ตอนที่ 9: ไม่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ?
[Part 2]
ก็คนมันไม่เคยไปเที่ยวกลางคืนแล้วจะรู้เหรอว่าต้องแต่งตัวยังไง เปิดในเน็ตดูก็เห็นบอกว่าใส่อะไรก็ได้ที่มั่นใจ เขาก็มั่นใจกับเสื้อสไตล์นี้นี่นา
เสี่ยวหลิวบ่นอุบในใจ กวาดสายตามองชุดที่น่าจะแปลกแหวกแนวบ้าง เด็กหนุ่มที่ไม่มีหัวด้านแฟชั่นเลือกที่จะหยิบเสื้อกับกางเกงขาสั้นผ้ายีนส์ขาด ๆ ซึ่งเทียนฉีแนะนำให้ซื้อมาด้วยตอนไปแผนกเสื้อผ้ายูนิเซ็กซ์ ตอนแรกที่เห็นนึกว่ามันเป็นแค่เศษผ้าที่นำมาติดป้ายราคา รอยขาดมีมากจนเนื้อผ้าแทบจะขาดออกจากกัน แต่เมื่อผู้ติดตามหนุ่มยืนยันว่ามันเป็นเทรนด์ที่วัยรุ่นกำลังนิยมเลยจ่ายเงินซื้อมาเป็นตัวเลือกอย่างช่วยไม่ได้ เสี่ยวหลิวคิดว่าตัวนี้น่าจะเข้าตากรรมการบ้าง
“ถ้าคิดจะใส่สองชิ้นนี้ล่ะก็แก้ผ้าไปเลยสิ เสี่ยวหลิว นี่นายคิดเหรอว่าตัวเองจะดูดีในผ้าขี้ริ้วพวกนั้นน่ะ ก่อนซื้อได้ปรึกษาใครบ้างไหม” ปากร้ายยังไม่หยุดว่า คำพูดแต่ละคำที่พ่นออกมามีแต่ถ้อยคำจิกกัดให้แสบสะท้าน จนนั่นแหละที่เสี่ยวหลิวทนไม่ไหวถึงได้คลายปมเชือกคลุมอาบน้ำตัวเอง
“ทำบ้าอะไร” หวังหย่งเหวินตกใจเมื่อเห็นว่าเสื้อคลุมอาบน้ำตกลงจากไหล่เล็ก
“ก็จะแก้ผ้าให้ดูไงครับ เผื่อจะถูกใจเฮียเหวินสักที” พูดอย่างไม่มีความเขินอาย แกะเชือกคลุมอาบน้ำได้สำเร็จ กำลังจะปล่อยให้ตกสู่พื้นเบื้องล่างทว่าเฮียเหวินดันเข้ามาจับมันไว้เสียก่อน เลยกลายเป็นว่ามีแค่ท่อนบนของเขาที่ได้ปรากฎสู่สายตา
“หน้าไม่อาย” เป็นคำที่เสี่ยวหลิวได้ยินหลายครั้งจนชิน จากที่ตอนแรกมักจะหน้าแดงด้วยความอับอาย ตอนนี้กลับคงไว้ด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน
เสี่ยวหลิวอยากจะบอกเหลือเกินว่าคำ ๆ นี้ใช้กับเขาไม่ได้อีกแล้ว
จิตใจของเด็กหนุ่มทนทานกับคำพูดร้ายกาจมากขึ้น เช่นเดียวกับใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนสีนั่นแหละ
“แล้วเฮียชอบไหมล่ะครับ” ริมฝีปากเล็กยิ้มยั่ว เงยหน้าสบดวงตาคม ยกแขนสองข้างขึ้นคล้องลำคอแกร่งของอีกฝ่าย แอ่นหน้าอกเล็กน้อยให้เห็นเต็มตา
ปากที่ควรจะสวนกลับทันทีถึงกับอ้าไม่ออกเมื่อเห็นส่วนไวต่อสัมผัสสีชมพูอ่อนทั้งสองข้าง มันอยู่ใกล้เพียงแค่ก้มลงไปหาก็สามารถครอบครองได้อย่างง่ายดาย จมูกของเขาได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำราคาแพง กลิ่นของผลไม้ฤดูร้อนที่ให้ความรู้สึกสดชื่นบรรเทาความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
เสี่ยวหลิวเอาอีกแล้ว ทำไมถึงชอบยั่วเขาจังเลยนะ
ทั้งที่พยายามจะเอาตัวเองออกห่าง แต่ยังไงก็หนีไม่พ้นเสียที
หรือพระเจ้าจะไม่เห็นถึงความพยายามของหวังหย่งเหวินคนนี้กัน
ยังไม่ทันที่จะส่งมือไปผลักอก คนใจกล้าก็เดินถอยหลัง ใช้น้ำหนักตัวถ่วงให้ลงมานอนบนเตียงด้วยกัน เสี่ยวหลิวอาศัยจังหวะที่เฮียกำลังมึนงงเป็นฝ่ายผลักอกหนาให้นอนหงายราบไปกับกองเสื้อผ้านุ่ม พาตัวเองขึ้นคร่อมนั่งทับเอวไม่ให้ลุกหนีไปไหน
เฮียเหวินติดกับแล้ว
เสี่ยวหลิวยิ้มร้ายในใจ หลังจากหลายคืนที่กลับไปตั้งหลักพัฒนาตัวเอง อาศัยตอนที่สามีไม่อยู่ทดลองปฎิบัติตามตำราทั้งเช้ายันเย็น คืนนี้โอกาสที่จะได้ลองวิชาเพิ่มก็มาถึงมือเขาแล้วจริง ๆ
“ลงไป” สายตาเรียบนิ่งน่ากลัวมากกว่าเวลาปกติสิบเท่ามองมาคล้ายจะฉีกกระชากเนื้อให้หลุดออกจากร่างกาย อดหวั่นใจไม่น้อย แต่มีหรือคนที่รอเวลาเอาคืนจะปล่อยไปง่าย ๆ
ถ้าคืนนี้เฮียเหวินไม่ยอมพูดคำว่า ‘พอแล้ว’ ออกมา ก็อย่ามาเรียกเขาว่าฟู่เสี่ยวหลิวเลย !
“อยากให้หลิวลงไปจริง ๆ เหรอ” เสี่ยวหลิวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อดจะประหลาดใจตัวเองไม่ได้ที่สามารถปรับน้ำเสียงได้อย่างธรรมชาติ นี่คงเป็นผลของการฝึกพูดขณะอาบน้ำแน่ ๆ ร่างเพรียวเล็กขยับตัวเล็กน้อยบนเอวหนาให้บั้นท้ายบดลงตรงกึ่งกลางลำตัวอย่างเย้าอารมณ์ เสื้อคลุมอาบน้ำตอนนี้มีก็เหมือนไม่มี ทั้งหน้าท้องแบนราบและต้นขาขาวเนียนโผล่พ้นออกมาปรากฎให้เห็นเต็มตา จะมีก็แค่ตรงจุดกึ่งกลางร่างกายของภรรยาที่ยังมีผ้าหนากองบังเอาไว้
หวังหย่งเหวินมองความสวยงามตรงหน้าตาไม่กระพริบ แล้วก็สรุปกับตัวเองได้ว่าเขาเกลียดเสี่ยวหลิวที่อยู่ในสภาพนี้
“หลิวขยับแบบนี้...เฮียชอบไหม”
ไม่ปล่อยให้คนใต้ร่างได้เอ่ยปากห้าม เอวเล็กเริ่มขยับร่อนเป็นจังหวะช้า เนิบนาบแต่ก็กดย้ำลงบนเป้ากางเกงอย่างรู้ดี สัมผัสที่มีเพียงเนื้อผ้าสองชั้นขวางกั้นแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรผู้เป็นสามีเลย ในเมื่อแรงที่ส่งผ่านมานั้นเล่นเอาสะท้านไปทั้งกาย
ขณะที่กำลังหยอกล้อเฮียเหวิน เสี่ยวหลิวมีความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ทั้งตื่นเต้น ทั้งสะใจที่เห็นคนใต้ร่างกัดฟันจนเห็นรูปกรามชัดเจน ทุกครั้งที่ก้นของเขาหมุนวนบนส่วนนูนนั่น ลมหายใจของเฮียก็ดูติดขัดมากขึ้นทุกที
อย่างนี้ยิ่งทำให้รู้สึกสนุกขึ้นไปใหญ่
“เสี่ยวหลิว” หวังหย่งเหวินคำรามกับการเล่นพิเรนท์ของภรรยา แต่ก็น่าแปลกที่เจ้าตัวดันลืมไปว่ามือตัวเองนั้นไม่ได้ถูกพันธนาการเอาไว้
คนเป็นสามีได้แต่สงสัยในความความเชี่ยวชาญนั้น ยอมรับว่ารู้สึกดีเป็นบ้า ถ้าเป็นการนวดก็ถือว่ากดได้ตรงจุดพอดี ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวหลิวไปฝึกกับชายหนุ่มที่ไหนมาถึงได้เอวดีขนาดนี้ กับเด็กเรียบร้อยอย่างเสี่ยวหลิวน่ะหรือจะทำเรื่องพวกนี้เป็นหากไม่มีคนช่วยฝึกซ้อมชี้นำ
หวังหย่งเหวินอดที่จะสงสัยไม่ได้ จะบอกว่าฉากหน้าที่ดูแสนดีมองแต่เขาคนเดียวมาตลอด ลับหลังแท้จริงก็เป็นเพียงเด็กร่านคนหนึ่งเองน่ะเหรอ ?
“ตรงนั้นของเฮียเหมือนจะเริ่มแข็งแล้วนะ” ปากก็ขยับพูดตามร่างกายที่ขยับโยก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเสี่ยวหลิวถึงพูดคำพวกนี้ออกมาได้ไม่อายปาก มือเล็กสองข้างยันแผ่นอกหนาเอาไว้เป็นที่ทรงตัวเมื่อต้องเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น ลีลาหมุนวนสะโพกปลุกแก่นกายที่นิ่งสงบให้ตื่นขึ้นจนได้ บั้นท้ายเปลือยสัมผัสได้ถึงสิ่งที่พยายามดุนดันผ่านกางเกงสูทเนื้อดี ราวกับว่าหิวกระหายช่องทางที่ไร้ปราการขวางกั้นหนักหนา
ถึงตรงนี้เสี่ยวหลิวดีใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ ดวงตาพราวเป็นประกาย
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จอีกครั้ง
“บ้าเอ๊ย” หย่งเหวินสบถออกมาเมื่อรู้ว่าร่างกายได้พ่ายแพ้ให้กับคนตัวเล็กเสียแล้ว อยากจะคุกเข่าคำนับขอบคุณเหลือเกินที่ใครสักคนสร้างผู้ชายให้มีสัญชาติญาณดิบเยอะขนาดนี้ ดูคนบนตัวที่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจนั่นสิ ราวกับจะเยาะเย้ยที่หวังหย่งเหวินคนนี้เกิดความต้องการอยู่ฝ่ายเดียว
“นายทำแบบนี้เพื่ออะไร เสี่ยวหลิว” หวังหย่งเหวินเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ มือทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนแน่นอย่างอดกลั้นไม่ให้พลิกตัวจับร่างขาวเนียนกดลงบนเตียง ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงพยายามทำให้เขาตบะแตกแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“รู้ใช่ไหมว่าถึงจะเอาตัวเข้าแลกแบบนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันกลับไปรักนายได้อยู่ดี”
คำพูดเย็นชาที่ตรงเหมือนกับตะบองท่อนใหญ่ฟาดลงมาที่หัวใจคนฟังแรง ๆ หนึ่งที จนความดีใจที่มีอยู่พลันสลายหายไปในพริบตา
ถึงเสี่ยวหลิวจะคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงมาบ้างแล้ว คิดว่าตัวเองยืนหยัดได้บ้างแล้ว แต่ภายในตัวของเขานั้นยังมีเด็กหนุ่มที่เฝ้ารอความรักจากเฮียอยู่เสมอ ประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่เสียดแทงจนชา ซ้ำยังกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เป็นเพียงแค่ความทรงจำอันสวยงาม
ร่างกายที่ขยับเขยื้อนอยู่ค่อย ๆ ผ่อนแรงลงจนหยุดอยู่กับที่ เสี่ยวหลิวนิ่งค้างคล้ายกับเครื่องยนต์ที่ถูกปิดสวิทช์กะทันหัน
ไม่ได้ทำให้กลับมารักหลิวได้อยู่ดีงั้นเหรอ ?
ไม่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ ?
เขาเกือบจะเชื่อแล้ว ถ้าไม่เห็นอะไรบางอย่างในแววตาของเฮียเหวิน แม้จะรู้ว่ามันแทบจะจับความรู้สึกไม่ได้ แต่มันกลับมีพลังงานบางอย่างขับเคลื่อนให้รู้สึกว่าต้องเดินหน้าต่อ
เสี่ยวหลิวกลบเกลื่อนความปวดร้าวที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ด้วยการแสยะยิ้ม ค่อย ๆ เอนตัวไปข้างหน้าจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงแค่ลมหายใจขวางกั้น ริมฝีปากเล็กเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากหยักหนาจนแทบประทับลงไปอยู่รอมร่อ ดวงตาเรียวหวานจ้องมองไม่กระพริบ
“หลิวจะให้โอกาสเฮียพูดใหม่อีกครั้งหลังจากที่เราจูบกัน”
ภายในห้องพักคอนโดหรูซึ่งมีเพียงแค่คนรวยระดับบนเท่านั้นที่จะสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ปรากฎร่างของทายาทค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่กำลังนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้หนังด้วยท่าทางผ่อนคลาย บนโต๊ะทำงานด้านหน้ามีโน้ตบุ๊คเปิดหน้าต่างโปรแกรมวิดีโอคอลค้างเอาไว้กว่ายี่สิบนาที ดวงตาเล็กหรี่มองตัวเลขตรงมุมขวาล่างหน้าจอ พบว่าใกล้ถึงเวลาที่นัดไว้ก็ให้ยิ้มกริ่ม เขาเกือบจะหลับคาแป้นพิมพ์ไปแล้วถ้าไม่มีเบียร์เย็น ๆ สักขวดคอยกระตุ้นเปลือกตาให้ตื่นทุกห้านาที อยากนอนก็อยาก แต่ว่าคืนนี้ยังมีเรื่องที่น่าทำมากกว่าหลับตาอยู่บนเตียงเป็นไหน ๆ
‘ประชุมด่วน ลับสุดยอด’
นั่นคือชื่อหัวข้อสนทนาที่ลู่เสียนใช้ในการเชิญชวนให้สมาชิกเสือร้ายแห่งซานหลี่ถุนสละเวลาอันน้อยนิดของแต่ละคนมาออนไลน์เจอหน้ากัน ชายหนุ่มได้ส่งสาสน์ลับผ่านอีเมลล์เป็นการส่วนตัวแก้เหล่าเพื่อนคุณหนู ยกเว้นก็แต่หวังหย่งเหวินที่ไม่มีรายชื่อในการร่วมประชุมครั้งนี้
เพราะคนที่กำลังจะกลายเป็นประเด็นหลักในวงสนทนาไม่ควรจะได้ยินในสิ่งที่คนอื่นพูดจริงไหม
ลู่เสียนได้แต่หัวเราะกับตัวเอง เป็นเสียงหัวเราะที่หากใครได้ยินก็คงคิดว่าเขากำลังมีความสุขอย่างยื่ง บางทีหุ้นในบริษัทอาจจะขึ้นหลายจุดหรือว่าท่านประธานมีคำสั่งให้ลาพักร้อนก็เป็นได้ แต่ว่านะมันยิ่งกว่าความสุขทางการงานพวกนั้นเสียอีก เพียงแค่คิดถึงเรื่องที่จะคุยก็รู้สึกสนุกจนแทบอดทนรอไม่ไหว จวบจนเสียงแจ้งเตือนที่ดังผ่านลำโพงติดต่อกันสามครั้งถึงได้รู้ว่าบัดนี้ผู้รับเชิญได้เข้ามาอยู่ในห้องสนทนาเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนเปิดกล้องให้เห็นหน้าอย่างชัดเจน ฉากหลังมีทั้งกำลังนั่งอยู่ในรถ ขอบสระว่ายน้ำ และเก้าอี้ซิทอัพของห้องออกกำลังกาย เรียกได้ว่าไม่ได้คิดจะเตรียมตัวเพื่อมาประชุมเลยสักนิด ลู่เสียนเบ้ปากกับความมักง่ายที่เห็น
แต่ช่างมันประไร
เขาดื่มเบียร์เป็นอึกสุดท้าย แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะยกยิ้มกว้าง
“ดูเหมือนว่าจะพร้อมกันแล้วสินะ”
--------------------------------------
ต้องขอโทษที่หายไปหลายวันเลยนะคะ คิดถึงทุกคนนน
ก่อนอื่นมีเรื่องจะแจ้งค่ะว่างานที่เราทำนั้นกำลังเริ่มโปรเจคอยู่ เลยคิดว่าอาจจะมาอัพถี่ๆเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ แต่ยังไงก็จะพยายามเขียนออกมาเมื่อมีเวลาว่างนะคะ TT เพราะอย่างตอนนี้เขียนทุกวันแต่ได้วันละขยึกฮืออ แก้แล้วแก้อีกจนถ้าเป็นกระดาษคงลบจนขาดไม่เหลือชิ้นดี555555
เฮียเหวินตอนนี้ก็ยังเป็นเฮียอยู่วันยังค่ำ น้องทำขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ตัดสินใจลงมืออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่จับนิดจับหน่อยให้เพลินมือ ส่วนหลิวที่จะเอาคืนเขาดูแล้วมีแต่เสียกับเสียแง55555 คงต้องรอดูไปก่อนนนน ว่าใครจะเสร็จใครกันแน่
ขอบคุณกำลังใจ คำติชมทั้งในหน้าเว็บนิยายและทางทวิตเตอร์นะคะ คอยให้ความช่วยเหลือเรื่องนิยายและกำลังใจเราตลอดเลย TT ถ้าไม่มีนักอ่านคอยแนะนำเราอาจจะใช้เวลาเขียนนานกว่านี้ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยค่ะ