▬ all my LOVE is for you ▬ เปิด pre-order หนังสือ + ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม (p.5)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ all my LOVE is for you ▬ เปิด pre-order หนังสือ + ตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม (p.5)  (อ่าน 54667 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.7 [up:03/05/2018]
«ตอบ #30 เมื่อ03-05-2018 13:53:21 »

พี่เอสมันร้ายยยยยย
 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.7 [up:03/05/2018]
«ตอบ #31 เมื่อ03-05-2018 14:21:18 »

 :impress2: มีความเอ็นดู

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.7 [up:03/05/2018]
«ตอบ #32 เมื่อ03-05-2018 15:16:04 »

เป็นแฟนกันแล้ว :-[

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.8 หน้า 2 [up:09/05/2018]
«ตอบ #33 เมื่อ09-05-2018 16:51:53 »



8



“สรุปว่ามึงเป็นแฟนกับพี่เขาแล้ว”

ตี๋เหลือบตามองภาคที่ถามย้ำ ทั้งที่เขาเองก็พูดไปชัดเจนแล้ว

“เออ”

“เมื่อวานมึงยังบอกว่าพี่ชายอยู่เลย”

“ตอนนี้ก็พี่ชาย” เจ้าตัวบอกก่อนจะจิ้มลูกชิ้นปิ้งที่กลอยมันซื้อมาฝากเข้าปาก

“เอ้า อะไรของมึงเนี่ย?” กลอยงง

ตี๋ถอนหายใจแรงเพราะหงุดหงิดที่โดนถามในเรื่องที่ไม่อยากอธิบาย ก่อนจะบอก “ไอ้แฟนมันก็ใช่ แต่สำหรับกูยังไงเขาก็ยังเป็นพี่ชายอยู่ดีว่ะ”

“กูเข้าใจ ก็มึงเจอกับพี่เขาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ มันก็ไม่แปลกหรอก” กลอยบอก

“แล้วนี่ป๊ามึงรู้ไหมเนี่ย?” ภาคถามก่อนจะงับลูกชิ้นจากถุงเดียวกันเข้าปากไป

คนถูกถามเงียบไปใบหน้าขาวดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“กูก็ไม่รู้ดิ” เขาตอบเสียงเบา

ถึงป๊าของพี่เอสจะยอมรับได้เรื่องที่ลูกชายของตัวเองคบกับผู้ชายด้วยกัน แต่ทางป๊าของเขาล่ะ? จะยอมรับได้หรือเปล่า แล้วถ้าเกิดป๊าไม่ยอมรับ เขาควรจะทำยังไงต่อไป

ภาคกับกลอยมองหน้ากันหลังจากเห็นเพื่อนทำหน้าเครียดแบบซวยแล้วไม่น่าไปถามมันเลย เขาทั้งคู่เคยเจอกับป๊าของตี๋อยู่สองสามครั้งตอนไปที่บ้านเพื่อนรัก ถึงอีกฝ่ายจะใจดีก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกเกร็งอยู่ดี เพราะรู้สึกได้ถึงรังสีอะไรบางอย่างแผ่ออกมาจนไม่กล้านั่งอยู่ตามลำพังถ้าไม่มีไอ้ตี๋อยู่ด้วยเลย

แล้วไอ้การที่ลูกชายเป็นเกย์เนี่ยก็ไม่ใช่ว่าพ่อทุกคนจะรับได้ด้วยสิ

“เอ่อ...มึง” ภาคตบบ่าของเพื่อนรักให้หันมาฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด “อย่าไปคิดมากเลย กูก็ถามไปแบบนั้นแหละ”

“อือ” ตอบสั้น ๆ แล้วก้มหน้ากินต่อ

กลอยหันไปทำปากขมุบขมิบด่าภาคที่พูดอะไรไม่เข้าท่า เพราะถึงตี๋มันจะตอบอือ แต่มันไม่เลิกคิดมากง่าย ๆ หรอก พวกเขาคบกันมานานจนรู้นิสัยแล้ว

“ไม่ต้องกลัวนะมึง”

“เปล่า กูไม่ได้กลัว แค่กังวลนิดหน่อย”

“นี่แสดงว่ามึงชอบพี่เขาจริง ๆ นะเนี่ย” ภาคบอกยิ้มเล็กน้อย

“...” ตี๋มองเพื่อนตาปริบ ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่มันจะสื่อนัก

“ก็เพราะถ้ามึงไม่ชอบเขาจริง ๆ มึงคงจะไม่มานั่งกลุ้มใจเรื่องพ่อมึงหรอก”

“ก็คงจะเป็นงั้นมั้ง” ตี๋บอกเสตามองไปทางอื่น มันอาจจะเป็นอย่างที่ภาคพูดก็ได้

...เขาอาจจะชอบอีกฝ่ายมากกว่าที่ตัวเองคิด...

“แล้วถ้าเกิดป๊ารู้ว่ามึงกับพี่เขาคบกัน มันจะเป็นยังไงวะ?”

ใบหน้าขาวเนียนมีท่าทีกังวลเล็กน้อย ก่อนจะเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้แล้วผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ “ไม่รู้ดิวะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดว่ะ ถึงเวลานั้นค่อยคิดแล้วกัน”

“มีอะไรปรึกษาพวกกูได้นะเว้ย”

“เออ ขอบใจมาก” ตี๋บอกหันไปยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนที่มองเขาด้วยความเป็นห่วง “ไปขึ้นห้องเรียนกัน เดี๋ยวสายจะโดนอาจารย์ด่าหัวฟูกันพอดี”





“โห ’จารย์แม่ง งานเก่ายังไม่ทันหมด งานใหม่ก็แทรก นี่กะจะไม่ให้กูพักเลยรึไงว้า”

“เออ แล้วใกล้จะสอบแล้วด้วย จะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านสอบเนี่ย”

“พวกมึงจะบ่นทำไม ถ้าแบ่งเวลาถูกยังไงงานมึงก็ทัน” ตี๋ว่าเพื่อนทั้งสองคนที่พอหลังจากอาจารย์ออกจากห้องไปก็บ่นโอดครวญกันใหญ่

“ใครจะไปเก่งเหมือนมึงล่ะคร้าบบบบบบพี่”

พอโดนภาคกระแนะกระแหนตี๋ก็ได้แต่หัวเราะออกมาไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป พวกเขาเก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋ากันแล้วถึงค่อยออกจากห้อง

“วันนี้แฟนจะมารับอีกไหมครับ” กลอยถามจงใจกวนตีน

“ไม่เห็นบอกนะว่าจะมา”

“วิ้ว~” ภาคผิวปากหวือทันทีที่ตี๋บอก

“พ่อเป็นนกหวีดเห-” ยังไม่ทันจะด่าจบโทรศัพท์ของตี๋ก็ดังขึ้นมาก่อน

“แฟนโทรมาแล้วโว้ย”

“ชู่” กลอยส่งเสียงเตือน “มึงจะบอกให้รู้ถึงคณะข้าง ๆ เลยเหรอ”

“ฮัลโหล”

(เลิกเรียนหรือยังครับ)

“เลิกแล้วครับ”

(ให้พี่ไปรับไหม)

“ไม่ต้องมาหรอกเดี๋ยวตี๋กลับเอง”

(แล้วเย็นนี้...)

“เย็นนี้ตี๋กินข้าวที่บ้าน เดี๋ยวม๊าบ่น” ตี๋เห็นจากหางตาว่าไอ้ภาคมันกำลังล้อเลียนเขาอยู่ ขายาวก้าวเดินหนีมันออกไปทันที ก่อนที่จะทนไม่ให้ตนเองตบหัวมันไม่ไหว

(อ่า โอเค ๆ งั้นคืนนี้พี่โทรหานะ)

“อื้อ”

(บายครับ)

“บาย” นิ้วยาวกดวางสายหลังจากคุยเสร็จ

“บ๊าย~” พอหันกลับไปตามเสียงล้อเลียนก็เจอกันไอ้เพื่อนสองคนจอมกวนตีนยืนโบกมือให้ด้วยใบหน้าระรื่น

“K”

“อ๊ะ ๆๆ ไม่ดีนะครับ พูดไม่เพราะแบบนี้ได้ยังไง”

“เมื่อกี้นี้ยังตี๋อย่างนั้นตี๋อย่างนี้อยู่เลย”

“เนอะ~!” ทั้งสองคนพร้อมใจกันประสานเสียงอย่างเข้าขากันสุด ๆ

“กูกลับละ”

“เจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ภาคป้องปากบอกกลั้วหัวเราะ

“เออ” เขายกนิ้วกลางให้พวกมัน





“อ้าว วันนี้มึงไม่ไปกินข้าวบ้านโน้นรึไง” ป๊าทักเมื่อตี๋นั่งลงบนเก้าอี้ประจำที่โต๊ะกินข้าว

“บ้านตี๋ก็มีข้าว ทำไมต้องไปกินบ้านอื่นด้วยอะ” ลูกชายคนเล็กเล็มข้าวที่ติดช้อนก่อนจะจ้วงแกงจืดเข้าปากหน้าตาย

“ทำเป็นพูด อาทิตย์หนึ่งมึงกินข้าวบ้านกี่วันกัน”

“กับข้าวม๊าอร่อยจังเลย” ตี๋ทำเป็นไม่สนใจคนเป็นพ่อที่กำลังต่อว่ากลับหันไปประจบประแจงคนทำกับข้าวประจำบ้านพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

“กูถามมึงจริง ๆ เถอะ มึงกับเอสเป็นอะไรกันเนี่ย?”

ตี๋ชะงักไป ด้วยความตกใจที่จู่ ๆ ป๊าก็ถามคำถามที่เขาไม่อยากตอบมากที่สุดออกมา เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าป๊ามีทัศนคติกับผู้ชายที่รักกับเพศเดียวกันยังไง เขากลืนข้าวที่เคี้ยวคาปากอยู่ลงคอไปอย่างฝืด ๆ ก่อนจะตอบ

“ก็เป็นพี่น้องกันไง” เขาไม่ได้โกหกคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุพการีของตัวเองจริง ๆ นะ แค่อาจจะบอกไม่หมดเท่านั้นเอง

“โตป่านนี้แล้วมึงยังติดเขาอยู่อีกเหรอไง”

“ป่าวหรอก ตี๋เห็นบ้านนั้นเขาเงียบเหงายังไงไม่รู้อะ น่าสงสารออก”

“เฮ้อ มึงนี่ก็ไม่เปลี่ยนไอ้นิสัยแบบนี้สักที กิน ๆ ไปได้แล้ว” พอเห็นแววตาของลูกชายหมองลงเขาเองที่เป็นพ่อก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถามต่อ เพราะถึงมันจะไปบ้านนั้นบ่อยเขาเองก็ไม่ได้คิดจะว่าอะไรมากมาย ก็แค่เกรงใจตามประสาคนเป็นผู้ใหญ่ สงสัยคงต้องหาอะไรติดไม้ติดมือไปฝากเฮียโจวสักหน่อย ก็ลูกชายของเขาดันไปรบกวนบ่อย ๆ แบบนี้





พอตี๋กินเสร็จก็ขึ้นห้องมานั่งทำงานต่อ ยิ่งใกล้สอบแบบนี้ก็ต้องเร่งมือทำ  ไหนจะทบทวนหนังสือเพื่อเตรียมสอบอีก เจ้าตัวไม่ใช่คนฉลาด แต่ที่เรียนดีได้ขนาดนี้เรียกว่ามาจากเพราะความขยันจะดีกว่า ถ้าเทียบตี๋กับวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป ก็เรียกว่าเป็นเด็กที่ดีได้เลย จนเพื่อนหลายคนทักบ่อย ๆ ว่ามึงหลุดมาจากยุคไหนกันเนี่ย เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ กลับบ้านตรงเวลา ไม่ไปเที่ยวที่อโคจร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ขัดกับหน้าตาเหลือเกิน บอกใครไป ใครก็ไม่อยากเชื่อว่ายังมีเด็กวัยรุ่นแบบนี้อยู่ในยุคสมัยนี้อีกเหรอ

เพราะแบบนี้เลยทำให้คนที่บ้านไม่ค่อยจะห่วงลูกชายคนเล็กเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่นัก ตั้งแต่โตมาจนอายุ 20 แล้วยังไม่เห็นมันจะไปเถลไถลที่ไหนไกล กลับกันคนที่เกเรจะเป็นคนพี่ซะอีก กว่าจะโตมาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ทำป๊ากับม๊าปวดหัวไปหลายตลบ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ตี๋ต้องเงยหน้าขึ้นจากงานอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรเพราะก็รู้อยู่ว่าใครโทรมา เขามันคนเพื่อนน้อย นอกจากไอ้สองคนนั้นแล้วก็มีอยู่คนเดียวที่จะโทรมาหา ก็คนที่เพิ่งเป็นแฟนหมาด ๆ ของเขาเองนั่นล่ะ

“ฮัลโหล” เขากดรับก่อนจะทิ้งตัวลงนอนคุยบนที่นอน ถือโอกาสพักหลังไปในตัวด้วย

(ทำอะไรอยู่ครับ?)

“ทำงานแหละ ’จารย์สั่งงานเพิ่มอีกแล้ว”

(โห เหนื่อยแย่เลย) เอสมีเพื่อนคนหนึ่งเรียนคณะเดียวกันกับตี๋ เขาจำได้ว่างานมันหนักมากจริง ๆ บางครั้งนี่ไม่ได้นอนสองสามวันเลย

“ก็นิดหน่อยอะ”

(พี่จำได้ว่าเพื่อนพี่ที่เรียนคณะนี้พี่เห็นมันแทบไม่ได้นอนเลยนี่)

“ตี๋ว่ามันอยู่ที่คนนะ อาจจะหนักไปบ้าง ถึงจะมีบางครั้งที่ไม่ได้นอน แต่ถ้าบริหารเวลาดีมันก็โอเคแหละ”

(จ้า พ่อคนเก่ง)

“แน่นอน ว่าแต่..เรื่องงานพี่สรุปว่าไงอะ”

ตอนนี้เอสกับป๊าเลิกขายน้ำเต้าหู้ไปเรียบร้อยแล้ว กว่าจะเคลียร์กับอาม่าอากงแถวบ้านได้ ฝ่ายลูกชายของร้านนี่แทบรากเลือด แต่เพราะลูกชายของร้านยืนยันเสียงแข็งว่าอายุและร่างกายของบิดาตอนนี้ไม่ไหวกับการทำงานหนัก ๆ แล้ว ทุกคนเลยจำต้องยอมรับและเข้าใจกันได้

(อาทิตย์หน้านี้เข้าไปทำแล้วล่ะ)

“พยายามเข้านะ” ตี๋บอกเสียงเบาด้วยความเคอะเขิน ปลายสายเงียบไปเลยหลังจากที่เขาพูดจบ ตี๋เลยลองเรียกดูเพราะคิดว่าสายหลุดไปหรือเปล่า

(ทำยังไงดีเนี่ย) เอสรำพัน

“มีอะไรเหรอ?”

(พี่อยากจูบเรามากเลย)

“อะ- ไอ้...พูดบ้าอะไรวะเนี่ย” ใบหน้าขาวขึ้นสี ด้วยเพราะไม่คิดว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะพูดออกมาตรงแบบนี้

(เอ้า นี่พี่พูดจริง ๆ นะ)

“แต่มันก็ไม่สมควรพูดออกมาปะ ไม่อายบ้างเลยรึไงวะ”

(อายทำไม คนเป็นแฟนกัน)

อีกฝ่ายตอบเสียงซื่อเสียจนตี๋อยากจะสอดมือเข้าไปตีสักที ถ้าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันจะตบกระบาลเข้าให้

“เฮ้ออ” พอไม่รู้จะต่อคำอะไรอีกก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

(ถ้าวันไหนเราเลิกเร็ว ไว้พี่จะไปรับนะ)

“ทางผ่านเหรอ?”

(ก็ประมาณนั้น)

“ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องมาบ่อยหรอกนะ เปลืองน้ำมัน”

(เสียใจจัง)

ปลายสายตัดพ้อจนตี๋รู้สึกผิดขึ้นมาซะอย่างนั้น “เอ่อ...แต่วันไหนเลิกดึก ตี๋จะบอกให้มารับนะ”

(โอเคครับ)

“งั้นเดี๋ยวตี๋ไปทำงานต่อนะ จะได้เสร็จเร็ว ๆ”

(ครับ)

“ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว งานเยอะนะ”

(ไม่เป็นไรหรอก คิดถึงก็ไปหาได้ บ้านใกล้แค่นี้เอง)

พอคนที่ปลายสายพูดจบ ตี๋ก็ระบายยิ้มออกมา คำพูดของเอสมันอาจจะดูเสี่ยวแดกสำหรับใครหลายคน ในบางทีตัวเขาเองก็คิดว่าแม่งโคตรเสี่ยวเลย แต่เพราะนี่เป็นธรรมชาติของอีกฝ่าย และถึงมันจะเสี่ยวแค่ไหนก็ตาม มันก็ทำให้เขาหวั่นไหวและใจเต้นแรงได้ในแทบทุกครั้ง

“...ไปนะ”

(ครับ คิดถึงนะ)

ตี๋เคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมคนเราเวลาที่มีความรักมักจะดูแปลกไปจากเดิม เวลามีความรักทำไมถึงดูมีความสุข ทำไมถึงดูไม่เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง หรือยอมทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ยอมในแบบที่ไม่เคยยอมใครมาก่อน การมีความรัก...มันจะทำให้คนเรามีความสุขอย่างแท้จริงเหรอ

เขาเองก็ยอมรับว่าชอบเอส แต่ไม่รู้ทำไมลึก ๆ แล้วมันถึงไม่เหมือนกับความรักในแบบทั่วไปก็ไม่รู้ แน่นอนอยู่แล้วที่ว่าเขารักอีกฝ่ายเหมือนกับพี่ชายคนหนึ่ง แต่ในฐานะคนรัก...เขายังไม่ค่อยเข้าใจมันซักเท่าไหร่

ตี๋ไม่ได้รังเกียจในสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการกอด หอมแก้ม จับมือ หรือแม้กระทั่งจูบ เขายอมรับได้และก็ไม่ปฏิเสธด้วยว่ามันก็รู้สึกดี เพียงแต่ถ้าจะก้าวข้ามไปถึงการมีเซ็กส์เหมือนกับคู่รักอื่น สำหรับเขามันก็คงจะยากอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะว่าอีกคนเป็นผู้ชาย แต่มันอยู่ที่ตัวของเขา ทั้งหมด...มันเป็นเพราะเขาเอง






++++++++++







“โห วันนี้พี่แกมาอย่างหล่อเลยว่ะ” ภาคพูดทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่ของเอสยืนพิงต้นไม้อยู่แถว ๆ ที่จอดรถ ด้วยความที่เป็นคนโดดเด่นมากเลยทำให้สังเกตเห็นได้แต่ไกล

“ทำไมรอบนี้แต่งตัวดีจังวะ” กลอยชะเง้อมองแล้วหันไปถามตี๋

“วันนี้เริ่มงานวันแรก สงสัยสร้างความประทับใจมั้ง”

“ถามจริง หล่อขนาดนี้ มึงไม่กลัวใครมาซัดไปเหรอวะ”

“เชี่ยภาค” กลอยหันไปด่า

“โทษที ลืมไปว่ามึงคิดมาก”

ตี๋ส่ายหน้าน้อย ๆ “พวกมึงจะพูดอะไรก็พูดเถอะ กูไม่ได้คิดอะไรถึงขนาดนั้น”

“ถ้าอย่างมึงไม่คิดมาก กูกับไอ้กลอยคงปัญญาอ่อนเพราะไม่คิดอะไรเลยว่ะ”

ตี๋ไม่ทันจะได้ตอบอะไรพวกเขาก็เดินมาถึงรถของคนที่มารอรับเสียก่อน ใบหน้าหล่อยิ้มละมุนก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวทุยของตี๋เบา ๆ จนเพื่อนสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต้องแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

“สวัสดีครับ” ทั้งสองคนยกมือไหว้ยกเว้นตี๋

“วันนี้ให้พี่ไปส่งที่ไหนอีกหรือเปล่า?” เอสรับไหว้ก่อนจะย้อนถาม

“ไม่ครับ พวกผมแค่แวะมาทักทาย เดี๋ยวก็กลับแล้ว”

พูดคุยกันอีกสองสามคำก็แยกกันกลับ โดยที่ตี๋ขึ้นรถไปกับเอส คนอายุน้อยกว่าเหลือบมองคนข้าง ๆ เป็นระยะโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แค่อยากรู้ว่าหน้าตาดีขนาดนี้ไม่มีคนมาจีบบ้างหรือไงกัน เขาไม่ได้คิดมากเรื่องที่เพื่อนมันพูดกันหรอก ถ้าใครจะมาสอยไปก็ช่าง ถึงเวลานั้นอาจจะมีเสียใจบ้าง แต่เขาก็จะไม่รั้งอีกฝ่ายไว้หรอก

“แอบมองอะไรพี่เนี่ย” เอสถามหัวเราะในลำคอเบา ๆ

“เปล่าซะหน่อย วันนี้ไปทำงานมาเป็นยังไงบ้าง”

เอสรู้ว่าตี๋กำลังพยายามจะพูดเปลี่ยนเรื่อง แต่เขาก็ไม่ได้จะทู่ซี้ถามอะไรให้มันมากมายนัก ก็เลยเล่าให้ฟังว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นที่บริษัทบ้าง ส่วนตี๋ก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเหมือนเดิม

เป็นปกติของช่วงเย็นที่จะมีรถเต็มถนนไปหมด เลยทำให้ทั้งสองคนติดแหง็กอยู่บนรถอย่างช่วยไม่ได้ ที่จริงแล้วตี๋เองก็ไม่ใช่คนที่คุยเก่งอะไร แต่ถ้ามีคนชวนคุยก็จะพูดได้เรื่อย ๆ

“ถามจริงสิ นี่เราไม่เคยมีแฟนมาก่อนจริงเหรอ?” เอสถามด้วยความสงสัย

“นี่ไม่เชื่อ?” คนถูกถามเหลือบตามองอย่างไม่พอใจ เขาไม่ใช่คนชอบโกหกซะหน่อย

“เปล่า เห็นเด็กสมัยนี้มีแฟนกันเร็ว ตี๋ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร น่าจะมีสาว ๆ มาชอบบ้างนะ”

“ก็มี แต่ตี๋ไม่ได้สนใจนี่หว่า”

“นี่ไม่เคยสนใจใครเลยเหรอ”

“ใช่”

“จริงอะ”

“นี่พี่ต้องการอะไรวะ?”

“แม้แต่พี่ก็ไม่สนเหรอครับ” เอสเลิกกวนประสาทแล้วหันไปถามพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก ที่ดูแล้วเจ้าเล่ห์มาก

“ไม่นี่”

แต่ตี๋ก็ตอบสั้นอย่างไร้เยื่อใย ทำเอาเขาน้ำตาแทบไหลกับความตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย ปกติเป็นพวกคิดช้าแท้ ๆ ทีงี้ล่ะคิดเร็วตอบเร็วเชียว แต่ก็เข้าใจว่าการเติบโตของแต่ละคนเร็วช้ามันไม่เท่ากัน อย่างตี๋นี่ก็คงจัดอยู่ในพวกโตช้าล่ะมั้ง ถึงแม้ขนาดตัวจะไม่เด็กแล้วก็ตาม

“เด็กเอ๊ย”

“เด็กที่ไหนเลือกตั้งได้แล้ว”

เอสส่ายหัวอย่างไม่อยากจะต่อปากต่อคำพร้อมกับยิ้ม “ครับ ๆๆ”

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.8 หน้า 2 [up:09/05/2018]
«ตอบ #34 เมื่อ09-05-2018 16:52:45 »



ถึงรถจะติดแต่ทั้งสองคนก็กลับมาถึงบ้านเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เหมือนกัน คนตัวโตกว่าแอบรู้สึกดีในใจเบา ๆ เพราะมันจะทำให้เขาได้มีเวลาใกล้ชิดกับตี๋เยอะขึ้นไปอีก ช่วงนี้ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันบ่อยนัก เนื่องจากเป็นช่วงที่อีกคนใกล้จะสอบเลยต้องเคลียร์งานหนักมาก ขายาวเดินเข้าไปประชิดกับคนตัวขาวด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม

“อะไร?” คิ้วเรียวขมวดด้วยความสงสัยปนไปด้วยความไม่ไว้ใจ

“ไปห้องพี่สักหน่อยสิ”

พอเห็นตี๋ยังทำหน้าไม่เข้าใจเอสเลยต้องอธิบายเพิ่ม

“ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นที่บ้านเราเลยนี่ ขอเวลาให้พี่หน่อยนะ”

“อะ- ...” พอได้ฟังเอสพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ แบบนี้แล้วก็ทำเอาไปไม่ถูกเหมือนกัน เพราะคนตรงหน้าก็ไม่ใช่วัยที่จะมาแสดงอาการออดอ้อนเหมือนกับเด็ก ๆ และเขาเองก็ไม่ได้โดนทำแบบนี้ใส่บ่อยด้วย แถมยังโดนอีกฝ่ายแอบจับมืออีกต่างหาก

“ไปก็ได้” ตี๋ยอมเดินตามเอสเข้าบ้านไปแต่โดยดี เจอป๊าของพี่เอสก็ยกมือไหว้ก่อน ยังไม่ทันจะได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบก็โดนมือใหญ่จับข้อมือให้เดินตามอย่างไว จนคนเป็นพ่อต้องป้องปากแซวให้คนตัวขาวได้อายจนหน้าแดง

พอทั้งคู่ก้าวเข้ามาอยู่ในห้อง ทันทีที่ปิดประตู เอสก็ดึงตี๋ที่ตัวบางกว่าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับฝังจมูกลงกับขมับของอีกฝ่ายสูดดมกลิ่นกายของตี๋ด้วยความถวิลหา

“ไม่เหม็นหรือไง?” เขาถาม เพราะถึงเขาจะไม่ค่อยมีเหงื่อออกเยอะเหมือนคนอื่น แต่ผ่านการใช้ชีวิตมาตลอดทั้งวันมันก็ต้องมีกลิ่นตัวกันบ้างน่ะแหละ

“คิดถึงมากเลย”

จู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับมีดอกไม้บานอยู่ในอก เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ตี๋ไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อน แขนผอมยกขึ้นกอดเอวอีกฝ่ายแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว เนิ่นนานกว่าจะมีใครขยับตัว เป็นเอสที่ก้มลงหอมที่ซอกคอของตี๋ด้วยความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจ จนเจ้าของสะดุ้งด้วยความตกใจ ขนลุกเกรียว แต่ก็ดิ้นจากอ้อมแขนของคนพี่ไม่หลุด

ปากแดงยังไม่ทันจะได้ทักท้วงอะไรก็โดนประกบจูบเข้าเสียก่อน ถึงแม้ช่วงแรกมันจะติดขัดเพราะเจ้าของปากนั้นมีการขัดขืนอยู่บ้าง แต่พออารมณ์มันพาไปก็กลายเป็นว่าตอบรับจูบของเอสด้วยความไม่ประสานัก ซึ่งมันทำให้ดูน่ารักอย่างมากในสายตาของอีกคน

ตี๋มีความเพลิดเพลินกับการโดนจูบ ความเคอะเขินที่มีในครั้งแรก ๆ มันน้อยลงไปเยอะ ไม่ใช่ว่าเขาทั้งสองคนจูบกันบ่อยหรืออะไรหรอก แต่เอาจริง ๆ ...มันก็เกือบจะทุกครั้งที่เจอกันนั่นล่ะ ถ้าได้เข้าห้องของพี่เอสเมื่อไหร่ล่ะก็ เขาก็ต้องโดนอีกฝ่ายจูบแน่ไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่ามันแปลกไปจากที่เคย...มันดูร้อนแรงกว่าทุกครั้ง

“อื้อ!” ตี๋ร้องในลำคอก่อนจะบิดหน้าหนีจากจูบพร้อมกับคว้าหมับเข้าที่มือของอีกฝ่ายที่ตอนนี้มันกำลังล้วงเข้ามาในเสื้อของเขา
“ทำอะไรน่ะ!”
แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่มีสติที่จะฟังเขาเลยแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งคว้าจับท้ายทอยเพื่อบังคับให้ตี๋หันกลับมารับจูบ แต่เขาก็เบือนหน้าหนีออกด้วยความตระหนก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวคนตรงหน้า

“พี่!! เดี๋ยว!! ตี๋ยังไม่พร้อม!!”

ตี๋ร้องเสียงดัง เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร เขาเลยทุบหลังคนไม่ได้สติไปหนึ่งทีและคราวนี้มันได้ผล เอสได้สติทันที หลุดออกจากความหน้ามืดที่มันกำลังครอบงำ และพอได้สติเขาก็ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้

“พี่ขอโทษ...”

ยิ่งเห็นแววตาหวาดกลัวของตี๋มันยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด...

“พี่ขอโทษ”

ยิ่งเกลียดตัวเอง...

“พี่ขอโทษ”

“เฮ้ย พี่จะร้องไห้ทำไม?” น้ำตาที่ไหลออกจากดวงตาคู่สวยที่เขาชอบ มันทำให้เขารู้สึกตกใจยิ่งกว่าเหตุการณ์เมื่อครู่อีก

“พี่ขอโทษ”

นอกจากน้ำตาที่ไหลมาไม่หยุดแล้ว ท่าทีของเอสมันยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ดวงตาที่ไร้แววและปากที่พร่ำพูดแต่คำว่าพี่ขอโทษ มันทำให้ตี๋เหมือนเห็นอีกคนเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่โต เป็นเด็กน้อยที่มีแต่บาดแผลที่เจ็บปวด

“ไม่เป็นไรนะพี่” ตี๋จับเข้าที่ข้อมือหนา พอโดนตัวถึงรู้สึกว่ามันสั่นมาก ตี๋เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงช็อกได้ขนาดนี้ เขากางแขนโอบให้ร่างที่ใหญ่หนากว่าตัวเองเข้ามาชิด ลูบหลังปลอบประโลมอย่างแผ่วเบา ปากบางกระซิบบอกซ้ำ ๆ ว่า “ไม่เป็นไรนะ”

“พี่ขอโทษจริง ๆ” เอสซบหน้าลงกับไหล่ผอมของเด็กตรงหน้า ความรู้สึกผิดกัดกินจิตใจ ทั้งที่ตี๋ไว้ใจเขามาก แต่เพราะตัณหาราคะบดบังจนมันเกือบจะทำให้เขาหน้ามืดทำสิ่งที่เป็นการฝืนจิตใจของเด็กตรงหน้านี้ ทั้ง ๆ ที่ตี๋เองสมควรที่จะโกรธเขา แต่อีกฝ่ายนั้นก็ใจดี...เกินไป

“ไม่เป็นไร ๆ ตี๋แค่ตกใจเฉย ๆ เอง” มือเรียวยกขึ้นลูบผมของคนที่ซบไหล่ตนเองอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธคนตรงหน้าจริง ๆ แค่ตกใจที่มันกะทันหันเกินไป โดยที่ไม่มีการบอกกล่าวกันก่อน

“พี่ขอโทษ”

“รู้แล้ว ๆ”

“พี่...” เอสสูดน้ำมูก “ขอโทษ”

“รู้แล้ว พอได้แล้วน่า” ตี๋ตบไหล่ป้าบ ๆ

“ไม่โกรธพี่เหรอ?”

“ไม่โกรธหรอก แต่เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”

เอสเงยหน้าขึ้นทันทีที่ตี๋พูดจบ ตาโตเบิ่งกว้างด้วยความตกใจ มือทั้งสองข้างจับไหล่ของตี๋เอาไว้ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว “จะเลิกกับพี่เหรอ?”

“เฮ้ย บ้า! ใครบอกพี่ว่าจะเลิกวะ”

“ก็พี่ทำ...เรื่องที่ไม่ควร”

“มานั่งคุยกันดี ๆ ดีกว่าเนอะ” มือขาวจับข้อมือของเอสให้เดินตามมานั่งบนที่นอน

“ตี๋ว่าเรายังไม่เคยคุยกันเรื่อง เอ่อ...เซ็กส์ ใช่มั้ย?”
เอสพยักหน้าตอบ

“คืองี้...ไม่ใช่ว่าตี๋รังเกียจมันนะ” เขาพยายามที่จะรวบรวมคำพูดที่จะสื่อสารออกมาให้อีกฝ่ายเข้าใจมากที่สุด “แต่มันแค่ยังไม่ใช่ตอนนี้”

คนอายุมากกว่าเงียบแล้วตั้งใจฟัง มือข้างหนึ่งจับมือของอีกคนเอาไว้ให้มั่นเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง

“ตี๋ก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นธรรมดาของคนรักกัน แล้วความต้องการทางนี้ของคนเรามันก็ไม่เท่ากันด้วย ซึ่งพี่ก็อาจจะ...มีมากกว่าตี๋”

“เยอะ” เอสบอกย้ำเพื่อขยายความ

“นั่นแหละ” ตี๋เลียริมฝีปากด้วยความประหม่า “ตี๋อยากรู้ว่า...เราคบกันแบบที่ยังไม่มีอะไรกันได้มั้ยอะ?”

ที่ถามเพราะจากที่ไปทำการหาข้อมูลมา เขาเองก็ได้รู้ว่าการมีอะไรกันระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันเจ็บมาก ยิ่งถ้าเป็นครั้งแรก ถ้าเกิดเตรียมตัวไม่ดีนี่แย่เลย

“ต- แต่ไม่ใช่ว่าตี๋รังเกียจพี่นะ!” ตี๋รีบบอกเมื่อเห็นแววตาอีกคนกระตุกและบีบมือเขาแรงขึ้น อาจจะเพราะเข้าใจผิดในสิ่งที่เขาพูดก็ได้

“แล้วทำไมถึงถามพี่แบบนั้นล่ะ?”

“คือ...เรื่องแบบนั้นสำหรับตี๋แล้วมันไม่สำคัญเลยนะ แค่ได้เจอกันตี๋ก็พอใจแล้ว อีกอย่างก็คือ...”

“คือ?”

“เคยไปค้นมาว่าฝ่ายรับมันเจ็บมากอะ”

เอสพ่นหัวเราะออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ทำให้อารมณ์ผ่อนคลายลงไปมาก “คือเราจะเป็นรับให้พี่เหรอ?”

“แล้วพี่จะรับให้ตี๋หรือไงเล่า!!” ตี๋ขึ้นเสียงด้วยความอาย

“ไม่มีทางอะ”

“ก็นั่นแหละ แล้วจะถามเพื่อ?” คนอายุน้อยถอนหายใจ “ตี๋ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะพร้อม อาจจะทำให้พี่ต้องรอนานก็ได้ เพราะงั้น...ระหว่างนี้ถ้าพี่ทนไม่ไหวจริง ๆ พี่จะไปซื้อ-”

ยังไม่ทันที่ตี๋จะพูดจบเอสก็ยกมือขึ้นปิดปากตรงหน้าด้วยความเจ็บจี๊ดในใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเองก็ตั้งใจจะไม่ไปมีคนอื่นนอกจากอีกฝ่ายแท้ ๆ แต่เพราะตี๋รู้ว่าความต้องการทางนี้ของเขามันมาก และเจ้าตัวเองก็ยังสนองตรงนี้ให้ไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจเอาเองว่าให้เขาไปทำกับคนอื่นได้

...เพราะเขาเองสินะที่เป็นคนทำให้ตี๋ต้องพูดแบบนี้

“พี่จะรอ เพราะงั้นอย่าพูดว่าให้พี่ไปหาคนอื่นเลยนะ”

“ทำไมขี้แยจังเลย” ตี๋พูดน้ำเสียงหยอกเย้าเพราะเห็นอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แถมน้ำตาคลอจะไหลออกมาจากตาคู่สวยอยู่แล้ว มือขาวยกขึ้นลูบเรือนผมสีดำสนิทที่จัดแต่งด้วยแว็กซ์แต่งผมอย่างดี “ตัวโตขนาดนี้ร้องไห้ง่ายจัง”

“อย่ามาแซวได้มั้ยเนี่ย” เอสว่า นอกจากเรื่องของพ่อกับแม่แล้ว เขาก็ไม่ได้ร้องไห้มานานมาก เพิ่งจะมาน้ำตาไหลกับเรื่องของเด็กตรงหน้านี่แหละ “ถ้าไม่รัก พี่ไม่ร้องไห้หรอกนะ”

“คร้าบ ๆๆ"

มือขาวเลื่อนมือขึ้นไปลูบใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของอีกฝ่าย ปาดคราบน้ำตาออกไปให้หน้าตาของเอสดูสดใสขึ้น ทั้งที่ปกติแล้วเขาเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายจะตาย แต่พอเห็นคนตรงหน้าร้องไห้แบบนี้แล้ว เขายอมให้ยิ้มแบบเดิมดีกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบมัน แต่ถ้าเปรียบเทียบมันกับน้ำตาแล้ว เขาก็ยังเกลียดมันน้อยกว่าอยู่ดี

“ขอกอดได้ไหม?”

“เอาสิ” คนอายุน้อยกว่าอ้าแขนรับแล้วกอดคนที่ตัวหนากว่าเอาไว้

“พี่ขอโทษจริง ๆ นะ”

“รู้แล้ว หยุดขอโทษสักที” ตี๋ว่าก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่เพื่อเป็นการเรียกขวัญ ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติไอ้จะให้มาเป็นฝ่ายหอมก่อนน่ะไม่มีทางเด็ดขาด และมันก็ได้ผลเพราะเอสยิ้มหน้าบาน หัวใจจากที่ฝ่อ ๆ ก็พองโตด้วยความยินดี

“ขอบคุณนะ”

“อื้อ”

ทั้งสองคนกอดกันอยู่แบบนั้นสักพักใหญ่โดยที่ไม่มีคำพูดอะไรออกมาอีกพักใหญ่ ใช้ความเงียบเพื่อหล่อหลอมความรู้สึกให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้รู้จักอีกคนมากกว่าที่ผ่านมา ภายนอกของเอสที่ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ภายในนั้นมีหลุมดำและที่ก้นหลุมนั้นก็ยังคงมีเด็กชายเอสขดตัวนอนอยู่ เป็นเด็กที่มีบาดแผลเกี่ยวกับความรัก ที่ไม่ว่าเยียวยาอย่างไรแผลนั้นก็ยังไม่จางหายไป

ส่วนตี๋ที่ดูเป็นเด็ก บางเรื่องกลับโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอีกคนเสียด้วยซ้ำ ถึงบางเรื่องอาจจะดูโตช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่เรื่อง EQ กลับดีกว่าใคร ๆ 

 “พี่รักเรานะ”

“ตี๋รู้” มือขาวตบหลังหนา ๆ ของคนในอ้อมกอดเป็นการให้กำลังใจ

ถึงแม้ว่าคนบอกรักจะยังเป็นเอสแค่ฝ่ายเดียว และความรู้สึกในใจของตี๋อาจจะยังไม่มากมายหรือเทียบเท่ากับอีกฝ่ายได้ แม้จะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่ารัก แต่มันก็กำลังเพิ่มขึ้นทีละนิด เขาเองก็หวังว่าสักวันจะพูดมันออกไปให้อีกฝ่ายได้ยินเช่นกัน

“ว่าแต่ ตี๋ไม่ได้บอกให้ไปหาคนอื่นสักหน่อย แค่จะให้ไปหาซื้อบริการเอง”

“มันก็เหมือนกันแหละน่า”




TBC…
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อย ๆ ดำเนินไปอย่างช้า ๆ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.8 หน้า 2 [up:09/05/2018]
«ตอบ #35 เมื่อ09-05-2018 17:59:18 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.8 หน้า 2 [up:09/05/2018]
«ตอบ #36 เมื่อ09-05-2018 20:02:50 »

ค่อยๆเรียนรู้กันไปเนอะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.8 หน้า 2 [up:09/05/2018]
«ตอบ #37 เมื่อ09-05-2018 20:18:30 »

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.8 หน้า 2 [up:09/05/2018]
«ตอบ #38 เมื่อ09-05-2018 21:13:44 »

น่ารักค่ะ

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.9 หน้า 2 [up:15/05/2018]
«ตอบ #39 เมื่อ15-05-2018 18:14:31 »

9




พักนี้ตี๋ว่างมากเพราะเป็นช่วงปิดเทอม เพื่อนรักที่มีอยู่แค่สองคนก็กลับบ้านต่างจังหวัด ถึงจะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่าไลน์ใช้คุยกันได้ แต่มันก็ไม่เหมือนได้เจอกันอยู่ดี

กองหนังสือที่ซื้อไว้แล้วยังไม่ได้อ่านก็จัดการเคลียร์ไปตั้งแต่สองอาทิตย์แรกเรียบร้อย เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก็เลยมีแต่เฝ้าร้านและนอนเล่นเกม พอตกเย็นก็ต้องเดินไปหาพี่เอสเป็นกิจวัตร ยกเว้นเวลาที่อีกคนทำโอทีก็จะไม่ได้ไป แต่ก็มีเอากับข้าวไปให้ป๊าของพี่เอสกินบ้างในเวลาที่อีกฝ่ายกลับดึก บางวันก็กินมื้อเย็นที่บ้านตัวเอง แต่บางวันก็กินที่บ้านอีกฝ่ายอย่างเช่นวันนี้  ในช่วงแรก ๆ ที่บ้านของเขาก็งงว่าทำไมตี๋ถึงไปอีกบ้านบ่อยนัก แต่เขาก็อ้างไปว่าบ้านนี้อยู่กันแค่สองพ่อลูกก็กลัวว่าจะเหงา

...ใครมันจะไปกล้าบอกว่าเป็นแฟนกับพี่เอสกันล่ะ
ไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาเลยถ้าที่บ้านรู้...

“ทำงานแล้วยังกลับมาทำกับข้าวอีกไม่เหนื่อยเหรอ?” ตี๋นั่งเท้าคางคางถาม เพราะกว่าอีกคนจะเลิกงานแล้วกลับถึงบ้านก็เย็นพอสมควร ดีที่วันนี้ม๊าฝากไก่ตุ๋นสมุนไพรกับปลาแดดเดียวทอดมาให้เลยไม่ต้องทำหลายอย่าง

“ถามทำไมน่ะ เป็นห่วงเหรอ?” เจ้าตัวถามยิ้มบาง ๆ

“ไม่น่าถาม”

เอสยิ้มกว้างก่อนจะตอบ “ก็เหนื่อยแหละ แต่แบบนี้ก็มีความสุขดีนะ”

“เหนื่อยแต่มีความสุข ยังไงเนี่ย?”

“ก็...ได้ทำงานเลี้ยงครอบครัว เห็นป๊าได้พักสักทีหลังจากทำงานหนักมานาน ได้ทำกับข้าวทำขนม แล้วก็...ได้อยู่กับตี๋ไง”

“แค่นี้อะ?”

“ก็แค่นี้สิ พี่ไม่โลภมากหรอก”

“จ้ะ” ตี๋ทำเบะปากพูดประชดประชัน ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ามันคือเรื่องจริงก็เถอะ แต่ก็อดที่จะค่อนขอดไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าอายุก็แค่นี้ทำไมถึงมีความสุขกับชีวิตที่เหมือนคนแก่แบบนี้นะ

“เสร็จแล้ว ไปกินข้าวกัน”

“พี่ไปเรียกป๊าพี่เถอะ เดี๋ยวตี๋ยกไปให้”

บทสนทนาที่โต๊ะก็ไม่ได้มีอะไรมาก ตอนนี้ตี๋เองก็ไม่ได้เกร็งกับการอยู่ใกล้กับป๊าของพี่เอสเหมือนก่อนแล้ว พอได้เจอกันบ่อยถึงจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วท่านเป็นคนที่ตลกหน้าตายมาก ดูเหมือนเป็นคนเย็นชาแต่ก็ใจดี บางครั้งก็หาขนมนมเนยให้เขากับลูกชายตัวเองกินหลังจากกลับจากข้างนอกบ่อย ๆ บางครั้งก็เล่าเรื่องราวในสมัยก่อนที่ตัวเองยังหนุ่มให้ตี๋ฟัง และเขาเองก็ชอบเสียด้วย

พอเก็บล้างถ้วยชามที่กินเสร็จเอสก็ชวนตี๋ขึ้นไปบนห้องเหมือนทุกครั้ง พออะไรมันลงตัว ก็ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว...เอสเป็นคนที่ถ้ามีแฟนแล้วจะติดแฟนมาก ชอบที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ทั้งกอด หอมแก้ม หรือจับมือ

ภาพลักษณ์เจ้าชู้ที่เจอกันเมื่อหลายเดือนก่อนตอนนี้เริ่มจะไม่มีให้เห็นแล้ว นอกจากเวลาที่อีกฝ่ายเกิดเจ้าเล่ห์อะไรขึ้นมาถึงจะมีให้เห็นบ้าง จนมันทำให้ตี๋อดที่จะเกิดความสงสัยอีกไม่ได้

“นี่พี่ไม่เคยมีแฟนจริง ๆ ดิ”

เอสเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์แล้วหมุนเก้าอี้กลับมาหาคนถาม

“ก็จริงสิ”

“แค่กิ๊กกั๊กก็ไม่มีเหรอ?”

เอสส่ายหน้าตอบซื่อ ๆ เมื่อตี๋ถามย้ำอีก

“ทีเรายังไม่เคยมีแฟนเลย” เขาย้อนบ้าง

ตี๋ย่นจมูก “มันไม่เหมือนกันสักหน่อย ตี๋ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้นี่”

“พี่ก็ไม่ได้สนใจเหมือนกัน”

“แล้วที่..." เจ้าตัวนึกคำเหมาะ ๆ ไม่ออก "ที่พี่ไปมีอะไรกับ...”

“ความรักกับความใคร่มันคนละเรื่องนะ” เขาตอบ “เอ่อ...สำหรับพี่เมื่อก่อนน่ะนะ”

“คนแบบพี่นี่มีเยอะเลยเหรอ” ตี๋ถามคิ้วขมวด เขาก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี “คนเราสามารถมีอะไรกับใครหลาย ๆ คนทั้งที่ไม่ได้รัก...ได้เหรอ”

เอสลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ตี๋ที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน เห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วก็เอ็นดู มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวก่อนจะตอบ “จริง ๆ ก็มีเยอะเลย คนแบบพี่น่ะ”

“ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้นล่ะ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่ามันไม่ดี”

“อืมมม จะว่ายังไงดีล่ะ” เจ้าตัวนึก เพราะมันก็ผ่านมาสักพักแล้วที่เขาเลิกพฤติกรรมแบบนั้น

“พี่พูดในมุมพี่คนเดียวนะ ถ้าคนอื่นพี่ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมันคืออะไร เมื่อก่อนนี้พี่ไม่อยากจะมีความรักหรือผูกพันกับใครเลยแม้แต่น้อย เพราะพี่เชื่อว่าความรักมันไม่มีอยู่จริง มันสามารถจางหายไปเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และถ้ามันจะเป็นแบบนั้น...ก็สู้อย่ามีมันเลยแต่แรกเลยจะดีกว่า”

“แล้วพี่ไม่เคยรักใครเลยเหรอ?”

เอสมองลงสบตากับคนถามแล้วยิ้มให้น้อย ๆ กับความซื่อ “มีสิ”

“แล้วไม่ได้บอกเขาไปหรอกว่ารัก?”

“บอกแล้ว”

“แล้ว?”

เอสมันเขี้ยวจนทนไม่ไหว ยกมือขึ้นบีบจมูกโด่งของคนที่ยื่นหน้ายื่นตาถาม “ก็บอกไปแล้วนี่ไง”

“โอ๊ย!” ตี๋สะบัดหน้าหนีปลายจมูกแดงแปร๊ด “นี่อย่าบอกนะว่า...”

“ใช่” ไม่รอให้อีกคนพูดจบ เขาชิ่งพูดก่อนเลย “ตี๋น่ะเป็นรักแรก แล้วก็...รักครั้งเดียวของพี่ไงล่ะ”

คนตัวขาวทำหน้าเลี่ยน ๆ “ทำไมต้องเสี่ยวเสมอต้นเสมอปลายขนาดนี้ด้วยเนี่ย”

เอสไม่ตอบโต้ได้แต่ยิ้มและลูบหัวของตี๋เบา ๆ

“แล้วทำไมถึงเป็นตี๋ล่ะ?”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน สิบปีที่ผ่านมาพี่เจอใครมากมาย แต่พี่อาจจะเป็นพวกยึดติดเกินไปก็ได้ ไม่มีสักคนที่เติมเต็มความสุขพี่ได้เหมือนเราเลย จะว่าไปพี่ก็เคยพยายามที่จะลองคบใครหลายคนนะ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ”

ตี๋เงียบฟังที่อีกฝ่ายพูดจนจบและไม่ได้มีความคิดเห็นใด ๆ ออกไป เพราะเขาไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกับเอส ไม่ได้พบเจอกับเหตุการณ์เช่นเดียวกัน ก็เลยได้แต่ถามสิ่งที่กำลังสงสัยออกไปมากกว่า

“พี่มีความสุขไหม?”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็พูดไม่ได้เต็มปากนะ เหมือนหลอกตัวเองว่ามีความสุขดีไปวัน ๆ มากกว่า แต่ตอนนี้พี่พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าพี่มีความสุขมาก...อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยล่ะ”

ราวกับโดนรอยยิ้มของอีกฝ่ายสะกดเอาไว้ ตี๋ไม่เคยรู้สึกดีเมื่อเห็นคนอื่นมีความสุขเพราะตัวเองมาก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรก

ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเรียบของตัวเขามันคงทำให้อีกคนไม่รู้ว่าเขาเองก็มีความสุขเหมือนกัน และมันก็ทำให้เขาเกิดความคิดอยากจะปกป้องความสุขของอีกฝ่ายเอาไว้แบบนี้ เขาไม่อยากให้อีกคนสูญเสียมันไป...ต่อให้เอาอะไรมาแลกก็จะไม่ยอม

มือขาวเอื้อมไปจับมือใหญ่กว่าของเอส บีบเสียจนแน่นก่อนจะเอ่ย

“พี่” ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเสียงที่พูดออกไปมันพร่าแค่ไหน

“หืม”

ยังไม่ทันที่เอสจะได้พูดต่อ ตี๋ยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ...ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตนถึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน  รู้แค่ว่าอยากจะจูบมาก ๆ โชคดีที่ผ่านการเรียนรู้มาจากเอสหลายครั้งหลายหน และมันทำให้เขาจูบได้ไม่เลวเลยทีเดียว

“ตกใจหมด อะไรเนี่ย” เอสพูดหลังจากที่อีกฝ่ายถอนปากออกไป แต่ก็ยังเอาแขนคล้องคอตนอยู่ ส่วนเขาเองก็กอดเอวอีกคนให้มานั่งคร่อมบนตักเอาไว้กันหนี ก็รู้อยู่แล้วว่าตี๋เป็นคนผอมทั้งที่กินเก่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะผอมขนาดนี้  ไม่รู้ว่าถ้ากอดแรง ๆ เอวจะหักไหมนี่

ตี๋เม้มปาก ใบหน้านิ่งสบตาอีกฝ่าย แอบเขินนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากมายเท่ากับเมื่อก่อน เพราะเขาเริ่มชินกับการถูกเนื้อต้องตัวกับอีกฝ่ายไปแล้ว

“ก็แค่อยากทำ”

เอสยิ้มมุมปาก “เป็นแบบนี้บ่อย ๆ ระวังพี่จะจับปล้ำเอา”

“กล้าก็ลองดิ” มองอย่างท้าทาย ที่กล้าท้าก็เพราะรู้ว่าเอสไม่ทำแน่นอน เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนรักษาคำพูดพอ

“ไม่หรอก เดี๋ยวเราโกรธ พี่รอได้”

ตี๋ยิ้มให้ก่อนจะเข้าไปหอมแก้มเอสฟอดใหญ่ ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไรเหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองเอ็นดูอีกคนมาก จนอดใจไม่ไหว เขาอาจจะรักอีกคนมากจนตัวเองก็คงคิดไม่ถึงก็ได้

แต่ถึงมันจะเป็นความรักแบบไหนก็ตาม...มันก็คือรักล่ะนะ

“วันนี้กำไรจังน้า” เอสพูดเพ้อเอาหน้าซุกลงกับอกแห้ง ๆ ของตี๋ที่มันอาจจะไม่นุ่มนิ่มแต่ก็อบอุ่น 

เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ก้มลงมองคนอายุมากกว่าที่กำลังทำตัวเหมือนเด็กกำลังอ้อน แล้วยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู แขนยาวโอบกอดอีกคนเอาไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับลูบหลังขึ้นลงให้คนอ้อนได้ชื่นใจ

“ไปอาบน้ำได้แล้ว” ตี๋ว่า เพราะผ่านมาสักพักใหญ่แล้วก็ยังไม่โดนปล่อยออกจากวงแขน พอหันไปมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันดึกแล้ว

“ขัดความสุขจัง” เจ้าตัวคลายแขนออก เงยหน้าขึ้นบ่นเสียงอ่อน

“จะได้มานอนด้วยกันไง” ตี๋พูดยิ้ม เอียงคอทำให้ดูน่ารักขึ้น

“งานพี่ยังไม่เสร็จเลยเหอะ” เอสเดินคอตกกลับไปทำงานต่อ ปล่อยให้แฟนเด็กนอนเล่นเกมในมือถือต่อไปอย่างสบายอารมณ์ เพราะตัวเองอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวเหลือบหันไปมองเอสที่นั่งหันหลังทำงานอย่างเคร่งเครียดอยู่เป็นระยะ จนในที่สุดก็เผลอหลับไป





เวลาล่วงเลยไปจนตีหนึ่ง งานที่หอบหิ้วมาจากบริษัทก็เสร็จ เจ้าตัวบิดขี้เกียจพร้อมกับหมุนตัวมาดูเด็กที่นอนเล่นเกม พอเห็นว่าหลับไปแล้วเอสก็ได้แต่อมยิ้ม ขายาวก้าวเดินมาก้มลงหอมผมนิ่มให้ชื่นใจ ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เปิดผ้าห่มล้มตัวลงนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแล้วดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด ตี๋เป็นพวกชอบความเย็น พอเจอตัวเย็น ๆ ที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำมาของเขาก็ขยับเข้ามาซุกตัวทันที ก็อย่างที่บอกกับคนในอ้อมแขนไป...ตอนนี้เขาพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าตอนนี้เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิตแล้วก็ได้ แม้ตี๋จะยังไม่เคยบอกว่ารักเขาเลยสักครั้งก็ตาม หรือแม้เขาจะยังไม่ได้ครอบครองคนคนนี้ เขาก็มีความสุขแล้ว

เขาที่ไม่เคยรักใครและไม่ยอมให้ใครรัก ไม่เคยรู้จักความรักอย่างแท้จริง ตั้งแต่ได้กลับมาพบกับตี๋ ได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เด็กคนนี้ทำให้ตัวเขารู้ว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่าเลยนานขนาดนี้ ผ่านไปหลายเดือนแล้วแม้แต่ช่วยตัวเองก็แทบจะไม่มี มันทำให้เขาแปลกใจมากเหมือนกัน จนเริ่มคิดว่าหรือจริง ๆ แล้วตัวเขาก็ไม่ได้อารมณ์ทางเพศสูงอย่างที่ตัวเองคิดกันแน่

ตั้งแต่กลับมาเจอกันอีกครั้ง ตี๋ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็นมาเกือบสิบปี พฤติกรรมแย่ ๆ หลายอย่างที่เคยทำก็เลิกอัตโนมัติโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องขอเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เคยรู้เลยว่าจะทำตัวดีได้ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต รู้สึกขอบคุณเด็กคนนี้มาก ๆ ไม่ว่าจะสิบปีที่แล้วหรือในตอนนี้ ตี๋เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจให้เขาได้มีกำลังใจเสมอมา

“ฝันดีนะครับ คนดีของพี่...” เขาก้มลงหอมศีรษะที่กำลังแนบอกเขาอยู่ “...พี่รักเรานะ”

ตอนนี้เอสจะไม่ขอให้เด็กคนนี้บอกรัก เขาจะรอเมื่อตี๋พร้อมที่จะพูดมันออกจากปากของตัวเองด้วยความเต็มใจดีกว่า สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือ...อีกคนเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากเขาสักเท่าไหร่หรอก แค่นี้มันก็ดีสำหรับเขามากแล้ว




++++++++++




“ตี๋ เดี๋ยวอยู่เฝ้าร้านให้ป๊าหน่อยนะ” คนเป็นพ่อบอกลูกชายคนเล็กที่กำลังนอนดูทีวีอยู่

“จะไปไหนกันอะ?” เจ้าตัวหันมาถามขนมยังคาปาก เพราะปกติแล้วไม่ป๊าเฝ้าก็จะเป็นม๊า ทั้งสองคนไม่ค่อยจะไปไหนพร้อมกันบ่อย ๆ หรอก

“ไปธนาคารหน่อย เดี๋ยวมา”

“เฝ้าร้านดี ๆ นะลูก” ม๊าวางมือลงบนหัว

“ครับ”

หลังจากนั้นตี๋ก็ต้องย้ายตัวเองมาอยู่ตรงส่วนร้าน ในระหว่างที่ไม่มีใครมาซื้อของเขาก็นั่งกดเกมในมือถือแทน ช่วงปิดเทอมเป็นเวลาที่เขาทำตัวไร้สาระที่สุด มักจะหมดเวลาไปกับการกิน นอน อ่านหนังสือ และเล่นเกม แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรสักคน เพราะตอนเปิดเรียนก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาน่ะแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ขนาดเวลาจะนอนยังน้อย เพราะแบบนี้เลยไม่ค่อยมีใครใช้งานเขาหรอกถ้าไม่จำเป็น

“รับอะไรดีครับ” ลูกชายเจ้าของร้านถามเมื่อเห็นว่ามีคนมายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าร้าน

“พอดีอยากได้ผ้าไปตัดกระโปรงนักศึกษา ต้องใช้ผ้าแบบไหนเหรอคะ?”

“อ๋อ ทางนี้ครับ” ตี๋เดินนำมาตรงม้วนผ้า “กี่เมตรครับ”

“ห้าเมตรก็น่าจะพอนะคะ”

“ถ้าไม่พอไว้มาซื้อเพิ่มก็ได้ครับ” ตอบยิ้ม ๆ

“อ่าว อาตี๋วันนี้อยู่เฝ้าร้านด้วยเหรอเนี่ย” หญิงชราที่เพิ่งเดินเข้าร้านมาทักเสียงดัง

“วันนี้ป้ากับม๊าไปธุระ ตี๋เลยต้องมาเฝ้าแทนครับ อาม่าเอาอะไรดี?” เจ้าตัวตอบเสียงสดใสกับอาม่าแถวบ้านที่คุ้นเคยกันดี ขณะที่กำลังวัดผ้าก่อนจะตัดแล้วพับลงถุงส่งให้ลูกค้าสาว

“ว่าจะมาซื้อกระดุมสักหน่อย เสื้ออากงไม่มีกระดุมเหลือแล้ว” เธอพูดกลั้วหัวเราะ

"ครับ ๆ รอตี๋แป๊บหนึ่งนะ” ตี๋หันไปบอกราคา รอรับเงินแล้วก็ทอนเงินให้เรียบร้อยถึงจะเดินเข้าไปหลังตู้กระจกเพื่อรอหยิบกระดุมให้อาม่า

“เอาแบบนี้ สองเม็ดพอ”

“ครับผม” หยิบใส่ถุงซิปยื่นให้ “สองบาทครับ”

“ขอบคุณครับ ม่าก็รักษาสุขภาพด้วยนะ” ตี๋จับมือของหญิงชราพาเดินออกไปหน้าร้าน

“ขอบใจมากนะ”

เจ้าตัวยิ้มให้แทนคำตอบ ยืนส่งอาม่าจนเดินเข้าบ้านไปเรียบร้อย เพราะบ้านท่านอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ช่วงตึกเอง ตี๋เป็นคนที่ผู้ใหญ่ต่างให้ความเอ็นดูเสมอ และส่วนตัวเขาเองก็ชอบที่จะพูดคุยกับคนอายุมากกว่า และก็เข้ากันได้ดีกับผู้สูงอายุมากกว่าคนวัยเดียวกันซะอีก

“กลับมาแล้วจ้า” ม๊าพูดทันทีที่เดินเข้ามาในร้าน ลูกชายคนเล็กเงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วลุกเดินไปช่วยหิ้วของ

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย” ตี๋ว่า เพราะแขนทั้งสองข้างเกร็งไปหมดจากการหิ้วของหนัก

“ของใช้แล้วก็ของกินทั้งนั้น” ป๊าตอบ

“เดี๋ยววันนี้ม๊าจะทำกระดูกหมูต้มไช้เท้าให้นะ แล้วก็เอาไปฝากบ้านนั้นด้วยล่ะ”

“ครับ” ตี๋ดีใจที่จะได้กินของโปรด พอวางของเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์หาเอสว่าวันนี้ม๊าจะทำกับข้าวไปฝากหนึ่งอย่าง

“ตี๋ขึ้นห้องก่อนนะม๊า”

“จ้า”

อีกไม่กี่ชั่วโมงเอสก็จะเลิกงานแล้ว พอปิดเทอมแบบนี้ กลายเป็นว่าเจ้าตัวนั่งนับเวลารอพี่เอสเลิกงานแทบจะทุกวันเลยด้วยซ้ำ สงสัยว่าเขาคงจะว่างเกินไป พอเป็นแบบนี้มันก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่เริ่มกลับมาติดอีกฝ่ายเป็นตังเมเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกครั้ง ถึงจะดูภายนอกแล้วอาจจะไม่มีใครรู้ แต่ตัวเขาเองนั้นก็รู้อยู่แก่ใจ เวลาว่าง ๆ ตอนนี้เขาเลยต้องหาอะไรทำไปเรื่อย ๆ พยายามไม่ให้ตัวเองว่างเกินไปจนฟุ้งซ่าน

“ทำไรอยู่วะ” ตี๋กดโทรหาภาค “เล่นเกมกันมึง”

(เป็นห่าไรเนี่ยชวนเล่นแต่เกม)

“ว่าง”

(คิดถึงผัวอะดิ) ภาคพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกวนตีนเพื่อนรัก

“ผัวพ่อมึงสิ”

(หราาาาา)

“เออออออ”

(นี่ยังไม่ได้กัน?)

ภาคถาม จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากจะละลาบละล้วงอะไรมากมาย แค่สงสัยเท่านั้นเอง คบกันมาก็หลายเดือนแล้ว แต่ดูท่าเพื่อนของเขาคงยังไม่โดนจับกินเป็นแน่แท้ นี่ถ้าเป็นชาวบ้านเขาเสร็จกันตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้วมั้ง ตอนแรกเขาก็สงสัยนะว่าใครรุกใครรับ แต่กะดูจากขนาดตัวแล้ว ถึงแม้จะสูงเท่า ๆ กันก็เถอะ แต่ไอ้ตี๋เพื่อนเขามันตัวบางกว่ามาก เรียกว่ากระดูกคนละเบอร์เลยจะดีกว่า เห็นแบบนี้ก็ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าใครเป็นฝ่ายไหน

“ถามเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!” ตี๋ตะเบ็งเสียด่าแก้มแดง

(กูก็แค่สงสัยอะ) ภาคบอกซื่อ ๆ (สรุปยังเหรอวะ?)

ตี๋ถอนหายใจกับความขี้เสือกของเพื่อนตัวเองก่อนจะตอบ “เออ”

(โห ตอนแรกกูมองพี่เขาแล้วคิดว่ามึงต้องเสร็จเขาช้าสุด ๆ เลยนะก็แค่เดือนเดียว นี่ล่อไปสามเดือนกว่าแล้ว เป็นพ่อพระหรือนักบวชกันวะเนี่ย)

“เสือก” ตี๋ด่าสั้น ๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน เขาคิดว่าส่วนอื่นให้เว้นไว้เป็นเรื่องส่วนตัวจะดีกว่า

(วันนี้จะเล่นอะไร) พอเห็นว่าตี๋มันคงจะไม่ตอบแน่ ๆ เขาก็เลยวกเข้าเรื่องเกมแทน

“เคาน์เตอร์ละกัน ไม่ได้เล่นมานานแล้ว”

(เออ เปิดคอมแป๊บ)

การเล่นเกมเป็นการฆ่าเวลาที่ดีอีกอย่างหนึ่งเลย แถมยังได้ฝึกสมองด้วย เวลาที่มีใครชอบด่าคนที่เล่นเกม ตี๋ก็มักจะหงุดหงิดเสมอ การเล่นเกมไม่ใช่ว่าจะเล่นกันได้ดีทุกคนเสียหน่อย ไม่ใช่ว่ามันไม่ต้องใช้ทักษะอะไรเลย มันต้องใช้ทั้งสมาธิและทักษะเหมือนกับการเล่นกีฬาชนิดอื่นนั่นแหละ

.
.
.


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.9 หน้า 2 [up:15/05/2018]
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-05-2018 18:14:31 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.9 หน้า 2 [up:15/05/2018]
«ตอบ #40 เมื่อ15-05-2018 18:14:53 »



“ตี๋!” เสียงแม่เรียกจากชั้นล่าง ดีที่ว่าเขาเล่นเสร็จพอดีเลยได้ยิน

“ครับ” เจ้าตัวเปิดประตูขานรับ

“พี่เอสเขามาหาแหนะลูก”

คนที่กำลังรอปิดประตูแล้วรีบวิ่งลงมาด้านล่างทันที เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่อีกคนจะมาหาตนถึงบ้าน ป๊า ม๊าแล้วก็พี่เอสนั่งอยู่ด้วยกันที่โซฟาหน้าทีวี คนเป็นแม่ตกใจที่เห็นลูกชายคนเล็กวิ่งหน้าตาตื่นลงมาจนอดที่จะขำไม่ได้

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้” เอสยิ้มขำ

“แล้วพี่มาไมอะ?” น้องถามหน้าเหลอหลา

“ก็มาขอบคุณที่แม่ของตี๋ทำกับข้าวให้พี่บ่อย ๆ น่ะสิ”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ตี๋ก็ไปรบกวนบ้านเราประจำเลย ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว”

“ม๊าอะ ตี๋โตแล้วนะ” ตี๋ว่าหน้างอ

“ไม่ได้รบกวนหรอกครับ” เอสตอบยิ้มน้อย ๆ

“ใครจะเชื่อ มันทำอะไรเป็นที่ไหน นอกจากกินกับนอน ไปบ้านเรามันจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้” ป๊าพูดจบก็พ่นลมออกจากจมูกดังหึพร้อมกับเหลือบมองลูกชายที่ว่าอย่างดูถูก

ตี๋มองอ้าปากค้าง อยากจะโวยวาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำมันยังไงดี เพราะที่ป๊าพูดมามันก็คือเรื่องจริงทั้งนั้น

“ก็จริงครับ”

ตี๋หันขวับไปหาเอสทันทีด้วยความไม่พอใจ

“แต่เขาก็เป็นเด็กที่ดีมากนะครับ ตอนนี้ตี๋เป็นเพื่อนคุยกับป๊าของผมได้ดีทีเดียว ช่วยให้ท่านคลายเหงา แล้วก็หายเบื่อไปได้เยอะเลยครับ” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังและสายตาที่มองตรงอย่างแน่วแน่ จนป๊ากับม๊าของตี๋เงียบฟังด้วยความรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

ตี๋มองกลับไปกลับมาทั้งสองฝั่งอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะทางพี่เอสก็ดันพูดอะไรซะจริงจังขนาดนั้น จนเขากลัวว่าป๊ากับม๊าจะจับผิดอะไรได้ อย่างที่บอกเขากลัวว่าท่านจะรู้ว่าเขาสองคนคบกัน เขายังไม่พร้อมจะรับมือเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนั้นได้ และที่กลัวยิ่งกว่าก็คือ...เรื่องนี้มันอาจจะทำร้ายจิตใจของอีกฝ่าย ซึ่งเขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น

“ห- เห็นปะ ตี๋ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ซะหน่อย อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนคุยได้นะ” ตี๋ว่าเชิดหน้าใส่ป๊า พยายามทำใจดีสู้เสือ

“ก็ดี” ป๊าว่าเสียงสูงที่ท้ายคำจนลูกชายนึกหมั่นไส้

“ไปเอากับข้าวในครัวกันดีกว่าเนอะ เดี๋ยวเฮียโจวหิวแย่เลย” ม๊าเรียกให้เอสเดินตามเข้าไปเอากับข้าวที่ในครัว ส่วนตี๋กับป๊าก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม กับใจที่เต้นไม่เป็นส่ำของคนเป็นลูกภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ

“ไปบ้านเขาก็หัดช่วยงานบ้างล่ะรู้ไหม”

“รู้แล้ว ตี๋ก็ช่วยล้างจานนะ”

“อย่าไปซนที่บ้านเขานักล่ะ” คนเป็นพ่อพูดแซวลูกชาย

“ตี๋ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“ไม่ใช่เด็กแต่ก็ยังไม่โตพอ”

ตี๋ชะงักไป เพราะก็ยอมรับในสิ่งที่ป๊าพูด ก่อนจะรับคำสั้น ๆ “ครับ”

คนเป็นพ่อยิ้มบาง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปลูบหัวลูกชายคนเล็กด้วยความรักใคร่ มีไม่บ่อยนักหรอกที่ป๊าของตี๋จะแสดงความรักเช่นนี้กับลูกชาย เรื่องลูบหัวอะไรแบบนี้แทบจะไม่มีเลยตั้งแต่ลูก ๆ โตขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักซะเมื่อไหร่กัน

หลังจากที่ป๊าเดินหายเข้าไปในครัว ตี๋ก็ทิ้งตัวลงกับพนักพิงโซฟาแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทั้งอึดอัดและโล่งอก ตาเรียวปิดลงด้วยความเหนื่อย สักพักเอสก็เดินออกมาจากครัวหลังบ้านยืนยิ้มสองมือหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่

“ม๊าจัดให้เต็มเลย วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวละ” เอสบอก

“ก็ดีแล้ว ไปรอหน้าบ้านนะ ตี๋ไปเอามือถือก่อน” พอเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้ารับ ขายาวก็วิ่งขึ้นไปบนบ้าน หายไปไม่นานก็วิ่งผ่านหน้าป๊าไป

จนเจ้าตัวอดแซวลูกชายไม่ได้ “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้มั้ง”

ตี๋ไม่ตอบโต้ เพียงแค่หันไปยักคิ้วให้สองที แล้วค่อยเดินออกไปหาคนที่ตัวเองนั่งคิดถึงมาตลอดทั้งวัน

“ไปกันเถอะ”

ตอนนี้ตี๋เองก็เอาเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างที่จำเป็นเอาไปไว้ที่บ้านของเอสแล้ว จะได้ไม่ลำบากแบกไปแบกมา เสื้อผ้าที่ใส่แล้วเอสก็จัดการซักอบรีดให้เรียบร้อย

“กินขนมไหม วันก่อนพี่ลองอบเค้กกล้วยหอมดูด้วยล่ะ”

ตี๋พยักหน้าแบบไม่ต้องคิดเลย เขาชอบกินกล้วยหอมมาก “ขอนมหนึ่งแก้วด้วยนะครับ”

“ครับผม”

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในบ้านก็เจอป๊าพี่เอสนั่งดูทีวีอยู่พอดี

“ป๊าพี่เอสสวัสดีครับ”

ท่านยกมือรับไหว้ “เรียกซะยืดยาว คุ้นเคยกันขนาดนี้แล้ว เรียกป๊าก็พอ”

“อะ- เอ่อ...” ตี๋ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เหลือบตาไปมองคนตัวใหญ่ที่ยืนยิ้มขำอยู่ด้านหลังของพ่อตัวเอง

“ไหนลองเรียกป๊าสิ” คนสูงอายุบอก

“เอ่อ...”

“ลองดู ป๊า” ท่านย้ำ

“ป๊า...ครับ” ตอนแรกตั้งใจจะเรียกป๊าเฉย ๆ แต่ก็ดูจะห้วนไปเลยเติมครับให้ด้วย ที่ไม่อยากเรียกแบบนี้ไม่ใช่อะไร แค่รู้สึกแปลกเวลาเรียก เหมือนกับเราเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างนั้นแหละ แต่พอเห็นสีหน้าพึงพอใจของคนสูงอายุรวมถึงลูกชายอีกฝ่ายด้วยแล้วก็แอบหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กน้อย

“ก็แค่นี้” เจ้าตัวเดินเข้ามากอดไหล่ของตี๋ “ตี๋ก็เหมือนเป็นลูกชายป๊าอีกคนแล้วนะ ไม่ต้องเขิน”

ตอนแรกตี๋ก็ไม่ได้เขินอะไรหรอก แต่พอโดนทักเท่านั่นแหละ เขินเลย แก้มขาว ๆ ขึ้นสีชมพูระเรื่อ แต่อีกใจก็รู้สึกอบอุ่น อุ่นใจ ทุกวันนี้ตัวเขาก็เข้าออกบ้านนี้ราวกับเป็นบ้านตัวเองไปแล้ว มันเลยทำให้เขารู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง

“แกล้งเด็กมันน่าป๊า ไปกินข้าวกัน วันนี้ม๊าตี๋ให้กับข้าวมาเต็มเลย” เอสพูดก่อนจะเดินนำเข้าไปในครัว โดยมีอีกสองคนเดินตามไป

“แกล้งนิดแกล้งหน่อยทำเป็นหวง”

“ไม่ได้หวงซะหน่อย”

“กูเป็นพ่อมึง กูรู้หมดแหละ” พูดจบก็นั่งลงกับเก้าอี้ ลูกชายคนเดียวส่ายหัวยิ้มกับคำพูดติดปากของคนเป็นพ่อ เอสจัดวางกับข้าวลงบนโต๊ะโดยที่มีตี๋ตักข้าวแล้วยกมาวางให้ เห็นภาพแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ท่านยิ้มออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ พออายุมากขึ้นแล้วตัวเขาเองถึงได้เข้าใจความหมายของครอบครัว ว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน เพียงแค่ได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ขัดขวางความรักของลูกชาย ครั้งหนึ่งเขาเคยทำสิ่งที่สำคัญหายไป และเขาไม่ต้องการให้เอสพบเจอเรื่องราวอย่างที่เขาได้ผ่านมา ในใจก็ได้แต่หวังว่าวันใดที่ตัวเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้กับลูกชายแล้ว ก็ขอให้มีใครสักคนหนึ่งอยู่เคียงข้างกันเท่านั้นเอง







“ทำอะไรอยู่เหรอ” ตี๋เดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำ เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ชะโงกไปดูก็เห็นโค้ตโปรแกรมอะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมดจนน่าปวดหัว

“ทำงานน่ะสิ” เอสตอบไม่เงยหน้าขึ้นจากคอม “ขนมกับนมอุ่น ๆ พี่วางให้บนโต๊ะแล้วนะครับ”

คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จหันไปมองที่โต๊ะแล้วปากแดงก็อมยิ้มออกมา เจ้าตัวเดินไปใกล้ตัวเอส ก้มลงหอมแก้มไปหนึ่งฟอด “ขอบคุณครับ”

คนถูกหอมหันกลับมามองตี๋ที่เดินไปหยิบขนมกินอย่างประหลาดใจ เขารู้สึกว่าช่วงนี้อีกฝ่ายถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่การนัวเนียแบบลามก เป็นการเข้ามาคลอเคลียแบบอ้อน ๆ เสียมากกว่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการกระทำแบบนี้ แต่บางทีมันก็ต้องใช้การข่มใจในบางครั้งเหมือนกัน ถึงแม้ว่าในระยะนี้เขาจะมีความหื่นน้อยลงแล้วก็ตาม

“อร่อยไหม?”

ตี๋พยักหน้าเป็นคำตอบแทนเพราะกำลังกินอยู่เต็มปาก เอสหันกลับมาทำงานต่อพร้อมกับรอยยิ้มและความรู้สึกดีในหัวใจ ชีวิตในช่วงเวลานี้ทำให้เขารู้สึกพอใจและไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีก เป็นชีวิตที่เรียบง่ายแบบที่เขาไม่เคยพบเจอมานาน เมื่อก่อนนี้เขาอาจเป็นคนที่ไม่ดี แต่ทั้งป๊าและตี๋ก็ช่วยทำให้เขารู้ว่าชีวิตที่สงบสุขแบบนี้ก็ดีไม่น้อยอยู่เหมือนกัน

การคบกันกับตี๋ ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง สิ่งที่เมื่อก่อนนี้เคยคิดว่ามันจำเป็น อย่างเซ็กซ์ ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไร การอยู่แบบนี้มันก็ดีไม่หยอก มีแค่กอด จูบ และได้ดูแลกันแบบนี้ ก็มีความสุขดี ถึงแม้ว่าความต้องการทางเพศมันอาจจะมีอยู่บ้าง ก็เขายังเป็นผู้ชายที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ มันก็ไม่แปลกที่จะมี แต่ถ้าอีกฝ่ายยังไม่พร้อมที่จะมีมัน เขาก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร

“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”

“หืม?” คนที่กำลังนั่งทำงานหมุนเก้าอี้กลับไปมองคนถาม ที่ตอนนี้กำลังนอนคว่ำเอามือเท้าคางมองมาทางเขาอยู่ด้วยสีหน้าง่วง ๆ วันนี้มาแปลก ปกติแล้วถ้าง่วงก็จะหลับไปก่อนเลยแท้ ๆ แต่วันนี้มีการรอด้วย

“ยังทำงานไม่เสร็จอีกเหรอ?” ตี๋ถามย้ำ

เอสยิ้มเพราะรู้แล้วว่าตี๋เป็นอะไร ก่อนจะย้อนถาม “ทำไมครับ เหงาเหรอ”

“เปล่าสักหน่อย”

“เปล่า? แล้วทำไมต้องหลบตาพี่ด้วย”

“ก็บอกว่าเปล่าไง” คราวนี้ตี๋พูดพร้อมกับยันตัวลุกนั่งแล้วจ้องตากลับ ทำเอาเอสหัวเราะลั่น จากที่เจ้าตัวหน้าไม่รับแขกอยู่แล้ว ตอนนี้หน้าบูดเลย

คนพี่ลุกขึ้นไปหาคนนั่งตาขวางอยู่บนที่นอน นั่งลงข้าง ๆ แล้วยกมือขึ้นลูบแก้มเพื่อให้ผ่อนคลายความโกรธลง “อะ ๆ พี่ขอโทษ งานพี่อีกสักพักถึงจะเสร็จนะ ถ้าง่วงก็หลับไปได้เลย”

“จะรอ”

“รอทำไมล่ะ ง่วงก็นอนไปเลย”

หน้าขาวหงิกลงอีก เพราะอยากนอนกอดอีกฝ่ายหลับ แต่ก็เป็นเพราะความปากหนักเลยไม่ยอมพูดออกไป

“ก็จะรอ พี่จะทำก็ไปทำเถอะ ตี๋รอได้”

เอสยิ้มแล้วส่ายหัวให้กับความดื้อดึงของเด็กคนนี้ หันไปมองงานของตัวเองแล้วคิดว่ามันก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น แค่เขาเป็นพวกทำงานแล้วชอบติดลมเท่านั้นแหละ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องทำงานด้วย ไว้ค่อยทำทีหลังแล้วกัน

“โอเค เดี๋ยวพี่ไปปิดคอมก่อนนะ”

พอเอสพูดจบตี๋ก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบด้วยความพอใจ แล้วนั่งรอด้วยหน้ามึน ๆ จะหลับไม่หลับแหล่ สร้างความเอ็นดูแก่อีกคนจนอดที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวไม่ได้ ขายาวก้าวไปที่โต๊ะเพื่อจัดการงานของตัวเองให้เรียบร้อย พอปิดคอมเสร็จก็เดินกลับมาที่เตียง

“มา ๆ นอนกันได้แล้วครับเด็กดื้อ”

“ไม่ดื้อสักหน่อย” ตอบเสียงอู้อี้เพราะเจ้าตัวเบียดหน้าเข้ากับอกหนาของพี่เอส หัวเล็ก ๆ หนุนลงกับแขนของอีกฝ่าย พร้อมกับพาดแขนไว้กับเอวของอีกคนด้วยความคิดถึง

“ทำไมวันนี้อ้อนจังเลย”

“ไม่รู้”

“อ้าว นี่พี่ไม่ได้คุยอยู่กับตี๋เหรอเนี่ยถึงตอบว่าไม่รู้” มือใหญ่ลูบลงกับหัวเล็กทุย ๆ ของตี๋

“ก็ตี๋สิ” คนในอ้อมกอดเริ่มตอบไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เพราะสติเลือนรางลงด้วยความง่วง ยิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเอสที่ทำให้เขาหลับได้อย่างสบายใจแล้วยิ่งไปกันใหญ่ จากที่พูดไม่ค่อยเก่งก็กลายเป็นพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

“คิดถึงพี่เหรอครับ”

“อื้ม คิดถึง” เจ้าตัวเผลอตอบออกไปตอนที่สติแทบจะเป็นศูนย์ เสียงงึมงำฟังยาก แถมยังเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพราะห้องมันเงียบมาก เป็นโชคดีที่เอสได้ยิน

ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดว่าตี๋จะคิดถึงเขาจริง ๆ หรอก แต่เพราะช่วงนี้อีกคนทำตัวผิดไปจากปกติ อาจจะไม่ได้มากอะไร แต่เขาก็ดูออก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่าคิดถึงออกจากปากอีกฝ่าย ถึงมันจะเป็นการหลุดปากเพราะความง่วงก็ตาม เพราะถ้าเป็นเวลาปกติล่ะก็...ตี๋ไม่มีทางพูดมันออกมาแน่นอน แต่เขาก็ดีใจ ที่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดถึงอีกฝ่าย เอสกอดคนในแขนให้แน่นขึ้น ก้มลงจูบหัวด้วยความรัก

“ดื้อเอ๊ย”


TBC…
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเราก็เขียนนิยายละมุนตุ้น(?)ได้ด้วย  :laugh:
เขียนเองก็อยากได้ทั้งเอสและน้องตี๋มาเป็นของตัวเอง 555555
ขอบคุณที่ชอบและติดตามกันนะคะ เราจะพยายามต่อไปค่ะ  :mew1:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.9 หน้า 2 [up:15/05/2018]
«ตอบ #41 เมื่อ15-05-2018 19:40:44 »

 :กอด1: เอ็นดูคนปากหนัก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.9 หน้า 2 [up:15/05/2018]
«ตอบ #42 เมื่อ16-05-2018 12:19:27 »

เอาใจช่วย เอส ตี๋    :mew1: :mew1: :mew1:

เอส ตี๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
«ตอบ #43 เมื่อ19-05-2018 16:06:49 »

10




เอสมองอีกคนที่ยึดโต๊ะทำงานของเขาเพื่อนั่งเล่นเกมมาได้สักพักใหญ่แล้ว ได้ยินปากบางด่าคนด้านในผ่านไมโครโฟนที่ติดอยู่กับหูฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ วันหยุดนี้เจ้าตัวหอบโน้ตบุ๊คมาให้เขาทำให้ สาเหตุเพราะตี๋ไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยีเลยแม้แต่นิด พอได้เครื่องไปก็นั่งเล่นเกมกับเพื่อนจนบ่ายถึงจะลุกมาบิดขี้เกียจ

“ผมยาวแล้วนะ” คนเป็นพี่เดินเข้าไปทักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเล่นเกมจบแล้ว

“ใช่ ขี้เกียจตัดอะ” ยกมือขึ้นคลำผมตัวเองพลางบ่นเสียงเอื่อย เขาไม่ชอบเข้าร้านตัดผม เพราะไม่ชอบให้ใครก็ไม่รู้มาจับหัวตัวเอง

“ปกติตัดร้านไหนล่ะ? เดี๋ยวพี่พาไป”

“ตัดเอง”

“หา?!”

“ทำไมต้องตกใจด้วย” เจ้าของหัวเงยหน้ามองไม่พอใจ จริง ๆ ก็เคยมีคนว่าเรื่องของทรงผมเขาอยู่เหมือนกัน แต่ก็หาได้สนใจไม่ เขาก็ไม่ได้ฝีมือแย่ขนาดนั้น
สักหน่อย

“เปล่า ๆ มิน่าล่ะทำไมดูไม่เป็นทรงเลย แต่ไว้ยาวก็ดีนะ เราผมสวยออก”
เอสยื่นมือไปจับผมสีดำขลับลื่นมือที่ตอนนี้มันยาวจนประต้นคอแล้ว

“คิดอยู่นะ แต่ป๊าไม่ชอบผมยาว แค่นี้ก็บ่นจะแย่แล้ว”

“อ่าฮะ”

ตี๋หมุนเก้าอี้มาหาคนพี่ ยกแขนขึ้นกอดเอวแล้วเอาคางวางที่ท้องอีกฝ่าย ช้อนตามองเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง เอสส่งเสียง “หืม” เป็นเชิงถาม เอียงคอมอง

“พี่อยากให้ตี๋ไว้ผมยาวเหรอ?”

“พี่น่ะยังไงก็ได้ แล้วแต่เราเถอะ” มือที่ใหญ่กว่าเกลี่ยผมสวยเล่น

“ตี๋ถามก็ตอบมาสิ อย่ามาย้อน”

“โอ๊ย ๆๆ” เอสร้องเพราะโดนกัดท้อง “ไว้ยาวครับ ไว้ยาว”

“ก็แค่นี้” พอได้รับคำตอบก็ปล่อยมือแล้วหมุนตัวกลับมาปิดคอมให้เรียบร้อย เพราะถึงเวลาที่จะต้องลงไปช่วยทำกับข้าวแล้ว ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าช่วย แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรมากขึ้นก็แล้วกัน เวลาที่โดนเรียกให้หยิบก็หยิบถูกแล้วด้วย

“ทำแบบนี้บ่อย ๆ มันอันตรายนะรู้ไหม?” คนโดนกัดยกมือขึ้นขยี้หัวไอ้ตัวแสบ

“ยังไงอะ?”

“เฮ้อ เอาเถอะ ไปทำกับข้าวกัน”

“ก็อะไรล่ะ” ตี๋ดึงชายเสื้อไว้ไม่ให้คนที่กำลังเบี่ยงเบนประเด็นเดินหนี

เอสหันกลับมาเผชิญหน้ากับตี๋ก่อนจะตอบ “อย่ารู้เลย”

“บอกมา” หรี่ตามอง

“ก็...” เจ้าตัวไม่ได้ตอบในทันที แต่ปลายนิ้วกลับขยับเข้าไปแตะตรงท้องของอีกฝ่าย คราแรกตี๋ก็ยังคงไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร จนกระทั่งมือใหญ่เลื่อนลงจนมาถึงท้องน้อย สัมผัสเบาหวิวที่ผิดปกติทำให้เขาดันตัวออกจากมันทันที ใบหน้าขาวตกใจอย่างเห็นได้ชัด

“เข้าใจแล้วใช่ไหม?” เอสวางมือลงบนหัวทุยแล้วเขย่ามันเบา ๆ อย่างปลอบโยน

“ข- เข้าใจแล้วครับ”

คว้าแขนคนน้องที่กำลังอยู่ในอารมณ์ตกใจให้เดินตามเขาออกจากห้อง ที่ต้องทำอย่างนั้นก็เพราะว่าถ้าพูดไป เดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงจะไม่เข้าใจอีก ดีไม่ดีก็คงจะหาว่าเขานั้นลามกแน่นอน ถ้าแสดงให้เห็นแล้วตี๋ที่เป็นผู้ชายเหมือนกันก็คงจะเข้าใจมันได้ไม่ยากแน่นอนว่าเพราะอะไรมันถึงอันตราย

“ไอ้ลามก” ทันทีที่หายตกใจเขาก็ว่าคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าด้วยความหมั่นไส้

“งั้นเราก็ขี้อ่อย”

“ใครอ่อยวะ!”

“ก็เราน่ะแหละ”

“ไม่ใช่เหอะ”

“ถ้าไม่ใช่แล้วเมื่อกี้คืออะไรล่ะ”

มือขาวที่ไม่ถูกจับทุบอั๊กลงที่กลางหลังพี่ชายด้วยความหงุดหงิด ดันมาหาว่าตัวเขาขี้อ่อย แล้วโดนทุบไปแทนที่จะสลดกลับหัวเราะชอบใจซะอย่างนั้น เลยทำให้เขารัวมือใส่ไม่ยั้ง

“ซาดิสท์หรือไงวะ!”

“โอ๊ย เจ็บ ๆๆๆ” เอสหันกลับมาจับข้อมือขาวให้หยุดเสียที

“ก็หยุดหัวเราะสิ”

“ครับ ๆๆ”

คนเป็นพี่รับหน้าที่ทำกับข้าวโดยมีลูกมือเป็นตี๋เหมือนเคย วันนี้วางแผนว่าจะทำปลานึ่งบ๊วย ดอกกุยช่ายผัดตับ และไก่ผัดขิง

“ตี๋หยิบดอกกุยช่ายให้พี่หน่อยสิ” เอสที่กำลังง่วนกับการแกะกระเทียมอยู่เรียกใช้อีกคนที่นั่งมองรอรับคำสั่ง คนตัวผอมเดินลุกขึ้นไปหยิบให้แล้วก็กลับมานั่งลงที่เดิม เขาชอบมองเวลาที่อีกฝ่ายทำกับข้าว มันเพลินตาดี คิดแบบเล่น ๆ ดูแล้วก็คงจะอารมณ์เดียวกับสามีที่ชอบมองภรรยาของตัวเองล่ะมั้ง

“ยิ้มอะไร หืม?”

“อ- เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”

“ไม่มีก็ไม่มี” ตัวเขาก็ไม่อยากจะไปจี้อะไรเด็กตรงหน้านี้มากนัก ขืนดันทุรังจี้มากไป เดี๋ยวได้มีอารมณ์ขึ้นกลบเกลื่อนความเขินกันอีก “ก่อนเปิดเทอมไปเที่ยวไหนกันดีไหม?”

ตี๋มองหน้า ถึงจะเป็นแค่ตาชั้นเดียว แต่จ้องเขาตาแป๋วแบบนี้ก็น่ารักไม่หยอก

“ไปไหนอะ?” ย้อนถามด้วยความตื่นเต้น นานแล้วที่ไม่ได้ไปเที่ยวไหน

“แล้วแต่เราเลย”

“ตี๋อยากไปเที่ยวภูเขา ไม่เคยไปเลย” เขาแค่เปรยไม่ได้ว่าจะให้คนเป็นพี่ตามใจเขาหรอก เพราะรู้ว่ามันไกล ขับรถน่าจะเหนื่อย

“เอาสิ เดี๋ยวพี่พาไป อีกอาทิตย์กว่า ๆ ก็จะถึงวันหยุดยาวแล้ว เดี๋ยวพี่ลาเพิ่มอีกสองวัน”

ตี๋มองเอสอ้าปากหวอด้วยความดีใจ “แล้ว- แล้วป๊าไปด้วยไหม?”

“ต้องลองถามก่อนนะ ป๊าพี่เขาไม่ชอบนั่งรถไกลซะด้วยสิ เห็นบอกว่านั่งรถไกล ๆ ทีไรเท้าบวมทุกที”

“อื้อ ๆ”

คนตัวขาวพยักหน้าหงึก ๆ น่ารักเสียจนเอสอยากจะเข้าไปฟัด ถ้าไม่ติดที่ว่าตอนนี้เขามือเลอะอยู่ แก้มขาวนั่นได้มีสีแดงแต่งแต้มแน่ พอคบกันมาได้สักพักก็ทำให้เขารู้ว่าถึงตี๋จะขี้หงุดหงิดไปสักหน่อย แต่ก็เป็นเด็กที่น่ารักมาก ไม่ได้ต่างไปจากสมัยเด็ก ๆ เลย

“ดีใจเหรอ?”

“ดีใจสิ ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว”

ถึงตี๋จะเป็นคนที่ติดบ้าน ไม่ชอบออกไปเที่ยวที่ไหน แต่กลับชอบไปเที่ยวสถานที่ที่เป็นธรรมชาติมาก ๆ แต่ที่บ้านเขาไม่ค่อยได้พาไปซักเท่าไหร่ ครั้งสุดท้ายคือตอนที่ไปเที่ยวทะเลด้วยกันก็ตอนที่เขาอยู่ ป.6 โน่น หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ไปไหนอีกเลย พออีกฝ่ายถามเขาเรื่องไปเที่ยว ไม่มีทางที่จะไม่ไปแน่นอน

“แล้วจะไปที่ไหนดีล่ะ?”

“วันก่อนตี๋เล่นเฟส เห็นเขาแชร์คลิปที่ไปอำเภอบ่อเกลือ เห็นแล้วอยากไปมากเลย”

“บ่อเกลือ? ที่ไหนน่ะ?”

“น่านอะ”

“น่านมีอะไรให้เที่ยวด้วยเหรอ?” เขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจังหวัดที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขามีที่ให้เที่ยวด้วยหรือไง แต่อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ค่อยอินอะไรกับการเที่ยวธรรมชาติมากนักเลยทำให้ไม่ค่อยจะรู้เรื่องก็ได้ เมื่อก่อนก็เที่ยวแต่ที่อโคจร

“ใครบอกว่าที่จะไปเที่ยว ตี๋จะไปเปลี่ยนที่นอนพร้อมกับสูดอากาศธรรมชาติต่างหากล่ะ”

เอสยิ้มมุมปาก ยังไงเขาก็ตามใจอีกคนอยู่แล้ว “จ้ะ ๆๆ”

พอคุยเรื่องนี้แล้วตี๋ก็พูดได้ไม่หยุดปากเลย เล่าให้ฟังว่าบ่อเกลือที่ตัวเองดูผ่านแอปพลิเคชันที่ชื่อว่าเฟสบุ๊กนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง เห็นบอกว่าเป็นที่ผลิตเกลือภูเขา นั่นเลยทำให้เขาเกิดความสนใจขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้เขาดูว่าหน้าตาธรรมชาติแถวนั้นเป็นอย่างไร ก็ได้เห็นว่าบรรยากาศสวยไม่น้อยเลยทีเดียว

“สวยดี”

“แค่นั้น?”

เอสทำหน้างง ๆ เมื่อโดนตี๋ย้อน

“สวยดี? แค่นั้นอะ”

เมื่อโดนย้ำอีกครั้ง เขาก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร ริมฝีปากได้รูปเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกให้อีกคนยิ้มจนหน้าบาน “โอเคครับ ตกลงไปที่นี่”






++++++++++






“ป๊า” ตี๋เรียก ความเคอะเขินที่ต้องเรียกป๊าสั้น ๆ พอนานไปมันก็หายไปแล้ว

ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังทานข้าวกันอยู่ คนสูงอายุเงยหน้ามอง เห็นตาตี่ ๆ ที่มันมีแววลั้ลลาของแฟนลูกชายแล้วก็เกิดความสงสัย “มีอะไร?”

“ไปเที่ยวกันไหมครับ?”

ในสายตาของป๊าตอนนี้เหมือนเห็นหูลู่ ๆ กับหางแกว่งไปมางอกออกมาจากเด็กตัวขาวตรงหน้า สงสัยคงจะเริ่มคุ้นเคยกับเขาแล้วสินะถึงกล้าอ้อนแบบนี้ พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะเอ็นดูราวกับเป็นลูกชายอีกคนไม่ได้จริง ๆ

“เอาสิ ที่ไหนล่ะ?”

“บ่อเกลือครับ ที่น่าน”

คิ้วหนาที่มีคนคิ้วขาว ๆ แซมขมวดเข้าหากัน เพราะไม่คุ้นกับชื่อสถานที่ที่เด็กตรงหน้าบอกมาเลย ถ้าน่านเขาก็พอรู้จักอยู่บ้าง แต่บ่อเกลือนี่มันที่ไหนล่ะนั่น

“เป็นอำเภอที่อยู่บนดอยน่ะป๊า เอสเห็นแล้ว...ก็น่าไปดีนะ”

“ดอยเลยเหรอวะ”

“ไปไม่ไหวเหรอครับ?” ตี๋หงอยลงไปทันตา เพราะเขาเองเห็นป๊าของพี่เอส
อยู่บ้านคนเดียวบ่อย ๆ แถมทำงานมาทั้งชีวิตแบบนี้คงแทบจะไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยมั้ง เขาก็เลยอยากจะให้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง ไม่ใช่อุดอู้อยู่แต่กับบ้านแบบนี้

“โดนอ้อนขนาดนี้แล้วจะปฏิเสธมันก็ดูใจร้ายเหมือนกันเนอะ” มือที่มีรอยผิวย่นวางลงบนหัวที่มีผมดำขลับนิ่มมือ “แต่ป๊าแก่แล้วนะ ไปก็เป็นภาระเปล่า ๆ”

คนตัวขาวส่ายหัวแรง “ไม่ใช่นะ เดี๋ยวตี๋ดูแลป๊าเอง ไปนะครับ”

“อ้อนขนาดนี้ไอ้เอสมันอิจฉาแย่เลย”

“ช่างเขาเถอะ”

อาการของคนที่เพิ่งจะโดนพาดพิงถึงคือจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะงอนก็ทำไม่ลง ก็คนที่ตี๋กำลังอ้อนอย่างออกหน้าออกตานั่นคือป๊าบังเกิดเกล้าของตัวเอง แถมยังอ้อนยิ่งกว่าเวลาที่อยู่กับเขาเสียอีก อาจจะมีบ้างที่อิจฉา แต่มันก็แค่เสี้ยวเดียวของความสุขใจ เมื่อเห็นคนที่เขารักทั้งสองคนเข้ากันได้ดี แถมยังรักกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ

“ไปเถอะป๊า มีคนดูแลตั้งสองคนจะกลัวอะไร” ลูกชายคนเดียวบอก

“มึงไปเที่ยวกันเถอะ ไม่ใช่เอาเวลาเที่ยวมาดูแลคนแก่แบบกู”

“อย่าว่าตัวเองแบบนี้นะ!” ตี๋ว่าเสียงดัง จนทั้งคู่สะดุ้ง “ไม่มีใครว่าอะไรป๊าเลยนะ ทำไมต้องว่าตัวเองแบบนั้นด้วยล่ะ”

คนสูงอายุแปลกใจที่จู่ ๆ ก็โดนเด็กขึ้นเสียงใส่ น่าสงสัยที่ทำไมตัวเขาเองกลับไม่มีความโกรธเลย อาจจะเพราะรู้ว่าที่อีกฝ่ายแสดงออกมาแบบนั้นเพราะเป็นห่วงก็ได้ ส่วนเอสที่เคยเจอตี๋ในลักษณะแบบนี้มาแล้วเลยไม่แปลกใจ

“อ๊ะ ขอ- ขอโทษครับที่ขึ้นเสียงใส่”

เจ้าตัวยกมือไหว้คนที่มีอายุมาก แต่ท่านก็ไม่ได้ถือสาอะไรกลับยกมือขึ้นลูบหัวตี๋อีกรอบด้วยความเอ็นดู

“ไม่เป็นไร ๆ”

“แล้วป๊าจะไปไหม?” เอสหันไปถาม

คนสูงอายุถอนหายใจก่อนเหลือบตามองตี๋ที่มองเขาตาละห้อยแล้วก็ใจอ่อน “ไปก็ไป”

“เย้!”

เสียงดีใจของคนอายุน้อยที่สุดในวงเรียกสายตาของคนทั้งคู่ให้หันไปสนใจ เห็นแขนขาว ๆ สองข้างยกขึ้นชี้ฟ้าราวกับเด็กเรียกเสียงหัวเราะให้แฟนและพ่อของแฟนได้ลั่นบ้าน นานแล้วที่บ้านหลังนี้ไม่ได้มีเสียงหัวเราะดังขนาดนี้...ขอบคุณที่สวรรค์ส่งเด็กคนนี้มาให้คนแก่คนนี้ได้รู้จักความสุขอีกซักครั้งหนึ่ง ก่อนจะ...ลาจากกันไป






++++++++++






“อาบน้ำด้วยกันไหม?”

เห็นตัวขาว ๆ ของตี๋นอนกลิ้งไปมาบนที่นอนแล้วมันทำให้คนพี่อดใจไม่ไหวจริง ๆ จนป่านนี้แล้วยังไม่เคยเห็นแม้กระทั่งแผ่นอกของอีกคนเลย เพราะเวลาที่ออกจากห้องน้ำมาคนน้องมักจะใส่เสื้อผ้าออกมาเรียบร้อยแล้ว

“ใครเขาอาบน้ำหลังกินข้าวกัน”

“แล้วใครเขานอนหลังกินข้าวกันล่ะ”

ตี๋อยากจะเขวี้ยงหนังสือใส่คนย้อนคำกวนประสาท หน้าหล่อยืนยิ้มเมื่อเห็นเขาหน้างอ สองพ่อลูกคนนี้มีนิสัยโรคจิตที่เหมือนกันอยู่หลายอย่าง และอีกอย่างก็คือ เวลากวนให้เขาหงุดหงิดได้จะชอบใจเป็นอย่างมาก

“กวนตีน”

“กวนตรงไหน เรื่องจริงต่างหาก”

“ไม่เอา ไม่อาบด้วยหรอก” ตอบเสร็จก็นอนคว่ำหนีหน้าคนพี่

“หึ” เอสเดินเข้าไปนั่งลงติดกับคนน้อง มือปลาหมึกวางลงบนก้นเล็กแบบจงใจ จนเจ้าของมันสะดุ้งแล้วกลิ้งตัวหนีไปอีกสองที “ทำไม? เขินเหรอ”

“ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ”

คนโดนว่าเลิกคิ้วแล้วทำหน้าแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร “เป็นแฟนกันแล้วจะอายอะไรอีก”

“ใครมันจะไปหน้าหนาเหมือนพี่วะ”

“ไปอาบน้ำกันเถอะน่า จะได้เสร็จเร็ว ๆ อยากมานอนกอดแล้ว”

ตี๋หรี่ตามองไม่ไว้ใจ ถึงตอนนี้จะไม่มีอาการหื่นเท่าเก่าแล้ว แต่เสือยังไงมันก็เป็นเสืออยู่วันยังค่ำ ถึงจะเชื่องแค่ไหน..ก็ไว้ใจไม่ได้หรอก

“พี่ก็อาบไปก่อนดิ ตี๋อาบแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”

“กลัวอะไรเนี่ย?”

“ไม่ได้กลัว” เจ้าตัวลุกขึ้นไปดันหลังคนตัวใหญ่กว่า “ไป ไปอาบน้ำเลย”

“เดี๋ยวสิ” เอสขืนตัวเอาไว้ ดีที่ตัวใหญ่กว่าเลยสู้แรงกันได้ หันกลับมาจนหน้าแทบจะชนกัน มือที่ใหญ่กว่าคว้าข้อมือขาวขึ้นมากดจูบก่อนจะบอก “ขอจูบก่อนสิ”

“บ่อยเกินไปแล้วนะ”

“น่า...นะ”

ไม่รอให้ตี๋อนุญาต เพราะรู้ว่าถึงอีกคนจะพูดเสียงแข็ง แต่อย่างไรก็ใจอ่อนให้เขาทุกครั้ง เสียงทุ้มส่งเสียงออดอ้อน ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ปากบางสีสวยของอีกคน เพราะนาน ๆ ทีก็อยากให้คนน้องเป็นคนเริ่มก่อนบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้อย่างใจ แต่ก็อิ่มใจมากกว่า

“นะครับ”

อ้อนอยู่นานเป็นนาที คนโดนอ้อนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากเข้าไปจุ๊บ พอโดนเอสกัดปากล่างเบา ๆ อย่างเรียกร้องให้มากกว่านี้ก็ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ตอบสนองให้อย่างสมใจ เพราะจูบกันมาหลายครั้งหลายครา เขาไม่ใช่คนโง่ เพราะแบบนี้ถึงได้รู้ว่าทำแบบไหนคนพี่ถึงจะพอใจและถึงใจ อาจจะมีบางทีอารมณ์ส่วนที่กดมันไว้จะกรึ่ม ๆ ออกมาบ้าง พอมือของอีกฝ่ายเริ่มซุกซน ลูบคลำตามตัว เขาก็จะหยุดทันทีอย่างไม่มีข้อแม้

“พอได้แล้ว” ตี๋ว่าหอบเหนื่อย

“จ้ะ” เอสรับคำยิ้ม ๆ เข้าไปจุ๊บเป็นการส่งท้ายอีกหนึ่งที จนขาขาวยกขึ้นมาทำท่าจะถีบถึงได้รีบวิ่งไปอาบน้ำ

“ไอ้พี่บ้า หื่นฉิบหาย” ตี๋พึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ยกแขนขึ้นเช็ดปากที่แดงจากการจูบ ถูมันไปมาเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตัวเอง ไหนจะความคิดที่ตีกับความรู้สึก มันสวนทางกันจนทำให้เขาสับสน ตอนนี้เขายังไม่อยากจะยอมรับทุกสิ่งที่เข้ามาสั่นคลอนความตั้งใจ ไม่พร้อมก็คือไม่พร้อม ไม่ว่าจะหวั่นไหวแค่ไหน เขาก็จะยังยืนหยัดอยู่แบบนี้ต่อไป

ตี๋เดินเข้าห้องน้ำต่อทันทีที่อีกคนเดินออกมา ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็อาบเสร็จ แต่ดันโชคไม่ดีที่คราวนี้ลืมเอาเสื้อผ้าเข้ามาเปลี่ยนซะได้ ทำได้แค่ก่นด่าตัวเองที่คราวนี้ดันพลาดลืมอะไรไม่ลืม เขาแง้มประตูแล้วโผล่ออกไปแค่หัวแล้วร้องเรียก

“พี่!”

เอสเงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วตอบรับด้วยความสงสัย “ว่าไง?”

“เอาเสื้อผ้าให้หน่อย ตี๋ลืม”

รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก “ก็ออกมาเอาเองสิ”

“เอามาให้หน่อยยยย”

“พี่ขี้เกียจลุกอะ”

“เอามาให้ตี๋หน่อยนะครับ”

“ครอกกกกก”

คนน้องเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นไงก็เป็นกัน เปิดประตูออกมาทั้ง ๆ ที่มีแค่ผ้าขนหนูพันอยู่ที่เอว เห็นคนพี่นอนตะแคงเอามือยันหัวพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าต่อยที่สุด ตี๋เหลือบตามองก่อนจะสะบัดหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจแล้วหันไปเปิดตู้เสื้อผ้า

“สักด้วยเหรอ?” เอสถาม

“สติกเกอร์มั้ง ถามมาได้” 

เอสนึกไม่ถึงว่าคนนิ่งเงียบอย่างตี๋จะมีรอยสักรูปมังกรเต็มแผ่นหลัง ตั้งแต่ต้นคอลามลงมาถึงเอว รอยสักสีดำตัดกับผิวขาวจัดของอีกคน ดูแล้วมันช่างสวยงาม ติดอย่างเดียวคือตี๋ผอมเกินไป เอวเล็กมาก

“ตอนสักไม่เจ็บเหรอ?”

ตี๋เดินมาซุกตัวในผ้าห่มผืนเดียวกัน พอคนพี่พลิกตัวหันหน้าเข้าหากันแล้วถึงตอบ “เจ็บสิ”

“ถ้าเจ็บแล้วไปสักทำไมล่ะ”

“ก็ชอบอะ”

“พี่ก็ชอบนะ” คนเป็นพี่เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เซ็กซี่ดี”

“ทะลึ่ง” ตะปบเข้าที่หน้าให้

“โอ๊ย เจ็บ”

“สม” ตี๋แลบลิ้นใส่ “ลุกไปปิดไฟสิ”

“ครับ ๆๆ”

ทั้งสองคนมองหน้ากันผ่านความมืดโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก มือใหญ่ของเอสยกขึ้นมาลูบผมเส้นใหญ่สีดำแต่นิ่มมือของคนรัก ไม่นานนักก็เลือนลงมาวางลงที่แก้ม เจ้าตัวกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ที่ยังไม่นิ่งดี ทั้งที่เมื่อครู่ก็เข้าไปสำเร็จความใคร่ในห้องน้ำไปหนึ่งรอบแล้วด้วยซ้ำ ที่เขาไม่ทำอะไรอีกฝ่ายก็เพราะได้ให้สัญญาไปแล้วว่าจะไม่ทำจนกว่าอีกคนจะพร้อม ผ่านไปพักใหญ่เอสก็ดึงให้ตี๋เข้ามานอนชิดกับตัวเองหลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้เรียบร้อย

กดจูบลงกับหน้าผากด้วยความรักก่อนจะกระซิบเสียงเบา “รีบ ๆ พร้อมได้แล้วตัวแสบ พี่จะทนไม่ไหวแล้วนะครับ”

กำปั้นขาวทุบลงที่กลางหลังคนที่เพิ่งรำพึงรำพันจบเสียงดังด้วยความหมั่นไส้ “พอเลยไอ้หื่น”




TBC…

น้องตี๋ไม่ง่ายนะจ๊ะ ฮุฮุฮุ  :katai5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
«ตอบ #44 เมื่อ19-05-2018 18:22:35 »

เร็วๆนะตี๋

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
«ตอบ #45 เมื่อ19-05-2018 21:21:40 »

อยากอ่านวันที่ตี๋พร้อมซักที  :z3: :z3: :z3:

ตี๋ สักมังกรที่แผ่นหลัง  o22
ดูปล้วเอส น่าจะเป็นคนที่สักมากกว่า

เอส ตี๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
«ตอบ #46 เมื่อ19-05-2018 23:02:06 »

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
«ตอบ #47 เมื่อ20-05-2018 01:26:47 »

เหมาะสมกันดีนะครับ น้องตี๋ กับ พี่เอส ^^

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
«ตอบ #48 เมื่อ22-05-2018 12:40:55 »

น้องตี๋มาเพิ่มสีสันให้ครอบครัวพี่เอสเลยนะเนี่ย น่ารัก :-[

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
«ตอบ #49 เมื่อ22-05-2018 14:01:46 »

 :hao7: อ่านแล้วรู้สึกว่า... คนน้องน่ารักน่าฟัดมากกกกก  :hao7: คนพี่อดใจได้ไงเนี่ย :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.10 หน้า 2 [up:19/05/2018]
« ตอบ #49 เมื่อ: 22-05-2018 14:01:46 »





ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.11 หน้า 2 [up:25/05/2018]
«ตอบ #50 เมื่อ25-05-2018 22:06:56 »

11




“ม๊า วันหยุดยาวนี้ตี๋ไปเที่ยวกับที่บ้านพี่เอสนะ” ลูกชายคนเล็กของบ้านเดินเข้ามาบอกในเวลาที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งป๊ากับม๊า รวมถึงพี่ชายคนโต ทุกคนหันมามองทางเขาเป็นตาเดียว

“ไปไหนกันอะ?” เฟยถามด้วยความสงสัย

“ทำไมต้องตอบด้วย”

“ไอ้นี่ กวนตีน” พี่ชายแทบจะขว้างองุ่นในมือใส่น้องตัวเอง

พอตี๋ทำท่าจะต่อก็โดนป๊าห้ามทัพเอาไว้ก่อน คนเป็นพ่อไม่เข้าใจเหมือนกันว่าโตป่านนี้แล้ว ทำไมลูกชายทั้งสองคนยังกัดกันเหมือนหมาอีก ตั้งแต่เด็กยันโตไม่เคยเปลี่ยนเลย

“แล้วไปกันกี่วันลูก?” ม๊าเป็นคนถาม

“น่าจะสี่วันอะม๊า ขับรถไปก็หนึ่งวันแล้ว”

“ไปกันสองคนเหรอครับ”

ตี๋ส่ายหน้าหวือ “ป๊าพี่เอสก็ไปครับ”

“เที่ยวที่ไหนกันเหรอ?”

“บ่อเกลือ จังหวัดน่านครับ”

ม๊ากับป๊าไม่ได้ว่าอะไรอีก เพราะลูกชายก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว แถมเจ้าตัวก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนมาตั้งนาน ตี๋เป็นคนติดบ้านมาก บางอาทิตย์นอกจากไปมหาวิทยาลัยแล้วก็แทบจะไม่ออกไปไหนเลย บางทีพวกเขาก็เป็นห่วงลูกชายเหมือนกัน สมัยเด็ก ๆ ก็ไม่ใช่คนที่มนุษยสัมพันธ์ดีสักเท่าไหร่ พอโตขึ้นมาก็ไม่ค่อยจะมีสังคมกับใคร จนสงสัยว่าตี๋นั้นมีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยบ้างหรือเปล่า แต่นาน ๆ ทีลูกชายคนเล็กจะพาเพื่อนมาทำงานกันที่บ้าน เห็นแบบนี้แล้วก็เบาใจหน่อยที่ก็มีเพื่อนอยู่เหมือนกัน

“จะเอาเงินเท่าไหร่ล่ะ?” ป๊าถามขึ้นมาบ้าง

“แล้วแต่ป๊าจะกรุณาครับ” ตี๋ยิ้มพนมมือขึ้น

“เหอะ ไม่ต้องมาปะเหลาะ”

“ไม่ได้ปะเหลาะสักหน่อย”

“ตอแหล” เฟยว่าน้องชายเข้าให้

ตาตี่ ๆ หันขวับไปมองหน้าพี่ชายอย่างหาเรื่อง ไม่ใช่ว่าเขาสองคนเกลียดกันหรอกนะ แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้แล้ว เขากับมันถึงได้ทะเลาะเบาะแว้งกันได้ตลอด แต่ก็มีแต่คนเป็นพี่น่ะแหละที่จ้องจะหาเรื่องกัดกันให้ได้ทุกครั้ง

เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยที่ยังเด็กกว่านี้ เฟยแหย่น้อง แต่คงจะรุนแรงเกินไปหน่อย ตี๋ซัดหมัดมาที่หน้าเขาเต็ม ๆ จนบวมปูดไปหลายวัน แถมยังไม่พูดกับเขาอีกเป็นปี จนม๊าเรียกทั้งสองคนพี่น้องมาปรับความเข้าใจนั่นล่ะ ถึงได้กลับมาคุยกันเหมือนปกติได้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยทะเลาะกันแรง ๆ อีกเลย จะมีก็แค่กัดกันเหมือนหมา (อย่างที่ป๊าว่า) นิด ๆ หน่อย ๆ

ในทางกลับกัน ตี๋ดันติดพี่ชายใกล้ ๆ บ้านอย่างเอสมากกว่าพี่ชายแท้ ๆ อย่างเฟยเสียอีก อาจจะเพราะแบบนี้เฟยเลยแกล้งน้องเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นจุดสนใจของน้องชายบ้างก็ได้

“อย่าลืมของฝาก” เฟยทวง

“มีแต่เกลือ จะเอาไหม?” ตี๋ไม่ได้จะกวนตีนนะ ชื่อมันก็บอกอยู่ว่าเป็นบ่อเกลือมันก็น่าจะมีแต่เกลือสิ จะให้ตอบว่าไงล่ะ

“ส้นตีน”

“เอ๊ะ! ไปด่าน้องแบบนั้นได้ยังไง” คนเป็นแม่ตีพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“ก็มันกวนตีนอะม๊า!”

“กวนตรงไหน ก็ไปบ่อเกลือมันก็ต้องมีแต่เกลือสิ” ตี๋ว่า

“พอเลย ๆ” ป๊าต้องเป็นคนห้ามทัพอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นสองพี่น้องนี่ก็ตีกันอีก คนอายุมากเริ่มที่จะเหนื่อยใจกับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของลูกชายทั้งสองคน “เฟย มึงเองก็โตป่านนี้แล้ว หยุดต่อปากต่อคำกับเด็กมันได้แล้ว”

ตี๋ชะงัก รู้สึกว่าเมื่อกี้เหมือนตัวเองโดนด่า เลยหันไปถามม๊า “นี่ป๊าด่าตี๋ใช่ไหมอะ?”

“ไม่หรอก มึงคิดไปเอง”

หลังจากที่ป๊าตอบคำถามของเขา ลูกชายคนเล็กก็ขมวดคิ้วหน้ายู่ มือเรียวยกขึ้นเกาหัวอย่างไม่เข้าใจนัก ก็อย่างที่ว่า...บางครั้งตี๋ก็ซื่อเกินไปตามใครเขาไม่ค่อยจะทันหรอก

“แล้วไปวันไหนกันครับ?” ม๊าเปลี่ยนเรื่องถาม ใบหน้าสวยยิ้มหวาน ยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู แม้จะตัวโตมากแค่ไหน แต่ในสายตาคนเป็นแม่แล้ว ยังไงลูกก็ยังเป็นเหมือนเด็กน้อยของแม่อยู่วันยังค่ำ

“ไปวันพฤหัสกลับวันจันทร์ครับ” เจ้าตัวตอบพลางเองตัวลงนอนหนุนตักนิ่มของม๊าอย่างออดอ้อน พฤติกรรมส่วนตัวของตี๋ที่ทำให้ผู้ชายอีกสองคนในบ้านมองบนด้วยความหมั่นไส้

“เป็นเด็กดีนะ อย่าไปรบกวนพี่เขามากล่ะ”

“ครับ”

ตี๋หลับตาลงด้วยความสบายใจ เวลาที่ม๊าลูบผมเขาแบบนี้ เขารู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง และก็มั่นใจว่าถ้าอะไรเกิดขึ้น ยังไงม๊าก็อยู่ข้าง ๆ เขาแบบนี้แน่นอน

“ผมยาวแล้วนะ ทำไมไม่ตัดผมอีก?” ป๊าถามขึ้น

“ตี๋ขี้เกียจอะ”

“ให้ม๊าตัดให้ไหมลูก?”

“ไม่ต้องหรอกครับ ตี๋ว่าจะลองไว้ผมยาวดู”

“ยิ่งไว้ยาว ยิ่งหน้าเหมือนม๊ามึงสิ” คนเป็นพ่อพูดกลั้วหัวเราะ

“หน้าเหมือนม๊าก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เนอะ”

ตี๋พยักหน้าเห็นด้วยกับคนเป็นแม่ เป็นลูกคู่กันได้ดีทีเดียว

“กูไปด้วยดิ” พี่ชายคนโตบอก

ตี๋ขมวดคิ้ว “ต้องถามพี่เอสก่อนอะ”

“ไม่เป็นไร ไม่รีบ” เขาหมายถึงไม่รีบร้อนจะเอาคำตอบ เพราะกว่าจะถึงวันหยุดก็อีกหนึ่งอาทิตย์

“เดี๋ยวถามให้แล้วจะบอกนะ”

ภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่งของพี่ชายคนโต ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ การที่จะไปเที่ยวด้วยครั้งนี้ไม่ใช่ว่าอยากไปนักหรอก เพียงแค่ตนสงสัยว่าน้องชายของตัวเองกับพี่แถวบ้านคนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ เพราะตั้งแต่ที่อีกฝ่ายกลับมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ตี๋ก็กลับไปคลุกอยู่ด้วยบ่อยจนน่าสงสัย ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองคนจะกลับมาสนิทกันได้เร็วขนาดนี้หลังจากที่ห่างไปสิบปี เขาไม่เชื่อหรอก...มันน่าจะมีอะไรเบื้องหลังอยู่ เพราะฉะนั้นต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้





++++++++++





“พี่” ตี๋เดินเข้าไปเกาะหลังคนพี่ตอนที่กำลังทำกับข้าว ตั้งใจจะพูดเรื่องที่พี่ชายขอไปเที่ยวด้วย เพราะว่าเกรงใจอีกฝ่ายเลยมาลองขอดูก่อน

“ว่าไง?”

“เอ่อ...เฟยมันขอไปเที่ยวด้วยได้ไหมอะ?”

เอสเงียบไป เพราะไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมพี่ชายของตี๋ถึงอยากจะไปด้วย ทั้งที่ก็ไม่ได้สนิทกัน เป็นเขาคงไม่ไปหรอกแบบนี้

“ถ้าไม่ให้บอกได้นะ ตี๋ไม่ได้ว่าอะไร” คนน้องบอกหลังจากที่เห็นอีกคนเงียบไป

“แล้วแต่เราเลย ถ้าเราไม่ติดอะไร พี่ยังไงก็ได้”

“ตี๋เกรงใจป๊ากับพี่อะ”

“ไม่เป็นไรน่า”

“งั้นให้มันไปเนอะ มันเองก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนนานแล้วเหมือนกัน”

เอสหันมายิ้มให้ “ครับ ๆ”

คนตัวใหญ่ลงมือทำกับข้าวต่อโดยมีตี๋เป็นลูกมือเช่นเคย พอช่วยทำบ่อย ๆ ก็ทำให้คนที่ไม่เคยทำอะไรเป็นอย่างตี๋ ทำอะไรได้หลากหลายอย่างมากขึ้น ตอนนี้ก็ทำไข่เจียวกับไข่ดาวได้คล่องแคล่ว แถมถ้าเอสเรียกให้หยิบวัตถุดิบก็รู้ทุกอย่าง แล้วแบบนี้ป๊าจะมาหาว่าเขาไม่มีประโยชน์เลยก็ไม่ได้แล้วด้วย เวลาว่าง ๆ ก็ช่วยทำงานบ้านหลายอย่าง เพราะไม่อยากจะมานอนบ้านคนอื่นเขาเฉย ๆ ถึงแม้ว่าสาเหตุมันจะมาจากลูกชายคนเดียวของบ้านนี้เรียกให้มาก็ตาม เขาทั้งช่วยกวาดบ้าน พับผ้า ถึงแม้จะไม่ได้หนักหนาอะไร แต่ก็ยังดีกว่าอยู่ว่าง ๆ สงสัยว่าถ้าม๊ารู้ว่าเขาทำอะไรหลายอย่างได้แบบนี้คงจะน้ำตาไหลด้วยความปีติอย่างแน่นอน

“ป๊า เดี๋ยวตอนไปเที่ยวเฟยพี่ชายตี๋จะไปด้วยนะ” ตี๋บอกตอนที่กำลังนั่งกินข้าวเย็นกัน

“เอาสิ ไปหลายคนก็ครึกครื้นดี” คนสูงวัยพยักหน้าตอบรับพลางคีบผักดองเข้าปาก

“ถ้ามันวุ่นวายก็ด่ามันได้เลยนะ” ตี๋ว่า

“ใคร๊มันจะวุ่นวายได้เท่าเอ็งแล้วฮึ”

คนตัวขาวหน้ายุ่งทันทีหลังโดนคนแก่เหน็บ

“ป๊าเขาล้อเล่นน่า” เอสบอกยิ้มขำ หลัง ๆ มานี้ตี๋เริ่มที่จะแสดงความสนิทใจให้กับพ่อของเขามากขึ้น มีทั้งพูดเล่นกันและก็งอนกันแบบนี้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เพราะถ้าไม่สนิทกันแล้วละก็อีกคนจะไม่แสดงออกอะไรในลักษณะนี้เลย

“ไม่รู้ไม่ชี้” ตี๋บอกก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจทั้งพ่อทั้งลูกที่นั่งร่วมโต๊ะ

“ลูกผู้ชายเขาไม่งอนกันหรอกนะ” ป๊าว่าแล้วคีบกับข้าวไปวางลงในจานของตี๋เป็นการง้อ

“ใครงอนกัน” คนอายุน้อยเถียงแล้วตักข้าวเข้าปากเคี้ยวแรงเหมือนประชด พอตี๋ทำแบบนี้แล้วก็ทำให้สองพ่อลูกหัวเราะเสียงดัง และมันก็ทำให้ตี๋อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา รู้สึกดีที่ทำให้บ้านหลังนี้กลับมาครึกครื้นได้อีกครั้ง

เอสกำลังหาที่พักบนดอยจากอินเทอร์เน็ต มีหลายที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายของป๊าเป็นอันดับแรก เพราะท่านก็อายุมากแล้วจะให้ไปสมบุกสมบันแบบพวกเขาก็ไม่ได้ พอเลือกที่พักได้แล้วก็ต้องคิดอีกว่าจะจองกี่ห้องดี

“เรื่องห้องจะยังไงดี?” หันเก้าอี้มาปรึกษาคนรักที่นอนอ่านการ์ตูนอยู่

“ยังไงอะ?” ตี๋ไม่ค่อยเข้าใจคำถามนักเลยย้อนถามอีกฝ่าย

“คือ...จะนอนกันยังไงดี เราจะนอนกับเฟยไหม? พี่จะได้นอนกับป๊า”

“อ๋อ ไม่ต้องหรอก มันอยากไปก็ให้มันนอนคนเดียว ให้มันจ่ายเองด้วย” ตี๋ว่า

“จะดีเหรอ?” ถึงเขาจะอยากนอนกับตี๋ แต่แบบนี้ก็ดูไม่ค่อยดีกับอีกคนสักเท่าไหร่ เป็นพี่น้องกันก็น่าจะนอนด้วยกันมากกว่า

“พี่ไม่ได้อยากจะนอนกับตี๋เหรอ?”

เอสมองหน้าอีกฝ่ายตาปริบ ๆ ที่พูดอ่อยเขาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง

“มองหน้าทำไม?”

“เดี๋ยวนี้ทำไมขี้อ่อยจัง”

“ไม่ได้อ่อยโว้ย ตี๋หมายถึง...ไม่ได้อยากจะนอนห้องเดียวกันหรือไง?” คนน้องว่าเสียงดัง

“ไอ้อยากมันก็อยาก”

“แล้วจะลีลาเพื่อ?”

“พี่น้องกันก็น่าจะนอนด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”

“โอ๊ย ไม่เอาอ่ะ เฟยมันนอนกรนโคตรดัง ใครจะไปอยากนอนด้วย ตี๋แยกห้องนอนกับมันมาตั้งแต่ ม.ปลายแล้ว ไม่กลับไปนอนกับมันเด็กขาด จองให้มันไปเลยหนึ่งห้อง เดี๋ยวตี๋ไลน์บอกมันเอง โอเค๊”

เอสมองตี๋พูดยาวเหยียดก่อนจะตอบรับไปด้วยความงงกับพี่น้องคู่นี้ จำได้ว่าสมัยก่อนก็ทะเลาะกันบ่อยมาก แต่ก็ไม่คิดว่าขนาดโตขึ้นมาแล้วจะยังเหมือนเดิม แต่เขาเชื่อว่าทั้งสองคนก็แค่พวกปากแข็งกันทั้งคู่ ดูได้จากตี๋ที่ไม่เคยแม้แต่จะบอกรักเขาสักครั้ง ก็ไม่รู้ว่าเพราะไม่รักกันหรือปากแข็งกันแน่ ซึ่งเขาก็ภาวนาให้เป็นอย่างหลังมากกว่านะ แต่ก็นั่นล่ะ...พี่น้องคู่นี้นิสัยเหมือนกันมากโดยที่ไม่รู้ตัว ลึก ๆ แล้วต่างคนก็รักอีกฝ่ายกันทั้งคู่นั่นแหละ แค่ไม่ยอมรับมากกว่า

ทางตี๋ก็กำลังกดไลน์หาพี่ชายตัวเอง

ตี๋ : เฟย

เฟย : อะไรมึง?

ตี๋ : สรุปว่าพี่เอสเขาให้มึงไปด้วยได้นะ

เฟย : เออ

ตี๋ : แต่กูบอกพี่เขาว่าให้มึงจ่ายค่าห้องเองนะโว้ย กูไม่นอนกับมึงหรอก กรนดังเป็นหมาหอนเลย หนวกหูฉิบหาย

เฟย : K

ตี๋หัวเราะหึหึหลังจากที่กวนประสาทพี่ชายของตัวเองได้สำเร็จ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีแต่คนพี่หรอกที่รู้สึกสนุกเวลาที่ได้แกล้งน้องตัวเอง คนน้องเองก็ไม่แพ้กันหรอก ก็ชอบใจทุกครั้งเวลากวนประสาทพี่มัน สรุปก็คือโรคจิตทั้งคู่

“สรุปว่าพี่จองบ้านสามหลังนะ?”

เอสบอกแล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ กันหลังจากปิดคอมเรียบร้อย เห็นแบบนี้ตี๋ก็ปิดหนังสือแล้ววางลงที่โต๊ะข้างเตียง

“ให้ปิดไฟเลยปะ?”

คนตัวใหญ่ส่งยิ้มให้บาง ๆ “ครับ”

คนอายุน้อยกว่าลุกไปปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วถึงกลับมาซุกตัวในผ้าห่มผืนเดียวกัน เอสดึงให้ตี๋เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยิ่งคบกันนานวันเข้า ตี๋ก็แสดงด้านน่ารัก ๆ ออกมาให้เห็นมากขึ้นทุกที ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวก็เถอะว่าได้แสดงความน่ารักออกมามากแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่บอกให้ตี๋รู้ตัวหรอกนะ เพราะมันทำให้เขาหายเหนื่อยทุกครั้งเวลาที่อีกคนอ้อนเขาแบบนี้ ถ้าบอกไปก็น่าเสียดายแย่เลย

เอสกดจูบลงที่หน้าผากมนเบา ๆ ด้วยความรักและเอ็นดู แต่ว่าพอกอดไปกอดมาความใคร่มันก็ชักจะตีตื้นขึ้นมาแล้วนี่สิ สงสัยอาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาที่จะช่วยตัวเองเลยสักครั้ง ไม่เข้าใจว่าทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่เด็กมัธยมแล้วแท้ ๆ ทำไมอารมณ์มันถึงขึ้นง่ายจุดปุ๊บติดปั๊บซะอย่างนี้

“อะไรแข็ง ๆ มันดันขาอะ?” ตี๋ถามอย่างสงสัย เพราะพอขยับขาเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก็รู้สึกแปลก ๆ ที่ต้นขา ใจหนึ่งก็คิดว่าจะใช่ไอ้นั่นหรือเปล่า แต่อีกใจก็ไม่กล้าคิด

“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก นอนเถอะ”

...นั่นไง กูว่าแล้ว...

ตี๋พยายามข่มตานอนหลับตามที่คนเป็นพี่บอก แต่เพียงแค่ไม่กี่นาทีผ่านไปไอ้นั่นมันก็ยังแนบอยู่ที่ขาของเขาอยู่ แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก และตี๋ก็ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงอะไรนัก

“ไปเอาออกเหอะ”

เอสดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้เหมือนเดิมหลังจากที่ตี๋พยายามดันตัวออก “ไม่ต้องไปสนใจมัน เดี๋ยวก็หาย”

“ไม่สนได้ไงวะ ก็มันดันขาตี๋อยู่เนี่ย” คนน้องโวยวาย

“น่า”

“น่าเน่ออะไร!”

“ทนไว้ก่อน” ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายให้ใจเย็น ๆ แต่ตี๋ก็สะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดี

“ไม่ทนโว้ย!”

“งั้น...ช่วยหน่อยไม่ได้เหรอ?”

“ไม่!”

“โถ่ น่าเสียดาย” เอสทำเป็นตัดพ้อ แต่ที่พูดไปก็แค่ลองใจหรอกนะ เพราะก็รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายแท้อย่างตี๋คงยากที่จะให้มาทำเรื่องพวกนี้ เขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนักหรอก

คนน้องสะบัดตัวออกจากวงแขนของเอสจนได้ ด้วยความที่หงุดหงิดกับความดื้อด้านของอีกคน เลยยกขาขึ้นใช้เท้ายันก้นคนที่กำลังลุกไปเข้าห้องน้ำจนหน้าเกือบคะมำ

“เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะโดนปล้ำนะ”

“ก็ลองดูสิ”

กล้าท้าทายแบบนี้ก็เพราะคิดอยู่แล้วว่าเอสไม่กล้าทำอะไรหรอก ถ้าเขาไม่ได้ยินยอม ดูจากขนาดของมันแล้ว คงต้องขอเวลาทำใจยาว ๆ หน่อย แค่คิดก็สยองบรึ๋ย คนตัวสูงเดินเข้าห้องน้ำไป ตี๋เลยลุกขึ้นมาเปิดโคมไฟที่หัวเตียง กะว่าจะอ่านการ์ตูนต่อจากที่ค้างไว้เสียหน่อย แต่ประตูห้องน้ำก็ดันเปิดออกมาอีกรอบ

“อะ- อะไร?” ตี๋ตะกุกตะกักถามคนที่ยืนจังก้าเป้าชี้หน้าเขาอยู่อีกฝั่งของเตียง

“แล้วทำไมพี่ต้องเข้าไปทำในห้องน้ำด้วย? นี่มันบ้านพี่ ห้องพี่นะ”

ตาตี่กะพริบปริบ ๆ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะสื่ออะไรกัน แต่ในขณะที่เขากำลังมึนอยู่ อีกคนก็นั่งลงกับที่นอนแล้ว

“พี่จะทำตรงนี้แหละ”

“งั้น...งั้น...ตี๋เข้าไปอยู่ในห้องน้ำเอง”

“เดี๋ยว!” เขาเรียกเอาไว้เพราะพูดยังไม่ทันจบตี๋ก็รีบลุกขึ้นทันที มือใหญ่จับเข้าที่ข้อมือเรียวของคนตัวขาวเพื่อไม่ให้ไปไหนจนแน่น แต่ก็โดนแกะมือออกจนได้

“เสร็จแล้วเรียกนะ” ตี๋โบกมือบ๊ายบายแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป กดลงล็อกให้เรียบร้อยกันคนหื่นเข้ามา อย่างน้อยอยู่ในนี้ก็ปลอดภัยกับตัวเองมากกว่าข้างนอกล่ะวะ

กับเหตุการณ์นี้เขาไม่รู้ว่าจะเครียดหรือตลกกับมันดี ออกแนวงง ๆ มากกว่า สุดท้ายแล้วเขาก็ทำมันจนเสร็จนั่นแหละ ใช้เวลาไม่นานนักเพราะเป็นของตัวเองก็เลยรู้จุดที่จะทำให้มันจบ ๆ ไป ก็แอบมีจินตนาการถึงรูปร่างและผิวขาวของคนรักอยู่เหมือนกัน ทำตัวอย่างกับเด็กม.ต้นอย่างไรอย่างนั้น เขาส่ายหัวอย่างปลงกับตัวเอง

เอสเดินไปเคาะประตูเรียก คนในห้องน้ำสะดุ้งเล็กน้อย ใช้เวลาทำใจอยู่ประมาณสิบห้าวินาทีถึงจะเปิดมันออก ไฟในห้องเปิดแล้วทำให้เขามองเห็นหน้าของคนพี่ได้ชัดแจ๋ว ใบหน้าหล่อประดับรอยยิ้มขำเล็กน้อย มันทำให้เขาเกิดอาการขัดเขินขึ้นมานิดหนึ่ง มันน่าจะเป็นอีกคนมากกว่าที่ต้องเขินกับเรื่องนี้สิ

“ยิ้มอะไรเล่า!”

“ไม่รู้สิ” เอสยักไหล่ตอบ

“เสร็จเร็วเหมือนกันนี่หว่า”

“หึ” คนพี่หัวเราะในลำคอ แสยะยิ้มมุมปากแล้วก้มลงไปกระซิบข้างหู “ลองดูไหมล่ะ ว่าจะเสร็จช้า...หรือเร็ว”

ตอนแรกตี๋ตั้งใจที่จะพูดให้อีกฝ่ายอาย แต่พอโดนย้อนแบบนี้แล้ว กลับกลายเป็นว่าตนพูดขุดหลุมฝังตัวเองแท้ ๆ มือขาวยกขึ้นปิดใบหูที่แดงจากอาการเขินอาย ไม่ใช่แค่หูเท่านั้นที่แดง แต่ทั้งใบหน้าตอนนี้แดงราวกับลูกตำลึงสุก ร่างผอมบางเดินเบียดคนตัวหนาที่ยืนขวางประตูอยู่ วิ่งเข้าไปนอนมุดใต้ผ้าห่มราวกับจะหนีอีกคนพ้น

“หนีทำไมเนี่ย? ไม่อยากลองดูเหรอ” เอสเดินตามมาพยายามจะดึงผ้าห่มออก แต่อีกคนก็ดึงไว้แน่นมากจนเขาดึงออกไม่ได้ ได้แต่คิดว่าทีแบบนี้ล่ะแรงเยอะจัง

“ไม่ ๆๆๆ”

“อย่ามาดูถูกกันเชียว”

“ขอโทษครับ”

“เวลาขอโทษต้องมองหน้าด้วยสิ”

ตี๋ลุกขึ้นนั่งโดยยังมีผ้าห่มคลุมอยู่ทั้งตัว โผล่ออกมาให้เห็นแค่หน้า แก้มขาวยังคงแดงอยู่นิด ๆ และก็ไม่กล้าสบตากับคนพี่ที่นั่งยิ้มรอดูเขาอย่างเอ็นดู ใช้เวลาทำใจอีกนิดหน่อยถึงเงยหน้าขึ้นสบตาพร้อมกับเอ่ยขอโทษเสียอ่อย เกือบได้เสียตัวเพราะคำพูดตัวเองแท้ ๆ

คนอายุมากกว่ายกมือขึ้นขยี้ผมของคนน้องก่อนที่จะกางแขนทั้งสองข้างออก “มากอดที...มา”

ตี๋ชั่งใจอยู่สักพักถึงจะเปิดผ้าห่มออกแล้วค่อย ๆ คลานไปให้อีกฝ่ายดึงเข้าไปกอด คนที่ไม่ได้ตัวเล็กกว่าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่นัก ขึ้นไปนั่งบนตักของเอส ซบหัวลงกับไหล่ ส่วนแขนทั้งสองก็กอดคออีกคนเสียแน่น แล้วเอาขาทั้งสองข้าวเกี่ยวเอวอีกฝ่ายไว้ โดยที่ไม่ระวังตัวเองอีกแล้ว

“โอย พี่หายใจไม่ออก”

“ไอ้หื่น”

“ไม่ได้หื่นซะหน่อย มันก็เรื่องปกติของผู้ชายหรือเปล่า”

“ตี๋ไม่เห็นจะเป็นเลย”

“นั่นสิน้า~ เป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย”

ตี๋เงียบไปเพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าขุดหลุมฝังตัวเองอีก ในตอนนี้เขายอมรับได้ถ้าสักวันหนึ่งจะต้องมีเรื่องแบบนั้นกับอีกฝ่าย เพียงแค่มันยังไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้นเอง และก็ยังตอบไม่ได้ด้วยว่าเมื่อไหร่ อาจจะเร็วกว่าที่คิดหรือนานกว่าที่คาด เพราะเป็นแบบนี้...อะไรที่มันเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างกอดหรือจูบ เขาก็พร้อมที่จะให้ได้ในระดับที่ไม่เกินไป

“อย่าหื่นให้มันบ่อยนักนะ ตี๋เหนื่อย”

“เราก็อย่าอ่อยบ่อยนะ พี่เหนื่อย”

กำปั้นขาวทุบลงกลางหลังเสียงดังก่อนจะด่าคนเป็นพี่ “ไอ้เลว”

เอสไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรอีก มีแค่หัวเราะเสียงเบาอย่างชอบใจที่โดนแฟนเด็กด่า เขาโอบแขนเข้ากับเอวของคนบนตักแล้วโยกไปมาเหมือนกล่อมเด็ก เอาจริง ๆ ตี๋ไม่ค่อยชอบนักหรอกที่ใครต่อใครพากันทำเหมือนว่าเขายังเด็ก แต่พอโดนทำแบบนี้แล้ว มันก็...รู้สึกดีอยู่เหมือนกัน เลยยอมซะอย่างนั้น

“ดึกแล้วนะ นอนกันเถอะ”

“อื้อ”

“โอ๊ย” พอวางเท้าลงกับพื้นเอสก็ร้องออกมา

“เป็นอะไรเหรอ?!” ตี๋วิ่งเข้าไปถามด้วยความตกใจ

“เป็นเหน็บ”

เจ้าตัวชะงักกับคำตอบ ก่อนจะหัวเราะออกมาแห้ง ๆ “โทษที ตี๋ตัวหนักอะสิ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“ตี๋นวดให้นะ”

คนน้องนั่งยอง ๆ ลงนวดไปตามขากับเท้าข้างที่เจ็บอยู่อย่างตั้งใจ โดยมีสายตาคู่สวยจับจ้องด้วยความรัก เขาไม่เคยคิดว่าตี๋จะทำอะไรแบบนี้ให้เขาได้ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเขามากแล้ว ถึงแม้จะไม่มีคำบอกรัก ไม่มีเซ็กซ์ แต่สิ่งที่คนตรงหน้าเป็นในตอนนี้ มันก็มีค่ามากกว่าอะไรทั้งหมดแล้ว

“ขอบคุณนะ”

ตี๋เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ “ดีขึ้นยัง?”

“ดีขึ้นแล้ว”

“งั้นพี่นอนนะ เดี๋ยวตี๋ไปปิดไฟเอง”

พอห้องกลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง ทั้งคู่ก็นอนกอดกันเหมือนเดิม คนพี่ก้มลงจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากของอีกคน กระซิบคำรักเสียงแผ่วเบา แต่ว่ามันช่างหนักแน่นและจริงจัง ตี๋กระชับกอดคนตัวหนากว่าให้แน่นขึ้น

“ฝันดีนะครับ” กระซิบบอกเสียงหวาน

เพียงแค่นี้เอสก็เป็นสุขใจมากพอแล้ว...




TBC…
หื่นไม่ช่วยอะไร กรั่ก ๆๆ  :laugh:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.11 หน้า 2 [up:25/05/2018]
«ตอบ #51 เมื่อ25-05-2018 22:48:35 »

 :L2: :L1: :pig4:

ตี๋น่ารัก

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.11 หน้า 2 [up:25/05/2018]
«ตอบ #52 เมื่อ26-05-2018 08:36:08 »

น้องตี๋เอาตัวรอดเก่งดี พี่เอสก็รอไปก่อนนะ :laugh:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.11 หน้า 2 [up:25/05/2018]
«ตอบ #53 เมื่อ26-05-2018 16:18:16 »

น่ารักมาก

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.12 หน้า 2 [up:29/05/2018]
«ตอบ #54 เมื่อ29-05-2018 11:25:36 »

12



ในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง ตี๋กับพี่ชายแบกกระเป๋ามาที่หน้าบ้านของเอสในตอนเช้าตรู่ ทั้ง ๆ ที่ตายังไม่ลืมดีนัก ยิ่งคนน้องที่ตั้งแต่ปิดเทอมมาก็ไม่ได้ตื่นเช้ามานาน พอต้องมาตื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นแบบนี้แล้วด้วย ก็ยิ่งพร้อมจะนอนข้างถนนได้เลย แต่ง่วงขนาดนี้ทั้งคู่ไม่ลืมที่จะหยิบหมอนรองคอและที่คาดตาติดมือมาด้วย กะว่าจะไปนอนบนรถอย่างเต็มที่

“ไปเที่ยวก็ทำตัวดี ๆ นะ อย่าไปทะเลาะกันล่ะ” คนเป็นพ่อสั่งสอนลูกชายทั้งสองตอนที่กำลังเก็บสัมภาระเข้าด้านหลังรถ

“เฟย/ตี๋ โตแล้วนะป๊า!” ทั้งสองคนว่าพร้อมกันเสียงแข็ง เมื่อป๊าพูดอย่างกับว่าพวกเขายังไม่โตสักที

“คนที่โตแล้วเขาไม่มาทะเลาะกันแบบพวกมึงหรอก”

สิ้นสุดคำพูดของคนเป็นพ่อลูกชายทั้งสองคนก็หน้าบูดเป็นตูดหมึกทันที เห็นแบบนี้แล้วป๊าของพี่เอสที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ยิ่งหน้าเหมือนนิสัยเหมือนกันทั้งคู่แบบนี้ก็ยิ่งตลกเข้าไปใหญ่ ไม่แปลกใจที่จะทะเลาะกันได้บ่อย ๆ พี่น้องกันก็แบบนี้ ถ้าไม่สนิทจนรู้ทันกันก็หาเรื่องกวนประสาทกันไม่ได้หรอก

“ถ้าพวกมันสองคนทะเลาะกัน อั๊วะก็ขอโทษแทนพวกมันด้วยนะเฮีย” ป๊าของสองพี่น้องบอก

“ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ครึกครื้นดีออก”

อาฮงยิ้มให้กับคนที่เขานับถือเหมือนพี่ชาย เขาเห็นมาตลอดว่าคนตรงหน้าใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานนับสิบปี ก่อนหน้านี้ที่เอสจะกลับมาอยู่บ้าน เวลาที่เขาว่างก็จะเดินมาคุยด้วยอยู่บ่อย ๆ เป็นการแก้เหงาให้กับอีกฝ่าย เห็นแบบนี้เขาเลยไม่เอ่ยปากห้ามที่ลูกชายคนเล็กจะมาคลุกอยู่ที่บ้านนี้เป็นประจำ เพราะอย่างน้อยไอ้ตัวแสบของเขาก็น่าจะสร้างสีสันให้กับบ้านหลังนี้ได้ไม่มากก็น้อยล่ะนะ เฮียโจวถึงได้ดูหน้าตาสดใสขึ้นเยอะแบบนี้

“สวัสดีครับเจ็กฮง” เอสที่เพิ่งเดินลากกระเป๋าเดินทางกับสัมภาระของทั้งตัวเองและของป๊าออกมาจากในบ้าน เอ่ยทักทายและยกมือขึ้นไหว้ผู้ปกครองของสองพี่น้อง

“ฝากดูแลเด็ก ๆ มันด้วยนะ”

“จะดูแลอย่างดีเลยครับ” เอสยิ้มตอบ พร้อมกับยกของขึ้นไปวางด้านหลังรถ และขอตัวไปปิดบ้านให้เรียบร้อย แล้วถึงเดินมาสตาร์ทรถเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง

“ไปนะป๊า” สองพี่น้องพูดพร้อมกัน โบกมือบ๊ายบายให้

“เออ อย่าไปรบกวนเขาให้มากล่ะ”

“ครับ ๆๆ”

“เดินทางปลอดภัยนะเฮีย ฝากดูไอ้สองแสบด้วยนะเอส”

พอฝากฝังและล่ำลากันเรียบร้อย ซีอาร์วีสีดำก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป โดยที่มีสองพี่น้องนั่งอยู่เบาะหลัง คนเป็นพ่อได้แต่คิดในใจว่านั่งใกล้กันขนาดนี้จะมีใครตายก่อนไปถึงปลายทางไหมเนี่ย ปกติอยู่บ้านเดียวกันก็ตีกันจะตาย ถ้าไม่มีเขากับม๊ามันคอยห้าม สงสัยว่าได้มีชกกันบ้างแหละ

ครั้งนี้เอสเป็นคนวางแผนการเดินทางทั้งหมด ในตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะออกเดินทางตอนกลางคืนเพื่อที่จะได้ขับขึ้นบ่อเกลือในตอนเช้าโดยที่ไม่ต้องหาที่พักข้างล่างก่อนหนึ่งคืน แต่ก็ห่วงความปลอดภัยของทุกคน เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้ขับรถในระยะทางไกลบ่อยนัก เลยเปลี่ยนเป็นออกรถในตอนเช้าตรู่เพื่อที่จะถึงอำเภอปัวตอนเย็น ค้างเพื่อพักผ่อนสักหนึ่งคืน แล้วเช้าวันต่อมาก็ค่อยเดินทางขึ้นดอยต่อไป

ออกรถได้ไม่นานสองพี่น้องก็หลับทั้งคู่ เรียกรอยยิ้มจากคนอายุมากที่สุดในรถได้อย่างดี

“ถ้าป๊าเมื่อยก็บอกนะ เอสจะได้พักรถให้ป๊ายืดเส้นยืดสาย ขาจะได้ไม่บวม” ลูกชายคนเดียวบอกทั้งที่เพิ่งจะขับออกมาได้ไม่นาน แต่ก็เพราะเป็นห่วงนั่นแหละ เขาจำได้ว่าเวลาเดินทางนาน ๆ ป๊ามักจะเท้าบวมอยู่บ่อยครั้ง

“เออ”

“ป๊าจะหลับก็ได้นะ”

“เดี๋ยวกูอยู่คุยเป็นเพื่อนมึงนี่แหละ” พูดไปอย่างนั้น เอาเข้าจริงเขาก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับลูกชายตัวเองเหมือนกัน เพราะมันกับเขาเองก็คุยไม่เก่งกันทั้งคู่ ทุกวันนี้เหมือนมีตี๋เป็นคนกลางที่ทำให้สองพ่อลูกใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น และนี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่เขามาเที่ยวกับมัน ทั้งที่เมื่อก่อนจะเป็นตัวเขาที่พาเที่ยว รู้สึกเหมือนผ่านไปไม่นาน ลูกชายของเขามันโตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอ

“แล้วจะกลับไปเยี่ยมแม่เมื่อไหร่ล่ะ?”

“ว่าจะไปช่วงสิ้นปี ป๊าไปด้วยปะ?”

“ไม่ดีมั้ง”

ถึงเขาจะไม่ได้คิดอะไรแล้ว เพราะเวลามันก็ผ่านไปนาน และแม่ของเอสก็มีครอบครัวใหม่ไปเรียบร้อย แต่มันคงจะไม่เหมาะสมนักถ้าหากว่าเขาไปยุ่งเกี่ยวอีก

“เอสลองถามแม่แล้ว ป๊าไปได้ อย่าคิดมากเลย”

“แล้วเอาไอ้นี่ไปด้วยไหม?” ป๊าถามเหล่ตามองไปทางที่นั่งข้างหลังอย่างรู้กัน เนื่องจากมีคนนอกอยู่ด้วยเลยไม่อยากพูดออกมาโจ่งแจ้งนักว่าใคร เพราะก็รู้ว่าคนทางบ้านของตี๋ยังไม่รู้ว่าลูกชายคนสุดท้องมีแฟนเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นคนที่คิดไม่ถึงอย่างลูกชายเขาอีกต่างหาก คิดภาพไม่ออกเลยว่าทางนั้นรู้จะเป็นอย่างไร

“เอาไปด้วยสิ แม่เขาอยากเจอ”

คนเป็นพ่อพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

“สรุปว่าป๊าไปด้วยนะ”

“ทำไมกูต้องไปวะ?” ไม่ได้กวนหรือประชดอะไรลูกชายเลย แต่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเขาจะไปเพื่ออะไร

“ทิ้งป๊าไว้คนเดียว เอสเป็นห่วง”

“ก่อนที่มึงจะมา กูก็อยู่คนเดียว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”

เอสเงียบไปทันที ความเสียใจมันตีขึ้นมาจนเจ็บหน่วงไปทั้งอก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าป๊าเองพูดไปอย่างนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็คือเรื่องจริงที่ว่าท่านเองก็อยู่คนเดียวมานานโดยที่ไม่มีใครอยู่ด้วย ตอนนั้นเขาก็ยังเป็นเด็ก ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรที่จะโต้แย้งได้

“เอส...ขอโทษนะครับ”

คนเป็นพ่อหันมามองลูกชายที่หน้าจ๋อยไป ก่อนจะยกมือที่มีรอยเหี่ยวย่นขึ้นมาลูบหัว

“มึงไม่ต้องคิดมากหรอกน่า”

ทั้งความอบอุ่นจากฝ่ามือและคำพูดที่แสนอ่อนโยนจากคนเป็นพ่อ ทำเอาเขาน้ำตาคลอหน่วยจนมันแทบจะไหลออกมา เนิ่นนานแค่ไหนกันที่เขาไม่ได้รับสัมผัสที่อบอุ่นแบบนี้จากคนข้าง ๆ เมื่อก่อนที่เคยคิดว่าป๊าคงไม่ได้รักเขาหรอก เพราะจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากท่านเลย แต่พอโตขึ้นเขาก็ได้รู้ว่าไม่ใช่ไม่รัก แต่การแสดงออกของคนเรามันต่างกัน บางคนแม้ไม่มีคำว่ารักออกจากปาก แต่ก็รักเรามากกว่าคนที่ปากพร่ำบอกคำรักเสียอีก

“ขอบคุณครับ...เอสรักป๊านะ”

“เออ ๆ”

ท่านยิ้มและตอบรับ ตบบ่าเขาสองสามทีก่อนจะมองตรงไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เหลือไว้แค่ความรู้สึกดี ๆ ที่อบอวลอยู่ภายในรถ





++++++++++





หลังจากออกมาจากบ้านได้สามชั่วโมงเอสก็ตัดสินใจพักรถในปั๊มน้ำมันใหญ่ที่เป็นจุดพักรถ มีทั้งมินิมาร์ท ร้านอาหารและร้านขายของฝาก ตั้งใจจะให้ทุกคนแวะกินข้าวเช้ากันที่นี่ เพราะตอนนี้ก็เริ่มสายมากแล้ว

“ป๊าไปสั่งข้าวก่อนได้เลย เดี๋ยวเอสปลุกเด็ก ๆ เอง”

เอสลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูฝั่งที่ตี๋นั่งเพื่อที่จะปลุกเด็กขี้เซา เขาเริ่มจากการปลุกคนพี่ก่อน เฟยเป็นคนตื่นง่ายพอโดนเรียกไม่กี่ครั้งก็ลืมตาตื่นขึ้น คนพี่ที่ตัวเล็กกว่าบิดขี้เกียจพร้อมกับหาวอ้าปากกว้าง พอเอสเห็นว่าอีกคนตื่นแล้ว เขาเลยเอื้อมมือไปเปิดที่คาดตาออกคว้ามือของคนน้องขึ้นมาจับแล้วบีบเบา ๆ

“ตี๋...ตี๋ครับ”

“อื้อ”

“ตื่นมาเข้าห้องน้ำก่อนเร็ว”

พอเห็นตาตี่ ๆ เปิดขึ้นเอสก็ยิ้มออกมา คราวนี้ตื่นง่ายคงเป็นเพราะนอนบนรถมันหลับไม่สบายเลยทำให้หลับไม่สนิท เขายกมือขึ้นลูบหัวเล็ก ๆ ของคนรักอย่างเอ็นดู มันเป็นพฤติกรรมที่ทำไปตามความเคยชินของตัวเองโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัวว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย คนอื่น...ที่ถึงแม้จะเพิ่งตื่นสติไม่เต็มร้อย แต่ก็เห็นทุกสิ่งได้ยินทุกอย่างที่เขาแสดงออกกับน้องชายของอีกคน

เฟยรู้สึกว่าการแสดงออกต่อกันของทั้งสองคนมันดูแปลกไปจากพี่น้องทั่วไป ขนาดตัวเขาเป็นพี่น้องกับมันแท้ ๆ ยังไม่เคยแสดงท่าทางแบบนี้ออกไปเลย แถมอีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าสะทกสะท้านอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่ก็เห็นว่าเขามองอยู่ ดันหันมายิ้มให้เฉย

“เฟยลงไปสั่งข้าวก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวพี่พาตี๋ไปเอง”

ทำได้แค่พยักหน้าตอบแล้วลงรถไปด้วยความงงงวย ไม่รู้ว่าจะคิดเรื่องไหนก่อนดี บวกกับความง่วงที่ยังคงค้างอยู่เลยยังทำให้เรียงลำดับความคิดไม่ได้ แต่ที่แน่ ๆ สองคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง เป็นความสัมพันธ์ที่คงไม่ใช่แค่พี่น้องแน่นอน แต่มันจะเป็นอะไรเดี๋ยวต้องหาเวลาถามน้องชายของเขาอีกที

หลังจากที่ทั้งสี่คนนั่งกินข้าวด้วยกันจนเสร็จ สองพี่น้องก็พากันแยกไปซื้อเสบียงตุนเอาไว้ เพราะจากนี้ก็ต้องเดินทางอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่พัก

“มึงจะหยิบอะไรเยอะแยะเนี่ย” เฟยติงน้องชาย

“ก็อีกตั้งไกลกว่าจะถึง” ตี๋ค้อนมือยังถือตะกร้าขนมแน่น

“แต่พี่เขาก็ต้องแวะพักอีกไหมล่ะ”

ตี๋กลอกตาคิด “นั่นดิ”

มือขาวหยิบขนมคืนชั้นไปบางชิ้นตามคำว่าของพี่ชาย ทั้ง ๆ ที่ใจก็อยากจะซื้อไปหมดเนี่ยแหละ เพราะอยู่บนรถแล้วมันว่างไม่มีอะไรจะทำ จะอ่านหนังสือเขาก็กลัวว่าจะเมารถอีก

“แล้วมึงไม่เอาอะไรเหรอ?” ตี๋ถามเฟยที่กอดอกยืนมองตนอยู่

“ไม่อ่ะ”

“ไม่ซื้อแล้วจะตามมาทำเพื่อ”

เฟยไม่ได้ตอบคำถาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะถามเรื่องที่สงสัย เพราะถ้าคำตอบมันออกมาไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เขาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าจะรู้สึกยังไงดี เพราะอย่างนั้นเขาต้องเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า เขากับตี๋เป็นเหมือนเพื่อนกันมากกว่าพี่น้อง แต่ในฐานะที่เป็นพี่ชายถึงจะทะเลาะกันอยู่ประจำแต่เขาก็เป็นห่วงมันเสมอ น้องชายของเขาถึงจะไม่ใช่พวกเชื่อคนง่าย แต่ก็ใจดีใจอ่อนซะเหลือเกิน นิสัยโคตรแตกต่างจากภาพลักษณ์ภายนอก เพราะแบบนี้ทั้งป๊าม๊ากับเขาถึงได้เป็นห่วงมันมาก

หันไปอีกทีก็เห็นตี๋หิวขนมกับน้ำเต็มสองมือ เฟยส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความปลง สงสัยเดินผ่านชั้นไหนก็หยิบอีกแน่ ๆ แล้วที่เอาคืนชั้นไปมันช่วยลดปริมาณขนมตรงไหน

“เข้าห้องน้ำหรือยัง?” เอสถามตอนที่ตี๋เอาขนมไปเก็บที่รถ

“เรียบร้อย”

“เฟยล่ะ?”

“เข้าแล้วครับ”

“งั้นขึ้นรถกัน ปะ” เอสยกมือขึ้นดันหัวของคนรักให้เดินขึ้นไปนั่งให้เรียบร้อย

“เพิ่งจะแดกข้าวไป นี่มึงจะแดกอีกแล้วเหรอ?” คนพี่ถามน้องชายที่พอรถออกไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ก้มตัวคุ้ยถุงขนมตรงที่พักเท้า

“ยุ่งไรด้วย”

“กูกลัวมึงอ้วนไง”

ตี๋ดันตัวเองขึ้นมานั่งตรงพร้อมกับขนมติดมือมาด้วย มองหน้าพี่ชายด้วยสายตาหน่าย ๆ “แล้วเห็นกูอ้วนไหมล่ะ?”

เฟยหัวเราะเบา ๆ ก็จริงของมัน ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขากับตี๋ก็ไม่เคยมีเนื้อมีหนังแบบเด็กคนอื่น ๆ เลย ม๊าเคยซื้อยาถ่ายพยาธิมาให้กิน เพราะเข้าใจว่าลูกทั้งสองคนที่ไม่อ้วนอาจจะเป็นเพราะว่ามีพยาธิเยอะ แล้วดูสิ...ไม่เห็นจะมีวี่แววอ้วนขึ้นเลย

“กินปะ?” ตี๋ถามพี่ชายพลางยื่นปลาเส้นทาโร่ให้

“หึ” เขาส่ายหัว “กูอิ่มอยู่”

เจ้าตัวยักไหล่ก่อนจะหันไปเกาะเบาะรถคนขับด้านหน้า “พี่กินปะ?”

เอสหันมามองแว๊บหนึ่งแล้วยิ้ม “ป้อนหน่อยสิ”

“โห ลำบากมั้ยเนี่ย” คนโดนอ้อนบ่นนิดหน่อยแต่ก็ยอมหยิบไปส่งให้ถึงปากอยู่ดี

“โตเป็นควายแล้วยังจะอ้อนน้องอีกนะมึง” คนที่อายุเยอะที่สุดในรถแซวลูกชายคนเดียว

“โถ่...ป๊า มีคนให้อ้อนก็ต้องอ้อนสิ” เอสตอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเฟยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความงุ้งงิ้งของพี่ชายแถวบ้านกับน้องชายของเขาที่ดูยังไงมันช่างเกินคำว่าพี่น้องไปไกลโข เรียกได้ว่าเหมือนเป็นแฟนกันซะด้วยซ้ำ แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง...ป๊าของพี่เอสรับได้ด้วยหรือไงกัน

“อะ”

คนคิดมากได้สติหลังจากที่น้องชายส่งเสียงเรียกแล้วยื่นห่อขนมมาตรงหน้า

“อะไร”

“เห็นมองตาไม่กะพริบ อยากกินเหรอ?”

“ไม่อะ” บอกปฏิเสธไปแล้วก็จัดแจงเอาผ้าปิดตาขึ้นมาคาดเตรียมตัวนอนต่อ

ตี๋เห็นแบบนั้นเลยไม่คิดจะกวนเวลานอนของเฟย แล้วหันไปตั้งอกตั้งใจกินโดยที่ไม่ได้คิดติดใจอะไรกับท่าทางของพี่ชาย ที่ก็ดูไม่ผิดปกติไปจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่คนที่รู้ถึงความไม่ปกตินี้คือเอสกับคนพ่อ พวกเขารู้ว่าตอนนี้เฟยกำลังจับสังเกตระหว่างเขากับน้องชายตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ระวังตัว จริง ๆ แล้วต้องบอกว่า...เขาตั้งใจจะแสดงให้อีกฝ่ายเห็นด้วยนั่นล่ะ ว่าระหว่างเขากับน้องของอีกคนมีความสัมพันธ์กันแบบไหน

“อีกนานไหมอะกว่าจะถึง?”

“อะไรกัน เพิ่งไม่นานก็งี่เง่าซะแล้ว”

“ป๊าอ่ะ ตี๋แค่ถามเฉย ๆ เอง”

เอสหัวเราะก่อนจะตอบ “น่าจะอีกซักห้าหรือหกชั่วโมงนะ”

“โห” ตี๋ทิ้งตัวลงกับเบาะ ด้วยความเป็นเด็กไฮเปอร์แล้ว นอกจากเวลานอนก็แทบจะไม่ปล่อยให้ตัวเองได้ว่างเลย อย่างน้อยอ่านหนังสือหรือเล่นเกมโทรศัพท์ก็ยังดี แต่นี่ก็โดนป๊ากับพี่เอสขู่เอาไว้ว่าระวังเมารถเลยทำให้ไม่กล้าเลย

“ดูมันทำท่าเข้า หมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นเลยหรือไง”

“ก็มันนานนี่ป๊า ตี๋เบื่ออออออ!”

“เลือกเองแท้ ๆ จะบ่นทำไม” 

“ลืมนึกไปว่ามันไกลอะ”

สองพ่อลูกที่นั่งด้านหน้าส่ายหน้าปลง แต่ก็อดที่จะยิ้มเอ็นดูไม่ได้ ส่วนคนที่เด็กที่สุดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาฟังเพลงแก้เบื่อ ใช้เวลาไม่นานนักตี๋ก็หลับไปอีกรอบ

“เด็ก ๆ นี่มันดีจริง ๆ นิ่งเป็นหลับขยับเป็นแดก”

เอสหันไปมองป๊าที่พูดออกมาลอย ๆ เขาเห็นแววตาของความสุขฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด ที่เคยได้ยินมาว่าคนแก่ไม่ควรจะอยู่ลำพัง ควรจะมีอะไรให้ท่านทำหรือมีคนอยู่ด้วย ยิ่งถ้าเป็นเด็กหรือมีสัตว์เลี้ยงจะดีมาก ช่วงนี้เขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะรับแมวหรือหมาตัวเล็ก ๆ สักตัวมาเลี้ยงเป็นเพื่อนท่านเวลาที่เขาไปทำงาน เพราะตั้งแต่ที่เลิกขายน้ำเต้าหู้มาก็แลดูว่าท่านจะว่างมากเหลือเกิน เขาพยายามที่จะสอนเล่นพวกไอแพทแล้ว แต่ดูท่าป๊าจะไม่ชอบเห็นอ่านแต่หนังสือ เขาก็เลยต้องพาไปซื้อในวันหยุดกับตี๋อยู่บ่อยครั้ง และบางทีตี๋ก็หอบมาให้เป็นตั้งใหญ่เลย

ว่าแล้วก็ขอถามสักหน่อยดีกว่า “ป๊าชอบหมาหรือแมว?”

“ถามทำไม?” ท่านย้อนถามเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“เอสจะเลี้ยง”

“มึงหรือกูกันแน่ที่เลี้ยง”

“เกลียดคนรู้ทัน” ลูกชายหัวเราะแห้ง ๆ

“แล้วแต่มึงเถอะ อยากเลี้ยงอะไรก็ตามใจ”

“โอเค เดี๋ยวป๊าเตรียมตัวเป็นอากงได้เลยนะ”

“หึ” คนพ่อยิ้มมุมปาก เขาเองก็รู้ว่าตัวเองคงจะไม่มีโอกาสได้อุ้มหลานเหมือนคนอื่น และก็ทำใจยอมรับกับเรื่องนี้มาตั้งแต่รู้ว่าลูกชายของเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแล้ว ช่วงแรก ๆ อาจจะมีเสียดายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาปลงกับเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว เพราะชีวิตที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็ดีเหมือนกัน เขามีความสุขและลูกชายของเขาก็มีความสุข...แค่นี้ก็พอแล้ว

เดินทางมาได้อีกพักใหญ่ ๆ เอสก็จอดพักรถอีกครั้งก่อนที่จะเดินทางต่อยาวให้ถึงอำเภอปัวเลย

“ป๊า จะกินข้าวเลยไหม?” เอสถามตอนที่จอดรถเสร็จ

“เออ”

“เฟยก็ไปกับป๊าพี่เลยก็ได้นะ”

“ครับ” เจ้าตัวตอบทั้ง ๆ ที่งัวเงียเพิ่งจะตื่น

“เดี๋ยวพี่ปลุกตี๋ให้”

เฟยเหลือบมองอีกฝ่ายที่ปลุกน้องชายเขาด้วยความนุ่มนวล ทั้งสายตาและรอยยิ้มที่มีให้กับตี๋มันเต็มไปด้วยความรักที่มาก...จนเขาสัมผัสได้ แถมยังดูแลน้องชายของเขาได้ดีเยี่ยมอีกต่างหาก ทั้งที่ตามใจมันขนาดนี้แต่กลับเอามันอยู่หมัดจนไอ้ตัวแสบมันเชื่องเหมือนลูกไก่ในกำมือ แต่คนตรงหน้ากลับดูเจ้าชู้ยังไงชอบกล เรื่องนี้แหละที่ทำให้เขายังคิดหนักเพราะเป็นห่วงน้อง

“ถึงไหนแล้วอะ?” คนน้องถามเสียงยานคางมือขวายกขึ้นขยี้ตา

“แพร่แล้วครับ”

“อือ ๆๆ” เจ้าตัวตอบรับด้วยความง่วง ไม่รู้หรอกว่าแพร่อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย แต่คิดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้วมั้ง “ปวดฉี่”

ตี๋พูดทั้งที่ตายังไม่ลืมดีค่อย ๆ ไถตัวลงมาจากรถ แล้วเดินตามพี่ชายตัวเองเข้าห้องน้ำไป เอสจัดการล็อกรถแล้วถึงไปจัดการธุระของตัวเองบ้าง ตัวเขาเองยังไม่ค่อยหิวเลยปล่อยให้ป๊ากับสองพี่น้องกินข้าวไปก่อน ในขณะที่ตัวเองเดินยืดเส้นสายคลายเมื่อยที่เกิดจากการขับรถไกล ขายาวเดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อจะไปหาผ้าเย็นสักผืนกับกาแฟสักแก้วเพื่อไล่ความง่วงที่เริ่มเกาะกุม ลูกอมก็หมดแล้ว กลายเป็นว่าตั้งแต่ที่เขาเลิกบุหรี่มาก็กลับติดลูกอมแทนซะอย่างนั้น

“ไม่กินข้าวเหรอ?” ตี๋ถามเมื่อเขาเดินไปถึงโต๊ะ

“พี่ยังไม่หิวน่ะ”

“เพลียสิมึง” ป๊าว่า

“นิดหน่อยอะป๊า ไม่ค่อยได้ขับรถทางไกล”

“ค่อย ๆ ไป ไม่ต้องรีบ”

“ครับ” เอสรับคำก่อนจะกินกาแฟต่อ พอวางแก้วลงบนโต๊ะก็สังเกตว่าตี๋ที่นั่งฝั่งตรงข้ามนั้น จ้องเขาตาแป๋ว เห็นแบบนี้เขาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “มองอะไรครับ?”

“หือ เปล่า” เจ้าตัวปฏิเสธก่อนจะลุกขึ้นยืน “ตี๋ไปเซเว่นนะ”

“ขนมบนรถมึงยังกินไม่หมดเลย” เฟยว่าน้อง

“จะกินกาแฟ”

“ห่า เดี๋ยวก็นอนไม่หลับ”

“กูนอนไปเยอะขนาดนี้แล้ว ไม่กินกูก็นอนไม่หลับอยู่แล้วมะ”

พอเห็นพี่ชายไม่ว่าอะไรอีกตี๋ก็หันไปหาคนสูงอายุที่ยังกินข้าวไม่เสร็จ “ป๊าจะเอาอะไรไหม? เดี๋ยวตี๋ซื้อมาเผื่อ”

“โบตันสักหน่อยแล้วกัน”

“โอเคครับเจ้านาย” ตี๋ยิ้มให้ก่อนจะวิ่งแจ้นออกไปก่อนที่เฟยจะพูดว่าอะไรเขาอีก

“เดี๋ยวผมขอตัวไปห้องน้ำนะครับ” เนื่องจากเป็นพวกท่อตรงกินปุ๊บถ่ายปั๊บก็เลยต้องขอไปเข้าห้องน้ำก่อนจะออกเดินทาง ไม่งั้นไปปวดข้างทางล่ะแย่เลย

“เดี๋ยวไปเจอกันที่รถนะ”

เฟยพยักหน้าตอบพี่ข้างบ้าน ก่อนจะหันหลังกลับ สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างคิดหนัก ตอนนี้เขามั่นใจกว่า 80% แล้วว่าเอสกับน้องชายเขามีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกันแน่นอน ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะตัดสินไปก่อนที่จะได้ฟังจากปากของตี๋ แต่ว่าฝ่ายพี่เอสดูเหมือนจะจงใจแสดงท่าทีให้เขารู้ ตอนนี้ก็ขอเวลาให้เขาได้ตกตะกอนความคิดและทำใจก่อนสักพัก แล้วค่อยถามจากน้องชายของเขาวันหลังแล้วกัน

ตอนแรกตี๋คิดว่านั่งอีกไม่นานก็คงจะถึง ที่ไหนได้...ผ่านมาชั่วโมงกว่าก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว

“เมื่อไหร่จะถึงเนี่ยยยยย” เจ้าตัวโวยวายด้วยความหงุดหงิด

“เสียงดัง” พี่ชายที่นั่งข้างกันว่าเข้าให้ แถมยังเอาหมอนมาตีอีกต่างหาก

“ก็กูเบื่อ อย่างน้อยเล่นเกมหรือว่าอ่านหนังสือได้ก็ยังดี แต่กลัวเมารถนี่หว่า” บ่นตามประสาเด็กไฮเปอร์ที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยได้

เอสกับป๊าหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนเอสจะตอบ “ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วเนี่ย”

“โอย” ตี๋ถอนหายใจ “ขอบคุณพระเจ้า”

“มึงนี่มัน...” คนเป็นพี่ชายหมดคำจะด่า ได้แต่ส่ายหัวหน่ายกับน้องชายตัวเอง


หลังจากที่ต้องนั่งแกร่วอยู่ในรถเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็เดินทางมาถึงรีสอร์ตในอำเภอปัวสักที ตี๋ดีใจจนแทบอยากจะร้องไห้ พอลงจากรถได้ก็ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจกับป๊าและพาเดินดูบรรยากาศรอบ ๆ ที่พักที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมร่มรื่นสวยงาม ห้องพักก็เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ สองหลังติดกัน น่ารักดี

คืนนี้เอสจองไว้สองหลังสำหรับตัวเองกับบิดา และอีกหลังก็เป็นของสองพี่น้อง ตอนแรกที่ตี๋รู้ก็หน้าบูดไปนิดที่ตนต้องทนฟังเสียงกรนของพี่ชาย แต่เขาก็ให้เหตุผลว่าคืนเดียวเอง ทนเอาหน่อยนะ

“เสียงกรนไอ้เฟยมันโคตรดังเลยนะ” เจ้าตัวงี่เง่า

“เดี๋ยวพี่ซื้อที่อุดหูให้” คนพี่บอกพลางยิ้มขำ

ตี๋ถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ก็ได้วะ”

ตอนที่มาถึงก็ใกล้มืดแล้วพวกเขาก็ไม่ได้แวะกินข้าวที่ไหน เลยพากันเดินออกจากที่พักมาเพื่อหาอะไรกินก่อนที่จะนอนกัน ดีที่รีสอร์ตไม่ได้ไกลจากถนนใหญ่นักเลยไม่ต้องเดินไกล ปัวเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างเงียบเลยถ้าเทียบกับจังหวัดที่พวกเขาอยู่ ร้านขายข้าวก็ไม่ได้มีให้เลือกมากนัก มีอะไรให้กินก็ต้องกินล่ะ

“ดีจัง มีเซเว่นด้วย” ตี๋ชี้ตาโต

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วค่อยแวะ” เฟยปรามน้องชาย

“รู้น่า”

ทั้งสี่คนฝากท้องกับร้านข้าวที่อยู่ใกล้กันกับเซเว่นนั่นแหละ แน่นอนว่าสามหนุ่มนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันย่อมเป็นเป้าสายตาของสาว ๆ ในร้าน ด้วยความที่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรและดูยังไงก็ไม่ใช่คนพื้นที่ ยิ่งเอสที่เป็นคนหน้าตาดีแบบพิมพ์นิยม สาว ๆ ก็ยิ่งจ้องกันใหญ่ บางคนก็แอบซุบซิบกัน ถึงจะฟังไม่ออกว่าพูดอะไร แต่ตี๋ก็ไม่ได้ชอบใจนักหรอก เจ้าตัวก็เลยก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา

“เป็นอะไรเหรอ?” เอสที่สังเกตเห็นความผิดปกติของตี๋ ทั้งที่เมื่อครู่ยังร่าเริงอยู่ดี ๆ แต่ตอนนี้กลับก้มหน้ากินข้าวเงียบไป

“เปล่า”

“ก็เห็นหน้าบูดเชียว เป็นอะไรหรือเปล่า?”

พอโดนตื๊อถามมากเข้า ตี๋ก็ถอนหายใจแรงเพื่อระบายอารมณ์ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก แค่หงุดหงิดนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย”

“จริงนะ”

“ให้มันจริงเหอะ”

เอสกับเฟยพูดขึ้นมาพร้อมกัน แต่คนละความหมาย

“เออออ” ตี๋ตอบทั้งคู่เสียงยานคางอย่างไม่ชอบใจนัก โดยมีป๊าของพี่เอสหัวเราะอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ป๊ากินอิ่มยัง เดี๋ยวไปซื้อขนมกับตี๋กันนะ” เจ้าตัวกำลังเบี่ยงความสนใจไปที่เรื่องอื่นแทน

“ไปสิ”

พอคนอายุมากตอบตกลงตี๋ก็ยิ้มแล้วลุกขึ้นไปพยุงแขนอย่างออดอ้อน ซึ่งมันก็สร้างความพอใจให้กับเขาเป็นอย่างดี จริง ๆ ตี๋ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเกาะแขนพาเขาเดินหรอก เพราะถึงจะอายุมาก แต่ด้วยความที่ทำงานมาตลอดชีวิตเลยทำให้สุขภาพโดยรวมของเขาก็ยังคงแข็งแรงอยู่

“เมื่อกี้หงุดหงิดอะไรล่ะเราน่ะ?” เขาถามขึ้นระหว่างเดิน

“ก็...”

“พูดมาเถอะ”

“ก็มีแต่คนมองพี่เอสแล้วก็ซุบซิบอะไรกันก็ไม่รู้อะ”

“แล้วยังไงต่อ”

“ตี๋...”

“มึงไม่ชอบใจ” เขาตอบแทนในส่วนที่มันไม่กล้าพูด

“อื้อ” เจ้าตัวพยักหน้าอย่างจำต้องยอมรับกับเรื่องจริงที่อีกฝ่ายพูดออกมา “ทำไมตี๋ถึงต้องไม่ชอบใจด้วยล่ะป๊า?”

“หึ” คนถูกถามหัวเราะกับความซื่อของแฟนลูกชายเขาคนนี้ “เพราะมึงหวงมันไง”

ทันทีที่ป๊าพูดจบขายาว ๆ ของตี๋ก็หยุดชะงัก

“ไม่จริงอะ” เขาพยายามจะปฏิเสธคำพูดนี้ ทั้ง ๆ ที่ในใจก็รู้อยู่ว่าอีกฝ่ายพูดออกมาน่ะมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่

“ยอมรับเถอะ...ว่ามึงน่ะหวงไอ้เอสมัน




TBC…
ฉันหวง ฉันมาทวงของฉันคืน #ผิดดดด
น้องตี๋คนความรู้สึกช้า ถถถถถ สงสารพี่เอสจัง  :laugh:
#น้องตี๋พี่เอส

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.12 หน้า 2 [up:29/05/2018]
«ตอบ #55 เมื่อ29-05-2018 15:06:40 »

ถือโอกาศแสดงความเป็นเจ้าของเลย

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.12 หน้า 2 [up:29/05/2018]
«ตอบ #56 เมื่อ29-05-2018 21:56:26 »

น้องตี๋คนซึน อย่าให้พี่เอสรอนานนะลูก  :o8:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.12 หน้า 2 [up:29/05/2018]
«ตอบ #57 เมื่อ30-05-2018 19:51:42 »

ครอบครัวสุขสันต์

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.12 หน้า 2 [up:29/05/2018]
«ตอบ #58 เมื่อ30-05-2018 20:44:37 »

น้องตี๋ คนขี้หวง :hao3: ชอบเวลาน้องอยู่กับคุณป๊าพี่เอสอ่า น่ารักดี :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ✿ all my LOVE is for you ✿ ch.12 หน้า 2 [up:29/05/2018]
«ตอบ #59 เมื่อ30-05-2018 22:15:48 »

ชอบบบบบบ.......   :mew1:
ตี๋ น่ารักมากเวลาอยู่กับเอส
ขนาดตี๋ไม่ได้ทำอะไรเลย เอสยังรักแล้ว
พอตี๋ ออดอ้อนเอส แม้ตี๋ไม่ได้คิดอะไร
แต่เอสสิ ยิ่งจะหลงตี๋หัวปักหัวปำ

เฟย รู้เรื่องที่เอสตี๋ชอบกันแล้ว   :hao4:
และดูห่วงตี๋เรื่องเอสดูเจ้าชู้
แต่ตี๋ หงุดหงิด หวงเอสที่มีสาวๆมาสนใจเอส
ตี๋ เริ่มโตเรื่องความรักแล้วมั้ง

เอส ตี๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด