กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)  (อ่าน 35855 ครั้ง)

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :a5: ค้างอย่างแรงงงง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
มาจุใจ..สงสารน้อง..งงงงงง ดอนดูแลน้องด้วย  :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
งุ้ยยยย ลุงหื่นนนน

ออฟไลน์ PPYK287

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ  :hao5:

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 19 จดจำ (06.11.18)
«ตอบ #124 เมื่อ06-11-2018 13:52:28 »

บทที่ 19 จดจำ



สายตาของผมจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวและท่าทางของผู้ชายคนนั้นโดยที่ไม่สามารถละสายตาได้ ความสนใจของผมตอนนี้ตกไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนนั้นทันทีตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาภายในห้อง มันคุ้นเคยจนผมหวั่นใจ ความทรงจำบางอย่างเหมือนจะแจ่มชัดมากขึ้น แต่เพราะผมไม่อยากจะนึกถึงเรื่องใดใดก็ตามที่ทำให้ผมต้องตกอยู่ในห้วงอดีต ผมจึงรีบละสายตาจากผู้ชายคนนั้นและหันไปสนใจแดเนียล อัลเบอร์โตแทน



ดอนแห่งอัลเบอร์โตทักทายดราโกอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง แต่ผมก็ยังรู้สึกถึงพลังอำนาจที่แผ่ออกมาไม่หยุด สองคนนี้เขาข่มกันไม่ลงเลยครับ น่ากลัวกันคนละแบบ พวกเขาทักทายกันพอเป็นพิธี ทั้งดราโก แดเนียล และผู้ชายเอเชียคนนั้น แต่สำหรับผม ผมกลับพยายามนั่งอยู่เงียบๆ ไม่เข้าไปแนะนำตัวหรือร่วมสนทนาใดๆ แต่ก็ยังไม่รอดพ้นดวงตาสีมรกตของเขาอยู่ดี



“โอ๊ะ นายขโมยเด็กคนนี้มาจากไหนเนี่ย” แดเนียล อัลเบอร์โต ดอนแห่งอัลเบอร์โตเอ่ยเย้าแหย่ พลางหันมาสำรวจผมเต็มๆ ตา เพราะคำทักของเขาจึงทำให้สายตาทุกคู่ที่อยู่ในห้องหันมามองผมเป็นตาเดียว แววตาของชายหนุ่มที่จับจ้องมาทางผมมันดูแปลกประหลาด แววตาวูบไหวเป็นประกายชั่วครู่ก่อนจางหายไป



“หึ แถวมิลาน” และดราโกก็ตอบตามความเป็นจริง ใช่ครับ ผมถูกดราโกลักพาตัวมามิลานก่อนที่ผมจะนั่งรถไฟหนีข้ามประเทศไป พอคิดถึงตอนนี้ผมก็เหลือบตามองดราโกและคาลอสเล็กน้อยอย่างคาดโทษและหมายจะหาโอกาสเอาคืนพวกเขาซักครั้ง ผมว่าสำหรับคาลอสโทษห้ามลาพักร้อนสามปีมันน้อยไปนะครับ แต่สำหรับดราโก ผมก็ไม่รู้จะหาโอกาสเอาคืนเขายังไงดี กลัวแต่ว่าแกล้งเขาไปแล้ว ตัวผมจะแย่ซะเองมากกว่า



“หนุ่มน้อย เธอโดนซาตานหน้าตายล่อลวงมาใช่ไหม” น้ำเสียงกวนๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปากของเขาดูร้ายกาจกว่าคาลอสหลายเท่า ร่างสูงใหญ่ของเขาดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับดราโกและนั่งลงอย่างไม่ต้องรอใครเชื้อเชิญหรือเอ่ยอนุญาต ผมดึงความสนใจหันกลับมามองที่เขา เพราะยังติดใจแววตาประหลาดของเขาไม่หาย



“ผมโดนลักพาตัวมาครับ” ผมตอบคำถามชายหนุ่มทันที ร่างสูงของแดเนียลและผู้ชายชาวเอเชียต่างหัวเราะชอบใจ เพียงแต่ว่าดอนแห่งอัลเบอร์โตหัวเราะอย่างเปิดเผย แต่ชายเอเชียที่ผมไม่รู้จักชื่อหัวเราะในลำคอเบาๆ เก้าอี้ที่ว่างหนึ่งที่ตรงหน้าของผมก็ถูกเขาจับจอง รอยยิ้มเปิดเผยจริงใจถูกส่งมาให้ผมอย่างเป็นมิตร ผมเพียงก้มศีรษะทักทายพวกเขาเท่านั้นแต่ไม่ได้เอ่ยแนะนำตัวหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในบทสนทนาใดใดมากกว่านี้



“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่นายตกอับหาแฟนไม่ได้จนต้องขโมยเด็กมาเป็นลูกบุตรธรรมแล้วเรอะ” คำพูดของแดเนียลดูกวนและเย้าแหย่ดอนแห่งคอลิโอเน่ พวกเขาดูไม่สนใจการกระทำที่ไร้มารยาทของผม แต่เพราะประโยคของแดเนียลกลับทำให้ดราโกคิ้วกระตุก “เฮ้ พวก ฉันล้อเล่นน่า อย่าทำหน้าบูดอย่างนั้นซิ”



ผมเลิกคิ้วหันไปมองที่ดราโกทันที อ๊ะ จริงด้วยครับ ปกติเขาจะเก็บอารมณ์เก่งมาก แต่สงสัยจะโดนจี้ใจดำ อย่างดราโกเองก็คงคิดมากเรื่องอายุหรือคนรักเหมือนกันซินะครับ



“หึ” ดราโกแค่กระตุกยิ้มแต่ไม่ตอบคำถามของดอนแห่งอัลเบอร์โตเลยครับ พวกเขาดูสนิทสนมกันมากเลยทีเดียว เพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวของชายหนุ่มผ่อนคลายมากขึ้นกว่าปกติ



“ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยซินะหนุ่มน้อย ฉันแดเนียล อัลเบอร์โต” ชายหนุ่มดวงตาสีมรกตหันมาหาผมพร้อมกับยื่นมือมาทักทาย



“ผมนอร์แมนครับ” ผมยื่นมือไปสัมผัสกับเขาพร้อมกับเอ่ยแนะนำตัว ผมเลือกที่จะปิดบังชื่อของผมเพราะผมยังไม่แน่ใจในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับพวกเขา ยิ่งกับดอนอัลเบอร์โต ระวังตัวไว้ก่อนก็ไม่เสียหายครับ และดูเหมือนว่าแดเนียลก็น่าจะรู้เช่นกัน ดวงตาของเขาเหมือนกำลังสำรวจผมและมองหาความจริงอะไรบางอย่างที่ผมซ่อนไว้



“เหมือนแมวน้อยขี้ระแวงเลยนะ” รอยยิ้มประหลาดอ่านยากปรากฏขึ้นตรงริมฝีปากของเขา



“ขอบคุณครับ” ผมตอบรับคำชมของเขาแบบด้านๆ ซึ่งนั่นกลับทำให้แดเนียลชอบใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม



“คุณหัวเราะเกินไปแล้วนะครับ” ชายเอเชียผมดำข้างๆ หันไปตำหนิดอนแห่งอัลเบอร์โตเล็กน้อย แต่เมื่อเขาหันมามองผมชัดๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง และภายในแววตาของเขามันก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ฉันชื่อจีน ไอรา ยินดีที่ได้รู้จักนะนอร์แมน”



มือเรียวยาวของเขายื่นมาตรงหน้า แต่มือของผมที่กำลังจะเอื้อมไปสัมผัสมือของชายหนุ่มชาวเอเชียคนนั้นกลับชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของเขาอย่างชัดเจน



จีน ไอรา



ใบหน้าของชายชาวเอเชียนั้นดูสวยหวาน ดวงตาเรียวเปล่งประกายพราวระยับ น้ำเสียงไพเราะ รอยยิ้มงดงาม และชื่อที่มีความหมาย ผมค้างอยู่ในท่านั้นซักครู่ด้วยความตกใจกับชื่อที่ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้ยินอีกครั้ง แต่นั่นก็เพียงครู่เดียว ผมรีบดึงสติกลับมา สูดหายใจเข้าลึกๆ และเพ่งสมาธิเพื่อไม่ให้มือของผมสั่นเทา แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าผมได้ยื่นมือไปทำความรู้จักกับเขาเรียบร้อยแล้ว เขายิ้มมาให้ผมอย่างไม่ติดใจสงสัย แต่เป็นผมเองที่ไม่กล้าสัมผัสมือนี้นาน ไม่กล้าเงยหน้าสบตากับเขา และผมพยายามทำทุกอย่างให้ปกติที่สุด



“เอาล่ะ ดราโก เข้าเรื่องเถอะ” แดเนียลพูดขึ้นมาหลังจากที่พวกเราแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อย ผมนั่งตัวตรงและหันไปเพื่อฟังรายละเอียด ผมพยายามไม่สนใจฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อของผม ไม่สนใจเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัวเร็ว ไม่แม้กระทั่งสบตากับใครเพราะกลัวพวกเขาจะเห็นแววตาสั่นไหวของผมที่ปรากฏอย่างชัดเจน



“ที่ฉันเรียกนายมาคุยวันนี้เพราะอยากขอความร่วมมือจากทางอัลเบอร์โต” น้ำเสียงเคร่งขรึมของดราโกเอ่ยขึ้น



“เกี่ยวข้องกับพวกคาโซ่รึเปล่า” ดอนผู้เปรียบดั่งราชสีห์กล่าวเข้าประเด็นตรงจุดในทันที ดราโกพยักหน้าเล็กน้อย



“ใช่ ตอนนี้คาโซ่มีการเรียกประชุมแฟมิลี่ทั่วทั้งอิตาลีเพื่อพูดถึงภัยคุกคามพวกเรา จดหมายที่ได้รับมาคือกำหนดการประชุมอาทิตย์หน้าพอดี” น้ำเสียงจริงจังของดราโกพูดขึ้น แต่ทันทีเมื่อชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีทองสวยพูดจบ ใบหน้าของแดเนียลก็เคร่งขรึมทันที พร้อมกับจีนชายชาวเอเชียที่ขมวดคิ้วมุ่น



“ที่คุณพูดว่าภัยคุกคาม แสดงว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือครับ” น้ำเสียงนุ่มของจีนเอ่ยถาม



“น่าจะรู้อยู่เต็มอกเลยล่ะ บางทีคนที่อยู่เบื้องหลังคงเป็นคอลิโอเน่ด้วยล่ะมั้ง” ดอนแห่งอัลเบอร์โตเอ่ยประชดอย่างรู้ไส้รู้พุงเพื่อนคนนี้ดี



“หึหึ” แค่ได้ยินเสียงหัวเราะของดราโก ผู้เป็นแขกทั้งสองคนก็รับรู้และเข้าใจในทันที



“จุดประสงค์ของนายคืออะไรดราโก” ชายผมสีน้ำตาลหยักศกหรี่ดวงตาสีมรกตลงเล็กน้อยเพื่อเพ่งมองหาความจริงในดวงตาสีทองของชายหนุ่ม ดวงตาคมดุคู่นั้นไม่เปิดเผยอารมณ์ใดใด กลับดูนิ่งลึกและยากจะคาดเดา



“ลบ ชื่อ พวก มัน” แต่แค่คำตอบสั้นๆ ที่ได้รับ ก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารส่วนตัวเงียบสงัด ดวงตาสองคู่ของผู้นำแฟมิลี่ทั้งสองต่างจ้องมองเพื่อหาความจริงจากแววตากันและกัน



“เพราะอะไร” แดเนียลยังคงถามต่อ เพราะเหตุการณ์ที่ดราโกต้องการจัดการแฟมิลี่หนึ่งจนสิ้นซากขนาดนี้มันดูผิดปกติเกินไป เพราะปกติแล้วแต่ละแฟมิลี่จะมีเขตอิทธิพลและเขตดูแลเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน ธุรกิจที่ครอบคลุมและดูแลอยู่ก็พยายามไม่ทับเส้นกันและกัน แต่ดราโกกลับต้องการจัดการพวกคาโซ่แสดงว่าต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน



“ฉันเกือบเสียท่าให้พวกมัน” ดวงตาสีทองเย็นเยียบและมีแต่ความเย็นชา “พวกมันคิดจะขยายธุรกิจและต้องการเส้นทางการค้าอาวุธ การประชุมวันนั้นมีคนส่งข่าวให้พวกมันรู้ ทั้งคาโซ่และหนอนบ่อนไส้ที่ร่วมมือกัน ฉันจะลากมันออกมาและกำจัดพวกมันให้หมดซะ”



“หึ น่าสนุกดีนะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของแดเนียลประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีมรกตพราวระยับด้วยความตื่นเต้น “ไม่ได้ร่วมมือกับนายจริงจังขนาดนี้ก็หลายปีแล้วนะ”



“นั่นซิ ครั้งนี้ก็สนุกให้เต็มที่เถอะ” รอยยิ้มและบรรยากาศรอบๆ ตัวของพวกเขาดูไม่น่าไว้ใจ แค่ผมเหลือบตามองก็รู้สึกหนาวเยือกแล้วครับ ไม่อยากจะคิดเลยว่าเหตุการณ์หลังจากนี้จะวุ่นวายมากมายขนาดไหน ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่คาดคิดเลยซักนิดครับว่าเรื่องราวของผมมันจะใหญ่โตและดึงหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายขนาดนี้ เรื่องแผนของพวกเขาผมคิดว่าพวกเขาคงรอดูสถานการณ์หลังจากที่เข้าร่วมประชุมใหญ่กับคาโซ่เรียบร้อยแล้ว รู้เขารู้เรา คงต้องดูท่าทีจากคาโซ่ก่อนถึงจะรู้ว่าควรวางแผนขั้นต่อไปยังไง



หลังจากฟังพวกเขาพูดคุยรายละเอียดและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ซักพัก ผมก็ละความสนใจจากสิ่งที่พวกเขาพูดคุย ตอนนี้เรื่องราวบางอย่างมันดำเนินไปอย่างรวดเร็วจนผมตามไม่ทัน ผมอยู่กับคอลิโอเน่มาพักใหญ่ ซึ่งตลอดเวลาที่ผมพักอยู่กับดราโกผมถูกปิดหูปิดตา ข่าวสารต่างๆ ถูกระงับและผมไม่สามารถรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เลย จนผมต้องพยายามที่จะหาทางนำคอมพิวเตอร์ออกมาและติดต่อหาข่าวสารให้ตัวเองได้รับรู้บ้าง



ถึงแม้ครั้งแรกผมจะพลาดและทำให้พวกเขาไหวตัวทัน แต่เพราะความผิดพลาดนั้นมันทำให้ผมฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ คาโซ่แฟมิลี่ถูกผมสืบข้อมูลมาจนครบทุกอย่าง ทุกการค้า ทุกธุรกิจ ทุกรายได้ของพวกเขาผมรู้หมด คาโซ่เป็นแฟมิลี่ที่มีเครือข่ายกว้างขวางและมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังมากมาย รายชื่อของผู้ร่วมขบวนการถูกผมสืบทราบมาจนครบ แต่มีแค่คนเดียวที่ผมตามหาไม่พบเสียที



ผมไม่ทราบชื่อ แต่จำได้แค่หน้าตาของเขาเท่านั้น ถึงแม้จะเจาะลึกหาลงไปจนครบทุกคนที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเหมือนปริศนาในเงามืด เหตุการณ์บนเรือในตอนนั้นเขาเป็นถึงบุคคลสำคัญที่ได้รับการคุ้มครองและการดูแล มีสิทธิ์ มีอำนาจเทียบเท่ากับดอนแห่งคาโซ่ ผมคิดว่าพวกเขาคือหุ้นส่วนกัน แต่ผู้ชายคนนั้นก็ฉลาดและรู้จักระมัดระวังตัว ไม่เหลือหลักฐานใดใดหรือสิ่งยืนยันตัวตนที่จะสาวถึงตัวได้เลย



ตอนนี้ผมเหลือทางเลือกไม่กี่ทางในการตามหาตัวเขาให้พบ วิธีที่รวดเร็วที่สุดคือตามหาผ่านทางคาโซ่ ใช้พวกเขาเป็นบันไดในการเปิดโปงผู้ชายคนนั้น แต่เพราะเรื่องของผมไม่ใช่แค่ผมอีกต่อไป คาโซ่แฟมิลี่สร้างศัตรูมากเกินไป โลภมากเกินไป กระหายอำนาจเงินทองมากเกินไป แม้แต่ดอนแห่งคอลิโอเน่อย่างดราโก พวกเขาก็คิดจะกำจัด กระตุกปีกซาตานจนเขาลงมาเล่นเกมส์ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นแผนการของดราโกและแดเนียลที่ช่วยกันคิดอยู่นั้น ผมจะคอยช่วยเหลือเมื่อพวกเขาต้องการ แต่เป้าหมายที่แท้จริงของผมคือการเผยคนที่ยืนอยู่ในเงามืดมาตลอดคนนั้นให้ปรากฏตัว



แผนการของผมจะเป็นแผนการที่คอยช่วยพวกเขา แต่มันก็จะเป็นแผนที่จะลากผู้ชายคนนั้นออกมาเช่นเดียวกัน ผมนั่งฟัง และในความคิดของผมก็ร่างแผนการไว้เช่นกัน แผนง่ายๆ ที่ผมมองข้าม แต่ผมคิดว่ามันต้องได้ผลแน่นอน หลังจากนี้ผมคงต้องปรึกษากับคุณพ่อ แด๊ดดี้เอริค และคงต้องขอคำแนะนำจากดราโก เพราะพวกเขามีประสบการณ์มากกว่าผมและคงมองเห็นช่องโหว่ของแผนการได้อย่างแน่นอน



ผมที่นั่งอยู่เงียบๆ มาตลอด เมื่อแผนที่คิดไว้ค่อนข้างน่าพอใจ สายตาของผมก็เผลอเลื่อนไปสำรวจผู้ชายชาวเอเชียที่ชื่อจีน ไอรา คนนั้นอย่างเงียบๆ แม้จะผ่านมาสิบปี แต่ผู้ชายคนนี้กลับเปลี่ยนไปมาก ตัวโตขึ้น ตัวสูงขึ้น ผมยาวขึ้น เค้าโครงใบหน้าเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ดวงตาและรอยยิ้มยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผมภาวนาขอให้หลังนี้เขาก็ไม่สามารถจดจำผมได้ แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของแต่ละคนน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ยิ่งจำได้ก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งทรมาน



“เราจะเข้าร่วมประชุมกับคาโซ่ก่อน ดูว่าพวกมันวางแผนยังไงต่อไป เราจะได้กลับมาวางแผนการขั้นต่อไปของเรา” น้ำเสียงทุ้มของดราโกยังคงราบเรียบ แต่ก็สรุปประเด็นสำคัญและวางแผนไว้อย่างชัดเจน พวกเขาปรึกษากันมาพักใหญ่ ดูท่าทางสนุกสนานและให้ความสนใจพร้อมร่วมมือ โดยเฉพาะจีน ไอราที่ดูสนอกสนใจมากเป็นพิเศษ ผมหลับตาลงเพื่อปิดตาหนีภาพตรงหน้า



“นายดูจริงจังกับแผนการนี้มากกว่าปกตินะดราโก ไม่เคยเห็นนายมาร่วมเล่นเกมส์ด้วยตัวเองตั้งนาน มีเหตุผลอะไรนอกเหนือจากนั้นรึเปล่าซาตาน” รอยยิ้มหยอกเย้าที่แฝงแววรู้ทันของแดเนียลทำให้ดวงตาสีทองของชายหนุ่มเลื่อนมามองทางผม แต่เพราะผมหลับตาอยู่จึงไม่ได้เห็นสายตาทั้งสามคู่ที่เลื่อนมาจับจ้องที่ตัวผมคนเดียว



“โอ๊ะ อย่างนี้นี่เอง” ดอนแห่งอัลเบอร์โตเลิกคิ้วขึ้นมอง จากตอนแรกที่เขาแนะนำตัวและให้ความสนใจผมเพียงชั่วครู่ ตอนนี้กลับหันมาพิจารณาผมอย่างจริงจัง “เรื่องครั้งนี้คงมีเธอเป็นผู้เสียหายด้วยซินะ พอเล่าให้ฟังหน่อยได้รึเปล่า”



ดวงตาของผมลืมขึ้นและหันไปสบตากับเจ้าของดวงตาสีมรกตทันที ทั้งเขาและผมสบตากันโดยที่ไม่มีใครละสายตาก่อน เหมือนพยายามล้วงลึกหาความจริงบางอย่างจากตัวผม ร่างสูงของเขาเริ่มโน้มเอนมาใกล้ผมเรื่อยๆ บรรยากาศระหว่างเราและภายในห้องเปลี่ยนเป็นกดดันและน่าอึดอัด



ป๊าป



“อย่ายุ่งแดน เด็กคนนี้นายแตะต้องไม่ได้ และเรื่องของเขานายก็ไม่ต้องอยากรู้ขนาดนั้น” ดราโกยื่นมือไปผลักหน้าของแดเนียลทันทีเมื่อเข้าเริ่มยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้จนชายหนุ่มไม่สบอารมณ์ อาการหวงจนออกนอกหน้าของดราโกจึงกลายเป็นจุดสนใจของแดเนียลและจีนทันที



“หึหึ เด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ เลยนะ ทำให้ซาตานหน้าตายอย่างนายหวงได้ขนาดนี้” แดเนียลเอ่ยแซวดราโก จีนก็ยิ้มกริ่มส่งสายตารู้ทันไปให้ชายหนุ่ม



“ฉันหวง และนายไม่ต้องมายุ่ง” ดราโกใช้ดวงตาคมดุของเขาเป็นการเตือน แดเนียลจึงยกสองมือเป็นเชิงยอมแพ้ และจะไม่ก้าวก่ายสืบลึกมากกว่านี้ และนั่นทำให้ผมโล่งอกมากเลยครับ เรื่องของผม ผมไม่อยากให้เขารู้เลยซักนิด



“ฮ่าฮ่า ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ แต่แผนการของเรานายก็ไม่ควรให้เด็กคนนี้เข้ามาร่วมด้วยซิ” ดอนแห่งอัลเบอร์โตรู้สึกสนุกที่เห็นเพื่อนออกอาการอย่างนี้ครั้งแรก แต่เพราะเขาคงคิดว่าผมเด็กเกินไป จึงไม่ควรมาร่วมแผนการหรือรับรู้เหตุการณ์เลวร้ายใดใดที่อาจเกิดขึ้น ผมคิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะครับ



“นั่นซิครับ ผมว่าเขายังเด็กเกินไป ไม่ควรพาเขาเข้ามาเจออันตรายนะครับ” จีนพูดขึ้น ดวงตาเรียวของเขามองมาทางผมด้วยความเป็นห่วง แต่ในแววตาของเขามันกลับมีประกายตาแบบหนึ่งที่ผมไม่อยากจะยอมรับความจริง



“ที่นายให้เขามาร่วมด้วย คงพราะส่วนหนึ่งก็คงเกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้ไปเต็มๆ เลยซินะ” เจ้าเล่ห์ หว่านล้อม และพูดได้ตรงประเด็นจริงๆ ครับคนๆ นี้



“...” ดราโกไม่ตอบอะไร และผมก็ไม่คิดพูดอะไรเช่นกันครับ ซึ่งผมรู้ว่าตอนนี้ตัวของผมไม่ปกติ กำลังกังวลและไม่อยากเป็นจุดสนใจ เพราะตั้งแต่เริ่มการปรึกษาหารือในครั้งนี้ ผมพูดโต้ตอบกับแดเนียลแค่ประโยคเดียวเท่านั้น และหลังจากนั้นผมก็ไม่พูดอีกเลย



“พวกนาย...ดูสนใจเด็กคนนี้มากเลยนะ” ดวงตาสีทองของดราโกเย็นเยียบและแฝงความไม่พอใจ “ถึงพวกนายจะคุยกับฉัน แต่ความสนใจของพวกนายกลับตกอยู่ที่เขา”



และเพราะคำพูดของดราโกทำให้ร่างกายของผมเกร็งสะท้าน ก้มหน้าลงต่ำปิดบังดวงตาสั่นไหว



“ฉันก็แค่สงสัยน่ะ ว่าทำไมหนุ่มน้อยคนนี้ถึงมีหน้าตาคล้ายกับจีน เค้าโครงหน้าเหมือนกันจริงๆ” ดวงตาสีมรกตหรี่ลงและยอมพูดในที่สุด “ถ้าเธอเป็นผู้เสียหายที่เกิดกับคาโซ่ บางทีเธออาจจะเคยเห็นจีนก็ได้ ว่าไงนอร์แมน ฉันอยากรู้จังเลย”



น้ำเสียงล่อลวงเจ้าเล่ห์ของเขามันดูร้ายกาจ ประโยคของแดเนียลทำให้ผมชาไปทั้งตัว และเพราะประโยคของเขาจึงทำให้จีนหันมามองผมทันที ดวงตาเรียวของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังบางอย่าง ผมขอถอนคำพูดได้ไหมครับที่บอกว่าเขาเป็นคนดี แท้จริงแล้วเขาสงสัยผมมาตลอดเลยมากกว่า



“ธะ เธอ...” จีนเสียงสั่น คล้ายกับเขาจะถามอะไรผมบางอย่าง แต่ผมก็พูดตัดบทของเขาและหันไปมองดอนอัลเบอร์โตแทน



“ทำไมครับ” ผมถามเขากลับพยายามเบี่ยงประเด็นความสนใจ



“จีนเป็นหนึ่งคนที่เป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์น่ะ มาอยู่กับฉันได้สิบปีแล้วมั้ง” แดเนียลยกยิ้ม เอื้อมมือไปรั้งไหล่ของชายหนุ่มเอเชียเข้ามาแนบชิดคล้ายปลอบประโลม แสดงถึงความสนิทสนมของพวกเขาอย่างชัดเจน “ว่าไง สนใจแลกเปลี่ยนข้อมูลกันไหม ดูเธอสนใจจีนอยู่เหมือนกันนี่นา เห็นมองเขาตลอดเลย”



“เหรอครับ” ผมพูดสั้นๆ และไม่คิดจะถามอะไรต่อ ดวงตาเลื่อนหลบภาพนั้นไปอย่างไม่สนใจ



“เฮ้ หนุ่มน้อย เธอพูดแค่นี้เนี่ยนะ” และท่าทางของผมก็ทำให้ดอนแห่งอัลเบอร์โตโวยวายขึ้นมาทันที “เฮ้ ดราโก เด็กนายจะแปลกไปแล้วนะ นี่มันไร้อารมณ์ชัดๆ นายเอาหุ่นยนต์เด็กนี่มาจากไหนเนี่ย”



“มิลาน” คำตอบเดิมของดราโกถูกนำมาใช้อีกครั้ง ท่าทางหน้าตายของผมและดราโกคงทำให้แดเนียลหงุดหงิดไม่ใช่น้อยเลยครับ เขาทำหน้ามุ่ยยกมือขยี้ผมสีน้ำตาลอย่างหงุดหงิด ถึงแม้ว่าดราโกจะตอบคำถามของแดเนียลสั้นๆ แต่ผมก็สังเกตเห็นว่าดวงตาสีทองของเขากลับเต็มไปด้วยอันตรายที่กวาดตามองพวกเขาอย่างระมัดระวัง คำพูดของแดเนียลคงทำให้ดราโกสงสัย และก็ค้นพบความคล้ายคลึงบางอย่างระหว่างผมกับจีน



“พวกนายนี่กวนเหมือนกันจริงๆ แต่นอร์แมน ฉันถามเธอจริงๆ นะ ที่ฉันยอมช่วยคอลิโอเน่เพราะต้องการช่วยเหลือจีนเหมือนกัน” จู่ๆ แดเนียลก็ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที



“ช่วยเหลืองั้นเหรอ?” ดราโกเอ่ยถาม



“ใช่ จีนตามหาน้องชายอยู่ ฉันก็เลยสงสัยว่านอร์แมนเป็นน้องของจีนรึเปล่า หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ ตอนแรกก็ยังไม่มั่นใจ แต่พอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับคาโซ่ก็เลยคิดว่าน่าจะมีหวัง” แดเนียลบอกสิ่งที่ค้างคาสงสัยในใจทันที พวกเขาคงจะสงสัยตั้งแต่เห็นหน้าผมครั้งแรกและซินะครับ แต่ก็อดทนรอพูดคุยหารือในเรื่องที่สำคัญและเป็นธุระในวันนี้ก่อน



“ขอโทษแทนแดเนียลด้วยนะนอร์แมน แต่ฉันกำลังตามหาคนอยู่น่ะ นะ น้องชายของฉัน อะ เอง” น้ำเสียงของจีนแม้อ่อนโยนแต่ก็ฟังดูเศร้าสร้อย ปลายหางเสียงสะอื้นเล็กน้อย แววตาคู่นั้นของจีนที่มองมาทางผมมันเต็มไปด้วยความห่วงหาอาลัยอาวรณ์



ดราโกเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ชายหนุ่มรู้เพียงแค่ว่าจีนเป็นเหยื่อที่แดเนียลได้ช่วยเหลือไว้เท่านั้น รายละเอียดเบื้องลึกเขายังไม่เคยทราบ แต่ท่าทางของจีนมันเริ่มทำให้เขาเริ่มตระหนักถึงความจริงบางอย่าง



“น้องของผมตอนเราพลัดหลงกันเขาอายุแค่ 5 ขวบ ชื่อ อลัน ไอรา” ชื่อที่เขาพูดขึ้นมามันกลับทำให้ผมขบเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อข่มอารมณ์ เล็บจิกลงบนกลางฝ่ามือ เกร็งแน่นจนขึ้นข้อขาว “นะ น้องของ ผะ ผมหน้าตาน่ารักมากเลยนะ ดวงตาสีน้ำตาล ผมก็สีน้ำตาล มีรอยยิ้มน่ารักสวยงาม เหมือนเทวดาตัวน้อยๆ ละ เลยครับ”



ยิ่งพูด เสียงของชายชาวเอเชียก็สะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาคลอหน่วยจวนเจียนจะหยาดหยดไหลอาบแก้ม



“หน้าตาของเธอเหมือนกับจีนตอนเด็กมาก” คำพูดของแดเนียลยิ่งทำให้ชายชาวเอเชียสะอื้นหนักขึ้นจนตัวโยน น้ำตามากมายรินไหล และเอื้อมมือสั่นเทาออกมาหาผมตรงหน้า



“เธอคืออลันใช่ไหม อะ อลัน อลัน จำพี่ได้ไหม” แต่ก่อนที่มือเรียวขาวข้างนั้นจะสัมผัสที่ใบหน้าของผม ผมที่ก้มหน้านิ่งมานานก็ผุดลุกขึ้นยืน ผละถอยออกห่างจากมือข้างนั้นที่เอื้อมมาหา



“ขอโทษครับ คุณคงจำคนผิดแล้ว” ผมตอบเสียงเรียบ ข่มความหวาดหวั่นซ่อนให้ลึกที่สุด “ดราโกครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”



ผมหมุนตัวเตรียมเดินหนีไปทันที แต่กลับถูกรั้งต้นแขนไว้เพราะจีนรีบโถมตัวมาคว้าผมเอาไว้แน่น ใบหน้าของเขาทั้งดีใจทั้งทุกข์ตรม และกำลังร่ำร้องเรียกชื่อผมซ้ำไปมา



“อลัน อลัน อลัน อลัน อลัน พี่เอง พี่เองอลัน น้องจำพี่ได้ไหม พี่เอง” เสียงของเขาแหบพร่า สั่นเครือ สะอื้นหนักจนตัวโยน ผมนิ่งค้างอยู่ท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่อยากขยับหนี แต่เพราะเขาฉุดรั้งผมไว้อย่างแน่นหนา รีบเดินอ้อมโต๊ะมากอดผมไว้แน่นทั้งตัว ความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่ได้รับอย่างไม่คาดคิดนี้ทำให้ผมหลับตากัดฟันแน่น และยกมือผลักเขาอย่างแรงจนร่างของจีนผงะถอยหลังไปไกล



“ขอโทษนะครับ ผมขอตัว” ผมหันหลังเดินหนีจากไป ผลักไสมือที่พยายามไขว่คว้าผมเอาไว้อย่างเต็มกำลัง



“มะ ไม่ ไม่ อลันๆ ฟังพี่ก่อน ได้โปรด อลัน” แต่จีนก็ไม่ละความพยายาม วิ่งมาเพื่อต้องการคว้าตัวผมไว้ แต่เขากลับเจอกำแพงสูงใหญ่ เมื่อดราโกลุกขึ้นมายืนขวางทางและจับร่างของจีนเหวี่ยงข้ามตัวกระแทกลงโต๊ะจนนอนแผ่หลา



“เฮ้ย ดราโก” เสียงคำรามของแดเนียลดังลั่น รีบลุกขึ้นไปดูจีนที่นอนหงอตัวอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มร่างสูงที่พึ่งจัดการเหวี่ยงคนไปหยกๆ หมุนตัวก้มลงมามองผมที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังเขา ใบหน้าของผมซีดเซียวและดูไม่สู้ดี ดวงตาของดราโกทอดมองผมอย่างอ่อนโยน และก้มลงจุมพิตผมที่หน้าผาก



“กลับไปรอฉันที่ห้อง เดี๋ยวฉันตามไป” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู ผมเม้มปากแน่นและพยักหน้า “อย่าร้องเด็กดี รอฉัน”



แม้กระทั่งตอบเขาผมยังไม่มีแรง ตอนนี้ผมอยากจะออกไปจากห้องอาหารให้เร็วที่สุด ปิดประตูและซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม หลับไปซักตื่นหนึ่ง เผื่อเหตุการณ์ในตอนนี้มันจะเป็นเพียงแค่ฝันเท่านั้น



“คาลอสพาคริสตินกลับห้อง” ดวงตาสีทองเย็นเยียบและน้ำเสียงแข็งกระด้างของชายหนุ่มทำให้คาลอสรีบพาผมออกไปอย่างรวดเร็ว



“ไม่ ไม่ ไม่ อลัน อลัน” เสียงร่ำร้องของจีนนั้นฟังดูแทบขาดใจ ร่างโปร่งรีบร้อนลงจากโต๊ะโดยมีแดเนียลคอยช่วยประคอง “อลัน อลัน อลัน”



ร่างสูงใหญ่ของดราโกยืนขวางอยู่ตรงหน้าประตู ดวงตาของเขาเย็นชานิ่งเงียบ และเฝ้ามองชายเอเชียร้องไห้แทบขาดใจ เฝ้ามองเพื่อนของเขาเข้าไปปลอบประโลมและโอบกอดราวเด็กน้อย แววตาของจีนเจ็บปวดทุกข์ทรมาน และแววตาของแดเนียลเฝ้ามองด้วยความเป็นห่วง



“สงบสติอารมณ์ และอธิบาย” น้ำเสียงของดราโกเย็นชามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมันก็เพียงพอที่จะทำให้คนอีกสองคนภายในห้องได้สติ



.............................................



สวัสดีค่ะ ไรท์นำตอนใหม่มาให้นักอ่านทุกท่านแล้วค่า เป็นตอนที่เปิดตัวละครอีกหนึ่งตัวที่มีความสำคัญกับคริสตินในอดีตอีกคนหนึ่งค่ะ จีน ไอรา นั่นเองค่า มีใครเดาถูกกันบ้างมั้ยคะว่าจีนกับคริสตินมีความสัมพันธ์กันยังไง และที่มาที่ไปล่ะ เอ๊ะ ยังไง? ยังค่า ยังไม่ถึงเวลาเฉลย 5555 ต้องรอตอนหน้านะคะ ^^





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2018 14:43:01 โดย llinllin »

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 20 ปกป้อง (06.11.18)
«ตอบ #125 เมื่อ06-11-2018 13:54:41 »

บทที่ 20 ปกป้อง



แม้ประตูบานใหญ่จะปิดกั้นระหว่างห้องอาหารและทางเดินไปแล้ว แต่ผมก็ยังยืนนิ่งงันอยู่หลังบานประตูไม่ขยับไปไหน เพราะร่างกายของผมถูกเสียงร้องไห้และเสียงเรียกชื่อของเขาตรึงไว้นิ่ง



“อลัน อลัน ได้โปรด อลัน” เสียงสั่นเครือและแหบพร่าของเขามันเสียดแทงลึกเข้าไปในใจ ผมเจ็บ แต่ความเจ็บนี้กับสิ่งที่ผมเคยได้รับมันไม่เท่าไหร่เลย เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่าไม่เจอเขาอีกจะดีที่สุด เขาไม่จำเป็นต้องมารับรู้เรื่องราวของผม ไม่ต้องมารับรู้ถึงเหตุการณ์เลวร้ายหลังจากที่เขาจากไป จากผมไปโดยไม่หันกลับมาหาผมอีกเลย



เจ็บไหม ผมเจ็บมาก



ผิดหวังไหม ผมผิดหวัง



แต่ถ้าถามผมว่าแค้นไหม ไม่เลยครับ



เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกจากไป ทิ้งเด็กคนหนึ่งไว้กับขุมนรกในตอนนั้น เขาไม่ผิด มันเป็นทางเลือกของเขาเอง ต่อให้เขามีเหตุผลอะไรมากมายในการกระทำของเขาในครั้งนั้น เขาก็ไม่ผิด แต่ผมก็ไม่สามารถจะกลับไปยิ้มได้อีกแล้ว ไม่สามารถกลับไปหาอ้อมกอดที่เคยกล่อมผมหลับได้อีกต่อไป



ผมมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปแล้ว มันเหมือนกับว่าถ้าผมกลับไปหาเขา พูดกับเขาว่า สวัสดีครับจีน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ผมคงทำไม่ได้แน่นอน จะให้ผมลืมเหตุการณ์ในอดีต ฝังมันให้ลึก ผมทำไม่ได้ ผมต้องตามหาเขาคนนั้นให้เจอ ต้องทำให้เขารับโทษในสิ่งที่เขาเคยได้รับ



‘พี่ครับ อีกนิดเดียว’



ผมหลับตาแน่น รวบรวมสติ สูดหายใจเข้าลึกๆ และใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของผมก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ทิ้งเสียงร้องไห้ปานขาดใจไว้เบื้องหลัง รวบรวมแรงใจเดินกลับไปที่ห้องนอนชั้นบนสุดของโรงแรม ผมเงียบนิ่งงันอยู่ในภวังค์ แม้แต่คาลอสที่เดินมาส่งผม ผมก็ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งผมมาหยุดอยู่หน้าห้องนอน



“ไหวไหมครับคริสติน” เสียงทุ้มของคาลอสเต็มไปด้วยความห่วงใย ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่เขาเรียก คริสติน



นั่นซิครับ ตอนนี้ผมคือคริสติน ไม่ใช่อลัน ไม่ใช่อลัน ไอรา อีกต่อไป ผมคือคริสติน คริสติน นอร์แมน



“ขอบคุณที่มาส่งครับคาลอส ผมขออยู่คนเดียวนะครับ” ผมตอบเขาโดยที่มือยังจับอยู่ที่ลูกบิดและไม่ได้หันไปมองชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย



ผมเปิดประตูเข้าไป และเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่ที่อยู่ในห้องแต่งตัว จัดการรื้อข้าวของกระเป๋าเดินทางและเสื้อผ้าออกมาจนหมด ก่อนจะเดินเข้าไปหลบภายในตู้เสื้อผ้าที่มืดมิดนั้น ผมนั่งลงที่มุมตู้โดยนั่งชันเข่าและซบหน้าลงไป กอดขาตัวเองไว้แน่น ผมหลับตา ให้ความมืดล้อมรอบตัวและปิดกั้นทุกความรู้สึกให้จมดิ่งลงไป







เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังออกมาจากชายหนุ่มชาวเอเชียผมดำสนิทอยู่เป็นระยะ ดวงตาเรียวคู่นั้นบวมแดงเพราะร้องไห้อย่างหนัก ร่างโปร่งสะอื้นซุกอยู่ในอ้อมอกของแดเนียล โดยมีชายหนุ่มร่างสูงกอดปลอบประโลมอยู่ข้างๆ ไม่ห่างไปไหน คงมีเพียงดวงตาสีทองดุที่จับจ้องพวกเขาทั้งคู่อยู่เงียบๆ เท่านั้น ที่คอยเฝ้ามองทุกการกระทำและรอคอยพวกเขาอย่างสงบ



ดราโกนั่งมองพวกเขาเงียบๆ อยู่ตรงโซฟาข้างหน้าต่างบานใหญ่ แม้ชายหนุ่มจะไม่พูดอะไรและใช้เพียงดวงตาคมคู่นั้นจับจ้อง เพียงแค่นี้ก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องอาหารกดดันจนแทบหายใจไม่ออก นิ่งเงียบ รอคอย ไร้คำพูด แต่ทำให้ทั้งสองคนที่ตกอยู่ในโลกส่วนตัวค่อยๆ รู้สึก และหันไปมองซาตานคนนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน



แดเนียล อัลเบอร์โตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ถึงแม้ดราโกจะเป็นเพื่อน และเป็นพันธมิตรของอัลเบอร์โต แต่ก็ไม่ใช่บุคคลที่จะต่อกรง่ายๆ ท่าทางการนั่ง ดวงตาคมที่เฝ้ามอง บรรยากาศที่เจ้าตัวแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว ก็เพียงพอสำหรับชื่อและสมญานามที่ได้รับ ซาตาน และดูเหมือนซาตานคนนี้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ผิดกับเมื่อครู่ที่มีเด็กคนนั้นอยู่ใกล้ลิบลับ



“จีน ลุกขึ้นมาเถอะเด็กดี” แดเนียลประคองร่างโปร่งที่ตัวเล็กกว่าเขาครึ่งศีรษะให้ลุกขึ้นยืนและพามานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับดราโก “เอาน้ำหน่อยไหม เธอร้องไห้จนเสียงหายไปหมดแล้ว”



“มะ ไม่เป็นไรครับ ขะ ขอบคุณ” ใบหน้าที่อาบน้ำตาพยายามใช้แขนเสื้อเช็ดเป็นเด็กๆ จนดูน่าขัน แต่ตอนนี้ดราโกไม่มีอารมณ์จะมาหัวเราะเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาต้องการรู้ทุกเรื่อง ทุกเรื่องของคริสตินจากปากของจีน เหตุการณ์บ้าบออะไรที่มันเกิดขึ้น จนเทวดาตัวน้อยของเขาไม่อยากพูดถึง ไม่อยากยุ่งเกี่ยว หรือแม้กระทั่งผลักไสคนที่อาจจะเป็นพี่ของตัวเองออกไป



“เล่ามาได้แล้วจีน” น้ำเสียงของดราโกเย็นชา ดวงตาคมกริบสีทองหรี่ลงส่อแววอันตราย



“ขะ ขอผมเจออลันได้ไหมครับ ผมอยากคุยกับน้อง ได้ ดะ ได้โปรดเถอะครับดราโก” แต่จีนที่ยังไม่รับรู้ถึงอันตรายนั้นยังคงร่ำร้องอ้อนวอนขอเจอคริสตินต่อไป



“เด็กคนนั้นไม่อยากเจอเธอ” ดราโกพูด “และฉันไม่ต้องการให้เธอไปพบเขาเช่นเดียวกัน”



“ทะ ทำไม ครับ” ดวงตาคู่งามฉายร่องรอยเจ็บปวดร้าวราน มือเรียวกำแน่นและน้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาอีกครั้ง



“จนกว่านายจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟัง ทุกอย่าง” ดราโกย้ำคำพูดสุดท้าย เขาเอนหลังพิงโซฟานุ่มและรอชายหนุ่มเอเชียเล่าเรื่องราว แต่จีนก็ยังอ้ำอึ้ง อึกอักและไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องราวยังไง “ฉันมีความอดทนไม่มากนักจีน นายน่าจะรู้ดี”



ดวงตาสีทองตวัดมองไปยังแดเนียลทันที ดอนแห่งอัลเบอร์โตรู้จักดราโกดี และรู้ว่าเขาไม่มีความอดทนมากนัก ยิ่งกับเรื่องของเด็กคนนั้นที่น่าจะเป็นคนสำคัญของเจ้าตัวด้วยแล้วล่ะก็ ถ้าช้ามากไปกว่านี้ จีนอาจจะไม่ได้พบกับน้องชายอีกเลยก็ได้



“จีน เล่าเถอะ” ชายหนุ่มโอบไหล่ร่างโปร่งไว้แน่น เพื่อส่งผ่านกำลังใจ ชายเอเชียผมดำเงางามที่แม้ตอนนี้จะยุ่งเหยิงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังดูงดงามและน่าทะนุถนอม เขาพยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดและเต็มไปด้วยความทุกข์ตรม ดวงตาเเรียวสีดำเหม่อมองออกไปยังที่ไกลแสนไกล ย้อนเรื่องราวในวันวานออกมาอีกครั้ง







ย่านเมืองท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย เมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการท่องเที่ยวในยามราตรี สำหรับบุรุษมากหน้าหลายตาที่ต้องการพักผ่อนและหาความหฤหรรษ์ในกามารมณ์ทุกรูปแบบ คลับ ผับ บาร์มากมายตามถนนสายราตรีมักดึงดูดให้เหล่าชายวัยฉกรรจ์ทั้งหลายเข้ามาเลือกสรรได้ตามแต่ใจต้องการ ร้านค้าหรูหรา ตึกหรูสวยงาม ก็เป็นเพียงฉากบังหน้าที่คอยปิดบังความโสมมและเสื่อมโทรมของคนที่ทำงานในย่านนี้ไว้เท่านั้น



ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ผมเป็นเพียงเด็กอายุสิบสามปีคนหนึ่งที่เกิดมาจากแม่ที่เป็นผู้หญิงขายบริการ ถึงจะไม่ได้ให้การศึกษา ไม่ได้ให้ความรัก แต่ก็ยังให้ที่พักอาศัยและของกินเพื่อประทังชีวิต จีน ไอรา คือชื่อของผมที่แม่ตั้งให้จากการจับฉลากของเพื่อนๆ ร่วมอาชีพของแม่ด้วยความสนุกสนาน สถานที่แห่งนี้ไร้ซึ่งความรัก แต่ก็ยังดีที่แม่ยังยินยอมให้ผมลืมตามาเห็นโลกที่แสนสกปรกน่ารังเกียจใบนี้



ผมโดนใช้แรงงานเยี่ยงทาสตั้งแต่ลืมตาดูโลก ล้างห้องน้ำ ซักผ้า ล้างจาน เป็นเด็กรับใช้อยู่ในคลับหรูที่แม่ทำงานขายเรือนร่างอยู่ วันๆ ของผมหมดไปกับการทำความสะอาดสิ่งเปรอะเปื้อนและคาวกามทั้งหลายของพวกเขาที่เข้ามาหาความสุข ผมไม่รู้ว่าตัวผมเองโชคดีหรือโชคร้ายเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นที่เกิดมาจากแม่ที่ทำอาชีพนี้ บางคนกลายเป็นเด็กมีปัญหา กลายเป็นเด็กขายยา หรือแม้กระทั่งถูกบังคับให้มาค้าบริการตั้งแต่เยาว์วัย



หึ ถึงผมจะพูดอย่างนั้นก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าตัวผมโชคดีกว่าเด็กเหล่านั้นอยู่บ้าง เพราะคลับแห่งนี้มีกฏชัดเจนว่าผู้ที่เข้ามาทำงานที่คลับแห่งนี้ ต้องบรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น นั่นคือความโชคดีของผม แต่พูดถึงความโชคร้าย นั่นคือผมก็ต้องออกรับแขกเช่นเดียวกัน แต่งานรับแขกของผมคือผมต้องนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงแค่นั้น จะมีลูกค้าบางประเภทที่ชื่นชอบเด็กหนุ่มๆ อยากจะกระทำย่ำยีและสำเร็จความใคร่ พวกเขาจึงเลือกผมให้ออกมาทำงาน แต่เพราะกฏของคลับทำให้ผมยังไม่ถูกแตะต้อง



หน้าที่ของผมคือเดินเข้าไปในห้อง ถอดเสื้อผ้า และนอนลงบนเตียง คอยทำท่าทางตามที่ลูกค้าสั่งทุกอย่าง บางคนก็ชอบให้ผมนอนมองอยู่เฉยๆ หรือให้ผมนอนชันขาเปิดเปลือยทุกสัดส่วนให้ลูกค้าเห็น คว่ำหน้าบ้าง นอนบนโต๊ะบ้าง นั่งบนเก้าอี้บ้าง หรือแม้แต่แต่งชุดคอสเพลแปลกๆ ก็มีเหมือนกัน ผมต้องทำตามคำสั่งของลูกค้าทุกอย่าง โดยลูกค้ามีเพียงเงื่อนไขเดียวคือห้ามแตะต้องหรือสัมผัสตัวผม พวกเขาจะทำได้เพียงแค่มองผมอย่างหื่นกระหาย และสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองเท่านั้น แต่จะปลดปล่อยลงบนตัวผมยังไงก็ได้



“อ๊า ฮึก จีน จีน แฮ่ก แฮ่ก” วันนี้ก็เป็นเหมือนเช่นทุกวันที่ผมต้องมารับลูกค้า ดวงตาที่ควรใสบริสุทธิ์ของเด็กคนหนึ่งกลับดูเฉยเมยและชินชากับเรื่องพวกนี้ ชายคนนี้เป็นแขกประจำของผมที่มาหาผมสัปดาห์ละสองสามครั้ง เขารูดรั้งอาวุธประจำตัวจนแดงก่ำ เสียงครวญครางรัญจวนใจของเขาดังก้องไปทั่วห้อง “มองฉัน จีน มองฉัน”



เขาสั่ง ผมก็ต้องทำ ดวงตาไร้แววของผมมองไปที่เขานิ่งๆ แต่เพราะสายตาของผมที่ตวัดมองเขากลับทำให้ชายหนุ่มกระตุกเกร็งและปลดปล่อยออกมาโดนใบหน้าของผมที่ต้องยื่นมาจดจ่ออยู่ใกล้ๆ และปลดปล่อยให้มันรินรดอาบย้อมใบหน้าของผมไปเรื่อยๆ



“จีน จีน ฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอ รอฉันนะๆ รอเธอโตเมื่อไหร่ เธอจะเป็นของฉัน” น้ำเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ใคร่ของเขามันน่ารังเกียจ งานแบบนี้มันทำให้ผมชินชา โลกที่ผมอยู่มันมืดมนไร้แสงสว่าง เมื่อหมดเวลางานผมก็พาร่างกายสกปรกนี้ไปจัดการคราบไคล อาบน้ำให้สะอาดมากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้



ผมกลับมาที่ห้องพักของผมกับแม่ แต่ห้องพักแห่งนี้ผมกลับยึดครองมันเพียงลำพังมาเกือบปี จู่ๆ แม่ก็หายไป ไม่มีการบอกกล่าวใดใด เพื่อนคนอื่นของแม่ต่างพูดว่าน่าอิจฉา เห็นว่ามีฝรั่งมารับเลี้ยง ซื้อตัวแม่ระยะยาว แต่เพราะชีวิตของผมก็ต้องอยู่เพียงลำพังมาเนิ่นนาน ผมจึงไม่รู้สึกอะไรที่ไม่ได้พบแม่ แต่แล้ววันหนึ่งแม่ก็กลับมา พร้อมห่อผ้าเล็กๆ ที่อุ้มไว้ในวงแขน



“แม่ครับ?” ผมเงยหน้ามองใบหน้าของแม่ด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าแม่จะกลับมา ผมแทบจะลืมไปแล้วว่ามีแม่เหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน



“จีน แกอยู่ก็ดีแล้ว เอ้า” แม่ที่เดินเข้ามาหาผมพร้อมห่อผ้านั้นทำให้ผมสงสัย ผมลุกขึ้นยืนและรับห่อผ้านั้นมา “นี่น้องแก ดูแลมันด้วยล่ะ”



น้อง? ดวงตาเรียวของผมเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าห่อผ้าในมือคือเด็กคนหนึ่งที่ตัวเล็กมาก ผิวขาวผ่อง มีผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงตากลมโต เด็กคนนั้นมองเห็นผมก็ยิ้มหวานส่งเสียงหัวเราะคิกคัก เผยลักยิ้มทั้งสองข้างที่น่ารักมาก น่ารัก น่ารัก เด็กคนนี้น่ารักที่สุด



“แม่” ผมเงยหน้ามองแม่ที่ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ชุดชั้นใน เดินเอนไปมาและล้มตัวลงนอนบนเตียง “แม่ฮะ น้อง น้องชื่ออะไร”



“อลัน” แม่พึมพำตอบแบบขอไปที และซุกหน้ากับหมอนหลับไป ผมก้มมองเด็กน้อยที่ยังคงยิ้มกว้างส่งมาให้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แปลกใจ ตกใจ หรือความรู้สึกที่มันเต็มตื้นในหัวใจนี้เขาเรียกว่าอะไรกันนะ?



แต่เมื่อเด็กคนนั้นยื่นมือไขว่คว้าทั้งสองแขนขึ้นมา ผมก็เอื้อมมือไปจับเด็กน้อยคนนั้นเอาไว้ มือเล็กๆ กำแน่นที่นิ้วชี้ของผม ร้องอ้อแอ้ ยิ้มกว้างจนตาแทบปิด แต่แค่ความอบอุ่นเล็กๆ นี้ที่จับนิ้วมือของผมไว้ กลับทำให้โลกของผมสว่างไสวและสวยงาม



“อลัน อลัน อลัน” ผมพึมพำเรื่องชื่อของน้องชายเบาๆ เรียกชื่อซ้ำไปมาเพื่อสลักลงไปในใจ เด็กคนนี้คือน้องของผม น้องของผมที่แสนน่ารักและเป็นแสงสว่างให้ผม เทวดาตัวน้อยของผม เด็กที่แสนบริสุทธิ์คนนี้ เป็นน้องของผม



“อลัน พี่ชื่อจีนนะ จากนี้ไปพี่จะดูแลน้องเอง” ผมเอ่ยคำสัญญา ผมจะดูแลน้องของผมเอง จะไม่ทอดทิ้ง จะดูแลไม่ห่างไปไหน ในที่แห่งนี้ที่แสนจะสปรกโสมม พี่จะไม่ให้น้องจะเปรอะเปื้อน ไม่ให้น้องต้องทุกข์ใจ พี่คนนี้จะดูแลน้องเอง



ผมเลี้ยงดูอลันตามลำพังตั้งแต่น้องยังตัวเป็นเด็กทารก แต่อลันเป็นเด็กน่ารักที่ว่านอนสอนง่าย ฉลาดเฉลียว ไม่งอแง ถ้าผมต้องไปรับแขก น้องก็จะยอมนอนรออยู่ที่ห้อง นั่งอ่านหนังสือที่เพื่อนๆ ของแม่นำมาให้อยู่เงียบๆ ไม่ดื้อ ไม่ซน อลันยิ่งโตยิ่งน่ารัก น้องหน้าตาไม่เหมือนแม่แม้แต่น้อย เพราะเด็กน้อยได้เชื้อฝรัั่งจากพ่อมาเยอะมาก จึงทำให้อลันเป็นเด็กผิวขาว แก้มแดงอมชมพู และมีดวงตากับเส้นผมสีน้ำตาลสวย



เพื่อนของแม่หลายคนชื่นชอบอลันเพราะเด็กน้อยคนนี้น่ารัก ขี้อ้อนและยิ้มเก่ง แต่เพราะน้องน่ารัก ผมเลยนึกกลัว ผมกลัวว่าเมื่ออลันโตขึ้น เขาอาจจะต้องมารับลูกค้าแบบที่ผมเจอ ผมจึงต้องไปหาเจ้าของคลับ ขอร้องและอ้อนวอนเขา ไม่ให้อลันต้องเจอเรื่องแย่ๆ แบบนั้น ให้อลันเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาต่อไป อยู่ในโลกที่สวยงามต่อไป เพราะคำอ้อนวอนของผมเจ้าของคลับเลยตกลง โดยผมจะรับงานเป็นสองเท่าแทนในส่วนของอลัน ไม่เป็นไร ผมยอม เพื่อน้อง ผมยอม



แต่ถึงแม้ผมจะพยายามปกป้องอลันขนาดไหน ผมก็ไม่นึกว่าคนที่ได้ชื่อว่า แม่ จะเป็นคนผลักไสเราทั้งสองคนให้ไปเจอกับขุมนรกบนดิน แม่ติดหนี้ที่มาจากการพนันเป็นจำนวนมหาศาล แม่จึงหลอกผมและอลันไปขายให้พ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อ พวกเขาเป็นแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ ผมและอลัน ถูกขายและจับขังอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ตู้หนึ่ง จากมนุษย์กลายเป็นแค่สินค้าที่ถูกตัดสินราคาค่างวดว่าเป็นสินค้าเกรดเอ



สินค้าเกรดเอคือสินค้าที่ไม่ควรมีตำหนิ แตะต้องไม่ได้ อาหารการกินต้องครบสามมื้อ เจ็บป่วยต้องดูแล พวกเราสองคนถูกดูแลอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไร้ความหวัง ในตู้คอนเทนเนอร์แห่งนี้มีคนอยู่ประมาณยี่สิบคน มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กวัยรุ่นอีกจำนวนหนึ่ง มีแค่อลันที่เป็นเด็กอายุสี่ขวบเพียงคนเดียว พวกเราส่วนใหญ่หวาดกลัว ร้องไห้ ผมก็เช่นกัน



“จีน” เสียงเล็กๆ ของอลันนั้นสั่นไหวเล็กน้อย แต่ทำให้ใจของผมสงบมากขึ้น มือเล็กๆ ของอลันประคองใบหน้าของผมขึ้นมา ช่วยเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรนะจีน อย่าร้องไห้นะฮะ”



“อลัน พี่ขอโทษนะ” ผมขอโทษน้องที่ไม่สามารถปกป้องเขาได้ ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องราวแย่ๆ แบบนี้



“ไม่เป็นไรฮะ พวกเราหนีกันไหมฮะ” เด็กน้อยเอียงศีรษะเอ่ยถามผมเบาๆ เสียงกระซิบของเขาทำให้ผมต้องเงี่ยหูฟัง



“หนีงั้นเหรอ เราหนีไม่พ้นหรอกนะอลัน” ผมอมยิ้มน้อยๆ กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อย ตอนนี้พวกผมอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต ไม่มีทางหนี เหมือนกรงเหล็กขนาดใหญ่ที่ห้อมล้อมเราไว้อย่างสิ้นหวัง



“ทางนั้นฮะ” มือเล็กๆ ชี้ขึ้นไปทางด้านบนเหนือหัวผมขึ้นไป เป็นหน้าต่างระบายอากาศเล็กๆ ตู้นี้คงถูกดัดแปลงเอาไว้เพื่อใช้ขนสินค้ามีชีวิตโดยเฉพาะ จึงต้องมีช่องให้มีอากาศหายใจ



“มันเล็กเกินไป พี่หนีไม่ได้หรอก” ใช่ผมหนีไม่ได้ แต่ผมสามารถให้น้องผมหนีออกไปทางนั้นได้นี่นา อ๊ะ ถึงหนีไป แต่ที่นี่ก็คือทะเล เขาไม่สามารถจะหนีไปจากที่นี่ได้แน่นอน ที่คือมันก็คือคุกปิดตายดีๆ นี่เอง “น้องรู้ไหมว่าตอนนี้เราอยู่ในมหาสมุทร เราหนีไปไหนไมไ่ด้หรอกนะตอนนี้”



ดวงตาที่เปล่งประกายมีความหวังของผมดับวูบ



“ยังไม่ใช่ตอนนี้ฮะ เราต้องรอให้ถึงท่าเรือน้ำลึกที่ฮ่องกงก่อน ถึงตอนนั้นเราค่อยหนี จะได้มีโอกาสรอดมากขึ้น” อลันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาพูดคุยเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมมันทำให้ผมตกใจ ทำไมน้องถึงรู้? ผมรวบร่างเล็กเข้ามากระชับแน่นในอ้อมกอดมากขึ้น ก้มลงกระซิบถามเขากลับไปบ้าง



“ทำไมน้องถึงรู้ล่ะ” ผมถามเขา ร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยดิ้นยุกยิกซักครู่และชี้นิ้วเล็กๆ ไปที่มุมตู้คอนเทนเนอร์อีกฟาก



“พี่เขาบอกผม” อลันตอบ ผมมองไปทางที่เขาชี้ก็เห็นเงาตะคุ่มๆ เงาหนึ่งนั่งพิงผนังตู้อยู่เงียบๆ



พี่? งั้นเหรอ



อลันไม่เคยเรียกผมว่าพี่เลยซักครั้ง ผมจึงอิจฉาคนที่เขาเรียกว่าพี่ขึ้นมาเล็กน้อย ผมเป็นคนที่เลี้ยงเขามา พยายามบอกให้เขาเรียกผมว่าพี่ แต่เขาก็ไม่เคยเรียกเลยจนผมต้องยกมือยอมแพ้



ถ้ามีโอกาสหนี ผมก็จะหนี อย่างน้อยก็ให้น้องรอดไปได้ก็ยังดี ถึงฮ่องกงจะเป็นประเทศแบบไหนผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ผมก็คิดว่าคงดีกว่าต้องโดนขาย และไม่รู้ว่าตัวผมและอลันจะมีชีวิตรอดได้รึเปล่า ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและอุ้มน้องขึ้นมาแนบอก เดินไปหาเงาในมุมมืดนั้นอย่างช้าๆ และเงียบมากที่สุด ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ผมจึงไม่ค่อยมองเห็นเท่าไหร่นัก ผมแปลกใจจริงๆ ที่น้องผมไปพูดคุยกับคนอื่นได้แบบนี้ อาจจะเพราะเป็นเด็ก เลยไม่รับรู้หรือระแวงอะไรรึเปล่านะ เฮ้อ



“ขอโทษนะครับ คุณเป็นคนบอกทางหนีให้น้องของผมรึเปล่า” ผมนั่งลงข้างๆ และกระซิบถาม ผมเห็นร่างในเงามืดนั้นขยับตัวเล็กน้อยและพูดตอบกลับมา แต่มันภาษาอังกฤษนะครับ ซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย



อลันขยับตัวเข้าไปใกล้และพูดคุยโต้ตอบกับคนๆ นั้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องของผมสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้ และเพราะเสียงนั้นเองที่ทำให้ผมรู้ว่าคนที่อยู่ในเงามืดนั้นคือผู้หญิงครับ พวกเขาพูดคุยกันอยู่ซักพัก ผมเริ่มกระสับกระส่ายเพราะเหมือนเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมเป็นพี่ชายที่แย่จริงๆ



“พี่เขาบอกว่าเราต้องรอเวลาฮะ ช่วงนี้เรือจอดเทียบท่า คนบนเรือต้องลงไปตรวจสินค้า คนคุมจะน้อยลง ตอนนั้นเราต้องหนีให้ได้ฮะ” อลันยิ้มกว้างบอกกับผม



“แต่พี่คิดว่าน้องคงหนีไปได้แค่คนเดียว หน้าต่างบานนั้นเล็กมาก” ผมพยายามชี้แจงให้น้องวัยสี่ขวบของผมฟัง



“ผมจะเป็นคนปีนขึ้นไป และจะเป็นคนไปเปิดประตูให้เอง” เด็กน้อยยกมือตบอกเพื่อแสดงให้ผมมั่นใจ ท่าทางน่ารักๆ ของอลันนั้นทำให้ผมยิ้มและเริ่มมีความหวัง เสียงหัวเราะของผมดังคลอไปกับเสียงหัวเราะใสๆ ของผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักชื่อและไม่เห็นหน้าตา แม้มันจะดูเสี่ยงและผมก็กลัวว่าอลันจะทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยพอใกล้ถึงเวลาลงมือ ถ้าไม่สำเร็จผมจะบอกน้องให้หนีไป อย่างน้อยแค่น้องผมหนีไปได้ก็พอ ไม่ต้องช่วยเหลือพี่ ไม่ต้องช่วยเหลือใคร แค่น้องรอด พี่ก็ดีใจแล้ว



พวกเราใช้ชีวิตอยู่บนเรือมาสามเดือนกว่า ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา หวาดกลัวจนกลายเป็นเฉยชา และพบว่ามิตรภาพเกิดขึ้นมาได้เพราะพวกเรายื่นมือช่วยเหลือกันและกัน คนในตู้คอนเทนเนอร์นี้จำนวนยี่สิบคนคือคนที่ถูกจับมาขายโดยไม่ยินยอมทั้งนั้น จึงทำให้พวกเรานั่งปรับทุกข์และสนิทสนมกันมากขึ้น พวกเขาต่างรักและเอ็นดูอลันเช่นเดียวกัน แต่คนที่อลันสนิทมากที่สุดก็คงเป็นผู้หญิงคนนั้นที่อลันเข้าไปพูดคุยด้วยเป็นคนแรก



ผมไม่รู้ชื่อของเธอ แต่พวกเราเรียกเธอว่า พี่ พี่เป็นผู้หญิงต่างชาติที่ดูดี แต่ไม่ถึงขั้นสวยมีเสน่ห์ แต่พี่เป็นคนใจดี มีรอยยิ้มงดงาม และเข้มเแข็ง เอกลักษณ์ของพี่คงเป็นเรือนผมยาวหยักศกสีแดงสวย และรอยกระสีน้ำตาลอ่อนบนใบหน้า พี่อายุมากกว่าผมประมาณสิบกว่าปี อายุราวๆ สามสิบ อลันติดพี่มาก ผมคิดว่าอลันไม่เคยสัมผัสความรักความอ่อนโยนของคนเป็นแม่มาก่อน ดังนั้นเมื่อเจอกับพี่ที่ใจดี อ่อนโยน จึงทำให้เด็กน้อยคนนั้นชอบไปออดอ้อน พูดคุย และมอบความไว้วางใจให้กับพี่จนหมดหัวใจ



“อลัน พี่ถามน้องหน่อยได้ไหมครับ” อลันกลับมาหาผมหลังจากที่พูดคุยกับพี่เสร็จ ผมรวบน้องมาอยู่ในอ้อมกอด ให้น้องนั่งบนตักและใช้หลังพิงอกผม



“ฮะ” เด็กน้อยยังคงยิ้มกว้าง



“ทำไมไม่เรียกพี่ว่าพี่บ้างล่ะ พี่อยากให้อลันเรียกว่าพี่จีนจังเลย” ผมไม่ได้อิจฉานะครับ แต่มันเป็นเรื่องที่ผมคาใจมาโดยตลอด



“ไม่เอาฮะ” แต่เด็กน้อยก็ปฏิเสธเหมือนเช่นทุกครั้ง



“บอกเหตุผลให้พี่ฟังได้ไหมครับ พี่อยากรู้จัง” ผมถามน้องต่อ ทุกครั้งน้องจะไม่ยอมพูดและบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องไป แต่อาจจะเป็นเพราะครั้งนี้น้ำเสียงของผมแทบจะอ้อนวอนล่ะมั้ง น้องถึงได้ก้มหน้างุด ใบหน้าแดงเรื่อน่าเอ็นดู และยอมบอกเหตุผลให้ผมได้เข้าใจ



“เพราะว่าคนเป็นพี่ต้องปกป้องดูแลน้องใช่ไหมฮะ ผมไม่อยากให้จีนคอยปกป้องผมอยู่ฝ่ายเดียว ผมก็จะปกป้องดูแลจีนด้วยเหมือนกัน ผมเลยไม่อยากเรียกจีนว่าพี่นี่นา” คำพูดซื่อๆ และจริงใจของเด็กน้อยนั้นมันทำให้ผมตื้นตัน หยดน้ำตามากมายไหลอาบแก้ม ดีแล้วที่อลันนั่งหันหลังให้ผม ไม่อย่างนั้นคงเห็นพี่ชายคนนี้ร้องไห้หมดท่าแน่นอน



ผมหวังว่าแผนของเราจะสำเร็จ ผมขออ้อนวอน ผมขออธิษฐานต่อสิ่งใดใดก็ตามแต่ที่จะให้ก่อให้เกิดปาฏิหารย์ แม้โอกาสจะน้อย แต่ก็ยังพอมีหวัง ผมมองไปที่รอยยิ้มของอลันอีกครั้ง รอยยิ้มของน้องจะต้องอยู่ตลอดไป ผมสาบาน ผมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องรอยยิ้มงดงามนี้ไว้





..............................................................



ตอนใหม่มาแล้วค่าาาาาาา ปมเริ่มคลายมานิดนึงแล้วววว มีใครเดาถูกกันบ้างมั้ยคะ ^^ ทั้งตัวจีนและพี่เอง คือคนละคนกันค่ะ แต่บอสใหญ่ยังไม่มาปรากฏตัว เพราะฉะนั้นน้องคงทุกข์ใจไปอีกซักพัก  T^T  เฮ้ออออ ไรท์หวังว่าน้องจะยิ้มได้เร็วๆนี้นะคะ (ไรท์ไม่ได้แกล้งน้องน๊าาาา ไรท์กลัวลุงมาแก้แค้นไรท์มากเลย)







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2018 14:43:27 โดย llinllin »

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
บทที่ 21 ความจริงจากพี่ชาย


ผมอยู่บนโลกแห่งนี้มาสิบกว่าปี แม้เวลาอาจจะน้อย แต่ก็เห็นทุกสันดานและความชั่วร้ายของมนุษย์มาเกือบทั้งหมด เพราะในจุดที่ผมอยู่นั้นได้สัมผัสทุกความนึกคิดและความดิบเถื่อนที่ซุกซ่อนอยู่ในจิตใจของคนเรา ผมไม่สามารถไว้ใจหรือเชื่อใจใครได้มากเท่าตัวผมเอง เมื่อผมถูกจับมา ผมพยายามดูแลน้องไม่ให้หวาดกลัวหรือโดนรังแก แต่อาจจะเป็นผมเองมากกว่าที่ได้รับการปกป้องจากอลัน



ผมยังร้องไห้ แต่น้องยังยิ้มให้ผม ผมหวาดกลัว แต่น้องก็คอยปลอบใจ แต่อาจจะเป็นเพราะอลันยังเป็นแค่เด็ก น้องเลยยังไม่เข้าใจความซับซ้อนและความชั่วร้ายของมนุษย์ น้องเลยเป็นเด็กน่ารักที่มองโลกในแง่ดี ยิ้มง่าย ช่างพูดช่างอ้อน และสนิทสนมกับพี่อย่างรวดเร็ว นี่อาจจะเป็นข้อดีก็ได้ เพราะน้องจะได้ไม่ทุกข์ใจ



เรื่องของพี่ อลันเคยเล่าให้ผมฟังว่า พี่เป็นคนรัสเซีย เข้ามาทำงานอยู่ที่ประเทศของเรา แต่โดนเพื่อนรักหักหลังจึงโดนส่งมาขายเพราะความอิจฉาเป็นต้นเหตุ เพื่อนรักที่พากันระหกระเหินมาหางานทำถึงที่นี่ แต่สุดท้ายก็หักหลังอย่างน่าเจ็บใจเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว หึ คงเหมือนผมและอลันที่โดนแม่หลอกมาขายเพราะหาเงินมาใช้หนี้พนันล่ะมั้ง



พี่เป็นผู้หญิงที่ดูดีและมีเสน่ห์ รูปร่างสวยงามและน่าดึงดูด อลันมักไปนั่งพูดคุยกับเธอมากมาย และผมก็จะนั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ ภาษาอังกฤษของน้องดีขึ้นมาก เพราะได้พี่ช่วยสอนและฝึกพูดกันบ่อยๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะน้องได้อ่านนิทานเด็กที่เพื่อนแม่ชอบซื้อมาฝากล่ะมั้ง และตอนนี้น้องสามารถพูดภาษารัสเชียได้อีกด้วย



ระดับการเรียนรู้ของน้องน่าทึ่งจริงๆ น้องสามารถเข้าใจในสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถ้ามีโอกาสผมอยากจะส่งน้องเรียนโรงเรียนดีๆ เผื่อว่าอนาคตน้องจะได้เจริญก้าวหน้าและไปอยู่ในสังคมที่ดีกว่านี้ ดวงตาสีดำของผมเหลือบมองน้องที่นอนซุกอยู่บนตักของผม ผมลูบศีรษะของน้องเบาๆ เพื่อกล่อมน้องน้อยให้หลับฝันดี

พวกเราใช้เวลาสามเดือนอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ จนกระทั่งถึงจุดหมายที่พวกเราวางแผนกันเอาไว้ ตอนนี้ทุกคนในตู้คอนเทนเนอร์กำลังตื่นเต้นและเป็นกังวล เพราะว่าฮ่องกงเป็นจุดหมายแรกของการเดินเรือที่จะแวะส่งสินค้าอื่นที่กลบเกลื่อนเอาไว้ พวกพ่อค้ามนุษย์เหล่านั้นเดินทำหน้าเคร่งดุดันมาข่มขู่พวกเราอยู่พักใหญ่ ตอกย้ำถึงความโหดร้ายน่ากลัวและบทลงโทษถ้าเราส่งเสียงดังหรือก่อความวุ่นวาย



ผมกระชับอ้อมกอดร่างเล็กของอลันไว้แน่น และหลบมุมอยู่ท้ายสุดเพื่อไม่ให้เด็กน้อยเห็นภาพเหล่านั้น พวกเขานำผู้ชายคนหนึ่งมาซ้อมและลงโทษอย่างหนักให้พวกเราเห็น ผมให้น้องซบลงที่อกของผมและปิดหูน้องเอาไว้แน่นๆ พวกเขากำลังเชือดไก่ให้ลิงดู และนั่นทำให้ผมเป็นกังวลว่าแผนของเราจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีรึเปล่า



“เรา...ยกเลิกดีไหมนะ” ผมพึมพำในลำคอเสียงเบาเมื่อประตูตู้คอนเทนเนอร์ถูกปิดลงอีกครั้ง ผมกลัวว่าถ้ามันเกิดพลาดขึ้นมาทั้งผมและอลันจะยิ่งแย่กว่าเดิม ผมกังวลแต่ก็เลือกที่จะดำเนินการตามแผนเดิมต่อไป



ในที่สุดพวกเราก็มาถึงท่าเรือน้ำลึกของเกาะฮ่องกงในตอนค่ำ พวกเราถูกข่มขู่อีกครั้งและทุกอย่างก็เงียบสงบ ผมพยายามฟังเสียงจากข้างนอกก็ได้ยินแค่เสียงเครื่องจักรและเสียงย่ำฝีเท้าจากที่ไกลๆ เท่านั้น อลันเคลื่อนตัวไปหาพี่และกระซิบถามอะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจอย่างแผ่วเบา พี่พยักหน้าและก้มลงมาจุมพิตหน้าผากน้อยๆ ของน้องเหมือนเป็นคำอวยพร ผมอาศัยความมืดไปอุ้มอลันขึ้นมาและกระชับอ้อมกอดของน้องแน่นๆ



“อลันฟังพี่นะ” ผมกระซิบบอกน้อง “ถ้าน้องออกไปได้แล้ว และสลักประตูมันแข็งเกินไป น้องไม่ต้องสนใจพวกพี่ น้องหนีไปได้เลย เอาตัวรอดให้ได้”



น้องทำหน้าแปลกใจและไม่ยินยอม คิ้วเรียวขมวดมุ่นและใบหน้าเล็กๆ น่ารักก็งอง้ำ



“ผมทิ้งจีนกับพี่ไม่ได้” น้องส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่ผมดูจนผมสีตาลอ่อนปลิวยุ่งเหยิง



“ถ้าจำเป็นน้องต้องทำ!!!! อย่างน้อยน้องรอดไปได้ก็ไปแจ้งตำรวจ โอเคไหม” ผมกระชับน้องอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มมากกว่าเดิมจนอลันตกใจ แต่เพราะใบหน้าของผมและแววตาจริงจัง จึงทำให้เด็กน้อยของผมพยักหน้าตกลงอย่างไม่ยินยอมเท่าไหร่นัก



พวกผมรอจนเสียงรอบๆ ตู้คอนเทนเนอร์เงียบลงจึงได้เริ่มลงมือ ผมและพี่พาอลันมายื่นอยู่ใต้หน้าต่าง โดยที่ผมจะคลานสี่ขาเป็นฐานให้พี่เหยียบแผ่นหลังของผมขึ้นไป และให้อลันขี่คอและลงมือเปิดหน้าต่างบานเล็กที่มีเพียงเด็กตัวเล็กๆ อย่างอลันเท่านั้นที่จะลอดผ่านไปได้



น้ำหนักของพี่ไม่น้อยเลย แต่ผมก็พยายามจะเป็นฐานที่มั่นคง ผมเป็นผู้ชายก็จริงแต่พื้นฐานไม่ใช่คนแข็งแรงอะไรมากมายนัก ไม่เคยออกกำลังกาย ร่างกายก็แคระแกรน ผิวก็ขาวซีดเพราะไม่เคยออกไปนอกคลับเลยซักครั้ง แต่ผมก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง จะให้พี่ที่เป็นผู้หญิงมาทำหน้าที่นี้ได้ยังไง



ตอนนี้อลันนั่งอยู่บนบ่าของพี่เรียบร้อยแล้ว และพยายามจะลุกขึ้นเหยียบบ่าเพราะน้องไม่สามารถเอื้อมถึงได้ แต่เมื่อน้องลุกขึ้นยืนก็สามารถแตะเปิดบานล็อคหน้าต่างให้เปิดกว้างมากขึ้น เสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาเปิดหน้าต่างทำให้มีคนหันมาสนใจพวกเรามากขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร บางคนกลับมายืนใกล้ๆ เพื่อคอยช่วยประคองพี่ให้ยืนมั่นคงเสียด้วยซ้ำ พวกเขาคงอยากหนีไปเช่นเดียวกัน เพียงแต่ใจก็สิ้นหวังเหลือเกิน



ตอนนี้น้องสามารถเปิดหน้าต่างได้แล้ว ร่างเล็กๆ ของอลันพยายามเอื้อมเกาะขอบหน้าต่างและดันตัวขึ้นไป ดีที่อลันเป็นเด็กร่าเริงและค่อนข้างซุกซน เรื่องปีีนป่ายจึงไม่มีปัญหา ไม่นานน้องก็สามารถดันไหล่ให้หลุดออกไปข้างนอกได้แล้ว ในเวลานี้พวกเราทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวล น้องกระซิบมาเบาๆ ว่าแถวนี้ไม่มีคนอยู่ ร่างเล็กจึงมุดและพลิกตัวเอาขาพาดหน้าต่างและพลุบหายไปอีกฟากหนึ่ง



ในตู้คอนเทนเนอร์มีคนโดนจับมาประมาณยี่สิบคน มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่ลุกขึ้นยืนและเดินมาเอาใจช่วยอลัน พวกเรานิ่งเงียบ รอคอย เหลือเพียงลมหายใจที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบแห่งนี้ พวกเราได้แต่รอ รอ และรอ ใจหนึ่งผมก็กังวล แต่ใจหนึ่งก็โ่ล่งใจถ้าน้องทิ้งพวกผมและหนีไป



แกร๊ก คลึก



เสียงปลดล็อคประตูที่ดังขึ้นมาทำให้พวกเราสะดุ้งและรีบร้อนนั่งลงเพื่อกลบเกลื่อนท่าทางมีพิรุธ เสียงนั้นดังอยู่ซักพัก ใจของพวกเราก็เต้นรัวเร็วลุ้นระทึก



แอ๊ด



เสียงเปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์ดังขึ้น เสียงสว่างเล็กๆ ที่ฉายออกมาทำให้เห็นเงาร่างของเด็กน้อยที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างเหล่านั้น พวกเราส่งเสียงพึมพำกันระงม จนพี่ต้องทำเสียงปรามให้พวกเราเงียบมากขึ้น ผมรีบร้อนเดินเข้าไปคว้าร่างเล็กขึ้นมากอด เนื้อตัวน้องผมค่อนข้างมอมแมมและข้อเท้าขวาของน้องบวมแดง แต่ใบหน้าของน้องกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างที่สวยงามน่ารัก



“ไปกันเถอะครับ” น้องพูดกับผม และหันไปหาพี่ที่เดินเข้ามาใกล้และลูบหัวน้องด้วยความเป็นห่วง พวกผมพยักหน้าให้กันและหันไปมองคนในตู้คอนเทนเนอร์เล็กน้อย มองสีหน้าพวกเขาชั่วครู่ก่อนจะหันตัวเดินออกไป หลังจากนี้พวกเขาจะตัดสินใจยังไงก็เป็นเรื่องของพวกเขาแล้วครับ จะหนี หรืออยู่ต่อ ก็เป็นเรื่องของเขาที่จะต้องตัดสินใจเอาเอง ตอนนี้ใจของผมมันเจ็บปวดเพราะเห็นน้องได้รับบาดเจ็บ ผมคิดว่าน้องคงขาแพลงตอนที่กระโดดลงไปจากขอบหน้าต่าง แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าเล็กๆ ของน้องก็ยังประดับไปด้วยรอยยิ้มงดงาม



ผม อลัน และพี่เดินลัดเลาะไปตามซอกตู้คอนเทนเนอร์บนดาดฟ้าเรือโดยอาศัยเงามืดเป็นที่กำบังสายตา พยายามสอดส่องและหาทางหนีจากพวกเขา แต่เนื่องจากตอนนี้เรือเทียบท่าและมีบางคนที่คอยเฝ้าสินค้าไว้เท่านั้น ผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการหลบหนี แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้เป็นเหมือนสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้



ตอนนี้ผมฝากอลันให้พี่อุ้มเอาไว้ โดยที่ให้พวกเขาหลบอยู่ในซอกตู้คอนเทนเนอร์แถวท้ายดาดฟ้าเรือ ส่วนผมจะเป็นคนออกไปดูลาดเลาและหาทางหนีลงจากเรือเอง โดยกำชับพวกเขาว่าให้ซ่อนตัวให้ดีและอย่าออกมาจนกว่าผมจะเรียก อลันเป็นคนแปลคำพูดของผมให้พี่ฟัง เธอพยักหน้าเข้าใจแม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยความกังวล



หลังจากผมสำรวจรอบๆ ผมก็เจอทางหนี และคิดว่าน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดที่เราเหลือในตอนนี้ ท้ายเรือมีเรือชูชีพขนาดเล็กอยู่ พวกเราก็แค่คิดไปนั่งและปลดเชือก แม้เรือจะทิ้งตัวดิ่งลงไปพื้นล่างที่มีความสูงหลายเมตร แต่ผมก็คิดว่าน่าจะมีโอกาสรอดมากกว่ารอโอกาสอยู่บนเรือ ผมสำรวจเรือชูชีพนั้นอยู่ซักพัก แต่แล้วผมก็เห็นแสงไฟส่องสว่างวูบวาบแถวหน้าเรือ และเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้คุม



“เฮ้ย ประตูตู้เปิด พวกมันหนีไปแล้ว” เสียงตะโกนของพวกมันดังลั่นด้วยความตกใจ ผมรีบวิ่งกลับไปหาน้องตรงที่ซ่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง จนลืมที่จะลัดเลาะไปตามซอกตู้และหลบตามเงามืด เพราะความรีบร้อนและความประมาทที่ไม่น่าให้อภัยของตัวผมเอง ไม่นานผมก็ถูกจับได้ ร่างของผมถูกล็อคและถูกจับกระแทกลงกับพื้นเรือ ผมพยายามดิ้นรนหนีสุดชีวิตแต่ผมก็ไม่สามารถสู้แรงของพวกเขาได้เลย



“เพราะแกใช่ไหม!!!! แกทำให้พวกมันหนีไป!!!!” เสียงชายฉกรรจ์ตรงหน้านั้นดุดันน่ากลัว ผมตัวสั่นเทิ้มและดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ร่างของผมกลายเป็นกระสอบทรายให้พวกมันซ้อมกันเพลินมือ น้ำหนักหมัดแต่ละหมัดที่กระแทกลงมาทำให้ผมแทบสิ้นสติ



“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ซิวะ เดี๋ยวมันก็ตายก่อนได้ส่งไปขายหรอก” ผู้ชายอีกคนเป็นคนเอ่ยห้ามปรามเพื่อน



“เหอะ เพราะมันนั่นแหละ ถึงทำให้เราเสียสิ้นค้าชั้นดีไปเกือบหมด ไอ้เด็กตัวเล็กนั่นก็น่าจะขายได้ราคาดี บัดซบ!!!! พวกมันไปหลบกันที่ไหนหมดวะ หรือลงเรือไปแล้ว” พวกมันขู่คำรามและหันมาระบายอารมณ์กับร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของผมอีกครั้ง ผมเจ็บ เจ็บไปหมด แต่ก็หวังว่าน้องจะหนีไปได้ ผมตายก็ไม่เป็นไร แต่น้องผมจะต้องรอด



อลัน



พี่ขอให้น้องรอด ขอให้น้องปลอดภัย



อลัน



“จีน!!! หนีเร็ว!!!” เสียงเล็กๆ ของน้องฉุดดึงสติที่ใกล้ดับวูบของผมให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ร่างน้อยๆ ที่แม้ขาจะกะเผลกแต่ก็ยังวิ่งปรู๊ดปร๊าดมาหาผมอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องและโวยวายของคนจำนวนมากที่หลุดออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์หลายตู้



ระหว่างที่ผมบอกให้อลันซ่อนตัว อลันกับพี่ก็แอบลอบตามมาดูผมเงียบๆ ด้วยความเป็นห่วง พอเห็นผมถูกจับ แทนที่น้องจะทะเล่อทะล่าออกมา อลันกลับดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขนของพี่และวิ่งกลับไปเปิดตู้คอนเทนเนอร์บริเวณท้ายเรือจนเกือบหมด ปลดปล่อยคนที่โดนจับขังและสร้างสถานการณ์วุ่นวายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ



และแผนของน้องก็ประสบความสำเร็จ พวกมันผละออกจากตัวผมไปวิ่งวุ่นตามจับคนที่หลุดออกมามากมาย ผมถูกพี่ช่วยผยุงขึ้นมาจากพื้นและพากันหลบหนีไปทางท้ายเรือเพื่อขึ้นเรือชูชีพหนีไป แต่ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวาย ท่ามกลางคนที่ต้องการเอาชีวิตรอด บางคนกระโดดลงน้ำ บางคนก็ลุกฮือขึ้นสู้ ผม อลัน และพี่ก็พากันหลบเลี่ยงมายังท้ายเรือได้สำเร็จ



แต่อีกแค่นิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น แสงสว่างที่ปลายอุโมงก์กลับริบหรี่ลงจนเหลือเพียงความมืดมิดที่กัดกินจิตใจ ระหว่างที่พวกเราช่วยประคับประคองกันและกันจนถึงท้ายเรือ พวกผู้คุมและคนที่ถูกจับมาบางส่วนก็วิ่งหนีมาทางที่พวกเราอยู่ พี่หนีไม่พ้น หนึ่งในชายฉกรรจ์กระชากเส้นผมพี่จนหงายหลังล้มกองลงไปกับพื้น พี่ที่ช่วยพยุงร่างกายของผมอยู่นั้นก็ฉุดผมให้ล้มลงไปกับพื้นด้วยเช่นกัน



“อลัน หนีไป หนีไปที่เรือ เร็ว” ผมพลิกตัวพยายามจะตะเกียกตะกายตัวลุกขึ้นมา น้องวิ่งมาหาผมด้วยความเป็นห่วง แต่ผมกลับผลักตัวน้องให้หนีไป



“แต่จีน มะ ไม่ ผะ ผม” อลันมีสีหน้าหวาดกลัวและเหมือนจะร้องไห้ ร่างเล็กพยายามจะเดินเข้ามาช่วยพวกผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมและพี่ถูกจับกดลงกับพื้น พี่กรีดร้องพยายามดิ้นรน ผมก็ดิ้นรนเต็มที่และดึงความสนใจจากพวกมันด้วยเช่นกัน



“ไป!!! ไปรอที่เรือชูชีพ ไป!!!!” ผมตะคอกใส่น้องดังลั่น จนร่างเล็กๆ สะดุ้งโหยงและรีบวิ่งไปตามที่ผมบอก ในความมืดที่สับสนวุ่นวายผมเห็นเงาร่างเล็กๆ ของอลันปีนลงไปในเรือชูชีพเรียบร้อยแล้ว





“เฮ้ย!!! มีเด็กอีกคน ไปจับมันมาเร็ว” พวกมันตะโกนก้อง แต่ผมสะบัดตัวหลุดก็โถมร่างกั้นพวกมันเอาไว้



ไม่



อีกนิดเดียว



อีกนิดเดียว



ผมไม่ยอม ผมไม่ยอมให้จบลงแบบนี้



ผมพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ร่างกายยังคงเคลื่อนไหวไม่สะดวก ผมไม่สนใจบาดแผล ไม่สนใจหมัดที่กระทบร่างผม ผมแค่ต้องกันพวกมันไว้ ไม่ให้พวกมันไปหาน้องของผมได้ และโชคดีที่มีคนช่วยพวกผมเอาไว้ คือหนึ่งในคนที่อยู่ร่วมกันในตู้คอนเทนเนอร์ ผม พี่ และผู้ชายคนนั้นจึงพากันวิ่งไปที่ท้ายเรือ ผมกำลังจะบอกพวกเขาให้วิ่งไปที่เรือชูชีพ



แต่ผู้ชายคนนั้นกลับตัดสินใจดีดตัวทิ้งดิ่งลงไปยังผืนน้ำข้างล่างทันที เวลานี้ใครๆ ก็ต่างอยากจะมีชีวิตรอดกันทั้งนั้น แต่พวกผมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะรอบตัวผมมีแค่เด็กและผู้หญิง ต่อให้ว่ายน้ำได้ก็อาจจะหมดแรงเพราะไม่มีใครว่ายน้ำแข็งเลยซักคน เรือชูชีพจึงเป็นทางรอดเดียวที่จะทำให้พวกเรารอดชีวิต ผมวิ่งลงไปที่เรือและสังเกตเห็นร่างที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าใบก็คิดว่าเป็นอลันที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น เพราะผมเห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนโผล่ออกมาเล็กน้อยก็วางใจ



ผมก้าวขาลงไปแล้วก็หันตัวมาเพื่อช่วยพยุงพี่ลงเรือมาด้วยกัน แต่ร่างเพรียวบางของพี่กลับชะงัก ดวงตากลมสวยเบิกกว้าง ใบหน้าสวยงามจึงซีดเซียวและร้องไห้โวยวาย ภาษาอังกฤษปนรัสเซียสับสนปนเปทำให้ผมงุนงงและไม่เข้าใจ มือเล็กของพี่พยายามฉุดผมให้ลงมาจากเรือและชี้ไปอีกทาง เหมือนพยายามให้ผมดูอะไรบางอย่าง

ท่าทางกระวนกระวายของพี่นั้นทำให้ผมไม่เข้าใจและสับสนมากกว่าเดิม พี่พยายามจะรั้งผมไว้ไม่ให้หนีไปทำให้ผมเริ่มโมโห ผมสะบัดมือและผลักเธอออกไป เวลาสำคัญแบบนี้พี่กลับรั้งตัวผมไว้ ถ้าชักช้าพวกมันก็อาจจะวกกลับมาและตามจับพวกเรากลับไปได้ ถ้าถูกจับอีกครั้ง ชีวิตที่เหลือก็คงยิ่งกว่าตกนรก



“Пожалуйста, Алан Алан Please wait wait!!! Алан” พี่พูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะเป็นภาษารัสเซียและสำเนียงรัสเซียของพี่มันฟังเข้าใจยาก เธอเห็นผมทำหน้าไม่เข้าใจจึงมีสีหน้าสิ้นหวังและหมุนตัววิ่งไปอีกทาง ผมฟังเข้าใจแต่คำว่ารอก่อนของพี่ จึงเลือกที่จะหมอบตัวลงและรอพี่อีกซักครู่ แต่ถ้านานกว่านั้น ผมก็ต้องตัดสินใจทิ้งพี่ไว้ที่นี่ ใช่ ความคิดของผมมันเห็นแก่ตัว แต่ผมเลือกที่จะปกป้องแค่ตัวผมและอลันเท่านั้น ถ้าสิ่งไหนก็ตามทำให้น้องผมไม่ปลอดภัย ถึงแม้จะเป็นพี่ที่คอยดูแลพวกผม ผมก็เลือกที่จะตัดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี



ผมกระวนกระวายรอพี่อยู่ซักพักก็เห็นพี่แบกร่างของใครบางคนไว้บนหลัง แต่ผมมองเห็นไม่ชัดเพราะเวลานี้แสงไฟไม่เพียงพอและร่างนั้นถูกคลุมด้วยผ้าคลุมผืนใหญ่จนบดบังร่างนั้นไปจนหมด ผมไม่สังเกตุเลยแม้แต่น้อยว่าร่างกายของพี่ดูโทรมกว่าเมื่อครู่นี้มาก หน้าตาดูบวมช้ำและผมเผ้ายุ่งเหยิง พี่คงเห็นเด็กบนหลังเดือดร้อนเลยเข้าไปช่วยซินะ ผมรีบกวักมือเรียกพี่มาทางผมให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้มีกลุ่มชายฉกรรจ์สามสี่คนวิ่งตามหลังเธอมา ใบหน้าสวยของเธอซีดเผือดจนไร้สีเลือด รีบวิ่งมาทางผมอย่างอ่อนแรง



“wait wait Please Please Please Help me” เธอเรียกร้องอ้อนวอนเสียงแหบแห้ง ผมกัดฟันแน่นและรอพี่วิ่งมา ผมอยากจะตะโกนเร่งพี่ แต่ตอนนี้ผมยังซ่อนอยู่ในเรือ ถ้าผมส่งเสียงออกไปพวกมันจะต้องเห็นผมอย่างแน่นอน



เร็ว เร็ว พี่วิ่งเร็วๆ



แต่สุดท้าย...สิ่งที่ผมคิดไว้ว่าพี่จะต้องรอดกลับไม่เป็นจริง



“กรี๊ดดดด ไม่นะๆ รอก่อน อย่าพึ่งไป อย่าพึ่งไป” พี่ถูกจับตัวได้อีกครั้ง เธอพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากการจับกุม มือบางเอื้อมมาไขว่คว้าและรอผมให้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่ผมก็เลือกที่จะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดไปให้ แต่ผมก็รู้ว่าแววตาของผมมันแห้งแล้งเย็นชาเกินไป เพราะในสายตาของผมมีเพียงแค่อลันเท่านั้น



“ขอโทษนะครับพี่ ผมช่วยพี่ไม่ได้จริง” ผมพูดพร้อมลุกขึ้นยืนเพื่อเอื้อมไปปลดเชือกที่เสา แต่ระหว่างนั้นผมก็เห็นมือเล็กๆ ข้างหนึ่งที่ดูเลือนลางของเด็กคนหนึ่งยื่นออกมาหาผมเช่นเดียวกัน พร้อมเสียงแหบพร่าสั่นเทาที่ผมไม่ได้ยินเพราะเสียงตะโกนโวยวายจากเหตุการณ์รอบๆ ตัวมันดังขึ้นมากลบเสียงนั้นไปจนหมด ผมตัดสินใจปลดเชือกของเรือทันที แต่ก่อนที่เรือลำเล็กจะล่วงหล่นลงไปยังผืนมหาสมุทรสีดำสนิท



ผมเห็นแววตาของพี่สิ้นหวัง เจ็บปวด แต่เสี้ยวสุดท้ายก่อนภาพตรงหน้าจะหายไปจากสายตา ผมเห็นร่างของพี่สะบัดดิ้นสุดแรงและเหวี่ยงร่างใต้ผ้าคลุมนั้นไถลไปไกลจนหลบเข้าไปในซอกตู้คอนเทนเนอร์พอดิบพอดี เสียงตบตีและเสียงกรีดร้องของพี่ดังขึ้น น้ำเสียงที่เคยไพเราะดังกังวานกลับเต็มไปด้วยความร้าวรานเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด และเสียงนี้กลับเป็นเพียงเสียงเดียวที่ตามหลอกหลอนผมในอีกหลายสิบปีต่อมา



ผมหนีเอาตัวรอดมาได้ แต่โชคร้ายของผมก็ยังไม่หมด เมื่อจังหวะที่เรือหล่นกระแทกน้ำก็เป็นจังหวะที่คลื่นซัดโถมเข้ามาพอดี เรือเล็กพลิกคว่ำ สายน้ำเกรี้ยวกราดของมหาสมุทรถาโถมและกวาดทุกอย่างให้จมดิ่งอยู่ใต้คลื่นและฟองน้ำในยามราตรี ผมพยายามลืมตา เพื่อว่ายตามหาน้องในทะเลที่บ้าคลั่ง แต่ผมก็หาน้องไม่เจอ ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ดำผุดดำว่ายไปตามกระแสน้ำ แต่เพียงไม่นานร่างกายของผมก็ไร้เรี่ยวแรง จากนั้นผมก็สลบไป



เมื่อผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าผมอยู่ที่โรงพยาบาลในฮ่องกงเพียงลำพัง กรีดร้อง เจ็บปวด และพยายามออกไปตามหาน้องชายเพียงคนเดียวของผม แต่เพราะอาการบาดเจ็บ และขาดสารอาหารขั้นรุนแรง ทำให้ผมจำเป็นที่จะต้องพักรักษาตัวอยู่นานหลายเดือน คอยให้ปากคำกับตำรวจ และเป็นพยานเพื่อช่วยจับกุมขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้ให้ได้



จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ผมตามหาน้อง ผมยังไม่หมดหวัง ไม่ว่าจะนานแค่ไหนผมก็จะต้องตามหาน้องให้เจอ พวกเขาต่างบอกว่าน้องของผมเป็นแค่เด็กอายุสี่ขวบ น่าจะเสียชีวิตไปในเหตุการณ์นั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเขาบอกให้ผมทำใจ แต่ผมไม่เชื่อ แม้จะดูงมงาย แต่ผมเชื่อว่าน้องผมยังคงอยู่ ใจผมบอกแบบนั้น และไม่ว่าน้องจะอยู่ที่ไหน ผมจะต้องตามหาน้องให้เจอให้ได้



อลัน น้องรอพี่อยู่รึเปล่า รอก่อนนะ พี่จะต้องตามหาน้องให้เจอให้ได้ รอพี่นะ เทวดาน้อยของพี่





................................



หลังจากที่ชายหนุ่มร่างโปร่งเล่าเรื่องราวในอดีตจนครบถ้วน ภายในห้องอาหารส่วนตัวก็เงียบสงัดขึ้นมาทันที ทั้งสามคนต่างจมลงไปในห้วงความคิดของตนเอง ย้อนรำลึกถึงเรื่องราวและสะท้อนใจถึงสิ่งที่ได้ฟังมา ทั้งจีนที่ยังคงสะอื้นโศกเศร้าเสียใจ และแดเนียลที่คอยเฝ้าปลอบโยน ไม่มีใครซักคนที่สังเกตเห็นดวงตาสีทองของดอนแห่งคอลิโอเน่ที่ดูลึกล้ำ แววตาของชายหนุ่มมีแต่ความเย็นชาอาบไล้จนดวงตาคู่งามของเขาเย็นยะเยือก



เสียงสะอื้นของจีนดังขึ้นมาเป็นระยะ ท่าทางน่าสงสารของชายหนุ่มเอเชียนั้นไม่ได้ทำให้ดราโกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็น ยิ่งรำคาญสายตา ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ทอดมองจีนด้วยแววตาที่เจือความโหดเหี้ยมและสมเพชเอาไว้ภายใน



“นายรู้ไหม เด็กคนนั้นอยู่บนเรือถึงหกเดือน” น้ำเสียงเย็นชาและประโยคที่ดราโกทิ้งไว้่ก่อนเดินออกจากห้อง เป็นคำพูดโหดร้ายที่ผ่าลงกลางใจของจีนจนปวดร้าว



6 เดือน?



ร่างโปร่งบางสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้างและใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด



“มะ ไม่จริง ไม่จริง ไม่ ไม่” จีนพูดซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ไม่จริง เขาเห็นน้องอยู่บนเรือแล้วนี่นา เขาเห็นน้องแล้ว แต่ทำไม? โกหก ดราโกโกหกแน่ๆ “ไม่จริง โกหก โกหก ถะ ถ้าอย่างนั้นใครอยู่บนเรือกับผม ไม่ ไม่”



ชายหนุ่มร้องไห้จนแทบขาดใจ ทรุดตัวทิ้งร่างลงกับพื้นห้อง คำพูดของดราโกเหมือนมีดที่กรีดร่างของเขาเป็นชิ้นๆ เป็นยาพิษที่ทำลายความหวังของเขาจนหมดสิ้น ความจริงที่โหดร้าย ขุมนรกที่น้องต้องเผชิญ น้องของเขา น้องเขายังติดอยู่ในนรกแห่งนั้น



ไม่!!!



ไม่จริง



ไม่!!!



ไม่!!!



อลัน



อลัน



พี่ขอโทษ



พี่ขอโทษ





.....................................

สวัสดีค่ะ สำหรับ "บทที่ 21 ความจริงจากพี่ชาย" บทนี้เป็นอีกบทที่ไรท์ค่อนข้างเครียดในการแต่งเหมือนกันค่ะ บทนี้มันบีบหัวใจไรท์มากเพราะบทนี้เป็นแค่มุมมองของพี่ชายเท่านั้น ทั้งรัก ทั้งห่วงน้อง แต่สุดท้ายนรกที่คิดว่าหนีออกมาได้แล้วนั้น น้องกลับต้องเผชิญหน้าต่อไป ไรท์ไม่สามารถเฉลยหรือบอกได้ทั้งหมดนะคะ แต่คงบอกได้แค่ว่าหลังจากความวุ่นวายบนเรือเกิดขึ้นแล้ว เหตุการณ์หลังจากนั้นก็แย่เหมือนกันค่ะ T^T ฮืออออออออ สงสารรรรร ลุงจ๋าาาา อยู่ไหนนนนน มาปลอบน้องเร็ววววววววว

(นักอ่านบางท่านอาจจะสับสนเรื่องของน้องและจีนนะคะ แต่จะเฉลยทุกอย่างและเข้าใจทุกอย่างในตอนที่น้องเล่าเรื่องในมุมของน้องแน่นอนค่ะ แต่อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้นะคะ เพราะต้องมีฉากอื่นมาคั้นไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวตับไตของทุกคนจะหน่วงจนพังกันไปหมด T^T)

บทหน้า...ไรท์ใบ้ให้อีกนิดนะคะ ลุงจะไปปลอบน้องด้วยวิธีการในแบบของลุงแน่นอนค่ะ อิอิ (ไรท์ขอดามใจนิดหนึ่งนะคะ แต่งแบบหน่วงๆ ใจไรท์ก็หน่วงตามไปหมดแล้ว)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2018 14:43:51 โดย llinllin »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หม่น เทา อึมครึม เห็นใจทุกคน  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 22 ความในใจ (07.11.18)
«ตอบ #129 เมื่อ07-11-2018 09:22:17 »


บทที่ 22 ความในใจ


ความมืดที่รายล้อมตัวนั้นควรจะน่าหวาดหวั่น แต่สำหรับผมมันกลับทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ยิ่งมืด ผมยิ่งซ่อนตัวได้ง่าย ยิ่งมืด จะยิ่งไม่มีใครเห็นผม ในตอนนี้ความคิดของผมสงบมากขึ้นเมื่อได้ใช้เวลาทบทวนด้วยตัวเองอยู่เงียบๆ เรื่องของจีนมันผ่านมานานแล้ว ผมไม่เคยโกรธจีนเลยจริงๆ



แต่มันน่าผิดหวังเมื่อพี่ชายเพียงคนเดียวของผมเลือกที่จะทิ้งผมไป ไม่ซิ ผมคิดถึงเหตุผลของจีนซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบๆ รอบ ก่อนที่จะพบว่าจีนอาจจะไม่รู้ว่าบนหลังของพี่นั้นคือผม แต่ถึงผมจะรู้ ผมก็ยังผิดหวังมากอยู่ดี ผมไม่สามารถอภัยให้เขาในเรื่องนี้ได้ จีนเลือกที่จะทิ้งพี่ไปเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนอื่น จีนเลือกที่จะปกป้องผมแต่ไม่คิดจะยื่นมือช่วยเหลือใคร



แต่สำหรับผม พี่เป็นผู้มีพระคุณ เขาคอยช่วยผม ดูแลผม แลัวเขายังเป็นคนที่ช่วยเสนอทางหนีให้กับพวกเราที่กำลังสิ้นหวัง ผมจึงไม่สามารถอภัยให้จีนได้จริงๆ ถึงแม้ว่าสิ่งที่จีนทำนั้นมันเป็นสิทธิ์ของจีน เป็นทางเลือกของจีนเองก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจึงไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงดี ควรโกรธแค้นจีนไหม หรือควรเกลียดจีนรึเปล่า



แต่คุณพ่อของผมบอกว่าถ้าเราโกรธ ใจเราก็เป็นทุกข์ ยิ่งทุกข์ ผมก็จะไม่สามารถปล่อยวางได้ และก็เป็นเหมือนกับที่คุณพ่อได้บอกไว้ ผมไม่เคยลืม ไม่เคยลืม และนั่นทำให้ผมทุกข์ยิ่งกว่าเดิม ไม่พบใคร ไม่ไปที่ไหน เก็บตัวอยู่แต่กับบ้านและเปิดใจให้แค่คุณพ่อกับแด๊ดดี้เอริคเท่านั้น และเพราะสาเหตุนั้นทั้งสองท่านจึงทุกข์เพราะผมมากเช่นกัน



สามเดือนในช่วงเวลานั้นมันพรากรอยยิ้มของผมไป พรากทุกสิ่งที่ผมเคยเชื่อมั่นไปจนหมด จากเด็กคนหนึ่งที่มองโลกในแง่ดีและมีความหวัง ผมสูญเสียสิ่งนั้นไป แม้กระทั่งแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของผมในตอนนั้น ผมก็ไม่สามารถปกป้องหรือทำอะไรได้เลย ยิ่งคิด ผมยิ่งจมลึกเข้าไปในความโศกเศร้า



จนทำให้ผมเผลอคิดย้อนกลับไปว่าผมควรทำสิ่งนี้ต่อไปดีหรือเปล่านะ หรือผมควรอยู่กับพ่อและแด๊ดดี้เอริคเงียบๆ ไม่ต้องไปไขว้คว้า ไม่ต้องทำอะไรซักอย่าง ปล่อยให้เรื่องราวความโหดร้ายของคาโซ่และผู้ชายคนนั้นดำเนินต่อไป เพราะผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าถ้าผมค้นลึกมากไปกว่านี้ สืบมากไปกว่านี้ ตัวของผมและใจของผมคงจะไม่สามารถรับไหวและแตกสลายลงไปในซักวัน



หึ แต่ถ้าผมทำอย่างที่คิดจริงๆ ผมคงจะเกลียดตัวเอง นรกที่ผมได้พบเจอเป็นบาดแผลที่กรีดลึกจนยากที่จะหาย เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากให้ใครต้องมาเจอแบบเดียวกับผมได้อีกแล้ว ไม่เป็นไร ผมยังไหวครับ ต่อให้ผมกลายเป็นบ้า ต่อให้ผมขลาดกลัวแค่ไหน แต่ไม่มีทางที่ผมจะล้มเลิกแน่นอน นี่คือสิ่งเดียวที่ผมตั้งใจจะทำให้สำเร็จ



ดังนั้นผมจึงคิดว่าเรื่องที่ผมเจอก็หนักหนาพออยู่แล้ว เรื่องที่คิดวางแผนกำจัดคาโซ่และผู้ชายคนนั้นก็เช่นกัน ดังนั้นใจของผมคงไม่มีที่ว่างให้เกลียดใครไปมากกว่านี้ เรื่องของจีนผมจึงปล่อยวางได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่าตัวผมเองก็ยังคงภาวนาและหวังไว้ว่า ตลอดชีวิตที่เหลือของผมและจีนจะมีเส้นทางเดินที่มุ่งหน้าไปคนละเส้นทาง อย่าได้กลับมาพบเจอกันอีกเลย



“คริสติน” เสียงทุ้มนุ่มหนักแน่นของชายคนหนึ่งดังขึ้นอยู่อีกด้านของตู้เสื้อผ้า ร่างของผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความตกใจ และกระชับกอดเข่าตัวเองไว้แน่นกว่าเดิม



ดราโก?



ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงของดอนแห่งคอลิโอเน่นั้นช่างทรงพลัง หนักแน่น และมั่นคง ใจที่ผมเต้นรัวด้วยความกลัวเริ่มสงบลงมากขึ้นจนน่าแปลกใจ ผมอยากจะส่งเสียงตอบกลับไป แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยคำพูดอะไรออกไปได้เลย มันเหมือนเป็นความเคยชินว่าถ้าผมกำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้น ผมจะต้องอยู่ให้เงียบมากที่สุด ต้องนิ่งให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นตัวผมอาจจะถูกหาเจอ อาจจะโดนตามหาจนพบ และผมจะโดนทำร้าย



“เด็กน้อย เธออยู่ข้างในใช่ไหม”



ตัวของผมสั่นระริกมากขึ้น ผมรู้ว่าดราโกจะไม่ทำร้ายผม ถึงแม้เขาจะเป็นมาเฟียเหมือนกับคาโซ่ แต่พวกเขาก็ไม่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถห้ามความคิดของตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย เพราะลึกๆ ผมก็หวาดกลัวว่าเหตุการณ์ในอดีตมันกำลังย้อนกลับมา จึงทำให้ผมหวั่นไหวและหวาดกลัวได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม



แอ๊ด



เสียงเปิดตู้เสื้อผ้าดังขึ้นมาเบาๆ แสงสว่างที่ส่องเข้ามาจากข้างนอกนั้น ยิ่งทำให้ผมขดตัวและพยายามเบียดร่างเข้าไปในมุมมืดของตู้เสื้อผ้าให้มากที่สุด คำภาวนามากมายของผมพร่างพรูอยู่ในใจอย่างห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้



ได้โปรด อย่าเจอผม อย่าเจอผม



แต่ความคิดของผมก็ถูกฉุดดึงขึ้นมาจากเงามืดภายในจิตใจด้วยเสียงของเขา



“เทวดาตัวน้อยของฉัน ออกมาเถอะ” น้ำเสียงของดราโกฟังดูอ่อนโยนมากกว่าปกติ คำพูดของเขาเหมือนผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งที่กำลังล่อลวงเด็กน้อยให้มารับขนมหวาน “มาเถอะคริสติน”



ดราโกเอ่ยออกมาอีกครั้งและครั้งนี้เขายืนเงียบๆ เพื่อรอคอยผมอย่างใจเย็น คำพูดของดราโกไม่ใช่คำพูดที่สวยหรูอะไรในการใช้ปลอบโยนคน เพียงแต่ประโยคสั้นๆ ของเขามันกลับสะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่ในประโยคเหล่านั้น คำพูดของเขากำลังแสดงให้ผมเห็นว่าเขาพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ ผม เขากำลังรอให้ผมตัดสินใจ และรอให้ผมพร้อมที่จะยื่นมือไปหาเขา



‘… ฉันจึงอยากคอยช่วยเหลือเธออยู่ข้างๆ ถ้ากลัวก็อย่าลืมว่าเธอยังมีฉันอยู่...’



ประโยคนี้ของชายหนุ่มสะท้อนก้องไปมาอยู่ในใจของผม ไม่เป็นไร ผมยังมีดราโกอยู่ อย่ากลัว ผมต้องกล้าหาญ อย่ากลัว



‘...ถ้ากลัวก็อย่าลืมว่าเธอยังมีฉันอยู่...’



‘...เธอยังมีฉัน...’



ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังก้มตัวลงมาเล็กน้อย พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่เอื้อมมือมาทางผม ผมค่อยๆ รวบรวมความกล้าและเอื้อมมือไปจับฝ่ามือนั้นเอาไว้ เขากระชับมือกลับมาและออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ดึงร่างของผมที่นั่งอยู่ในมุมมืดให้ออกมาข้างนอกได้อย่างง่ายดาย



ร่างของผมโผไปหาชายหนุ่มตามแรงดึงของเขา แต่สุดท้ายก็เป็นตัวของผมเองที่พุ่งตัวไปกอดเขาเอาไว้แน่นๆ ฝังใบหน้าลงกับแผงอกของเขา และเป็นผมเองที่ปล่อยให้น้ำตาให้ไหลอย่างเงียบงัน น้ำตามากมายที่กักเก็บความรู้สึกของผมกำลังหลั่งไหลรินเป็นสาย น้ำตามากมายที่ผมคิดว่ามันแห้งเหือดไปแล้วกลับพลั่งพรูออกมามากมาย ผมร้องไห้อยู่เงียบๆ ร้องไห้ให้กับอดีตที่ปวดร้าว และร้องไห้ให้กับพี่ชายที่ครั้งหนึ่งพวกเราเคยเดินจับมือกัน ดูแลซึ่งกันและกัน และร้องไห้ให้กับความเจ็บช้ำที่เขาเลือกจะหันหลังและเดินจากไป



ผมที่พยายามเข้มแข็ง พยายามปล่อยวาง แท้จริงแล้วผมยังเก็บมันเอาไว้อยู่ในส่วนลึกในจิตใจ ผมสะอื้นอย่างไร้เสียง ร่ำร้องอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตาของผมกำลังตอบแทนทุกคำพูดและความเจ็บช้ำ ตัวของผมสั่นสะท้านเบาๆ แต่ในใจที่ปวดร้าวของผม มันกลับได้รับการปลอบโยนโดยเขาคนนี้อยู่เงียบๆ เช่นเดียวกัน



เมื่อผมกำลังร้องไห้ เขาก็กำลังกอดผมไว้แน่นๆ ใช้ฝ่ามือใหญ่ของเขาลูบหลังปลอบโยนผมอย่างอ่อนโยน



ดราโก



ดราโก



ดราโก



ชื่อของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผู้เป็นดอนของคอลิโอเน่ กลับเป็นชื่อแรกที่ผมเรียกหา พวกเรากอดกันอยู่ซักพัก ใช้เวลาปลอบโยนกันอยู่เงียบๆ หยาดน้ำตาที่หลั่งรินและความเจ็บปวดเริ่มบรรเทา ผมรู้สึกสงบใจมากขึ้นเมื่อมีชายหนุ่มอยู่ข้างๆ ผมไว้วางใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเองก็ไม่รู้ตัวว่าผมเปิดใจให้เขามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



“ขอบคุณครับดราโก” ผมเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง ไม่ใช่คำขอโทษที่ทำให้เขาต้องมาดูแลหรือเป็นห่วง แต่เป็นคำขอบคุณที่ไม่ปล่อยให้ผมต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้เพียงลำพัง “ขอบคุณครับ”



“คริสติน เด็กน้อยของฉัน เทวดาตัวน้อยของฉัน” ร่างสูงของชายหนุ่มก้มลงมากระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างใบหู “ฉันไม่ชอบที่เธอร้องไห้ เด็กน้อย ครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายที่ฉันจะเห็นน้ำตาจากเธอ เข้าใจไหม อย่าร้องเด็กดี”



อ้อมกอดของดราโกกระชับแน่นมากขึ้น คำพูดของชายหนุ่มเหมือนเป็นคำสั่งที่ผมต้องปฏิบัติตาม มันดูเผด็จการ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้น



“ครับ” ผมตอบรับคำของเขาเสียงอู้อี้ เพราะใบหน้าของผมยังฝังแน่นอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม



“รู้สึกดีขึ้นรึยัง” ดราโกถามผม หลังจากที่เรายืนกอดกันอยู่เงียบๆ มาพักใหญ่ ตอนนี้ใจของผมสงบมากขึ้นแล้วครับ สมองก็ปลอดโปร่งมากขึ้น



“ครับ ผมดีขึ้นมากแล้วครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองเขาเล็กน้อย และพยายามจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังคงคลอหน่วย แต่เพราะผมโดนแขนแข็งๆ ของเขารัดไว้แน่น จึงทำให้ผมเคลื่อนไหวอย่างที่ใจคิดไม่ค่อยได้ ได้แต่ขยับตัวยุกยิกเป็นการบอกใบ้ให้เขารู้เท่านั้น แถมผมยังรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นเสื้อของเขาที่เปียกชุ่มจากน้ำตาของผมเป็นวงกว้าง



“ขอโทษนะครับ เสื้อของคุณเปียกหมดเลย” ผมขอโทษเขาจากใจจริง แต่พอเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม ผมกลับนิ่งงันไปเล็กน้อยเมื่อเงยหน้าสบตากับเขา ดวงตาคมสีทองของดราโกดูลุ่มลึก สายตาแบบนี้ของเขาผมพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก



ดวงตาสีทองเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ทำไม ดวงตาและสายตาที่เขามองมา มันกลับทำให้ใบหน้าของผมร้อนวูบ เลยตัดสินใจดันอกของเขาเล็กน้อยเพื่อให้ระยะห่างระหว่างเราเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่าดราโกจะไม่ยินยอม เขาจัดการรวบมือทั้งสองข้างของผมเข้าไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็จัดการรวบเอวของผมขึ้นมาจนขาของผมลอยห่างจากพื้น



“ดราโก?” ผมเอียงศีรษะมองเขาอย่างแปลกใจ บรรยากาศระหว่างเรามันดูแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเพราะท่าทางของดราโก หรือไม่ก็สายตาของเขาที่จ้องมองมากำลังตรึงสายตาและร่างกายของผมให้นิ่งงัน



เหมือนผมกำลังถูกดึงดูดเข้าไปในดวงตาสีทองคู่นั้นทีละนิด เหมือนกับที่ความสำคัญของดราโกที่อยู่ในใจของผมมันกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที ผมก็เปิดใจเล่าเรื่องของผมให้เขาฟังเร็วกว่าตอนคุณพ่อและแด๊ดดี้เอริคเสียอีก มันเพราะอะไรกันนะ ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย ทั้งๆ ที่พวกเราเจอกันได้ไม่นานแท้ๆ



.......



ดราโกจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเทวดาตัวน้อยของเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ไร้อารมณ์และไร้รอยยิ้มของคริสตินมันกำลังทำให้เขาเจ็บปวดใจ เด็กน้อยของเขาต้องพบเจอกับโลกโสมมที่มีแต่ความชั่วช้า สันดานดินเถื่อน และความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ความเลวร้ายที่เด็กคนนี้ได้พบเจอมันทำให้เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเติบโตภายในชั่วข้ามคืน



เขาไม่แปลกใจอีกต่อไปแล้วว่าทำไมคริสตินถึงดูเป็นผู้ใหญ่นัก ทำไมเด็กคนนี้ถึงมองโลกและเข้าใจโลกใบนี้เกือบทุกอย่าง เขานึกขอบคุณและนึกทึ่งในตัวคริสตินมาก เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ พบเจอการหักหลังจากคนที่เชื่อใจต่อหน้าต่อตา แต่กลับโชคดีที่เด็กคนนี้ยังไม่แตกสลาย ดีที่ยังรักษาจิตใจที่เข้มแข็งเอาไว้ได้ และดีที่ทำให้เด็กน้อยคนนี้ไม่เดินทางผิด



สิ่งที่จีนเล่านั้นไม่สามารถบรรยายความเลวร้ายที่คริสตินเจอมาทั้งหมดในสามเดือนหลังจากนั้นได้ เด็กน้อยยังไม่ได้เล่าเรื่องราวหลังจากนี้ให้เขาฟัง แต่เขายังไม่เร่งรัด เรื่องบางเรื่องถ้าบีบคั้นมากเกินไปมันจะทำให้เด็กคนนี้ล้มไปก่อน จิตใจของคริสตินคงแหลกสลายไม่สามารถกลับคืนมาได้แน่นอน เขาไม่รีบ ใช่ เขาไม่รีบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร



แผนการบางอย่างเริ่มไปแล้ว และมันต้องสานต่อโดยไม่สามารถรอคอยได้ แต่เขาก็เชื่อมั่นในตัวคริสตินเช่นเดียวกัน ว่าเด็กน้อยของเขา เทวดาตัวน้อยของคนคนนี้จะต้องกลับมามีรอยยิ้มและเผชิญหน้ากับทุกปัญหาด้วยความกล้าหาญได้แน่นอน แต่ถ้าไม่ไหว ก็ยังมีเขา มีคอลิโอเน่เป็นผู้สนับสนุนและพร้อมจะกรุยเส้นทางที่ยากลำบากให้เด็กคนนี้ได้แน่นอน



คริสตินไม่เหมือนใคร ความเด็ดเดี่ยว ความมีเหตุผล และความกล้าหาญที่เด็กคนนี้มีอยู่ในจิตใจมันกำลังดึงดูดเขาอยู่ตลอดเวลา คริสติน คริสติน เด็กน้อยคนดีของเขา เทวดาน้อยของเขา แสงสว่างของเขา ใครหน้าไหนที่บังอาจทำให้เด็กน้อยของเขาเสียน้ำตา ทำให้เด็กน้อยของเขาร้องไห้ หรือทำให้เด็กน้อยของเขาเสียใจ แม้จะเป็นพี่ชาย เขาก็จะไม่ปล่อยทิ้งไว้



จีน ไอรา



เด็กคนนั้นถึงจะรักคริสตินด้วยใจจริง แต่ก็เพราะความเห็นแก่ตัวและละทิ้งผู้มีพระคุณ สุดท้ายผลที่ได้กลับทำให้คริสตินต้องเผชิญหน้ากับนรกที่ฝากบาดแผลไว้ในจิตใจของเด็กน้อยอย่างสาหัส แต่ยังก่อน รอแผนการของเขาดำเนินไปอีกซักระยะ รอให้ทุกอย่างลงตัวและเรียบร้อย ถึงเวลานั้นเขาจะทำให้พี่ชายที่น่าสมเพชคนนั้นได้รู้ซึ้งเข้าไปถึงแก่น ว่าความโหดร้ายที่แท้จริงมันคืออะไร



“ดราโกครับ?” เสียงแผ่วเบาของคริสตินเอ่ยเรียกสติของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ดวงตาที่เย็นชาและเกรี้ยวกราดสงบลงในทันที สายตาของชายหนุ่มทอดมองร่างเล็กที่ถูกเขาอุ้มขึ้นมาด้วยมือเดียวอย่างเงียบๆ มองใบหน้าเล็กที่แดงเรื่อและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ริมฝีปากแดงและดวงตาบวมช้ำของคริสตินที่เขาเห็นในเวลานี้มันกลับกระตุ้นใจเขาจนกระตุก



ดอนแห่งคอลิโอเน่กำลังถูกปลุกสัญชาตญาณของนักล่าในตัว เขากำลังลำบากที่ต้องหักห้ามใจไว้อย่างสุดกำลัง ท่าทางของคริสตินในตอนนี้มันช่างน่ารักจนเขาอยากปลอบโยนด้วยความรักทั้งหมดเท่าที่เขามี ท่าทางของเทวดาตัวน้อยที่ดูบริสุทธิ์และกำลังอ่อนแอ มันกำลังทำให้เขาคลั่งและมันทำให้เขากระหายอยากจนแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว



ยิ่งดวงตาคู่นั้นมองเขาเหมือนทั้งโลกมีเพียงเขาแค่คนเดียว เขาก็อยากจะกลืนกินและครอบครองให้ทั้งตัวและหัวใจของเด็กน้อยอยู่กับเขาเท่านั้น ทีละนิด ทีละนิด ค่อยๆ สร้างกรงขึ้นมาดักล้อมเอาไว้ สร้างกรงที่เรียกว่าความไว้วางใจ ให้เด็กน้อยของเขาอยู่กับเขา วางใจเขา และเชื่อมั่นในตัวเขา สร้างสถานที่ที่คริสตินจะต้องอยู่เคียงข้างเขาเท่านั้น



เขาเริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ อยากจะกักเด็กน้อยคนนี้ไว้ในอ้อมกอด อยากจะกดร่างเล็กให้จมลงไปกับเตียง และอยากให้เด็กคนนี้ร้องเรียกแต่ชื่อของเขา...



“คำขอบคุณของเธอหมายถึงอะไร” เขาพยายามกดสัญชาตญาณของตัวเองไว้ให้ลึกมากที่สุด พาร่างเล็กของเด็กน้อยมานั่งอยู่ที่โซฟา โอบอุ้มและประคองคริสตินอย่างของล้ำค่า และพยายามหันเหความสนใจชักชวนคุยเรื่องอื่น



“ขอบคุณที่อยู่กับผมครับ ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือผม” คริสตินตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ ดวงตาสบกันมองลึกเข้าไปถึงข้างใน เทวดาตัวน้อยใช้สองมือยึดบ่าของเขาเอาไว้ และยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ “และขอบคุณที่อยู่ข้างๆ ผมนะครับ”



คริสตินไม่รู้เลยว่าท่าทางในตอนนี้ของตัวเองมันยิ่งทำให้ชายหนุ่มข่มกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เส้นอารมณ์ความอดทนมันเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งร่างเล็กนั้นเปลี่ยนจากยึดบ่าเป็นโอบรอบคอและซบหน้าลงมากับไหล่เขาอย่างออดอ้อนนั้นมันช่าง...



“เธอกำลังยั่วฉัน?” เขาถามขึ้นด้วยเสียงแหบพร่าอย่างควบคุมไม่ได้



“เปล่าครับ” เด็กน้อยตอบเขาอย่างรวดเร็ว แต่คิ้วเข้มของชายหนุ่มกลับเลิกขึ้นสูงด้วยความสงสัยและขบขันเล็กน้อย เพราะท่าทางและคำพูดของเจ้าตัวมันช่างสวนทางกันเหลือเกิน



“แต่ท่าแบบนี้เธอรู้ไหม เขาเรียกว่ายั่ว” มือใหญ่ของชายหนุ่มลูบไล้แผ่นหลังนั้นอย่างกระตุ้นอารมณ์



“ผมไม่รู้ว่าผมกำลังยั่วเหมือนที่คุณว่าหรือเปล่า แต่ผมแค่รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ คุณ” เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มของคริสตินคลอเคลียไปตามใบหน้าเขา “เหมือนอยู่กับแด๊ดดี้เอริคและคุณพ่อเลยครับ”



ประโยคสุดท้ายที่เทวดาตัวน้อยที่พูดออกมาทำให้ฝ่ามือของชายหนุ่มหยุดชะงัก ดราโกอยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆ ซักครั้ง นอกจากปัญหาเรื่องคริสตินกับพวกคาโซ่แล้ว ปัญหาหลักอีกอย่างหนึ่งคือการทำให้เด็กน้อยเข้าใจความแตกต่างระหว่างเขาและพ่อของเจ้าตัวซินะ ไม่อย่างนั้นก็จะเปรียบเทียบเรื่องพวกนี้ให้เขาปวดใจอยู่เรื่อยๆ



“คริสติน” เขาเรียกชื่อเทวดาตัวน้อยเบาๆ



“ครับ?” และคริสตินก็ขานรับ



“คริสติน” แต่เขาก็ยังไม่หยุดเรียก จนเด็กน้อยยอมผละจากบ่าของเขาและเงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง



“ครับ?”



และเขาก็ตอบคำถามด้วยการก้มลงจุมพิตริมฝีปากเล็กแดงเรื่อนั้นอย่างอ่อนโยน ไล้จุตพิตขบเม้มจนร่างเล็กของคริสตินสั่นสะท้าน หยอกเย้าดูดดึงยั้วเย้าจนเสียงลมหายใจของพวกเขาสอดประสานและหอบสะท้าน สอดลึกเข้าไป ไล้ต้อน เกี่ยวพัน กระหวัดหยอกล้อ จนเด็กน้อยของเขาทนไม่ไหว จิกบ่าของเขาไว้แน่นและแหงนใบหน้าขึ้นสูงจนเขาไล้เชยชิมอย่างสมใจ



จนกระทั่งอากาศของพวกเขายังถูกสูบกลืนจนแทบหมดลม ดราโกเลยยอมปล่อยให้ร่างเล็กสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แต่ไม่ทันไรริมฝีปากบางแสนร้ายกาจก็กลับมาไล่ต้อนคริสตินอีกครั้ง และอีกครั้งจนร่างของเด็กน้อยอ่อนระทวยเอนซบอกอย่างคนไร้เรี่ยวแรง มุมปากของดราโกกระตุกยิ้มร้าย ความหอมหวานที่ได้เชยชิมนั้นล้ำค่าและเหมือนสารเสพติดที่อันตรายร้ายแรง



“พ่อของเธอได้จูบเธออย่างนี้ไหม” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของดราโกนั้นฟังดูไม่น่าไว้วางใจ แต่เด็กน้อยก็ยังตอบคำถามด้วยการส่ายศีรษะเบาๆ อย่างคนอ่อนแรง



“งั้นเหรอ แล้วแบบนี้ล่ะ” ว่าจบฝ่ามือหนาของชายหนุ่มก็สอดเข้าไปใต้เสื้อยืด ลูบไล้แผ่นหลังนุ่มอย่างเบามือ ลากไปตามสัดส่วนและเส้นสายกล้ามเนื้อน้อยๆ ของคริสตินอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะยกชายเสื้อขึ้นสูง เผยหน้าอกขาวเนียนและยอดอกน่ารักสีชมพู ดวงตาสีทองของชายหนุ่มเข้มมากขึ้น ความกระหายอยากพลุ่งพล่านจนต้องก้มลงไปลิ้มลองให้หายอยาก หยอกเย้ายอดอกเล็กๆ ด้วยปลายลิ้นร้อนผ่าว ก่อนจะกลืนกินดูดดึงให้ลึกซึ้งมากขึ้น



“อื้อ” คริสตินสะท้านเยือกเมื่อจุดอ่อนไหวของเขาถูกรบกวน เหมือนประสาทความรู้สึกของเขาไปรวมอยู่ในจุดเดียว เพราะอย่างนั้นมันจึงปลุกเร้าความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาจนกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป



ดราโกเห็นใบหน้าของเด็กน้อยที่แหงนเชิดขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว ดวงตากลมสีน้ำตาลหลับตาและขมวดคิ้วย่น ริมฝีปากบวมช้ำแดงเรื่อถูกขบเม้ม ภาพของเทวดาตัวน้อยตอนนี้มันช่างเซ็กซี่ร้ายกาจ เซ็กซี่ ยั่วเย้าอย่างไร้เดียงสา ฝ่ามือใหญ่ของเขาเลื่อนไปเล่นกับยอดอกอีกข้างอย่างชำนาญ เคล้าคลึงจนเต่งตึงและเบ่งบาน จนเขาต้องย้ายมาดูดกลืนอีกข้างอย่างอดใจไม่ไหว



เสียงครางแผ่วเบาที่คริสตินพยายามสะกดกลั้นไว้ในลำคอนั้นน่าเอ็นดู จนชายหนุ่มอย่างฟังเสียงนั้นชัดๆ ซักครั้ง จนกระตุ้นหยอกเย้าลึกขึ้น จนเด็กน้อยของเขาน้ำตาเอ่อคลอ กอดรัดศีรษะของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งนี้กลับทำให้ดราโกเชยชิมลิ้มรสเรือนร่างของคริสตินได้ถนัดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“มะ ไม่ ดราโกครับ” คริสตินเสียงสั่นพร่า พยายามเอ่ยห้ามเขาด้วยเสียงเบาหวิวจนแทบกลายเป็นคร่ำครวญ



“คำตอบล่ะเด็กน้อย” ดราโกยิ้มบางเบา ดวงตาคู่งามฉายแววเจ้าเล่ห์เต็มเปี่ยม แต่เทวดาตัวน้อยที่ยังคงหลับตาอยู่นั้นกลับไม่เห็นภาพเหล่านี้ได้เลย “พ่อของเธอเคยทำแบบนี้ไหม”



“อึก มะ ไม่ครับ” เด็กน้อยตอบเสียงแผ่วเบา แต่คำตอบของคริสตินกลับเป็นแรงกระตุ้นให้ชายหนุ่มได้เริ่มขั้นตอนต่อไปในทันที หลังจากลิ้มรสริมฝีปากและยอดอกของคริสตินจนอิ่มใจ เขาก็จัดการตีตราจองสำรวจไปทั่วเรือนร่างอย่างห้ามใจตัวเองไม่ไหว ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มปกคลุมร่างขาวให้ปรากฏสู่สายตา และพลิกร่างเล็กของคริสตินให้นอนลงไปยังโซฟากว้างทันที



ทั้งดวงตา มือ และริมฝีปากของดราโก กลับสัมผัสลากไล้ทุกสัดส่วน ก้มขบเม้มดูดดึงและตีตราไปทั่วทุกผิวกาย จากร่างกายขาวนวลกลับปรากฏกลีบกุหลาบสีแดงก่ำขึ้น ดราโกไม่ปล่อยให้มีที่ว่างใดใดได้เล็ดลอดไป แม้กระทั่งขาอ่อนด้านในเขาก็ยังก้มตีตราจนแทบจะแนบชิดจุดสำคัญ



“ดะ เดี๋ยวก่อนครับ” คริสตินพยายามจะเอ่ยห้าม แต่เมื่อเทวดาตัวน้อยของเขาลืมตาขึ้นก็สบกับดวงตาสีทองที่ร้อนแรงและเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนาที่ลุกไหม้จนเด็กน้อยยังรู้สึกได้



“แล้ว...แบบนี้พ่อของเธอได้ทำไหม” สายตาของดราโกจริงจัง เขายันตัวขึ้นสูงแต่ก็ยังกักขังเทวดาตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน ดวงตาของเขาสื่อทุกสิ่ง ทุกความจริงไว้อย่างชัดเจน



“ไม่ครับ” คริสตินตอบเขาและสบสายตากันและกันเนิ่นนาน



“ฉันไม่ใช่พ่อของเธอและไม่เหมือนพ่อของเธอ และไม่ใช่ลุงของเธอเช่นเดียวกัน” ดราโกเอ่ยช้าๆ แต่หนักแน่นชัดเจน โดยเฉพาะคำว่า ‘พ่อ’ และ’ ลุง’ ที่ชายหนุ่มเน้นคำเป็นพิเศษจนคริสตินต้องเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ



“เพราะอะไรครับ?” คริสตินเอียงศีรษะมองเขานิ่งๆ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตของเด็กน้อยจริงจัง “ผมอยากรู้ คุณช่วยบอกผมได้ไหมครับ”



ชายหนุ่มใช่ศอกชันร่างหนาของเขาเอาไว้ไม่ให้กดทับร่างของคริสตินจนเด็กน้อยรู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ออก มืออีกข้างที่ว่างก็เคลื่อนไปเสยเส้นผมนุ่มสีน้ำตาลที่ปรกหน้าผากให้เปิดขึ้น และก้มจุมพิตหน้าผากนวลเนียนนั้นแผ่วเบา ก่อนเคลื่อนมาจุมพิตยังเปลือกตาทั้งสองข้างช้าๆ และเป้าหมายสุดท้ายคือริมฝีปากอิ่มช้ำแดงเรื่อนั้น เขาก้มจุมพิตเนิ่นนานเพื่อถ่ายทอดทุกความรู้สึกของเขาลงไปให้เทวดาตัวน้อยได้รับรู้



“ฉันชอบเธอ และจนวันนี้...มันกลายเป็นรัก” ดราโกกระซิบแผ่วเบาอยู่เหนือริมฝีปากที่ผละห่างกันเล็กน้อย ดวงตาสีทองคมถ่ายทอดความรู้สึกและความจริงใจจนปรากฏชัดอยู่ในสายตา



“ฉันรักเธอ เทวดาตัวน้อยของฉัน”







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเทวดา : บทที่ 22 ความในใจ (07.11.18)
« ตอบ #129 เมื่อ: 07-11-2018 09:22:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยยยยยย อ่านแล้วสงสารน้องมากเลย นี่ก็เข้าข้างลุงนะเนี่ย ยังไม่เห็นใจคุณพี่ชายอ่ะ (อินมากกกก)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 22 ความในใจ (07.11.18)
«ตอบ #131 เมื่อ07-11-2018 16:22:51 »

ลุงสารภาพรักแล้ว :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: กรงเทวดา : บทที่ 22 ความในใจ (07.11.18)
«ตอบ #132 เมื่อ07-11-2018 18:21:07 »

น้องงงงงง :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: กรงเทวดา : บทที่ 22 ความในใจ (07.11.18)
«ตอบ #133 เมื่อ07-11-2018 20:27:01 »

น่าสงสารเด็กๆ และ คนที่เป็นเหยื่อพวกค้ามนุษย์  :mew2: :mew2: :mew2:
ร่างกาย จิตใจ ที่ตกอยู่ในภาวะถูกกักขัง ทารุณ อดหยาก ทรมาน
คงเป็นทุกข์หนักหนาสาหัสมากๆ
ถึงพ้นภาวะนั้นมาแล้ว แต่จิตใจยากที่จะฟื้นเป็นปกติได้  :เฮ้อ:

ดราโก  คริสติน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: กรงเทวดา : บทที่ 22 ความในใจ (07.11.18)
«ตอบ #134 เมื่อ11-11-2018 08:03:54 »

เอาใจช่วยทั้งคู่ ให้แผนเป็นไปด้วยความสำเร็จ

ล้างบางพวกเดนมนุษย์พวกนั้นให้ได้

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 22 ความในใจ (07.11.18)
«ตอบ #135 เมื่อ11-11-2018 11:01:44 »

สารภาพรักแล้ว ลุงรักเด็ก

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 23 ใกล้ชิด (14.11.18)
«ตอบ #136 เมื่อ14-11-2018 15:51:30 »


บทที่ 23 ใกล้ชิด



“ฉันชอบเธอ และจนวันนี้...มันกลายเป็นรัก” เสียงกระซิบของดราโกนั้นแม้แผ่วเบา แต่กลับดังกึกก้องอยู่ภายในใจของผมอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกบางอย่างที่เขาส่งผ่านมาให้ผมรับรู้นั้น มันทั้งอบอุ่นและชวนให้ใจของผมกระตุกเต้นรัว



“ฉันรักเธอ เทวดาตัวน้อยของฉัน” ดวงตาสีทองของชายหนุ่มที่คร่อมตัวผมอยู่นั้นเปิดเปลือยทุกความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ผมรับรู้ได้จากคำพูดและความรู้สึกที่ท่วมท้นของเขา พวกเรามองตากันและกัน นิ่งค้างอยู่ท่านั้นเนิ่นนาน ผมรู้ว่าเขากำลังรอคำตอบจากผมเช่นเดียวกัน



ความรู้สึกของดราโกคือเรื่องจริง ผมสามารถรับรู้ได้จากทุกการกระทำและแววตาที่จริงใจของเขา เรื่องความรักหรือความรู้สึกนั้นผมไม่สามารถตอบไปส่งๆ หรือล้อเล่นกับใจของใครได้ ดังนั้นผมจึงสำรวจลึกลงไปในใจของผมแทนเพื่อที่จะตอบความรู้สึกของผมที่มีต่อเขาเช่นเดียวกัน



ถึงแม้ว่าในเรื่องความรักนั้นผมจะยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ เพราะบางทีความรักมันก็ซับซ้อน และบางครั้งมันก็เรียบง่ายจนน่าแปลกใจ แต่เพราะตัวผมเองที่ยังไม่รู้ใจของตัวเองดี ผมจึงเลือกที่จะถามดราโกอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจะให้เขาช่วยเหลือและวิเคราะห์ในสิ่งที่ผมรู้สึกได้



“ดราโกครับ” ผมตัดสินใจที่จะถามเขา ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองผมและขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น “ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกจะเรียกว่าความรักหรือเปล่า เพราะผมก็ไม่เข้าใจมันมากเท่าไหร่นัก แต่ผมก็พึ่งรู้ตัวว่าคนแรกที่ผมมองหา คือคุณ มันจะใช่หรือเปล่าครับ?”



ผมเอียงศีรษะมองเขาและถามเขาด้วยความสงสัยใคร่รู้ มือหนาของชายหนุ่มยังคงลูบศีรษะของผมเบาๆ ผมสังเกตเห็นหัวคิ้วของดราโกที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ



“บางทีผมก็อยากจะอยู่ใกล้ๆ คุณ เพราะผมรู้สึกว่าอยู่ใกล้คุณผมจะปลอดภัย มันจะใช่ไหมครับ?”



ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบนิ่ง แต่ผมกลับสังเกตเห็นดวงตาสีทองของดราโกเป็นประกายเล็กๆ อยู่ภายใน



“หรือแม้กระทั่งเรื่องที่นอนของพวกเรา ตอนแรกๆ ผมก็อึดอัด แต่พอหลังจากนั้นผมก็พบว่าผมจะนอนหลับสนิทได้ก็ต่อเมื่อคุณกอดผม แบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ?”



ดวงตาของดราโกเป็นประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเอียงศีรษะมองเขา ใบหน้าหล่อเหลาของดราโกยิ่งขยับเข้ามาใกล้ผม โครงหน้าของชายหนุ่มนั้นดูสมบูรณ์แบบ ดวงตาคมกริบสีทอง คิ้วเข้มที่ดูดุดัน และจมูกโด่งเป็นสัน ผมยกมือลูบไปตามกรอบหน้าของเขาช้าๆ วาดไปตามรูปหน้าและไล่นิ้วไปตามสันจมูกของเขาด้วยความสนใจ



“และเมื่อผมเจ็บปวดจากเรื่องมากมายที่ผมต้องเผชิญหน้า ผมกลับรู้สึกวางใจที่จะเล่าให้คุณฟัง แบบนี้จะใช่ไหมครับ?”



สุดท้ายปลายนิ้วของผมก็หยุดลงที่ริมฝีปากบางได้รูปของดราโก ผมรู้สึกว่าริมฝีปากของเขามันดูสวยและนุ่มมากเลยครับ จึงอดที่จะลูบเบาๆ ไม่ได้ แต่เมื่อปลายนิ้วของผมหยุดนิ่งอยู่ที่กึ่งกลางริมฝีปากของเขา ดราโกก็ก้มลงงับปลายนิ้วของผมช้าๆ ไล่ขบเม้มและใช้ปลายลิ้นหยอกเย้าผม กระแสและความร้อนบางอย่างเริ่มลามเลียมาจากจุดที่ดราโกขบกัดไปทั่วร่าง และสายตาของเขาก็มองลึกเข้าไปในดวงตาของผมไม่ห่างไปไหน



“ผมรู้สึกว่าคุณได้มอบความกล้าให้กับผม ทำให้ผมกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอดีต กล้าที่จะจัดการปัญหาทุกอย่าง เพราะผมเชื่อมั่นว่าคุณจะคอยอยู่ข้างๆ ผม คอยช่วยเหลือผม คอยประคับประคองและดูแลผม ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ มันจะใช่หรือเปล่าครับ?”



ดราโกจุมพิตกลางฝ่ามือของผมเบาๆ มืออีกข้างของผมก็ลูบใบหน้าของเขาช้าๆ เช่นเดียวกัน ดวงตาของดราโกเปล่งประกายเจิดจ้ามากกว่าเดิม สีทองในดวงตาของเขาสวยงามยิ่งกว่าทุกครั้ง



“และเมื่อผมเจ็บปวด คนแรกที่ผมนึกถึงคือคุณ ผมรู้สึกสบายใจที่มีคุณอยู่ข้างๆ ใช่ไหมครับ? ความรู้สึกแบบนี้มันเรียกว่ารักหรือเปล่า? ผมเคยอ่านในหนังสือ เขาบอกว่าความรู้สึกเป็นอารมณ์ที่ซับซ้อนมากที่สุด แปรปรวนและสับสนมากที่สุด สำหรับผมที่เป็นพวกอารมณ์ความรู้สึกบกพร่อง เลยไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จะสามารถพูดคำว่ารักได้ไหม แต่ผมรู้แค่ว่านอกจากคุณพ่อ และแด๊ดดี้เอริคแล้ว ก็มีแค่คุณที่ผมอยากจะส่งยิ้มให้มากเหลือเกิน”



เพราะรอยยิ้มของผมเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามีค่ามากที่สุดที่ผมได้ทำหล่นหายไป และผมคิดว่ามันสำคัญสำหรับผมมากที่จะมอบรอยยิ้มให้กับพวกเขา



“และเมื่อคุณพูดคำว่ารัก ใจของผมมันเต้นตึกตักและรู้สึกอบอุ่น แบบนี้จะเรียกว่าผมรักคุณหรือเปล่าครับดราโก?”



ดวงตาของพวกเรามองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน สิ่งที่ผมพูดคือความจริงที่ผมรู้สึกและได้บอกทุกความรู้สึกของผมให้กับชายหนุ่มได้รับรู้ แต่ครั้งนี้ดวงตาของดราโกกลับเจิดจ้าเปล่งประกาย และรอยยิ้มของเขาก็ปรากกฏอยู่บนใบหน้า ทำให้บรรยากาศรอบตัวของชายหนุ่มเปลี่่ยนไป มันดูอบอุ่นและอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น



“คริสติน” ใบหน้าของดราโกเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราแตะสัมผัสกันและกัน ผมเห็นดราโกได้อย่างชัดเจน ยิ่งใบหน้าเราใกล้ชิดกัน ผมยิ่งเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจของเขา มันกำลังตื่นเต้นและยินดี ดราโกกำลังมีความสุข



“คริสติน” เขาพึมพำเรียกชื่อผมครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับทุกส่วนบนใบหน้าของผม เขาจุมพิตหน้าผาก เปลือกตาทั้งสองข้าง และสุดท้ายเขาก็ดูดกลืนริมฝีปากของผมเนิ่นนาน สัมผัสถึงกันและกันจนดูดดื่ม และลึกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับผมจนดวงตาของผมพร่าเลือน



ลมหายใจของเราสอดประสานและพัวพันกันจนไม่มีช่องว่างใดใดให้เล็ดลอดผ่านไป ผมเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขากลับ และเป็นฝ่ายเกี่ยวกระหวัดชักชวนเขาก่อนอย่างใจกล้า สองมือผมโอบรอบคอของเขาไว้มั่น และหลับตาเพื่อรับรู้ความรู้สึกที่ส่งผ่านกันและกัน ใจของผมเต้นเร็วมากกว่าปกติ และรู้สึกดีจนน่าแปลกใจ



พวกเราจุมพิตกันเนิ่นนาน เดี๋ยวก็บางเบาอ่อนโยน แต่อีกเดี๋ยวก็ร้อนแรงแทบแผดเผามอดไหม้ จนกระทั่งสุดท้ายผมหอบสะท้านและรู้สึกว่ามันไม่พอ ผมต้องการมากกว่านี้ ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ว่าสิ่งนี้คือกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย ผมกำลังต้องการและอยากได้รับการเติมเต็ม



ผมรู้ว่าตัวผมไม่มีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้เลยเมื่อเทียบกับดราโก ทั้งริมฝีปากและฝ่ามือของเขานั้นร้ายกาจ คอยชักนำและพาผมให้ดำดิ่งลึกลงไปในห้วงอารมณ์ที่แสนบ้าคลั่ง หลงมัวเมา เพลิดเพลิน และสับสนกับอารมณ์ที่พุ่งทะยานไปตามรอยจุมพิต ตามรอยฝ่ามือที่สำรวจลูบไล้ ร่างกายทุกสัดส่วนถูกเขาสำรวจตรวจตราและฝากรอยรักไปทั่ว



เขาบีบเค้นสัมผัสและเชยชิมผิวกายของผมอย่างไม่เบื่อหน่าย



มากกว่านี้ มากขึ้นเรื่อยๆ จนผมแทบทานทนไม่ไหว ความร้อนผ่าวที่เกิดจากชายหนุ่มกำลังกัดกินผม



“อ๊ะ อื้อ” ความรู้สึกวาบหวามกระตุกเร้าไปทั่วร่างกาย แผ่นอกของผมเกร็งสะท้านเมื่อความร้อนผ่าวของริมฝีปากของดราโกสัมผัสกับยอดอกของผม ผมรู้สึกเจ็บ เมื่อเขาก้มขบเม้มดูดดึงอย่างแรงจนมันท้าทายสายตาคมกริบของเขา เขายกยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นปฏิกิริยาจากร่างกายของผมที่เป็นไปตามแรงอารมณ์ที่พุ่งทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แก่นกายของผมร้อนผ่าว มันปวดหนึบ และร่ำร้องขอความเมตตา



ผิวกายที่ขาวละเอียดของผมเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ และเต็มไปด้วยรอยกลีบกุหลาบสีช้ำ ผมหอบสะท้าน ใจสั่นระรัว และรู้สึกเขินอายเมื่อดราโกยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เขาปลดเปลื้องทุกพันธนาการบนเรือนร่าง และเผยรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ ทุกท่วงท่าของชายหนุ่มตรึงสายตาของผมไว้ เหมือนแรงดึงดูดที่มองไม่เห็นกำลังสะกดสายตาของผมให้จับจ้องเขาอย่างไม่อาจละสายตา



“เทวดาตัวน้อยของฉัน เด็กน้อยของฉัน คริสตินของฉัน” น้ำเสียงของดราโกแหบพร่าไปตามแรงอารมณ์ ผมสัมผัสได้ว่าดราโกกำลังดีใจ กำลังตื่นเต้น และกำลังหลงใหลไปกับผม



เมื่อเขาจุมพิต ผมรู้สึกมัวเมา เมื่อผมถูกสัมผัส ผมรู้สึกมอดไหม้ และสิ่งที่ผมรู้สึก ดราโกก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาคลอเคลีย แนบชิด และผมสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาที่กล้าแกร่งแนบชิดกับต้นขาของผม ของๆ ดราโกนั้นร้อน ร้อนและเต็มไปด้วยความต้องการที่เอ่อร้นจนผมสัมผัสได้ และตัวตนของผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน



“ดราโกครับ” ผมไม่รู้จะจัดการความรู้สึกของผมตอนนี้ได้ยังไง ผมจึงได้แต่ช้อนตามองเขาและร่ำร้องรียกชื่อของชายหนุ่มเท่านั้น ความรู้สึกแบบนี้มันยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ ที่ผมเคยสัมผัสมา “ดราโก”



ดวงตาสีน้ำตาลของผมคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตาและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งทะยาน ผมเกาะบ่าของเขาไว้แน่น ร้อนรุ่มไปหมดทั้งร่างกาย อยากจะปลดปล่อย อยากจะได้รับการเติมเต็ม อยากจะแนบชิด และอยากจะสัมผัส ความรู้สึกเหล่านี้กำลังถาโถมผมเข้ามาเรื่อยๆ



ดราโกรับรู้ถึงความต้องการของผม เขาเลยรั้งร่างของผมให้ลุกขึ้นมาและนั่งลงบนตักแกร่งของเขา ตัวตนใหญ่โตของเขาแนบชิดชูชันจนผมสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ได้ บรรยากาศแปลกประหลาดอบอวลรายล้อมรอบๆ ตัวพวกเราทั้งคู่เอาไว้ มันหอมหวาน มัวเมา และฉุดรั้งสติให้พร่าเลือน



ฝ่ามือใหญ่ของเขากอบกุมความแข็งขึงร้อนผ่าวของเราทั้งคู่ไว้ด้วยกัน รูดรั้งปลอบประโลมและพาผมดำดิ่งไปกับความร้อนแรงที่กำลังแผดเผาร่างกายของผมอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากผมถูกขบไว้แน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ที่สูงขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ชายหนุ่มกลับไม่ยินยอม บังคับผมให้เปิดรับริมฝีปากของเขาอีกครั้งและอีกครั้ง ให้ผมเผยเสียงที่ข่มกลั้นไว้จนแหบพร่า



“เด็กดี ให้ฉันได้ยินเสียงของเธอ คริสติน” ดราโกใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของผมเบาๆ ให้ผมยินยอมรับการเล้าโลมและเอาแต่ใจจากเขา



“อื้อ ดะ ดราโกครับ” เขากำลังช่วยผม และกำลังช่วยตัวเองไปพร้อมๆ กัน เพราะการชักนำของเขา ทำให้อารมณ์ของผมพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โบยบินและพุ่งทะยานจนตัวผมกระตุกเกร็งและแอ่นกายปลดปล่อยทุกหยาดหยดให้พร่างพรมไปพร้อมๆ กับเขา



เมื่อความอึดอัดได้รับการปลดปล่อย ร่างกายของผมก็ไร้เรี่ยวแรงจนเอนซบกับตัวเขาและหอบสะท้าน ลมหายใจรินรดต้นคอของดราโก ร่างกายที่เปลือยเปล่าแต่ยังแนบชิดกันและกันนั้นแม้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดี ฝ่ามือของชายหนุ่มยังคงเปียกชื้นและเต็มไปด้วยน้ำหวานที่ยังเลอะเปราะเปื้อนเต็มฝ่ามือ ทั้งเขาและผมยังเอนซบกันและกัน โอบกอดและตะกองกอดกันอยู่เงียบๆ



ผมหลับตาซบอยู่กับซอกคอของชายหนุ่ม ความรู้สึกเมื่อครู่ที่พึ่งเกิดกับตัวผมนั้นมันมหัศจรรย์และทรมานไปพร้อมกัน แต่ใจผมก็ยัวรู้ดีว่ามันยังไม่เพียงพอ มันสุขสมแต่ไม่เต็มอิ่ม น่าแปลกที่ผมยังคงรู้สึกแบบนี้



“ไม่ชอบหรือ?” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามผมข้างหู ดวงตาคมกริบของดราโกมองผมนิ่งๆ สงสัยคิ้วของผมคงขมวดพันกันยุ่ง เขาเลยถามผมขึ้นมาแบบนี้



“เปล่าครับ” ผมส่ายศีรษะเบาๆ และทิ้งตัวลงไปซบกับไหล่เขาตามเดิม รอให้ลมหายใจของผมเป็นปกติอยู่เงียบๆ



“แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คิดแบบนั้น” ชายหนุ่มยังคงสงสัยและเอ่ยถามต่ออย่างไม่อยากให้คั่งค้าง



“ผมชอบครับ มันรู้สึกดี แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงคิดว่ามันยังไม่พอ” ผมดันตัวออกเล็กน้อยและเงยหน้าสบตากับเขา “ผมคิดว่าผมอยากได้มากกว่านี้ แต่ไม่รู้ว่ามากกว่านี้คืออะไร มันเลยสับสนหงุดหงิดแปลกๆ”



เมื่อผมพูดจบประโยค รอยยิ้มที่มุมปากของดราโกก็ยกสูง ดวงตาสีทองก็พราวระยับและส่วนใหญ่โตของเขาก็ชูชันขึ้นมาทันที ผมรู็สึกถึงความแข็งแกร่งที่บดเบียดแนบชิดเข้ามาอีกครั้ง จึงก้มลงไปมองตัวตนของดราโกอย่างตกใจ



“ทำไมถึง...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาทันทีเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง



“เพราะเธอไงเด็กน้อย” เสียงทุ้มกระซิบเสียงแหบพร่า “หึ แต่ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาหรอกนะ”



ดราโกยกตัวผมลงจากตักของเขาและจะพยุงตัวผมที่ยังอ่อนแรงไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อและน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะไปทั่ว แต่ผมก็ขืนตัวเอาไว้และเงยหน้ามองเขาที่ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างโซฟา ศีรษะของผมเอียงเล็กน้อยอย่างสงสัยใคร่รู้



“ถ้ามากกว่านี้ คุณก็จะทำผิดกฏหมายในเรื่องพรากผู้เยาว์ใช่ไหมครับ” ผมถามเขา



“ที่ฉันทำอยู่นี่ก็ก้าวขาเข้าไปในคุกข้างหนึ่งแล้วล่ะ” รอยยิ้มของดราโกดูไม่น่าไว้วางใจ “แต่ถึงจะต้องเข้าคุกไปจริงๆ ฉันก็ยินดี”



“เพราะอะไรครับ?” ผมเลิกคิ้วมองเขาอย่างสงสัย มีใครจะยินดีบ้างล่ะที่จะต้องเข้าไปในคุก ปราศจากอิสรภาพและถูกคุมขังอยู่ในห้องแคบๆ กันล่ะครับ



“ถ้าได้ครอบครองเธอและทำให้เธอเป็นของฉัน ฉันก็ยินดีที่จะเปิดประตูกรงขังและเดินไปให้ตำรวจจับด้วยตัวเองเลยล่ะเด็กน้อย” ประโยคแรกของดราโกฟังดูจริงจังและทำให้ผมนิ่งงัน แต่ประโยคถัดมาทำให้ผมต้องเลิกคิ้วมองเขาช้าๆ และส่ายศีรษะให้ในทันที



“อย่างคุณนี่ถ้าจะยากนะครับ ผมว่าแค่คุณเหยียบเท้าเข้าไปแค่ก้าวเดียวพวกเขาก็เชิญคุณออกมาแล้วล่ะครับ” ผมขมวดคิ้วและมองเขาอย่างจริงจัง อิทธิพลของคอลิโอเน่ไม่ใช่น้อยๆ นะครับ พวกเขามีผลประโยชน์เกี่ยวพันกันอยู่ เงินทุนสนับสนุนบางอย่างก็ได้มาจากทางคอลิโอเน่ด้วยเช่นกัน ทางรัฐบาลคงไม่ทำอะไรคอลิโอเน่ได้ง่ายๆ หรอกครับ



“บางทีฉันก็ไม่ชอบที่เธอฉลาดขนาดนี้นะเด็กน้อย” ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มเจือแววเอ็นดูสะท้อนออกมาให้เห็น “ไปอาบน้ำกันเถอะ”



ดราโกก้มลงและอุ้มตัวผมขึ้นมาทั้งสองแขน ฝ่ามือร้อนผ่าวโอบกระชับแผ่นหลังผมไว้แน่น ทั้งผมและดราโกแนบชิดกันจนผิวกายสัมผัสถึงอุณหภูมิของกันและกัน รวมถึงตัวตนของเขาที่สัมผัสอยู่ตรงหน้าท้องของผม ผมเกาะบ่าของเขาไว้นิ่งๆ มองเห็นแววตาและการข่มกลั้นอารมณ์ของดราโกเต็มสายตา แม้ชายหนุ่มจะมีใบหน้าเรียบเฉย แต่เพลิงอารมณ์ที่ไม่ยอมดับมอดของเขากลับฉายชัดอยู่ภายใน



“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลยนะครับ” คร่าวนี้เป็นตัวของผมเองที่ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ชิดกับใบหน้าของดราโก ใช้สายตาบังคับเพื่อให้เขาตอบคำถามที่ผมสงสัยและค้างคาใจ “ผมรักคุณหรือเปล่าครับ?”



“สำหรับฉันมันคือความรัก” น้ำเสียงของดราโกนั้นมันจริงจังและหนักแน่นมั่นคง ผมพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ แสดงว่าผมก็รักดราโกใช่ไหมครับ สิ่งที่ผมรู้สึก สิ่งที่ผมมอบให้กับเขามันเรียกว่ารัก แต่เป็นความรักที่แตกต่างจากที่ผมมอบให้คุณพ่อและแด๊ดดี้เอริค



“แต่เรายังมีเวลาอีกนาน ให้เธอค่อยๆ เรียนรู้ที่จะพูดคำนั้นออกมาให้ฉันฟัง” รอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่มนั้นเจิดจ้าและดูร้ายกาจเป็นพิเศษ “แต่ถ้าเธอพูดออกมาตอนนี้จริงๆ ฉันคงจะอดใจไม่ไหว วันนี้คงได้จับเธอกินลงท้องไปแน่ๆ”



“ถ้าอย่างนั้นคุณจะอดทนรอจนกว่าผมจะบรรลุนิติภาวะใช่ไหมครับ” ผมถามเขานิ่งๆ คิดวางแผนเอาไว้ว่า พออายุครบยี่สิบเมื่อไหร่ก็ค่อยบอกรักเขา และระหว่างนี้ผมก็จะค่อยๆ เรียนรู้เรื่องความรักให้มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าแผนการของผมคงนานมากไปหน่อย ชายหนุ่มร่างสูงที่ยังคงอุ้มผมอยู่นั้นเลยมีปฏิกิริยาแปลกๆ ขึ้นมาทันที



เพราะตอนนี้ร่างสูงของเขาชะงักนิ่งงัน สีหน้ายุ่งยากใจที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนก็ปรากฏอยู่บนใหน้าหล่อเหลา เหมือนว่าเขากำลังสู้กับความคิดและความต้องการของตัวเองที่มันสวนทางกันอยู่เลยครับ สีหน้าแบบนี้ของดราโกทำให้ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิด กล้ามเนื้อบนใบหน้าของผมยังคงแข็งทื่อเรียบนิ่งเหมือนเดิม คงจะมีแค่แววตาของผมที่มันสั่นไหววาววับเท่านั้น



“ถ้าถึงตอนนั้นผมจะบอกรักคุณ แล้วสถานะของเราคงกลายเป็นคนรักกัน แต่คุณจะต้องรออีกสี่ปีกว่าครับ จนกว่าผมจะอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์”



“ไม่!!! ตอนนี้เธอคือคนรักของฉันแล้ว เธอคือคนของฉันคริสติน” น้ำเสียงแข็งกร้าวเอาแต่ใจของดราโกพูดขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถรอได้ถึงตอนนั้นนะครับ ผมว่าสี่ปีก็แค่แป๊ปเดียวเท่านั้นเอง ดวงตาของชายหนุ่มวาวโรจน์ ความดึงดันเอาแต่ใจแบบนี้ทำให้ผมมองเขาเงียบๆ เหมือนเห็นคนแก่งอแงเป็นเด็กเลยครับ ผมเอียงศีรษะและพูดกล่าวเสริมขึ้นมาอีก



“ครับ ถึงเราจะเป็นคนรักกัน แต่เรื่องเพศสัมพันธ์คุณก็ต้องรอผมอายุครบยี่สิบปีอยู่ดีนี่ครับ ผมอายุยี่สิบ คุณก็จะอายุสี่สิบพอดี ฮอร์โมนทางเพศที่ต้องการจะมีเพศสัมพันธ์ก็จะลดลง คุณอาจจะไม่มีความต้องการแล้วก็ได้นะครับ ถึงตอนนั้นเราอาจจะต้องมาปรึกษาเรื่องนี้กันอีกที แต่สำหรับผมมันไม่เป็นปัญหาระหว่างเราหรอกครับ”



เรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างคนรักกันนั้นผมมองว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปครับ ยิ่งคนเรามีฮอร์โมนทางเพศอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้วด้วย ดังนั้นผมจึงถือว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติและกลไกของระบบในร่างกายที่คนทั่วไปจำเป็นต้องมีแต่ผมก็เคยอ่านหนังสือมาว่าคนที่อายุเริ่มมากขึ้น ความต้องการเรื่องเพศก็จะน้อยลง คบคนที่อายุห่างกันมากความต้องการก็จะสวนทางกัน ดังนั้นการวางแผนร่วมกันและปรึกษาแพทย์จึงมีความจำเป็นครับ



แต่ดูเหมือนว่าการวางแผนในอนาคตของผมจะทำให้ดราโกเครียดนะครับ เพราะผมสัมผัสได้ว่าตอนนี้ไหล่กว้างของดราโกที่ผมเกาะอยู่นั้นเกร็งจนขึ้นรูปกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ คิ้วเข้มขมวดมุ่นยุ่งยากใจและดูเคร่งเครียดกว่าเรื่องงานหรือวางแผนการใดใดของเขาเสียอีก ผมพูดข้อเท็จจริงและวิเคราะห์ด้วยความเคยชินซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของผม แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่คิดแบบนั้นนะครับ



“เธอกำลังยั่วฉัน” น้ำเสียงทุ้มลดไรฟันที่ขบเน้น คำกล่าวโทษของเขากลับทำให้ผมขมวดคิ้วแทน



“ทำไมคุณถึงชอบพูดว่าผมยั่วคุณล่ะครับ?” ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่นัก เพราะที่ผมพูดก็คือความจริงทั้งนั้น เขาจะสามารถมีอะไรกับผมได้อย่างไม่ผิดกฏหมายก็ต่อเมื่อผมบรรลุนิติภาวะ อีกทั้งการร่วมสัมพันธ์ก็เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตามกลไกของร่างกายที่คนทั่วไปต้องมีอยู่แล้ว แต่เมื่อคนเราอายุมากขึ้นฮอร์โมนทางเพศก็เริ่มลดน้อยลงไปตามช่วงอายุ ดังนั้นผมจึงมองว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทั่วไป จึงพูดถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ขึ้นมาให้เขาฟังก็เท่านั้นเองครับ



“เธอกำลังพูดเชิญชวนฉัน” ดราโกหรี่ตาลง เหมือนสิ่งที่ผมพูดนั้นเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่? ผมเริ่มจะสับสนแล้วครับว่าทำไมคำพูดของผมถึงกลายเป็นว่าเชิญชวนเขาไปได้



“เปล่าครับ” แต่ผมก็ยังปฏิเสธเขาไป



“ไม่ เด็กน้อย เธอกำลังยั่วฉันและเชิญชวนฉันให้กินเธอซะ เธอกลัวว่าถ้าฉันอายุมากกว่านี้จะไม่มีเรี่ยวแรงมารักเธอซินะ ดังนั้นเธอเลยบอกเป็นนัยว่ากินผมเถอะ ใช่ไหม?” เสียงทุ้มของดราโกแหบพร่าขึ้นมาทันที ตัวตนของดราโกที่ยังแนบชิดอยู่ตรงหน้าท้องของผมก็ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องขยับตัวยุกยิกอยากดิ้นหนีอ้อมกอดของเขา



“ถึงผมจะอยากได้มากกว่านี้ก็เถอะครับ แต่ผมคิดว่าเราก็ควรหยุดอยู่แค่ตรงนี้ดีที่สุดครับ” ผมบอกเขา แต่เหมือนว่าประโยคหลังนั้นเขาจะไม่ได้ฟังผมเลยนะครับ แค่ประโยคแรกที่ผมพูดขึ้นมาดวงตาของเขาก็โชนแสงเจิดจ้าขึ้นมาทันที



“ถ้าเธออยากได้ งั้นเรามาต่อกันดีไหม” เสียงของดราโกนั้นดูล่อลวงและเชิญชวน ตอนนี้ชายหนุ่มเปลี่ยนมารั้งแผ่นหลังผมด้วยมือข้างเดียว อีกข้างก็เลื่อนมาหยอกเย้ายอดอกของผม บดขยี้และหยอกเย้าจนร่างผมเกร็งกระตุก ทุกความรู้สึกของร่างกายไปรวมอยู่ที่จุดเดียวที่โดนนิ้วมือของเขารังแกอยู่



“ถ้าคุณทำจริง มันจะผิดกฏหมายนะครับ” เสียงของผมที่เอ่ยถามเขามันสั่นเล็กน้อย ความต้องการของร่างกายในช่วงวัยรุ่นนั้นจะรุนแรงและมีความต้องการสูงมากกว่าวัยอื่นๆ ทั่วไป ดังนั้นเมื่อถูกเขาสัมผัสเล็กน้อย ก็เป็นตัวตนผมเองที่ตื่นขึ้นมาบดเบียนเข้ากับตัวตนของดราโกอย่างไม่มีใครยอมใคร



“อืม นั่นซินะ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็โดนแค่ข้อหาเดียว ยังสู้เธอไม่ได้เลยนะ” น้ำเสียงของดราโกจากเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งใสซื่อ ซึ่งคำพูดของเขาที่พูดออกมามันไม่น่าไว้ใจสุดๆ เลยครับ



“แต่ผมไม่เคยทำผิดกฏหมายเลยนะครับ” ผมขมวดคิ้วมองเขาอย่างสงสัย ผมว่าตัวของผมก็เป็นพลเมืองดีคนหนึ่งนะครับ อาจจะไม่ดีมากแต่คิดว่าก็ไม่เคยทำผิดกฏหมายอะไร ดวงตาสีทองของดราโกมองใบหน้าที่ยังติดงุนงงของผมอย่างอารมณ์ดี



“รู้ไหมว่าการแฮคข้อมูลเป็นเรื่องผิดกฏหมายร้ายแรง ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและทำให้ผู้อื่นเสียหาย” คำพูดที่ดราโกพูดออกมาทำให้ตัวผมนิ่งงัน ผมลืมความจริงในข้อนี้ไปเสียสนิทเลยครับ การแฮคข้อมูลนั้นผิดกฏหมาย สำหรับตัวผมนั้นคงโดนไปหลายมาตรา ตั้งแต่มาตราที่ 5-16 ของความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมๆ กันแล้วผมคงติดคุกไม่น้อยกว่า 50 ปี ดูจากสิ่งที่ผมลงมือทำมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ดักรับข้อมูลในเครือข่าย ขัดขวางและรบกวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายแก่ระบบ และอีกไม่นานผมก็ใช้นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้วางแผนและก่อเกิดผลเสียต่อตัวบุคคลอีก



ใบหน้าของผมคงแสดงออกถึงความเคร่งเครียดเมื่อรู้ถึงความจริงที่ผมมองข้ามไปอย่างไม่น่าให้อภัย แต่เรื่องมันมาถึงตอนนี้แล้วจะกลับไปแก้ไขก็คงไม่ทัน บางทีถ้าเรื่องนี้จบลงผมคงจะไปมอบตัว และยอมรับความผิดในสิ่งที่ผมได้ทำลงไป



ผมใช้ความคิดของตัวเองอยู่เงียบๆ แต่เพราะดวงตาสีทองของดราโกที่จับจ้องผมอยู่ตลอดเวลานั้น เห็นสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดของผม เลยเรียกร้องความสนใจด้วยน้ำหนักมือที่ยังคงหยอกเย้ายอดอกผมไม่ยอมห่างไปไหน ทำให้ผมตัวอ่อนระทวยเอนซบไหล่ของเขาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงครางแผ่วเบาในลำคอ



“รู้ไหมเด็กน้อย เพราะเป็นเธอ ฉันถึงอยากจะลองทำผิดกฏขึ้นมา” น้ำเสียงทุ้มของดราโกเอ่ยขึ้นอยู่ข้างหูของผม ฝ่ามือที่โอบกระชับผมไว้นั้นมันกำลังร้อนผ่าว และอ้อมแขนแกร่งก็โอบรัดตัวผมไว้แน่น จนผมไม่อาจขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย “และเธอรู้ไหม ว่าฉันอยากจะครอบครองเธอมากขนาดไหน อยากกินเธอ อยากรังแกเธอ และอยากกักเธอไว้ในอ้อมแขนของฉันตลอดไป”



ผมเงยหน้าขึ้นมาจากบ่าของเขาทันที เมื่อได้ฟังคำพูดของชายหนุ่มที่พูดออกมาช้าๆ แต่หนักแน่นในทุกคำพูด



“ในวันที่เธอพร้อม ฉันอยากจะรักเธอให้เต็มที่ ถึงแม้มันจะยากที่ต้องหักห้ามใจ แต่มันก็ไม่ยากเกินที่ฉันจะเฝ้ารอคอยสิ่งล้ำค่านี้”



หน้าผากของดราโกก้มลงมาสัมผัสกับหน้าผากของผมเบาๆ คำพูดของเขาสั่นคลอนหัวใจของผมจนมันสั่นสะท้านและเต้นรัวอย่างรุนแรง คำพูดไม่กี่ประโยคของเขากลับมีอิทธิพลมากกว่าที่ผมคิด ผมหลับตาลงและซึมซับกับคำพูดของดราโกช้าๆ ทุกถ้อยคำของเขาเหมือนน้ำที่แทรกซึมลงไปในหัวใจของผมอย่างอ่อนโยน ไม่รู้ทำไม ผมถึงชอบความเอาแต่ใจของเขาแบบนี้จังเลยครับ



“ขอบคุณครับดราโก” ผมได้แต่ขอบคุณเขาเบาๆ คำพูดของชายหนุ่มทำให้ผมรู้ว่ายังมีเขาอีกคนที่พร้อมจะรักและดูแลผมอยู่ข้างๆ คอยจับมือและประคองกันก้าวผ่านอุปสรรคที่เป็นดั่งขวากหนาม และเพราะคำพูดของเขาที่บอกว่าผมเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเขา ใจของผมจึงกำลังร่ำร้องและโหยหาสัมผัสของเขาขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาด มันกำลังเต้นรัวและร้อนรุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป จึงเป็นฝ่ายที่เงยหน้าจุมพิตชายหนุ่มช้าๆ เริ่มสัมผัสริมฝีปากของเขาอย่างบางเบา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแนบแน่น และร้อนแรงในเวลาต่อมา





......................................

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงพักตับไตที่พังจากตอนก่อนหน้านะคะ มาอารมณ์หวาน น้ำตาลหก มดขึ้น เบาหวานถามหา กันก่อนนะคะ 5555 แล้วไม่กี่ตอนเราจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงกันแล้วค่ะ (บอกนักอ่านทุกท่านล่วงหน้าก่อนนะคะ จะได้รีบซ่อมแซมตับไตกันก่อนที่จะพังอีกรอบค่ะ ฮืออออออออ T^T ไรท์เปล่าแกล้งนะคะ ชูมือสาบานเลยค่ะ) 


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 23 ใกล้ชิด (14.11.18)
«ตอบ #137 เมื่อ14-11-2018 18:40:24 »

 :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: กรงเทวดา : บทที่ 23 ใกล้ชิด (14.11.18)
«ตอบ #138 เมื่อ14-11-2018 19:03:31 »

ฮือออ แค่นี้ ก็ร้อนแรงแล้วจ้าเด็กน้อยยย

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
บทที่ 24 ใกล้ชิดอีกครั้ง



แสงจันทร์นวลทอประกายสีเหลืองอ่อนดูอ่อนโยนและงดงามตาเป็นพิเศษ ประกอบกับภาพผืนน้ำที่เห็นเงาสะท้อนของดวงจันทร์กลมโตและผืนดาวมากมายบนฟากฟ้า ก็งดงามราวกับอัญมณีล้ำค่า แม้จะถูกแสงจันทร์บดบังไปบ้าง แต่ความงดงามของทั้งสองอย่างนั้นกลับทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้เงียบสงบและขับกล่อมจิตใจผู้คนให้ผ่อนคลาย



กลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นน้ำสดชื่นได้สายลมอ่อนพัดพาเข้ามายังภายในห้อง ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดกว้างเอาไว้ให้อากาศถ่ายเท สายลมพัดผ่านหยอกเย้ากระทบผิวกาย ยิ่งทำให้สองร่างที่คลอเคลียอยู่บนเตียงนอนกว้างยิ่งขยับแนบชิดสัมผัสผิวกายจนไร้ช่องว่างใดใดให้สายลมพัดผ่าน



ร่างเงาที่ทอดผ่านนั้นดูเย้ายวน งดงามและชวนให้ใจสั่น แม้สรีระจากรูปเงาจะแตกต่างกันอยู่มาก แต่ก็เข้ากันได้อย่างลงตัว ทั้งสองต่างสอดประสานบรรเลงเป็นท่วงทำนองเดียวกัน แม้จะไม่ได้ครอบครองอย่างที่ใจอยาก แต่การที่ได้สำรวจและลงมือตีตราไปทั่วทั้งเรือนร่างนั้นก็ทำให้ร่างสูงค่อนข้างพึงพอใจ



แม้จะไม่ได้ล่วงล้ำ แต่การเล้าโลมในรูปแบบนี้มันยิ่งรั้งจะทำให้ความอดทนของเขาน้อยลงไปทุกที ดวงตาสีทองของดราโกเข้มขึ้นเรื่อยๆ ลึกล้ำเร้าร้อนมากขึ้นทุกที แผ่นหลังขาวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขานั้นมีแต่รอยตีตราที่เขาเป็นผู้ลงมือกระทำด้วยความรักและความต้องการทั้งหมด



ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก้มร่างเข้าไปทาบทับแนบชิด ใช้นิ้วมือข้างขวาสอดแทรกฝ่ามือเล็กที่กำผ้าปูที่นอนจนยับยู่นี่ ให้สองมือสอดประสานกันและกัน และมือซ้ายที่ว่างก็รั้งช่วงเอวของเทวดาตัวน้อยที่แสนเย้ายวนตนนี้ให้ยกสูงขึ้น ให้สัมผัสความกล้าแกร่งและร้อนผ่าวจากตัวตนของเขาจนสั่นสะท้าน ยังก่อน เขาต้องอดทน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะกลืนกินเด็กน้อย



“อื้อ ดะ ดราโก” แต่ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังอดทนกับความต้องการภายในใจของเขาอยู่นั้น เสียงสั่นพร่าแหบเครือของคริสตินนั้นก็ดังขึ้นมาอย่างไม่ถูกจังหวะ เรียกชื่อของเขาด้วยเสียงแบบนั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้สติของเขาแทบขาดกระเจิง



“คริสติน คริสติน” ดราโกเรียกชื่อของเด็กน้อยซ้ำๆ “คริสติน เด็กดี ชิดขาให้มากขึ้นเด็กน้อย อย่างนั้นแหละ”



ชายหนุ่มช่วยจัดท่าทางของคริสตินให้อย่างอ่อนโยน รั้งเอวเด็กน้อยให้ขึ้นสูง เข่าและต้นขาให้แนบชิดกัน ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็ยังไม่เป็นไร แต่แค่นี้ เวลานี้ เท่านี้ก็เพียงพอ



ตัวตนใหญ่โตแทรกเข้าไประหว่างต้นขาที่แนบชิดกันอยู่ของคริสติน ค่อยๆ ใช้ผิวเนื้อที่นุ่มนวลของเด็กน้อยเป็นที่ปลอบประโลมความรุ่มร้อนนี้ช้าๆ แทรกลึกเข้าไปทีละนิดและถอยออกมาอย่างเป็นจังหวะ จนถึงขีดสุดของความอดทนที่หมดลง ร่างสูงใหญ่ก็พาร่างกายโถมเข้าไปตามอารมณ์ที่ขึ้นสูงขึ้น ทั้งเสียงสั่นพร่า หอบครวญ และความรัญจวนหยอกล้อเคล้าคลอกันไป



ร่างเล็กของคริสตินไหวคลอนตามแรงกายของดราโกเป็นจังหวะ ร่างกายร้อนรุ่มและแสบร้อนจากการเสียดสีตรงต้นขา นำพาอารมณ์ทะยานขึ้นสูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆ มา จังหวะที่เร้าร้อนรุนแรงไหวคลอนจนเทวดาตัวน้อยของซาตานแห่งคอลิโอเน่อ้าปากร้องครวญครางอย่างไพเราะ



น้ำตาและหยาดเหงื่อไหลเลอะเปราะเปื้อน ดวงตาสีน้ำตาลของเด็กน้อยพร่าเลือนและแหงนศีรษะเชิดไปตามแรงอารมณ์ มือขวาของเขาและคริสตินเกาะเกี่ยวประสานกันแนบแน่น มืออีกข้างก็รูดรั้งตัวตนของเด็กน้อยให้พุ่งทะยานไปพร้อมกัน



จนกระทั่งปลายทางของห้วงอารมณ์ที่ร้อนแรงระเบิดพร่างพรายจนหมดสิ้น เสียงคำรามกู่ร้องและครวญครางของพวกเขาดังก้องประสานกันเป็นบทเพลงที่แสนเย้ายวน คริสตินฟุบร่างไร้เรี่ยวแรงลงบนที่นอนทันที ดวงตากลมโตสีน้ำตาลปิดสนิทและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว



ดราโกล้มตัวลงตามไปและกอดร่างเล็กไว้แนบอก ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะของคริสตินทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเทวดาตัวน้อยของเขาหลับใหลไปเรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากบางบนใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มอ่อนโยน ก้มลงจุมพิตเปลือกตาทั้งสองข้างและริมฝีปากบวมแดงนั้นแผ่วเบา



แม้จะไม่ได้ครอบครองจนถึงที่สุด แต่เท่านี้หัวใจของเขาก็เต้นรัวเต็มไปด้วยความเต็มตื้นแล้ว เด็กน้อยของเขา เทวดาน้อยของเขา คริสตินของเขา ของเขาแค่เพียงผู้เดียว



“ฉันรักเธอคริสติน” น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างใบหูเล็ก หวังว่าคำนี้จะพาเข้าไปสู่ห้วงฝันให้เด็กน้อยของเขาให้หลับฝันดี



ร่างสูงมองคริสตินอยู่ชั่วครู่ก็ยืดตัวลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำและชำระคราบเหงื่อไคลจากกิจกรรมที่ผ่านมา ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับนำผ้าชุบน้ำมาเพื่อเช็ดทำความสะอาดให้กับเด็กน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน เมื่อดราโกแน่ใจว่าคริสตินสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว เขาก็พาร่างเปลือยเปล่าของเขาสอดเข้าไปใต้ผ้าห่ม และนั่งพิงหัวเตียงจ้องมองเทวดาตัวน้อยที่แสนบริสุทธิ์ของเขาอยู่เงียบๆ



หลังจากได้ดื่มด่ำในค่ำคืนที่แสนหวานกับเด็กน้อยของเขาแล้ว มันก็ยากที่จะข่มตาลงนอนในเวลาแบบนี้ได้ ไออุ่นและอารมณ์ยั่วเย้ายังคงอบอวลแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง อะไรที่เคยสงบก็เริ่มจะพยศและร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็จำเป็นที่จะต้องสงบสติอารมณ์ เพราะเทวดาตัวน้อยคงไม่มีเรี่ยวแรงมารองรับอารมณ์ของเขาในเวลานี้ได้อีกแล้ว



ก่อนหน้านี้ความอดทนของเขาก็สูงมากพอที่จะรอคอยให้คริสตินพร้อมมากกว่านี้ แต่หลังจากวันนี้ที่เขาได้ลิ้มรสชาติของคริสตินที่มีการตอบสนองและยั่วเย้าเขามากขึ้นกว่าเดิม เขาก็ไม่รู้ว่าจะอดทนรอได้นานขนาดนั้นไหม ยิ่งได้สัมผัสยิ่งอยากได้มากขึ้น ยิ่งลิ้มรสยิ่งอยากครอบครอง



ดวงตาสีทองคมกริบที่ดูดุดันอยู่เสมอเวลานี้กลับทอดมองเทวดาตัวน้อยของเขาด้วยแววตาอ่อนแสง เด็กน้อยตัวเล็กของเขานอนหลับสนิท ซุกซบใบหน้า นอนตะแคงก่ายกอดแนบชิดกับเรือนร่างแกร่งของชายหนุ่มอย่างแนบแน่น ฝ่ามือใหญ่ของดราโกคอยลูบไล้กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มมืออย่างอ่อนโยน



คริสตินไม่เคยรู้ตัวเลยซักนิดว่าทุกสายตา ทุกท่วงท่าของเจ้าตัวนั้นมันร้ายกาจและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ล่อลวงให้เขาลุ่มหลง โดยเฉพาะดวงตากลมๆ สีน้ำตาลคู่นั้นที่มองมาที่เขานิ่งๆ แต่ด้วยความหวานในแววตาที่เรียบนิ่งนั้นมันกลับเร้าอารมณ์เขาได้อย่างน่าประหลาด เขาที่เกิดมาอายุเกือบสี่สิบปี ไม่คิดเลยว่าแค่เด็กคนหนึ่งจะทำให้เขาบ้าคลั่งได้ขนาดนี้ รักได้มากขนาดนี้



“อื้อ” เสียงเล็กพึมพำขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนิ้วมือเขาละจากเส้นผมไปเกลี่ยที่แก้มนุ่ม ใบหน้าเล็กขยับยุกยิกอย่างรำคาญเมื่อเขาไปรบกวนเวลานอนของเจ้าตัวเข้า ท่าทางของเทวดาตัวน้อยนั้นทำให้มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นสูง ยอมละจากแก้มนุ่มเคลื่อนนิ้วมือไปเกลี่ยที่ริมฝีปากบวมช้ำแทน ริมฝีปากแดงทั้งนุ่ม ทั้งหวาน จนเขาอยากดูดกลืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย



“อื้อ” คริสตินพึมพำงึมงำขึ้นมาอีกครั้งเมื่อดราโกยังคงกลั่นแกล้งเด็กน้อยด้วยความรัก เพียงแต่ว่าในท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็ต้องเป็นฝ่ายยกมือยอมแพ้เมื่อลิ้นเล็กๆ ของคริสตินเผลอไล้เลียริมฝีปากและโดนที่นิ้วมือของชายหนุ่มเบาๆ แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ทั้งร่างของดราโกสั่นสะท้านคล้ายมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน



อะไรที่ควรสงบก็เริ่มจะไม่สงบอย่างที่คิด ร่างสูงเลยจำเป็นต้องหยุดการกลั่นแกล้งเด็กน้อย เพราะผลที่ได้ก็คือการทรมานตัวเองจนต้องยอมละจากร่างนุ่มๆ เขาค่อยๆ ดึงอ้อมแขนเรียวของเด็กน้อยให้หลุดออกจากเอวของเขา และลุกขึ้นจากที่นอนอย่างเงียบกริบ พาร่างกายเปล่าเปลือยเดินไปหยิบเสื้อคลุมผ้าซาตินเนื้อดีขึ้นมาสวมใส่ และออกไปสงบสติอารมณ์ที่นอกห้องนอนกว่าหนึ่งชั่วโมง ถึงจะยอมกลับเข้ามารั้งร่างเล็กมากักขังในอ้อมแขน และหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยกันอีกครั้ง











“อรุณสวัสดิ์ครับดอน” เสียงทักทายจากจาคอปทักทายขึ้นทันทีที่เห็นดราโกเดินออกมาจากห้องนอน ร่างสูงพยักหน้ารับเล็กน้อยและเดินไปนั่งที่โซฟาตรงห้องรับแขก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เป็นถึงมือขวาและบอร์ดี้การ์ดคนสำคัญฉีกยิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ก่อนจะนำกาแฟหอมกรุ่นมาเสิร์ฟให้กับดราโกถึงที่ “คริสตินยังไม่ตื่นเหรอครับ?”



“เมื่อคืนหลับดึกไปหน่อย” ดราโกตอบพลางยกกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย พร้อมกับพลิกหนังสือพิมพ์ธุรกิจที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านเหมือนเช่นทุกวัน แม้เขาจะมาพักผ่อนแต่เรื่องที่จะขาดไม่ได้เลยคือข่าวสารที่เขาจะต้องรับรู้การเคลื่อนไหวอยู่เสมอ



“น่าแปลกนะครับ ปกติเจ้าหนูจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่มนี่” มือขวาของดอนแห่งคอลิโอเน่พึมพำด้วยความสงสัย และก็ต้องประหลาดใจกับรอยยิ้มที่มุมปากของดอนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา แต่ครั้นจะถามออกไปเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าคาลอสเคยเตือนเขาเอาไว้ ว่าเรื่องของคริสตินอย่าไปถามให้มากเรื่อง เรื่องไหนไม่ควรยุ่งก็อย่ายุ่ง โดยเฉพาะถ้าคริสตินอยากจะขอมานอนที่ห้องด้วย ก็ต้องรีบหาข้ออ้างและปฏิเสธให้ได้ ถ้าไม่อยากถูกดอนลงโทษและหักเงินเดือน



คำพูดของคาลอสเขาจำได้ขึ้นใจ เพราะฉะนั้นจึงยอมกลืนคำถามและข้อสงสัยลงท้องไปให้หมด ทำหน้าที่ดูแลดอนในเช้านี้แทนคาลอสชั่วคราว



“คาลอสล่ะ?” ดราโกวางหนังสือพิมพ์ที่อ่านเสร็จแล้ววางบนโต๊ะ และถามถึงมือซ้ายที่ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้าด้วยความสงสัย



“ไปดูแลดอนอัลเบอร์โต้้ครับ” ร่างสูงใหญ่ของจาคอปเดินออกมาจากห้องครัวและตอบคำถามดราโก “ทางนั้นแจ้งมาว่าอยากขอเข้าพบดอนตอนสิบโมงครับ”



“งั้นเหรอ” ชายหนุ่มพยักหน้าและไม่พูดถึงต่อแต่อย่างใด แต่ดวงตาสีทองของชายหนุ่มกลับเจือความเย็นชาขึ้นมาในทันที “นายบอกคาลอสไปว่าฉันจะไปหาพวกเขาที่ห้องเอง ไม่จำเป็นต้องขึ้นมาหาที่นี่ และนายคอยอยู่ดูแลคริสตินที่ห้องนี้ ถ้าเขาตื่นนายรีบแจ้งฉันมาทันที”



“ครับ” คาลอสรับคำสั่งอย่างขันแข็ง เรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นนั้นเขาพอทราบคร่าวๆ มาจากคาลอสเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเมื่อต้องพูดถึงเรื่องเมื่อวานที่ยังค้างคาและไม่ได้ข้อสรุป ก็ทำให้บรรยากาศในยามเช้านี้คุกกรุ่นเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย



แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย ดราโกก็เดินออกจากห้องและตรงไปยังห้องพักของแดเนียล อัลเบอร์โต้้ทันที ห้องพักที่เขาจองให้กับอัลเบอร์โต้้นั้นอยู่ชั้นล่างและห้องก็ตรงกับห้องของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงห้องของแดเนียล ส่วนเหตุผลที่ชายหนุ่มไม่อยากให้แดเนียลขึ้นมาหาบนห้องนั้น ก็เพราะมีคริสตินอยู่ด้วยนั่นเอง และห้องนั้นก็เป็นห้องส่วนตัวของพวกเขา ไม่จำเป็นที่จะต้องให้คนนอกเข้ามารบกวน



เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึง ก็เห็นว่าหน้าห้องของแดเนียลนั้นมีคาลอสยืนรอเขาอยู่เรียบร้อยแล้ว มือซ้ายที่ควบตำแหน่งเลขาโค้งและเอ่ยทักทายกับดราโกเล็กน้อยก่อนจะเคาะประตูห้องเพื่อขออนุญาต จากนั้นคาลอสก็เป็นคนเปิดประตูห้องให้ดราโกเดินเข้าไป เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปภายในห้องนั้น ดวงตาสีทองก็กวาดตามองรอบๆ อย่างรวดเร็ว และเห็นคนที่ขอนัดพบเขานั่งรออยู่ตรงโซฟารับแขกกลางห้องพัก



ดราโกเดินเข้าไปข้างในและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับแดเนียล ตอนนี้ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มแผ่พลังอำนาจออกมาอย่างเต็มที่ บรรยากาศผ่อนคลายที่เคยอยู่กับคริสตินนั้นหายไปจนหมด เหลือแต่บรรยากาศน่าเกรงขามและทรงอำนาจอย่างดอนเท่านั้น แต่ดอนแห่งอัลเบอร์โต้ก็ไม่ใช่คนทั่วไป ความน่าเกรงขามของพวกเขาต่างไม่มีใครข่มใครลงได้ แต่แค่เฉพาะตอนนี้เท่านั้นที่แดเนียลดูวุ่นวายใจจนท่าทางของเขาดูไม่นิ่งสงบเหมือนเช่นเคย



“ไง” แดเนียลเอ่ยทักทายดราโกเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มผู้มาเยือนก็ได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆ ไม่มีการเอ่ยทักทายกลับแต่อย่างใด แดเนียลถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของดอนแห่งคอลิโอเน่ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน “อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิเพื่อน เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษแทนจีนด้วยนะ”



แดเนียลยกสองมือคล้ายยอมแพ้ต่อบรรยาการคุกกรุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างตรงหน้า จากเรื่องสนุกที่พวกเขาคิดวางแผนล้มคาโซ่ด้วยกัน เรื่องราวก็ดันพลิกผันเป็นหนังคนละม้วนไปซะได้ แถมเขายังหนักใจในเรื่องนี้มากเช่นกัน



“ดราโก เด็กคนนั้น อลัน เป็นยังไงบ้าง” แดเนียลเอ่ยถามทำลายความเงียบที่เพื่อนขยันสร้างขึ้นมาอย่างเป็นกังวล ตั้งแต่ช่วงบ่ายเขาก็พยายามจะขอเข้าพบกับดราโกเพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็โดนคาลอสและจาคอปขวางเอาไว้



ชายหนุ่มกังวลใจเพราะเขาไม่เคยเห็นจีนเป็นอย่างนี้มาก่อน ตั้งแต่พาจีนมาอยู่ด้วยกัน เขามักจะเห็นแต่ภาพลักษณ์ของชายชาวเอเชียที่สงบนิ่ง เฉลียวฉลาด บางทีก็ดูเย่อหยิ่ง แต่ก็มีรอยยิ้มที่งดงามมากที่สุด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจีนเหมือนกับแก้วที่แตกร้าว ใบหน้าสวยของจีนนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แม้แต่ตอนนี้ที่เขาพาเจ้าตัวเข้านอน จีนก็ยังคงร้องไห้ นอนกระสับกระส่าย และละเมอชื่อน้องชายอยู่ตลอดเวลา









..........................................






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ต่อ


“เด็กคนนั้นชื่อคริสติน” น้ำเสียงเย็นชาของดราโกพูดขัดขึ้นมาทันที “ไม่ใช่อลัน ไอรา แต่เป็นครินติน คริสติน นอร์แมน”



“เฮ้อ โอเค ฉันรู้แล้ว คริสติน เด็กคนนั้นโอเคไหม” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง แม้เมื่อวานสีหน้าท่าทางของคริสตินจะดูสงบ แต่ใบหน้าก็ยังซีดเผือดไร้สีเลือด เขาเลยอยากจะรู้ว่าอาการของเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ขนาดจีนเป็นคนเข้มแข็งยังย่ำแย่ถึงขนาดนี้ แล้วเด็กคนนั้นล่ะจะเป็นอย่างไร



“เด็กคนนั้นไม่เป็นไร เขาเข้มแข็งมากกว่าที่นายคิด” ดราโกตอบ ดวงตาสีทองมองสบเข้ากับดวงตาสีมรกตของเพื่อนสนิทและพันธมิตรของแฟมิลี่นิ่งๆ



“จีนอยากจะพบเด็กคนนั้น” แดเนียลพูดขึ้นมาทันที สีหน้าหล่อเหลาของเขามีแววยุ่งยากใจ เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องที่ดราโกไม่เห็นด้วย เขาก็จะไม่ช่วยเหลือหรือผ่อนปรนให้เลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังคิดที่จะขอร้องเพื่อให้จีนสบายใจ เพราะเขาก็ไม่สามารถทนเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดได้เช่นกัน



“ไม่ จีนจะไม่ได้พบคริสติน” ดวงตาเย็นชาตวัดสายตามองเพื่อนทันที “ฉันจะไม่ทำอะไรเขาเพราะฉันเห็นแก่นาย แต่นายควรรู้ว่าควรจะจัดการคนของตัวเองยังไงเพื่อไม่ให้เขามาวุ่นวายกับคนของฉันอีก”



แดเนียลมองสายตาที่แข็งกร้าวแต่เย็นชาของดราโกอย่างหนักใจ ทางหนึ่งก็เพื่อน ทางหนึ่งก็คนรัก ยิ่งถ้าเด็กอลันคนนั้น ไม่ซิ คริสตินเป็นคนที่ดราโกดูแลอยู่ ถึงอยากจะเจอแค่ไหนก็คงจะยาก และถ้าเขายังดึงดันต่อไป ไม่แคล้วดอนแห่งคอลิโอเน่และเขาคงได้ทะเลาะกันใหญ่โต ดีไม่ดีคงทะเลาะกันจนทำให้อิตาลีวุ่นวายไปพักใหญ่เลยทีเดียว



“เฮ้อ โอเค ฉันจะไม่ขอให้นายพาคริสตินไปพบจีนอีก แต่นายก็รู้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน มันตัดกันไม่ขาด” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีมรกตถอนหายใจกับเรื่องที่ไม่คาดคิดนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือฟ้าลิขิต จีนตามหาน้องมาหลายปี พอหมดหวังจู่ๆ ก็ได้พบกันซะอย่างนั้น แถมดูเหมือนฝ่ายน้องจะไม่ค่อยอยากเจอพี่ชายเท่าไหร่ด้วย “แย่ชะมัด แค่แผนการที่นายลากฉันเข้ามาเกี่ยวก็วุ่นวายอยู่แล้ว ยังมีเรื่องเจ้าหนูและจีนมาเสริมให้วุ่นเข้าไปอีก”



“มันจะไม่วุ่นวายถ้านายไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องของคริสตินมากเกินไป ดูแลคนของนายให้ดีๆ เถอะ” ดราโกยอมลดสายตาเย็นชาลงส่วนหนึ่งเพราะสีหน้าลำบากใจของดอนแห่งอัลเบอร์โต้



“เอาเถอะ ตอนนี้ฉันยังไม่ยุ่งแน่นอน และจะพยายามดูแลจีนไม่ให้เข้ามายุ่งมากเกินไป แต่หวังว่าถ้าจบเรื่องพวกนี้นายจะเห็นแก่ฉันที่คอยช่วยเหลือ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ปรับความเข้าใจกันหน่อยเถอะ ฉันไม่อยากเห็นจีนร้องไห้” ร่างสูงของแดเนียลถอดถอนหายใจ ก่อนจะยกกาแฟที่วางทิ้งไว้จนเย็นชืดขึ้นมาดื่มดับกระหาย



แต่จากประโยคของแดเนียลที่เอ่ยขอร้องดราโกไว้นั้น ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดใดจากทางชายหนุ่มอีกเช่นเคย แต่เขาหวังว่าสุดท้ายแล้วดราโกจะยินยอมให้สองพี่น้องได้พบและพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้ในท้ายที่สุด โดยที่แดเนียลก็ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับคริสตินแต่เพียงผู้เดียว ถ้าเทวดาตัวน้อยของเขาไม่อยากเจอ เขาก็จะทำทุกวิถีทางให้จีนไม่สามารถมาพบคริสตินได้ หรือถ้าคริสตินอยากเจอ เขาก็จะไม่ห้าม แต่เขาก็จะคอยยืนอยู่ข้างๆ ไม่ยอมให้เด็กน้อยของเขาคลาดสายตาไปไหนแน่นอน



“ดอนครับ จาคอปแจ้งมาว่าคริสตินตื่นแล้วครับ และอยากจะขอลงมาพบดอนอัลเบอร์โต้เช่นเดียวกันครับ” คาลอสเดินเข้าไปขัดจังหวะบรรยากาศคุกกรุ่นทันทีเมื่อสบโอกาส ร่างสูงของดราโกชะงักเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับรู้ ผิดกับดวงตาสีมรกตของแดเนียลที่พราวระยับขึ้นมาเล็กน้อยอย่างดีใจ เพราะอย่างน้อยถ้าได้เจอหน้าคริสติน บางทีเขาอาจจะได้เกลี้ยกล่อมเด็กคนนั้นให้ยอมรับจีนได้ง่ายดายมากขึ้น









หลังจากที่ผมตื่นนอนขึ้นมาในช่วงสายด้วยอาการอ่อนเพลียเล็กน้อยแล้ว ผมก็พบว่าร่างกายของผมนั้นเมื่อยขบและอ่อนแรงมากกว่าปกติ ยิ่งภาพที่ผมเห็นจากกระจกที่สะท้อนออกมานั้น มันแปลกจนผมต้องเอียงศีรษะครุ่นคิดพิจารณาครั้งแล้วครั้งเล่า ผมไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหนนะครับ แต่ผมว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวผมมันไม่เหมือนเดิม ดูมีอารมณ์และความรู้สึกมากขึ้นหรือเปล่านะ?



หรืออาจจะเป็นเพราะร่างกายของผมปรากฏร่องรอยมากมายนี้หรือเปล่า ถึงทำให้ผมดูแตกต่างจากปกติไปมากเลยทีเดียว ผมยืนมองพิจารณารอยกลีบกุหลายสีแดงช้ำมากมายที่กระจายไปทั่วทั้งตัวด้วยใบหน้าร้อนผ่าว คำว่ามากมายที่ผมยกขึ้นมาใช้ มันมากจริงๆ นะครับ เพราะตอนนี้สีผิวของผมเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อทั้งตัว ไม่ว่าจะลำคอ ตรงอก ส่วนท้อง ต้นขา แขน และแผ่นหลังของผมเช่นเดียวกัน



“เหมือนตุ๊กแกเลย” ผมพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากมองตัวเองและสำรวจทุกร่องรอยบนร่างกายจนครบถ้วนแล้ว ภาพของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ผมเคยดูในสารคดีก็แวบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว



นอกจากตัวของผมที่กลายเป็นตุ๊กแกแล้ว ริมฝีปากของผมก็บวมช้ำมากกว่าปกติจนเหมือนคนโดนผึ้งต่อยตรงริมฝีปาก และดวงตาสีน้ำตาลของผมก็ดูง่วงนอนคล้ายคนที่ตื่นไม่เต็มตา อืม งั้นดวงตาของผมก็คล้ายตัวสล็อตรึเปล่านะ ดูง่วงนอนตลอดเวลาเลย ซึ่งผมในตอนนี้ก็ดูแตกต่างจากในทุกๆ วันจนผมรู้สึกไม่คุ้นเคย แม้ผมจะจัดการธุระส่วนตัวและส่วนใส่เสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม ความรู้สึกแปลกๆ นี้ก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน



สภาพของผมใครเห็นก็คงหัวเราะด้วยความขบขันแน่นอน แต่จะให้ผมหมดความมั่นใจและเก็บตัวอยู่ในห้องนอนมันก็ไม่เหมาะสม ถึงหน้าตาของผมมันจะแปลกพิกล แต่ยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปครับ ดังนั้นผมจึงเดินออกมาจากห้องนอนและผมก็เห็นจาคอปยืนอยู่ในห้องครัวเล็กพอดี แต่กลับกลายเป็นว่าจาคอปทำให้ผมสงสัยมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ว่าสภาพของผมตอนนี้มันแย่ขนาดทนมองไม่ได้เลยเหรอครับ



เพราะเมื่อผมเดินไปหาจาคอปที่ห้องครัว ผมก็เห็นสังเกตเห็นว่าจาคอปมองผมจนตาเบิกกว้าง และผิวสีแทนของจาคอปก็กำลังแดงเรื่อเหมือนผมไม่มีผิด ท่าทางของเขาที่ไม่ยอมสบตากับผมนั้นก็ผิดปกติ ไม่ยอมมองผม และไม่ยอมยิ้มให้ผมเหมือนเคย พอผมสงสัยจะเดินเข้าไปถามเขา เขาก็ทำท่าตกใจและกระโดดถอยห่างจากผมออกไปไกล



“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมขมวดคิ้วเอ่ยถามเขา แต่เขาก็ตอบผมว่าไม่เป็นไรด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักจนผิดปกติ แถมยังดูรนๆ ขณะที่เขารินนมให้ผมจนมือไม้สั่นและนมบางส่วนก็หกออกมานอกแก้ว ผมนั่งดื่มนมที่รับมาจากเขาและทานขนมปังอยู่เงียบๆ พลางลอบพิจารณาท่าทางจาคอปด้วยความสงสัย แต่ระหว่างที่ผมดื่นนมอยู่นั้น ก็เห็นว่าเขาแอบมองผมบ่อยๆ ดวงตาของเขาเหมือนจดจ่ออยู่ที่ลำคอและริมฝีปากของผม แต่พอผมหันไปมองเขา เขาก็จะรีบร้อนหันไปมองทางอื่นทันที



บรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมอึดอัดและทำตัวไม่ถูก จึงได้แต่รีบร้อนทานอาหารเช้าง่ายๆ นี้ให้หมดและบอกเขาว่าผมอยากไปหาดราโกและขอพบดอนแห่งอัลเบอร์โต้เช่นกัน เมื่อผมพูดจบจาคอปก็รีบหันมามองผมอย่างรวดเร็วจนผมกลัวว่าคอของเขาจะเคล็ดซะก่อน



“จะไปพบดอนอัลเบอร์โต้เหรอครับ” จาคอปถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ และผมก็พยักหน้ายืนยันกับเขาอีกครั้งเช่นกัน “งั้นรอสักครู่นะครับ ขอผมโทรไปแจ้งดอนก่อน”



ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงและกดโทรออกทันที จากที่ผมคิด ปลายสายน่าจะเป็นคาลอสที่รับสายครับ ผมรอเพียงไม่นานทางฝั่งนั้นก็ยืนยันให้ผมเข้าไปพบดอนอัลเบอร์โต้ได้ ผมจึงได้ให้จาคอปนำทางผมไป ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผมต้องการพูดคุยกับพวกเขาอีกครั้งก็คงเป็นเรื่องเมื่อวานที่ผมเสียมารยาทต่อหน้าเขา ผมต้องการขอโทษกับเหตุการณ์เมื่อวานที่ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ แดเนียล อัลเบอร์โต้เป็นถึงดอนแห่งอัลเบอร์โต้ และเป็นเพื่อนของดราโก ดังนั้นผมจึงไปขอโทษเขาเพื่อแสดงถึงความจริงใจ



เพราะยังไงแผนการนี้ทางผมและดราโกก็เป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากทางแดเนียลเอง ดังนั้นผมก็ไม่ควรทำเรื่องหรือแสดงกิริยาที่จะกระทบต่อแผนการในอนาคต หลังจากที่ผมได้นอนหลับสนิทไปทั้งคืนแล้ว สติของผมก็กลับมาแจ่มใสเหมือนเดิม เมื่อวานอารมณ์ของผมแปรปรวนมากเกินไป จนทำให้อารมณ์และเรื่องราวในอดีตนั้นเป็นฝ่ายอยู่เหนือเหตุผลที่ผมมักคำนึงถึงอยู่เสมอ



ผมยอมรับว่าผมอาจจะยังเด็กเกินไปที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เต็มร้อย แต่ผมก็จะพยายามให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้ดราโกเป็นห่วงผมมากเกินไป หลังจากนี้อาจจะมีเหตุการณ์ในรูปแบบนี้เกิดขึ้นอีกมากมาย ผมจะต้องเรียนรู้ที่จะจัดการอารมณ์ของตัวเองให้ได้เช่นกัน แต่สำหรับเรื่องของจีนนั้น ผมยอมรับว่าผมไม่กล้าจะคิดว่าเรื่องของพวกเราหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป แต่ผมคิดว่าผมต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อคิดเรื่องของจีนให้รอบคอบ



ผมและจาคอปใช้เวลาไม่นานก็เดินลงมาถึงห้องพักของแดเนียล ผมเห็นคาลอสออกมายิืนรอผมอยู่หน้าห้อง คลี่ยิ้มมองผมเล็กน้อยเมื่อเห็นผมในระยะไกล แต่เมื่อผมเดินมาใกล้เรื่อยๆ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าก็จางหายไปทีละนิด จนกระทั่งผมเดินมาหยุดตรงหน้าเขาพอดี ดวงตาใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมก็เบิกกว้างพร้อมกับใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อและรีบร้อนหลบสายตาผมเหมือนกับจาคอปไม่มีผิด



“เจ้าบ้าจาคอป!!! ทำไมนายให้คริสตินลงมาในสภาพแบบนี้วะ” คาลอสตะคอกออกมารุนแรง แต่เสียงของเขากลับเบาหวิวดังลอดไรฟัน สายตาของเจ้าตัวก็หลุกหลิกมองผม มองจาคอป และสลับกับมองประตูเหมือนกับกำลังกลัวว่าใครบางคนในห้องจะเปิดประตูออกมา



“ทำไมล่ะ? ก็แต่งตัวเหมือนเดิมไม่ใช่รึไง” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย ทั้งผมและจาคอปต่างมองหน้ากันและหันไปขมวดคิ้วมองคาลอสอย่างไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน



“ผมก็ใส่เหมือนที่เคยใส่นี่ครับ” ผมพูดขึ้นมาบ้างและจาคอปก็พยักหน้าเสริมผมเช่นเดียว พอคาลอสเห็นพวกเรายังทำหน้างุนงงสงสัย เจ้าตัวก็ทำหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้ มือก็ขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไปหมด พร้อมกับเสียงถอนหายใจหนักๆ หนึ่งที



“นายไม่รู้สึกรึไงว่าวันนี้เขา...เขา...ขะ เขา” คาลอสตวัดสายตาจ้องเขม็งไปทางจาคอปอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายก็อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดให้จบประโยค



“ผมทำไมเหรอครับ” ผมถามขึ้นมาอย่างสงสัย แต่ชายหนุ่มกลับผงะถอยห่างและรีบร้อนเปลี่ยนเรื่องทันที



“บ้าเอ๊ย นายรีบพาคริสตินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย หาเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หาผ้าพันคอให้ใส่ด้วย” มือหนาของคาลอสรีบดันหลังของจาคอปแรงๆ และจับไหล่ของผมให้หมุนตัวกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว “หาหมวกมาใส่ด้วยนะ แมสปิดหน้าด้วย อย่าลืมหาแมสปิดหน้ามาใส่ด้วยนะ ไม่พอๆ หาแว่นกันแดดด้วยนะ เอาแว่นดำที่ไม่เห็นตาเลย นายเข้าใจใช่ไหม!!!”



คาลอสสั่งจาคอปอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ไม่ลืมที่จะลดเสียงให้เบาราวกับกระซิบ สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มก็ดูร้อนอกร้อนใจจนผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องให้ผมปิดหน้าปิดตาขนาดนั้นกันนะ หรือหน้าผมโทรมจนดูไม่ได้กัน แต่ก็เอาเถอะครับ ในเมื่อเขาอยากให้ผมใส่ขนาดนั้น ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ ถึงแม้ว่าอากาศตอนนี้จะเป็นช่วงเข้าหน้าร้อนแล้วก็ตาม ไว้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จค่อยกลับมาถามเขาอีกทีก็แล้วกันครับ



“คริสติน?” แต่ผมกลับจาคอปยังไม่ทันได้เดินกลับไปที่ห้อง ประตูห้องของดอนแห่งอัลเบอร์โต้ก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของดราโกที่ก้าวออกมาพร้อมกับเรียกชื่อของผม ผมจึงหมุนตัวหันกลับไปมองดราโกทันทีและเอ่ยทักทายเขาเล็กน้อย



“อรุณสวัสดิ์ครับดราโก” แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้ฟังผมเลยแม้แต่น้อยครับ เพราะตอนนี้ดวงตาสีทองของร่างสูงนั้นโชนแสงวาววับจนผมตกใจ พริบตาเดียวใบหน้าของผมก็ปะทะเข้ากับแผงอกกว้างของเขาทันที และแขนแกร่งของเขาก็รีบตวัดร่างของผมเข้ามาในอ้อมกอด มือใหญ่กดศีรษะด้านหลังของผมไว้แน่นราวกับต้องการซ่อนผมเอาไว้ไม่ยอมให้ใครได้เห็น



“หลับตา!!!” เสียงของชายหนุ่มตะคอกเสียงดังลั่น ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ได้ยินเสียงของจาคอปและคาลอสเอ่ยรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับร่างของผมที่โดนดราโกอุ้มขึ้นมา รู้ตัวอีกทีตัวของผมก็ถูกเขากักไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่งอยู่กลางเตียงในห้องนอนเรียบร้อยแล้วครับ




..........


ขอแบ่งเป็นสองท่อนนะคะ เพราะว่ามันไม่พอค่ะ  :mew6:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เกิดอะไรขึ้น เทวดาน้อยฟีโรโมนฟุ้งหรืออย่างไร ...รอจ้า  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ร่างกายคริสติน ที่โดนดราโก้เล้าโลม
...... กระตุ้นเซ็กซ์แอพพีลคนที่เห็นแน่ๆ   :o8: :-[ :impress2:

ดราโก้  คริสติน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 25 เริ่ม (29.11.18)
«ตอบ #144 เมื่อ29-11-2018 20:03:21 »


บทที่ 25


หลังจากที่เสียงตวาดของดราโกดังลั่นจนหูของผมอื้ออึง ร่างของผมก็ถูกชายหนุ่มคว้าไปกอดไว้แนบอก ใช้อ้อมแขนและลำตัวบดบังสายตาของสองบอร์ดี้การ์ดที่ทำหน้าหวาดผวา ผมพยายามจะดันตัวออกมาเพราะเกรงใจสายตาของคาลอสและจาคอป แต่ตัวของผมก็โดนดราโกยกขึ้นอุ้มจนโลกพลิกกลับ รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของผมก็สัมผัสกับเตียงนอนนุ่มๆ และเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มในระยะประชิด



ดวงตาของดราโกลุกวาวราวกับมีเพลิงโหมกระหน่ำอยู่ในดวงตาสีทองคู่นั้น ใบหน้าหล่อเหลาก็ดูเคร่งเครียดขึงขังมากกว่าปกติ ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นเหมือนคนที่กำลังอดกลั้น เขาโกรธอะไรกันนะ?



“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามเขาด้วยความสงสัย ดวงตาของเรามองสบกันและกันนิ่งๆ อยู่พักใหญ่ และผมเห็นเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ฝ่ามือใหญ่ของเขายกขึ้นมาลูบที่ริมฝีปากของผมแผ่วเบา



“รู้ตัวไหมว่าเวลานี้เธอไม่ควรออกมาข้างนอกห้อง” คิ้วเข้มขมวดมุ่น มองผมอย่างจริงจัง



“ทำไมครับ?” ผมยังคงสงสัยและสอบถามเขากลับ



“เพราะมันทำให้เธอดูน่ารังแก” ดราโกก้มหน้าลงมาใกล้และกระซิบอยู่เหนือริมฝีปากของผม น่ารังแก? เดี๋ยวนะครับ ทำไมกลายเป็นว่าผมน่ารังแกได้ล่ะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลยนะครับ



และชายหนุ่มคงรู้ว่าผมกำลังไม่เข้าใจและสงสัยอยู่ เขาจึงก้มลงมาจูบผมเบาๆ หนึ่งทีพร้อมฉุดผมให้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง และเขาก็ขยับนั่งลงอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง



“เอาล่ะ เด็กน้อย เธอรู้จักคำว่าเพศสัมพันธ์ใช่ไหม” ดราโกยืดตัวนั่งหลังตรงและถามผมขึ้นมา ผมพยักหน้าให้เขาหนึ่งที “งั้นเธออธิบายให้ฉันฟังหน่อย”



ผมมองเขาอย่างแปลกใจกับคำถามที่จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ในสถานการณ์ตอนนี้น่าจะเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับแผนการเกี่ยวกับคาโซ่มากกว่า แต่คำถามของเขากลับทำให้ผมแปลกใจแต่ก็ยังอธิบายให้เขาฟัง



“มันคือขั้นตอนหนึ่งของการสืบพันธุ์ของมนุษย์ครับ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากปัจจัยทางธรรมชาติของร่างกาย เพื่อการสืบเผ่าพันธุ์ โดยกระบวนระหว่างนี้ผมคิดว่าคงไม่ต้องอธิบายให้คุณฟัง แต่ว่าจะมีตัวอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียง 1 ตัว จะสามารถเข้าไปภายในไข่ได้ และผสมกับไข่เกิดเป็นตัวอ่อนของเด็ก และกระบวนการนี้จะถูกเรียกว่าการปฏิสนธิครับ” ผมอธิบายคำว่าเพศสัมพันธ์ออกมาให้ชายหนุ่มฟังตามหนังสือที่ผมเคยอ่านผ่านตามาเพื่อให้เข้าใจคร่าวๆ



“แล้วฟีโรโมนคืออะไร?” มือหนายกมือขึ้นมาลูบไล้กรอบหน้าของผมเบาๆ ผมเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อนึกถึงเนื้อหาที่ผมเคยอ่านในหัวข้อใกล้เคียงนี้อีกครั้ง



“ฟีโรโมนก็คือสารเคมีที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างเพศของสัตว์ชนิดเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น แมลงตัวเมียมักจะปล่อยกลิ่นที่เฉพาะเจาะจงออกมา ซึ่งเพศผู้จะรับรู้ได้จากระยะไกลและทำให้ทราบที่อยู่ของตัวเมียครับ” ผมเอียงศีรษะถูแก้มเข้ากับฝ่ามืออุ่นของดราโกเล็กน้อย



“ถ้าฟีโรโมนสำหรับมนุษย์ล่ะ” ดวงตาสีทองของดราโกเข้มลึกล้ำมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับผมที่มัวแต่สนใจกับคำถามของเขาจึงไม่ทันได้สังเกตเห็น



“สำหรับคนน่ะหรือครับ” ผมก้มหน้าเล็กน้อย “ก็เป็นเหมือนกับกรณีของแมลงเหมือนกันครับ แต่ถ้าพูดในเชิงของวิทยาศาสตร์ก็คือ สารเคมีที่หลั่งออกมาเพื่อกระตุ้นการตอบสนองทางสังคมในสปีชีส์ดียวกัน ซึ่งฟีโรโมนเป็นสารเคมีซึ่งสามารถออกฤทธิ์นอกร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่หลั่งออกมาแล้วมีผลต่อพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตที่รับเข้าไป ว่าง่ายๆ ก็คือ เพื่อกระตุ้นอีกเพศหนึ่งให้เกิดอารมณ์รักใคร่อยากจะได้ไว้เป็นคู่ครับ”



“งั้นอารมณ์ทางเพศล่ะ?” ผมเริ่มงุนงงกับคำถามของดราโกมากขึ้นแล้วครับ ผมเลยสงสัยว่าเขากำลังช่วยผมทบทวนบทเรียนหรือเปล่า



“ก็เป็นความรู้สึกขณะที่ร่างกายมีการตอบสนองต่อสัญชาตญาณในการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ โดยร่างกายจะทำการสูบฉีดเลือดไปกระตุ้นบริเวณรอบๆ อวัยวะเพศ เมื่อร่างกายมีการตอบสนอง เซลล์ประสาทโดยรอบจะส่งผลให้เกิดความต้องการที่จะถูกสัมผัส ทำให้เกิดการร่วมเพศต่อไป”



ผมอธิบายให้ชายหนุ่มฟังด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่ก็จริงจังอย่างเป็นการเป็นงาน ถึงแม้จะสงสัยอยู่มากแต่ผมก็เลือกที่จะรอให้เขาเฉลยสิ่งที่ค้างคาในใจของผมแทนจะดีกว่า



“เธอคงสงสัยใช่ไหมว่าฉันถามคำถามพวกนี้ไปทำไม” ผมพยักหน้าทันที และดราโกก็ผละมือที่ลูบแก้มผม แล้วเปลี่ยนเป็นกำนิ้วทั้งสี่เหลือเพียงนิ้วชี้ที่แตะลงที่ปลายจมูกของผมพอดี “เพราะเด็กน้อยแบบเธอกำลังปล่อยฟีโรโมนพวกนี้ออกมาน่ะซิ”



ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่าแต่ปลายนิ้วชี้ของเขาก็กดย้ำปลายจมูกของผมทุกคำพูดไปพร้อมๆ กัน



“ผมปล่อยฟีโรโมนไม่ได้นะครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง” ผมท้วงดราโกขึ้นมาทันทีเมื่อฟังจากคำพูดของเขาที่มันผิดไปจากเดิม



“เธออาจจะปล่อยฟีโรโมนออกมาไม่ได้ แต่เสน่ห์ของเธอตอนนี้มันก็เป็นเหมือนฟีโรโมนนั่นแหละ” ดราโกพูด “รู้ไหม ดวงตาของเธอ ท่าทางของเธอ เสียงของเธอ มันทำให้ฉันมีอารมณ์ มันเหมือนว่าเธอกำลังยั่วอยู่ตลอดเวลาเลยนะเด็กน้อย”



“ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ” ผมตอบเขาไปตรงๆ “จากสิ่งที่คุณพูดและถามคำถามกับผมเมื่อสักครู่หมายความว่าตัวของผมปล่อยฟีโรโมนออกมา และทำให้คุณมีอารมณ์ทางเพศและอยากร่วมสัมพันธ์กับผม?”



ผมย้อนถามเขากลับเพราะผมวิเคราะห์จากคำถามที่เขาถามมาและจากคำพูดของเขา จึงทำให้ผมตีความออกมาในลักษณะนี้



“ถูกต้อง” ชายหนุ่มพยักหน้ารับแต่โดยดี และเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง “ถึงฉันอยากจะกินเธอแค่ไหน แต่เวลานี้ก็ยังไม่เหมาะ ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า เพราะเราเกือบจะมีอะไรกันเมื่อคืน เลยทำให้เธอในตอนนี้มีเสน่ห์และน่ารักมาก ถ้าคนอื่นมาเห็น มันจะทำให้เขาอยากรังแกเธอ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี”



“หมายความว่าเสน่ห์ที่คุณบอกมาจะไปดึงดูดคนอื่นๆ เช่นเดียวกันใช่ไหมครับ” ผมเอียงศีรษะและถามเขา



“ใช่ ดังนั้นฉันจึงอยากให้เธอหัดระมัดระวังตัว” ดราโกกระตุกยิ้มมุมปาก สีหน้าเคร่งเครียดในคร่าวแรกที่ผมเห็นนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว แต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์มาแทน



“เข้าใจแล้วครับ คุณกำลังสอนผมให้รู้จักระมัดระวังตัวซินะครับ” ดวงตาของผมเบิกกว้างและรู้สึกตื่นเต้นกับบทเรียนที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน และคงเพราะท่าทางของผมจะทำให้ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากชายหนุ่ม



“ถูกต้องแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนนี้ขึ้นมาอีก สิ่งแรกที่เธอควรทำคือการนอนพักผ่อน แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นที่เร่งด่วนเหมือนตอนนี้ที่เธอต้องการพบแดเนียล เธอก็ควรแต่งกายให้มิดชิดมากกว่าเดิม เพื่อกันไม่ให้คนอื่นเห็นเธอแล้วอยากรังแก”



“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” ผมพยักหน้ายืนยันให้เขาอีกครั้งด้วยความเข้าใจมากกว่าเดิม



“ฟังให้ดีนะเด็กน้อย แต่งกายให้มิดชิดที่ฉันหมายถึง คือการใส่เสื้อแขนยาว ติดกระดุมถึงคอหรือไม่ก็เป็นเสื้อคอเต่า ถ้าไม่มีเสื้อคอเต่าต้องหาผ้าพันคอมาใส่ด้วย อ่อ ใช่ เสื้อต้องเป็นสีเข้มเท่านั้นนะ ห้ามใส่เสื้อสีอ่อนหรือสีขาว กางเกงต้องใส่ขายาวห้ามรัดรูปมากเกินไป อย่าเข้าใกล้คนอื่นเกินหนึ่งเมตร อย่าใช้ดวงตาของเธอจ้องใครนานๆ อย่าเอียงคอมากเกินไปและอย่าเม้มปากมากนัก” ดราโกพูดรายละเอียดออกมามากมาย และเน้นทุกคำพูดด้วยสายตาที่จริงจัง เพราะเขาหวงเทวดาตัวน้อยของเขามากเกินกว่าจะแบ่งปันให้ใครได้เห็น เด็กน้อยของเขาไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่าตัวเองมีเสน่ห์มากขนาดไหนและเย้ายวนมากเพียงใด



ยิ่งตอนนี้คริสตินอยู่ในเสื้อยืดสีเข้มที่คอเสื้อค่อนข้างกว้างกว่าปกติ จึงเห็นร่องรอยกลีบกุหลายสีแดงก่ำกระจายตรงช่วงไหปลาร้าและลำคอขาว ดวงตากลมโตสีน้ำตาลนั้นเหมือนมีหยาดน้ำฉ่ำวาวเปล่งประกายอยู่ภายใน และขนตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นแพนั้นดูปรือเย้ายวน เพราะเมื่อคืนเขาดึงเสน่ห์ของคริสตินออกมาจนหมด จนตอนนี้ท่วงท่าของเด็กน้อยจึงเต็มไปด้วยการล่อลวงให้ใครต่อใครต้องหลงใหลโดยไม่รู้ตัว



โดยเฉพาะท่าเอียงคอสงสัยใคร่รู้ที่คริสตินมักจะทำเป็นประจำนั้นก็เช่นกัน ตอนปกติก็ดูช่างอ้อนชวนให้ใจอ่อนอยู่แล้ว มาตอนนี้ที่มีดวงตาฉ่ำวาว ริมฝีปากบวมแดงเรื่อ และดวงตาปรือยั่วนั่นอีก มันกลับทำให้คริสตินมีอิทธิพลกับเขามากเลยทีเดียว เพราะแบบนี้ไงล่ะ เขาถึงไม่อยากจะให้ต่อใครมาเห็นเด็กน้อยของเขาในตอนนี้เลยซักนิด



“เข้าใจแล้วใช่ไหม” ดราโกถามย้ำออกมาอีกครั้ง และผมก็ตอบเขากลับอย่างกระตือรือร้น เพราะเรื่องที่เขาบอกนี้มันเหมือนกับสิ่งใหม่ๆ ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ



สมัยตอนผมยังเด็ก ผมก็มัวแต่เรียนในเรื่องที่ผมสนใจเท่านั้น นอกจากเรียนแล้วผมก็ใช้เวลาไปกับคอมพิวเตอร์ เพื่อนของผมก็มีแต่คุณพ่อและแด๊ดดี๊เอริค พอไปมหาวิทยาลัยก็เจอแต่รุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าผมหลายปี พวกเขาก็เอ็นดูผมเหมือนน้องชายคนหนึ่ง และคงเพราะช่วงวัยที่แตกต่างกันเรื่องอะไรที่ผมควรรู้ผมก็เลยไม่รู้ เพราะพวกเขาก็คิดว่าผมยังเด็กเกินไป



“เข้าใจแล้วครับ เรื่องพวกนี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ ไม่มีใครบอกหรือสอนผมเลย” ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่นี่ก็เป็นการแสดงอาการกระตือรือร้นของผมแล้วล่ะครับ



“ดีแล้วล่ะ เรื่องนี้ให้ฉันสอนเธอคนเดียวก็พอ อย่าให้ใครสอนเธอเด็ดขาด” น้ำเสียงของชายหนุ่มจริงจังเช่นเดียวกับดวงตาที่มองตรงมายังผม มือหนาของเขาก็ยกลูบเกี่ยวเส้นผมสีน้ำตาลเล่นเล็กน้อย



“ครับ งั้นตอนนี้ผมควรไปเปลี่ยนเสื้อก่อนซินะครับ” ผมยื่นหน้าเข้าไปหาดราโกอย่างรวดเร็วและหอมแก้มเขาไปหนึ่งที เห็นดวงตาสีทองพราวระยับขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก และใบหน้าหล่อเหลาที่เคลื่อนเข้ามาใกล้หมายจะจุมพิตผม แต่ผมก็หมุนตัวและลงจากเตียงอย่างรวดเร็วจนร่างสูงชะงักค้าง



ผมรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวเล็กน้อย และหัวใจก็เต้นรัวเร็วเสียงดังตึกตัก ไม่รู้ซิครับ จู่ๆ ผมก็อยากหอมแก้มเขาขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ถ้าต้องจูบกันอย่างที่ดราโกต้องการ พวกเราคงไม่ได้ออกจากห้องนี้ไปอีกซักพักแน่เลยครับ และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะค่อนข้างเสียดายและเจ็บใจอยู่เหมือนกัน ฟังได้จากคำพูดของเขาที่ดังแว่วมาก่อนที่ผมจะปิดประตูห้องน้ำ



“เดี๋ยวเถอะ แล้วคืนนี้ฉันจะเอาคืนแน่นอน” น้ำเสียงจากดราโกหมายมาดและฟังดูเจ้าเล่ห์ จนทำให้ผมคิดหนักแล้วล่ะครับ สงสัยว่าคืนนี้คงต้องขอไปนอนกับจาคอปน่าจะดีกว่า









หลังจากนั้นสิบนาทีตอนนี้ทั้งผม ดราโก จาคอปและคาลอส พวกเราก็มานั่งอยู่ตรงโซนรับแขกในห้องของแดเนียล ดอนแห่งอัลเบอร์โต้แล้วครับ ผมสังเกตเห็นสายตาของชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาสีมรกตกวาดตามองผมเร็วๆ แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดอยู่ตรงมุมปาก



“หวงขนาดนี้เลยเหรอ” น้ำเสียงและดวงตาคู่นั้นของดอนแห่งอัลเบอร์โต้ฟังดูร้ายกาจและเจ้าเล่ห์กว่าของคาลอสเยอะเลยครับ แต่ท่าทางที่ยั่วยุนั้นก็ไม่ได้ทำให้ดราโกพูดอะไรได้เลยนอกจากปรากฏรอยยิ้มที่ยกสูงตรงมุมปากเท่านั้น “อลัน อ๊ะ ไม่ใช่ซิ ขอโทษนะเจ้าหนู ตอนนี้ชื่อคริสตินใช่ไหม”



“ครับ” ผมตอบเขากลับนิ่งๆ จงใจเมินเฉยกับชื่อในอดีตที่ผมไม่อยากจดจำ



“ว่าแต่เธออยากมาพบฉันเรื่องอะไรล่ะ” ร่างสูงมองมาทางผมที่ยังคงนั่งนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉยอยู่เช่นเดิม



“ผมมาขอโทษเรื่องที่เสียมารยาทเมื่อวานครับ การกระทำของผมคงทำให้คุณสับสน เลยอยากจะมาขอโทษคุณด้วยตัวผมเอง” ผมก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อยกับเรื่องเมื่อวานที่ผมไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของผมได้ จนหุนหันพลันแล่นเดินออกมาจากห้องของเขาอย่างเสียมารยาท โดยที่ยังไม่ได้เอ่ยขอตัวหรือร่ำลาอย่างเป็นทางการอย่างที่ควรจะทำเลยครับ



“งั้นเหรอ ฮ่าฮ่า เป็นเด็กที่แปลกดีนะ เรื่องเมื่อวานฉันไม่ถือหรอก” แดเนียลยกมือขึ้นโบกไปมาอย่างคนไม่ถือสาหาความกับเรื่องที่ผมทำเมื่อวาน ดังนั้นผมจึงรู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นมากเลยครับ



พอพวกเขารู้ถึงจุดประสงค์ที่ผมต้องการขอพบดอนแห่งอัลเบอร์โต้เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น เพราะพวกเขาคงนึกไม่ถึงว่าผมพูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ดังนั้นคาลอสจึงได้ฉวยโอกาสนินทาตัวผมต่อหน้าเลยครับ



“แปลกอย่างเดียวไม่พอหรอกนะครับแดเนียล ต้องเรียกว่าซื่อมากด้วย” ชายหนุ่มดันแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมขึ้นหนึ่งทีและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่



“ถึงซื่อแต่คริสตินก็น่ารักนะครับ ผมว่าเหมือนน้องหมาตัวเล็กๆ เลย” ได้ทีจาคอปก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง แต่คำว่าน้องหมาตัวเล็กๆ นี่ผมว่าไม่เห็นด้วยนะครับ จาคอปน่ะยังเหมือนน้องหมาโกลเด้นมากกว่าผมซะอีก



“ผมไม่เห็นด้วยนะครับ พวกคุณพูดเหมือนผมเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก ผมอายุสิบห้าแล้วนะครับ ใกล้จะสิบหกแล้วด้วย” ผมขมวดคิ้วและมองพวกเขานิ่งๆ แต่พวกเขากลับหัวเราะชอบใจกับคำพูดของผมแทน



“ฮ่าๆ งั้นก็เป็นวัยรุ่นซินะเจ้าหนู งั้นช่วงนี้ก็เป็นวัยต่อต้านแล้วซินะ” ดวงตาสีมรกตของเขาพราวระยับสนุกสนาน มีจาคอปที่หัวเราะแบบไม่รักษามาดเป็นลูกคู่ด้วยอีกคน “เฮ้ ระวังนะดราโก เดี๋ยวเจ้าหนูนี่คงมีคนมาจีบตรึมแน่เลย นายเตรียมจ้างบอร์ดี้การ์ดเพิ่มเลยตอนพาเจ้าหนูไปโรงเรียน”



สายตาล้อเลียนสีมรกตของแดเนียลถูกส่งไปให้กับดราโกโดยตรง แต่ชายหนุ่มร่างสูงก็ไม่สะทกสะท้านกลับล้วงปืนที่เก็บไว้ข้างเอวออกมาและวางไว้บนโต๊ะเล็กที่คั่นกลางระหว่างพวกเขาทันที



“หึ ไม่ต้องจ้างหรอก เดี๋ยวกระสุนของฉันก็ลั่นไปเองแหละ” ตลกหน้าตายในแบบของดราโกที่โต้กลับมาพร้อมกับของประกอบฉากที่แสนอันตรายนั้น ทำให้รอยยิ้มของชายหนุ่มอีกสามคนแข็งค้างกันไปทันที



พวกเขาต่างคิดในใจอย่างพร้อมเพรียงกันว่าเรื่องที่ดราโกพูดขึ้นนั้น ไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน และมีโอกาสสูงทีเดียวที่ปืนที่โชว์อยู่นี้จะไปจ่อขมับของคนที่กล้ามายุ่งกับเทวดาตัวน้อยที่ยังนั่งงงอยู่ข้างๆ ตัว



“แต่ผมจะเรียนจบแล้วนะครับ เหลือแก้ไขวิจัยอีกเล็กน้อยก็ส่งให้ศาสตราจารย์ตรวจได้แล้ว” ผมเหลือบมองคาลอสที่มุมปากกระตุกและยังทำหน้าตาประหลาดด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยท้วงพวกเขาออกมา และคำพูดของผมก็ช่วยทำลายความเงียบจากมุขตลกของดราโกได้



“หือ จริงเหรอ” แดเนียลหันมาสนใจผมทันทีพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความใคร่รู้ ส่วนผมก็พยักหน้ายืนยันให้กับเขา “จบปริญญาตรีเหรอ?”



“ปริญญาเอกครับ” ผมตอบเสียงนิ่งๆ แต่ดวงตาสีมรกตกลับเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อคำพูดของผมเท่าไหร่นัก จึงได้หันไปมองดราโก คาลอส และจาคอปเพื่อขอคำยืนยัน ซึ่งพวกเขาก็พยักหน้าอย่างแข็งขันเพื่อช่วยยืนยันคำพูดของผมอีกแรง



“เฮ้ย ไม่จริงน่า เธอเก่งมากเลยนะ สุดยอดเลยเจ้าหนู” บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนมาครึกครื้นและสนุกสนานอีกครั้ง ทั้งแดเนียล คาลอส และจาคอปต่างผลัดกันหยอกและแกล้งกันไปมา จนทำให้ผมรู้สึกสนุกและฟังพวกเขาพูดอย่างเพลิดเพลิน











หลังจากพวกเราพูดคุยเรื่องทั่วไปอยู่พักใหญ่ จู่ๆ แดเนียลก็วกกลับเข้ามาพูดถึงเรื่องของคาโซ่และเรื่องการประชุมที่จะเกิดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า จดหมายเชื้อเชิญให้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ถูกแจกจ่ายและเชิญแฟมิลี่ทั่วอิตาลีให้เข้าร่วม ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ในรอบหลายปีเลยทีเดียว และทำให้หลายๆ แฟมิลี่ทั่วอิตาลีต่างเฝ้าจับตามองและรู้สึกสงสัยในเรื่องของภัยคุกคามที่คาโซ่พูดถึง



“นายแน่ใจนะว่าคาโซ่จะเดินตามเกมของนายน่ะดราโก” ท่าทางที่เป็นกังวลของแดเนียลทำให้ผมละสายตาจากวิวนอกหน้าต่างไปจับจ้องและเฝ้ามองบทสนทนาหลังจากนี้ด้วยความสนใจ



“ใช่ ตอนนี้คาโซ่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องขอความร่วมมือจากแฟมิลี่อื่น ทางวีโนซิโอ คาโซ่ก็โดนบีบจากหลายฝ่ายจนร้อนรนแล้วเช่นกัน” ดราโกตอบเสียงนิ่งติดเย็นชา



“ทางฝ่ายรัฐบาลก็เริ่มลอยแพคาโซ่แล้วล่ะครับ ยิ่งโดนโจมตีจากทางสื่อและข้อมูลที่หลุดออกไปก็ทำให้หลายๆ ฝ่ายเริ่มหวาดระแวง โดยเฉพาะรายชื่อของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็เริ่มโดนสอบสวนไปบางส่วนแล้ว” คาลอสพูดขึ้น



“เข้าใจแล้วนายสร้างตัวตนปลอมขึ้นมาเพื่อใช้ให้คาโซ่ไขว้เขว่ใช่ไหม” ดอนแห่งอัลเบอร์โตถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง



“ใช่ ความจริงแล้วหลังจากที่พวกมันคิดว่ามาร์ติน สมิธคนนั้นตายไปแล้ว คาโซ่ก็ตายใจเพราะคิดว่ากำจัดคนที่ส่งข้อมูลให้ตำรวจสากลเรียบร้อย แต่เมื่อข้อมูลล่าสุดที่หลุดออกไปในโลกอินเตอร์เป็นข้อมูลชุดเดียวกันกับที่พวกมันได้จากทางตำรวจ มันก็คิดว่าคงมีคนที่ช่วยเหลือมาร์ติน สมิธอยู่” ดวงตาของดราโกเย็นเยียบเย็นชา แต่คำพูดของเขาที่ผมได้ยินกลับทำให้ทั้งร่างของผมชาวาบและเย็นยะเยือกลึกเข้าไปข้างใน



จากข้อมูลที่ผมได้ยินมาเมื่อสักครู่ แสดงว่ารูปของผู้ชายคนนั้นที่ดราโกเคยเอามาให้ผมดูคือคนที่เป็นมาร์ติน สมิธ ที่คาโซ่เชื่อว่าเป็นตัวจริง แต่เมื่อข้อมูลชุดเดียวกันถูกปล่อยออกมหลังจากนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่ามีคนคอยช่วยเหลือ และเริ่มออกตามล่าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คาโซ่จะไม่ได้ออกล่าเพียงลำพัง



“เขาจะยืมมือแฟมิลี่อื่นให้ช่วยตามหาใช่ไหมครับ” ผมพูดขึ้นมาบ้าง ดวงตาของผมราบเรียบแต่ลึกลงไปในแววตาผมรู้ว่ามันกำลังสั่นไหว “คาโซ่กำลังถูกจับตามองจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและประชาชน เขาจะเคลื่อนไหวไม่สะดวกและไม่ได้รับความเชื่อถืออีกแล้ว ผมคิดว่าเขาอาจจะต้องให้แฟมิลี่อื่นลงมือแทนเขา”



“นั่นซิ ทางคาโซ่แจ้งมาว่าเป็นเรื่องของภัยคุกคาม” คาลอสตาเบิกกว้างหลังแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ผมพยักหน้าและเหลือบมองใบหน้าเขาเล็กน้อย



“ภัยคุกคามที่เขาอ้างถึงคงโยงกับเหตุการณ์ข้อมูลของเขาที่หลุดไปครับ ถ้าเขาอ้างในเรื่องนี้ทุกแฟมิลี่จะต้องตื่นตัวและร่วมมือกับคาโซ่อย่างเต็มที่แน่นอน” ผมคาดเดาจุดประสงค์ของคาโซ่จากข้อมูลที่ผมได้ฟังมา และคิดว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกต้องค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว



“และมันจะทำให้คาโซ่โดนจับตามองน้อยลง เพราะทุกความสนใจจะพุ่งกลับไปหามาร์ติน สมิธอีกครั้ง” ดราโกพูดขึ้นมาบ้าง ผมหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมเช่นเดียวกัน



“ถ้าเป็นอย่างนั้นรัฐบาลก็จะต้องกลับมาเกรงใจคาโซ่อีกครั้งแน่นอน เพราะถ้าการประชุมครั้งนี้สำเร็จและได้รับความร่วมมือจากทุกแฟมิลี่ รัฐบาลคงมองว่าคาโซ่มีอิทธิพลมากพอที่จะรวมทุกแฟมิลี่เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การนำของเขา เฮอะ ไร้สาระ ไอ้แก่นี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ คิดยิงปืนนัดเดียวตายยกฝูงเลยมั้ง” ดอนแห่งอัลเบอร์โต้หัวเสียและเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาของเขาก็ดูดุดันขึ้นในพริบตา



“แล้วคาโซ่ก็จะยืนมองเฉยเพื่อรอรับผลประโยชน์ในท้ายที่สุด ทางถนัดของพวกมันเลยล่ะครับ” มือขวาอย่างจาคอปที่ทำหน้างุนงงในช่วงแรกเล็กน้อย แต่พอฟังแต่ละคนอธิบายขึ้นมาก็เข้าใจและรู้สึกหงุดหงิดกับพวกมันที่คิดยืมมือคนอื่นให้คอยช่วยเหลือและกำจัดเป้าหมายแทนตัวเอง



“แต่สิ่งนี้นายก็คิดไว้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะดราโก” แดเนียลหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งฝั่งตรงข้ามบ้าง แต่ใบหน้าเย็นชาแต่ประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากนั้นก็ช่วยอธิบายให้ดอนแห่งอัลเบอร์โต้เข้าใจ ส่วนผมที่กำลังนั่งวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้อีกครั้งอยู่เงียบๆ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตของผมเริ่มเปล่งประกายและมีชีวิตชีวามากขึ้น



“เธอกำลังคิดอะไร” ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งเคียงข้างอยู่บนโซฟาเดียวกันไม่เคยละสายตาออกจากร่างเล็กได้นานเลย ทุกสายตาของเขานั้นจับจ้องอยู่ที่คนข้างๆ ตลอด ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ดราโกจึงเห็นมันได้อย่างชัดเจน ดวงตากลมโตคู่นั้นเปล่งประกายราวกับเทวดาตัวน้อยกำลังเริ่มซุกซน



“ผมจะไม่ให้เขายืนรออยู่เฉยๆ แน่นอนครับ” ผมหันไปสบตากับดราโก จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีทองคู่นั้น “ถ้าเขาคิดจะอยู่เหนือปัญหาทั้งหมดและรอรับผมประโยชน์ฝ่ายเดียวล่ะก็ ผมจะเป็นคนที่ลากเขาลงมาเล่นเกมนี้ด้วยกันแน่นอน”





.................................


ตอนนี้ไรท์จะมาอธิบายเรื่องความใสซื่อของน้องให้ฟังเพิ่มเติมนะคะ สำหรับตัวน้องเองน้องเป็นคนที่มีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กวัยปกติค่ะ ไอคิวก็พุ่งปรี๊ดสูงจนเป็นเด็กอัจฉริยะ ดังนั้นน้องจึงรู้ว่าตัวเองสนใจในด้านไหนตั้งแต่เด็ก น้องเลยหมกมุ่นกับเรื่องที่ตัวเองชอบ และพยายามฝึกฝนเล่าเรียนจนแป๊ปๆก็ อ้าว!!! เฮ้ย จะจบปริญญาเอกเฉยเลย

อีกอย่างสภาพแวดล้อมที่น้องอยู่ก็มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น แถมตอนเด็กก็เรียนแต่โฮมสคูล จะมาสนใจในเรื่องเพศและเรื่องจุดจุดจุดน้องก็ไม่สนซักนิดเลยค่ะ ไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศสัมพันธ์ ไม่มีคนให้คุยเรื่องนี้ได้เลย ดังนั้นประสบการณ์ด้านนี้ของน้องต้องบอกว่าติดลบค่ะ อีกอย่างวันๆก็คิดแต่จะตามหาตัวคนๆนั้นให้พบ เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องไกลตัวน้องเลยค่ะ แต่เรื่องอะไรที่อธิบายออกมาเป็นตำรานี่น้องรู้นะคะ น้องอ่านมา แต่เรื่องนอกเหนือจากนั้นติดลบค่ะ ลบลูกเดียว ต้องรอให้ลุงเขามาสอนให้เองค่า 555555








ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: กรงเทวดา : บทที่ 25 เริ่ม (29.11.18)
«ตอบ #145 เมื่อ29-11-2018 22:36:34 »

ดราโก  คริสติน     :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 25 เริ่ม (29.11.18)
«ตอบ #146 เมื่อ29-11-2018 22:57:39 »

รอให้ลุงเอาคืนไม่ไหวแล้ว.. :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: กรงเทวดา : บทที่ 25 เริ่ม (29.11.18)
«ตอบ #147 เมื่อ30-11-2018 09:10:25 »

จะสอนอย่างไรรอจ้าา

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: กรงเทวดา : บทที่ 25 เริ่ม (29.11.18)
«ตอบ #148 เมื่อ30-11-2018 23:34:40 »

เริ่มจะตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ปล. หมั่นไส้ลุงอ่ะ หวงน้องมากเว่อออออ

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)
«ตอบ #149 เมื่อ10-12-2018 20:00:32 »

บทที่ 26 เริ่ม (2)



“ถ้าเขาคิดจะอยู่เหนือปัญหาทั้งหมดและรอรับผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวล่ะก็ ผมจะเป็นคนที่ลากเขาลงมาเล่นเกมนี้ด้วยกันแน่นอน” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นของคริสตินนั้น กลับตรึงทุกสายตาให้หันมาสนใจคนที่อ่อนวัยกว่าในทันที ถึงแม้ว่าประโยคที่เอ่ยออกมาจากเด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีนั้นจะน่าตื่นตะลึงมากขนาดไหน แต่มันกลับสู้แววตาเจิดจ้าจากดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย





ดวงตาคู่นี้เปล่งประกายเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแรงกล้า และดึงดูดทุกสายตาให้จ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีเท่านั้น แต่มันกลับแฝงไปด้วยพลังที่ชวนให้คนคล้อยตามและเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คริสตินพูดนั้น เขาจะต้องทำได้อย่างแน่นอน





“เธอมีแผนหรือ?” ดราโกที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมาสั้นๆ ดวงตาสีทองของชายหนุ่มยังไม่ละสายตาไปจากดวงหน้าอ่อนเยาว์เรียบนิ่งนั้นเลยซักวินาที ในตอนนี้คริสตินของเขานั้นมีเสน่ห์เอ่อร้นออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ เปล่งประกายเจิดจ้าจนเขาอยากจะฉุดคนตัวเล็กอุ้มเข้ามาในอ้อมแขนและพาไปกักขังหลบให้พ้นสายตาตื่นตะลึงของคนที่อยู่ในห้องทันที





หงุดหงิด ใช่ เขากำลังหงุดหงิดที่ไม่สามารถพาคริสตินไปในตอนนี้ได้ และใช่ เขากำลังข่มอารมณ์หึงหวงที่กำลังแล่นพล่านเพราะเห็นสายตาของจาคอปมองคริสตินอย่างชื่นชมปนปลาบปลื้ม แต่เขาจำเป็นที่จะต้องเมินเฉยสายตาพวกนั้นไปซะเพื่อให้เด็กน้อยของเขาเล่าถึงแผนการของตัวเองขึ้นมา เพราะสิ่งที่คริสตินพูดอาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แผนการนี้ง่ายขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อก็เป็นได้





ทุกสายตานั้นจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียว แต่ยังไม่ทันที่คริสตินจะได้อธิบายแผนการของเขาออกมา ประตูห้องนอนอีกห้องก็เปิด พร้อมกับน้ำเสียงมีเสน่ห์ของหนุ่มเอเชียที่ติดแหบแห้งเล็กน้อยจากการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความยินดีปนเศร้าใจ





“อลัน!!!!” จีน ไอรา ที่อ่อนเพลียและโศกเศร้ากับความจริงที่เขาได้รับรู้จากเรื่องเมื่อวานนั้น ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ทั้งคืน กว่าจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียก็เกือบรุ่งเช้า





แม้ในเวลานี้เขาจะอ่อนเพลียและปวดหัวอยู่บ้าง แต่สิ่งที่น่ายินดีที่สุดในเช้าวันนี้คือการที่ได้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของน้องชายเพียงคนเดียวที่เขาเฝ้ารอ ร่างสูงโปร่งรีบวิ่งถลาเข้าไปหาคริสตินอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยมีเสน่ห์ของจีนฉีกยิ้มกว้าง แม้ดวงตาเรียวสีนิลจะฉาบไปด้วยความโศกเศร้าอยู่เบาบางก็ตาม





แต่เมื่อจีนวิ่งเข้ามาหาคริสติน เขากลับถูกร่างสูงใหญ่ของจาคอปยืนขวางทางในทันที ใบหน้าคมเข้มที่ติดขี้เล่นของเขาในยามนี้กลับราบเรียบและดูจริงจังสมกับเป็นบอร์ดี้การ์ดมือขวาของดอนแห่งคอลิโอเน่ ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนและกางแขนออกมาเพื่อรั้งร่างสูงโปร่งที่เกือบถลาพุ่งเข้าหาคริสตินได้อย่างทันท่วงที





“อ๊ะ!!!” จีนตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ชนเข้ากับแขนแกร่งของจาคอป ร่างของเขาเซถอยหลังไปเล็กน้อย จนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นพรมนุ่ม ยังดีที่แดเนียลเข้ามาประคองร่างโปร่งของคนรักไว้ได้ทัน และพยุงพาชายหนุ่มไปนั่งด้วยกันที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับคริสตินและดราโก





“อย่าวุ่นวายจีน” น้ำเสียงทุ้มต่ำของดราโกเอ่ยเตือนคนรักของดอนแห่งอัลเบอร์โต้นิ่งๆ





ใบหน้าหล่อเหลาของแดเนียลเริ่มซีดเผือดทีละนิด ในใจของชายหนุ่มกำลังว้าวุ่น เขาไม่รู้ว่าจะทำให้บรรยากาศที่เริ่มคุกกรุ่นนี้คลี่คลายได้อย่างไรดี ตอนนี้ดราโกไม่ชอบใจในตัวของจีนอย่างรุนแรง อาจจะถึงขั้นเกลียดเข้ากระดูกดำไปแล้วก็ได้เมื่อได้ฟังเรื่องราวในอดีตจากคนรักของเขาเมื่อวาน





ตั้งแต่จีนเอ่ยชื่อเก่าของคริสตินออกมานั้น บรรยากาศในห้องก็เหมือนอุณหภูมิติดลบ เพราะมีดราโกเป็นคนปล่อยรังสีอันตรายออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง โดยเฉพาะดวงตาคมกริบสีทองคู่นั้นมันเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ทุกคนภายในห้องรู้สึกหนาวยะเยือกสั่นสะท้านอย่างรุนแรง





และตอนนี้ดอนแห่งคอลิโอเน่ก็ยิ่งไม่พอใจชายเอเชียที่นั่งอยู่ตรงข้ามคริสตินมากเข้าขึ้นไปอีก เมื่อเขาพยายามข่มความกลัวและพูดคุยกับคริสตินอีกครั้ง





“อะ อลัน” เสียงของจีนสั่นเทาเล็กน้อย ดวงตาเรียวสวยมองไปยังร่างเล็กของน้องชายที่มีใบหน้าปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใดใด แม้เขาจะรับรู้ว่าดอนแห่งคอลิโอเน่กำลังไม่พอใจในตัวเขาอย่างมาก และรู้สึกถึงแรงกระชับจากฝ่ามือของแดเนียลที่พยายามจะรั้งและเอ่ยเตือนการกระทำของเขาอยู่ก็ตาม แต่เวลานี้ น้องของเขาที่คิดว่าจะไม่มีวันได้พบกลับมาปรากฎอยู่ตรงหน้า จะไม่ให้เขาได้ทักทายและพูดคุยถามไถ่กับน้องเลยหรือ





“อลัน อลัน พะ พี่...” แต่จีนยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป ดราโกก็ตัดบทชายหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง





“คริสติน เด็กคนนี้ชื่อคริสติน” ในอดีตเทวดาตัวน้อยของเขาจะชื่อว่าอะไรเขาไม่สนใจ แต่ตอนนี้ ในเวลานี้ เด็กคนนี้คือคริสตินนอร์แมนเท่านั้น





บรรยากาศภายในห้องยิ่งกว่าอุณหภูมิติดลบซะอีก ตอนนี้มันทั้งหนาวเยือกและร้อนระอุจนคาลอสและจาคอปที่นั่งอยู่ไม่ไกลถึงกับร้อนๆ หนาวๆ ใบหน้าของดอนแห่งคอลิโอเน่นั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ ถ้าจีนไอรายังไม่หยุดในตอนนี้ ดอนของพวกเขาคงคว้าปืนขึ้นมายิงในอีกไม่ช้าแน่นอน





แม้ว่าจีนพยายามจะส่งสายตาอ้อนวอนไปที่น้องชายของเขาอย่างไร แต่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ห่างกันแค่โต๊ะเล็กๆ คั้น กลับไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทาย คริสตินเพียงแค่มองจีนนิ่งๆ เท่านั้น แม้กระทั่งดวงตาสีน้ำตาลก็ยังคงราบเรียบไร้อารมณ์ความรู้สึก





“อลัน อ๊ะ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษนะคริสติน” จีนที่เห็นน้องมองเขาเหมือนกับคนที่ไม่รู้จัก พยายามจะเอ่ยขอโทษกับเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นดวงตาสีทองตวัดสายตาคมกริบมาให้ตน ชายหนุ่มจึงต้องกล้ำกลืนก้อนสะอื้นและเอ่ยชื่อปัจจุบันของน้องชายเขาขึ้นมา





เขาอึดอัดใจมากจนมันกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตามากมายที่พร่างพรูออกมาจากดวงตาคู่งาม เสียงสะอื้นดังเสียดแทงใจของดอนแห่งอัลเบอร์โต้จนเจ็บปวด แต่คำสัญญาที่เคยให้ไว้กับดราโกเขาก็ไม่อาจละเมิด เขาแม้มีอำนาจ เป็นดอนในฐานะและตำแหน่งเดียวกัน แต่เขาก็รู้ว่าอำนาจที่แท้จริงนั้น ยังไม่อาจสู้ดราโก คอลิโอเน่คนนี้ได้เลย





“ใจเย็นก่อนนะจีน ไว้ค่อยคุยกันหลังจากเรื่องนี้จบเถอะ” ร่างสูงรั้งร่างโปร่งของจีนเขามาใกล้ ลูบหลังปลอบโยนให้คนรักสงบลงทีละนิด โดยเฉพาะประโยคหลังที่เขากระซิบใกล้หูเพื่อเตือนสติคนข้างๆ “เรื่องนี้มันต้องใช้เวลา เด็กคนนั้นอาจจะยังสับสน นายต้องให้เวลาเขาหน่อย เข้าใจไหม”





คำพูดของแดเนียลเตือนสติของจีนได้เป็นอย่างดี เขารู้ เวลาที่ห่างหายกับน้องไปนานนั้นมันกลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา และความสัมพันธ์ก็ไม่อาจจะฟื้นคืนมาได้ในเวลาอันสั้นแค่ชั่วข้ามคืน เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องอดทน ค่อยๆ ฟื้นฟูสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องขึ้นมาอีกครั้ง และรอคอยให้น้องของเขายอมเปิดใจให้กับพี่ชายที่ไม่เอาไหนคนนี้





“เข้าใจแล้ว ขอโทษนะ” จีนพึมพำพูดขึ้นมาและก้มหัวขอโทษทุกคนที่เขาเสียมารยาทไปเมื่อสักครู่







ผมลอบสังเกตท่าทางของจีนอยู่เงียบๆ ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองซึ่งแตกต่างจากท่าทางมั่นใจและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเหมือนครั้งแรกที่ผมได้พบเขา ในความทรงจำของผมนั้นผมไม่เคยเห็นจีนมีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลยครับ ในตอนเด็กจีนเป็นที่พึ่งของผม เป็นพี่ชายของผม เป็นทุกอย่างในชีวิตให้ผม แต่แค่วันนั้นเพียงวันเดียวทุกอย่างในชีวิตของผมกลับเปลี่ยนไป





ผมรู้ว่าตั้งแต่ตอนนั้นใจของผมมันก็ด้านชา มันเจ็บ เจ็บจนชิน เจ็บจนผมคิดว่าถ้าวันหนึ่งผมและจีนได้มายืนต่อหน้ากันและกัน ผมคงเดินหันหลังให้เขาอย่างง่ายดาย แต่เวลานี้ผมรู้ว่าใจของผมมันไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมมั่นใจมาตลอด มันกำลังสั่นไหวเพราะท่าทางของจีนในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน





แต่ผมก็รู้สิ่งที่ผมหวังไว้สำหรับจีน ไอรา คือการที่เขาจะอยู่ห่างจากเรื่องนี้มากที่สุด ให้เขาหยุดอยู่แค่เรื่องคาโซ่ก็พอ อย่าให้เขารู้ถึงเรื่องราวหลังจากนี้ที่ผมต้องพบเจอเลยจะดีกว่า เพราะถ้าเขารู้มากไปกว่านี้มันก็ทำให้เขาทรมานมากขึ้นเท่านั้น





“ขอโทษด้วยนะ เจ้าหนู ก่อนหน้านี้เธอบอกว่ามีแผนเหรอ” แดเนียลพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น และพยายามดึงเรื่องเข้าไปในหัวข้อเดิมที่พวกเขาพูดคุยค้างไว้ แต่ผมกลับไม่ตอบคำถามของเขาในทันที เพราะผมเลือกที่จะเอื้อมมือไปเกาะกุมมือใหญ่จากคนตัวสูงที่นั่งข้างๆ แทน





ผมหลุบตาลงมาเล็กน้อยเพื่อเหลือบมองมือของดราโกที่บีบกระชับฝ่ามือผมกลับมาเบาๆ ในตอนนี้ผมรู้ว่าทุกคนกำลังเกร็งและแอบหวาดหวั่นกับท่าทางของดราโกที่ยังคงปล่อยรังสีกดันและความเยือกเย็นออกมาไม่ยอมหยุด ผมรู้ว่าเขาไม่พอใจจีน และหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผมจึงต้องเอื้อมมือไปหาเขาเพื่อให้เขารู้ตัวและเลิกทำให้คนอื่นหวาดกลัวกันได้แล้ว





“ดราโกครับ” ผมเรียกชื่อของดอนแห่งคอลิโอเน่ พร้อมกับหันไปมองชายหนุ่มเล็กน้อย เอ่ยย้ำให้เขามั่นใจ “ผมไม่เป็นไรครับ”





ดวงตาของผมและดวงตาของดราโกสบตาจ้องลึกเข้าไปในแววตาของกันและกัน สายตาของเขาเหมือนกับกำลังมองทะลุเข้าไปในจิตใจและความคิดของผมเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดกับเขานั้นคือความจริง ตอนนี้ตัวของผมนั้นแม้จะหวั่นไหวกับจีนอยู่บ้าง แต่ผมก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่ความหวาดกลัว





“อืม” เขารับคำผมในลำคอ ดวงตาสีทองที่ยังคงมองผมอยู่นั้นอ่อนแสงลงและดูอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น ทำให้บรรยากาศภายในห้องรับแขกเริ่มผ่อนคลาย ผมหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อตัดสินใจที่จะพูดคุยบางอย่างกับพี่ชายของผม





“จีนครับ” น้ำเสียงของผมนั้นแผ่วเบา แต่เมื่อผมเรียกชื่อเขาออกมา จีนก็เงยหน้ามองผมด้วยใบหน้าที่สดใส เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเรียกชื่อของเขาออกมาหลังจากที่เราไม่ได้พบกันมาสิบปี





“ครับอลัน ไม่สิ คริสติน” ดวงตาเรียวสีนิลเปล่งประกาย พร้อมรอยยิ้มสวยที่ขับเน้นให้จีน ไอรากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง





“ผมมีเรื่องที่อยากพูดกับพวกเขา อาจจะต้องขอให้คุณออกไปก่อนสักครู่ได้ไหมครับ” คำพูดของผมนั้นเหมือนกีดกันเขาออกจากเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง และมันก็ทำร้ายจิตใจของจีนอย่างสาหัสเช่นเดียวกัน





“ตะ แต่พี่ พี่” ดวงตาที่เปล่งประกายของชายเอเชียกลับมาหม่นหมองอีกครั้ง





“เรื่องนี้จีนก็เป็นคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน ฉันคิดว่าเขามีสิทธิที่จะรู้นะ” ดอนแห่งอัลเบอร์โต้เอ่ยแย้งขึ้นมาในทันที เขายอมในเรื่องที่จะไม่ให้จีนยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคริสตินก่อนถึงเวลาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกีดกันจีนออกจากเรื่องนี้ เพราะในเมื่อชายหนุ่มเอเชียเป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถและมีเครือข่ายกว้างขวาง นั่นย่อมเป็นประโยชน์สำหรับแผนการในการกำจัดคาโซ่เช่นเดียวกัน









ผมรับฟังในสิ่งที่แดเนียลพูดขึ้นมาและเลือกที่จะไม่โต้เถียงยืนยันในความคิดของผม เพราะผมเห็นอาการต่อต้านของพวกเขาที่ดูมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน





“ฉันว่าเรื่องของจีนฉันเห็นด้วยกับดอนอัลเบอร์โต้นะคริสติน จีนเขามีเครือข่ายและคนรู้จักในวงการใต้ดินกว้างขวางเหมือนกัน เขาน่าจะช่วยเหลือพวกเราได้เยอะเลยล่ะ” คาลอสเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยและช่วยอธิบายเหตุผลให้ผมได้รับฟัง ซึ่งผมก็พยักหน้าให้เขาเล็กน้อยอย่างจำยอม เอาเถอะครับ หลังจากนี้ผมคงต้องระวังตัวไว้หน่อย เพื่อไม่ให้จีนรู้เรื่องอดีตของผมมากนัก





“แล้วแผนของเธอว่ายังไงบ้างล่ะ” จาคอปเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยเปลี่ยนหัวข้อเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วน ผมเข้าใจเจตนาของมือขวาร่างยักษ์อย่างจาคอปนะครับ เลยต้องยอมละเรื่องของจีนชั่วคราว





“แผนที่ผมคิดไว้จะเริ่มในระหว่างที่คาโซ่ให้ความสนใจกับงานประชุมและการตามหามาร์ตินสมิธตัวปลอมครับ ในตอนที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว ผมจะค่อยๆ ทำลายพวกเขาจากข้างในครับ” ใบหน้าของผมนั้นยังคงราบเรียบปราศจากความรู้สึก แต่ประโยคที่ผมได้พูดไปนั้นกลับทำให้คนที่เหลือพากันสงสัยใคร่รู้





“เธอหมายถึงว่าเราควรส่งสายลับเข้าไปงั้นเหรอ” จาคอปขมวดคิ้วมุ่นและถามผมด้วยความสงสัย “ฉันว่าส่งสายเข้าไปตอนนี้มันจะดูน่าสงสัยมากเลยนะ”





“ไม่ใช่ครับ” ผมส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธข้อสันนิษฐานของเขา





“หรือว่าจะคอยยุแยงให้พวกเขาแตกคอกัน?” คาลอสถามขึ้นมา พร้อมกันดันกรอบแว่นให้เข้าที่ แต่ผมก็ยังส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย





“ไม่ใช่ครับคาลอส”





“หรือว่าเป็นเรื่องเงินหรือเปล่า?” ดอนแห่งอัลเบอร์โต้โพล่งขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ หลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่สักพัก





“ใช่ครับ” ผมพยักหน้า “เรื่องเงินเป็นรากฐานที่สำคัญของทุกองค์กร ถ้าไม่มีเงินระบบทุกอย่างก็หยุดชะงัก ผมจะช่วยดึงความสนใจของคาโซ่และช่วยสนับสนุนพวกคุณเองครับ คุณคิดว่ายังไงบ้างครับดราโก”





ผมเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อหันไปขอความคิดเห็นจากดอนแห่งคอลิโอเน่ ซึ่งชายหนุ่มเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดเพียงคนเดียวภายในห้องนี้





“อืม น่าสนใจทีเดียว” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจถูกแตะแต้มที่มุมปากบางของชายหนุ่มร่างสูง และเขาก็เห็นด้วยว่าวิธีของเทวดาตัวน้อยของเขาเป็นวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ ถ้าค่อยๆ ตัดช่องทางของพวกมันทีละนิด ก็เหมือนค่อยๆ ทรมานพวกมันให้ขาดอากาศหายใจ ดิ้นทุรนทุรายและตายลงอย่างช้าๆ ซึ่งวิธีนี้เหมาะสมกับคนอย่างพวกมันที่สุดแล้ว





“ถ้าอย่างนั้นเราควรให้มาร์คเข้ามาช่วยคริสตินนะครับดอน” คาลอสเสนอความคิดเห็น “ถ้ามีเจ้านั่นคงช่วยช่วยให้คริสตินทำอะไรได้เร็วมากขึ้น”





“นั่นซิครับ ผมเห็นด้วยนะครับดอน” จาคอปที่นั่งเงียบๆ มาสักพักได้โอกาสสนับสนุนความคิดของเพื่อนรักอีกแรง แต่สิ่งที่คาลอสพูดและสิ่งที่จาคอปเห็นด้วยกลับโดนปฏิเสธจากผมในทันที





ไม่ใช่ว่ามาร์คไม่เก่งนะครับ เขาเป็นคนเก่งคนหนึ่งที่มีประสบการณ์มาถ่ายทอดให้กับผมมากมาย แต่ว่าเขามีหน้าที่ของเขาที่ได้รับมอบหมายอยู่แล้ว และเป็นงานที่หนักมากเช่นกัน ดังนั้นผมจึงไม่ควรไปรบกวนชายหนุ่มหัวฟูคนนั้นมากเท่าไหร่นัก แค่งานที่เขามีและผมทิ้งเขาไว้กับกองงานชิ้นโต เขาก็คงจะก่นด่าผมยกใหญ่แล้วล่ะครับ





“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ครับ ผมไม่อยากรบกวนมาร์คเท่าไหร่ เขามีหน้าที่ของเขาอยู่แล้วนะครับ ให้มาช่วยผมคงไม่ดี” ผมรีบชี้แจงเหตุผลของผมในทันที และหันไปมองดราโกด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่ติดอ้อนวอนเล็กๆ









มันน่านักนะเด็กคนนี้ ทำหน้าแบบนั้นมาให้เขา อยากให้เขาหมดความอดทนมากรึไงกัน







ดราโกมองเด็กน้อยของเขาด้วยสายตาวาววับเป็นประกายแปลกประหลาด ซึ่งสายตาแบบนี้ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับหนาวสันหลังและแอบขยับตัวออกห่างจากร่างสูงเล็กน้อย แต่ก็ต้องจนใจเพราะฝ่ามือของเขาที่ยังเกาะกุมกันและกันอยู่ ไม่สามารถทำให้เด็กน้อยขยับออกไปไกลมากกว่านี้





“ที่พวกนายพูดกันเมื่อกี้คือจะให้เจ้าหนูนี่มาร่วมมือกับพวกเราด้วยอย่างนั้นเหรอ?” ดอนแห่งอัลเบอร์โต้ถามขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาดูยุ่งเหยิงและมองดราโก สลับกับคาลอสและจาคอปไปมา





“ใช่” และดราโกก็ตอบกลับสั้นๆ เหมือนเช่นเคย





“เดี๋ยวนะ นายจะให้เด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้มาเล่นเกมกับพวกเราด้วยเนี่ยนะ” หลังจากฟังบทสนทนาแปลกประหลาดของคอลิโอเน่ทั้งสี่คนเรียบร้อยแล้ว ดอนแห่งอัลเบอร์โต้ที่นั่งเงียบมานานก็รีบเอ่ยท้วงขึ้นมาในทันที จากคำพูดของพวกเขานั้นคือคริสตินจะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการด้วยเช่นกัน มันไม่ประหลาดไปหน่อยหรือที่จะให้เด็กคนหนึ่งมาวุ่นวายกับแผนการที่อันตรายนี้







“ไม่ได้นะครับ!!! ผมว่ามันอันตรายเกินไป” จีนรีบโพล่งขึ้นมาด้วยความกระวนกระวายใจ





ดวงตาสีมรกตของแดเนียล อัลเบอร์โต้มองไปที่ดราโกอย่างไม่เชื่อสายตา ทั้งที่เจ้าตัวหวงและห่วงคริสตินมากขนาดนี้ แต่ทำไมถึงยอมให้เด็กคนนี้เข้ามาพัวพันกับเรื่องพวกนี้อีก โดยเฉพาะเจ้าเด็กตัวเล็กผอมแห้งหน้าตายที่ทำท่าทางอย่างกับพวกเชี่ยวชาญด้านการเงิน ถึงแผนที่พูดมาจะน่าสนใจ แต่มันใช่เรื่องไหมที่จะให้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อจากการกระทำของพวกคาโซ่มาร่วมแผนการนี้ด้วย





เรื่องพวกนี้มันละเอียดอ่อนมากนะ ขนาดเขายังพยายามจะกันจีนให้ถอยห่างจากเรื่องพวกนี้ แต่กับเด็กที่ตกเป็นเหยื่อเต็มๆ อย่างคริสตินกลับยอมให้มาเป็นส่วนหนึ่งได้ยังไงกัน





“ทำไมล่ะครับ?” แต่น้ำเสียงเรียบนิ่งของตัวต้นเหตุอย่างคริสตินกลับเอ่ยถามขึ้นมาเหมือนไม่รู้สถานการณ์ ทำไม ถามว่าทำไมอย่างนั้นเรอะ!!!!





“คริสติน!!! เธอยังเป็นยังเด็กอยู่นะ พี่ไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้” ชายเอเชียร่างสูงโปร่งผุดลุกขึ้นยืนอย่างร้อนใจ ท่าทางกระวนกระวายเป็นห่วงเด็กหนุ่มอย่างชัดเจน แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้าตาสงสัยและไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด





“เฮ้!! เจ้าหนู!!! เรื่องนี้มันอันตรายเกินไปที่จะให้เธอเข้ามาร่วมมือด้วย” ดวงตาสีมรกตของแดเนียลเต็มไปด้วยความจริงจังและดูดุดัน เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งกำลังคอยดุด่าเด็กซนๆ ที่เล่นไม่รู้เรื่องคนหนึ่ง และผมคิดว่าเด็กซนๆ คนนั้นคงจะหมายถึงผมแน่นอนเลยครับ





“แต่เรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับผมนะครับ คุณจะกันผมออกจากเรื่องนี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน เมื่อสักครู่พวกคุณก็ยังบอกผมว่าไม่ควรกันเขาออกจากเรื่องนี้เหมือนกัน” ผมย้อนเขาในทันที และสายตาของผมก็ย้อนกลับไปที่จีนเช่นกัน





เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมควรจะจัดการปัญหาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่เพราะความสามารถของผมไม่เพียงพอ เครือข่ายของผมไม่กว้างขวาง และไม่มีอำนาจในมือมากมายนัก ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีคอลิโอเน่ที่ยินยอมให้ความช่วยเหลือ แค่นี้ผมก็รู้สึกขอบคุณพวกเขามากมายแล้วครับ แล้วจะให้ผมมานั่งหลบอยู่ข้างหลังพวกเขา คอยให้เขาปกป้องโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเนี่ยนะครับ ผมไม่มีวันยอมแน่นอน





“แต่นายอายุเท่าไหร่กันคริสติน? นายจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงไม่ได้!!! เฮ้ยดราโก นายไม่ห่วงเด็กคนนี้เลยรึไง?” น้ำเสียงของแดเนียลเกรี้ยวกราดมากขึ้นเรื่อยๆ ผมฟังประโยคที่เขาพูดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกจนใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขากำลังเข้าใจผมผิดนะครับ สงสัยแดเนียลเขานึกว่าผมจะออกไปลุยด้วยตัวเองล่ะมั้ง





“ได้โปรดคริสติน อย่าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับพวกนั้นอีกเลย ปล่อยให้พวกพี่จัดการเถอะนะ” จีนเอ่ยอ้อนวอนพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล





“เรื่องนี้นายอย่ายุ่งมากนักแดเนียล ถ้าคริสตินอยากช่วยก็ปล่อยให้เขาช่วยไป” ดราโกพูดตัดบทขึ้นด้วยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ซึ่งสิ่งที่ชายหนุ่มพูดก็ได้รับการสนับสนุนจากทั้งคาลอสและจาคอปที่คอยพยักหหน้าเป็นลูกคู่อยู่ข้างๆ





“นายไม่ห่วงเด็กคนนี้เลยเหรอ กับคาโซ่มันไม่ใช่เล่นๆ นะ มันเสี่ยงเกินไป” แต่ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีมรกตก็ยังไม่ยินยอม และผมคิดว่าถ้าจะปล่อยให้พวกเขาคัดค้านอยู่แบบนี้มันจะส่งผลเสียกับแผนการต่อไปมากเลยทีเดียว





“พวกคุณไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ คนที่คุณควรจะห่วงคือตัวของพวกคุณเองมากกว่า” ผมพยายามอธิบายให้พวกเขาฟังอีกครั้ง “ผมบอกไปแล้วว่าผมจะคอยเป็นฝ่ายสนับสนุน นั่นหมายความว่าตัวของผมจะปลอดภัย ไม่เหมือนกันพวกคุณที่จะต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา”





เมื่อเขาได้ฟังผมอธิบายไปแล้ว ร่างสูงของดอนอัลเบอร์โต้ก็ชะงักในทันที ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้วนะครับ ว่าตัวผมจะอยู่ในที่ปลอดภัยและคอยสนับสนุนพวกเขาอยู่ห่างๆ ไม่ใช่ออกไปต่อสู้ ควงปืน หรือกราดยิงอะไรแบบนั้น ซึ่งผมทำไม่ได้แน่นอนครับ ผมรู้ตัวดี ออกไปก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้นแหละครับ





“แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นนะ หลบไปอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ดีกว่าไหม” จีนคัดค้านขึ้นมาอีกครั้ง “เรื่องนี้พี่ไม่ยอมเด็ดขาด อีกอย่างเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เธอยังเด็ก เธอจะช่วยสนับสนุนได้ยังไง”





“แต่ผมมั่นใจว่าผมจะช่วยพวกคุณได้แน่นอนครับ” ผมพูดขึ้นมาอีกครั้งและยืนยันกับพวกเขา แค่มีสองมือของผมและคอมพิวเตอร์ของผมเท่านั้น ผมก็สามารถจะติดปีกคอยสนับสนุนพวกเขาได้อย่างแน่นอน





"""""""""""""""""""""""""""

เย้!!! ตอนใหม่มาแล้วค่า ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ให้กำลังนะคะ หายไปนานมาแต่งอีกทีภาษาอาจจะแปลกๆไปบ้าง ไรท์แก้ไปแก้มาหลายรอบเลยค่ะ พอไม่ได้แต่งนานๆมันกลับมาต่อไม่ค่อยติดเท่าไหร่

ตอนนี้ลุงของน้องแผ่รังสีออกมาแทบจะแช่แข็งทุกคนเลยค่ะ อาหารหึงหวงก็แสดงออกมากขึ้นเรื่อย 55555 น้องจ๋าาาา อย่าทำให้ลุงหึงมากน๊าาา เดี๋ยวคนแก่หัวใจจะวายซะก่อนนนน อิอิ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด