[Mpreg]มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||​ตอนพิเศษสั้นๆ [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Mpreg]มัจจุราชลงทัณฑ์รัก||​ตอนพิเศษสั้นๆ [END]  (อ่าน 89669 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาให้หนักหนูเจ้า อย่ายอม  :laugh:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ฮ่าๆๆๆๆ โดน

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
สู้ๆๆๆๆนะน้รศ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รีบๆทำคะแนนเข้าล่ะ อิอิ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อย่ายอมใจอ่อนง่ายๆนะเจ้าจันทร์

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เอาให้หงอไปเลยเจ้า

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ m_ilk_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao3:
สงสารพ่อพระเอกนะ แต่ก็สะใจ
กลายเป็นไบโพล่าไปแล้ววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 21 เพชรหึง

หลังจากเมื่อวานเขามาคลุกอยู่ที่บ้านศศิพัฒนเมธีทั้งวัน เพื่อเกริ่นเอาไว้ว่าคุณหญิงดาหลาจะมาคุยกับคุณหญิงพิมลรัตน์ ดังนั้นวันนี้ในห้องรับแขกจึงมีมารดาของทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่ ท่านทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอจนไล่คนเป็นลูกออกนอกวง ท่านว่าผู้ใหญ่จะคุยกัน แล้วคุณหญิงพิมลรัตน์ก็เต็มใจเปิดทางให้ว่าที่ลูกเขยขอให้นเรศไปเป็นเพื่อนเจ้าจันทร์ทำเรื่องดรอปเรียน แม้ว่าลูกชายท่านจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ

ภายในรถนเรศยิ้มไม่ยอมหุบทั้งยังคอยชำเลืองมองคนนั่งข้างๆ เป็นระยะ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ใบหน้าน่ารักหลับตาพริ้มเหมือนเด็ก ความจริงนเรศไม่อยากรบกวนแต่ว่าเขาขับรถเข้ามาจอดในมหาลัยแล้ว จึงจำใจยื่นมือออกไปเขย่าคนนอนหลับเบาๆ

“เจ้าครับ...เจ้าถึงแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะยอมตื่นนเรศก็ต้องขมวดคิ้ว เปลี่ยนจากเขย่าไปใช้มืออังหน้าผากแทน เมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิที่ยังปกติเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยเจ้าจันทร์ก็ยังสบายดีอยู่ “เจ้า” เขาร้องเรียกอีกหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งดวงตาโศกค่อยๆ ปรือขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย “ถึงแล้วนะ ตึกคณะเจ้าอยู่ไหน” ท่าทางเอามือขยี้ตาเหมือนเด็กทำให้เขาต้องจับมือเล็กออกเป็นฝ่ายเช็ดให้แทน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้ที่แล้วก่อผละมือออกมาก็เกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าออกให้

ท่าทีอบอุ่นอ่อนโยนทำให้เจ้าจันทร์นั่งนิ่ง โดยเฉพาะดวงตาคมที่อ่อนแสงลงจนทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไป สองแก้มร้อนผ่าวเมื่อมือใหญ่เฉียดแก้มโดยไม่ตั้งใจ

เมื่อนเรศเห็นใบหน้าหวานละมุนค่อยๆ ซับสีเลือดหัวใจเขาแทบกระเด็นออกนอกอก ในใจอยากจะตะโกนร้องให้ดังๆ เมียเขาน่ารักจริงโว้ย อยากจับฟัดให้หนำใจจริงๆ แต่ก็ได้แค่คิด

“ไปที่ตึกกองทะเบียนก่อน” เสียงตอบอ้อมแอ้มก่อนจะเสหน้าหลบ

นเรศยิ้มกริ่มแล้วหันไปตั้งใจขับรถตามทางที่เจ้าจันทร์บอก หลังจากที่ติดต่อขอรับแบบคำร้องลาพักการเรียนได้ที่งานทะเบียนและประมวลผลแล้วก็ต้องกลับเข้าไปยังตึกคณะเภสัช เจ้าจันทร์ต้องไปพบกับที่ปรึกษาเพื่อส่งคำร้อง

“รอผมอยู่ที่นี่” เมื่อเจ้าจันทร์เห็นว่านเรศตั้งท่าจะตามไปก็หันมาบอก

“พี่เป็นห่วงเจ้า” เขาว่าเสียงอ้อน

“ผมโตแล้วดูแลตัวเองได้ แล้วที่นี่มันก็มหา’ลัยของผม” เจ้าจันทร์ถลึงตาใส่คนที่ทำท่าจะค้านอีกครั้ง มันจะอะไรกันหนักกันหนาที่นี่เจ้าจันทร์อยู่มาจนปี 2 แล้ว ไม่ใช่พึ่งมาวันสองวันสักหน่อย

“ก็เจ้าท้อง พี่ก็ต้องเป็นห่วงลูกเมียพี่สิ”

เจ้าจันทร์ถอนหายใจรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดที่มักก่อตัวขึ้นง่ายกว่าปกติ “จะรออยู่ตรงนี้หรือจะกลับเลย” นิ้วเรียวชี้หน้าอีกฝ่ายพร้อมยื่นคำขาด

“รอ...” นเรศหน้าหดเหลือแค่สองนิ้วรับคำเสียงอ่อน ก็เมียใครจะกล้าขัด

เมื่อตกลงกันได้เจ้าจันทร์ก็ลงจากรถเดินเข้าตึกไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนจะดำเนินตามขั้นตอนต่อไป อาจารย์ที่ปรึกษาสอบถามเจ้าจันทร์ด้วยความเป็นห่วงที่จู่ๆ เจ้าจันทร์ก็ดรอปเรียนไป เมื่อถามถึงเหตุผลเจ้าจันทร์ก็ส่งใบรับรองแพทย์พร้อมบอกเล่าความเป็นจริง เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วซึ่งใช้เวลาอยู่พอสมควรเจ้าจันทร์ก็เจอกับพวกเพื่อนๆ ที่มานั่งรอพอดีอยู่

“เจ้า!” เสียงเรียกทำให้ต้องหันไปสนใจ

เจ้าจันทร์ยิ้มกว้างโบกมือทักทายเพื่อนๆ เด็กหนุ่มความสูงที่ได้มาแบบพอเพียงวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วแสง แล้วกระโดดอ้าแขนพุ่งเป้าเข้ามาเต็มแรง ก่อนวืบล้มจูบพื้นเมื่อเจ้าจันทร์หลบได้ทันแบบฉิบเฉียด ถ้าหากหลบไม่ทันไม่รู้ว่าเมื่อครู่จะล้มลงไปด้วยหรือเปล่า เจ้าจันทร์ในตอนนี้ไม่ปกติต้องคอยดูแลตัวเองอยู่เสมอ

"เจ้า! มึงหลบทำไมแว๊” อีกฝ่ายว่าขณะรีบลุกขึ้นด้วยความเร็วเมื่อทุกสายตาบริเวณนั้นเริ่มจับตามองด้วยความขบขัน

“...” เจ้าจันทร์ไม่ได้ตอบเพียงแค่ยิ้มขำเพื่อนตัวเล็ก

“มานี่เลยมึงไอ้ปั้น ห้ามเข้าใกล้หนูเจ้าของอาเจ้” หญิงสาวอีกคนแทรกขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วเกี่ยวเอาคอเสื้อของอีกฝ่ายลากถอยออกมา

“ฟาย”

“กูชื่อฟ้า สลัดผักจะด่าก็หาให้มันคล้องๆ กันหน่อยเถอะ” หญิงสาวเจ้าของชื่อเล่นว่าฟ้าสวนกลับทันที

“มึงมันผู้หญิงใจร้าย โอปปาช่วยปั้นสิบด้วย” ปั้นสิบเด็กหนุ่มตัวเล็กแสดงท่าทางงอนก่อนจะถอยไปอ้อนชายหนุ่มอีกคนที่เดินมาสมทบ

“มาอ้อนให้กูช่วย?” เจ้าเพื่อนร่างยักษ์ยักคิ้วถามกลับ ปั้นสิบรีบพยักหน้าหงึกๆ จนกลัวว่าคอจะหักก่อนจะอ้าปากค้างด้วยแระโยคต่อมา “อ้อนตีนหรอไอ้เตี้ย”

คำสุดท้ายเหมือนโดนดาเมจกระแทกรัวๆ จนปั้นสิบต้องยกมือขึ้นกุมหัวใจแล้วทำท่าเดินเซถอยหลัง

“แรงมากไอ้ควาย”

“ดีนะกูไม่ได้ชื่อไอ้ควาย” ชายหนุ่มร่างใหญ่ลอยหน้าลอยตาตอบจนเจ้าจันทร์และฟ้าอดที่จะหัวเราะกับท่าทางของคนทั้งคู่ไม่ได้

“กูด่ามึงเถอะไอ้แทน” ปั้นสิบหน้างอแล้วสะบัดหน้าขยับไปยืนหับฟ้าแทน

“ฮาๆ เมียงมึงงอนแล้วว่ะ” ฟ้าพูดไปหัวเราะไปจนแทบไม่เป็นประโยค

“ไม่ใช่!” ปั้นสิบและแทนหันมาตอบพร้อมกันด้วยใบหน้าจริงจังจนฟ้าอดที่จะหัวเราะอีกครั้งไม่ได้

“แหมๆ กูแซวเล่นน่า ดูสิหน้าพวกมึงจริงจังจนกูคิดว่าพวกมึงสองคนแอบมีซำติงกันหรือเปล่าวะ” แล้วฟ้าก็ต้องยกมือขึ้นปิดหูเมื่อเพื่อนหนุ่มทั้งสองตะโกนใส่หูแทบแตก “โอ๊ยพอๆ ไม่แซวแล้วหูกูจะแตก” ฟ้ายกมือห้ามเมื่อเห็นว่าเจ้าเพื่อนตัวเล็กทำท่าอ้าปากเตรียมจะด่า “มาคุยเรื่องเจ้าดีกว่า” เท่านั้นแหละแรงเจือกแทบเปล่งประกายออกมาจากปั้นสิบ ฟ้าจูงมือเจ้าจันทร์มายังโต๊ะในลลานกลางตึก

เพื่อนทั้งสามคนของเจ้าจันทร์รู้เรื่องปัญหาของเจ้าจันทร์แทบทั้งหมด เพราะช่วงที่หายตัวไปทั้งสามคนก็คอยไปดูแลคุณพิมลรัตน์กับคุณชญตว์อยู่เสมอ จนกระทั่งเจ้าจันทร์กลับมาแม้จะพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์บ้างแต่ไม่ได้ไปเจอที่บ้าน เพราะเจ้าจันทร์ยังไม่พร้อมที่จะบอกอีกเรื่องที่สำคัญมาก

“เจ้าจันทร์จะดรอปเรียนจริงๆ ใช่ไหม” แทนเอ่ยถามเป็นคนแรก

“...” เจ้าจันทร์ได้แต่พยักหน้ารับ

“ทำไมละ ปัญหากับผู้ชายคนนั้นเจ้าก็เคลียร์กันชัดเจนจนเขาปล่อยกลับมาแล้วไม่ใช่หรอ หรือว่าเขาไม่จบ” ฟ้าถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“เฮ้ย! ถ้ามันยังตามราวีอยู่อีกนะเดี๋ยวป๊าบอกพ่อจัดการให้” ป๊าร่างเล็กนั่งลงข้างเจ้าจันทร์พร้อมกับยกแขนโอบไหล่บางท่าทางมาดนักเลงไม่น้อย

“ไม่ใช่หรอก” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยอมจบจริงๆ ก็เถอะ ประโยคหลังเจ้าจันทร์ได้แต่พูดในใจ

“แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมเจ้ายังจะดรอปเรียน” แทนถามอีกครั้ง

“พอดีเราไม่สบาย” ตอบไม่เต็มเสียงนักพร้อมทั้งหลุบตาหลบสายตาคาดคั้นจากเพื่อน ในใจเจ้าจันทร์ตอนนี้สั่นไหวไม่กล้าพอที่จะบอกเพื่อนว่าตอนนี้ร่างกายไม่ปกติ

“ไม่สบาย!”  ปั้นสิบร้องลั่นพร้อมลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ “เจ้าเป็นอะไร” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มเป็นจุดสนใจอีกครั้งปั้นสิบก็ยอมนั่งลงถามเจ้าจันทร์เสียงเบา แต่สีหน้ายังไม่สู้ดีนักเมื่อจินตนาการอาการป่วยของเจ้าจันทร์ที่ถึงขั้นต้องดรอปเรียน

“นั่นสิ” ฟ้าเองก็เริ่มใจไม่ดี

“เรา...เรา” เจ้าจันทร์อ้ำอึงมือที่กุมกันอยู่บนตักเริ่มบีบแน่น “เราทะ...ท้อง” ท้ายประโยคเสียงเบาหวิวแทบปลิวหายไปกับสายลม ใจเจ้าจันทร์เบาหวิวหวาดกลัวว่าเพื่อนจะรับไม่ได้จนหน้าซีดเข้าไปทุกที ยิ่งเห็นทุกคนนิ่งเงียบยิ่งใจหาย ดวงตาโศกจึงเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา

“เฮ้ยเจ้า! อย่าร้องไห้” ปั้นสิบพูดได้แค่นั้นก็ดึงเจ้าเพื่อนสูงกว่าเล็กน้อยเข้ามากอด เจ้าจันทร์ซบหน้าลงกับไหล่เล็กแล้วร้องไห้ด้วยความดีใจ ฟ้าที่มองเห็นความกังวลในดวงตาโศกของเพื่อนไม่กล่าวสิ่งใด ลุกขึ้นมากอดเพื่อนทั้งสองเอาไว้ด้วยแขนเล็กๆ ของเธอเอง

“เจ้าไม่ต้องคิดว่าพวกกูจะรังเกียจมึงเพราะมึงคือเพื่อนของพวกกูจำไว้” ปั้นสิบว่าพร้อมทั้งยกมือลูบหัวเจ้าจันทร์

ยิ่งฟังเพื่อนปลอบที่ราวกับมานั่งกลางใจเจ้าจันทร์ยิ่งน้ำตาซึม

“เหี้ยเอ๊ย! ไอ้ชั่วนั้นมันเลวจริงๆ” แทนสบถอย่างหัวเสียก่อนทอดสายตามองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “อย่าให้กูเจอนะมึง” เขาหมายมาดเอาไว้

“เจอแล้วจะทำไม”

“ยกมือไหว้มั้งไอ้ควายปั้น” แทนตอบพลางทำท่ายกเท้าใส่ไอ้เพื่อนตัวเตี้ย

“น่าๆ กูแซวเล่นหรอก ถ้าเจอมันจริงๆ กูจะช่วยกระทืบเต็มทีเลยเพื่อน” ปั้นสิบว่าอย่างไม่ดูรูร่างของตัวเอง

“จะช่วยกระทืบมันหรือจะให้มันกระทืบยะไอ้ปั้น ดูความสูงของตัวเองด้วยค่ะ” ฟ้าใสแทรกทำให้ต้องหัวเราะกันทุกคนเมื่อปั้นสิบหน้างอไปแล้ว “นี่เจ้ารู้ใช่ไหมว่าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ดังนั้นทำอะไรก็ระวังด้วยนะพวกมึงด้วยทำอะไรก็ให้นึกถึงเสมอว่าเจ้าไม่สบาย จะเล่นกันแบบห่ามๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ”

“ทำไมวะ” ปั้นสิบทำหน้าเหรอหราเมื่อถูกห้าม

“ก็เพราะการเล่นบางอย่างของพวกมึงน่ะอาจทำให้เจ้า...แท้งได้” ท้ายประโยคเบาเสียงลงจนกลายเป็นกระซิบ

“...” เจ้าเพื่อนตัวเล็กยกมือขึ้นปิดปากตาโตเมื่อได้ฟัง

“อย่างการกระโดดกอดมึงก็ทำไม่ได้ เข้าใจไหม” ประโยคต่อมาฟ้าหันมากำชับปั้นสิบ “และอีกอย่าง...” ฟ้าใสลากเสียงยาวหลอกให้คนฟังรอลุ้นจนใจแป้ว “พวกมึงเตรียมหาของขวัญให้หลานกูด้วย หลานกูต้องออกมาน่ารักแน่ๆ เลยก็แม่มันน่ารักซะขนาดนี้” ฟ้าทำตาเพ้อฝันก่อนจะหันมาหยิกแก้มจ้าจันทร์เบาๆ

“เออวะ กูต้องเตรียมของขวัญให้หลาน” จากนั้นปั้นสิบก็อยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนแทบไม่สนใจรอบข้าง

หลังจากนั้นเจ้าจันทร์ก็นั่งคุยกับเพื่อนๆ อีกพักใหญ่ พอยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เห็นว่าเย็นแล้ว

“เย็นขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย เจ้าก็กลับบ้านได้แล้วจะได้พักผ่อนมากๆ ว่าแต่มากับใครหรือว่ามาคนเดียว งั้นเดี๋ยวกูไปส่งก็ได้” ฟ้าส่งคำถามพร้อมทั้งอาสาเองเสร็จสรรพ

“มีคนพามาน่ะ” เจ้าจันทร์ตอบแบบเลี่ยงที่จะบอกว่าใคร

“ถ้างั้นเขาไม่รอมึงแย่แล้วหรอก โม้นานขนาดนี้” ปั้นสิบว่าพลางทำท่าอ้าปากค้างตาโตจนดูน่าขัน

“งั้นเรากลับก่อนนะ” ว่าจบก็ลุกขึ้น แต่จู่ๆ ร่างกายก็ชาหนึบไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนเย็นวาบไปทั้งศีรษะ ภาพตรงหน้าดับพรึบเหมือนไฟโดนสับสวิทซ์ สองมือของเจ้าจันทร์พยายามไขว่ขว้าหาที่ยึดด้วยอารามตกใจ

“เจ้า!” ทุกคนอุทานลั่นก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อแทนสามารถดึงอีกฝ่ายไว้ได้ทัน

สายตาคมกริบที่มองเห็นเมียตัวเองไปอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนอื่นลุกโชนขึ้นมาด้วยลมเพรชหึง นเรศบดกรามแน่นจนได้ยินเสียงก่อนก้าวพรวดดึงแขนเล็กของเจ้าจันทร์ออกมาอยู่ข้างๆ แล้วยืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีกคนด้วยท่าทางนิ่งสงบราวกับภูผา

“คุณ!” เจ้าจันทร์อุทานเมื่อถูกอีกฝ่ายดึงมาด้วยความแรง อาการหน้ามืดยังไม่หายดีทำให้แข้งขาอ่อนแรงจนเกือบทรุด ดีที่นเรศหันกลับมาดังรั้งเข้าไปในอ้อมกอดได้ทัน

“เจ้า!” นเรศร้องด้วยความตกใจจนหน้าซีดเผือด “เจ้าเป็นอะไร...พี่จะเรียกรถพยาบาล” ถามแล้วไม่รอคำตอบมือหนึ่งประคองร่างโปร่งเอาไว้ อีกมือก็แตะหน้าผากเนียนด้วยความเป็นห่วง ท่าทางรนรานที่แสดงออกทำให้ดวงตาอีกสามคู่จับจ้องความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ด้วยความประหลาดใจ

เจ้าจันทร์รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างได้แต่อิงซบกับร่างสูงใหญ่ของนเรศ “ไม่เป็นอะไร เจ้าแค่หน้ามืด” เสียงตอบพึมพำกับตัวเอง
แต่นเรศได้ยินชัดเจนเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความกังวลแล้วอุ้มเจ้าจันทร์ไปนั่งบนโต๊ะม้าหินอ่อน เขาจัดท่าทางให้เจ้าจันทร์นั่งอิงไหล่แล้วนวดฝ่ามือให้ ฟ้าใส่ไม่ใส่ใจชายหนุ่มมาใหม่เธอนั่งลงแล้วถอดรองเท้าออกช่วยนวดให้อีกทาง

“เจ้ามึงโอเคไหมวะ” ปั้นสิบถามอีกคนแล้วหันหน้าหันหลังก่อนจะหยิบกระดาษมาพัดให้อีกคน “ไอ้แทน” เมื่อยังเห็นท่าทางอ่อนไปทั่งร่างของเพื่อนก็ยิ่งตกใจจนต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าเพื่อนตัวโต

“คนจะเป็นลม...เป็นลมก็ต้องยาดม” แทนพึมพำกับตัวเองก่อนจะวิ่งไปหากลุ่มผู้หญิงโต๊ะถัดไปที่กำลังมองมาด้วยความสนใจ “ขอโทษครับพอมียาดมไหม เพื่อนผมเป็นลม” เขาถามทันที

“มีค่ะ รอแปบหนึ่งนะคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มรีบตอบเมื่อเห็นท่าตื่นๆ ของแทน เธอหันไปค้นในกระเป๋าด้วยความเร็วก่อนจะส่งยาดมมาให้

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวเอามาคืน” ได้ของแล้วแทนก็รับวิ่งกลับมา “นี่ยาดม” แทนส่งให้ชายหนุ่มที่กำลังเรียกเพื่อนตัวเองด้วยสีหน้ากังวล

นเรศรับหลอดยาดมมาใช้น้ำแตะที่ปลายจมูกรั้นและนวดตามขมับให้

“เจ้าดีขึ้นไหมให้พี่เรียกรถพยาบาลเถอะ” ยิ่งเห็นท่าทางอ่อนเปลี้ยของคนในอ้อมแขนนเรศยิ่งกังวล

“ไม่เป็นไรพักสักหน่อย” เสียงตอบเบาหวิวยิ่งสั่นคลอนหัวใจนเรศ “ถ้าไม่ดีขึ้นคุณค่อยพาผมไป” ท่ามกลางอาการมึนเบลอเจ้าจันทร์สัมผัสได้ถึงความกังวลผ่านน้ำเสียงของนเรศจึงอดไม่ได้ที่จะพูดให้เขาสบายใจ

ผ่านไปราวสองสสามนาทีอาการเจ้าจันทร์ก็ดีขึ้น

ยามประจำคณะมองดูนักศึกษาที่หยุดมองดูมากกว่าปกติจึงต้องเดินเข้ามาดู “เป็นอะไรครับ ใหเรียกรถพยาบาลไหม”

“เพื่อนหนูเป็นลมแต่ดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ฟ้าตอบแต่ยามไม่ได้เดินหนีไปไหนยังคงยืนรอดูสถานการณ์อยู่

เจ้าจันทร์ดีขึ้นจนลุกนั่งได้แล้ว “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง แต่ดีขึ้นแล้วล่ะ” น้ำเสียงและสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อครู่มากถึงแม้จะซีดไปหน่อย

“โอเคแน่นะ” ปั้นสิบถามย้ำอย่างไม่ไว้วางใจ

“...” เจ้าจันทร์พยักหน้าตอบ

“ถ้างั้นก็กลับบ้านไปพักเถอะ ช่วงนี้เจ้าอาจเป็นบ่อยๆ จะไปไหนมาไหนก็ให้มีคนไปด้วยจะยิ่งดี” ฟ้าเอ่ยเตือน

“คร้าบ” เจ้าจันทร์ลากเสียงล้อให้ทุกคนวางใจ

“งั้นผมขอตัวพาเจ้ากลับก่อนนะครับ” นเรศแทรกขึ้นกลางปล้องแล้วก็ช้อนร่างโปร่งขึ้นอุ้มโดยไม่สนสายตาใคร เขาก้าวฉับๆ ไปขึ้นรถไม่ฟังเสียงค้านของเจ้าจันทร์แล้วขับรถกลับบ้านทันที ในใจเริ่มกังวลต่างๆ นานา กลัวว่าเมียกำลูกจะเป็นอะไรไป สุดท้ายเขาก็พาเจ้าจันทร์มาหยุดอยู่หน้าโรงพยาบาลจนได




**************************************************
เมื่อวานไม่ได้มาอัพขอโทษด้วยนะคะ พอดีมีเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้หมดกำลังใจ
แต่วันนี้โอเคแล้วค่ะยัดของกินไปแบบเกินงบของวัน จนเมื่อได้สติกลับมาก็ถึงกลับต้องหน้าซีด เวรของกรรม!
เงินในกระเป๋าของฉันหายไปไหน...แล้วพรุ่งนี้ต้องกินมาม่าใช่ไหม เศร้าสลดแป๊บ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านทุกคอมเม้นด้วยนะค่ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เจ้าบอกนายหัวด้วย ว่าเพื่อนเจ้าห้ามแตะ  o18

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
รักมากก็หึงมากอะจ๊ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
หึงแล่วๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มีความเห่อเมียเห่อลูก555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะหึงก็เบาๆหน่อย คนกำลังท้องกำลังไส้

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
 :3123: รอๆค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 22 เมื่อว่าที่พ่อตาอยากทำความรู้จักกับลูกเขย

หลังจากพบอารามหมอเจ้าของไข้ จนได้รับการยืนยันว่าอาการของเจ้าจันทร์เป็นเพียงอาการแพ้ท้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและเข้ามาปรึกษาก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากทีเดียว เพราะจะได้หาทางป้องกันหากจู่ๆ เจ้าจันทร์เกิดหน้ามืดแล้วไม่มีคนคอยดูแลอยู่ข้างๆ อาจเกิดอุบัติเหตุใด้

ถึงแม้ว่าวันนี้เจ้าจันทร์ทำเป็นลืมเรื่องที่นเรศแสดงออกกับเพื่อนไปก่อนหน้า แต่ทำไมนเรศต้องทำเรื่องให้เจ้าจันทร์หงุดหงิดใจด้วยการเดินขนาบข้างทำท่าประคองตามติดไม่ห่าง แบบนี้เจ้าจันทร์ชักเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้วนะ

“คุณถอยไปห่างๆ ได้ไหม” เจ้าจันทร์ชะงักฝีเท้าแล้วจ้องอีกฝ่ายเขม็งด้วยท่าทางเอาเรื่อง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมลดมือลงแล้วก้มหน้าเดินตามแต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำอีกครั้ง “คุณ! ไปเดินห่างๆ เลยนะ” คราวนี้หันมาตวาดอย่างเหลือทนจนนเรศหน้าสลด

“ก็พี่เป็นห่วง” เขาได้แต่บ่นงึมงำเสียงเบา สุดท้ายก็ต้องถอยให้เมียยอมเดินตามแค่ใกล้ๆ

การเดินทางในเวลาช่วงเย็นทำให้รถราติดพอสมควร กว่าจะถึงบ้านศศิพัฒนเมธีเจ้าจันทร์ก็เผลอหลับด้วยความอ่อนเพลียไปแล้ว ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มราวกับเทวดาตัวน้อยด้วยดวงตาอ่อนแสง นิ้วแกร่งยื่นออกไปเกลี่ยปอมผมด้วยสัมผัสอ่อนโยน ระยะห่างระหว่างทั้งสองเริ่มน้อยลงๆ จนกระทั่ง...

ก๊อกๆ

นเรศสะดุ้งหันขวับไปยังเจ้าของเสียงเคาะกระจก แต่เมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงราวกับพญายักษ์เฝ้าทวารก็แทบผวา เขารีบลงจากรถเพื่อมายืนส่งยิ้มแหยให้ว่าที่พ่อตา

“แกพาลูกฉันไปไหนมา” คุณชญตว์คำรามลั่นจนคนในบ้านแตกตื่น

คุณพิมลรัตน์ที่ได้ยินเสียงสามีก็รีบวิ่งออกมาดูโดยมีครอบครัวของทวีภัทรหิรัญตามมาติดๆ แต่ละคนล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันจนน่าขำ

“ผม...”

“ที่แล้วมาแกยังรังแกลูกฉันไม่พออีกหรอหะ” ท่านชี้หน้านเรศ

“คุณคะ” คุณพิมลรัตน์รีบเข้าปรามสามี

“ก็ดูมันสิคุณ มันรังแกลูกเรานะยังมีหน้าโผล่หัวมาที่นี่อีก” คุณชญตว์หันมาฟ้องภรรยาก่อนจะหันไปต่อว่าชายหนุ่มในท้ายประโยค

“รู้ค่ะ แต่วันนี้เขาไม่ได้มารังแกลูกเราสักหน่อย” คุณพิมลรัตน์ว่า

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นพยานได้” คุณหญิงดาหลามีโอกาสแทรกขึ้นมา ทำให้คนกำลังโมโหเพิ่งจะรู้ตัวว่าวันนี้ในบ้านไม่ได้มีเพียงครอบครัวตัวเอง

คุณชญตว์สำรวจสตรีทั้งสองและอีกหนึ่งหนุ่มด้วยแววตาสงสัย “ว่าแต่...คุณเป็นใครกัน”

แขกทั้งสามต่างยิ้มแหยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณพิมลรัตน์แนะนำ “คนนี้คุณพี่ดาหลา ทวีภัทรหิรัญ” ท่านผายมือไปยังคุณหญิงดาหลาที่ดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าทำให้คุณชญตว์รีบยกมือไหว้

ในขขณะที่ทั้งสองครอบครัวกำลังแนะนำกันนเรศก็ไปปลุกเจ้าจันทร์ที่กำลังหลับอยู่ ทั้งที่จริงเขาไม่อยากรบกวนเมียตัวเองด้วยซ้ำ

“เจ้าครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูกระซิบเบาๆ ริมฝีปากอยู่ใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบแก้ม “ตื่นได้แล้วครับ ถึงบ้านแล้ว” อีกฝ่ายเริ่มขมวดคิ้วคล้ายรำคาญ แม้ว่าจะเห็นใจแต่นเรศจะต้องจำใจปลุกเจ้าจันทร์ ครั้งนี้จึงส่งแรงเขย่าเบาๆ ให้คนหลับรู้สึกตัว

“อื้อ” เจ้าจันทร์ครางฮึ่มในลำคอ แต่เมื่อยังถูกรบกวนสุดท้ายจึงต้องพยายามลืมตาขึ้นมา ภาพที่ปรากฏพร่ามัวเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเป็นแนวกรามของคนที่กำลังปลดเบลท์ออกจากตัวให้

เมื่อรับรู้ได้ถึงดวงตากลมโตที่จ้องไม่กะพริบนเรศจึงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มละมุนก่อนจะก้มลงปลดเบลท์จนเสร็จ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเจ้าจันทร์ยังคงนั่งนิ่งจับจ้องมองเขาไม่ละสายตา นเรศจึงคิดว่าเจ้าจันทร์อาจจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า

“เจ้ารู้สึกไม่ดีตรงไหนครับ” เขาถามด้วยความเป็นห่วงขณะพยายามสำรวจอีกฝ่าย สายตาคมที่ห่างไม่ถึงคืบเต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้แก้มเนียนค่อยๆ ซับสีเลือด ยิ่งเขาขยับเข้ามาใกล้แก้มก็ยิ่งร้อนจนต้องยกมือขึ้นกั้น กลับกันคนมองที่เห็นริ้วสีแดงบนแก้มเนียนกลับคิดเตลิดไปไกล “ตัวก็ไม่ร้อนนี่” นเรศยกฝ่ามือใหญ่กุมหน้าผากเนียนแล้วพึมพำ “ตัวไม่ร้อน เจ้าไม่สบายตรงไหนบอกพี่หน่อยครับ” แล้วถามต่อด้วยความเป็นห่วง

“มะ...ไม่เป็นไร เจ้าสบายดี” พูดไปก็หลบตาก่อนจะรีบเอนตัวหลบอีกฝ่ายเพื่อลงจากรถ แต่พอเท้าสัมผัสพื้นทุกอย่างก็เอียงกะเท่เร่ หูก็แว่วได้ยินเสียงร้องวี้ดว้ายตกใจจนแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร โชคดีที่มีอ้อมแขนแข็งแรงเข้ามารับไว้ได้ทัน คราวนี้ทุกคนต่างพร้อมใจกันถอนหายใจอย่างโล่งอก “สงสัยจะรีบลุกไป” เจ้าจันทร์พึมพำเสียงเบา

“...” นเรศไม่อยากดุจึงได้แต่ขมวดคิ้วมองคนในอ้อมกอด แต่ถึงอย่างนั้นสายตาก็ยังมีแววดุให้เห็น

“แม่ใจหายใจคว่ำหมดเลยลูก” คุณพิมลรัตน์ยกมือลูบอกปลอบขวัญตัวเอง

“พาน้องเข้าข้างในก่อนลูก”

“ครับแม่” ตอบรับเสร็จก็ช้อนเมียขึ้นอุ้ม เจ้าจันทร์ตกใจผวากอดคอหนาแน่นพยายามซุกหน้าเขาหาอกกว้างด้วยความอาย แต่นเรศยังไม่ทันเดินก็ถูกเสียงเข้มขัดขึ้นก่อน

“หยุดเลยๆ ฉันจะอุ้มเอง” คุณชญตว์แทรกขึ้นมาจนภรรยาต้องตีแขนเข้าให้ “โอ๊ย ตีผมทำไมเนี้ย” ท่านโอดครวญจนดูน่าหมั่นไส้ในสายตาภรรยา

“แก่แล้วยังไม่เจียมตัว พูดไปจะมีแรงอุ้มลูกได้หรอหะ ไม่ใช่หนุ่มๆ แล้วซะหน่อย แน่ะยังจะมาทำงอนใส่เดี๋ยวจะตีอีกรอบเลยนี่” พูดไปคุณพิมลรัตน์ก็ทำท่าจะตีสามีอีกรอบ จนคุณชญตว์ต้องหลบให้ชายหนุ่มอุ้มลูกชายเข้าไปในบ้าน

นเรศค่อยๆ วางร่างเล็กบนโซฟาแล้วก็นั่งลงข้างกันคอยนวดให้ พลางทำหน้าที่คอยตอบคำถามผู้ใหญ่ น้องสาวและเจ้าน้องเขยที่คอยถามเรื่องอาการของเจ้าจันทร์และผลที่ไปตรวจกับอาหมอ จนกระทั่งคุณพิมลรัตน์และคุณหญิงดาหลาอาสาเข้าครัวทำอาหารเย็นวันนี้

ชลธารตั้งท่าจะตามเข้าไป “คุณแม่คะเดี๋ยวชลไปช่วย...”

แต่ยังไม่ทันจบประโยคทั้งสองท่านก็ขัดขึ้นทันที “ไม่ได้”

“หนูชลท้องเดี๋ยวแพ้กลิ่นอาหารลูก” คุณพิมลรัตน์บอก

“เรานะนั่งเป็นเพื่อนพี่ชายเราไปเลย จะได้ไม่ดื้อ ไม่ซน...เข้าใจไหมตานเรศ” ท้ายประโยคคุณหญิงดาหลาหันมาแซวลูกชายจนหน้าเหวอ

“แม่ครับ” เขาว่าเสียงอ่อน

“คุก...อะแฮ่ม” ณัฐธัญพยายามกลั้นหัวเราะจนท้องแข็งเมื่อเห็นท่าทางงอแงราวกับเด็กสามขวบของชายหนุ่ม

เมื่อลับร่างหญิงทั้งสองคุณชญตว์ก็กระแอมไอเสียงดัง พลางใช้หางตาจ้องมือใหญ่ที่กำลังบีบนวดมือลูกชายตัวเองไม่ยอมปล่อย นเรศแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่รู้ชี้จนสุดท้ายท่านต้องเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น

“แกปล่อยมือลูกชายฉันเดี๋ยวนี้นะ” แต่ก็ยังพยายามกดเสียงให้เบาลง

“ผมแค่นวดให้น้อง” นเรศพยายามทำใจกล้าตอบกลับไป

“ฉันนวดเอง” ว่าจบท่านก็ลุกมานั่งข้างลูกชายอีกฝั่ง “ฉันบอกให้ปล่อย” แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงถูกตัวลูกชายอยู่ท่านก็เอื้อมมือข้ามไปตีพลางถลึงตามองจนแทบหลุดออกจากเบ้า

เพราะเกรงใจว่าที่พ่อตานเรศจึงจำใจวางมือเล็กไว้ แต่ดูท่าว่าที่พ่อตาจะยังไม่พอใจจึงออกปากไล่ให้เขาถอยห่างจากลูกชายสุดหวง แวบหนึ่งนเรศแอบมองเห็นมุมปากเล็กยกยิ้มขึ้นน้อยๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะหลับตาทำเป็นไม่สนใจอยู่ก็ตาม เขาได้แต่คาดโทษเมียตัวเองในใจ ดูท่าเจ้าตัวจะให้ความร่วมมือกับพ่อเป็นอย่างดี เมื่อเดินมานั่งข้างสองสามีภรรยาตัวดีทั้งคู่ก็พร้อมใจส่งเสียงคิกคักที่เห็นเขาพ่ายแพ้พ่อตากลับมา นเรศถลึงตาใส่คนทั้งคู่ก่อนจะหันกลับไปมองเมียตัวเองด้วยตาละห้อย

“แม่” คุณชญตว์ตะโกนเรียกภรรยาเสียงดัง

“มีอะไรคะคุณ” ผู้เป็นภรรยาโผล่ศีรษะตรงกรอบประตูเพียงครึ่งตัวด้วยใบหน้าฉงนที่จู่ๆ สามีท่านก็ตะโกนเสียดังลั่น

“สนามหญ้าหน้าบ้านเรายังไม่ได้ตัดเลย” คุณชญตว์ตอบกลับ

“ไว้วันหลังค่อยหาคนมาตัดแล้วกันคะ” คุณพิมลรัตน์พูดจบก็เดินกลับไปทำกับข้าวต่อ

“เฮ้อ บ้านมีลูกชายคนเดียวก็แบบนี้แหละ อาจจะรกหน่อยเพราะจะให้ลูกชายที่ไม่สบายอยู่ไปตัดก็ใช่ที่” ท่านกล่าวเหมือนบ่นพึมพำเพียงคนเดียวแต่ทุกประโยคเสียงดังชัดเจน

เจ้าจันทร์ที่ได้ฟังคำของบิดาก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ สนามหญ้าหน้าบ้านพ่อเคยใช้เจ้าจันทร์ตัดเองเสียเมื่อไหร่ มีแต่ไปจ้างคนอื่นทุกครั้ง ยิ่งฟังผู้เป็นพ่อพูดเจ้าจันทร์ก็ยิ่งงงจนต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมามองดู

“เอาสิไปทำคะแนน” ณัฐธัญใช้ศอกกระทุ้งเอวสอบข้างกาย “ตัดหญ้าคงไม่อยากเกินไปหรอก ใช่ไหมวะนายหัว” ก่อนจะยิ้มล้อเลียนจนคนฟังต้องถลึงตาใส่

“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” นเรศลุกขึ้นตั้งท่าจะไปจัดการตามรับปาก

“ไม่ต้องหรอก ฉันจ้างคนอื่นดีกว่าดูแล้ว...” ดวงตาคมกริบของผู้มากวัยกวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับประเมินความสามารถของชายหนุ่ม “คงไม่ไหว”

ประโยคต่อมาทำให้คนโดนดูถูกชะงักกึก มุมปากหยักกระตุกเล็กน้อยเมื่อเจอฝีปากของว่าที่พ่อตา “เรื่องแค่นี้เองผมทำได้ครับ ที่เกาะผมก็เคยทำบ่อยๆ คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ” เขายกยิ้มแอบตีเนียนเรียกว่าที่พ่อตาจนเห็นหนวดอีกฝ่ายกระตุกเช่นเดียวกัน

“ฉันจะคอยดู แต่ถ้าแกทำสนามหญ้าฉันเสียหายเมื่อไหร่ละก็...เจอดีแน่” นัยน์ตาของชายทั้งสองวัยประสานกันราวกับกำลังประกาศศึกสงคราม ก่อนที่ผู้อ่อนวัยกว่าจะเป็นคนละสายตาเดินออกไปในที่สุด “พ่อจะต้องไปดูแขกสักหน่อย ถ้าเกิดทำอะไรเสียหายละก็...” ท่านทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบร้อนออกไปสนามหญ้าหน้าบ้านทันที

เจ้าจันทร์มองดูคนทั้งคู่ที่จากไปแล้วก็ต้องยกมือขึ้นกุมขมับที่เริ่มปวดตุบๆ

“เจ้าไหวหรือเปล่า” ชลธารรีบเข้ามาดูแลคนหน้าซีดที่ทำท่าจะซีดขึ้นไปอีก “ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก พี่นเรศเองก็ใช่จะเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” เธอเห็นใบหน้าหวานเคร่งเครียดไม่คลายจึงหาทางพูดให้สบายใจ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่

“ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้น” คำตอบทำให้ทั้งสองคนที่นั่งฟังอยู่ขมวดคิ้ว “พี่ชลยังไม่เคยเห็นฤทธิ์พ่อผม”

“ฮาๆ อย่าห่วงไปเลย นเรศมันรู้ว่านั้นคือหลุมแต่ก็จงใจกระโดดลงไปเอง มันคงมีวิธีรับมือเองนั้นแหละ” ณัฐธัญหัวเราะร่าอย่างสบายใจ

“ผมไม่ได้ห่วงเขา” เสียงห้วนสั้นตอบกลับพร้อมใบหน้าหวานสะบัดหนี ทำให้สองสามีภรรยาแอบสบตากันด้วยใบหน้าอมยิ้ม

หลังจากนั้นนอกตัวบ้านก็มีเสียงเครื่องตัดหญ้าดังขึ้นโดยมีเสียงตะโกนสั่งแทรกเป็นระยะ คนที่นั่งรออยู่ภายในบ้านเริ่มนั่งไม่ติด ชลธารลุกขึ้นไปยืนดูผ่านกระจกก่อนจะเดินกลับมานั่งที่ สักพักคนที่ลุกขึ้นอีกคราก็เปลี่ยนเป็นเจ้าจันทร์เองที่เดินไปชิดกระจกมองดูชายทั้งสองที่อีกคนกำลังเข็ญเครื่องตัดหญ้าไปรอบๆ สนาม ส่วนอีกคนก็กำลังชี้นิ้วสั่ง เมื่อไม่ได้ดังใจก็เดินไปตัดให้ดูเป็นตัวอย่างเสียเอง เห็นเพียงเท่านี้เจ้าจันทร์ก็รู้สึกหายห่วงเดินกลับมานั่งที่เดิม

“เจ้าแม่ได้ยินเสียงเครื่องตัดหญ้าพ่อเขาทำอะไร แม่บอกให้ตัดวันอื่นไม่ใช่หรอ วันนี้มีแขกไม่รู้หรือไงว่ามันเสียงดังรบกวนนะฮึ” คุณพิมลรัตน์ถือตะหลิวออกมาพร้อมเท้าสะเอวด้วยใบหน้าเอาเรื่อง

เจ้าจันทร์ไม่รู้จะตอบมารดายังไงจึงได้แต่ยิ้มแหย

“ทั้งสองคงกำลังทำความรู้จักกันในฉบับพวกเขาอยู่ เสียงดังหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” คุณหญิงดาหลาเดินออกมากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เฮ้อ” คุณพิมลรัตน์ถอนหายใจก่อนจะเลิกสนใจคนทั้งคู่กลับเข้าไปทำอาหารต่อ



*********************************
เมื่อวานไม่ได้อัพเพราะเตรียมตัวกลับบ้าน ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ
สำหรับสงกรานต์นี้ใครไปเที่ยวหรือเดินทางไปไหนก็ขอให้ปลอดภัย โชคดีกันทุกคนนะคะ
สวัสดีปีใหม่ไทยจ้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คุณพ่อตาอย่ายอม กระหน่ำเข้าไป  :laugh:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ เจี๊ยะบ่จ่าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
บทที่ 23 พี่ขอใช้ห้องน้ำหน่อย

ดวงตาโศกตอนนี้กำลังจับจ้องมองใบหน้าคมที่กำลังส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ สองมือยกขึ้นกอดอกพลางมองดูข้าวของในมืออีกฝ่าย นเรศเผลอกำเสื้อผ้าในมือแน่นด้วยสายตาหวั่นๆ เขาหวั่นใจกับสายตาของเมียตัวเองจริงๆ

“พี่ขอใช้ห้องน้ำหน่อย” เขาว่าเสียงอ่อนแกมขอร้องเหงื่อยังคงพราวเต็มใบหน้า เสื้อที่สวมอยู่ก็เปียกเหงื่อจนแนบติดกายที่มาจากอากาศร้อนๆ และการตัดหญ้าเมื่อครู่

“ใช้ห้องน้องเลยลูก แม่กับคนที่เหลือจะจัดโต๊ะรอเราอาบเสร็จก็ได้ทานพอดี” คุณพิมลรัตน์ผ่านมาได้ยินพอดีเลยรีบจัดการตอบรับเสียเองจนลูกชายท่านหันมาอ้าปากทำท่าพะงาบๆ

“ผมไม่รบกวนน้องหรอกครับแค่ขอใช้ห้องน้ำก็พอ” เขารีบปฏิเสธด้วยทั้งเป็นห่วงเมียและเกรงใจเมียที่ยืนทำหน้าดุๆ ใส่

“รบกวนที่ไหนกัน...”

“แต่เขาโตแล้วแค่บอกทางไปก็พอครับ” เจ้าจันทร์แทรกขึ้นมาด้วยคิ้วขมวด

“เอ๊ะ เรานี่ยังไงก็พี่เขาเป็นแขกเราต้องดูแลสิ” คุณพิมลรัตน์หันมาตีลูกชายเบาๆ ด้วยท่าทีหมั่นไส้ แหมพ่อทูนหัวเล่นตัวซะจริงนี่ถ้าเขาไม่มาง้อ ไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเรอะ ท่านคิดในใจขณะมองดูท่าทางหมาหงอยของว่าที่ลูกเขย

เจ้าจันทร์ยอมแพ้ในที่สุด “ตามมาสิ” จบประโยคก็เดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องตัวเองซึ่งอยู่ชั้นล่าง จะพาไปห้องใหญ่ก็ของพ่อกับแม่ส่วนอีกห้องก็เป็นห้องว่างที่ไม่ได้ใช้ซึ่งคิดว่าคงใช้การไม่ได้ ดังนั้นทางเลือกสุดท้ายคือห้องของตัวเอง เข้ามาในห้องเจ้าจันทร์ก็เปิดตู้หยิบเอาผ้าขนหนูที่ยังไม่ใช้ยื่นให้ชายหนุ่ม ก่อนจะเดินไปนั่งรอบนเตียงด้วยการหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

เสียงฝักบัวเงียบหายไปสักพักเขาก็ได้ยินเสียงห้าวทุ้มสบถภายในห้องน้ำ จนต้องเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือ สายตาจึงสบเข้ากับร่างสูงอวดกล้ามเนื้อเปลือยเปล่ามีหยดน้ำเกาะตามผิวสีแทน ท่อนล่างมีเพียงกางเกงขายาวสบายที่สวมใส่อยู่ จู่ๆ ในหัวพลันมีภาพยามได้สัมผัสร่างกายอีกฝ่ายเข้ามาในหัวจนรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ปะทุขึ้นมาตามแก้ม เจ้าจันทร์รีบเบี่ยงหน้าหลบเมื่อสบเข้านัยน์ตาพราวระยับที่มองมาเหมือนนกรู้

“เจ้ามีเสื้อให้พี่ยืมไหมพอดีพี่ทำตกเปียกจนใส่ไม่ได้” นเรศทำเสียงอ้อนจนคนฟังขมวดคิ้ว

“อืม” เจ้าจันทร์รับคำก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นไปเปิดตู้ค้นหาเสื้อตัวใหญ่ให้ชายหนุ่มใส่สักตัว เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็หันกลับมา แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อปะทะเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่าที่อยู่แทบชิดสายตา กลิ่นครีมอาบน้ำที่เคยใช้ประจำหอมสะอาดผิดกับที่ตัวเองใช้ทั้งที่เป็นขวดเดียวกัน เจ้าจันทร์หยุดชะงักทั้งการกระทำและความคิดปล่อยตัวเองไปกับกลิ่นที่ทำให้สมองปลอดโปร่งจนรู้สึกสบาย โดยไม่รู้สึกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ฝ่ามืออบอุ่นประคองใบหน้าขึ้น

นเรศมองดูริมฝีปากสีระเรื่อชวนสัมผัสที่อยู่ใกล้ เขาไม่อาจหักห้ามใจได้อีกต่อไปโน้มศีรษะก้มลงสัมผัสความนุ่มชิมรสหวานละมุนในโพรงปากอุ่น เขามองดูปฏิกิริยาค่อยๆ หลับตาลงของเจ้าจันทร์ยิ่งทำให้เขาเพิ่มรสจูบให้ชวนสัมผัส เคลิบเคลิ้ม หลอกล่อให้อีกฝ่ายยินยอมรับสัมผัส

เสียงครางแผ่วหลุดรอดออกมาพร้อมกับมือเล็กบีบต้นแขนหนาแน่นเพื่อระบายความรู้สึก จนกระทั่งริมฝากหยักผละออกอย่างอ้อยอิ่งพร้อมเสียงอันน่าอาย คนเผลอไผลหน้าแดงก่ำก่อนจะส่งเสื้อยืดในมือให้ชายหนุ่มบนหน้าอกเปลือยเปล่าจนนเรศแทบรับไว้ไม่ทัน เจ้าจันทร์รีบเดินหนีออกมาทั้งใบหน้าแดงก่ำหูก็แว่วได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะเบาๆ ตามมา

แค่นี้เขาก็มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย นเรศคิดขณะสวมเสื้อให้เรียบร้อยก่อนรีบตามเมียตัวเองออกมา

การรับประทานอาหารทั้งสองครอบครัวผ่านไปด้วยดี แม้ว่าจะมีบ้างที่ว่าที่พ่อตาจะพยายามหาเรื่องลูกเขย แต่ฝ่ายมารดาทั้งสองกลับเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจนเรียกหากันว่าพี่ว่าน้อง

“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณพี่” คุณพิมลรัตน์โบกมือลาคุณหญิงดาหลา ซึ่งฝ่ายนั้นเองก็หันมาฉีกยิ้มกว้างก่อนขึ้นรถไป

“ไว้ผมจะมาบ่อยๆ นะครับ” นเรศเอ่ย

“ได้สิลูก” คุณพิมลรัตน์รีบตอบรับทันที

“ไม่ต้องมาแหละดีแล้ว เห็นแล้วอยากเอาปืนไล่ยิง” เสียงบ่นพึมพำหวังให้ชายหนุ่มได้ยินเพียงคนเดียว แต่กลับผิดคาดเมื่อผู้เป็นภรรยาหันมาทำตาขวางใส่

“ผมลานะครับ สวัสดีครับ” นเรศไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะหันไปสบสายตาโศกที่ทำเหมือนไม่สนใจอยู่ “เจ้าเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาใหม่” เขาบอกแล้วจึงเดินไปขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย

“พรุ่งนี้หรอ เฮอะอย่าฝันว่าจะได้เข้าใกล้แม้กระทั่งรั้วบ้านฉัน” คุณชญตว์พึมพำแต่ไม่คิดว่าภรรยาจะได้ยินอีกครั้ง

“คุณคะ”





หลังจากนั้นวันต่อๆ มานเรศก็มาที่บ้านศศิพัฒนเมธีทุกวัน ซึ่งดูเหมือนหลังๆ มานี้จะถูกใจคุณชญตว์ไม่น้อย เมื่อนเรศมาก็เหมือนได้คนงานมาเพิ่ม ท่านใช้งานชายหนุ่มตั้งแต่เช้ายันเย็นจากงานจิปะถะไปจนถึงงานทุกงานที่สามารถโยนให้เขาได้ แม้กระทั่งตอนนี้ที่นเรศกำลังยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่แทบไหลเข้าตา ขณะที่มืออีกข้างก็ใช้ฟองน้ำล้างรถต่อไป

นเรศรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาลานหน้าบ้าน เขาเงยหน้าขึ้นไปฉีกยิ้มกว้างต้อนรับแต่อีกฝ่ายกลับมองมาด้วยดวงตาราบเรียบ

“คุณไม่มีงานการทำแล้วใช่ไหม ถึงได้มาให้คุณพ่อใช้งานเหมือนคนใช้แบบนี้” น้ำเสียงหวานกล่าวประชด

“งานพี่มีครับแล้วพี่ก็กำลังทำอยู่นี่ไง...” เขาตอบก่อนฉีกยิ้มกว้างต่อประโยคให้จบ “งานง้อเมีย” แต่ดูเหมือนเมียที่ตามง้อจะไม่เล่นด้วยคิ้วสวยถึงได้ขมวดจนแทบผูกเป็นปม จากร้อยยิ้มกว้างค่อยหุบลงพร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆ

“ผมว่าคุณคงไม่ดื่มน้ำแล้วล่ะ” ว่าจบถาดน้ำที่วางไว้บนโต๊ะก็ถูกยกขึ้นมาแล้วตั้งท่าจะเอากลับเข้าไปในบ้าน

นเรศตาเหลือกรีบทิ้งทุกอย่างในมือวิ่งตามร่างบางไป แขนแกร่งเตรียมรั้งร่างที่กำลังเดินหนีไว้ แต่พอนึกได้ว่ามือสองมือยังคงเต็มไปด้วยฟองจากน้ำยาล้างรถเขาก็รีบหยุดชะงักทันที

“เจ้าจะทำแบบนี้จริงๆ หรอครับ” เขาส่งเสียงอ้อน

“ผมเห็นว่าคุณดูไม่ค่อยอยากดื่ม...”

“พี่อยากดื่มครับ”

ท่าทางกระตือรือร้นทำให้เจ้าจันทร์ถอนหายใจ ตัดสินใจวางถาดไว้บนโต๊ะเหมือนเดิมก่อนจะรินน้ำเย็นๆ ใส่แก้วส่งให้ชายหนุ่ม นเรศมองแก้วน้ำในมือเล็กไม่ยอมรับไปแต่เขากลับก้มหน้าลงงับหลอดดูดน้ำอย่างหน้าตาเฉย ดวงตาโศกที่มองเห็นการกระทำของเขาพลันเบิกขึ้นก่อนจะค่อยๆ ราบเรียบเหมือนเดิม แต่คนที่กำลังผละออกไปหลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จก็กระทำบางสิ่งที่ทำให้เจ้าจันทร์ตกใจ

“อา ชื่นใจมากครับ” นเรศเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยสีหน้าเบิกบานหลังจากฉกฉวยหอมแก้มนิ่มไปฟอดใหญ่

“คุณ!” เจ้าจันทร์ร้องเรียกอีกฝ่ายที่ลอยหน้าลอยตาพูดเสียงดังลั่น

“ครับผม” เขายังไม่หยุดยิ่งทำให้เจ้าจันทร์โกรธ ในที่สุดมือเล็กก็หยิบได้ถาดพลาสติกบนโต๊ะฟาดเข้าใส่เต็มท่อนแขนแกร่งจนอีกฝ่ายร้องลั่น “โอ๊ย! พี่เจ็บนะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาแสดงอาการเจ็บจนน่าหมั่นไส้

“เจ็บสิดี คราวนี้จะตีให้เจ็บกว่าเดิมเลยคอยดู” เจ้าจันทร์คาดโทษร่างสูงพลางชูถาดในมือขึ้นเตรียมฟาดใส่เขาอีกครั้ง

“โอ๊ย! พี่ผิดไปแล้วพี่ขอโทษครับ” นเรศรีบวิ่งเหยาะๆ รอบโต๊ะเหมือนจะหลบถาดเจ้ากรรมนั่น แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้เมียตีจนพอใจ เมื่อเห็นร่างเล็กยืนหอบเขาก็ฉวยโอกาสเข้าประชิดกักอีกฝ่ายเอาไว้ในอ้อมกอด นเรศกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อเห็นเจ้าจันทร์นิ่งไปก่อนจรดจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่ม “เมื่อไหร่เจ้าจะหายโกรธพี่สักทีนะ พี่อยากให้เราเป็นครอบครัวสักที” เขาพึมพำอยู่เหนือศีรษะใต้คาง

“ทำไม เหนื่อยแล้วหรอ...ถ้าเหนื่อยก็หยุดผมไม่ได้ขอร้องคุณ” เสียงอู้อี้ตอบกลับจนลมร้อนจากริมฝีกปากสวยกระทบบริเวณอกให้ขนลุกซู่

นเรศส่ายศีรษะ “ไม่เลยพี่ไม่เคยเหนื่อย แต่พี่อยากให้เราอยู่กันพร้อมหน้ามากกว่า พี่อยากดูแลเจ้าให้เต็มที่มากกว่านี้ เพราะฐานะของพี่ในตอนนี้ทำให้ดูแลเจ้าไม่ได้ตลอดเวลา พี่เสียใจ” เขาตอบแล้วยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนช่องว่างระหว่างคนทั้งคู่ไม่มี

หลังจากจบประโยคก็เกิดความเงียบขึ้น “แล้วถ้าผมบอกว่าเหนื่อยล่ะ” อ้อมแขนที่โอบรัดอยู่แน่นขึ้นจบแทบหายใจไม่ออกเหมือนกับกำลังหวาดกลัวที่จะฟังประโยคต่อไป “ผมเหนื่อยที่มีคุณคอยตาม...”

“ขอร้องอย่าบอกให้พี่หยุด” นเรศแทรกขึ้นด้วยความกลัวจับจิตขอบตาร้อนผ่าวจนต้องยกมือขึ้นเช็ด

เจ้าจันทร์ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเหนือศีรษะจึงตัดสินใจเอ่ยในที่สุด “ผมไม่ได้จะบอกให้คุณหยุดตาม” คนฟังรู้สึกใจชื้นขึ้นเสมือนสามารถยกภูเขาอันหนักหน่วงออกจากอกได้ “แต่ถ้าผมบอกให้คุณทำทุกอย่างให้มันถูกต้องล่ะ” เจ้าจันทร์คิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับนเรศมาหลายวันแล้ว เมื่อคิดว่านเรศคือพ่อของลูกในท้องและนเรศจะไม่ยอมปล่อยตัวเองแน่ๆ นั้นทำให้เจ้าจันทร์กลับมาคิดว่าที่พยายามตัดชายหนุ่มออกจากชีวิตนั้นดีแล้วหรอ คิดมาเสียหลายวันสุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าสมควรเลือกทางไหน

นเรศผละออกจากร่างเล็กเขาสบดวงตาโศกอย่างค้นหา ท่าทางตื่นๆ ของเขาทำให้เจ้าจันทร์ต้องเม้มปากกลั้นยิ้ม “เจ้าพูดจริงใช่ไหม” เจ้าจันทร์พยักหน้าตอบคำถามของนเรศ “พี่...พี่จะรีบทำทุกอย่างให้ถูกต้อง” ด้วยความดีใจทำให้พูดตะกุกตะกักขึ้นมา ริมฝีปากหยักระบายรอยยิ้มกว้างพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้าไปกอดอีกครั้ง “ขอบคุณครับ” น้ำเสียงของเขาสั่นพร่าเหมือนคนจะร้องไห้

หลังจากวันนั้นนเรศทำทุกอย่างให้ถูกต้องเหมาะสม เขาพาญาติผู้ใหญ่มาพบและพูดคุยอย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าคุณชญตว์จะไม่เห็นด้วยแต่ไม่สามารถขัดภรรยาได้ ทางผู้ใหญ่พูดคุยจนได้ข้อสรุปว่าจะจัดงานให้เร็วที่สุด ซึ่งฤกษ์งานพิธีต่างๆ ฝ่ายผู้ใหญ่ทางชายหนุ่มจัดหามาอย่างเรียบร้อย เหลือเพียงให้ฝ่ายผู้ใหญ่ของเจ้าจันทร์เลือกวันเวลาเท่านั้น และข้อสรุปทั้งหมดก็คืออีกเจ็ดวันจะจัดพิธีหมั้น แล้วงานแต่งจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า โดยที่เจ้าจันทร์ขอไว้เพียงไม่ต้องการงานใหญ่โตในงานมีแค่คนรู้จักก็พอแล้ว ถึงแม้คุณหญิงดาหลาจะค้านแต่สุดท้ายก็ต้องตามใจว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ดี

อีกเจ็ดวันถัดมางานหมั้นถูกจัดอย่างเรียบง่ายตามความต้องการของเจ้าจันทร์ ในงานมีเพียงญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายและเพื่อนๆ ของเจ้าจันทร์ไม่กี่คน แต่สิ่งที่ทำให้เรียบง่ายไม่ได้เลยคือสินสอด

“คุณเจ้าน่ารักมากเลยค่ะ” สุดาเอ่ยชมเด็กหนุ่มในชุดหมั้นแบบไทยจักรพรรดิเสื้อแขนกระบอกสีครีมเข้ากับโจงกระเบนสีน้ำตาลทอง เธอยื่นมือจัดเทคไทสีทองอ่อนเข้ากลับชุดเล็กน้อยด้วยสีหน้าภูมิใจ ดวงตาผู้มากวัยกว่าเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา

“ป้าสุดาร้องไห้ทำไมครับ” เจ้าจันทร์ถามร่างอวบตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นๆ

“ป้าดีใจค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ทำให้เจ้าจันทร์เดินเข้าไปกอดปลอบ

“พี่เขามาแล้วลูก” คุณพิมลรัตน์ในชุดไทยประยุกต์สีขาวและผ้าถุงสีน้ำตาลทองเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไหนดูสิลูกชายแม่น่ารักที่สุดเลย” ท่านจับลูกชายเพียงคนเดียวให้ยืนนิ่งๆ แล้วเดินสำรวจความเรียบร้อย “ไปกันเถอะ” ท่อนแขนอันอบอุ่นยื่นมาให้จับเพื่อนำพาลูกชายที่เปรียบเสมือนแก้มตาดวงใจลงไปสู่พิธีงานหมั้น

นเรศในชุดไทยจักรพรรดิเช่นเดียวกันแต่สีของเขาเข้มกว่ามาก ขับให้วันนี้เขาดูหล่อเหลาราวกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสาร ดวงตาคมหันไปมองยังห้องที่แง้มประตูเปิดออกมา ดวงหน้าหวานละมุนวันนี้โดดเด่นเป็นพิเศษในชุดไทยจักรพรรดิสีอ่อน เขาจ้องมองคนที่ค่อยๆ เดินมานั่งตรงข้ามตาไม่กะพริบ

“อะแฮ่ม เมื่อพร้อมแล้วก็เริ่มพิธีได้เลย” คุณอาของนเรศกระแอมเรียกสติหลานชายที่เอาแต่จ้องคู่หมั้น จนคนในงานหัวเราะขบขันเอ่ยแซวชายหนุ่มทันที

นเรศส่งยิ้มขออภัยก่อนประคองเจ้าจันทร์เข้าไปกราบผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาก็ส่งขันหมากหมั้นให้กับผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าจันทร์ เมื่อพวกท่านตรวจนับแล้วก็ถึงกับตะลึงก่อนจะพยักหน้าเข้าสู่พิธีต่อไป นเรศหยิบแหวนทองคำขาวมีเพชรเม็ดเล็กๆ กระจายอยู่ครึ่งวงขึ้นมาพร้อมกับมือเล็ก แหวนเรียบง่ายแต่ทรงคุณค่าค่อยๆ ถูกสวมไปยังนิ้วนางข้างซ้าย นเรศก้มลงจรดริมฝีปากบนหลังมือที่ประคองอยู่อย่างอ่อนโยนพลางช้อนดวงตาขึ้นสบกับนัยน์ตาโศกเพื่อส่งความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจของเขา

ดวงหน้าหวานแดงก่ำรีบเสหลบด้วยการประนมมือไหว้ขอบคุณชายหนุ่ม จากนั้นจึงหันไปหยิบแหวนคล้ายกันแต่เกลี้ยงเกลาขึ้นมา มือเล็กกว่าประคองมือใหญ่และค่อยๆ บรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย แล้วก้มลงจรดริมฝีปากอุ่นเข้ากับหลังมือใหญ่ด้วยกริยาอ่อนโยนเช่นเดียวกัน นเรศยิ้มรับพร้อมกับกล่าวขอบคุณ

เมื่อเสร็จพิธีแลกแหวนหมั้นจากนั้นทุกคนก็สนุกกับการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และเข้าสู่พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ต่อไปจนกระทั้งสิ้นสุดพิธีทั้งหมด จากนั้นในตอนเย็นก็จัดเป็นงานเลี้ยงเพื่อให้ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทำความคุ้นเคยกันให้มากขึ้น แต่ภายในงานเลี้ยงกลับไร้ซึ่งวี่แววของคู่หมั้นทั้งสอง เมื่อนเรศพาเจ้าจันทร์ที่เริ่มมีอาการแพ้ท้องเข้ามาพัก

นเรศง่วนอยู่กับการก้มๆ เงยๆ เพื่อถอดถุงเท้าให้ร่างเล็ก และถอดชุดเปลี่ยนให้เจ้าจันทร์ที่ดูอ่อนแรงจนน่าสงสาร เมื่อประคองร่างเล็กนอนบนเตียงเขาก็หายเข้าในห้องน้ำก่อนจะกลับออกมาพร้อมผ้าชุบน้ำบิดจนหมาด

“หิวไหมครับ” เขาถามเสียงนุ่มขณะที่เช็ดตามกรอบหน้าเรียว

“...” เจ้าจันทร์ที่นอนหลับตาพริ้มไม่ตอบเพียงแค่ส่ายหน้าน้อยๆ

นเรศเดินเข้าออกห้องน้ำจนแน่ใจว่าเช็ดตัวคนที่นอนหลับอยู่สบายตัวแล้วจึงได้ชำระร่างกายของตัวเอง เขากลับออกมาอีกครั้งโดยมีผ้าขนหนูพันรอบเอวหมิ่นเหม่ ในตู้มีเสื้อผ้าเขาอยู่หลายชุดนเรศเลือกหยิบเสื้อเชิตสบายๆ กับกางเกงขายาวออกมาใส่ เมื่อจัดการแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินเข้าไปนั่งพิงหัวเตียงข้างคนที่นอนหลับอยู่ เขาทอดสายตามองใบหน้าหลับพริ้มด้วยสายตาอ่อนแสง ภาพต่างๆ ในอดีตย้อนเข้ามาในหัว ทำให้รู้สึกดีจริงๆ ที่คนคนนี้ยอมให้อภัยกับการกระทำอันเลวร้ายของเขา

“ทุกๆ อย่างที่พี่เคยทำให้เจ้าเจ็บ พี่ขอโทษนะครับ” นเรศก้มลงกระซิบแล้วจรดริมฝีปากกับหน้าผากอุ่น เขาลูบกลุ่มผมนุ่มมืออยู่นานก่อนจะหันไปสำรวจห้องที่แม้เคยเข้ามาบ้างแต่ไม่เคยอยู่นานเท่าวันนี้มาก่อน นเรศยื่นมือหยิบหนังสือในตู้ข้างเตียงขึ้นมาอ่านแล้วก็ต้องอมยิ้ม เมื่อทุกเล่มมันเป็นหนังสือสำหรับคุณแม่มือใหม่ทั้งหมด เขาเปิดอ่านทีละหน้าอย่างตั้งใจจนกระทั่งศีรษะเล็กซุกเข้ามาข้างๆ เอวสอบ “หืม...เป็นอะไรครับนอนแบบนี้ไม่สบายนะ” เข้าก้มดูคนหลับที่ขยับเข้ามากอดเอวเขาเอาไว้

“กลิ่นหอม...ไม่มึนหัว...ไม่อยากอ้วก” เสียงบ่นงึมงำออกมาจากริมฝีปากเล็ก

นเรศยกแขนขึ้นมาดม กลิ่นครีมอาบน้ำขวดเดียวกับที่เจ้าจันทร์ใช้แต่ทำไมดูเหมือนร่างบางจะชื่นชอบเป็นพิเศษ หรือเพราะเจ้าตัวเล็กชอบกลิ่นนี้

“ให้พี่นอนกอดนะครับ” เขาขออนุญาต

“อืม” เสียงตอบรับยังคงงัวเงียทำให้นเรศยิ้มกว้างค่อยๆ ขยับตัวลงนอนข้างๆ ร่างบางแล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอด

ช่างเป็นเวลาที่มีความสุขจนอยากจะหยุดเอาไว้




********************************************
สวัสดีปีใหม่ไทยจ้า ขอให้เล่นน้ำสนุกกันทุกคนนะจ๊ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาแบบนี้ ต้องมีมาม่าแน่ๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด