▬ all my LOVE is for you ▬ เปิด pre-order หนังสือ + ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม (p.5)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ all my LOVE is for you ▬ เปิด pre-order หนังสือ + ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม (p.5)  (อ่าน 54714 ครั้ง)

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.18 หน้า 3 [up:25/06/2018]
«ตอบ #90 เมื่อ26-06-2018 20:05:44 »

:กอด1: :3123: :pig4:

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.18 หน้า 3 [up:25/06/2018]
«ตอบ #91 เมื่อ26-06-2018 23:56:09 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.18 หน้า 3 [up:25/06/2018]
«ตอบ #92 เมื่อ28-06-2018 11:50:01 »

น้องตี๋ไม่น่ารอด :hao6:

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
«ตอบ #93 เมื่อ07-07-2018 21:41:28 »




19




“แล้วรู้ไหมว่าเด็กดื้อจะต้องโดนลงโทษ”

ตี๋รู้ว่า ‘บทลงโทษ’ ของอีกคนหมายถึงอะไร ดูได้จากสายตาวาววับเหมือนเสือจ้องตะครุบเหยื่อแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ได้รู้ว่าอะไรจะเป็นบทลงโทษของสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป

...แต่มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดก็ได้

เลยทำใจดีสู้เสือตัวนี้และถามออกไป “ลงโทษอะไรเหรอ?”

พอโดนง้อมากเข้าก็เลยทำให้ตอนนี้เอสอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว อันที่จริงเขาทนเห็นอีกฝ่ายหงอยแบบนี้ได้ไม่นานหรอก แค่ตี๋ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใจเขาก็ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว แต่เพราะด้วยความที่ถ้าเขาแสดงออกว่าหายแล้วมันจะทำให้ตี๋คิดว่าแค่ง้อไม่นานเขาก็หายและคราวหน้าก็จะทำแบบนี้อีก

เอสโอบเข้าที่เอวบางของคนรัก เห็นตี๋มีท่าทีล่อกแล่กเขาก็หัวเราะในใจ ดูท่าเหมือนจะรู้ทันว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรเป็นการ ‘ลงโทษ’ อยู่นะเจ้าตัวถึงยกมือขึ้นดันอกหนาเมื่อเขาค่อย ๆ เข้าไปใกล้มากขึ้นจนทุกสัดส่วนแทบจะแนบชิดกันไปหมด

“บทลงโทษเหรอ” เอสกระซิบ “ง่าย ๆ ก็แค่ตามใจพี่”

ตี๋มองหน้าเอสเหมือนกับชั่งใจ เขาก็ผู้ชายที่ยังมีความอยากรู้อยากเห็น แต่ที่ผ่านมาเรียกว่ายังไม่กล้าและที่สำคัญคือกลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาจะทำมันไม่ได้ เขากลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของอีกฝ่าย เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายเหมือนกัน

คนมีความผิดติดตัวแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างประหม่า

“ถามหน่อยได้ไหม?” เอสพยักหน้ารับ “ตะ- ตามใจอะไรอะ?”

คนถูกถามอย่างเอสหรี่ตามองราวกับจะบอกว่ารู้อยู่แล้วยังจะถามอีกนะ เขาเผยยิ้มออกมา ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มากสำหรับตี๋ แต่ด้วยเพราะยังรู้สึกผิดไม่หายเลยทำให้ไม่กล้าโวยวายเหมือนปกติออกมา และอาจเพราะน้ำเมาที่ดื่มไปนั้นมันกระตุ้นสัญชาตญาณของเพศชายให้อยากรู้อยากลองขึ้นมา

ตี๋กลืนน้ำลายเมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายค่อย ๆ โน้มเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของทั้งคู่ทาบทับกัน มันเป็นจูบที่แผ่วเบา แต่น่าแปลกที่มันทำให้เขารู้สึกวาบหวามมากกว่าที่เคยเป็น ก้อนเนื้อที่อยู่ในอกเต้นรัวจนน่ากลัวว่าเขาจะหัวใจวายตายหรือเปล่า

ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ากลืนกินให้ลึกมากขึ้น ตี๋รู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นกำลังดำน้ำลึก ที่ยิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ก็หลงใหลความสวยงามใต้ท้องน้ำจนไม่อยากจะขึ้นมาบนผืนดิน ตี๋โอบแขนขึ้นกอดรอบคอของคนที่เปรียบได้กับผืนน้ำสีน้ำเงินแสนสวยงามของเขา

ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างกายของคนตัวขาวผ่านเนื้อผ้าของชุดนักศึกษา กลิ่นสุราที่มาจากอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจนิดหน่อยจนเผลอกัดปากล่างของตี๋เบา ๆ อีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาคาดโทษเล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายจู่โจมกลับบ้าง

ถึงตี๋จะไม่ได้จูบเก่งอะไรมากมาย แต่ก็กระตุ้นให้เขาเกิดอารมณ์ได้ดีทีเดียว ความไม่ประสานี่แหละที่เขาชอบ แค่ได้รู้ว่าครั้งแรกของอีกฝ่ายเป็นของเขา...เท่านี้ก็สุดยอดแล้ว เพราะแบบนี้เขาถึงได้ไม่เร่งรีบที่จะจัดการให้อีกฝ่ายเป็นของเขาไวนัก เขาค่อย ๆ ทำให้ตี๋คุ้นเคยกับสัมผัสจากเขา ค่อย ๆ กระตุ้นความต้องการของอีกฝ่ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป และทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กคนนี้รู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้...โดยไม่รู้ตัว

เอสเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน “ไปอาบน้ำด้วยกันนะ”

คนน้องหน้าแดงวาบเมื่อได้ยินแบบนั้น เจ้าตัวครุ่นคิดอยู่ได้สักพัก ในขณะนั้นก็โดนเอสพรมจูบที่ซอกคอราวกับร้องขอไปด้วย ใจหนึ่งเขาเองก็ยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้ แต่ทว่าก็ไม่สามารถสู้กับความต้องการของตัวเองได้ สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี

สายน้ำอุ่นที่ไหลออกมาจากฝักบัวก็สู้ความร้อนที่มาจากร่างกายของคนทั้งคู่ยามนี้ไม่ได้ ตี๋รู้สึกอายมากเมื่อต้องเปลือยต่อหน้าอีกฝ่าย ไฟในห้องน้ำสว่างมากจนคิดว่าคงจะเห็นทุกสัดส่วนของกันและกัน เขาอายที่ส่วนนั้นตัวเองมีอารมณ์ยามที่โดนอีกคนปลุกเร้าเลยพยายามที่จะหันหลังให้ หวังว่าจะซ่อนมันจากสายตาของอีกฝ่ายไว้ได้ แต่ไม่ว่าจะหันหน้าหรือหันหลังเขาก็โดนลูบไล้ไปหมดทั้งตัว

“จะลูบให้หนังกำพร้าหลุดออกมาเลยหรือไง” เจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะพูดค่อนขอด “แบบนี้ตี๋ก็เสียเปรียบสิวะ”

เอสหัวเราะในลำคอ “งั้นเราก็หันมาฟอกสบู่ให้พี่สิ ตี๋จะได้ไม่เสียเปรียบไง”

ตี๋หันขวับมามองอีกฝ่าย “ไม่ต้องเลย แบบไหนตี๋ก็เสียเปรียบโว้ย”

คนพี่ยิ้มขันที่โดนน้องมันรู้ทัน เขาลงมือล้างตัวของตี๋ให้สะอาดเอี่ยม ก่อนจะบอกให้ออกไปรอข้างนอกก่อน ถึงจะได้ทำความสะอาดตัวเองบ้าง

คนตัวขาวเดินพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำด้วยอาการงง ๆ เบลอ ๆ ยกผ้าในมือเช็ดผม ความร้อนในตัวจากการที่โดนสัมผัสเมื่อครู่ยังติดอยู่ เจ้าตัวก้มมองไอ้นั่นที่ยังคงตั้งอยู่นิดหน่อย เขารู้ว่าปล่อย ๆ มันไปเดี๋ยวมันก็หดกลับไปเอง ริมฝีปากบวมแดงนั่นเม้มเข้าอย่างใช้ความคิด

...แล้วกูควรจะใส่เสื้อผ้าเลยดีไหมวะ เดี๋ยวไอ้คนหื่นจะหาว่าแก้ผ้าอ่อยเหยื่ออีก...

แต่ไม่ทันจะตัดสินใจได้ คนหื่นที่ว่าก็ออกมาจากห้องน้ำ

“ทำไมไม่พันผ้าขนหนูออกมาล่ะวะ!” ตี๋หันกลับแทบไม่ทัน ปากแดงนั่นด่าไม่ได้เสียงดังนัก เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนคนในบ้าน

“พันทำไม? เดี๋ยวก็ต้องถอดอีก” ขายาวเดินเข้าหาอีกฝ่ายที่หันหลังให้เขาก่อนจะดึงเอวบางเข้าหากอดเอาไว้ และกดจูบที่ขมับด้วยความรักใคร่

ตอนนี้คนน้องเริ่มจะไม่กล้าซะแล้วหลังจากที่เห็นอาวุธของอีกคนเต็มตาขนาดนั้น

“วันนี้พอแค่นี้ไม่ได้เหรอ?” ตี๋พยายามถามเสียงอ้อน แต่พอโดนมือเย็น ๆ ลูบไปตามแผ่นอกและสะกิดเข้าที่ยอดอกก็ตัวสั่นด้วยความเสียว

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เอสหอมเข้าที่หลังหูจนตี๋ต้องย่นคอหนีสัมผัสจากเขา “พี่ยังไม่ทำถึงขั้นสุดหรอกครับ” ตอนนี้เรียกได้ว่าเขามัวเมากับร่างกายของอีกฝ่ายมาก แต่ก็ยังดีที่มีสติยับยั้งตัวเองได้ว่าครั้งแรกของตี๋เขาจะอ่อนโยนและต้องสร้างความรู้สึกดีในครั้งแรกให้ได้มากที่สุด เพื่อที่น้องจะได้ไม่กลัวในครั้งต่อไป

ตี๋ที่ถึงจะรู้สึกอายอยู่แต่ก็สบายใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องไปต่อแล้วล่ะนะ แล้วอีกอย่างก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่า...ก็รู้สึกดีเหมือนกัน มันเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยเผชิญ และพอได้ลิ้มลองดูแล้วก็ทำให้หยุดได้ยาก

คนเป็นพี่ซุกหน้าเข้ากับซอกคอที่มีกลิ่นสบู่อ่อน ๆ ผิวของตี๋เรียกได้ว่าสวยกว่าผิวผู้ชายทั่วไปมากทั้งขาวและเนียน ตามตัวมีแต่ขนบาง ๆ เลยทำให้ลูบไปตรงไหนก็ติดใจไปเสียหมด เขาปลดผ้าขนหนูที่พันรอบเอวผอมของอีกฝ่ายออกแล้วดันให้ตี๋นอนหงายลงบนที่นอน เจ้าตัวคงจะรู้สึกเขินอายเลยรีบพลิกตัวนอนคว่ำลงเผยให้เห็นแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยสักรูปมังกรสีดำตัดกับผิวขาวชัดเจน สำหรับเขามันดูเซ็กซี่มาก ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลังของตี๋มันดูยั่วยวนเขาไปทุกส่วน

...แย่ล่ะ เขาดูท่าจะอาการหนักแล้วสิ

คนที่นอนคว่ำหน้าเพราะอายส่วนนั้นของตัวเอง รู้สึกได้ถึงสายตาที่ยืนมองเขาอยู่ทางด้านหลัง เขาเลยหันหน้ากลับไปมองก็เห็นอีกฝ่ายมองมาที่เขา เป็นสายตาที่เหมือนเสือกำลังเห็นอาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้าและอยากกินแทบจะทนไม่ไหว

“จะมองอีกนานไหมวะ?” เจ้าตัวถามน้ำเสียงหาเรื่อง เอสยิ้มมุมปากก่อนจะขึ้นมาคร่อมทับเขาบนเตียง

“เรารีบเหรอ?”

“รีบบ้าอะไรล่ะ!”

“วัยรุ่นก็ใจร้อนแบบนี้แหละน้า~” เขาค่อย ๆ พรมจูบตามแนวกระดูกที่สวยงาม และใช้ช่วงจังหวะที่น้องกำลังเพลินนี่แหละพลิกตัวอีกฝ่ายขึ้นหงายแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งระหว่างขาทั้งสองข้าง ดูท่าตี๋จะตกใจจนพูดไม่เป็นเลยทีเดียว

“เดี๋ยวพี่จัดการเอง ตี๋นอนเฉย ๆ เถอะ”

คนอยู่ด้านใต้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ คราวนี้มันแอดวานซ์มากขึ้นกว่าตอนในห้องน้ำด้วยซ้ำ ความอุ่นร้อนที่ครอบครองตรงนั้นของเขา สัมผัสแปลกใหม่ ราวกับโดนคลื่นในทะเลซัดสาดไปมาจนตัวไม่ติดพื้นทำเอาหัวหมุนไปหมด เขาพยายามจะหุบขาแต่ก็ดันติดหัวของอีกฝ่าย รู้สึกดีเสียจนแทบจะร้องคราง แต่ก็ต้องเอามือปิดปากกลั้นเสียงไม่ให้มันดังออกมา เสียงของเหลวเฉอะแฉะฟังดูแล้วน่าอายดังต่อเนื่อง ไม่นานนักมันก็สิ้นสุดลง เขานอนหอบหายใจด้วยความโล่ง

“อย่าเพิ่งหลับสิ” เอสบอกเมื่อเห็นดวงตาของน้องหรี่ลง “พี่ยังไม่เสร็จเลยนะ”

“หา!” ตี๋กะพริบตาปริบ ๆ “อย่าบอกว่าจะให้ตี๋ทำนะ”

เอสหัวเราะในลำคอ “ไม่ใช่แบบนั้น พี่ไม่ทรมานเราหรอก” เขารู้ว่าชายแท้อย่างตี๋แค่ที่ทำมานี่เขาก็นับถือมากแล้ว ไอ้จะให้มาอมของผู้ชายเหมือนกันนี่ดูจะโหดร้ายสำหรับมือใหม่ไปเสียหน่อย

เขายกมือขึ้นเกลี่ยผมชื้นเหงื่อของน้อง “แล้วเรา...รู้สึกดีไหม?”

ตี๋อึกอัก รู้สึกเขินที่โดนถามอะไรแบบนี้ แต่พอมองหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็พยักหน้าตอบไปโดยอัตโนมัติ

“งั้นพี่จะสอนอะไรให้อีกนะ”

พอเห็นสายตาสงสัยของตี๋  เขาก็ก้มลงไปจูบด้วยความรักใคร่ เริ่มจู่โจมคนข้างใต้อีกครั้งฝ่ามือใหญ่กอบกุมตัวตนของอีกฝ่ายเอาไว้และปลุกให้มันตื่นอีกครั้ง เขาชอบตอนนี้มากกว่าเมื่อครู่เสียอีก เพราะครั้งนี้มันทำให้เขาได้เห็นหน้าของคนรักในด้านที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

น่าเอาเป็นบ้า...ก็ได้แต่คิด เขาต้องอดทนไว้ อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า ขืนทำอะไรบุ่มบ่ามไปตอนนี้สงสัยอดกินทั้งเปรี้ยวและหวานแน่นอน

เอสรวบตัวตนของเขาเข้ากับอีกฝ่ายรูดรั้งไปพร้อมกัน ที่จริงอยากจะลูบไล้ตัวขาว ๆ ของตี๋ให้มากกว่านี้ แต่ตัวของเขาที่ตั้งรอมานานมันก็จะทนไม่ไหวแล้วน่ะสิ เขาขยับสะโพกเสียดสีตรงนั้นให้มันถูไถไปกับของคนด้านใต้ แรง...เสียจนเสียงเตียงเก่าดังเอี๊ยดอ๊าด แต่เขาก็หยุดไม่ได้แล้วนี่สิ โชคดีที่ห้องของป๊านั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามนะ

ให้ตาย...สงสัยคงต้องซื้อเตียงใหม่แล้ว

“เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวป๊าได้ยิน” ตี๋บอกเสียงกระท่อนกระแท่นเต็มไปด้วยความรู้สึกวาบหวาม

เอสยิ้มมุมปาก ค่อย ๆ ทำให้ช้าลง “เดี๋ยวพี่ซื้อเตียงใหม่ดีไหม?”

คนด้านใต้สบสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเอส เขาหันหน้าหนีเพราะรู้ถึงจุดประสงค์ของเตียงใหม่นั่น ก่อนจะด่าออกมาเสียงแผ่ว “อะ- ไอ้บ้าเอ๊ย” ตอนนี้เขาเหนื่อย...แต่ก็รู้สึกดีไปด้วย ความแปลกใหม่ของชีวิตที่เพิ่งเคยลิ้มลองมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่ถ้าจะให้พูดตามตรงกับผู้ชายคนอื่นเขาก็คงจะทำไม่ได้หรอก แต่นี่เพราะเอสเป็นคนที่เขารัก...เขาถึงเต็มใจ

เวลาผ่านไปไม่นานนักตี๋ก็ปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สองและเอสก็ตามไปติด ๆ คนตัวใหญ่กว่าล้มตัวนอนทับน้อง ยิ้มออกมาด้วยความพึงใจ กดจูบขมับชื้นเหงื่อของตี๋ด้วยความรัก

“พี่...รู้สึกดีหรือเปล่า?”

คนเป็นพี่รู้สึกแปลกใจที่ตี๋เป็นฝ่ายถาม เขายันแขนขึ้นมองใบหน้าของน้องที่ตอนนี้แก้มทั้งสองข้างแดงดูน่ารักมาก เอสยิ้มกว้างแนบหน้าผากของตัวเองเข้ากับอีกฝ่าย ก่อนจะตอบ “ดีมากเลย ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ได้ทำกับคนที่รัก ที่ผ่านมามันเทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิด ขอบคุณจริง ๆ ที่ยอม พี่รักตี๋นะ”

ตี๋กอดหมับเข้าที่คอของอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรเนอะ ถ้าไม่ใช่พี่...ตี๋ก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะทำได้หรือเปล่า”

“อย่าไปทำกับใครนะ”

“จะบ้าเหรอ” ตี๋แหวเข้าให้ทุบหลังคนด้านบน เอสหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตะแคงบนเตียง คว้าผ้าห่มขึ้นมาห่มร่างที่เปลือยเปล่าของทั้งตนและตี๋ ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน ปราศจากเสียงพูดคุยอยู่หลายวินาที อีกฝ่ายที่อายุมากกว่ามองเขาด้วยความหวงแหนและรักใคร่ “จะไปทำกับใครได้ยังไงล่ะ ก็...”

เอสตั้งใจรอฟังว่าน้องจะพูดอะไร แต่เจ้าตัวพูดไม่ทันจบก็หน้าแดงขึ้นมาก่อน “ก็อะไรเหรอครับ?” พอเขาถามจบก็ยังไม่มีคำตอบจากอีกคนอยู่ดี ตาตี่มองเขาอย่างลังเลก่อนจะพุ่งตัวเข้ากอดแล้วเอาหน้าซุกอกเขา

“ก็รักพี่ไปแล้วนี่นา” พูดเสียงอู้อี้อยู่กับอกหนา

จนเอสไม่แน่ใจว่าที่เขาได้ยินน่ะมันใช่อย่างที่น้องพูดจริงหรือเปล่า ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น เขาพยายามดันเจ้าตัวออกแต่มันก็ยากเหลือเกินเพราะตี๋กอดเขาเสียแน่น สุดท้ายคนน้องก็สู้แรงไม่ไหว เอสประคองแก้มของอีกฝ่ายเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พูดให้พี่ฟังอีกครั้งได้ไหม...ให้พี่แน่ใจว่าพี่ฟังไม่ผิด”

จากที่กำลังเขิน เมื่อเห็นท่าทีลนลานของอีกฝ่ายก็กลับกลายเป็นรู้สึกเอ็นดูอีกคนขึ้นมา ตี๋ยิ้มก่อนจะจูบที่ริมฝีปากของเอสเบา ๆ

“จะไปทำกับใครได้ยังไงกัน...ก็ตี๋รักพี่ไปแล้วนี่”

เอสค่อย ๆ เผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ หลังจากที่รอมานานและมีแต่เขาที่เป็นฝ่ายบอกอยู่คนเดียวมาตลอด ในที่สุดเขาก็ได้ยินคำว่ารักจากอีกฝ่าย เขากดจูบที่ปากกลับคืนบ้าง

“ในที่สุดก็ยอมพูดนะ”

“รอนานเลยเหรอ?” ตี๋พูดยิ้ม ๆ ยกมือขึ้นคลึงผมที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย “ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก นานกว่านี้พี่ก็รอได้”

“อย่ามาทำพูดดีเลย ทีเมื่อกี้มาทำเป็นพูดว่าเด็กดื้อต้องโดนลงโทษ นี่ถ้าตี๋ไม่ไปกินเหล้ามา พี่ก็ยังไม่ได้โอกาสนี้หรอก”

เอสหัวเราะในลำคอแล้วย้อนถาม “แล้วไม่รู้สึกดีหรือไง?”

ตี๋ไหวไหล่ “ก็งั้น ๆ แหละ”

“งั้น ๆ เหรอ” เอสยิ้มมุมปากสายตาเจ้าเล่ห์ “แล้วใครน้า นอนทำหน้าเคลิ้มอยู่ข้างใต้ตัวพี่ แดงไปทั้งเนื้อทั้งตัว แถมยังครา-”

ไม่ทันจะพูดจบก็โดนมือขาวปิดปากเสียก่อน “จะพูดทำไมวะ!”

เอสหัวเราะตาหยี ดึงมือที่ปิดปากตัวเองออก หอมลงที่หลังมือขาว

“อยากแต่งงานจังเลย”

“เพ้อเจ้อ” ตี๋ว่าคิ้วขมวด

“แล้วตี๋ไม่อยากแต่งงานเหรอ?”

คนถูกถามคิดก่อนจะตอบ “ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ไม่เคยคิดเรื่องมีแฟน หรือว่าสักวันหนึ่งต้องแต่งงานมีลูก ไม่เคยคิดเรื่องที่ว่าจะต้องมีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”

“พี่ก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน” เอสยิ้มบาง ๆ “จนกระทั่งกลับมาเจอเราอีกครั้ง ความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องเมื่อก่อนก็ค่อย ๆ หายไป”

ตี๋นอนตะแคงกะพริบตาปริบ ๆ ตั้งใจรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ

“ตอนที่ยังเด็กพี่ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องพวกนั้นถึงเกิดขึ้นกับพี่ ทั้งโกรธและเสียใจ พี่ไม่มีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความรักอีกเลยนับตั้งแต่ที่ป๊ากับแม่ของพี่เลิกกัน แต่พอมาตอนนี้...พี่กลับคิดว่าดีเหมือนกันนะ เพราะเรื่องที่ผ่านมาได้สอนให้พี่รู้จักรักษาความรักของตัวเอง รู้จักรักและทะนุถนอมคนที่รักอย่างไร ถึงก่อนหน้านี้พี่จะทำเรื่องไม่ดีมามากมาย แต่ตอนนี้พี่จะต้องเป็นคนดีเพื่อที่จะได้เป็นคนรักของเราได้อย่างเต็มภาคภูมิ”

ตี๋ยิ้ม “ขอบคุณนะ” เขารู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายรักเขามากขนาดนี้ เจ้าตัวขยับขึ้นไปกดจูบที่หน้าผากเกลี้ยงของคนอายุมากกว่าและกอดไว้ด้วยความรัก ที่เขาบอกไปว่าไม่เคยคิดเรื่องมีแฟนนั้นเป็นความจริง แม้กระทั่งในตอนแรกที่ตกปากรับคำว่าจะคบกับอีกฝ่ายก็รับปากไปอย่างนั้น ไม่คิดว่าตนจะจริงจังขนาดนี้ด้วยซ้ำ จากที่เคยรู้สึกว่าเอสเป็นแค่พี่ชายแต่ตอนนี้มันกลับมีความรู้สึกอื่นแทรกซึมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

“ไปอาบน้ำกันเถอะ เหนียวตัวอะ” ตี๋มองไปที่นาฬิกาที่บอกเวลาตีสองกว่า “ดึกแล้วด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ต้องตื่นมาดูแลป๊าอีก”

ทั้งคู่เข้าไปอาบน้ำล้างตัวพร้อมกัน ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันอีก เพียงแค่ผลัดกันอาบน้ำฟอกสบู่รอบที่สอง หลังจากที่พวกเขาได้ใกล้ชิดกันขึ้นไปอีกขั้น บรรยากาศของเอสเต็มไปด้วยความอบอุ่น ซึ่งมันทำให้ตี๋รู้สึกสบายใจมากขึ้น ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องระวังตัวเองเหมือนเมื่อก่อน

“พี่นี่เป็นแม่ศรีเรือนดีจัง” คนน้องยืนมองเอสเตรียมชุดนอนให้เขาอย่างดีก็อดปากที่จะแซวไม่ได้ “ใครได้เป็นเมียคงโชคดีเนอะ”

“เราก็โชคดีได้พี่เป็นผัวแล้วนี่” เขาพูดยิ้มมุมปาก จับเสื้อใส่ให้ตี๋ เห็นเจ้าตัวทำหน้าเหม็นเบื่อแบบกูไม่น่าพูดขุดหลุมฝังตัวเองเลย ก็ทำให้เขาหัวเราะออกมา “เอ้า ไปนอนได้แล้ว”

พอตี๋หัวถึงหมอได้ไม่นานก็หลับลงด้วยความเพลียทันที ส่วนเอสก็ดูแลความเรียบร้อยก่อนถึงจะตามลงไปนอน ดึงคนข้าง ๆ ที่หลับไม่รู้เรื่องเข้ามากอดไว้แล้วถึงเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยใจเป็นสุข




TBC…
หวานจนมดจะขึ้นจอแล้วค่าคุณขาาาาาาาาาา  :-[
อีก 2 ตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้วนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุน
ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ เรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
«ตอบ #94 เมื่อ07-07-2018 22:31:57 »

ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
«ตอบ #95 เมื่อ08-07-2018 00:38:34 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
«ตอบ #96 เมื่อ08-07-2018 10:51:46 »

ทีละนิด ทีละหน่อย ค่อยๆชินนะน้องตี๋
พี่เแสนี่ก็อดทนดีเนอะ :m25:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
«ตอบ #97 เมื่อ08-07-2018 11:03:46 »

แค่นี้ก็ฟินได้ ทีละนิดๆ
เด๋วน้องมันก็คุ้นเคย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
«ตอบ #98 เมื่อ08-07-2018 11:47:11 »

เอส  ตี๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
«ตอบ #99 เมื่อ08-07-2018 16:25:01 »

 :L2: :L1: :pig4:

น่ารักทั้งคู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.19 หน้า 4 [up:07/07/2018]
« ตอบ #99 เมื่อ: 08-07-2018 16:25:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.20 หน้า 4 [up:20/07/2018]
«ตอบ #100 เมื่อ20-07-2018 22:14:03 »




20



(ต่อไปนะกูจะไม่ชวนมึงแดงเหล้าแล้ว ไอ้สัด) ภาคว่า
           
“ไมวะ?” ตี๋ขมวดคิ้วถามด้วยไม่เข้าใจ
           
(มึงช่วยดูหน้าพี่มึงด้วย ห่า! กูนี่กลัวขี้หดหมด เห็นท่าทางใจดีแบบนี้ บทจะไม่พอใจก็หน้านิ่งจนกูสยอง) ใจจริงก็อยากจะใช้คำพูดว่า ‘ผัวมึง’  อยู่หรอก แต่ก็ขี้เกียจจะเถียงกับมันยาว นี่เขาอุตส่าห์โทรหามันแต่เช้า เพื่อจะถามว่ามึงโดนฆ่าตายหรือยัง..ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนล้วน ๆ
           
“ไม่มีไรหรอกมึง ทำขู่ไปงั้นแหละ กูกระดิกนิ้วทีเดียวก็หายดีแล้ว”

(หรา เมื่อคืนไม่รู้หมาตัวไหนหน้าหงอยเหมือนโดนเจ้าของดุเลย แม่งยืนหลบอยู่ข้างหลังกูกับไอ้กลอยน้ำตางี้ซึมมม)

“ซึมพ่อมึง!”

ภาคหัวเราะขัน (เออ ๆๆ แค่นี้แหละมึง ไม่เป็นห่าอะไรก็ดีแล้ว)

หลังจากที่วางสายจากเพื่อนรักไปแล้ว ตี๋ก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง วันนี้เขาตื่นสาย คนที่นอนด้วยกันก็ไม่ได้เรียกให้เขาตื่นอย่างเคย แต่กลับเป็นไอ้ภาคโทรมาปลุกแทน และเพราะขี้เกียจลุกไปไหนเขาก็เลยหมกตัวอยู่บนเตียงของเอสต่อไป มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมไปเรื่อยเปื่อย จนท้องร้องบ่งบอกว่าหิวแล้วนั่นล่ะเขาถึงได้ลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน

“อ้าว พี่ว่าจะขึ้นไปเรียกลงมากินข้าวพอดีเลย” เอสบอกทันทีที่เห็นตี๋เดินลงบันไดมา คนน้องได้ยินแบบนั้นก็รีบก้าวขาเร็ว ๆ ลงมายิ้มแป้นให้คนอายุมากกว่า

“หิวแล้ว~” พูดเสียงอ้อนพลางลูบท้องตัวเองป้อย ๆ

“หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอเสียงต่ำ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ผมสีดำขลับราวกับขนของอีกาด้วยความเอ็นดู “ไปกินกัน พี่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”

“ไง ไอ้เสือ” ป๊าทัก ตี๋ยกมือขึ้นไหว้ “ไปเมากลับมาหรือไง?”

“ไม่เมาสักหน่อย แค่มึน ๆ เอง”

เอสเหลือบมองเด็กปากดีแล้วส่ายหน้าปลง เขาตักข้าวแจกให้ทุกคน มองป๊ากับตี๋ที่คุยกันอย่างออกรสแล้วก็ได้แต่ยิ้ม รู้สึกอบอุ่นหัวใจเมื่อได้เห็นภาพแบบนี้...ครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขา

หลังกินข้าวเสร็จเขาเดินไปส่งน้องถึงบ้าน ตอนแรกตี๋ก็อิดออดนิดหน่อย แต่เขาก็บอกว่าจะเอากับข้าวที่ทำไปฝากคนที่บ้านนั้นเจ้าตัวถึงได้ยอม ไปถึงก็เจอป๊ากับม๊าของตี๋อยู่ที่หน้าร้านพอดี

เอสยกมือไหว้ “สวัสดีครับ” เขาบอกยิ้มน้อย ๆ ท่านทั้งสองรับไหว้ เขายื่นกล่องใส่กับข้าวให้ “ผมทำอาหารมาเผื่อครับ”

“โธ่ วันหลังไม่ต้องลำบากหรอกนะจ๊ะ” ม๊าของตี๋รับไปพลางพูดด้วยความเกรงใจ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรบกวนอาเจ๊กกับอาซิ่มไว้เยอะเลย” ทั้งสองท่านคอยช่วยดูแลไปมาหาสู่ป๊าของเขาตลอดตั้งแต่ก่อนที่เขาจะกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว

“ทางนี้ต่างหากที่ไปรบกวน” ป๊าเหลือบมองหน้าลูกชายคนเล็กหลังจากที่พูดเสร็จ เป็นเชิงว่าเอ็งนั่นแหละจะใครกัน

“ตี๋ไม่ได้รบกวนซะหน่อย” เจ้าตัวมุ่ยปาก

“ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่คอยช่วยดูแลป๊า”

“ไม่เป็นไร ๆ คนกันเองทั้งนั้น” ป๊าของตี๋บอกตบไหล่เอสเบา ๆ “แล้วนี่ทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะ?” ท่านถามต่อ

“เอ่อ...” ลูกชายคนเล็กไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี

“พอดีผมไปรับน้องตั้งแต่เมื่อคืนแล้วน่ะครับ ตี๋เห็นว่าดึกมากแล้วเลยค้างที่บ้านผมเลยดีกว่า”

“กูบอกแล้วไงว่ามึงน่ะไปรบกวนเขา”

ตี๋พูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำของคนเป็นพ่อ แต่ก็แอบพยศโดยการทำปากขมุบขมิบ

เอสยิ้มขำกับท่าทางของตี๋ ก่อนจะบอก “ไม่เป็นไรหรอกครับ สำหรับน้องแล้วลำบากแค่ไหนผมก็เต็มใจ”

หลังจากที่เอสพูดจบก็เกิดความเงียบเข้ามาแทนที่ เริ่มจากตี๋ที่ยืนตาโตมองไปทางคนพูดด้วยความตกใจ ส่วนคนเป็นแม่ก็ยิ้มและมองมาทางคนพูดอย่างรู้ทัน และคนเป็นพ่อที่คิ้วขมวดมองไปที่เอสด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ รู้สึกมีลางสังหรณ์แปลก ๆ กับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

ตี๋รีบใช้จังหวะที่ทุกคนกำลังนิ่งอึ้งอยู่เนี่ยแหละ ลากตัวคนพูดเจ้าปัญหาออกมา “ตี๋พาพี่เอสขึ้นห้องแป๊บนะป๊าม๊า” ไม่รอให้ผู้ใหญ่ได้ตอบอะไร เขาลากคนตัวใหญ่ตรงขึ้นห้องไปเลย

“พี่พูดอะไรของพี่เนี่ย” คนน้องว่าทันทีที่ปิดประตูห้อง

เอสยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะบอก “พี่ลืมตัว” อันที่จริงแล้วเขาตั้งใจต่างหาก เพื่อแสดงให้เห็นว่าลูกชายคนเล็กบ้านนี้มีความสำคัญกับเขามากแค่ไหน และเขาก็รู้ด้วยว่าป๊าของตี๋เป็นคนฉลาด ต้องรู้สึกบางอย่างกับคำพูดของเขาบ้างสักนิด นี่เรียกได้ว่าถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือล่ะนะ

“พี่นี่มันน่านัก ฮึ่ม!” เจ้าตัวอยากจะทึ้งหัวไอ้คนพี่ที่ยืนยิ้มอยู่นี่เหลือเกิน “ป๊าต้องสงสัยแล้วแน่ ๆ เลยเนี่ย”

“ไม่เป็นไรน่า” เอสดึงเอวผอมเข้ามากอดในขณะที่ตี๋แยกเขี้ยวใส่แถมยังเอามือดันอกของเขาเพื่อเป็นการขัดขืนไปด้วย “ไม่ต้องกังวลไปนะ”

พอเห็นตัวการที่ทำให้เขาเครียดนั้นพะเน้าพะนอพูดจาให้เขาสบายใจแล้ว เจ้าตัวก็อดที่จะถอนใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้ รู้ว่าไม่ควรคิดกังวลเรื่องที่ยังไม่เกิด แต่มันก็อดไม่ได้จริง ๆ เขาวางแก้มลงบนบ่าหนา ยอมให้อีกฝ่ายกอดไว้แต่โดยดี แม้ในใจจะยังไม่คลายกังวลแต่ก็รู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นของอีกคน
 


/



หลายวันมานี้อาฮงคิดมากไม่หายเสียที หลังจากวันนั้นที่เขาได้ยินประโยคที่ว่า ‘ลำบากแค่ไหนผมก็ยอม’ ของไอ้หนุ่มลูกชายเฮียโจวแล้ว ก็ทำเอาเขาคิดหนักเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายคนเล็กของเขากับเอส

ถ้าจะให้มองโดยละเอียดแล้วก็จะเห็นได้ว่าทั้งคู่ต่างสนิทสนมกันมากจนดูผิดวิสัยไปบ้างเหมือนกัน

เทอมที่แล้วตี๋มันยังไปค้างบ้านโน้นแค่คืนวันศุกร์กับวันเสาร์ แต่ตั้งแต่เปิดภาคการศึกษาใหม่มานี้ลูกชายของเขานอนบ้านในหนึ่งอาทิตย์นี่แทบนับวันได้เลย ถึงจะมีการกลับมากินข้าวเย็นเกือบทุกวันก็ตาม

ตอนแรกเขาคิดว่าตี๋มันก็แค่ติดเพื่อน ซึ่งมันก็ดูเป็นปกติของผู้ชาย แต่พอได้ยินเอสพูดแบบนั้นแล้วก็ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมา
ผู้ชายด้วยกันจะมาทุ่มเทให้กันและกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?



/
 


“ป๊าหวัดดี” ตี๋ที่เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยเดินเข้าบ้านมาเห็นป๊านั่งเหม่อ ๆ ก็ทักทายเสียงดังจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง

“ไอ้ห่านี่” ท่านด่าแบบไม่จริงจังนัก

ลูกชายคนเล็กหัวเราะเสียงใส ก่อนจะถาม  “ม๊าทำกับข้าวเหรอ?”

“เออ” ท่านตอบเหลือบมองลูกชายที่วางของบนโซฟาเตรียมตัวจะเข้าไปหาคนเป็นแม่ในครัวตามปกติ “ไอ้ตี๋” แต่เขาเรียกไว้ก่อนที่มันจะเดินไป เจ้าตัวหันมามองเลิกคิ้วขึ้น

“มีอะไรเหรอป๊า?” พอเห็นว่าคนที่เรียกไม่ได้พูดอะไรตี๋เลยเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น

“มานั่งนี่ก่อนมา” เขาบอก “กูมีอะไรจะถาม”

ตี๋ชะงักไปก่อนจะค่อย ๆ เดินมานั่งลงบนโซฟาด้วยใจเต้นระส่ำ พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธ ก่อนถาม “ป๊ามีอะไรเหรอ?”

“มึงกับเอสน่ะ...คบกับแบบไหนเหรอ?”

เหมือนกับโลกหยุดหมุนไปชั่วครู่ เขาพูดอะไรไม่ออกราวกับว่ามีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ ดวงตาที่มองตรงไปทางคนเป็นพ่อสั่นไหวด้วยความตกตะลึง ใบหน้าของป๊าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกกลัวจนพูดไม่ออก

“คบกันอยู่ใช่ไหม?” ท่านถามเสียงเรียบอีกครั้ง

ตี๋หลบตาวูบ เขาไม่ได้ตอบแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ในบางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบได้ดีที่สุด อยากจะตอบออกไปว่าใช่ แต่กลับพูดไม่ออกราวกับมีใครมาปิดปากเอาไว้ ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

“คบกันจริง ๆ สินะ” คนเป็นพ่อพูดขึ้นมาราวกับพึมพำอยู่กับตนเอง บอกไม่ถูกว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรดี เสียใจ ผิดหวัง หรือไม่รู้สึกอะไรดี

นานนับนาทีกว่าที่ตี๋จะเปิดปากพูดเสียงเบา “ตี๋ขอโทษ”

“ไปหาม๊าในครัวได้แล้ว ไป”

เขามองป๊าที่พูดเสียงเรียบ หน้าตาดูเป็นปกติจนน่าแปลก เขาไม่เข้าใจและงุนงงกับท่าทางแบบนี้ของท่านมาก ท่านหยิบรีโมตเปิดรายการข่าวดูด้วยท่าทีเหมือนดั่งเช่นทุกวัน เขาไม่กล้าขยับตัวไปไหนจนกระทั่งม๊าเรียกเข้าไปช่วยเตรียมกับข้าวในครัวนั่นล่ะ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก?” เธอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของลูกชายจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

คำถามของคนเป็นแม่เหมือนเป็นตัวกระตุ้น มือที่กำลังล้างผักในกะละมังสั่นน้อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้ ขอบตาร้อนผ่าว “ป๊ารู้แล้วนะม๊า”

พอได้ยินเสียงสั่นของตี๋ คนเป็นแม่เงยหน้าขึ้นจากหม้อต้มจืด ก่อนจะหรี่ไฟแล้วเดินมาหาลูกที่ก้มหน้าล้างผักอยู่ มือเล็กบางของเธอวางลงที่กลางแผ่นหลังบางของลูกชาย ลูบปลอบแผ่วเบา

“ตี๋...ทำให้ป๊าต้องผิดหวังมากเลยใช่หรือเปล่า”

ยิ่งเห็นลูกชายคนเล็กพูดไปน้ำตาร่วงไปใจเธอก็วูบโหวงด้วยความสงสาร ก่อนจะถามเสียงนุ่ม “ป๊าเขาพูดแบบนั้นเหรอครับ?” ตี๋ส่ายหน้าน้ำตาไหลไม่หยุด คนเป็นแม่ยิ้มบาง “คิดไปเองอีกแล้วลูกม๊า”

เด็กคนนี้จิตใจดีอ่อนไหวง่าย ยิ่งกับคนที่รักแล้วจะกลัวไปหมดว่าตัวเองจะทำไม่ดีกับอีกฝ่าย กลัวว่าตัวเองจะทำให้คนที่รักเสียใจ มองจากภายนอกแล้วอาจจะดูว่าลูกชายคนนี้ของเธออาจจะไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะถ้าไม่สนิทหรือรักกันจริง ๆ ตี๋จะไม่แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ได้เห็นเลย

“แล้วป๊าเขาว่ายังไงบ้าง หื้ม?” เมื่อเห็นลูกชายเธอไม่พูดอะไร ก็เลยถามต่อ มือก็เอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าขาวของลูก

ตี๋ส่ายหน้า “ตี๋ไม่รู้ ป๊าไม่พูดอะไรเลย ปกติจน...น่ากลัว”

“ม๊าว่าเรื่องนี้หนูต้องให้เวลาป๊าสักหน่อยนะ” ท่านยังคงลูบหลังของลูกชายอย่างแผ่วเบา “ให้เวลาป๊าได้คิดอะไรเองคนเดียวก่อน บางทีเรื่องมันอาจจะไม่แย่อย่างที่หนูกลัวก็ได้นะครับ”

ตี๋สูดน้ำมูก เขาหยุดร้องไห้แล้ว เจ้าตัวยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคราบน้ำตา พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ได้

“ใจเย็น ๆ ก่อนเนอะ”

เขาพยักหน้า เห็นม๊ายิ้มให้แล้วเขาก็ยิ้มบาง ๆ ตอบไป มือขาวเล็กบางของคนเป็นแม่เอื้อมขึ้นลูบหัวของตี๋ที่ตัวสูงกว่ามากก่อนจะดึงหน้าของลูกชายให้ก้มลงมาหอมแก้มไปหนึ่งฟอด ส่วนตี๋ก็หอมกลับบ้าง

“ช่วยม๊าทำกับข้าวต่อนะ”

“ครับ”

ตี๋ช่วยม๊าล้างผักให้เสร็จ ก่อนจะช่วยเป็นลูกมือตำน้ำพริกกะปิ เรียกว่าเป็นมือเป็นไม้ช่วยออกแรงจะดีกว่า ขนาดว่าเข้าครัวบ่อยแบบนี้แล้ว เรื่องการทำกับข้าวของเขาก็ยังไม่ไปไหนเลย ยังคงทำได้แค่ทอดไข่และต้มมาม่าอยู่ดี

กับข้าววันนี้เป็นแกงจืดตำลึงหมูสับ น้ำพริกกะปิ เต้าหู้ทรงเครื่อง และปลาทอดราดน้ำปลา พอเห็นกับข้าวอร่อยแบบนี้ก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย จะเห็นว่าเห็นแก่กินก็ได้ แต่เขาก็ไม่เคยมีอาการเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาก่อนเหมือนกัน

“เดี๋ยวหนูเอากับข้าวไปให้บ้านโน้นด้วยนะ”

ตี๋พยักหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างน่ารัก หยิบกล่องขึ้นมาตักกับข้าวแบ่งให้ป๊าพี่เอสอย่างขยันขันแข็ง ก่อนจะหันไปบอกแม่ว่าขอตัวเอากับข้าวไปส่งก่อน ตอนที่เดินผ่านป๊าที่หน้าโทรทัศน์ก็กลั้นใจก้มหน้าก้มตาเดินผ่านไป พอออกมาจากบ้านได้เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่ง เงยหน้ามองท้องฟ้าสักพัก ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่บอกพี่เอสเรื่องที่เกิดขึ้นนี้

เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงจุดหมาย เขาผลักประตูกระจกที่ลูกชายบ้านนี้เพิ่งจะให้ช่างมากั้นห้องกระจกเพื่อติดแอร์ได้ไม่นาน เข้าไปก็เจอกับเจ้าของบ้านพอดี ท่านหันมายิ้มให้หลังจากที่เขาส่งเสียงเรียกพร้อมกับยกมือไหว้

“ม๊าให้ตี๋เอากับข้าวมาฝาก”

“ขอบใจมาก แล้วเราจะกินข้าวกับป๊ามั้ยล่ะ”

ตี๋ใช้เวลาคิดไม่นานก็ตอบตกลง เหตุผลคือวันนี้พี่เอสกลับดึก ถ้าเขาไม่อยู่กินด้วยอีกฝ่ายก็ต้องกินข้าวคนเดียว

“เดี๋ยวตี๋ขอโทรบอกม๊าก่อนนะครับ”

ท่านพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหลังบ้านเพื่อเตรียมถ้วยเตรียมจานออกมา ตักข้าวออกมาเตรียมให้ทั้งตัวเองและตี๋เด็กที่เป็นเหมือนกับลูกชายอีกคนของเขา

คนอายุมากกว่าสังเกตถึงความผิดปกติของคนร่วมโต๊ะที่วันนี้ดูเงียบผิดปกติ “มีเรื่องอะไรหรือไง?” ถ่านเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“หา?” ตี๋ทำหน้าเหลอหลา ไม่คิดว่าจะโดนมองออกง่ายดายขนาดนี้

“ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนี้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไง?”

“อ๋อ...” ตี๋หลุบตาลงเขี่ยข้าวในจานอย่างครุ่นคิด เขาไม่อยากพูดเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นหมาด ๆ ไป เพราะบทสรุปที่แท้จริงก็ยังไม่รู้ ยอมรับว่ามันก็อึดอัดมากอยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมาคิดมากด้วยกันกับเขา

เมื่อเห็นว่าเด็กตรงหน้าไม่มีท่าทีจะเปิดปากพูดออกมา ท่านเลยบอก “พูดออกมาเถอะ”

“ก็...ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาคิดมากกับเรื่องของตี๋นี่นา” เจ้าตัวพูดด้วยความเกรงใจ

“คนอื่นที่ไหนกัน...เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ”

คนอายุมากกว่าบอกพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  ตี๋ยิ้มออกมาบาง ๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ น้ำตาซึมออกมากับความเมตตาที่อีกคนมอบให้เขา

“อ่าว...ร้องไห้ซะอย่างนั้น” คนอายุมากพูดกลั้วหัวเราะ

อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตัน รู้สึกว่าตนเองโชคดีเหลือเกินที่ในชีวิตนี้เกิดมาเจอกับทุกคน...เขารู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ

“เล่ามาเถอะว่ามีอะไรเกิดขึ้น”

ตี๋ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาทิ้งไป ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเศร้า “ป๊ารู้แล้ว...เรื่องที่ตี๋คบกับพี่เอส”

“แล้วอาฮงว่ายังไงบ้างล่ะ?” ท่านถามต่อ

เจ้าตัวส่ายหน้า “ตี๋ไม่รู้ ป๊าไม่ได้พูดอะไรต่อ”

พอเห็นเด็กตรงหน้าซึมขนาดนี้ก็ทำเอาเขารู้สึกแปลกไปเหมือนกัน ถึงแม้ปกติแล้วตี๋อาจจะไม่ใช่เด็กที่สดใสร่าเริงมากนักก็ตาม แต่ก็มีชีวิตชีวามากกว่านี้...และเขาชอบเด็กคนนี้ที่เป็นแบบนั้นมากกว่า

“ตี๋รู้มั้ยว่านานแค่ไหน..กว่าป๊าจะยอมรับเรื่องที่เอสชอบผู้ชายได้”

คนอายุน้อยกว่าไม่ตอบแต่กลับมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ เพียงแค่ประโยคเดียวที่อีกฝ่ายพูดออกมาก็ทำให้เขาเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างขึ้นมาได้ในทันที แต่ความกลัวก็ไม่ได้หายไปไหน

“ป๊าเชื่อว่าอาฮงน่ะใช้เวลาไม่นานเป็นสิบปีเท่ากับป๊าหรอก” พอนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วท่านก็ยิ้มขำตัวเอง “ตอนนี้ป๊าเราคงกำลังอยู่ในช่วงช็อก เพราะเจอเรื่องที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนน่ะ ไม่ต้องเครียดไปหรอกนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เดี๋ยวป๊าช่วยเต็มที่เลย”

ตี๋ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณครับ”

“เอาล่ะ กินข้าว ๆ ไม่ต้องเครียดไป”

หลังจากที่คนตรงหน้าพูดเพียงไม่กี่ประโยค ความไม่สบายใจของเขาที่เคยมีอยู่ก็มลายหายไปแทบหมดสิ้น ถึงแม้ว่าเขากับคนตรงหน้าจะมาสนิทกันได้ไม่นาน แต่เขาก็เชื่อใจอีกฝ่ายมาก รักและเคารพเหมือนเป็นพ่อแท้ ๆ อีกคน และก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับได้ในทันทีเหมือนกับแม่ของเขา มันต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ ยิ่งเมื่ออีกคนที่เป็นคนรุ่นก่อนแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่จะมากหรือน้อยก็ไม่มีใครตอบเรื่องนี้ได้ เขาได้แต่หวังให้เหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเท่านั้นเอง
 


/



วันต่อมาฮงและภรรยาเดินมาหาเฮียโจวเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด เพียงแต่ครั้งนี้มีเรื่องอื่นที่ต้องคุยกัน ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องของตี๋และเอสนั่นเอง

เมื่อคืนนี้เขาได้คุยกับเฟยลูกชายคนโตหลังจากที่มันกลับมาจากทำงานแล้ว เจ้านั่นคงรู้เรื่องจากม๊าของตัวเองเรียบร้อยถึงได้เข้ามาคุยกับเขาเอง

‘เฟยขอโทษที่ปิดบังเรื่องนี้กับป๊านะครับ’

น่าแปลกที่เขาเองไม่ได้รู้สึกโกรธเฟยที่มันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขาตั้งแต่แรก เพราะนี่ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก การจะตัดสินใจบอกกับใครก็คงจะต้องใช้ความกล้ามากพอดู

เขายอมรับว่าตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ และก็ทำเอาเครียดไม่ใช่น้อย อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รังเกียจเพศที่สามอะไร แต่พอมาเกิดขึ้นกับลูกชายของตนเองแล้วก็ทำเอาไปไม่เป็นเหมือนกัน เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้มันจะใกล้ตัวขนาดนี้มาก่อน

‘ป๊า...เฟยเชื่อนะว่าพี่เอสจะดูแลไอ้ตี๋มันได้ดีมาก แม้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนอย่างที่มันสมควรจะเป็น แต่เฟยเห็นมากับตาแล้วว่าเขารักและดูแลตี๋มันได้ดีในฐานะคนที่รักกัน ป๊าเชื่อที่เฟยพูดหรือเปล่า?’

ที่มาหาเฮียโจววันนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในคำพูดของลูกชาย เขาดูก็รู้ว่าเอสเป็นคนดี  และไม่ว่าจะเป็นตอนไหนเอสก็ดูแลลูกชายคนเล็กของเขาอย่างดีมาตลอด แต่ก็แค่อยากจะคุยกันตามประสาผู้ใหญ่ และ...คนเป็นพ่อ


“สบายดีนะเฮีย?” ฮงถามอย่างเคย

“สบายดี ๆ” คนถูกถามตอบยิ้มอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนถามที่หน้าตาดูเครียดผิดปกติ ซึ่งเขาเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นเพราะอะไร

“วันนี้ฉันทำไก่ดำตุ๋นยาจีนมาฝากเฮียด้วยนะ” ม๊าของตี๋บอกพร้อมกับยื่นสำรับกับข้าวไปให้

“ขอบใจมาก ๆ” คนอายุมากที่สุดรับไว้ ก่อนจะพูดเข้าเรื่องเลย “วันนี้จะมาคุยเรื่องของเด็ก ๆ มันใช่ไหมล่ะ?”

ฮงชะงักไปนิดที่คนตรงหน้ารู้ทันว่าวันนี้เขามาเพื่อจุดประสงค์อะไร “เฮียรู้ได้ยังไงเหรอ?”

“ก็เมื่อวานตี๋มันมานั่งหน้าหงอยอยู่ที่นี่น่ะสิ ข้าวปลาก็กินน้อยกว่าปกติ มันกลัวว่าลื้อจะไม่ยอมรับมัน”

ป๊าของตี๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจพูดเข้าเรื่องเลย “เฮียรู้ตอนไหนเหรอว่าเอสมัน…”

“เป็นเกย์น่ะเหรอ?” เขาพูดแทนอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะพูดไม่ออกว่าลูกชายคนเดียวของเขาเป็นอะไร

ฮงพยักหน้ารับ

“มันนานจนอั๊วะจำไม่ค่อยได้แล้วน่ะสิ น่าจะสิบปีได้แล้วมั้ง”

“แล้วตอนนั้นเฮียรู้สึกยังไงบ้างเหรอ?”

พอนึกถึงช่วงเวลานั้นขึ้นมาก็ทำเอาป๊าของเอสรู้สึกวูบโหวงในอกด้วยความรู้สึกผิดกับลูกชายของตนเอง

“ตอนนั้นอั๊วะก็ไล่ให้มันไปอยู่กับแม่มันไงล่ะ แล้วมันก็ทำให้อั๊วะรู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้” เขามองอาฮงที่นั่งฟังเขาอย่างตั้งใจ “อย่างน้อยลื้อก็ดีกว่าอั๊วะในตอนนั้นเยอะ มีสติมากกว่าอั๊วะที่ทำอะไรไม่ได้คิดให้ดีก่อน”

“แล้วเฮียทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง?”

เขาส่ายหน้าช้า ๆ “ลองถามใจตัวเองดูสิ ว่าเรารักลูกหรือว่ารักตัวเองกันแน่ ถ้าเรารักลูก...ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงเราก็รัก ต่อให้มันจะพิกลพิการ หรือหน้าตาไม่ดียังไงเราก็รักใช่ไหมล่ะ แต่นี่มันก็แค่ชอบเพศเดียวกัน มันไม่ใช่ปัญหาเลยด้วยซ้ำ...คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราหวังอย่างเดียวก็คือขอให้ลูกมันเป็นคนดี รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ แค่นั้นก็พอแล้ว”

“นั่นสินะ” ฮงรำพัน

แม่ของตี๋เอื้อมไปจับมือใหญ่ของสามีไว้บีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ  เธอยิ้มให้คู่ชีวิต ก่อนจะบอก “ตอนที่ลูกของเราเกิดมา เฮียรักเขาอย่างไร ตอนนี้มันก็ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ”

เขายิ้มตอบภรรยาแล้วบีบมือกลับ “นั่นสิเนอะ”

“คนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะนะควรจะรักลูกอย่างที่ลูกเป็น ไม่ใช่จะรักลูกอย่างที่เราอยากจะให้มันเป็น ในบางครั้งมันอาจจะทำใจได้ยาก แต่ถ้าเรายอมรับว่านี่คือสิ่งที่ลูกเราเป็น มันคือทางที่มันเลือกเดิน และเราก็คงไปเดินแทนมันไม่ได้ สุดท้ายแล้วเราก็จะเข้าใจได้เอง ...นี่อั๊วะบอกในฐานะคนที่เคยผ่านเรื่องราวนี้มาก่อนนะ”

อาฮงยิ้มให้คนที่เขานับถือเหมือนพี่ชาย ค้อมศรีษะให้ด้วยความเคารพนับถือ “ขอบคุณเฮียมาก ๆ ถ้าไม่ได้เฮีย...อั๊วะคงคิดจนสมองระเบิดไปแล้ว”

“เอาน่า ๆ คนกันเอง”

หลังจากที่ได้ฟังทัศนคติของเฮียโจวแล้ว ป๊าของตี๋เหมือนได้เปิดโลกอีกใบที่เขาไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน ในตอนนี้มันอาจจะยากที่จะยอมรับในสิ่งที่ลูกชายของเขาเป็น แต่เขาคิดว่าอีกไม่นาน...เขาก็จะมีความสุขในสิ่งที่ลูกเลือกได้อย่างเต็มหัวใจ




TBC…
เรื่องนี้เป็นนิยายครอบครัวค่ะ  :laugh:
หลายตอนที่ผ่านมาเราพยายามจะนำเสนอเรื่องมาในแนวทางของครอบครัวมากกว่าเรื่องแนวโลกนี้มีเพียงสองเรา
อยากเขียนแบบนี้มานานแล้ว...ตอนนี้ก็สมใจเสียที  :-[
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ
ขอบคุณที่ชอบและคอยติดตามมาตลอดเลยค่ะ ♥

ปล.เรื่องนี้เรามีโครงการรวมเล่มนะคะ ตอนนี้กำลังทำปกอยู่ รอติดตามกันน้า

 :L2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.20 หน้า 4 [up:20/07/2018]
«ตอบ #101 เมื่อ20-07-2018 23:58:36 »

 o13 o13

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.20 หน้า 4 [up:20/07/2018]
«ตอบ #102 เมื่อ21-07-2018 00:38:46 »

 :L2: :L1: :pig4:

ครอบครัว และการยอมรับ เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.20 หน้า 4 [up:20/07/2018]
«ตอบ #103 เมื่อ21-07-2018 16:01:57 »

ขอบคุณพ่อพี่เอส ที่ช่วยให้พ่อของตี๋เข้าใจมากขึ้น

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page




21




ตี๋กลับมาถึงบ้านฟ้าก็มืดแล้ว เพราะวันนี้ทำงานที่คณะจนเย็นย่ำ วันนี้เอสไม่ว่างมารับเลยทำให้เขาต้องฝ่ารถติดมหาโหดของเมืองกรุงกลับบ้านเอง และเพราะความเครียดจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขานอนไม่ค่อยหลับ ซึ่งมันก็ส่งผลกับร่างกายโดยตรง วันนี้เขาเลยมีอาการเพลียอย่างเห็นได้ชัด

ถึงแม้ว่าการได้พูดคุยกับป๊าของพี่เอสมันจะทำให้ผ่อนคลายขึ้น แต่ลึก ๆ แล้วใจเขามันก็ยังเครียดอยู่ดีนั่นแหละนะ

เจ้าตัวเดินเข้าบ้านไปก็เจอป๊ากับม๊านั่งอยู่หน้าทีวีเหมือนอย่างทุกวันเป็นปกติ เขายกมือขึ้นไหว้ “ป๊าหวัดดี ม๊าหวัดดี”

“กินข้าวมาหรือยัง?” ป๊าเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

“ยังเลยครับ” เจ้าตัวตอบด้วยความประหม่า

“งั้นไปกินข้าวก่อนไป แล้วค่อยมาคุยกัน”

มือกำสายกระเป๋าแน่นจนขึ้นข้อขาว ความเครียดที่วิ่งเข้ามาปะทะอีกระลอกทำเอาไม่หิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่คิดว่าผ่านไปแค่วันเดียวก็โดนเรียกคุยแล้ว

“ไปกินข้าวกันนะครับคนเก่ง” ม๊าเดินเข้าไปกอดเข้าที่เอวผอมของลูกชายคนเล็ก เธอหยิบอุปกรณ์การเรียนของลูกชายวางลงกับโซฟา แล้วเดินมาดึงมือตี๋ให้เดินตาม

ตี๋มองคนเป็นแม่ที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะเดินตามท่านเข้าไปในครัว เจ้าตัวนั่งลงกับโต๊ะมองม๊าเตรียมข้าวให้เขากินเงียบ ๆ ในหัวสมองมันคิดหลายอย่างตีกันวุ่นไปหมด

“กินสักหน่อยก็ยังดีนะลูก” เธอบอกเพราะรู้ว่าตอนนี้ตี๋คงไม่มีความอยากอาหารเท่าไหร่นัก เธอรู้ว่าลูกชายของเธอเครียด แต่เธอก็คงจะปล่อยให้เป็นเรื่องของพ่อลูกที่จะต้องเคลียร์กันเอง หน้าที่ของเธอก็คือคอยซัปพอร์ตทั้งคู่ให้มีกำลังใจเท่านั้น

ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูหม่นหมองก้มลงมองจานข้าวตรงหน้า กลิ่นหอมของไก่ทอดกระเทียมตีจมูกจนน้ำลายสอ ตี๋คว้าช้อนขึ้นมาตักมันเข้าปากไป

“กินเยอะ ๆ นะครับ ดูลูกม๊าคนนี้สิ...ผอมจังเลย” มือที่แสนบอบบางของคนเป็นแม่ลูบหัวทุยของลูกชายที่เธอแสนรัก

ตี๋เงยหน้าขึ้นมาอมยิ้มให้กับม๊าแก้มตุ่ยเพราะยังเคี้ยวข้าวไม่เสร็จดี พอได้กินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือของม๊าแล้วก็ทำให้เจริญอาหารขึ้นมาบ้าง ไม่นานนักข้าวในจานก็หมดลง

“ไปคุยกับป๊ากันเนอะ”



/



เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับป๊าก็ทำเอาเครียดจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด ตี๋นั่งลงที่โซฟาตัวใกล้ ๆ โดยมีคนเป็นแม่นั่งติดกันและจับมือของเขาไว้ตลอด อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“สรุปว่าเราคบกับเอสจริง ๆ ใช่ไหม?” ป๊าถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติอย่างที่เคยเป็น

ตี๋มองหน้าคนถามด้วยความสงสัย เพราะอีกฝ่ายดูผิดจากที่คาดไว้ คิดเอาไว้ว่าอาจจะโดนต่อว่า หรืออย่างร้ายที่สุดก็คือบอกให้เลิกกัน

“ครับ” สุดท้ายเขาก็ยอมรับอย่างที่ลูกผู้ชายสมควรจะทำ

คนเป็นพ่อเงียบไปชั่วครู่ เขาสังเกตว่าลูกชายคนเล็กของเขาเครียดอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็ไม่เคยเห็นตี๋มีสภาพแบบนี้มาก่อน นั่นยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดี

“เครียดมากเลยเหรอ?”

พอตี๋ได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนจากป๊าแบบนี้แล้วมันก็ทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างบังคับไม่ได้ ทั้งที่เขาตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าป๊า แต่เพราะเครียดมากจริง ๆ ในชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

ส่วนคนเป็นพ่อที่เห็นลูกชายร้องไห้แบบนี้ก็ใจอ่อนยวบ ครั้งสุดท้ายที่ตนเห็นลูกคนนี้ร้องไห้ก็คือตอนที่ต้องแยกห่างจากเอสเมื่อสิบปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของตี๋อีกเลย เขาขยับตัวเข้าไปนั่งติดกับลูกชายคนเล็กแล้วยกมือขึ้นลูบหัวแผ่วเบา ไม่บ่อยนักหรอกที่จะทำแบบนี้กับลูก ๆ เขามันพวกแสดงความรักไม่เก่ง

“ตี๋ขอโทษที่ทำให้ป๊าต้องผิดหวังนะ”

ท่านส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบาง “ไม่เลย ตี๋ไม่เคยทำให้ป๊าต้องผิดหวัง เราน่ะเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยทำให้ป๊าต้องเป็นห่วงเหมือนไอ้เฟยมันเลยด้วย”

“แต่ตี๋…” เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นสบตาก็เห็นใบหน้าที่เคยเฉยเมยมาตลอดกำลังยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

“ไม่ว่าตี๋จะเป็นยังไงหรือจะรักใคร ยังไงก็ลูกป๊า...จะเป็นยังไงป๊าก็รัก”

“นี่หมายความว่าป๊า...ไม่ว่าที่ตี๋เป็นแบบนี้เหรอ?” เจ้าตัวถามเพราะไม่แน่ใจว่าตนเองเข้าใจถูกหรือไม่

“อืม” ท่านพยักหน้าเล็กน้อย “ตี๋จะรักใครป๊าไม่ว่า ขอแค่คนนั้นเป็นคนดีและรักลูกป๊าก็เพียงพอแล้ว”

“ขอบคุณนะครับ...ขอบคุณ”

อาฮงชะงักไปเพราะโดนลูกคนเล็กสวมกอด มือใหญ่ตบลงบนหลังบางของตี๋เบา ๆ อย่างปลอบโยน ไม่บ่อยนักที่เขาสองคนพ่อลูกจะแสดงความรักซึ่งกันและกัน และก็นานมากแล้วด้วยที่เขาสองคนได้กอดกัน อาจจะเพราะว่าความที่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ ก็เลยอายที่จะแสดงความรักต่อกัน

แต่พอมาคิดดูแล้ว...คนเราจะตายจากกันวันไหนก็ไม่มีใครรู้ ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะแสดงว่าเรารักให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จะไปเก๊กหน้าใส่กันทำไม เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้คนแก่อย่างเขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่ตั้งแต่เกิดจนแก่หัวหงอกแล้วก็เพิ่งจะได้รู้

หนึ่งคือความรักที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เห็นแก่ตัว เรารักลูกในครั้งแรกที่รู้ว่ามีเขาอย่างไร เมื่อเขาเติบโตขึ้นมาถึงแม้จะไม่ใช่อย่างที่เราหวัง...ก็ควรจะรักเขาให้เหมือนเดิม

สองคือชีวิตของลูกเขาควรจะเป็นคนเลือกเดินเอง เราไม่ได้จะมีชีวิตอยู่กับเขาไปชั่วนิรันดร เหมือนกับตอนที่ลูกยังเด็ก ตอนที่เขาเริ่มเดินได้เอง เราไม่สามารถไปเดินแทนลูกได้ พ่อกับแม่มีหน้าที่ประคับประคองและปลอบโยนในวันที่เขาล้มเท่านั้น

คราแรกที่รู้เขามีความคิดที่อยากจะให้ทั้งสองคนเลิกกัน ดีที่ยังมีสติยับยั้งตนไว้ได้ทัน ถ้าเขาทำมันลงไป ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะทำร้ายลูกจนเสียใจมากขนาดไหน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงจะเสียใจไปจนวันตายแน่ ๆ

“ป๊ากับม๊ารักหนูมาก ๆ เลยนะครับ” คนเป็นแม่โอบกอดทั้งสองคนที่เธอรักเอาไว้ กดจูบเข้าที่แก้มขาวของลูกด้วยความรักที่มี ดีใจที่ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้

“ทำไรกันอะ?” เฟยเพิ่งกลับถึงบ้าน ยืนมองทั้งสามคนที่กำลังกอดกันกลม เลยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“โถ่ ไอ้นี่...ขัดบรรยากาศฉิบหายเลย” ป๊าว่าอย่างไม่จริงจังนัก เรียกเสียงหัวเราะของม๊าและตี๋ให้ดังขึ้น  ในขณะที่เฟยเดินเกาหัวเข้ามานั่งลงที่โซฟาหน้ามึนเพราะโดนป๊าว่า

“สองพ่อลูกเขาเข้าใจกันแล้วครับ” ม๊าเป็นฝ่ายบอก

ลูกชายคนโตของบ้านตาโตด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าป๊าจะยอมรับเร็วขนาดนี้ก่อนจะยิ้มยินดีกับน้องชาย ตอนนี้ก็ถือว่าวิกฤตของครอบครัวได้ผ่านไปแล้ว เท่านี้เขาก็สบายใจได้เสียที



/



หลายวันผ่านไปชีวิตของตี๋กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ยังคงใช้ชีวิตอยู่ระหว่างสองบ้านเหมือนเดิม กับป๊าก็ยังคงเหมือนเดิม ดูจากที่ม๊าเล่าให้ฟังแล้ว ว่าตอนนี้ท่านจะทำใจยอมรับได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

“วันนี้ป๊าเรียกหาพี่แหนะ” ตี๋บอกเอสในขณะที่อีกฝ่ายกำลังขับรถตรงกลับบ้านด้วยกันในเย็นวันศุกร์ที่รถแสนจะติด นี่ยังไม่ได้บอกกับอีกฝ่ายเลยว่าป๊ารู้เรื่องที่เขาทั้งคู่คบกันแล้ว เพราะท่านขอเอาไว้ว่าขอเป็นฝ่ายพูดกับพี่เอสเอง

“หืม? มีเรื่องอะไรน่ะ?” คนพี่ถามด้วยความสงสัย

“ไม่รู้ดิ” ตี๋ปด ที่จริงเขาไม่ชอบพูดโกหกใครอยู่แล้ว เลยทำให้รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อรับปากป๊าไว้แล้วว่าจะไม่บอก ก็ต้องทำตาม

“งั้นเหรอ” เอสตอบ ท่าทางสบายแบบไม่ได้คิดอะไรมาก ช่วงนี้เรียกว่าชีวิตค่อนข้างลงตัว ทั้งเรื่องครอบครัว งาน และความรัก เลยไม่มีอะไรให้เจ้าตัวไม่สบายใจ

“วันนี้มีอะไรกินเนอะ”

“เห็นม๊าบอกว่ามีน้ำพริกกะปิ แกงส้มชะอมไข่ทอด แล้วก็หมูทอดกระเทียม ปลากะพงนึ่งซีอิ้ว ผัดฟักทอง”

เอสร้อง “วันนี้กับข้าวเยอะจัง แถมมีของโปรดพี่ด้วย” เจ้าตัวพูดอารมณ์ดีที่จะได้กินของโปรด ทุกวันนี้ต้องบอกว่าทั้งป๊าและเขามีชีวิตรอดด้วยกับข้าวของบ้านตี๋แท้ ๆ

“ช่าย” ตี๋ตอบรับอย่างอารมณ์ดี เมื่อวานม๊าเข้ามาถามเขาเองว่าพี่เอสชอบกินอะไรบ้าง วันนี้กับข้าวเยอะแบบนี้ ต้องมีอะไรพิเศษแน่เลย

“ดีจัง ไม่ได้กินมานานแล้ว” แค่นึกถึงท้องก็ร้องขึ้นมาเบา ๆ ไม่ได้นึกแปลกใจอะไร

กว่าทั้งคู่จะถึงบ้านได้ก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม เอสตรงไปที่บ้านของตี๋เลย ไม่ได้แวะเข้าบ้านตนเองก่อน และโทรบอกป๊าไว้แล้ว  หารู้ไม่ว่าท่านเองก็กำลังรออยู่กับครอบครัวของตี๋อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

เอสเดินตามคนน้องเข้าบ้าน แต่ก็ต้องตกใจเพราะว่านอกจากจะเจอครอบครัวของตี๋แล้ว ก็ยังเจอคนของที่บ้านตัวเองนั่งอยู่ที่โซฟาอีก

“อ้าว” เจ้าตัวร้อง “ป๊ามาได้ไงอะ?”

“กูก็เดินมาสิ” ท่านตอบหน้าตายิ้มแย้ม ชอบใจที่ได้กวนประสาทลูกชาย

“ไม่ใช่ละ” เอสส่ายหน้า “ป๊ามาทำอะไรที่นี่?”

“นั่งก่อน ๆ” ป๊าของตี๋เรียกให้ทั้งคู่นั่งลง “หิวมากไหมเนี่ย?” ท่านถามหลังจากที่ทั้งคู่นั่งลง และก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าหงึกหงักจากทั้งสองคน

“อดทนไปสักพักแล้วกันนะ” ป๊าพี่เอสพูดต่อ

ทั้งเอสและตี๋หันมามองหน้ากันงง ๆ ถึงตอนนี้คนพี่เริ่มรู้แล้วว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ผู้ใหญ่อยู่กันครบขนาดนี้ เขากวาดสายตามองทุกคนก่อนจะถาม

“มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?”

“เจ็กรู้แล้วนะว่าเราน่ะคบอยู่กับตี๋มัน”

คนที่เพิ่งรู้ความจริงเกิดอาการใบ้กินขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปถึงจะเข้าท่า ตาสวยมองสบตากับป๊าของตี๋ เขาไม่ได้กลัวหรอก แต่ก็เกรงใจ เพราะรู้ว่าความรักในลักษณะนี้ของเขากับตี๋ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของสังคมอะไรมากนัก

“ครับ” เขาตอบออกไปสั้น ๆ

“ถามตรง ๆ เลยนะ เราจริงจังกับลูกชายของเจ็กมากแค่ไหนกัน?”

“ชีวิตนี้ผมไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน จนกระทั่งได้กลับมาพบตี๋อีกครั้ง” เขาตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสายตาที่จริงจัง “ก่อนหน้านี้ผมอาจจะไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่กับตี๋แล้วผมจะเป็นคนดีที่สุดครับ”

ป๊าของตี๋รับรู้ได้ถึงความจริงจังที่อีกฝ่ายมีให้กับลูกชายของเขา และตนก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก ดูได้จากสายตาที่หนักแน่นมั่นคง ท่านยิ้มออกมาบาง ๆ ด้วยความพอใจกับคำตอบและท่าทางของเอส ตอนนี้เขาไม่มีอะไรสงสัยในตัวของอีกฝ่ายแล้ว และพร้อมที่จะยกลูกชายที่เขารักให้เอสดูแลต่อ

“งั้นเจ็กฝากเราดูแลตี๋มันด้วยนะ”

เอสไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนตรงหน้าจะยอมรับได้ง่ายดายแบบนี้ ก่อนหน้าเขาคิดว่าคงไม่ได้ผ่านด่านท่านแบบง่าย ๆ แน่ ก็เลยเตรียมใจเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดวิธีรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น เรียกได้ว่าขอไปตายเอาดาบหน้าเลยจะดีกว่า

พอผลมันออกมาเป็นแบบนี้ ก็ทำเอาเขารู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก  แล้วยิ่งท่านไว้ใจฝากฝังให้เขาได้ดูแลลูกชายคนเล็กของท่านแบบนี้ก็ทำให้ตนรู้สึกซึ้งใจมาก

“ผมรับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุดครับ”

“บางครั้งน้องอาจจะดื้อไปบ้างก็ดุได้เลยนะจ๊ะ” ม๊าพูดยิ้มอ่อนโยน เอสยิ้มขันเหล่มองคนนั่งข้างกาย

“ตี๋ไม่ดื้อสักหน่อย” ลูกชายเถียง

“แถมยังเถียงเก่งอีกต่างหาก”

“ม๊าอะ!”

“ไม่ต้องกังวลไปนะ ตี๋มันเป็นเด็กดี ตอนนี้อั๊วะก็รักมันเหมือนลูกอีกคนไปแล้ว” ป๊าของเอสบอก

“ขอบคุณเฮียที่เอ็นดูนะคะ”

“ต่อไปนี้เอสก็เรียกพวกเราว่าป๊ากับม๊าได้แล้วนะ”

“ครับ” เจ้าตัวตอบรับด้วยความอบอุ่นในหัวใจ ตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาโหยหาคำว่าครอบครัวมาตลอด ตอนนี้เหมือนกับส่วนที่ขาดหายไปถูกเติมเต็ม สำหรับคนอื่นครอบครัวที่เขามีตอนนี้มันอาจจะดูไม่เหมือนปกติทั่วไปอย่างที่เขาเป็นกัน แต่สำหรับเขา...แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว

“ว่าแต่ว่า...อาฮง” ป๊าของเอสเรียก “ลื้อคิดค่าสินสอดเท่าไหร่วะ?”

“ป๊า!” ตี๋ร้อง แก้มขึ้นสี “ตี๋ไม่ใช่ผู้หญิงนะ”

“ไม่ต้องหรอกเฮีย ช่วงนี้มันยังเรียนอยู่ อย่าลืมคุมกำเนิดก็พอ” ทางป๊าของตี๋เองก็เล่นด้วย

“ป๊าาาาา!!!” ตี๋โวยวายเรียกรอยยิ้มจากทุกคน ถึงแม้จะอายแต่ก็รู้สึกดี เพราะถ้าคนพ่อพูดเล่นแบบนี้ได้ก็แสดงว่าในใจไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว

“เสียงดัง” คนเป็นพ่อว่า

“ก็ดูป๊าพูดดิ” ตี๋ทำหน้ามุ่ย “ตี๋ไม่ใช้ผู้หญิงนะ”

“กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นผู้หญิง”

เห็นใบหน้ายิ้มยียวนของป๊าแล้วก็ทำให้ตี๋ฮึดฮัด “หิวข้าวโว้ย!” เจ้าตัวพูดขึ้นเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไปเลย ทำเอาทุกคนหัวเราะกับท่าทีบ่ายเบี่ยงของเจ้าตัว

“เอสก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่” ม๊าถาม เอสพยักหน้ารับ “งั้นไปกินข้าวด้วยกันเนอะ”

“ทุกคนก็ยังไม่ได้กินเหรอครับ?”

“ใช่จ้ะ วันนี้เป็นวันพิเศษที่เรามีลูกชายเพิ่มอีกคน ก็เลยต้องฉลองกันหน่อย...ใช่ไหมเฮีย?” เธอหันไปถามสามีที่หันมองหน้าเหวอหลังจากที่เธอหันไปถาม

“ใช่จ้ะที่รัก” สุดท้ายก็ตอบไปด้วยความเกรงภรรยาที่ยิ้มหวานให้เขาอยู่ ถึงแม้ว่าจะเห็นเอสมาแต่เล็กแต่น้อยก็รู้สึกประดักประเดิดที่ต้องอยู่ในสถานะนี้อยู่ เขาคิดว่าคงต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะ



/



“นี่พี่รู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้ายเลยเหรอเนี่ย?” เอสถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

ตี๋หยุดเดิน หันมายิ้มแห้ง ๆ “แฮะ ก็ใช่”

“ไอ้ตัวแสบเอ๊ย” คนพี่ส่ายหน้าปลงก่อนจะดันแผ่นหลังบางของตี๋ให้เดินต่อไป

“ก็ป๊าขอเอาไว้ว่าไม่ให้ตี๋พูดนี่” พอทั้งคู่เข้าไปในห้องตี๋ก็บอกเสียงอ้อน เจ้าตัวเข้าไปกอดเอวอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง เกยคางเข้ากับไหล่หนา

“น่าจะให้พี่ได้เตรียมตัวหน่อย รู้มั้ยว่าหัวใจพี่เกือบวายแหนะ” เอสบอกติดตลก

ตี๋หัวเราะคิกคัก “ก็ไม่เห็นจะตายสักหน่อย”

เอสพลิกตัวกลับมามองใบหน้าขาวของคนรัก “ถ้าพี่ตายเราก็เป็นม่ายสิ”

“โว๊ะ!” คนน้องเบือนหน้าหนีคนที่หมายจะเข้ามาหอมแก้ม “ม่ายบ้าอะไรล่ะวะ” เจ้าตัวโวยวาย

“อ้าว นี่ป๊าเราก็รับพี่เป็นลูกเขยแล้วไม่ใช่เหรอไง”

“ไม่ใช่ ‘ลูกเขย’ โว้ย ‘ลูก’ เฉย ๆ” ตี๋เน้นย้ำทีละคำเอานิ้วจิ้มจมูกโด่งของคนตรงหน้าออกไป

“ก็เหมือนกันนั่นแหละน่า” เขายิ้มขัน “มาให้พี่หอมสักทีสิ”

ตี๋ทำหน้ามุ่ยก่อนจะหยุดดิ้น ยอมให้อีกฝ่ายก้มลงหอมแก้มแต่โดยดี เขาโดนหอมซ้ายหอมขวาเหมือนกับที่ม๊าทำไม่มีผิด พอคิดแบบนี้แล้วก็อดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้

“หัวเราะอะไรหืม?”

“พี่ทำเหมือนเวลาที่ม๊าหอมตี๋เลย”

เอสชะงักไปกับสิ่งที่ตี๋พูด “เดี๋ยวจะทำไอ้สิ่งที่ไม่เหมือนกับม๊าให้ดู”

“เดี๋ยว…!” ตั้งใจจะร้องห้ามเพราะรู้ว่าเอสจะทำอะไร แต่ก็โดนอีกฝ่ายจับคางแล้วบีบเบา ๆ ทำเอาพูดอะไรไม่ออก

“ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธนะครับ” เมื่อเห็นว่าตี๋ไม่มีท่าทีจะขัดขืนอีก เขาก็กดจูบลงที่ริมฝีปากสีสวยของอีกฝ่ายเบา ๆ “กลิ่นน้ำพริกกะปิหึ่งเลยอะ”

“ตี๋จะบอกแล้วแต่พี่ไม่ฟังเองนี่” เจ้าตัวบอกหัวเราะ “ไปอาบน้ำด้วยกันไหม?” ตี๋ชวน แต่ไม่ได้มีความหมายที่ลึกซึ้งอะไรหรอกนะ แต่เพราะเห็นกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เลยทำให้ไม่รู้สึกเคอะเขินในเวลาที่ต้องเปลือยต่อหน้าอีกคนก็เท่านั้นเอง

จากครั้งนั้นที่เขาทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น หลังจากนั้นก็ยังมีครั้งต่อ ๆ มาอีก แต่ก็เป็นแค่การสัมผัสภายนอกเหมือนเดิม เอสยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เพราะเขาอยากให้ครั้งแรกของตี๋เต็มไปด้วยความประทับใจ ไม่อย่างนั้นแล้วน้องคงจะเข็ดไม่กล้าทำอีกแน่

“อาบด้วยกันเฉย ๆ เหรอ?”

ตี๋ถลึงตาใส่คนที่พูดจาด้วยใบหน้าทะเล้น “ทะลึ่ง!”  ถึงแม้ว่าจะไม่เขินเรื่องเปลือยต่อหน้ากันและกัน แต่ใช่ว่าเขาจะคุ้นชินกับเรื่องนั้น

เอสหัวเราะออกมาหลังจากที่โดนอีกฝ่ายแหกตาใส่อย่างอารมณ์ดี เขาปลดกระดุมนักศึกษาของตี๋ออกทีละเม็ด อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้เอื้อมมือมาปลดของเขาออกบ้าง พอเสื้อผ้าอาภรณ์หลุดหมด เขาก็เป็นฝ่ายดึงตัวของตี๋เข้าห้องน้ำไป

“ไม่ได้สระผมมากี่วันแล้วเนี่ย?” ถามพลางจับผมของอีกฝ่ายขึ้นมาดมแล้วก็ได้แต่ย่นจมูก

“สาม”

คนพี่ส่ายหน้า จับไอ้คนซกมกตรงหน้าสระผม เขาชอบผมของตี๋ เพราะมันทั้งหนา ดำขลับราวขนกา และนิ่มมือ ตอนนี้เจ้าตัวไว้ผมตามที่เขาขอเอาไว้ และมันก็ยาวจนเริ่มประบ่าแล้ว

“สบายจัง” ตี๋หลับตาพริ้มยามโดนนวดศีรษะ “ขอบคุณมากนะพี่”

“หืม?”

“ขอบคุณที่ดูแลตี๋อย่างดีมาตลอดเลย”

เอสหัวเราะเสียงเบา “เล็กน้อยน่า” ลงมือเอาน้ำล้างแชมพูออกจากหัวของอีกฝ่าย

“มาตี๋ฟอกสบู่ให้” เขาหมุนตัวกลับมา กดสบู่เหลวถูลงกับตัวของเอสที่มีกล้ามเนื้อมากกว่าเขาที่ผอมแห้งเหลือเกิน “ทำยังไงถึงจะตัวใหญ่แบบพี่เนี่ย?”

“กินให้เยอะ ๆ สิ” เอสบอกติดตลกทั้ง ๆ ที่ก็เห็นอยู่ว่าตี๋กินเก่งมากแค่ไหน

“แค่นี้ยังกินเยอะไม่พอเหรอ” เจ้าตัวพูดหน้ามุ่ย

มือใหญ่เลื่อนไปลูบที่หน้าท้องแบนราบของคนตัวขาว “ต้องกินให้เยอะกว่านี้นะ...ลูกเราจะได้แข็งแรง”

คนอายุน้อยกว่าชกเข้าที่ต้นแขนของคนพูดเต็มแรงจนเจ้าตัวร้อง ‘โอ๊ย’ ด้วยความเจ็บ เพราะยังไงตี๋ก็แรงผู้ชาย ย่อมไม่เบาอยู่แล้ว

“เอาอีกมะ?” ถามพร้อมกับชูกำปั้นขึ้น

“ไม่แล้วจ้า” เอสพูดลูบแขนตัวเองป้อย ๆ เห็นตี๋หน้างอไม่หายสักที เขาก็เลยจุ๊บปากไปหนึ่งที “โกรธพี่เหรอ”

“ไม่ได้โกรธ” ตอบพลางฟอกสบู่ตัวเองไปเรื่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นเอสหน้าตาหมองไปเลย สงสัยคงจะคิดว่าเขาโกรธจริง “บอกว่าไม่โกรธก็ไม่โกรธสิ” ตี๋บอกคว้าฝักบัวขึ้นมาล้างตัวให้ทั้งตัวเองและอีกฝ่าย กลายเป็นว่าต้องมาปลอบอีกคนแทนซะอย่างนั้น

เอสดึงตี๋เข้าไปกอด “พี่ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร ตี๋ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ” เขาลูบแผ่นหลังกว้างอีกฝ่ายเป็นการปลอบโยน

คนพี่ถอยออกมามองใบหน้าของคนที่เขารักมาก ประทับจูบลงไป เมื่ออีกฝ่ายเผยอปากรับจูบนั้นตามความเคยชิน เอสก็สอดเรียวลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันกัน นานหลายสัปดาห์แล้วที่เขาทั้งคู่ไม่ได้ลึกซึ้งกันแบบนี้ มันเลยทำให้อารมณ์ของเขาจุดติดง่ายมาก

พวกเขาสองคนพากันออกมาจากห้องน้ำ ในนั้นเต็มไปด้วยไอร้อนที่กรุ่นออกมาจากตัวพวกเขา แม้ว่าตี๋จะไม่ใช่พวกที่ชื่นชอบอะไรในเซ็กซ์นัก แต่ยังไงเจ้าตัวก็ยังคงเป็นวัยรุ่นที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน เมื่อโดนกระตุ้นก็ย่อมเกิดความต้องการอยู่ดี

ทั้งคู่ต่างช่วยกันปลดปล่อยอารมณ์ซึ่งกันและกัน อันที่จริงคนที่เคยผ่านประสบการณ์มีเซ็กซ์มาอย่างโชกโชนอย่างเอสก็มีอึดอัดบ้างที่ไม่ได้ปลดปล่อยอย่างที่มันควรจะเป็น แต่เขาจะรอให้อีกฝ่ายพร้อมจริง ๆ แล้วเท่านั้น จะไม่มีการร้องขอหรือเร่งเร้าอีก

ผู้ชายตัวเปียกสองคนกอดรัดกันบนที่นอน เอสเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน เขาจับขาเรียวขาวของตี๋อ้าออกเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น คนด้านใต้หน้าแดงคอแดงไปหมด

“เขินเหรอ?” เอสถามเย้า

“ไม่ได้ด้านเหมือนพี่นี่” ตอบเสียงพร่า หันหนีหลบสายตาของอีกฝ่ายที่สื่อออกมาว่าต้องการเขามากแค่ไหน เขารู้...ไม่ใช่ว่าไม่รู้ เพียงแต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้น

เอสหัวเราะในลำคอ จู่ ๆ ก็อยากจะสอนบทเรียนใหม่ให้กับตี๋ ที่ทำทุกวันนี้มันก็แค่ต่างคนต่างช่วยกันปลดปล่อย เขาจะทำไอ้สิ่งที่มันน่าอายกว่านี้มากขึ้นไปอีก เอสจับขายาวของตี๋ให้เข้ามาชิดกันเหมือนเดิม จับวางบนบ่าข้างหนึ่งและกอดเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว

ตี๋ทำหน้างง “ทำไรอะ?”

“ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีกขั้นไง” เห็นคนด้านใต้ขมวดคิ้วหน้าตาไม่เข้าใจ เขายิ้มก่อนจะบอก “หุบขาให้ชิดกันไว้นะ” เอสดันความเป็นชายที่ร้อนจนแทบระเบิดเข้าไปที่ระหว่างขาทั้งสองข้าง ขยับเสียดสีกับส่วนสำคัญของตี๋ที่ก็ร้อนไม้แพ้กัน

ตี๋ตกใจจนพูดไม่ออก ยอมรับว่ามันก็รู้สึกวาบหวามและเสียวดี แต่ในใจลึก ๆ แล้วเขายังคงมีความรู้สึกกระดากที่จะต้องทำเรื่องนี้กับผู้ชายอยู่นิดหน่อย แต่เพราะเป็นเอส...คนที่สำคัญ คนที่ทำอะไรหลายอย่างเพื่อเขามากมายขนาดนี้ ไม่เคยมีแม้สักครั้งที่จะปฏิเสธคำขอของเขา เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะให้ไม่ได้

คนเราจะเอาแต่รอรับอย่างเดียวมันไม่ได้ ได้รับแล้วก็ต้องรู้จักให้ตอบแทน และเขาไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้เป็นการฝืนใจตนเอง เพราะเวลาที่ได้ทำกับเอสก็รู้สึกดีมาก



/



“รู้สึกดีไหม?” เอสถามหลังจากเสร็จกิจ เขาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ คนรัก ยกมือขึ้นเกลี่ยผมที่ปรกหน้าตี๋ไปทัดไว้ที่หลังหู

“ดี” เจ้าตัวตอบแก้มแดงไปหมด “แต่โคตรลามกเลยว่ะ”

คนพี่หัวเราะในลำคอเสียงต่ำ “ยังมีเรื่องลามกมากกว่านี้รอเราในวันหน้าอีกเยอะ” พูดจบก็จุ๊บเข้าที่ปลายจมูกโด่งของตี๋

พอนึกถึงเรื่องที่ว่าในวันข้างหน้าเขาจะต้องเป็นของอีกฝ่ายอย่างเต็มตัวแล้วนั้นก็ทำเอาความร้อนขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า จากที่แค่แก้มแดงก็กลายเป็นแดงไปหมดทั้งหน้าลามไปที่คอและหูอีก

“ไอ้หื่น”

เอสหัวเราะที่โดนด่า แล้วดึงตัวคนหน้าแดงเข้ามากอดเสียจนแน่น “พี่รักเรามากนะ”

“ตี๋ก็รักพี่” ตี๋หลับตาพริ้ม...เขาพูดมันได้อย่างเต็มปากว่ารักคนคนนี้เหลือเกิน และมันก็ยังคงเป็นอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ทุกวันนี้เขาก็ยังตอบไม่ได้ว่ารักอีกฝ่ายแบบไหน

แต่ใครจะสนล่ะ...ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็รักของเขา ในชีวิตนี้ก็คงรักใครไม่ได้เท่านี้อีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะมีรักแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว

“อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ เลยนะพี่”




จบ.




ขอบคุณที่ชอบและติดตามกันมาตลอดนะคะ
ตอนแรกที่เขียนเรื่องนี้...ความตั้งใจของเราคืออยากจะเขียนนิยายที่ครอบครัวเป็นจุดสำคัญของเรื่อง
"all my LOVE is for you" ชื่อเรื่องนี้สื่อได้หลายอย่าง ทั้งความรักของพี่เอสกับน้องตี๋ที่มีต่อกัน และรวมถึงความรักที่ทุกคนในเรื่องนี้มีต่อกันด้วย เรื่องนี้อาจจะไม่ได้หวือหวา...แต่เราว่าเป็นเรื่องที่อบอุ่นมาก ๆ เลย
เขียนเองยังชอบเองเลย 5555555
เราตั้งใจที่จะเขียนเรื่องนี้มาก ๆ เพราะห่างหายจากการเขียนนิยายไปหลายปี กว่าจะเข้าที่เข้าทางได้ก็ลำบากพอสมควรเลยค่ะ
เรื่องนี้จะมีการรวมเล่ม ถ้าใครสนใจก็กดติตามได้ที่เพจนะคะ https://www.facebook.com/gandastory/
ฝากติดตามนิยายเรื่องต่อไปด้วยนะคะ



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :-[ :-[

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จบแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ครอบครัวตี๋ยอมรับได้ก็ผ่านฉลุย
เอส  ตี๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ▬ all my LOVE is for you ▬ ch.21 (ตอนจบ) หน้า 4 [up:05/08/2018]
« ตอบ #109 เมื่อ: 05-08-2018 20:36:07 »





ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
น่ารัก น่ารัก น่ารักมากกกกกก
น่ารักจริง ๆ ค่ะ แล้วก็อบอุ่นอย่างแรง

ชอบความละมุนของเอสที่มีต่อตี๋
ชอบความวางตัวไม่ถูกและปากแข็งของตี๋
ชอบ 2 ป๊า ชอบม๊า ชอบเฟย ชอบภาค ชอบกลอย
แล้วก็ชอบอาอึ้ม อาม่าในซอย

เขียนได้น่ารักจริง ๆ ค่ะ ไม่ต้องมีตัวร้าย ไม่ต้องมีดราม่า ...
อ่านเพลินจริง ๆ ยืนยันอีกครั้ง

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 o13 o13 o13

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 730
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สนุกกกกกกกกกก
อยากให้มีอีกเยอะๆ อ่านได้ไม่เบื่อเลย

น้องตี๋น่าขย้ำมาก ชอบเวลาเขิน ตัวขาวๆแก้มแดงๆงี้ น่ารักกกก
ขอฉากที่พี่เอสสมหวังด้วยเถอะค่ะ คนอ่านจะลงแดง
อุตสาห์เอาใจช่วยพี่เขามาทั้งเรื่อง จะได้แค่นี้ไม่ด้ายยยย ฮือๆ

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ เนื้อเรื่องดี ภาษาดีมากไม่มีคำผิดอ่านลื่นไหล
 :pig4: :L1: :กอด1: :o8: :z1:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ฮื่ออออ ละมุนใจมากๆ เลยค่าาา
อยากขโมยพี่เอสกับน้องตี๋มากอด ทำไมน่ารักกันทั้งคู่แบบนี้ นี่ชอบพี่เอสมากเลย แต่ละคนต่างก็มีอดีตที่ต้องกล้าที่จะก้าวข้าม ดีใจที่พี่เอสให้ยอมน้องช่วย
โอ้ยยยย แล้วอะไรคือแฟมิลี่แมน รักป๊า ทำอาหาร ทำงานบ้าน ทำงานเก่ง เฟยพูดถูกอะ ดีขนาดนี้ไม่เอาได้เหรอ 55555 น้องตี๋น่ารักมาก เป็นเด็กดีอย่างที่ใครๆ ก็ว่าไว้จริงๆ เลยน้าาาา น้องสุขภาพจิตดีมาก พี่เอสเลยอารมณ์ดีตามเลย. ฮื่ออออ ชอบตอนที่น้องมาโอ๋พี่ตอนเด็กๆ ด้วยอะ แง้ จับฟัด
ป๊าของเอส ก็ชอบมาก ประสบการณ์ช่วยให้เข้าใจและยอมรับธรรมดาของโลก ป๊ากับม๊าของตี๋ก็น่ารัก รู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด


ชอบทุกคนในเรื่องเลยจริงๆ ค่ะ.
ครอบครัวน่ารักอบอุ่นมาก.
ขอบคุณคนเขียนที่กลับมาน้าาาา
เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อไปๆ ด้วยค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :L2: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ชอบในความมรักของคนในครอบครัวมากๆเลยค่ะ แล้วก็พี่เอสก็อดทนได้ดีมากกก ชอบในการเลี้ยงลูกของสองครอบครัวนี้ คือพูดได้เลยว่าฉลาดในการเลี้ยงลูกจริงๆค่ะ ส่วนอีกฉากที่ชอบคือความแฟมิลี่แมนของพี่เอส  :mew1:

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ตามมาจากห้องแนะนำนิยาย คือดี ยินดีกับตัวละครที่มีครอบครัวดี ทั้งนี้ต้องขอบคุณป๊าของพี่เอส ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องนี้ออกมา

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พล๊อตครอบครัวคือดีค่ะ  อบอุ่นมากมาย :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด