กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)  (อ่าน 35832 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #30 เมื่อ25-06-2018 02:24:57 »

แง น้องน่ารัก :ling1:

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #31 เมื่อ25-06-2018 18:59:44 »

น้องยังเป็นผู้เยาว์อยู่นะ :hao6:

ออฟไลน์ ak_kumiko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #32 เมื่อ25-06-2018 20:18:28 »

น้องน้อยจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรอีกนะ เทวดาน้อยยของพี่ (สถาปนาในใจเรียบร้อย5555)
อยู่กับลุงหื่นต้องทันเล่ห์เหลี่ยมค่ะ ลุงเขาร้าย กร้ากกกกก
อ่านไปก็ลุ้นไป น้องจะอยู่รอดปลอดภัยมั้ยนะ น้องอร่อยมั้ยนะ เอ้ย น้องจะมีไม้ไหนมางัดกับลุงมากประสบการณ์บ้างนะ

แต่งได้สนุกมากๆๆๆๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #33 เมื่อ25-06-2018 22:01:46 »

เทวดาน้อยซ่อนความลับอะไรเอาไว้... :hao4: :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ imkhimaut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #34 เมื่อ26-06-2018 00:31:34 »

พรากผู้เยาว์ = คุก
แต่ไม่เป็นไรเพราะเราจะติดคุกไปด้วยกัน :ruready

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #35 เมื่อ26-06-2018 04:20:38 »

สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ dekfad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #36 เมื่อ26-06-2018 11:11:27 »

ลุงอย่ารังแกน้องงงงงงงง!!!!
เนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ ติดตามอ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #37 เมื่อ26-06-2018 15:43:17 »

ทำไมน้องน่ารักขนาดนี้ แถมเข้าขั้นอัจฉริยะซะด้วย ลุงหื่นเจอของดีเข้าแล้ว
ที่น้องไร้ความรู้สึกเพราะเจอกับเหตุการณ์นองเลือดใช่ไหม ว่าแต่คุณพ่อไล่น้องออกไปใช้ชีวิตได้ใช้ชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันแน่ ๆ 555+

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

บทที่ 7 ความจำเป็น



หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป ผม ดราโก คาลอส และจาคอปก็นั่งอยู่ที่โซฟาอย่างพร้อมเพรียงกันภายในห้องทำงานของมาเฟียแห่งคอลิโอเน่ครับ บรรยากาศตอนนี้ไม่ได้ดูเคร่งเครียดเหมือนอย่างที่ผมกังวลเท่าไหร่นัก แต่สายตาสามคู่ที่มีสีแตกต่างกันกำลังจ้องมาที่ผมคล้ายกับรอคำอธิบายทุกเรื่อง



“จะให้ผมเริ่มยังไงดีครับ” ผมถามพวกเขา เพราะไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอธิบายตรงไหนก่อนดี ถึงบรรยากาศโดยรวมจะไม่เคร่งเครียด แต่ผมก็ยังเจอสายตากดดันจากพวกเขาอยู่ดี ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมคล้ายกับนักโทษที่กำลังโดนสอบปากคำอยู่ครับ



“ทำไมเธอถึงรู้เรื่องการค้ามนุษย์ของคาโซ่ได้ล่ะ” ดวงตาคมกริบของดราโกมองมาที่ผม แค่เจอคำถามแรกของเขาผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงแล้วครับ เรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงเรื่องที่ผมถนัด แต่ความสามารถนี้ผมก็ไม่อยากจะพูดออกไปมากนัก เพราะถ้ามีคนรู้เข้ามันจะอันตรายเกินไป ไม่ใช่กับคนอื่นนะครับ แต่มันจะอันตรายกับตัวผมเองมากกว่า แม้กับคอลิโอเน่ที่มีดราโกเป็นดอนในตอนนี้ก็ตาม ถึงผมจะช่วยชีวิตเขาไว้ และมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ทำอันตรายใดใดกับผมก็ตาม แต่ผมคงตอบเขาได้แค่ในขอบเขตที่ผมจะมั่นใจว่าตัวผมเองจะปลอดภัยเท่านั้น



“ช่วงที่ผมเดินทางมาที่อิตาลีใหม่ๆ ผมบังเอิญได้ยินข่าวเรื่องการค้ามนุษย์จากในทีวีครับ โดยที่ผู้หญิง และเด็กที่ถูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนจากทวีปเอเชียทั้งนั้น ผมเลยให้ความสนใจในจุดนี้เพราะเลือดครึ่งหนึ่งของผมก็เป็นคนเอเชียเช่นเดียวกัน ผมอยากจะรู้เหตุผลว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงถูกพาตัวมาอีกฝั่งหนึ่งที่ห่างไกลจากประเทศบ้านเกิดของพวกเขา และทำไมพวกตำรวจรู้ทั้งรู้ถึงไม่สามารถจับตัวต้นเหตุได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไปตามประสา โทนเสียงของผมก็ดูไร้อารมณ์ราวกับกำลังนั่งพรีเซ้นต์งานอยู่หน้าชั้นเรียนไม่มีผิด แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ยังไม่เบื่อกันนะครับ ดวงตาสามคู่ยังคงวาววับรอผมพูดต่อไป



“หลังจากนั้นผมก็เลยคิดหาข้อมูล เพราะคิดว่าทางตำรวจคงมีหลักฐานไม่เพียงพอ ผมลงมือค้นหาจนได้ข้อมูลในส่วนนั้นมาและพบว่าแก๊งที่อยู่เบื้องหลังของการค้ามนุษย์ในครั้งนี้คือคาโซ่ ผมจึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดและส่งให้กับทางตำรวจด้วยชื่อปลอมของผม แต่ไม่นึกว่าทางนั้นจะมีสายของพวกมันอยู่ด้วย”



“แต่ข้อมูลที่เธอได้มาทำให้พวกมันร้อนรนขนาดตามล่าตัวเธอ แสดงว่าข้อมูลนั้นต้องสำคัญมากแน่ๆ ใช่ไหม” คาลอสถามผมขึ้นมาบ้าง



“ครับ เส้นทางการค้า จุดสับเปลี่ยนเรือ จุดแลกซื้อ และลูกค้าบางส่วน” ข้อมูลในส่วนนี้เป็นข้อมูลที่ผมเจาะระบบของคาโซ่ด้วยความตั้งใจครับ ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นความตั้งใจของผมล้วนๆ ที่จะจัดการพวกเขาให้ได้ แต่ผมก็ค้นพบแล้วว่าผมตัวคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่มีกำลัง ไม่มีอิทธิพลหรือเส้นสาย การกระทำของผมเป็นเพียงแค่แหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น



“ตอนนี้สายของเรารายงาน มันกำลังตามหาตัวเธอทั่วอิตาลี” จาคอปพูดขึ้น ผมพยักหน้ารับเพราะพอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้



“เธอหาข้อมูลพวกนั้นมาได้ยังไง” ดวงตาสีทองมองมาทางผมพร้อมแรงกดดันที่มากขึ้น



“ผมพอจะแฮคระบบได้บ้างครับ ผมเรียนมาที่โรงเรียนเป็นวิชาเขียนโปรแกรม ก็เลยลองศึกษาดูและพลิกแพลงบางส่วน สุดท้ายผมก็สามารถนำข้อมูลในส่วนนั้นมาได้” ผมพยายามเล่าคร่าวๆ ไม่เจาะลึกเท่าไหร่นัก “แต่ผมไม่นึกว่าชื่อปลอมของผมจะทำให้เกิดปัญหาตามมา”



ผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมาร์ติน สมิธ ซึ่งต้องมาเคราะห์ร้ายแทนผมผู้ชายคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้พวกคาโซ่ไม่เลือกวิธีการ ฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างไร้ความปราณี โดยไม่สอบสวนหรือหาข้อมูลใดใดทั้งสิ้น ตอนนี้ผมอยากติดต่อกับพ่อผมมากเลยครับ อยากน้อยพ่อคงช่วยผมได้



“พวกมันจะไม่หยุด เธอรู้ใช่ไหม” ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาสีทองพูดขึ้น ผมพยักหน้าและเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเป็นอย่างดี ข้อมูลที่ผมหามาได้มันสำคัญมากพอที่จะสามารถรู้เครือข่ายทั้งหมดของคาโซ่ และสามารถทำให้กลุ่มอิทธิพลนี้ล้มลงได้ทันที แต่ผมวางหมากผิดพลาด กระดานหมากรุกที่ควรจะรุกฆาตกลับมีทางรอดและมันกำลังย้อนกลับมาหาผม “แผนต่อไปของเธอคืออะไรคริสติน”



“ผมคิดว่าจะกลับบ้าน ตอนนี้หน้าตาของผมพวกเขาก็ไม่รู้จัก คิดว่าคงโยงผมกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่นี่ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม สู้ผมถอยกลับไปตั้งหลักก่อนจะดีกว่า” ผมตอบตามที่ผมคิดและคิดว่าน่าจะเป็นหนทางที่ดีมากที่สุด “คุณก็รู้ ผมอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ รั้นแต่จะเป็นภาระให้พวกคุณมากกว่า”



ประโยคสุดท้ายผมมองลึกเข้าไปในดวงตาของดราโกเพื่อบอกถึงความตั้งใจและเหตุผลทั้งหลายที่เราเคยเถียงกันก่อนหน้า ในตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ผมอยู่อีกต่อไปแล้ว เพราะผมไม่ใช่สายของคาโซ่ ไม่เกี่ยวข้องใดใดกับคาโซ่ และที่สำคัญกลับกลายเป็นคนที่คาโซ่ต้องการตัวอีกต่างหาก



“ผมว่าคงถึงเวลาที่พวกคุณควรปล่อยผมไป”



หลังจากจบประโยคของผมความเงียบก็เข้ามาครอบคลุมบรรยากาศภายในห้องทำงานทันที ดวงตาของผมและดราโกไม่มีใครละสายตาไปจากกัน เหมือนพยายามอ่านลึกเข้าไปถึงความจริงข้างใน โดยเฉพาะดวงตาของดอนแห่งคอลิโอเน่ที่ดูจะแผดเผาผมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้อากาศที่นี่จะเย็นสบายตลอดทั้งปี แต่เหงื่อผมกลับซึมทั่วแผ่นหลัง



“เหตุผลของเธอคงไม่มีแค่นี้แน่นอนใช่ไหม” เป็นคาลอสที่เอ่ยถามผมขึ้นมาบ้าง ดวงตาสีน้ำตาลของผมจึงถือโอกาสผละจากสายตาแผดเผาของดราโก หันมามองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เป็นคนจริงจังแต่ก็ฉลาดเฉลียว มือซ้ายที่เป็นมันสมองของคอลิโอเน่ แฟมิลี่



“ใช่ครับพ่อ” ผมหยอกกลับไป ผมยังไม่ลืมนะครับ มีโอกาสก็จะหาทางแกล้งคาลอสนิดๆ หน่อยๆ เห็นสีหน้าเหยเกแปลกๆ ของเขาแล้วผมอารมณ์ดีขึ้นมาก “สิ่งที่ผมกังวลคือเรื่องของคุณมากกว่านะครับดราโก เรื่องที่คุณถูกลอบยิง ถ้าคุณยังไม่สามารถสืบหาตัวการได้ พวกเขาก็คงกำลังเพ่งเล็งมาทางคุณและหาโอกาสอีกแน่นอน และถ้ารู้ว่ามีผมอยู่ พวกเขาก็จะสงสัยว่าเพราะอะไร จากนั้นเรื่องมันอาจจะถูกเชื่อมโยงกันไปมา และสุดท้ายคุณอาจจะเจอปัญหาทั้งสองด้านรุมเร้า”



“หึ แค่นี้เอง เธอคิดว่าคอลิโอเน่จะจัดการไม่ใช่เชียวหรือ” น้ำเสียงเย้ยหยันมั่นใจในตัวเองของมาเฟียหนุ่มทำให้ผม



“ผมรู้ว่าคุณทำได้ครับ แต่อย่าประมาทจะดีกว่า ผมว่าบางทีเรื่องของคุณคงมีคนส่งข่าวไป” ผมวิเคราะห์ในเรื่องนี้มาซักพัก คนระดับดอนของแก๊งมาเฟีย มักเป็นกลุ่มบุคคลสำคัญที่มีบอร์ดี้การ์ดปกป้องอยู่รอบๆ ตัว แต่ดราโกกลับถูกลอบยิงอย่างง่ายดาย เรื่องนี้คงมีเกลือเป็นหนอนอยู่ภายในกลุ่มแน่นอน



“วันนั้นเป็นการประชุมลับที่มีพวกผู้นำแฟมิลี่ทั้งห้ามาเท่านั้น เส้นทางการเดินทางของเราก็เป็นความลับ แต่เรายังไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มไหนที่ลอบยิง” จาคอปที่นั่งเงียบมานานได้โอกาสพูดขึ้นบ้าง ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา



“จาคอป” น้ำเสียงของดราโกเรียบนิ่งเอ่ยเตือนมือขวาที่เอ่ยถึงเรื่องที่ไม่สมควร ชายหนุ่มร่างใหญ่พอๆ กับดราโกก้มหัวขอโทษให้กับดอนแห่งคอลิโอเน่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าบุคคลภายนอกเช่นผม



“ผมเห็นด้วยกับคริสตินนะครับดอน เราควรส่งคริสตินออกนอกประเทศให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีใครรู้ตัวจริงของมาร์ติน สมิธว่าคือใคร” คาลอสพูดขึ้นบ้างเพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของดราโกมากเลยทีเดียว แค่ปัญหาเรื่องถูกลอบยิงยังตามหามือใครดมไม่ได้ ถ้ามีเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเขาว่าน่าจะยุ่งยากมากเลยทีเดียว



“ผมอยากจะไปให้เร็วที่สุด” ผมพูดขึ้น เพราะหลังจากนี้ผมคงต้องหาทางชดเชยเรื่องของคนที่เสียชีวิตไปเพราะผม และผมต้องการติดต่อพ่อให้เร็วที่สุดเพื่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับคาโซ่ให้พ่อฟัง



“แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอน” ดราโกตอบกลับ ผมหันไปสบสายตากับเขาทันที พลางเอียงศีรษะมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ



“เพราะอะไรครับ?”



“ตอนนี้ข่าวเรื่องของฉันถูกยิงเป็นความลับ ที่นี่คือเซฟเฮ้าส์ลับที่ฉันมารักษาตัวจนกว่าจะหายดี ในตอนนี้พวกมันยังคงพยายามหาทางจับตามองฉันอยู่ ถ้าฉันต้องไปส่งเธอข้างนอก ฉันจะไม่ปลอดภัย จนกว่าฉันจะหายดี ฉันถึงจะปล่อยเธอไป” ดราโกพูดเสียงเรียบดวงตาไม่ไร้แววใดใดให้ผมได้จับผิด เหตุผลของเขาก็มีน้ำหนักพอสมควร ผมจึงยอมรับและตอบตกลง ก็แค่ไม่นานให้เขาหายดีและพาผมกลับไปแค่นั้น หวังว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้ผมถลำลึกลงไปมากกว่านี้ แค่นี้ผมก็จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่มันกัดกร่อนจิตใจจนแทบแบกรับไม่ไหว



“งั้นเราก็ตกลงตามนี้ เธอออกไปก่อนเถอะ ให้จาคอปพาออกไปดูรอบๆ บ้าน” ดราโกพูดขึ้นและหันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ “ดูแลเขาให้ดี” ประโยคสุดท้ายดังแค่กระซิบ แต่คาลอสที่อยู่กับมาเฟียหนุ่มมานานก็เข้าใจ มือขวาร่างสูงใหญ่หันไปยิ้มกว้างๆ ให้เด็กหนุ่ม พลางยื่นมือไปแนะนำตัว



“สวัสดีครับคริสติน ผมจาคอป ริคครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปชมรอบๆ นี้เองครับ” จาคอปเป็นมือขวาที่ดูขี้เล่นอารมณ์ดี ผมจับมือเขาเขย่าเล็กน้อยตามมารยาท ดูๆ ไปจาคอปนี่ท่าทางจะมีนิสัยเหมือนจอห์นเลยนะครับ



“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากนั้นจาคอปก็พาผมเดินออกไปข้างนอกห้องเพื่อแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้ผมรู้ และก่อนที่ประตูห้องทำงานจะปิดลง ผมยังรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองตามหลังผมไม่ห่าง แม้ว่าผมจะเดินออกมาจากห้องนั้นไกลมากแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกถึงสายตาของดราโกอยู่ตลอดเวลา





ภายในห้องทำงานตอนนี้เหลือเพียงดราโกและคาลอสเท่านั้น สายตาของมือซ้ายที่เป็นทั้งพี่ เพื่อนสนิทและเลขาให้กับดอนแห่งคอลิโอเน่กำลังยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ถ้าในเวลาที่มีคนนอกอยู่ด้วยเขาจะเป็นเลขาผู้จริงจังและเคร่งขรึมนอบน้อม แต่ถ้าอยู่กันเพียงสามคนที่มีดราโก เขา และจาคอป ก็มักจะเย้าแหย่สนิทสนมเล่นกันเหมือนพี่น้องทั่วไปมากกว่า



“หึหึ นายอยากจะพูดอะไรรึเปล่าคาลอส” ดราโกตวัดสายตามองเลขาที่ทำหน้ากวนๆ อยู่ข้างๆ ชายหนุ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากส่งกลับไปให้เช่นเดียวกัน



“ทั้งๆ ที่ดอนสามารถส่งคริสตินกลับภายในวันนี้ได้เลยนะครับ” คาลอสแกล้งเอ่ยถาม แต่เขาก็ได้รับเพียงรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายมากกว่าเดิมหลายเท่า



“เทวดาของฉันก็ควรอยู่กับฉันไม่ใช่รึไง จะปล่อยให้โบยบินกลับไปง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ” น้ำเสียงและใบหน้าของดราโกนั้นดูเจ้าเล่ห์มากขึ้นหลายเท่า ดวงตาคมสีทองฉายแววอันตราย เทวดาตัวน้อยที่น่ารักของเขา



“ถึงรั้งไว้ก็ได้แค่ชั่วคราว” คาลอสพูด ดวงตาใต้แว่นกรอบสี่เหลี่ยมมองไปทางดอนแห่งคอลิโอเน่ อยากจะรู้เหลือเกินว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีเหตุผลอะไรที่จะรั้งเทวดาตัวน้อยตนหนึ่งให้อยู่ใต้ปีกของซาตาน



“หึ ไม่ใช่ชั่วคราว” ภายใต้สีหน้าของดราโกนั้น คาลอสไม่สามารถอ่านความหมายได้อีกต่อไป



“ดูดอนยึดติดกับเด็กคนนั้นมากเกินไปนะครับ” มือซ้ายของดราโกถามกลับ แต่คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มมุมปากและความเงียบเท่านั้น



เรื่องนี้มีเพียงดราโกเท่านั้นที่รู้ และไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือบอกเรื่องนี้กับใคร ว่าแท้ที่จริงแล้วในความฝันระหว่างความเป็นความตาย ในช่วงที่ลมหายใจของเขาจะปลิดปลิวไปทุกเมื่อนั้น มือเล็กที่คอยดูแลเขา ช่วยเหลือเขา เช็ดเนื้อเช็ดตัวและป้อนข้าวเขานั้นมันอบอุ่น ดวงตาที่พร่าเลือนเห็นเพียงเงาร่างเล็กๆ ท่ามกลางแสงสว่าง มันสวยงาม และช่วยฉุดดึงเขาให้เดินตามแสงนั้นไปเรื่อยๆ



และยิ่งลืมตาเห็นเทวดาน้อยหน้าตายในยามที่สติแจ่มใส มันยิ่งทำให้เขาคลุ้มคลั่งมากขึ้น อยากได้ อยากครอบครอง ความอยากด้านมืดนี้มันกำลังปะทุอย่างดุเดือด เขาไม่เคยเป็นกับใคร ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ในเมื่อมันเกิดขึ้นและอยู่เหนือความควบคุมของเขา เขาก็แค่ทำตามมันซะก็เท่านั้น



“เด็กคนนั้นเป็นของฉัน” คำพูดแสดงความเป็นเจ้าของแต่ไม่ได้ตอบคำถามของคาลอสเลยแม้แต่น้อย แต่มือซ้ายที่ใช้เวลาอยู่กับดอนแห่งคอลิโอเน่มากกว่าครึ่งชีวิตก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ในเมื่อดอนหมายมาดในสิ่งใดแล้ว สิ่งนั้นก็คงจะยากที่จะหลุดจากมือดอนไป



“ถ้าอย่างนั้นดอนควรคิดเรื่องน่าหนักใจอีกเรื่องนะครับ” คิ้วเข้มของดราโกเลิกขึ้นสูงและหันมามองคาลอสเป็นเชิงเอ่ยถามว่าเรื่องอะไร



“ดอนคงลืมไป คริสตินอายุแค่สิบหกปีนะครับ เด็กมีพ่อมีแม่ แล้วเรื่องการเรียนของคริสตินอีก เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมีเรื่องต้องคิดมากมายนะครับ” มือซ้ายอย่างคาลอสพูดขึ้น ชี้จุดที่ดราโกอาจมองข้าม ร่างสูงใหญ่ของดอนแห่งคอลิโอเน่ชะงักเล็กน้อยเมื่อคิดถึงจุดนี้ แต่ชายหนุ่มก็เพียงยักไหล่และบอกแผนการบางอย่างให้กับคาลอสไปจัดการ



“อีกอย่างเรื่องของคริสติน ฉันอยากให้นายสืบต่อไป” ดราโกไม่นึกสงสัยคริสติน แต่เขาอยากรู้ว่าคริสตินคือใครกันแน่ เด็กคนนี้อายุยังน้อยแต่กลับแฮคระบบและนำข้อมูลลับที่สำคัญของพวกมันออกมาได้ เรื่องนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่เทวดาน้อยของเขาอาจจะเก่งกาจถึงขั้นอัจฉริยะ



“ครับ ผมจะบอกมาร์คให้จัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”





ผมเดินสำรวจเซฟเฮ้าส์ของดราโกทุกซอกทุกมุมกับจาคอปไปเรื่อยๆ ถึงจะเรียกว่าเซฟเฮ้าส์แต่บ้านหลังนี้ก็มีทุกอย่างที่สะดวกครบครัน เหมือนบ้านพักตากอากาศมากกว่า มีทั้งห้องฟิตเนส ห้องดูหนัง ห้องสมุด ห้องพักผ่อน ห้องเล่นเกมส์ก็มี แถมใกล้ๆ ก็ยังมีสนามยิงปืนอีกต่างหาก เท่าที่ผมดูด้วยสายตาคร่าวๆ ที่นี่มีพื้นที่หลายสิบไร่เลยนะครับ กว้างมากเลยทีเดียว แถมยังร่มรื่นมากอีกด้วย ทางสวนด้านหลังยังมีผืนป่าขนาดใหญ่และทะเลสาปด้วยนะครับ คนเป็นมาเฟียนี่จะรวยกันหมดทุกคนเลยรึเปล่านะ



“ไว้วันหลังผมจะพาไปเที่ยวแถวทะเลสาปนะครับ ที่นั่นมีกระท่อมเล็กๆ ด้วย บรรยากาศดีมากเลย” จาคอปยิ้มกว้างพลางเล่าเรื่องทะเลสาปให้ผมฟัง ผมลอบมองเขาเล็กน้อย จากลักษณะท่าทางของเขาแล้วไม่เหมือนคนเป็นบอร์ดี้การ์ดของมาเฟียเลยนะครับ เหมือนพี่ชายตัวโตๆ ที่ใจดีอบอุ่นคนหนึ่งมากกว่า



“ครับ” ผมก็อยากเห็นนะครับ จากที่ฟังจาคอปเล่า ผมว่าน่าจะสวยมากเลย



“งั้นตอนนี้คุณอยากจะทำอะไรรึเปล่าครับ หรือหิวข้าวรึยัง อีกซักพักทีเดียวกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น” จาคอปหันมาถามผม ผมนิ่งคิดไปซักพัก



“ผมอยากติดต่อกับคุณพ่อครับ ไม่ได้คุยกันมาหลายวันผมกลัวว่าท่านจะเป็นห่วง” ครั้งสุดท้ายที่คุยกับคุณพ่อคือเมื่อสี่ห้าวันก่อน ปกติผมจะโทรหาท่านสองสามวันครั้งและเล่าเรื่องที่ผมเจอในทุกๆ วันให้ฟังเพื่อไม่ให้คุณพ่อเป็นห่วงมากเกินไป



“เรื่องนี้ผมขอคุยกับดอนก่อนนะครับ ถ้าดอนอนุญาตเดี๋ยวผมจะนำโทรศัพท์มาให้” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คลี่ยิ้ม เห็นแววปลอบโยนผมเล็กๆ เหมือนผมเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง อ๊ะ ไม่ใช่ซิครับ ตอนนี้ผมก็ยังเด็กอยู่นะ เขาคงกลัวว่าผมจะคิดถึงบ้าน ใจดีจังเลยนะครับ



“ครับ” ไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากรับคำเขา จะให้ผมงอแงหรือโวยวายมันก็ไม่ใช่นิสัยของผม ผมก็ได้แต่นิ่งรับคำเขาเท่านั้น



“งั้นเราไปห้องครัวกันไหมครับ ให้แองเจล่าหาขนมให้ทานเล่นดีกว่า” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยชักชวนผม พลางเล่าถึงขนมฝีมือหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ว่าอร่อยล้ำเลิศยิ่งกว่าเชฟในโรงแรม



แองเจล่าที่จาคอปพูดถึงจะใช่ผู้หญิงคนนั้นไหมนะ ผู้หญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม ดูสุภาพและใจดี ภาพของเธอคนนั้นซ้อนทับกับใครบางคนที่ผมยังรำลึกถึงอยู่เสมอ



“อ้าว คุณจาคอปมีอะไรรึเปล่าคะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อผมและจาคอปเดินเข้าไปในเขตห้องครัวขนาดใหญ่ เพราะเสียงนั้นเองทำให้ผมดึงความสนใจหันมามองภาพตรงหน้า อ๊ะ ใช่เธอคนนั้นจริงๆ ด้วยครับ



“โถ่ ผมบอกแล้วว่าอย่าเรียกผมว่าคุณเลยครับน้าแองจี้” จาคอปยิ้มกว้างดูเป็นกันเอง เขาคงสนิทสนมกันมากเลยทีเดียว



“คุณเป็นถึงคนสนิทของดอนเลยนะคะ ดิฉันก็ต้องให้ความเคารพคุณอยู่แล้ว” ใบหน้าใจดีของแองจี้หรือแองเจล่ายิ้มกว้าง ก่อนที่ดวงตาคู่หวานของเธอจะสังเกตเห็นผมที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังของจาคอป “อ๊ะ คุณหนูตัวน้อยนี่เอง มีอะไรให้ดิฉันรับใช้รึเปล่าคะ”



แองเจล่าเป็นผู้หญิงตัวสูงร่างอวบเล็กน้อย แต่เธอก็ยังดูอ่อนหวานสวยงาม กริยาอ่อนช้อยน่าชื่นชมจนผมจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ ยิ่งเห็นใบหน้านั้นก้มลงมาใกล้ผมก็รีบร้อนหลบสายตารู้สึกร้อนๆ บนใบหน้าเล็กน้อย



“ผม เออ ผม” เสียงของผมเหมือนติดอยู่ในลำคอ ปกติผมจะเป็นคนพูดจาฉะฉานมั่นใจ แต่พออยู่ตรงหน้าของแองเจล่า ผมกลับทำอะไรไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย



“ว่าไงคะ? อยากได้ขนมรองท้องก่อนไหมคะ” แองเจล่าคลี่ยิ้มหวานมองหนุ่มน้อยตัวเล็กที่ที่กำลังเขินอายและไม่กล้าสบตาเธอด้วยความเอ็นดู แค่เห็นเด็กหนุ่มคนนี้เธอก็รู้สึกถูกชะตา แม้จะมีสีหน้านิ่งๆ ราบเรียบแต่ก็ดูสุภาพและน่ารักมากทีเดียว



“คริสตินน่าจะหิวน่ะครับ น้าพอมีอะไรให้ทานเล่นก่อนไหม” จาคอปพูดแทนผมที่ยังอึกอักอยู่



“งั้นรับคุ๊กกี้ไหมคะ วันนี้ดิฉันพึ่งอบใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ จากเตาเลย คุณหนูทานได้ไหมคะ” แองเจล่าหันไปพูดกับจาคอป ก่อนที่จะก้มตัวเล็กน้อยเพื่อพูดกับผม



“ครับ รบกวนด้วยนะครับ” ผมก้มหัวขอบคุณแต่ก็ยังหลบสายตาของแองเจล่าเหมือนเดิม



“งั้นทั้งสองคนไปนั่งรอดิฉันที่ห้องนั่งเล่นได้เลยนะคะ เดี๋ยวดิฉันยกไปเสิร์ฟให้ค่ะ” ร่างอวบพองามของแม่บ้านวัยกลางคนยืดตัวเต็มความสูง ท่าทางดูกระตือรือร้นพร้อมบริการ



“ไปกันเถอะครับคริสติน” จาคอปชวนผมไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น แต่ผมยังไม่อยากออกไปเลยแม้แต่น้อย จึงได้เอ่ยขอจาคอปและแองเจล่าทันที



“ขอผมนั่งรอและทานตรงนี้ได้ไหมครับ” ผมเอ่ยขอพวกเขาพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แองเจล่าจึงหันไปมองทางจาคอปเพื่อขอคำอนุญาต เช่นเดียวกับผมที่มองไปทางชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ “นะครับจาคอป”



แค่ผมพูดประโยคสุดท้ายออกมา ก็ไม่รู้ว่าทำไมมือขวาร่างใหญ่เช่นจาคอปถึงกับรีบร้อนหลบสายตาของผมพร้อมกับใบหน้าแดงเรื่อเล็กน้อย พอเขาเงียบผมเลยพูดต่อไป



“นะครับ”



“เออ คือ” เขายังพูดตะกุกตะกัก ผมเลิกคิ้วมองท่าทางของเขาด้วยความสนใจ เอียงคอเล็กน้อยวิเคราะห์ท่าทางประหลาดของเขา



“ได้ไหมครับ” ผมยังถามต่อไม่เลิก แต่ไม่รู้ผมทำอะไรประหลาดออกไปรึเปล่า จาคอปถึงกับผงะตกใจถอยหลังออกห่างอย่างรวดเร็วพร้อมพยักหน้าอนุญาตรัวเร็ว “ขอบคุณครับจาคอป”



ผมจึงถือโอกาสนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ใกล้ประตูทางออกห้องครัว โดยมีจาคอปยืนอยู่ห่างออกไปหลายก้าว ดวงตาสีน้ำตาลของผมไม่ได้สนใจเขาอีก เพราะในสายตาของผมตอนนี้กำลังจับจ้องทุกท่วงท่าของแองเจล่าอย่างไม่คลาดสายตา ทั้งรอยยิ้ม ทั้งแววตาของเธอ ทำให้ผมหวนคิดย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาเนิ่นนาน แต่มันยังคงสลักแน่นในหัวใจไม่เคยลืมเลือน แองเจล่าคล้ายคลึงกับเธอคนนั้นมาก จนบางครั้งผมก็นึกว่าอยากจะให้เป็นคนๆ เดียวกัน ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต



‘รอก่อนนะครับ อีกนิดเดียวเท่านั้น’












ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หน้าเหมือนแม่หรือเปล่าคะ  :z13:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ใคร???   :m28: :m28: :m28:

ออฟไลน์ MacaroonCookie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คุณแม่รึเปล่าน้าา

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หืออออ เดาว่าน้องคิดถึงคุณแม่หรือเปล่านะ?

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
จาคอปโดนแอทแทคเข้าไป 555+

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
หวัดดีฮะ เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมาก ทั้งโครงเรื่อง บท เขียนได้ดี รื่นไหล รออ่านตอนต่อๆไปนะฮะ
แล้วอยากทราบว่ามีงานเขียนอื่นอีกไหมฮะ นอกจากเรื่องนี้ จะตามไปอ่าน ชอบสำนวนมากๆ ช่วยบอกด้วยนะฮะ
 :pig4:

ออฟไลน์ Jaebam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คุณแม่ไหมคะ ผู้หญิงที่รักที่สุด
จาคอปโดนน้องยิงความน่ารักใส่เต็ม ๆ 555+

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 
บทที่ 8 วันธรรมดา


หลังจากวันนั้นที่ผมได้ตัดสินใจอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ของดราโกซักพัก ผมก็ค้นพบว่าผมมีเรื่องลำบากใจเรื่องหนึ่งที่ไม่สามารถระบายกับใครได้ นั่นก็คือการที่ผมไม่มีห้องนอนเป็นของตัวเอง แม้ผมจะบอกความต้องการในเรื่องนี้ให้ดราโกทราบแล้วก็ตาม แต่ดอนแห่งคอลิโอเน่กลับไม่สนใจคำร้องของผมเลยแม้แต่น้อย แม้ผมจะพูดคุยกันด้วยเหตุและผลอย่างคนที่เป็นผู้ใหญ่เขาทำกันก็ตาม



“ผมอยากมีห้องส่วนตัวของผมครับ” ผมบอกเขาในวันแรกที่ผมค้นพบว่าผมต้องนอนห้องเดียวกันกับดราโก



“ห้องนอนไม่พอ เธอนอนกับฉันนั่นแหละ” เห็นไหมครับ คำตอบของเขา เขาบอกว่าตึกนี้มีแค่สามห้องเท่านั้น ของดราโกที่เป็นห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน ห้องของจาคอป และห้องของคาลอส



“ผมไปนอนกับคาลอสหรือจาคอปก็ได้ครับ” ผมยังพูดต่อไปไม่ยอมแพ้



“ห้องนอนฉันใหญ่ที่สุด นอนกันสองคนก็ไม่เป็นไรหรอก” แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของผมครับ ผมไม่อยากนอนห้องเดียวกับดราโกเพราะคิดว่ามันอาจจะเกิดเหตุสุ่มเสี่ยงต่อกฏหมายพรากผู้เยาว์ขึ้นมาได้ เพื่อสวัสดิภาพของตัวผมเองด้วยครับ



“ทำไม เธอกลัวฉันหรือไง หืม” ใบหน้าของดราโกดูเจ้าเล่ห์ร้ายกาจจนผมไม่ไว้วางใจ อีกทั้งคำพูดในเชิงยั่วยุของเขาที่ดูจะเชิญชวนให้ผมเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ขอเถอะครับ เรื่องนี้ผมไม่เล่นตามเขาหรอก



“ผมกลัวครับ” และผมก็ยอมรับด้วยความสัตย์จริง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่มีห้องนอนของตัวเองต่อไป ผมเลยใช้การประท้วงในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเงียบไม่พูดไม่จาแม้เขาจะถามจะพูดคุยอะไรกับผมก็ตาม ผมใช้ความเงียบเข้าสู้ แต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านและกลับย้อนผมด้วยคำพูดที่ว่า



“ถึงเธอไม่พูดกับฉันก็ไม่เป็นไร เพราะทุกวันนี้เด็กน้อยอย่างเธอก็แทบจะเงียบอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว”



ครับ นั่นล่ะคำพูดของเขาหลังจากที่ผมต่อต้านในรูปแบบของผม แผนหนึ่งไม่เข้าท่า ผมเลยต้องใช้กลยุทธ์ที่สองนั่นคือพอถึงเวลาเข้านอน ผมกลับหอบผ้าห่มและหมอนลงไปนอนที่โซฟาตรงห้องรับแขกแทน นอนกลิ้งไปมาซักพักผมก็หลับสนิท เพราะโซฟาของดราโกนั้นทั้งใหญ่ทั้งนุ่ม ผมนอนเหยียดขาได้สบายเลยครับ เลยคิดว่าจะอาศัยโซฟานอนไปตลอดจนกว่าจะได้กลับบ้าน แต่วิธีนี้มันก็ไม่ได้ผล



“ไง ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของดราโกดังขึ้นข้างหูของผมในเช้าวันหนึ่ง ดวงตาสีน้ำตาลของผมยังคงพร่าเบลอจากอาการงัวเงีย



“ครับ?” ผมขยี้ดวงตาด้วยความง่วงงุน แต่มือของผมก็ถูกรั้งออกไป แทนที่ด้วยฝ่ามือใหญ่เข้ามาประคองใบหน้า และความร้อนผ่าวจากริมฝีปากบางที่ประทับอยู่บนหน้าผากของผม ความง่วงงุนปลิวหายไปในทันทีและเมื่อพยายามจะดิ้นรนต่อต้าน ผมก็รับรู้ถึงมืออีกข้างของเขาที่กำลังกดย้ำอยู่ตรงแผ่นหลังเปลือยเปล่าของผม



“เดี๋ยวครับ นี่มันอะไรกัน” ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นร่างกายของผมที่ใส่แต่กางเกงนอนขายาว ส่วนเสื้อของผมมันหายไปไหนไม่รู้แล้วครับ อีกทั้งผมยังเห็นรอยจ้ำสีแดงช้ำกระจายไปทั่วแผ่นอกของผม



“เห็นเธอนอนหนาวอยู่คนเดียว ฉันเลยพามานอนด้วยกัน” คำพูดและสีหน้าที่แสดงออกว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปของดราโกปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ผมได้แต่ขมวดคิ้วมองเขาด้วยความไม่พอใจ



“แล้วเสื้อผมล่ะครับ?”



“อ่อ พอพาเธอขึ้นมาที่ห้องเธอก็บ่นว่าร้อน ฉันเลยถอดเสื้อให้เธอน่ะ” ถึงแม้ชายหนุ่มจะพูดแบบนั้น แต่ดวงตาสีทองที่เจิดจ้าเป็นพิเศษกลับพราวระยับไม่น่าไว้วางใจ เหตุผลข้างๆ คูๆ ของเขาใครจะเชื่อกันล่ะครับ หลังจากคืนนั้นผมก็มีแผนที่สาม นั่นคือการขนหมอนและผ้าห่มไปเคาะประตูห้องของคาลอส แอนโทนี่ มือซ้ายผู้เป็นมันสมองสำคัญของคอลิโอเน่ แฟมิลี่



ก็อก ก็อก ก็อก



“ครับ? อ้าว? คริสติน มีอะไรรึเปล่าครับ” คาลอสเปิดประตูออกมาและก้มมองผมที่ถือข้าวของเต็มสองมือ



“ผมขอมานอนด้วยครับ” ผมบอกวัตถุประสงค์อย่างรวดเร็ว แต่ร่างสูงโปร่งนั้นกลับชะงักและนิ่งไปพักใหญ่ ดวงตาสีมรกตของเขาฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย พร้อมดวงตาที่ฉายแววเห็นใจ



“ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมไม่สะดวกจริงๆ ห้องของผมตอนนี้ไม่มีที่ว่างเลย” คาลอสปฏิเสธด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้ผมจะเหลือบเห็นห้องนอนของเขาที่โล่งเป็นระเบียบมากแท้ๆ อืม แต่เขาคงมีเหตุผลที่บอกผมไม่ได้ ผมเลยได้แต่มุ่งหน้าไปอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องของจาคอป มือขวาผู้ร่าเริงและบ้าพลังของกลุ่ม



ก็อก ก็อก ก็อก



“อ้าว คริสติน มีอะไรให้ช่วยครับ” จาคอปเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง



“ผมขอนอนด้วยได้ไหมครับ” ผมบอกชายหนุ่มร่างสูงทันที เขามองผมเล็กน้อยก่อนยิ้มกว้างและเชื้อเชิญผมเข้าไป



“เชิญเลยครับ ตามสบายนะ ห้องผมกว้าง นอนสบายมาก” เขายิ้มร่าชวนผมคุยไม่หยุด ห้องนอนของจาคอปนั้นดูโปร่งโล่งสบาย เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่กลับมีโปสเตอร์พวกนักกีฬาจากทีมที่เขาชื่นชอบติดเต็มผนังตรงหัวเตียง



“ขอบคุณมากครับ” ผมเลือกนอนฝั่งหนึ่งที่ติดกับทางประตูห้องนอน ผมและเขาพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จาคอปจะปิดโคมไฟ ห้องทั้งห้องก็มืดสนิท เหลือเพียงเสียงลมหายใจของผมและเขาเท่านั้น คืนนั้นผมฝันว่าที่นอนนุ่มๆ นั้นกลายเป็นเรือขนาดใหญ่ที่แข็งแรงและอบอุ่น โคลงเคลงไปมาตามคลื่นทะเลเล็กน้อยแต่ก็มั่นคงไว้วางใจได้ แม้จะเห็นเรือลำใหญ่ชนกับหินโสโครกดังโครมใหญ่ แต่เรือก็ยังแข็งแรงลอยไปตามท้องทะเลไล่ตามดวงดาวในยามราตรีต่อไป



เช้าวันใหม่ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งและเห็นดวงตาสีทองคู่หนึ่งจ้องมองผมอยู่ไม่ไกล อ่า แทบจะชิดใบหน้าของผมเลยล่ะครับ



“ดราโก?” ผมพึมพำชื่อเจ้าของดวงตาคมสีทองที่ดูฉายประกายดุมากกว่าทุกครั้ง



“เด็กดื้อ” เสียงทุ้มห้วนแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ผมนอนมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างพิจารณา โดยที่ในหัวสมองที่ยังคงงุนงงของผมกำลังพยายามคิดว่าผมทำอะไรลงไปเลยโดนต่อว่าตั้งแต่เช้าเช่นนี้ แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น ดอนแห่งคอลิโอเน่ก็โน้มใบหน้าลงมาครอบครองริมฝีปากแดงเรื่อของผมอย่างมูมมาม ดูดกลืนทุกหยาดหยดจนลำคอผมแห้งผาก และฝากรอยประทับเน้นย้ำแสดงความเป็นเจ้าของไปทั่วลำคอ



หลังจากวันที่ผมไปขอนอนที่ห้องของจาคอปแล้ว วันต่อมาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็มีรอยช้ำอยู่ตรงมุมปาก และมักจะหลีกเลี่ยงพร้อมกับหลบสายตาของผมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะถามอะไรเขา เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร ดูท่าทางลุกลี้ลุกลนมองไปรอบๆ เหมือนหวาดระแวงอะไรบางอย่าง พอผมถามเรื่องนี้กับดราโกในวันหนึ่ง เขาก็บอกผมมาว่า...



“ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจเลย” ถึงดราโกจะพูดอย่างนั้น แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาอาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้จาคอปหวาดระแวงก็เป็นไปได้ แต่ก็ช่างเถอะครับ ในเมื่อเขาไม่อยากให้ผมรู้ ผมก็ไม่อยากจะถามให้มากความ แม้แต่เรื่องห้องนอนของผมเอง ผมก็เลิกล้มความตั้งใจแล้วล่ะครับ เพราะไม่ว่าจะไปนอนที่ไหนก็ตาม พอลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ผมก็ต้องอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของมาเฟียผู้นี้อยู่เสมอ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะปล่อยวางและยอมรับในจุดนี้อยู่เงียบๆ



ผมใช้เวลาอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ของคอลิโอเน่ แฟมิลี่ได้ครบหนึ่งอาทิตญ์แล้วล่ะครับ เวลาว่างๆ ผมก็หมดไปกับการนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงโซฟาภายในห้องทำงานของดราโกเงียบๆ ถ้าวันไหนเบื่อมากเกินไปก็ชักชวนคาลอสออกไปเดินเล่นรอบๆ แทน จากตอนแรกที่ดราโกให้จาคอปมาติดตามผมและชวนผมพูดคุยเพื่อไม่ให้เบื่อหน่าย กลับกลายเป็นว่าผมได้คาลอสหรือคุณพ่อกำมะลอมาแทนที่ เขาค่อนข้างสุภาพและจริงจัง พูดคุยเรื่องวิชาการและมีความรู้รอบตัวดีมาก



อ่านหนังสือเสร็จ เดินเล่นจนเบื่อ ผมก็ใช้เวลาที่เหลือหมดไปกับการอยู่พูดคุยกับแองเจล่าในห้องครัว ช่วยเธอทำขนมเล็กๆ น้อยๆ และคอยดูรอยยิ้มของเธออย่างสบายใจ ภายในหนึ่งวันของผมก็หมดลงเท่านี้ล่ะครับ บางวันผมก็ขึ้นไปนอนบนห้องก่อน หรือบางทีก็เผลอหลับไปบนโซฟาและตื่นขึ้นมาอยู่บนเตียงทุกครั้ง อย่างเช่นเช้าวันนี้ครับ



ดวงตาสีน้ำตาลของผมไร้แววง่วงงุน เมื่อตื่นขึ้นมาพบแสงแรกของวันที่ส่องผ่านมาตามรอยแยกของผ้าม่าน ผมพยายามจะลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่ก็พบว่าผมไม่สามารถลุกได้ เพราะเจ้าของอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังเป็นประจำสม่ำเสมอกำลังโอบกอดผมเอาไว้แน่นจนผมแทบจมไปกับอกของเขา ผมขยับตัวอย่างอึดอัดพยายามจะปลดอ้อมแขนที่เหมือนปลอกเหล็กนี้ออกจากตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมเลยถอนหายใจออกมาแรงๆ และล้มตัวลงนอนพิจารณาใบหน้าคมที่ยังคงนอนหลับสนิทแทน



ดราโก คอลิโอเน่ ชายวัยใกล้สี่สิบ แต่ยังดูหนุ่มแน่นคนนี้ดูแตกต่างจากข่าวลือที่ผมได้ยินมาลิบลับ ในวงการมาเฟีย ดราโกเป็นเหมือนซาตาน โหดเหี้ยม อำมหิต ไร้ความปราณี และเด็ดขาด แต่เท่าที่ผมสัมผัสกับเขามาเขาก็เป็นเหมือนดั่งคำร่ำลือ แต่ก็แค่บางส่วนเท่านั้น ไม่รู้ว่าเพราะกรณีของผมมันต่างกับของคนอื่นรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ เขาคนนี้ค่อนข้างใจดี และไม่ได้ไร้เหตุผลจนเกินไป อาจจะมีความเอาแต่ใจและชอบบังคับกะเกณฑ์ในบางเรื่องอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ตัดรอนหรือไร้ไมตรีมากเท่าไหร่นัก



ในบางครั้งผมมักจะถูกลุงหื่นคนนี้เข้ามาคลอเคลียและลวมลามเป็นบางครั้ง แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดเพราะอารมณ์เป็นตัวขับเคลื่อนนำพา เขาก็มักจะหยุดและข่มกลั้นอารมณ์ เขาที่แข็งแรงมากกว่าผมไม่รู้กี่เท่า สามารถบังคับและเดินไปถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่เขาก็ไม่ทำ ไม่หักหาญน้ำใจ นี่คงเป็นอีกหนึ่งข้อดีของเขา ข่าวลือบางทีก็ไม่อาจจำกัดความบุคคลคนหนึ่งได้ทั้งหมด ดังนั้นเราควรรู้จักตัวตนของเขาด้วยตัวเอง นี่คงเป็นหนึ่งบทเรียนของผมที่ได้รับจากการเดินทางในครั้งนี้



ผมเริ่มเข้าใกล้ความหมายของคำว่าชีวิตในแบบที่พ่อคาดหวังไว้แล้วรึเปล่านะ ผมนอนครุ่นคิดอยู่อีกซักพัก จนผมรู้สึกเมื่อขบเพราะต้องนอนอยู่ท่าเดิมนานๆ จึงตัดสินใจเขย่าตัวชายหนุ่มเล็กน้อยเพื่อให้เขารู้สึกตัวและปล่อยผมซักที



“ดราโกครับ ดราโก” ผมเขย่าแขนของดราโกเบาๆ จนดวงตาสีทองง่วงงุนปรือตาขึ้นมามองหน้าผมเล็กน้อย “ผมอยากเข้าห้องน้ำครับ”



“อืม รีบกลับมานะ” เสียงทุ้มแหบพร่าเล็กน้อยงึมงำพูดอยู่ในลำคอ พร้อมกับแขนที่แข็งราวกับปลอกเหล็กยกออกไป ผมไม่รับปากเขาเพราะตอนนี้มันสายเกินกว่าจนกลับมานอนต่อแล้วล่ะครับ ปกติเวลานี้ผมคงลุกไปช่วยแองเจล่าในห้องครัวเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ แล้ว และเวลานี้ดราโกก็คงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ที่ห้องอาหาร แต่เมื่อคืนเขาคงทำงานจนดึก วันนี้เลยยังไม่ลุกจากที่นอนเสียที





หลังจากที่ผมจัดการธุระส่วนตัวทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกไปจากห้องนอนด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ แต่ระหว่างที่จะเดินไปที่ห้องครัวนั้นผมก็พบผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินวนไปมาอยู่หน้าห้องทำงานของดราโก เป็นผู้ชายตัวสูงแต่รูปร่างกลับผอมแห้งและมีผมเผ้าชี้ฟูยุ่งเหยิง บนใบหน้าโทรมๆ คล้ายคนอดนอนนั้นมีไรหนวดขึ้นรำไร จนผมอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้อาบน้ำและจัดการตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่



อ๊ะ ขอโทษครับ ผมคงเสียมารยาทที่เผลอวิจารณ์เขาอยู่ในใจ ผมเห็นท่าทางของเขาก็ไม่น่าไว้วางใจ จึงคิดจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ผมก็หลบไม่ทันเมื่อชายแปลกหน้าที่ผมไม่เคยเห็นคนนั้นเหลือบมาเห็นผมซะก่อน เขาทำหน้าแปลกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนดวงตาจะฉายแววดีใจ ร่างสูงผอมของเขาคนนั้นรีบวิ่งมาทางผม ท่าทางคุกคามของเขาทำให้เท้าของผมที่จะก้าวเดินต่อชะงักกึก และหมุนตัวเตรียมวิ่งหนีทันที



“เดี๋ยวเธอ!!!!” เสียงของเขาตะโกนเรียกผมเสียงดังลั่น ผมเลยรีบวิ่งไปทางห้องนอนโดยที่คิดจะหลบเข้าไปซ่อนในห้องนั้น เป้าหมายของผมอยู่ตรงหน้า และมือของผมก็คว้าลูกบิดและหมุดเปิดประตูห้องนอนแล้วครับ และกำลังจะมุดตัวเข้าไป แต่ก็ไม่ทันเมื่อมือของผู้ชายคนนั้นคว้าร่างของผมและแบกขึ้นบ่า ผมตกใจอยู่พอสมควรเลยเผลอเรียกชื่อมาเฟียหนุ่มที่นอนอยู่ในห้องอย่างลืมตัว



“ดราโกครับ!!!” ชื่อของดราโกเป็นชื่อแรกที่หลุดออกมาโดยที่ผมก็ไม่คาดคิด และเสียงเรียกของผมก็ดังมากพอที่จะทำชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อีกคนที่นอนอยู่ภายในห้องตื่นเต็มตา เสียงก้าวเท้าดังโครมครามอย่างร้อนใจรีบวิ่งมาที่ประตูห้องนอน แต่เมื่อดราโกเปิดประตูออกมา ดอนแห่งคอลิโอเน่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงตัวผอมหัวฟูวิ่งกระเตงผมไปอีกทางแล้ว



“มาร์ค!!!!!!!! ” เสียงตะโกนเรียกชื่อของชายร่างสูงผอมดังลั่น น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวจนผมรู้สึกว่าผู้ชายที่แบกผมอยู่จู่ๆ ก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้



“ขะ ขอโทษครับดอน ขอยืมตัวเจ้าหนูนี่ซักพักนะครับ” แม้จะกลัวแต่ก็ยังตะโกนตอบเสียงสั่น ผมที่ยังคงโดนแบกอยู่บนบ่าของชายที่ชื่อมาร์คนั้น กำลังพยายามยกหัวเพื่อเงยหน้ามองดราโก แต่เมื่อเงยหน้ามองได้สำเร็จ ผมก็เผลอคิดไปว่าไม่น่าเลย ตอนนี้ดราโกดูเหมือนซาตานสุดๆ เลยครับ ใบหน้าเครียดเขม็งขึงตึง ดวงตาสีทองวาวโรจน์มาแต่ไกล



“ถ้าฉันจับนายได้ นายตาย ดราโกเขาพูดอย่างนี้น่ะครับ” ผมพูดออกมาเมื่ออ่านริมฝีปากของดอนแห่งคอลิโอเน่ และเมื่อมาร์คได้ยินประโยคนั้นร่างกายของเขาก็สั่นเทาราวกับลูกนก ผมเลยได้แต่ลูบหลังปลอบเขาด้วยท่าทางกลับหัวกลับหางเพราะเขายังแบกผมอยู่เหมือนเดิมครับ “คุณเหนื่อยไหมครับ ให้ผมเดินเองก็ได้”



ตอนนี้ผมหายตกใจแล้วครับ เลยเสนอทางเลือกที่ทำให้เขาไม่หน้ามืดเป็นลมเพราะผม น้ำหนักของผมก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่เขาก็ยังแบกผมเดินมาทางสวนหลังบ้าน ทะลุผ่านสวนเล็กๆ และพาเดินเข้าไปในป่าอยู่ซักพัก ทางนี้เป็นทางที่จาคอปไม่เคยพาผมเดินมา คิดว่าคงเป็นที่ส่วนตัวของผู้ชายคนนี้แน่นอน



“ไม่เป็นไรๆ ผมไหว ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะเจ้าหนู” มาร์คพูดขึ้น แม้เขาจะแบกผมมาตั้งไกลแต่ผมสังเกตว่าเขาไม่หอบเลยแม้แต่น้อย เห็นตัวผอมๆ แบบนี้แต่เขาแข็งแรงมากเลยนะครับ



“ผมก็ต้องขอโทษเช่นกันครับ เมื่อสักครู่ผมตกใจจริงๆ หวังว่าจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน” ผมเอ่ยขอโทษเขาไป ไม่ได้ตั้งใจเรียกชื่อดราโกเลยซักนิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงหลุดปากไปแบบนั้น “คุณมีเรื่องอะไรเหรอครับ ท่าทางของคุณดูร้อนรน”



“เธอเป็นเจ้าของคอมสีดำนั่นใช่ไหม อยากจะให้ช่วยแก้ระบบให้หน่อย เจอเธอเล่นงานซะอ่วมเลยล่ะ โทษทีนะที่ต้องค้นคอมของเธอ แต่มันจำเป็นน่ะ” เขาพูดรัวเร็วโดยไม่หยุดหายใจ ทำให้ผมรู้ว่าเขารีบร้อนจริงๆ แสดงว่าเขาปลดล็อคคอมของผมได้ถึงห้าชั้นแล้ว เลยเจอแจ็คพ็อตที่ผมวางกับดักไว้พอดี มิน่าเขาถึงร้อนใจ ถ้าช้าไปมากกว่านี้จากที่เขาอยากล้วงความลับของผม จะกลายเป็นว่าความลับทั้งหมดของคอลิโอเน่จะกลายเป็นของผมเอง



“เร็วเหมือนกันนะครับ” ผมพูดขึ้น และยอมรับความสามารถของชายคนนี้ขึ้นมา หนึ่งอาทิตย์กับการปลดระบบถึงขั้นที่ห้าที่ผมสร้างขึ้นเอง “คุณเก่งมากเลยครับ”



“ถึงเก่งแต่ก็ไม่เท่าเธอหรอกเจ้าหนู” น้ำเสียงของเขามีแววชื่นชมอย่างเต็มเปี่ยม “ไว้มาแข่งกัน ฉันอยากแข่งกันเธอจะแย่อยู่แล้ว แต่ดอนเก็บเธอไว้ข้างๆ ตลอดเลยไม่กล้า พอเห็นเธอเดินคนเดียววันนี้มันก็ลืมตัวไปนิดหน่อย อย่าถือสาเลยนะ”



“ครับ น่าสนุกดีนะครับ” ผมบอกเขาไป การแข่งขันที่ที่มาร์คพูดคือการแข่งกันเจาะระบบครับ ใครเร็วกว่ากัน สะอาดหมดจดกว่ากัน คนนั้นก็ชนะ นิสัยชอบแข่งชันในรูปแบบนี้มีอยู่ในตัวแฮคเกอร์ทุกคน เพื่อพัฒนาฝีมือและได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ผมคิดว่าเรื่องน่าสนุกสำหรับผมได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างแล้วครับ





กลับมาทางด้านของดราโก คอลิโอเน่ หลังจากที่เขาหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการใช้สมองทำงานหนัก เขาก็พาตัวเขาเองเข้าสู่ห้วงนิทราและโอบกอดเทวดาตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนดั่งเช่นทุกวัน แต่เช้าวันนี้กลับไม่มีร่างนุ่มๆ อยู่ในอ้อมแขนเหมือนทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้นมา ดวงตาสีทองกำลังปรับโฟกัส กระพริบไล่ความง่วงงุนอยู่บนเตียง พลางลำดับความคิดว่าทำไมเจ้าตัวน้อยของเขาถึงหายไป และนึกขึ้นมาได้ว่าช่วงเช้ามืดเสียงของคริสตินเอ่ยบอกเขาว่าจะไปเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นเด็กหนุ่มคงออกไปที่ห้องครัวเช่นเดิม



ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามผุดลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง เท้ากำลังจะก้าวลงเขาก็ได้ยินเสียงวิ่งตึงตังอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องนอน ดวงตาสีทองดุของเขาตวัดสายตาจ้องไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ในทันที เมื่อประตูเปิดออกและเห็นใบหน้าของคริสตินปรากฏ เขาก็เห็นร่างเล็กพยายามมุดเข้ามา แต่ก็ไม่ทันเมื่อมือปริศนาคู่หนึ่งกระชากร่างของเด็กหนุ่มออกห่างไป



“ดราโกครับ!!!” เสียงนุ่มของคริสตินดังขึ้นอย่างตกใจอยู่หน้าประตูห้องนอน เพียงเท่านี้ร่างสูงใหญ่ของเขาก็กระโจนพรวดพุ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ลืมความตึงของบาดแผลช่วงต้นขาไปจนหมด พอโผล่หน้าออกไปก็เห็นแต่แผ่นหลังคุ้นตาของโปรแกรมเมอร์หนุ่มของแฟมิลี่กำลังแบกร่างของคริสตินไว้บนบ่า ใบหน้าตกใจของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกโกรธมาก



“มาร์ค!!!!!!!! ” เขาตะโกนลั่นด้วยความหงุดหงิด ไอ้แห้งหัวฟูบังอาจทำให้คริสตินของเขาตกใจ ที่ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่ชอบใจที่เห็นเทวดาน้อยของเขาถูกผู้ชายคนอื่นนอกเหนือจากเขาสัมผัสและโอบกอดชิดใกล้ขนาดนั้น!!!!



เสียงฝีเท้าร้อนรนวิ่งมาอีกทางจากเบื้องหลังของมาเฟียหนุ่ม หางตาของดราโกเห็นคาคอปและคาลอสวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาพร้อมอาวุธปืนในมือ



“เกิดอะไรขึ้นครับ” จาคอปวิ่งมาถึงเป็นคนแรกและเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้ากระหายเลือดของดราโก



“ตามมา ฉันจะไปหามาร์ค” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่เย็นชาของดอนแห่งคอลิโอเน่ทำให้มือซ้ายและมือขวาลอบสบตากันด้วยความงุนงง



“ตอนนี้เหรอครับ” คาลอสเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง ดวงตาสีทองดุตวัดมองคนพูดทันที



“ทำไม!!”



“ดอนแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีไหมครับ” มือซ้ายก้มมองแผงอกแน่นของดราโกที่เปลือยเปล่า เพราะเจ้าตัวสวมใส่แต่กางเกงนอนเท่านั้น



“ไม่!!!” ดราโกไม่สนใจ เขารีบสาวเท้าเดินไปยังทิศทางที่มาร์คพาเทวดาน้อยของเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาจะแต่งกายยังไงก็ช่างหัวมัน แต่เขาไม่อาจปล่อยให้คริสตินอยู่กับผู้ชายคนอื่นนอกจากเขาได้แน่นอน







***พิเศษ***





“ฉันทำอะไรผิดวะ ทำไมดอนต้องชกฉันด้วย” น้ำเสียงตัดพ้อจากชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งระบายความในใจอยู่ภายในห้องของคาลอส เรียกสายตาเห็นใจจากชายหนุ่มร่างโปร่งได้ไม่ใช่น้อย ถึงแม้ว่ามันจะดูขัดกับบุคลิกอยู่มาก ที่เห็นผู้ชายร่างยักษ์มานั่งทำหน้าตาซึมเศร้าจะเป็นจะตาย เพราะถูกดอนโผล่เข้ามาในห้องกลางดึกและประเคนหมัดหนักๆ ให้หนึ่งที จนคนที่เป็นมือขวาล้มไปกองกับพื้นด้วยความงุนงง



“เอาเถอะน่า นายอย่าคิดมากเลย” เขาก็ได้แต่ปลอบใจคนตัวโตไปตามเรื่องตามราว เพราะจะให้อธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจก็ดูจะยุ่งยาก เพราะเจ้าตัวนั้นซื่อบื้อกับเรื่องพวกนี้มากเกินไป แค่เห็นแค่นี้ใครๆ ก็ต้องรู้ว่าดอนถูกใจเด็กหนุ่มคนนั้นมากขนาดไหน พอเด็กคนนั้นประท้วงด้วยการหอบหมอนหนีไปนอนที่อื่น ก็เป็นดอนอีกนั่นแหละที่รอให้อีกฝ่ายหลับให้สนิทและอุ้มเจ้าตัวเล็กพาไปนอนที่ห้องนอนด้วยกัน แต่เรื่องยุ่งมันก็เกิดเพราะจาคอปดันซื่อบื้อ ใจดีด้วยผิดเวล่ำเวลา พอคริสตินไปนอนด้วยกัน บนเตียงเดียวกัน และยังนอนกอดกันอีกต่างหาก อ้อ ไม่ใช่จาคอปเป็นคนกอดนะ แต่เป็นเด็กหนุ่มตากลมโตคนนั้นต่างหากที่เป็นฝ่ายกอดคนตัวยักษ์ไปเต็มๆ แต่จะให้ดอนมาชกเทวดาน้อยของตัวเองก็คงไม่ใช่ คนโดนลูกหลงก็ต้องเป็นจาคอปอยู่แล้วล่ะ



“ฮือ ทำไมดอนต้องชกฉันด้วย” เสียงคร่ำครวญของจาคอปยังดังไม่เลิก



“ถือว่าเป็นบทเรียนแล้วกัน นายก็อย่าไปอยู่ใกล้ๆ คริสตินมากเกินไปล่ะ ห่างซักหนึ่งเมตรได้ยิ่งดี” คาลอสก็ช่วยเตือนได้เท่านี้ล่ะนะ ไม่รู้เจ้าทึ่มนี่จะเข้าใจได้ขนาดไหน “นายเข้าใจใช่ไหม คริสตินอยู่ในสายตาดอนตลอดเวลา เพราะฉะนั้นทำอะไรก็ระวังๆ ไว้หน่อย”



จาคอปพยักหน้ารับ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ทำตามที่เพื่อนรักบอก คุยได้ สนิทสนมได้ แต่อยู่ในระยะเกินกว่าหนึ่งเมตรที่พูดคุยกัน ถ้าอยู่ใกล้กันเกินกว่าที่คาลอสเตือนเขาก็ต้องรู้สึกหวาดระแวงใช้สายตาสอดส่องมองหาดอนอยู่เสมอ



................................................................



สวัสดีค่า ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ชื่นชอบเรื่องนี้นะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องที่สองของไรท์ค่ะ อยากจะลองแต่งนิยายแนวนี้ดูบ้าง 5555 (แนวกินเด็กค่ะ อิอิ) เรื่องแรกของไรท์เป็นแฟนตาซีค่ะ แต่ยังแต่งไม่จบก็พักมาเขียนเรื่องนี้ต่อ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเม้นต์ให้กำลังใจและติดตามเรื่องนี้นะคะ พบกันใหม่ตอนหน้าค่า



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเทวดา : บทที่ 8 วันธรรมดา (27.06.18)
« ตอบ #49 เมื่อ: 27-06-2018 23:03:48 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :m20:

ออฟไลน์ Jaebam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุก และน่าติดตามมากเลยค่ะ
สงสารจาคอปคนความรู้สึกช้า พาร์ทที่แล้วโดนเด็กแอทแทคใส่ สตั้นไป 3 วิ
พาร์ทนี้นอนให้เด็กกอดอยู่ดี ๆ โดนลุงต่อยตาแตกซ่ะงั้น 555
ลุงหื่นเขาขี้หวงมากกกกกก  ขอบอกไว้เลย
คริสติน เหมือนแมวอ่ะ จะหนีหลับมุมไหนซอกไหนตามสบายได้หมด
ลุงหื่นเขาก็มาอุ้มกลับไปนอนกอดบนเตียงต่อ โอ้ยย น่ารักที่สุดค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
สงสารจาคอป คาลอสยังนกรู้กว่าเลย 555 ดอนก็ขี้หวงชอบลวนลามเด็กจริงๆ เล็กน้อยก็เอา

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ดอนใจร้าย ชกจาคอปทำไม แค่ให้น้องนอนกอดหน่อยทำหวง

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
จาคอปผู้แสบดี โดนโกรธแบบไม่รู้ตัว

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #55 เมื่อ29-06-2018 09:39:41 »


บทที่ 9 หลอก


ผมถูกผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่ชื่อมาร์คพามายังบ้านเล็กๆ กลางป่า มาร์คเป็นผู้ชายอายุยี่สิบกว่าที่ผอมจนเห็นกระดูกตรงช่วงไหปราร้าชัดเจน แต่รูปร่างของเขากลับตรงกันข้ามกับพลังกาย ด้วยระยะทางจากตัวบ้านหลังของดราโกจนมาถึงกระท่อมกลางป่าของมาร์ค ชายหนุ่มที่แบกผมมาตลอดทางกลับไม่มีอาการเหนื่อยหอบเลยแม้แต่น้อย



“ถึงแล้วล่ะ” มาร์คพูดขึ้นเมื่อพาผมมาถึงจุดหมาย หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยผมลงกับพื้นอย่างปลอดภัย แต่ผมที่ต้องเอาหัวห้อยลงกับพื้นจนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ จึงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย ร่างของผมเซถอยหลังจนต้องให้ผู้ชายตัวสูงผมชี้ฟูเข้ามาประคอง



“เป็นอะไรมากไหม ฉันขอโทษนะ” ใบหน้าซีดเซียวใต้หนวดเคราเขียวเอ่ยขอโทษผมอีกครั้ง



“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” ผมนวดคลึงหน้าผากเบาๆ เพื่อระงับอาการวิงเวียนและคลื่นไส้ จนอาการทุเลาผมจึงได้โอกาสสำรวจบ้านไม้เล็กๆ ตรงหน้า ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวไม่กว้างมากนัก แต่บรรยากาศรอบๆ นั้นดูสงบร่มรื่นและสวยงามมากเลยทีเดียว ถึงภายนอกดูธรรมดาแต่ผมสังเกตเห็นเครื่องแสกนม่านตาอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้าน



มาร์คเดินนำผมเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงประตู ก่อนจะจัดการปลดล็อคและแสกนม่านตา ผมได้ยินเสียงเหมือนกลไกกำลังทำงาน ชายผมดำชี้ฟูเอื้อมมือไปผลักประตูไม้นั้นให้เปิดออก ผมสังเกตุเห็นว่าระหว่างที่เขาเปิดประตูนั้น แขนของเขาเกร็งและมีเส้นเลือดขึ้นเล็กน้อย แสดงว่าประตูบานนี้ด้านในอาจจะไม่ใช้แค่ประตูไม้อย่างเดียวแล้วล่ะครับ น้ำหนักก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย มิน่าเขาถึงแข็งแรงขนาดนี้



“มาเลยๆ ที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของฉันเอง รับรองปลอดภัย แข็งแกร่งทนทานยิ่งกว่าโครงสร้างยานอวกาศซะอีก” น้ำเสียงของชายหนุ่มมีแววตื่นเต้นดีใจและยิ้มร่าเหมือนเด็กที่กำลังอวดของเล่น เมื่อร่างสูงเดินนำเข้าไป ผมก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปสำรวจโลกของเขา และภาพตรงหน้านี่เองที่ทำให้ดวงตาของผมต้องเบิกกว้างและเต็มไปด้วยประกายตื่นเต้น



“สุดยอดมากเลยครับ” ผมเห็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากมายที่ต่อพ่วงกับหน้าจอขนาดใหญ่ อุปกรณ์พวกนี้มีราคาที่สูงมากและต้องได้รับการดูแลทะนุถนอมอย่างดี คอมพิวเตอร์ระดับนี้ใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ จะสั่งทำขึ้นมาก็ต้องหมดเงินไปมาก ไม่คิดเลยว่าคอลิโอเน่จะให้ความสำคัญในเรื่องเทคโนโลยีมากขนาดนี้



“ใช่ไหมล๊าาา ฉันชอบดอนตรงที่ใจป่ำนี่ล่ะ ยังดีนะที่ดอนไม่ใช่พวกตาแก่หัวคร่ำครึสมัยโบราณ เดี๋ยวนี้จะทำอะไรก็ต้องอาศัยเทคโนโลยีนี่ล่ะ” น้ำเสียงของมาร์คดูร่าเริงจนผมอดที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับเขาไม่ได้ “อ๊ะ ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่อยเปื่อยนี่นะ เจ้าหนู นายช่วยฉันหน่อย ระบบของนายมันกำลังเจาะเข้าฐานข้อมูลของฉันได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ช่วยฉันหยุดทีเถอะ ไม่งั้นดอนฆ่าฉันแน่”



มาร์คคว้าไหล่ของผมให้เข้าไปดูใกล้ๆ ผมเห็นเขาลงมือพิมพ์ข้อมูลบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ทำให้หน้าจอด้านขวาปรากฏภาพกราฟิกเป็นรูปสุนัขพันธ์ชิบะตัวหนึ่งกำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่ ตรงมุมขวาด้านล่างของจอบอกตัวเลขที่ 51% จู่ๆ ความคิดหนึ่งของผมก็ผุดขึ้นมาในทันที ดวงตาสีน้ำตาลของคงเป็นประกายเจิดจ้ามากเกินไป พอหันมามองมาร์คเขาถึงกลับสะดุ้งออกมาเล็กน้อย



ระบบของผมที่วางป้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์มีทั้งหมดสิบชั้น ถ้าเขาเจาะระบบได้เรื่อยๆ กับดักที่ผมวางไว้จะทำงาน โดยชิบะไวรัสคือระบบปฏิบัติการที่ผมวางเอาไว้เมื่อมีคนพยายามเจาะข้อมูลเข้ามา มันจะทำการแทรกแซงเหมือนไวรัสเพื่อโต้กลับไปที่ระบบต้นตอ ถ้าเขาไหวตัวทันและหยุดได้แต่เนิ่นๆ ชิบะของผมจะไม่ทำงาน เขาต้องพยายามหาทางเจาะระบบของผมด้วยวิธีอื่น แต่มาร์คคงรู้ตัวช้าไป



“เร็วเถอะเจ้าหนู” น้ำเสียงของมาร์คร้อนรน ผมละสายตาจากหน้าจอที่ผมมองอยู่เพื่อหันมาพิจารณาและต่อรองเขา



“ผมจะช่วยครับ แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องคืนคอมพิวเตอร์ให้ผม” ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการทันที เมื่อมีโอกาสผมก็อยากจะได้ของๆ ผมคืนโดยการใช้เรื่องนี้ในการต่อรอง



“ฉันรับปากไม่ได้ เรื่องนี้ฉันไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องไปถามดอน” มาร์คลังเล แววตาฉายแววไม่มั่นใจกับข้อเสนอของผม



“53% แล้วครับ ข้อมูลที่คุณได้ไปจากผมก็ส่วนหนึ่งแล้ว มันน่าจะเพียงพอ แต่ถ้าคุณไม่ตัดสินใจ ข้อมูลสำคัญของคอลิโอเน่จะหลุดออกไปในโลกอินเตอร์เน็ตแน่นอน หรือไม่อย่างนั้นคุณก็ต้องพยายามหยุดระบบของผมให้ได้ 55% แล้ว” ผมกดดันเขาต่อไป ความเงียบชวนอึดอัดเข้าครอบคลุมระหว่างผมกับเขา ดวงตาของเราสองคนสบตากันโดยไม่มีใครยอมใคร ชายหนุ่มหัวฟูเดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก ดูละล่ำละลักตัดสินใจไม่ถูก เรื่องที่ดอนสั่งไว้เขาก็ต้องทำ หาข้อมูลของเจ้าหนูนี่ออกมาให้ได้มากที่สุด



มาร์คยืนขยี้หัวฟูๆ ของตัวเองไปมาด้วยท่าทางฮึดฮัด เขาพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยืนนิ่งมองเขาอย่างสงบ ดวงตาสีนำ้ตาลกลมโตนั้นดูเด็ดเดี่ยว แต่เขายังคงเห็นแววตารื่นรมย์ของคริสตินวาดผ่านอย่างชัดเจน เด็กคนนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะถ้าเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งข้อมูลคงไม่ถูกปกปิดขนาดนี้ ทั้งประวัติการศึกษา ประวัติครอบครัว ทุกอย่างเป็นปริศนาและมืดมิด เหมือนมีคนจงใจลบตัวตนของคริสติน นอร์แมนออกไปจนหมด มีแค่ประวัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สำคัญเท่านั้น



แต่ที่ดอนต้องการคือทุกอย่าง ทุกอย่างที่เป็นคริสติน นอร์แมน ดังนั้นความหวังเดียวที่ยังเหลือคือคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ของเด็กหนุ่ม ภายนอกก็เหมือนคอมทั่วไปที่ดูเรียบง่าย ติดสติ๊กเกอร์การ์ตูนเรื่องที่ชอบเอาไว้เต็มไปหมด แต่ใครจะรู้เล่า เขาแค่ลองแงะเครื่องนี้ออกมาดูก็พบว่าคอมเครื่องนี้ประสิทธิภาพเหลือร้น เหมือนสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะด้วยซ้ำ



แค่เขาหาวิธีเปิดคอมใส่พาสเวิร์ดก็เล่นเหงื่อตก เจ้าหนูนี่เล่นตั้งรหัสเป็นเลขฐานสองถึงยี่สิบสี่ตัว พอเปิดได้แล้วระบบปฏิบัติการก็ไม่เหมือนใคร มีระบบป้องกันแต่ละชั้นที่เขาแทบกระอัก ไม่คิดเลยว่าเด็กตัวเล็กๆ แค่นี้จะเป็นคนสร้างระบบนี้ขึ้นมา ใครจะพูดให้ตายยังไงเขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหนูนี่คือเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ยิ่งปกปิดก็ยิ่งน่าสงสัยจนอยากจะรู้จริงๆ ว่าเด็กคนนี้คือใครกันแน่



“60% แล้วนะครับ” ผมพูดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นมาร์คนิ่งไปพักใหญ่



“เธอเก็บความลับอะไรไว้กันแน่นะ ถึงสร้างระบบมากมายขนาดนั้นขึ้นมา” มาร์คจ้องผมเหมือนกับจะล้วงลึกเข้าไปข้างใน ผมเลยมองเขากลับและพูดขึ้นมาเบาๆ



“คุณอย่ารู้เลยจะดีกว่านะครับ” ผมตอบเสียงราบเรียบ



ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด



ระหว่างที่ผมกับมาร์คกำลังลองใจกันอยู่นั้น ประตูไม้หนาหนักก็มีเสียงระบบยืนยันตัวตนดังขึ้น พวกผมละสายตาและหันไปมองทางประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน เพียงแต่สีหน้าของผมกับมาร์คกลับต่างกันลิบลับ ของผมนั้นคือความสงสัย แต่ของผู้ชายหัวฟูคงเป็นความหวาดกลัว



ผั๊วะ ตึง



เสียงเปิดประตูดังขึ้นตามแรงอารมณ์ ประตูไม้หนานั้นถูกเปิดออกจนเหวี่ยงไปกระแทกผนังอย่างแรง ส่วนคนที่เปิดประตูนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากดอนแห่งคอลิโอเน่ที่ยืนตระหง่านส่งสายตาเชือดเชือนมาให้กับมาร์คทันที ผมมองใบหน้าเย็นชาของดราโกด้วยความสงสัย ว่าทำไมผู้ชายที่มักจะมีมาดและแต่งตัวภูมิฐานกลับรีบร้อนและมาที่บ้านหลังเล็กนี้ด้วยสภาพที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก



ดวงตาสีทองกวาดตามองจนมาหยุดที่ร่างของผม แล้วร่างสูงใหญ่นั้นก็ก้าวพรวดเดียวมาปรากฏอยู่ตรงหน้า มือใหญ่ของเขาสำรวจผมไปทั่วตัวเพื่อหาร่องรอยผิดปกติ จับผมหมุนซ้ายหมุนขวาหลายรอบจนผมเริ่มมึนหัว เลยรีบจับมือเขาให้หยุดและเกาะแขนชายหนุ่มเพื่อทรงตัวเล็กน้อย



“เป็นอะไรไหม” แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่ผมเห็นดวงตาของเขาฉายแววเป็นห่วงอยู่บางเบา



“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ผมไม่เป็นไร” เมื่อเขาสำรวจผมจนพอใจ ดวงตาคมดุคู่นั้นก็ตวัดมองไปยังตัวต้นเหตุที่กำลังยืนตัวสั่นหน้าซีดเซียว ดราโกไม่ได้พูดอะไร แต่แค่เขามองนิ่งๆ แค่นี้ก็ทำให้คนรู้สึกอึดอัดและตึงเครียดขึ้นมาทันที



“ดะ ดอน ผะ ผม” มาร์คพูดเสียงสั่น ผมเห็นใบหน้าหวาดวิตกและดวงตาหวาดกลัวของเขา ผมดำๆ ของเขายิ่งดูชี้ฟูยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ นอกจากดราโกที่แผ่รังสีหนักอึ้งไปแล้ว ตรงประตูยังมีคาลอสและจาคอปที่ยืนกดดันมาร์คเช่นกัน ผมมองพวกเขาแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวไม่เข้าใจ ตอนนี้มาร์คคงกลัวดราโกจนลืมไปหมดแล้วว่าตอนนี้อะไรสำคัญที่สุด



ผมก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อให้ร่างกายของผมยืนเยื้องไปทางด้านหน้าของดราโก เพราะเมื่อสักครู่ชายหนุ่มตัวสูงคนนี้หันมายืนบังผมจนมิดไปหมด เมื่อผมก้าวออกมาจากแผ่นหลังของเขา สายตาทุกคู่ก็หยุดอยู่ที่ผมเพียงคนเดียว แต่ผมไม่สนใจสายตาสงสัยใคร่รู้ของคาลอสและจาคอป หรือแม้กระทั่งสายตาทิ่มแทงแปลกๆ จากดราโก



“ว่ายังไงครับมาร์ค เรายังตกลงกันไม่ได้เลย ตอนนี้...65% แล้วครับ” ผมพูดแทรกความเงียบชวนอึดอัดขึ้นมา



สายตาของมาร์คเบิกโพลงด้วยความตกใจ รีบร้อนหันไปมองดอนแห่งคอลิโอเน่ ท่าทางแปลกๆ ของชายหนุ่มนั้นทำให้ดราโกเลิกคิ้วด้วยความสงสัย จ้องไปยังชายหนุ่มหัวยุ่งหยิงเขม็งเพื่อให้เจ้าตัวอธิบายเรื่องราวทั้งหมด



“ผะ ผม ดอนครับ คือว่า คอมพิวเตอร์ที่ดอนบอกให้ผมค้นนั้นมีไวรัสแฝงอยู่ ผมไม่ทันระวังเลยโดนเล่นงานคืน ตอนนี้เจ้าตัวนั้นมันกำลังเจาะระบบเราคืนครับ ถ้ามันทำสำเร็จเมื่อไหร่ ข้อมูลลับของคอลิโอเน่จะปรากฏอยู่บนอินเตอร์เน็ตแน่นอน”



“แล้ว...” ดราโกจ้องเขม็งเค้นคำตอบ



“ถ้าจะกำจัดมันจะเสียเวลามากไป ผมเลยต้องการตัวคริสตินมาช่วย แต่ว่า...แต่ว่า” ยังไม่ทันที่มาร์คจะพูดจบ เพราะมัวแต่ลังเลที่จะพูดถึงข้อเสนอที่ผมต่อรองไปเมื่อครู่ ผมจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแทน



“ผมยื่นข้อเสนอไปครับ ว่าถ้าให้ผมช่วยต้องแลกกับคอมของผม เขาเลยไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ เพราะต้องรอคำอนุญาตจากคุณก่อน” ผมพูดและหันไปสบสายตากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แทน “ได้ไหมครับ ผมอยากได้คอมของผมคืนจริงๆ แล้วผมจะช่วยคุณ”



“ต่อรองเก่งจริงนะ” ดราโกพูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน “แต่อย่าลืมซิเด็กน้อย คำโกหกของเธอถูกเปิดโปงแล้วนะ” ดวงตาคมกริบของดราโกมองลึกลงไปในดวงตาของผมเหมือนกับว่าเขากำลังค้นหาความจริงที่ผมซุกซ่อนเอาไว้ ซึ่งจากคำพูดของเขาทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านั้นผมเคยบอกอะไรกับเขาไปบ้าง และจากคำพูดและการกระทำที่ขัดแย้งกันเองของผมนั้น ทำให้เขารู้ความจริง “ไหนบอกว่าแค่เคยเรียนจากในคลาส แต่ถึงกับเขียนระบบเองได้แบบนี้ แล้วฉันจะวางใจเรื่องของเธอได้ยังไง”



“ผม…” ความจริงที่เขาพูดขึ้นมาทำให้ผมไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะลองเสี่ยงดู ลองให้ถึงที่สุด “แต่ตอนนี้ถ้าคุณยังไม่ตัดสินใจ เวลาก็เหลือน้อยลงเรื่อยๆ นะครับ”



“ถ้าฉันบอกว่าไม่สนใจล่ะ หืม” ร่างสูงใหญ่ของดราโกขยับเข้ามาใกล้ จนแผ่นอกที่ยังเปล่าเปลือยของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าของผมเพียงแค่คืบเดียว ผมเงยหน้าสบตาเขาจนคอตั้งบ่า



“แต่ข้อมูลสำคัญมากมายของคุณจะต้องถูกขโมยไปนะครับ” ผมมองผู้ชายตรงหน้า ดวงตาของดราโกยังคงคมกริบและคมดุยิ่งกว่าทุกครั้ง



“เธอยังเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น ยังอ่อนต่อโลก ยังไร้ประสบการณ์” น้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบ



“ผม…” ผมไร้คำพูดไม่สามารถตอบอะไรดราโกได้เลย คำพูดของเขาคือความจริง “คุณ…ไม่สนใจจริงๆ เหรอครับ เรื่องของคุณ เรื่องของแฟมิลี่ของคุณ”



“ไม่เลย ฉันไม่สน เธอคิดว่าคอลิโอเน่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้เพราะอะไรล่ะ” สิ้นประโยคของชายหนุ่มร่างสูง ภายในบ้านหลังเล็กที่ซุกซ่อนเทคโนโลยีล้ำสมัยเอาไว้ก็ตกอยู่ในความเงียบ ตอนนี้ผมได้แต่สบตากับดราโกเท่านั้น ไม่มีมาร์ค ไม่มีคาลอส ไม่มีจาคอป มีแค่ผมกับเขาที่กำลังวัดใจกัน แต่ก็เป็นผมเองนี่แหละครับ ที่ถอนหายใจและถอยห่างดราโกออกมา



ผมหมุนตัวไปเปิดคอมพิวเตอร์ของผม ลากเก้าอี้มานั่ง และลงมือเปิดโปรแกรมที่ผมเขียนเองขึ้นมาเพื่อจัดการหยุดชิบะไวรัสตัวนี้ นิ้วมือของผมขยับรัวเร็วอยู่บนแป้นพิมพ์เหมือนกับผมกำลังเล่นดนตรี ภาษาซีมากมายถูกผมพิมพ์ลงไปจนละลานตา ผมเชื่อมต่อกับหน้าจอหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ของมาร์ค หลังจากที่ผมหยุดชิบะไวรัสได้แล้ว ผมก็หันไปจัดการกู้คืนระบบป้องกันที่เสียหายให้กับคอลิโอเน่แทน ตอนนี้ผมคงต้องยกมือยอมแพ้ไปก่อนครับ ถึงผมจะอยากได้คอมพิวเตอร์ของผมคืนมากขนาดไหน แต่ผมคงไม่สามารถจะนิ่งเฉยให้ข้อมูลของคอลิโอเน่รั่วไหลขึ้นมาได้จริงๆ หรอกครับ ผมก็แค่ขู่และต่อรองกับพวกเขาเท่านั้น แต่สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ยอมเพราะไม่อยากให้พวกเขาเดือดร้อน



ดราโกยืนดูเทวดาตัวน้อยของเขาอย่างใกล้ชิด ใบหน้าคมหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เด็กน้อยคนนี้เก่งกาจจริงๆ ข้อมูลของคาโซ่เหล่านั้นเป็นข้อมูลที่เจ้าตัวหามาได้ก็คงเพราะความตั้งใจ ข้ออ้างในตอนแรกของคริสตินถูกเขามองอย่างง่ายดายเพราะเด็กคนนี้โกหกไม่เก่งเอาซะเลย สำหรับชายที่อยู่เหนือแฟมิลี่ต่างๆ อย่างเขา จากหน้าที่การงานที่ต้องสวมหน้ากากมากมายเข้าหากันเพื่อผลประโยชน์ การจับโกหกของเด็กอายุสิบกว่าปีมันง่ายดายยิ่งกว่าจับปากกาเซ็นเอกสารซะอีก



และเทวดาน้อยของเขาก็เป็นเด็กที่ใจดี เขาคิดอยู่แล้วล่ะว่าคริสตินคงไม่ยอมให้ข้อมูลของคอลิโอเน่หลุดออกไปง่ายๆ หรอก และข้อต่อรองของเด็กน้อยที่แสนน่ารักนั่นอีก หึ เป็นการขู่ที่ชวนหมั่นเขี้ยวจริงๆ ดวงตาของเขาละจากใบหน้าจริงจังนั้นเพื่อมองภาพบนจอที่ยังคงปรากฏสุนัขพันธ์หนึ่งอยู่ และตัวเลขนั้นก็หยุดลงแล้ว



“ทำไมถึงเป็นสุนัขล่ะ” เขาถามเทวดาตัวน้อยที่ยังคงทำหน้านิ่ง



“ชิบะครับ เป็นสุนับพันธุ์ชิบะที่ผมเลี้ยงไว้” คริสตินตอบกลับโดยที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอ



“มีชื่อไหม” เขาถามต่อ



“ชื่อชิบะครับ”



“หึ พันธ์ุชิบะ ที่ชื่อชิบะเนี่ยนะ” ดราโกหัวเราะออกมาเบาๆ เขาสังเกตเห็นคิ้วเรียวของคริสตินขมวดมุ่นและเอียงศีรษะด้วยความสงสัย



“คุณหัวเราะอะไรครับ”



“หึหึ เปล่าหรอก แล้วทำไมถึงอยากได้คอมคืนตอนนี้ล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงเท้าแขนเข้ากับพนักเก้าอี้ีที่คริสตินนั่งอยู่ จนเหมือนดราโกกำลังโอบกอดเด็กหนุ่มเอาไว้



“ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องทำการบ้านส่งอาจารย์ครับ ผมมัวแต่เที่ยวเลยยังไม่แตะซักนิดเลยครับ” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มฟังดูแล้วกลุ่มใจและเป็นกังวล



“ไว้ฉันหาคอมให้เธอใช้ซักตัวก็แล้วกัน แล้วตอนนี้ถึงไหนแล้วล่ะ” มือใหญ่ของดราโกลูบศีรษะคริสตินอย่างแผ่วเบา แอบเกี่ยวกระหวัดปลายผมนุ่มให้มาคลอเคลียอยู่ตรงปลายนิ้วอย่างเพลิดเพลิน



“ตอนนี้ผมหยุดชิบะได้แล้วครับ แต่กำลังช่วยกู้ระบบที่พังคืนมา” คริสตินพูดขึ้นและละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนคล้ายโอบไหล่เขาอยู่ “เรื่องคอมพิวเตอร์ ผมขอใช้คอมของผมได้ไหมครับ”



“ไว้ก่อนละกัน” ดราโกก้มลงไปจูบหน้าผากมน และถอยห่างออกไปเพื่อให้คริสตินทำงานได้อย่างสบายใจ เด็กหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยและหันไปสนใจหน้าจอตรงหน้าแทน



เมื่อเด็กน้อยของดอนคอลิโอเน่ลงมือแก้ไขระบบต่อ ดวงตาคมสีทองก็หันไปสบตากับมือซ้าย มือขวา และโปรแกรมเมอร์หนุ่มโดยที่คริสตินไม่รู้ตัว ชายหนุ่มผมฟูที่ตัวสั่นเมื่อได้เจอกับดราโกเมื่อซักครู่กลับเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน เพราะตอนนี้เจ้าตัวกลับยืนยักไหล่ส่งยิ้มกวนๆ มาให้พร้อมมองไปคริสตินด้วยความสนใจ บุคคลิกกวนๆ นั้นทำให้ดอนแห่งคอลิโอเน่ต้องลอบถอนหายใจด้วยความระอา





เวลาผ่านไปซักพักในบ้านเล็กที่มีผู้ชายตัวโตสามคนยืนอยู่ข้างใน บ้างก็ยืนตัวตรง บ้างก็เอนหลังพิงผนังกอดอก แต่ทุกสายตาของพวกเขากำลังจับจ้องมาที่ผมซึ่งกำลังตั้งอกตั้งใจในการทำงาน แม้ผมจะทำหน้าเรียบเฉยไม่สนใจ แต่ผมก็ยังรับรู้ถึงสายตาของพวกเขาที่ัจับจ้องผมทุกการกระทำ เสียงรัวนิ้วของผมบนแป้นคีย์บอร์ดดังต๊อกแต๊กรัวเร็วต่อไปอีกซักพัก จนเมื่อความเร็วเริ่มช้าลงเรื่อยๆ มาร์คก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ



“ไงเจ้าหนู เสร็จแล้วใช่ไหม ขอบคุณมากเลยนะ” ชายผมฟูพูดขึ้นเมื่อผมกดแป้นตัวสุดท้ายเสร็จ แววตาของชายหนุ่มผมฟูนั้นมีแววชื่นชมฉายชัดอยู่



“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษเรื่องเมื่อสักครู่ด้วยนะครับ” ผมก้มศีรษะขอโทษเรื่องที่ขู่และต่อรองกับมาร์ค ชายผมฟูโบกมืออย่างไม่ใส่ใจและฉีกยิ้มกว้างส่งคืนมาให้



“ไม่ๆ อย่าขอโทษเลย ฉันไม่ถือ เรื่องนี้ต้องขอบคุณเธอมาก ไว้วันไหนถ้าเบื่อๆ ก็มาเล่นกับฉันที่นี่ได้นะ มีของเล่นเพียบเลย ฉันอยากจะแข่งกับเธอด้วย” ท่าทางร่าเริงเป็นกันเองของเขาทำให้ผมคลายใจขึ้นมาไม่ใช่น้อย



“ครับ” ผมมองมาร์คอย่างขอบคุณ และอยากจะให้เขาลองเช็คระบบดูอีกครั้งเผื่อผมจะพลาดตรงจุดไหนไป แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ย เสียงทุ้มของผู้ชายตัวสูงที่ยืนข้างๆ ผมมาตลอดก็ดังขึ้น



“ไปเถอะ” มือหนาของดราโกวางลงบนไหล่ผม เขาออกแรงดันตัวผมเล็กน้อยเพื่อให้ผมเดินไปหาจาคอปที่ยืนฉีกยิ้มรออยู่ที่หน้าประตู “เธอกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”



“ไปเถอะครับ” จาคอปยิ้มกว้างเปิดประตูรอผมอยู่ ผมจึงได้แต่พยักหน้าและเดินไปหาชายหนุ่มตัวโตอีกคนหนึ่ง ดราโกคงมีธุระที่จะพูดกับมาร์คและคาลอสต่อ ผมก็ไม่อยากจะอยู่รบกวนจึงสาวเท้าเร่งเดินออกไปข้างนอก แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงผมก็หันไปมองเจ้าของดวงตาสีทองคู่นั้นที่ยืนมองส่งผมอยู่



“ดราโกครับ อย่าลืมใส่เสื้อด้วยนะครับ เดี๋ยวไม่สบาย” ผมกวาดตามองแผงอกแน่นของดอนแห่งคอลิโอเน่ที่ยังเปลือยเปล่า ตอนนี้อุณหภูมิค่อนข้างเย็น ไม่รู้ชายหนุ่มร่างสูงคิดอะไรอยู่ถึงไม่ยอมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนออกมาข้างนอก



“อืม” เขารับคำผมในลำคอ เห็นสายตาของเขาพราวระยับผมก็ไม่กล้าสบตาเขาอีกต่อไป เลยก้มหน้าเอ่ยขอตัวและเดินตามหลังจาคอปไปทันที





หลังจากที่ประตูบ้านปิดลง ดราโกก็หันไปมองมาร์คที่รีบทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้และลงมือตรวจเช็คระบบอย่างร่าเริง ทั้งดอนแห่งคอลิโอเน่และคาลอสต่างขยับเข้าไปใกล้และรอฟังผล



“สุดยอดไปเลยน๊า เจ้าหนูนี่เก่งจริงๆ ระบบถูกแก้ไขซะใหม่เอี่ยม เช้งวับ เหมือนเดิมไม่มีผิด” มาร์คหัวเราะร่าอย่างถูกอกถูกใจ “ผมบอกดอนได้เลยว่าเจ้าหนูนี่ไม่ใช่ธรรมดา ชิบะไวรัสอะไรนั่นสุดยอดมากจริงๆ”



“คริสตินเก่งจริงๆ ครับ ทำให้มาร์คเอ่ยชมขึ้นมาได้” คาลอสที่ไร้บทพูดมานานได้โอกาสเอ่ยขึ้นมาบ้าง



“แล้วจำลองชิบะขึ้นมาได้รึยัง” ดราโกพูดขึ้น ก้มลงไปมองโปรแกรมเมอร์หนุ่มของแฟมิลี่ที่ยังคงระริกระรี้จนน่าหมั่นไส้



“เรียบร้อยครับ ผมจะเปิดระบบของชิบะไวรัสให้เจาะระบบอีกครั้ง” น้ำเสียงของมาร์คเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ในทันที ใบหน้าที่อดหลับอดนอนของชายผมฟูกลับดูแจ่มใส ชายหนุ่มหักข้อนิ้วสองสามครั้งและลงมือป้อนคำสั่งเปิดระบบทำงานของชิบะไวรัสที่เขาได้คัดลอกและจำลองเอาไว้อีกหนึ่งตัว หน้าจอที่มีกราฟิกเป็นรูปสุนัขตัวหนึ่งและตัวเลขที่หยุดอยู่ที่ 75% ตั้งแต่ที่คริสตินได้ทำการปิดระบบไปนั้นได้เริ่มทำงานต่ออีกรอบ



“เจ้าหนูนั่นน่ารักดีนะครับ เป็นเด็กดีมากเลย” ชายผมฟูยิ้มกริ่ม



“แต่ยังอ่อนต่อโลกไปหน่อยนะ” มือซ้ายของคอลิโอเน่พูดขึ้นบ้าง แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกสงสารเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่บ้างเหมือนกัน



“หึ โลกของเทวดาตัวน้อยให้สดใสต่อไปน่ะดีแล้ว” ดวงตาสีทองดุของดราโกเป็นประกายวาววับ มองตัวเลขบนหน้าจอที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยความรื่นรมย์สนุกสนาน เมื่อจำนวนตัวเลขขึ้นไปหยุดอยู่ที่ 100% เจ้าชิบะตัวน้อยสีน้ำตาลขาวก็เห่าโฮ่งๆ อย่างดีอกดีใจ และไม่นานข้อมูลลับทุกอย่างก็เด้งปรากฏอยู่บนหน้าจอเป็นจำนวนมาก ทั้งตัวเลขบัญชีของธนาคาร จำนวนเงินฝาก สัญญาธุรกิจ รายชื่อผู้ติดต่อ ลูกค้า และอื่นๆ อีกมากมายกำลังถูกแจกจ่ายไปบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว



“หึ ทีนี้พวกคาโซ่ก็คงดิ้นพร่านกระอักเลือดจนหมดตัว” ใบหน้าหล่อเหลาของดราโกกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตาสีทองเย็นชาจับจ้องเฝ้ามองข้อมูลลับเหล่านั้นเผยแพร่ไปทั่วโลก ความจริงคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ได้แฮคเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคาโซ่เรียบร้อยแล้ว มันเปรียบเสมือนเครื่องก็อปปี้ที่เป็นตัวแทนของเครื่องหลัก หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาใช้ให้มาร์คทำการจำลองระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคริสตินขึ้นมาชั่วคราว โดยเฉพาะชิบะไวรัสที่มาร์ครู้ตัวตั้งแต่เจาะเข้าไปถึงในขั้นที่สาม โปรแกรมเมอร์หนุ่มไหวตัวทันจึงแจ้งเรื่องนี้ให้ดราโกทราบตั้งแต่เนิ่นๆ



พวกเขาจึงวางแผนการเอาไว้สองอย่าง หนึ่ง คือ อยากทดสอบว่าคริสตินเป็นคนเขียนโปรแกรมนี้ขึ้นมาเองรึเปล่า และสอง พวกเขาใช้ประโยชน์จากชิบะไวรัสเพื่อมาเจาะข้อมูลของพวกคาโซ่ ซึ่งตอนแรกคอมพิวเตอร์และระบบที่โดนชิบะไวรัสจากคริสตินเล่นงานนั้นไม่ใช่ระบบของคอลิโอเน่ แต่เป็นระบบของคาโซ่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก เรื่องราวในวันนี้พวกเขาก็แค่เล่นละครฉากหนึ่งเพื่อทดสอบคริสตินและเล่นงานคาโซ่กลับเท่านั้นเอง



และเพราะการเล่นละครทดสอบในครั้งนี้จึงทำให้ดราโกมั่นใจ ว่าเทวดาตัวน้อยของเขาเป็นเด็กอัจฉริยะเข้าขั้นเก่งกาจ แต่ก็เป็นเด็กดีที่ใจอ่อนและอ่อนต่อโลกมากเช่นเดียวกัน เด็กน้อยจะให้ชิบะไวรัสเจาะระบบจนถึงขั้นสุดท้ายก็ได้แต่ก็ยังเลือกที่จะไม่ทำ หรือเพราะคริสตินยังเป็นแค่เด็กที่ยังไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกผู้ใหญ่กันนะ



“ผมรู้สึกเป็นคนเลวขึ้นมาเลยล่ะครับ” คาลอสถอนหายใจ “เหมือนกำลังหลอกเด็กคนหนึ่งอยู่เลย”



“หึหึ แต่ฉันชอบนะ สนุกดี” มาร์คยังยิ้มร่า ท่าทางตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าเด็กๆ ซะอีก “ไว้วันหลังเราเล่นละครอีกซักฉากท่าจะดีนะครับดอน”



“หึ จะเล่นอะไรฉันก็ไม่ว่า แต่ทีหลังนายอย่ามาแตะต้องคริสตินโดยไม่จำเป็นอีก” ดราโกจ้องชายหนุ่มร่างผอมด้วยสายตาคมกริบที่แฝงแววขุ่นเคืองไม่ชอบใจ



“คะ ครับ” เสียงของชายหนุ่มที่ร่าเริงเมื่อครู่กลายเป็นตะกุกตะกัก รู้สึกถึงแผ่นหลังที่เปียกชื้นขึ้นมาทันที สายตาของดอนนั้นชวนเสียวสั่นหลังและทำให้ร่างกายสั่นสะท้านเพราะความกลัว



“จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วมารายงานฉันด้วยล่ะ” ดราโกบอกคำสั่งสุดท้ายและหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับคาลอส





....................................................................



สวัสดีค่า ^^ ไรต์นำตอนใหม่มาให้นักอ่านทุกท่านด้วยค่ะ ตอนนี้จะเห็นว่าหนูคริสจะเปิดเผยความสามารถของตัวเองออกมาเล็กน้อย ซึ่งไรต์ต้องขอโทษนักอ่านทุกท่านก่อนเป็นอันดับแรกถ้าคำศัพท์เฉพาะทางบางคำไรต์ไม่แน่ใจว่าถูกต้องรึเปล่า เลยพยายามใช้คำที่เป็น กลางมากที่สุดค่ะ ศัพท์โปรแกรมพวกนี้ไรต์ไม่ชำนาญเลยซักนิด แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้หนูคริสมีความสามารถนี้ 555 ถ้าจุดไหนผิดพลาดสามารถแจ้งไรต์ได้เลยนะคะ ไรต์จะรีบแก้ไขค่ะ



ออฟไลน์ Jaebam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #56 เมื่อ29-06-2018 23:05:22 »

โอ้โห้ ซ้อนแผนหลอกเทวดาน้อยกันเนียนๆ ไปอีกนะคะ ยอมใจเขาเลยค่ะ
คริสตินเด็กดี มากลูก
อะไรก็ไม่ได้ ต่อรองไรไปก็ไม่สำเร็จ การบ้านไม่มีส่งครูไปอี้กกกก 555
อิลุงหื่นเขาไม่ยอมสักอย่าง เห้อออ..

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #57 เมื่อ29-06-2018 23:37:27 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #58 เมื่อ29-06-2018 23:59:58 »

ร้ายยยยยย
มาหลอกน้องได้ลง เทวดาน้อยของเรา

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #59 เมื่อ30-06-2018 00:08:17 »

มาเฟียก้อคือมาเฟีย  ร้ายอ่ะ  :hao4: :hao4: :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด