีกับทุกคน ถ้าคิดว่ามีแล้วจะไม่ดี ตัดออกไปอย่างที่เจนว่ามันก็ดีอยู่ ตอนแรกจุ้นก็คิดเช่นนั้น แต่มาเปลี่ยนความคิดเอาทีหลัง ก็ตอนที่จ้องดวงตาของคนที่มาตามหิ้วกลับคนนี้ดีๆนั่นแหละ
ไม่ได้เป็นอะไร แล้วทำไมต้องแสดงท่าทางหึงหวงด้วย
“หึ…” ตัวจุ้นหลุดหัวเราะออกมา ก็ถ้าคนสองคนรักชอบกัน แล้วทำไมเจนจะต้องเป็นฝ่ายเสียสละถอนตัวออกก่อนด้วยล่ะ มันไม่ใช่ไม่แฟร์กับตัวเองคนเดียว แต่ไม่แฟร์กับอีกฝ่ายด้วยไม่ใช่หรือไง
ดูก็รู้แล้วว่าจุ้นนี่ลงเรือลำไหน
“ฝากดูแลพี่ชายด้วยนะครับ หมอนี่เมาแล้วพูดมาก เลอะเทอะ” นักรบพยักหน้า เขาพอรู้ แต่คงไม่รู้ว่าคนตรงหน้านั้นลงทะเบียนสมัครลงชื่อเป็นชิปเปอร์เรือ ‘รบเจน’ ระยะทดลองไปแล้ว แต่บอกก่อนว่าตัวจุ้น….ไม่อ่อนโยน!
“ไม่ต้องห่วง ถ้าพี่คุณเป็นแผลตรงไหน คุณก็รู้ว่าบ้านผมอยู่ไหน” ชอบจังพี่เขยแบบนี้….ตัวจุ้นยิ้มอย่างพึงใจ ทุกคนในเรื่องดูจะชอบเขานะ จะมีแค่คนเดียวแหละที่ยังห้ามตัวเองไม่ให้ชอบอยู่นั่นแหละ แต่ก็เข้าใจได้ จะรักใครสักคนดีๆอีกสักที มันก็ต้องดูให้ชัดเจน และถ้าพี่เจนดูคนเดียวไม่ไหว เดี๋ยวน้องช่วยก็ได้นะ
แต่บอกอีกครั้ง ว่าไม่อ่อนโยน!
“เรื่องเจ็บตัวนะไม่เท่าไหร่ครับ แต่อย่าทำให้เจ็บใจล่ะ”
“…………”
“ผมน่ะไม่ได้อะไรหรอก ไม่ค่อยหวงพี่ด้วย” จริงๆแล้วจุ้นนี่ออกจะอวยอีกฝ่ายเสียด้วย แต่ถ้าเขาเป็นคนไม่ดีขึ้นมา หน้าที่หลักของตนคือการดูแลเสียมากกว่า ในส่วนคิวบู๊นี่คงไม่รับรู้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย
แค่เป็นทางเลือกที่ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยมากที่สุดต่างหาก
“แต่มีผู้ชายคนนึงเขาขี้หวงกว่าผมมาก แล้วถ้าเขารู้ว่าคนโปรดเจ็บล่ะก็นะครับ….”
“…………..”
“เก็บให้เป็นความลับจากเคลวิน คูเปอร์ให้ดีละกัน” จริงๆพี่เคลก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก เอ็นดูเจนอยู่มาก แต่ไม่ก้าวก่าย หากไม่ไปขอความช่วยเหลือ อย่างว่า….เจนกับเขาเป็นพี่น้องที่เหมือนญาติกัน และจริงๆครอบครัวคูเปอร์ก็รับอุปการะเจนมาหลายปี เอ็นดูกันไม่น้อยทั้งตระกูลเลย เพราะฉะนั้นถ้าพูดยุนิดๆ พวกเขาก็พร้อมจะของขึ้นกันถ้วนหน้า ซึ่งทุกวันนี้คนที่ถูกยืมชื่อมายังไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ชื่อเจ้าตัวดันขึ้นมาเป็นลำดับแรกในหัวซะงั้น ก็บอกแล้วว่าจุ้นไม่อ่อนโยน! ในเมื่อเจนเหนื่อยแทบตาย อีกฝ่ายคิดยังไงก็ไม่มีใครรู้ ชอบเจนหรือแค่หวงก้างหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ดังนั้นจุ้นที่เป็นชิปเปอร์ฝึกหัดสายฮาร์ดคอร์เลยพูดไปเช่นนั้น…..
ก็หวังจะหายซึนกันซะทีนะคนเรา
นี่อยากอุ้มหลานจะแย่อยู่แล้ว!
Tbc
Talk:
เราบอกแล้วว่าจะทำตามสัญญา ฮืออออออออออ ช่วงนี้งานยุ่งๆมาก เราอาจจะได้มาลงอีกทีวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้นะคะ อย่างที่แจ้งไปว่างานมันเข้าสู่ช่วงยุ่งของปีแล้ว ต่อให้เรามีที่แต่งทิ้งไว้แล้วแต่ก็อาจจะเอามาลงไม่ได้เลย เพราะกลับบ้านดึกบ่อยๆ เราไม่สามารถใช้คอมที่ทำงานลงนิยายได้จริงๆ และกลับบ้านร่างก็พังแล้ว ฮือออออออออ
อีกอย่าง น้องเจนไม่หวานเย็นแล้ว เนื้อเรื่องจะต้องถูกเราทบทวนมากขึ้นเพราะปมที่วางไว้ตั้งแต่หวานเย็นเริ่มจะคลาย เรายังยืนยันว่าเรื่องนี้จะจบค่ะ วางไว้ที่ 40 แต่ทุกวันนี้มีแนวโน้มจะเกินแน่นอน
เห็นคนเข้ามาอ่านกันมากขึ้น ขอบคุณมากนะคะที่ชอบน้องเจนนกๆ เอ้ย ไม่นก เราจะพยายามรีบมาต่อนะคะ แต่ยังไงขอยืนที่สัปดาห์ล่ะสองตอนก่อนนะคะ พอเรื่องนี้จบเรามีแพลนจะแต่ง ‘เพชรพระพาย’ ค่ะ ถ้ายังไงฝากติดตามด้วยนะคะ //ฝากตัวก่อนแต่ยังไม่ได้เริ่มสักประโยคเลย55555
#เจนไม่นก
Twitter @reallyuri