>>อุบัติรักฟีโรโมน<< Omegaverse - ตอนพิเศษ ขำๆ วันช๊อต [28-05-62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>อุบัติรักฟีโรโมน<< Omegaverse - ตอนพิเศษ ขำๆ วันช๊อต [28-05-62]  (อ่าน 267457 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
มาแบบสั้นๆ พอให้หายอยาก ? 555 รอๆ ตอนต่อไปจ้าาา
นักเขียนสู้ๆ นะคะ  :L2:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ว่าแล้วว่าวันนี้ฉันจะได้ใช้เปลือกทุเรียนที่ซื้อมารอบก่อนเพื่อฟาดหน้าพิชัย :beat:

ทำไมอีธานรู้ล่ะว่าอยู่ทางหนีไฟ

ออฟไลน์ akira26095

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
หลังจากอ่านถึงตอนล่าสุด หลาย ๆ คห.บ่นว่าแต่อีธาน แต่เราขอพูดตรง ๆ เลยค่ะว่าขัดใจภูริที่สุด
นิสัยของภูริไม่สมเหตุสมผลสำหรับเราค่ะ จากในเรื่องภูริมีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างเรียกได้ว่าปากกัดตีนถีบ
มีภาระต้องรับผิดชอบมากมายทั้งค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่ายา และต้องดูแลแม่กับน้อง
นิสัยของคนที่อยู่ในสภาวะแบบนี้ควรจะแข็งกว่านี้ ต้องปกป้องตนเองและพยายามคิดถึงคนข้างหลัง
ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่าย ๆ

ภูริยอมคนอื่นตลอดเพราะไม่อยากมีปัญหา กลัวโดนไล่ออกแล้วจะกระทบค่าใช้จ่าย จุดนี้เราเข้าใจค่ะ
แต่ที่เราขัดใจที่สุดคือการยอมให้คนอื่น (อีธาน) เข้าใจผิดบ่อย ๆ ไม่ยอมอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น
เพราะคิดว่าอีกคนไม่รู้จักตัวเองดีพอ ดังนั้นแม้จะอธิบายไปก็ไร้ความหมาย เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่าย
ก็ยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่อยู่ดี ในกรณีนี้มีปากก็ควรพูดเพื่อปกป้องผลประโยน์ของตนเอง
นี่คือปกติวิสัยของมนุษย์ที่อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน มีคนต้องดูแล
เขาต้องตอบโต้เพื่อปกป้องตนเองและคนข้างหลัง ต้องมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง
ถึงจะไม่เอาเปรียบคนอื่นแต่ก็จะไม่ยอมเสียประโยชน์ง่าย ๆ

จากเรื่องที่ปูมาพื้นเพของภูริเรียกได้ว่าค่อนข้างลำบาก ไม่มีเงินเก็บ เงินใช้เดือนชนเดือน
กับข้าวก็เป็นอาหารเมนูไข่ ไม่มีอะไรอื่นมาทำเท่าไรนัก อ่านแล้วสัมผัสได้ว่าความเป็นอยู่อัตคัด
ดังนั้นนิสัยไม่ควรปล่อยวางไหลลื่น มองโลกในแง่ดี ยอมอ่อนข้ออย่างง่ายดาย คิดแล้วไม่พูด
ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง นิสัยแบบนี้ไม่สมเหตุสมผลกับพื้นเพของตัวละครค่ะ

สิ่งที่ภูริทำคือยอมเกือบหมดเลย เพิ่งมาแข็งข้อเล็กน้อยตอนน้องป่วยเท่านั้น
อีกทั้งความคิดปกป้องตนเองอยากจะอธิบายก็ไม่มีเลย ทำไมไม่พูดไปว่าขอไปโรงพยาบาลแต่หัวหน้าไม่ให้
ดันพูดว่าขอลาแล้วไม่ให้ ใจความสำคัญมันอยู่ที่คำว่า "โรงพยาบาล" เพราะสื่อถึงความรุนแรงของสถานการณ์
คนปกติมันต้องพูดค่ะ (ขอย้ำอีกครั้ง) เพื่อปกป้องตนเอง นี่คือเซนส์ที่มนุษย์ทุกคนเป็น
ถ้าจะอธิบายจุดนี้ว่าเพราะเป็นนิสัยผู้ชายจึงไม่อยากพูดเรื่องหยุมหยิม จะกลัวเป็นเหมือนฟ้อง
อันนี้ไม่เห็นด้วยค่ะ การฟ้องกับการอธิบายความจริงห่างกันเพียงนิดเดียวอยู่ที่เจตนาของผู้พูด
ยอมคนเกินไป ไม่สมเหตุสมผลกับพื้นเพตัวละครค่ะ

เราเน้นเรื่องปกป้องตนเองมากเพราะนี่คือจุดเด่นที่ตัวละครที่มาจากพื้นเพเช่นนี้ควรมี
การที่นักอ่านคนอื่นต่อว่าอีธานว่าโง่และไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เราถามหน่อยค่ะว่าถ้าคนที่มีปัญหาไม่พูด
แล้วอีกคนจะมีปัญญากระจ่างแจ้งไหมคะ ถึงพูดไปแล้วอีกคนไม่เชื่อ แต่ถ้าพูดบ่อย ๆ ประกอบกับสิ่งที่
เขาได้เห็น อย่างไรก็ต้องมีสะกิดใจกันบ้าง นี่ถ้าภูริอธิบายบ้างอีธานก็จะสะกิดใจได้เร็วกว่านี้
คนเขียนก็จะดำเนินเรื่องได้กระชับและรวดเร็วขึ้น

"หากแม้แต่ตัวคุณยังไม่ยอมปกป้องตนเอง แล้วคุณคาดหวังว่าใครหน้าไหนจะมาปกป้องคุณ"

ทำไมต้องรอให้วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ในเมื่อเราก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการพิสูจน์ได้เร็วกว่าการใช้
เครื่องมือที่เรียกว่า "วันเวลา" เราส่ายหัวกับหลาย ๆ คห.ที่ต่อว่าอีธานว่าทำไมไม่รู้ความจริงสักที
ทำไมไม่ต่อว่าภูริแทน

อีกประเด็นหนึ่งคือการทำงานของอลัน สิ่งที่อลันทำไม่เรียกว่า "สืบ"
แต่เรีียกว่า "หาข้อมูล" สองคำนี้เซนส์มันต่างกัน สืบนี่คือต้องพยายามเจาะลึกเสาะแสวงหาข้อมูลสำคัญมาให้ได้
ความสำคัญและความยากลำบากมีมากว่า "หาข้อมูล" สิ่งที่อลันทำก็แค่เอาข้อมูลจากเอกสารมารายงานอีธานเท่านั้น
ไม่มีเอะใจเลยว่าทำไมผลการประเมินของหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานแตกต่างกันขนาดนั้น

ถ้าเป็นคนที่ทำงานตำแหน่งสูงระดับนั้นจริงมันต้องมีเซนส์ค่ะ ต้องคิดและเอะใจไปแล้ว
ถ้าจะแย้งว่าอคติถือตัวว่าเป็นอัลฟ่าแล้วใช้ความรู้สึกนึกคิดตัวเองบดบังการทำงานแบบนี้
บอกเลยค่ะชีวิตจริงคุณอยู่ตำแหน่งสูงขนาดนั้นได้ไม่นานหรอก มันอยู่ไม่ได้ ยิ่งสูงยิ่งหนาว ลมยิ่งแรง
คุณไม่มีเซนส์แบบนี้คุณปลิวไปกับลม หรือไม่ก็โดนคนอื่นลอบกัดผลักตกหน้าผาตายไปแล้วค่ะ
ขนาดอีธานยังมีเอะใจบ้างเพราะได้ใกล้ชิดกับภูริ แต่ตัวคนไปสืบมันต้องได้กลิ่นทะแม่ง ๆ เหมือนกันค่ะ
เพราะต้องเห็นข้อมูลมากกว่าก่อนจะเลือกประเด็นสำคัญมารายงานเจ้านาย แต่นี่อะไร...

เราเขียนมาทั้งหมดนี้เพราะเราชอบเรื่องนี้ค่ะ อดทนอ่านจนถึงตอนล่าสุดก่อนจะแสดงความคิดเห็น
เพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดก่อนจะวิจารณ์อะไรออกไป เราอยากให้นิยายของคุณเป็นนิยายที่มีคุณภาพ
อ่านแล้วก็อยากกลับมาอ่านซ้ำบ่อย ๆ ไม่ใช่นิยายคั่นเวลาที่อ่านแก้ขัดรอบเดียวพอ
ถึงอย่างไรเราก็จะอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ เราติเพื่อก่อ เพราะสนุกเราถึงพยายามเขียนขนาด
อย่าท้อก่อนนะคะ เราไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร

 :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ้อออออออออ แบบนี้ก็ได้หรอภูริ
แต่รำคานหัวหน้าและผองเพื่อนมาก
แล้วภูริจะยอมไปถึงไหนเนี่ย

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
คู่หูคู่ฮา
ชอบคู่ภูริกับอีธานนี่จริงๆ 
มาไวแบบนี้  นั่งดูภูริผ่านจออยู่ล่ะสิอีธาน

ออฟไลน์ MR.J

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ก็คือพิชัยเริ่มแกล้งน่ากลัวแล้วนะมันดูไม่ปลอดภัยกับภูริมากอะ แล้วอีธานรู้ได้ไง่วาเข้าไปอะไรๆกันที่ประตูหนีไฟแอบดูเหรอ แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ pan19891990

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากตีภูริสักทีสองที ทำไมหนูเป็นโอเมก้าที่แซ่บลืมแบบนี้ ไม่เอาไม่ไปจิ๊จ๊ะกับผู้หญิงนะลูกกกก แต่เราจะไม่เรียกว่านี่เป็นการนอกใจเพราะนางกับอีธานก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ส่วนอีธานที่อย่างนี้จะมาอ้างถึงคู่แท้นะยะ อยากผูกมัดเค้าก็กัดเลยสิ อิอิ ทำมาเป็นว่านายเอกว่าไม่พอ ตัวเองนั่นแหละเริ่มก่อนตั้งแต่เช้า ปล.อีธานทีอย่างนี้รู้ว่าเขาจะไปจิ๊จ๊ะกันแถวบันไดหนีไฟ น่าจะรู้ได้สักทีว่าอิตาหัวหน้าพิชัยทำอะไรบ้าง รีบๆจีดการเลย
ปล.2 เป็นกำลังใจให้นะคะ รอติดตามตอนต่อไปอยู่ค่า :)

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
รอครับรอ  :hao6: :hao6:

ป.ล.สู้ๆครับ

ออฟไลน์ Hnggnh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอนะคะ ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆเลย สนุกอ่าา. ชอบภูริมาก มั้งๆที่เจอเรื่อวหนักๆแต่ก็มองโลกในแง่ดีตลอดเลย เลิฟเลน มาต่อไวๆนะคะ ขอให้งานราบรื่นมาน่อได้ไวๆนะค่ะ เป็นกำลังใจให้คะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
เอ๋ รู้ได้ยังไงอะอีธาน แอบส่องเหมือนสตอกเกอร์เลย
รู้เรื่องเขาไปฟัดกับใคร แต่ไม่รู้เรื่องน้องโดนแกล้ง
ภูริก็น่าตีปาก อยู่ด้วยกัน เรื่องสำคัญดันไม่พูด
อีธานหึงชัดขนาดนี้ ทำไมจะไม่ยอมจัดการพิชัยให้ละ
รู้จักพูดหว่านเสน่ห์ใส่ลูกค้า ใส่สาวๆ แต่กับสามีไม่พูดซะงั้น

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
แหมๆๆ คู่นี้เคมีเรื่องนี้เขาเข้ากันดีที่สุดและ
คนเขียนสู้ๆนะจ๊ะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ววว บอสก็เลยต้องมาใช้บริการบรรไดหนีไฟเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หลังจากอ่านถึงตอนล่าสุด หลาย ๆ คห.บ่นว่าแต่อีธาน แต่เราขอพูดตรง ๆ เลยค่ะว่าขัดใจภูริที่สุด
นิสัยของภูริไม่สมเหตุสมผลสำหรับเราค่ะ จากในเรื่องภูริมีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างเรียกได้ว่าปากกัดตีนถีบ
มีภาระต้องรับผิดชอบมากมายทั้งค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่ายา และต้องดูแลแม่กับน้อง
นิสัยของคนที่อยู่ในสภาวะแบบนี้ควรจะแข็งกว่านี้ ต้องปกป้องตนเองและพยายามคิดถึงคนข้างหลัง
ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบง่าย ๆ

ภูริยอมคนอื่นตลอดเพราะไม่อยากมีปัญหา กลัวโดนไล่ออกแล้วจะกระทบค่าใช้จ่าย จุดนี้เราเข้าใจค่ะ
แต่ที่เราขัดใจที่สุดคือการยอมให้คนอื่น (อีธาน) เข้าใจผิดบ่อย ๆ ไม่ยอมอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น
เพราะคิดว่าอีกคนไม่รู้จักตัวเองดีพอ ดังนั้นแม้จะอธิบายไปก็ไร้ความหมาย เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่าย
ก็ยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่อยู่ดี ในกรณีนี้มีปากก็ควรพูดเพื่อปกป้องผลประโยน์ของตนเอง
นี่คือปกติวิสัยของมนุษย์ที่อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน มีคนต้องดูแล
เขาต้องตอบโต้เพื่อปกป้องตนเองและคนข้างหลัง ต้องมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง
ถึงจะไม่เอาเปรียบคนอื่นแต่ก็จะไม่ยอมเสียประโยชน์ง่าย ๆ

จากเรื่องที่ปูมาพื้นเพของภูริเรียกได้ว่าค่อนข้างลำบาก ไม่มีเงินเก็บ เงินใช้เดือนชนเดือน
กับข้าวก็เป็นอาหารเมนูไข่ ไม่มีอะไรอื่นมาทำเท่าไรนัก อ่านแล้วสัมผัสได้ว่าความเป็นอยู่อัตคัด
ดังนั้นนิสัยไม่ควรปล่อยวางไหลลื่น มองโลกในแง่ดี ยอมอ่อนข้ออย่างง่ายดาย คิดแล้วไม่พูด
ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง นิสัยแบบนี้ไม่สมเหตุสมผลกับพื้นเพของตัวละครค่ะ

สิ่งที่ภูริทำคือยอมเกือบหมดเลย เพิ่งมาแข็งข้อเล็กน้อยตอนน้องป่วยเท่านั้น
อีกทั้งความคิดปกป้องตนเองอยากจะอธิบายก็ไม่มีเลย ทำไมไม่พูดไปว่าขอไปโรงพยาบาลแต่หัวหน้าไม่ให้
ดันพูดว่าขอลาแล้วไม่ให้ ใจความสำคัญมันอยู่ที่คำว่า "โรงพยาบาล" เพราะสื่อถึงความรุนแรงของสถานการณ์
คนปกติมันต้องพูดค่ะ (ขอย้ำอีกครั้ง) เพื่อปกป้องตนเอง นี่คือเซนส์ที่มนุษย์ทุกคนเป็น
ถ้าจะอธิบายจุดนี้ว่าเพราะเป็นนิสัยผู้ชายจึงไม่อยากพูดเรื่องหยุมหยิม จะกลัวเป็นเหมือนฟ้อง
อันนี้ไม่เห็นด้วยค่ะ การฟ้องกับการอธิบายความจริงห่างกันเพียงนิดเดียวอยู่ที่เจตนาของผู้พูด
ยอมคนเกินไป ไม่สมเหตุสมผลกับพื้นเพตัวละครค่ะ

เราเน้นเรื่องปกป้องตนเองมากเพราะนี่คือจุดเด่นที่ตัวละครที่มาจากพื้นเพเช่นนี้ควรมี
การที่นักอ่านคนอื่นต่อว่าอีธานว่าโง่และไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เราถามหน่อยค่ะว่าถ้าคนที่มีปัญหาไม่พูด
แล้วอีกคนจะมีปัญญากระจ่างแจ้งไหมคะ ถึงพูดไปแล้วอีกคนไม่เชื่อ แต่ถ้าพูดบ่อย ๆ ประกอบกับสิ่งที่
เขาได้เห็น อย่างไรก็ต้องมีสะกิดใจกันบ้าง นี่ถ้าภูริอธิบายบ้างอีธานก็จะสะกิดใจได้เร็วกว่านี้
คนเขียนก็จะดำเนินเรื่องได้กระชับและรวดเร็วขึ้น

"หากแม้แต่ตัวคุณยังไม่ยอมปกป้องตนเอง แล้วคุณคาดหวังว่าใครหน้าไหนจะมาปกป้องคุณ"

ทำไมต้องรอให้วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ในเมื่อเราก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการพิสูจน์ได้เร็วกว่าการใช้
เครื่องมือที่เรียกว่า "วันเวลา" เราส่ายหัวกับหลาย ๆ คห.ที่ต่อว่าอีธานว่าทำไมไม่รู้ความจริงสักที
ทำไมไม่ต่อว่าภูริแทน

อีกประเด็นหนึ่งคือการทำงานของอลัน สิ่งที่อลันทำไม่เรียกว่า "สืบ"
แต่เรีียกว่า "หาข้อมูล" สองคำนี้เซนส์มันต่างกัน สืบนี่คือต้องพยายามเจาะลึกเสาะแสวงหาข้อมูลสำคัญมาให้ได้
ความสำคัญและความยากลำบากมีมากว่า "หาข้อมูล" สิ่งที่อลันทำก็แค่เอาข้อมูลจากเอกสารมารายงานอีธานเท่านั้น
ไม่มีเอะใจเลยว่าทำไมผลการประเมินของหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานแตกต่างกันขนาดนั้น

ถ้าเป็นคนที่ทำงานตำแหน่งสูงระดับนั้นจริงมันต้องมีเซนส์ค่ะ ต้องคิดและเอะใจไปแล้ว
ถ้าจะแย้งว่าอคติถือตัวว่าเป็นอัลฟ่าแล้วใช้ความรู้สึกนึกคิดตัวเองบดบังการทำงานแบบนี้
บอกเลยค่ะชีวิตจริงคุณอยู่ตำแหน่งสูงขนาดนั้นได้ไม่นานหรอก มันอยู่ไม่ได้ ยิ่งสูงยิ่งหนาว ลมยิ่งแรง
คุณไม่มีเซนส์แบบนี้คุณปลิวไปกับลม หรือไม่ก็โดนคนอื่นลอบกัดผลักตกหน้าผาตายไปแล้วค่ะ
ขนาดอีธานยังมีเอะใจบ้างเพราะได้ใกล้ชิดกับภูริ แต่ตัวคนไปสืบมันต้องได้กลิ่นทะแม่ง ๆ เหมือนกันค่ะ
เพราะต้องเห็นข้อมูลมากกว่าก่อนจะเลือกประเด็นสำคัญมารายงานเจ้านาย แต่นี่อะไร...

เราเขียนมาทั้งหมดนี้เพราะเราชอบเรื่องนี้ค่ะ อดทนอ่านจนถึงตอนล่าสุดก่อนจะแสดงความคิดเห็น
เพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดก่อนจะวิจารณ์อะไรออกไป เราอยากให้นิยายของคุณเป็นนิยายที่มีคุณภาพ
อ่านแล้วก็อยากกลับมาอ่านซ้ำบ่อย ๆ ไม่ใช่นิยายคั่นเวลาที่อ่านแก้ขัดรอบเดียวพอ
ถึงอย่างไรเราก็จะอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ เราติเพื่อก่อ เพราะสนุกเราถึงพยายามเขียนขนาด
อย่าท้อก่อนนะคะ เราไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร

 :hao7:

ชอบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เมื่อไรอีธาน จะรู้ความเลวร้ายของอิตาพิชัยและเดอะแก๊งสักทีเนี่ย ชักจะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ

ปล. สู้ๆ นะคะ

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :mew4:โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย น้ิองภูวววววววววว เอ็นดูมาก 55555 // ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 

     เป็นกำลังให้คุณนักเขียนค่ะ  หลายคนอาจจะคิดว่าเนื้อเรื่องมันไม่สมเหตุสมผล
แต่สำหรับเราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนมากกว่า

     เรื่องจะดำเนินต่อไปยังไงก็จะติดตามอ่านจนจบค่ะ
กว่าจะเขียนออกมาได้แต่ละบทคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  สู้ๆนะคะ^^

    :pig4: :pig4:



ออฟไลน์ Naamtaan22

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เราเห็นด้วยกับเม้นท์ด้านบนค่ะ เราเคารพในเนื้อเรื่องที่คุณคนเขียนนำเสนอนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อย่าหักโหมจนลืมพักผ่อน ยังไงก็รออ่านแน่นอนค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 24 [100%]….<

การมองทุกอย่างผ่านกล้องวงจรปิดมันก็ดีที่ได้เห็นว่าทุกคนคนทำตัวอย่างไร ปฏิบัติต่อกันแบบไหน แล้วการทำงานของแต่ละคนมันเป็นยังไง แต่นั่นมันยังลงลึกไม่มากพอ มันมีแค่ภาพ และภาพก็สามารถลวงตาคนเราได้เสมอ แค่เปลี่ยนมุม...ก็อาจกลายเป็นอีกความหมายในความเป็นจริงได้

ดังนั้น...อีธานจึงส่งคนเข้าไปปะปนอยู่ในแผนกของภูริ

เขาเพิ่งเริ่มส่งคนไปวันนี้ บวกกับภาพจากล้องวงจรปิด เขาได้รู้อะไรเยอะขึ้น ไม่ใช่แค่ภาพที่อลันเอามารายงานเขาเพียงอย่างเดียว แต่ที่เมื่อเที่ยงเขาโทรไปหาภูรินั้นก็เพราะว่าดันไปเจอช๊อตนั้นเข้าพอดีน่ะสิ เขายอมไม่ได้ที่จะให้ภูริใช้ร่างกายที่เขากอดอยู่ทุกวันนี้กับคนอื่น เขาก็เลยเข้าไปป่วนแม่งซะเลย เกี่ยวกับตัวเองไหมไม่รู้ รู้แต่ภูริเป็นคู่ของเขาและเขาไม่ต้องการจะให้ภูริไปมีสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น

“ท่านไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เพื่อจะตามติดชีวิตโอเมก้าเพียงคนเดียว” อลันเอ่ยขณะที่ส่งเอกสารให้อีธานเซ็น งานเขาเยอะ...และเขาก็เบื่อชะมัด

“โอเมก้าคนนั้นเป็นคู่ของผม”

“เป็นคู่ที่ไม่ได้ตั้งใจนี่ครับ เดี๋ยวห้องวิจัยของเราก็สร้างยาแก้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็จะไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับโอเมก้าที่ท่านไม่ชอบ ผมขอโทษที่ก้าวก่าย แต่ผมไม่เห็นประโยชน์จากการกระทำในครั้งนี้เลย”

“มันมีประโยชน์แน่” อีธานตอบแค่นั้น เขาก้มหน้าอ่านเอกสารโดยไม่ไขข้อข้องใจให้กับเลขาคนสนิท

ก็จริงที่อีธานไม่ได้ทำทุกอย่างโดยมีเหตุผลรับรอง บางครั้งคนเราก็เผลอให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล แต่เรื่องนี้เขาเชื่อว่ามันจะต้องได้ประโยชน์ มีบางอย่างที่ไม่ปกติกับภูริ แล้วถ้ามองภูริเป็นพนักงานคนหนึ่ง ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยว พนักงานคนนี้เขาก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม เหตุเกิดจากอะไรล่ะ...คนที่สามารถกดลูกน้องได้ก็มีแต่คนที่มีระดับชั้นสูงกว่า ในที่นี้ก็คือพิชัย

พิชัยไปต่อว่าและจะบังคับให้ภูริใช้ปากให้ นั่นมันควรเกิดขึ้นในบริษัทเขาอย่างนั้นเหรอ เขาไม่จำเป็นต้องแคร์ใครอันนั้นมันใช่ แต่นี่เป็นองค์กรใหญ่ ในฐานะผู้บริหารเขาปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ เขาไม่ชอบใจนักที่คนบางคนใช้อำนาจในทางที่เลวทราม

แล้วจากที่สังเกตภูริมาพักใหญ่ ภูริเป็นคนขยันทำงานมาก สอบถามบางคนก็บอกว่าภูริโดนพิชัยด่าบ่อยๆ แต่ภูริก็ยังทำงานต่อไป ทำเหมือนเขาโอเค เหมือนไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่คนคนหนึ่งบ่นและเจ้าตัวก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ อีธานว่ามันไม่ใช่ ถ้าจะบ่นจะว่าภูริ...อย่างน้อยก็ต้องเพราะภูริผิดจริงๆ

“ผมอยากรู้เรื่องของแผนกอื่นด้วย ส่งคนไปทีนะ” อีธานวางเอกสารลงแล้ว เขามีประชุมต่อแล้วก็กำลังจะไปเข้าร่วม

“ทุกแผนกเลยหรือเปล่าครับ”

“ใช่ แล้วเลิกงานผมขอสรุปคร่าวๆ ด้วย”

“ครับท่าน” อลันค่อนข้างจะคราแครงใจกับการกระทำของอีธาน ถ้าเป็นส่วนของการประเมินผลการทำงานของชนชั้นต่างๆ ส่วนนั้นมีรายงานที่ชัดเจนเอาไว้อยู่แล้ว งั้นทำไมต้องมานั่งจับตาดูคนเหล่านี้อีก...มันไม่เสียเวลาไปเปล่าเหรอ?

อีธานอยากจะเป็นคนเฝ้าจับตามองภูริเองด้วยซ้ำถ้าทำได้ แต่อย่างที่บอกไป ดูผ่านกล้องวงจรปิดอย่างเดียวมันก็เห็นแค่ภาพแต่ไม่รับรู้ถึงคำพูดของคนอื่น ในกรณีที่ไปนั่งเฝ้าก็คงไม่มีใครเข้ามาทำอะไรภูริ ดีไม่ดี แม้กระทั่งหัวหน้าก็ยังไม่กล้าสั่งงานเพราะฐานะของอีธานเอง

ตารางงานวนไปไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ เนื้อหาใกล้กันบ้างในบางครั้งหรือไม่ก็ปัญหาเดิมที่กลับมาให้แก้อีก ท่าทางของอีธานดูเหมือนสบายๆ กับงานที่เขาทำ แต่สมองเขากลับไม่เป็นอย่างนั้น

ก็นะ...บางทีซีอีโอที่มีอายุหน่อยบางคนก็แก่แต่ตัว ประสบการณ์ไม่เยอะและมองแค่อะไรแคบๆ อีธานจำเป็นต้องฟังข้อเสนอแนะของเขารวมกับความคิดเห็นอื่นๆ ว่ามีใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ทั้งที่ตัวเขาเองคิดว่ามันมีแนวทางที่ดีกว่านี้ในการแก้ปัญหา ติดอย่างเดียว...ติดเสียงส่วนมาก

หัวข้อประชุมที่หนักๆ ในวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับยอดขาย มันขึ้นตรงกับฝ่ายขายแน่นอนอันนี้คงไม่ต้องพูดถึง บนโต๊ะเบื้องหน้าของบอร์ดผู้บริหารมีรายงานการขายอย่างละเอียดวางอยู่ อีธานได้อ่านมันแล้ว เขาเลยไม่จำเป็นต้องเปิดอ่านซ้ำขณะที่มีคนออกไปรายงานพร้อมภาพโปรเจกเตอร์ ประเด็นคือ...ความต้องการยาในการรักษานั้นมียอดสูงขึ้น แต่ปรากฏว่ายอดการขายกลับยังคงที่ มีขึ้นลงบ้างแต่ไม่เหวี่ยง

นั่นคือสิ่งที่แปลก...

ความต้องการของตลาดกับการขายออกนั้นสวนทางกัน ความต้องการมีมากขึ้นทุกวัน แต่ยอดขายในแต่ละวันกลับไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น มีการประเมินในหลายรูปแบบ อย่างผู้จำหน่ายปลีกย่อยมีการกักตุนยาเอาไว้ทำให้ยอดขายไม่ได้กระเตื้องขึ้น หรือแม้กระทั่งคู่แข่งที่มีการขายในราคาที่ค่อนข้างจะตัดหน้ากันพอสมควร พวกเขากำลังคิดว่าจะทำยังไงให้ดัชนีการขายสูงขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาไม่สามารถไปนั่งกระตุ้นให้ฝ่ายเซลล์ทำยอดได้มากกว่าที่เคยทำ ถ้าหากว่ามันเป็นเพราะลูกค้าไม่เอาจริงๆ เชื่อว่าเซลล์ทุกคนต้องอยากทำยอดให้ได้มากๆ ด้วยสวัสดิการเสริมด้านนี้เอาไว้อยู่แล้ว ยิ่งยอดสูง ค่าคอมพ์และโบนัสก็จะสูงตาม ดังนั้นสิ่งที่พอจะหาทางออกในตอนนี้ของพวกเขาก็คือการเสนอโปรโมชั่นพิเศษเพื่อเพิ่มยอด

แต่ยาด้านการแพทย์โดยตรงนั้นมันเอาไปใช้กับโปรโมชั่นเชิงลดแลกแจกแถมไม่ได้ ทั้งต้นทุนตัวยา ต้นทุนการผลิตและอื่นๆ เมื่อซีอีโออาวุโสไม่สามารถหาทางออกกับปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน อีธานจึงต้องมานั่งคิดหาแนวทาง คนเสนอน่ะมี...แต่คนที่จะเสริมแนวทางใดแนวทางหนึ่งยังไม่มากพอ โดยเฉพาะเสียงที่เด็ดขาดที่สุดของอีธาน มันจึงไม่แปลกอะไรที่ทุกคนจะหันความสนใจมาทางนี้

ทว่า...อีธานกลับคิดอีกรูปแบบหนึ่ง

อีธานไม่ได้คล้อยตามไปกับโปรโมชั่น หรือแนวคิดที่ว่าคู่แข่งจากบริษัทอื่นกำลังตัดหน้าราคากับเขา ยิ่งกรณีที่ผู้จำหน่ายปลีกย่อยตุนยาเอาไว้ยิ่งเป็นทางที่อีธานคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้เข้าไปใหญ่ ยามีอายุการใช้งานที่ชัดเจน กักตุนยังไงก็ต้องมีการซื้อเพิ่มเข้าไปหมุนเวียน ถ้าความต้องการตลาดเยอะขนาดนี้...เป็นไปได้เหรอที่ร้านจำหน่ายปลีกย่อยจะตุนยาไว้เยอะขนาดนั้น

อีธานนึกถึงภูริขึ้นมา ภูริเป็นพนักงานเซลล์ที่แทบจะไม่เคยออกไปขายของตามหน้าที่ของตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าภูริไปทะเลาะกับลูกค้า แต่...ไม่เคยมีรายงานร้องเรียนจากลูกค้าเรื่องที่ภูริทำตัวไม่ดี มันขัดแย้งกันอยู่ แล้วจากที่ให้ภูริออกไปขาย ออกไปทำหน้าที่ของตัวเองในวันสองวันมานี้ ผลมันดีกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก

เป็นไปได้ไหมที่ฝ่ายเซลล์เองนั่นแหละที่ทำให้ยอดการขายในบริษัทไม่กระเตื้อง?

อีธานจะพูดความคิดของตัวเองออกไปในตอนนี้ไม่ได้เพราะหลักฐานในมือของเขานั้นมีไม่มากพอ อีกทั้งในห้องนี้ก็ยังมีบางคนที่อยู่ในหมวดฉ้อโกงแบบแปรนสร้างห้องแล็บใต้ดินด้วย เขาต้องระวัง จะเดินเกมแต่ละเกมนั้นผลีผลามไม่ได้ ไม่งั้นแทนที่จะตกปลาตัวใหญ่ได้เขาจะชวดมันทั้งหมดเลย

งั้น…จะเอายังไงล่ะ?

“ผมขอลิสรายการข้อเสนอต่างๆ เพื่อเอาไปประกอบการตัดสินใจ วันนี้ผมคงยังตัดสินใจไม่ได้ อยากจะขอลองดูแนวของตลาดอีกหน่อย…” ไม่ใช่เลย ไม่ใช่เรื่องของตลาด แต่อีธานอยากรู้อะไรบางอย่าง ถ้ามันชัดเจนแล้วเขาคงจะจัดการกับคำว่ายอดขายนี้ได้ในไม่ช้า

เมื่อประธานบริหารเอ่ยออกมาแบบนี้ ทุกคนก็ต้องเคารพและทำตามแม้ว่าจะขัดใจตัวเองอยู่บ้าง พวกเขาคิดว่าแนวทางแก้ไขมันก็ไม่ยากอะไร ทำไมอีธานต้องคิดหนักขนาดนั้นด้วย บางคนก็อยากได้คำตอบเลย...อะไรที่มันชัดเจนมันจะเริ่มทำได้ไว

อีธานเห็นสีหน้าของแต่ละคนแล้ว เขารู้ว่ามีคนไม่พอใจกับการตัดสินใจของเขา แล้วยังไง…เขาไม่สน ร่างสูงลุกขึ้นแล้วเดินจากไปโดยไม่มองหน้าใครอีก อีธานเป็นแบบนี้เสมอ เขาไม่ได้คิดหรอกว่าการกระทำของเขาจะสร้างความไม่พอใจให้ใครไหม เขาแค่มีเรื่องต้องคิด ต้องทำและต้องจัดการอีกมากมาย

มากเกินกว่าจะมาสนใจว่าใครมีข้อคิดเห็นยังไงกับความเป็นเขา...

“คุณวิชุตาส่งข้อความมาหา บอกว่าถ้าเย็นนี้ท่านว่าง...อยากชวนท่านไปทานมื้อค่ำที่บ้านของเธอครับ” วิชุตาอีกแล้ว

เมื่อเช้านี้เจ้าตัวโทรมาหาเขา ก็โทรมาชวนไปกินข้าว ชวนไปเที่ยวอะไรเถือกนี้แต่อีธานปฏิเสธไปแล้ว ไม่คิดว่าจะวนมาขอนัดเขาอีก ผู้หญิงแบบนี้น่ารำคาญ เห็นท่าทางเรียบร้อยดูใสซื่อ แต่เอาเข้าจริงก็จุกจิกเอาเรื่องสินะ

เขาเคยคิดว่าจะเอาภูริมาเป็นเกราะกำบัง บอกกับอีกฝ่ายว่าตนมีคู่แท้แล้วและคงไม่สามารถสานต่อกับคนอื่นได้ แต่คิดไปคิดมา พอสร้างยาแก้คู่แท้ได้เขากับภูริก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี อีธานก็เลยไม่ได้ใช้มุกนี้กับหล่อน แล้วเลือกที่จะเลี่ยงไปเรื่อยๆ อย่างที่ทำอยู่นี้แทน

“บอกเธอว่าวันนี้ผมมีนัดทานอาหารค่ำ” แต่วันนี้อีธานไม่มีนัดไปที่ไหน เขาแค่มีสิ่งที่จะไปทำ

“ครับท่าน” อลันทำตามคำสั่งทันทีด้วยการส่งข้อความตอบกลับไปหาวิชุตา

อีธานกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง บนโต๊ะทำงานของเขามีกาแฟถุงกระดาษวางอยู่ จริงๆ เวลามันละลายก็มีน้ำเกาะรอบถุงไปหมด แต่เขาแก้ปัญหามันด้วยการเอาผ้าขนหนูมารองไว้ จะได้ไม่เปียกโต๊ะของตัวเอง เห็นเจ้าถุงนี้แล้วก็...นึกถึงภูริเนอะ

“วันนี้น้องสาวภูริออกจากโรงพยาบาลไหม” อีธานนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้องทำงาน เขามีงานต่อ แต่เขาขอเวลาตัวเองพักสักครู่หนึ่ง

“ครับ เย็นนี้คุณภูฟ้าได้ออกจากโรงพยาบาล ยาตัวใหม่ที่หมอได้ให้เธอใช้ได้ผลดี ไม่มีอาการแทรกซ้อนแล้วเธอก็หายจนแทบจะเป็นปกติแล้วครับท่าน”

“ค่าใช้จ่ายล่ะ”

“ค่าใช้จ่ายส่วนต่างแปดร้อยสี่สิบหกบาทครับ” เห็นว่าในกระเป๋าเงินภูริมีอยู่ราวๆ พันสองร้อยกว่าบาท เมื่อเช้าจ่ายค่าน้ำไปหกสิบ...น่าจะพอมั้ง

“ทางนั้นจ่ายหรือยัง”

“ค่าใช้จ่ายจะต้องเคลียร์ช่วงที่มารับคนไข้ออกจากโรงพยาบาลครับท่าน มีนัดออกจากโรงพยาบาลเย็นนี้ คงเคลียร์ค่าใช้จ่ายในช่วงเย็น” ฟังแล้วก็พยักหน้ารับ วันนี้ภูริน่าจะไปรับน้องสาวออกจากโรงพยาบาลล่ะมั้ง

“ขอบใจ ไปทำงานต่อเถอะ”

“ครับ” อลันโค้งหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

อีธานนั่งพักสายตาอยู่ตรงนั้นราวๆ ห้านาที รู้สึกว่าโอเคขึ้นหน่อยก็กลับไปนั่งประจำที่ของตัวเองพร้อมกับเปิดแฟ้มบนสุดออกเพื่ออ่านเนื้อหาด้านใน ส่วนเรื่องรายการการโปรโมชั่นนั้นเดี๋ยวอลันจะทำสรุปเข้ามาให้เขา ต้องใช้เวลาในส่วนนั้นสักเล็กน้อย

แต่ว่า...อ่านไปสองหน้าเขาก็รู้สึกอยากจะเห็นว่าภูริกำลังทำอะไรอยู่ แค่รู้สึกก็สามารถทำให้เขานั้นเปิดหน้าจอคอมพ์ของตนเอง แล้วซิงก์ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดเพื่อจะดูทันที

อีธานเปลี่ยนกล้องอยู่สองสามหน กว่าจะเจอว่าภูริอยู่ตรงเครื่องถ่ายเอกสาร มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาแล้วก็จับก้นของภูริ เห็นชัดแม้อยู่ไกลว่าภูริสะดุ้งแล้วหันไปมอง ทว่าคนที่ทำแบบนั้นกลับเดินลอยหน้าลอยตาไปเฉยเลย

สีหน้าภูริแบบนั้น...นี่คงไม่ใช่การยอกล้อของเพื่อนกันหรอก

อีธานที่ตอนแรกกะว่าจะดูครึ่งเดียวแล้วกลับไปทำงานก็เปลี่ยนใจ เห็นอย่างนี้มันอดที่จะดูต่อไม่ได้ เขานั่งมองภูริถ่ายเอกสารปึกใหญ่ แต่ใหญ่มากขนาดไหนอันนี้ก็ไม่แน่ใจเพราะกล้องก็ค่อนข้างจะห่างไกลพอสมควร ถ่ายเสร็จก็เดินไปตามโต๊ะต่างๆ ส่งเอกสารให้คนนั้นที คนนี้ที เหลือกลับมาที่โต๊ะตัวเองแค่ไม่กี่แผ่น

ภูรินั่งเขียนอะไรอยู่ได้ไม่นาน ชายหนุ่มอีกคนก็เดินเข้ามาด้านหลัง มีคนหนึ่งกอดคอภูริก่อนจะวางเอกสารอะไรสักอย่างลงบนโต๊ะ อีธานเปลี่ยนมุมกล้องเล็กน้อย จุดนั้นมันเห็นแค่ด้านหลังภูริ เขาอยากเห็นด้านหน้า พอเห็นแล้วก็รู้ว่าไอ้หนุ่มที่กอดคอภูริอยู่กำลังใช้มือลูบไล้ที่หน้าอก ภูริพยายามจะปัดออก แต่อีกคนก็ดึงมือภูริไว้แล้วก้มลงไปทำอะไรสักอย่าง

นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ?

อีธานหงุดหงิดมาก มากๆ เขาแทบจะกำปากกาที่อยู่ในมือหัก แต่ก็อดทน ผ่านไปสักพัก ไอ้สองคนนั้นก็เดินออกไป พวกมันกอดคอกันเอง คุยอะไรไม่รู้แล้วก็หัวเราะ ตัดมาที่ภูริ สีหน้าเจ้าตัวไม่ดีเลย...ขนาดคนที่บ้าๆ บวมๆ อย่างภูริยังเครียด เขาว่านั่นคงไม่ใช่การหยอกเล่น

ใจเย็นอีธาน...มึงต้องใจเย็น

อีธานสูดหายใจเข้าออกหนักๆ ตั้งสติแล้วปิดหน้าจอ ภาพอย่างเดียวบอกเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ และตอนนี้เขาเองก็มีงานที่ต้องทำ ถ้าปล่อยวางเรื่องภูริในตอนนี้ไม่ได้ งานในส่วนของวันนี้ก็จะไม่เสร็จ เย็นนี้เขาจะได้รับการรายงานผล เขาจะต้องรอจนถึงตอนนั้นให้ได้ แม้ว่ามันจะยากเย็นไปเสียหน่อยก็เถอะ

เป็นวันที่อีธานทำงานตรงต่อเวลามาก เมื่อเข็มสั้นชี้ไปที่เลขหกเขาก็หยุดทุกอย่างที่ทำแล้วเรียกให้อลันตามงานที่เขาได้สั่งเอาไว้แทบจะทันที กาแฟโบราญหวานมากของภูริเจือจางจนเหลือแค่รสกาแฟอ่อนๆ และความเย็นเพียงเล็กน้อย อีธานหยิบมันขึ้นมาดื่มแล้ววางเอาไว้ที่เดิม ก็แค่ดื่มเพื่อฆ่าเวลา...เขาอยากให้คนของเขามาถึงที่นี่ไวๆ

ระหว่างที่รอ อีธานเปิดกล้องวงจรปิดขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว คาดว่าภูริคงกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมจะไปรับน้องสาวออกจากโรงพยาบาล ปรากฎว่ามันผิดจากที่เขาคาดเพราะภูริยังคงนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง เขามองภูริขยับปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ด ทั้งที่ไม่มีเสียงแต่ก็เหมือนได้ยินเสียง อีกฝ่ายหยิบกาแฟถุงเดิมหรือเปล่าไม่แน่ใจขึ้นมาจิบ แล้วก็กลับไปทำงาน รอบๆ ตัวภูริยังมีกลุ่มคนที่ทำโอทีอยู่เช่นกัน รวมถึงไอ้สองคนที่ทำรุ่มร่ามกับภูริด้วย

“ขออนุญาตครับท่าน” อลันส่งเสียง อีธานละสายตาเพื่อมองดูคนที่กำลังจะเข้ามา

“ผมอยากรู้ว่าตอนบ่ายสองยี่สิบหก สองคนนั้นเข้าไปทำอะไรกับภูริ” อีธานถามคำถามทันที และคนที่ตอบได้ก็มีแค่คนเดียว

“สองคนนั้นเอางานไปวานให้คุณภูริทำครับ ระหว่างที่สั่งงานคุณภูริ พวกเขาก็ลวนลาม ซึ่งคุณภูริพยายามปัดป้องแล้วแต่ไม่เป็นผล”

“นี่บริษัทเราจะลวนลามกันอย่างนี้ก็ได้งั้นเหรอ” คิ้วอีธานขมวดเป็นปม

“...” และก็ไม่มีใครตอบได้ เพราะคำตอบแน่นอนว่าไม่ แล้วยังไง...เมื่อคนคุมมันเอาไม่อยู่ ใครจะเข้าทำอะไรตรงนั้นได้

“แล้ววันนี้ภูริโดนอะไรอีก”

“ก็โดนลวนครับ ตั้งแต่เมื่อเช้า”

“ฮะ?” เมื่อเช้าเหรอ เมื่อเช้าเขาให้อลันส่งภูริไปทำงานข้างนอก

“คุณพิชัยที่เอาใบเซอร์จากคุณอลันไปส่งให้คุณภูริน่ะครับ เขาพูดทำนองว่า...คุณภูริไม่ใช่คู่แท้ของท่าน เป็นแค่เด็กเลี้ยง เขาขู่ว่าเขาจะกัดคอคุณภูริ” คนรายงานก็รายงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาอยู่ใกล้และพยายามเก็บรายละเอียดตามที่อีธานสั่ง

“แล้วนายนั่นก็ยืนทื่อให้เขาขู่หรือยังไง” อีธานเริ่มไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโมโหในความยอมคนของภูริเลยก็ว่าได้ ครั้นจะมาด่าว่าลูกน้องของตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่อง เขาเป็นคนสั่งเองกับปากว่าให้เฝ้าดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและฟังทุกอย่างให้มากที่สุด แต่ห้ามเข้าไปยุ่ง!

“ผมไม่ทราบครับ ได้ยินโต๊ะใกล้ๆ บ่นสงสารคุณภูริที่โดนแกล้งอยู่ประจำ จะสู้ก็ไม่ได้...โดนไล่ออกคุณภูริคงแย่” อีธานคิดตาม ซึ่งมันก็สอดคล้องกับครอบครัวของภูริที่เขาเจอมา น้องสาวป่วยบ่อย แม่ก็เอาแต่เรียกร้องเงิน

ภาระทำให้ต้องทนงั้นสิ...

“แผนกอื่นที่ผมให้ตามดูล่ะ” อีธานพอจะเข้าใจภูริมากขึ้นแล้ว เขาก็เลยหันไปถามในส่วนอื่นต่อ

“นี่เป็นภาพส่วนหนึ่งที่พวกผมเก็บมาจากเหตุการณ์ในวันนี้ โอเมก้าเป็นกลุ่มคนที่โดนใช้งานหนักครับ ส่วนใหญ่ต้องมารับงานที่ไม่ใช่ของตัวเอง บ้างก็โดนลวนลามหรือลากเข้าไปที่ห้องน้ำ...” เล่นทิ้งคำมาแบบนี้ก็พอจะเดาได้แล้ว

“บริษัทผมเน่าเฟะขนาดนี้เลยเหรอ”

“มันเป็นความสมัคใจของเหล่าชนชั้นล่างนี่ครับ พวกเขาไม่สู้เอง ไม่คิดจะรายงานการกระทำที่ไม่สมควรต่อเบื้องบน มันก็คือพวกเขายินยอมที่จะต้องทำตามคนอื่น มันก็เป็นเรื่องปกติ” อลันเอ่ยออกมา

เมื่อก่อนอีธานอาจคิดว่าสิ่งที่อลันพูดมันก็ถูก เขาก็คิดอย่างนั้นบ่อยๆ คนที่โดนรังแกไม่ยอมลุกขึ้นมาสู้เอง เอาแต่ปล่อยให้ตัวเองเป็นเบี้ยล่างโดยเอาคำว่าสู้ไม่ได้มาเป็นข้อแก้ตัว ไม่มีใครสู้ใครไม่ได้หรอก มีแต่ไม่สู้เท่านั้นแหละ

แต่ว่า...มันจริงเหรอ?

เขาไม่เคยใกล้ชิดชนชั้นที่ต่างกันมากมาก่อน จนกระทั่งมาถึงภูริ โอเมก้าที่อีธานเคยคบยังเป็นโอเมก้าที่มีระดับ เพราะฐานะทางครอบครัว แต่ภูริไม่ใช่เลย ภูริเป็นแค่พนักงานหาเช้ากินค่ำ ต้องทนอยู่โดยหลีกเลี่ยงปัญหาเพราะออกจากงานไม่ได้ งั้นถ้าโอเมก้าและเบต้าคนอื่นที่โดนแกล้งแล้วไม่สู้ อาจเป็นเพราะเขาก็ยอมให้ตัวเองโดนไล่ออกไม่ได้หรือเปล่า

‘ประสิทธิภาพสูงแต่นิสัยต่ำ...’

คำพูดหนึ่งของภูริแว้บเข้ามาในหัวเขา และดูท่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกับคำพูดของภูริเลย อีธานมองภาพที่ลูกน้องของเขาเอามาให้ แต่ละภาพที่ก็ดูเหมือนเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป ภาพ...มันก็คือภาพ เล่าเรื่องได้ แต่ไม่ครบทุกมุม

“คนที่ลวนลามนี่เป็นอัลฟ่าใช่ไหม”

“ครับท่าน เป็นอัลฟ่าที่อยู่ในแผนก...ทุกภาพเลย” คนพูดไม่ได้รู้สึกอะไรมาก ชนชั้นใกล้กัน...แต่อัลฟ่าก็ยังมีการแบ่งระดับความเข้มข้นของสายเลือด พวกเขาคิดว่าพวกเขานั้นสูงส่งกว่าอัลฟ่าปลายแถวพวกนั้น

อีธานปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แม้ในหมู่อัลฟ่าจะมองว่านี่ก็เรื่องปกติ...คนไม่สู้ก็ต้องโดนรังแก แต่อีธานยอมรับไม่ได้ นี่มันบริษัทของเขา และสิ่งที่เห็นอยู่นี้มันคือความเน่าเฟะอย่างหนึ่ง ถ้าไม่จัดการ...บริษัทแห่งนี้คงได้มีแต่อัลฟ่าแย่ๆ สุมหัวอยู่เต็มไปหมด!

….100%….

มาดึกแต่มาค่ะ! ได้อ่านคอมเมนต์แล้วนะคะ เข้าใจในมุมของนักอ่านที่คิดอย่างนี้เช่นกัน แอบสะเทือนเพราะเหมือนตัวเองโดนด่า แต่ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นการติเพื่อก่อเราเข้าใจ เราจะกลับไปรีไรต์ให้มันดีกว่าเดิมนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ

 ส่วนที่ว่าเหมือนตัวเองโดนด่าเพราะตัวเองมีนิสัยอย่างเจ้าภูค่ะ ฮ่าๆ เราเป็นคนไม่เถียงใคร ไม่ฟ้องใคร ทนได้เราก็ทน หัวหน้าไล่เราไปตายเพราะเราเขียนวันที่ผิดเรายังนิ่งเลยค่ะ เป็นนิสัยที่แอบน่ารำคาญเนอะ แฟนเราก็ว่าเราเช่นนั้นเหมือนกัน

ต่างคนต่างมุมมองไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะคะ ดีซะอีก จะได้เห็นหลายๆ มุมมองของหลายๆ คน ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
จัดการมันให้หมดดดดดดดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ดีใจที่อีธานเริ่มปกป้องภูริ

ซึ่งนิสัยของภูริ มันไม่ได้เป็นเรื่องแย่อะไรเพราะมันไม่ได้เดือดร้อนใคร มันเดือดร้อนแค่ตัวภูริเอง แต่คนที่เขารักเราเขาก็ทนเห็นเราโดนรังแกไม่ได้


ในกรณีของอีธาน มันมีนะคะ หัวหน้าที่ไม่ได้ใส่ใจว่าลูกน้องจะเป็นยังไง เพราะเขาถือว่ามอบหมายงานมาแล้ว มันอยู่ที่หัวหน้าแผนก เมเนเจอร์ ที่จะมาจัดการมอบหมายงานต่อ เพราะงั้นการที่อีธานจะไม่เอะใจ ว่าเกิดเรื่องอะไรในบริษัท เป็นเรื่องปกติค่ะ ยิ่งบริษัทใหญ่ๆ พนง.เป็นร้อยเป็นพัน ผู้บริหารระดับอีธานเขาไม่มาใส่ใจเรื่องหยุมหยิมหรอกถ้ามันไม่กระทบกับงานและส่งผลเสียถึงบริษัท

ส่วนในกรณีของภูรื ภูริยอมเพื่อแลก การทำงานคือการอดทน ถ้าคุณอยู่ไม่ได้คุณลาออกไป แต่ภูริยอมเพระาภูริต้องใช้สวัสดิการด้านยาที่นี่ หัวหน้ามีสิทธิ์ที่จะบีบให้เราออกได้ ไม่ใช่ต้องไล่ออกเท่านั้นเพื่อไม่เสียเงินชดเชย กรณีถูกเลิกจ้างด้วย

HR ที่บริษัทบอกไว้ว่าการมีปัญหาที่น่ากลัวที่สุดคือการมีปัญหากับ หัวหน้า เพราะเขามีดาบไว้คอยฟันเราได้เสมอ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็ลาออกไป แค่นั้นค่ะการทำงาน

ภูริจะยอมไม่เถียง ไม่แปลกใจหรอก เพราะภูริรู้ว่าอีธานไม่ได้รัก วันหนึ่งได้ยามาก็ต้องแยกกัน แล้วหลังจากนั้นชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมสังคมพวกนั้นต้องทำยังไงต่อ?

การทำงานคือความอดทนค่ะ และมันจะแสดงออกถึงวุฒิภาวะของเราเองด้วย ประสบการ์ณการทำงานไม่ได้มีแค่ว่าคุณทำงานอะไรเป็น แต่มันจะบอกว่าคุณผ่านอะไรมาบ้าง แล้วคุณจะรับมือกับมันได้มั้ย

คนเขียนแค่ใช้ fact อีกด้านที่ตัวเองประสบพบเจอมาในที่ทำงานมาเขียนออกมาเป็นเรื่องราวของภูริและอีธานเท่านั้น

สู้ๆนะคะ เราตามอ่านตลอด ถึงจะเม้นบ้างไม่เม้นบ้างก็ตาม 55555555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2018 07:38:38 โดย Ti0590 »

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จัดการให้เกลี้ยง ภูริเราจะได้สบายๆสักที

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบภูริที่มีความมองโลกในแง่บวก พยายามหาด้านดีๆให้เจอ คิดว่าแง่บวกของภูริกำลังจะส่งไปถึงอีธาน...
แต่ก็แอบอยากเห็นภูริแกล้งอีธานจัง คิดว่าภูริคงจะมีวิธีอะไรเด็ดๆมานำเสนอ... หุหุ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2018 01:28:39 โดย PoyPay »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
รู้สึกรักอีธานขึ้นมานิดนึง

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ได้เวลาจัดการคนชั่ว

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
เรามองว่าสิ่งที่ภูมิทำอาจจะเป็นการปกป้องตะสเองอยยย่างดีก็ได้. เพราะไม่รู้ว่าการที่เราลุกขึ้นสู้กับคนที่มีอำนาจมากกว่า พรรคพวกมากกว่า ผลที่ตามมามันจะดีไหม เผลอๆเราเองจะโดนเหยียบจนจมดินกว่าเดิม

ออฟไลน์ orloftin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดดดดดภูริยั่วเยมากลูกกกกก  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ชีวิตจริง ในที่ทำงาน เราไม่สามารถพูดหรือทำทุกอย่างที่คิดได้
ยิ่งกับคนที่เป็นระดับหัวหน้า ถ้าเราไม่ได้มีความสำคัญจนหาคนมาแทนไม่ได้ บางเรื่องเล็กน้อยก็ต้องทำใจยอมๆโดนด่า เถียงกลับ ด่ากลับ หรือฟ้องไม่เป็นผลดีแน่ๆ
เว้นแต่เรามั่นใจว่าคนที่เราไปฟ้อง เขาจะเข้าข้าง ปกป้องเราได้ ช่วยแล้วเราไม่โดนใครเกลียดทีหลัง จนทำงานยากกว่าเก่า
อย่างภู น้องไม่ได้มีความมั่นใจอยู่แล้วว่าอีธานจะปกป้อง แต่อีธานคือบิ๊กบอส ที่ได้กันแล้ว อยู่บ้านเดียวกัน
การพูดกับอีธานก็ไม่ได้เสียอะไร ถ้าอีธานไม่ช่วย ก็คงแค่เฉยๆ ไม่เสียเวลามาสนใจ
แต่ตอนนี้อีธานมาช่วยแล้ว เริ่มแปล่งประกายพระเอกขึ้นมาบ้างแล้ว ต้องรีบๆเข้าละอีธาน สงสารภู
ปล.แบบแปลน plan ใช้ ล นะ
      เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1087
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คู่แท้คือโชคชะตาหรือพรหมลิลิตกำหนดมาให้แล้วยาที่เป็นวิทยาศาสตร์จะผลิตขึ้นมาแก้ได้จริงหเหรอสงสัยง่ะ

ปัญหาของผู้บริหารที่มักไม่รู้เรื่องพนักงานชิงดีชิงเด่นทุจริตเพราะวันๆก้มหน้าอ่านเอกสารสร้างยอดขายเชื่อใจพวกประจบสอพลอมากเกินไปในจณะที่คนเถรตรงแบบภูริผู้บริหารมักมองข้าม

อีธานถ้าตาสว่างใจกว้างมากขึ้นฝากปรับทัศนคติคุณเลขาอลันด้วยนะจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2018 03:02:17 โดย Chompoo reangkarn »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
 :hao7: :hao7: :hao7:อ่านความเห็นแล้วอดไม่ได้ 

ความรู้สึกของคนอ่านก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนจริงๆ  บางคนเป็นคนสู้คนก็จะไม่ชอบคนแบบภูริที่เอาแต่เงียบ ไม่แก้ตัว

คหสต ลองมาคิดดูค่ะ พื้นเพครอบครัวของภูริไม่ได้เอื้ออำนวยให้ภูริเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ถ้านางเป็นคนแบบนั้นนางก็คงเริ่มตั้งแต่ในบ้านกับแม่ตัวเอง เรื่องราวมันคงเปลี่ยนไปภูริก็เป็นอีกแบบหนึ่งไปเลย  สำหรับเรามองว่าการมองโลกในแง่ดีของภูริเป็นกลไกการป้องกันตัวแบบหนึ่ง(เห็นในคหข้างบน) มันทำให้ภูริเป็นที่รักของคนส่วนใหญ่(ที่ไม่ได้หมั่นไส้นาง)  ถ้าหากว่าภูริเป็นคนสู้คน ผลกระทบอีกแบบหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือคนจะคิดว่าภูริเป็นตัวปัญหา สร้างปัญหา(เพราะนางจะมีปัญหากับชนชั้นบริหารบ่อยไปเลยค่ะ)

อีกทั้งคีย์เวิร์ดของเรื่องนี้คือสภาพสังคมแบบโลกของโอเมก้า ที่มีการแบ่งชนชั้น เหยียดชนชั้นกันอย่างรุนแรง  อย่างแนวคิดของอลันนั้นเราเข้าใจว่าเป็นแนวคิดทั่วไปของชนชั้นอัลฟ่า ชนชั้นที่เกิดมาพร้อมกับอำนาจในมือ อลันเองก็ไมไ่ด้คลุกคลีกับโอเมก้าหรือเบต้าแบบใกล้ชิด(อย่างน้อยก็ยังไม่ได้เห็นในเนื้อเรื่อง) แนวความคิด การกระทำของอลันคือแบบอย่างที่เป็นไปตามสภาพของสังคมในเรื่องนี้ (เท่าที่เราอ่านมานะคะ)  อย่างอิธานเองถ้านางไม่โอเคด้วย อัลฟ่าแบบวิชุตานางยังไม่ปรายตามองเลย

เรากำลังรู้สึกว่าเนื้อเรื่องกำลังมีการเปลี่ยนแปลง อิธานเริ่มให้มีการสืบข้อมูลแล้ว อ่านๆมาอาจจะรู้สึกอะไรๆมันเกิดช้ามากๆ เราไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เกิดเรื่องในลิฟท์มาจนทุกวันนี้เวลาผ่านมาเท่าไหร่แล้วเพราะว่าในเรื่องไม่ได้ระบุเท่าไหร่อันเป็นปกติของเรื่องนี้ที่ให้คนอ่านเดา/ตีความเอาเอง

คุณนักเขียน ซีอีโอคนอื่นๆน่าจะเรียกว่า กรรมการบริหาร หรืออะไรไหมคะ ปกติ ซีอีโอแต่ละที่จะมีคนเดียวไหมเอ่ย?

ป.ล ขอให้อิธานไล่อลันออกเถอะค่ะ ไม่ก็ขอให้มันโดนสารกลายพันธ์ไปบ้าง เผื่อจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด