หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18  (อ่าน 18869 ครั้ง)

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
16..ต้องมนต์

วิศวะหนุ่มถอดรองเท้าเพื่อที่จะรีบเข้าบ้าน กลิ่นปลาทูทอดลอยมาแต่ไกลทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวบาสลงมานะแม่!”
บาสตะโกนบอกลอยๆแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน นำเอกสารที่หอบมาด้วยวางลงบนโต๊ะทำงาน ถอดทุกอย่างออกจากตัวคลำเจอของในกระเป๋ากางเกงจึงหยิบออกมา มันคือโทรศัพท์เครื่องแพงกว่าชีวิตของเขานั้นเอง
บาสมองของในมือ ยิ้มอ่อนให้มันแต่เมื่อหน้าเจ้าของตัวจริงลอยเข้ามาก็หุบยิ้มแล้ววางมันลงที่โต๊ะ
“หอมจัง!”
บาสเดินลงบันไดพร้อมกับส่งเสียงเรียกแซวแม่ตัวเองไปด้วย แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัวก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกระทะมีควันโขมง บาสรีบก้าวไปปิดวาล์วแก๊สใช้มือแตะๆด้ามจับของกระทะด้วยความกลัว เมื่อมันไม่ร้อนมากจึงจับแล้วโยนลงไปที่อ่างล้างจานแล้วเปิดน้ำใส่
“แม่”
บาสเรียกแม่ตัวเอง เมื่อไม่มีการตอบรับเขาจึงเดินออกจากห้องครัวไปหาจุดอื่น เดินไปหน้าบ้านมองหาจนทั่วก็ไม่เจอจึงกลับเข้ามาในบ้านแล้วตรงไปหลังบ้าน
“แม่!”
บาสตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาวิ่งเข้าไปประคองศีรษะแม่ที่นอนหมดสติอยู่ข้างเครื่องซักผ้าขึ้นมา
“แม่เป็นไร!”
บาสจับหน้าแม่เขย่าเพื่อเรียกสติ
“ได้ยินบาสไหม!”
“แม่!”
บาสเริ่มใจไม่ดีความรู้สึกขมคอตีขึ้นมา กลัวจนน้ำตาจะไหล เขาอุ้มแม่ตัวเองขึ้นด้วยความลำบากออกมาหน้าบ้านมองซ้ายมองขวาสมองคิดอะไรไม่ทันตอนนี้ คิดได้บางอย่างบาสอุ้มแม่ไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังข้างๆแล้วตะโกนเรียก
“ป้าแวว!ลุงไม้!”
สักพักประตูบ้านข้างๆก็ถูกเปิดพร้อมกับเสียง
“ใครนะ”
“ช่วยแม่ด้วยครับ แม่เป็นอะไรไม่รู้!”
บาสตะโกนบอกไป หญิงวัยห้าสิบกว่าๆเดินออกมาพร้อมกับสามีของเธอ
“บาส”
“ช่วยแม่ด้วยครับ ช่วยแม่ด้วย!”
ป้าแววรีบวิ่งมาเปิดประตูรั้วบ้านตัวเอง เข้ามาช่วยบาสประคองแม่
“ลุงจะไปเอารถออก”
ลุงไม้วิ่งเข้าไปในบ้านแล้ววิ่งออกมาตรงไปที่รถสตาร์ทรถแล้วถอยออกจากโรงรถ ป้าแววเปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปนั่ง บาสอุ้มแม่ขึ้นรถโดยมีป้าแววคอยรับ ประตูรถถูกปิดรถจึงออกตัว
“แม่”
บาสเรียกคนในอ้อมกอดด้วยเสียงเครือจูบศีรษะแม่แล้วกระชับกอด
อย่าเป็นอะไรนะ ไปหาหมอกันนะแม่
ป้าแววที่กำลังบีบแขนบีบมือแม่ของบาสให้เลือดไหลเวียนส่งมือข้างหนึ่งมาจับมือบาสบีบ
รถถูกจอดลุงไม้เปิดประตูลงแล้ววิ่งมาเปิดประตูรถให้ บาสอุ้มแม่ลงจากรถมีพยาบาลวิ่งเข้ามาเตียงถูกลากเข้ามาบาสวางแม่ลงบนเตียงแล้วจับมือแม่ตามไม่ยอมปล่อย
คนคอยได้แต่หวังให้แม่ไม่เป็นอะไร บาสยืนมองห้องที่แม่หายเข้าไปอย่างไม่ละสายตา
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอกบาสถึงมือหมอแล้ว”
บาสละสายตาจากห้องฉุกเฉินตามเสียงพูด
“ป้าแวว”
เขาเรียกป้าข้างบ้านด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้า
“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร”
ป้าแววเห็นแบบนั้นถึงกับน้ำตาไหลดึงบาสเข้ามากอด สงสารจับใจ เธอกับสามีไม่มีลูกเธอรักบาสเหมือนลูกมาตั้งแต่แบเบาะ เพราะบาสเป็นเด็กน่ารัก มีสัมมาคารวะ เก่งและขยันเคยถึงขั้นขอบาสไปเลี้ยง มาเห็นบาสร้องไห้เธอก็ร้องไห้ตามด้วยความสงสาร เธอละกอดจากบาสแล้วลูบหน้าลูบตาให้บาส ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดบาสรีบก้าวเข้าไปถามอาการผู้เป็นแม่
“แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“คนไข้ปลอดภัยแล้วคะ ไม่ได้เป็นอะไรมากที่หมดสติไปเพราะร่างกายอ่อนเพลียเป็นเพราะโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้วด้วย”
บาสพยักหน้าเข้าใจ โล่งใจที่แม่ไม่ได้เป็นอะไร
“คุณหมอให้นอนให้น้ำเหลือดูอาการก่อนนะคะ เดี๋ยวเชิญติดต่อด้านนี้ค่ะ”
บาสหันมายิ้มให้ป้าแววลุงไม้แล้วเดินตามพยาบาลไป จัดการเรื่องนอนโรงพยาบาลของแม่
บาสอยากจะให้แม่ได้นอนห้องพิเศษดีๆนะ แต่ค่าใช่จ่ายแพงเกินไป เลยต้องอยู่ห้องรวม
“ให้ป้าอยู่เป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ป้าแววกับลุงไม้กลับไปพักผ่อนเถอะครับ บาสอยู่ได้”
บาสเก็บความทุกข์ไว้ยิ้มให้ผู้มีพระคุณอย่างซึ้งใจ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริงๆ
“พรุ่งนี้ป้าจะมาหานะ”
“ครับ”
“อย่าเครียดนะบาส พักผ่อนนะลูก แม่ปลอดภัยแล้ว”
“ครับ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันแล้วกอดให้กำลังใจก่อนไป
“ลุงไปนะบาส”
“ขอบคุณนะครับลุงไม้”
ชายวัยห้าสิบปลายๆยื่นมือมาตบไหล่ให้กำลังใจตามประสาผู้ชาย บาสยิ้มตอบมองตามทั้งสองเดินออกไป
แล้วหันกลับมาหาคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง นั่งลงบนเก้าอี้จับมือแม่มากุมไว้
“เมี่ยงปลาทูบาสยังไม่ได้กินเลยนะ”
พูดพร้อมกับจับปอยผมของแม่ไปไว้ข้างๆ เขาทิ้งหน้าลงบนท้องแม่ ไม่อยากห่างไปไหนเลย อยากอยู่ตรงนี้ ใกล้ๆ ตลอดเวลา ไม่อยากทิ้งแม่ไปไหนแล้ว…

“ตื่นได้แล้วรูปหล่อของแม่”
คนนอนสะดุ้งตาเปิดก็เห็นพยาบาลกำลังทำอะไรกับสายน้ำเกลือเตียงฝั่งตรงข้าม หันกลับมาอีกทางก็สบสายตาเข้ากับรอยยิ้มที่แสนเคยชิน
“แม่!”
บาสเรียกแม่เสียงตื่น จับมือแม่มาบีบ
“แม่หายแล้วใช่ไหม ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”

ผู้เป็นแม่เห็นท่าทีแสดงออกของลูกชายก็ถึงกับต้องยิ้มพยักหน้าให้ บาสโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ คนหนึ่งดีใจที่ได้คนรักกลับมา คนหนึ่งดีใจที่ได้กลับมาหาคนรัก เป็นกอดที่พูดแทนทุกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี
“ได้นอนบ้างไหมลูก”
แม่ยื่นมือทั้งสองข้างมาจับหน้าลูกชาย จับผมปัดให้ไปในทิศทางเดียวกัน

บาสพยักหน้ายิ้มให้แม่ ทั้งที่ร่างกายตอนนี้อ่อนล้าใกล้จะหมดแรงเต็มที พยาบาลเข็นรถแจกข้าวมาพอดี บาสลุกขึ้นไปช่วยถือมาวางลงแล้วจัดการให้แม่
“แม่ห้ามเครียดนะไม่ต้องทำงานเยอะๆด้วย”
“ทุกวันนี้แม่ก็ไม่ได้ทำงานอะไรมากมายเลยนะลูก แม่ไม่เป็นอะไรหรอก คนแก่ก็แบบนี้แหละโรครุมเร้า”
ผู้เป็นแม่ยิ้มให้ลูกชาย บาสจึงยิ้มตอบ
“แม่อยู่คนเดียวก่อนนะ บาสจะกลับไปดูบ้าน”
“กลับไปนอนก่อนเถอะบาส แม่อยู่ได้”
“บาสจะรีบกลับมานะ”
แม่พยักหน้ายิ้มให้ลูกชายเมื่อรู้ว่าต่อให้พูดยังไงบาสก็คงรีบกลับมา มองลูกชายที่กำลังเก็บจานข้าวด้วยความรู้สึกภูมิใจ

ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงถึงถึงบ้าน บาสเดินเข้าไปในบ้านมองบ้านที่ว่างเปล่าและเงียบอย่างหดหู่ใจ เขาเดินตรงไปที่ครัว มองร่องรอยของการไหม้ที่เหลืออยู่แล้วนึกถึงแม่ขึ้นมาทันที โชคดีขนาดไหนที่กลับมาทัน บาสถอนหายใจยิ้มให้ตัวเองแล้วจัดการเก็บกวาด ทำในครัวเสร็จก็ตามด้วยซักผ้าในเครื่องที่แม่ซักค้างไว้ กวาด ถู ทำทุกอย่างที่แม่เคยทำ เสร็จทุกอย่างแล้วบาสจึงเดินขึ้นห้อง เปิดหน้าต่างทุกบานให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น
“ไอ้บาส”
เสียงเรียกทำให้บาสชะงักหันมอง แล้วเดินออกจากห้อง ไม่ต้องสงสัยว่าใคร เขาจำเสียงเพื่อนตัวแสบได้ดี เพราะเวลามาคลังชอบตะโกนเรียกเสมอเวลาหาเขาไม่เจอ
บาสเดินลงจากบันไดลงมาก็เจอคลังกำลังยืนอยู่กลางบ้าน
“มาหาถึงบ้านมีอะไร”
“อยากมา”
บาสส่ายหัวให้กับความกวนของเพื่อนตัวเอง คลังหันซ้ายหันขวาจนบาสมองตาม
“แม่ไปไหนวะ”
จนคลังพูดบาสถึงนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกคลังเรื่องแม่เข้าโรงพยาบาล
“แม่เข้าโรงบาล”
“เฮ้ย! แม่เป็นไรวะ เมื่อไร”
 คลังถามเสียงและสีหน้าแตกตื่น
“เมื่อวาน”
“เป็นอะไรวะ”
“โรคเดิม เมื่อวานกูกลับมาเจอแม่นอนอยู่ข้างเครื่องซักผ้า ป้าแววกับลุงไม้เป็นคนไปส่ง”
ภาพความทรงจำแย่ๆกลับมาอีกครั้ง คลังรับฟังด้วยสีหน้าเห็นใจ
“แล้วตอนนี้แม่เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่ไหมวะ”
“อืม ไม่เป็นอะไรแล้ว”
คลังเบ้หน้าให้บาส
“ทำไมมึงไม่บอกกูวะ นี้ถ้ากูไม่มาก็คงไม่รู้”
“กูตกใจจนลืม โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป”
“แล้วแม่อยู่โรงบาลไหนอะ”
“นี้ไง กูอาบน้ำแล้วจะไป”
“รีบๆเลย”
คลังโบกมือไล่ บาสแสยะยิ้มให้เพื่อนแล้วเดินขึ้นห้อง คลังตามขึ้นไปนอนกลิ้งบนเตียงบาส รอบาสที่ลงไปอาบน้ำ นอนไปนอนมาสายตาก็ไม่สบเข้ากับสิ่งของบนโต๊ะ
โทรศัพท์เครื่องแพง ลุ้นใหม่ล่าสุด
“กินไรมายัง”
บาสพูดพร้อมกับเดินเช็ดผมเข้ามา
“ซ่อนรูปหรอวะ เล่นซะครึ่งแสนเลยมึง”
“อะไรของมึง”
บาสหันไปถามไม่เข้าใจคำพูดของคลัง
“ก็นี้ไง”
คลังหยิบโทรศัพท์เครื่องแพงขึ้นมา บาสใจหายแว๊บหยุดมือจากการเช็ดผม
“ไปเอาเงินจากไหนมาซื้อวะ กูคิดคำนวณยังไม่กล้าซื้อเลยแม่งแพงเกิ๊น”
คลังจับโทรศัพท์พลิกไปพลิกมาสำรวจ บาสกลืนน้ำลายลงคอ คิดหาคำพูด
“คนอย่างกูจะไปมีปัญญามีเงินซื้อได้ไง ผ่อนเอาดิ”
คลังหันมามอง บาสรีบพูดต่อ
“ก็มึงพูดเอง ว่ารุ่นกูมันไม่มีอะไหล่แล้วไม่ใช่หรอ ไหนๆก็ไหนๆกูก็เลยซื้อดีๆไปเลย”
บาสพูดจบแล้วหันหน้าหนีหลบสายตาคลัง เพราะเขาเป็นคนโกหกไม่เก่งขืนสบตามีหวังคลังจับพิรุธได้แน่

แม่ไม่เหงาเลย มีทั้งคลังและป้าแววลุงไม้ที่มาเยี่ยม ทุกคนอยู่จนบ่ายถึงกลับ ระหว่างนั่งรอแม่หลับบาสก็เอาเอกสารที่นำมาด้วยขึ้นมาเคลียร์ต่อให้เสร็จ
วันนี้วันอาทิตย์พรุ่งนี้แม่ก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
บาสตื่นไปเข้าห้องน้ำเดินกลับมาเห็นแม่ทำท่าทางแปลกๆแต่ไกลจึงรีบเดินกลับ แต่เมื่อจับไปที่แขนก็ต้องตกใจเมื่อรับรู้ถึงความร้อนในตัวแม่ บาสใช้มืออังหน้าผากแม่จับตัวก็ทำให้รู้ถึงความผิดปกติ จึงเรียกพยาบาลมาดูอาการ
สรุปคือแม่มีไข้ คงเป็นเพราะร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เห็นแบบนี้แล้วไม่มีกะใจทิ้งแม่ไปทำงานเลยทั้งที่จะได้กลับบ้านอยู่แล้วกลับมาเป็นเพิ่ม
บาสคิดดีแล้วเขาโทรไปลางานกับบงกช ซึ่งบงกชก็เข้าใจและบอกให้บาสลาจนกว่าแม่จะหายดีด้วยซ้ำแต่บาสขอดูอาการแม่ก่อนถ้าหายดีจะรีบกลับไปทำงาน


วันนี้ประชุมเอ็นจิเนียร์ใหญ่ประจำเดือนทุกคนมารวมตัวกัน
ยกเว้นลูกหนี้ของเขา…
ทิคมองหาตลอดการประชุม จะถามจากคลังก็ขี้เกียจตอบคำถาม ทิคจึงเลือกถามจากคนอื่นแทน
“บาส..ไปไหนครับ”
คนที่ทิคถามไม่ใช่ใครที่ไหนปิงนั้นเอง
“บาสไม่ได้มาทำงานสามวันแล้วครับ”
คำตอบทำให้ทิคแปลกใจ
“เขาไปไหนครับ”
“แม่เขาเข้าโรงพยาบาลครับ เขาลาไปดูแม่หลายวันแล้ว”
ทิคได้ยินคำตอบแล้วชะงัก


เพราะร่างกายแม่อ่อนแออยู่แล้ว เชื้อโรคจึงเข้าได้ง่าย ผ่านไปห้าวันของการอยู่โรงพยาบาลและสามวันของการลางาน ใช้ชีวิตอยู่โรงพยาบาลจนคนแถวนี้เริ่มจำหน้าได้แล้ว
“หนึ่งร้อยยี่สิบห้าบาทค่ะ”
บาสยื่นเงินให้พนักงานร้านสะดวกซื้อแล้วรอเงินทอน เรียบร้อยแล้วจึงถือของออกจากร้าน ทั้งสองมือเต็มไปด้วยของ นมสองแพ็ค ขนมปัง ผลไม้ และของที่จำเป็น เดินออกมาที่ถนนรอให้รถผ่านแล้วจึงรีบวิ่งข้าม
แต่สิ่งที่อยู่อีกฝ่ากของถนนทำให้บาสชะงัก ต่างฝ่ายต่างมองกันไม่ละสายตา ทิคมองบาสตั้งแต่หัวจรดเท้า คนที่เคยดูดีจนใครเห็นต้องหลง ทำไมตอนนี้กลับดูโทรม ซูบผอม หน้าตาไม่สดใส จนน่าสงสาร
และเป็นทิคที่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา
“ไม่คิดจะบอกกันหน่อยหรอ”
มันจำเป็นต้องบอกหรอ เราไม่ได้สนิทกันขนาดต้องบอกเล่าเรื่องส่วนตัว บาสได้แต่คิดในใจ
“ไปคุยกันหน่อยไหม”
ทิคพูดเสียงไม่ได้บังคับ แต่ก็ไม่ได้ขอร้อง แล้วบาสจะขัดได้ไหมละ
“ผมขอเอาของไปให้แม่ก่อน..ได้ไหม”
บาสขอไปอย่างไม่เต็มเสียงอย่างหวั่นๆ
ทิคพยักหน้าให้ บาสจึงเดินนำออกไป
คนเดินตามหลังมองคนที่อยู่ข้างหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาไม่เคยเห็นบาสแต่งตัวแบบนี้ กางเกงวอร์มที่เหมือนจะผ่านการใช้งานมาเยอะเสื้อยืดธรรมดากับรองเท้าสวมแบบสบายๆไม่ได้ทำให้ความดูดีของบาสลดน้อยลงเลย กลับดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ทิคเดินตามบาสไปเรื่อยๆตลอดทางก็มองสิ่งรอบตัวไปด้วย คนป่วยที่นอนอยู่ทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อย จนบาสหยุดเดิน
ทิคมองบาสที่กำลังนำของที่ซื้อมาวางยังจุดที่มีไว้ให้แล้วหันไปจัดแจ้ง
ผ้าห่มให้คนที่น่าจะเป็นแม่ที่กำลังหลับอยู่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรัก มองไปรอบๆสิ่งที่เห็นคือคนป่วยและญาติเต็มไปหมด แล้วลูกหนี้ของเขาอยู่ยังไง นอนยังไง ทำทุกอย่างอยู่ในนี้หรอ
“ปล่อยให้แม่นอนสบายๆเถอะ”
ทิคพูดแล้วจับแขนบาสให้ลุกขึ้น คนถูกดึงแขนหน้าตาเลิ่กลั่กแต่ก็ปล่อยให้ทิคลากตามใจชอบ
ทิคพาบาสมาที่ร้านอาหารไม่ใกล้ไม่ไกล ความจริงบาสขัดเพราะไม่อยากทิ้งแม่ไปนานๆแต่หาได้ขัดทิคได้ไม่ จนถูกลากมาที่นี้แหละ มาถึงก็สั่ง สั่ง แล้วก็สั่ง ไม่รู้หิวมาจากไหน คนถูกลากมาทำได้แค่นั่งมองเงียบๆ
อาหารถูกนำมาเสริฟ์แต่ก็ไม่มีใครกิน จนทิคพูด
“กินสิ”
บาสที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นสบตากับทิค
“คุณไม่กินละ”
“ตอนแรกหิว แต่ตอนนี้ฉันไม่หิวแล้ว”
บ้าหรือไง อาหารเยอะแยะขนาดนี้แล้วราคาแต่ละจานก็ไม่ใช่ถูกๆ
“งั้นก็ให้เขาห่อให้สิครับ”
“ฉันให้นายกิน”
 อยู่กับทิคมานานจนบาสรู้ดี ว่าเสียงกดๆนี้คือคำสั่ง
“รีบกินจะได้รีบกลับไปหาแม่”
ได้ยินแค่นั้นบาสก็เห็นด้วย ใช่ รีบๆกินให้เสร็จๆ บาสหยิบส้อมขึ้นมาแล้วเลือกแทงไปที่น่องไก่ทอดแล้วนำเข้าปาก เคี้ยวไปคำแรกก็รับรู้ถึงความอร่อย กินอย่างไม่รู้ตัวจนหมดชิ้น จะเอาชิ้นใหม่แต่เพราะนึกได้จึงยั้งมือเหลือบมอง เมื่อเห็นทิคเอาแต่นั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์จึงจัดการ

คนที่ทำท่าเล่นโทรศัพท์แอบมองคนตรงข้ามเป็นระยะแล้วอมยิ้ม บาสกินจนไม่อายเหมือนตอนแรกแล้ว แต่อมยิ้มได้ไม่นานก็ต้องหยุดมันลงเมื่อเกิดความคิดบางอย่าง
มันอร่อยหรือหิวเพราะไม่ได้กินมาหลายวัน ใต้ตาช้ำๆนั้นเกิดจากอะไร แล้วแผลที่นิ้วนั้นเป็นอะไรมา
“ทำไมไม่พาแม่ไปอยู่ห้องพิเศษ”
คำพูดของทิคทำให้คนที่กำลังอร่อยกับการกินชะงัก สายตามองต่ำอยู่นานถึงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ไม่ใช่รอยยิ้มของความสุข
“มันแพง อยู่ห้องรวมดีจะตายมีเพื่อนเยอะ แม่จะได้ไม่เหงา”
“ย้ายห้องให้แม่ซะ”
“ทิค”
บาสเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างเหลืออดเพราะไม่รู้จะพูดยังไง
คนถูกเรียกกลับไม่ฟัง วางเงินแบงค์สีเทาสองใบลงบนโต๊ะแล้วลุกเดินออกไป
“เลิกทำเหมือนผมเป็นตัวอะไรที่น่าสงสารสักที”
ทิคหยุดเท้าลงเมื่อได้ยิน
“พอสักทีเหอะ”
ทิคหันหลับไปเผชิญหน้ากับบาสเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
“ผมจะเอาเงินทั้งหมดไปคืนคุณวันศุกร์ ขอบคุณที่ช่วยเหลือมาตลอด”
ทิคเดินเข้าไปหาบาสทันที
“วันศุกร์ฉันไปดูงานต่างจังหวัด”
“ผมจะฝากคลังไปให้…ผมยังไม่รู้อนาคต”
“หมายความว่าไง”
“ผมจะลาออก”
ทิครุกเข้าหาบาสในระยะประชิดทันที จับแขนบาสบีบสุดแรงเกิด
“คิดจะหนีหรอ! นายคิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือไง!”
“ผมไม่ได้หนี ในเมื่อผมจะคืนเงินคุณทั้งหมด”
“นายไม่มีสิทธิ์คิดจะไปไหนทั้งนั้น!”
บาสใช้แรงที่มีผลักทิคออกจากตัว
“คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!ผมยอมมามากพอแล้ว พอสักที ผมไปเราก็จะไม่ได้เจอกันอีกมันจะได้จบๆไง”
อยู่ดีๆทิคก็ปล่อยมือจากแขนบาส แต่จ้องตาอย่างไม่ลดละ
“ทุกอย่างมันกำลังจะดี ฉันกำลังพยายามแต่นาย..พังมัน”

เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามทำดี พยายามดูแลเอาใจใส่ พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราแบบที่ไม่เคยทำ ทุกอย่างมันดีขึ้นแล้ว แต่บาส บาสกลับพังมัน คิดจะไปจากชีวิตเขา

บาสไม่พูดอะไรแต่กลับจะเดินหนีไป ทิคหันไปขว้าแขนไว้แล้วลากให้เดินตาม ไม่มีคำพูดคำด่าทออะไรทั้งคู่ใช่การกระทำแทน ยื้อยุดกันจนเกือบจะชกต่อย บาสสู้ทิคไม่ไหวจนถูกลากกลับมาที่รถ
“เข้าไป!”
ทิคตระโกนเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมอง บาสถูกยัดเข้าไปในรถแต่พยายามจะออกทิคจึงขึ้นคร่อมบาสที่นั่งดิ้นอยู่บนเบาะแล้วปิดประตูล็อค
“มึงหยุดบ้าสักที!”
“มึงนั้นแหละที่บ้า!”
คำพูดของบาสทำให้ทิคโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขามีสิทธิ์พูดคนเดียวบาสกล้าดียังไงถึงพูดคำว่ามึงออกมา แต่ก็ดีเหมือนกันในเมื่อจะเล่นบทนี้..ก็ได้
“เอาเลย!จะฆ่าก็เอาเลย บ้าอยู่แล้วนิ!”
คนที่อยู่ใต้ร่างไม่กลัวเลยด้วยซ้ำกลับท้าทาย
ทิคก้มหน้าลงมาใกล้จนจมูกสัมผัสกัน
ไม่รู้ว่าลมหายใจของบาสร้อนจนรู้สึกได้ไหม แต่ตอนนี้ลมหายใจของทิคสัมผัสกับใบหน้าบาสจนรับรู้ถึงความอุ่น
บาสหยุดการกระทำทุกอย่าง มันทำให้ทิครู้ว่าบาสไม่กลัวการกระทำแรงๆอะไรเลย
แต่กลัวการถูกเข้าใกล้และการถูกสัมผัส… แต่หน้าตาไม่ได้บ่งบอกถึงความกลัว บาสยังคงสู้หน้าอย่างไม่ลดเลิกทั้งที่จริงๆแววตาเลิ่กลั่กนั้นกำลังบ่งบอกถึงความกลัว ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่ยอมกัน ทิคก้มหน้าลงเข้าใกล้บาสหดหน้าหนีทันที บาสตกใจไม่รู้ว่าเบาะถูกเอนตอนไหนเป็นว่าตอนนี้บาสนอนอยู่ข้างล่างโดยมีทิคคร่อมอยู่ด้านบน
ทิคเห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมหยุดได้ใจส่งมือไปจับเสื้อยืดบาสตรงท้องเลิกขึ้น
“จะทำอะไร!”
บาสถามเสียงดังปัดมือทิคออกแล้วเริ่มดิ้นอีกครั้ง จนทิคก้มลงเข้าใกล้อีกครั้งถึงหยุด
รถที่ไม่ได้สตาร์ทเครื่องร้อนจนแทบขาดใจ แต่อารมณ์ของคนสองคนตอนนี้ร้อนยิ่งกว่า เสียงหายใจรวยรินจากความเหนื่อยของการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะ เหงื่อที่เริ่มเปียกกายของทั้งคู่
หน้าบาสเต็มไปด้วยเหงื่อจากหน้าผากไหลลงมาตามไรผมจนมาถึงคอ เม็ดเหงื่อที่เกาะกลุ่มบนปากระหว่างจมูก
ทำให้ทิคละสายตาไม่ได้เลย เขามองมันอยู่อย่างนั้น จนลามมาที่ปากเผยอๆนั้น เหงื่อที่ไหลตามคอ ทุกอย่าง ทุกอย่างตอนนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน เหงื่อจากปลายจมูกของทิคหยดลงบนหน้าบาส จิตใจมันร้อนรุ่ม ร่างกายมันหายใจเร็วจนหายใจตามไม่ทัน ทิคไม่ใช่คนโง่ไร้เดียงสาขนาดจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะหาย
!
ทิคก้มลงประกบปากตัวเองกับปากบาสอย่างไม่บอกไม่กล่าว
เขาคิดผิด มันไม่ได้ทำให้หาย แต่กลับทำให้ทุกอย่างทวีคูณขึ้น กำลังจะขยับปากแต่บาสผลักออกแล้วต่อยเข้ามาที่หน้าเต็มแรง
ช่วงเวลาต้องมนต์ ทิคกำลังหลงใหลกับรอยจูบแต่ได้สติทันดันบาสที่พยายามจะลุกให้นอนลงอีกครั้ง และครั้งนี้เขาไม่พลาด ทิคประกบปากตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดจากการกระทำของบาสให้เจ้าตัวได้ลิ้มรสเช่นกัน ทิคขยับปากรู้จังหวะอย่างช่ำชองจนบาสตามไม่ทัน จับหน้าบาสล็อคให้อยู่ในองศาที่จูบได้ถนัด คนที่ขัดขืนตอนแรกเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ ทิครับรู้แบบนั้นจึงเปลี่ยนจากที่ล็อคหน้ามาใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าบาสไว้แล้วถอนจูบออก บาสที่ไม่ประสีประสาเรื่องนี้รีบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ทิคไม่รั้งรอก้มลงประกบจูบอีกครั้ง ไม่อ่อนหวาน นุ่มนวล แต่เป็นจูบที่ร้อนแรงและสอนงานให้คนที่ไม่เป็นไปในตัว ลิ้นร้อนถูกส่งไปทุกซอกทุกมุมของปากบาส ทิคจับหน้าบาสประคองเต็มสองมือ จูบอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด คนอยู่ล่างเริ่มหายใจไม่ทันอีกครั้ง บิดหน้าหนีจนทิครับรู้ว่าควรปล่อยและค่อยๆถอนจูบ
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน สิ่งที่เหมือนกันคือเสียงหายใจที่แรงเพราะความเหนื่อยทั้งคู่ ทิคก้มลงอีกครั้งบรรจงจูบลงที่ผมบริเวณหูเบาๆแล้วละออก

สำหรับบาส…มันอาจจะทำให้ความรู้สึกทุกอย่างเปลี่ยนไป
แต่สำหรับทิค…ความรู้สึกใหม่มันกำลังเริ่ม

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
17..ไม่ปล่อย

คนถูกขโมยลมหายใจปิดประตูรถด้วยความอ่อนแรง แข้งขาอ่อนแรงไปหมด เหมือนถูกดูดวิญญาณไป บาสเดินหายใจแรงจนอกเพื่อม เดินจนมั่นใจว่าพ้นรถทิคจึงหยุดเดินแล้วใช้มือยันผนังอาคาร
“ถ้ายังคิดจะไป ก็ลองดู”
คำพูดเย็นเยือกของทิคตามมาหลอกหลอนอยู่ในหัว โดนอะไร ได้แต่หลอกตัวเอง ทั้งที่ใจจริงก็พอจะรู้ว่าทิคหมายถึงอะไร บาสกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวั่นวิตก ทิคทำกับเขาแบบนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าทำร้ายร่างกายหรือทำท่าทีเหมือนจะฆ่าเสียอีก

“บาส”
สัมผัสที่มือทำให้คนที่กำลังเหม่อได้สติ บาสหันหน้ามาหาแม่
“เป็นอะไรหรือเปล่า แม่เรียกตั้งหลายรอบ”
“ปะ..เปล่าครับบาสคิดเรื่องงานเพลินไปหน่อย”
“ใช่สิ บาสขาดงานตั้งหลายวันแล้ว กลับไปทำงานเถอะลูก”
แม่วางหนังสือที่อ่านลงแล้วหันมาพูดจริงจัง
“ไม่เป็นอะไรหรอกแม่ พี่บงเขาเข้าใจ ถึงบาสจะไม่ได้ไปแต่บาสก็ทำได้”
บาสชูเอกสารบนตักให้แม่ดู
“แต่ถึงยังไงบาสก็ขาดมาหลายวันแล้ว กลับไปทำงานเถอะ แม่อยู่ได้เพื่อนเยอะแยะเลย”
แม่พูดสีหน้าจริงจังจนเห็นทีบาสจะขัดไม่ได้ จึงได้แต่พยักหน้าตอบแม่ไป
เขาจะบอกแม่ยังไงดีว่าจะลาออก แม่ชอบที่เขาทำงานโรงงานนี้ แม่ยิ้มทุกครั้งที่เห็นเขาใส่ชุดพนักงานวิศวะ
แต่ยังไงก็ต้องหาโอกาสและเหตุผลบอก ใจมันไปแล้วยิ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่อยากไปอีกยิ่งไปกันใหญ่

“มึงกลับมาแล้วไอ้บาส ไม่มีมึงมึงรู้ไหมพี่บงจะกินหัวพวกกูทุกวันเลย!”
ตี๋เข้ามากอดเขย่าๆตัวบาสพร้อมกับพูดน้ำเสียงและสีหน้าเหมือนคนต้องการความรักและไม่ได้เจอกันมาสิบปี
“เออๆปล่อยก่อน”
บาสดันตัวเพื่อนร่วมงานออกห่าง ตี๋ยิ้มแฉ่งให้อย่างไม่สะทกสะท้าน
“มึงมานี้เลย มาแก้งานดิพวกกูคิดจนหัวจะระเบิดแล้วเนี้ย แล้วเครื่องแม่งอยู่มาร้อยพันปีไม่เสียมาเสียวันที่มึงไม่อยู่ จะไปตามไอ้ทิคมาดูให้แม่งก็ไปดูงะ..”
!!!!
แก้วกาแฟที่คลังตั้งไว้บนโต๊ะหกลงมาใส่เอกสารจนคลังต้องรีบยกขึ้นสลัดๆ
“ขอโทษๆกูไม่เห็น!”
บาสรีบหันไปหยิบทิชชู่มาเช็ดให้ เพราะได้ยินชื่อทิคทำให้ตกใจขึ้นมากระทันหัน
“โทษฐานที่ทำเลอะ มึงเอาไปทำ”
คลังพูดแล้วยิ้มแฉ่งชูเอกสารในมือที่มีรอยเปื้อนจากกาแฟยื่นให้บาส ส่วนรายนั้นรับมาแล้วกลับไปนั่งที่เพื่อสงบสติอารมณ์ เจ้าหนี้ชักจะมีผลกับชีวิตเขามากไปแล้ว

ผ่านไปสองวันของการกลับมาทำงาน รู้สึกดีขึ้นมากเพราะไม่ได้เจอทิคเลย
“วันนี้ทำไมเค็มวะ”
คลังเบ้หน้าบ่นหลังจากกินไปได้สองคำ บาสนั่งมองเพื่อนตัวเองชั่งใจอยู่นานถึงติดสินใจพูด
“ไอ้คลัง”
คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ในปากยังเต็มไปด้วยข้าว
“กูมีเรื่องจะบอก”
“อะไร”
คลังตอบแล้วก้มลงตักข้าวในจานต่ออย่างไม่ได้สนใจ
“กูจะลาออก”
“หรอ”
คลังลากเสียงยาวล้อเลียนไม่สนใจ
“กูพูดจริง”
มือคลังชะงักจากการตักข้าวทันที เงยหน้าขึ้นสบตากับบาส
“กูจะลาออก”
“อะไรของมึง”
“กูจะไปหางานใกล้ๆบ้านทำ กูอยากอยู่ใกล้ๆแม่”
“ทำที่นี่มึงก็ได้เลิกกลับไปหาแม่ทุกวันอยู่แล้ว ออกไปมึงจะไปทำที่ไหน”
ก็พูดยื้อไปงั้น คนเก่งประวัติดีอย่างบาสไปสมัครที่ไหนเขาก็พร้อมจะอ้าแขนรับ แต่เขาไม่อยากให้เพื่อนไป
“มีอะไรมึงปรึกษากูได้นะไอ้บาส เราคุยกันทุกเรื่องไม่ใช่หรอวะ”
คลังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กูคิดดีแล้ว”
“ไอ้บาส”
“ถึงกูจะออกแต่เราก็ยังเจอกันได้นี่หว่า”
“กูไม่ให้ออก”
คลังพูดน้ำเสียงจริงจังอีกรอบ
“กูคิดดีแล้ว มึงก็รู้ว่าร่างกายแม่อ่อนแอขนาดไหน ทำงานที่นี้จะได้เลิกเวลาก็ไม่แน่นอน เข้าใจกูนะ”
คลังมองหน้าเพื่อนแล้วหันหนีอย่างอ่อนใจ พูดมาขนาดนี้คงรั้งไม่อยู่จริงๆ
“สิ้นเดือนนี้ก่อนกูถึงจะยอมให้มึงออก”
คลังยื่นคำขาด บาสพยักหน้าให้ไม่ลืมนำสิ่งที่เตรียมมายื่นให้คลัง
“อะไรวะ”
คลังถามมองของตรงหน้าโดยที่ยังไม่รับไป
“กูฝากคืนทิคหน่อย”
คลังเลิกคิ้วมองแล้วรับซองมาเปิดดู
“มึงไปเอาเงินมาจากไหน”
คลังถามน้ำเสียงแปลกใจ เมื่อเห็นของในซอง
“ป้าแววให้กูยืมก่อน”
“ไอ้ทิคมันทวงมึงใช่ไหม!”
คลังถามน้ำเสียงจริงจังเหมือนโกรธ
“เปล่า กูแค่อยากคืนให้มันจบๆ”
บาสรีบแย้ง ทั้งคู่สบตากัน คลังพยักหน้ารับรู้แล้วลงมือกินข้าวต่อ อาหารมื้อนี้ไม่อร่อยซะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อต่างคนต่างอยู่กับความคิดตัวเอง

“บาส!”
คนที่กำลังตรวจหาปัญหางานเงยหน้าแล้วฝากฝังงานให้คนอื่นทำต่อ วิ่งไปตามเสียงเรียก
“เป็นแบบนี้อีกแล้วสาเหตุคืออะไร ไม่ดูกันหรือไง วิศวะมีกันตั้งกี่คน มั่วทำอะไรอยู่!”
บงกชใส่ไม่ยั้งเสียงดังจนกลบเสียงเครื่องในไลน์ ชี้ไปที่งานเสีย พนักงานจุดนั้นหน้าเสียไปเป็นแถว พนักงานจุดอื่นต่างพากันแอบมองเป็นระยะๆ
“ขอโทษครับพี่บง ผมจะรีบแก้ไข”
“จัดการให้พี่ด่วน”
คำพูดสั่งตายถูกพ่นออกมาแล้วเจ้าตัวก็เดินออกไป บาสหันกลับมาแล้วยิ้มให้พนักงานจุดนั้น
“ไม่เป็นไรครับ ทำงานต่อเถอะ”
ยิ้มให้คนอื่นสบายใจแต่ข้างในตัวเองเต็มไปด้วยความทุกข์ บาสเขียนรายงานชิ้นงานที่เสียแล้วนำไปที่ห้องที่มีอุปกรณ์การตรวจสอบครบครันห้องเก็บงานเสียนั้นเอง
บาสมากับปิงทั้งคู่ต่างเคร่งเครียดหาแนวทางแก้ไขปัญหาของชิ้นงานได้สักพักแล้ว เสียงโทรศัพท์ประจำห้องดังปิงจึงละจากงานไปรับสาย
“เออ เดี๋ยวไป”
“บาส กูไปช่วยพวกมันข้างล่างก่อนนะ”
ปิงวางโทรศัพท์แล้วหันมาพูดหน้าเครียดกับบาสที่กำลังก้มดูงานอยู่
“ไปเหอะ”
ทั้งคู่พยักหน้าให้กันเป็นอันเข้าใจ ปิงเดินมาหยิบแฟ้มและหมวกที่ถอดไว้ขึ้นมาใส่
“เดี๋ยวรีบมา”
ปิงเดินออกไป บาสยังคงให้ความสนใจงานต่อต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนเที่ยง สปริงมันหลุดและเล็กมากบาสพยามยามใส่อยู่นานก็ยังใส่ไม่ได้เพราะงานมันประกอบเสร็จแล้วเลยทำได้ลำบาก
เสียงเปิดประตู บาสจึงพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามองเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนตัวเอง
“ช่วยจับหน่อยดิ”
กำลังใช้แรงง้างชิ้นงานแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อถูกปัดมือออก
บาสเงยหน้าขึ้นหมายจะมองแต่เมื่อสายตาไปประทะเข้ากับบัตรพนักงานที่ห้อยลงมาก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมอง
!
ไม่ใช่ปิงเพื่อนเขา
แต่เป็นทิคที่กำลังจับชิ้นงานพลิกไปพลิกมาอย่างคล่องแคล่ว
“ทำแบบมึงชาตินี้ก็ทำไม่ได้หรอก”
เสียงแกร๊กดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างลงล็อค ทิควางชิ้นงานลงบนโต๊ะแล้วหันมาสบตากับบาส
บาสไม่พูดอะไรยืนนิ่งอยู่กับที่ ทิคขยับเข้ามาบาสถอยหลังอัตโนมัติ คนถูกทำเหมือนรังเกียจแสยะยิ้มแล้วดึงแขนบาสเข้าหา บาสยื้อไว้อย่างไม่ยอม บาสถูกดันให้ไปชิดผนังห้องเพื่อตัดกำลังแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
ตุ๊บ!
เสียงของหล่นดังมาจากนอกห้อง และเสียงเหมือนคนกำลังคุยกัน ทำให้บาสหันมองแต่ทิคกลับไม่สนใจอะไรเลยเอาแต่จ้องและล็อคบาสไว้ บาสหันกลับมามองทิคแล้วหันกลับไปมองประตูด้วยความกลัว
“ปล่อย”
ทิคไม่ตอบเอาแต่แสยะยิ้ม
บาสเห็นแบบนั้นก็ร้อนใจ ความกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็น มันไม่มีทางเลือก เร็วกว่าความคิดบาสจับแขนทิคแล้วลากเข้าไปหลบในชั้นเก็บเอกสารอีกมุมของห้อง ทิคไม่ขัดขืนอะไรปล่อยให้บาสลาก เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าบาสจะทำยังไง เขาไม่สนโลกอยู่แล้วใครจะเห็นก็ชั่ง บาสเป็นคนกระวนกระวายเอง ก็ต้องแก้ปัญหาเอง
เฉียดฉิว ประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับเสียงพูด
“เอาวางไว้ต้องนี้แหละ เดี๋ยวรอฝ่ายบัญชีมาตรวจ”
เสียงผู้หญิงพูด
“แปป..เอาแฟ้มไปไว้ก่อน”
เสียงเดินดังเข้ามาใกล้ บาสบีบแขนทิคด้วยความลุ้น คงมีแต่ทิคที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
นอกจากจะไม่ช่วยแล้วทิคยังทำท่าจะเดินออกไปจนบาสต้องรีบดึงให้กลับมาอยู่ที่เดิม
“ขอร้องละ”
บาสกระซิบหน้าตาอ้อนวอน ทิคทำหน้าตาไม่รับรู้จะเดินออกไปอีก จนบาสต้องดึงเข้าหาตัวอีก จากที่ใกล้อยู่แล้วตอนนี้เป็นว่าตัวชิดกันโดยที่บาสอยู่ในทิคอยู่นอก จนรับรู้ถึงลมหายใจกัน
“อยู่เป็นเหมือนกันนิ”
ทิคพูด บาสหันกลับมามองด้วยความไม่พอใจแต่ก็เลือกที่จะไม่ต่อความเพราะอยากเงียบให้ได้มากที่สุด
“ไม่ต้องหรอกกานต์ วางไว้กับของนี้แหละเขาจะได้หาง่ายๆ”
เสียงพูดดังขึ้นอีกครั้ง แล้วเงียบไปพร้อมกับเสียงเปิดประตูออกไป

บาสแอบมองจากช่องว่างของชั้นเอกสาร เมื่อเห็นว่าออกไปแล้วถึงกับถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความโล่ง
แต่พอหันกลับมากลับเจอหน้าทิคอยู่ใกล้จนตกใจ บาสผลักทิคออกห่างแล้วออกมาจากที่ซ่อนแ
คนแกล้งยิ้มอย่างผู้ชนะที่แกล้งบาสได้แล้วเดินตามออกมา บาสถูกจับไหล่ให้หันมาหาแล้วถูกยัดของบางอย่างมาในกระเป๋าเสื้อ บาสหยิบขึ้นมาดู..มันคือพวงกุญแจรูปดอกไม้สีเหลือง
“กูไปดูงานที่เชียงรายมา ดอกคำปุ๊จุ๊มันเป็นดอกไม้ที่มีเยอะที่นั้น”
มันเป็นดอกไม้สีเหลืองเอาง่ายๆก็คือดอกดาวเรืองดีๆนี้เอง บาสมองของในมือแล้วพูดออกไป
“ผมฝากเงินไปกับคลังแล้ว”
ทิคเงยหน้าขึ้นมอง จากที่กำลังอารมณ์ดีหายไปในพริบตา
ส่วนบาสก้มหน้ามองต่ำแล้วหันไปหยิบของเดินออกไป
“ถ้าคิดว่ามันจะจบ มึงคิดผิด”
เสียงพูดหนักแน่นดังตามหลังมา บาสหยุดเท้าแล้วหันกลับไปมองด้วยสายตาเอือมระอา
“เพื่ออะไร!คิดอะไรอยู่ จะทำอะไร บ้าไปแล้วหรือไง!”
บาสถามออกไปเสียงดังอย่างอดกลั้น
“กูเคยบอกไปแล้ว มึงไม่มีสิทธิ์อยากรู้ อยากทำ ไม่มีสิทธิ์คิดอะไรทั้งนั้นเวลาอยู่กับกูถ้ากูไม่อนุญาติ”
“มึงต่างหากทิค!ที่ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับกู”
บาสพูดไปอย่างเหลืออดอีกครั้ง มองหน้าทิคด้วยความรังเกียจ สู้ไม่ยอมแพ้
“กูคืนเงินไปทุกบาททุกสตางค์แล้ว เราไม่มีอะไรต่อกันอีก”
บาสพูดเสียงนิ่งสบตากับทิคทิ้งท้าย แล้วหันหลังเดิน
“เมื่อไรที่มึงรับไม่ไหว มันเป็นเพราะมึงเริ่มเกมส์นี้ขึ้นมาเอง จำคำพูดกูไว้”
ทิคพูดแล้วชิงออกไปก่อน
บาสยืนนิ่งกำหมัดแน่นระงับอารมณ์ ไม่เข้าใจว่าทิคกำลังคิดอะไร ทำแบบนี้ทำไม เขาไปทำอะไรให้ หรือเป็นเพราะเรื่องยืมเงิน แต่มันต้องคิดแค้นกันขนาดนี้เลยหรือไง

คนลงมาก่อนผลักประตูเปิดเต็มแรงแล้วปล่อยมันอย่างไม่กลัวว่าจะเสียงดัง เดินหน้านิ่งกำเอกสารในมือแน่นด้วยความโกรธ

คิดแต่จะไปจากเขา มันไม่ง่ายหรอก เขาจะไม่ปล่อยเด็ดขาด
“ไอ้ทิค”
เสียงเรียกทำให้ทิคหันกลับไปมอง เป็นคลังที่ยืนยิ้มอยู่เมื่อเห็นทิคหยุดคลังจึงเดินเข้าไปหา
“บาสมันฝากเงินมาคืน”
คลังยื่นซองสีน้ำตาลให้ ทิคมองของตรงหน้าไม่ได้รับไปแต่ถามกลับ
“เขาไปเอาเงินมาจากไหน”
“มันยืมญาติมา”
“หาหนี้มาใช้หนี้”
ทิคแสยะยิ้มพูดเสียงเบากับตัวเอง อยากจบกับเขาขนาดนี้เลยหรอ ทิครับซองมาแล้วพูด
“บอกเขา มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
“กูไปนะ ไว้คุยกัน”
เขายิ้มให้คลังแล้วหันหลังเดิน
“มันเพื่อนกู”
คำพูดของคลังทำให้ทิคหยุดเท้า
“เป็นคนที่กูรักที่สุดเหมือนน้อง”
คลังพูดอีก
ทิคที่ยืนหันหลังอยู่นานหันกลับไปเผชิญหน้า หน้าคลังตอนนี้นิ่งไม่แสดงอาการใดๆจนผิดนิสัย
“ขอบคุณนะเว้ยที่ช่วยมัน”
แล้วเปลี่ยนมายิ้มแย้ม
“ไปก่อนเว้ยเดี๋ยวพี่บงกินหัว”
ทำหน้าตาล้อเลียนตบไหล่ทิคแล้วเดินออกไป

ทิคที่ยืนนิ่งอยู่นานหันกลับไปมองตามหลังคลัง...มันแปลกไป หรือเขาคิดไปเอง

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
18..หมดกำลังที่มี

“เดี๋ยวเราส่งให้ในเมล์นะ”
“โอเค”
คู่สนทนาหยุดเดินหลังจากเดินคุยกันมาตลอดทาง เอกสารถูกพับกลับมาหน้าเดิมเป็นอันว่าคุยเสร็จเรียบร้อย บาสและมัดหมี่ฝ่ายบัญชียิ้มให้กันหลังจากคุยงานเสร็จ
มัดหมี่แยกออกไป บาสยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาแล้วเดินต่อ มีคนเดินออกมาจากห้องน้ำกระทันหันเหมือนจะรีบออกมาจนบาสและคนๆนั้นผงะหยุด

!

ส้ม...พนักงานในไลน์การผลิตนั้นเอง
เธอตกใจขีดสุด หูตาเลิ่กลั่กไม่อยู่นิ่งยกมือมาจับผมด้านหน้าแล้วทิ้งมือลงไปถูกางเกงทำงาน บาสยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแต่ส้มยังคงเขินอยู่ทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าจะเจอบาส
“ทำไมมาเข้าห้องน้ำไกลจังครับ”

!

คนที่ตัวเองแอบชอบมาพูดด้วยแบบไม่ได้ตั้งตัวมันทำให้ส้มไปไม่เป็นเอาแต่ยืนเฉยจนบาสมองด้วยสีหน้าสงสัย

“อะ..อ่อ คือ..มาห้องพยาบาลค่ะเลยแวะเข้า”

“ไม่สบายหรอครับ”

!

(เขาเป็นห่วงฉันใช่ไหม! หรืออะไร!)
ส้มคิดในใจด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
(หรือแค่ถามตามมารยาท)
“คือ..คือ..ท้องเสียค่ะ”
รีบดึงสติกลับมาแล้วตอบ รู้สึกอายมากที่พูดเรื่องน่าอายแบบนี้กับคนที่ชอบ
“แล้วดีขึ้นหรือยังครับ กินยาหรือยัง”
!
(อีกแล้ว!เขาเป็นห่วงฉันอีกแล้ว!)
ส้มกรี๊ดในใจมือกำเกงเกงตัวเองแน่น
“ค่ะ กินแล้ว”
บาสพยักหน้าหลังจากฟังคำตอบส้ม
“ไปพร้อมกันไหมครับ ผมกำลังจะกลับแอสพอดี”

!

“ค่ะ”
ตอบรับไปแบบไม่ต้องคิด บาสส่งยิ้มพิฆาตมาให้ทำเอาสติสตางค์ส้มกระเจิง

(ทำไมนะ ทำไมน่ารักแบบนี้ ทำไมดีแบบนี้ ตายๆตายแน่ๆอีส้ม!)

ส้มคิดในใจแล้วเดินไปพร้อมบาส เดินไปเก้ๆกังๆเขินจนทำตัวไม่ถูก ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้อยู่ใกล้คนที่ชอบแบบที่มีแค่เราสองคนแบบนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งมีแต่อยู่ในไลน์การผลิตคนเยอะๆ เจอเหตุการณ์ตอนนี้แทบจะบ้า
ตลอดทางคนสองคนได้แต่เงียบ บาสยิ้มให้คนที่ยิ้มทักมาตลอดทาง
ส้มทำตัวไม่ถูกที่ได้เดินเคียงคู่กับคนดังของบริษัทและเป็นคนที่ตัวเองชอบ แอบมองบาสเป็นระยะตลอดทาง
และแล้วสิ่งที่ไม่อยากให้มาถึงก็มาในที่สุดก็ถึงแอส วันนี้เป็นวันแรกที่ส้มอยากให้แอสอยู่ไกลกว่านี้ ทั้งคู่ยิ้มโค้งหัวให้กันแล้วแยกย้าย ส้มแอบหันไปมองบาสที่กำลังเดินเปิดเอกสารดูด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มและใจเต้นแรง

“ส้มครับ”

!

เสียงเรียกทำให้ส้มหัวใจแทบหยุดเต้นหันกลับไปดู
“ผมมีเกลือแร่อยู่จะเอาไหมครับ”

!

“ค่ะ..”

(เขายิ้มให้ฉัน!เขาเป็นห่วงฉัน!บาส!บาส!บาส!)

ส้มคิดในใจรอบที่ร้อยยิ้มแบบเขินๆโค้งหัวให้บาสอีกครั้งแล้ววิ่งเข้าไลน์การผลิต
บาสหันกลับแล้วเดินต่อ เดินเข้าไปใกล้ถึงห้องทำงานเอ็นจิเนียร์แล้ว
แต่เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับคนที่กำลังยืนคุยกับบงกชก็ต้องชะงักเท้า ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

มาทำอะไรถึงนี้..
แล้วกำลังคุยอะไรกับพี่บง..

“มาพอดีเลย บาสมานี้หน่อย”

!

บงกชหันมาเรียก
ทิค..ก็หันมาเหมือนกัน
บาสมองทั้งคู่ที่กำลังมองมาที่ตนด้วยความรู้สึกไม่ดี จำใจเดินเข้าไปหาก้มหน้ามองต่ำเหมือนเจียมตัว แต่มือบีบแฟ้มแน่น
“ทิคมาขอตัวบาสไปร่วมทีมดูงานที่กาญจนบุรี”

!

บาสเงยหน้าขึ้นมองบงกชทันทีใจล้นไปอยู่ตาตุ่ม
“พี่อนุญาต บาสละมีปัญหาอะไรไหม”
บาสไม่ตอบอะไร จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตอนนี้
“บาสไปดีนะพี่ว่า จะได้เอาความรู้มาช่วยในแอส ช่วงนี้งานลงตัวไม่ต้องห่วง”
บงกชมองมาที่บาสรอคำตอบ คนถูกจัดแจงเรียบร้อยจะทำอะไรได้ เขาเป็นนาย
“ครับ”
“งั้นตกลงตามนี้ คุยรายละเอียดกันเองนะ”
บงกชยิ้มอย่างพอใจ หันไปยิ้มให้ทิคด้วยแล้วเดินแยกออกไป
บาสกำแฟ้มในมือแน่นหันมาหาทิคที่ยืนยิ้มอยู่ถามไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเสียงเบาแบบกดๆ
“ไปพูดอะไรกับพี่บง!”
ทิคยิ้มมุมปากมอง
“พูดอะไรของมึง”
“ไม่งั้นเขาไม่อยากให้ไปขนาดนี้หรอก”
แต่ละวันถึงไม่มีงานก็ต้องมาให้เห็นหน้า ไม่มีปัญหาก็ให้เดินตามเฉยๆจะลาแต่ละครั้งก็แทบไม่ได้ ไม่มีทางที่พี่บงจะให้ออกไปไหนง่ายๆแน่ คราวนี้ทำไมถึงยอมจะไม่ให้คิดได้ยังไง
ทิคแสยะยิ้มอีกครั้ง เดินเข้าไปใกล้บาสแล้วพูดเสียงเบาชวนกระซิบ
“เห็นหรือยังว่ากูทำได้ทุกอย่าง…ที่กูต้องการ”

!

“อ้อ!ลืมบอกพี่บงเรื่องที่มึงจะลาออกไปเลย”
“พี่บงครับ!”
“ทิค!”
บาสพูดเสียงดังแล้วดึงแขนทิคที่หันหน้าไปกลับมา ทิคยิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มร้าย
“อยู่ให้เป็นแบบที่ทำนะดีแล้ว อย่าทำให้ตัวเองตายเลย”
ทิคจับบัตรพนักงานที่คอบาสขึ้นมาแล้วปล่อยลง เดินออกไปไม่ปล่อยโอกาสให้บาสได้พูดสักคำ
“อีกสามอาทิตย์บาส สามอาทิตย์”
บาสพูดให้กำลังใจตัวเองนับวันรอวันที่จะได้ไปจากที่นี้ อดทนรออีกนิด
แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้บาสต้องล้วงขึ้นมาดู
(พรุ่งนี้เจ็ดโมงที่ทางออกหนึ่ง ไปสองวันมึงควรรู้ว่าต้องทำยังไง)
บาสอ่านข้อความแล้วกำโทรศัพท์ในมือแน่น ทำไมกระทันหันแบบนี้ เขาคิดว่าจะไม่ใช่เร็วๆนี้ซะอีก

ผู้ชนะเดินกลับแอสตัวเองด้วยความอารมณ์ดี เห็นหน้าบาสเมื่อกี้แล้วรู้สึกชนะคงกำลังแค้นเขาอยู่แน่ๆ เขารู้ว่าบาสไม่อยากไปและเกลียดเขาขนาดไหน
แล้วยังไง ก็แค่นั้น หึ!


ย้อนไปเมื่อเช้า…

ทิคถูกหัวหน้าเอ็นจิเนียร์เรียกไปพบ
“ทีมวิศวะขององค์กรใหญ่จะมาดูงานโรงที่กาญจนบุรีพรุ่งนี้ มันกระทันหันมากคงสื่อสารกันพลาดเราเลยรู้ช้า ผมอยากให้คุณไปร่วมดูงานกับเขาเพราะทุกโรงในเครือค่ายประเทศเราจะส่งตัวแทนที่ดีที่สุดของตัวเองไป”
“ครับ”
ทิคตอบรับ ไม่ได้เหลิงที่หัวหน้าเลือกตนเพราะเก่งสุด แต่มันคือการรับคำสั่งที่ต้องทำ
“คุณคิดว่าใครเหมาะที่จะไปทำงานนี้กับคุณ”
หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ถาม ทิคมองด้วยความไม่เข้าใจ
“ผู้ใหญ่จะจับตาดูถ้าพอใจ คงมีข่าวดี”
ทิคเข้าใจความหมายที่หัวหน้าต้องการสื่อ บอกตามตรงเขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไร…แต่ถ้าแบบนี้
คงเป็นผลดีกับคนที่เขาจะเลือก
ทิคเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หัวหน้า
“มาวินแอสสามครับ”
“บาสนะเหรอ”
หัวหน้าถามกลับ ทิคพยักหน้ายิ้มตอบ
“เขาใช้ความเก่งของตัวเองเงียบๆเขามีความสามารถและปฏิบัติตัวดีเสมอหัวหน้าน่าจะทราบ”
หัวหน้าเอ็นจิเนียร์พยักหน้าเห็นด้วย
“ควรให้พื้นที่เขาได้แสดงศักยภาพครับ เขามีอะไรอีกเยอะที่ควรได้รับการสนับสนุน”
หัวหน้าเอ็นจิเนียร์ยิ้มให้กับคำพูดทิค
“ตกลง บาสจะไปกับเราฝากคุณไปคุยรายละเอียดกับเขาด้วยนะ”
“ครับ”
คนถูกตบไหล่ยิ้มรับแล้วโค้งหัวให้หัวหน้าที่เดินจากไป นึกถึงหน้าคนที่ชอบมองเขาว่าเป็นปีศาจแล้วยิ้มออกมา

“กูจะผลักมึงไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้”


ในบ้านหลังไม่ใหญ่มากหลังหนึ่งสองแม่ลูกกำลังช่วยกันทำอาหาร พูดคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข
แม่กำลังเจียวไข่ ส่วนบาสกำลังตักข้าวใส่จานเตรียมทาน
“แล้วที่อยู่ที่กินเขาดีใช่ไหมลูก”
“ครับ”
บาสตอบไปก่อน จริงๆเขาก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย เอาง่ายๆคือไม่รู้!อะไรเลย! แต่ต้องตอบไปแบบนั้นให้แม่สบายใจ
“เดี๋ยวแม่เตรียมยาไปให้เพื่อไปแพ้ไปเป็นอะไรที่นั้น”
“จ๊ะ”
บาสยิ้มแฉ่งให้แม่ แล้วจับแม่มานั่งเลื่อนชามข้าวมาวางตรงหน้าให้
“กินเยอะๆพรุ่งนี้ต้องเดินทาง”
แม่ตักไข่เจียวมาวางในจานบาส
“แม่ก็เหมือนกัน อยู่คนเดียวดูแลตัวเองนะเสร็จงานบาสจะรีบกลับมา”
บาสตักผัดผักวางในจานให้แม่บ้าง
“กาญจนบุรีบ้านเกิดพ่อ”
แม่พูดขึ้นมา บาสต้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วยื่นมือไปจับมือแม่
แม่พยักหน้าให้จับมือบาสกลับบอกให้รู้ว่าแม่ไม่เป็นไร
“มีเรื่องดีๆเพียงเรื่องเดียวที่ผู้ชายทิ้งไว้ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง…ก็คือลูก”
ผู้เป็นแม่ยิ้มแล้วจับหน้าลูกชายตัวเอง ลูกชายคนนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเธอ
“บาสรักแม่นะแม่รักบาสไหม”  บาสถามอย่างโหยหาความรัก
“รักสิ รักมาก”
แม่ตอบมองหน้าตาน่ารักน่าชังของลูกชายตัวเองเมื่อไรก็มีความสุขทุกครั้ง
“แม่ต้องกินผักเยอะๆ”
บาสตักผักใส่จานแม่อีก
“ส่วนหมูบาสกินเอง”
ทั้งคู่หัวเราะใส่กันแล้วลงมือกินข้าวต่อ ไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่าที่บ้าน และต่อจากนี้ไปครอบครัวนี้จะมีแต่ความสุข

ทั้งคู่ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวและใสบาตร
“เอาน้ำเต้าหู้ไปกินระหว่างทางลูก”
แม่เดินมาส่งหน้าบ้านพร้อมกับยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้ บาสรับมาแล้วเข้าไปกอดลา
“บาสไปนะ ถ้าบาสไม่โทรมาแม่ก็ต้องโทรไปนะ”
“จ๊ะ”
บาสหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วโบกมือลา มองของในมือแล้วยิ้ม

บาสมาถึงที่นัดก่อนเวลาเกือบชั่วโมง กินน้ำเต้าหู้แม่ไปแล้วนะแต่มันย่อยไปแล้วเริ่มหิวขึ้นมาซะแล้ว
แล้วทำไมต้องมาหิววันนี้ ตอนนี้ ถ้าไปแล้วไอ้มนุษย์น้ำแข็งมาแล้วไม่เจอต้องบ้าขึ้นมาอีกแน่
ใช่!
คิดอะไรออกบาสก็รีบกดโทรศัพท์โทรออกเบอร์ที่โทรบ่อย รอสายพักหนึ่งถึงมีการตอบรับ
“มึงอยู่ไหนคลัง”
(บนรถกำลังไป)
“ซื้อของมาให้กินหน่อยดิ”
(เอาไรอะ)
“อะไรก็ได้ที่มันกินได้อะ”
(เออๆ)
(มึงอยู่ไหนเนี้ย ยังไม่ไปหรอวะ)
“ยัง กูอยู่ประตูทางออกหนึ่งนะ”
(เออ)
วางสายแล้วยืนรอต่อ มีคนเริ่มมาแล้วประปราย ต้องคอยยิ้มให้จนเมื่อยปาก ไม่รู้จะทำอะไรจึงเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลารอไปพลางๆจนเห็นเพื่อนตัวเองกำลังเดินมาแต่ไกล
“เอาไป”
คลังยื่นถุงจากเซเว่นให้บาสยิ้มให้เพื่อนแล้วรับมา
“รู้ใจกูจริงๆเลย”
เห็นของในถุงแล้วต้องยิ้ม
“มึงกินอยู่ไม่กี่อย่างในเซเว่น กูคงไม่รู้มั้ง”
บาสหยิบขนมปังใส้ทูน่าขึ้นมาแกะแล้วกัดไปคำใหญ่
“จะไปไหนวะ”
“เข้าไปข้างใน”
“อยู่เป็นเพื่อนกูก่อนดิ”
อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อย เพื่อนมึงมันน่ากลัวนะคลัง
“มึงก็รอไปสิ กูจะไปขี้!”
“ไปละโชคดี”
“ไอ้คลัง!”
ยื้อยังไงก็เอาไม่อยู่ คลังเดินเข้าโรงงานไปแล้ว บาสมองตามหน้าตาบูดเบี้ยวหันมาสนใจกัดขนมปังในมือต่อ กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยแต่เมื่อเห็นใครบางคนแล้วถึงกับต้องอิ่ม
ทิคกำลังเดินมา ดูดีมาแต่ไกล
“เร็ว”
สวัสดี
กินข้าวมายัง
พูดไม่เป็นหรือไงคำพูดดีๆเป็นมิตรนะ
“แล้วคนอื่นละ!”
บาสเรียกถามเมื่อเห็นทิคเดินออกไป
“ไปนอนฝันเอาหรือไง กูบอกหรอว่าจะมีใครไปด้วย”

อะไรนะ!

“มึงจะยืนทางในอีกนานไหม”
ทิคถามด้วยหน้าตามีปัญหาส่ายหัวให้บาส
ส่วนบาสได้สติทันทีที่มือถูกจับ สลัดมือทิคออกจากมือตัวเอง
“เป็นห่าไร”
“..................”
“มึงไม่ต้องกลัวหรอก...สองวันเอง”
ทิคจงใจเน้นคำว่าสองวัน มองบาสที่ยืนหน้าจืดอยู่แล้วรู้สึกชนะ

สองวัน…ทำอะไรได้ตั้งเยอะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ขอบคุณน๊าาาา

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 19..อีกก้าว 17/04/61
«ตอบ #34 เมื่อ17-04-2018 00:46:44 »

19..อีกก้าว

ตลอดทางก็มีแต่ความอึดอัดแบบที่เป็นทุกครั้งที่ขึ้นรถด้วยกัน เปิดเพลงก็แล้ว ปิดเพลงก็แล้ว ก็ยังอยู่ไม่ถูกเหมือนเดิมรถเลี้ยวเข้าปั๊มโดยที่เป็นไปตามความต้องการของเจ้าของรถคนนั่งมาด้วยแค่ตัวประกอบ
!
เงินถูกโยนมาที่ตักจนบาสต้องหันไปถามคนทำ
“อะไร”
“มึงไม่รู้จักเงินหรอ”
ได้ยินคำตอบแล้วถึงกับไมเกรนขึ้น สงบสติอารมณ์แล้วถามออกไป
“รู้ แต่โยนมาทำไม”
“ไปซื้อของในเซเว่นให้หน่อย”
ทิคพูดความประสงค์ในที่สุด
“ทำไมไม่ไปเอง”
ทิคหันมองคนข้างๆอย่างเอาเรื่องบาสก็มองไม่หลบตา แต่ใจจริงก็หวั่นๆ
“กู ขี้ เกียจ”
เห๊อะ! เชื่อเขาจริงๆ
บาสมองคนข้างๆที่ทำหน้าทำตาไม่รู้สึกอะไรอย่างเหลือเชื่อ เลิกต่อปากต่อคำแล้วถอดเข็มขัดเตรียมจะลงจากรถ
“จะเอาอะไร”
“อะไรก็ได้ที่กินได้”
บาสเลิกสนใจเมื่อรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้ประโยชน์จากคำตอบเปิดประตูลงจากรถ ไม่อยากพูดด้วยเยอะทำให้มันจบๆ

คนสั่งได้นั่งยิ้มอย่างผู้ชนะอยู่บนรถ มองคนเบอะบะที่เกือบเดินไปชนรถชาวบ้านเขาสงสัยมั่วแต่กำลังด่าเขาอยู่จนไม่มองรถ ทำเอาการจราจรในปั๊มติดขัด
“มันเป็นวิศวะเก่งๆกับเขาได้ไงวะ”
บ่นยิ้มๆแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรอ

ถุงเซเว่นถูกวางลงตรงช่องใส่เกียร์ บาสรัดเข็มขัดตัวเองให้เรียบร้อยหันกลับมาจมูกก็ชนเข้ากับแซนด์วิชที่ตัวเองซื้อมาจังๆจนต้องหันมองตัวการถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเพราะคิดว่าทิคจงใจแกล้งแน่ๆ
“ทำบ้าอะไร”
“ยื่นของให้ไง ไม่รู้จักการยื่นของหรอ”
บาสมองทิคด้วยอารมณ์ไม่พอใจ แล้วหันหน้าหนีเพราะรู้ว่าทำอะไรไม่ได้
“กินสิ ไม่หิวหรือไง”
ทิคพูดแล้วแกะแซนด์วิชของตัวเองทาน บาสก็แกะอันที่ถูกยื่นมาให้แล้วกัดไปเต็มคำอย่างอ่อนใจ ไม่อยากขัดใจอะไรจริงๆขี้เกียจเจอกับปัญหา
ทิคแอบมองคนข้างๆที่กัดแซนด์วิชไปสามคำเกือบหมดยิ้มๆ สงสัยเพราะแรงโกรธสนุกจริงๆเวลาเห็นบาสโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้

ทั้งคู่ถึงโรงงานที่จะมาดูงานเป็นที่เรียบร้อย เข้าไปรายงานตัวแล้วก็พบปะตัวแทนของโรงงานแต่ละจังหวัดคอยต้อนรับคนจากองค์กรใหญ่ประเทศญี่ปุ่น ทานข้าวด้วยกันเป็นอันจบงานวันแรกแล้วถึงแยกย้ายไปที่พักของแต่ละคน

ที่พักที่ทิคจองไว้เป็นรีสอร์ตที่ไม่ไกลมากจากโรงงาน ต่างคนต่างเอาสัมภาระของตัวเองลงจากรถแล้วตรงเข้าไปด้านใน
“จองไว้ในนามไดซุมิครับ”

บาสเดินมองหมายเลขแต่ละห้องโดยมีทิคเดินตามมาด้วยจนเจอ แต่...จะไขกุญแจแล้วทิคก็ยังอยู่

อย่าบอกนะว่า...ต้องนอนห้องเดียวกัน!

บาสตัดสินใจหันกลับไปเผชิญกับทิคแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรทิคก็พูดขึ้นก่อน
“คิดว่ากูจะนอนด้วยหรอ”
พูดด้วยสีหน้ากวนโมโห จนบาสไปไม่เป็น
“ขอโทษนะ...โลกส่วนตัวสูงวะ”
พูดเยาะเย้ยทิ้งท้ายแล้วเดินไปไขกุญแจห้องข้างๆ
บาสมองตามอ้าปากค้างตามเหตุการณ์ไม่ทัน
“บ้าอะไรวะเนี้ย”
บ่นกับตัวเองหันมองห้องของทิคแล้วหันมาสนใจไขกุญแจห้องตัวเอง เมื่อเข้ามาในห้องก็วางทุกอย่างลงแล้วหันมองผนังห้องข้างๆ
“เลิกเป็นอย่างหนึ่งก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง คนบ้าอะไรวะ”
บาสยืนเท้าเอวบ่นกับผนังที่กั้นระหว่างห้องตนกับห้องทิคอย่างไม่เข้าใจ
เคยบ้าจนจะฆ่าคนได้แต่ตอนนี้กลับกวนโมโห ขี้แกล้งเหมือนไม่ใช่ทิคคนเก่า จะเอายังไงกันแน่
เลิกคิดแล้วไปอาบน้ำ ก่อนนอนก็ขอโทรหาแม่ให้ชื่นใจก่อน คุยกันอยู่นานถึงวางสายเตรียมตัวนอน
บาสทิ้งตัวลงนอนกางแขนกางขามองเพดานบนเตียงใหญ่ๆนุ่มๆแอร์เย็นอย่างกับอยู่ฟินแลนด์

เฮ้อออ ห้องใหญ่โตมาก มากจนอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกว้าเหว่ทุกอย่างมีพร้อม สุขสบายอย่างกับราชาราคาคงแพงหูชีก ถ้าให้ออกเงินเองอย่าหวังเลยว่าเขาจะเสียเงินกับเรื่องพวกนี้
ขีวิตคนรวยทำงานอย่างไม่ต้องลุ้นเงินเดือนแต่ละเดือนเพราะยังไงก็มีใช้ ฟีลมันเป็นยังไงนะ
นอนมองเพดานคิดฟุ้งซ่านอยู่นานแล้วนอนตะแคงหลับไปในที่สุด

นาฬิกาปลุกดังขึ้นตามที่ตั้งไว้ บาสลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟันทำทุกอย่างให้เรียบร้อยให้ทันเวลาที่ทิคนัดเพื่อที่จะไปดูงานที่โรงงานต่อ แต่บาสเสร็จก่อนเวลาจึงเปิดทีวีดูฆ่าเวลา
ใกล้เวลาแล้วจึงเปิดผ้าม่านดูแต่ก็ยังไม่มีวี่แววทิคจึงกลับมานั่ง จนเลยเวลานัดมาห้านาทีทิคก็ยังเงียบบาสร้อนใจไม่รู้ว่าทิคจะเล่นแง่อะไรกับตนอีก ตัดสินใจออกจากห้องตัวเองไปห้องข้างๆ คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“..............”
เมื่อเห็นเงียบจึงเคาะอีก
ก๊อก ก๊อก กะ...
แกล๊ก!
ประตูถูกเปิดบาสผงะถอยออกห่างจากประตูทันที

!!!

ทิคยังอยู่ในชุดนอนผมเผ้ารุงรังเหมือนเพิ่งตื่นจนบาสพูดไม่ออก
“ทำไมยังไม่แต่งตัว”
ทิคมองบาสด้วยสายตานิ่งตามแบบฉบับแล้วถามกลับ
“จะรีบไปไหน”
“ก็นัดแปดโมง”
ทิคเงียบแล้วมองด้วยสายตานิ่งแบบเดิม
“รอก่อน”
พูดแล้วปิดประตูทั้งที่บาสยังยืนอยู่หน้าตาเฉย บาสงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คืออะไร แกล้งกันใช่ไหม แกล้งให้เขาตื่นเช้าๆแต่ตัวเองนอนหลับสบายเฉยหรอ
บาสยืนมองประตูห้องอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับไปรอที่ห้องตัวเอง

“เข้าไปก่อน”
“จะไปไหน”
บาสรีบเรียกถามเมื่อเห็นทิคกำลังจะเดินไปไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ทางเข้าโรงงานแล้ว
“ไปทำธุระ”
บาสพยักหน้าเข้าใจแบบค้างคา มองทิคที่เดินแยกออกไปจนสุดลูกตาถึงเดินเข้าโรงงาน
เอาเข้าจริงอยู่คนเดียวก็เขวเหมือนกัน งานเริ่มมาสักพักแล้วทิคก็ยังไม่มาบาสไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกกลัวทิคจะแกล้งอะไร จนมีคนมาเรียกถึงต้องละความคิดไปสนใจงาน
“ระบบนี้น่าจะโอเคขึ้น”
“ครับ ผมก็คิดแบบนั้น”
บาสคุยงานกับเอ็นจิเนียร์ที่มาดูงานด้วยกันหัวเราะอย่างถูกคอได้แลกเปลี่ยนความคิดกันหลายเรื่อง จนสายตาไปปะทะเข้ากับคนที่หายไปนานสองนานกำลังยืนมองเขาอยู่ที่ประตู เห็นแบบนั้นบาสจึงขอตัวจากคนที่คุยด้วยแล้วเดินเข้าไปหา
“ไปไหนมา”
“ไปทำธุระไง”
“ธุระอะไร”
ทิคยิ้มแล้วมองมาอย่างไม่รู้เหตุผลจนบาสต้องนิ่วหน้า
“เดี๋ยวนี้กล้าอยากรู้อยากเห็นนิ”
ทิคยิ้มแล้วยื่นมือมาเคาะปีกหมวกบาสสองครั้งจนบาสต้องถอยนี้ด้วยความไม่พอใจ เป็นอะไรกับหมวกเขามากไหมนะชอบจับชอบตี
“ทำงานๆ”
พูดแล้วเดินหนีไป บาสหันมองตามด้วยความงงงวยตามอารมณ์ไม่ทัน

วันนี้ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด ทุกคนต่างพยายามเก็บเกี่ยวความรู้จากคนขององค์กรใหญ่ให้ได้มากที่สุดได้ความรู้ใหม่ๆเยอะ ตอนนี้กำลังยืนดูงานแต่ละชิ้นที่มักเจอปัญหาโดยมีคนขององค์กรใหญ่ยืนอธิบายอยู่บนเวทีและประจำจุดอยู่ข้างล่างด้วย
“ความเด็ดเดี่ยวเท่านั้นค่ะที่จะทำให้เราเป็นวิศวะการผลิตที่สมบูรณ์แบบได้ คุณคิมุระฝากไว้เท่านี้ค่ะ”
ล่ามแปลจากที่คนขององค์กรใหญ่พูด บาสมองอยู่อย่างนั้นแล้วก้มลงจดมันลงในสมุดโน๊ต
“รู้ไหมว่าเขาต้องการสื่ออะไร”
บาสหันมองทิคที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วตอบ
“พอเข้าใจ”
“เป็นวิศวะการผลิตไม่ใช่ต้องมีเฉพาะความรู้ในตำราเรียน สิ่งที่ควรมีคือการตัดสินใจที่เด็ดขาด”
บาสชั่งมือจากการจดหันมองทิคอีกครั้ง
“เวลาเจองานมีปัญหา จะมั่วเปิดตำราคิดกระวนกระวายว่าจะทำยังไงไม่ได้เพราะงานพวกนี้มันต้องเดินตลอดเวลาจุดมึงหยุดทุกจุดก็ต้องหยุดด้วย ตั้งสติตัดสินใจให้เด็ดขาดแล้วลงมือจัดการเลย บอกตัวเองไว้ มึงเอาอยู่”
“ความรู้กูไม่ถึงขนาดนั้น”
บาสพูดแล้วยิ้มเจือนมองต่ำ
“ใครบอก”
บาสเงยหน้ามองทิคอีกครั้ง และหาคำตอบให้คำถามของทิคไม่ได้ เพราะไม่เคยมีใครบอกอย่างที่ทิคถาม
“รู้ไหมทำไมกูถึงเป็นทิคที่ทุกคนเชื่อได้เหมือนทุกวันนี้”
บาสมองทิคไม่ละสายตารอฟังสิ่งที่ทิคจะพูด
“เพราะกูไม่เคยคิดอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกด้อยไง”
ทิคพูดแล้วยิ้มให้ บาสที่มองอยู่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มตามจากที่หน้าเครียดในตอนแรก
“ไป”
ทิคดันบาสให้ออกไป เมื่อบนเวทีประกาศหาคนที่จะมาสรุปงานวันนี้ขึ้นมาบนเวที บาสหันมาหาทิคแล้วส่ายหน้าแต่ทิคยิ้มให้ บาสจึงหยุดมองหน้าแล้วยอมขึ้นไป

ทิคมองดูบาสจากข้างล่างแล้วยิ้มออก ดีใจที่เห็นทุกคนยิ้มชื่นชมและปรบมือให้บาส ดีใจที่เห็นบาสยิ้มได้กว้างขนาดนี้ ดีใจที่เห็นบาสกล้าแสดงออก มันทำให้รู้ว่าความรู้และความสามารถที่บาสเก็บไว้มีไม่ใช่น้อย
แรงสั่นที่กระเป๋ากางเกงทำให้ทิคละสายตาจากบาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสายเรียกเข้าจากพี่สาวทิคจึงเดินออกมาด้านนอกหาที่เงียบๆคุย
“ว่าไงทับ”
(ทำอะไรอยู่ว่างไหม)
“ว่าง คุยได้”
(แม่บอกว่าไปดูงานที่กาญหรอ)
“ใช่ พรุ่งนี้ก็กลับ”
(ฉันจะได้ของฝากจากน้องชายสุดที่รักไหมนะ)
ทิคยิ้มกับคำพูดของพี่สาวตัวเอง
“ก็กลับบ้านบ้างสินอนอยู่แต่โรงบาลจนคนที่นั้นเขาคิดว่าไม่มีบ้านแล้วมั้ง”
(ไม่มีเวลายะ ไม่ได้อาบน้ำมาสองวันละ)
“เป็นผู้หญิงผู้หยางดูพูดเข้า”
ทั้งคู่ต่างหัวเราะใส่กันเป็นคู่พี่น้องที่ชอบคุยอะไรตลกๆตลอด
ทิคเดินออกมาจนไม่มีเสียงดังรบกวน เงียบกันไปครู่หนึ่งจนทิคต้องเรียกคิดว่าพี่สาววางสายไปแล้ว
“ทับ”
“..........”
“ยังอยู่ไหมเนี้ย”
(อยู่)
“เห็นเงียบไป”
(ทิค)
“อื้ม ว่า”

(กลับมาแล้วถ้าว่าง...มาหาหมอนะ)

รอยยิ้มที่มีความสุขหายไปทันที ทิคกำโทรศัพท์ในมือแน่นกลืนน้ำลายลงคอ หายใจติดขัดด้วยความยากลำบาก
แรงจับกะทันหันที่แขนทำให้ทิคสะบัดออกเต็มแรงทันที แต่เมื่อหันไปดูก็ต้องตกใจ บาสมองมาที่เขาด้วยสายตาหวั่นๆจนทิคทำตัวไม่ถูก ความเงียบระหว่างเขาสองคนก่อตัวขึ้นทันที แต่บาสยิ้มแล้วยื่นมือมาตรงหน้า
“คุณคิมุระเขาบอกว่าชอบแนวคิดบ้าๆของกูด้วยทิค เขาเลยให้เหรียญมา เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเหรียญห้าเยนจะนำความโชคดีมาให้”
ทิคมองเหรียญในมือบาสที่แบอยู่ตรงหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองบาสที่กำลังยิ้มให้
“กูให้”
“.............”
ทิคเงยหน้าขึ้นมองบาสอีกครั้ง บาสยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม ทิคกลืนน้ำลายขมๆของตัวเองลงคอแล้วฝืนพูดให้ปกติที่สุด
“ให้ทำไม ของดีๆแบบนี้เก็บไว้เองสิ”
บาสยิ้มให้ แต่ยิ้มครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่น
“ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
ทิคยิ้มจางให้บาส แล้วก้มลงหยิบเหรียญจากมือบาสมา กำมันไว้แน่นแล้วใส่ลงอีกด้านของซองบัตรพนักงานที่คอ มองตามหลังบาสที่เดินนำไป แล้วเดินตาม

ใช่...ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้วอย่างที่บาสบอก



ชอบมาตอนดึกๆมาแบบเซอร์ไพรส์ ตามคำขอ อัพรัวๆและแถมด้วยตอนปัจจุบันให้คนอ่านที่น่าร๊ากกกกทุกคนแล้วเน้อ  ตอนหน้าเราก็จะมาแบบดึกๆอีก555+


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณมากมายที่อัพรัว ๆ ให้ จนถึงตอนล่าสุด

มิเช่นนั้นคงลงแดงแน่ ๆ    คิดดูสิ วันละหนึ่งตอน ที่ยังต้องลงกว่าจะถึงตอนล่าสุดก็ราว ๆ สองสัปดาห์เลยนะ

แทงคิ้วหลาย

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


น่าจะกอดกันสักที

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ตามอ่านจนทันแล้วววววว

ทิคควรจะทำตามที่พี่สาวบอกนะ เพื่อตัวเองและคนรอบข้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณจ้า..ตอนเก่าๆ ไม่ได้เม้นอะไรไปเพราะว่าเม้นไปหมดแล้ว
ก็รอตอนใหม่ มาเสียทีขอบคุณอีกครั้งนะ รู้สึกว่าความรู้สึกของ
ทั้งสองคนหลังจากมาด้วยกัน จะอ่อนๆ ลงทั้งคู่แล้วนะ
ว่าแต่ทิคต้องไปโรงพยาบาลทำไมนะ ต้องรออีกแล้ว....
 :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
รอตอนต่อไป มาอัพรัวๆ อีกนะคะ ชอบๆๆๆๆ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
ทิคป่วยเป็นโรคอะไรหว่า?

เดาว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับอาการทางจิต  แต่ไม่รู้ว่าโรคอะไร  ร้ายแรงขนาดไหน

แต่ความรู้สึกบอกว่า  น่าจะเป็นคนที่มีสองบุคลิก อ่ะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
บาสและทิค ต่างกันสุดขั้ว

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ในที่สุดก็ได้อ่านตอนใหม่ ขอบคุณคนแต่งนะที่มาลงตอนใหม่
นึกว่าจะไม่มาแล้ว เห็นหายไปนานมากๆ

บางโมเม้นที่ทิคแกล้งบาสแบบเรื่องกุญแจห้อง
ก็แอบยิ้มนะ แบบกวนดีจริง

ประเด็นทิคป่วย คงน่าจะอาการทางจิตเวชที่ไม่น่ารุนแรงเนอะ
จะรอดูถ้ากลับจากกาญจะเป็นไงต่อ
อีกอย่างบาสก็ใช้เงิน 1 แสนไปแล้วด้วย หึ


ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณนะคะที่มาต่อตอนใหม่

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
20..หมดเวลาแล้ว

ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง กินเลี้ยงอาหารเย็น แทบจะเป็นกินเลี้ยงอำลางานครั้งนี้เลยก็ได้เพราะพรุ่งนี้แค่มาทานอาหารเช้าด้วยกันรับใบประกาศนียบัตรแล้วก็กลับทุกคนจึงเต็มที่กับอาหารมื้อนี้
ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันครึ่งแต่ทุกคนดูสนิทสนมกันมากคงเป็นเพราะมีแต่ผู้ชายเลยคุยกันได้ง่ายสนุกสนาน
“ขอบคุณครับ”
ทิคยิ้มกล่าวขอบคุณรับแก้วเหล้ามาจากเอ็นจิเนียร์โรงอื่น แล้ววางมันลงที่โต๊ะ
คนมาขอชนแก้วเรื่อยๆแต่ทิคก็ยังไม่ดื่มคนมาชวนไปเต้นก็ไม่ไป จนบาสที่นั่งข้างๆสังเกตว่ารู้สึกแปลกไป แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
อยู่ดีๆทิคก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปแบบไม่บอกกล่าวจนบาสต้องมองตามด้วยความสงสัยครู่หนึ่งแล้วถึงหันกลับไปเหมือนเดิม

ผ่านไปนานพอสมควรทิคก็ยังไม่กลับมาจนบาสอดไม่ไหวลุกออกไปดู บาสหาอยู่นานจนมาเจอทิคนั่งอยู่ที่ระเบียง
เขาหยุดเท้ามองหลังทิคด้วยความอุ่นใจว่าเจอแล้ว หอบด้วยความเหนื่อยนิดๆมองกระป๋องเบียร์สามกระป๋องที่วางอยู่ข้างๆตัวทิคแล้วเดินเข้าไปหา
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ใช่ เป็นห่วงจริงๆทิคเงียบเกินไปมันไม่ใช่นิสัยของคนๆนี้
คนนั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มเจือนให้
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
ทั้งคู่สบตากัน และเป็นบาสที่เดินเข้าไปหา ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเว้นระยะห่างอย่างเก้ๆกังๆ เพราะเป็นคู่อริและไม่ได้รู้สึกดีต่อกันขนาดจะมานั่งปรับทุกข์ด้วย มันก็เลยทำตัวไม่ถูก
“ไม่สบายหรอ”
ถามมาแบบนี้แสดงว่าบาสไม่เชื่อว่าไม่ได้เป็นอะไร ทิคหันกลับไปมองข้างหน้าแล้วถอนหายใจตอบเบาๆ
“อืม”
“เสร็จงานแล้วก็ไปหาหมอสิ”
“ไม่เป็นไร”
บาสมองทิคยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มไปจนหมดกระป๋องด้วยความรู้สึกหลายอย่างในหัว
“มึงไม่ได้เก่งไปซะทุกเรื่องนะ พึ่งคนอื่นบ้างก็ได้ ไม่สบายก็ควรพึ่งหมอ”
ทิคไม่พูดอะไรตอบแค่ชะงักจากการเปิดเบียร์กระป๋องใหม่ครู่หนึ่งแต่ก็เปิดมันในที่สุด บาสกระชากมันจากมือทิคแล้วยกขึ้นดื่มไปอึกหนึ่ง แต่ก็ต้องบี้หน้าด้วยความขมและไม่ชินกลืนลงคอแล้วยกมือขึ้นเช็ดปากตัวเอง
ทิคมองภาพตรงหน้าค้างอยู่อย่างนั้นแล้วหันไปมองข้างหน้า
“การอยู่คนเดียวมันดีที่สุดสำหรับกู...แล้วก็ดีสำหรับคนอื่น”
ทิคพูดพร้อมกับมองไปข้างหน้า นี้คือสิ่งที่คิดมาตลอด ถึงไม่อยากมีใครและไม่อยากเอาใจไปผูกกับใครเพราะถ้าวันหนึ่งคนๆนั้นรู้ตัวตนของเขาขึ้นมา คงทิ้งเขาไป
“สักวันมึงจะเจอคนที่รับการใช้ชีวิตแปลกๆของมึงได้ เขาจะรักมึงมากแล้วก็อ่อนโยนกับมึงมากๆเช่นกัน”
ทิคหันมองเมื่อได้ยินสิ่งที่บาสพูด และบาสยังคงมีรอยยิ้มให้เขาเสมอ
“อย่าเลย กูไม่อยากทำร้ายคนที่กูรัก”
“ก็อย่าทำร้ายเขาสิ”
ทิคจ้องเข้าไปในตาบาส
“จะเกิดมาหล่อรวยสมบูรณ์แบบแล้วตายไปไม่ได้นะเว้ย”
ยิ้มจนตาหยีของบาสทำให้ทิคยิ้มตาม ทั้งคู่หันไปมองข้างหน้าแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง
“ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนมันเป็นยังไง”
ทิคเงียบไม่ตอบอะไร แล้วพูดขึ้น
“แล้วชีวิตที่มีความสุขมันเป็นยังไง”
ทั้งคู่หันมาสบตากันต่างฝ่ายต่างหาคำตอบให้กันไม่ได้
“ถ้าวันหนึ่งกูไม่อยู่แล้วอย่าลืมที่กูบอกตลอดนะบาส อย่าให้ใครเอาเปรียบ มึงต้องสู้คน”
บาสแทบลืมหายใจกับคำพูดของทิค
“งานที่ไม่ใช่หน้าที่ตัวเองทำได้ แต่ถ้าไม่ไหวก็พูดออกไป อะไรที่ไม่ใช่ความผิดตัวเองก็อย่ายืนให้เขาว่า อะไรรู้สึกไม่ชอบรู้สึกแย่ก็พูดออกไป”

ไม่รู้อยู่ดีๆทำไมทิคถึงพูดแบบนี้ แต่มันทำให้รู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก ใช่ เงินคืนไปแล้ว คงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาอยู่ด้วยกัน ยอมรับว่าอยู่กับทิคแล้วเขาเป็นตัวของตัวเองและกล้าแสดงออกมากขึ้น ทิคทำให้เขาเข้มแข็งและรู้ในมุมที่เขาไม่เคยรู้หลายอย่างบนโลก ใจหนึ่งก็เกลียดเวลาทิคทำอะไรแย่ๆใส่ แต่ใจหนึ่งก็โกรธไม่ลงและสงสารในบางครั้ง
คืนเงินไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องติดค้าง ถ้าวันหนึ่งพวกเขาจะกลายเป็นแค่คนรู้จักที่เดินสวนกันในโรงงาน ก็คงทำอะไรไม่ได้อย่างน้อยเงินก้อนนี้ก็ทำให้ได้เพื่อนดีๆคนหนึ่ง

บาสเงียบมองตาทิค แล้วฝืนยิ้มเจือนๆให้
“กูโตแล้ว”
“อาจจะมีคนที่ร้ายกว่ากูที่มึงจะต้องเจอ”
“ก็มีแต่มึงแหละที่ชอบแกล้งกู”
บาสพูดแล้วหันไปมองข้างหน้า
แต่ทิคยังคงมองบาสอยู่
ที่ทำไปเขาไม่ได้แกล้ง มันคือนิสัยและตัวตนของเขาต่างหาก เขาห้ามตัวเองไม่ได้ และมันจะเป็นความลับตลอดไป บาสจะต้องไม่มีวันรู้ ให้เข้าใจว่าที่ทำไปเพราะแกล้งเฉยๆนะดีแล้ว

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต่างฝ่ายต่างอยากได้อยากเป็นในสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส

บาสอยากเป็นแบบทิคผู้ซึ่งใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยที่ไม่ต้องดิ้นรน

ทิคอยากเป็นแบบบาสผู้ซึ่งมีความสุขทั้งกับตัวเองและเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างเสมอ



no one is perfect.




ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทิคเป็นโรคซึมเศร้าหรอ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
ทิค สู้ๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สู้ๆ นะทิค :hao3:

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอ็นดูทั้งคู่  :sad4:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
บาสน่ารัก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จริงแล้วคนเราไม่ได้สมบูรณ์แบบไหมหมดหรอกนะ
ถ้าทั้งคู่ถอยมาอยู่ตรงกลาง และพยายามเข้าใจตัวตน
ของกันและกัน ก็จะช่วยอีกฝ่ายได้ ที่สำคัญต้องมี
ใจรักด้วยนะ สู้ๆ ๆจ้า
 :3123:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่าหายไปนานแบบนี้สิ

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อารมณ์เหมือนจะห่างๆ กันเลย
ชอบทิคนะ ลองเว้นระยะได้ทบทวนอะไรๆ ก็ดีนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
21..ถือว่าขอ

งานเลิกแล้วทั้งคู่จึงเดินทางกลับที่พัก ตลอดทางทิคก็เงียบตลอด ไม่แกล้งหรือทำอะไรเหมือนที่เคยทำ หน้าตาก็ดูเหนื่อยๆจนน่าเป็นห่วง
รถเลี้ยวเข้ารีสอร์ตในที่สุด บาสถอดเข็มขัดออกแล้วหยิบเอกสารและของลงจากรถ ทั้งคู่เดินมาด้วยกันโดยที่บาสเดินนำตลอดทางไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียว จนรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก

เดินมาถึงห้องบาสหยุดที่ห้องตัวเองแต่ไม่ไขกุญแจเข้าห้อง ยืนบีบลูกบิดประตูอยู่อย่างนั้นเฮือกสุดท้ายตัดสินใจแน่นอนแล้วหันไปหาทิคที่กำลังจะเดินผ่านไป

“นอนด้วยกันไหม”

ทิคหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง บาสยืนนิ่งมองกลับแล้วหลบตา ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน รู้แค่ว่าพูดออกไปแล้ว แล้วมันก็ย้อนคืนไม่ได้
จะให้ทำยังไง ป่วยเป็นอะไรก็ไม่รู้ถามจะตอบไหมอีก มันเงียบเกินวิสัยทิคจนน่าเป็นห่วง มียากินหรือเปล่าก็ไม่รู้เขามีที่แม่เตรียมมาให้ นอนคนเดียวเกิดเป็นอะไรกลางคืนจะทำยังไงมาต่างถิ่นด้วย อย่างน้อยนอนด้วยกันก็พอช่วยกันได้ถ้าเกิดอะไร

ทิคเงียบมองมาอยู่อย่างนั้นบาสเริ่มทำตัวไม่ถูกรู้สึกอยากตบปากตัวเอง จึงยิ้มแห้งๆจับคอตัวเองแก้เก้อแล้วพูดออกไป
“จริงๆแล้วพูดเล่น คือ..มึงโลกส่วนตัวสูงใช่มะ งั้นก็นอนคนเดียวน่าจะดีกว่าเนอะ กูก็ว่างั้นแหละ”
ยิ้มแห้งๆให้ไปแล้วหันหลังจะเข้าห้อง

“แต่กูอยากนอนกับมึง”

บาสหยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูเมื่อได้ยิน แล้วค่อยๆหันกลับไปหาทิคกระพริบตามองปริบๆแล้วตอบ
“อืม”
ยิ้มตอบให้ไป ทิคก็ยิ้มกลับมาแต่เป็นยิ้มที่ไม่เต็มที่นัก
บาสหันกลับไปแล้วไขกุญแจเข้าห้อง ยืนคิดอยู่หน้าประตูอยู่อย่างนั้น ที่ทำไปมันโอเคใช่ไหม แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเพื่อนผู้ชายด้วยกันเพื่อนมีปัญหาเราก็ต้องช่วย ถึงทิคจะเคยทำไม่ดีกับตัวเองก็เถอะแต่ตอนนี้ทิคเปลี่ยนไปแล้ว

บาสอาบน้ำแล้วใช้เวลาที่เหลือเก็บของบางส่วนให้เรียบร้อยพร้อมเก็บใส่กระเป๋าพรุ่งนี้ เสียงโทรศัพท์เข้าทำให้บาสต้องหันหายกกองเสื้อผ้าตรงหน้าที่กำลังพับรื้อจนไปเจออยู่ใต้กองผ้า

บริ้งนี่...มีอะไรหรือเปล่า คิดสงสัยแล้วกดรับไป
“ครับ ว่าไงน้องบริ้ง”
(พี่บาส...ทำอะไรอยู่คะ)
“กำลังเก็บเสื้อผ้าครับ”
(บริ้งโทรมากวนหรือเปล่าคะ)
บริ้งถามเสียงตื่น
“ไม่เลยๆคุยได้”
บาสรีบพูดกลัวคนในสายเข้าใจผิด
“ว่าแต่โทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
(คือ..จริงๆก็..ไม่มีอะไรหรอกค่ะบริ้งโทรมาเล่นด้วยเฉยๆ..เราไม่ได้เจอกันนานแล้วเนอะ)
“ช่าย ก็บริ้งไปเรียนงานตั้งเกือบอาทิตย์พี่ก็มาดูงานด้วย เลยไม่ได้เจอกันเลย”
พูดไปมือก็พับผ้าไปด้วยจนรู้สึกถึงความไม่สะดวก
“แปปนะบริ้ง”
(ค่ะ)
บาสมองหาหูฟังจนไปเจออยู่บนเตียงเลยเอื้อมไปหยิบมาเสียบกับโทรศัพท์แล้วใส่หูฟังทั้งสองข้างกับหู
“โอเคครับ”
(พี่บาสกลับมาเมื่อไรคะ)
“พรุ่งนี้ละ สายๆ”
(อ่อ)
(งั้น..บริ้งไม่กวนละ ไว้เจอกันที่โรงงานนะคะ)
“ครับ”

บริ้งเงียบไป จนบาสต้องเอาออกจากหูมาดู ก็ยังไม่วางสายนิจนต้องเอามาแนบหูอีกครั้ง

(พี่บาสคะ)
“ครับ”
(ฝันดีนะคะ)
“ครับ ฝันดีครับ”

บาสยิ้มให้โทรศัพท์ล่ำลากันแล้ววางสายดึงหูฟังออกจากหูหันจะเอาโทรศัพท์ไปไว้บนเตียงก็ต้องตกใจเมื่อเจอทิคยืนอยู่หน้าประตู
“มาตั้งแต่เมื่อไร”
บาสถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เพราะมึงมั่วแต่คุย”
บาสนิ่งมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอียงสายตาหนีรีบลุกขึ้นเก็บของตรงหน้ารวมกันแล้วเอาไปไว้ที่อื่นก่อน เสร็จแล้วจึงหันมาหาทิคแต่ไม่รู้จะทำอะไรจึงยิ้มแล้วถามออกไป
“นอนเลยไหม...หรือดูหนังก่อน”
“มึงง่วงหรือยัง”
ทิคถามกลับ
“ก็..ยังไม่ค่อย”
“ดูหนังไปก่อนสิ เดี๋ยวค่อยนอนก็ได้”
“ไม่รีบพักผ่อนละไม่สบาย”
บาสถามหน้าตาซื่อด้วยความเป็นห่วง
“ห้องมึงจะทำอะไรก็ทำเถอะ”
“งั้น..ดูเนอะ”

ดีเหมือนกันมันเงียบไป ทั้งคู่สบตากันนานจนบาสเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเดินไปอยู่ที่เตียง
“นอนฝั่งนี้นะ ฝั่งนั้นแอร์มันลง”
บาสพูดไปด้วยจัดแจงผ้าบนเตียงไปด้วย ทิคยืนมองบาสทำอย่างตั้งใจแล้วยิ้มแต่เป็นยิ้มที่ไม่เต็มที่นักเพราะเหนื่อยๆและรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ แต่ก็คือยิ้มที่มีความสุขจริงๆ

แสงจากโทรทัศน์ทำให้ทิคตื่นหลังจากเผลอหลับไป เสียงดังถึงจะไม่ได้หันไปมองก็รู้ว่าคงเป็นรายการวาไรตี้โชว์สักรายการ ทิคเปลี่ยนจากที่นอนตะแคงมานอนหงายแต่เมื่อหันมาก็พบเจ้าของห้องที่นอนหลับด้วยท่าแปลกๆอยู่ข้างๆ

บาสนั่งเอาหลังพิงกับหัวเตียงกอดหมอนใบใหญ่สีขาวเอาหน้าหนุนบนหมอนที่กอดหลับจนหน้าบูดเบี้ยว ทิคเห็นแล้วถึงกับต้องอมยิ้มมอง

“นอกจากเป็นคนแปลกๆแล้วมึงยังนอนแปลกๆอีกหรอวะ”

ทิคพูดยิ่งมองก็ยิ่งยิ้ม หันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้มาดูเวลาเห็นว่าดึกแล้วจึงหันจะมาปลุกบาสให้นอนดีๆแต่...เมื่อคิดอะไรได้จึงชักมือกลับ เขาเปิดโหมดกล้องแล้วถ่ายรูปบาสที่นั่งหลับหน้าตาบูดเบี้ยวไว้หลายรูป เมื่อทำสิ่งที่ต้องการเสร็จแล้วทิคจึงหันไปวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แล้วหันมามองบาสที่ยังนอนหลับไม่ใช่สิต้องเรียกว่านั่งหลับไม่รู้เรื่องอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงยื่นมือไปผลักหัวบาสที่นั่งกอดหมอนหลับอยู่ จนบาสเอียงตามแรงผลักผงะตื่น
ลืมตามาบาสก็หน้ามุ่ยใส่ตัวการที่ทำตนแล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ทำอะไรเนี้ย!”
“มึงอะทำอะไรเขามีให้นอนดีๆนั่งนอนเพื่อ”
เจอคำพูดของทิคไปบาสก็เถียงไม่ออก ลุกขึ้นไปเก็บหมอนที่ตกอยู่แล้วหันมาถามทิคที่นั่งอยู่บนเตียง
“จะดูต่อไหม”
“ถามตัวเองเถอะ”
แต่ละคำเจ็บๆทั้งนั้นแค่นั่งหลับมันผิดมากหรือไง! แต่ก็ได้แค่คิด.....
“งั้นปิดนะ”
บาสพูดแล้วเดินไปปิดโทรทัศน์แล้วเดินกลับมาที่เตียง คราวนี้ห้องเงียบจริงๆแต่ดีที่มืดเลยทำตัวไม่ลำบาก
บาสที่ง่วงอยู่แล้วห้องเงียบและมืดแถมเย็นอีกแบบนี้ยิ่งส่งเสริมการนอนทิ้งหัวลงก็หลับเป็นตาย

แรงขยับที่เตียงทำให้บาสขยับตามแต่เมื่อมันนานๆเข้าก็เริ่มตื่นนิดๆจนแรงยุบของเตียงที่หนักขึ้นทำให้บาสลืมตาในความมืดทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากคนข้างๆ บาสยันตัวขึ้นแล้วรีบหันไปหา
“ทิค”
ไม่มีการตอบรับใดๆคราวนี้บาสจึงส่งมือไปจับไหล่ทิคที่นอนตะแคงอยู่
“ทิค เป็นอะไร”
ทิคหันมาตามแรงจับแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“ไม่สบายตัวเลยวะ”
บาสได้ยินแบบนั้นก็ไม่สบายใจหันไปควานหาโทรศัพท์ในความมืดแล้วเปิดโหมดไฟฉายส่อง เห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นไปเปิดไฟเมื่อห้องสว่างจึงทำให้รู้ว่าหน้าตาทิคตอนนี้ทรมานขนาดไหน บาสเดินกลับไปที่เตียงฝั่งทิคแล้วก้มลงถาม
“มันเป็นยังไง”
“แน่นท้อง..เหมือนจะอ้วก เวียนหัว ไม่รู้”
ทิคพูดแค่นั้นก็หันหนียกแขนตัวเองขึ้นก่ายเพื่อปิดแสงไฟ บาสเห็นแบบนั้นก็ไม่ถามอะไรต่อ เดินไปรื้อกระเป๋าตัวเองแล้วเปลี่ยนไปที่กองของที่เก็บไปตอนทิคเข้ามา เสื้อผ้าที่ถูกพับไว้อย่างดีถูกรื้อกระจัดกระจายด้วยตัวเจ้าของเอง เหมือนจะหาไม่เจอบาสโกรธตัวเองยืนหน้าเครียดอยู่กลางห้อง แต่เมื่อคิดอะไรได้จึงเดินไปที่กระเป๋าเดินทางอีกครั้งหันมันไปมาแล้วเปิดซิปช่องหนึ่งและเจอของที่ตามหาอย่างที่คิดไว้...ถุงยาที่แม่เตรียมมาให้
บาสแกะปมที่ถูกมัดด้วยความร้อนใจแล้วเททุกอย่างลงเขี่ยหาจนเจอของที่ต้องการ
“เดี๋ยวมานะ รอแปปหนึ่ง”
บาสเดินไปบอกทิคที่นอนส่ายอยู่บนเตียงแล้วเดินมาเปิดประตูออกจากห้องไป และไม่นานก็กลับมาพร้อมแก้วในมือ
“ทิค”
บาสเข้าไปจับแขนทิคให้หันมา
“กินยานะ”
แล้วจับให้ลุกขึ้นนั่ง นำแก้วที่มียาลดกรดแก้ท้องเฟ้อที่ถูกละลายมาให้ทิคดื่มและตามด้วยยาแก้ท้องอืดน้ำสีขาวที่ทุกบ้านต้องมีตามไปด้วย บาสส่งขวดน้ำที่เตรียมมาให้ทิคดื่มหลังจากกินยาเสร็จ ทิครับไปด้วยสีหน้าบูดเบี้ยวแล้วดื่มน้ำไปครึ่งขวด บาสรับมาวางแล้วเปิดฝายาดมยื่นให้ ทิครับไปแล้วสูดเต็มปอดแล้วทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิม
ถึงจะไม่ได้หายทันทีแต่ก็ดีขึ้นทิคเริ่มสงบลงจนเคลิ้มใกล้หลับ แต่แรงบีบที่แขนทำให้ทิคที่หลับตาไปได้ครู่เดียวลืมตาขึ้นมอง

บาสเอาเก้าอี้ของโต๊ะเครื่องแป้งมานั่งข้างๆเตียงฝั่งเขาจับแขนเขาบีบไปมาจนไล่ไปถึงมือ
“นวดแบบนี้เลือดมันจะไหลเวียนดี เดี๋ยวจะดีขึ้น”
ทิคเอียงคอมองภาพตรงหน้าอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีคำพูดใดๆ
“ดีขึ้นยัง”
บาสเงยหน้าขึ้นมาถาม ทิคที่เงียบอยู่นานพยักหน้าตอบช้าๆ
“เพราะมึงไม่สบาย เครียด แล้วยังจะกินเหล้าอีก มันเลยเป็นแบบนี้ไง”
“จะยอมให้ว่าวันหนึ่ง”
ทิคพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ บาสได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าจากการนวดขึ้นมามอง
“ฆ่าทิ้งตอนนี้เลยก็ได้นะเนี้ยไม่มีแรงสู้ดี”
ทิคยิ้มจางให้บาสที่นั่งพูดอยู่ เป็นจังหวะที่บาสกำลังนวดมืออยู่พอดีทิคจึงจับมือบาสกุมหมับ จนเจ้าตัวตกใจเงยหน้ามองอีกครั้ง
“...................”
“ไปนอนเถอะ”
บาสสบตาทิคด้วยความตกใจค้างอยู่ครู่หนึ่งถึงได้สติตอบ
“ไม่เป็นไร นวดไปเรื่อยๆก่อนเถอะ”
ที่ตกใจไม่ใช่อะไร กำลังพูดกวนๆเขาเรื่องฆ่าแล้วเขามาจับมือหมับก็ตกใจสิ คิดว่าทิคโกรธและเอาจริง พอรู้ว่าไม่ใช่ก็โล่งอกไป
“บาส”
จ้องแล้วเรียกชื่อ
“หื้ม”
บาสตอบรับทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
“มึงมีใครหรือยัง”
คำถามของทิคทำให้บาสเงยหน้าขึ้นมอง
“หมายถึงอะไร”
“มึงมีแฟนไหม”
บาสสบตาคนถามอย่างไม่เข้าใจเพราะอยู่ดีๆก็ถามแต่ก็ตอบไป
“ไม่มี”
“คนที่คุยอยู่ละ”
คุย?
คุยอะไร?
คุยกับใคร?
บาสทำหน้านึกหาแล้วตอบด้วยหน้าตาซื่อๆตามความจริง
“ไม่มี”
“มึงไม่มีคนที่ชอบหรือคนที่เขามาชอบมึงหรอ”
“ไม่มี”
ตอบแล้วมองหน้าทิคด้วยสีหน้าจริงจัง
“กูไม่เอาใครมาลำบากด้วยหรอกเลยไม่กล้าคิดชอบใคร ไม่มีอะไรดี แถมไม่ได้เรื่อง ใครเขาจะมาชอบ”
พูดแล้วยิ้มเย้ยตัวเองขำในโชคชะตา แล้วหันไปตั้งใจนวดต่อ

ทิคมองบาสแล้วคิดในใจ บาสกำลังคิดไปเอง คนที่ชอบมีมากมายแต่บาสดูไม่ออก คนที่โทรมาวันนี้ก็คนหนึ่งละ เขาไม่รู้เรื่องอะไรแค่ฟังบทสนทนาที่บาสคุยยังรู้เลยว่าคนๆนั้นชอบบาส
“แอร์เย็นไปไหม”
“พอดีแล้ว”
ทิคตอบแล้วมองอยู่อย่างนั้น มันเกิดความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกผิด ผิดที่ทำไม่ดีกับบาสมาตั้งเท่าไรแต่บาสกลับยังคงดีกับตน เขาตอนนี้คงดูน่าสงสาร น่าสมเพชมาก จนบาสต้องดูแลขนาดนี้
“ทิค”

ทิคที่กำลังคิดและมองไปทางอื่นหันกลับมามองคนที่นั่งนวดแขนเขาอยู่ข้างเตียงส่งสายตามองว่ามีอะไร บาสมองมาด้วยสายตากังวลกล้าๆกลัวๆจนทิคต้องพูด
“พูดมาเลย”
“เมื่อเช้าที่ตื่นสายเพราะไม่สบายใช่ไหม”
ยอมรับว่าแปลกใจ ไม่คิดว่าบาสจะถามคำถามนี้
“ใช่”
“แล้วตอนนั้นที่หายไปก่อนเข้างานก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“ใช่”
เพราะรู้สึกแย่หดหู่ตั้งแต่ตอนตื่น ยาคลายเครียดที่กินประจำก็ดันลืมเอามา ทิคเลยแยกออกไปหาร้านขายยาแถวนั้นซื้อ
“ทำไมไม่บอกกันบ้างว่าเป็นอะไร กูก็ช่วยได้นะถ้ามึงต้องการ”
บาสพูดยาวเหยียดหยุดมือจากการนวดมองหน้าทิคจริงจัง
ทิคยิ้มมุมปากแล้วยื่นมือไปผลักหัวบาส
“เบอะบะอย่างนี้เนี้ยนะ”
บาสหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินแล้วพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
“แล้วใครละที่อดหลับอดนอนตั้งแต่ตีสามจนตีสี่ดูแลมึง!”

ทิคยิ้มจนตาหยีแบบที่ไม่เคยยิ้มมาก่อนจนบาสที่กำลังพูดด้วยอารมณ์ร้อนๆค้างกับสิ่งที่เห็น
“เออ ขอบคุณ”
ได้ยินคำนี้จากปากทิคยิ่งค้างไปกันใหญ่ บาสได้สติหันหน้าหนีครู่หนึ่งแล้วหันมาหาทิคใหม่ ทั้งคู่เงียบมองหน้ากันอยู่นานจนบาสเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“มึงป่วยเป็นอะไรหรอทิค”
คำถามของบาสทำให้ทิคที่พร้อมจะพูดด้วยเมื่อครู่หุบยิ้ม หน้าตาใสซื่อที่มองมาเพราะอยากรู้ทำให้ทิคต้องทำตัวให้ปกติแล้วพูดออกไป
“โรคประจำตัวแหละ”
บาสพยักหน้าเข้าใจอย่างไม่ติดค้าง เพราะคลังก็มีโรคประจำตัวคือโรคหอบเหมือนกันคนที่มีโรคประจำตัวก็ป่วยออดๆแอดๆแบบนี้แหละ

“มึงมันดื้อ กลับไปก็ไปหาหมอนะ ถือว่ากูขอ”

หน้าตาใสซื่อของบาสที่ส่งมาทำให้ทิคต้องฝืนยิ้มให้ ทั้งที่ในใจตอนนี้มันพังไปหมดแล้ว

บอกความจริงไปถ้าบาสรับไม่ได้ละ ใครจะอยากอยู่กับคนจิตไม่ปกติ

มันเป็นความลับ และมันจะเป็นความลับตลอดไป บาสจะไม่มีวันรู้ แล้วเขาก็จะต้องหาย ทุกอย่างมันต้องดีอย่างที่หวัง

ออฟไลน์ swasdee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คือคุยกับสมอลล์ทอล์คแล้วจะเอาโทรศัพท์แนบหูอีกทำไมอ่า :mew5:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด