กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรงเทวดา : บทที่ 26 เริ่ม (2) (10.12.18)  (อ่าน 35884 ครั้ง)

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




***************************************


กรงเทวดา
[/size]


   ผมไม่คิดว่าการเดินทางครั้งนั้นของผมจะเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย ไม่เคยคิดซักนิดว่าความใจดีของผมจะนำพาหายนะที่ชื่อว่าซาตานตามมารังควาน ไม่คิดซักนิดว่าสองมือเปื้อนเลือดของผมที่พยายามยื้อชีวิตเขาคนนั้นทุกวิธีทางมันจะไร้ความหมาย ไร้ซึ่งความเห็นใจ ไร้ซึ่งความปราณี มีเพียงกรงของเขาที่พร้อมจะกักขังผมไว้อยู่ทุกเวลา แต่...ผมไม่ใช่นกในกรง แค่กรงเล็กๆนั้นคงไม่สามารถขังผมเอาไว้ได้


   “ถ้าคุณมีความสามารถเพียงพอ ก็ขังผมไว้ให้ได้ซิ”


   “กรงเล็กๆนั้นก็แค่ของประดับ แต่กรงที่จะขังเธอไว้ คือตัวฉันเอง”

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2018 20:01:06 โดย llinllin »

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา (บทนำ)
«ตอบ #1 เมื่อ03-06-2018 17:20:53 »


บทนำ
[/size][/b]



   ผมไม่คิดว่าการเดินทางครั้งนั้นของผมจะเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย ไม่เคยคิดซักนิดว่าความใจดีของผมจะนำพาหายนะที่ชื่อว่าซาตานตามมารังควาน ไม่คิดซักนิดว่าสองมือเปื้อนเลือดของผมที่พยายามยื้อชีวิตเขาคนนั้นทุกวิธีทางมันจะไร้ความหมาย ไร้ซึ่งความเห็นใจ ไร้ซึ่งความปราณี มีเพียงกรงของเขาที่พร้อมจะกักขังผมไว้อยู่ทุกเวลา แต่...ผมไม่ใช่นกในกรง แค่กรงเล็กๆนั้นคงไม่สามารถขังผมเอาไว้ได้


   “ถ้าคุณมีความสามารถเพียงพอ ก็ขังผมไว้ให้ได้ซิ”


   “กรงเล็กๆนั้นก็แค่ของประดับ แต่กรงที่จะขังเธอไว้ คือตัวฉันเอง”



   โรม, อิตาลี 2015


   ใจกลางกรุงโรมที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนในยามค่ำคืน มีเพียงร่างเงาของผู้คนมากหน้าหลายตาต่างก้มหน้าก้มตารีบร้อนเดินทางกลับที่พักของตนอย่างเร่งรีบ อากาศหนาวเย็นที่พัดกรูเข้ามานั้นทำให้ผู้คนต่างสั่นสะท้าน เกร็ดหิมะขมุกขมัวเริ่มโปรยปรายทับถมกองหิมะเก่าให้เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางผู้คนที่กำลังเร่งรีบ ผมค่อยๆเดินทอดน่องช้าๆอยู่ข้างริมทางเดิน ปล่อยให้ผู้คนเหล่านั้นเดินผ่านตัวผมไปด้วยสายตาเอื่อยเฉื่อย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราถึงต้องเร่งรีบกันนัก รีบใช้ชีวิต รีบเดินทาง รีบทุกสิ่งทุกอย่างจนวันๆหนึ่งชีวิตขาดความสงบสุขไปมากมาย หรือแม้กระทั่งรีบจนลืมสังเกตสิ่งรอบๆตัวกันจนหมด ภาพความวุ่นวายเหล่านั้นทำให้ผมย่นหัวคิ้ว วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ต่างๆด้วยความเคยชิน


   อ๊ะ ไม่สิ ผมควรเลิกใช้วิธีคิดแบบนั้นได้แล้ว ตอนนี้ผมเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ควรใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และอยู่อย่างสงบสุขไปวันๆ จนกว่าผมจะเข้าใจคำว่าชีวิต พ่อของผมได้บอกกับผมว่า ลองไปใช้ชีวิตซะ ถ้าเข้าใจความหมายของคำๆนี้เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาหาพ่ออีกครั้ง กลับมายังบ้านของเรา


   ถ้อยคำนี้ของพ่อทำให้ผมไม่เข้าใจ ผมก็มีชีวิตอยู่ไม่ใช่รึไง ผมกำลังหายใจ สมองและหัวใจก็ยังไม่หยุดเต้น สุขภาพของผมก็แข็งแรง ระดับความดันปกติ สายตาไม่ขุ่นมัว กินได้ เดินได้ พูดได้ แล้วผมจะไม่มีชีวิตได้ยังไง ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อบอกเลยสักนิดแต่พอบอกคำพูดเหล่านั้น พ่อถึงกับหลั่งน้ำตาบ่นพึมพำว่าฉันเลี้ยงลูกผิดไปแล้วหรือไง แค่ประโยคนั้นประโยคเดียว พ่อกลับส่งผมออกจากบ้านพร้อมเงินมากมายจำนวนหนึ่ง แล้วบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆปนสะอื้นว่า


   “ปะ ไปซะ ลูก ลูกไปใช้ชีวิตดู ฮึก ถ้าลูกเข้าใจแล้ว ก็ค่อยกลับมา” น้ำเสียงสั่นพร่าของบุพการีนั่นสั่นสะอื้นจนแทบจับใจความไม่ได้  ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าหนึ่งใบ ได้แต่เงียบนิ่งขมวดคิ้วยุ่งเพราะไม่เข้าใจกับคำพูดของพ่อมากนัก เพราะท่าทางที่ขัดแย้งจากท่าทางและคำพูดของท่าน ว่าตกลงอยากหรือไม่อยากให้ผมไปกันแน่นะ แม้สายตาของผู้เป็นพ่อจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็ได้แต่พยักหน้าและคว้ากระเป๋าเดินทางออกไปจากบ้านอย่างงุนงง แต่คล้อยหลังไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก ผมก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของชายอายุห้าสิบกว่าปีดังแว่วมา เสียงร้องไห้ของพ่อนั้นหนวกหูจนผมกลัวว่าคนอื่นๆในบ้านจะตกอกตกใจกันหมด


   พอออกจากบ้านผมก็เหมือนคนไร้จุดหมาย ได้แต่ปิดตาสุ่มเลือกประเทศที่ต้องการไปจากแผนที่ที่ผมแวะซื้อจากร้านหนังสือข้างทาง ผมออกเดินทางไปเรื่อยๆ ส่งข่าวกลับไปหาพ่อบ้างบางครั้ง เพื่อไม่ให้ท่านเป็นห่วง และตอนนี้ผมก็เดินทางมาถึงกรุงโรมประเทศอิตาลี เมืองประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่งดงาม เขาว่ากันว่าศิลปะก็คือชีวิต คือจิตใจ คือความอารมณ์ความรู้สึก ผมมาที่นี่เผื่อว่าจะเจอความหมายของมัน เมื่อพบ ผมก็จะได้กลับบ้านเสียที การใช้ชีวิตคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่กลับบ้านไปอยู่กับพ่อ ผมว่าดีกว่าการใช้ชีวิตเพียงลำพังเสียอีก


   แต่ระหว่างที่ผมกำลังเดินทอดน่องครุ่นคิดถึงเรื่องในอดีตไปเรื่อยๆนั้น หางตาของผมก็เห็นเงาวูบไหวภายในตรอกมืดๆ ผมหยุดเดินโดยไม่รู้ตัว แม้จะได้ยินเสียงก่นด่าจากคนเดินถนนคนอื่นๆที่เกือบจะชนผม ผมก็ไม่สนใจ ดูเหมือนความสนใจทั้งหมดของผมจะหยุดลงกับภาพในตรอกนั้น ไม่ทันไรขาของผมก็เดินเข้าไปทันที ตรอกเล็กๆนี้เหมือนถูกตัดขาดจากแสงสีและความพลุกพล่านของผู้คนบนถนนอีกฝั่ง ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็พบแต่ความมืดและความเงียบงัน ผมก้าวลึกเข้าไปในตรอกแคบๆนั้นอย่างไม่รู้ตัว โดยตามเสียงหอบหายใจแผ่วเบาไปเรื่อยๆ


   จนกระทั่งผมเดินมาหยุดอยู่ตรงร่างๆหนึ่งที่กำลังนั่งพิงกำแพงตรอกอยู่ ผมไม่เห็นหน้าของเขาเพราะเงาของผมบดบังร่างนั้นเอาไว้ แต่ตรงช่วงไหล ท้อง และต้นขา ผมเห็นเลือดสีแดงฉานไหลนองจนท่วมตัว พร้อมเจิงนองย้อมกลบสีของหิมะไปจนหมด เสียงลมหายใจหอบกระชั้นด้วยความเจ็บปวดของเขาดึงผมกลับมามองสำรวจอาการของเขาคร่าวๆ ด้วยแววตาครุ่นคิด


   ไม่น่าจะรอด


   ผมส่ายหัวเล็กน้อยและลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไปอีกครั้ง ในเมื่อใกล้ตาย ผมก็ไม่จำเป็นต้องช่วย อาจจะเห็นว่าผมใจร้ายหรือเย็นชา แต่ในเมืองแห่งนี้การช่วยคนที่บาดเจ็บจากกระสุนปืนอาจจะไม่ใช่เรื่องดี ไม่รู้ว่าเขตนี้เป็นถิ่นของใคร หรือผู้มีอิทธิพลคนไหนดูแลอยู่ การทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาคนเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ ผมมาที่เมืองนี้ก็ต้องหัดเรียนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังและประวัติเหล่านี้เอาไว้บ้าง


   แต่ในตอนที่ผมกำลังลุกขึ้นยืนและจะหมุนตัวเดินออกไป ผมกลับชะงักเพราะรู้สึกถึงแรงดึงชายเสื้อจากเบื้องหลัง ผมเอี้ยวตัวหันไปมองก็เห็นชายคนนั้นเอื้อมมือเปื้อนเลือดมาดึงชายเสื้อของผมไว้แน่น


   “ยะ ยัง ตะ ตาย มะ ได้” เสียงแหบพร่าระโหยโรยแรงนั้นกระตุ้นต่อมความสนใจของผม ยังตายไม่ได้งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นชายคนนี้คงอยากมีชีวิตต่อไป น่าสนใจ อยากมีชีวิตก็คือการเรียนรู้ชีวิต บางทีคนๆนี้อาจจะรู้ว่าการใช้ชีวิตในความหมายของพ่อผมคืออะไร


   ผมก้มลงไปใกล้ผู้ชายคนนั้นและตบหน้าของเขาเบาๆเพื่อเรียกสติ


   “จะเรียกรถพยาบาลไหมครับ” น้ำเสียงของผมราบเรียบเมื่อเอ่ยถามชายคนนั้น อาการส่ายหน้าเล็กน้อยของเขาทำให้ผมเข้าใจ ไม่นั่นเอง “หรือคุณต้องการให้ผมติดต่อใครไหมครับ”


   “ทะ โทร” ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาพูดจบผมก็เอื้อมมือไปค้นทั่วตัวของเขาทันที แต่ไม่ว่าจะค้นตรงเสื้อโค้ท ใต้สูท กระเป๋ากางเกง ผมก็หาไม่พบ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โรงพยาบาลไม่ไป โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี คงมีวิธีเดียวเท่านั้นแหละ


   “คุณไม่มีโทรศัพท์ติดตัว คงหายไประหว่างทาง” ระหว่างทางที่คุณหนีน่ะ ผมต่อประโยคในใจ “คงมีทางเดียว แต่หวังว่าคุณจะไม่นำความยุ่งยากมาให้ผม” หลังจากผมพูดจบประโยค ก็จัดการปลดมือที่กุมเสื้อของผมเอาไว้ และรีบเดินออกไปจากตรอกนั้นอย่างรวดเร็ว


   อืม ตอนนี้ผมก็เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้คนที่กำลังเดินทางอย่างเร่งรีบแล้วล่ะ แต่จุดหมายปลายทางของผมกลับไม่ใช่บ้านอันแสนอบอุ่นเหมือนอย่างพวกเขา แต่เป็นร้ายขายยาที่ผมต้องซื้ออุปกรณ์จำเป็นบางอย่างสำหรับการรักษาเขาคนนั้น เพียงไม่นานผมก็กลับมาที่ตรอกแห่งเดิมอีกครั้งและพยายามจะช่วยห้ามเลือดของเขาก่อนที่เลือดจะไหลจนหมดตัว จากนั้นก็ช้อนใต้วงแขนเพื่อรั้งร่างโชกเลือดนั้นขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล เพราะน้ำหนักตัวของชายคนั้นค่อนข้างมาก และทิ้งแรงทั้งหมดมาที่ผมด้านเดียว กว่าจะนำตัวเขาลุกขึ้นยืนได้ก็แทบเอาผมหมดแรงไปก่อน ผมนำวงแขนของเขาพาดบ่าและเดินลึกเข้าไปในตรอกอีกด้านเพื่อหาทางทะลุไปอีกฝั่ง ไปยังห้องเช่าเล็กๆของผมที่อยู่ในย่านนี้


   และนั่น...คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจความหมายของคำว่าชีวิต ที่ผมคิดว่ามันบัดซบสิ้นดี


ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา (บทที่ 1 เริ่มต้น)
«ตอบ #2 เมื่อ03-06-2018 17:25:45 »



บทที่ 1 เริ่มต้น

   ผมพาร่างที่อ่อนระโหยโรยแรงนั้นกลับมาที่ห้องเช่าของผมด้วยความยากลำบาก หนึ่งเพราะสภาพอากาศไม่อำนวย หิมะกำลังตกหนัก ทำให้อุณหภูมิร่างกายของคนเจ็บลดลงอย่างน่าเป็นห่วง แต่มีข้อดีตรงที่ช่วยบดบังวิสัยทัศน์ของคนอื่น ทำให้ไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่นักเมื่อต้องแบกร่างของคนที่มีแต่เลือดไปตามทาง สอง น้ำหนักตัวของเขาที่เทมาทางผมทั้งหมด กว่าจะพามาถึงห้องผมก็หอบหายใจจนตัวโยน รู้สึกขาเริ่มสั่นและเมื่อยมากทีเดียว และสาม ผมทำแผลไม่เป็น อ้อ ใช่ครับ รู้สึกจะเป็นปัญหาใหญ่ของผมเลยล่ะ


   ผมพาร่างโชกเลือดของชายคนนั้นไปทิ้งไว้ในห้องน้ำ


   ตุบ


   “อะ อื้อ โอ๊ย” น้ำเสียงเจ็บปวดดังออกมาจากริมฝีปากซีดเซียวแตกระแหง ผมเอ่ยขอโทษเขาอยู่ในใจเพราะผมลืมตัวไปหน่อย พอรู้สึกหนักก็รีบลากเขาเข้าไปทันที และทิ้งร่างของเขาบนพื้นอย่างไม่ใยดี เหตุผมก็คือ ผมไม่อยากให้เลือดของเขาเลอะพรมกับเตียงน่ะซิ มันซักออกยากนะ


   “ทนหน่อยนะครับ ผมจะรีบทำ” ผมพูดขึ้นเพื่อบอกกล่าวคนเจ็บที่คิดว่าน่าจะสลบไปแล้วเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่ ดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างเล็กน้อยรีบยกนิ้วขึ้นจ่อจมูกเพื่อเช็คลมหายใจ แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ยังไม่ตาย ผมถอนหายใจโล่งอก รีบปลดเสื้อผ้าเกะกะของเขาออก และเปิดฝักบัวเพื่อล้างคราบเลือดออกจากตัวของเขา พร้อมกับสังเกตรอยแผลจากกระสุนชัดๆ


   “โชคดีที่ไม่ฝังใน” ผมพึมพำพูดกับตัวเอง หลังจากเห็นรอยแผลที่ด้านหน้าท้อง หัวไหล่ และต้นขาที่มีรอยเพียงเล็กน้อย แต่ด้านหลังกลับเหวอะหวะและเลือดทะลักออกมามากมาย หลังจากทำความสะอาดรอยเลือดจนหมดแล้ว ปัญหาต่อไปของผมคือแผลของเขานี่แหละว่าจะทำยังไงต่อไป


   “อากู๋จะมีบอกวิธีไหมนะ”


   ผมพยุงร่างเปลือยเปล่าของเขาขึ้นมาจากพื้นห้องน้ำ พยายามเช็ดตัวของเขาให้แห้ง วางร่างของเขาทิ้งไว้บนพื้นที่ถูกปูผ้าหนาไว้หลายชั้น ที่สำคัญต้องนำเขาให้อยู่ห่างจากพรมในห้อง เห็นมั้ย เลือดเขายังไม่หยุดไหลเลย แค่นี้ก็ซึมลงไปบนผ้าปูที่ผมวางร่างของเขาไว้แล้ว


   “ผมจะรักษาไปตามที่ผมทราบ แต่ก็อยู่ที่ดวงของคุณนะครับว่าจะรอดรึเปล่า” ผมลงมืออย่างไม่รอช้าเพื่อแข่งกับเวลา ในเมื่อเขาคนนี้ไม่อยากตายผมก็ทำเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็ห้ามเลือดก่อนนั่นแหละ หลังจากนั้นก็คงต้องตามหมอ อืม เขาจะบอกว่าไม่ไปโรงพยาบาล แต่ไม่ได้ห้ามผมตามหมอนี่ครับ ใช่ไหม?  โธ่ ผมไม่ได้เก่งกาจเหมือนในหนังนะครับที่จะทำอะไรได้ทุกอย่าง อย่างน้อยผมก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่พยายามช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกอย่างจริงใจ?


   คนเจ็บยังคงสลบไม่รู้เรื่องรู้ราวใดใด หันมาห้ามเลือดให้เขาอีกครั้ง ก่อนผละออกจากร่างที่นอนกองกับพื้นและหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอน ผมลังเลอยู่ชั่วครู่แต่ก็ตัดสินใจกดเบอร์โทรและกดโทรออก เสียงสัญญาณดังขึ้น รอเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ


   “ฮายยยยยย คิตตี้ มายสวีทฮาร์ท คิดถึงฉันรึไงจ๊ะ เราไปดินเนอร์กันที่ไหนดี หรืออยากให้ผมไปรับคุณไหมคิตตี้ เราไม่เจอกันมานานมากแล้วนะ ตั้งสิบสี่วัน สามชั่วโมง ห้าสิบสามนาที สิบห้าวินาที โอ๊ะ สิบหกวินาทีแล้ว” เสียงเจื้อยแจ้วน่ารำคาญดังลั่นออกมาทันทีเมื่อคนอีกฝั่งรับสาย


   ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกคิดผิดจริงๆที่ไปรู้จักกับคนแบบนี้เข้า เมื่อสามเดือนก่อนที่ผมพึ่งมาถึงอิตาลีใหม่ๆและมองหาความหมายของคำว่าชีวิต ก็บังเอิญไปเจอผู้ชายคนนี้ที่กำลังคุยโทรศัพท์เสียงดังลั่นและข้ามถนนโดยไม่รู้เลยว่ามีรถบรรทุกกำลังขับมาอย่างรวดเร็ว คนรอบข้างที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างกรีดร้องเสียงระงม รถบรรทุกเหยียบเบรกจนล้อบดกับพื้นถนนเสียงดังลั่น เขาคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาก็อ้าปากค้าง ขาแข็งยืนทื่อทำอะไรไม่ถูก ผมที่ยืนใกล้สุดก็ได้แต่เอื้อมมือไปกระชากร่างนั้น ให้หลบพ้นรถบรรทุกที่เบรกไม่ทันและพุ่งผ่านไป พร้อมเสียงบริภาษก่นด่าตามมายกใหญ่ ฝรั่งร่างยักษ์ผมทองได้แต่ก้มผงกๆขอโทษขอโพยคนนั้นทีคนนี้ที และพอถึงตาผมดวงตาสีทองของผู้ชายคนนั้นก็วาววับฉีกยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณผมยกใหญ่ อาสาเลี้ยงข้าวผมอย่างดิบดี


   พอผมเห็นดังนั้นก็เลยคิดว่าคนๆนี้ดูมีชีวิตชีวาและมองโลกในแง่ดี เลยเผลอตกลงปลงใจเป็นเพื่อนกันมานับตั้งแต่ตอนนั้น และผมถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาดมากที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่ผมโดนไล่ออกจากบ้านมา เพราะจอห์น คาเตอร์คนนี้ น่ารำคาญเป็นบ้า พลังชีวิตล้นเหลือ กระตือรือร้นกับทุกสิ่ง และที่สำคัญชื่อบ้าๆของผมที่เขาเรียกนั้นมันปัญญาอ่อนสิ้นดี


   “จอห์นครับ มาหาผมหน่อย เอาอุปกรณ์พยาบาลมาด้วยนะครับ”


   “ห๊ะ คิตตี้ ปะ” พอพูดวัตถุประสงค์ของผมเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบตัดสายไปทันที ไม่อยากจะฟังเสียงของจอห์นโวยวายให้รำคาญใจ ผมโยนมือถือทิ้งลงบนเตียงและหันไปเช็คดูคนเจ็บอีกครั้ง ตอนนี้คนเจ็บส่งเสียงครวญครางเบาๆ แต่ผมก็ไม่รู้จะช่วยเขาได้อย่างไรนอกจากรอจอห์นเท่านั้น จอห์นเป็นหมอที่เก่ง แต่เป็นหมอที่ต๊องเกินไปจนน่าเหนื่อยใจ 


   ผมละความสนใจจากเขาคนนั้นและหันไปต้มมาม่ากินแทนเพื่อดับความหิว และระงับเสียงร้องระงมจากกระเพาะอาหาร ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่ยังเห็นหิมะตกโปรยปราย การกินมาม่าร้อนๆในถ้วยนั้นชวนให้อารมณ์ผมสุนทรีย์ขึ้นมาก ลืมความขุ่นข้องหมองใจและลืมไปว่ามีคนเจ็บอยู่ในห้องผมเสียสนิท นั่งๆนอนๆรอจอห์นอยู่พักใหญ่ เสียงเคาะประตูรัวดังพร้อมเสียงเรียกชื่อน่ารำคาญนั้นก็ดังลั่น


   “คิตตี้ คิตตี้ๆๆๆๆๆ เปิดหน่อยมายสวีทฮาร์ท คิตตี้ๆๆๆๆ” เสียงเคาะประตูปึงปังพร้อมชื่อเรียกของผม อ๊ะ ไม่สิ ชื่อผมคือคริสตินต่างหาก โดนเรียกมากเกินไปจนผมชักจะลืมชื่อจริงๆของผมซะแล้ว ผมก้าวยาวๆไปเปิดประตูให้กับจอห์น ร่างสูงใหญ่ของผรั่งผมทองตาสีมรกตพุ่งเข้ามาลูบไล้สำรวจไปทั่วตัวของผมด้วยความเป็นห่วง ผมปล่อยให้เจ้าตัวลูบให้พอใจเพราะผมขี้เกียจเอ่ยห้ามปรามอะไร แต่พอไม่ห้าม มือไม้ก็ชักจะลามปาม จากลูบสำรวจหาบาดแผลอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งตัว กลับช้าลงเรื่อยๆและมือเริ่มล้วงเข้าไปใต้เสื้อผ้าของผม


   เพี๊ยะ!!! ผมปัดมือของฝรั่งมือปลาหมึกออกอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวแสร้งร้องเสียงโอดครวญ


   “โธ่ คิตตี้ ก็ผมห่วงคุณนี่นา คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า” จอห์นกวาดสายตาสำรวจผมอีกครั้ง แต่ผมก็ส่ายหน้าให้เขาและชี้มือไปที่คนเจ็บที่นอนบนพื้นทันที ดวงตาสีมรกตของเขาเบิกกว้างและส่งสายตาตัดพ้อมาทางผมเช่นกัน “คุณเก็บไอ้ยักษ์นี่มาทำไมกัน คุณมีผมแล้วยังไม่พออีกเหรอ คิตตี้ใจร้าย ใจร้ายที่สุด”


   ผมถลึงตาใส่จอห์นไปหนึ่งทีกับแอคติ้งการแสดงขั้นสุดยอดที่แสนจะน่ารำคาญของเขา แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ช่วยคนเจ็บได้ก็มีแต่จอห์น ผมจึงต้องเอ่ยปากขอร้องเขา “ช่วยเขาหน่อยครับ”


   ผมมองนิ่งเข้าไปในดวงตาของหมอจอห์นเงียบๆ จนเจ้าตัวถอนหายใจและส่งยิ้มมาให้ผม ท่าทางทีเล่นทีจริงของเขาหายใจ เหลือเพียงคราบผู้ใหญ่ใจดีที่จริงจังกับหน้าที่การงานแทน


   “ใจดีเหมือนเดิมเลยนะครับคริสติน” ใจดี? คิดว่าผมไม่ใช่คนใจดีหรอกนะ แต่แค่ผมอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นแหละ “แต่คุณรู้ใช่ไหมครับว่าคนๆนี้อาจจะไม่ใช่คนธรรมดา”


   “ครับ” ผมรู้ดีทีเดียว


   “ใครก็ตามที่มีเรื่องกันในเขตอิทธิพลของดอนคอลิโอเน่ในเขตนี้ได้ไม่ธรรมดาเลยนะครับ” จอห์นอธิบายเรื่องของเขตอิทธิพลที่คอลิโอเน่ดูแลอยู่ ชื่อนี้เป็นชื่อที่โ่ด่งดังมากและไม่มีใครไม่รู้จัก มาเฟียที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดาและอำนาจที่ยิ่งใหญ่จนดอนเขตอื่นยังต้องหวั่นเกรง “คนๆนี้คงไปขัดแข้งขัดขาคนมีอำนาจเข้าเลยโดนสั่งเก็บ ถ้าคุณช่วยเขา คุณจะเดือดร้อน”


   “ไม่เป็นไร ช่วยเขาเถอะ” คำตอบเรียบง่ายของผมทำให้จอห์นถอนหายใจ แต่ก็ลงมือช่วยคนเจ็บอย่างสุดความสามารถ ใช้เวลาไปพักใหญ่ ร่างใหญ่ของจอห์นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและลุกขึ้นยืน


   “เขาเสียเลือดมาก แต่เขาไม่เป็นไรแล้ว คืนนี้แผลเขาคงอักเสบและไข้ขึ้น ผมจะเตรียมยาไว้ให้คุณ ช่วยเช็ดตัว และนำยามาให้เขาทุกสี่ชั่วโมง ไว้ผมจะแวะมาดูบ่อยๆนะครับ” หมอร่างใหญ่ผมทองเดินไปล้างมือในห้องน้ำและออกมาจัดเตรียมข้าวของและยารักษาให้กับเขาพร้อมกับจดรายละเอียดของตัวบางอย่างเพื่อกันลืม


   ผมรับยามาและเอ่ยขอบคุณ และตัดสินใจที่จะต้องบอกจอห์นให้ชัดเจน


   “ขอบคุณนะครับจอห์น แต่คุณไม่ต้องมาแล้วล่ะ ผมดูแลเขาเองดีกว่า คุณมาบ่อยๆจะวุ่นวายเปล่าๆ” ผมพูดไปอย่างที่ใจคิดโดยไม่ปิดบัง หนึ่ง เพราะผมรำคาญเสียงของเขา สอง เขาห่วงผมมากเกินไป และสามเขาคงเป็นเพื่อนคนเดียวของผม


   หลังจากที่ผมพูดจบ ห้องก็เกิดความเงียบสงัดขึ้นในทันที ดวงตาของผมและดวงตาของจอห์นจ้องสบกันโดยไม่มีใครผละจาก เหมือนจอห์นพยายามอ่านแววตาของผม และเขาก็คลี่ยิ้มออกมา


   “ใจดีอีกแล้วนะครับคริสติน แต่ผมเป็นห่วงคุณเช่นกัน ให้ผมมาหาเถอะ”


   ใจดี? ไม่หรอกเขาคงเข้าใจผิด


   “ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลเขาเองได้ ถ้ามีอะไรผมจะติดต่อคุณไปเองอีกทีหนึ่ง” น้ำเสียงราบเรียบแต่เด็ดเดี่ยวของผมทำให้จอห์นถอนหายใจและยกมือยอมแพ้ มือใหญ่เอื้อมมือมาขยี้ศีรษะผมแรงๆหนึ่งที


   “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โทรหาผมนะครับ” จอห์นขอคำมั่นสัญญาจากผม และผมก็รับปากเขา ผมยืนส่งจอห์นที่ยังคงทำสีหน้าไม่ไว้วางใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ออกห้องไป เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงเขาและผู้ชายคนนั้นทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงัดเหมือนเดิม


   เขตของคอลิโอเน่อย่างนั้นเหรอ บางทีถ้าคนนี้ๆนี้ฟื้น คงถึงเวลาที่ผมจะต้องออกเดินทางอีกครั้งแล้วล่ะมั้ง


   
   ปัง ปัง ปัง


   เสียงปืนดังขึ้นจากทั่วทิศทาง การเจรจาธุรกิจในวันนี้มีคนทรยศหักหลัง แม้จะรู้ตัวแต่คนที่นำมาด้วยกลับน้อยกว่าอีกฝ่ายจึงเพลี้ยงพล้ำและได้รับบาดเจ็บ ที่ไหล่ ท้อง และต้นขาทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วอย่างที่ใจคิด บอดี้การ์ดที่นำมาด้วยก็ช่วยเขาหลบหนีแต่ก็ต้องสังเวยชีวิตให้กับพวกมัน เขาพยายามพาร่างกายที่หนักอึ้งหนีเข้าไปในตรอกมืดๆแห่งหนึ่งเพื่อหลบหนี แต่เดินไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ร่างของเขาก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นที่มีหิมะปกคลุมอยู่ภายในตรอก แผ่นหลังพิงกำแพงอย่างหมดเรี่ยวแรงและดวงตาเริ่มพร่าเลือน


   “หึ มาได้แค่นี้เองเหรอ” ร่างโชกเลือดเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดมิด มีเพียงหิมะโปรยปรายตกลงกระทบผิวหน้าเท่านั้น ความเงียบงันต่างๆดูราวกับตัดขาดจากโลกที่วุ่นวายภายนอก ดวงตาสีทองเหม่อมองท้องฟ้าไปเรื่อยเปื่อยพลางครุ่นคิดถึงชีวิตต่างๆที่ผ่านมา จนกระทั้งลมหายใจเริ่มขาดห้วง สติกำลังเลือนลาง เหมือนเขากำลังก้ำกึ่งระหว่างโลกแห่งความตาย  เสียงฝีเท้าเบาๆก็ดังขึ้นมา จนกระทั่งเขารู้สึกถึงใครบางคนที่ก้มลงมานั่งอยู่ข้างๆ เขาไม่อาจลืมตาได้อีกต่อไป แต่สามารถรู้สึกถึงสายตาของคนๆนั้นที่สำรวจตรวจตราไปทั้งร่าง และได้ยินเสียงสวบสาบของเสื้อผ้าที่เสียดสีและฝีเท้าที่กำลังจะเดินจากไป


   ไม่!!!!


   เร็วกว่าความคิดมือของเขาก็คว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อของคนๆนั้น เขายังไม่อยากตาย ตอนนี้ยังตายไม่ได้ ต้องแก้แค้นพวกมัน


   “ยะ ยัง ตะ ตาย มะ ได้” เสียงแหบพร่าระโหยโรยแรงดังออกมาจากริมฝีปาก ผู้ชายคนนั้นนั่งลงและตบหน้าของเขาเบาๆเพื่อเรียกสติ


   “จะเรียกรถพยาบาลไหมครับ” น้ำเสียงราบเรียบของเขาคนนั้นดูไร้อารมณ์จนนึกแปลกใจ จำได้ว่าตัวเองรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ ถ้าไปโรงพยาบาลพวกมันจะรู้ตัว และเมื่อนั้นคงถึงวันตายของเขาอย่างแท้จริง“หรือคุณต้องการให้ผมติดต่อใครไหมครับ”


   “ทะ โทร” ไม่จำเป็นต้องรอให้พูดจบ ก็รู้สึกมือของผู้ชายคนนั้นสำรวจไปทั่วทั้งตัว แต่ไม่ว่าจะค้นตรงเสื้อโค้ท ใต้สูท กระเป๋ากางเกงก็หาไม่พบ เขาได้ยินเสียงคนๆนั้นถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความเงียบงันครอบคลุมไปทั้งตรอก เหมือนว่าเขากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง จนกระทั่ง...


   “คุณไม่มีโทรศัพท์ติดตัว คงหายไประหว่างทาง คงมีทางเดียว แต่หวังว่าคุณจะไม่นำความยุ่งยากมาให้ผม” เมื่อเขาพูดจบ ผมก็รู้สึกถึงแรงฉุดที่แขนของผม และรับรู้ว่าเขากำลังพาผมไปที่ไหนซักที่ ลมหายใจของเขาหอบแรงจนผมนึกโทษตัวเองที่น้ำหนักคงมากเกินไป ใบหน้าของผมซุกซบอยู่ตรงซอกคอของเขา ได้กลิ่นหอมโรยรินลอยมาแตะจมูก กลิ่นหอมนี้ดึงความสนใจของเขาจากความเจ็บที่บาดแผล ดังนั้นเขาจึงตั้งใจสูดดมเท่าที่แรงและกำลังยังมี แต่รู้ตัวอีกทีก็รับรู้ถึงแรงกระแทกและพื้นเย็นเฉียบ จากนั้นสติของเขาก็ดับวูบไป


   หลังจากนั้นท่ามกลางสติเลือนราง เขารับรู้ถึงฝ่ามือที่ทำแผลให้กับเขา เสียงที่ปลุกเขาให้ตื่นเพื่อมาทานข้าวและทานยา สติเขายังคงพร่ามัว พอลืมตาก็เห็นแต่เงาลางๆ เดินไปเดินมาภายในห้องเท่านั้น หรือบางทีก็เห็นเขาคนนั้นนั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่างเพื่อมองดูหิมะและท้องฟ้าจากภายในห้อง กลิ่นของคนๆนั้นอบอวนไปทั่วห้องชวนสบายใจ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้พักผ่อนและสบายใจเช่นนี้



   เป็นเวลาเกือบสิบวันที่ผู้ชายคนนี้นอนหลับๆตื่นๆ ผมทำหน้าที่เป็นพยาบาลที่ดี ป้อนข้าว ป้อนน้ำ และยาเพื่อรักษาเขา แม้วันแรกจะลำบากไปบ้างเพราะผู้ชายคนนี้เพ้อทั้งคืน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อนจนผมรับมือไม่ถูก ยุ่งหัวปั่นจนเหนื่อยสุดๆ จนกระทั่งวันที่เก้า ผมตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ ก็ต้องสะดุ้งจนความงัวเงียหายไปหมด เพราะเมื่อลืมตาก็สบกับดวงตาสีทองของผู้ชายคนนั้นที่ผมไม่รู้จักชื่อ กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน นั่งพิงหมอนและจ้องมาทางผมเขม็ง


   ผมรีบเก็บอาการตกใจและมองไปทางเขาเงียบๆ เมื่อเขาอยากมอง ผมก็ให้เขามอง เขาเงียบ ผมก็เงียบ แต่ดูเหมือนผมจะประเมินความเงียบของเขาต่ำไป นั่งมองกันไป นั่งมองกันมาตั้งนานแล้ว ถึงเวลาทำอาหารเช้าแล้วซิ ผมละความสนใจจากเขาและผุดลุกขึ้นจากเตียงนอน ผมรับรู้ได้ถึงสายตาของเขาที่มองมาทางผมเงียบๆ แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาเล่นเกมจ้องตากัน ผมไปทำธุระในห้องน้ำสักพัก และเดินออกมาหาผู้ชายคนนั้นที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนผ้าปูพื้นในห้องของผม


   “คุณลุกเดินไหวไหมครับ เผื่อคุณอยากจะจัดการธุระส่วนตัว” ผมถามเขา และได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าหนึ่งที ผมเลยเดินเข้าไปและจะพยุงตัวของเขาให้ลุกขึ้น แต่ไม่ทันไรโลกของผมก็พลิกคว่ำ รู้สึกตาลายเล็กน้อย เพราะแรงฉุดจากข้อมือโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้ผมล้มไปกองอยู่บนตัวเขา แต่ผมก็ยังมีสติมากพอที่จะใช้แขนดันเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวของผมลงไปกดทับกับบาดแผลที่ยังไม่หายดี


   “…” ผมเงียบ เขาก็เงียบ เกมจ้องตากลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันออกจะเมื่อยไปซักหน่อยกับท่าล่อแหลมนี้


   “เธอคือใคร” น้ำเสียงทุ้มติดจะแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยถามขึ้นมา ผมเลิกคิ้วกับคำถามของเขา อ่อ จริงสิ เจอคนแปลกหน้าต้องแนะนำตัว


   “ผมมาร์ติน” ตอบคำถามแค่นั้นแล้วผมก็เงียบไป แต่ดูเหมือนเขาไม่พอใจในคำตอบ ความจริงแล้วผมมีชื่อว่าคริสติน นอร์แมน แต่เรื่องอะไรผมจะต้องบอกชื่อจริงกับคนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับวงการมืดอย่างเขาด้วยล่ะ “มาร์ติน สมิธ”


   “มาร์ติน สมิธ? ไม่เหมาะกับเธอเท่าไหร่ ชื่อปลอม?” ฉลาด!!! ผู้ชายคนนี้ดูเป็นคนอันตรายอย่างที่คิดไว้ ดูจากอายุคร่าวๆน่าจะสามสิบกว่า ดวงตาสีทอง และผมสีดำหยักศกเล็กน้อย ทำให้ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์จนเหลือร้าย รูปร่างสูงใหญ่ ดูแล้วคงเป็นคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ที่สำคัญพลังอำนาจและความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาคนนี้มันอันตรายอย่างเห็นได้ชัด ผมเก็บของอันตรายมาเหรอเนี่ย เฮ้อ


   “เรียกผมว่ามาร์ติน” ผมพูดสั้นๆโดยไม่ตอบคำถามของเขา “คุณจะปล่อยผมได้หรือยังครับ ผมจะได้พาคุณไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ และจะทำอาหารเช้าให้คุณ”


   “เธอไม่อยากรู้ชื่อของฉันหรือ?” ผู้ชายคนนั้นยังคงถามต่อไป เหมือนกำลังจะล้วงข้อมูลออกจากผมให้ได้ แต่ขอเถอะ ผมคิดว่าเห็นความซวยโผล่มารำไรแล้วล่ะครับ


   “ไม่ครับ ไม่จำเป็น” ผมผละตัวออกมาจากมือที่แข็งยิ่งกว่าปลอกเหล็ก ดันตัวเล็กน้อยเพื่อลุกขึ้นมาและฉุดตัวเขาที่มีน้ำหนักมากกว่าผมให้ลุกขึ้นเช่นเดียวกัน สีหน้าของเขากระตุกเล็กน้อยคงเพราะบาดแผลที่ยังไม่หายดี แต่ผมไม่สนใจ ในเมื่อเขาฟื้นแล้ว อาการคงดีขึ้นระดับนึง ควรช่วยเหลือตัวเองได้แล้วล่ะ


   แล้วผมก็คิดไม่ผิด แม้เขาจะเจ็บอยู่แต่เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความสูงเต็มตัว พอเห็นอย่างนี้ผมรู้เลยว่าผมเตี้ยไปถนัดตา สูงแค่หน้าอกเขาเองเหรอเนี่ย ผมพาเขาไปยังห้องน้ำแล้วปิดประตูเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว และเดินออกไปยังห้องครัวเพื่อปรุงอาหารเช้าแบบง่ายๆ ไข่ดาวครับ ง่ายที่สุดสำหรับผมแล้วล่ะ



   ดราโกมองหน้าตัวเองและสำรวจร่างกายของเขาที่สะท้อนในกระจกห้องน้ำคับแคบ บาดแผลต่างๆได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ไม่มีการติดเชื้อหรืออักเสบแต่อย่างใด แผลที่ถูกกระสุนยิงก็เริ่มสมานตัว แม้จะยังตึงๆตรงบาดแผลอยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว แผลหายเร็วกว่าที่คิด ไม่รู้ว่าตอนนี้ผ่านไปกี่วันแล้ว เรื่องที่เขาหายตัวไปคงวุ่นวายไม่ใช่น้อย คงต้องหาทางติดต่อไปแล้วล่ะ แต่ว่า...เรื่องที่เขาติดใจคงเป็นเรื่องเด็กคนนั้น


   ใช่ เด็ก เป็นเด็กผู้ชายที่อายุน่าจะสิบกว่าปี รูปร่างโปร่ง ผิวขาวราวกับน้ำนม ผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงตากลมโตสีเดียวกับผม มีใบหน้าราวกับเทวดาองค์น้อยๆที่สว่างไสวเจิดจ้า แต่ก็ดูเย็นชาจนหนาวเย็นยะเยือก เด็กคนนั้นดูไร้อารมณ์ความรู้สึกจนน่าแปลกใจ  แต่ลักษณะอุปนิสัยที่เห็นคร่าวๆกลับเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ ไม่สิ น่าแปลก ขนาดผู้ใหญ่เองเห็นคนโดนยิงอาการบาดเจ็บสาหัสยังต้องสติแตก อีกทั้งเด็กคนนี้ยังรู้ว่าเขาคือตัวอันตรายแท้ๆ แต่ทำไมยังช่วยเหลือ หึ เด็กน้อยคนนั้น มองทุกอย่างด้วยสีหน้าปกติ เหมือนเทวดาไร้ชีวิตที่น่าสนใจจริงๆ


   “หึ อยากได้” ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มร้าย ดวงตาสีทองวาววับ “ถ้าทำให้คนอย่างเธอร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของฉันจะเป็นยังไงนะ”


   ความคิดร้ายกาจและจินตนาการผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความร้อนรุ่มใต้ร่างเริ่มแผดเผาลามเลียจนห้ามใจไว้ไม่ไหว น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ มาร์ติน ชื่อสุดแสนจะโหลที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าชื่อปลอมที่คิดขึ้นมาสดๆร้อนๆ ลึกลับ น่าค้นหา เธอคือใครกันแน่นะเทวดาตัวน้อย



ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา (บทที่ 2 หลบหนี)
«ตอบ #3 เมื่อ03-06-2018 17:30:40 »


บทที่ 2 หลบหนี


   จู่ๆผมรู้สึกหนาวสั่นหลังขึ้นมาทันที ลางสังหรณ์ของผมกำลังร้องเตือนถึงเรื่องอันตรายบางอย่าง ลางของผมค่อนข้างเชื่อถือได้เกินแปดสิบเปอร์เซ็น และส่วนใหญ่ลางสังหรณ์ของผมก็มักถูกต้องเสมอ ดูท่าจะไม่ดีซะแล้ว ผมผละจากเตาในห้องครัวและเดินไปที่ข้างหัวเตียง เพื่อหยิบกุญแจสีเงินดอกเล็กขึ้นมาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง ผมได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากในห้องน้ำ ดวงตาของผมจ้องมองไปยังทิศทางนั้นและพยายามมองทะลุเข้าไปถึงข้างใน ผู้ชายอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยง ดราโก คอลิโอเน่ ดอนแห่งคอลิโอเน่ แฟมิลี่ ดอนในหมู่ดอนด้วยกันยังต้องเกรงใจ


   ซวย คำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของผม ถ้าถามว่าทำไมผมถึงรู้ชื่อของผู้ชายคนนั้น ผมก็แค่มีความสามารถเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลนิดหน่อยเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ใช่ว่าผมจะประมาทมากเกินไป แค่ไม่นึกว่าคนระดับนั้นจะมานอนจมกองเลือดต่อหน้าผมเท่านั้นเอง


   แอด


   เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ก้าวออกมาด้วยท่าทางมั่นคง ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้บาดเจ็บสาหัสมาก่อน แม้ท่าเดินยังขัดๆอยู่บ้างแต่ก็ยังเดินเหินได้เกือบปกติ ผมผายมือเชิญเขานั่งที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆ ที่มีไข่ดาว แฮม และไส้กรอกอย่างง่ายๆให้ทาน


   “ทานได้ไหมครับ” ผมถามเขา หลังจากเห็นเขานั่งมองอาหารเช้าที่ผมทำให้


   “ได้” เขาจัดการลงมือทานอาหารอย่างเงียบๆ ผมก็เช่นเดียวกัน ไม่มีบทสนทนาใดใดระหว่างพวกเรา แต่บรรยากาศก็ไม่อึดอัดอย่างที่คิด เสียงช้อมส้อมกระทบกับจานจนเกิดเสียงขึ้นบ้างบางครั้ง แต่ตลอดมื้อเช้านั้นทั้งผมและเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย จนกระทั่งเขารวบช้อนและวางไว้อย่างเรียบร้อย ผมจึงลุกขึ้นเพื่อเอาจานของเขาไปล้าง โดยทุกการกระทำของผมอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา


   ในระหว่างที่ผมกำลังล้างจานอยู่นั้น ดราโกก็ทำลายความเงียบขึ้นมาด้วยคำถามที่ว่า


   “เธอชื่ออะไร” เขาถามแบบเดิม และผมก็ตอบแบบเดิมเช่นเดียวกัน


   “มาร์ตินครับ”


   “ชื่อจริงๆเธอล่ะ” ผมรู้แล้วล่ะครับว่าเขาไม่เชื่อผมจริงๆ แต่ผมก็ยังยืนยันชื่อที่ผมพึ่งคิดขึ้นมาสดๆร้อนๆต่อไป


   “มาร์ตินครับ”


   “อายุเท่าไหร่แล้ว”


   “สิบแปดครับ” ผมโกหกออกไป โดยเพิ่มอายุให้ตัวเองอีกสองปี


   “โกหกซินะ เธอดูเด็กกว่านั้น” ดราโกยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้วางใจ “แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”


   “ไม่เป็นไรครับ” ผมเช็ดมือที่เปียกจากการล้างจาน และหันไปคว้าอุปกรณ์ทำแผลที่วางไว้บนโต๊ะเล็กขึ้นมาและเดินไปหาเขา ดราโก คอลิโอเน่ ดอนแห่งคอลิโอเน่ แฟมิลี่ “ผมจะทำแผลให้ครับ”


   ใบหน้าหล่อเหลาแต่ดูร้ายกาจพยักหน้ารับ เขาหันตัวออกมาด้านข้างโดยเบี่ยงตัวออกห่างจากโต๊ะกินข้าวเล็กน้อย ผมจึงลากเก้าอี้อีกตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ เพื่อง่ายต่อการทำแผล ดราโกปลดกระดุมเสื้อออกเผยแผงอกสีแทนแน่น และมีผ้าก็อตปิดแผลอยู่ตรงหัวไหล่ หลังจากทำแผลตรงนั้นเสร็จ ผมก็เลื่อนลงมาตรงช่วงท้องน้อยของเขาที่มีซิกแพคแน่นๆขึ้นรูปชัดเจน ใช้เวลาไม่นานแผลทั้งสามก็ทำความสะอาดและใส่ยาจนเสร็จเรียบร้อย ผมเก็บอุปกรณ์ไว้ที่เดิม และลากเก้าอี้มาเก็บไว้ตรงฝั่งตรงข้ามที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ แต่ก่อนที่ผมจะผละจากไป เขาก็พูดขึ้นมา


   “นั่งก่อนซิมาร์ติน” ดราโกพูดเสียงเรียบ แต่ปลายเสียงที่เอ่ยชื่อปลอมของผมกลับมีแววเยาะเล็กน้อย ผมคิ้วกระตุก จับน้ำเสียงและแววเสียดสีเล็กๆนั้นได้ เอาเถอะ อยากประชดก็ประชดไป ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามและรอมาเฟียหนุ่มเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนา


   “ทำไมเธอถึงช่วยฉัน” เขาเริ่มต้นถามคำถามที่ค้างคาใจตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา โดยทั่วไปคนปกติไม่มีทางช่วยเหลือคนที่โดนยิงและเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยง ถ้าให้ตัวเองปลอดภัยก็ต้องโทรเรียกตำรวจหรือไม่ก็เรียกรถพยาบาล แต่เด็กคนนี้ กลับเลือกที่จะเอาตัวเข้ามายุ่งวุ่นวายและช่วยเหลือคนที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนเช่นเขา


   “ไม่อยากช่วยเท่าไหร่ แต่คุณบอกไม่อยากตาย ผมเลยช่วย” ผมตอบเสียงเรียบตามความจริง


   “ทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจหรือโทรไปโรงพยาบาลล่ะ” ดราโกถามต่อ และคำถามนี้ทำให้ผมเลิกคิ้วแปลกใจ


   “คุณจำไม่ได้เหรอครับ? คุณบอกผมเองว่าไม่ให้โทรเรียก”


   “งั้นเหรอ” ชายหนุ่มผมสีดำสนิทนิ่งเงียบไป “เพราะแค่ฉันพูดว่าไม่อยากตาย เธอเลยช่วยฉันอย่างนั้นเหรอ”


   “ครับ แค่นั้น”


   “เพราะอะไร?” มาเฟียหนุ่มยังคงไม่เข้าใจ ดวงตาสีทองแววาวพยายามมองลึกเข้าไปในดวงตาของผม


   “ไม่ขอตอบครับ” ผมไม่ไว้วางใจเขามากพอที่จะพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวผมออกไป คนที่เป็นถึงดอนในหมู่ดอนด้วยกันยังหวั่นเกรง เขาคนนี้จึงไม่ธรรมดา แค่นี้ทำผมเหงื่อซึมแผ่นหลังไปหมดแล้วล่ะครับ แม้หน้าตาผมจะนิ่งขนาดไหนก็เถอะ ผมยังกลัวเป็นนะ


   “คุณ จะติดต่อใครไหมครับ ผมรักษาเท่าที่ทำได้ ยังไงคุณควรไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกที” ผมพูดขึ้นบ้าง โดยไม่ลืมที่จะเลื่อนโทรศัพท์มือถือของผมให้เขา ดราโกรับมือถือไปแต่ก็ยังลังเลไม่ยอมกดเบอร์โทร ผมเห็นดังนั้นเลยลุกขึ้นเพื่อเลี่ยงออกไปให้เขาคุยโทรศัพท์ได้สะดวก แต่ก่อนที่ผมจะเดินออกไปเขาก็พูดขึ้นมาหนึ่งประโยคที่ทำให้ลางสังหรณ์ของผมยิ่งส่งสัญญาณร้องเตือนอย่างหนัก


   “เรื่องที่เธอช่วยชีวิตฉัน ฉันอยากจะตอบแทนเธอ” ชายหนุ่มพูดคุย ดวงตาคมสีทองราวกับสัตว์ป่าจ้องมองเหยื่ออย่างไม่ละสายตา เพียงแต่ว่าเหยื่อที่เขาคิด ไม่ได้ง่ายดายหรือโง่งมจนหลงเชื่อคำพูดของเขา


   “ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบปฏิเสธ แต่เขาก็ยังตื้อไม่เลิก


   “ฉันอยากตอบแทนเธอจริงๆ ต้องการอะไรบอกฉันได้เลยนะ”


   “แค่ไม่ทำให้ผมเดือดร้อนแค่นั้นก็พอครับ” ใช่ครับ ผมต้องการแค่นี้ ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องวุ่นวาย และไม่ต้องมีใครมาตามรังควานผม แค่นี้ล่ะครับที่ผมต้องการ


   “ได้ซิ” ดอนคอลิโอเน่ตอบรับ แต่รอยยิ้มที่มุมปากนั้นกลับไม่น่าไว้วางใจ คำพูดของเขาเชื่อได้แค่ไหนกัน ผมตอบได้เลยว่า ไม่ได้เด็ดขาด!!! ผมพนันด้วยผมทุกเส้นบนหัวของจอห์นเลยครับ


   ผมโดยหมายหัวแล้วแน่นอน!!!


   ผมแสร้งขอบคุณเขาทันที และแสร้งทำสีหน้าโล่งอกออกมา โดยการถอนหายใจออกมาแรงๆนั่นแหละครับ เพราะผมแสดงละครไม่เก่งเหมือนจอห์นหรอกนะ


   “ขอบคุณครับ คุณคุยโทรศัพท์ตามสบายนะครับ” ผมบอกเขา แกล้งเหลือบตามองนาฬิกาบนผนังที่ชี้เลขสิบเอ็ด “ผมจะไปซูเปอร์มาเก็ตฝั่งตรงข้าม ใกล้ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว เดี๋ยวผมกลับมาครับ” ผมบอกเขาให้รับรู้ เลี่ยงออกไปเพื่อหยิบกระเป๋าเงินที่วางไว้บนหัวเตียง ผมยังรับรู้ถึงสายตาของเขาที่จับจ้องอย่างไม่วางตา ผมพยายามทำท่าทางไม่ให้มีพิรุธเพื่อกลบเกลื่อน และเดินออกไปนอกห้อง


   เสียงปิดประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้ดวงตาของดราโกยอมละสายตาไปจากบานประตูสีน้ำตาล เขาพาร่างสูงใหญ่เคลื่อนไปที่ริมหน้าต่างเพื่อมองหาร่างเล็กของเด็กหนุ่ม เพียงไม่นานก็เห็นเทวดาตัวน้อยท่ามกลางผู้คนเดินเข้าไปยังซูเปอร์มาเก็ตฝั่งตรงข้ามจริงๆอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้ เมื่อได้เห็นคนที่มองหาเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงก้มลงไปที่มือถือเครื่องเล็กและกดเบอร์โทรฉุกเฉินที่เขาจำได้ขึ้นใจ รอสายเพียงไม่นาน อีกฝั่งก็รีบรับสายอย่างรวดเร็ว


   “ดอนครับ!!!” น้ำเสียงจากปลายสายดูตื่นเต้นดีใจ “ดอนเป็นยังไงบ้างครับ บาดเจ็บรึเปล่า ตอนนี้ดอนอยู่ที่ไหนครับ ผมจะรีบไปรับ”


   “ใจเย็นๆ จาคอบ” ดราโกเอ่ยปรามมือขวา “ฉันสบายดี นายมาที่ฝั่งเหนือ อพาทเมนต์บล็อคสองห้อง 303”


   มาเฟียซิซิเลียนอย่างดอนคอลิโอเน่บอกจุดหมายปลายทางให้อีกฝ่าย และเน้นย้ำให้อีกฝั่งนำกำลังคนมาให้เพียงพอและระวังข่าวสารรั่วไหล และไม่ลืมเน้นย้ำสิ่งสำคัญสำหรับเขาในตอนนี้


   “เตรียมเครื่องบินให้พร้อมเราจะกลับบ้านกัน”


   “ครับดอน” จาคอบรับคำ


   “นายเตรียมที่นั่งให้ฉันอีกหนึ่งที่ ฉันจะพาเทวดากลับบ้าน” น้ำเสียงหมายมั่นของเดรโกสะกิดใจคำพูดของมือขวาได้เป็นอย่างดี แต่ถึงแม้จะสงสัยขนาดไหน แต่เขาก็มีหน้าที่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น มือขวาของดอนคอลิโอเน่รับคำและเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมในเวลาอันรวดเร็ว เขาใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมมาปรากฏตัวอยู่ภายในห้องเช่าคับแคบที่ดอนอาศัยอยู่


   “ดอนรักษาตัวที่นี่หรือครับ” จาคอบขมวดคิ้วมุ่น ไม่ค่อยพอใจกับสภาพแวดล้อมที่เจ้านายรักษาตัวเท่าไหร่นัก    “ใช่” เขาตอบเสียงราบเรียบ ดวงตาจับจ้องไปทางประตูเพื่อเฝ้ารอใครบางคนให้เดินเข้ามา เมื่อดอนไม่พูดอะไรต่อ จาคอบและลูกน้องอีกห้าคนก็ยืนนิ่งเพื่อเฝ้ารอคนที่เจ้านายต้องการตัวอยู่เงียบๆ เสียงฝีเท้าดังขึ้นแผ่วเบาอยู่ตรงทางเดินและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


   มาแล้ว!!!


   “อย่าทำเขาบาดเจ็บ” ดราโกพูด เพียงไม่นานประตูก็เปิดออก ลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆรีบกระชากร่างนั้นเข้ามาแล้วจับล็อคตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา เสียงโอดโอยและตกใจดังลั่นจนแสบแก้วหู ดอนแห่งคอลิโอเน่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เท่าที่สัมผัสกับเด็กหนุ่มมาร์ตินคนนั้นมาตลอดทั้งเช้า เรื่องแค่นี้กลับทำให้เด็กคนนั้นร้องตกอกตกใจขึ้นมาได้ ไม่นึกว่าเด็กคนนั้นจะขวัญอ่อนขนาดนี้


   จาคอบเดินเข้าไปหาคนที่ถูกจับตัวเอาไว้ แต่เมื่อมองเห็นใบหน้าชัดๆ กลับต้องเบิกตากว้างและผงะถอยหลังเล็กน้อย คะ คนๆนี้คือเทวดาของดอนหรอกหรือ ผิดคาดไปหน่อย เอิ่ม ไม่หน่อยล่ะ มากเลยทีเดียว ชายคนนี้ร่างเล็ก หลังค่อม ผมล้านเตี่ยน ผมที่เหลืออยู่ก็ขาวโพลน ใบหน้าเหี่ยวย่น ดวงตาฟ้าฝาง เทวดาที่ดอนพูดถึง ทำไมถึงใกล้จะลงโลงอยู่รอมร่อ


   “ดอนครับ” จาคอบตั้งสติและเบี่ยงตัวหลบให้ดอนได้ยืนยันตัวบุคคล ตอนแรกดอนยังยกยิ้มอย่างชอบใจ แต่พอดวงตาสีทองได้เห็นใบหน้าของชายแก่คนนี้ชัดๆ แววตาดีอกดีใจแวววาวเมื่อครู่กลับหายวับ เหลือเพียงรังสีกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ แค่เห็นสีหน้าและอารมณ์ของดอนที่เปลี่ยนไปอย่างฉันพลับ มือขวาอย่างจาคอยที่อยู่กับดอนมานานก็เข้าใจในทันที


   ผิดคน!!!


   “ลุงเป็นใคร!!!! มาทำอะไรที่นี่!!!” จาคอบหันไปสวมบทโหด ตะคอกเสียงดังลั่นจนชายแก่สะดุ้งตกใจจนตัวโยน มือเหี่ยวย่นสั่นระริก รีบยกถุงจากซูเปอร์มาเก็ตมาให้ชายตรงหน้า จาคอบรีบรับมาแล้วยื่นไปให้ดอนที่นั่งกดดันอยู่


   “ดอนครับ” จาคอปยื่นถุงให้ดราโกอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มรับถุงมาและเปิดออก แววตาสีทองเย็นเยียบเมื่อครู่หายไปเหลือเพียงแววตาขำขันที่หาได้ยากจากดอน ภายในถุงนั้นมีเพียงมาม่าสองซองและกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆเท่านั้น ซึ่งโน๊ตที่ได้รับจากเด็กหนุ่มเขียนไว้ว่า



ต้มน้ำร้อนและรอสามนาทีครับ ถึงจะกินได้
และผมไม่ต้องการของตอบแทนใดๆ
แค่คุณไม่มาวุ่นวายกับผม ผมก็ขอบคุณแล้ว
ลาก่อนครับ

-- มาร์ติน สมิธ --



   ดราโกยากจะบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากที่อ่านโน๊ตแผ่นเล็กๆนั้นจบลง เพราะตอนนี้เขาทั้งรู้สึกตื่นเต้น หงุดหงิด และไม่สบอารมณ์กับแผนที่ไม่เป็นดั่งใจ ความรู้สึกนั้นปะปนกันจนเขาไม่รู้ว่าต้องแสดงออกอย่างไรต่อไปนอกจากหันไปถามชายแก่คนนั้นแทน


   “เล่ามา” ดวงตาสีทองมองไปยังร่างของชายแก่ที่ยังคงตัวสั่นระริกชวนสงสาร แต่เขาไม่ใช่พ่อพระที่จะมาเห็นใจใคร ในเมื่อเทวดาตัวน้อยๆของเขาบินหนีไปเสียแล้ว ก็ได้เวลามาสอบปากคำชายแก่คนนี้เสียที “เล่ามาให้หมด”


   “ดะ เด็กคะ คนนั้น ให้มาส่งของกินให้คะ ครับ” ชายแก่ตอบคำถามจนเสียงสั่นไหว


   “เขาพูดอะไรบ้าง” ชายหนุ่มถามต่อ


   “บะ บอกวะ ว่า หะ ให้คุณ กะ กินข้าว ก่อนไปด้วย คะ ครับ”


   “งั้นหรือ เอาเถอะ ไปได้แล้ว” ดราโกยกมือเสยผมสีดำสนิทที่ปรกหน้าขึ้นลวกๆ ถึงจะแค่นถามชายแก่คนนี้ต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ดวงตาสีทองขุ่นมัวอย่างไม่สบอารมณ์ มือหนึ่งนั่งเท้าคาง ส่วนมืออีกข้างที่เหลือก็เคาะโต๊ะเบาๆเป็นจังหวะ และนั่งมองลูกน้องของเขาโยนชายแก่ออกไปนอกห้องอย่างไม่ปราณี เมื่อประตูห้องปิดลงอีกครั้ง ก็เหลือเพียงเสียงเคาะโต๊ะจากดอนคอลิโอเน่เท่านั้น แต่เสียงเล็กๆที่ดังกึก กึก เป็นจังหวะ กลับทำให้จาคอปและลูกน้องอีกห้าคนที่เหลือเหงื่อซึมตามแผ่นหลังไปตามๆกัน พวกเขาต่างอึดอัดและกระวนกระวายอยู่ภายในใจลึกๆ แต่ภายนอกก็ยังรักษาอาการสงบนิ่งเพื่อเฝ้ารอคำสั่งต่อไปของชายหนุ่มผู้เป็นนายเหนือหัว


   “จาคอป นายไปสืบมา มาร์ติน สมิธ ชื่อปลอม สูงหนึ่งร้อยหกสิบกว่า อายุสิบกว่าปี ไม่สิบห้าก็สิบหกปี ผมและตาสีน้ำตาลอ่อน ลูกครึ่งเอเชีย ใช้วิธีการยังไงก็ได้ให้ตามหาเด็กคนนี้ให้พบและพามาหาฉันเร็วที่สุด อย่าให้ได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด” น้ำเสียงเฉียบขาดและแววตาที่เจือไปด้วยความตื่นเต้นท้าทายนั้นปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าในตัวเขาให้ตื่นขึ้น ท้าทาย น่าสนใจ และลึกลับน่าค้นหา หึหึ เทวดาตัวน้อย เธอจะหนีฉันได้อีกนานแค่ไหนกันนะ


   “ครับ แล้วดอนจะกลับเลยไหมครับ”


   “ไม่ล่ะ รออีกสักพัก” ดราโก้เอ่ยปฏิเสธ “ฉันจะกินมาม่าก่อนไป”



   หลังจากที่ผมเดินเข้ามาในซูเปอร์มาเก็ตฝั่งตรงข้ามกับห้องเช่าของผม ผมก็เดินซื้อมาม่ามาสองซองและให้ชายแก่คนหนึ่งเดินไปส่งพร้อมกับเงินค่าจ้างจำนวนมาก โดยกำชับว่าอีกครึ่งชั่วโมงค่อยเดินเข้าไปส่งถึงหน้าห้องพักของผม สาเหตุที่ผมให้เงินไปหลายยูโรก็เพื่อปลอบขวัญชายแก่ผู้น่าสงสารคนนี้ เพราะเมื่อเขานำมาม่าไปส่ง คงต้องตกอกตกใจ จับไข้หัวโกร๋นไปหลายวันเชียวล่ะ เพราะถ้าผมคาดเดาไม่ผิด ป่านนี้ห้องของผมคงเต็มไปด้วยลูกน้องของดอนแห่งคอลิโอเน่แล้วแน่นอน ผมจะบาปไหมนะ เหมือนรังแกคนแก่เลย


   เมื่อผมมอบหมายภารกิจระดับชาติให้ชายแก่คนนั้นไป ก็ถึงเวลาหนีของผมแล้วล่ะครับ ผมเปิดประตูหลังร้านซูปเปอร์และหนีเข้าไปในตรอกเล็กๆ ที่อิตาลีนี่ดีอย่างนะครับ ตรอกเล็กตรอกน้อยเยอะแยะมากมายจนสามารถหลบสายตาของใครต่อใครได้ ผมใช้เวลาเพียงไม่นานก็โผล่มายังถนนอีกฝั่งที่ห่างออกไปอีกสามบล็อค ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจทิศทางและมองหาป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟ แต่รู้สึกว่าแถวนี้จะอยู่ห่างออกไปมากเลยทีเดียว


   ผมไม่มีทางเลือก และไม่มีเวลามากพอที่จะเดินไป ผมจึงได้แต่รีบมองหาแท็กซี่ว่างๆซักคันเพื่อพาผมไปส่งที่สถานีรถไฟของกรุงโรม ตอนนี้ผมรีบมากๆเลยนะครับ แต่ทำไมถึงไม่มีแท็กซี่ว่างเลยซักคันนะ ผมต้องแข่งกับเวลาซะด้วยซิ ถ้ามัวแต่มายืนรอแบบนี้แล้วผู้ชายคนนั้นตามหาผมเจอล่ะ ผมจะทำยังไงต่อไป แต่เอ๊ะ!! ในที่สุดผมก็รีบร้อนเหมือนคนอื่นๆแล้วนี่ อืม ผมคงเข้าใจความหมายของคำว่าชีวิตขึ้นมาอีกหน่อยแล้วล่ะมั้ง


   ผมยืนรอแท็กซี่อีกสักพัก ก็เห็นแท็กซี่ว่างคันหนึ่งพอดี จึงโบกแท็กซี่และบอกโชเฟอร์ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ เพียงไม่นานผมก็เดินทางมาถึง ผมจ่ายเงินเสร็จก็รีบร้อนเดินเข้าสถานีไป แต่ทางที่ผมเดินลงไปไม่ใช่ทางที่ไปซื้อตั๋วรถไฟนะครับ แต่เป็นตู้ล็อคเกอร์ที่เรียงยาวเป็นแถวอีกฝั่งหนึ่งต่างหาก ผมหยิบกุญแจดอกเล็กๆที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาและมองหาล็อคเกอร์ฝากของของผม ผมเตรียมพร้อมไว้แล้วสำหรับกรณีฉุกเฉิน หลังจากที่ช่วยเหลือดราโกเอาไว้ผมก็เตรียมพร้อมไว้ตลอด เก็บเสื้อผ้ามาบางส่วนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เอกสารเช่นพาสปอร์ตและเงินส่วนใหญ่ก็นำมาไว้ในกระเป๋า


   ถึงเวลาผมก็แค่หนีออกมาด้วยท่าทางปกติ และหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้าผมทำได้นะครับ ผมไม่กล้าคิดเพ้อฝันมากเกินไป คนๆนั้นคือดอนคอดิโอเน่เลยนะครับ ข่าวสาร ข้อมูล เครือข่ายต่างๆอยู่ในกำมือของผู้ชายคนนั้น แค่เขาจะตามหาผมคงง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก อย่างน้อยผมต้องถ่วงเวลาเอาไว้ ถ้าเขารู้เขาคงเตรียมคนไปดักรอผมแน่นอน สถานที่แรกที่เขาจะไปดักรอก็คงเป็นสนามบิน แต่ผมจะไม่ไเลือกไปที่นั่นแน่นอน ถึงผมจะอยากไปแต่เที่ยวบินเต็มหมดในช่วงวันหยุดแบบนี้ ผมจะไปทางรถไฟและออกนอกประเทศไปทางสวิตเซอร์แลนด์ด้วยรถไฟความเร็วสูง จากโรมไปมิลานแค่สามชั่วโมง หลังจากนั้นผมจะต่อรถไฟอีกสายเพื่อไป Domodossola และข้ามไปสวิสทันที อย่างน้อยชื่อที่ผมบอกเขาก็เป็นชื่อปลอม คงถ่วงเวลาได้สักพักกว่าเขาจะหาชื่อจริงของผมพบ


   ผมจัดการซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง โชคดีที่อีกสิบห้านาทีรถไฟจะออกพอดี แม้ซื้อตั๋วในราคากระชั้นชิดแบบนี้จะแพงจนเขาอยากกระอักเลือด แต่ก็ดีกว่าต้องไปพัวพันกับดราโกแน่นอน แค่คิดก็ชวนเหนื่อยใจแล้วล่ะครับ คนอันตราย อย่ายุ่ง อย่าพัวพันได้จะดีที่สุด


   เมื่อถึงเวลาผมก็กระชับกระเป๋าเป้และเดินขึ้นรถไฟไป ลางสังหรณ์ของผมยังกระตุ้นเตือนถี่ยิบจนหวาดระแวง แต่เอาเถอะ ผมหวังว่าทุกอย่างจะดี เมื่อรถไฟออกจากชานชาลา ผมก็เริ่มเบาใจ รีบเปิดกระเป๋าเป้หยิบโน๊ตบุ๊คเครื่องเล็กบางเฉียบออกมา แต่ถึงจะเล็กแต่ประสิทธิภาพก็เต็มเปี่ยม และมันคือคู่หูของผมที่อยู่ด้วยกันมานาน


   ผมจัดการเชื่อมต่อข้อมูลพร้อมเปิดโปรแกรมป้องกันไว้ จัดการเชื่อมต่อเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายสถานีรถไฟและจัดการลบช่วงเวลาที่มีผมเดินผ่านกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆไปจนหมด และแทนทีด้วยภาพช่วงเวลาอื่นเพื่อไม่ให้ใครสงสัย และนำวิดีโอที่แฮคเข้ากับสนามบินในตอนที่ผมไปทำธุระที่นั่นเพื่อนำภาพมาใส่แทนในระบบเครือข่ายรักษาความปลอดภัยของสนามบินแทน


   ผมแอบใส่ชื่อผู้โดยสารมาร์ติน สมิธลงไปกับสายการบินหนึ่งไว้ด้วยครับ โดยสร้างข้อมูลปลอมและเลือกเก้าอี้ว่างซักที่ลงไป นี่คือกลยุทธ์หลอกล่อให้หลงทาง ฝ่ายดราโกคงมีซักคนสองคนที่เชี่ยวชาญทางเรื่องนี้ เพราะอย่างนั้นผมจึงไม่อยากเสี่ยง ไม่ว่าผมจะประเมินเขาสูงเกินไปหรือไม่ ผมก็ต้องเตรียมพร้อมและหาลู่ทางให้กับตัวเองให้ปลอดภัยไว้ก่อน พ่อผมเคยบอกว่า กันไว้ดีกว่าแก้ และผมเชื่อพ่อแน่นอน


   ผมหลับตาลงเพื่อพักสายตาที่อ่อนล้าจากการใช้สายตาเมื่อครู่ แต่หลับลงได้ไม่นานก็ต้องโทรหาเพื่อนเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ในโรม จาห์น คาเตอร์


   “คิตตี้ๆๆๆๆๆๆ มายสวีทฮาร์ท ไอเลิฟยู” คำทักทายแบบเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน พร้อมเสียงแหลมแสบแก้วหูดังทะลุออกมาจนผมนึกรำคาญ


   “พอแล้วครับจอห์น” ผมเอ่ยปรามและรีบเข้าเรื่องสำคัญ “ตอนนี้ผมไม่อยู่ที่โรมแล้วครับ ผมกำลังเดินทางไปที่อื่นต่อ ห้องเช่าที่ผมเคยอยู่คุณอย่าไปอีกนะครับ ถ้าให้ดีลาพักร้อนซักเดือนสองเดือนด้วยครับ”


   “มีปัญหาเหรอคริสติน”น้ำเสียงขี้เล่นเปลี่ยนเป็นจริงจัง แต่ก็ยังเจือไปด้วยความเป็นห่วง


   “นิดหน่อยครับ ผมจะกลับบ้านแล้ว ไว้มีเวลาผมจะติดต่อกลับอีกที” ผมตอบกลับและโกหกอีกฝ่ายนิดหน่อย ผมยังคงกลับบ้านไม่ได้เร็วๆนี้แน่นอน ก็ผมโดนไล่ออกจากบ้านอยู่นี่นา


   “อืม ดูแลตัวเองดีๆนะ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลย” หมอหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นห่วง “คุณไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปอบรมที่ต่างประเทศพอดี คงไม่กลับมาสักพัก”


   “ดีแล้วครับ แล้วเจอกันครับจอห์น” ผมวางสายและหักซิมทิ้งทันที ตัดช่องทางการติดต่อไปก่อน รอให้เหตุการณ์ต่างๆสงบมากกว่านี้ผมคงจะติดต่อจอห์นอีกครั้ง อย่าหาว่าผมระแวงเลยนะครับ กันไว้ดีกว่าแก้ คำพ่อสอนครับ



   
   จาคอปนำเอกสารมาให้กับกับดอนแห่งคอลิโอเน่หลังจากใช้เวลาค้นหาข้อมูลอยู่หลายชั่วโมง แต่เด็กหนุ่มที่ชื่อมาร์ติน สมิธนั้นกลับเหมือนบุคคลปริศนาที่ไม่มีที่มาที่ไป หายเข้ากลีบเมฆและตามหาตัวไม่ได้แม้แต่น้อย มือถือที่เป็นเบาะแสสุดท้ายที่อยู่กับดอนนั้นคือความหวังเล็กๆ แต่พอสืบค้นก็พบว่าเป็นเบอร์โทรใหม่ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ มือถือก็ซื้อมาจากร้านมือสองมาเมื่อไม่กี่วันก่อน พอค้นห้องก็ไม่มีเอกสารสำคัญ บัตรประจำตัว พาสปอร์ต ตั๋วอะไรไม่มีเลยแม้แต่น้อย ขนาดชื่อที่เช่าห้องก็เป็นชื่อปลอมเช่นเดียวกัน ตอนนี้เขามืดแปดด้าน โดยเฉพาะดอนที่ทำหน้าทะมึนดำคล้ำไม่พูดไม่จาตั้งแต่ได้รับเอกสารจากเขาไป


   “หาข้อมูลมาให้เจอจาคอป ฉันต้องได้เด็กคนนั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม” น้ำเสียงราบเรียบของดราโกเอ่ยขึ้นนิ่งๆ แต่คำสั่งของดอนนั้นคือที่สุด มือขวาของดอนรับคำและขอตัวเดินออกไปอีกครั้ง ทิ้งไว้แต่เจ้าของห้องทำงานหรูที่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างและดวงตาสีทองแวววาววเท่านั้น



ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา (บทที่ 3 ไม่พ้น!!!)
«ตอบ #4 เมื่อ03-06-2018 17:39:31 »


บทที่ 3 ไม่พ้น!!!


   ดราโก คอลิโอเน่ ดอนแห่งคอลิโอเน่ แฟมิลี่ ที่มีประวัติอยู่ในวงการมาเฟียซิซิเลียนมาอย่างยาวนาน ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักและถูกจับตามองมาตั้งแต่สมัยที่เขาอายุได้เพียงสิบแปดปี ทายาทที่แสนสำคัญและอัจฉริยะในมุมมืดอย่างดราโกได้นำแฟมิลี่มุ่งไปสู่ความรุ่งโรจน์และขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในโลกของมาเฟียได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอุปนิสัยที่เด็ดขาด สุขุม และโหดเหี้ยม


   ชายหนุ่มวัยสามสิบหกปีที่กำลังรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อเขาได้ลิ้มรสไวน์ชาโต้ มูตอง รอธส์ชิลด์ ปี 1945 ที่มีราคาถึง 23,000 ดอลาร์ ไวน์ฝรั่งเศษที่ขึ้นชื่อแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ นุ่มลิ้ม ละมุนละไม กลิ่นหอมหวานเหมือนกับเด็กหนุ่มที่กำลังหลับใหลโดยใช้ตักแกร่งของเขาต่างหมอน มือหนึ่งของดราโกใช้คลึงแก้วไวน์ทรงสูงด้วยอารมณ์สุนทรีย์ ส่วนอีกมือหนึ่งที่ว่างก็ลูบไล้สัมผัสกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลอย่างเพลิดเพลิน


   ดวงตาคมดุสีทองก้มสำรวจใบหน้าอ่อนเยาว์ของเทวดาน้อย ใบหน้าเล็ก จมูกโด่งรั้นนิดๆ และแพขนตายาวสีน้ำตาลอ่อน ภายใต้เปลือกตาที่หลับสนิทอยู่นั้นกลับมีดวงตากลมสีน้ำตาลสวยๆที่แสนจะไร้อารมณ์ซ่อนอยู่ เทวดาน้อยที่ไร้ชีวิต เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าเมื่อดวงตาคู่นี้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและเห็นเขาเป็นคนแรก เด็กคนนี้จะทำสีหน้ายังไงนะ


   “หึ น่าขำจริงๆ” เสียงทุ้มเยือกเย็นของดราโกพูดขึ้น จะไม่ให้เขาขำได้ยังไงในเมื่อเขาอายุจะเกือบสี่สิบเข้าไปแล้ว ยังถูกเด็กหนุ่มรุ่นลูกล่อหลอกจนหัวปั่นได้


   แต่เด็กน้อยคนนี้ยังอ่อนประสบการณ์มากเกินไป จุดเล็กๆน้อยๆที่เทวดาตนนี้มองข้าม กลับเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาสามารถพาตัวเด็กหนุ่มที่ชื่อ คริสติน นอร์แมน กลับมาหาเขาได้อย่างง่ายดาย หึหึ แล้วเด็กคนนี้ก็คงจะนึกไม่ถึงอย่างแน่นอน


   คริสตินอย่างนั้นเหรอ ชื่อเพราะสมกับเจ้าตัวดีนะ



   หลังจากที่ผมใช้เวลาอยู่บนรถไฟความเร็วสูงที่เดินทางจากโรมมาถึงมิลานนั้น ผมใช้เวลาในการปลอมแปลงตัวตนของผมอยู่พักใหญ่ ทั้งใส่ประวัติปลอม ลบประวัติการซื้อตั๋วรถไฟและลบภาพจากกล้องวงจรปิด ผมรีบจองตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางต่อในทันที รวมถึงติดต่อเอเจนซี่ของบริษัททัวร์เพื่อปลอมเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวปะปนเข้าไป


   ผมพยายามใช้เวลาที่แสนน้อยนิดนี้ในการจัดการวางแผนทุกอย่างให้เรียบร้อย เมื่อเช็คแล้วเช็คอีกจนแน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ผมถึงได้เอนหลังผิงพนักเก้าอี้รถไฟอย่างผ่อนคลาย เรื่องวุ่นๆที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ผมเหมือนใช้พลังชีวิตที่มีไปอย่างเสียเปล่า แทนที่ผมจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ในโรม ตื่นเช้ามาทำอาหาร ออกไปเดินเล่นชมเมือง ผมกลับต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนกับมาเฟียซิซิเลียนอย่างดราโก


   ผมไม่ได้โลกสวย หรือคิดว่าชีวิตผมจะเหมือนในนิยายที่แค่ว่ามีมาเฟียหนุ่มใหญ่มาติดใจเด็กแบบผมเพียงเพราะผมช่วยชีวิตเขาเท่านั้น แม้การช่วยชีวิตจะถือว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่เขาจะต้องตอบแทน แต่ผมรู้ว่าเหตุการณ์หลายๆอย่างมันประจวบเหมาะเกินไป และทำให้ดราโกสงสัยในตัวผม    


   อย่างแรก ดราโกเจอเหตุกาณ์ลอบสังหารจากกลุ่มที่ขัดผลประโยชน์ สอง ผมที่บังเอิญไปช่วยเหลือเขาไว้ด้วยความสิ้นคิดและความซวยที่ตามติดเป็นเงา สาม เขาคงสืบประวัติของผมและไม่พบชื่อมาร์ติน สมิธ จากที่ไหนเลย ดังนั้นเขาจึงสงสัย ว่าสาเหตุที่ผมเข้าไปช่วยเขาไว้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร จะช่วยเพราะเห็นผลประโยชน์ หรือหวังสิ่งตอบแทน หรือช่วยเพราะเป็นแผนของใครหรือแฟมิลี่ไหนรึเปล่า


   ตัวตนของผมคงกลายเป็นปริศนาชิ้นใหญ่ที่ทำให้เขาต้องขบคิด และไม่รู้ว่าผมอยู่ฝ่ายไหน ถูกใครส่งมา ดังนั้นเขาจึงต้องตามตัวผมเพื่อนำไปสอบถาม ไม่ซิ ผมใช้คำๆนี้ไม่ได้หรอกครับ อย่างพวกมาเฟียที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมคงต้องใช้คำว่าเค้นคอถามด้วยความทรมานมากกว่า


   แค่ผมบอกให้ทุกคนแค่นี้ ผมเชื่อเลยว่าทุกคนคงยกตำแหน่งคนดวงซวยที่สุดในโลกให้กับผมแล้วล่ะครับ โดนพ่อไล่ออกจากบ้าน เพราะต้องมาตามหาความหมายของคำว่าชีวิต จนกลายเป็นว่าผมจะเอาชีวิตไม่รอดแทน เฮ้อ ยังไงก็ตาม ผมไม่คิดว่าผมจะหนีรอดไปได้ง่ายๆหรอกครับ แต่ถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ ผมทำเท่าที่ผมจะทำได้อย่างสุดความสามารถก็พอ อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป แล้วถึงเวลานั้นค่อยตามแก้ไปตามสถานการณ์ ดวงตาสีน้ำตาลของผมในเวลานี้คงขุ่นมัวไร้อารมณ์เต็มที ถ้าความหมายที่พ่อผมของผมต้องการคือแบบนี้ ผมคิดว่าผมยอมไม่เข้าใจและนอนอยู่บ้านกับพ่อไปวันๆดีกว่า



   ผมนั่งรถไฟมาทั้งหมดสามชั่วโมง ตอนนี้เวลาสี่โมงกว่าแล้วล่ะครับ แต่ผมยังไม่สามารถเดินทางต่อได้เพราะตั๋วของผมที่ไป Domodossola นั้นออกเดินทางตอนหกโมงเย็น ผมได้แต่สะพายกระเป๋าและเดินออกไปหาที่นั่งรอด้วยความกระวนกระวาย ผมหลอนขนาดที่ว่าผมนั่งไปหันไปมองรอบๆตัวแทบจะทุกหนึ่งนาที หวั่นๆว่าผมนั่งอยู่ดีๆแล้วจะมีใครโผล่มาเซอร์ไพรส์ผมทางด้านหลังจริงๆ นะครับ


   ดวงตาของผมนั่งจับจ้องไปตรงเข็มนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ในอาคารรถไฟ ผมแทบจะนั่งนับวินาทีไปด้วยความลุ้นระทึก จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาผมจึงรีบร้อนผุดลุกนำกระเป๋าเป้ที่กอดเอาไว้มาสะพายบนบ่า เดินไปต่อแถวตรงช่องตรวจตั๋วที่มีคนทยอยกันมาเข้าแถวเพื่อเข้าไปด้านใน อีกนิดครับ เหลืออีกไม่กี่คนผมก็จะได้เข้าไปข้างในแล้ว ห้าคน สี่คน สามคน สองคน คนต่อไปก็เป็นผมแล้วล่ะ


   “คริสติน นอร์แมนใช่ไหมครับ” น้ำเสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อผม ตอนที่ผมกำลังจะยื่นตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่พอดี ร่างของผมชะงักและหันไปมองชายคนที่เรียกผมเอาไว้ด้วยใจลุ้นระทึก ก่อนที่ผมจะพบว่าคนที่เรียกผมเอาไว้คือตำรวจในเครื่องแบบสองคน “เชิญทางนี้หน่อยครับ”


   “ผม?…คุณตำรวจมีอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงของผมแสดงออกถึงความลังเลไม่แน่ใจ “รถไฟกำลังจะออกแล้ว ผมขอตัวได้ไหมครับ”


   “ต้องขอโทษด้วยนะ แต่อยากให้เธอไปกับเราหน่อยน่ะ” คุณตำรวจรูปร่างท้วมที่ยืนข้างๆกันเอ่ยขึ้นพลางผายมือให้เดินออกมาข้างนอกแถวและตามไปอีกทาง


   ผมยืนลังเลอยู่ตรงนั้นอย่างไม่แน่ใจและระแวงสงสัย แต่เพราะแววตากดดันของคุณตำรวจทั้งสองนายและสายตากดดันของผู้โดยสารที่กำลังยืนต่อแถว ทำให้ผมจำต้องเดินออกมาช้าๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ตำรวจทั้งสองนายพาผมเดินไปที่ห้องของนายสถานีและบอกให้ผมนั่งลง บรรยากาศภายในห้องนี้เหมือนห้องเย็นของฝ่ายปกครองที่โรงเรียนไม่มีผิด เพียงแต่คุณครูยังไม่น่ากลัวเท่าตำรวจสองนายนี้เลย


   ผมนั่งลงที่โซฟาเล็กๆ และมองคุณตำรวจทั้งสองพูดคุยซุบซิบอะไรบางอย่าง และนำกระดาษใบหนึ่งมาดู พลางมองสลับไปมากับใบหน้าของผม


   “คุณตำรวจครับ ผมอยากทราบว่าทำไมพวกคุณถึงพาผมมาที่นี่ครับ” ผมถามทันทีเมื่อเห็นหนึ่งในสองหันมาสบตากับผม พวกเขาพากันเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามและเริ่มพูดคุยกับผมด้วยหัวข้อที่ผมไม่เข้าใจ


   “เธอมีปัญหาอะไรรึเปล่าเจ้าหนู” คุณตำรวจร่างท้วมที่แนะนำตัวเองว่าชื่ออังเดรถามขึ้นมาก่อน หัวคิ้วของผมขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ


   “มีครับ ปัญหาของผมคือการที่ผมตกรถไฟแล้ว”


   “ไม่ใช่ซิ อย่างเช่นปัญหาในชีวิต เรื่องความรัก การเรียน หรือความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวน่ะ” เขายังถามต่อ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิม


   “ไม่ครับ” ผมเริ่มไม่เข้าใจตำรวจอังเดรแล้วจริงๆนะครับ ทำไมถึงเชิญผมมาที่ห้องนี้พร้อมกับถามคำถามพวกนี้กัน การเรียนผมไม่มีปัญหาแน่นอน กับพ่อผมก็รักใคร่กันดี อ๊ะ หรือเขาจะหมายถึงเรื่องนั้นกันนะ “ผม ออกมาจากบ้านครับ พ่อของผมบอกผมว่าให้ออกมาใช้ชีวิตดู”


   “นั่นแหละๆ ทะเลาะเรื่องอะไรกันรึเปล่า พวกลุงให้คำปรึกษาได้นะ” คุณตำรวจร่างผอมสูงที่ชื่อนิคพูดขึ้นบ้าง


   “ไม่นะครับ พ่อแค่ร้องไห้ตอนผมออกจากบ้านมา แต่ผมก็ติด...”


   “กับคนในครอบครัวก็อย่างนี้แหละนะ มีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เธอก็อย่าพึ่งใจร้อนนะ ทะเลาะกันแล้วหนีออกจากบ้านอย่างนี้มันอันตรายรู้ไหม” คุณตำรวจอังเดรส่ายหน้ารีบพูดขึ้นโดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดจบ ใบหน้ากลมๆนั้นแสดงออกถึงความระอาเหมือนกับผมเป็นเด็กมีปัญหาคนหนึ่ง “เธออายุแค่สิบหกปี จะเดินทางไปที่ไหนก็ไม่น่าไว้วางใจ ยิ่งสถานการณ์ช่วงนี้ไม่ค่อยดีอยู่ด้วย ผู้ปกครองของเธอเป็นห่วงมากเลยนะ”



   “พ่อของผมไม่ห่วงผมหรอกครับ” ผมติดต่อพ่อผมอยู่ตลอดนี่นา แถมเป็นคนที่บอกให้ผมออกจากบ้านเองด้วย จะมาห่วงอะไรเอาตอนนี้


   “ไม่ห่วงอะไรกันล่ะ ลูกทั้งคนจะไม่รักได้ยังไง” คุณตำรวจนิคพูดขึ้นมาบ้าง “ไม่ต้องห่วงหรอกนะเดี๋ยวพ่อของเธอก็มารับแล้วล่ะ กลับบ้านไปก็ไปคุยกันดีๆนะ”


   “เดี๋ยวครับ พ่อจะมารับเหรอครับ?” ผมผุดลุกด้วยความตกใจ ลางสังหรณ์ของผมกำลังเริ่มทำงานอีกครั้ง พ่อของผมไม่มีทางมาแน่นอน “พวกคุณเข้าใจผิดรึเปล่าครับ พ่อของผม...”


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก


   เสียงเคาะประตูทำให้คำพูดของผมชะงักค้างและไม่ได้รับความสนใจจากพวกเขา ทุกคนหันไปมองตามเสียงและคุณตำรวจร่างท้วมก็รีบร้อนลุกขึ้นยืนและเดินไปเปิดประตู ผมเห็นผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่มีผมสีน้ำตาลเข้ม สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ท่าทางภูมิฐานดูเคร่งขรึมจริงจัง กำลังยื่นบัตรบางอย่างให้กับคุณตำรวจดู ตำรวจร่างท้วมฉีกยิ้มกว้างพาร่างอุ้ยอ้ายมาหาผมพร้อมกับตบไหล่ผมเบาๆคล้ายให้กำลังใจ   


   “นั่นไง พ่อมารับแล้ว” เขาพูดขึ้น แต่คำพูดนั้นของเขาทำให้ผมผงะถอยหลัง หันตัวไปคว้ากระเป๋าเป้และรีบพุ่งฝ่าออกไป คิดว่าจะชนกระแทกพวกเขาโดยไม่ให้ทันตั้งตัว แต่ระหว่างที่ผ่านร่างของผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อของผมไปนั้น กลับเป็นผมเองที่ถูกคว้าต้นแขนเอาไว้แน่นหนา ผมพยายามสะบัดตัว และกระชากแขนให้หลุดออกมายังไงเขาก็ไม่สะทกสะท้าน


   “ปล่อย!!! ปล่อยผมนะ!!!”


   “เงียบได้แล้วคริสติน!!! ตามพ่อกลับบ้านเดี๋ยวนี้!!!” ผู้ชายคนนั้นตะคอกผมจนผมชะงักและเงยหน้าถลึงตาใส่เขาอย่างแข็งกร้าว


   “คุณไม่ใช่พ่อของผม คุณตำรวจครับ!! ช่วยผมด้วย!!” ผมพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่พวกเขากลับไม่เข้ามาช่วย ซ้ำยังแสดงสีหน้ากังวลใจว่าครอบครัวจะกลับมาดีกันเหมือนเดิมรึเปล่า ผมที่กำลังจะร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้งกลับชะงักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาได้ ผู้ชายใส่แว่นที่จับตัวผมอยู่นั้นได้แสดงเอกสารบางอย่างให้กับคุณตำรวจไป ซึ่งเอกสารนั้นคงเป็นหลักฐานปลอมที่แสดงความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้คุณตำรวจเชื่อ


   “อย่าดื้อคริสติน กลับไปค่อยคุยกัน” ผู้ชายใส่แว่นที่แสดงตัวเป็นพ่อของผมพูดเสียงอ่อนระโหย สีหน้าแสดงอาการรักใครห่วงหาปนโล่งอก ผมยอมรับเลยว่ารางวัลออสการ์ปีนี้ยกให้ผู้ชายคนนี้เถอะครับ แสดงได้ถึงขนาดนี้ผมก็เริ่มจะคล้อยตามเขาแล้ว!!


   “ขอบคุณคุณตำรวจทั้งสองคนมากเลยนะครับ”


   “ไม่เป็นไรครับคุณนอร์แมน เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วครับ” ตำรวจร่างสูงพูดขึ้น พร้อมกับหันมาโบกมือลาผมอีกด้วย “ลาก่อนนะคริสติน”


   “ครับ” ผมไม่รู้จะทำอะไรนอกจากบอกลาเขาเช่นกัน เมื่อพ่อตัวปลอมพยายามลากผมออกมาจากสถานีแล้ว ผมที่พยายามจะขืนตัว ทั้งชก ทั้งถีบ ทำทุกวิถีทางที่จะหลุดจากมือเขาให้ได้ก็ต้องหอบจนตัวโยน ทำทุกอย่างแต่เขาก็ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย จะให้ผมแหกปากร้องขอความช่วยเหลือกับคนอื่น สุดท้ายก็คงต้องกลับไปพบหน้าคุณตำรวจสองคนนั้นอยู่ดี


   “ปล่อยผมเถอะครับ” ผมพยายามขอร้องเขา แต่เขาก็ไม่หันมามองผมเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาพาผมมาที่รถยนต์สีดำยี่ห้อจากัวร์ที่ติดฟิล์มสีดำสนิทคันหนึ่ง โอเคครับ ผมยอมรับเลยว่าตอนนี้ลางสังหรณ์ของผมร้องเตือนถึงระดับสีแดงที่อันตรายสุดๆแล้วล่ะครับ


   ครั้งนี้ผมไม่รอช้ายกเท้าขึ้นเตะเข้ากลางหลังคุณพ่อตัวปลอมสุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ทัน รีบปล่อยแขนผมและหมุนตัวหันมาจับข้อเท้าของผมเอาไว้ รั้งยกขึ้นสูงจนผมแทบจะหงายหลัง สองมือที่พยายามผลักไสเขาตอนแรกกลับไขว่คว้ารั้งตัวของเขาเอาไว้แทน โดยที่ผมก็หลับตาเตรียมรับแรงกระแทกไว้ด้วยเช่นกัน แต่แทนที่ผมจะรู้สึกเจ็บจากการล้มหงายหลัง ผมกลับรู้สึกถึงผ้านุ่มๆผืนหนึ่งที่โปะลงตรงจมูกของผมพอดี


   ให้ตายเถอะครับ ผมขอตัวสลบก่อน ไว้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งผมค่อยหาทางหนีแล้วกัน



   “นายทำรุนแรงเกินไปรึเปล่า ทำไมที่ต้นแขนของเด็กคนนี้ถึงมีแต่รอยแดง” ดราโกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเมื่อเขาสังเกตเห็นรอยที่โผล่พ้นชายแขนเสื้อออกมา ระหว่างที่เขากำลังนั่งละเลียดจิบไวน์ เล่นกลุ่มผมของเทวดาน้อยที่นอนหลับเพราะฤทธิ์ยาสลบอยู่บนตักของเขาอยู่นั้น ดวงตาสีทองที่ไล่มองสำรวจก็พบเห็บรอยนิ้วมือบนผิวขาวๆ ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำบ้างแล้ว


   “ขอโทษครับดอน ผมพยายามจะพาคุณคริสตินกลับมา แต่เขากลับพยายามหนีจนผมต้องจับตัวเขาไว้ให้แน่นๆ” ชายร่างสูงสวมใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมเดินออกมาจากมุมมืด และโค้งตัวรายงานเหตุการณ์ให้เดรโกฟัง


   “ช่างเถอะ แต่ครั้งหน้า นายคงรู้นะคาลอส”


   “ครับผม” ชายที่แสดงเป็นคุณพ่อตัวปลอมของคริสตินก้มหน้ารับคำ คาลอสคือมือซ้ายของดราโกที่เป็นทั้งบอร์ดี้การ์ดและเลขาส่วนตัวของชายหนุ่ม


   “นายไปเถอะ เดี๋ยวมีอะไรฉันจะเรียกเอง”


   “ครับ”


   คาลอสหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานของดอนแห่งคอลิโอเน่อย่างเงียบๆ ห้องทำงานของชายหนุ่มก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง คงเหลือเพียงลมหายใจของคนทั้งคู่ที่ดังสลับขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แววตาสีทองของชายหนุ่มเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง เห็นแสงสีของกรุงโรมในยามค่ำคืนที่คล้ายกับอัญมณีบนผืนดินมากมาย บรรยากาศในตอนนี้ชวนให้ดื่มด่ำกับค่ำคืนที่แสนพิเศษจริงๆ


   “รีบๆตื่นขึ้นมาซิเทวดาของฉัน เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันเยอะเลยนะ”


   ดราโกเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่ยังคงนอนหลับฝันดีในห้วงนิทราอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มมาดหมายบางอย่าง มันเป็นรอยยิ้มที่คริสตินมาเห็นคงกู่ก้องร่ำร้องว่า ซวย อยู่ในใจอีกเป็นพันครั้ง



   อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้อากาศดีจังเลยนะครับ ที่นอนก็นุ่มมากเป็นพิเศษ อืม แตกต่างจากที่นอนเก่าในห้องเช่าของผมในโรมลิบลับ ผมว่าที่นอนกับหมอนต้องเป็นขนเป็ดแน่ๆเลยและผ้าทอก็คงเป็นผ้าฝ้ายร้อยเปอร์เซ็นต์ อากาศเย็นๆในยามเช้าแบบนี้ไม่อยากลุกเลยล่ะครับ เพราะที่นอนนี้ทั้งนุ่ม อุ่น และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาฟเตอร์เชฟที่ไม่คุ้นเคย


   เฮ้อ นั่นแหละครับ ผมบรรยายมาขนาดนี้แล้วผมควรจะลืมตาแล้วยอมรับความจริงได้แล้วใช่ไหมครับ แต่ผมไม่อยากเลยนี่นา อยากจะหายตัวไปตอนนี้เลยจริงๆ แต่เพราะการหายตัวไปนั้นมันไม่อาจจะทำได้น่ะซิครับ เพราะเทคโนโลยีในตอนนี้ทำได้แค่การหักเหของแสงเพื่อใช้ในการพลางตาเท่านั้นเอง อ๊ะ ผมลืมตัวอีกแล้วครับ โอเค ทิ้งหลักการและเหตุผลต่างๆนานาไปก่อน


   ถึงผมอยากจะถ่วงเวลาไว้นานแค่ไหน แต่ผมก็ต้องยอมรับความจริงครับ ผมเงี่ยหูฟังเล็กน้อย แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงใดๆภายในห้องผมก็วางใจ เลยลืมตาขึ้นมาและเห็นเพดานสีเทาตรงหน้าเป็นอย่างแรก แอบเหลือบตามองสภาพแวดล้อมภายในห้องอีกนิดเพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ ผมจึงพยุงร่างกายตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอน และสำรวจห้องนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง


   ห้องนอนถูกจัดอย่างเรียบง่ายในสไตล์โมเดิร์น ข้าวของเครื่องใช้ก็เน้นโทนสีดำและเทาเป็นหลัก เตียงนอนที่ผมใช้อยู่นั้นอยู่ติดชิดริมผนังใกล้หน้าต่างบานใหญ่ ปลายเตียงมีทีวีจอยักษ์และมีประตูเลื่อนอยู่หนึ่งบาน ผมคาดว่าเป็นประตูตู้เสื้อผ้า และใกล้ๆกันก็เป็นประตูห้องน้ำ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่ผมพุ่งไปสำรวจสภาพแวดล้อมภายนอกหน้าต่างก่อนเป็นอันดับแรก และก็พบว่าผมหลงเข้ามาในป่าครับ


   มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า ป่า ป่า และป่า เมื่อผมมองภาพตรงหน้าให้ชัดๆอีกครั้งจนแน่ใจแล้ว ผมจึงหมุนตัวผละออกมาเพื่อมองหากระเป๋าเป้ของผมต่อทันที ผมเดินหาจนทั่วห้องแต่ก็ไม่พบ พวกเขาคงเอามันไปเพื่อเช็คและตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว แต่คู่หูของผมใช่ว่าจะตรวจสอบได้ง่ายดายนะครับ ถ้ากรอกรหัสผ่านเข้าเครื่องผมไม่ถูกก็จบกัน ดีไม่ดีระบบที่ผมวางไว้เพื่อเล่นงานผู้บุกรุกก็จะทำงานทันที ทีนี้ล่ะเดือดร้อนกันถ้วนหน้าแน่นอน


   ในเมื่อข้างนอกมีแต่ป่า คอมพิวเตอร์คู่หูก็หายไป ผมจึงทำได้แต่เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นและเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจนี้ อย่างน้อยก่อนเผชิญหน้ากับปัญหาหรือใครก็ตามที่จับตัวผมมา ซึ่งผมมั่นใจมากเลยทีเดียวว่าคนๆนั้นต้องเป็นคนเดียวกับคนที่ทำให้ผมต้องหนีหัวซกหัวซุนไปถึงมิลาน


   ผมใช้เวลาเพียงไม่นานก็จัดการธุระส่วนตัวของผมจนเสร็จเรียบร้อย ถือวิสาสะหยิบเสื้อยืดสีขาวในตู้ขึ้นมาใส่โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของห้อง เพราะเท่าที่ผมดูแล้ว เสื้อในตู้ฝั่งนี้เป็นเสื้อไซต์ผมทั้งนั้นเลยครับ แถมยังเป็นดีไซน์ที่ผมใส่ประจำอีกต่างหาก เฮ้อ มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องมีแต่เดินหน้าต่อไปอย่างเดียวเท่านั้น


   ผมทำใจอยู่ตรงประตูห้องเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมกำลังใจและเปิดประตูไม้ออกไป ตรงทางเดินนั้นไร้ผู้คน ไม่มีคนคุม ไม่มีแม่บ้าน ไม่มีใครเดินผ่านมาเลยแม้แต่น้อย ผมเดินสำรวจไปทั่วจนครบทั้งชั้นแต่ก็ยังไร้วี่แววผู้คน จึงตัดสินใจเดินลงบันไดไปชั้นล่างแทน จนกระทั่งผมได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วมาเล็กน้อยจากทางขวามือ ซึ่งผมคิดว่าทางนั้นน่าจะเป็นห้องครัวเพราะได้กลิ่นอาหารลอยมา


   ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะหมุนตัวเดินไปทางซ้าย ผ่านห้องสมุด ผ่านห้องพักผ่อนที่มีเครื่องเล่นเกมส์มากมาย วนเวียนจนทะลุเจอห้องอาหาร และพบว่าห้องนั้นเป็นห้องที่ผมไม่อยากจะเดินผ่านมากที่สุดห้องหนึ่งเลยครับ


   “อรุณสวัสดิ์คริสติน” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยทัก ผมไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเข้าไปในห้องนั้นและหยุดยืนอยู่ในระยะที่ห่างมากพอกับชายหนุ่มที่กำลังนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะอาหารพร้อมรอยยิ้มที่ผมไม่สบายใจ


   “อรุณสวัสดิ์ครับ ดราโก”



***************************************

สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ไรท์แต่งนิยายแนววาย มีจุดไหนที่ผิดพลาดก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ ไรท์ยินดีรับคำแนะนำจากทุกคนเพื่อปรับปรุงนิยายเรื่องนี้ให้ดียิ่งขึ้น ต้องขอฝากเนื้อฝากตัว ฝากน้อง ฝากลุง ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกท่านด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่าาาาา  :mew1:


ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #5 เมื่อ03-06-2018 19:58:23 »

 o13 มันดีมากเลยค่ะ...  o13 ลึกลับแบบละมุนละไมแต่สีดำอมชมพู...  o13

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #6 เมื่อ03-06-2018 20:04:05 »

สนุกมากค่ะ ลงชื่อติดตาม

+เป็ดให้ด้วยค่ะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #7 เมื่อ03-06-2018 22:52:46 »

อุ้ยลงในเล้าด้วยติดตามค่ะเรื่องนี้สนุก

ออฟไลน์ supermyrainbow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #8 เมื่อ04-06-2018 11:29:27 »

วางเนื้อเรื่องดีมาก น่าสนใจ น่าติดตาม
รอลุ้นกันต่อไป :katai2-1:

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 4 เธอคือใคร?
«ตอบ #9 เมื่อ04-06-2018 15:41:29 »


บทที่ 4 เธอคือใคร?



“เมื่อคืนหลับสบายไหม” มาเฟียหนุ่มแห่งคอลิโอเน่ถามขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มได้ผายมือเชื้อเชิญให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ โดยที่ดราโกนั่งตรงหัวโต๊ะ ส่วนผมทรุดตัวนั่งลงทางด้านขวามือของเขา



“ครับ เป็นคืนที่ผมหลับสนิทมากเลยทีเดียว” ผมนั่งกอดอกและประชดกลับไปเล็กน้อย เสียงหัวเราะทุ้มในลำคอของดราโกดังขึ้นเบาๆ เมื่อทักทายกันพอเป็นพิธีเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ผมไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่เขารู้ชื่อจริงของผม เรื่องของผม เขาคงสืบรู้มาระดับหนึ่งแล้วล่ะ



บรรยากาศภายในห้องอาหารจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เพราะทั้งผมและเขาต่างก็นั่งกันเงียบๆ ไร้ซึ่งบทสนทนาพูดคุย นานๆ ทีถึงจะมีเสียงพลิกหน้าหนังสือพิมพ์บ้าง ระหว่างที่ดอนแห่งคอลิโอเน่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ติดตามข่าวสารไปนั้น ผมก็นั่งครุ่นคิดอยู่ภายในใจเงียบๆ ไม่ทันสังเกตเห็นแม่บ้านสูงวัยนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟผมเลยด้วยซ้ำ บรรยากาศแบบนี้ผมรู้ว่ามันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น หลังจากมื้ออาหารจบลง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป คงต้องรอดูและแก้ไปตามสถานการณ์เรื่อยๆ



ผมแอบเหล่มองเขาที่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดอ่าน ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายไม่เหมือนกับตอนที่เขาอยู่ในห้องเช่ากับผมเมื่อวานตอนเช้าเลยซักนิด อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เขาอยู่ในพื้นที่ของเขาที่ปลอดภัย ถึงแม้ในบ้านจะไม่เห็นการ์ดซักคน แต่ผมเชื่อว่าถ้าผมย่างเท้าออกนอกประตูบ้านไปแค่ก้าวเดียวก็คงจะโดนรวบตัวในทันที



ดอนคอลิโอเน่ เป็นผู้ชายที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวมากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะหนีไปตอนนี้เลย แม้เขาจะดูผ่อนคลาย แต่ความเป็นผู้นำ รังสีความกดดัน และอำนาจในตัวเขาดูกดผมให้ตัวลีบแบน อันตราย คำๆ นี้ยังผุดอยู่ในสมองของผมไม่หยุด สัญญาณอันตรายยังคงร้องเตือน ผมจะทำให้เขาเชื่อได้ยังไงว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารเขา



“เป็นอะไรไปคริสติน เธอดูเหม่อลอย” ชายหนุ่มที่ผมนึกอยู่ในใจเมื่อครู่ปิดหน้าหนังสือพิมพ์ในมือลง และจับจ้องมาทางผม อืม ถึงเขาจะจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือตรงหน้า แต่ก็ยังคงลอบสังเกตผมอยู่ซินะ



“แค่คิดว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไปน่ะครับ” ผมตอบตามความจริง ไม่รู้ว่าจะปิดบังความจริงไปเพื่ออะไร ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยหันไปสบตากับดราโกตรงๆ



“อยู่ที่ตัวเธอเองนั่นแหละเด็กน้อย” รอยยิ้มร้ายของเขาปรากฏขึ้น ร่างสูงของเขาขยับเข้ามาใกล้ และใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจก็เคลื่อนเข้ามาจนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่กระทบผิวหน้า



“ครับ” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่มีแวววูบไหวหรือหวั่นไหวหวาดกลัวแม้แต่น้อยในแววตา ชายหนุ่มตรงหน้าเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มและแววตาที่ผมไม่เข้าใจความหมายจะถูกส่งมาให้ผม



ดราโกถอยกลับไปอยู่ที่เดิม ผมถึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่นานแม่บ้านสามสี่คนก็ยกอาหารเช้ามาให้ทั้งผมและดราโก คือเบคอน ไส้กรอก และไข่ เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังโรลอย่างง่ายๆ แต่สำหรับดราโกมีกาแฟเพิ่มมาอีกแก้ว และสำหรับผมมีช็อคโกแลตร้อนๆ หนึ่งแก้ว



ในระหว่างที่ผมและดราโกรับประทานอาหาร ไม่มีใครเริ่มต้นบทสนทนาใดใดทั้งสิ้น มีแต่เสียงช้อนกระทบจาน และเสียงธรรมชาติที่ดังคลอไปเท่านั้น ผมละเลียดกินอาหารไปช้าๆ อย่างไม่รีบร้อน แต่ในหัวของผมกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ถ้าผมได้คอมพิวเตอร์ของผมกลับมา ผมคิดว่าผมสามารถหนีออกไปได้ แต่ผมคงไม่ดูถูกความสามารถของคอลิโอเน่ แฟมิลี่แล้วล่ะ พวกเขามีความสามารถมากพอที่จะตามผมกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงหกชั่วโมงด้วยซ้ำ ให้ตายเหอะ ผมประมาทไปแล้วจริงๆ



ดวงตาของดราโกลอบสังเกตเทวดาน้อยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ท่าทาง แววตา หรือแม้แต่การแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ของคริสตินเขาก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจ ไม่มีความกลัวปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานการณ์ในรูปแบบนี้บ่อยๆ หรือไม่ก็เป็นพวกไม่สนใจโลกเลยแม้แต่น้อย แต่เขามั่นใจว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวข้องการการลอบสังหารเขาแน่นอน



ในวันนั้นที่เขาโดนลอบยิง ข่าวการประชุมลับกับพวกเอลปาโซเรื่องผลประโยชน์ในการค้ากลับรั่วไหล ระหว่างที่เขาออกจากโรงแรมและกำลังจะขึ้นรถ สไนเปอร์จากศัตรูนั้นอยู่ตรงตึกฝั่งตรงข้าม โชคดีที่บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งของเขาตาไว จึงช่วยให้เขารอดจากการโดนยิงเจาะกะโหลกได้ แต่นั้นก็คือสัญญาณการเปิดฉากยิง พวกเขาอยู่ในที่แจ้ง แต่พวกมันอยู่ในที่ลับ ทางฝ่ายคอลิโอเน่นั้นเสียกำลังไปราวกับใบไม้ร่วง แต่พวกเขาก็มีฝีมือเก่งกาจมากพอที่จะทำให้เขาสามารถหนีรอดออกมาได้



สุดท้ายในระหว่างที่เขาอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เทวดาน้อยคนนี้ก็ยื่นมือมาช่วยชีวิตเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด เด็กประหลาดที่หน้าตาเหมือนละทางโลก ไร้ซึ่งกิเลส ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก เด็กอายุเพียงสิบหกปีที่ควรมีแต่ความสดใสเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ใบหน้าน่ารักอ่อนเยาว์นั้นกลับเฉยชากับทุกสิ่ง และเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้เขาต้องตามตัวเด็กคนนี้กลับมา



คริสติน นอร์แมนคือใคร?



ดราโกอยากรู้ว่าเด็กคนนี้มาจากไหน ใครเป็นคนเลี้ยงดู และอะไรที่หล่อหลอมให้คริสติน กลายเป็นคริสตินทุกวันนี้ และเพราะอะไร คริสตินถึงเก่งกาจและรอบคอบขนาดวางแผนจนเกือบหนีออกนอกประเทศได้ ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังของ คริสตินกันแน่



“กินเสร็จแล้วใช่ไหม ไปคุยกันที่ห้องทำงานฉัน” ดราโกพูดขึ้นเมื่อเขาเห็นคริสตินวางและรวบช้อนอย่างเรียบร้อย เด็กหนุ่มพยักหน้าและเดินตามหลังชายหนุ่มไปเงียบๆ



ผมเดินตามหลังดราโกเข้ามาภายในห้องทำงานชั้นสองทางปีกขวา ห้องนี้เป็นห้องที่ดูกดดันเพราะการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีทึบที่ดูหนัก และผมคงบอกได้ว่าสมเป็นมาเฟียจริงๆ ดูของสะสมทางดราโกที่วางไว้ในตู้โชว์หลังโต๊ะทำงานซิครับ ปืนหลายรุ่นหลายกระบอกถูกวางประดับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเลยล่ะ หวังว่าเขาคงไม่นึกครึ้มเอาผมเป็นเป้ายิงขึ้นมาหรอกนะ



“นั่งซิ” ดราโกบอกผม ผมจึงนั่งลงบนโซฟาหนังสีดำฝั่งตรงข้ามกับเขา บรรยากาศดูกดดันขึ้นมาทันตาเห็น เมื่อดราโกนั่งจ้องผมนิ่งๆ ด้วยดวงตาคมดุสีทองคู่นั้น



“คุณจะถามผมเรื่องอะไรครับ” ผมเป็นฝ่ายเริ่มถามขึ้นมาก่อนเพราะทนความเงียบนี้ไม่ไหว ปกติผมก็เป็นคนพูดน้อยนะครับ ขี้เกียจพูดโดยไม่จำเป็นด้วย แต่พอเจอคนที่พูดแต่ทำเงียบกดดันผมแบบนี้ ผมก็รู้สึกไม่ค่อยชอบเลย



“เธอคือใครคริสติน” ดราโกถามคำถามที่ค้างคาใจขึ้นมาทันที



“คริสติน นอร์แมนครับ ผมคิดว่าคุณรู้จักผมดีนะครับ จากประวัติที่คุณหามาได้” ผมย้อนเขา



“แต่นั่นไม่ใช่ประวัติทั้งหมดของเธอน่ะ คนของฉันพยายามค้น แต่พอล้วงลึกเข้าไปก็พบว่าประวัติของเธอถูกป้องกันไว้ในระดับสูงสุด” ดราโกหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อจับจ้องปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม “ไม่มีเด็กอายุสิบกว่าปีที่ไหนหรอกนะที่ประวัติความเป็นมาลึกลับขนาดนี้นอกจากเธอ”



“แต่เรื่องของผมก็คงไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณโดนลอบยิงหรอกใช่ไหมครับ” ผมดึงเขากลับมาประเด็นสำคัญที่ทำให้ผมถูกจับกลับมาแบบนี้ “การที่คุณไม่คาดคั้นเรื่องนั้นกับผม คุณคงพอจะรู้แล้วว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดทั้งสิ้น”



“ใช่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่ตอนแรกที่ฉันต้องการตัวเธอนั้นเพราะต้องป้องกันไว้ก่อน เธอคือผู้ต้องสงสัยเดียวของฉันในตอนนั้น และเพราะเป็นตัวเธอที่ทำตัวน่าสงสัยเอง”



น่าสงสัย? ผมทำตัวน่าสงสัยตรงไหนเหรอครับ ผมว่าผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำตัวปกติเหมือนทุกคนนะ



“ผมไม่เข้าใจ” ผมพูดตามความจริง ดวงตาสีน้ำตาลของผมคงฉายแววงุนงงออกมา



“เธอดูเฉยชากับทุกสิ่งเกินไป ดูไร้อารมณ์ความรู้สึกเกินไป เด็กอายุเท่านี้แต่กลับมีบุคลิกนิสัยแบบนี้มันทำให้เธอน่าสงสัยน่ะซิ” ดราโกพูด แต่สิ่งที่เขาพูดกลับมานั่นคือความจริง ผมก็อยากเป็นแค่เด็กวัยรุ่นทั่วไปเหมือนกันนะครับ แต่ผมไม่สามารถทำได้ ผมย้อนเวลากลับไปไม่ได้ และผมไม่สามารถยิ้มได้เหมือนเดิมอีกต่อไป



“คิดว่าเรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้ อดีตของผมทำให้ผมเป็นผมทุกวันนี้ แค่นั้นครับ ไม่มีอะไรมาก” ดวงตาสีน้ำตาลของผมวาววับและร้อนผ่าว ไม่ใช่ว่าผมจะร้องไห้หรืออะไรนะครับ แต่ผมกำลังเครียด เรื่องนี้ผมไม่อยากรื้อฟื้น ไม่อยากขุดคุ้ย ผมจึงเปลี่ยนเรื่อง “ในเมื่อคุณรู้เรื่องของผมดีแล้วว่าผมไม่เกี่ยวข้อง คุณควรปล่อยผมกลับได้แล้วนะครับ”



ดวงตาสีทองสบนิ่งกับดวงตาของผม เหมือนทั้งผมและเขากำลังประเมินและล้วงลึกความรู้สึกเข้าไปลึกถึงข้างใน ให้เปิดเปลือยทุกความรู้สึก แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่มีทางรู้ทุกความคิดของผม เช่นเดียวกับที่ผมไม่สามารถล่วงรู้ความคิดของเขาได้เช่นกัน อืม จะว่าไปก็แค่มองกันนิ่งๆ เพื่อกดดันฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นแหละครับ ใครจะไปอ่านใจคนอื่นได้กันเล่า โถ่



“หึ ฉันสนใจตัวเธอนะเด็กน้อย อยากจะรู้จริงๆ ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่” ดราโกเอนหลังนั่งพิงพนักโซฟา บรรยากาศรอบตัวเขาดูผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย



“ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากว่าเมื่อไหร่คุณจะปล่อยผม ในเมื่อคุณรู้แล้ว คุณไม่มีสิทธิ์รั้งตัวผมไว้ แค่นี้คุณทำให้ผมเสียเวลามากเกินพอแล้วครับ” ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยากจะหนีขึ้นมาจริงๆ ซะแล้วซิ ภารกิจที่พ่อมอบหมายให้ก็ยังไม่สำเร็จ อยากกลับบ้านใจจะขาดแล้วครับ ถ้ารู้ว่าการออกมานอกบ้านแบบนี้ทำให้ผมเจอเรื่องซวยๆ ล่ะก็ วันนั้นที่พ่อให้ผมออกจากบ้านมา ผมคงจะกอดขาอ้อนวอนพ่อจนกว่าท่านจะใจอ่อน



“เธอรู้ไหม ว่านอกจากฉันที่กำลังตามหาเธอแล้ว พวกโคซ่าก็เช่นเดียวกัน” ชื่อแก๊งมาเฟียซิซิเลียนอีกกลุ่มหนึ่งที่ออกมาจากปากของดราโก ทำให้ผมต้องหันไปสบตาเขาทันที ท่าทางของผมคงทำให้เขาชอบใจไม่ใช่น้อย ดวงตาสีทองของเขาจึงพราวระยับชวนหนาวสันหลัง



“เธอรู้จัก?”



“……” ผมรู้จักครับ แต่ไม่รู้จะตอบดราโกได้ยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมกำลังครุ่นคิดถึงคำตอบ ไม่ทันรู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าร่างสูงใหญ่ของเขาเคลื่อนตัวมานั่งอยู่บนโซฟาเดียวกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ พอผมรู้ตัวอีกที ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ยื่นมาประชิด อ้อมแขนแกร่งภายใต้เสื้อเชิร์ตสีดำกักผมเอาไว้อย่างแน่นหนา



“เธอเกี่ยวข้องกับโคซ่ายังไง” น้ำเสียงของดราโกมีแต่ความเย็นเยียบเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ดวงตาของเขาเหลือเพียงแค่แววตาเย็นชาเท่านั้น “ตอบ!!!!! ”



ผมสะดุ้งกับเสียงตะคอกของดราโก ร่างกายของผมตอบสนองขึ้นมาอัตโนมัติคือการเบียดร่างให้จมลึกลงไปกับโซฟานุ่ม ผมไม่ชอบเสียงตะคอก และมันทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมา ดวงตาของผมจึงสั่นไหวเล็กน้อย แต่คำตอบของคำถามนั้นผมไม่สามารถตอบเขาได้ ผมทำได้เพียงหลบสายตาคมกล้าของเขาเท่านั้น



“ตอบมาคริสติน ก่อนที่ฉันจะฆ่าเธอ” ดราโกบีบปลายคางของเด็กหนุ่มอย่างแรงและจับใบหน้านั้นให้มองมาทางเขา แม้ภายในแววตาลึกๆ ของเด็กหนุ่มจะมีแววสั่นไหว แต่ก็แฝงไปกับความดื้อดึงที่จะไม่ปริปากบอกข้อมูลใดใด



“ผมไม่เกี่ยวข้องกับโคซ่า” ผมตอบเสียงแผ่วเบา



“แล้วทำไมพวกมันถึงต้องตามหาเธอ”



“ไม่รู้ครับ” ผมรู้ แต่ผมจะไม่บอก ผมยกมือปัดมือแกร่งข้างนั้นออกอย่างแรง ปลายคางของผมรู้สึกชาหนึบและคิดว่าคงเป็นรอยแดงจากนิ้วมือของชายหนุ่มแน่นอน



“หึ” เสียงแค่นหัวเราะเย็นชาจากดราโกดังขึ้น



“คุณปล่อยผมไปเถอะ” น้ำเสียงของผมเริ่มอ้อนวอนเขา แต่แค่ทำให้ดวงตาของดราโกจ้องมองเงียบๆ เท่านั้น



“ปล่อยเธอไป? เพื่อให้พวกโคซ่ามาจับตัวเธออย่างงั้นเหรอ ไม่มีทางคริสติน” ดราโกเอ่ยเสียงเฉียบขาด “จนกว่าฉันจะรู้ว่า เพราะอะไร!!! พวกมันถึงต้องการตัวเธอ เธอจะไม่มีวันได้ออกไป”



“คุณก็รู้ว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับวงการนี้ของพวกคุณด้วยซ้ำ ผมเอาตัวรอดได้” ผมเถียงกลับไป แต่ผมกลับโดนรั้งใบหน้าให้เงยขึ้นมองชายหนุ่มอีกครั้งในระยะประชิด ผมตกใจทันทีเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจร้อนของดราโกเป่ารดผิวหน้า ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มนั้นบดบังแสงที่ส่องจากทางหน้าต่างจนมิด ริมฝีปากบางเฉียบของเขาก้มมาชิดริมฝีปากแดงเรื่อของผม ก่อนจะงับและดึงดันบีบบังคับอย่างรุนแรง จนผมได้กลิ่นคาวเลือดจากมุมปากที่พยายามต่อต้านการรุกล้ำนี้อย่างยากลำบาก



“ฮึก” ผมพยายามประท้วง แต่ริมฝีปากของผมกลับถูกปิดแนบแน่น สมองที่เคยประมวลผลทุกอย่างด้วยความรวดเร็วและวางแผนไว้่ก่อนก้าวหนึ่งเสมอ ตอนนี้กลับมืดมิดไร้ทางออก ได้แต่ต่อต้านจนไร้เรี่ยวแรงและคล้อยตามการชักนำของชายหนุ่มไปอย่างไร้เดียงสา



ความหอมหวานที่ดราโกกำลังดึงดันบีบบังคับเพื่อเชยชิมนั้นทำให้เขารู้สึกหวามไหวอย่างน่าประหลาด ตอนแรกเขาแค่หงุดหงิดที่เด็กหนุ่มเอาแต่เถียงและไม่ยอมบอกความจริงใดใดแก่เขา และเห็นปากอิ่มแดงเรื่อเจรจานิ่งๆ เถียงเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้ หึ ผมเอาตัวรอดได้อย่างนั้นเหรอ แล้วเด็กที่ไหนกันล่ะที่โดนเขาจับตัวกลับมาแบบนี้ เถียงคำไม่ตกฟากแบบมีหลักการและเหตุผลที่เขาเถียงไม่ได้ เขาก็เลยตัดปัญหาด้วยการใช้ปากปิดเสียงเจรจานั้นซะเพื่อความสบายใจ และอยากลิ้มลองดูดกลืนปากแดงๆ น่ารักนั้นลงไป



ผลที่ได้นั้นเกินความคาดหมาย ตอนนี้เขาไม่สามารถหยุดลิ้มรสความหอมหวานนี้ได้เลย เสียงประท้วงอึกอักนั้นก็กระตุ้นเร้าความร้อนภายในกายให้พุ่งสูงขึ้น มือหนาที่กักร่างบางในอ้อมแขนเริ่มลูบไล้ช่วงเอวเล็กนั้นอย่างเพลิดเพลิน สอดลึกเข้าไปสัมผัสผิวเนื้อเนียนนุ่มนั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม



ใบหน้าเนียนใสอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มแดงซ่านหายใจหอบหนัก จากการจุมพิตที่ลึกล้ำและไม่คุ้นเคย จนกระทั่งเขาเริ่มหายใจไม่ออกและดวงตาเลื่อนลอย ซาตานตัวร้ายอย่างดราโกจึงยอมผละจาก แต่ก่อนจะละทิ้งความหอมหวานนี้ ชายหนุ่มยังคงละเลียดชิมไล้เลียริมฝีปากแดงเรื่ออีกครั้งอย่างอ้อยอิ่ง



“แฮ่ก แฮ่ก คุณ ทำไม?” ผมหายใจหอบหนัก กอบโกยอากาศเข้าไปในปอดให้มากที่สุด จากมือของผมที่พยายามผลักร่างสูงให้ถอยห่าง ตอนนี้กลับดึงรั้งชายเสื้อเขาไว้อย่างแน่นหนาแทน แม้ชายหนุ่มจะยอมผละจากความหวานนั้น แต่ฝ่ามือหนายังคงลูบไล้ผิวเนื้อของเด็กหนุ่มอย่างย่ามใจ ส่วนเจ้าตัวก็ยังหอบจนตัวโยนไม่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เรือนร่างของตัวเองเปิดเผยต่อสายตาของเขาขนาดไหน



ยั่ว!!



ดวงตาสีทองของดราโกพราวระยับเมื่อเห็นร่างของเด็กหนุ่มนอนทอดร่างพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง ชายเสื้อยืดถูกถกขึ้นสูงเผยหน้าท้องแบนราบขาวนวลเนียน



“บ้าที่สุด” ผมพึมพำ รู้สึกหงุดหงิดกับการฉวยโอกาสของคนตรงหน้า ค่อยๆ ยันตัวที่อ่อนแรงขึ้นจากโซฟา มือขวาก็ดึงชายเสื้อยืดให้ปิดบังสายตาลวนลามของมาเฟียหนุ่ม “ลุงหื่น!!!!! ”



ผมตะโกนและรวบรวมเรี่ยวแรงผลักร่างสูงให้ถอยห่างออกไป แต่แรงผมก็ช่างน้อยนิดจนอดสงสารตัวเองไม่ได้ ผมผลักแล้วนะ แต่เขาแค่ออกห่างแค่คืบเดียวเท่านั้น แต่นั้นก็เพียงพอให้ร่างเล็กๆ ของผมมุดออกจากวงแขนของเขามาได้ ผมรู้สึกร้อนไปทั่วตัว โดยเฉพาะตรงริมฝีปากที่ผมรู้สึกว่ามันเจ็บหนึบๆ และบวมเบ่งขึ้นมาจากการโดนผู้ชายตรงหน้าจูบ แถมตอนนี้ผมเผ้าของผมยุ่งเหยิงชี้ฟูไปหมด บ้าที่สุด ตาลุงหื่นกาม!!!!



ผมรีบสาวเท้าเพื่อเดินออกไปนอกห้องทำงานของดราโกให้เร็วที่สุด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช้ากว่าขายาวๆ ของชายหนุ่ม ผมก้าวไปสองก้าว เขาก้าวแค่ก้าวเดียวก็กระชากต้นแขนผมอย่างแรง จนร่างของผมปลิวปะทะเข้ามาในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง



“เรายังพูดกันไม่จบนะเด็กน้อย” ดราโกกอดร่างเล็กของคริสตินไว้แนบแน่น จมูกโด่งสวยซุกไซ้สูดดมกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาล



“ผมว่าเราพูดกันจบแล้วนะครับ” เด็กน้อยตวัดสายตาพูดเสียงแข็งใส่เขา ซึ่งสิ่งนั้นกลับดูเหมือนแมวน้อยกำลังพองขนแยกเขี้ยวขู่เขามากกว่า



“ไม่หรอก จนกว่าฉันจะรู้จุดประสงค์ของคาโซ่ และสิ่งที่เธอปิดบังไว้ เธอจะต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลา” เสียงกระซิบร้ายกาจของมาเฟียหนุ่มแสดงถึงความเอาแต่ใจ และการบังคับกะเกณฑ์ที่พร้อมจะกักขังเทวดาน้อยตนนี้เอาไว้ “และที่สำคัญที่อยากให้เธอจำเอาไว้...คือ ฉันไม่ใช่ลุง”



“แต่คุณแก่กว่าผมเยอะเลยนะครับ” ผมเงยหน้ามองชายหนุ่มให้เต็มตา ท่าทางที่เขาตะกองกอดผมและผมที่เงยหน้ามองเขาเหมือนผมกำลังอ้อนเขายังไงไม่รู้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญในบทสนทนาที่น่าประหลาดนี้ ถึงแม้ดราโกจะยังหล่อเหลา ดูเคร่งขรึมสมวัย และร้ายกาจเจ้าเล่ห์สมอาชีพที่เจ้าตัวเป็นอยู่ แต่อายุสามสิบกว่าเข้าไปแล้ว ยังไงก็เป็นลุงอยู่ดีนี่นา ผมเอียงศีรษะอย่างงุนงงเล็กน้อย “ถ้าไม่เป็นลุง คุณอยากเป็นปู่เหรอครับ”



“แล้วคนที่เป็นลุง เป็นปู่ ทำอย่างนี้กับเธอได้ไหมล่ะ” ว่าเสร็จเขาก็อุ้มผมขึ้นมาให้ใบหน้าของเราอยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้น...ผมขอไม่พูดนะครับ แต่ผมว่าจะหาทางหนีจากเขาให้ได้เลย เปลืองตัวชะมัด ริมฝีปากของผมที่บวมช้ำอยู่แล้ว กลับยิ่งบวมมากกว่าเดิม เผลอเอาลิ้นแตะกระพุ้งแก้มทีก็เจ็บจี๊ดที เรี่ยวแรงผมหายไปหมดจนต้องใช้บริการตักแกร่งแข็งๆ ของ ดราโกเป็นที่พักผ่อนอยู่ในห้องทำงานของเขา



พอผมแรงเริ่มกลับมาก็รั้นจะออกไปนอกห้องให้ได้ เพราะผมไม่อยากอยู่กับตาลุงหื่นคนนี้ แต่ผมก็ยอมรับอีกเช่นกันว่าสู้แรงเขาไม่ได้เลย ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่พักใหญ่ ผมก็เลยตามเลย นอนมันอยู่ตรงนี้แหละ ให้เจ้าของตักเป็นตะคริวเหน็บกินซะให้เข็ด มือหนาของชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ลูบกลุ่มผมนิ่มสีน้ำตาลอ่อนไปเพลินๆ มือของดราโกนั้นสัมผัสเล่นเกี่ยวกระหวัดเส้นผมไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มผ่อนคลาย คลายอาการเกร็งไปทีละนิด ดวงตากลมโตก็ปรือลงเรื่อยๆ จนกระทั่งผมนอนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เรื่องเลยครับ



เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของเด็กหนุ่มทำให้ดราโกละสายตาจากเอกสารที่อ่านอยู่ในมือลง เขาก้มมองร่างเล็กของคริสตินที่นอนขดตัวใช้ตักของเขาต่างหมอน ท่าทางการนอนนั้นดูไร้การป้องกัน ดูผ่อนคลายและดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา รอยยิ้มของชายหนุ่มถูกจุดขึ้นที่มุมปาก ถึงแม้ความคิดของเทวดาน้อยจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ยังไงเด็กก็คือเด็กอยู่วันยันค่ำ เขารู้สึกว่าการรั้งร่างเล็กคนนี้ให้อยู่กับเขาเพราะเรื่องของคาโซ่นั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อาจละสายตาไปจากคริสตินได้เลยแม้แต่น้อย



ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดราโก คอลิโอเน่คนนี้ แต่ความรู้สึกที่อยากครอบครองคนตัวเล็กนั้นก็ดูไม่เลวเลยทีเดียว ยิ่งความหอมหวานที่ได้ลิ้มลองเมื่อครู่มันกลับตราตรึงจนอยากลิ้มรสต่อไปเรื่อยๆ



หึ คริสติน เธอทำให้ฉันติดใจขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย





..................................................



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเทวดา : บทที่ 4 เธอคือใคร?
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-06-2018 15:41:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #10 เมื่อ04-06-2018 16:52:01 »

น้องน่ารักมากค่ะ :L2:

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 5 กระตุ้น
«ตอบ #11 เมื่อ07-06-2018 10:03:57 »



บทที่ 5 กระตุ้น


ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรู้สึกถึงแรงเขย่าตรงช่วงหัวไหล่เบาๆ น้ำหนักมือที่ไม่หนักหรือเบามากเกินไปทำให้ผมต้องทิ้งความฝันและมาเผชิญหน้ากับดวงตาสีทองคู่หนึ่ง แม้ในสายตาของผมจะไม่สามารถโฟกัสภาพตรงหน้าได้ชัดเจนมากเท่าไหร่นัก แต่ผมก็พยายามลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเผลอหลับไปอยู่ชั่วครู่ อ่อ ผมเผลอหลับไปโดยใช้ตักของดราโกเป็นหมอน และตอนนี้ผมก็ยังใช้บริการอยู่เหมือนเดิมครับ ถึงจะเป็นหมอนที่แข็งไปหน่อย แต่ผมว่าก็นอนสบายใช้ได้เลย แม้ผมจะตื่นขึ้นมาแล้วแต่เพราะความง่วงงุนและแรงเขย่าที่เหมือนจะกล่อมผมนั้น ทำให้ผมไม่สามารถฝืนได้อีกต่อไป ผมคิดว่าผมควรจะหลับอีกรอบดีไหมนะ ยังง่วงอยู่เลย



“ผมขอนอนอีกหน่อยนะครับ” ผมพึมพำพูดขึ้นมาและหลับตาลงอีกครั้ง ไม่สนใจดวงตาคมดุที่จ้องมองมาเลยซักนิด



ดราโกปลุกเด็กหนุ่มขึ้นมาเพราะตอนนี้ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเทวดาน้อยตนนี้จะยังดูงุนงงสับสนอยู่บ้าง เพราะเจ้าตัวลืมตาขึ้นมาและกระพริบตาปรือๆ จ้องหน้าเขาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่แพขนตายาวนั้นจะปิดลงบดบังดวงตากลมโตคู่นั้นเสียสนิท แถมเจ้าตัวน้อยยังพลิกตัวเอาใบหน้าซุกอยู่ตรงช่วงท้องของเขาหลับสบายไปอีกรอบ ดวงตาสีทองของชายหนุ่มวาววับเป็นประกาย ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นพวกไม่คิดอะไรมากหรือไม่สนสถานการณ์อะไรกันแน่ เมื่อสองสามชั่วโมงก่อนพวกเขายังคุยเรื่องเครียดกันอยู่แท้ๆ



มือหนาที่หยาบกร้านจากประสบการณ์ใช้ชีวิตของชายหนุ่มลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มสีน้ำตาลอ่อนอย่างลืมตัวอีกครั้ง โดยที่ดราโกลืมไปเสียสนิทว่าภายในห้องทำงานของเขายังมีอีกบุคคลหนึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และมองทุกการกระทำของคนทั้งคู่อยู่ในสายตาตลอดเวลา



“ดอนครับ เด็กคนนี้...” ชายหนุ่มร่างสูงที่ใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยม คือมือซ้ายของดราโก คอลิโอเน่ มีชื่อว่าคาลอส แอนโทนี่ เป็นฝ่ายมันสมองที่สำคัญของมาเฟียหนุ่ม



“ทำไม” ดราโกพูดขึ้นแต่ดวงตายังคงจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มอย่างไม่คลาดสายตา มือหนาก็เกี่ยวเส้นผมนุ่มลื่นเล่นอีกครั้ง



“จากรายงานล่าสุดเราไม่พบความเกี่ยวข้องของเด็กคนนี้กับพวกคาโซ่เลยครับ แต่ทางสายของเรารายงานมาว่าพวกเขาเพิ่มระดับการค้นหามากขึ้น” คาลอสพูดยื่นแฟ้มเอกสารเล่มหนาที่เป็นข้อมูลการสืบค้นยื่นให้กับดราโก ชายหนุ่มยื่นมือข้างที่ว่างออกไปรับเอกสารเอาไว้และพลิกเปิดอ่านข้อมูล



“พวกมันตามหาคริสตินตั้งแต่สองเดือนก่อน?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเมื่อเจอข้อความที่มีการเน้นตัวหนาเอาไว้



“ครับ” คาลอสดันแว่นทรงสี่เหลี่ยมที่เลื่อนตกลงมาปลายดั้งขึ้นเล็กน้อย และอธิบายจุดสำคัญที่เขาค้นพบ “ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง คือตามหาคนที่ชื่อมาร์ติน สมิธ ไม่ใช่ คริสติน นอร์แมนครับ แต่ตามที่ดอนบอก ชื่อมาร์ตินคือชื่อปลอมของเด็กคนนี้ จากรายงานคริสตินเดินทางเข้ามาที่อิตาลีเมื่อสามเดือนก่อนครับ หลังจากช่วงเวลานั้นสถานะทางการเงินของคาโซ่เริ่มระส่ำระสาย สูญเสียผลประโยชน์ทางการค้าไปเกือบพันล้าน คาโซ่พยายามสืบและค้นพบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือคนที่ชื่อมาร์ติน”



“แต่พวกมันไม่รู้ว่ามาร์ตินจะเป็นเด็กผู้ชายอายุแค่สิบหกปีซินะ หึ” ดราโกกระตุกยิ้มที่มุมปาก เรื่องราวที่เด็กน้อยคนนี้ปิดบังไว้ชักจะน่าตื่นเต้นขึ้นทุกที “ไม่แน่ว่าเรื่องที่พวกคาโซ่เสียเงินไปมากขนาดนั้นก็เป็นเพราะเด็กคนนี้อยู่เบื้องหลังก็ได้”



“ผมว่าเราควรสอบสวนเด็กคนนี้นะครับ ไม่รู้ว่าเข้าหาดอนเพราะมีเหตุผลอะไรรึเปล่า ควรป้องกันไว้ก่อนนะครับ” มือซ้ายของดราโกยังพูดวิเคราะห์ในสิ่งที่เขาคิดว่าอาจจะเกิดขึ้น



“ไม่จำเป็น เด็กคนนี้ไม่ใช่ศัตรูของเรา” น้ำเสียงเฉียบขาดของดอนแห่งคอลิโอเน่พูดขึ้น ดราโกมั่นใจในสิ่งที่เขาคิด ถ้าคริสตินเป็นศัตรูที่ต้องการฆ่าเขาให้ตายจริงๆ เด็กคนนี้คงไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือและดูแลเขานานขนาดนั้น แค่ปล่อยให้เขาตายอยู่ในตรอกเงียบๆ ก็พอแล้ว “แล้วคอมพิวเตอร์ของคริสตินล่ะ มาร์คตรวจสอบถึงไหนแล้ว”



ดราโกเอ่ยชื่อหัวหน้าเทคนิคด้านข่าวสารของคอลิโอเน่ แฟมิลี่ ที่วันๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้องที่มีคอมพิวเตอร์เกือบสิบตัวเป็นเพื่อน เป็นคนประหลาดๆ ที่ตั้งชื่อผู้หญิงให้กับคอมพวกนั้นและรักทะนุถนอมอย่างกับสมบัติล้ำค่า ถึงจะเป็นคนเพี้ยนๆ แต่มั่นใจได้เลยว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่เก่งกาจของแฟมิลี่นี้แน่นอน



“กำลังตรวจสอบอยู่ครับ”



“อืม งั้นเราก็คงต้องรอ” ดอนแห่งคอลิโอเน่ละสายตาจากคาลอสและก้มมองเทวดาตัวน้อยที่แม้จะถูกนินทาในระยะเผาขน แต่เจ้าตัวก็ยังคงหลับสนิทอย่างน่าเอ็นดู มือหนาของชายหนุ่มเปลี่ยนจากการลูบศีรษะเด็กหนุ่มไปเขย่าที่หัวไหล่ของคริสตินอีกครั้งเพื่อผลุกให้เด็กน้อยลุกมากินข้าวเที่ยงได้แล้ว



“คริสติน” ดราโกปลุก



“อือ ครับ?” น้ำเสียงของเด็กน้อยยังคงงัวเงีย และพยายามพลิกตัวหนีไป แต่มือของดราโกก็ยังคงรั้งไว้ เจ้าตัวเลยได้แต่ส่งเสียงประท้วง “ไม่เอา ผมจะนอน”



“กินข้าวเที่ยงได้แล้ว” ดราโกยังคงใจเย็น ดวงตาสีทองดูรื่นรมย์ที่ได้กลั่นแกล้งขัดใจเทวดาน้อย



“ไม่กินครับ คุณไปเถอะ” ร่างเล็กของเด็กหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ



“ฉันจะไปได้ยังไงในเมื่อเธอนอนตักฉันอยู่” น้ำเสียงของดราโกเริ่มกระซิบอยู่ตรงริมใบหู มองคิ้วเรียวได้รูปของคริสตินที่ขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิดที่มีคนมารบกวนเวลานอนหลับ “ถ้าไม่ตื่น ฉันจะจูบนะ”



จูบ? เหมือนคำๆ นี้เป็นคำต้องห้าม เพราะภาพเหตุการณ์ก่อนหน้ามันย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ ขับไล่ความฝันและความง่วงงุนของผมจนกระเจิง ดวงตาที่ปิดสนิทเมื่อครู่ลืมขึ้นเต็มตา รีบร้อนผุดลุกขึ้นมานั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาทันที พร้อมกับฝ่ามือทั้งสองข้างของผมเอื้อมมาปิดปากที่ยังบวมเจ่อไว้แน่น



“หึหึ ตื่นแล้วซินะ” ดราโกยิ้มตาพราว ผมเห็นสายตาของเขาก็รีบถอยห่างให้อยู่ในระยะปลอดภัย ลุงคนนี้ผมไว้ใจไม่ได้จริงๆ ครับ ผมขยับตัวชิดอีกฝั่งของโซฟาเพื่อให้อยู่ห่างจากเขามากที่สุด แต่คงเพราะท่าทางของผมทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะจากโซฟาฝั่งตรงข้ามเช่นเดียวกัน ดวงตาของผมจึงหันไปมองเจ้าของเสียงหัวเราะนั้นด้วยความสงสัย



อ้อ คนนี้นี่เอง



“ดีใจที่ได้เจออีกครั้งครับคริสติน” ผู้ชายใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมคลี่ยิ้มทักทายผมด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ผมคาลอส แอนโทนี่ครับ



คาลอสเก็บซ่อนความรู้สึกเคร่งเครียดจริงจังเมื่อตอนคุยเรื่องงานกับดราโกไว้จนหมด เขาขยับรอยยิ้มพยายามผูกมิตรกับเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีบทบาทสำคัญอยู่ไม่ใ่ช่น้อย อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็คงถูกใจดอนมากพอดู ไม่อย่างงั้นดอนที่เป็นคนโหดเหี้ยมเย็นชา จะดูอารมณ์ดีขนาดนี้ได้ยังไง บุคคลิกของมือซ้ายแห่งแฟมิลี่เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อต้องสวมอีกหนึ่งบทบาท



ดวงตาของผมตวัดมองมือข้างนั้นของคาลอสที่ื่ยื่นมือมาหมายจะทักทายและแนะนำตัวกับผม ผมจึงยื่นมือไปเขย่าทักทายและค้อมตัวให้ผู้ชายคนนั้นที่ผมประเมินคร่าวๆ แล้วคิดว่าเขาอายุมากกว่าดราโกอยู่สามสี่ปี



“ยินดีที่ได้พบอีกครั้งครับ คุณพ่อ” ผมทักทายและเน้นเสียงหนักที่สองคำข้างหลัง ทุกคนยังจำได้ไหมครับ ผู้ชายตัวสูงโปร่ง สวมเสื้อสูทอย่างดี สวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยม และเป็นคนเดียวกันกับคนที่มาสวมบทบาทคุณพ่อจำเป็น หลอกคุณตำรวจและพาผมกลับมาที่นี่ ผมยอมรับครับ ผมไม่ชอบคาลอสแน่นอน เพราะเขาเป็นคนที่ทำให้ผมไม่สามารถหนีออกนอกประเทศได้ อีกนิดเดียวแท้ๆ แต่ผมรู้นะครับ ว่าคาลอสก็แค่ได้รับคำสั่งจากดราโกมาเท่านั้น แต่ผมพาลครับ ยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้ว



“เรียกผมว่าคาลอสก็พอครับ” คาลอสส่งยิ้มมาให้ผม แต่ผมก็พอมองออกว่าเป็นรอยยิ้มที่ดูเกร็งๆ ยังไงชอบกล



“เกรงใจครับคุณพ่อ ให้ผมเรียกคุณด้วยความเคารพเถอะครับ” ผมตอบกลับไป ผมสาบานเลยครับว่าจะแก้แค้นคาลอสให้ถึงที่สุด ด้วยการป่วนประสาทไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ “รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้พบคุณพ่ออีกครั้ง ในวันนั้นที่ไปรับผมที่สถานีตำรวจ ผมปลาบปลื้มใจมากครับ ไม่นึกว่าคุณพ่อจะห่วงผมมากขนาดนี้”



ผมไม่ได้เป็นเด็กที่ชอบประชดประชันนะครับ แต่ผมอดไม่ได้จริงๆ



“อ่า ครับ” คาลอสไม่ตอบอะไรผมอีก นั่งตัวตรงแข็งทื่อและผมเห็นนะครับ ว่าเขาพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางดราโก “วันนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยครับ”



ดอนแห่งคอลิโอเน่มองการโต้ตอบเล็กๆ ของเทวดาน้อยด้วยความสนุก เรื่องที่เขาให้คาลอสพาตัวคริสตินกลับมาคงทำให้เจ้าตัวรู้สึกฝังใจอยู่ไม่ใช่น้อย และรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลยคิดแก้แค้นด้วยวิธีน่ารักๆ แบบนี้



“งั้นหรือครับ แต่คุณพ่อเก่งจังเลยนะครับ ที่ตามผมมาได้เร็วขนาดนั้น ผมนึกไม่ถึงเลยว่าพวกคุณจะใช้เครือข่ายของตำรวจให้เป็นประโยชน์”



“คุณรู้?” ดวงตาของคาลอสฉายแววสนใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะรู้เรื่องได้เร็วขนาดนี้



“เก่งนี่” เสียงของดราโกเอ่ยชมขึ้นมาบ้าง



“ผมพลาดเอง ผมติดภาพว่าพวกคุณเป็นมาเฟีย มาเฟียกับตำรวจคงไม่ถูกกัน” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อคิดถึงความผิดพลาดของตัวเอง ตอนผมนั่งเจาะระบบเพื่อแฮคเข้าไปปิดบังข้อมูลของตัวผมเอง ผมทำแค่กลบเกลื่อนข้อมูลในระบบขนส่งและภาพจากกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ เท่านั้น แต่ลืมนึกไปเลยว่าเครือข่ายที่สำคัญและครอบคลุมมากที่สุดคือเครือข่ายของทางตำรวจนั่นเอง และผมไม่คิดจะเจาะระบบเข้าไปหรอกนะครับ มันยุ่งยากเกินไปและเสี่ยงที่ตัวตนของผมจะถูกเปิดเผย “แล้วอีกอย่าง ทางคุณคงมีคนที่ฝีมือดี”



ดวงตาของผมเหลือบมองไปทางแฟ้มสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะรับรองแขกใกล้ๆ ผมแค่คาดเดา แต่มีเปอร์เซ็นต์ที่ความคิดของผมจะถูกต้องอยู่ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แฟ้มสีดำนั้นคือประวัติของผมที่เขาสืบมาได้ อยากรู้จัง พวกเขาสืบลึกถึงระดับไหนแล้วนะ



“หึหึ เป็นคนเก่งเลยล่ะ อยากเจอไหมล่ะ” ดราโกส่งยิ้มลึกลับมาให้ผม ดวงตาสีทองคู่นั้นดูไม่น่าไว้วางใจเลยซักนิด ซึ่งทั้งดวงตาและรอยยิ้มของเขา ผมอ่านไม่ออกเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจ...



“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าอีกไม่นานเขาคนนั้นคงเป็นฝ่ายอยากพบผมเองมากกว่า” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเฉยชาไร้ความสนใจอย่างสิ้นเชิง พลางทิ้งร่างกับผนักโซฟานุ่มด้วยความเบื่อหน่ายนิดๆ “ผมว่าทางที่ดี คุณปล่อยผมไปจะดีกว่านะครับ คุณเก็บผมไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”



“เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะตัดสินใจได้นะเด็กน้อย ฉันรู้ดีว่าควรทำยังไงต่อไป” ดราโกเอ่ยเสียงเฉียดขาดเพื่อปรามผมอีกครั้ง



“ผมไม่เข้าใจครับ ทำไมผมถึงไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ” ดวงตาของผมหันไปมองสบกับดวงตาคมคู่นั้นด้วยความสงสัย “คุณรู้อยู่แล้วว่าผมช่วยชีวิตคุณไว้ และผมไม่ได้เป็นศัตรูของคุณ ทำไมถึงยังไม่ปล่อยผมไปอีก”



ผมพูดไปตามที่ผมคิด เพราะตามหลักเหตุและผลแล้วเขามีแต่ได้ด้วยซ้ำ ไม่เสียประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้จะต้องเอาผมมาเกี่ยวพันยุ่งเหยิงให้วุ่นวายทำไม อีกอย่างกับคอลิโอเน่ แฟมิลี่ ผมไม่อยากจะมายุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลย



ทั้งผมและดราโกนั่งจ้องตาอยู่พักใหญ่ ไม่มีใครส่งเสียง ไม่มีใครโต้ตอบ มีเพียงความเงียบที่โรยตัวและการมองลึกเข้าไปในแววตาเพื่อจับผิดและหาคำตอบเท่านั้น แม้กระทั่งคาลอสก็ไม่เว้น นั่งคอยกดดันแผ่รังสีไม่น่าไว้วางใจมาให้เป็นระยะ จนผมรู้สึกว่าแผ่นหลังของผมนั้นเริ่มชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อกับความเคร่งเครียดที่พากันถาโถมมาทางผมไม่หยุด



“คาลอสออกไป” ดราโกพูดขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งลุกขึ้นโค้งตัวและเดินออกไป เสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ นั้นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวผมเองเริ่มตกอยู่ในอันตรายซะแล้ว แต่จะให้ผมถอยตอนนี้ ก็จะดูขี้ขลาดเกินไปรึเปล่านะ



เมื่อห้องทำงานเหลือผมและดราโกแค่สองคน เกมจ้องตาของเราก็ยังไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แค่นั่งนิ่งๆ มองตรงมา และใช้ความกดดันเคร่งขรึมที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเข้าข่มผมจนผมตัวลีบเล็กลงเรื่อยๆ ผมไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลยจริงๆ



“เธอรู้ไหม ว่าคาโซ่ตามหาคนที่ชื่อมาร์ติน สมิธอยู่” ดราโกพูดทำายความเงียบขึ้นมา ผมสะดุ้งเล็กน้อยและหันมาตั้งใจฟังชายหนุ่ม



“ผม...รู้ครับ” ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่คิดปิดบังเขาอีก



“แล้วเธอรู้ไหมว่ามีคนที่ชื่อมาร์ติน สมิธ โดนฆ่าไปแล้วหนึ่งคน” น้ำเสียงของดราโกเหมือนพูดคุยในเรื่องทั่วๆ ไป แต่เนื้อหาที่เขาพูดออกมานั้นกลับทำให้ผมสะท้านเยือก ดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างเช่นเดียวกับอาการตกใจจากสิ่งที่ได้ยิน



“นะ หนึ่งคน” ที่เสียชีวิตเพราะพวกคาโซ่ตามฆ่าเหรอ “เพราะผม...ผม”



ใบหน้าเนียนใสอ่อนเยาว์ของเด็กน้อยซีดเผือด ดวงตากลมเบิกกว้างแทบถลน ริมฝีปากอิ่มแดงเรื่อสั่นระริกเล็กน้อย เพราะตกใจจากสิ่งที่ได้ยินและรับรู้



“ใช่ เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าอิตาลีในช่วงสองเดือนนี้” ชายหนุ่มยังคงพูดต่อไป “พวกมันกำลังตามล่าเธออยู่ ตามกลิ่นไม่เลิก เหมือนหมาบ้าที่คอยกัดทุกคนที่เข้าข่ายเกี่ยวข้อง”



“ผม ผม...” ผมยังคงสับสน การลำดับความคิดของผมเริ่มแปรปรวนและไม่สามารถตั้งสติได้ มีคนโชคร้ายเพราะผม ถูกฆ่าก็เพราะผม



“ฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไรพวกมันถึงต้องการตัวเธอขนาดนี้” ดวงตาของดราโกยังคงกดดันเด็กน้อยต่อไปไม่ลดละ ยิ่งเห็นแววสั่นไหวน้อยนิดในดวงตานั้นยิ่งทำให้เขาตามติด ตีเหล็กเมื่อยังร้อนนี่แหละดี!!!



“เธอรู้อะไรมาคริสติน” ร่างสูงใหญ่ของดราโก คอลิโอเน่ เคลื่อนเข้าไปใกล้ รั้งร่างสั่นระริกนั้นกระชับแน่นอยู่ภายในอ้อมแขน กระซิบถ้อยคำข้างหูราวกับตอกย้ำให้เด็กหนุ่มไร้หนทางและรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น “มีคนตายเพราะเธอหนึ่งคน เรื่องอะไรที่เธอรู้มาคริสติน คาโซ่จะไม่หยุด มันจะตามล่า จะตามฆ่า มาร์ติน สมิธ ชื่อที่มีคนใช้เยอะแยะมากมาย ถ้า...มีคนที่สอง สาม และสี่มาล่ะ เธอจะให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อแทนเธอเหรอ”



ผมรู้สึกแย่เหลือเกิน คำพูดของดราโกคือความจริง ผมที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมากลายเป็นคนที่รอด แต่คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดใดกลับตกเป็นเหยื่อจากการกระทำของผมทั้งหมด ผมรู้ถึงความผิดนี้อยู่เต็มอก ถึงแม้ผมจะดูเฉยชากับสิ่งรอบตัว แต่เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม มีคนที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะผมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำคือสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมไหนก็ตาม ผมว่ามันคือสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง แต่ความถูกต้องกลับไม่เคยคุ้มครองคนดีเลย คนผิดลอยนวล คนดีต้องถูกฆ่า ทำไมกันนะ ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย



“ลองดูนี่ซิ” ดราโกพูดขึ้นมาอีกครั้ง เอื้อมหยิบแฟ้มสีดำบนโต๊ะขึ้นมาและเปิดไปยังหน้าสุดท้าย ดวงตาสั่นไหวของเด็กหนุ่มเลื่อนไปมองภาพในแฟ้มนั้นช้าๆ ดวงตาที่สั่นไหวของคริสตินเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีบาดแผลเลือดไหลเจิงนองเต็มพื้นไปหมด และเลือดสีแดงคล้ำนั้นก็อาบไปครึ่งใบหน้า



ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ร่างสะท้านสั่นไหว ดวงตาสีน้ำตาลนั้นคล้ายดับแสงไปบางเบา ดูอ่อนไหวซวนเซ จนดราโกต้องโอบกระชับร่างเล็กนั้นอีกครั้ง



“ว่าไงคริสติน” น้ำเสียงล่อลวงร้ายกาจ ทำให้ผมไม่สามารถทนเก็บไว้ได้อีกต่อไป เอื้อมมือสั่นระริกรั้งเสื้อของชายหนุ่มเพื่อรวบรวมสติ



“ผม…ผม”



“บอกมาเถอะ” ดวงตาของดราโกสว่างวาบ เห็นท่าทางของเทวดาน้อยนั้นแล้วยิ่งอยากกลั่นแกล้งรังแกมากยิ่งขึ้น เป็นความแปลกใหม่เลยทีเดียวที่เขาได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเด็กหนุ่มที่เป็นคนเฉยชาราวกับไร้อารมณ์ เด็กหน้าตายคนนั้นกลับมีอารมณ์สั่นไหวได้ถึงขนาดนี้



“ผมรู้เรื่องการค้ามนุษย์ของพวกเขา” ผมพยายามพูด แต่เสียงนั้นก็ดังราวกับเสียงกระซิบ แต่ชายหนุ่มร่างสูงกลับได้ยินชัดเจนเพราะเขายังรั้งผมอยู่ในอ้อมแขนของเขา



“ค้ามนุษย์?”



“ครับ สะ เส้นทางการค้า จุดสับ ปะ ปะ เปลี่ยนแลกซื้อ ละ ลูกค้า กลุ่มผู้มีอิทธิพล” ผมหอบหายใจถี่กระชั้น ขบเม้มริมฝีปากเน้นเพื่อข่มอารมณ์ พยายามควบคุมน้ำเสียงให้ฟังดูปกติ แต่มันช่างยากเย็นจนผมแทบทนไม่ไหว ท่าทางของผมทำให้ชายหนุ่มที่นั่งมองทุกการกระทำของเด็กหนุ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เสียงลมหายใจที่ดูผิดแปลกไปทำให้คิ้วเรียวของดราโกขมวดมุ่น รั้งใบหน้าของคริสตินให้เงยขึ้น



“หายใจคริสติน ช้าๆ” เด็กหนุ่มหอบอย่างหนัก ท่าทางเหมือนคนหายใจไม่ออกนั้น ทำให้ดราโกจำเป็นที่จะต้องหยุดการกดดันและรีบเรียกสติของเด็กหนุ่มให้กลับคืนมาอีกครั้ง “คริสติน คริสตินหายใจช้าๆ เธอทำได้เด็กน้อย หายใจ”



ผมกำลังทรมาน จากอาการหายใจไม่ออกและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในอก ภาพเมื่อครู่มีอิทธิพลกับผมมากเกินไป จนทำให้สติและความคิดของผมปั่นป่วน ชีวิตผมบัดซบ แต่ความบัดซบนั้นมีผมแค่ประสบคนเดียวไม่เดือดร้อนใคร แต่มาตอนนี้มันกลับไม่ใช่ ผมกำลังทำผิด ผมทำให้เขาคนนั้นตาย มาร์ติน สมิธตาย เขาตาย ตายไปแล้วไม่มีวันกลับมา ชีวิตของเขาไม่อาจดำเนินต่อไป ความหมายของคำว่าชีวิตที่ผมตามหา คำว่าชีวิตที่มันมีค่าและผมต้องการเรียนรู้ สิ่งนั้นกลับพรากชีวิตของคนๆ หนึ่งไป เพราะผม ผม เพราะผมคนเดียว



“คริสติน หายใจ คริส” เสียงทุ้มที่เคยเย็นชากดดันผมกลับอ่อนโยนมากขึ้น เสียงนั้นพร่ำพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่ใกล้ๆ ไม่หายไปไหน ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมรั้งสติที่เหลือเพียงน้อยนิดให้รับฟังเสียงเรียกนั้น จากเสียงแผ่วเบาจากที่ห่างไกล ขยับเข้ามาชิดใกล้คอยยั้วเย้า เรียกร้องความสนใจจากผมที่ข้างหู คอยขบเม้ม จุตพิต ลากไล้ จากใบหูมาที่แก้มนุ่ม ลมหายใจของผมเริ่มเป็นปกติ ผมควบคุมการหายใจของตัวเองอยู่พักใหญ่จนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ผมกำลังเงยหน้าเพื่อเอ่ยขอบคุณดราโก



แต่ไม่ทันไร ผมกลับพบว่าเรื่องที่เขาช่วยผม ก็หวังเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น เพราะในตอนนี้ร่างกายของผมไม่ได้เป็นของผมอีกต่อไป มันไม่ฟังคำสั่ง มันไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากฝ่ามือหนาหยาบกร้านที่ลูบไล้ทั่วแผ่นหลัง ตัวของผมเล็กเกินไปรึเปล่านะ อ้อมแขนของเขาจึงโอบรัดร่างผมและเอื้อมใช้ฝ่ามือมาลูบไล้สะกิตยอดอกของผมได้แบบนี้ ตัวของผมเกร็ง และเริ่มรู้สึกถึงความร้อนแปลกๆ ที่ลามไล้เลียไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว มือของดอนแห่งคอลิโอเน่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ริมฝีปากของเขาก็ไม่น้อยหน้า ก้มลงมาแนบชิด ไล้เลีย หยอกเย้า และดิ่งลึกลงไปในความหอมหวานนั้นอย่างหน้ามืดตามัว



ฉกชิงอย่างล้ำลึก หยอกเย้าอย่างร้อนแรง และลูบไล้ไปทั่วทุกตารางนิ้ว ปลดเปลื้องเสื้อยืดออกจากตัวของผม และรั้งร่างของผมให้มานั่งควบอยู่บนตัก หันมาเผชิญหน้าสบตากับดวงตาสีทองคู่นั้น แต่เพียงแค่ผมสบตาเขาเพื่อท้วงติงถึงการกระทำอันไร้มารยาทนี้ เขากลับไม่ยินยอมให้ผมกล่าวถ้อยคำ ใช้นิ้วเรียวยาวแนบชิดดึงดันกับริมฝีปาก ก่อนจะเข้ามาหยอกเย้าลิ้นผมไปมา แม้ผมจะพยายามเบี่ยงตัวหนี แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยินยอม ฝ่ามืออีกข้างกลับรั้งต้นคอของผมให้เอนไปด้านหลัง เพื่อให้เขาได้ลิ้มรสยอดอกของผมได้ถนัดมากขึ้น เสียงชิมรสหยาบโลนนั้นทำให้ผมกระตุกไปทั่วร่าง เขากำลังรั้งพันธนาการผมต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุด จนเมื่อเขาถอนนิ้วออกจากริมฝีปากผม ผนจึงถามเขาเมื่อได้โอกาส



“คะ คุณ ทำไม?” แม้จะดูไม่เป็นคำ แต่ก็พอจะรู้เรื่อง ผมพยายามเหลือบมองกลุ่มผมสีดำที่ตัดกับผิวสีขาวนวลตรงหน้าอก ชายหนุ่มไม่สนใจคำถามของผม ยังคงลิ้มรสอย่างหน้ามืดตามัว ดูดดึงสลับกลืนราวกับของหวานอันโอชะ “อ๊ะ คุณ อย่า กัดคะ ครับ”



ดราโกขบเม้มชิมรสด้วยความเอร็ดอร่อย ริมฝีปากทำหน้าที่ลิ้มรสยอดอกน่ารักนั้นไม่ยอมห่าง ดวงตาสีทองเงยขึ้นเหลือบมองร่างที่นั่งบนตักของเขา ซึ่งเทวดาน้อยกำลังนั่งแอ่นกายในท่วงท่าที่เชิญชวน เงยศีรษะที่เป็นอิสระขึ้นสูงโชว์ลำคอขาวที่น่าขบเม้มตีตรา เสียงหอบหายใจสะท้านดังหวิว



‘เพราะเธอกำลังยั่วฉันน่ะซิ’



.................................................

"ผมไม่ได้ยั่วนะครับ" เสียงคริสตินดังขึ้นประท้วงทันที

ไรต์ : จ้าๆ ไม่ได้ยั่ว ไรต์เชื่อหนูคริสจนหมดใจ (แอบเหล่ตาไปทางตาลุงคนหนึ่งที่กำลังเลียริมฝีปากตัวเอง)

.................................................





ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #12 เมื่อ07-06-2018 12:09:30 »

เรื่องราวชวนน่าติดตามมากค่ะชอบคริสตินมากกกกเป็นเรื่องที่สนุกอีกเรื่องไม่จำเจเลยขอบคุณไรท์ที่แต่งเรื่องดีๆอย่างนี้ให้ได้อ่านนะคะรอติดตามต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #13 เมื่อ07-06-2018 15:13:51 »

อยากให้ใส่ตอนไว้ข้างหน้าได้ไหมค่ะ

เพราะจะได้รู้ว่าตอนใหม่มาแล้ว

 :c5:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #14 เมื่อ07-06-2018 19:26:34 »

มาแล้วววววว  ดีใจจังมาลงที่นี่  รบกวนใส่วันที่กะบทที่หัวกระทู้ จะได้ทราบว่าอัพเดตตอนใหม่รึเปล่า

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #15 เมื่อ22-06-2018 21:04:32 »

น้องน่ารักมากค่าาา ชอบตอนลุงอุ้มน้องงี้ ตัวเล็กตัวน้อยอุ้มเข้าเอวง๊ายง่าย 555555555  :hao5:

ออฟไลน์ susu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #16 เมื่อ22-06-2018 22:13:28 »

ฮืออออชอบมากเลยค่ะแบ่บบมันดีมากๆๆๆๆๆๆๆติดตามนะคะ :impress2:

ออฟไลน์ MacaroonCookie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #17 เมื่อ23-06-2018 00:48:19 »

 :jul1:จมกองเลือด ท่าจะเข้มข้นมากๆ รอค่า

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #18 เมื่อ23-06-2018 14:19:08 »

ดีมากกกกกกก รอติตตามค่า

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #19 เมื่อ23-06-2018 15:24:42 »

สนุกมาก....ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ   o13 o13 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กรงเทวดา
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-06-2018 15:24:42 »





ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #20 เมื่อ23-06-2018 15:33:37 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ imkhimaut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #21 เมื่อ23-06-2018 18:07:12 »

เนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะแต่ตอนนี้ขอลุ้นเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าตัวเล็กกับดอนก่อนก็แล้วกัน รอไม่ไหวแล้ววว ><~ เป็นกำลังใจให้นะคะ o13

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #22 เมื่อ23-06-2018 19:09:43 »

งื้ออออออ น่ารักก ชอบน้องตัวเล็ก

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: กรงเทวดา
«ตอบ #23 เมื่อ23-06-2018 22:36:14 »

 :ling3: :ling1:

ออฟไลน์ llinllin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #24 เมื่อ24-06-2018 21:05:34 »

บทที่ 6 เอาแต่ใจ


“ผมไม่ได้ยั่วนะครับ!!!” ผมรีบตะโกนขึ้นมาทันทีที่เห็นสายตาของดราโกเหมือนกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของผม “อ๊ะ ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนครับ”



ร่างกายของผมพยายามแอ่นกายหนีริมฝีปากบางร้ายกาจนั้น แต่ไม่ว่าจะทำยังไง จะดิ้นรน ต่อต้านมากแค่ไหนแต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงของผมจะสู้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ความวาบหวามประหลาดนั้นดูรุ่มร้อนจนตัวของผมร้อนผ่าวไปหมด ทั่วทุกตารางนิ้วบนแผ่นอกของผมถูกเขารุกรานตีตราจองไปทั่ว จากผิวสีขาวของผมกลายเป็นแดงก่ำ ปรากฏร่องรอยดูดดึงจนขึ้นสีแดงช้ำน่ากลัว



“พอแล้วครับ!!!” ผมขึ้นเสียงพยายามดึงผมของดราโกเพื่อให้หลุดจากแผ่นอกของผม แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น รู้ตัวอีกทีร่างกายของผมก็ดันเปลี่ยนเป็นท่าล่อแหลม จากนั่งคร่อมตักของดราโกอยู่ดีๆ กลายเป็นว่าผมดันปล่อยให้ร่างสูงใหญ่ของมาเฟียที่กลายร่างเป็นลุงหื่นๆ คนหนึ่งขึ้นคร่อมอยู่บนตัวของผมแทน แผ่นหลังเปลือยเปล่าถูกความเย็นของโซฟาหนังจนร่างกายสั่นสะท้าน มือร้ายกาจของเขาลูบไล้สำรวจไปทั่วร่างของผม



สำรวจต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกอบกุมแก่นกายของผมให้อยู่ในเอื้อมมือของเขา หยอกล้อบดขยี้จนผมแทบทนไม่ไหว เขาปลดกระดุมกางเกงยีนส์และรูดซิบลงอย่างรวดเร็ว มือหนาร้อนผ่าวนั้นเคลื่อนเข้ามาสำรวจทันทีเมื่อได้โอกาส



“น่ารัก” เสียงทุ้มกระซิบแหบพร่า เมื่อมือของเขากอบกุมแก่นกายของผมโดยตรง



“อ่า ปะ ปล่อยครับ” ผมขบเม้มริมฝีปากเพื่อระบายความรู้สึกประหลาดนี้ มือของดราโกยังหยอกเย้าผมไม่หยุด บ้าจริง ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะ



ดวงตาสีทองของชายหนุ่มวาววับโชนแสง ไล้ชิมเรือนร่างของเทวดาตัวน้อยอย่างตะกละตะกลาม ยิ่งได้ลิ้มรส เหมือนได้เสพติดรสชาติแสนหวาน เรือนร่างเล็กที่ไม่ได้อ่อนแอจนเกินไป แต่ก็กลับนุ่มนิ่มนวลเนียนลูบไล้จนเพลิดเพลิน ทั้งริมฝีปากแดงเรื่อที่เขาดูดกลืนจนบวมเบ่งน่ารัก ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่ดูฉ่ำน้ำนั้นก็ยิ่งทำให้เด็กน้อยน่ารังแกมากขึ้น ดูเหมือนว่าคริสตินกำลังทำให้เขาคลั่ง อยากขย้ำ อยากกลืนกินให้หมด อยากกักเก็บไว้ในอ้อมแขนของเขา



“อ๊ะ คุณ!!!” เสียงของเด็กหนุ่มสั่นพร่าดูยั่วยวนจนห้ามใจไม่ไหว เสียงนั้นราวกลับเป็นสิ่งกระตุ้นให้ใจกลางของเขาร้อนผ่าวจนแทบมอดไหม้ อึดอัด คับแน่นจนอยากปลดปล่อยออกมาให้หมด ยิ่งยอดอกสีแดงเรื่อนั้นดึงดูดสายตาของเขาอยู่เสมอ เชิญชวนสู้มือให้บดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เลิกรา



“อ๊าาาาา” แค่เขาดึงกางเกงของคริสตินออกเท่านั้น ผ้าที่เสียดสีส่วนอ่อนไหวของเทวดาน้อยก็ทำให้ร่างเล็กบิดเร้า หอบหายใจสั่นสะท้านดูสับสน ทั้งต่อต้าน ทั้งเชิญชวน ทั้งยั่วยวน ทั้ง...อ่า เขาไม่สามารถบรรยายเด็กคนนี้ออกมาได้หมดจริงๆ แค่เทวดาน้อยตนนี้ตกอยู่ใต้ร่างของเขา เขาก็ตื่นเต้นและกระหายจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่



“คุณ!!! ไม่เอาครับ อย่า!!!” เสียงของคริสตินไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำของเขาได้เลย ร่างกายสูงใหญ่เคลื่อนตัวลงไปด้านล่าง ไล้สูดกลิ่นหอมของผิวกายหอมสะอาดนั้นไปเรื่อยๆ จนพบเข้ากับคริสตินน้อยที่กำลังสั่นระริกรอการปลดปล่อย น้ำหวานใสฉ่ำแวววาวนั้นเชิญชวนให้เขาลิ้มรส แต่ยังก่อน เขายังต้องเล้าโลมคอยปลอบประโลมเด็กน้อยให้หลงไปกับรสรักแห่งกามารมณ์นี้ ให้ดำดิ่งลึกลงไปจนไม่สามารถปีนป่ายกลับขึ้นมาได้อีกต่อไป



มือของเขาคลึงแก่นกายของคริสตินไปมา สลับกับจนเด็กหนุ่มร้องครางเสียงหวาน งอตัวลุกขึ้นมากอดศีรษะของเขาไว้แน่นด้วยเพราะความหฤหรรษ์ที่เกิดจากความเชี่ยวชาญของชายหนุ่ม ดราโกรู้สึกถึงมือเล็กของคริสตินปะป่ายไปทั่วแผ่นหลังของเขา ลูบไล้สลับหนักเบาไปมา ก่อนที่จะเปลี่ยนมาจับบ่าของเขาในท้ายที่สุด ริมฝีปากของเขากระตุกยิ้มอย่างชอบใจกับการสัมผัสแบบนี้ของเทวดาตัวน้อย แต่จากรอยยิ้มพึงพอใจของเขาก็อยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่นานก็กลายเป็นรอยยิ้มแข็งค้าง กระตุกเพราะความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาในทันที



จากฝ่ามือเล็กที่กำลังจะมอบความเพลิดเพลินให้กับเขา คริสตินกลับตะปปไปที่ไหล่ของเขาอย่างแรง ตรงจุดเดียวกับตรงรอยแผลจากกระสุนที่ยังไม่หายดี



“อึก” ดราโกปล่อยร่างเล็กที่ถูกกกกอด เผลอเอนกายถอยห่างและยกมือกุมหัวไหล่ที่ชาหนึบจนคิ้วของมาเฟียหนุ่มขมวดมุ่น พลางกัดฟันระงับความเจ็บปวดที่ต้องประสบโดยไม่ทันตั้งตัว แต่สิ่งนี้ก็คือโอกาสทองของเทวดาตัวน้อยที่รีบร้อนกลิ้งตัวหนีจนตกตุบจากโซฟาลงไปกองกับพื้นพรมขนสัตว์หนานุ่ม ดราโกหรี่ตามองท่าทางการหนีที่ทุลักทุเลตื่นกลัวของคริสตินก็ต้องข่มกลั้นอาการหัวเราะ เพราะท่ากลิ้งของเด็กหนุ่มนั้นทำให้เขาต้องนอนคว่ำอยู่กับพื้น และโชว์ก้นขาวๆ มาล่อตาเชิญชวนให้เขาเข้าไปขบกัดเหลือเกิน



“เธอยั่วฉันอีกแล้วนะคริสติน” ผมพลิกกายหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยคิ้วขมวดมุ่นอย่างคนไม่พอใจ ร่างกายและลมหายใจของผมยังคงสั่นสะท้าน แต่ผมก็พยายามจะบอกเขาด้วยสายตาว่าการกระทำของเขาไม่ใช่สิ่งที่ผมพึงพอใจซักนิด ถึงแม้ว่าร่างกายจะแสดงปฏิกิริยาตรงกันข้ามกับใจของผม แต่มันก็เป็นไปตามกลไกของธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยปกติ



“ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ได้ยั่วคุณเลยซักนิดนะครับ”



“ด้วยสีหน้าและท่าทางแบบนี้น่ะเหรอ” น้ำเสียงของดราโกเจือแววหยอกล้อ พลางกวาดสายตามองไปทั่วร่างของผมที่เกือบเปล่าเปลือย ผมไม่รู้ว่าผมกำลังทำสีหน้าแบบไหนที่ปกระตุ้นต่อมหื่นของเขา แต่ผมเห็นอาการเลียริมฝีปากของดราโกกับอาการกลืนน้ำลายนั้นผมก็ไม่วางใจเลยแม้แต่น้อย แม้ร่างกายของผมจะยังอ่อนแรงเพราะเหมือนโดนเขาสูบเรี่ยวแรงไปจนหมด แต่ผมก็ยันตัวลุกขึ้นมาพยายามสวมใส่กางเกงด้วยมือสั่นระริก



“ให้ฉันช่วยเธอไหมเด็กน้อย ไม่อึดอัดแย่เหรอ” ดวงตาสีทองของเขาจับจ้องมายังแก่นกายของผมที่ยังคับแน่นอึดอัดจนปวดร้าว



“ไม่ครับ!!! ผมจัดการเองได้” ผมปฏิเสธเขาทันที รีบสวมใส่เสื้อผ้าที่กองอยู่ใกล้ๆ โซฟา และหมุนตัวเพื่อหลบสายตาลวนลามของเขา



“แต่ฉันอึดอัดนะ อยากให้เธอช่วยหน่อยจะได้ไหม” เขายังล่อลวงต่อไป ผมแอบเหลือบมองด้วยหางตาไปตรงจุดนั้นของเขา คิ้วของผมกระตุกเล็กน้อยรีบปัดภาพไร้สาระและจินตนาการที่เกิดขึ้นในหัวสมองไปทันที อย่าให้ผมคิดภาพต่อเลยครับ แค่เห็นตรงจุดนั้นของเขาที่โป่งนูนดันเนื้อผ้าขึ้นมาผมก็หวาดกลัวอยากหายตัวหนีออกไปจากที่นี่ทันที



“คุณอยากโดนอีกแผลเหรอครับ” ผมพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด ทุกคนลืมกับไปรึยังครับ ว่าดราโกพึ่งโดนยิงไปถึงสามนัดด้วยกัน และเวลานี้พึ่งผ่านมาสิบกว่าวัน แผลยังคงไม่หายดี แม้จะได้รับการดูแลรักษาและเย็บแผลเรียบร้อยแล้ว แต่แค่เกิดกระกระทบกระเทือนเล็กน้อยก็คงทำให้เขาปวดร้าวได้เหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงการออกแรงอย่างกิจกรรมอย่างว่า เขาทำไม่ได้หรอกครับ เมื่อซักครู่อารมณ์ของเขาคงพาไปจนลืมคิดถึงจุดนี้ แม้เขาจะทำตัวตามปกติเหมือนคนไม่มีบาดแผล แต่เขาโดนยิงเลยนะครับ ไม่มีทางหาดีเร็วๆ นี้แน่นอน แต่เขาก็เก่งมากเลยทีเดียวที่ซ่อนอาการจนเกือบเหมือนคนแข็งแรงตามปกติได้ขนาดนี้



“หึหึ ถ้าฉันมัดเธอไว้ เธอก็ทำอะไรฉันไม่ได้แล้วนี่”



“คุณเป็นคุณลุงหื่นกามและโรคจิตจริงๆ ครับ” ผมประณามการกระทำของเขากลับไป ดวงตาหันไปมองยังประตูเล็กบานหนึ่งในห้องทำงานของเขา ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นห้องน้ำ ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย หางตาแอบเห็นเขาขยับตัวทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะส่อถึงเจตนารมณ์ที่ไม่ดีของชายวัยสามสิบกว่า ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปและกดล็อคประตูทันที ก่อนที่ประตูจะปิดลง ผมแอบเห็นแววหงุดหงิดฉายออกมาจากดวงตาคมคู่นั้นเล็กน้อยด้วย



ดวงตาสีน้ำตาลของผมพิจารณาใบหน้าของตัวเองที่ปรากฏอยู่ตรงกระจก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาฉ่ำน้ำ ริมฝีปากบวมเบ่ง และรอยจ้ำสีแดงคล้ำน่ากลัวกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นอกและลำคอ



“เฮ้อ” ผมถอนหายใจ เสยผมจัดทรงให้เรียบร้อย และก้มมองไปยังแก่นกายของตัวเองที่ยังคงชูชันแข็งแรงอย่างน่าปวดหัว ผมปิดฝาโถชักโครกลงและนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนั้นพร้อมกับหลับตาและเริ่มนับเลขฐานสองไปเรื่อยๆ



ดราโกกลับมายังห้องทำงานอีกครั้งหลังจากไปจัดการตัวเองในห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง แต่เมื่อเขากลับมาก็ยังไร้วี่แววของเทวดาตัวน้อย เขากวาดสายตาไปมาก็หยุดลงที่ประตูห้องน้ำที่สังเกตว่ายังมีไฟลอดออกมา แสดงว่าคริสตินยังอยู่ในนั้น เขาเลยหันตัวกลับไปนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานใหญ่และลงมือจัดการเอกสารที่ยังคงคั่งค้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้ ดวงตาคอยแต่จะจับจ้องไปยังประตูห้องน้ำ สลับกับนาฬิกาตั้งโต๊ะ และเอกสารในมือ สลับไปมาอยู่นานครึ่งชั่วโมงจนดราโกทิ้งทุกอย่าง และเดินไปเคาะประตูห้องน้ำเรียกเด็กน้อยของเขา



“คริสติน คริสติน” ดราโกเรียก “เธอเป็นอะไรรึเปล่า”



“เปล่าครับ เดี๋ยวผมออกไปครับ อีกนิดเดียว” คริสตินตอบกลับมาเบาๆ แต่ดราโกก็ยังไม่ไว้วางใจ เขายืนรออยู่ตรงหน้าประตูอยู่เกือบสิบนาที หลังจากนั้นจึงได้ยินเสียงกุกกักภายในห้องน้ำ และประตูก็เปิดออกมา ดวงตาสีทองของเขากวาดสายตาสำรวจร่างของเด็กหนุ่มที่เรียบร้อยปกติเหมือนเดิม ยกเว้นก็แต่ริมฝีปาก และรอยตีตราของเขาบนลำคอขาว



“ทำไมเธอถึงเข้าไปนานขนาดนั้น” ชายหนุ่มถามอีกครั้งด้วยความสงสัย เพราะคริสตินเข้าไปข้างในเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เด็กน้อยของเขาหลบสายตาเล็กน้อย



“ผม รอมันสงบครับ” คริสตินตอบเสียงเบา เขาเลยก้มลงไปเชยคางของเทวดาตัวน้อยให้เงยขึ้นมาสบสายตากับเขา



“รอมันสงบ? หมายถึงเธอรอเอง ไม่ได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย” ดราโกถาม ดวงตาสีน้ำตาลสวยของคริสตินดูลังเล แต่ก็ตอบคำถามเขา



“ผมทำไม่เป็น เลยได้แต่นั่งรอไปเรื่อยๆ ครับ” เด็กหนุ่มตอบกลับมา แต่คำตอบของคริสตินเหมือนกับจุดไฟให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่มอีกครั้ง ทำไมนะ เธอถึงทำให้ฉันคลั่งได้ขนาดนี้



“ให้ฉันสอนเธอไหม” เขาไม่รู้ว่าน้ำเสียงของเขาเจ้าเล่ห์เกินไปหรือเปล่า เด็กน้อยถึงทำหน้าตาแตกตื่นและพยายามถอยห่างจากมาเฟียหนุ่ม



“คุณรู้ไหมครับ กฏหมายของการพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี โดยไม่เต็มใจจะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีนะครับ” น้ำเสียงและท่าทางของเด็กน้อยจริงจังจนชายหนุ่มต้องหลุดยิ้มออกมาบางเบา ดูท่าเขาจะทำให้คริสตินตื่นกลัวถึงขนาดต้องยกข้อกฏหมายขึ้นมาอ้างขนาดนี้ แต่ถ้าเขาจะทำจริงๆ ก็ไม่มีสิ่งไหนจะมาหยุดยั้งเขาได้หรอก แต่เห็นสีหน้าจริงจังและเคร่งเครียดของเทวดาตัวน้อยแล้ว เขาก็คว้าร่างของเด็กหนุ่มที่สูงแค่หน้าอกของเขามาลูบหัวลูบหลังปลอบใจเทวดาตัวน้อยให้สงบลง “ล้อเล่นน่ะ เดี๋ยวเธอจะหาว่าฉันเป็นลุงหื่นอีก ไว้ค่อยต่อวันหลังแล้วกันนะ”



“วันหลังก็ไม่ครับ” เด็กหนุ่มตอบกลับอย่างรวดเร็ว



“งั้นวันนี้?” แต่เขาก็ยังกวนไม่เลิก



“วันนี้ก็ไม่ครับ ผมไม่เข้าใจคุณเลยแท้ๆ คุณคาดคั้นผมจนผมยอมบอกความจริงให้คุณ แทนที่เราจะมาคุยเรื่องนั้นกันต่อเพื่อหาข้อสรุปกันได้ แต่ทำไมถึงต้องมาจบลงในรูปแบบนี้ด้วยครับ” คริสตินมองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ เขาเองก็ไม่รู้จะตอบเด็กหนุ่มว่ายังไงดีเช่นกัน แค่เขาเห็นเหมือนคริสตินกำลังทรมานจนลืมหายใจ เขาก็คิดแค่ว่าจะดึงความสนใจจากเด็กหนุ่มเท่านั้น แต่จุดประสงค์เริ่มแรกก็เลือนหายเมื่อได้ลิ้มรสผิวเนื้อรุ่มร้อนเนียนนุ่มจากเรือนร่างขาวของเด็กน้อย จนลืมเลือนทุกสิ่งไปจนหมด และเรื่องสำคัญที่เด็กน้อยได้บอกออกมา



การค้ามนุษย์ของคาโซ่ แฟมิลี่



“งั้นเรามาพูดเรื่องนี้กันต่อแล้วกัน หลังจากให้แม่บ้านยกอาหารมาที่นี่” ร่างสูงก้าวไปที่โต๊ะทำงาน ยกโทรศัพท์กดปุ่มที่ต่อสายไปหาคาลอสที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่อีกที่หนึ่ง “คาลอส บอกแองเจล่าให้ยกอาหารมาที่ห้องนี้ได้เลย และนายกับจาคอปมาหาฉันที่ห้องทำงานด้วย”



“ครับดอน” คาลอสรับคำสั่งและรีบดำเนินการทันที



ผมกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาหนังเหมือนเดิมครับ แต่ครั้งนี้ในหัวของผมกำลังวุ่นวายและยุ่งเหยิงไปด้วยข้อมูลมากมายที่ต้องจัดเรียงลำดับความคิดให้เรียบร้อย พอใจของผมสงบมากพอ ก็เริ่มคิดถึงเรื่องที่พูดกับดราโกไปก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเปลืองเนื้อเปลืองตัวของผมเกิดขึ้น ผมบอกความเกี่ยวข้องบางส่วนของผมกับคาโซ่ไปแล้ว พวกคาโซ่นั้นมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการค้ามนุษย์ทางแถบประเทศเอเชีย ส่งผ่านมายังเส้นทางเดินเรือและนำคนเหล่านั้นมาค้าขายถึงประเทศทางยุโรปและสหรัฐอเมริกา



การกระทำของเขาทำให้มนุษย์ที่มีชีวิตและสิทธิเท่าเทียมกันนั้นเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยง ซื้อขายทอดตลาดราวกับข้าวของ แต่ถึงอย่างนั้นก็พวกเขาก็ยังพยายามดูแลทะนุถนอมสินค้าอย่างดีไม่ให้บอบช้ำ โดยเฉพาะอวัยวะทั้งหลายที่ขายได้ราคาดีและเป็นที่ต้องการในตลาดมืด ใช่ครับ แค่อวัยวะนะครับที่พวกเขาให้ความสำคัญ แต่เรื่องร่างกายภายนอกนั้นพวกเขาไม่เคยสนใจ



การขนส่งทางเรือนั้นใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเดินทางมาถึงประเทศตะวันตก ผู้หญิงที่ถูกจับมานั้นมักจะโดนข่มขืนกระทำชำเราอยู่เสมอจนเป็นเรื่องปกติ หรือแม้กระทั่งผู้ชายคนไหนที่ดูดีหน่อยก็จะโดนเช่นเดียวกัน บนเรือนั้นไม่มีทางหนี ไม่มีทางออก ถ้าไม่ยินยอมก็ต้องโดนซ้อมหรือทรมานจากการโดนงดน้ำงดอาหาร เป็นเวลาหลายเดือนที่ผมทราบข่าวและพยายามหาข้อมูล รวบรวมหลักฐานและส่งต่อไปให้ทางตำรวจสากล



“พวกคาโซ่รู้ชื่อนี้เพราะว่ามีสายอยู่ในกรมตำรวจใช่ไหมครับ” ผมพูดขึ้นมาเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เรื่องต่างๆ วุ่นวายมากขึ้นขนาดนี้ “ตอนผมส่งหลักฐานไป ผมลงท้ายด้วยชื่อปลอมของผม เพื่อลอบส่งข้อมูลให้กับพวกเขา”



“ฉันคิดว่าใช่ พวกตำรวจไม่ใช่คนดีทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ” น้ำเสียงของดราโกติดเย็นชา



“คุณไม่ชอบพวกเขาเหรอครับ” ผมถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ กับผม เพราะจากน้ำเสียงและแววตาของเขามันดูชัดเจนมาก



“ใช่” ตอบสั้นๆ แต่ตรงประเด็นจริงๆ ครับ



ก๊อก ก๊อก



เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนาที่ผมจะพูดขึ้นต่อ แต่ผมก็ละความสนใจจากผู้ชายข้างๆ และหันไปมองเหล่าแม่บ้านที่ยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟถึงที่แทน อืม หน้าตาน่ากินจังเลยครับ กลิ่นหอมมากเลย ท้องของผมส่งเสียงประท้วงขึ้นมาเบาๆ อาหารทยอยเรียงวางอยู่บนโต๊ะอย่างเรียบร้อยสวยงาม และเมื่ออาหารจานสุดท้ายวางลงตรงหน้าของผม ผมก็เงยหน้าเตรียมพูดขอบคุณ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของแม่บ้านหญิงคนนั้น ดวงตาของผมก็เบิกกว้าง รู้ตัวอีกทีก็รีบร้อนคว้าข้อมือของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ จนเธอหันมามองด้วยความสงสัย



“รับอะไรเพิ่มหรือคะคุณหนู” น้ำเสียงใจดีกับใบหน้างดงามของผู้หญิงวัยกลางคนที่มีผมสีแดงหยักศกเล็กน้อยมัดรวบเก็บเรียบร้อยอยู่ตรงท้ายทอย และดวงตาสีมรกตสวยงามทอประกายอ่อนโยนมาให้กับผม คล้ายๆ แต่ก็ไม่ใช่



“ปะ เปล่าครับ ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ” ผมหลบสายตา รู้สึกร้อนๆ ที่ใบหน้าเล็กน้อย พร้อมกับปล่อยมือจากแขนของผู้หญิงคนนั้นและมานั่งเรียบร้อยตามเดิม ใจของผมยังเต้นรัวเหมือนจะทะลุออกมาจากอก ความทรงจำเก่าๆ เหมือนย้อนกลับมาอีกครั้งและทำให้ผมคิดถึง



“ชอบเหรอ” เสียงทุ้มของดราโกเอ่ยถามผม เมื่อผมหันไปมองก็เห็นดวงตาคมสีทองที่ทอประกายดุมากกว่าทุกที



“เปล่าครับ” ผมตอบแค่นั้นเพราะไม่ต้องการอธิบายเพิ่ม แต่ดูเหมือนว่าสายตาของคนข้างตัวจะยังคาดคั้นไม่ปล่อย ผมเลยจำเป็นที่จะต้องอธิบายเพิ่มอย่างช่วยไม่ได้ “คุณผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับคนที่ผมรู้จักครับ เลยเข้าใจผิดไปหน่อย”



“หืม?” ทั้งน้ำเสียงและอาการเลิกคิ้วขึ้นของชายหนุ่มดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อถือในสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากเก็บไว้คนดียวมากกว่า ผมไม่สนใจดราโก และเริ่มลงมือรับประทานอาหารเที่ยงที่เลยเวลามาเกือบสองชั่วโมง สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าที่ถูกจัดวางอย่างสวยงาม ราดด้วยครีมสีขาวนวลตา และกลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นทำให้ผมอยากอาหารมากกว่าปกติ จึงลงมือจัดการอาหารจานนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนปิดท้ายด้วยของหวานเป็นที่เป็นไอศครีมทำจากชีสสีขาว ผสมด้วยผลไม้เชื่อมแสนอร่อยและลูกนัทวางสลับไปมา ซึ่งชั้นล่างสุดผมเจอเนื้อเค้กนุ่มๆ ผสมอยู่อีกด้วย



“อร่อยมากเลยครับ” ผมวางช้อนเป็นอันเสร็จพิธี ทั้งอาหารทั้งขนม ผมกินจนอิ่มแปร่ รู้สึกขอบคุณเชฟที่ทำอาหารจานนี้เหลือเกิน



“กินเลอะ” ดราโกพูดขึ้นพร้อมยืนมือมาเช็ดซอสที่เลอะตรงมุมปากให้ผม “เหมือนเด็กเลยนะ กินเลอะขนาดนี้”



“ผมก็ยังถือว่าเป็นเด็กอยู่นะครับ” ผมตอบกลับไป จัดการเก็บรวบรวมจานวางซ้อนกันทั้งของผมและดราโกให้เรียบร้อย



“เธอก็ไม่เด็กหรอกนะ ถึงการตอบสนองจะไร้เดียงสาไปหน่อย แต่ก็ร้อนแรงใช้ได้เลย” น้ำเสียงยั่วเย้าของเขาทำให้จานที่ผมถืออยู่เกือบหลุดมือ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าดอนแห่งคอลิโอเน่จริงๆ แล้วเป็นคนที่หื่นและลามกขนาดนี้



“คำพูดของคุณนี่สุ่มเสี่ยงต่อการติดคุกนะครับ ในปั้นปลายชีวิตของคุณ ผมอยากให้คุณใช้ชีวิตอย่างสงบนะครับ ไม่ใช่ติดคุกติดตะรางเพราะข้อหาพรากผู้เยาว์”



“หึหึ แต่ถ้าเด็กมันน่าเอา ฉันคิดว่ามันก็ไม่เลวนะ” ผมเอาจานที่ถืออยู่ในมือตอนนี้ทุ่มใส่หัวของดราโกได้ไหมนะ พูดกันเป็นจริงเป็นจังอยู่แค่ไม่กี่ประโยคก็จะพาผมวกเข้าเรื่องอย่างนั้นตลอดเลย



“ผมเอาจานไปเก็บให้นะครับ” และกลยุทธ์หนึ่งที่ผมนำมาใช้คือปล่อยผ่านไปและรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที



“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแม่บ้านก็มาเก็บเอง” เมื่อดราโกพูดจบประโยคก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่า เพราะแม่บ้านเดินเรียงแถวกันเข้ามาเก็บจานที่ผมเก็บไว้ให้อย่างเรียบร้อย ผมเห็นแววตาของพวกเธอฉายแววประหลาดใจออกมาเล็กน้อยด้วยครับ โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นที่มองมาทางผมพร้อมรอยยิ้ม



“ขอบคุณค่ะคุณหนู” เธอพูดขอบคุณผม และผมก็ตอบเธออย่างสุภาพ



“ไม่เป็นไรครับ” ผมมองตามหลังของแม่บ้านคนสุดท้ายไปอย่างไม่วางตา โดยไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่าเงาของมาเฟียคนหนึ่งเคลื่อนทับมาแนบชิดแผ่นหลังผม พร้อมกับก้มตีตราบนลำคอของผมอย่างแรง “โอ๊ย!!! คุณทำอะไรน่ะครับ”



ผมถูกร่างสูงบังคับให้มานั่งตักของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แผ่นหลังของผมแนบไปกับแผ่นอกแน่นๆ ของเขา ริมฝีปากของเขาก็ยังคงขบเม้ม ดูดดึงไปทั่วลำคอของผมไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าตอนนี้คอของผมคงเหมือนคนเป็นผื่นแล้วล่ะครับ



“เธอไม่ควรจะมองคนอื่น” ดราโกกระซิบอยู่ข้างหูของผมและเอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจ “เธอมองฉันและสนใจฉันได้แค่คนเดียวเท่านั้นนะคริสติน”



ผมขมวดคิ้วกับความคิดแปลกๆ ของดราโก ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ผมคิดว่าการพูดในรูปแบบนี้มันผิดนะครับ ให้มองเขาคนเดียว ไม่อย่างนั้นผมก็เดินไปไหนมาไหนไม่ได้น่ะซิ จะพูดคุยกับคนอื่นก็ต้องหลับตาตลอดรึไงกัน ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ



“คุณเอาแต่ใจจังเลยนะครับ”



“ใช่ เธอพึ่งรู้รึไงกัน”



นอกจากดราโกจะเป็นลุงหื่นโรคจิตและบ้ากามแล้ว เขายังจิตไม่ปกติอีกเหรอเนี่ย?



......................................................



มีใครรอฉากน้องคริสที่โดนลุงดราโกจับกินอยู่รึเปล่าคะ แหะๆ ต้องขอโทษที่ทำให้นักอ่านผิดหวังกันนะคะ เพราะคริสตินนนนนนนน ยังรอดปลอดภัยค่าาาาาาาา เย้ ^^

คริสตินฝากมาบอกทุกท่านว่า "ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะพยายามเอาตัวรอดให้ได้ ขอกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ" เห็นสายตาอ้อนๆ ของน้องไรต์ก็อดใจไม่ไหว จะให้กลั่นแกล้งรังแกก็ทำไม่ลง คงต้องให้ลุงตอดเล็กตอดน้อยกันไปก่อน หลังจากนี้คริสคงระวังตัวขึ้นเยอะ แต่ขนาดระวังแล้ว เฮ้อ น้องจ๋า ตัวหนูลายไปหมดเลย ไรต์ช้ำใจจริงๆ

"งั้นให้ผมเป็นคนทำดราโกบ้างซิครับ ผมจะพยายามเรียนรู้และเป็นฝ่ายรุกที่ดีครับ ผมสัญญา" (คริสติน)

"ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นมาบนตัวฉันซิ เธอจะได้เป็นฝ่ายเริ่ม" (ดราโก)

"จริงเหรอครับ" (คริสตินปีนไปนั่งอยู่ตรงหน้าท้องเป็นลอนของดราโกที่นอนราบไปบนเตียง)

"เอาล่ะ เริ่มเรียนกันเลยมั้ย" (ใบหน้าของดราโกเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย)

"ครับ" (คริสตินพยักหน้า)

เดี๋ยววววววววววววว คริสตินลงมาเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!! (ไรต์ไปกระชากน้องลงมาทันที) ไว้ใจลุงคนนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะ


............................................


สวัสดีค่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ไรท์เป็นมือใหม่ของเว็บนี้ค่ะ ตอนลงนิยายก็จะงงๆสับสนอยู่บ้าง แต่ไรท์น้อมรับทุกข้อคิดเห็นค่ะ จะใส่ชื่อตอนและวันที่ลง ลงไปด้วยค่ะ ตอนแรกไรท์ก็ใส่ชื่อตอนนะคะ แต่ไปๆมาๆไรท์ก็งงว่า อ้าวมันหายไปไหน 5555  เดี๋ยวไรท์จะลองลงตอนนี้ดูค่ะ ว่ามันจะโผล่มั้ย

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^^ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากค่ะ





ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #25 เมื่อ24-06-2018 23:04:38 »

น้องงงงงง ยังเด็กอยู่เลย น่าเอ็นดู

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #26 เมื่อ25-06-2018 00:01:23 »

น้องยังไม่เคยมีความรักด้วยยย  :hao7:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #27 เมื่อ25-06-2018 00:08:41 »

พระเอกสายหมี !

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #28 เมื่อ25-06-2018 00:22:31 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ it.the.world

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: กรงเทวดา : บทที่ 6 เอาแต่ใจ (24.06.18)
«ตอบ #29 เมื่อ25-06-2018 02:02:13 »

คุนลุงร้ายกาจจ :hao7: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด