กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)  (อ่าน 35827 ครั้ง)

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #60 เมื่อ30-06-2018 00:29:12 »

ดอนร้ายมากกกก มาหลอกน้อง (แต่ก็ยังแอบหวงไปด้วย)

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #61 เมื่อ30-06-2018 08:20:10 »

น้องโดนหลอกซะแล้ว 555 ดอนร้ายกาจมาก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #62 เมื่อ30-06-2018 21:00:30 »

 :pig4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: กรงเทวดา : บทที่ 9 หลอก (29.06.18)
«ตอบ #63 เมื่อ30-06-2018 23:06:50 »

กดเข้ามาอ่านเพราะเห็นชื่อเรื่องนึกว่าจะแนวดราม่าแต่ไม่เป็นไรพล็อตมาเฟียเราก็ชอบเหมือนกัน คริสตินนี่เหมือนเทวดาจริงๆนั่นแหละ เทวดาที่อยู่ท่ามกลางซาตาน ทุกคนในแฟมิลี่เจ้าเล่ห์หมดเลย

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
บทที่ 10 ลงโทษเบาๆ

ผมคิดว่าชีวิตของคนๆ หนึ่งนั้นต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายหลายๆ อย่าง บางคนอาจจะเจอปัญหาเล็กๆ หรือบางคนอาจจะเจอกับปัญหาใหญ่ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่านำเอาปัญหาที่เราต้องเจอไปเปรียบเทียบกับของคนอื่นเพื่อขอให้เขาเห็นใจ พ่อของผมบอกว่า ปัญหาที่เราเจอคือบททดสอบที่ทำให้เราเติบโตและกลายเป็นคนที่เข้มแข็ง ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำคือกล้าเผชิญหน้า ค่อยๆ ไตร่ตรองและคิดหาทางแก้ปัญหา



ตอนเด็กๆ ผมเลือกที่จะหนี คอยหลบอยู่หลังคนอื่นด้วยความตื่นกลัว หลบข้างหลังพ่อเพื่อให้ท่านคอยปกป้อง หลบอยู่ในบ้านที่อบอุ่นและปลอดภัย โหยหาการดูแลจากคนที่ผมรัก แต่เมื่อวันหนึ่งผมต้องตื่นขึ้นมาและพบว่าผมไม่สามารถหลุดพ้นจากอดีตของผมได้ มันเลยทำให้ผมต้องลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยคือการที่ผมได้เดินทางมาถึงประเทศอิตาลีอีกครั้ง นี่ก็คือความกล้าหาญที่ผมภาคภูมิใจแล้วครับ



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้มันชวนสับสนและวุ่นวาย ผมวางแผนเอาไว้ก็จริงแต่ไม่คิดว่าแผนของผมมันจะออกนอกเส้นทางไปไกลขนาดนี้ ไม่ได้คิดเผื่อถึงในกรณีที่มาเฟียถึงสองกลุ่มเข้ามาพัวพัน แค่เรื่องของคาโซ่ผมก็ใช้เสียเวลาไปพักใหญ่กว่าจะดึงข้อมูลการค้ามนุษย์ของพวกเขาออกมาได้ แต่ก็ไม่นึกว่าแผนของผมมันจะมีช่องโหว่จนพวกเขาไหวตัวทันและหาทางเล่นงานผมกลับ



ในตอนนี้ผมถือว่าอยู่ในความคุ้มครองของคอลิโอเน่ชั่วคราวเพื่อรอให้เรื่องซาและหนีออกนอกประเทศไป ความตั้งใจแรกคือการเดินทางมาถึงที่นี่และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่ตอนนี้ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องหาทางหนีออกไปให้ได้ซะแล้ว และที่สำคัญผมประเมินความร้ายกาจของพวกเขาต่ำเกินไป จากเรื่องที่แย่ๆ และความซวยที่ผมเจอมาตลอดหนึ่งเดือนตั้งแต่ช่วยเหลือดราโกเอาไว้ คงมีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมคิดว่าผมยังคงโชคดีอยู่บ้าง นั่นก็คือ การไม่ได้เป็นศัตรูกับเขา



ดราโก คอลิโอเน่ เป็นผู้ชายที่น่ากลัวคนหนึ่งเลยครับ ผมไม่สงสัยเลยว่าทำให้ในหมู่ดอนด้วยกันถึงยกเขาให้เป็นที่หนึ่ง สายตาของเขาแม้จะเรียบนิ่งเฉยชา แต่ในแววตาของเขาราวกับล้วงลึกเข้าไปถึงในห้วงความคิดของผมได้อย่างง่ายดาย ระหว่างที่ผมเดินมากับจาคอปนั้น ผมได้ใช้เวลากับตัวเองเงียบๆ เพื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ผมคิดว่ามีโอกาสสูงมากทีเดียวที่ดราโกจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผมพอสมควร หลังจากกลับไปถึงบ้านใหญ่ ผมคงต้องเตรียมใจเพื่อรอการสอบสวนของเขาแล้วครับ





หลังจากที่ผมกลับมาจากบ้านหลังเล็กๆ ของมาร์ค จาคอปก็พาผมไปทานข้าวเช้าในทันที อาหารง่ายๆ เบาๆ ทำให้ผมทานเสร็จอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกิจวัตรประจำวันของผมหลังจากนี้กลับเปลี่ยนไป ทุกครั้งเมื่อผมทานอาหารเสร็จจะเข้าไปช่วยแองเจล่าที่ห้องครัวเล็กน้อย แต่วันนี้ผมกลับถูกมือขวาของดราโกพากลับมาที่ห้องนอน มันยิ่งตอกย้ำถึงสิ่งที่ผมคิดและเริ่มกระวนกระวายเพราะกลัวว่าผมจะเจอกับการสอบสวนของดราโกที่ผมไม่ชอบใจนัก



ผมเดินวนไปวนมารอบๆ ห้องนอนช้าๆ ในหัวก็ครุ่นคิดหาทางออกให้กับตัวเอง แต่การหาข้อแก้ตัวหรือเรื่องโกหกเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมไม่ถนัดเลยแม้แต่น้อย แต่การที่ผมจะอยู่เฉยๆ รอให้เขากลับมาและสอบสวนผมในแบบที่ผม...คิดว่าเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฏหมายในเรื่องของการพรากผู้เยาว์ก็ไม่สมควรเท่าไหร่นัก ถึงแม้มาเฟียจะชอบแหกกฏและทำผิดกฏหมายบ่อยๆ ก็ตาม แต่ผมก็ไม่อยากจะเป็นหนึ่งในนั้นที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น



“ไง คิดอะไรอยู่” เสียงทุ้มของดอนแห่งคอลิโอเน่ดังขึ้นอยู่ข้างหู ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อจู่ๆ ร่างสูงใหญ่ก็โอบล้อมแนบชิดกับแผ่นหลังของผม น้ำเสียงที่ติดชั่วร้ายหยอกเย้าอยู่ข้างใบหู พร้อมกับริมฝีปากร้ายกาจที่ขบเม้มกับติ่งหูไว้แน่น





“ปะ เปล่าครับ” ผมตกใจ และพยายามหาทางหนีจากอ้อมแขนของเขา แต่เพราะเรี่ยวแรงและขนาดตัวที่แตกต่างกัน มันไม่สามารถทำให้ผมหนีรอดไปจากเขาได้เลย ฝ่ามือหยาบของเขาปลดกระดุมและรูดซิบกางเกงของผมลงอย่างรวดเร็ว “ไม่ เดี๋ยวครับดราโก คะ คุณจะทำอะไร”



“คิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ คริสติน” เสียงทุ้มนั้นแหบต่ำลงยิ่งกว่าเคย เขาจัดการปลดเสื้อผ้าที่เกะกะขวางทางทิ้งไปจากร่างกายผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย



“คุณกำลังลวนลามผม” ผมตอบเขา ฝ่ามือของชายหนุ่มตามมารั้งแผ่นหลังของผมให้ปะทะกับแผ่นอกเปล่าเปลือยของดราโก



“ผิด ฉันกำลังสอบสวนเธอ” ร่างสูงใหญ่ของเขาโน้มตัวลงมาซบบ่าของผม พร้อมกับขบเม้มไปที่ซอกคอพร้อมกับตีตราร่องรอยสีแดงช้ำไปทั่ว



“ใครเขาสอบสวนกันแบบนี้ล่ะครับ!!!” ผมตะโกนและขัดขืนเขาอย่างสุดความสามารถ



“สอบสวนด้วยร่างกายของฉันยังไงล่ะ” เขาหมุนตัวผมให้มาเผชิญหน้ากับเขาในระยะประชิด แต่เพราะส่วนสูงที่ห่างกันมากเกินไปจึงทำให้ผมต้องจ้องเขาจนคอตั้งบ่า “รู้ไหมเด็กโกหกต้องเจออะไร”



ดวงตาสีทองของดราโกดูลึกลับแต่ยังแฝงแววเจ้าเล่ห์ล่อหลอก ผมใช้ฝ่ามือดันไปที่หน้าท้องแข็งๆ ของเขาเพื่อเพิ่มระยะไม่ให้ผิวเนื้อของเราสองคนเสียดสีมากเกินไป ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบเมื่อรู้สึกถึงส่วนแข็งของเขาดุนดันออกมาทักทาย



“ผม…ผมคิดว่าเรื่องนี้คุณไม่จำเป็นที่จะต้องรู้นะครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม” ผมปฏิเสธเขาทันที ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าเวลาที่เนื้อหาของบทสนทนามันเคร่งเครียดและดูจริงจัง ทำไมการกระทำของผมและเขาถึงไม่จริงจังตามเนื้อหาเลยซักนิด อย่างน้อยนั่งคุยข้อตกลง หรือปรึกษากันในห้องทำงานน่าจะดีกว่าในห้องนอนและมีเตียงใกล้ๆ นะครับ



“ตอนนี้ฉันถือว่าเธออยู่ในความคุ้มครองของฉัน แม้จะชั่วคราวแต่การปกป้องเธอจากพวกคาโซ่ได้นั่นต้องรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเธอ และเหตุผลที่ทำให้เธอนำตัวเองเข้ามาพัวพันกับเรื่องอันตรายเหล่านี้ เธอไม่ใช่แค่เด็กน้อยที่บังเอิญอยากจะเป็นฮีโร่คอยช่วยเหลือคนที่ลำบากหรอก มันต้องมีเหตุผลมากกว่านั้น” ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขยับเข้ามาใกล้จนผมรับรู้ถึงลมหายใจร้อนระอุที่ตกกระทบผิวหน้า ถ้าผมจะให้เขาคุ้มครอง ต้องแลกกับการที่ผมยอมเล่าให้เขาฟังทุกอย่าง



มันเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ผมไม่ยินยอม ถ้าได้คอลิโอเน่มาช่วยเหลือ เรื่องทุกอย่างจะคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย ใช่ครับ ผมรู้ แต่ผมไม่ ผมไม่สามารถ ถ้าผมอยากจะกล้าหาญมากขึ้น ผมต้องเผชิญกับเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวผมเอง มันเป็นเรื่องที่ผมต้องทำ





ดราโก คอลิโอเน่ มองลึกเข้าไปในแววตาของเทวดาตัวน้อยที่กำลังสับสน คำพูดของเขาคงมีอิทธิพลมากพอจนทำให้เด็กน้อยเผยความสับสนที่อยู่ภายในออกมา ตอนนี้เขากำลังหว่านล้อม เริ่มล่อหลอกให้เด็กน้อยเข้ามาอยู่ในความคุ้มครองของเขาเต็มตัว เพื่อที่เขาจะได้มีสิทธิ์ที่จะดูแลให้การปกป้องกับเทวดาน้อยตนนี้ มีสิทธิ์ในฐานะผู้ปกครอง มีสิทธิ์ที่จะครอบครองและใช้สิทธิ์ที่พึงมีเพื่อเด็ดปีกสร้างกรงให้เทวน้อยตนนี้ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาตลอดไป



“ไม่ครับ” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของเขาไร้ความลังเล แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงคริสตินจะปฏิเสธเขาก็จะไม่บังคับ แต่เขาจะสร้างกรงขึ้นมาและให้เทวดาตัวน้อยบินเข้ามาอยู่ในการดูแลของเขาเอง



“งั้นหรือ งั้นคงต้องลงโทษเรื่องที่เธอโกหกก่อนแล้วล่ะมั้ง” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กระตุกขึ้นตรงมุมปาก ชายหนุ่มอุ้มร่างเล็กที่เปลือยเปล่าขึ้นมาและพาไปที่เตียงนอนใหญ่ ชายหนุ่มรู้ว่ายิ่งนานวันเขายิ่งหลงใหลผิวกายอ่อนนุ่มของคริสตินมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องตะกองกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมกอดให้อุ่นใจ ลูบไล้คลั่งไคล้อยากขย้ำให้จมลงไปในอก คริสตินเหมือนสิ่งเสพติด เหมือนเทวดาน้อยที่สูงค่า เหมือนสิ่งเล็กๆ ที่เย็นชาสูงส่งจนอยากฉุดรั้งไว้ให้อยู่เคียงข้าง



เขาไม่อาจบังคับยัดเยียดตัวตนให้ฝังร่างลงไปได้ แม้ใจจะกระหายอยากมากแค่ไหน แต่เขารู้ดี คริสตินเป็นเด็กที่เขาพึงใจ เป็นเด็กที่เขาหวังจะปกป้อง และเขาไม่อาจบังคับให้ตัวตนของเด็กน้อยของเขาแหลกสลาย เด็กน้อยผมสีน้ำตาลและดวงตากลมโตสีเดียวกัน ใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แม้แต่รอยยิ้มของเด็กน้อยเขายังไม่เคยเห็นเลยซักครั้ง เขารู้เพียงว่าตัวตนที่ไม่สนโลกที่เจ้าตัวแสดงออกมานั้นเป็นเหมือนปราการที่หล่อหลอมให้เด็กหนุ่มเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ เพียงแต่เขาไม่รู้ ไม่รู้ว่าถ้าปราการของคริสตินพังทลายลง เด็กน้อยของเขาจะเป็นอย่างไร



มันน่าสนใจ แต่เขาไม่อยากเสี่ยง ถ้าคริสตินอยากบอก เขาก็จะฟัง ถ้าไม่ เขาก็ไม่เดือดร้อนที่จะคุ้มครองให้เด็กหนุ่มได้อยู่อย่างสบายใจ แม้กระทั่งเรื่องของคาโซ่ที่คริสตินสืบข้อมูลและแจ้งให้ตำรวจสากลทราบ ข้อมูลเหล่านั้นมาร์คนำมาให้เขาดูเรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่คริสตินหามาได้ก็เพียงพอที่จะทำให้คาโซ่ถูกลบชื่อออกจากวงการได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่าเทวดาน้อยของเขายังไร้เดียงสาเกินไป สายของพวกมันแทรกซึมอยู่ทุกที่ และคริสตินก็โชคร้ายมากไปหน่อยที่ส่งข้อมูลเหล่านั้นให้ตำรวจที่ดันเป็นสายให้กับคาโซ่พอดี



ดังนั้นแม้เขาจะดูชั่วร้ายไปหน่อยที่หลอกเด็กคนหนึ่งเพื่อให้พิสูจน์ความสามารถ และแอบคัดลอกชิบะไวรัสเพื่อให้มาร์คนำมาใช้ แต่สิ่งที่เขาทำก็เพื่อทำลายคาโซ่เพื่อคริสตินเท่านั้น เพียงแต่มันเป็นวิธีการในแบบของเขาก็เท่านั้นเอง วิธีการในแบบคอลิโอเน่ ที่ลอบตลบหลังและกัดพวกมันให้ดิ้นไม่หลุด โดยใช้โลกอินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์และให้พวกมันตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วโลก ใช้สื่อโซเชียลในการโจมตี เพื่อให้พวกเขากดดันตำรวจและนำไปสู่การจับกุมในท้ายที่สุด



“อ๊ะ” เสียงครางเบาหวิวหลุดออกมาจากริมฝีปากแดงเรื่อนั้น มือเล็กเอื้อมมาปิดปากของตัวเองไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงครวญคราง ร่างเล็กที่บิดเร้าคงเพราะมือใหญ่ของเขาลูบไล้หยอกเย้ายอดอกสีชมพูดนั้นรุนแรงไปหน่อย ผิวสีขาวเนียนของคริสตินแดงเรื่อไปทั่วทั้งตัว ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยแรงอารมณ์



“ร้องออกมาซิ” มือของเขาอีกข้างรั้งมือเล็กที่ปิดกลั้นเสียงร้องนั้นออกมา นำแขนของเด็กหนุ่มให้เอื้อมมาโอบรอบคอของเขาเอาไว้ให้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาของดราโกคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางน่ารัก ถึงเขาจะบอกว่าจะไม่บังคับคริสตินจนกว่าเด็กหนุ่มจะพร้อม แต่หยอกเย้าแค่ภายนอกให้เขาได้ชื่นใจก็พอ



“อ๊ะ มะ ไม่ ครับ” คริสตินพยายามปลดมือจากหลังคอของดราโกเพื่อนำมาปิดกลั้นเสียงร้อง แต่ชายตัวโตยังคงกลั่นแกล้งเด็กหนุ่มอยู่เช่นเดิม และครั้งนี้เขากลับหยอกเทวดาตัวน้อยรุนแรงมากกว่าปกติ ก็เพื่อทำโทษเด็กน้อยที่โกหกเขา “ดะ เดี๋ยว มะ ไม่ คุณจับตรงไหนเนี่ย!!!”



มือหนาของดอนแห่งคอลิโอเน่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างขาวผ่อง ก่อนจะหยุดที่คริสตินน้อยที่กำลังสั่นระริกเพื่อรอการปลดปล่อย นิ้วมือร้ายกาจของดราโกหยอกเย้าจนคริสตินน้อยแดงก่ำ



“ฉันจะสอนบทเรียนแรกให้กับเธอ ว่าเวลาที่เธอรู้สึก เธอจะจัดการมันอย่างไร” ดวงตาสีทองของชายหนุ่มพราวระยับ โน้มใบหน้ามากระซิบอยู่ข้างหู เสียงของเขา ลมหายใจของเขา มันทำให้ร่างเล็กพยายามถอยตัวออกห่าง แต่เขาก็รั้งร่างอ่อนระโหยกลับมาแนบอก กักขังไว้ในอ้อมแขนแกร่ง รั้งใบหน้าอ่อนเยาว์เข้ามาใกล้ และครอบครองริมฝีปากนั้นอย่างกระหาย และมือหนาของดราโกก็สอดประสานกับจังหวะเรือนร่าง รูดรั้งคริสตินน้อยไปตามจังหวะ สร้างพายุอารมณ์ระหว่างคนทั้งสองให้โหมกระหน่ำ จนกระทั่งเด็กหนุ่มกระตุก ดวงตาเบิกกว้างและเสียงครางหวานกรีดร้อง



ในสายตาของเขาตอนนี้คริสตินกำลังยั่วเขาอย่างร้ายกาจ ทั้งดวงตา ใบหน้า และน้ำเสียงที่สร้างอารมณ์จนเขาปวดหนึบจนแทบทนไม่ไหว เส้นความอดทนของเขาเริ่มน้อยลงทีละนิดแต่โชคดีที่เด็กน้อยของเขาใช้เวลาไม่นานก็ปลดปล่อยออกมา เพราะนี่เป็นครั้งแรกของคริสตินเขาจึงยังไม่มีความอดทนมากพอในการจัดการกับอารมณ์นี้



“แฮ่ก แฮ่ก คุณ คุณนิสัยไม่ดีเลยครับ” ผมหอบหายใจ พร้อมเอ่ยประท้วงการกระทำของร่างสูงที่ยังคงมีรอยยิ้ม และกักขังผมไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา อารมณ์เมื่อครู่มันทำให้ผมค้นพบอีกหนึ่งความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ มันทำให้ผมเหนื่อยหอบมากกว่าปกติ รู้สึกร่างกายเบาโหวงอ่อนแรง เหงื่อและความเหนียวเหนอะที่ช่วงท้องทำให้ผมขยับตัวอย่างอึดอัด ดราโกช่วยปัดไรผมชื้นเหงื่อให้กับผมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับจุมพิตบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา



“รู้สึกดีไหม” ดราโกถาม ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเขาทำมันช่างขัดแย้งกับการกระทำในตอนนี้ที่คอยลูบศีรษะปลอบโยนผม ผมตวัดสายตาค้อนเขาเล็กน้อย และใบหน้ารู้สึกถึงความร้อนที่แล่นขึ้นมา



“ครับ” ผมตอบเสียงเบา



“หึหึ” แต่แค่คำนี้คำเดียวก็ทำให้ดราโกส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ผม “ไปอาบน้ำกันเถอะ ตอนนี้เธอคงเหนียวตัวแย่”



“ครับ” ผมเห็นด้วยกับความคิดนี้ทันทีเลยครับ แม้จะอยู่ในห้องนอนที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ แต่จากกิจกรรมที่เราทั้งสองทำกับเมื่อครู่ก็ทำให้ผมเหนียวตัวมากทีเดียว



“ผมขออาบก่อนนะครับ” ผมชันตัวพยายามลุกขึ้นจากที่นอน แต่จู่ๆ โลกก็หมุนพลิกไปมาเพราะชายหนุ่มฉุดรั้งร่างของผมขึ้นมาแนบอกและพาผมไปอาบน้ำด้วยตัวเอง “เดี๋ยวครับ ผมอาบน้ำเองได้”



“ฉันช่วย” ร่างสูงของเขาพาผมไปอาบน้ำโดยที่ไม่ฟังเสียงประท้วงของผมเลยซักนิด อุ้มพาผมไปยืนอยู่ใต้ฟักบัว ร่างสูงที่ยืนช้อนหลังผมอยู่จัดการถอดกางเกงนอนออก และเดินเข้ามายืนช้อนหลังผม ผมไม่กล้าหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่จดจ่อจ้องมองผนังห้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะร่างกายของผมเกร็งตัวทันทีเมื่อรู้สึกถึงความแข็งขืนและร้อนจัดของเขาที่แนบชิดไปกับเอวของผม ความร้อนที่เสียดสีไปมามันกำลังสร้างอารมณ์แปลกๆ ให้กับผมอีกครั้ง แต่โชคดีที่ดราโกเอื้อมมือมาเปิดฟักบัวก่อน สายน้ำเย็นฉ่ำนั้นช่วยดับความร้อนที่ก่อตัวขึ้นได้เป็นอย่างดี



ผมกับดราโกผลัดกันอาบน้ำ และใช้เวลาซักพักจนสะอาดทุกซอกทุกมุม โดยที่ผมไม่ได้มองไปทางเขาเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาหมุนตัวผมให้หันมาทางเขาและช่วยเอาผ้าขนหนูมาคลุมตัวผมไว้ แต่เพราะสายตาผมดันไปเห็นของๆ เขาขึ้นมาเสียก่อน จึงได้แต่นิ่งและครุ่นคิด



“เป็นอะไร หืม” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น เมื่อเขาเห็นผมก้มหน้ายืนเงียบๆ



“แล้วคุณล่ะครับ” ผมเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย และทำให้ดราโกเลิกคิ้วสูงเพราะไม่เข้าใจคำถามของผม แต่พอเขาเห็นสายตาของผมที่มองไปตรงกึ่งกลางที่โป่งนูนปวดหนึบของเขา ชายหนุ่มก็เข้าใจ



“เธอจะช่วยฉันรึไง” น้ำเสียงและคำถามหยอกเย้า พร้อมกับนำมือของผมไปสัมผัสกับความแข็งขึงใหญ่ร้อนนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวและชักมือกลับทันที



“ไม่ครับ!!!” ผมหมุนตัวกระแทกส้นเท้าและเดินออกไปนอกห้องน้ำพร้อมปิดประตูเสียงดัง ผมยังได้ยินเสียงเขาตะโกนออกมา



“ไม่ต้องรอฉันนะคริสติน ฉันคงจัดการมันอีกซักพัก”



“ผมไม่รอคุณแน่นอนครับ!!!” ผมตอบกลับไป โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินในสิ่งที่ผมพูดรึเปล่า แต่ผมก็ไม่สนใจแล้วครับ ขอให้เขาขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำทั้งวันทั้งคืนเลยแล้วกัน ผมรีบเช็ดตัวให้แห้งและนำเสื้อผ้าออกมาใส่ พร้อมกับวิ่งไปหาแองเจล่าที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว





หลังจากนั้นสามสิบนาที ร่างสูงใหญ่ของดอนแห่งคอลิโอเน่ก็ก้าวออกมาจากห้อง ฝีเท้าเงียบกริบแต่มั่นคงเดินไปทางห้องทำงานที่ตั้งอยู่อีกฟากของบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้าไปชายหนุ่มก็พบกับสายตาล้อเลียนจากคาลอสและจาคอปที่นั่งอยู่ตรงโซฟาพร้อมรอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนใบหน้า ต่างกันก็เพียงแต่จาคอปจะมีรอยยิ้มกว้างร่าเริง แต่ของคาลอสกลับเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กวนๆ



“อารมณ์ดีแล้วนะครับดอน” จาคอปเอ่ยแซวเป็นคนแรกเมื่อดราโกทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่



“หึ” และเสียงหัวเราะในลำคอของชายหนุ่มก็ตอบคำถามของพวกเขาได้ในทันที “เรื่องคาโซ่ล่ะ”



“นี่ครับ” คาลอสลุกขึ้นและนำเอกสารในแฟ้มส่งให้กับดราโกที่ยื่นมือมารับ “ตอนนี้มาร์ครายงานว่าเรื่องของคาโซ่กระจายไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตแล้วครับ และยังมีการแชร์หลายหมื่นครั้ง พร้อมกับสำนักข่าวทั่วยุโรปกำลังเผยแพร่เหตุการณ์นี้พอดี”



“ตอนนี้องค์กร UNTOC ออกมาเคลื่อนไหวแล้วครับ” จาคอปยื่นเอกสารข่าวมาให้กับดราโกเช่นกัน



“ตอนนี้พวกมันคงหาข้อแก้ตัวยากแล้วล่ะ” ดวงตาสีทองของชายหนุ่มเป็นประกายเยียบเย็น รอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่มดูชั่วร้ายและน่าหวั่นเกรง สองมือที่ประสานกันนั้นส่งให้บุคลิกของดราโกดูเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม



“แล้วหลังจากนี้ล่ะครับ” มือซ้ายของแฟมิลี่อย่างคาลอสถามขึ้น “ถ้าเรื่องนี้สงบลง คริสตินก็คงได้กลับบ้าน ถ้าดอนยินยอม”



“มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้ต้องรอดูว่าพวกมันวางแผนเดินไปทางไหนต่อไป รายชื่อที่พวกเราเห็นนั้นมีทั้งรัฐบาลและพวกกลุ่มผู้มีอิทธิพลบางกลุ่มที่เกี่ยวพันกันไปมา ถ้าจะกำจัดให้สิ้นซากก็ต้องจัดการพวกมันทิ้งให้หมด” น้ำเสียงของดราโกจริงจังและเย็นชา



“ดีนะครับที่มีดอนคอยช่วยเหลือคริสติน ถ้าไม่อย่างนั้น เด็กคนเดียวจะไปต่อกรพวกมันได้ยังไง” จาคอปถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะเขาถูกใจและชอบคริสตินมากเลยทีเดียว เขาเลยพลอยเอาใจช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นไปเต็มๆ



“เด็กคนนั้นเป็นเด็กที่กล้าหาญนะครับ และคงมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวต้องลุกขึ้นมาต่อกรกับมาเฟียค้ามนุษย์ข้ามชาติอย่างนี้ แต่วิธีการค่อนข้างซื่อตรงไปหน่อย” คาลอสวิเคราะห์ ซึ่งความคิดนี้ของชายหนุ่มร่างโปร่งก็ตรงใจกับดราโกพอดี



“จะเล่นกับมาเฟียก็ต้องให้มาเฟียจัดการ” ดราโกกระตุกยิ้ม ดวงตาสีทองพราวระยับเต็มไปด้วยความสนุกสนาน พร้อมกับหมายมาดคิดวางแผนในใจ แผนที่จะทำให้พวกคาโซ่วุ่นวายและปั่นป่วนจนอยากจะฆ่าตัวตายหนีไปให้พ้นๆ เลยทีเดียว









ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต้องเป็นเด้กที่มีแบ็คหลังดีมากๆ จนดอนอาจจะต้องยอม 5555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อีกนานเลยกว่าน้องจะทันเล่ห์เหลี่ยม  :hao5:

ออฟไลน์ PPYK287

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
งื้ออออ สนุกมากกกก เอ็นดูพ่อเทวดาตัวโหน่ยๆ มากเลย ส่วนลุงนี่ก็ร้าย หลอกน้องได้ลงคอ ถ้าน้องรู้คงเคืองไปอีกนาน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ไอ้เราก้อนึกว่าน้องจะช่วย..ยยยยยย 555  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Meercorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คริสตินรักษาเนื้อรักษาตัวดีๆนะลูก อย่าปล่อยให้ตาลุงหื่นนั้นทำอะไรเราได้นะ!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเทวดา : บทที่ 10 ลงโทษเบาๆ (01.07.18)
« ตอบ #69 เมื่อ: 02-07-2018 00:03:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ดอนเจ้าเล่ห์มากกกก หลอกน้อง ตอดน้อง แล้วยังวางแผนจะยึดน้องอีก แหมมมม

ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบอ่ะค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

บทที่ 11 ความจริง


“นี่คือข้อมูลที่เราหามาได้ครับดอน” คาลอสยื่นแฟ้มเอกสารขนาดใหญ่ให้กับดราโกที่นั่งเอนหลังพักผ่อนกับโซฟาขนาดใหญ่ในห้องทำงาน ดวงตาสีทองวาววับเมื่อเห็นข้อมูลตรงหน้าที่มากขึ้นกว่าครั้งแรกเป็นเท่าตัว



“เทวดาตัวน้อยของฉันเก่งกาจเอาเรื่องเลยนะ” รอยยิ้มของชายหนุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดของคอลิโอเน่แฟมิลี่ถูกจุดขึ้นตรงมุมปาก “ข้อมูลพวกนี้เชื่อถือได้มากขนาดไหน”



“ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ” คาลอสตอบ “ข้อมูลของคริสตินเริ่มปรากฏตอนอายุห้าขวบครับ มีครอบครัวนอร์แมนรับเป็นบุตรบุญธรรม และย้ายไปอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่นั้น คริสติน นอร์แมน เป็นเด็กอัจฉริยะที่เรียนอยู่ในสถาบันเมนซ่าตั้งแต่อายุแปดขวบ มีไอคิว 170 และถนัดทางด้านการเขียนโปรแกรมเป็นพิเศษ และที่สำคัญ ตอนนี้เทวดาตัวน้อยของดอนกำลังเรียนจบระดับปริญญาเอก เหลือส่งรูปเล่มวิทยานิพนธ์เท่านั้นเองครับ หัวข้อวิจัยก็น่าสนใจมากเลยทีเดียว”



“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ” ชายหนุ่มกวาดสายตาอ่านข้อมูลของเด็กหนุ่มในแฟ้มอย่างรวดเร็ว คิ้วเข้มของดราโกเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อประวัติของคริสตินเริ่มเมื่อตอนอายุห้าปี



“ก่อนหน้านั้นเราไม่มีข้อมูลเลยครับ รู้แค่ว่าครอบครัวนอร์แมนมาเที่ยวที่อิตาลี และพบคริสตินที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” ชายหนุ่มร่างโปร่งผู้สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ดันแว่นที่ตกอยู่ปลายจมูกขึ้นมาอยู่บนดั้งให้เรียบร้อย “แต่ข้อมูลของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าที่ไหนครับ คิดว่าคงเป็นข้อมูลเท็จที่สร้างขึ้นเช่นเดียวกัน”



“เด็กคนนั้นเป็นลูกครึ่งเอเชีย สิบปีก่อนงั้นเหรอ” ดราโกวางแฟ้มที่ถืออยู่ในมือลงและยกมือขึ้นจับปลายคางอย่างครุ่นคิด ดวงตาคมสีทองไหววูบเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างที่ผุดวูบขึ้นมา “การที่เด็กคนนั้นหันมาตามล่าพวกคาโซ่ อาจจะเป็นเพราะว่าคริสตินคือหนึ่งในเด็กที่ถูกจับมากับกระบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติก็ได้”



ประโยคที่ดราโกพูดออกมาทำให้คาลอสถึงกับเบิกตากว้าง ถ้าพูดถึงประเด็นนี้ทุกอย่างที่พวกเขาเคยสงสัยก็จะลงตัวพอดี จากเหตุผลที่เด็กคนหนึ่งดิ้นรนมาถึงอิตาลี แล้วเห็นข่าวการค้ามนุษย์จนต้องช่วยเหลือด้วยการค้นข้อมูลของพวกมาเฟียมาเปิดโปงมันก็ดูจะง่ายดายและบังเอิญเกินไปหน่อย แต่ถ้าพูดถึงในประเด็นนี้ว่าคริสตินมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา เช่น เป็นผู้เสียหาย และต้องการแก้แค้นหรือเปิดโปงความชั่วร้ายของพวกมันก็มีความเป็นไปได้มากกว่า



“งั้นคริสตินก็คือหนึ่งในเด็กที่พวกมันจับมาค้ามนุษย์ที่นี่ซินะครับ”



“น่าจะใช่” ดวงตาสีทองของดราโกวาววับดูน่ากลัว “นายไปบอกมาร์ค ให้หาข้อมูลเรื่องนี้มาให้ได้มากที่สุด”



“ครับ” คาลอสก้มหัวรับคำ “แล้วดอนจะลองคุยเรื่องนี้กับคริสตินไหมครับ อย่างน้อยเด็กคนนั้นก็น่าจะได้รู้ว่าเราพร้อมจะช่วยเหลือเขาเต็มที่”



“อืม” ดอนแห่งคอลิโอเน่พึมพำอยู่ในลำคอ ดวงตาสีทองที่ฉายแววคมดุอยู่เสมอกลับหลุบต่ำพลางครุ่นคิด จะทำยังไงให้คริสตินเปิดใจมากพอที่จะเชื่อใจเขาได้กันนะ? ตลอดเวลาที่เขาเฝ้าสังเกตเด็กน้อยของเขา คริสตินเหมือนเปิดเผยซื่อตรง แต่ความคิดและพื้นที่ส่วนตัวของคริสตินกลับเหมือนเขตหวงห้าม กำแพงที่ตั้งสูงลิบมันแข็งแกร่งและไม่พังทลายอย่างง่ายดายแน่นอน “ตอนนี้คริสตินน่าจะอยู่กับแองจี้ที่ห้องครัว นายไปตามมาหน่อยแล้วกัน”



“ครับ” คาลอสก้มศีรษะรับคำสั่ง และเดินออกไปจากห้องทำงานของดอนแห่งคอลิโอเน่ ดราโกเปิดอ่านเอกสารที่อยู่ในแฟ้มอีกครั้ง จากข้อมูลที่มาร์คหามาได้นั้นเป็นข้อมูลที่เจ้าตัวเสาะหามาจากหลายๆ ทาง ทั้งจากสถาบันเมนซ่า และหลายๆ แหล่งที่มาร์ตเจาะข้อมูลมาได้ โดยเลียนแบบระบบจำลองของชิบะไวรัสแต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อที่จะสามารถแทรกแซงและค้นข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย



คาโซ่แฟมิลี่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลของอิตาลี รายได้หลักของกลุ่มนี้คือการค้ามนุษย์ที่มีเครือข่ายและเส้นสายอยู่ทั่วโลก ตำรวจสากลและองค์กร UNTOC เคยออกมาเคลื่อนไหวหลายครั้ง แต่กลับไม่มีหลักฐานเพียงพอและโดนขัดขวางจากคนของรัฐบาลที่มีผลประโยชน์กับเรื่องนี้ การจะจัดการถอนรากถอนโคนคาโซ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเบื้องหลังของพวกมันนั้นมีคนที่มีอิทธิพลเกี่ยวโยงกันไปมาอย่างมหาศาล นักการเมือง รัฐบาล มาเฟีย พวกค้ายาเสพติด จนพวกมันได้ชื่อว่าเลวชาติชั่วอย่างสมบูรณ์แบบ



แม้จะเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีอิทธิพลแต่คอลิโอเน่ก็เช่นเดียวกัน คอลิโอเน่เป็นแก๊งมาเฟียดั้งเดิมของอิตาลี รายได้หลักคือคาสิโน ผับ บาร์ และการค้าอาวุธ โดยมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บังหน้าเพื่อฟอกเงิน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะหารายได้จากการค้ายาเสพติดหรือการค้ามนุษย์ใดๆ มันเป็นหนึ่งในเรื่องต้องห้ามของแฟมิลี่ที่เขาได้รับสืบทอดมา ถึงแม้จะมีพวกตาแก่หัวโบราณบางคนคัดค้านและต้องการให้คอลิโอเน่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ก็ตามที แต่เขามั่นใจว่าเขายิ่งใหญ่ได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาของเหล่านั้นแม้แต่น้อย แค่คาสิโนก็มีสาขามากมายขยายไปทั่วโลกจนรายได้ของคอลิโอเน่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับในบทความเรื่อง The biggest organized crime groups in the world แล้ว



และเขาก็เกลียดพวกค้ามนุษย์เป็นทุนเดิม พวกคาโซ่กำเริบเสิบสานหวังวัดรอยเท้าของคอลิโอเน่ จนบางครั้งก็เล่นสกปรกต้องการส่วนแบ่งทางการตลาดของเขาอย่างหน้าด้านๆ ต่อหน้าก็ประจบประแจง ลับหลังก็ลอบกัดแว้งทำร้าย ที่สำคัญ พวกมันถึงขนาดลอบยิงเขาจนอาการสาหัส เกือบเพลี่ยงพล้ำให้กับพวกมันไปอย่างน่าเจ็บใจ เพราะฉะนั้นเรื่องที่คริสตินเทวดาตัวน้อยของเขาต้องการ เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือและลงมือจัดการให้ด้วยตัวเองแน่นอน



“ดอนครับ คริสตินไม่อยู่ที่ห้องครัวครับ แต่ผมทราบมาจากจาคอปว่าคริสตินอยู่ที่บ้านของมาร์คครับ” มือซ้ายของคอลิโอเน่เคาะประตูขออนุญาตและเดินเข้ามาเพื่อแจ้งข่าวให้ดราโก



“ตอนนี้?” ชายหนุ่มร่างสูงเลิกคิ้วมองคนที่เข้ามาแจ้งข่าว ก่อนที่ดวงตาคมดุคู่นั้นจะตวัดไปมองนาฬิกาไม้โบราณตรงผนังห้อง “สามทุ่มครึ่ง”



“ครับ คุณแองจี้บอกว่าคริสตินยังไม่มาทานข้าวเย็นเลยครับ”



“ดื้อ” ร่างสูงผุดลุกเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว คาลอสปาดเหงื่อบนหน้าเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของดอนเคร่งเครียดดูดุมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เขาที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท เลขา บอร์ดี้การ์ดกลับมองภาพดอนที่ก้าวเท้ายาวๆ และเดินไปทางบ้านของมาร์คโปรแกรมเมอร์หนุ่มอย่างนึกแปลกใจ



ดราโก คอลิโอเน่ มาเฟียที่มีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามกลับรีบเร่งไปหาเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่งด้วยความร้อนใจ เพราะเจ้าตัวเล็กของดอนแห่งคอลิโอเน่ยังไม่ยอมทานข้าวเย็น ไม่คิดเลยว่าผู้ชายเย็นชา ดุดัน คนหนึ่งเมื่อถูกอกถูกใจใครจะเป็นเอามากขนาดนี้





“วันนี้หนีมาเล่นที่นี่อีกแล้วนะเจ้าหนู” ผู้ชายร่างสูงหัวชี้ฟูพูดกับผมที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงมุมห้อง



“วันนี้ผมเรียนเสร็จแล้วครับ เป็นช่วงพัก” ผมตอบกลับมาร์คที่ขมวดคิ้วมุ่น “หรือคุณไม่ชอบที่ผมมารบกวนรึเปล่าครับ”



“ก็เปล่าหรอก แต่เธอมาทีไรฉันก็ไม่ได้ทำงานทำการซักที” เขาตอบและละสายตาจากภาพหน้าจอตรงหน้าเพื่อหันมามองผมที่นั่งพิงผนังอยู่ “อีกอย่างฉันกลัวว่าดอนจะมาฆ่าฉันน่ะซิ”



“เมื่อกี้คุณว่าอะไรรึเปล่าครับ” ผมหันไปถามมาร์คเมื่อประโยคสุดท้ายเขาพึมพำเสียงเบา ผมได้ยินคำว่าดอนๆ อะไรซักอย่าง แต่จับใจความไม่ได้ทั้งหมด เพราะตอนนี้สมาธิของผมกำลังจดจ่ออยู่กับภาษาซีมากมายตรงหน้าที่ชวนปวดหัวและสนุกสนานๆ ไปพร้อมกัน



“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ชายร่างสูงผอมหัวชี้ฟูส่ายหน้าปฏิเสธ เขาหันกลับไปทำงานอีกครั้งและปล่อยให้ผมนั่งอยู่่กับพื้นพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของผม ใช่ครับ ตอนนี้ผมสามารถใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองได้แล้ว แต่ต้องอยู่ในความดูแลของมาร์ค หรือพูดอีกอย่างคือจะใช้คอมพิวเตอร์ ต้องมาใช้ที่นี่เท่านั้น เพราะตอนนั้นผมได้เจรจากับดราโกเรื่องการบ้านของผมที่ต้องทำส่งให้อาจารย์ พอเขาจะซื้อคอมเครื่องเล็กๆ ไว้ให้ ผมก็ต้องปฏิเสธและขอใช้เครื่องของผมเองเพราะข้อมูลและรายงานของผมที่ทำเกือบเสร็จแล้วอยู่ในนี้ทั้งหมด



ถ้าพูดถึงเรื่องการบ้าน ผมมีงานต้องทำจริงๆ นะครับ ในตอนแรกดราโกจะให้ผมเรียนทางออนไลน์ไปก่อน หรือเป็นโฮมสคูล เพราะช่วงนี้ก็เข้าช่วงเปิดเทอมของเด็กเกรดสิบทั่วไปแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ยอมเพราะผมคิดว่าไม่จำเป็นในเมื่อหลักสูตรทั่วไปผมเรียนจบไปตั้งนานแล้ว และเนื้อหาพวกนั้นก็น่าเบื่อสำหรับผมมากเกินไป ผมเลยต้องบอกความจริงเขาบางส่วนว่าผมเองก็เรียนโฮมสคูลและมีการบ้านที่ทำค้างไว้ในคอมพิวเตอร์



ดึงดันและต่อรองกันอยู่ซักพักผมก็ได้มาใช้คอมพิวเตอร์ที่นี่ครับ แต่คอมของผมถูกเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการของมาร์คเอาไว้ ถ้ามีการใช้งานที่ผิดลักษณะ ยกตัวอย่างเช่น ผมเจาะระบบหรือทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง มาร์คจะรู้ในทันที ดราโกบอกว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผมทำอะไรที่จะก่อให้เกิดอันตราย เขาจึงต้องป้องกันเอาไว้ก่อน แต่สิ่งที่เขาทำนั่นคือการปิดหูปิดตาผม และไม่ให้ผมขยับตัวหรือทำอะไรได้มากเท่าที่ควร



แต่ถึงอย่างนั้นผมมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ ผมใช้เวลาวันละสองถึงสามชั่วโมงทุกวันเพื่อเข้ามาทำงานของผมที่นี่ ความจริงแล้วรายงานที่ผมทำส่งอาจารย์เสร็จเรียบร้อยตั้งนานแล้วครับ แต่เหตุผลที่มาที่นี่คือผมกำลังสร้างระบบปฏิบัติการของผมขึ้นมาใหม่อีกตัวหนึ่ง เพื่อใช้เป็นระบบลับในการเจาะข้อมูลของผม ถึงจะยุ่งยากไปบ้าง แต่เรื่องของผม ผมก็อยากจจะจัดการเอง ดราโก คอลิโอเน่กำลังทำให้ผมนิสัยเสีย เขากำลังบีบผมให้ผมจำเป็นต้องพึ่งเขาทุกอย่าง แต่ถึงแม้ผมจะเป็นเด็ก แต่ถ้าผมต้องพึ่งเขาทุกอย่าง แล้วผมจะมาที่อิตาลีทำไม



ระบบของผมที่สร้างขึ้นชื่อชิบะ 3.0 พัฒนาจากตัวแรกที่ก้าวกระโดดในเรื่องของการพลางตัวและหลอกสายตา ผมกำลังสร้างระบบใหม่ที่เหมือนระบบเดิมแต่ระบบตัวนี้จะไม่สามารถตรวจจับได้เมื่อผมปลดรหัสเข้าไปใช้งาน มันจะเหมือนกระจกอีกด้านที่สะท้อนแต่สิ่งที่ผมอยากจะให้เห็น เช่น ถ้าผมกำลังจะเจาะระบบอยู่แต่ไม่อยากให้พวกเขารู้ มันจะแสดงผลว่าผมกำลังนั่งเล่นเกมส์ พิมพ์รายงาน หรือแม้กระทั้งทำงานทั่วๆ ไป ซึ่งผมเขียนโค้ดเอาไว้เพื่อหลอกพวกเขาโดยเฉพาะ แม้จะยุ่งยากช่วงแรก แต่เพื่อไม่ให้วุ่นวาย ผมก็เลยต้องทำ ตอนนี้ผมเหลืออีกนิดเดียวระบบของผมก็จะสมบูรณ์แล้วครับ



“นี่เจ้าหนู มาลองกันซักตาไหม” มาร์คละสายตาจากจอ ยืดแขนบิดขี้เกียจและหมุนเก้าอี้มาชวนผมที่นั่งหลบมุมอยู่ อยากที่มาร์คบอกครับ ถ้าผมมาหาเขาทีไรเขาจะไม่ค่อยได้ทำงาน เพราะมาร์คมักจะชวนผมแข่งทุกครั้งที่มีโอกาส



“ถ้าคุณไม่กลัวแพ้ก็ได้ครับ” ผมถอนหายใจเล็กน้อยที่มาร์คเข้ามาขัดจังหวะ แต่เพื่อไม่ให้เขาสงสัย ผมจึงตอบตกลง สิ่งที่ผมกับมาร์คกำลังจะทำกันนั่นคือการแข่งแฮคระบบครับ ส่วนใหญ่แล้วในโลกของแฮคเกอร์มักจะมีการแข่งขันแบบนี้อยู่บ่อยๆ เป็นการจัดอันดับฝีมือของแฮคเกอร์ทั่วโลกที่กระหายอยากพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดตัวทุกคนอย่างเข้มข้น



“งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ ตอนนี้เพนตากอนเปิดให้แฮคเกอร์ทดลองแฮคระบบดู” มาร์คตาเป็นประกายเหมือนเด็กๆ ที่กำลังตื่นเต้นกับทุกอย่าง ผมก็เช่นกัน นานๆ ทีรัฐบาลจะเปิดให้คนทั่วไปลองแฮคระบบเพื่อหาจุดบกพร่องหรือช่องโหว่ดู ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทดสอบฝีมือ ผมกับมาร์คเปิดเข้าระบบของเพนตากอนพร้อมๆ กัน เขากับผมสบตากันเล็กน้อย ผมหักข้อนิ้วเพื่อคลายเมื่อยและเตรียมตัว



“สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!!!!” มาร์คเป็นคนนับถอยหลัง หลังจากนั้นดวงตาของผมก็มีแต่ภาษาซีวิ่งผ่าน นิ้วมือพิมพ์โค้ดมากมายและจมเข้าไปสู่โลกที่มีแต่ผมเท่านั้น





ร่างสูงใหญ่ของดราโกเดินลัดเลาะถนนเล็กๆ ที่คดเคี้ยวไปมาในป่าหลังบ้านของเขาอย่างชำนาญ แม้สองข้างทางจะมืดมิด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคเพราะคืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างจนพอมองเห็นทางได้อย่างง่ายดาย ดราโกและคาลอสเดินไปซักพักก็มาถึงบ้านไม้หลังเล็กของมาร์คที่ดราโกอนุญาตให้เจ้าตัวมีพื้นที่ส่วนตัวตามที่ชายร่างผอมหัวฟูเคยเอ่ยปากขอเอาไว้



ดอนแห่งคอลิโอเน่แสกนนิ้วและม่านตาเสร็จเรียบร้อยประตูก็ปลดล็อค เขาและคาลอสเปิดประตูเข้าไปยังภายในตัวบ้าน แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูเข้าไปเสียงสบถของเจ้าของบ้านหลังเล็กก็ดังลั่น



“บ้าเอ๊ย อีกนิดเดียว” มาร์คโวยวายเสียงดังโดยที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอ นิ้วมือยาวขึ้นข้อชัดเจนรัวนิ้วพิมพ์บนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว “เจ้าหนู!!!!! อย่าโกง!!!!”



“ผมเปล่านะครับ” เสียงราบเรียบของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวในบ้านเอ่ยขึ้นมา ดวงตาสีทองของดราโกหันไปมองทางต้นเสียงทันที ชายหนุ่มเห็นภาพเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงมุมห้อง หลังพิงผนังและเหยียดขามาด้านหน้า โดยที่ตักนั้นวางโน๊ตบุ๊คเอาไว้ เจ้าตัวก็เป็นเช่นเดียวกับมาร์คที่นั่งพิมพ์อะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว สายตาก็เพ่งมองแต่หน้าจอคอม พวกเขามีสมาธิมากจนไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่ามีใครบางคนเดินเข้ามา



“นายแกล้งฉัน ให้ตายซิ!!!” ชายผมฟูยังคงโวยวายไม่เลิก คาลอสขยับตัวมายืนอยู่ข้างผู้เป็นนายและมองสองคนที่หมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง



“คุณไม่พลิกแพลงเองนะครับ จะโทษผมไม่ได้หรอก” เด็กหนุ่มยังคงมุ่งมั่นก้มหน้าก้มตาพิมพ์ต่อไป “ผมไปชั้นที่สี่แล้วนะครับ ตอนนี้มีคนแซงคุณแล้วนะ”



“อ่า ให้ตายเหอะ ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก” มาร์คยกมือขยี้ศีรษะแรงๆ หนึ่งที จนผมที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยิ่งฟูฟ่องราวกับรังนก เขาก้มหน้าก้มตาพิมพ์ต่อไป ทั้งสองจมไปกับโลกของการแข่งขัน ปล่อยให้ดราโกและคาลอสยืนนิ่งสนิทอยู่ตรงประตู จนกระทั่งมาร์คปล่อยมือและทุบโต๊ะอย่างแรง “บ้าเอ๊ย แพ้จนได้”



มาร์คบ่นออกมาเสียงดัง โวยวายไม่หยุด แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน เขาลงมือกดแป้นพิมพ์สองสามครั้งภาพการแข่งขันทั้งหมดก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่สามเครื่อง จากตอนแรกที่มาร์คโวยวายเพราะแพ้ ก็กลับเป็นฝ่ายเอ่ยเชียร์ร้องตะโกนให้เด็กหนุ่มสู้ๆ แทน



“อย่างน้อยฉันก็ได้ที่สามละนะ อีกนิดเจ้าหนู ชนะเจ้านี่ให้ได้ อย่าไปยอมแพ้” มาร์คตะโกนเชียร์ โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าร่างเงาสูงใหญ่ของดอนแห่งคอลิโอเน่พาดทับปรากฏอยู่เบื้องหลัง พร้อมน้ำเสียงเย็นชา



“มาร์ค”



ร่างผอมสูงของมาร์คสะดุ้งเฮือกผงะถอยจนแทบตกเก้าอี้ ใบหน้าซูบผอมจนเห็นกระดูกอ้าปากเบิกตากว้างด้วยความตกใจ



“ดะ ดอน” เสียงสั่นเครือของโปรแกรมเมอร์หนุ่มแทบทำให้คาลอสกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ



“ทำอะไร” น้ำเสียงและดวงตาที่เย็นชาตวัดจ้องเขม็งไปยังใบหน้าแตกตื่นของมาร์คทันที



“แข่งแฮคอยู่ครับ” ชายหนุ่มที่ตกเป็นจำเลยรีบร้อนบอก พอเห็นสายตาที่ยังไม่พอใจ เขาก็รีบอธิบายต่อ “ตอนนี้ผมกับคริสตินกำลังแข่งแฮคระบบของเพนตากอนอยู่ เป็นการแข่งขันที่เปิดให้แฮคเกอร์ทั่วโลกได้ลงแข่งหาช่องว่างของระบบ ตอนนี้ผมแพ้ไปแล้วได้ที่สาม ตอนนี้เหลือสองคนสุดท้ายที่เจาะเข้าไปได้ถึงขั้นที่สี่ ใครเคลียร์ก่อนก็ชนะไปครับ”



“แล้ว...” ดราโกยังคงกดดันต่อไป มาร์คเหงื่อตกไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และไม่เข้าใจถึงความต้องการของดอนด้วย เพราะเขาก็ได้อธิบายไปหมดทุกอย่างแล้วนี่นา



“เออ ผะ ผม ผม”



“รู้ไหมว่ามันกี่โมงแล้ว” ดราโกถาม



“สามทุ่มห้าสิบครับ” มาร์คตอบหลังจากเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอ



“คริสตินนอนสี่ทุ่ม และเขายังไม่ได้ทานอาหารเย็น” ดอนแห่งคอลิโอเน่พูดจบประโยค ชายหนุ่มหัวฟูก็อ้าปากค้าง ดวงตาลึกโหลจากการอดนอนเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา หรือว่าที่มายืนทำหน้าโหดอยู่ตรงนี้เพราะต้องการพาเด็กน้อยไปเข้านอน เช่นเดียวกับคาลอสที่ยืนกลั้นขำอยู่ข้างหลังไปไกลนัก นับวันดราโกชักเหมือนผู้ปกครองของคริสตินเข้าไปทุกที



“อะ เออ อีกไม่นานก็น่าจะจะ จบแล้วครับ ไม่น่าจะเกินสิบห้านาที” มาร์คปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามไรผม แม้อากาศภายในห้องจะเย็นเพราะต้องคงอุณหภูมิให้คอมพิวเตอร์ที่แสนละเอียดอ่อนพวกนี้ แต่ตอนนี้เขาชักจะร้อนมากขึ้นทุกที



ร่างสูงของดราโกก้าวลงไปนั่งชันขาอยู่ข้างๆ เทวดาตัวน้อยที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อร่างสูงมาบดบังแสงไฟ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลจะได้ละสายตาออกจากหน้าจอเพื่อมองใครบางคนที่จงใจมานั่งอยู่ตรงหน้า คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเพราะเด็กหนุ่มไม่คิดว่าจะเป็นดราโกที่เข้ามา



“ครับ?”



“ถ้าเสร็จแล้ว เธอต้องรีบไปทานข้าว” ดราโกสั่งเสียงนิ่ง เขามองเด็กน้อยของเขาที่ยังคงขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะก้มมองที่หน้าจออีกครั้ง ดราโกเห็นเด็กน้อยพยักหน้าเข้าใจก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้าเดินไปหามาร์คที่ยืนเหงื่อตกอยู่ “อธิบาย”



คำพูดสั้นๆ ของดอนนั้นทำให้มาร์คงุนงง แต่พอเห็นดวงตาสีทองของชายหนุ่มร่างสูงจับจ้องไปยังหน้าจอของเขาก็เข้าใจ ชายผมฟูหยักหน้าและอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างร่าเริงอารมณ์ดี



“ตอนนี้ระบบของเพนตากอนมีทั้งหมดห้าชั้นครับ พวกเขากำลังอยู่ในชั้นที่สี่ อีกนิดเดียวก็หลุดไปชั้นที่ห้าแล้ว แต่กว่าจะเจาะแต่ละชั้นผ่านก็ต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัย หาช่องโหว่ของระบบและเจาะแทรกแซงไปให้ได้ แต่ละชั้นจะมีกลไกไม่เหมือนกัน และมีกับดักล่อหลอกซะจนปวดหัว แต่ถ้าหลุดไปได้ก็จะได้ชื่อว่าเป็นยอดแฮคเกอร์และได้รับเงินรางวัลจากทางรัฐบาลสหรัฐด้วยนะครับ แต่คนที่เจ้าหนูแข่งด้วยก็เก่งกาจเอาเรื่องเลยล่ะ เดี๋ยวรุกเดี๋ยวไล่ตามกัดกันไม่ลดละ”



“งั้นตอนนี้คริสตินก็นำซินะ” คาลอสสรุปใจความสำคัญออกมาสั้นๆ ชายหัวฟูพยักหน้าฉีกยิ้ม แต่เมื่อดวงตาหมีแพนด้าของเจ้าตัวหันไปมองทางหน้าจออีกที ดวงตาอดนอนนั้นก็เบิกกว้าง



“อ๊ะ เจ้าหนู แย่แล้ว เฮ้ย เจอกับดักแล้ว โอ๊ะ จบแล้วนี่นา” น้ำเสียงของมาร์คนั้นหลากอารมณ์จนเมื่อประโยคสุดท้ายจบมันก็เต็มไปด้วยความเสียดาย





ผมส่ายหน้าเล็กน้อยและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อีกนิดเดียวผมก็จะชนะแล้วแท้ๆ แต่เพราะความประมาทของผมเมื่อครู่ทำให้ผมเจอกับดักและพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ผมพับหน้าจอและลุกขึ้นยืนบิดตัวเล็กน้อยเพื่อคลายเมื่อย แต่อารมณ์ของผมก็ยังคงค้างคาและขุ่นมัว อีกนิดเดียวผมก็จะชนะแล้วแท้ๆ เฮ้อ



“เกิดอะไรขึ้น” ดราโกหันมาถามผมที่หิ้วคอมเดินมาใกล้ๆ พวกเขา



“ผมพลาดครับ ไม่นึกว่าจะซ่อนกับดักไว้ตรงคำสั่งชุดนั้นด้วย” น้ำเสียงผมเต็มไปด้วยความเสียดายที่ไม่อาจชนะได้ แต่ผมก็ยังรู้สึกสนุกที่ได้แข่งกับคนเก่งๆ แบบนี้นะครับ มันทำให้ผมรู้ถึงจุดบกพร่องของตัวเองได้เป็นอย่างดี



“เอาเถอะ ยังมีครั้งหน้า” มือหนาของดราโกยกขึ้นมาลูบศีรษะของผมเบาๆ คำพูดนิ่งๆ แต่มันก็เป็นประโยคปลอบใจทำให้ผมเอ่ยขอบคุณเขา “ไปเถอะ”



“ครับ” ผมเดินไปวางคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บไว้ที่เดิมและเอ่ยลามาร์คที่ยังยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น ผมขอบคุณเขาเล็กน้อยและเดินไปที่ประตูที่คาลอสยังยืนเปิดค้างให้ผมอยู่ ร่างสูงผอมของมาร์คก็เดินมาส่งผมถึงหน้าบ้านเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่จะไป ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็ยิ่งยืนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิมเพราะประโยคเดียวที่ได้ยินจากดอนแห่งคอลิโอเน่



“อย่าให้มีครั้งหน้าอีก” สั้นๆ และเรียบนิ่งตามแบบฉบับเจ้าตัว ผมหันไปมองพวกเขาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร ยกเว้นก็แต่เจ้าของดวงตาคมดุสีทองคู่นั้นที่ก้มตัวลงมากระซิบอยู่ข้างหูของผม



“ถ้าครั้งหน้าเธอดื้อไม่ยอมทานข้าวให้ตรงเวลา ฉันจะเป็นฝ่ายกินเธอแทน” น้ำเสียงกระซิบที่ดูชั่วร้ายทำให้ผมสงสัยมากกว่าเดิม จะกินผมไปเพื่ออะไรล่ะครับ ถ้าหิวมากนักก็บอกแองเจลิน่าให้ตักข้าวเพิ่มก็ได้นี่นา อาหารที่นี่ก็ไม่ขาดแคลน แต่ทำไมเขาถึงทำหน้าหิวขนาดนั้นนะ



“คุณก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเหรอครับ” ผมถามเขาด้วยความสงสัย



“ใช่ อยากกินจะแย่อยู่แล้ว” ผมเอียงศีรษะมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แค่หิวข้าวต้องทำท่าทางชั่วร้ายอดอยากขนาดนั้นเลยรึไงกัน



“งั้นก็ไปทานข้าวกันเถอะครับ” ผมบอกดราโกที่ยกยิ้มมุมปาก เห็นรอยยิ้มของเขาแล้วทำไมผมถึงหนาวเยือกขึ้นมาขนาดนี้กันนะ





.........................................................

สวัสดีค่ะ ^^ ไรต์กลับมาแล้วค่า ในบทนี้ไรต์แก้และลบบ่อยมากเพราะยังรู้สึกไม่ถูกใจเท่าไหร่ ไรต์ถือว่าเนื้อหาสำหรับตอนนี้เป็นการเปิดปมบางอย่างของหนูคริสตินให้นักอ่านทุกท่านทราบ ก็เลยค่อนข้างจะลังเลและแก้แล้วแก้อีกค่ะ

สำหรับข้อมูลที่ลุงพูดไว้ The biggest organized crime groups in the world เป็นบทวิเคราะห์ของ Christ Matthews ที่รวบรวมรายได้และความรวยของแก๊งมาเฟียทั้งหลายเอาไว้นะคะ ไรต์นำมาจากบทความของเขาค่ะ นักอ่านสามารถไปตามอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งนี้นะคะ น่าสนใจมากเลยทีเดียว https://thaipublica.org/2016/04/hesse-69/

และองค์กร UNTOC เป็นอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยองค์กรอาชญากรรม หรือ United Nations Convention Against Transnational Organized Crime (UNTOC) มีทั้งสิ้น 41 ข้อ มีประเทศภาคีทั้งหมด 145 ประเทศ สำหรับประเทศไทยได้ลงนามเป็นประเทศสมาชิกในอนุสัญญาดังกล่าว เมื่อ 13 ธันวาคม 2543 และมีผลบังคับใช้วันที่ 29 กันยายน 2546 ค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ที่ลิ้งนี้นะคะ https://www.l3nr.org/posts/257928

ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าค่า ^^




ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ดอนใจร้าย คอยแต่จะจับน้องกินตลอด

ออฟไลน์ PPYK287

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขำความพยายามยัดเยียดตัวเองให้เป็นผู้ปกครองน้องแบบจงใจ อีกนิดเดียวก็จะเป็นพ่อน้องแล้วนะคะคุณลุง 5555555
 เอ็นดูความน้องมากกก อยากบีบ :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
น้องใสเกินไปสำหรับตาลุงนี่ ลุงผู้มีความผู้ปกครองสูง โถๆๆๆ

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เอ็นดูน้องงงงงง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หลอกหาเรื่องกินเด็กนะดอน...นนนนน   :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
เรื่องแบบนี้น้องไร้เดียงสานะดราโก อย่าหลอกน้อง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเทวดา : บทที่ 11 ความจริง (03.07.18)
« ตอบ #79 เมื่อ: 03-07-2018 22:39:15 »





ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ขอบคุณสำหรับลิงก์บทความนะคะเราเข้าไปอ่านแล้วน่าสนใจมากทีเดียว ส่วนตอนนี้เหมือนหนูน้อยจะวางแผนทำอะไรอีกสินะ ก็ไม่รู้ว่าจะโดนดราโกจับไต๋ได้อีกรึเปล่าเพราะถ้าจับได้โดนทำโทษแน่ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

ออฟไลน์ sugardaddy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อย่าหลอกน้อง 555

ออฟไลน์ sugardaddy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อย่าหลอกน้อง 555

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จ้องจะกินเด็กน้อยตลอดนะดอน

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 12 บาดเจ็บ (08.07.18)
«ตอบ #85 เมื่อ08-07-2018 20:15:11 »

บทที่ 12 บาดเจ็บ


หลังจากที่ดราโกและคาลอสเดินมารับผมที่บ้านของมาร์ค ผมก็ใช้เวลาในการลัดเลาะผ่านป่าหลังบ้านของดราโกอยู่ซักพัก กว่าจะเดินกลับมาถึงบ้านใหญ่ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วครับ ตอนนี้ดวงตาของผมปรือลงเรื่อยๆ เพราะเลยเวลานอนตามปกติของผมแล้ว ปกติผมจะนอนเวลาสี่ทุ่มทุกวัน แต่เมื่อซักครู่เพราะความตื่นเต้น และสนุกจนลืมเวลา ทำให้ผมลืมกินข้าวและหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แต่พออะดรีนาลีนลดลงเป็นปกติความง่วงก็เข้าจู่โจมผมทันที มันเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายที่สั่งผมให้ปิดสวิตช์และหลับตาลง



เดินไปเดินมาจู่ๆ ภาพตรงหน้าก็พร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ ตาของผมหนักมากขึ้นทุกที ตอนนี้ผมอยากนอนมากเลยครับ ใช้สมองมากก็เลยเหนื่อยยิ่งทำให้ตอนนี้ผมง่วงนอนมากกว่าทุกครั้ง แต่ระหว่างที่ผมกำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น ผมก็รู้สึกถึงมือของใครบางคนที่จับข้อมือของผมและพาผมเดินไปช้าๆ ไม่เร่งรีบ พอจะเดินออกนอกเส้นทาง เจ้าของมือใหญ่ๆ ก็ดึงผมให้กลับทางเดิม ผมเลยวางใจตัดสินใจหลับตาลงและปล่อยให้เจ้าของมืออุ่นๆ นั้นพาผมกลับไปห้องนอนแทน



“จะให้ฉันอุ้มเธอไหม” น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มเจ้าของมือดังขึ้นอยู่ข้างๆ ผมส่งเสียงปฏิเสธในลำคอและส่ายศีรษะเล็กน้อย



“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ผมพูดทั้งๆ ที่ยังหลับตาสนิท โดยไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของดราโกที่ลอบมองมาเลยแม้แต่น้อย



หลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้เรื่องราวใดใดแล้วครับ เหมือนผมจะรู้สึกตัวเป็นบางครั้งแต่ภาพมันก็ตัดไปตัดมาจนผมเลิกที่จะสนใจ รู้แค่ว่าจู่ๆ ตัวผมก็เบาหวิวและรับรู้ถึงอ้อมแขนของเขาที่ช้อนตัวผมขึ้นมาเท่านั้นเอง ผมขยับตัวยุกยิกจัดท่าทางเล็กน้อย และต่อจากนั้นผมก็หลับลึกลงไปในทันที มีบ้างที่ผมรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากการหัวเราะในลำคอของเขา และสัมผัสอุ่นร้อนที่ทาบทับลงบนหน้าผากและริมฝีปากของผมเท่านั้น



“ฝันดีครับ” ผมงึมงำคล้ายละเมอออกมา



“ผันดี เทวดาตัวน้อยของฉัน” เสียงทุ้มของเขากระซิบดังขึ้นในห้วงความฝันของผมอย่างแผ่วเบา







ร่างสูงใหญ่ของดอนแห่งคอลิโอเน่ตัดสินใจอุ้มคริสตินขึ้นมาแนบอก เมื่อเจ้าตัวลืมตาแทบไม่ขึ้นและเสี่ยงจะเดินชนต้นไม้ข้างทางเป็นรอบที่สิบ น้ำหนักตัวเบาหวิวไม่ได้ส่งผลใดใดให้กับชายหนุ่มที่ออกกำลังกายเป็นประจำเช่นเขาเลยแม้แต่น้อย เด็กน้อยขยับตัวยุกยิกเพื่อหาท่านอนที่สบายอยู่ชั่วครู่ ท่าทางของคริสตินนั้นมันทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ คริสตินอายุสิบห้าแล้ว แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นตัวเลขที่ห่างกับอายุของเขามากถึงยี่สิบเอ็ดปี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะปล่อยมือจากเด็กน้อยของเขาแน่นอน



“ดอนเหมือนพ่อเลยนะครับ หึ” น้ำเสียงกวนประสาทดังทุ้มขึ้นมาจากทางด้านหลัง



“หึ” เขาแค่แค่นหัวเราะ แต่ไม่คิดจะตอบอะไรกลับไป “แปลกรึไง”



“ก็ไม่คิดว่าดอนจะเป็นเอามากขนาดนี้ ถ้าแค่ช่วยชีวิตก็ตอบแทนเป็นเงินกลับไปก็ได้แล้วแท้ๆ แต่นี่ดอนถึงกลับเอาตัวมาไว้ข้างๆ คอยปกป้องดูแลและถึงกับคิดกำจัดพวกคาโซ่เพื่อเด็กคนหนึ่ง คิดว่าไม่แปลกรึไงครับ” ดวงตาคมกริบที่ถูกแว่นกรอบสี่เหลี่ยมบดบังไว้วาววับและคาดหวังที่จะรอฟังคำตอบจากดอนแห่งคอลิโอเน่



“ก็แปลก” ดราโกยอมรับอย่างง่ายๆ เขารู้อยู่แล้วว่าตั้งแต่ได้เจอกับเทวดาตัวน้อยของเขา เขาก็แปลกไป ขนาดเรื่องที่พวกเขาต้องมารักษาตัวที่เซฟเฮ้าส์แห่งนี้ก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นเอง ลักพาตัวคริสตินมาอยู่กลางป่าเพื่อที่จะจับตามอง แต่พอรู้ว่าเด็กน้อยของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการลอบยิง พอคิดจะปล่อยไปก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเขาเริ่มสนใจในตัวตนของเด็กน้อยมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาชักจะออกอาการหวงทุกคนที่คิดจะมาเข้าใกล้เด็กหนุ่ม



รู้ตัวอีกทีสายตาของเขามันก็แค่จะคอยมองตามร่างเล็กๆ ที่ชอบนั่งเงียบๆ อยู่ตรงมุมห้องอยู่เรื่อยไป รู้แต่ว่าเด็กคนนี้พิเศษ และเขาไม่คิดจะปล่อยไปอย่างง่ายดายแน่นอน



“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะทุ้มอยู่ในลำคอ นั่นซินะ เขาเป็นเอามากเลยทีเดียว อายุก็ปาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ดันมาสนใจเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยด้วยซ้ำ



คาลอสมองตามหลังของดอนแห่งคอลิโอเน่ไปเรื่อยๆ ในฐานะเลขา เพื่อนสนิท และเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เขารู้สึกว่าชีวิตของดราโกมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิมเลยทีเดียว เห็นอาการของผู้เป็นนายแปลกไปจากปกติอย่างนี้มันก็น่าสนใจ รู้สึกว่าผู้ชายที่เย็นชา และดุดัน ไม่สนโลกคนนั้น เมื่อต้องมาดูแลเด็กคนหนึ่งก็ดูอ่อนโยนมากขึ้นทีเดียว คิดดูซิ แค่เด็กมันง่วง ก็ทำท่าห่วงจะเป็นจะตาย แค่ไม่กินข้าวและเลยเวลานอน ก็ร้อนใจจนต้องมาดูด้วยตัวเอง ไม่ใช่พ่อแล้วจะเป็นอะไรอีกล่ะ หึ



ใช้เวลาเพียงไม่นานดราโกก็อุ้มคริสตินที่หลับสนิทมาจนถึงห้องนอน ใจจริงชายหนุ่มอยากจะปลุกให้เทวดาน้อยของเขาลุกขึ้นมาทานข้าวและอาบน้ำให้เรียบร้อยซะก่อน แต่ดูท่าทางแล้วคริสตินคงไม่อยากจะทำอะไรแล้วแน่นอน เจ้าตัวเล่นหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราวใดใดเลยซักนิด ขนาดเขาจับเปลี่ยนเสื้อผ้า พามานอนที่เตียงและห่มผ้าให้ เด็กน้อยก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา



เขาเห็นท่าทางของคริสตินแล้วก็อดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปจุมพิตตรงหน้าผากมน และปิดท้ายที่ริมฝีปากแดงเรื่อนุ่มๆ นั้นหลายที จนคริสตินงัวเงียลืมตากลมโตสะลึมสะลือคู่นั้นขึ้นมา ร่างสูงชะงักกึกทันทีเพราะคิดว่าเขาไปรบกวนเด็กน้อยจนตื่น แต่เขาก็คิดผิด



“ฝันดีครับ” คริสตินเอ่ยราตรีสวัสดิ์กับดราโกเบาๆ และหลับลึกลงไปในห้วงของความฝัน ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มนั้นน่าเอ็นดูจนรอยยิ้มบางเบาถูกจุดขึ้นอยู่บนริมฝีปากของชายหนุ่ม



“ผันดี เทวดาตัวน้อยของฉัน” ดราโกเอ่ยตอบ ไม่รู้ว่าคริสตินจะได้ยินหรือไม่ แต่เขาก็รู้สึกอุ่นวาบอยู่ในอก กับแค่การบอกฝันดีเล็กๆ น้อยๆ ของเขาและเด็กหนุ่มเท่านั้น ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ









เช้าวันใหม่ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวผมนั้นนอนอยู่ในอ้อมแขนของดราโก แขนแกร่งของเขานั้นกำลังโอบเอวรั้งแผ่นหลังของผมให้มาแนบชิดกับร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขา ผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่ตกกระทบกับผิวของผม มันรู้สึกแปลกๆ และอบอุ่นอย่างน่าประหลาด หัวใจผมกระตุกหนึ่งทีจนผมอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลของผมงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะตอนนี้ความสนใจของผมกลับเป็นดวงตาสีทองคู่หนึ่งที่ดึงดูดให้ผมไม่สามารถละสายตาไปได้



“อรุณสวัสดิ์ครับดราโก” ผมทักทายเขาตามปกติ ซึ่งชายหนุ่มร่างสูงก็ทักทายผมตอบ แต่ไม่ใช่ด้วยคำพูดนะครับ แต่เป็นการกระทำที่อุกอาจและคุกคามทางเพศแต่เช้า แต่โชคดีที่ผมยกมือขึ้นมาปิดปากได้ทัน ริมฝีปากของเขาเลยได้แต่ประทับอยู่ตรงหลังมือของผมเท่านั้น คิ้วเข้มของดราโกขมวดมุ่นอย่างขัดใจ แต่ผมกลับยกคิ้วส่งกลับไปให้เขาแทน



“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของชายหนุ่มดังขึ้นทันที อ้อมแขนแกร่งที่ยิ่งกว่าคีบเหล็กยอมปล่อยร่างของผมแต่โดยดี



“ผมลุกก่อนนะครับ” เมื่อร่างของผมเป็นอิสระ ผมก็ถือโอกาสไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ใช้เวลาเพียงไม่นานผมก็เดินออกมา สวนทางกับร่างสูงใหญ่ของดราโกที่จะเดินเข้าไปจัดการธุระต่อจากผม แต่ก่อนที่เขาจะเดินผ่านไป มือใหญ่ของชายหนุ่มก็รั้งต้นแขนของผมเอาไว้ ผมเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย



“รอฉันก่อนนะ มีเรื่องอยากจะคุยด้วย” เสียงทุ้มของดราโกเอ่ยบอกผม ผมได้แต่พยักหน้ารับและเดินไปนั่งรออยู่ตรงโซฟาเล็กใกล้ๆ หน้าต่าง ระหว่างที่รอดราโกอาบน้ำ ผมก็พยายามนึกว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เขาดูกังวล แม้ใบหน้าของเขาจะดูเรียบนิ่งตามปกติ แต่ผมก็เห็นแววตาของเขาวูบไหวเล็กน้อยคล้ายคนมีเรื่องในใจ



แต่เพราะผมไม่ใช่คนที่อ่านใจใครได้ ยิ่งกับผู้ชายที่อ่านยากอย่างดราโกแล้วด้วยล่ะก็ ผมจึงไม่กล้าคิดหรือคาดเดาไปล่วงหน้า ตั้งแต่ผมใช้เวลาร่วมกันกับเขามา เขาเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง เจ้าแผนการ และมีเล่ห์เหลี่ยมค่อนข้างมาก การที่ผมมักตกหลุมพลางเขาบ่อยๆ มันก็ช่วยไม่ได้นะครับ เพราะเขามีประสบการณ์เยอะกว่าผมมากทีเดียว ผมละความสนใจจากความคิดยุ่งเหยิงภายในความคิดของผม เพราะการที่ผมจะคิดไปล่วงหน้านั้นก็เหนื่อยการเปล่า รอฟังเขาและค่อยแก้ไขไปทีละอย่างน่าจะดีกว่า



พอผมปล่อยความกังวลและความสงสัยภายในใจออกไป ผมก็คิดจะดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าที่อยู่ภายนอกหน้าต่าง จึงเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เก้าอี้ของผม จนลมเย็นๆ จากภายนอกพัดโชยเข้ามาปะทะเข้ากับใบหน้า ทั้งสายลมและกลิ่นดอกไม้ในยามเช้าทำให้ผมปลอดโปร่ง ผมจึงให้ความสนใจกับพระอาทิตย์ยามเช้าและอากาศสดชื่นจากภายนอกหน้าต่างแทน แต่ผมกลับดื่มด่ำอากาศบริสุทธิ์ได้ไม่นาน เพราะดวงตาของผมสังเกตเห็นบางสิ่ง แสงสะท้อนเป็นประกายนั้นเหมือนกับกระจกที่สะท้อนกับแสงแดด มันส่องอยู่อีกฟากหนึ่งของป่า เลยจากเขตรั้วของบ้านดราโกไป แม้จะเป็นเแสงจุดเล็กๆ แต่มันกลับสะท้อนเข้ากับดวงตาของผมพอดี สัญชาตญาณในตัวร่ำร้องเตือนภัยบางอย่าง



เสี้ยวความคิดในวินาทีนั้นผมทิ้งร่างลงไปตามแรงโน้มถ่วงทันทีอย่างไม่รอช้า แต่มันกลับช้าไปในเมื่อกระสุนนั้นเดินทางด้วยความเร็วห้าวินาทีจากระยะสองพันกว่าเมตร



ฟุบ



“อึก” ผมกัดฟันแน่นเมื่อในความโชคร้ายของผมยังเหลือความโชคดีอยู่เล็กน้อยตรงที่กระสุนนั้นไม่ได้เจาะเข้าไปในส่วนใดส่วนนึงของร่างกายผม แต่กลับเฉี่ยวแขนผมไป แต่ลูกกระสุนที่ยิงด้วยความแรงของมันกลับทำให้บาดแผลที่ต้นแขนของผมเจ็บปวดราวกลับจะเผาไหม้



ปัง



หลังจากกระสุนเดินทางมาในระยะเวลาห้าวินาที เสียงถึงจะตามมาทีหลังในระยะห่างนั้น แต่มันก็เสียงแผ่วเบาจนดราโกที่ยังอยู่ในห้องน้ำไม่ได้ยิน ผมหอบหายใจอย่างหนักเพราะกระสุนของสไนเปอร์นั้นจะมีอนุภาพรุนแรงมากกว่าปืนทั่วไปในท้องตลาด ผมยกมือข้างที่ไม่บาดเจ็บกุมแผลไว้แน่น แต่เลือดสีแดงฉานกลับไหลอาบแขน ล้นทะลักจนกลิ่นคาวคละคลุ้ง



ผมกำลังจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ความคิดบางอย่างก็ผุดวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมกัดฟันฉีกชายเสื้อเป็นริ้วยาวเพื่อมาห้ามเลือดอย่างลวกๆ และหมอบคลานไปที่เตียงนอน สไนเปอร์คนนั้นยิงมาในระยะห่างถึงสองพันกว่าเมตร แม้จะสามารถยิงถูกเป้าหมาย แต่ระยะไม่อาจมองเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจะต้องรู้ว่ามีแค่ผมที่อยู่ภายในห้องนอนเพียงคนเดียว



ผมตัดสินใจหยิบหมอนข้างขึ้นมาและกัดฟันข่มความเจ็บถอดเสื้อของผมออก และจัดการนำมาสวมลงไปที่หมอนข้างเพื่อใช้พลางตาคร่าวๆ แสร้งขยับหมอนข้างทำเป็นลอบๆ มองๆ ตรงหน้าต่าง และทันใดนั้นเอง หมอนข้างสีเทาดำก็ถูกแรงกระสุนกระทบจนหล่นตุบ คงเหมือนอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ ในห้องนี้ถูกติดเครื่องดักฟังไว้ครับ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นภาพที่เกิดขึ้นภายในห้อง จากระยะที่ส่องกล้องขนาดนั้นคงเห็นแค่เงาคนวูบไหว พร้อมกับสีเสื้อคร่าวๆ เท่านั้น



“ฮึก โอ๊ย เจ็บ ฮือ ผมจะ เจ็บ เจ็บจังเลย ดะ ดราโก ชะ ช่วย ผม ดะ ดราโก” ในเมื่อได้ยินแต่เสียง ผมก็เลยร้องครางออกมาเหมือนในหนังที่พ่อเคยเปิดให้ผมดู ฉากที่คนร้ายถูกยิงและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ผมที่นั่งชันขายกมือกุมต้นแขนโดยหลังพิงผนังอยู่นั้น ได้เปลี่ยนท่าเป็นเหยียดขาและใช้ขาของผมเสียดสีไปมากับพื้นพรมเพื่อให้เหมือนผมกำลังคลานกับพื้น จากนั้นก็คว้าโคมไฟข้างเตียงขว้างลงพื้นไปเต็มแรงเพื่อแสดงให้สมจริงมากขึ้น



เพราะเสียงโครมครามและเสียงร้องเจ็บปวดของผมทำให้ดราโกเปิดห้องน้ำมาอย่างร้อนใจ ดวงตาสีทองของเขาเบิกกว้างสั่นไหวเมื่อเห็นต้นแขนอาบเลือดของผม แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะพุ่งตัวมาหาผม ผมก็ใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก เป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้เขาเงียบๆ อย่าพึ่งวู่วาม และชี้ไปที่หมอนข้างของผมที่ยังมีรูปโบ๋สีดำปรากฏอยู่ ผมแสร้งร้องออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้ชายหนุ่มก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่



“ฮือ ผมเจ็บ ดรา ดะ ดราโกครับ ช่วยผมที” ผมยังคงแสดงต่อไป เสียงร้องของผมสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมก็รู้นะครับว่าถึงผมกำลังร้องออกมาได้สมจริงแค่ไหน แต่ใบหน้าและดวงตาของผมก็ยังคงเรียบนิ่งเฉยชา อ๊ะ ผมเห็นนะ ว่าดราโกแอบหลุดหัวเราะมานิดหนึ่งด้วยครับ ผมขึงตาดุๆ ส่งไปให้เขาว่าอย่าหัวเราะผมนะหนึ่งที และคิดจะปิดการแสดงนี่ก่อนที่ผมจะเลือดไหลจนหมดตัวจริงๆ



“ดะ ดราโก!!!! ช่วย ช่วยผมด้วย!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มอีกคนดังลั่นเท่าที่ผมจะทำได้ และดอนแห่งคอลิโอเน่ก็รับมุขผมอย่างดีด้วยการกระทืบเท้าเดินตึงตัง และร้องโวยวายเสียงดังเช่นกัน



“ไม่!!!!!! คริสติน อดทนไว้ เธออย่าพึ่งเป็นอะไร” เสียงทุ้มของดราโกดังลั่นโหยหวนคล้ายเจ็บปวด ผมว่าเขาเล่นใหญ่กว่าผมอีกนะครับ แต่ดวงตาของเขากลับวาวโรจน์คุกกรุ่นและน่ากลัว เสียงร้องตะโกนของดราโกยังดังต่อไปและเสียงร้องไห้ของผมก็ยังคงสอดประสานเป็นอย่างดี เพียงแต่มือใหญ่ของชายหนุ่มร่างสูงเขียนไปที่พื้น ผมอ่านได้ว่า



ตายไหม?



ผมพยักหน้าทันที ในเมื่อมือปืนคนนั้นต้องการให้ผมตาย ผมก็ต้องสนองเจตนารมณ์ของเขากลับคืนไปให้เท่าเทียม? พอผมตอบตกลงว่าจะแกล้งตาย ดราโกก็ควรได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์นะครับ เพราะเขาแสดงได้สมจริงมากๆ ถ้าผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าดราโกคือดอนของคอลิโอเน่ มาฟียผู้น่าเกรงขามและโหดร้าย ผมก็คิดว่าเขาคือนักแสดงคนหนึ่งบนเส้นทางฮอลีวู้ด



ใบหน้าหล่อเหลาดุดันของดราโกเรียบนิ่งแต่ร้องโวยวายเรียกหาคาลอส จาคอปให้ไปตามหมอมาช่วยผมอย่างรวดเร็ว บอกให้ผมแข็งใจไว้นู้นนี่นั่นมากมาย ผมชี้มือไปทางหน้าต่าง กระซิบเบาๆ ว่าสไนเปอร์ ระหว่างนั้นเขาก็เปิดมือถือกดข้อความส่งไปให้ใครบางคนอย่างรวดเร็ว ผมเห็นคร่าวๆ ว่าเขาพิมพ์ว่า สไนเปอร์ ห้องนอน นอกรั้ว เท่านั้น หลังจากนั้นผมก็คิดว่าควรจบการแสดงฉากนี้ได้แล้วเพราะตอนนี้สายตาผมเริ่มพร่ามัวมากขึ้นและความเจ็บก็จู่โจมมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องขบริมฝีปากเพื่ออดทน



“ดะ ดราโกครับ ผม คงไม่ไหวแล้ว” เสียงของผมสั่นพร่าและขาดห้วง ครั้งนี้ไม่ใช่การแสดงนะครับ แต่ผมเจ็บของจริงแล้วล่ะ



“ไม่!!!! คริสติน เธอต้องไม่เป็นอะไร ทนอีกนิด ขอร้องล่ะ ทนอีกนิด” น้ำเสียงทุ้มของดราโกเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากจริงๆ



“กะ ก่อนผมจะไป ฝัง ฝัง ผมไว้ใต้ต้นไม้ต้นนั้น ต้น ที่ ใหญ่ ที่สุดที่บ้าน ของผม ที่ คอทส์โวลส์” ผมบอกความต้องการของตัวผมไป “ฝะ ฝัง คอมพิวเตอร์ ของ ของผมด้วยนะครับ”



ดราโกที่กำลังจะต่อบทสนทนาของผมชะงักกึกไปทันทีเมื่อได้ยินความต้องการของผมที่อยากให้เขาฝังผมพร้อมกับคอมพิวเตอร์เครื่องโปรด ดวงตาดุดันที่วาวโรจน์เมื่อครู่กลับเจือแววขำขึ้นมาบางเบา พร้อมกับรอยยิ้มตรงมุมปากที่สั่นระริกจากการกลั้นหัวเราะของเขา



“ไม่ คริส ที่รัก เด็กน้อยของฉัน ได้โปรด ที่รัก อย่าทิ้งฉันไป อย่า ไม่นะ!!!!!!!” และประโยคของดราโกก็เป็นประโยคสุดท้ายในการแสดงละครในวันนี้ ถึงแม้ผมจะแปลกใจกับคำเรียกว่าที่รักของเขาก็ตาม แต่ก็ช่างเถอะครับ เขาคงกำลังอินกับการแสดงมากเกินไป







หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ทั้งผมและดราโกสบตากันเล็กน้อย ไม่รู้ว่าสไนเปอร์คนนั้นจะได้ยินและเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน แต่พวกผมก็ทวงเวลาเท่าที่จะทำได้แล้ว ไม่รู้ว่าทางฝั่งคาลอสและจาคอปจะสามารถจับตัวสไนเปอร์คนนั้นได้ก่อนที่เขาจะหนีไปหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะครับ โดยเฉพาะใครบางคนที่มาแหย่ให้ผู้ชายคนนี้โกรธ ผมลอบสังเกตดราโกอยู่เงียบๆ และรู้ได้ในทันทีเลยว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลผมมากเท่าไหร่นักกำลังโกรธ โกรธมากขนาดที่ว่าผมรู้สึกตัวสั่นเพราะความกลัว แววตาของดราโกเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวที่รอการปะทุ ใบหน้าของเขาแข็งกระด้างเย็นชาและพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ หลังจากนี้คอลิโอเน่คงทำทุกอย่างเพื่อกวาดล้างพวกเขา โดยเฉพาะคนที่ทรยศหักหลังผู้ชายคนนี้



ร่างกายของผมโอนเอนจากการเสียเลือด ยังดีที่ร่างสูงของชายหนุ่มพุ่งเข้ามารับร่างของผมได้ทันท่วงทีก่อนที่ตัวของผมจะฟุบลงไปกับพื้น เขาไม่รอช้ารีบอุ้มผมขึ้นมาโดยเลี่ยงที่จะเดินเข้าไปใกล้กับหน้าต่าง แม้เขาจะอุ้มผมอยู่แต่ฝีเท้าของเขากลับเงียบกริบ แม้แต่ตอนเปิดประตูออกไปข้างนอกก็ยังแผ่วเบา พอพ้นจากห้องนอน ดราโกก็รีบวิ่งไปยังห้องพยาบาลที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตัวบ้านทันที



แม้ระหว่างทางจะผ่านทั้งแม่บ้าน บอร์ดี้การ์ดมากมายที่ทำหน้าตาแตกตื่นเพราะเห็นดราโกอุ้มผมที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดมากมาย ผมก็ยังไม่ลืมบทบาทที่ต้องแสดงนั่นคือการแกล้งตาย เพราะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นหนอนแฝงตัวเข้ามา ไม่รู้ว่าใครทรยศ ไม่รู้ว่าใครหักหลัง หรือมีใครบ้างที่ไว้วางใจได้ ผมจึงต้องแกล้งแสดงต่อไปด้วยการปิดตาแกล้งตายเพื่อให้ฝ่ายนั้นเชื่อว่าผมได้จากไปแล้วจริงๆ



ด้วยความเร่งรีบของดราโก ทำให้ชายหนุ่มพาผมมาถึงห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว ร่างสูงที่โผล่พรวดพราดเข้าไปทำให้คุณหมอหนุ่มท่านหนึ่งถึงกับตกใจจนเสียขวัญ ดราโกอุ้มผมไปวางไว้บนเตียงพยาบาลและเดินไปปิดผ้าม่านหน้าต่างทุกผืนจนห้องพยาบาลที่สว่างดูอบอุ่นเมื่อครู่กลายเป็นมืดทึบ



“เร็ว!!!!” ดราโกหมุนตัวกลับมาพร้อมตวาดหมอหนุ่มที่ยังคงงุงงนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอหมอคนนั้นเห็นหน้าของดอนแห่งคอลิโอเน่ชัดๆ คุณหมอตัวสูงที่มีเรือนผมสีทองถึงกลับตะโกนด้วยความตกใจ



“เฮ้ยยยยย นาย!!!!” เสียงร้องนั้นคุ้นหูผมมากเลยทีเดียว ผมพยายามฝืนลืมตาเพื่อหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงคุ้นหูนั้น แต่ผมก็เห็นเพียงแต่แผ่นหลังกว้างของดราโกที่บดบังร่างของหมอหนุ่มคนนั้นจนมิด “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”



เสียงร้องของคุณหมอยังคงงุนงงและถามดราโกกลับมา แต่ชายหนุ่มร่างสูงก็ไม่สนใจ



“หุบปาก!!! รักษาเขาเดี๋ยวนี้” เสียงทุ้มตวาดกลับด้วยความร้อนใจพร้อมกับกระชากคอเสื้อของหมอคนนั้นเหวี่ยงมาที่เตียงพยาบาลเพื่อให้มารักษาผม แม้ผมจะสงสัยว่าทำไมคุณหมอถึงต้องตกใจขนาดนั้น อยากจะลืมตาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เปลือกตาของผมมันก็หนักมากเกินไป ผมจึงได้แต่นอนกัดฟันทนความเจ็บที่แผดเผาเอาไว้อย่างสงบ ตัดประสาทการรับรู้ใดใดก็ตามที่จะก่อกวนให้ผมยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม



สติการรับรู้ของผมเริ่มพร่าเลือนมากขึ้น ความมืดมิดเริ่มกลืนกินจนทำให้ผมเริ่มหมดสติ แต่ในเสี้ยวสุดท้ายก่อนที่การรับรู้ของผมจะดับมืดไป ผมกลับได้ยินเสียงเรียกชื่อของผมที่คุ้นเคยและชวนหงุดหงิดนั้นดังลั่น



“คิดตี้!!!!!!”



..........................................................................

เขากลับมาแล้วค่าาาา ผู้ชายเพียงคนเดียวในเรื่องที่เรียกชื่อหนูคริสได้น่ารักมุ้งมิ้งขนาดนี้ 5555 ยังมีใครจำชื่อกันได้ไหมคะ หายไปนานมากกกกก นานจนไรท์ก็ลืมไปแล้ว 555 บทนี้เราจะได้เห็นมุมหนึ่งของทั้งลุงและหนูคริสนะคะ นั่นคือ การแสดงหน้าตาย นั่นเองงงงง ลองนึกภาพกันดูนะคะ หนูคริสน่ะไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรมากมาย ยิ้มก็ไม่ยิ้ม ชอบทำอยู่หน้าเดียว แต่ก็พยายามแสดงละครให้เหมือนที่สุด ส่วนลุงก็ยอมตามน้ำไปกับเด็กซะงั้น ทั้งๆที่ตัวเองก็หน้าตาเหี้ยมๆแสนเจ้าเล่ห์เหลือเกิน ถ้าไรท์ไปอยู่ในห้องด้วยก็คงจะหัวเราะออกมาแน่ๆเลยค่ะ 555



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 12 บาดเจ็บ (08.07.18)
«ตอบ #86 เมื่อ08-07-2018 21:59:17 »

จะมีหึงโหดไหม..รอ..อออออออออ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 12 บาดเจ็บ (08.07.18)
«ตอบ #87 เมื่อ08-07-2018 22:37:33 »

ท่านดอนมีคู่แข่งเป็นคุณหมอแล้วตอนนี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: กรงเทวดา : บทที่ 12 บาดเจ็บ (08.07.18)
«ตอบ #88 เมื่อ09-07-2018 03:03:57 »

 :pig4:

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 12 บาดเจ็บ (08.07.18)
«ตอบ #89 เมื่อ09-07-2018 10:41:30 »

หมอจอร์น นี่เอง :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด