Ep. 6
[โฮม]
ธนูกับรบควรจะกลับมาที่ร้านให้เร็วที่สุด
ไม่ใช่เพราะร้านกำลังขาดลูกมือหรือคนทำงานแต่อย่างใด...แต่เป็นเพราะตอนนี้เรากำลังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญซึ่งผมบอกได้เลยว่า...เขาคนนี้ต้องมาสร้างปัญหาแน่ๆ
เขาชื่อ ‘นที’ หรือพี่นทีซึ่งธนูไม่เคยเรียกแบบนั้น
นอกจากจะเป็นลูกพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ของธนูแล้ว เขายังเป็นผู้ชายที่ชอบแข่งขันกับธนูชนิดที่ว่าผมกับเพื่อนต้องรู้สึกเสียววาบทุกครั้งที่เกิดเรื่อง คนคู่นี้เป็นพี่น้องกันก็จริงแต่ไม่ได้รักกันเลย แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของเพื่อนผมเลยสักนิด ถ้าจะให้โทษสาเหตุจริงๆ ล่ะก็...ผมบอกได้เลยว่าเป็นเพราะพี่นทีคนนี้นี่แหละ
เขาเป็นคนร้ายกาจ...ไม่เคยเอ็นดูอะไรเพื่อนผมเลยทั้งๆ ที่โตมาด้วยกัน ตั้งแต่ที่แม่ของธนูเสียไป พ่อของธนูก็แต่งแม่ของพี่นทีเข้ามาเป็นภรรยาเอก นับตั้งแต่ตอนนั้นธนูก็โดนพี่ชายคนละแม่คนนี้กลั่นแกล้งสารพัด ยิ่งแม่ของพี่นทีมาตายจากไปอีกคน ไอ้ธนูมันก็ได้กลายเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของพี่ชายที่ใจมีแต่ความอิจฉาคนนี้ไปโดยปริยาย
แต่เพื่อนผมมันก็ไม่ได้เป็นคนที่จะยอมเป็นที่รองมือรองตีนของใคร...
แม่ของพี่นทีมาก่อนแม่ของไอ้ธนู…อาจเป็นเพราะแม่ไม่ได้ถูกตบแต่งให้เป็นภรรยาเอก อีกทั้งช่วงแรกๆ พี่นทีต้องอยู่แบบเงียบๆ และหลบๆ ซ่อน ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งของเรื่องนี้อาจทำให้พี่นทีไม่ชอบขี้หน้าไอ้ธนูมากก็ได้
เพื่อนผมได้เงินจากพ่อมาหนึ่งก้อน (ก้อนใหญ่มากด้วย)...มันก็เอามาซื้อที่จากนั้นก็สร้างบ้านซึ่งกลายเป็นร้านแห่งนี้ขึ้นมา ผมกับเพื่อนเชื่อว่าที่พ่อของธนูยอมยกเงินมาให้ง่ายๆ ก็เพราะที่ผ่านมาธนูมันไม่เคยขออะไรเลย นอกจากการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นร้านนี้มันเกิดขึ้นได้ก็เพราะธนูไปตกลงกับพ่อด้วยเงื่อนไขอะไรบางอย่างซึ่งมันก็ไม่เคยเล่าให้พวกผมฟัง
ที่แน่ๆ...ต้องเป็นเงื่อนไขที่พี่นทีไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
วันนี้เขามาเพราะอยากรู้ว่าฝีมือการทำร้านของธนูจะเป็นยังไง...ถ้าจะให้ผมพูดตรงๆ ล่ะก็...เขามาที่นี่เพื่อมาดูถูกถากถางเท่านั้นแหละ
“แอร์ไม่ค่อยเย็นนะ”
“ลูกค้าไม่หลากหลาย”
“ร้านตั้งอยู่ไกลไปหน่อย”
“ที่จอดรถมีแต่ฝุ่น”
“ไอ้เจ้าของร้านมันหายหัวไปไหน”
ผมกับก้องกำหมัดแล้วกำหมัดอีก...เราทุกคนไม่มีใครชอบพี่นทีคนนี้ เพราะทุกคนรู้ดีว่าเขาทำอะไรกับท่านหัวหน้าของเราไว้บ้าง...
อีกเหตุผลที่ธนูควรรีบกลับมาที่ร้านก็เป็นเพราะว่าถ้ามันไม่มาให้เร็วกว่านี้ล่ะก็...บางทีผมกับก้องอาจจะพุ่งตัวไปต่อยหน้าไอ้พี่นทีเหี้ยนี่ในไม่กี่วินาทีต่อจากนี้ก็ได้ใครจะไปรู้
พี่นทีมานั่งอยู่ในร้านของเรานานแล้ว เขากำลังตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเจอธนู...ซึ่งการเจอกันทุกครั้งของพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่เรื่องดี...ธนูมันมักจะหงุดหงิดเสมอหลังจากที่เจอเจ้าพี่บ้าของมัน แน่นอนว่าผมกับเพื่อนไม่อยากให้มันรู้สึกแบบนั้นเลย การที่ไอ้ธนูมันเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับอะไรก็เป็นเพราะพี่นทีนี่แหละ
ทว่าตอนนี้เพื่อนผมคงจะมีความสุขอยู่กับการเที่ยวเล่นอยู่กับรบ เพราะมันหายไปนานสองนาน จนตอนนี้ไอ้พี่นทีเริ่มส่อแววหงุดหงิดอยู่เนืองๆ
ผมกับเพื่อนทำงานตามปกติ ต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่วายส่งสายตาไปมองพี่นทีอย่างหวาดระแวง กลัวว่าพี่เขาจะทำอะไรผิดปกตินอกจากการนั่งอยู่เฉยๆ
ในที่สุดธนูมันก็กลับมาพร้อมกันกับรบ
ผมกับคนอื่นๆ ทำสีหน้าโล่งอก พวกเรามักจะรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่กับไอ้ธนู แม้ว่ามันจะโหด แต่ความโหดของมันมักจะมีเหตุผลทุกครั้ง ถึงแม้ใบหน้าพวกเราจะแสดงออกไปแบบนั้น แต่สีหน้าอารมณ์ดีของมันถึงกับเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อเห็นว่าใครกำลังนั่งรอมันโดยที่ปะปนกับลูกค้าอยู่
พี่นทีส่งยิ้ม ขณะที่ธนูนั้นชักสีหน้าอย่างขุ่นมัว
“ทำไมเด็กมึงคราวนี้ถึงไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านมาล่ะ” นั่นคือบทสนทนาแรกที่พี่นทีทักทายน้องชายต่างมารดา
รบได้รับความสนใจจากพี่ชายต่างแม่ของไอ้ธนูทันที ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่ไม่น่าเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก คนถูกสนใจทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ผมเชื่อว่ารบมันรู้ว่าพวกเราไม่ชอบ…ไม่ชอบคนคนนี้เอามากๆ
มันขยับมายืนอยู่กับผมและการ์ด ส่วนธนูก็เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับพี่ชาย เพื่อนผมมันถูกจ้องตาเป็นมันทันทีที่เข้ามาในร้าน เพราะลูกค้าหลายๆ คนต่างก็รอคอยที่จะได้มาอยู่ใกล้ๆ มันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
แต่เพื่อนผมมันก็ไม่ค่อยสนใจหรอก (นั่นลูกค้ามึงนะเพื่อน)
“มีเหี้ยอะไร” ธนูไม่เคยเคารพพี่ชาย…เหมือนที่พี่ชายไม่เคยรักมันนั่นแหละ
“ก็แค่จะมาดูว่าคนอย่างมึงจะทำร้านได้มั้ย”
“ก็เห็นแล้วนี่”
“…”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไสหัวไป” มันกล้าเสียงดังต่อหน้าลูกค้าของมัน
“ไอ้นั่นใคร” พี่นทีเอียงคอไปมองดูรบอย่างสนอกสนใจ “ดูต่างจากคนที่มึงเคยควงนะ”
“เสือกไรวะ” ธนูเริ่มทำท่าจะพุ่งเข้าไปใส่พี่ชายของมัน “ถ้าไม่มีธุระก็ออกไปจากร้านกูได้แล้ว”
“กูแค่จะมาเตือน” พี่นทีลุกขึ้นยืนบ้าง สองพี่น้องที่ตัวสูงพอๆ กันยืนประจันหน้ากัน มองหน้ากันและกันราวกับเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน (ไม่แน่ว่าอาจจะเกลียดกันจริงๆ ก็ได้)
“…”
“ถ้าในสามเดือน…ร้านนี้ยังไม่เห็นผลกำไร ที่ดินกับร้านต้องตกเป็นของกู”
เหี้ยไรนะ
ผมกับเพื่อนมองหน้าด้วยสายตาแตกตื่น ทำกำไรภายในสามเดือน…แม่งยากฉิบหายเลยนะครับ!
“เงื่อนไขยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” พี่นทีเดินชนไหล่ไอ้ธนูทำท่าออกจากร้านไป…ก่อนออกไปเขาหันมาส่งยิ้มให้รบด้วย ซึ่งรบมันก็รีบหลบสายตาอย่างทันท่วงที
“รู้จักกันเหรอ” ธนูที่เริ่มหงุดหงิดได้ที่รีบหันไปหาเรื่องรบ…ช่วงนี้มันออกอาการหึงหวงรบจนเกินจะควบคุม เพราะเหตุนี้ไงผมกับเพื่อนถึงได้รู้ความลับของมันก่อนที่มันจะพูดออกมาเอง
รบมองซ้ายมองขวา มันดูจะไม่กล้าสบตาธนูในเวลานี้
“ตอบ”
เหี้ย…มึงก็น่ากลัวไป๊ ผมมองหน้าการ์ด…มันส่ายหน้าราวกับต้องการจะบอกว่าไม่มีใครที่จะช่วยเหลือรบในเวลานี้ได้
“แม่ง” ธนูหงุดหงิดเหมือนต้องการทำลายข้าวของ โชคดีที่มันยังมีสติอยู่ (ก็ร้านมึงเพิ่งเปิดไง…มึงจะมาทำลายอะไร)
“ธนู” รบพึมพำ เสียงของมันสั่นเครือ
“กูรู้ว่าคนที่มึงเคยนอนด้วยมีเป็นล้านนะรบ…แต่ทำไมต้องมีคนคนนี้ด้วยวะ”
ผม เพี่อนคนอื่น รวมถึงไอ้รบ…ไม่มีใครแม้แต่จะพ่นลมหายใจออกมา
เราทุกคนรู้ดีว่าถ้ามันโกรธอย่างจริงจัง...มันจะเต็มไปด้วยความเย็นชา ไม่ดุและก็ไม่ด่า ซึ่งนั่นมันทำให้เรารู้ว่า...มันน่ากลัวที่สุดแล้ว
[รบ]
‘กูรู้ว่าคนที่มึงเคยนอนด้วยมีเป็นล้านนะรบ…แต่ทำไมต้องมีคนคนนี้ด้วยวะ’
คนที่มึงเคยนอนด้วย…
คนที่ผมเคยนอนด้วย…
เคยนอนด้วย…
เคยนอนด้วย…พ่อมึงน่ะสิ
แม่งคิดไปเองเห็นๆ ผมเคยรู้จักคนที่ชื่อนทีคนนี้ก็จริง แต่มันไม่มีอะไรเกินเลย เวลานั้นพี่นทีก็บอกผมตรงๆ ว่าพี่เขารุกได้อย่างเดียว ผมก็ตอบกลับพี่เขาไปว่าผมเองก็รุกได้อย่างเดียวเหมือนกัน (ก็สำหรับตอนนั้นนั่นแหละ...เฮ้อ) เราจึงจบกันแค่ดื่มด้วยกัน…จากนั้นก็แยกย้ายกัน
เรื่องมันผ่านมานาน…อาจจะผ่านมาครึ่งปีแล้วด้วยซ้ำ
ผมเพิ่งรู้ว่าพี่นทีเป็นพี่ชายคนละแม่ของธนู อีกทั้งยังเป็นพี่น้องที่รักกันมากกกกกกด้วย (ประชด) มันคงไม่ชอบพี่คนนี้อย่างมาก เพราะแค่เห็นผมสบตากับพี่เขา…สีหน้าของไอ้ธนูก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังส้น teen อารมณ์ดีๆ ของมันหายวับไปกับตากลายเป็นอารมณ์รุนแรงเหมือนพายุฤดูร้อน
โธ่เอ๊ย…วันนี้เป็นวันเปิดร้านของมันแท้ๆ
ตลอดทั้งบ่ายผมทำงานด้วยอารมณ์เคร่งเครียด ไม่มีอารมณ์แม้แต่ตอบข้อความเพื่อนๆ ของผมที่พากันกระหน่ำส่งข้อความมาถามอย่างเป็นห่วงหลังจากที่รู้ว่าผมทำงานกับธนู เมื่อเช้าผมกับมันยังดีกันอยู่เลย แต่พอตกบ่าย...มันกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปซะได้ แม่งโคตรตลกเลยว่ามั้ยครับ
ผมยิ้มออกมาน้อยมากทั้งๆ ที่งานของผมมันคือการต้องยิ้มรับแขกล้วนๆ เจ้าของร้านอย่างธนูเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเหมือนทุกครั้งที่มันอารมณ์เสีย ซึ่งพอมันเป็นแบบนี้ทีไร ผมเองก็ต้องเดือดเนื้อร้อนใจทุกทีไป
วันนี้เราเพิ่งเปิดใจคุยกันแท้ๆ ว่าจะทำความรู้จักและเรียนรู้กัน…แต่ก็มีคนทำพังตั้งแต่วันแรกจนได้
ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่ทำพังคือผมหรือไอ้ธนูกันแน่
บางทีความรู้สึกหึงหวงแบบโอเว่อร์โหลดของมันนี่ก็ยากต่อการรับมือเหมือนกันนะ ที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตแบบเหลวแหลก…อันนี้ผมรู้ ผมผ่านการนอนกับคนนั้นคนนี้มาเยอะ ซึ่งเรื่องนี้ธนูมันก็น่าจะรู้ดี ไม่รู้ว่าทำไมการที่มันคิดไปเองว่าผมเคยนอนกับพี่ชายมัน ถึงทำให้มันเป็นได้ถึงขนาดนี้…
มันเกลียดพี่ชายตัวเองถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
“แปดสิบห้าบาทครับ” ผมคิดตังค์ลูกค้าสาวคนหนึ่ง
“เอ่อ…แปดสิบห้าบาทหรือร้อยแปดสิบห้าบาทคะ”
ผมสะดุ้ง มองไปที่จอเครื่องคิดเงินอีกทีหนึ่ง “ขอโทษครับ หนึ่งร้อยแปดสิบห้าบาทครับ”
“พี่รบดูใจลอยนะคะ” เธอแซวผม ผมเกาท้ายทอยอย่างเขินอาย เธอน่าจะเป็นรุ่นน้องในมอที่รู้จักผมฝ่ายเดียว แต่ผมไม่รู้จักเธอ “พี่ธนูไปไหนคะ”
โห…ถามถึงต้นเหตุที่ทำให้ผมเครียดไปอีก
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ” การ์ดมันบอกให้ผมตอบแบบนี้ ขืนบอกว่าอยู่ข้างบนอาจจะมีผู้หญิงตามบุกไปถึงที่ห้องก็ได้ ธนูมันเป็นเกย์แต่ผู้หญิงก็ชอบมันอยู่ ทุกวันนี้ไอ้การ์ดมันก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน
กูจะบอกอะไรให้…ก็เพราะมันทั้งหล่อทั้งหุ่นดีไง สาวๆ ที่ไหนเขาก็กรี๊ดทั้งนั้นนั่นแหละ
หนุ่มฮอตที่แท้จริงคือหนุ่มฮอตที่ฮอตได้กับทุกเพศครับ…และไอ้ธนูมันก็คือหนุ่มฮอตคนนั้น
“อดเจอเลย” เธอทำหน้าเสียอกเสียใจอย่างแรง
“ตอนเย็นนี้อยู่ฟังดนตรีสดสิครับ…พี่คิดว่ามันน่าจะลงมา เอ๊ย มาฟังเพื่อนๆ เล่นบ้างแหละ”
“พี่เขาจะเล่นด้วยมั้ยคะ”
“เอ่อ…ไม่ทราบเหมือนกันครับ” ผมไม่ค่อยเห็นมันไปซ้อมดนตรีกับเพื่อนๆ เท่าไหร่ ผมจึงไม่กล้าคอนเฟิร์ม
“ดนตรีสดกี่โมงเหรอคะพี่รบ”
“ขึ้นรอบแรกทุ่มหนึ่งครับ” เนื่องจากรอบๆ เต็มไปด้วยป่า…พวกการ์ดจึงเลือกที่จะเล่นรอบแรกเร็วหน่อยเพราะไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใคร “อยู่ฟังเถอะนะครับ” ผมออดอ้อนดูพร้อมกับยิ้ม
“แหม…” น้องดูขวยเขิน “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะโทรเรียกพรรคพวกมาเลย”
บร๊ะ…รอยยิ้มผมได้ผลว่ะ
หลังจากที่น้องคนนั้นเดินออกไป ผมก็ทันได้เห็นไอ้ธนูผู้ที่เปลี่ยนชุดแล้วเดินหน้าบึ้งตึงผ่านเคาน์เตอร์ที่ผมยืนอยู่ข้างหลังไป มันทำท่าจะพุ่งไปหาโฮม ผู้ที่เป็นอู่ข้าวอู้น้ำสำหรับมันซึ่งอยู่ในครัว ผมแอบลอบเดินตามหลังไปเพราะคิดว่าอาจจะมีโอกาสได้คุยกับมันก็ได้
ผมไม่ขึ้นไปหามันที่ชั้นสองในเวลางานหรอกถ้าไม่จำเป็นน่ะ
“หิวข้าว” มันบอกเพื่อนแบบนี้
โฮมมองเห็นผมที่ยืนอยู่ข้างหลังธนูแล้ว…แต่มันก็ทำเป็นไม่ทัก “มึงจะกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้…มึงจัดมาเลย”
“โอเค”
“…”
“มึง…เป็นอะไรหรือเปล่าวะ” เพื่อนของธนูถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พวกกูไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ป่ะ”
“ทำไมถึงถามแบบนั้น”
“ก็กูเห็นมึงหงุดหงิด”
ว่างๆ ผมจะถามเพื่อนๆ ของมันให้ได้ว่าอะไรถึงทำให้พวกมันกลัวไอ้ธนูจนหัวหดแบบนี้…แต่จะว่าไป ไอ้โฮมมันถามเหมือนหลอกถามให้ผมยังไงก็ไม่รู้ เพราะผมเชื่อว่าทุกครั้งที่มันหรือเพื่อนทำผิด พวกมันก็คงจะรู้ตัวนั่นแหละ
“แค่มีอะไรบางอย่างมันไม่ได้ดั่งใจ”
อะไรที่ว่านั่นคือกูเองนี่แหละ
“มึงอย่าคิดไปเองสิวะ ที่มึงหงุดหงิดอยู่เนี่ย มึงรู้ความจริงแล้วเหรอ”
กราบไอ้โฮมแป๊บ…ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูแปลกๆ เพราะมันพูดราวกับว่ารู้เรื่องทุกอย่าง แต่ผมก็ไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก สิ่งเดียวที่ผมสนใจในตอนนี้ก็คือเจ้าของร่างสูงนั่นควรเลิกโกรธผมสักที
“มึงรีบทำกับข้าวให้กูแดกได้แล้ว”
“รบไม่เป็นอันทำงานเลยนะเว้ย”
ผมถลึงตามองคนพูดอย่างไอ้โฮม มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม แต่ธนูมันไม่ได้สังเกตเพราะมันกำลังนั่งลงบนเคาน์เตอร์ที่ว่างอยู่ในครัว
“เมื่อตะกี้กูเห็นมันยืนแจกยิ้มอยู่”
นั่นมันงานกูโว้ยไอ้สัด…งานที่มึงจ้างกูนี่ไง
ผมไม่ยอมทนให้มันคิดไปเองแบบเด็กน้อยอีกต่อไป…จึงขยับไปประจันหน้ากับไอ้ธนูที่นั่งอยู่ มันตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ผมก็มาปรากฎตัวตรงหน้ามัน
“ไปคุยกันข้างนอก” ผมบอก
“จะคุยก็คุยในนี้”
“เอ่อ…ถ้ามึงจะคุยกันในนี้ กูก็ต้องเป็นคนที่ออกไป แล้วถ้าเป็นแบบนั้น…มึงจะไม่มีข้าวแดกนะธนู” โฮมยกตะหลิวขึ้นมาประกอบคำพูด
ผมเชื่อว่าเพื่อนของธนูเริ่มรู้ว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างผมกับธนูอย่างแน่นอน…พอเป็นแบบนั้นผมถึงได้ส่งยิ้มออกมา การง้อคนอย่างธนูมันต้องง่ายขึ้นเยอะแน่ถ้ามีเพื่อนๆ มันคอยสนับสนุน
ที่จริง…ผมคิดว่าเพื่อนมันเริ่มสนับสนุนผมอย่างออกนอกหน้าแล้วนะ
พวกมันทำ…แต่พวกมันแค่ไม่พูดว่าพวกมันรู้ทุกอย่าง
“แม่ง” สงสัยความหิวจะทำให้ธนูมันยอมแพ้ มันเดินนำผมออกไปยังหลังร้านซึ่งอยู่ติดกับครัว ผมขยิบตาส่งให้โฮมเป็นเชิงขอบคุณ
“ผู้นำที่แท้จริงคือภริยาท่านผู้นำนี่เอง…” โฮมพูดกับตะหลิว “ถ้าอยากให้ไอ้ธนูสบายใจ ต้องทำให้เมียมันสบายใจก่อน…กูจะเอาไปบอกเพื่อนๆ กู”
มันพูดกับตะหลิวหรือพูดกับผมกันแน่…แต่ถึงมันจะพูดกับผม ผมก็ฟังมันไม่รู้เรื่องหรอก
[ก้อง]
เขาไปง้อกันอยู่หลังร้าน
ไอ้โฮมขยับปากพร้อมกับทำไม้ทำมือบอกผมกับเพื่อนๆ คนอื่น ไอ้การ์ดกับไอ้ยุแสดงท่าทีให้เห็นว่างานของพวกมันมีอยู่ล้นมือ ฉะนั้นคนที่ว่างงานมากที่สุดคงจะเป็นผม…
ผมได้รับมอบหมายจากเพื่อนๆ ให้ไปทำหน้าที่เสือก…
ได้เพื่อน ได้…กูเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าธนูกับรบมันจะง้อกันยังไง
หลังร้านที่ไอ้โฮมว่าคือบริเวณอยู่ถัดจากห้องครัวออกไป บริเวณนี้เต็มไปด้วยของที่ไม่ได้ใช้ พวกลังกระดาษหรือไม้ก็ไม้ที่เหลือจากการตกแต่ง ผมหาที่ซุ่ม ก่อนจะเงี่ยหูฟัง ทำหน้าที่เสือกอย่างเต็มที่ เพราะรู้ดีว่าคนอย่างธนู ถ้ามันไม่เล่าเพื่อนมันก็จะไม่มีวันรู้
ตั้งแต่มันมีซัมธิงกับรบ…มันยังไม่เคยเล่าเหี้ยอะไรให้พวกเราฟังเลย เอาแต่แสดงออกอย่างเดียว ปล่อยให้พวกผมเดากันเองอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้ไอ้ธนูกำลังกอดอก เอาเท้าเขี่ยดิน ทำท่าเหมือนเด็กกำลังงอน ส่วนไอ้รบก็กำลังยืนประจันหน้ามันอย่างเก้ๆ กังๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มง้อยังไงดี
พวกมันเงียบ…
เงียบอยู่นานสองนาน…นานประมาณห้านาทีเห็นจะได้แล้ว
นี่พวกมึงไม่ร้อนกันเหรอวะ!
กูต้องรอถึงตีสี่ของวันพรุ่งนี้มั้ยเนี่ย พวกมึงถึงจะได้คุยกันสักที…
“กูไม่เคยนอนกับพี่นที” รบเปิดฉากด้วยท็อปปิคที่น่าอ้าปากหวอหลังจากได้ยินเป็นอย่างมาก แต่ไอ้ธนูทำแค่ขมวดคิ้ว “แต่ก็เคย…”
“เคยอะไร”
เชื่อเถอะว่าธนูมันหงุดหงิดได้หมดนั่นแหละ ถ้าของของมันเกี่ยวข้องกับพี่นทีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะมันเกลียดพี่ชายของมันคนนี้จะตาย…ไม่ใช่เพราะมันเกลียดด้วยตัวเอง แต่การกระทำของพี่นทีคนนี้ไม่เหมาะกับการให้ความเคารพเลยสักนิด
อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของธนู…พี่นทีก็จะเอาไปทั้งหมด เพราะฉะนั้นผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าธนูมันจะหงุดหงิดเพราะรบเคยข้องเกี่ยวกับพี่นที ไม่ว่าจะเล็กหรือน้อย มันก็หงุดหงิดได้ทั้งนั้น
“มึงจะฟังจริงๆ เหรอ” รบถาม
เชี่ย…มันเก่งว่ะ แม้จะเคยไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อน แต่รบมันก็เก่งที่เริ่มรู้ใจว่าคนอย่างธนูมันจะอารมณ์เสียกับอะไรบ้าง
คนจะเอาไอ้ธนูมันอยู่ก็ต้องประมาณนี้แหละ…ฉลาดรอบรู้ไปหมด โดยเฉพาะเรื่องของไอ้ธนูคนนี้
“ถ้ากูฟังแล้วกูจะเป็นยังไง” ธนูทำหน้าไม่แน่ใจ
“ก็อาจจะหงุดหงิดมากกว่านี้ ไม่รู้สิ” รบเองก็เริ่มเอาเท้าเขี่ยดินเหมือนกัน “แต่ที่มึงคิดไปเอง มันก็เกินกว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นอยู่แล้ว”
“งั้นกูไม่ฟังดีกว่า”
เหยดดดดดดดดดดดดด…เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนผม
ปกติแล้วมันเป็นพวกบวกได้คือบวก…อันตรายแค่ไหนมันก็จะบุกตะลุยไป แต่กับเรื่องที่อาจจะทำร้ายหัวใจมันนิดหน่อยแค่นี้ มันถึงกับต้องถอยเลยเหรอวะ
รบ…นี่มึงแดกอะไรเข้าไป ทำไมถึงทำให้หัวหน้ากลุ่มกูเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
ผมไม่รู้ว่ารบทำหน้ายังไง แต่ที่แน่ๆ มันช็อกตัวแข็งไปแล้ว
“กูขอโทษ…ถ้ากูรู้มาก่อนว่าพี่เขาเป็นพี่ชายมึง…”
“มึงก็คงจะทำมากกว่านั้น กูรู้ ตอนนั้นมึงไม่ชอบขี้หน้ากูนี่”
“ด้วยความสัตย์จริงนะเว้ย…กูจะไม่ยุ่งเลย” รบยกมือขึ้นแบบแบมือทั้งสองข้าง คล้ายกับเป็นผู้ร้ายที่ยอมรับผิด “ถึงตอนนั้นกูจะไม่ชอบขี้หน้ามึง แต่กูก็กลัวมึง เอ๊ย เกรงใจมึง”
ไม่ทันแล้วมั้งรบ…
“มึงกลัวกูเหรอ” สีหน้าไอ้ธนูเริ่มส่อแววยิ้มกริ่ม
“ก็…จะว่างั้นก็ได้”
“…”
“ใครๆ ก็กลัวมึงทั้งนั้นนั่นแหละ” ตรงนี้มึงพูดถูกมาก…ไอ้รบ
“แล้วตอนนี้มึงกลัวกูมั้ย”
รบขยับไปตรงที่ที่ผมมองเห็นหน้ามันชัดขึ้น มันกำลังหลบไอ้ธนูที่เดินเข้าไปใกล้…เดี๋ยวนะ นี่มึงหายโกรธเขาแล้วเหรอท่านหัวหน้า
“ไม่” ไอ้รบมันก็เก่งของมัน “กลับเข้าประเด็นเดิมก่อน”
ธนูชักสีหน้าทันที “กูไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว…กูจะเทอดีตทิ้งให้หมด…มึงห้ามเข้าไปยุ่งกับไอ้เหี้ยนั่น แม้แต่เดินผ่านก็ห้าม มึงเข้าใจมั้ย”
เชื่อผมเถอะว่าพูดแบบนี้แปลว่าทั้งหวงและก็เป็นห่วง…คนอย่างพี่นทีอันตรายจะตาย พี่เขาชอบแกล้งเพื่อนผมมาก แกล้งจนเพื่อนผมกลายเป็นคนเย็นชาไปหมดแล้วเนี่ย
“มึงกับเขาเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ” รบคงพูดเพราะมันไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางมาก่อน
“เป็นศัตรูที่มีพ่อคนเดียวกัน…เรื่องนี้มึงก็ต้องรับรู้เอาไว้ด้วย”
รบพยักหน้าหงึกหงัก มันดูจริงจังกับการฟังคำพูดของธนูมาก…
พวกมึงสองคนนี่ถึงขั้นไหนกันแล้ววะเนี่ย ศึกษาดูใจกันอย่างนั้นใช่มั้ย
“มึงอย่าลืมความจริงอีกอย่างที่เราเพิ่งคุยกัน” ธนูพูดต่อไป “ตอนนี้มึงคือจุดอ่อนของกู…จะทำอะไรก็เห็นใจกูบ้าง”
เหยดดดดดดดดดดดดดดดด
อยากจะตะโกนเรียกเพื่อนมาฟังด้วยกัน…ไอ้ธนูมีจุดอ่อน มันมีจุดอ่อนแล้วโว้ยยยยย!
รบทำหน้าเหมือนกันกับผมนั่นก็คือช็อกสุดขีด ที่ผ่านมาเพื่อนผมมันแข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่ามันจะเติบโตมาจากครอบครัวที่กระท่อนกระแท่น แต่เรื่องนั้นก็ทำอะไรมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้…มันเพิ่งเปิดเผยว่ารบคือจุดอ่อนของมันให้ผม (ที่แอบฟังอยู่) ได้รับรู้
เรื่องแบบนี้ต้องขยาย
“เอ่อ…อื้ม” ไอ้เชี่ยรบก็ตอบรับแบบเห็นดีเห็นงามไปอีก
ผมยอมรับว่าผมกำลังแอบอมยิ้ม…ไม่ว่าตอนนี้มันทั้งคู่จะถึงขั้นไหนกันก็ตาม แต่ผมก็เห็นเงาของพวกมันอยู่ตรงปลายทางแล้ว ดูยังไงก็ได้กันชัดๆ…ไม่มีเป็นอย่างอื่น
“เฮ้อ” เพื่อนผมถอนหายใจ “ไม่รู้กูคิดถูกหรือคิดผิดที่เปิดเผยเรื่องนี้ให้มึงรู้…มึงทำให้กูเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปตั้งแต่คืนนั้น”
ผมเดาว่าต้องเป็นคืนที่พวกมันมีอะไรกัน…แม้ว่าผมจะเดา แต่การที่ไอ้ธนูมันทั้งหึงทั้งหวงอย่างออกนอกหน้าแบบนี้มีหรือที่พวกมันจะไม่ได้ผ่านค่ำคืนลึกซึ้งกันมาน่ะ
“กูก็ไม่อยากเป็นคนที่เข้าใจยากด้วย…กูเลยต้องบอกให้มึงเข้าใจ”
มึงเข้าใจยากมานานแล้วเพื่อน…แต่ทำไมมึงไม่เห็นมาแก้ตัวแบบนี้กับกูและก็เพื่อนคนอื่นๆ เลย โธ่เอ๊ยยยย
เป็นทีของไอ้รบที่จะต้องยิ้มบ้าง
“กลัวกูรับไม่ได้ล่ะสิ”
“เออ”
การตอบรับทันควันของธนูทำเอารบหุบยิ้มฉับ…ใบหูของมันเริ่มมีสีแดง
กูจะอยู่ได้อีกนานมั้ยเนี่ย…ชักจะเขินแทนพวกแม่งแล้วนะ
“กูขออย่างได้มั้ย” รบค่อยๆ เอ่ยออกมา “มึงอย่าหงุดหงิดเร็วเกินไปนักสิวะ…มึงต้องฟังเรื่องราวจากกูก่อน”
เหมือนแม่งขอเงินห้าร้อยล้านจากไอ้ธนูภายในเวลาห้าวินาทีต่อจากนี้ เพราะยังไงเพื่อนผมมันก็ทำไม่ได้หรอก…เรื่องอารมณ์ของธนูผมรู้ดีว่ามันไม่เคยเสถียรเลย
“ไม่รู้สิ” นั่นประไร…เพื่อนผมตอบพร้อมๆ กับยักไหล่ “เรื่องของมึงกูเซ้นส์ซิทีฟ”
“...”
“มันเยอะไปหมด ไม่รู้จะคุมมันยังไง ทุกอย่างมันมากเกินไป”
“...”
“มึงคิดว่ากูต้องการให้เป็นแบบนี้เหรอ”
โห สาดดดดดดดดดด
รบขุดหลุมรักให้ธนูมันตกลงไปลึกมาก มากซะจนผมไม่รู้จะอธิบายให้ทุกท่านทราบยังไงดีว่าเพื่อนผมมันเป็นเอามาก ธนูยอมรับตรงๆ จนรบไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรใดๆ อีก ผมคิดว่าส่วนหนึ่งมันก็คงจะปลื้มอยู่บ้างนั่นแหละ เพราะคนอย่างธนูมันเคยพูดหรือแสดงออกแบบนี้กับใครที่ไหนกัน แม้แต่คนใกล้ชิดอย่างผมยังต้องขอคอนเฟิร์มเลย
มึงต้มยาเสน่ห์ให้ท่านหัวหน้ากูแดกใช่มั้ยไอ้รบบบบ
“กูจะไม่ถามว่ามึงจะรับได้มั้ย แต่กูจะพูดแค่ว่า...มึงต้องรับส่วนนี้ของกูให้ได้”
ผมกลืนน้ำลายไปพร้อมๆ กับคนฟังอย่างรบ...เสียงของธนูเหมือนออกคำสั่งซึ่งเป็นเสียงที่ผมกับเพื่อนทุกคนหวั่นเกรงกันมาก
“...”
“เพราะมันคงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกูไปแล้ว”
ผมยกมือขึ้นมาตีหน้าผากตัวเองอย่างเครียดแทน...ธนูมันหลงรบมากก็จริง แต่ถ้าหลงเกินไป...บางทีมันก็อาจจะรับมือยากไปสักนิด
ผมนี่เป็นกำลังใจให้รบเลยครับ
รบมันถอนหายใจก่อนจะตบไหล่ธนูสองที
“กูไปทำงานก่อนนะ เลิกคิดไปเองได้แล้ว”
ธนูมองดูไหล่ที่เพิ่งโดนรบสัมผัส ทีแรกผมนึกว่ามันจะโกรธ แต่มันกลับดึงแขนรบให้เข้าไปใกล้พร้อมๆ กับหอมแก้มไอ้รบไปทีหนึ่ง
“เชี่ยยย!” รบเอามือปิดแก้มตัวเอง ผมรีบก้มหัวหลบเพราะเห็นมันกำลังมองซ้ายมองขวา “เดี๋ยวเพื่อนมึงเห็น!”
กูเห็นแล้วครับ…ผมทั้งยิ้มทั้งลุ้น ถ้าไอ้รบจับได้มันก็คงจะไม่มีอะไร แต่ถ้าท่านหัวหน้าจับได้…ผมไม่รู้ว่าผมจะโดนอะไรหรือเปล่า
“ไม่มีใครเห็นหรอก” ธนูทำแก้มป่อง “โกรธใช่มั้ย…ไม่อยากเอาคืนเหรอ”
มุ้งมิ้งเกิ๊น…มึงเป็นท่านหัวหน้าของกูจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย
ไอ้รบมันก็คงมีใจให้ไอ้ธนูมากเหมือนกันนั่นแหละ มันถึงได้หลับหูหลับตาหอมแก้มเพื่อนผมไปแบบนั้น…
ผมรีบกลับเข้ามาในร้าน พร้อมๆ กับเดินไปกระซิบข้างหูเพื่อนของผมทุกคนว่า
‘ห้ามทำรบโกรธ…ถ้าทำรบโกรธไอ้ธนูเอามึงตายแน่ๆ’
ผมพูดแค่นี้เพื่อนๆ มันก็รู้แล้วว่ารบสำคัญกับธนูมาก มากจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นคนรัก
เป็นที่รู้กันว่าเราต้องแคร์คนที่ไอ้ธนูชอบ…มากกว่าตัวมันเอง เราถึงจะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างยาวๆ
[ มีต่อนะคะ ]