บทที่ 24 เกือบจะดี
“สวัสดีครับ” นเรศจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่มีสายเข้าเป็นเบอร์ไม่ได้บันทึกชื่อด้วยความฉงน โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเครื่องส่วนตัวที่น้อยคนนักจะรู้เบอร์ แต่วันนี้กลับมีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรมา “นั่นใครพูดครับ” เขาขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายยังคงเงียบ
“นเรศคะ อยู่กับคนอื่นจนจำลิสาไม่ได้แล้วหรอคะ” เสียงจากปลายสายทำให้นเรศขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้ว่าหลังจากที่มีอะไรกันครั้งสุดท้ายเขาก็ตัดขาดจาดลิสา ไม่ยุ่งเกี่ยวไม่เรียกหาอีก ทั้งยังลบช่องทางการติดต่อทุกอย่าง แต่ทำไมเธอถึงรู้เบอร์ใหม่ของเขา
“ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะลิสา” เสียงทุ้มดุดันขึ้น
“แต่ลิสาไม่ยอมหรอกค่ะ คุณได้ลิสาแล้วคิดจะทิ้งลิสาไปเพราะมันท้องหรอคะ” เสียงปลายสายเริ่มมีโทสะ
“คุณรู้ได้ยังไง”
เสียงแกรกเหมือนของมีคมกรีดลงบางสิ่งก่อนที่ปลายสายจะตอบกลับมา “ลิสาไม่ได้โง่ค่ะ ถ้าคุณจะทิ้งลิสาไปเพื่อไปรับผิดชอบมัน...นเรศไม่ยุติธรรมเลย ลิสามาก่อน แล้วมันที่มาทีหลังทำไมถึงได้คุณไป นเรศ!” เธอตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเจือแววสะอื้นก่อนท้ายประโยคจะเต็มไปด้วยความโกรธ
“มันไม่เกี่ยวกับว่ามาก่อนหรือมาทีหลังลิสา...”
“แล้วถ้าลิสาบอกว่าในท้องของลิสามีลูกของคุณเหมือนกันล่ะ” อีกฝ่ายสวนกลับมาทั้งที่เขายังเอ่ยไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
“คุณไม่ควรใช้วิธีนี้กับผมลิสา ทุกครั้งที่มีอะไรกันผมป้องกันตลอดคุณก็รู้” คำถามย้อนกลับของเขาทำให้อีกฝ่ายสะอึกจนเงียบไป
“แต่ทุกอย่างมันมีพลาดได้นี่คะ คุณแน่ใจหรอคะว่าการป้องกันมันป้องกันได้ทั้งหมด”
“แล้วคุณคิดว่าคุณนอนกับผมคนเดียวหรือไง!” คราวนี้นเรศสวนกลับไปคืนบ้าง เขารู้ดีว่าลิสาแม้ปากจะบอกว่ามีเขาเพียงคนเดียว แต่เมื่อเขาไม่อยู่ไม่เข้าหาเธอก็ไปกับผู้ชายไปมั่ว ถึงเธอจะปิดบังแต่เขาไม่ได้จาบอดหูหนวกที่จะไม่รู้อะไรเลย เสียงสะอื้นแผ่วๆ จากปลายสายทำให้เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธ
“แต่หลังจากที่เจอคุณลิสานอนแค่กับคุณ”
“อย่ามาโกหกผมลิสา”
“ลิสาไม่ได้โกหก” ปลายสายตะโกนกลับมา “ลูกในท้องของลิสาคือลูกคุณ สี่เดือนเท่ากับลูกที่อยู่ในท้องมันและมันคือช่วงที่ลิสานอนกับคุณ นเรศคุณปฏิเสธลิสาแต่คุณกลับยอมรับมัน! ฮือๆ” เธอร้องคร่ำครวญ
“งั้นไปตรวจ” เขาบอกไปเพียงสั้นๆ
“ฮาๆ” เสียงหัวเราะของเธอเหมือนเสียสติเข้าไปทุกที “ลิสาไม่ตรวจเพราะลิสามั่นใจว่าเป็นลูกคุณ” น้ำเสียงมั่นใจตอบกลับมาเริ่มทำให้นเรศเริ่มหวั่น
“แต่ผมไม่มั่นใจว่าใช่ลูกผม”
“นเรศ!”
“ถ้าคุณมั่นใจว่าเขาคือลูกของผมเราควรจะไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยกัน นัดผมมาได้เลยลิสา” นเรศรวบรัดด้วยต้องการจบปัญหานี้ก่อนจะถึงหูเจ้าจันทร์ เขาไม่ต้องการให้เจ้าจันทร์คิดมากและมาเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ เพราะเขามั่นใจว่าในท้องลิสาไม่ใช่ลูกของเขา
“ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ลิสาเลือก” อีกฝ่ายเงียบไปจนเขาคิดว่าจะตัดสายทิ้งเสียอีก แต่แล้วลิสาก็ตอบกลับมา
“ได้ เมื่อคุณพร้อมก็ส่งที่อยู่โรงพยาบาลมา” เมื่อตอบรับจบเขาก็กดตัดสายทิ้งทันที โทรศัพท์มือถือราคาแพงถูกโยนลงบนที่นอนอย่างไม่ไยดี นเรศยกมือขึ้นเสยผมด้วยความเครียด ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับลิสาจะนำปัญหามาให้แบบนี้ ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี
ภายในห้องเงียบกริบนเรศนั่งครุ่นคิดจมลงกับตัวเอง ชายหนุ่มนั่งหน้าเคร่งอยู่ปลายเตียงจนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
ก๊อกๆ
“นเรศอยู่ข้างในหรือเปล่าลูก” เสียงมารดาเรียกทำให้นเรศหลุดจากภวังค์
“ครับแม่” เขาเดินไปเปิดประตู เพียงแค่เห็นใบหน้าผู้ให้กำเนิดนเรศก็สวมกอดทันที
“เป็นอะไรไป หืม” ท่าทางแปลกๆ ของลูกชายทำให้ท่านอดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น ปัญหามันหนักมากหรือลูกเล่าให้แม่ฟังหน่อย” น้อยครั้งที่คุณหญิงดาหลาจะได้เห็นท่าทางเคร่งเครียดแบบนี้ของลูกชาย ปัญหาของลูกชายท่านจะต้องหนักหนามากแน่ๆ
นเรศตัดสินใจประคองมารดาไปนั่งที่โซฟา “แม่จำลิสาได้ไหมครับ” ก่อนจะเกริ่นขึ้นมาเพื่อทบทวนความจำท่าน
“ลิสา...” ท่านลากเสียงยาวทวนชื่อตาม “แม่ลูกสาวคนงานที่แกมั่วอยู่พักหนึ่งใช่ไหม” ประโยคต่อมาท่านว่าอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าท่านเริ่มถมึงทึงจนนเรศยิ้มแหย
“คือว่า...”
“แม่ลิสาคนนั้นกำลังเป็นปัญหาสินะ” คุณหญิงดาหลาคาดเดาได้อย่างแม่นยำ
“ครับ” นเรศรับคำเสียงอ่อน
“ตานเรศ!” ผู้เป็นมารดาตะวาดลั่นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิด ไม่เห็นใจน้องบ้างหะ” นิ้วเรียวจิ้มไปที่ศีรษะลูกชายด้วยความโมโหจนท่านอยากจะร้องหายาดม “เราน่ะมีคู่หมั้น...ไม่สิมีเมียแล้วต่างหาก กว่าจะตามง้อเมียเราได้ทำไมไม่นึกถึงความลำบากที่กว่าจะฝ่าฟันมา ตานเรศนะตานเรศ โอ๊ย...แม่ปวดหัว” คราวนี้ท่านได้ร้องหายาดมจริงๆ เมื่อรู้สึกปวดขมับจนต้องยกมือขึ้นมากุม
“แม่ครับ แม่ฟังผมก่อน”
“แม่ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ถ้าน้องรู้เรื่องนี้ละก็...โถ่จะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
“คุณแม่ครับคือจริงๆ แล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้...” จากนั้นนเรศก็ดึงสติมารดาที่กำลังเป็นห่วงลูกสะใภ้ให้กลับมา แล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่ที่เขาเริ่มไปไหนมาไหนกับลิสา และข้อตกลงระหว่างเขากับลิสาจะเป็นเพียงแค่คู่นอน ไม่มีพันธะใดๆ ผูกพันกัน ต่างฝ่ายต่างจะมีใครก็ได้ ซึ่งลิสารับข้อตกลงนี้ทั้งหมดและความสัมพันธ์ของเขากับลิสาก็เริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งเขารู้ความจริงว่าเจ้าจันทร์ไม่ได้ทำชลธารท้อง และได้พิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองจนแน่ใจแล้วว่าเขาชอบ ไม่สิ เขารักเจ้าจันทร์ จึงได้ทำทุกอย่างให้จบลงด้วยการไปพูดคุยตกลงกับลิสาเพื่อจบความสัมพันธ์แบบคู่นอนนี้ซะ ลิสาเองก็ได้เรียกร้องค่าเสียเวลาเป็นก้อนหนึ่งแล้วเขาก็ยอมจ่ายเพื่อจบปัญหานี้ แต่ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาอีกครั้งพร้อมปัญหาที่หนักอกมากกว่าเดิม
“ลิสาบอกจะเลือกโรงพยาบาลเองใช่ไหม” ณัฐธัญที่เข้ามาร่วมฟังปัญหาด้วยเอ่ยถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“อืม”
“ฉันว่ามันแปลกๆ วะ” ใช่นเรศเองก็คิดว่ามันแปลกอย่างที่ณัฐธัญคิด “แกจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะบอกให้ส่งคนตามดูลิสา”
“แม่ว่า...แม่เห็นด้วยนะ” คุณหญิงดาหลาออกความเห็น
“มารยาของผู้หญิงมีมากกว่าร้อยเล่มเกวียน ชลไม่ได้ว่าฟังความข้างเดียวนะคะ แต่จากที่นเรศบอกชลคิดว่ายัยลิสาคนนี้ เหมือนกำลังหาทางดึงพี่นเรศให้กลับไปอยู่กับเธอ” ชลธารขมวดคิ้วนึกว่าเธอเคยเจอแม่ลิสาคนนี้บ้างหรือเปล่า เห็นว่าเป็นลูกสาวคนงานในเกาะ แบบนี้เธอจะต้องโทรไปถามป้าสุดาเสียหน่อยแล้ว
“อย่างที่น้องพูด แล้วนเรศก็ควรบอกเจ้าจันทร์เล่าความจริงให้ฟังทุกอย่าง ดีกว่าปล่อยให้น้องมารู้เองทีหลัง แบบนั้นจะทำให้เกิดปัญหามากกว่า เอาล่ะปัญหาเรื่องแม่ลิสานั่นแม่จะจัดการเอง บอกหล่อนโทรมาหาแม่มาคุยกับผู้ใหญ่ หรือจะให้แม่ไปโรงพยาบาลพร้อมตานเรศก็ได้ บอกหล่อนเลือกมาได้เลยแม่พร้อม” คุณหญิงดาหลากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเหมือนพร้อมจะออกรบทุกเมื่อ
“ขอบคุณครับแม่ ผมจะรับจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด”
เครง!
นเรศสะดุ้งเมื่อช้อนที่กินข้าวอยู่ถูกวางลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าหวานก้มลงไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตา หมัดเล็กกำแน่นจนขึ้นข้อขาว นเรศแอบกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก
ครืน...
เสียงเคลื่อนเก้าอี้พร้อมกับเจ้าจันทร์ลุกขึ้น จู่ๆ หัวใจก็บีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ใช่เจ้าจันทร์โมโหหลังจากที่นเรศมาสารภาพ ทำให้ในหัวตอนนี้ของเจ้าจันทร์ขาวโพลนไปหมด แม้กระทั่งร่างกายยังรู้สึกชาราวกับร่างกายนี้ไม่ใช่ของตัวเอง ทั้งที่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะปรับตัว หรือเพราะเจ้าจันทร์คิดไปเองว่านเรศรักถึงได้ยอมเปิดใจ เจ็บนี้เพราะตัวเองทั้งนั้นจะโทษก็ต้องโทษที่ตัวเอง
แหมะ
“เจ้า”
“ไม่...ไม่เป็นไร เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลย ฮึก” มือเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาแต่ยิ่งเช็ดก็เหมือนจะยิ่งไหลลงมามากกว่าเดิม
“เจ้าฟังพี่ก่อน” นเรศรีบเข้าประชิดร่างเล็กขณะพยายามใช้มือเช็ดน้ำตาให้คนในอ้อมแขน แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามหลบสักแค่ไหนก็ตาม
“เจ้าเป็นผู้ชายเจ้าเข้าใจ คุณจะไปหาเขาก็ได้...แค่ลูกคนเดียวเจ้าดูแลเอง” ทำไมถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้ เจ้าจันทร์พยายามดันอกแกร่งที่พยายามเข้ามาหาให้ออกห่าง “เรื่องถอนหมั้นเจ้าจะบอกกับแม่เอง ของหมั้นทุกอย่างก็ยังอยู่ครบเจ้าจะคืนให้ทั้ง...”
“ไม่! จะไม่มีการถอนหมั้นอะไรทั้งนั้น” นเรศสวนกลับแล้วยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ปัญหาทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะพี่ พี่จะจัดการเองเจ้าไม่ต้องห่วง” เพียงแค่ได้ยินว่าจะต้องถอนหมั้นหัวใจนเรศก็เหมือนจะหยุดเต้น เขาไม่ยอม ไม่มีทางที่จะให้ความสัมพันธ์กับเจ้าจันทร์จบลงเพียงเท่านี้
“แต่เจ้าไม่อยากกลายเป็นผู้ชายที่ทำลายครอบครัวคนอื่น ไม่อยากกลายเป็นผู้ชายที่แย่งสามีคนอื่นมา เจ้าไม่อยากโดนคนอื่นมองว่าเป็นผู้ชายแพศยา! ฮือๆ” เสียงตะโกนเหมือนจะขาดใจพร้อมแรงดิ้นทำให้นเรศกอดร่างบางแน่น
“เกิดอะไรขึ้น” คุณชญตว์ได้ยินเสียงร้องของลูกชายก็วิ่งเข้ามาดู ใบหน้าท่านมืดครึ้มเหมือนพายุกำลังตั้งเค้า เมื่อเห็นลูกชายร้องปริ่มจะขาดใจ “แก...” ขณะที่กำลังจะวิ่งเข้าไปท่านก็ถูกภรรยาดึงตัวเอาไว้ซะก่อน คุณพิมลรัตน์ที่ได้ฟังเรื่องราวจากคุณหญิงดาหลามาก่อนส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม
“ให้ลูกๆ คุยกันเองดีกว่า แม่เชื่อว่าทั้งคู่จะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคไปด้วยกันได้”
“แต่มันทำลูกเราร้องไห้” คุณชญตว์เองก็เอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ลูกชายเพียงคนเดียวท่านรักของท่านนักหนาๆ จู่ๆ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยมันก็กลับมาทำร้ายแก้วตาดวงใจท่าน ครั้งนี้อย่าหวังเลยว่ามันจะรอด ถ้าจะต้องฆ่าท่านก็จะทำอย่างไม่ลังเลเลย
“ครอบครัวก็มีบ้างที่ต้องทะเลาะกัน แต่เราก็ควรที่จะปล่อยให้ลูกๆ พูดคุยกัน ถ้าเรื่องราวมันหนักหนาสาหัสจริงๆ เราค่อยไปช่วยก็ยังไม่สายนะคะคุณ” คุณพิมลรัตน์พยายามใช้มือลูบแขนสามีเพื่อให้อารมณ์เย็นลง
“คุณพูดเหมือนรู้ปัญหา”
“ใช่ค่ะฉันรู้”
“งั้นเล่าให้ผมฟังทั้งหมด”
ดวงตาโศกยังคงมีน้ำตาซึมจากหางตา จมูกโด่งรั้นแดงก่ำจากการร้องไห้ ใบหน้าหวานซีดเซียวหลังจากที่ต้องวิ่งเข้าไปอาเจียนมากว่าสามรอบ คงเพราะได้รับความเครียดอาการแพ้ท้องจึงหนักขึ้น นเรศทอดสายตามองดูคนที่เพิ่งหลับไปเพราะฤทธิ์ยาด้วยความปวดใจ เขานำปัญหามาให้เจ้าจันทร์จึงทำให้กลายเป็นแบบนี้
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้นเรศรีบเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนรีบเดินไปเปิด
“แม่ทำน้ำส้มคั้นมาให้...น้องหลับแล้วหรอลูก” คุณพิมลรัตน์ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพของชายหนุ่ม
“ครับ” เขาตอบรับเสียงแผ่วพร้อมจะหมดแรงทุกเมื่อ
“คนท้องมักอารมณ์อ่อนไหวง่ายกว่าตอนปกติ นเรศก็พยายามค่อยๆ อธิบายให้น้องฟัง แม่เชื่อว่าน้องไม่ไร้เหตุผลแน่นอน” ท่านแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์มามากกว่า
“ขอบคุณครับแม่” เขาไหว้ขอบคุณจากใจจริง
คุณพิมลรัตน์รับไหว้องลูกเขยด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางฝ่ามือลงบนไหล่หนานั้นเบาๆ แล้วเดินออกมา
“อุ๊!” เสียงอึกอักทำให้นเรศรีบเข้าไปอุ้มเจ้าจันทร์ตรงเข้าไปยังห้องน้ำ “อ๊อก...อ้วกกกกก” คนตัวเล็กกว่าโก่งคออาเจียนจนตัวงอ นเรศทำได้เพียงคอยลูบหลังให้เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเจ้าจันทร์อาเจียนจนหมดแรงแล้ว นเรศก็หยิบชุดใหม่มาเปลี่ยนให้เจ้าจันทร์แทนชุดเดิมที่เลอะเทอะไปหมด มือแกร่งหยิบผ้าเย็นเช็ดตามใบหน้าหวานจนอีกคนปรือตาขึ้นมา
“น้ำส้มหน่อยไหมเผื่อดีขึ้น แต่พี่ว่าเรียกอาหมอมาดีกว่าไหมอาการเจ้าไม่ดีเลย” เขารัวคำถามใส่ด้วยความร้อนรน
“อืม” น้ำเสียงแหบตอบรับสั้นๆ แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว
นเรศรีบประคองร่างเล็กขึ้นมาจิบน้ำส้มคั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพอแล้วก็ประคองนอนลงอย่างนุ่มนวล นเรศหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อหาอาหมอทันที เมื่อได้รับคำตอบแล้วก็วางสายแล้วหันกลับมาสนใจดวงตาโศกที่กำลังจ้องเขาอยู่
“เจ้า...”
“ไม่...เจ้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ถ้าจะไปก็รีบไปแล้วอย่ามายุ่งกับเจ้าอีก” เจ้าจันทร์สะบัดหน้าตะแคงข้างให้อีกฝ่ายทันที น้ำตาที่เหือดแห้งไปกลับมาไหลอีกครั้ง
“เจ้าอย่าเพิ่งโกรธพี่ได้ไหม ฟังพี่เล่าเรื่องให้จบก่อน” นเรศตัดสินใจคร่อมลงบนร่างเล็ก
“คุณจะบอกว่าเจ้าไม่ยอมฟังอะไร” ร่างที่นอนตะแคงข้างให้พลิกกลับมาเผชิญหน้าพร้อมใบหน้าถมึงทึง ดวงตาโศกออกแววดุเหมือนแม่เสือร้ายจนนเรศชักหวั่นใจ
“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่” เจ้าจันทร์ทวนคำสียงสูง “หรือว่าเจ้าเข้าใจผิด...เอ๊ะ!” จบประโยคก็ต้องหลุดอุทานเมื่อริมฝีปากหยักฉกลงมาบนริมฝีปากนุ่มก่อนผละออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทีอย่างนี้แล้วไล่ต้อนพี่ ก่อนหน้าทำไมไม่เห็นทำแบบนั้นบ้างฮึ” นเรศยื่นใบหน้าแทบชิดดวงหน้าหวานพลางทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ “โอ๊ย! ตีพี่ทำไมเนี้ย” นเรศร้องลั่นเมื่อฝ่ามือเล็กฟาดลงที่ปาก
“ยังคุยกันไม่จบใครใช้ให้มาลวนลาม” เจ้าจันทร์หน้าหง่ำจนดูน่ารักไปอีกแบบในสายตาคนมอง
“พี่ลวนลามที่ไหน นี่เมียพี่แก้มนี้ก็ของพี่ ปากนี่ก็ของพี่” พูดไปเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากตามจุดที่บอก
เพียะ!
“โอ๊ย! ตีพี่อีกแล้ว” นเรศโอดครวญได้ดูน่าถีบสำหรับเจ้าจันทร์นัก
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ถ้าจะคุยก็รีบคุยมา” สองแขนเรียวยกขึ้นกอดอก ดวงตากลมโตมีแววดุของคนใต้ร่างจ้องเขม็งมา
นเรศพลิกตัวลงมานอนข้างๆ แล้วดึงร่างเล็กเข้ามากอด เจ้าจันทร์ดิ้นขัดขืนแต่สุดท้ายก็นิ่งไปปล่อยให้เขาลูบผมอย่างเพลินมือ
“ลิสาเจ้าเคยเห็นมาแล้วที่เกาะ...”
“อ้อ...ผู้หญิงคนนั้น” ภาพของผู้หญิงในชุดแม็กซี่เดรสลายดอกสีฟ้าสดใส สวมหมวกปีกกว้างสีน้ำตาลอ่อนแวบเข้ามาในหัว “เจ้าจำได้ว่าเธอนอนกับคุณ”
“...อะแฮ่ม” คำตอบทำให้รู้สึกสะอึกจนต้องกระแอมแก้ขัด “พี่เคยนอนกับเธอช่วงหนึ่ง แต่พี่กับลิสาไม่ได้คบกันพวกเราก็เหมือนคู่นอนเท่านั้น...” จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวทุกอย่างจนมาถึงปัจจุบันที่มันกำลังสร้างปัญหาให้เขากับเจ้าจันทร์ในขณะนี้
“สมน้ำหน้า กรรมคงตามสนองแล้ว” เมื่อฟังเรื่องราวจบเจ้าจันทร์ก็ตอกย้ำทันที
“โอ๊ย! เจ็บยิ่งกว่าโดนตีนะเนี้ย” นเรศทำท่าโอดครวญ “จะไม่ให้กำลังใจพี่หน่อยหรอ” เมื่อเห็นว่าท่าโอดครวญไม่ได้ช่วยเรียกร้องความเห็นใจ แต่คงใช้เรียกฝ่ามือให้ฟาดลงมาอีกทีจึงรีบหยุด แล้วหันไปออดอ้อนขอคะแนนความสงสารแทน
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรง “คุณ” น้ำเสียงเรียกชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเครียด “ถ้าเกิดว่าลูกในท้องคุณลิสาเป็นลูกของคุณจริงๆ ละ” ดวงตาลมโตช้อนขึ้นมามองอย่างรอคอย
นเรศจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแล้วผละออก “พี่เชื่อว่าเด็กในท้องลิสาไม่ใช่ลูกพี่”
“แล้วถ้าเป็นล่ะ”
“ถ้าเขาเป็นลูกพี่จริงๆ พี่ก็แค่อยากถามว่าเจ้าจะยอมรับเขาเป็นลูกของเราอีกคนไหม” คำถามนี้สร้างความเงียบขึ้นทั่วทั้งห้อง
“แล้วคุณลิสาจะยอมยกลูกให้คุณหรอ”
“พี่ก็จะไม่ยอมยกลูกให้ลิสาเหมือนกัน ถึงเวลานั้นคงต้องไปต่อสู้กันที่ศาล และพี่คิดว่าพี่ชนะเพราะพี่พร้อมมากกว่าลิสา” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง ราวกับต้องการให้ความเชื่อมั่นกับร่างในอ้อมแขนว่าไม่มีปัญหาไหนจะมาแยกเขากับคนคนนี้ออกจากกันได้
“เจ้ารู้สึกสงสารลิสา” เจ้าจันทร์พึมพำเสียงแผ่วทำให้นเรศเชยใบหน้าหวานขึ้นมา
ดวงตาคมสบลงมองราวกับจะค้นหา “ถึงแม้ว่าคนอื่นจะมองว่าพี่เป็นผู้ชายใจร้าย แต่ขอให้เจ้ารู้เอาไว้ว่าพี่จะทำทุกอย่างขอเพียงให้เจ้าและลูกอยู่กับพี่ แม้ว่าพี่จะต้องกลายเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวก็ตาม” จบประโยคก็ประทับริมฝีปากหนักหน่วงลงบนริมฝีปากนุ่ม
************************
คุคุ มีคนแอบเดาถูกด้วย
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านทุกคอมเม้นนะคะ