LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019  (อ่าน 67020 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามแล้วค่ะ ขอฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ


ผลงานเรื่องเก่าๆ ค่ะ

-- รอตีพิมพ์


-- กำลังรีไรท์และรอตีพิมพ์

-- ON AIR


เรื่องสั้นค่ะ


ฝากทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเพื่อพูดคุยหรือติดตาม ได้ที่นี่ค่ะ จิ้มตามไปเลย

:mew1: :mew1: :mew1:

ไปอ่านกันเลยค่ะ


*** เล่นหวยกันมั้ยจ๊ะ ***

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2019 19:06:42 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดแรกมันก็จะลุ้นหน่อยๆ


"เลขขึ้นยังป้า" น้ำเสียงปนเหน่อของชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีดังมาจากด้านหลังของป้าที่ชายหนุ่มนั้นเพิ่งได้

ถามออกไปที่ต้องถามแทนที่จะเห็นด้วยตาตัวเองก็เพราะรูปร่างป้านั้นอ้วนเทอะทะ ทำให้เขาแทรกตัวหรือชะโงกหน้าเข้าไปดูได้ค่อนข้างลำบาก





         “เดี๋ยวสิวะ” ป้าหันมาตอบอย่างขัดใจ



"เห็นมั้ยป้า ฉันเห็นแล้วแต่ไม่ค่อยมั่นใจ" เขาเร่งซ้ำด้วยความใจร้อน



“โอ๊ย อะไรกัน ไอ้น้ำ เลขเพิ่งขึ้น เอ็งก็อยากรู้เดี๋ยวนี้เลยหรือไง” ป้าบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก



 "เลขไรป้า บอกหน่อยดิ"  ไอ้น้ำยังไม่ยอมแพ้ ถามอีกครั้ง



“บ๊ะ! ไอ้น้ำ ข้าเพิ่งพูดอยู่หยกๆ ถ้าเลขข้าเคลื่อนนะ ข้าจะแพ่นกบาลเอ็ง” ป้าบ่นอีกครั้งตามวิถีคนบ้าหวย



“ฉันก็ใจร้อนอยากรู้เหมือนกันนี่” ชายหนุ่มบ่นอุบ และพยายามยื่นหน้าข้ามศีรษะของป้าไป



“ได้แล้วๆ นางสาย เอ็งมาดูสิว่า เอ็งเห็นเลขเดียวกันกับข้าไหม” ป้าแถวหน้าคนเดิมร้องเรียกเพื่อนสนิทที่ขายของด้วยกันในตลาดให้เข้ามาดูอีกแรง

         

          “แปดกับเก้า ใช่หรือเปล่าวะ นางแช่ม” ป้าสายที่มาใหม่พูดตัวเลขขึ้น

         

          “ใช่ๆ แปดกับเก้า เอ็งนี่มันเพื่อนข้าจริงๆ เดี๋ยวให้นางเล็กมาดูด้วย ถ้าเห็นเหมือนกันสามคนข้าว่า งวดนี้มาแน่”



            “ร้อนจริง นี่กว่าจะเดินมาถึง เหงื่อซ่กเลย ไหนๆ นางสาย นางแช่ม เห็นเลขหรือยัง” นางเล็กผู้มาทีหลังสุดเบียดแทรกทุกคนเข้าไปโดยไม่สนใจ



            “เออ ข้ากำลังมองหาเอ็งอยู่พอดี เอ้า เข้ามาดูสิ” ป้าแช่มบอกเพื่อนร่วมอุดมการณ์ พลางใช้ร่างอันเทอะทะนั้นกันคนอื่นให้ออกไปเพื่อให้นางเล็กแทรกเข้ามาได้



            “อืม ตัวหลังนี่ เก้าแน่ๆ แต่ตัวหน้า แปดเหรอวะ ข้าไม่แน่ใจ” นางเล็กพึมพำ



            “เห็นไหม นางสาย งวดนี้แปดเก้า แน่ๆ ข้าจะเล่นให้หนักๆ เลย เห็นเหมือนกันสามคนขนาดนี้” นางแช่มพูดขึ้น ประกายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง



 “แต่...ผมว่า ตัวหน้าไม่ใช่แปดหรอก ป้า” ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่เหล่าป้า หันมามองทางเขา แล้วแทรกตัวเข้าไปหน้าต้นไม้นั้นที่มีแป้งสีขาวๆ ทาอยู่



“เนี่ย สามชัวร์” ชายหนุ่มบอกด้วยความมั่นอกมั่นใจ พร้อมชี้นิ้วไปบริเวณวงรอบแป้งสีขาวบนต้นไม้ ที่ป้าไปลูบแป้งไว้

         

          “ฮึ่ย มันจะเป็นเลขสามไปได้ยังไง ไอ้น้ำ เอ็งดูดีๆ เห็นหรือเปล่า” ป้าแช่มคนเดิมชี้นิ้วไปจิ้มต้นไม้ย้ำๆ หลายครั้ง ด้วยความขัดใจ



            “ก็ที่เดียวกันนั่นแหละป้า สามกับเก้า ชัดๆ”



            “เรื่องของเอ็งละกัน ตาใครตามัน ดวงใครดวงมันเว้ยไอ้หนู ถ้าไม่ถูกก็อย่ามาอิจฉาพวกข้าก็แล้วกัน" ป้าแช่มพูดจบพลางเรียกเพื่อนของตนเองกลับตลาดเพื่อกลับไปขายของต่อ พรุ่งนี้ก็จะรวยกันแล้ว



            ไอ้น้ำ ชื่อที่ป้าแช่มเรียก ยังยืนดูเลขบนต้นไม้ด้วยความไม่เข้าใจ



            มันจะเป็น แปดกับเก้าไปได้อย่างไร



            ในเมื่อมันคือสามกับเก้าชัดๆ !!



"แม่ง จะเข้าบ้านได้ไหมวะเนี่ย ป่านนี้แม่กับฝนนอนแล้วแน่เลย สงสัยคืนนี้ได้นอนกะไอ้ด่าง อีปุยแหง" ชายหนุ่มพึมพำบ่นระหว่างเดินกลับบ้าน เขามัวแต่เถลไถล เดินหาล็อตเตอร์รี่จนมืดค่ำ กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้ว



"สามเก้า หาแถววัดไม่เจอสักใบ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปดูแถวตลาดดีกว่า อาจจะโชคดีเจอสักใบ ว่าแต่ลอตเตอรี่จะเหลือเลขให้ซื้อไหมวะ"



            เสียงหมาบางแก้วพากันเห่าแข่งกันขรมเมื่อเห็นเงาดำทะมึนของไอ้น้ำเดินเข้ามาในเขตของบ้าน แต่เมื่อพวกมันพบว่าเป็นคนคุ้นหน้า เจ้านายของมันเอง ก็ต่างพากันครางหงิงแล้ววิ่งเข้ามาพันแข้งพันขาทันที



            “คืนนี้ข้าขอนอนด้วยได้ไหมวะ ไอ้ด่าง อีปุย” ไอ้น้ำถามเจ้าหมาสองตัวที่ไม่ได้เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย





ถ้าเวลานี้ที่กรุงเทพฯ ล่ะก็ แค่เพียงเริ่มต้นราตรีกาลเท่านั้น แต่ทว่าต่างจังหวัดแบบนี้ แค่ตะวันตกดินชาวบ้านก็เตรียมเข้านอนกันแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นทำมาหากิน แม่ของเขาเองก็เช่นกัน



            “ถ้าไม่อยากมานอนบนบ้าน พี่น้ำจะนอนกับพวกมันก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้พี่น้ำนั้นสะดุ้งขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พอหันไปทางต้นเสียงก็เจอใบหน้าขาวใสเปื้อนรอยยิ้มส่งมาให้



            “อ้าว น้ำฝน ยังไม่นอนหรือ”



            “ยัง ฉันกำลังอ่านหนังสือ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว” หญิงสาวตอบ



            “เหรอ ตั้งใจเข้าล่ะ” พี่น้ำตอบพร้อมกับร่ำลาเจ้าหมาสองตัว



            “แล้วพี่จะขึ้นบ้านไหม หรือจะนอนกับหมา ฉันจะได้ปิดประตู” น้ำฝนพูดพลางเตรียมปิดประตูจริงๆ



            “เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ไปดิวะ นี่เอ็งเป็นน้องหรือแม่ข้ากันแน่วะ ทั้งโหดทั้งดุ” ไอ้น้ำบ่นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดไม้ที่อยู่หน้าบ้านเพื่อขึ้นบ้าน



            “ฉันเป็นน้องพี่นั่นแหละดีแล้ว เพราะถ้าต้องเป็นแม่ ฉันคงเหนื่อยน่าดู ที่มีลูกแบบนี้” น้องสาวของไอ้น้ำตอบคำถามนั้นโดยไม่ถนอมน้ำใจพี่ชายเลยแม้แต่น้อย



            “เออ ข้ามันไม่ดี รู้แล้ว เอ็งไม่ต้องมาย้ำ”



            “ถ้ารู้แล้วก็รีบกลับกรุงเทพฯ ไปหางานทำใหม่สักที ถ้าไม่คิดจะกลับไปแล้วก็มาช่วยฉันกับแม่ทำสวน มัวแต่ไปขูดหาเลข ไร้สาระ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย” หญิงสาวตอบหลังจากที่ปิดประตูเสร็จเรียบร้อย



            “ตอนนี้ ข้าเล่นหวยก็สนุกดี ไว้ข้าเบื่อเมื่อไหร่ก็จะกลับกรุงเทพฯ เองนั่นแหละ เอ็งไม่ต้องบ่นแล้ว แม่ชลาลัย อายุแค่สิบเจ็ด ทำมาบ่นสอนข้ายังกับ คนชรา” คำสุดท้าย พี่ชายตั้งใจพูดกระทบน้องสาวว่าทำตัวแก่เกินวัยไปเสียเหลือเกิน เขาไม่ได้โกรธที่ถูกน้องสาวดุด่า แต่กลับขำขันมากกว่าจึงตั้งใจพูดเย้าแหย่อีกฝ่ายออกไป



            “ฉันจะพูดเหมือนคนแก่ก็ช่าง พี่ไม่ต้องยุ่ง” หญิงสาวสะบัดหน้าเตรียมเข้านอนของตัวเอง



            “บ๊ะ! ทีเรื่องข้านั้นเอ็งยุ่งจังเลย ว่าแต่แม่ล่ะ นอนแล้วเหรอ” เขาถามเพราะไม่เห็นแม่



            “ก็แหงสิ แม่ทำงานทั้งวัน จะให้ตื่นมารอรับพี่เหรอ”



            “อ้อ..” ชายหนุ่มรับคำในคอ พยักหน้าว่าเข้าใจ



            “กินข้าวมาหรือยังล่ะ แม่เก็บอาหารไว้ในครัว ถ้าพี่ไม่กินก็เอามันเข้าตู้เย็นด้วย อย่าให้มันบูดเน่าเสียก่อน เข้าใจไหม” น้ำฝนสั่ง



            “เข้าใจแล้วครับ คุณน้ำฝน”



            “ฉันจะอ่านหนังสือต่อ อย่าทำเสียงดังล่ะ” น้ำฝนกล่าวย้ำก่อนจะปิดประตูห้องนอนของตนเองลง





            พี่น้ำของน้ำฝน ยิ้มให้น้องสาว แม้ว่าเธอจะไม่เห็นเลยก็ตาม ชายหนุ่มรู้ดีว่า น้องสาวของเธอเป็นคนพูดจาตรง โผงผาง จนรู้สึกเหมือนกำลังถูกดุหรือด่าตลอดเวลา แต่เขาก็รู้ดีว่า น้ำฝนนั้นปากร้ายไปอย่างนั้น แต่ใจจริงแล้วนั้นรักและห่วงพี่ชายคนนี้มากแค่ไหน





            ช่วงสายวันถัดมา ไอ้น้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ขาสั้นประมาณเข่า ระหว่างที่เขากำลังใส่รองเท้าแตะอยู่หน้าบ้านนั้นก็มีใครบางคนเรียกชื่อเขาขึ้นมา



            “อ้าว เจ้าน้ำ แต่งตัวจะไปไหนอีกล่ะ” แม่น้อย แม่ของไอ้น้ำถามขึ้น หญิงสาวเพิ่งกลับจากการไปดูสวนมาตั้งแต่เช้า



            “วันนี้วันอะไร แม่จำไม่ได้หรือจ๊ะ” น้ำย้อนถามแม่บังเกิดเกล้าของตน



            “วันอะไร ข้าจำไม่ได้หรอก”



            “แม่ก็ วันนี้วันหวยออกไงจ๊ะ แม่ลืมใช่หรือเปล่า” ไอ้น้ำหรี่ตามองแม่แล้วเฉลยให้ฟัง



            “เออ จริงด้วย ข้าลืมเสียสนิทเลย แล้วนี่จะไปไหน ข้ายังไม่ได้จดเลขให้เลย เอาเลขของข้าไปด้วย เมื่อคืนนี้ก็ฝันดีเชียว”



            “เดี๋ยวฉันก็กลับมาอีกรอบ” น้ำบอกเพื่อให้แม่ไม่ต้องรีบ



            “ตอนเอ็งกลับมา ข้าก็กลับไปสวนแล้ว กลัวจะคลาดกันเสียเปล่าๆ”



            “ฉันบอกแม่แล้วว่าเดี๋ยวนี้ มีอินเทอร์เน็ต ถ้าแม่ยอมใช้ ก็ส่งข้อความให้ฉันได้ทุกที่ทุกเวลาเลย” ไอ้น้ำทวนความจำให้แม่อีกครั้ง เขาบอกแม่หลายต่อหลายครั้งแล้วว่ามันมีบริการการส่งข้อความฟรีๆ ไม่เสียตังหลายรูปแบบ เพียงแค่เรามีอินเทอร์เน็ต แล้วเขาก็จัดการซื้อโปรโมชั่นอินเทอร์เน็ตพร้อมลงแอปพลิเคชั่นให้แม่แล้วด้วย แต่ทว่าแม่ของเขาก็ไม่ยอมใช้มันเสียที



“โอ๊ย เน็ต เหนิดอะไร ข้าใช้ไม่เป็นหรอก มันยุ่งยาก จดลงกระดาษแบบนี้แหละดีแล้ว รอก่อน” แม่น้อยพูดพลางรีบเดินขึ้นบันไดเพื่อจะเขียนเลขที่ตนเองฝันเมื่อคืนให้ลูกชาย



ไอ้น้ำรออยู่ไม่นาน แม่ของเขาก็เดินลงมาจากบันไดในมือถือกระดาษใบประมาณนามบัตรมาด้วยพร้อมยื่นให้ น้ำรับมาดูก่อนจะพูดว่า



“แม่...เมื่อวานฉันเห็นเลขบนต้นไม้ในวัดที่พวกป้าแช่ม ป้าสาย ป้าเล็กที่อยู่ในตลาดชอบไปขูดเลขกันอะ”



“เหรอ แล้วเอ็งเห็นเลขมาหรือเปล่า เจ้าน้ำ” แม่น้อยถามเสียงเบาเกือบจะกระซิบ พร้อมประกายตาระยิบระยับ ราวกับว่าเรื่องที่จะได้ยินนั้นเป็นเรื่องที่เป็นความสุขของชีวิตทั้งหมดแล้ว



“เห็นสิจ๊ะ แม่ แต่ฉันเห็นเลขไม่เหมือนสามป้านั่นนะ” ไอ้น้ำกระซิบตอบแม่เบาพอกัน



“เลขไม่เหมือนกันทุกตัวเลยเหรอ”



“เปล่า แม่ ไม่เหมือนแค่ตัวหน้าตัวเดียว ฉันเห็นสามกับเก้า แต่ป้าเขาเห็น แปดกับเก้าจ้ะ แม่จะเชื่อฉันหรือพวกป้าๆ ล่ะ”



“ข้าก็ต้องเชื่อเอ็งสิวะ ลูกข้าทั้งคนจะไม่เชื่อได้อย่างไร ข้าเอาด้วย ใส่เลขที่เอ็งเห็นไปให้ข้าด้วย บนล่างเลยนะ” แม่น้อยบอกลูกชาย โดยละตัวเลขไว้ไม่ยอมพูดเพราะกลัวเลขเคลื่อน



“ได้จ้ะ เอาตัวละกี่บาท เอาเท่าเดิมที่แม่เล่นไหม ยี่สิบบาท”



“ห้าสิบบาทเลย” แม่น้อยตอบอย่างแน่วแน่ ท่าทางของเจ้าน้ำที่กำลังจะจดตัวเลขลงบนกระดาษแผ่นเล็กใบนั้นหยุดชะงักลง



“ห้าสิบบาทเลยเหรอ แม่ เยอะไปหรือเปล่า” ไอ้น้ำท้วงเพราะถ้าไม่ถูกขึ้นมา เขาโดนแม่ด่าเปิงแน่



“ทำไมล่ะ งวดเดียวเท่านั้นแหละ เห็นว่าเป็นเลขจากเอ็ง ข้าทุ่มหมดตัว”



“ก็ฉันกลัว ถ้าไม่ถูกขึ้นมา เดี๋ยวแม่จะด่าฉัน”



“ไม่ด่าหรอก เรื่องหวย นี่มันดวงใครดวงมัน”



“แม่รับปากจะไม่ด่าฉันแล้วนะ งั้นฉันเอาหวยไปส่งก่อน” ไอ้น้ำทวนคำสัญญาของแม่น้อย ก่อนจะเขียนตัวเลขลงทันทีแล้วเดินผิวปากออกจากบ้านไป





แม่น้อยเห็นลูกชายเดินออกจากบ้านไปก็เดินขึ้นบันไดเข้าบ้านเช่นกัน ระหว่างนั้นก็นึกขึ้นได้ สีหน้ากังวลขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงทันที



‘แล้วมันกินข้าวหรือยังเนี่ย!!!’



ไอ้น้ำ เดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังตลาดก่อน เจ้าตัวตั้งใจไปหาซื้อล็อตเตอรี่ก่อน จังหวะที่เขากำลังเลือกหาซื้อล็อตเตอรี่นั้นก็ได้ยินแม่ค้าหลายคนในตลาดพากันพูดเรื่องตำรวจคนใหม่ที่มาแทนคนเก่าเพราะเกษียณอายุไปเมื่อเดือนก่อน



“นี่น้า มีตำรวจคนใหม่มาเหรอ” ไอ้น้ำแทรกถามคนขายแผงล็อตเตอรี่ที่มันยืนเลือกอยู่



“ใช่ เอ็งยังไม่รู้เรื่องเหรอ”



“ยังจ้ะ ยัง น้าเล่าให้ฉันบ้างสิ” สกิลการเผือกของไอ้น้ำไม่เป็นรองใคร บ้านนอกแบบนี้หูตาต้องไว



“ได้ เขาว่ามาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วนะ ยังหนุ่มยังแน่น เห็นว่าโดนย้ายมาเพราะ..เพราะ..” เจ้าของแผงหวยพูดติดขัดขึ้นมาคล้ายว่าคิดคำพูดไม่ถูก



“เพราะอะไรอะ น้า” เด็กหนุ่มคนซื้อหวยถามด้วยความอยากรู้



“อะไรวะ มันติดอยู่ที่ปาก อะไร คติ .. ติ .. โอ๊ย ข้านึกไม่ออก”



“ทัศนคติ ใช่มั้ยน้า” ไอ้น้ำ ลองเดาคำบอกอีกฝ่าย



“เออ พูดยากจังเว้ย คำนั้นแหละ เห็นว่าไม่ตรงกับคนใหญ่คนโต ในกรุงเทพฯ ก็เลยโดนส่งมาที่นี่”



“งั้นเหรอจ๊ะ”



“มานี่ก็ไม่รู้ว่าทำอะไรเป็นบ้างหรือเปล่า อยู่ที่กรุงเทพฯ คงไม่ได้ลำบากเหมือนอยู่ที่นี่”



“เขาอาจจะเก่งก็ได้นะน้า ของแบบนี้ต้องดูกันไปก่อน” ไอ้น้ำยังไม่อยากตัดสินใครเพียงคำพูดของคนอื่น



“ขอให้จริงอย่างเอ็งว่า แล้วนี่ได้หรือยัง หรือหาเลขไหนอยู่ บอกข้ามาสิ เดี๋ยวข้าช่วยดูให้” คนขายเสนอตัวทำหน้าที่คนขายได้เป็นอย่างดี



“แปดเก้า มีไหม น้า”



“เลขเด็ดจากนางแช่ม ใช่ไหมล่ะ เอ็งจะเอาเหรอ หมดตั้งแต่เช้า โดนเหมาไปทั้งตลาดแล้วล่ะ เอ็งมาช้าไป”



“เปล่าหรอก ฉันก็แค่ถามดู” ไอ้น้ำตอบพลางยิ้มในหน้า ดีเหลือเกิน ทำให้เลขที่เขาต้องการนั้นยังอยู่ดีมีสุข



มาอยู่กับพี่นะจ๊ะ หวยจ๋า ดวงใจของพี่



“แล้วเอาใบไหนล่ะ”



“เจอพอดีเลยจ้ะ เอาใบนี้แหละ” ไอ้น้ำเจอพอดี เขาชี้บอกให้คนขายดึงแผ่นนั้นมาให้



“แปดสิบบาท” คนขายยื่นกระดาษมีค่าก่อนบ่ายสี่โมงนั้นให้เขา



“นี่จ้ะ” ไอ้น้ำรับมันมาอย่างทะนุถนอมพร้อมกับยื่นเงินจำนวนพอดีให้กับอีกฝ่าย



“โชคดีนะ ไอ้น้ำ”



“ขอบใจจ้ะ น้า”





หลังจากสมหวังกับหวยรัฐบาลที่ถูกกฎหมายแล้วก็ถึงคราวที่จะต้องทำเพื่อหวยที่ไม่ถูกกฎหมายกันบ้าง ไอ้น้ำเดินลัดเลาะไปในตลาดเพื่อไปหาลูกค้าประจำของเขา



“ว่าไงจ๊ะ ป้า พร้อมไหม” ไอ้น้ำแสร้งถามอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเตรียมพร้อมนานแล้ว



“มาช้านะวันนี้ ข้านึกว่าจะไม่มาแล้ว เกือบจะส่งให้คนอื่นแล้วเชียว” ป้าขายหมูในตลาดบ่นพลางยื่นกระดาษมีคราบน้ำมันมาให้เขา น้ำรับมันมาอย่างไม่รังเกียจ



“จะไม่มาได้ยังไง ถ้าไม่มาแล้วป้าถูกหวยรวยเปรี้ยงปร้างขึ้นมา ฉันจะเอาเงินที่ไหนให้ป้าล่ะ จริงไหม” เขาหยอดความหวังพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปยังลูกค้าคนอื่นต่อ



“ป้าจ๊ะ ฉันมาแล้วจ้ะ” ไอ้น้ำร้องบอกเสียงไม่ดังนัก



“มาแล้วหรือ รอแป๊ป” ป้าขายไก่ ค้นหาอะไรกุกกักในกระปุกเก็บตังก่อนจะหยิบกระดาษส่งมาให้เขาเช่นกัน



“ขอบใจจ้ะ เฮงๆ นะป้า”



“สมพรปากเถอะว่ะ จะได้หมดหนี้กับเขาบ้าง” ไอ้น้ำยิ้มให้ป้าขายไก่ พลางคิดว่า ป้าก็มีหนี้กับเขาเหรอ แล้วทองหยองเต็มคอ เต็มแขนนั่น ถ้าป้าไม่รวยแล้วใครจะรวย เขานี่สงสัยจริงๆ





เดินไล่ไปตามแผงในตลาดจนครบลูกค้าแล้ว ไอ้น้ำก็เดินกลับบ้านเพื่อไปจดหวยลงโพยใหม่ทั้งหมด เขาต้องทำเวลา วันนี้เขาเสียเวลาไปค่อนข้างมากจริงๆ ตอนนี้ก็สิบโมงกว่าแล้ว ต้องเร่งมือหน่อย เดี๋ยวจะไม่ทันหวยปิดรับ ถ้าเจ้ามือหวยไม่รับขึ้นมา เขาซวยแน่ ถ้าหากมีคนในตลาดเกิดถูกหวยขึ้นมา





ไอ้น้ำเปิดโน้ตบุ๊ค แล้วพิมพ์หวยลงในนั้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมตรวจทานอย่างรอบคอบ เขามองตัวเลขในคอมฯ นั้นอย่างพอใจ เขาส่งหวยให้เจ้ามือแบบนี้ อาศัยการกินเปอร์เซ็นต์จากการขายแล้วเอาเงินที่ได้นั่นแหละมาซื้อหวย แต่งวดนี้ เขาจะลงทุนเป็นพิเศษเลยล่ะ





ไอ้น้ำ บรรจงพิมพ์ตัวเลขที่แยกออกมา





บน   39 100 บาท

         



ล่าง  39 100 บาท





ทุ่มทุนไปเลย ไอ้น้ำ!!






     ================================



พี่น้ำ จะถูกหวยไหมล่ะ พี่ ถ้าถูกหวย อย่าลืมเลี้ยงขนมเราด้วยนะ เราอยากกินอะ



เปิดเรื่องใหม่ค่ะ ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



ซื้อหวยกันมั้ยจ๊ะ



เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2019 19:07:15 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ระวังนะน้ำเดี๋ยวคุณตำรวจจับ
ข้อหาเดินโพยหวยผิดกฎหมาย
พล๊อตเรื่องน่าสนุกติดตามจ้า :L2:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
งวดที่สอง ถูกหวยกันมั้ยจ๊ะ

            “เจ๊แสง” ไอ้น้ำเรียกเพื่อเป็นการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัวก่อนจะตกอกตกใจจนขวัญกระเจิง

            “มาแล้วหรือ เกือบไม่ทันนะเอ็ง” เพราะตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว เจ้ามือกำลังจะปิดรับ

            “รีบสุดๆ แล้วเนี่ย เอ้านี่เจ๊ ของงวดนี้” ไอ้น้ำยื่นกระดาษที่ปริ้นท์ออกมาสดๆ ร้อนๆ ให้เจ๊แสง

            “งวดนี้เยอะนี่หว่า ได้เปอร์เซ็นต์เยอะแน่เอ็ง”

            “อันนี้ของฉันนะ เจ๊ หักเงินที่ต้องให้ฉันไปเลย” เจ๊แสงรับกระดาษอีกใบมาพร้อมทำตาโต

            “งวดนี้หนักมือนะ ไอ้น้ำ”

            “งวดนี้ งวดเดียวแหละเจ๊” คำพูดเหมือนแม่น้อยเป๊ะ นี่แหละแม่ลูกตัวอย่าง

            “ไม่อยากพูดหรอก แต่ก็ขอให้ถูกหวยนะ ไอ้น้ำ” แน่ล่ะ การที่มีลูกค้าหวยถูกหวย ย่อมแปลว่าเจ๊แสงจะต้องควักเงินจ่ายไปนั่นเอง

            “ขอบใจนะ เจ๊”

            “อืม”

            “เจ๊แสง” ไอ้น้ำเรียก ระหว่างที่เจ๊แสงกำลังก้มหน้าก้มตากดเครื่องคิดเลขคำนวณเงินนั้นอย่างมันมือ

            “อะไร” เจ๊แสงตอบโดยไม่เงยหน้า มือก็กำลังเขียนอะไรยิกๆ ลงในสมุดเล่มใหญ่

            “เจ๊ ไม่คิดที่จะเปลี่ยนวิธีรับโพยหวยบ้างเหรอ สมัยนี้อะ เขาส่งผ่านเน็ตกันหมดแล้ว” ไอ้น้ำเสนอความคิดเห็น

            “ข้าเคยคิด แต่คนแถวนี้ใช้กันเป็นที่ไหนล่ะ มีแต่คนแก่ทั้งนั้น ใครเขาจะยอมเปลี่ยน เห็นไหมล่ะ กระดาษล้นบ้านไปหมด ปิดงวดทีข้าต้องเผาทำลายทิ้งทันที”

            “ค่อยๆ เปลี่ยนดูไหม แล้วเจ๊เองก็ลองใช้คอมฯ คอมพิวเตอร์อะ เพื่อมาเก็บเลขหวยที่เขาส่งมา ใช้งานไม่ยากหรอก เดี๋ยวฉันสอนให้ก็ได้”

            “ยุ่งยากเปล่าๆ ไม่ล่ะ” เจ๊แสงบอกอย่างขี้เกียจ

            “เจ๊ไม่กลัวตำรวจเหรอ”

            “ไอ้น้ำ ไอ้ปากเสีย ตบปากเลยนะเอ็ง”

            “เจ๊อะ ฉันก็เสนอด้วยความหวังดี”

            “ขอบใจเอ็งมาก แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าจ่ายไว้หลายตังอยู่ ไม่มีตำรวจหน้าไหนมาจับข้าหรอก ถ้าจะจับก็ไปจับ อีภานู่น” เจ๊แสงหมายถึงเจ้ามือหวยรายใหญ่อีกคนของหมู่บ้าน เขาชื่อเจ๊ภา อายุอานามพอๆ กัน

            เคยได้ยินคนในตลาดเล่าว่า ที่สองคนไม่ถูกกันไม่ใช่เพราะว่าทำธุรกิจอาชีพเดียวกันหรอก แต่เพราะเจ๊ทั้งสองเคยแย่งผู้ชายคนเดียวกันต่างหาก ถามว่าผู้ชายเลือกใครไหม ก็เปล่า ไม่เลือกเลย ทั้งที่อกหักกันทั้งคู่แต่ก็ยังเกลียดกันอยู่ดี

            ไอ้น้ำฟังแล้วไม่เข้าใจเลย ทำไมผู้หญิงถึงเข้าใจยาก

            “แล้วนี่จะกลับเลยหรืออยู่รอลุ้นหวยกับข้าที่นี่” เจ๊แสงพูดขึ้นทำลายภวังค์ของไอ้น้ำ

            “กลับเลยดีกว่าเจ๊ มีงานค้างอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวแม่กลับมาบ่นอีก ฉันไม่อยากหูชา”

            “กลับบ้านดีๆ ล่ะ ถ้าถูกหวยเดี๋ยวข้าให้คนเอาเงินไปให้”

“ขอบใจเจ๊” ไอ้น้ำตอบพลางลุกขึ้นเตรียมจะกลับบ้าน

“เอ็งก็นะ กลับไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ไม่ดีกว่าหรือ มาเป็นเด็กเดินโพยหวยให้ข้า มันก็ไม่ได้ดีไม่มีอนาคตขึ้นมา เสียดายความรู้ที่แม่เอ็งอุตส่าห์ส่งไปร่ำเรียนมา ที่พูดเนี่ยเพราะข้าเป็นห่วง เห็นเอ็งมาตั้งแต่เด็ก” เจ๊แสงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “ขอบใจเจ๊มากนะที่ห่วงฉัน แต่ช่างฉันเถอะน่าเจ๊ เดี๋ยวฉันเบื่อก็กลับเองแหละ เจ๊ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก” ไอ้น้ำรีบบอกปัด เมื่อคืนเขาก็เพิ่งน้องสาวบ่นมาเอง เช้านี้ยังไม่อยากฟังซ้ำอีก

            เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไอ้น้ำก็เข้าห้องนอน ปิดประตูเงียบ เขาเปิดโน้ตบุ๊คอีกครั้งและเริ่มลงมือทำงานที่พี่จากที่ทำงานเก่าให้ความเมตตาส่งงานนอกมาให้เขา ทำให้เขามีเงินมาประทังชีวิตในระหว่างที่ตกงานอยู่อย่างนี้ เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกใครเพราะคิดว่าไม่มีใครเข้าใจในงานที่เขาทำอยู่

            “พี่เก่ง ผมส่งงานเฟสที่สองให้ทางเมลแล้วครับ” ไอ้น้ำโทรหาพี่บาส คนหางานให้เขาโดยไม่มีสำเนียงที่เหน่ออย่างปกติที่พูดกับคนแถวบ้าน

            “ขอบใจมาก ถ้าติดอะไรจะเมลกลับไปบอกแล้วกัน ถ้าเรียบร้อยไม่ติดอะไรจะโอนเงินเข้าบัญชีให้”

            “ขอบคุณครับ”

            “เป็นยังไงบ้างน้ำ เบื่อบ้านหรือยัง อยากกลับมาทำงานที่นี่อยู่ไหม” พี่บาสถาม

            “ยังไม่เบื่อเลยพี่ ตอนนี้ผมหาอะไรสนุกๆ ทำได้แล้ว อีกอย่างผมยังไม่พร้อมกลับไปเลย” น้ำตอบเสียงเบา เขายังไม่อยากกลับกรุงเทพฯ

            “อย่าคิดมากล่ะ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง เชื่อพี่”

            “ขอบคุณครับ”

            “ถ้ามากรุงเทพฯ ก็โทรหาพี่ด้วยล่ะ”

            “แน่นอนครับ” น้ำพูดคุยกับปลายสายอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

            เขาหันไปมองนาฬิกาอีกครั้ง

            ฉิบหาย สี่โมงแล้ว หวยออกอะไรวะ!!

            ไอ้น้ำรีบละล่ำละลักเปิดเว็บตรวจหวยทันที เมื่อเห็นตัวเลขที่ออก ดวงตาของเขาก็พร่างพราวระยิบราวกับดวงดาว

            งวดรางวัลประจำวันที่ 01 เดือน xx พ.ศ. 25xx

            เลขท้าย 2 ตัว ได้แก่ 39

            เชี่ยยยย!! กูถูกหวยเว้ยยยยย

            ชายหนุ่มกรีดร้องราวกับถูกรางวัลที่หนึ่ง ทั้งที่เขาถูกแค่เลขท้ายสองตัวเท่านั้น แต่มันคือการถูกหวยครั้งแรกในชีวิต และมันมาจากน้ำพักน้ำแรงที่เขาตามป้าๆ ไปขูดเลขมา

            ดวงคนจะดี มันช่วยไม่ได้นะครับ

ดวงใครดวงมันเนาะ ป้า

            ไอ้น้ำกล่าวไว้อย่างนั้น เขานึกถึงคำพูดของป้าๆ เมื่อวานแล้วขำจนหัวเราะเสียงดัง ป่านนี้บรรดาสามป้านั่นและคนในตลาดที่เชื่อป้า คงพากันร้องไห้น้ำตาแตกไปแล้วแน่ๆ

            รีบไปบอกแม่ดีกว่า

            “แม่!!..แม่!!” ไอ้น้ำตะโกนเรียกแม่ตั้งแต่วิ่งลงจากบันไดบ้านจนถึงสวน

            “อะไรกัน เจ้าน้ำ เสียงดังมาตั้งแต่ไกล หูข้าจะแตกอยู่แล้ว”

            “แม่.. แม่จ๊ะ” เพราะวิ่งมาไม่หยุด ไอ้น้ำเลยต้องกลืนน้ำลาย ปรับการหายใจจากความเหนื่อยหอบ

            “อะไรวะ เรียกอยู่นั่น แล้วนี่วิ่งมาตลอดทางเลยสิท่า เจ้าฝน ไปตักน้ำให้พี่เขาหน่อย”

            “แม่ อย่าเอาใจพี่น้ำมากได้ไหมเนี่ย ตัวเองอยากวิ่งมาตลอดทางทำไมกันล่ะ” น้ำฝนบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ลุกไปตักน้ำจากกระติกให้พี่ชายแต่โดยดี

            “อย่าบ่นนัก แค่เจ้าน้ำคนเดียวข้าก็ปวดกบาลมากแล้ว”

            “แม่..แม่” น้ำเรียกแม่ซ้ำอีก เมื่อการหายใจกลับมาเป็นปกติ

            “อะไรวะ เรียกข้าอยู่นั่น ทำไมมีอะไร”

            “ฉันถูกหวยจ้ะ แม่” น้ำบอกแม่ด้วยความดีใจ

            “เออ ถูกหวยก็ดีแล้ว มาบอกข้าทำไม” แม่น้อยไม่เห็นว่าการที่ลูกชายถูกหวยนั้นจะต้องรีบกระวีกระวาดวิ่งมาหานางแต่อย่างใด

            “แม่ก็เหมือนกันไงจ๊ะ เลขนั้น...น่ะ” ไอ้น้ำทิ้งท้ายไว้เสียงเบา ดวงตามีเลศนัย ความลับระหว่างสองแม่ลูก

            “โอ๊ย เจ้าน้ำ อภิชาตบุตรของแม่ เอ็งไม่ทำให้ข้าผิดหวัง โอ๊ย ข้าหายใจไม่ทัน” แม่น้อยถึงกับหายใจกระหืดกระหอบด้วยความดีใจที่นางใจป้ำลงทุนซื้อหวยไปตั้ง

            ห้าสิบบาท!!

            ปล่อยให้น้ำฝนยืนงง เกาหัวแกรก แกรก กับปฏิกิริยาของมารดาว่ากะอีแค่พี่ชายถูกหวยทำไมต้องทำท่าดีใจจนจะเป็นลมแบบนั้นด้วย

            หลายวันต่อมา ไอ้น้ำนอนอยู่บนบ้านตรงชานเรือน ชายหนุ่มนอนพิงหมอนอิงอยู่ชานบ้าน ยกขาขึ้นมากระดิกอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับกำลังแทะเมล็ดแตงโมอย่างเมามัน ท่านอนแบบนี้ถ้าน้ำฝนมาเห็นคงโวยวายว่านอนกระดิกตีนสบายเลยนะ แต่เดชะบุญของเขา น้ำฝนไม่ได้มาเห็นกลับเป็นแม่ของเขาไปซะได้

            “โอ้โห ลูกข้า กระดิกตีนเพลินนะมึง” ก็คิดว่าไม่ใช่เจ้าฝนแล้วเขาจะรอด แต่ไอ้น้ำก็คิดผิด องค์แม่นั้นหนักกว่าน้องสาวอีกมากนัก

            “โห แม่อะ” ไอ้น้ำ พูดได้เท่านี้ก็เงียบกริบทันที ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะเห็นสีหน้าของแม่แล้วเขาก็รู้สึกขยาดเสียวหลังไม่น้อย กลัวจะไม่ได้กินข้าวเย็น ชายหนุ่มเลยยกขาลง และลุกขึ้นนั่งให้หลังตรงอีกนิด ทั้งที่กำลังสบาย

            “เมื่อไหร่จะกลับไปทำงานทำการที่กรุงเทพฯ เสียที อยู่นี่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์เล้ย มีแต่เปลืองข้าวเปลืองน้ำ อ้อ เปลืองไฟอีกต่างหาก” แม่น้อยบ่นเสียงดังพลางลงนั่งข้างไอ้น้ำ เจ้าตัวรู้ความรีบบีบนวดขาแม่อย่างเอาใจ

            “อย่าบ่นฉันสิแม่” น้ำพูดเสียงอ่อยๆ หวังจะให้แม่เห็นใจและเลิกพูด

            “ข้าไม่รู้หรอกว่าเอ็งมีปัญหาอะไรที่กรุงเทพฯ ถึงได้กลับมาบ้านอย่างกะทันหันแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะ โตๆ กันแล้ว ข้าก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของเอ็งนักหรอก แต่มันเปลืองไฟ เปลืองข้าวเว้ย”

            “ขอบใจจ้ะ แต่ฉันกินไม่จุหรอกแม่ ยัยฝนนู่นกินเยอะกว่าฉันอีก” ไอ้น้ำถือคติว่าใครไม่อยู่ก็ซวยไป

            “เอ้อ ได้ยินว่าบ้านที่อยู่ตรงท้ายตลาด ลูกนางสอน ซ้อมเมียอีกแล้ว ข้าล่ะสงสาร”

            “บ้านไหนเหรอ” ไอ้น้ำถาม เพราะเขาไม่รู้เรื่องเลยว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ด้วย

            “ก็บ้านนางสอน ลูกชายที่ชื่อสินไง จำได้ใช่ไหม มันแต่งเมียเข้าบ้านเมื่อปีก่อน อันที่จริงไอ้สินก็อายุอานามยังไม่มากนักหรอกแค่สามสิบปลายๆ แต่เมียที่แต่งเข้ามาน่ะสิ ยังสาวอยู่เลย รุ่นเอ็งๆ ล่ะมั้ง พอแต่งเมียเด็ก ก็หึงหน้ามืดตามัวไปหมด หนักเข้าก็เริ่มซ้อมเมีย เมียมันชื่อพัด ถ้าไม่ตาเขียวก็แขนขาเขียวเป็นจ้ำตลอด ไม่รู้ทนอยู่ได้ยังไง”

            “ฉันไม่รู้เลยจ้ะ ว่าพี่สิน เขาแต่งงานใหม่” น้ำรู้จักสินเพราะคนในละแวกนี้ก็คุ้นหน้ากันทั้งนั้น

            “เออ ข้าก็ลืมไป ว่าเอ็งคงไม่ทันรู้เรื่องกับเขาหรอก เพราะเพิ่งกลับมา”

            “จ้ะ แล้วพี่สินก็ซ้อมเมียอีกแล้วเหรอ แม่”

            “อืม เห็นว่า แฟนเก่านางพัดมาหา คงมาขอคืนดีหรือเปล่า ข้าก็ไม่ค่อยรู้หรอก ไอ้สินมันก็หึงตามปกติของมันนั่นแหละ นางพัดก็เจ็บตัวเหมือนเคย”

            “ขนาดแม่ไม่ค่อยรู้นะจ้ะ ฉันนึกว่าแม่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นเสียอีก”

            “บ๊ะ! ไอ้น้ำ ไอ้ลูกตัวดี” แม่น้อยค้อนลูกชายวงใหญ่

            “แม่เพิ่งบอกฉันว่าเป็นลูกอภิชาตบุตรเมื่อวันก่อนเองนะจ๊ะ” ไอ้น้ำล้อเลียนคำพูดของแม่ในวันที่ถูกหวย

            “ว่าข้า ระวังนรกจะกินหัวเอ็ง”

            “ขอโทษจ้ะ” น้ำยกมือไหว้แม่ แต่ก็ไม่ได้สำนึกอะไรนัก แค่ทำพอเป็นพิธีให้แม่เลิกบ่น

            “เอ็งก็เหมือนกัน ถ้ามีเมียก็อย่าไปทุบตีเขาเข้าล่ะ ลูกใครใครก็รัก พ่อแม่เขามาเห็น มาเจอเข้าจะรู้สึกยังไง แม่ก็ไม่ชอบเหมือนกันถ้าจะมีคนมาทุบตีเอ็งหรือยัยฝน”

            “ฉันรู้จ้ะ และไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก” น้ำตอบแม่ ประกอบกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เศร้าหมองลง

            “อย่าลืมกินข้าวกินปลา ข้าเข้าไปสวนก่อน”

            “จ้ะ แม่” คล้อยหลังแม่ไป น้ำก็รู้สึก อ่อนแรง ร่างกายค่อยๆ เอนตัวลงจนพิงหมอนได้นั่นแหละ เจ้าตัวจึงเริ่มแทะเมล็ดแตงโมต่ออีกครั้ง ไปพร้อมกับนิ้วเท้าที่กระดิกไม่หยุด

            เพลาดีเวียนบรรจบ ประสพพบอีกครา

สิบสี่หมุนเวียนมา จะรอช้า อยู่ทำไม

            พูดมาขนาดนี้แล้ว วิ่งสิครับ หวยเด็ดอยู่ทางไหน รอพี่ด้วย...

            ไอ้น้ำวิ่งมาเต็มฝีเท้า พอเข้าตลาดก็เริ่มชะลอความเร็วลง แสร้งทำเหมือนมาเดินจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อของเท่านั้น แต่หูที่คั่นสมองนั้นกับกางออกราวกับจะแผ่เรดาร์เพื่อหาเลขเด็ด ชายหนุ่มเดิมเมียงๆ มองๆ เข้าไปใกล้แผงขายผักของนางแช่ม ใกล้หวยออกแบบนี้ มันต้องมีเลขมาบ้างสิวะ

            “นี่นางเล็ก นางสาย ข้าได้ยินมาว่ามีคนกู้ซากเรือเก่าได้ตรงท่าน้ำหน้าวัดว่ะ อาจจะมีเลขเด็ดก็เป็นได้นะเว้ย” นางแช่มเริ่มฝอย

            “ก็ซากเรือธรรมดาๆ หรือเปล่าวะนางแช่ม ไม่เห็นต้องทำดีอกดีใจอะไรขนาดนี้” นางเล็กทำท่าไม่ค่อยสนใจพลางบ่นนางแช่ม

            “เอ็งไม่รู้อะไร ซากเรือธรรมดาที่ไหนกัน ไม้ตะเคียนเชียวนะเอ็ง เจ้าแม่ตะเคียนหรือเปล่า แล้วข้ายังได้ยินมาอีกว่า มีคนถูกผู้หญิง ใส่ชุดไทย หน้าตาสะสวยเข้าฝัน บอกให้ช่วยเอานางขึ้นจากน้ำที นางหนาว ถ้าช่วยนางได้ นางจะตอบแทนเป็นลาภก้อนโต”

            “จริงเหรอวะ นางแช่ม” นางสายพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

            “ฮึ้ย ข้าเคยหลอกเอ็งรึ” นางแช่มพูดอย่างไม่สบอารมณ์

            “ข้าก็แค่ถามดู ไม่ได้จะหาว่าเองมุสาอะไรหรอกน่า แล้วไงต่อล่ะ” นางสายรีบพูดประจบเอาใจเพราะกลัวนางแช่มจะไม่เล่าต่อ

            “วันนี้ข้าเลยกะว่าจะไปดูเลขเสียหน่อย ทั้งเอ็งและนางเล็ก ต้องไปกับข้าด้วยล่ะ”

            “แน่นอน” นางเล็กและนางสาย รับปากพร้อมกัน

            “จะไปไหนกันเหรอจ๊ะ ป้าทั้งสามคน” ถึงเวลาแล้วที่ไอ้น้ำจะแสดงตัวออกมา

            “ท่าน้ำหน้าวัด” นางแช่มพยายามตอบให้สั้นที่สุด เพราะไม่อยากบอกไอ้น้ำ หวยงวดก่อนมันก็ทำนางพลาดหวยไปรอบหนึ่งแล้ว คิดแล้วยังโมโหไม่หาย ลงทุนไปตั้งหลายร้อย

            “ไปทำอะไรกันจ๊ะ” ไอ้น้ำถามต่อทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

            “ก็ไปหาเลขน่ะสิ เผื่อเป็นเจ้าแม่ตะเคียนอาจถูกหวยชุดใหญ่ เอ็งไปไหมล่ะไอ้น้ำ” นางสายผู้ไม่เคยคิดอะไรจึงกล่าวชักชวนเด็กหนุ่มออกไป

            “นางสาย ไปชวนมันทำไม เดี๋ยวพวกเราก็ไม่ถูกหวยอีกหรอก” นางแช่มหันไปโวยวายใส่นางสาย

            “แหม ป้าอย่าโกรธฉันเลย ก็ป้าบอกเองว่าดวงใครดวงมัน ป้าให้ฉันไปด้วยเถอะนะจ๊ะ ถ้าฉันเห็นเลข ฉันจะบอกป้าแน่นอนจ้ะ” ไอ้น้ำพยายามเอาหน้าตาขาวๆ ซื่อๆ นั้นออดอ้อนป้าแช่ม

            “ก็ได้ๆ คืนนี้ อย่าลืมล่ะ”

            “ได้เลยป้า ฉันไม่ลืมแน่นอน” ไอ้น้ำรับปากพร้อมกับเดินผิวปากออกจากตลาด พลางคิดในใจคืนนี้สนุกแน่เว้ย

ภารกิจตามหาหวยเด็ดเริ่มขึ้นแล้ว

“แม่จ๊ะ นี่จ้ะ” ไอ้น้ำยื่นอะไรบางอย่างให้แม่น้อย

“อะไรของเอ็ง”

“แม่ดูไม่ออกหรือ เงินไงแม่”

“แล้วมาบอกข้าทำไม” แม่น้อยไม่เข้าใจยังก้มหน้าตักข้าวเข้าปากอยู่

“อะไรของพี่น้ำ” น้ำฝนบ่นออกมาเหมือนกัน

“ก็เงินไง นี่ฉันให้ ไว้เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าอะไรก็แล้วแต่แม่เลยจ้ะ” น้ำจับมือแม่ขึ้นมาก่อนวางเงินจำนวนหนึ่งลงไป

“เงินอะไรวะ ข้าไม่เอาหรอก เอ็งตกงานอยู่ไม่ใช่หรือไง” แม่น้อยทำท่าจะไม่รับน้ำใจจากบุตรชาย

“รับไปเถอะ ฉันอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ได้อยู่เปล่าๆ ปลี้ๆ ฉันมีงานพิเศษทำจ้ะ” ไอ้น้ำตอบ

“งานพิเศษ วิ่งหาเลขและซื้อหวยน่ะเหรอ พี่น้ำ” น้ำฝนพูดประชดพี่ชาย เพราะเธอไม่เห็นพี่ชายทำอะไรนอกจากหาเลขเด็ดไปวันๆ

“จริงอย่างยายฝน มันว่า เอ็งเอาแต่ไปเสาะหาเลขเด็ด จะเอาเวลาไหนไปทำงาน”

“โห แม่ เห็นฉันเป็นลูกไม่ได้ความเลยเหรอ ฉันก็มีงานพิเศษอยู่จ้ะ จากที่ทำงานเก่า”

“เหรอวะ” แม่น้อยถามซ้ำเพราะยังไม่ปักใจเชื่อ

“จ้ะ ฉันเพิ่งได้เงินมาสดๆ ร้อนๆ ก็เอามาให้แม่เลย”

“ไม่เป็นไรหรอก มีเอ็งเพิ่มมาอีกคน ข้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ไม่เห็นหรือว่าข้าเลี้ยงพวกเอ็งจนโตมาได้ขนาดนี้แล้ว”

“ฉันอยากให้นี่จ้ะ ก่อนหน้านี้ฉันก็ให้แม่เสมอ ยิ่งฉันกลับมาบ้าน เงินทองก็แทบไม่ได้ใช้ พอฉันได้เงินมาก็เอามาให้ ฉันจะบอกให้นะแม่ อยู่ที่นี่เงินเหลือมากกว่าตอนที่ฉันอยู่กรุงเทพฯ อีก แถมยังได้อยู่กับแม่กับยายฝนอีก แม่ว่าไม่ดีหรือ”

“เอ็งกลับมาอยู่บ้าน ข้าก็ดีใจ แต่ไม่อยากให้เอ็งลอยไปลอยมา อายุก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ไม่มีอนาคตเป็นหลักแหล่งถ้าไปขอเมียบ้านไหน ใครเขาจะยกลูกสาวให้” แม่น้อยเตือนด้วยความเป็นห่วง และความหวังดีในตัวลูกชาย

“ฉันไม่แต่งงานหรอก อยู่กับแม่ฉันก็มีความสุขแล้ว”

“จะอ้วก ฉันจะคอยดู วันไหนเจอผู้หญิงบ้านไหนแล้วมาบอกให้แม่ไปขอให้ฉันจะเอาคำพูดนี้มากรอกหูพี่” น้ำฝนพูดพลางตักข้าวเข้าปาก

“รับไว้นะแม่ ให้ฉันสบายใจ” ไอ้น้ำหรี่ตามองน้องสาวแต่ก็ไม่ได้สนใจจะตอบกลับไปคะยั้นคะยอให้แม่รับเงิน

“เออ ก็ได้ ถ้าไม่มีเงินแล้วมาขอ ข้าไม่ให้คืนนะเว้ย” ในที่สุดแม่น้อยก็ใจอ่อนยอมรับเงินนั้น

“...” ไอ้น้ำไม่ตอบ แค่เพียงยิ้มกว้างเพราะเขารู้ดีว่าแม่ให้เขาได้ทั้งหมดนั่นแหละ

            คืนนั้นพอเก็บสำรับอาหารเย็นเสร็จ ไอ้น้ำก็รีบกุลีกุจอช่วยแม่น้อยล้างจาน ท่าทางกระตือรือล้นเกินปกติจนน้ำฝนยิ่มแปลกใจความขยันของพี่ชายเข้าไปใหญ่ ร้อยวันพันปี มีแต่ใช้น้ำฝนไปล้างจานแทนตัวเอง

            วันนี้อะไรกันวะ ไหนจะเอาเงินให้แม่ ช่วยแม่ทำงาน มันไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า



=========================================

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

เรื่องนี้พยายามลงให้ได้ทุกวันอังคารและศุกร์นะคะ

ขอบคุณค่าาา

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
งวดสาม เลขเด็ดงวดนี้

ณ บริเวณ ศาลาท่าน้ำหน้าวัด  คืนนี้ ผู้คนคึกคัก อย่างกับว่ามีงานวัด ผู้คนมากมายมารวมกันอยู่ที่แห่งนี้ แต่เป้าหมายของเหล่าผู้มาชุมนุมในวันนี้คือการหาเลขเด็ด



"ไอ้น้ำ คืนนี้เห็นเลขอะไรบอกพวกข้าด้วยนะโว้ย งวดก่อนเลขเอ็งเข้า พวกข้าไม่ได้ตาม คิดแล้วมันเสียดายจริง รู้อย่างนี้ ตามสัก สิบ ยี่สิบ ก็ยังดี เนอะ นางสาย นางแช่ม" นางเล็กเต็มไปด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าเสียดายเลขเด็ดงวดก่อน จึงพูดดักทางเอาไว้เพราะกลัวไอ้น้ำงุบงิบ



“ใช่ คิดแล้วเสียดาย” นางแช่ม นางเล็กตอบโดยพร้อมเพรียงกัน



“ถ้าฉันเห็นฉันบอกแน่จ้ะ” ไอ้น้ำที่ยืนรั้งท้ายป้าเช่นเคยส่งยิ้มและตอบข้ามหัวสามป้าออกไป



"ว่าแต่ เอ็งไม่เข้ามาลูบบ้างล่ะ เผื่อแม่ตะเคียน อยากได้สัมผัสจาก หนุ่มๆ บ้าง" นางแช่มแกล้งเย้าไอ้น้ำ



"ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันดูอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว" ไอ้น้ำทำท่าจะเข้าไปลูบแต่พอป้าแช่มพูดประโยคต่อท้ายตามมา เขาเลยเริ่มกลัว หากเจ้าแม่ตะเคียนอยากตามเขาไปที่บ้านด้วยจะทำอย่างไร คิดแล้วไอ้น้ำก็ลูบแขนตัวเองเบาๆ ขนลุกชูชันไปหมดแล้ว



"เออ ตามใจเอ็ง ข้าถูต่อก่อน"



"ป้า เห็นยัง เร็วๆ สิ ยุงจะหามฉันอยู่แล้ว"  ไม่ถึงนาที ไอ้น้ำก็ถามขึ้น



"ยังไม่เห็นเลยว่ะ หรือคืนนี้จะไม่มีดวง" นางแช่มหันมาบอกไอ้น้ำ



"ไม่มีดวงได้อย่างไร ไม่ได้ๆ เปลี่ยนที่หาไหม ป้า" ไอ้น้ำไม่ยอม คืนนี้เขาจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ น้ำพูดพลาง เกา

แขนขาที่คันจากยุงกัดไปด้วย จะตบยุงให้ตายก็ไม่กล้า ไม่อยากทำบาป ก่อนวันหวยออก เขาต้องสั่งสมบุญไว้ให้มากเข้าไว้

         

         “เออ ก็ดี” นางแช่มขยับหาที่ใหม่แล้วเริ่มลงมืออีกครั้ง





ผ่านไปอีกสักพัก ไอ้น้ำคิดคืนนี้สงสัยจะชวดแล้วล่ะมั้ง บรรดาสามป้า ยังไม่ได้เลขสักตัวเลย น้ำชะโงกหน้ามองแป้งขาวๆ พลางทอดถอนใจ หรือว่าวันนี้ต้องกลับบ้านมือเปล่าแล้ววะ





ทันใดนั้น เสียงป้าแช่มก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจ ที่มโนภาพจนเห็นเป็นตัวเลข



"ไอ้น้ำโว้ย มาดูตรงนี้ซิ ว่าเลขอะไร ป้าเห็นเลขหนึ่งกับสองว่ะ มา เข้ามาใกล้ๆ" สามป้ากวักมือเรียกไอ้น้ำ พร้อมใจกันแหวกพื้นที่ตรงกลางว่างเอาไว้ให้ไอ้น้ำเข้าไปเห็นตัวเลขได้อย่างชัดเจน



"เลข! เลขมาแล้วนี่จ๊ะ ป้า" น้ำรีบดิ่งเข้าไปตรงที่ป้าเรียก ชายหนุ่ม เพ่งดูเลขตรงที่ป้าบอก พร้อมกับพูดขึ้นว่า



"ป้า ฉันเห็นเลขหนึ่งกับห้าอะ" น้ำพูดพลางขมวดคิ้ว สองกลับข้างเปล่าวะ แต่ก็ห้าชัดๆ อยู่นา



"โอ้ย หนึ่งห้า มานเพิ่งออกไปงวดที่แล้ว จะมาออกอะไรอีก แต่เอาเถอะ เดี๋ยวซื้อติดไว้สิบบาทละกัน"  นางสายพูดด้วยความเซ็งคิดว่าจะได้เลขดีๆ แต่กลับได้เลขงวดที่เพิ่งออกไปงวดก่อน โอกาสจะออกอีกครั้งมันยากเต็มทน



"ตามใจป้าเลย”



“แล้วนี่เอ็งจะเดินดูของอะไรก่อนไหม หรือจะกลับเลย” นางเล็กถามขึ้นหลังจากกลุ่มทะลวงหาเลขเด็ดกำลังจะสลายตัว



“ฉันว่าจะเดินดูของแถวนี้ก่อน” ไอ้น้ำตอบสามป้ากลับไปตั้งใจจะหาอะไรกินเล่น แต่จู่ๆ หน้าตาที่กำลังยิ้มแย้มก็หุบยิ้มลงทันควัน



“ฉันให้เลขห้านะจ๊ะ พ่อน้ำ....” เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นข้างหูไอ้น้ำ



“ป้า..” น้ำตะโกนเรียกสามป้าได้ทันก่อนที่ป้าจะเดินหายไป



“อะไรวะ” นางแช่มหยุดเดินแล้วหันมาถามตามเสียง



“ฉันเปลี่ยนใจ ขอกลับพร้อมกับป้าๆ นะจ๊ะ”



“ไม่ดูของแล้วหรือ” นางเล็กถามบ้าง



“จ๊ะ ดึกแล้วเดี๋ยวแม่ฉันปิดบ้านหนีฉันเสียก่อน”



“เออ ไปสิ”



“จ้ะๆ” ไอ้น้ำรีบตอบรับคำแล้วเดินแทรกกลางระหว่างสามป้าทันที โดนป้าสายบ่นนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้ไอ้น้ำเดินตรงกลาง





“ฮ่าๆ พ่อน้ำ พ่อรูปหล่อ กลับแล้วเหรอ งวดนี้ฉันให้สามตัวตรง ศูนย์ หนึ่ง ห้า เลยนะจ๊ะ พ่ออย่าลืมซื้อ แล้วงวดหน้ามาหาฉันอีกนะ”





ไอ้น้ำได้ยินเสียงดังขึ้นไล่หลังก็ขนลุกซู่หนักไปกว่าเดิม ในใจสวดภาวนา นะโมตัสสะ อย่างรวดเร็ว ไม่ลืมแผ่เมตตาต่อท้ายอีกสักบท





เห็นทีงวดหน้าต่อให้แม่นขนาดไหน เขาคงจะไม่กล้ามาอีกแล้ว



ยกโทษให้ฉันเถอะนะจ๊ะ แม่ตะเคียน ฉันกลัวแล้วจ้า

         

         เช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้น้ำรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำภารกิจสำคัญของวันนี้ วันที่ยิ่งใหญ่ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเก็บหวยในตลาด น้ำก็ตะโกนถามแม่น้อยที่เพิ่งกลับมาจากสวนว่างวดนี้จะซื้ออะไร



         “หน้าตาเอ็งเป็นอะไร ซีดเซียวอย่างกับโดนผีหลอก ตาก็คล้ำเชียว นอนไม่พอเหรอ” แม่น้อยถามเพราะลูกชายมีสีหน้าอิดโรยอย่างกับคนอดนอน



            “ฉะ..ฉันก็แค่นอนดึกไปหน่อยเอง” น้ำติดอ่างตอบ แม่พูดอย่างกับตาเห็นแน่ะ รู้ได้ไงว่าเขาเจอผีหลอก



"เออ เข้านอนให้มันแต่หัวค่ำ เอ็งอะเอาแต่ตะลอนไปวันๆ เอ้านี่ เอาไป แล้วซื้อตามเอ็ง ตัวละร้อย" แม่น้อยบอกอย่างใจป้ำเช่นเคย พร้อมยื่นกระดาษใบเล็กให้บุตรชาย



“ตัวละร้อยเลยเหรอแม่ งวดที่แล้วแม่ซื้อแค่ห้าสิบบาทเอง” ไอ้น้ำพูดด้วยความเป็นห่วง เขาไม่อยากให้แม่ติดหวย ทุ่มทุนเล่นจนเกินไปนัก น้ำรับกระดาษใบนั้นมาพับให้เล็กลงไปอีกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงช่องที่ไว้เก็บเศษเหรียญ



“อะไรกันเล่า นิดหน่อยน่า ก็ถือว่าข้าเอาจากงวดที่แล้วมาเล่นไง” แม่โบกมือประมาณว่านิดๆ หน่อยๆ



“มันจะดีเหรอแม่” ไอ้น้ำถามย้ำ



“ไม่เป็นไร งวดเดียวเท่านั้นแหละ”





"แม่” อยู่ๆ ไอ้น้ำก็กระซิบเสียงเบา จนแม่น้อยต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้



“อะไรวะ” แม่น้อยกระซิบถาม



“งวดนี้ฉันได้มาสามตัวตรง แม่จะเอาด้วยไหม"



“พูดอะไรของเอ็งวะ ใส่เข้าไปเลย อย่าลืม” แม่น้อยรีบบอก



“ได้เลยจ้ะ แม่” ไอ้น้ำยิ้มตอบ ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบันไดขั้นล่างสุดของบ้านเพื่อใส่รองเท้าผ้าใบ วันนี้เขานึกครึ้มอยากใส่รองเท้าผ้าใบคู่โปรดบ้าง ไม่ได้ใส่นานแล้ว กลัวมันจะน้อยใจไปเสียก่อน



“นี่ ไอ้น้ำ เอ็งเล่นหวยหนักหรือเปล่า อย่าให้มันเยอะเกินไปล่ะ ข้าเป็นห่วง”



"ไม่เยอะ ไม่กี่สิบเอง แม่ไม่ต้องห่วงฉันว่าจะเล่นจนหมดตัวหรอกนะเพราะฉันเอาเงินที่ได้จากการเดินหวยมาเล่นแค่นั้นเอง"



"อืม แล้วไปส่งหวยก็ระวังไว้บ้างนะ แม่ไม่อยากไปประกันตัว รู้ไหม"



"อวยพรฉันแต่เช้าเลยนะ ขอบใจจ้ะ ฉันจะระวัง ฉันไปก่อนนะ”



“ไปดีมาดี”





            ไอ้น้ำเดินลัดเลาะจากบ้านตรงมาถึงทางเข้าตลาด บ้านไอ้น้ำกับตลาดนั้นอยู่กันคนละฝั่ง อาศัยสะพานข้ามคลองนี้เดินทางอยู่เป็นประจำ ในฝั่งทางบ้านของเขาจะค่อนข้างเงียบไม่ครึกครื้นเพราะชาวบ้านมักจะทำสวนไร่นากัน แต่ฝั่งตรงข้ามหรือฝั่งตลาดจะมีร้านค้ามากมาย เป็นศูนย์กลางการเงินของหมู่บ้านนี้เลยก็ว่าได้





            ชายหนุ่มเดินมาถึงสะพานข้ามไปตลาดก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบตำรวจสีกากี กำลังยืนมองสายน้ำด้านล่างอยู่ น้ำประเมินจากสายตา ตำรวจคนนี้เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย ทั้งอายุก็ดูยังไม่ค่อยมากเท่าไหร่ อาจจะพอๆ กับเขาหรือไม่ก็มากกว่าเขาไม่กี่ปี





            น้ำรีบเดินผ่านเลยตั้งใจไม่หยุดทักทายอะไรตำรวจผู้นี้ทั้งสิ้น เพราะเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาเรื่องใส่ตัวเอง ของกลางโพยหวยยังอยู่ในกระเป๋า พอดีพอร้ายคืนนี้นอนซังเต ได้สมพรปากของแม่แน่



            “เดี๋ยว ไอ้หนู” แต่จังหวะที่สวนกลางน้ำก็ถูกอีกฝ่ายเรียกไว้ เขาเลยหยุดชะงักลง ข่มอาการตื่นกลัวเพราะกลัวจะเป็นพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้



            “หือ? เรียกฉันเหรอ....ลุง” ไอ้น้ำฉุน นี่เขาอายุไม่ใช่เด็กแล้ว มาเรียกไอ้นง ไอ้หนู ดูถูกหน้าหล่อๆ นี้ชะมัด แล้วดูตัวคนเรียก เหอะ อายุก็คงไม่ได้มากกว่าเขาเท่าไหร่นัก ลดอายุให้เขาใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเขาจะเพิ่มอายุให้อีกฝ่ายเอง



            “ใช่” ฝ่ายนั้นตอบห้วนสั้น คงสะดุดกับคำว่า ลุง ที่เด็กหนุ่มเรียกเหมือนกัน ไอ้น้ำมองคนตรงหน้าแล้วคิดว่าทำไมตำรวจต้องขี้เก๊กด้วยวะ



            “จะไปไหน”



            “จะไปไหนแล้วทำไมต้องตอบลุงด้วยล่ะ ประชาชนที่หมู่บ้านนี้ก็มีสิทธิ์เสรีภาพไปไหนมาไหนได้ทั้งนั้น” เพราะตั้งใจจะกลบเกลื่อนความผิดในตัว ไอ้น้ำเลยตอบโต้คุณตำรวจไปแบบนั้น แต่เขาไม่คิดเลยว่าคำตอบนั้นมันจะนำภัยสู่ตัวเอง



            “ตอบเฉไฉ ไม่ตรงประเด็น มีอะไรปิดบังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่หรือเปล่า” ตำรวจหนุ่มพูดลอยๆ ขึ้นมา ไอ้น้ำก็เป็นเหมือนชาวบ้านคนอื่น เวลาอยู่ต่อหน้าตำรวจก็มักจะทำตัวไม่ถูก ยิ่งทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่ มือไม้ยิ่งอยู่ไม่สุข





            ทางด้านตำรวจหนุ่ม  ด้วยความที่เขาเพิ่งย้ายมาใหม่ เลยออกเดินลัดเลาะจากสถานีตำรวจเรื่อยมา เพื่อดูสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านนี้ ระหว่างนั้นก็เฝ้าสังเกตพฤติกรรมหรือชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านนี้ไปด้วย เขาต้องเริ่มศึกษาชาวบ้านตั้งแต่ต้น มิเช่นนั้นเขาอาจจะเข้าไม่ถึงประชาชนเลยก็เป็นได้



            “มะ....ไม่....ไม่มี” ไอ้น้ำตอบตะกุกตะกัก เอามือไพล่หลังราวกับมีของซุกซ่อน กิริยาทำไปโดยอัตโนมัติทั้งที่ในมือของเขาไม่มีของอะไรเลยแม้แต่น้อย คุณตำรวจเห็นก็ยิ่งสงสัยในพฤติกรรม



            “ท่าทางแบบนี้ มีของผิดกฎหมายอยู่กับตัวหรือไง” ตำรวจหนุ่มถามชี้เปิดทาง ในทีแรกที่เขาเรียกเด็กคนนี้ก็แค่เพียงเพื่อจะพูดคุยเรื่องทั่วไป สอบถามเรื่องราวในหมู่บ้านจึงเปิดคำถามไปว่า อีกฝ่ายจะไปไหน แต่ไม่นึกเลยว่า พิรุธของเด็กหนุ่มจะเด่นชัดขนาดนี้



            “เปล่า ฉันไปก่อนนะ พอดีรีบ เดี๋ยวจะสาย ไว้คุยกันวันหลังนะลุง”



            “สาย? มีนัดอะไรตั้งแต่เช้า” ตำรวจหนุ่มยังไม่รามือจากเด็กหนุ่มตรงหน้าไปง่ายๆ เขาสัมผัสได้ว่าคนคนนี้มีอะไรปิดบังเขาอยู่



            “ก็จะไปหาข้าวกินในตลาด หิว” ไอ้น้ำรีบตอบส่งๆ ไป เขาอยากไปให้พ้นจากตรงนี้แล้ว



            “ร้อนรนแบบนี้ ทำยังไงก็ปล่อยไปไม่ได้จริงๆ ถ้าไอ้หนู บริสุทธิ์ใจจริง ขอฉันค้นตัวหน่อยได้ไหม” ตำรวจหนุ่มเดินเข้ามาหาผู้ต้องสงสัย ไอ้น้ำรีบถอยเท้าโดยอัตโนมัติ



            “เดี๋ยวก่อน ลุง...นี่คุณตำรวจ ไม่มีสิทธิ์มาตรวจค้นฉันในที่สาธารณะนะ มันผิดกฎหมาย ไม่รู้หรือไง” ไอ้น้ำโต้ตอบกลับไปด้วยความหัวหมอ



            “รู้กฎหมายด้วยหรือเรา” ตำรวจเลิกคิ้วแล้วถามคนตรงหน้า



            “เห็นว่าอยู่บ้านนอก อย่าคิดว่าไม่มีความรู้” ไอ้น้ำได้ที ถือไพ่เหนือกว่า จึงรีบพูดต่อ



            “แล้วรู้ด้วยหรือไม่ว่า ถ้าบุคคลนั้นมีเหตุให้น่าสงสัยหรือมีพิรุธนั้นย่อมทำได้” ตำรวจหนุ่มอธิบายไอ้น้ำด้วยความใจเย็นและพลิกกลับมาถือไพ่อย่างเป็นต่อ



            “ฉะ...ฉันมีอะไรน่าสงสัย ตรงไหน” ไอ้น้ำยังตะแบงต่อไม่หยุด



            “เอางี้ ฉันจะบอกให้คุณประชาชนทราบ พอดีทางตำรวจได้รับรายงานมาว่าที่หมู่บ้านนี้มีเจ้ามือหวยใต้ดินอยู่ และวันหวยออก จะมีเด็กเดินโพยหวยไปส่งเจ้ามือ และฉันสงสัยว่า นายกำลังเข้าข่ายนั้น”



            “ลุงพูดแบบนี้ จะกล่าวหาว่าฉันมีส่วนร่วมกับเจ้ามือหวยเหรอ ฉันฟ้องหมิ่นประมาทลุงได้นะ” ไอ้น้ำทำใจดีสู้เสือ พูดๆ ไปเถอะ เดี๋ยวนี้ใครก็ชอบขู่ว่าจะฟ้องหมิ่นประมาททั้งนั้น



            “ฉันเชื่อแล้วว่าคุณประชาชนมีความรู้ด้านกฎหมาย แต่ด้วยเกียรติของอาชีพที่ฉันทำอยู่ ถ้าหากว่าฉันค้นตัวนายแล้วไม่พบหลักฐานอะไร ฉันจะยอมให้นายฟ้องกลับทุกข้อกล่าวหา ข้อตกลงแบบนี้ โอเคไหม...ครับ” นายตำรวจหนุ่มยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมประกาศข้อตกลงระหว่างกันออกมาอย่างชัดเจน เขายอมแลกเพราะมั่นใจและเชื่อในสายตาตนเองเหลือเกินว่า เด็กหนุ่มต้องมีอะไรซุกซ่อนอยู่แน่ๆ



            “เอ่อ...คือ..” ไอ้น้ำตะกุกตะกัก จะให้เขาตอบอย่างไรได้ล่ะ ปฏิเสธก็ไม่ได้ ยอมรับก็ไม่ได้ หรือว่าจะถึงคราวซวยของเขาแล้วจริงๆ



            “ผู้กองปรานต์ครับ ได้รับแจ้งความว่ามีคนตายครับ” เสียงจ่าสมคิดและจ่าชอบดังขึ้นพร้อมกันด้านหลังผู้กอง



            “คนตาย? ที่ไหนหรือจ่า” ผู้กองหันไปถามจ่าทั้งสองคน



            “บ้านนางสอนที่อยู่ท้ายตลาดครับ” จ่าสมคิดตอบ แต่กระนั้นนายตำรวจยศใหญ่กว่าก็ไม่รู้จักอยู่ดี



            “อืม รีบไปกันเถอะ” ผู้กองบอกจ่าทิ้งท้ายก่อนจะหันกลับมายังผู้ต้องสงสัย



“วันนี้ถือว่าดวงของนายยังโชคดี รอดไปได้”  ผู้กองพูดจบก็รีบตามจ่าไปทันที ในใจก็พลันคิดว่าเด็กหนุ่มเมื่อสักครู่นี้ พูดจาไม่เหมือนชาวบ้านที่นี่ ซ้ำดูมีความรู้อยู่ไม่เบา หรือจะหัวหมอก็ไม่รู้เหมือนกัน



            “เฮ้อ..เกือบซวยแล้วไหมล่ะ ไอ้น้ำ ตำรวจใหม่นี่มันฉลาดชะมัด” ไอ้น้ำที่ยังยืนอยู่บนสะพานข้ามคลองถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะถ้าโดนค้นตัวล่ะก็ ไม่พ้นวันนี้ยังไงเขาก็ต้องเข้าไปนอนในห้องขังแน่นอน พอดีพอร้ายหวยก็ไม่ได้ส่ง





            พอนึกถึงหวย ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ เขารีบวิ่งไปบ้านเจ๊แสงราวกับติดจรวจเพราะใกล้หมดเวลาปิดรับหวยแล้ว



            “เจ๊แสง เจ๊แสง อย่าเพิ่งปิดนะเจ๊ ฉันมาแล้วจ้ะ” ไอ้น้ำกระหืดกระหอบวิ่งร้อยเมตรมาบ้านเจ๊แสง



            “เอ้อ อีกนาทีเดียวข้าจะปิดแล้ว ไหนๆ เอามาให้ข้าดู ทำไมรอบนี้เป็นลายมือวะ” น้ำรีบส่งกระดาษให้ พร้อมกับหวยของตัวเองที่เพิ่งจะเขียนเพิ่มในใบของแม่น้อย เจ๊แสงรับไปอ่าน จดอะไรยิกๆ ลงสมุดเล่มใหญ่เช่นเดิม ทิ้งให้ไอ้น้ำได้ปรับการหายใจ



            “ก็ฉันไม่มีเวลา แค่นี้ก็เกือบจะเก็บมาส่งเจ๊ไม่ทันแล้วเนี่ย” ไอ้น้ำพูดทั้งที่ยังกระหืดกระหอบอยู่



            “อะไรของเอ็ง เวลาตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมถึงจะไม่ทัน มัวแต่เถลไถลที่ไหนมาล่ะ” เจ๊แสงบ่นไม่จริงจังนัก ไอ้น้ำก็ไม่ได้คิดจะแก้ตัวอะไร



            “เออ นี่เจ๊” ไอ้น้ำพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหายเหนื่อย



            “อะไรวะ”



            “ตำรวจที่เพิ่งย้ายมาใหม่อะ เจ๊รู้จักปะ” ไอ้น้ำเริ่มเลียบเรียงเคียงถาม



            “รู้จัก ได้ยินมาว่าชื่อผู้กองปรานต์ ทำไมวะ”





ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ชว่า ผู้กองนี่ยศอะไร แล้วเขาก็ถึงบางอ้อ



            อ่อ... ร้อยตำรวจเอก





            “ฉันเจอเขามาตะกี้จ้ะ”



            “อืม แล้วมาบอกข้าทำไม” เจ๊แสงย้อนถามด้วยความไม่เข้าใจ ก็แค่ตำรวจ จะมาถามนางทำไม



            “จะไม่ให้ฉันบอกได้อย่างไรล่ะเจ๊ ก็ตำรวจใหม่นั่นน่ะ สงสัยว่าฉันจะเดินโพยหวยให้เจ๊ วันนี้ก็เกือบจะค้นตัวฉันแล้ว”



            “หา!! จริงเหรอวะ เป็นไปได้อย่างไร ข้าจ่ายเงินไปงวดๆ หนึ่ง ตั้งเยอะตั้งแยะ ไฮ้ อะไรวะ แบบนี้ก็เท่ากับหลอกเงินข้าไปฟรีๆ น่ะสิ”



            “เจ๊จ่ายให้ใคร ตำรวจเพิ่งย้ายมาใหม่ เขาจะรู้ด้วยไหมล่ะ” ไอ้น้ำถาม



            “เออว่ะ ไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวข้าจะต้องไปถามให้รู้เรื่อง จ่ายไปแล้วยังจะมาจับเอ็งได้อย่างไร”



            “เจ๊จำที่ฉันบอกได้ไหมว่าให้เปลี่ยนการส่งหวยอะ”



            “เออ”  เจ๊แสงตอบแล้วนิ่ง



            “เจ๊แสงจ๊ะ” ไอ้น้ำเรียกเพราะเห็นเจ๊แสงเงียบไป



            “เออๆ ข้ารู้แล้ว นี่กำลังใช้ความคิดอยู่ ว่าจะเอาอย่างไรดี ถ้าเอ็งหรือคนอื่นโดนจับไปล่ะ เรื่องใหญ่เลย วงการหวยในหมู่บ้านเราต้องสั่นสะเทือนแน่”



            “ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดีนะเจ๊ เพราะมันทำลายหลักฐานได้ง่าย แค่ลบทิ้งเอง” ไอ้น้ำเสนอความคิดเห็นออกไป จริงๆ แล้วการใช้ระบบส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ต ถ้าตำรวจต้องการตรวจสอบย้อนหลังก็อาจจะทำได้ไม่ยาก แต่เบื้องต้นมันก็ง่ายมากที่จะลบข้อมูลทิ้ง ไม่ต้องมาเผาทำลายหลักฐาน ไหนจะเตรียมฟืน ก่อไฟ ตำรวจก็แจ้นมาไหนถึงไหนแล้ว



            “อืม เดี๋ยวข้าไปคุยกับตำรวจที่ข้าจ่ายไปก่อน ถ้าได้เรื่องอย่างไรข้าจะบอกเองให้รู้ก็แล้วกัน เร็วๆ นี้แหละ วันสองวัน”



            “จ้ะ”



            “เอ้อ แล้วทำไมผู้กองเขาถึงยอมปล่อยเอ็งมาล่ะ” เจ๊แสงถามด้วยความสงสัย



            “โชคช่วยฉันไว้นะสิ จ่าสมคิดกับจ่าชอบบอกว่ามีคนมาแจ้งความว่ามีคนตาย”



            “อ้อ ใช่ ข้าก็เพิ่งรู้เหมือนกัน บ้านนางสอนน่ะ ลูกสะใภ้มันตายเมื่อเช้ามืดวันนี้เอง”



            “จริงเหรอจ๊ะ” ไอ้น้ำถามด้วยความตกใจเพราะเขาเพิ่งได้ยินชื่อนี้จากแม่เมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมีจุดจบที่รวดเร็วเช่นนี้



            “เออสิวะ”



            “เจ๊รู้ไหมว่าทำไมเขาถึงตาย ป่วยตายเหรอจ๊ะ” ไอ้น้ำไม่กล้าคิดเป็นอื่นว่าอีกฝ่ายตายเพราะช้ำในตายหรือเปล่า



            “ไหลตาย เอ็งรู้จักไหม ไอ้น้ำ”



            “ไอ้ที่ นอนหลับแล้วตายไปเสียเฉยๆ น่ะหรือ”





            “นั่นแหละ”



            “น่าสงสารเขาน่ะเจ๊ เห็นแม่ฉันบอกว่า อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน ไม่น่าตายเร็วเลย”



            “โอ๊ย ข้าว่า นางพัดมันตายไปเสียได้จะดีกว่าอยู่นะไอ้น้ำ โดนไอ้สินซ้อมเช้าซ้อมเย็น ใครมันจะไปทนไหว”



            “แล้วคุณพัด เอ่อ เมียพี่สินน่ะ ทำไมไม่เลิกกับพี่สินไปให้รู้แล้วรู้รอดล่ะเจ๊ จะทนทำไม” ไอ้น้ำไม่รู้จะเรียกคำนำหน้าพัดว่าอย่างไร เพราะเขาไม่เคยคุยหรือพบหน้าอีกฝ่ายมาก่อน



            “ใครว่ามันทน มันหนีไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็โดนไอ้สินตามตัวกลับมาได้ทุกครั้งไป เอาตัวกลับมาได้ก็จับซ้อมจนแทบจะหยอดน้ำข้าวต้ม”



            “แล้วไม่มีใครแจ้งตำรวจเหรอ” ไอ้น้ำไม่เข้าใจ เพื่อนบ้านก็ปล่อยให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร



            “เรื่องของผัวเมีย ใครเขาจะอยากยุ่ง ถ้าพวกมันดีกัน คนที่แส่เข้าไปก็หมาน่ะสิวะ”



            “แต่มันไม่ถูกนะเจ๊ นี่มันทำร้ายร่างกายชัดๆ”



            “เออ ก็อย่างว่าเรื่องผัวเมีย แล้วไอ้สินก็ดุอย่างกับหมาใครจะกล้าเสี่ยง แล้วนี่เอ็งจะกลับแล้วรึ นึกว่าจะอยู่ลุ้นหวยกับข้าก่อน” เจ๊แสงถามเพราะเห็นไอ้น้ำเดินไปหน้าประตูเตรียมจะกลับออกไป



            “ไม่ล่ะเจ๊ ฉันขอไปเผือกเรื่องบ้านนั้นก่อน”



            “เอ็งจะไปทำไม คนตายไม่มีอะไรน่าดู”



            “ช่างฉันเถอะเจ๊ ไปล่ะนะ”



            “เออ ไปดีมาดี”





            ไอ้น้ำออกจากบ้านเจ๊แสงตรงดิ่งไปไปท้ายตลาด เขาไม่คุ้นบ้านป้าสอน พี่สินเท่าไหร่นักเพราะไม่ค่อยได้รู้จักมักจี่กันบ่อย แต่เมื่อมาถึงก็สังเกตเห็นบ้านที่เกิดเหตุได้ไม่ยากเลยเพราะชาวบ้านในละแวกนั้นต่างพากันมุงอออยู่บริเวณหน้าบ้านของป้าสอน





=======================   



คุณพระเอกของเรามาแล้ววววววววววว น้ำตาจะไหล


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

       




REF : https://www.lawphin.com/detail/law/criminal_procedure_code-93

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา 93 ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้น ในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด



ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
รอติดตามงวดหน้าจ้า
พระเอกมางวดนี้บทน้อยแต่คูล
 :z13:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
งวดสี่ เห็นเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ

           

            “บ้านหลังไหนหรือจ่า” ผู้กองปรานต์เดินตามสองจ่ามาจนถึงท้ายตลาดจึงเอ่ยปากถามผู้ใต้บังคับบัญชา



            “หลังนี้ครับผู้กอง ตามผมมาเลยครับ” จ่าสมคิดเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพราะกลัวไม่ทันใจเจ้านาย



            “ถึงแล้วครับ” จ่าชอบบอกหลังจากเดินมาอีกไม่ถึงนาทีก็ถึงบ้านที่แจ้งว่ามีคนตาย



            “อืม จ่าสมคิด เดี๋ยวไปรับคุณหมอมาด้วยนะ ผมไม่รู้ว่าที่นี่เขาจัดการเรื่องคนตายยังไง”



            “ได้ครับ ปกติเราก็จะไปรับมาอยู่แล้วครับ แต่เห็นว่าผู้กองยังไม่ชินพื้นที่ ผมเลยมาส่งก่อน”



            “ขอบใจ” พอส่งผู้กองหนุ่มเสร็จจ่าสมคิดก็ขอตัวไปรับคุณหมอที่โรงพยาบาล



            “สวัสดีครับ ผม ร.ต.อ. ปรานต์ เพิ่งย้ายมาประจำที่สถานีตำรวจที่นี่ครับ” จังหวะเดียวกับเจ้าของบ้านออกมาที่หน้าบ้านพอดี ผู้กองปรานต์จึงแนะนำตัวพร้อมท่าวันทยาหัตถ์กับชายหญิงคู่หนึ่งตรงหน้า



            “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อสิน เป็นผัวนางพัด คนตาย” ไอ้สินพูดด้วยน้ำเสียงเหน่อเป็นปกติของคนพื้นที่นี้



            “สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อสอน เป็นแม่ของไอ้สินมัน” หญิงสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดูเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อย



            “ครับ ผมขออนุญาตเรียกคุณสินและคุณป้า เพื่อความสะดวก”



            “จ้ะ” ทั้งแม่ลูกพร้อมใจกันตอบโดยไม่ปฏิเสธ



            “ใครเป็นคนเจอศพคนแรกครับ”



            “ฉันเองจ้ะ เมื่อเช้าฉันเห็นว่านางพัดยังไม่ลงมาทำกับข้าว เห็นว่าผิดปกติเลยขึ้นไปตามจ้ะ” นางสอน อธิบาย



            “ครับ ตอนนี้ศพอยู่ที่ไหนครับ” ผู้กองหนุ่มเริ่มลงมือทำงาน



            “อยู่ชั้นสอง ที่ห้องนอนจ้ะ”



            “ผมขออนุญาตขึ้นไปนะครับ”



            “จ้ะ” นางสอนพูดจานอบน้อม เป็นธรรมดาของคนตามต่างจังหวัดมักจะกลัวและเกรงใจกับเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ ยิ่งเป็นคนแก่ด้วยอีกความเกรงใจยิ่งมากขึ้น



            “จ่าชอบ เดี๋ยวถ้าจ่าสมคิดรอคุณหมออยู่ตรงนี้นะ ถ้าคุณหมอมาแล้วให้พาขึ้นไปเลย”



            “ครับ”





            ผู้กองหนุ่มเดินตามหลังนางสอนและสินไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่ลืมที่จะสังเกตสิ่งอื่นที่อยู่โดยรอบด้วย เขาต้องบันทึกทุกอย่างเอาไว้ให้มากที่สุด ไม่ได้ตั้งใจที่จะสังเกตมากขนาดนี้แต่มันเป็นปฏิกิริยาทางร่ายกายโดยอัตโนมัติ





            ตำรวจหนุ่มไฟแรงเดินมาถึงห้องนอนของผู้ตายแล้ว ห้องนอนนี้เป็นห้องนอนระหว่างสินและพัดที่เป็นผู้ตาย เขามองรอบห้อง ข้าวของที่อยู่ในห้องนั้นดูยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีอะไรเสียหาย ผู้กองเบนสายกลับมาที่เตียงก็พบกับร่างของนางพัดที่นอนสงบนิ่งอยู่แต่ทว่าปราศจากลมหายใจ





            เขายังไม่เริ่มลงมือตรวจอะไรมากเพราะต้องให้คุณหมอมาตรวจเพื่อแจ้งสาเหตุการตายเสียก่อน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปภายในห้องเอาไว้ระหว่างที่รอ



            “ผู้กองครับ คุณหมอหัสนัยมาแล้วครับ” จ่าสมคิดบอกผู้กองให้รู้ถึงการมาเยือน



            “สวัสดีครับ คุณหมอหัสนัย ผม ร.ต.อ. ปรานต์ ครับ”



            “สวัสดีครับ ผู้กอง ถ้างั้นผมขอตรวจเลยนะครับ เดี๋ยวจะเสียเวลา” คุณหมอรีบใส่ถุงมือแล้วลงมือตรวจเพราะกลัวเสียเวลาอย่างที่บอก คนไข้ของเขาที่รออยู่โรงพยาบาลนั้นยังมีอีกหลายคน



            “เชิญครับ”





            คุณหมอเริ่มตรวจสภาพโดยรอบแล้วจดลงไปในใบชันสูตร เขาเริ่มเขียนบรรยายสภาพศพโดยทั่วไปตามที่เห็น ศพอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีเลือดออกตามร่างกาย เมื่อคลำกระดูกตามใบหน้า แขนและขา ไม่พบรอยหักของกระดูกบริเวณดังกล่าว และมือมีอาการเกร็งเล็กน้อย





            เมื่อคุณหมอเปิดเปลือกตาของผู้ตายต่อไป มีเลือดออกในนัยน์ตาขาว จมูกมีรอยแดงช้ำ ดูคล้ายมาจากการกดทับ และตรวจบริเวณภายในช่องปากพบว่ามีแผลในช่องปาก มาถึงตรงนี้คุณหมอก็เริ่มเอะใจเพราะว่ามันเริ่มเข้าเค้าอะไรบางอย่าง



            “ผู้กองครับ ตามผมมาทางนี้หน่อย” คุณหมอลุกขึ้นจากเตียงของผู้ตายแล้วเดินออกไปด้านนอก ทิ้งให้คนในห้องมองตามออกมา



            “ครับ คุณหมอ มีอะไรหรือเปล่าครับ”



            “ผมรู้สึกว่าจะไม่ใช่การตายตามธรรมชาติ” คุณหมอพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก



            “คุณหมอช่วยขยายความเพิ่มหน่อยได้ไหมครับ”



            “คืออย่างนี้ครับผู้กอง ถ้าเป็นอาการไหลตายหรือโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ พักผ่อนน้อย ดื่มเหล้า ทำให้สารจำพวกเกลือแร่นั้นมีน้อยกว่าปกติ ถ้าอธิบายทางการแพทย์ก็อาจจะยาวและผู้กองเองอาจจะไม่เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ เลยว่า ปกติเราก็จะเห็นว่ามันคือการนอนหลับแล้วจากไปเสียเฉยๆ”



            “ครับ แล้วยังไงต่อครับ”



            “ทีนี้บริเวณตา จมูก และปาก มันมีลักษณะเหมือนกับถูกอุดเอาไว้ อาจจะฟังดูแค่เล็กน้อยว่าทำไมผมถึงสันนิษฐานแบบนี้ แต่ผมแนะนำว่าให้ส่งศพไปที่กรุงเทพฯ แล้วให้ทางนิติเวชตรวจหาสาเหตุการตายที่แท้จริงเถอะครับ”



            “คุณหมอกำลังจะบอกผมว่า ผู้ตายรายนี้ถูกฆาตกรรม?”



            “ผมไม่อยากจะฟังธงตรงๆ เพราะผมไม่ใช่หมอนิติเวช แต่ถ้าผู้กองจะถามแบบนั้นผมคงต้องตอบว่า ใช่ครับ”



            “คุณหมอแน่ใจแล้วหรือครับ”



            “ค่อนข้างแน่ใจครับ”



            “ครับ โอเคครับคุณหมอ เดี๋ยวผมจะคุยกับญาติผู้ตายเอง”



            “ครับ เดี๋ยวผมจะเขียนลงใบชันสูตรยืนยันการตายให้เจ้าของบ้านก่อนนะครับ”



            “เชิญครับ” คุณหมอโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของผู้ตายอีกครั้ง



            “เสร็จแล้วใช่ไหม หมอ” ไอ้สินพูด



            “ครับ” คุณหมอหนุ่มตอบก่อนจะขอตัวกลับ ผู้กองหนุ่มเลยเดินลงมาส่งอีกฝ่าย



            “เดี๋ยวนายสินไปรับใบแจ้งความที่สถานีตำรวจแล้วเอาใบแจ้งความนั้นไปให้ผู้ใหญ่บ้านล่ะ จะได้ไปทำเรื่องขอใบมรณบัตร อ้อ อย่าลืมเอาเอกสารไปด้วย จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหลายรอบ” จ่าชอบบอกญาติผู้ตายด้วยคุ้นเคยในหน้าที่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการตายเกิดขึ้นในหมู่บ้าน







            ไอ้น้ำมาถึงหน้าบ้านคนตาย ก็แทบมองอะไรไม่เห็นเลยเพราะคนมุงกันแน่นเหลือเกิน เดชะบุญความสูงที่มีจึงสามารถมองข้ามศีรษะเหล่าบรรดาคนอยากรู้เรื่องชาวบ้านเหมือนกับเขา ไอ้น้ำเห็นผู้กองที่ตั้งใจจะจับเขาเข้าคุกตั้งแต่เช้ากำลังเดินมาจากบันไดพร้อมกับจ่าสมคิดและคุณหมอคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นหน้า



            “นี่น้า ทำไมคนมุงเยอะขนาดนี้อะ” ไอ้น้ำถามผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ



            “ก็เมียไอ้สินมันตายไง ทำไมรึ พ่อหนุ่ม”



            “ฉันได้ยินมาว่ามีคนตายแต่ไม่คิดว่าคนจะเยอะแยะขนาดนี้”



            “คนไม่ได้ตายกันบ่อยๆ ทั้งข้าและเอ็งก็มาที่นี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนอื่นก็คงเหมือนกันแหละว้า”



            “จริงด้วยเนาะ แล้วเขาเป็นอะไรตายอะน้า ไหลตายใช่ป่ะ”



            “เขาว่ากันอย่างนั้นแหละ”





   ไอ้น้ำคุยกับน้าคนข้างๆ อยู่สักพักตำรวจทั้งสองนายพร้อมคุณหมอในเสื้อเชิ้ต กางเกงแสล็คสีดำก็ออกมาจากในบ้านเสียที

         

           “ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” ผู้กองปรานต์ว่าพลางยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่ายเพราะตอนนี้เขาไม่ได้สวมหมวกของตำรวจแล้ว



           “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี เดี๋ยวผมจะให้ทางโรงพยาบาลมาเคลื่อนย้ายศพไปนะครับ ถ้ายังไงผมขอตัวกลับโรงพยาบาลก่อนนะครับ”



            “ครับ เดี๋ยวผมให้จ่าชอบขับรถไปส่ง”



            “ขอบคุณครับ” คุณหมอหนุ่มขอบคุณและเอ่ยลาเพราะต้องรีบกลับไปตรวจคนไข้ต่อ



            “จ่าสมคิด ฉันฝากไปส่งคุณหมอด้วยนะ”



            “ครับ ผู้กอง” จ่าสมคิดรับคำแล้วหันไปบอกคุณหมอและออกเดินนำคุณหมอไปยังรถยนต์ของทางราชการที่จอดอยู่หน้าตลาด







            บทสนทนานั้นไม่มีทางเล็ดรอดต่อมอยากรู้ของไอ้น้ำไปได้ หูของเขากางออกจนถึงขีดสุดแล้ว





            จิตวิญญาณของนักสืบบอกเขาว่า นี่มันต้องไม่ใช่การนอนหลับแล้วตายไปเฉยๆ แน่เลย เรื่องสืบสวนขอให้บอก เขาชื่นชอบมันนัก





            ฆาตกรรม ชัวร์! ไอ้น้ำสะบัดธง ยืนยันได้เลย





            ผู้กองหนุ่มหมุนตัวเตรียมจะกลับเข้าไปข้างในบ้านก็ได้ยินเสียงของใครสักคนเรียกชื่อของเขาทำให้เขาชะงักเท้าที่จะกลับเข้าไปข้างใน



            “นี่จ่า รู้ปะเขาเป็นอะไรตาย” ด้วยความเกรียนและอยากเอาคืนของไอ้น้ำ มันเลยตั้งใจลดยศของผู้กองหนุ่ม



            “ฉัน ร.ต.อ. ปรานต์ ไม่ใช่จ่าครับคุณประชาชนที่มีสิทธิ์เสรีภาพ” ผู้กองรู้ตัวว่าโดนแกล้ง เขาจึงตั้งใจบอกยศของตัวเองออกไปและเรียกอีกฝ่ายตามสิทธิ์ที่เจ้าตัวเคยพูด



            “อ้อ โทษทีนะ ไม่รู้อะ แล้วรู้ปะ เขาเป็นอะไรตาย” ไอ้น้ำขี้เกียจกวนอารมณ์อีกฝ่ายต่อ เพราะเขาอยากรู้แล้วว่าสิ่งที่เขาคิดไว้มันถูกหรือไม่



            “ไม่หายใจ” คำตอบกวนๆ กลับมา น้ำรู้ตัวทันทีว่ากำลังโดนเอาคืน



            “โอเคๆ เมื่อตะกี้นี้ ผมขอโทษจริงๆ เรามาปรองดองกันนะ ผมชื่อน้ำ ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วใช่ไหม ผู้กองปรานต์” ถ้าไม่ใช่เพราะความอยากรู้อยากเห็น ไอ้น้ำไม่มีอ่อนข้อให้ก่อนแน่ๆ



            “ก็ได้ครับ คุณน้ำ” ผู้กองปรานต์มองรอยยิ้มซื่อๆ ที่เจ้าตัวพยายามมอบให้เขา แต่คุณน้ำคนนี้ยังเล่นละครไม่ผ่านนะ ดูก็รู้ว่าไม่อยากเป็นมิตรกับเขาสักเท่าไหร่



            “สรุปว่าเขาเป็นอะไรเหรอ” น้ำปรับคำพูดให้ดูรื่นหูขึ้น



            “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ผู้กองหนุ่มกล่าวปิดท้ายแล้วเตรียมจะเดินต่อทันที แต่ก็ถูกไอ้น้ำดึงแขนเอาไว้เสียก่อน



            “ฆาตกรรมใช่ปะ” น้ำโพล่งขึ้นมา ไม่สนใจที่ถูกว่าว่าเป็นเด็ก



            “....” ปรานต์แปลกใจเพราะเขายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ



            “ใช่ปะ ผมเดาถูกใช่ไหม จะบอกให้นะ คนที่เจอศพคนแรกนั่นแหละคือฆาตกร” น้ำพูดต่อจนจบ



            “นายรู้ได้อย่างไร” ผู้กองกำลังประเมินเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กคนนี้นอกจากจะรู้กฎหมายบ้างแล้วยังวิเคราะห์เรื่องพวกนี้ได้ด้วยเหรอ





            คุณน้ำคนนี้เป็นใคร มาจากไหนกันแน่





            “ไม่ยากๆ เดาง่ายจะตายไป” น้ำโบกมือราวกับว่าการหาคนร้ายนั้นไม่ใช่ปัญหา



            “ครับ?” ผู้กองสงสัยว่าคนคนนี้รู้รายละเอียดมากแค่ไหน



            “โคนันบอกไว้อย่างไรล่ะ”





            ความฝันของผู้กองดับวูบ ไม่น่าสนใจฟังเล้ย!





            ไอ้น้ำอยู่เมียงมองแถวนั้นต่ออีกสักพักก็ดิ่งตรงกลับบ้านไปทำงานต่อ งานในเฟสสุดท้ายของเขาใกล้จะเสร็จเต็มที เจ้าตัวเลยอยากรีบทำให้เสร็จไปเสียที งานเสร็จเร็ว เงินก็ตามมาเร็วด้วย



            “น้ำ ไอ้น้ำโว้ย” เสียงของเจ๊แสงตะโกนเรียกชายหนุ่มอยู่หน้าบ้าน ทำให้เขาหยุดชะงักงานที่กำลังอยู่ลง



            “ว่าไงเจ๊ มีอะไรมาหาฉันถึงนี่”



            “จะอะไร นี่เอ็งไม่รู้เรื่องเลยหรือไง” เจ๊แสงพูดพลางเดินขึ้นบ้านมานั่งพักด้วยความเหนื่อยเพราะเดินมาค่อนข้างไกล ไอ้น้ำรีบกุลีกุจอหาน้ำดื่มไปให้แก้กระหาย



            “ไม่เลยจ้ะ อ๋อ เจ๊จะเอาเงินที่ฉันเดินหวยมาให้ใช่ปะ ทำไมไม่ฝากเด็กมาล่ะ มาเองทำไม”



            “อะไร แค่นั้นซะที่ไหน ข้ามาหาเอ็งเพราะเอ็งถูกหวยโว้ย ไอ้นี่ สามตัวตรง ศูนย์ หนึ่ง ห้า ไงวะ”



            “จริงอะ เจ๊”



            “เออสิวะ ข้าจะหลอกเอ็งทำไม” ไอ้น้ำได้ยินรีบเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูผลหวยประจำงวดนี้ทันที





            งวดรางวัลประจำวันที่ 16 เดือน xx พ.ศ. 25xx

            รางวัลที่ 1 ได้แก่ 367015





            ฉิบหาย งวดนี้ตรงอย่างเจ้าแม่ตะเคียนว่าจริงๆ เว้ย



            “เจ๊ ไหนเงินฉันอะ” ไอ้น้ำได้สติรีบทวงเงิน





            หนึ่งร้อยบาท สามตัวตรง ได้เป็นหมื่นละเว้ย คราวนี้





            “เอาไป นี่ของเอ็ง และนี่ของแม่เอ็ง” เจ๊แสงยื่นเงินให้ปึกหนึ่ง แบงค์พันล้วนๆ หอมเตะจมูกไอ้น้ำนัก



            “เดี๋ยวเจ๊ ทำไมของฉันมันน้อยนิดเบาโหวงเหวงแบบนี้ละ” แบงค์พันหกใบเท่านั้น มันใช่ที่ไหนกัน





            “ก็เอ็งซื้อสิบบาท แล้วก็สองตัว อีกสิบบาท ค่าเดินหวยให้ข้าอีก รวมๆ แล้วมันก็เท่านี้ปะวะ”



            “ไม่ใช่ร้อยหนึ่งเหรอเจ๊”



            “อะไรของเอ็ง ข้าไม่โกงเอ็งหรอก ดีนะที่ข้าถือโพยเอ็งติดมาด้วย เอ้า เอาไปดู” เจ๊แสงค้นกุกกักในกระเป๋าที่ถือมาก่อนจะยื่นเศษกระดาษที่เริ่มยับยู่ยี่นั้นให้



            “ศูนย์หนึ่งห้า ตัวละ สิบบาท”





            10 บาท ไม่ 100 บาท ศูนย์หายไปไหน ไอ้น้ำยกมือตีหน้าผากเสียงดัง ไอ้ตำรวจเฮงซวยเอ๊ย ถ้าไม่ถูกเรียกเขาไว้จนเกือบส่งหวยไม่ทันแล้วล่ะก็ เขาคงไม่รีบเขียนหวยตกหล่นแบบนี้



            โมโหเว้ย ไอ้ตำรวจบ้า เจอหน้าจะด่าให้





            “ใช่ไหม” เจ๊แสงถามย้ำ



            “ใช่จ้ะ ขอบใจนะเจ๊ ที่เอาเงินมาให้ฉัน” น้ำตอบรับด้วยใบหน้าสลด ชวดเงินไปด้วยความเสียดาย



            “เออ ไม่เป็นไร ข้ามีธุระแถวนี้พอดี  ถามจริง เอ็งเอาเลขมาจากไหนวะ ข้าล่ะเสียวหลังวาบจริงๆ เอ็งซื้อถูกมาสองงวดแล้ว”



            “ฉันก็ไปหาเลขตามป้าๆ ในท้ายตลาดเขาน่ะ เห็นเลขอะไร ฉันก็ซื้อไปตามนั้นแหละ ไม่คิดว่าจะถูกหรอก” น้ำตอบตามจริง



            “เออ เห็นว่าคนคุ้นเคย เอ็งถูกหวยก็ดีแล้ว จะได้มีกินมีใช้ ข้าไปล่ะ” เจ๊แสงพูดยาวก่อนเอ่ยลา



            “จ้ะ เจ๊”



            “แม่จ๊ะ” ช่วงเย็นระหว่างที่แม่น้อยกำลังทำกับข้าวอยู่ ไอ้น้ำก็เข้าไปเสนอหน้า



            “อะไรวะ”



            “หวยจ้ะ หวย”



            “ทำไม ข้าถูกไหมวะ” แม่น้อยวางมีดลงบนเขียนทันที หันมาถามบุตรชายด้วยสายตาเป็นประกาย



            “นี่จ้ะ แม่ว่า แม่ถูกหวยไหม” น้ำส่งเงินปึกหนึ่งที่ได้จากการถูกหวยให้ แม่น้อยรีบคว้าไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้ไอ้น้ำพูดซ้ำ สายตาไอ้น้ำก็สังเกตเห็นแม่มือสั่นตอนที่รับเงินอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแม่จะไม่เคยหาเงินได้ขนาดนี้ แต่แม่แค่ไม่เคยถูกหวยแล้วได้เงินมากเท่านี้ต่างหาก



            “ไอ้น้ำ เอ็งอยากกินอะไรอีกไหม บอกข้ามาเลย ข้าจะไปซื้อมาให้กิน”



            “ฉันอยากกินหมูกระทะอะ แม่ วันนี้เราไปกินในตลาดกัน แม่เลี้ยงนะ”



            “ได้ๆ เอ็งอยากกินอะไรข้าก็จะพาไป กินอีกสิบมื้อก็ได้ เดี๋ยวรอยายฝนกลับมาจากโรงเรียนก่อน” แม่น้อยหยุดมือทำอาหารทันที โชคดีว่ายังไม่ได้เริ่มทำอะไรมากนัก ยกยอดไปทำพรุ่งนี้เช้าทีเดียวเลยก็แล้วกัน



            “จ้ะ เออแม่ เมื่อไหร่จะวันพระ”



            “พรุ่งนี้ ทำไมหรือ” แม่น้อยถามขณะเก็บของสดคืนตู้เย็น



            “ไปทำบุญกันนะแม่ ถูกหวยมาสองงวดละ ฉันอยากทำบุญ”



            “ดี ข้าก็นึกอยากทำบุญอยู่เหมือนกัน”



            “วันพระ แม่อย่าลืมปลุกฉันด้วยนะ”



            “เออ ไม่ตื่นล่ะน่าดู”









============================================



ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018








เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
งวดห้า งวดนี้ผีขอเอี่ยว
 

            เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นไอ้น้ำก็ถูกแม่น้อยเรียกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขางัวเงียต่อสู้ระหว่างที่นอนกับการฝืนลุกขึ้นอย่างหนัก มันทำใจได้ยากเหลือเกินที่จะลุกไปอาบน้ำในเวลานี้

           

“ไอ้น้ำ ถ้าข้าเข้าไปตามอีกรอบ ข้าจะไม่ปลุกเอ็งแล้ว วัด เวิดไม่ต้องไป” แม่น้อยขู่อยู่นอกห้อง ไอ้น้ำลืมตาฉับแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วไปห้องน้ำทันที



            “อะไรกัน ทำไมปลุกยากเย็นขนาดนี้ ตอนไปอยู่กรุงเทพฯ ไปทำงานทันหรือเปล่า” แม่น้อยบ่นระหว่างทางที่เดินไปวัด



            “แม่ปลุกฉันตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน ใครมันจะตื่นได้เลยอย่างใจแม่ล่ะ”



            “ไม่ไหวจริงๆ ลูกคนนี้ ไปขอผู้หญิงบ้านไหนเขาจะเอา ฮึ”



            “ให้ถึงวันนั้นก่อนค่อยว่ากันจ้ะ รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่หวยไปก่อน” ไอ้น้ำพูดหน้าเป็น ในมือก็ถือตะกร้าสานที่บรรจุทั้งข้าวสวยเพิ่งหุงมาร้อนๆ กับข้าวกับปลา และผลไม้อีกสามสี่อย่าง และไม่ลืมดอกไม้ที่จะไปถวายด้วย



            “เอ้อ จะว่าไปวันนี้เอ็งก็แต่งตัวดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างเหมือนกันนะเนี่ย” แม่น้อยเปรยขึ้นมา เพราะตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน ลูกชายของนางก็ใส่แต่เสื้อยืดกลางเก่ากลางใหม่ แถมค่อนไปทางเก่า มีรอยหนูแทะบ้างก็หลายตัว ใส่กางเกงก็ขาสั้นทั่วไป คีบแตะไปไหนมาไหนตลอดเวลา



            “ฉันหล่อใช่ไหมล่ะแม่” ไอ้น้ำโอ้อวดหนังหน้าของตัวเอง วันนี้ไอ้น้ำใส่เสื้อยืดสภาพดี ที่เจ้าตัวคิดว่าดีแล้วกับกางเกงยีนส์ขายาวและสวมรองเท้าผ้าใบ อ้อ ไม่ลืมใส่ถุงเท้าด้วย



            “ข้าบอกหรือว่าเอ็งหล่อ เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าดูเป็นผู้เป็นคนเหมือนคนอื่น”



            “แม่ก็ ชมฉันหน่อยสิจ๊ะ นี่ลูกชายแม่เลยนะ” ไอ้น้ำพูดเสร็จก็ก้มดูตัวเองวันนี้เขาหล่อจะตายชัก



            “ไม่ล่ะ เดี๋ยวเอ็งจะเหลิงเสียเปล่าๆ” แม่น้อยตัดบท สองแม่ลูกก็เดินมาถึงวัดพอดี



            “เสียดายที่ยายฝนไม่ได้มาด้วยกันกับเราเนอะแม่”



            “มันต้องไปโรงเรียน ไว้วันพระเป็นวันหยุดก็ค่อยมาก็ได้ บุญน่ะ ทำได้เรื่อยๆ”



            “จ้ะ”



            “ไปๆ ถอดรองเท้าแล้วเข้าศาลาได้แล้ว พระเริ่มใกล้สวดเดี๋ยวจะไม่ทันการ”





            พอเดินเข้ามาในศาลาวัดที่ใช้ปฏิบัติศาสนกิจในวันนี้ ไอ้น้ำก็เห็นเหล่าบรรดาป้าๆ ทั้งหลายที่ขายของในตลาด และคนในหมู่บ้าน เพราะที่นี่มีวัดเพียงแค่แห่งเดียว เมื่อถึงวันสำคัญทุกคนก็จะมาร่วมตัวกันที่นี่ แทบจะเรียกได้ว่าเห็นหน้าครบทุกคนเลยล่ะ





            เขาได้ยินเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ดังไปทั่วศาลา ไอ้น้ำถูกแม่สะกิดเรียกให้ไปตักบาตรให้เรียบร้อยเสียก่อนจะมานั่งฟังพระสวด ชายหนุ่มรวบรวมจิตใจและสมาธิให้สงบระหว่างตักบาตร เมื่อเสร็จแล้วเขาจึงกลับไปนั่งที่เดิมอีกครั้งและเริ่มสำรวจรอบๆ อีกครั้ง





            ไอ้น้ำไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านนานหลายปีแล้ว แม่ส่งเขาไปเรียนตั้งแต่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ ภายหลังเมื่อเรียนจบก็ทำงานต่อที่นั่นด้วยเลย ถ้าไม่มีเหตุบางอย่าง เขาคงยังไม่กลับมาอยู่ที่บ้านในเวลานี้หรอก ลุงป้าหลายคนแก่ตัวไปมากกว่าเดิมเพราะเวลาแปรเปลี่ยนไปหลายปี





            กลับมาครั้งนี้เขารู้สึกว่าในหมู่บ้านก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ความเจริญจึงยังไม่จู่โจมเข้ามา ช่างแตกต่างกับแสงสีในกรุงเทพฯ อย่างสุดขั้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย เพราะวันๆ เขาก็สรรหาทำอะไรตั้งหลายอย่างมากมาย





พูดกันตามตรง ตักบาตรครั้งสุดท้าย ก็คงตอนเรียนมัธยมปลายก่อนไปเรียนในกรุงเทพฯ ล่ะมั้ง น้ำเกือบลืมไปแล้วว่าวีถีชาวบ้านที่เรียบง่ายนั้นเป็นอย่างไร ผู้คนพูดจายิ้มแย้มต่อกัน ใครทำอะไรก็รู้เห็นเสียหมด ถึงมันจะเป็นเส้นกั้นบางๆ ของคำว่าอยากรู้อยากเห็นก็เถอะ แต่ถ้ามีอะไรคนที่นี่ก็ยินดีช่วยเหลือกันเสมอ



“นี่แม่น้อย มากับไอ้น้ำสองคนหรือ” ป้าที่ไอ้น้ำจำชื่อไม่ได้ กำลังชวนแม่คุยและหันมายิ้มให้เขา ไอ้น้ำจึงยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ



“จ้ะ ยายฝนไปโรงเรียนจ้ะ พี่”



            “ข้าก็ลืมไป ไม่ใช่วันหยุดนี่นา แล้วเป็นไงล่ะ พ่อน้ำ สบายดีนะ ไม่เจอกันเสียนาน ลูกชายแม่น้อยหล่อขึ้นมาก ถ้าไม่ได้มากับแม่น้อย ข้าคงจำไม่ได้”



            “สบายดีจ้ะ” ไอ้น้ำตอบ



            “หน้าตามันก็เหมือนเดิมแหละจ้ะ พี่ ขี้เหร่อย่างไรก็อย่างนั้น ดูสิ วัยเข้าเบญจเพสแล้ว ไม่มีแฟนเหมือนใครคนอื่นเขา” แม่น้อยบ่นลูกชายเสียงเบา



            “เด็กสมัยนี้แต่งงานช้า ไม่เหมือนวัยอย่างเราหรอกแม่น้อย ปล่อยมันไปเถอะ ให้มันคิด ตัดสินใจอะไรของมันเอง โตแล้วล่ะนะ”



            “จ้ะ ฉันก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ไม่รู้จะได้อุ้มหลานเหมือนใครเขาบ้างไหม”



            “เดี๋ยวก็มีเอง หน้าตาอย่างพ่อน้ำ ขี้คร้านสาวๆ จะตามมาเป็นเกรียว”



            “ฉันก็รออยู่จ้ะ” แม่น้อยหัวเราะออกมา เพราะรู้ว่าไม่มีสาวไหนมาตามไอ้น้ำ ลูกชายของเธอหรอก เพราะไอ้น้ำกลับมาร่วมเดือนแล้ว ยังไม่มีใครมาหาเลย



            “แล้วนี่กลับมาอยู่ที่บ้านเลยหรือว่ากลับมาเที่ยวบ้านล่ะ พ่อน้ำ” ป้าที่ไอ้น้ำก็ยังไม่รู้จักชื่อ แล้วแม่ก็ไม่เรียกชื่อสักคำ ถามเขาต่อ



            “ก็กลับมาอยู่ที่บ้านก่อนจ้ะ”



            “งั้นเหรอ ถ้าว่างๆ ก็มาทำงานที่บ้านป้าได้นะ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระแม่น้อยเขา”



            “ขอบคุณจ้ะ..ป้า”  ไอ้น้ำรับคำ ไม่อยากปฏิเสธให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ แค่ทุกวันนี้เขาก็ภารกิจเต็มแน่นทั้งวัน จะเอาเวลาไหนไปทำงานบ้านป้าคนนี้อีกได้เล่า



            “ไม่เป็นไรๆ คนกันเอง พระท่านมาพอดีกำลังจะขึ้นธรรมาสน์ละ”





            เมื่อหลวงตาเดินเข้ามาในศาลา ผู้คนก็ต่างพากันเงียบเสียงโดยมิได้นัดหมายใดๆ และเมื่อเสียงสวดดังขึ้นทุกคนก็พร้อมใจกันพนมมือสวดมนต์กัน





            ไอ้น้ำเริ่มกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ทั้งคุณพัดและไม่ลืมที่จะให้แม่นางตะเคียนที่ใจดีให้หวยเขาเสียตรงเป๊ะ ถึงเขาจะกลัวขนลุกไม่หายแต่ก็อยากให้นางได้รับผลบุญด้วย น้ำคิดว่าคนได้รับคงดีใจไม่น้อย 



            “น้ำ เดี๋ยวเอาน้ำไปเทตรงต้นไม้ใหญ่นะ” แม่น้อยบอกลูกชายหลังจากพระสวดจบ ทุกคนกำลังเตรียมแยกย้าย



            “จ้ะ แล้วแม่จะไปไหนเหรอ”



            “แม่จะเข้าไปตลาดเสียหน่อย”



            “เดี๋ยวฉันไปด้วยจ้ะ” น้ำบอกเพราะเขาจะได้ไปช่วยแม่ถือของ



            “ไม่ต้องๆ ข้าคงไปนาน วันนี้มีเรื่องคุยกับคนในตลาดเยอะแยะเลย”





            “อ่อ ..ไปเมาท์นี่เอง ก็ได้ งั้นฉันตรงเข้าบ้านเลยนะ”



            “เออ ถ้าหิวก็ต้มมาม่าไปก่อนนะเอ็ง”



            “จ้ะ” ไอ้น้ำลุกขึ้น หยิบที่กรวดน้ำกับตะกร้าสานขึ้นมาอย่างระวัง เขาเดินลงมาจากศาลาวัด วางที่กรวดน้ำไว้ข้างตัวอย่างระวัง ระหว่างที่ใส่รองเท้าผ้าใบ เมื่อเสร็จแล้วจึงหยิบที่กรวดน้ำตรงไปต้นไม้ใหญ่ตามคำแม่บอก



            “สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ....” ไอ้น้ำท่องบทแผ่เมตตาระหว่างเทน้ำลงดินอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วนำที่กรวดน้ำวางลงในตะกร้าตั้งท่าจะเดินกลับบ้าน





            “ขอบคุณนะจ๊ะ พ่อน้ำ ฉันรู้สึกดีมากๆ เลยจ้ะ”







            ไอ้น้ำสัมผัสความเย็นได้แถวบริเวณใบหู เหมือนมีใครพูดที่ข้างหู แต่ถึงแม้จะได้ยินเสียงแค่ในคืนนั้น ไอ้น้ำก็จำได้แม่น ไม่ใช่เสียงใคร เสียงของแม่นางตะเคียน เจ้าเดิมนั่นเอง



            ในวัดก็เข้ามาได้หรือ!!





            ช่างไม่กลัวพลังอำนาจของวัดเลย ไอ้น้ำทำตัวไม่ถูก นี่มันกลางวันแสกๆ แม่นางตะเคียนก็ยังพูดคุยกับเขาได้เป็นปกติ ชายหนุ่มจึงหลับหูหลับตาคว้าแขนใครสักคนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดเอาไว้เพื่อให้อุ่นใจ





            “ฉันขอกลับด้วยนะจ๊ะ” น้ำพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา



            “ตามใจ...แต่คงไม่ถึงกับต้องจับแขนไปตลอดทางล่ะมั้ง” เสียงนี้ก็คุ้นหูไอ้น้ำ มันจึงลืมตาขึ้นดูแล้วจึงพบว่าเป็นตำรวจที่ไม่ถูกชะตาของมันนั่นเอง





            ไอ้ตำรวจที่ทำให้เขาชวดเงินหมื่่น





            น้ำรีบปล่อยมือออกทันทีราวกับจับต้องของร้อนก็ไม่ปาน ส่วนตำรวจนอกเครื่องแบบก็ไม่พูดอะไรนอกจากเดินหน้าต่ออย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ติดว่าไอ้น้ำกลัวผีล่ะก็ เข้าไม่มีทางวิ่งตามผู้ชายแบบนี้หรอก



            “นี่ ลุง” น้ำเรียกอีกฝ่ายหลังจากที่ก้าวเท้าตามมาจนทัน



            “....” คนถูกเรียกไม่ตอบนอกจากปรายตามองเท่านั้นก่อนจะหันกลับไป 





            “คดีคุณพัดเป็นไงบ้างอะ”  ไอ้น้ำไม่สนใจท่าทีเย็นชานั้น รีบถามเรื่องที่อยากรู้ต่อ ใจจริงก็อยากจะถามด้วยว่ามาทำบุญกับเขาด้วยเหรอ ชาวกรุงไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้เป็น



            “ยังไม่รู้ข่าวเหรอ นึกว่าชาวบ้านพูดกันทั่วแล้วเสียอีก ในวัดก็คุยกันแต่เรื่องนี้”



            “จริงอะ ผมไม่เห็นได้ยิน บอกหน่อยสิ” น้ำไม่เห็นได้ยินอะไรเลย





อ้อ...ป้าที่จำชื่อไม่ได้ชวนเขาคุยนี่นา





“ฉันจะพูดเท่าที่พูดได้ละกัน คุณโคนัน อย่างที่นายเข้าใจตอนนี้ศพถูกส่งเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว รอผลการชันสูตรให้ชัดเจนเสียก่อน”



“แล้วมันเป็นคดีฆาตกรรมปะลุง...เอ๊ย...ผู้กอง” ไอ้น้ำถูกอีกฝ่ายล้อเลียนมาก็เลยล้อเลียนกลับ แต่เขาก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากเพราะเขาอยากรู้เรื่องคนตาย



“ผมยังบอกไม่ได้ จนกว่าผลตรวจจะออก ผมสามารถพูดได้เท่านี้ครับ”



“เซ็งอะ”  ไอ้น้ำบ่น อุตส่าห์ได้คุยกับคนใกล้ชิดกับเรื่องนี้ทั้งที แต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเพิ่มเลย



“อ้อ บอกได้อีกอย่าง”



“อะไรครับ อะไร” น้ำกระตือรือร้นสุดๆ



“เรื่องเมื่อวันก่อนตรงสะพานข้ามตลาด ฉันยังไม่ลืมนะ” ผู้กองเตือนความจำ



“เรื่องอะไร ลืมๆ มันไปเสียบ้างเถอะ รกสมองเปล่าๆ ผู้กอง” ไอ้น้ำสะบัดมือบอกอีกฝ่ายว่าให้แล้วต่อกันไป แล้วจึงรีบเดินทิ้งระยะห่างคนข้างๆ อย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผู้กองมองตามหลังอีกฝ่าย





คน คนนี้ช่างแปลก อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน ซ้ำยังช่างสังเกตไม่น้อย แค่เขายืนคุยกับคุณหมอเพียงไม่กี่ประโยคก็กลับเข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เวลาคุยกับเขาคำพูดคำจาก็ไม่เหมือนคนในหมู่บ้าน เขาได้ยินชายหนุ่มคุยกับคนในวัดก็ใช้คำพูดอีกทั้งน้ำเสียงราวกับเจ้าของพื้นที่ ไม่รู้ว่าลูกหลานบ้านไหน ทำมาหากินอะไร เดาว่าคงเข้าไปเรียนในเมืองล่ะมั้ง



ผู้กองปรานต์คิดอยู่สักพักแล้วก็เดินกลับที่พักของตนเองเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้เริ่มทำงานสำหรับวันนี้เสียที หมู่บ้านนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่ก็จริง แต่เรื่องในหมู่บ้านนี้ดูจะมีไม่น้อยเลยทีเดียว



“สวัสดีครับ ผู้กอง” จ่าชอบและจ่าสมคิดทำความเคารพผู้บังคับบัญชาของตนเอง



“มีอะไรคืบหน้าบ้างล่ะ จ่าชอบ” ผู้กองปรานต์เอ่ยถามขณะที่เขากำลังชงกาแฟมาดื่มเป็นการกระตุ้นสมองในเช้านี้



“เรื่องคดีนางพัด เมื่อสักครู่นี้ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าได้รับศพแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ถ้าตรวจเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่จะรีบติดต่อกลับมาครับ”



“อืม ถึงจะยังไม่ค่อยแน่ใจเรื่องคดีนัก แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ตายไม่ได้ตายอย่างปกติหรือตามธรรมชาติ”



“ทำไมผู้กองถึงมั่นใจล่ะครับ” จ่าสมคิดถามเพราะนอกจากคำพูดของคุณหมอแล้ว ก็ดูไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ศพผู้ตายก็อยู่ในสภาพที่นอนนิ่งจากไปอย่างสงบ



“มือของผู้ตายค่อนข้างหงิก เกร็งเหมือนก่อนน่าที่จะตายได้จับอะไรไว้บางอย่าง ถ้าตายตามปกติ มือไม่น่าหงิกเกร็งมากขนาดนี้”



“ผู้กองสงสัยใครหรือเปล่าครับ ไอ้สิน?” จ่าสมคิดถามต่อ



“ผมยังไม่เริ่มสงสัยว่าใครเป็นคนลงมือกระทำ ถามทำไมหรือจ่า”



“คนทั่วหมู่บ้าน เขารู้กันทั้งนั้นครับผู้กองว่าไอ้สินมันชอบทุบตีเมียจนปางตายไปก็หลายที”





“อืม ผมเห็นตามลำตัวมีรอยฟกช้ำอยู่ แล้วทำไมเขาถึงซ้อมผู้ตายล่ะ”



“รักมากก็หึงมากครับ ไอ้สินโชคดีได้เมียสวยและสาวก็เลยขี้หึงเป็นธรรมดา”



“ก็ไม่ถึงกับต้องลงมือเลย” ผู้กองปรานต์บ่นพลางส่ายหน้า เรื่องการทำร้ายคนอื่น ไม่เคยมีอยู่ในหัวเขาเลย ยิ่งเขาที่เคารพมารดามากอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีวันจะทำร้ายผู้หญิงแน่นอน รวมถึงผู้ชายด้วย



“แล้วอีกเรื่องล่ะจ่าสมคิด” ผู้กองปรานต์ถามต่อ



“ครับ เรื่องหวย คิดว่าเจ้ามือหวยเริ่มจะรู้ตัวแล้วนะครับ”



“อืม ก็หวังว่าเขาจะรู้ตัวจริงๆ แล้วเลิกซะ แต่ถ้าไม่ ก็คงต้องลงมือกัน”



“ครับ”



“ผมเองก็เพิ่งย้ายมาใหม่ ไม่ได้อยากจะทำอะไรให้คนในหมู่บ้านไม่พอใจหรอก แต่กฎหมายก็คือกฎหมายนะจ่า”



“ครับ”



“เอาล่ะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็เข้ามารายงานผมที่ห้องได้เลยครับ” ผู้กองกล่าวก่อนจะเดินเข้าห้องประจำตำแหน่งของตนเอง





ร้อยตำรวจเอก ปรานต์ ถูกย้ายมาประจำตำแหน่งที่หมู่บ้านแห่งนี้ สาเหตุที่ถูกย้าย คนในตลาดอาจจะรู้ดีกว่าเขาอีกก็เป็นได้ ถ้าไม่มีมูลไม่มีข่าว ก็คงใช่ เขาถูกย้ายมาเพราะไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชา สาเหตุที่เขาไม่ให้ความร่วมมือเพื่อร่วมกระทำปกปิดอะไรบางอย่าง





ผู้กองรู้ดีว่าสังคมของตำรวจนั้นมีทั้งตำรวจที่ดีและไม่ดี ตำรวจบางคนก็ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง และก็มีบางคนที่อยากเป็นตำรวจเพื่อปกป้องประชาชนจากใจจริง และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น





เขาเป็นตำรวจก็จริง ถ้าจะบอกว่าไม่เคยทำผิดเลยก็คงไม่ใช่ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ให้น่าหนักใจเท่านั้น เช่น บางครั้งความรีบเร่งก็ทำให้เขาต้องข้ามถนนแทนการใช้สะพานลอย มันไม่ดีและไม่ปลอดภัยแต่บางทีเขาต้องรีบตามจับผู้ร้าย วอนคนอ่านโปรดเข้าใจ





ตำรวจหนุ่มย้ายมาได้เกือบเดือนแล้ว ตอนที่มาถึงเขายังไม่ได้แสดงตัวที่ไหนมากนักเพราะไล่อ่านสำนวนและคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ถามข้อมูลต่างๆ จากจ่าทั้งสองเพื่อศึกษาเอาไว้ให้มากที่สุด เขายังใหม่กับที่นี่และจ่าทั้งสองก็เป็นที่ปรึกษาได้ดี





มารดาของเขาโทรถามสารทุกข์สุกดิบบุตรชายแทบทุกวันด้วยความเป็นห่วง คงเพราะเขาไม่เคยห่างบ้านมาทำงานไกลขนาดนี้และไม่ใช่ชั่วคราวแต่ยังอยู่ยาวแบบไม่มีกำหนด ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ย้ายกลับไปกรุงเทพฯ บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองหรือเปล่า





อยู่มาได้ร่วมเดือนก็ยอมรับว่าที่นี่น่าอยู่ไม่น้อยเลย ธรรมชาติล้อมรอบโดยไม่ถูกความเจริญเข้าครอบครองไว้ มันก็ทำให้คนกรุงอย่างเขาตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เขาคิดว่าเขาชอบที่นี่นะ ชอบมากกว่าเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียอีก ชายหนุ่มยังจำได้ว่าถ้าหากเขายังอยู่กรุงเทพฯ ในเวลานี้ล่ะก็ หลังเลิกงานเขาคงต้องไปรับไปส่ง หรืออยู่เป็นดูแลเวลาที่คนนี้เที่ยวสถานเริงรมย์ตามค่ำคืน คนที่เขาต้องคอยดูแลอยู่เสมอ คน คนหนึ่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอดีตคนรัก



“พี่ปรานต์จะย้ายไปอยู่บ้านนอกนั่นจริงๆ เหรอ” วรันต์ถาม ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ



“มันไม่ใช่ความต้องการของพี่เสียหน่อย รันก็รู้”



“พี่ลาออกจากการเป็นตำรวจอะไรเนี่ยไม่ได้เหรอ พี่จะได้ไม่ต้องไป”



“การเป็นตำรวจมันคือความฝันของพี่ เรื่องนี้รันก็รู้ดีอยู่แล้ว” ผู้กองปรานต์พยายามบอกอีกฝ่าย



“รันไม่เข้าใจความคิดพี่เลย พี่โอเคได้อย่างไร ถ้าเราต้องอยู่ไกลกันขนาดนี้”



“แค่สองชั่วโมง ไม่ถึงดีด้วยซ้ำ รันไปหาพี่ทุกวันหยุดได้อยู่แล้ว หรือจะให้พี่กลับมาหารันก็ยังได้เลย” ผู้กองปลอบอีกฝ่ายว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร



“จากคนที่เคยเจอกันเกือบทุกวัน เหลือแค่สัปดาห์ละสองสามวันเนี่ยนะ รันไม่เอาอะ”



“รัน ใจเย็นก่อน”



“ไม่อะ พี่ปรานต์ก็รู้ว่ารันมีสังคมมากมาย แล้วเสาร์อาทิตย์ รันก็ไม่ค่อยว่างอยู่แล้ว ไม่งั้นรันจะให้พี่ไปกับรันตลอดเวลาเหรอ” วรันต์พูดด้วยความเอาแต่ใจ ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเคยชินกับการถูกตามใจมาตลอด และปรานต์ก็แทบไม่เคยขัดใจเขาเลย



“พี่รู้ พี่รู้ แต่รันต้องยอมรับให้ได้สิ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”





“พี่เลือกมาระหว่างไปอยู่ที่นั่น กับรัน พี่จะเลือกอะไร” วรันต์ยื่นตัวเลือกให้อีกฝ่ายต้องเลือก



“ทำไมพี่ต้องเลือกด้วย รันคือคนที่พี่รัก และอาชีพตำรวจก็คืออาชีพที่พี่รัก”



“รันไม่รับรู้ ถ้าพี่ยังยืนกรานที่จะไป แสดงว่าพี่ไม่เลือกรัน”



“...” ผู้กองหนุ่มไม่ตอบ เขายังไม่อยากให้ทุกอย่างมันจบแบบนี้ ถึงแม้ว่าหลายครั้งที่เขาพยายามประคับประคองความรักของเขาให้อยู่ได้ แต่วรันต์ดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นค่ามันเท่าไหร่





ยอมรับว่าวันนี้เขาไม่ได้รักวรันต์เท่าวันก่อนแล้วเพราะความเอาแต่ใจของเจ้าตัว แต่ก็ไม่ได้อยากจบความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายเลย เขาอยากให้รักของเราทั้งคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เขาคงไม่ยื้อมันต่อไว้ไม่ได้เช่นกัน



“พี่ปรานต์พี่เลือกที่จะเงียบ แปลว่า...เลือกที่จะทิ้งรันใช่ไหม” วรันต์มั่นใจในตัวเองว่าเขาจะยึดปรานต์ให้อยู่กับตัวเองได้ พอได้เห็นท่าทางเหล่านั้น เจ้าตัวก็แทบจะไม่เชื่อว่าปรานต์จะยอมทิ้งเขาจริงๆ





วรันต์ก็ไม่ต่างจากปรานต์ ชายหนุ่มก็ไม่ได้ถูกใจผู้ชายตรงหน้ามากเหมือนวันก่อนอีกแล้ว แต่เพราะผู้กองปรานต์มีภาษีดีกว่าผู้ชายอื่นที่เข้ามาหาวรันต์ แล้วมันผิดหรือไรที่เขายังเก็บคนที่ดีที่สุดไว้





“พี่ขอโทษ”



=====================================

พี่ปรานต์ของเราหัวใจเพิ่งว่างเหรอเนี่ยยย


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
งวดหก วิ่งหน้าตั้งก็ยังรักเธอ



            ไอ้น้ำนอนแทะเมล็ดแตงโมด้วยอิริยาบถเดิมที่เน้นความสบายเป็นหลัก เจ้าตัวกำลังกัดแทะอย่างเมามัน พอเห็นแม่น้อยเดินขึ้นบันไดบ้านมาเท่านั้น ท่าทางเรียบร้อยลุกขึ้นมานั่งหลังตรงก็ถูกกระทำเข้ามาแทนที่ทันที



            “แม่ หิวน้ำมั้ย เดี๋ยวฉันไปเอามาให้” ลูกชายคนโตของแม่น้อยถามเอาอกเอาใจ เห็นในมือแม่น้อยมีของพะรุงพะรัง ไอ้น้ำรีบลุกไปรับถุงในมือแม่อย่างรวดเร็ว นางหรี่ตามองลูกชายตรงหน้าด้วยความไม่ไว้ใจ วันนี้มันมาแปลก แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมายนัก



            “ขอบใจ ข้ากำลังหิวน้ำอยู่พอดี” แม่น้อยพูดเสร็จ ไอ้น้ำก็รีบลุกไปรินน้ำใส่แก้วมาให้ถึงมือแม่ทันที



            “ในตลาดเขาคุยอะไรกันบ้างอะแม่ ได้ข่าวเรื่องที่มีคนตายมั้ย” ไอ้น้ำเปิดประเด็นความอยากรู้ต่อทันที เช้านี้เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรมาจากนายตำรวจเลย



            “พูดกันทั้งวัด เอ็งไม่ได้ยินหรือ วันนี้นางสอนกับไอ้สินก็ไม่ได้มาวัด”



            “เหรอจ๊ะ ฉันไม่เห็นทั้งสองคนเลย คิดว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับงานศพ”



            “งานศพอะไรล่ะ เอ็งเห็นข้าไปสวดศพเมื่อคืนมั้ยล่ะ ไอ้น้ำ”



            “ฉันไม่รู้เลยจ้ะ เมื่อวานฉันเร่งทำงานอยู่ในห้อง” เมื่อคืนเขามัวแต่ขลุกอยู่ในห้องน้ำ รีบปั่นโปรเจ็คเฟสสามให้เสร็จ จะได้รับเงินไว กว่าจะออกมาจากห้องมาหาข้าวกินก็ดึกแล้ว เขาเลยไม่รู้เรื่องราวภายนอก



            “งานอะไรวะ แต่เอาเถอะ ช่างมัน อย่าลืมกินข้าวกินปลาด้วยล่ะ เมื่อวานให้ยายฝนไปเรียก เอ็งก็ไม่ออกมา”



            “ฉันออกมากินตอนดึกจ้ะ แม่ไม่ต้องห่วง แล้วเรื่องนั้นเป็นยังไงต่อจ๊ะแม่” ไอ้น้ำรีบดึงประเด็นกลับเข้ามา



            “เรื่องอะไรวะ” แม่น้อยของไอ้น้ำลืมเสียแล้ว



“เรื่องคนตายอะแม่”



“อ๋อ...นางพัด.. เออเขาก็ส่งนางพัดเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว เห็นว่าไปตรวจไรสักอย่าง”



            “ชันสูตรศพน่ะเหรอ”



            “เออ อย่างนั้นแหละมั้ง”



            “แล้วจะรู้ผลเมื่อไหร่อะ” ไอ้น้ำใจร้อนอยากรู้ผล



            “บ๊ะ! ข้าจะไปรู้ได้ยังไง” แม่น้อยโวยวายบุตรชายเพราะศพเพิ่งส่งเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวานช่วงเย็นเอง



            “อ้าว ฉันก็นึกว่าแม่จะรู้ เห็นแม่รู้ทุกเรื่อง” ไอ้น้ำย้อนมารดา เพราะในหมู่บ้านนี้มีเรื่องไหนบ้างที่แม่เขาจะไม่รู้



            “ข้าไม่ใช่เทวดานางฟ้าที่จะรู้เห็นทุกอย่าง ข้าก็รู้เท่าๆ กับคนที่เขาเล่าให้ฟังนั่นแหละ เอ็งอย่าถามให้มากความ”



            “ก็ได้จ้ะ” ไอ้น้ำเลยต้องรับคำสั่งเสียงเอื่อยๆ เพราะกลัวแม่น้อยจะดุเอาอีก



            “เออ ก่อนจะกลับจากตลาด ข้าเจอนางแสง มันฝากมาบอกเอ็งว่า อีกวันสองวันให้เอ็งเข้าไปหามันหน่อย เห็นมันพูดว่าจะให้สอน เน็ต เนิ่ด อะไรสักอย่าง”



            “อินเทอร์เน็ตจ้ะแม่”



            “เออ เรียกยาก ข้าพูดไม่ถนัดปาก”



            “จ้ะ ไว้ฉันจะแวะเข้าไปหาเจ๊แสง ขอบใจแม่มากจ้ะ วันนี้แม่ไม่เข้าสวนเหรอ”



            “ไม่ล่ะ วันนี้วันพระ ข้าจะพัก” ไอ้น้ำฟังคำตอบแล้วงง



            “ทำไมต้องวันพระอะแม่”



            “ข้าพอใจ เอ็งจะทำไม” บางทีไอ้น้ำก็พอรู้แล้วว่านิสัยกวนๆ นี้ เขาได้มาจากใคร ต้นฉบับอยู่ข้างๆ เขาเนี่ยแหละ



            “ปีหน้ายัยฝนก็ขึ้นมอ.หกแล้ว แม่จะให้มันเข้าไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เหมือนคราวฉันหรือเปล่าจ้ะ” ไอ้น้ำเริ่มเรียบๆ เคียงๆ ถาม





   เขาหาโอกาสคุยเรื่องนี้กับแม่น้อยหลายวันแล้ว เพราะน้ำฝนเข้ามาคุยกับเขาวันก่อน เจ้าตัวอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตอนนี้ก็มุมานะ ค่อยๆ อ่านหนังสือเพราะอยากสอบที่นั่นติด หรือถ้ามีประกาศรับตรง น้ำฝนก็อยากสมัคร น้องสาวคนเดียวของเขาเลยมาขอให้เขาช่วยพูดให้เพราะกลัวแม่จะไม่ให้ไปเรียนต่อไกลบ้าน



“จะขึ้นม.หกแล้วหรือ ไวจริงเชียว”



“จ้ะ” น้ำรับคำสั้นๆ เพราะไม่อยากเร่งเรื่องนี้กับแม่น้อย รู้ดีว่าแม่ห่วงน้องสาวมากเพียงใด พอดีพอร้ายน้ำฝนจะอดไปเรียนต่อในเมืองกรุงได้



“ข้าน่ะตั้งใจว่าจะให้น้ำฝนมันเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ แล้วไปพักอยู่กับเอ็งที่นู่น จะหาห้องหับใหม่ ให้ใหญ่กว่าเดิมอะไรก็ตามแต่เอ็งและน้อง”



“จ้ะ”



“แต่เอ็งกลับบ้านมาคราวนี้ เหมือนเอ็งไม่อยากกลับไปที่กรุงเทพฯ แล้ว ข้าเลยไม่แน่ใจว่าให้ยายฝนมันไปเรียนต่อที่นั่นดีมั้ย หรือจะเรียนวิทยาลัยแถวบ้านก็พอ” แม่น้อยเปรยออกมา ท่าทางหนักใจอยู่ไม่เบา น้ำเอ็งก็สะดุ้งเหมือนกัน นี่แม่ก็ดูเขาออกด้วยหรือว่าเขาเป็นยังไง



“ฝนเข้ามาคุยกับฉันวันก่อน มันอยากเรียนคณะเกี่ยวกับพวกยาหรือไม่ก็พยาบาลจ้ะ มันยังไม่ได้ตัดสินใจ เดี๋ยวคงมาคิดอีกที แต่วิทยาลัยแถวบ้านเราไม่มีสองคณะนี้หรอกแม่”



“งั้นเหรอ เรียนพยาบาลนี่ข้าพอเข้าใจ เรียนพวกยา จะทำมาหากินอะไร”



“ก็คนขายยาไงจ๊ะ จริงๆ แล้วคือเภสัชกรจ้ะ”



“มันจะดีเหรอวะ ข้าเห็นแถวนี้ ใครๆ ก็ขายยาได้ ทั้งแปะทั้งเฮียที่ไหนๆ ยังขายยาจีนเพิ่มด้วยซ้ำ”



“แม่จ๊ะ ฟังฉันก่อน จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ก็ได้ที่จะขายยาได้นะแม่ มันผิดกฎหมาย คนจะขายยาได้ต้องมีใบอนุญาตก่อนนะจ๊ะแม่” น้ำพยายามอธิบายให้ง่ายเพื่อให้แม่น้อยเข้าใจมากที่สุด



“จบแล้วจะมีงานทำมั้ย” แม่น้อยถามด้วยความเป็นห่วงอนาคตลูกสาว



“ได้หลายอย่างจ้ะ ทำงานในโรง’บาล ก็ได้จ้ะ ยัยฝนไม่ตกงานหรอกจ้ะแม่”



“อย่างนั้นข้าก็เบาใจ มันอยากเรียนอะไรข้าก็ตามใจ ดูเอ็งสิ เรียนอะไรก็ไม่รู้ ข้าเห็นแต่เหล็กสี่เหลี่ยมแบนๆ”



“เขาเรียกโน้ตบุ้คจ้ะแม่”



“ข้าไม่รู้จักหรอก แต่ข้าเป็นห่วงมันไปเรียนไกลหูไกลตา”



“ถ้าแม่ห่วงยายฝน เมื่อถึงเวลานั้นฉันกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ก็ได้จ้ะ” ไอ้น้ำพูดเพราะไม่อยากให้น้องสาวต้องถูกดับหวังตั้งแต่แรก



“ถึงตอนนั้น ค่อยว่ากันใหม่ ข้าก็ไม่ได้อยากบังคับให้เอ็งต้องกลับไปกรุงเทพฯ ถ้าเอ็งลำบากใจ”



“จ้ะ”



“แล้วมาคุยกับข้าอีกทีแล้วกันว่าจะเอายังไง ระหว่างนี้ถ้ายายฝนมันจะเรียนจะสอบอะไร ก็ให้มันไป ข้าจะหาลู่ทางเอง”



“จ้ะ เดี๋ยวฉันบอกมันให้ ถ้ามันรู้ว่าแม่อนุญาตมันคงดีใจ”



“เออ ข้าก็มีแค่เอ็งกับฝน ก็ต้องตามใจสิวะ”





สองวันให้หลังไอ้น้ำก็เข้าไปในตลาดหาของกินตั้งแต่หัวตลาดจนท้ายตลาด ได้ของกินขนมมาเต็มไม้เต็มมือ แถมเต็มปาก เด็กไม่ยอมโตเดินกินมาตลอดทาง พอถึงบ้านเจ๊แสงก็ยกน้ำดำใส่น้ำแข็งที่อยู่ในถุงหิ้วดูดเต็มแรง





แหม มันชื่นใจไอ้น้ำนัก





“เจ๊แสง ฉันมาแล้ว” ไอ้น้ำตะโกนบอกให้เจ้าของบ้านรู้ตัว



“เออ เข้ามาเลย” เจ๊แสงตะโกนตอบออกมาเช่นกันจากหลังบ้าน



“เห็นแม่บอกว่าเจ๊ให้ฉันมาหาใช่มั้ย”



“ใช่ เรื่องหวยไงล่ะ”



“ทำไมเหรอเจ๊ะ”



“ข้าไปถามมาแล้ว เงินที่ข้าให้ตำรวจไป ตอนนี้ไอ้ตำรวจคนนั้นมันถูกย้ายไปอีกอำเภอแล้ว ย้ายไปก็ไม่บอกข้า แล้วหลอกให้ข้าโอนเงินให้งวดที่แล้ว มันน่าเจ็บใจ”



“กะทันหันเลยเหรอเจ๊”



“เออสิวะ เด้งแบบไม่ทันตั้งตัว”



“ใครจะกล้าทำอะ”



“ก็จะใคร๊ ผู้กองหน้าอ่อนคนใหม่ไงล่ะ แหมข้าคิดแล้วโมโห คนที่นี่อยู่อย่างสงบมาตั้งนาน พอตำรวจนั่นมาชีวิตข้าเริ่มไม่สงบแล้ว” เจ๊แสงพูดพาลอย่างคนเสียผลประโยชน์



“เจ๊ อย่าหาว่าฉันเข้าข้างอีกฝ่ายเลยนะ เพราะยังไงฉันก็อยู่ฝั่งเจ๊อยู่แล้ว หวยใต้ดินมันผิดกฎหมาย ตำรวจคนใหม่เขาคงไม่ชอบจะจัดการให้มันหมดสิ้นไปก็คงไม่แปลกนะเจ๊”



“ไอ้น้ำ ถ้าเอ็งไม่ออกตัวว่าอยู่ฝั่งข้าเสียก่อน ข้าคงเข้าใจว่าเอ็งก็รู้เห็นเป็นชอบกับทางตำรวจ หรือว่าใช่วะ”



“ปะ..เปล่านะเจ๊ จะใช่ได้ยังไงล่ะ ฉันเพิ่งเกือบจะโดนจับอยู่เมื่อหลายวันก่อนเอง เจ๊จำไม่ได้เหรอ” ไอ้น้ำรีบปฏิเสธ ถ้าเจ๊แสงคิดว่าเขาเป็นหนอนบ่อนไส้ขึ้นมา จะพานให้เกลียดหน้าไปกันอีก



“ข้าก็ถามเผื่อดูเฉยๆ เอ็งไม่น่าแกล้งข้าหรอก”



“จ้ะ ฉันไม่เคยคิดแกล้งเจ๊เลย”



“ที่ข้าให้เอ็งมาวันนี้ก็เรื่องที่เอ็งเคยบอกว่าอยากให้ข้าเปลี่ยนวิธีการส่งหวย”



“จ้ะๆ เจ๊แสงจะเปลี่ยนแล้วใช่มั้ย” ไอ้น้ำพูดด้วยความหวัง ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ได้มันจะสะดวกไอ้น้ำคนนี้ไม่น้อย”



“เอ็งช่วยสอนข้าหน่อยสิวะ แล้วก็ไปบอกป้าๆ ในตลาดลูกค้าเอ็งด้วย ข้าก็จะทยอยบอกทางฝั่งข้าเหมือนกัน”



“ได้เลยจ้ะ เจ๊เอาโทรศัพท์มาเลย เดี๋ยวฉันสอนให้”





เสร็จสิ้นภารกิจเปลี่ยนชีวิตในวันนี้ เพื่อชีวิตที่กว่าในวันหน้า ไอ้น้ำก็เดินผิวปากเข้าไปในตลาดอีกครั้งแล้วเริ่มเข้าไปแทรกซึมบรรดาลูกค้าหวยของเขาทั้งหลาย อธิบายไม้แก่ดัดยากทั้งหลายให้เข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องปรับเปลี่ยน ป้าๆ ก็ยอมทำตาม เพราะกลัวไปนอนในคุกด้วยกันทั้งนั้น





ปฏิบัติการณ์รูปแบบใหม่เริ่มขึ้นแล้ว ไอ้น้ำสบายใจเป็นที่สุด เขาบอกเหล่าบรรดาป้าที่เป็นลูกค้าในตลาดว่า จะขอเก็บหวยก่อนวันหวยออกจริงหนึ่งวันเช่น ถ้าหวยออกวันที่หนึ่ง ป้าต้องส่งหวยก่อนบ่ายโมงวันที่สามสิบหรือสามสิบเอ็ดแล้วแต่เดือนนั้นๆ หรือถ้าหวยออกวันที่สิบหก จะต้องส่งหวยภายในวันที่สิบห้าก่อนบ่ายโมงเช่นกัน





เห็นทุกคนปรองดองเข้าใจได้เป็นอย่างนี้ไอ้น้ำก็เริงร่า สดใส ซาบซ่า





ก่อนวันหวยออกไอ้น้ำจัดแจงส่งข้อความไปให้เจ๊แสงเรียบร้อย เจ๊แสงก็น่ารักตอบกลับมาด้วยสติ๊กเกอร์ ผู้หญิงทำสัญลักษณ์ว่าโอเค ตามด้วยคำอวยพรที่ไอ้น้ำเห็นแล้วต้องส่ายหน้าเบาๆ





‘ขอให้วันนี้มีแต่ความสุข’





ข้อความที่ใส่มาในดอกไม้สักชนิดหนึ่ง ไอ้น้ำไม่เข้าใจทำไมป้าๆ แม่ๆ ชอบกันนักนะ





งวดนี้เป็นงวดที่เขาไม่ต้องไปขูดเลขตามหาอะไรให้ยุ่งยาก แหม มันช่างสบายเสียเหลือเกิน เพราะงวดนี้ทั้งหมู่บ้านเทคะแนนซื้ออายุของนางพัด คนตายรายล่าสุด





เจ๊แสงและเจ๊ภา เจ้ามือหวยรายใหญ่อีกเจ้าหนึ่ง รู้ทันอยู่ก่อนแล้วประกาศกร้าวมาอย่างชัดเจน





ซื้อได้ แต่ข้าจ่ายครึ่งหนึ่งโว้ย





“เรียบร้อยดีมั้ยเจ๊” ไอ้น้ำเอ่ยทักเจ้าของบ้านเมื่อเดินมาบ้านเจ๊แสง ตั้งใจว่างวดนี้จะลุ้นหวยอยู่กับผู้ว่าจ้างคนปัจจุบัน



“ดี ดีมาก แบบนี้ข้าก็สะดวกดีเหมือนกันนะเนี่ย” เจ๊แสงกำลังก้มหน้าจดหวยลงสมุดเล่มโตเหมือนเดิม



“เจ๊ยังจดลงสมุดอยู่เหรอ เอาลงคอมฯ มั้ย” ไอ้น้ำชี้ไปที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่วางอยู่ข้างๆ เจ๊แสง



“ข้าใช้ไม่เป็นหรอก นี่ลูกชายข้ามันเอาไว้เล่นเกมส์เวลามันกลับมาบ้าน”



“เหรอ ถ้าเจ๊อยากใช้เมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ เดี๋ยวฉันสอนให้”



“เออ ขอบใจเอ็งมาก แต่ข้ามีสมุดเล่มนี้เล่มเดียวแหละ ง่ายดี เวลาหนีตำรวจ”



“ยังไงเหรอเจ๊”



“ทุกอย่างอยู่ในเล่มนี้ ไม่ต้องทำลายหลักฐานอะไรให้ยุ่งยาก”



“ก็ดีเหมือนกันแฮะ เจ๊ก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย” ไอ้น้ำพูดเห็นด้วยกับสิ่งที่เจ๊แสงว่า ไม่วายจะลืมชมเจ๊แสงเพื่อเป็นกำลังใจ



“เห็นอย่างนี้ข้าก็ฉลาดเหมือนกันเว้ย”



“แล้วเจ๊จะรู้ได้ยังไงว่าตำรวจมา”



“เอ็งนี่ไม่รู้อะไรเลย ข้าก็ต้องเตรียมของข้าบ้างสิวะ”



“เตรียมอะไรเหรอ” ไอ้น้ำถาม



“เจ๊แสง เจ๊แสง” เสียงร้อนรนของผู้ชายคนหนึ่งดังใกล้เข้ามาถึงบ้านเจ๊แสง ไอ้น้ำหันไปตามเสียงก็เจอไอ้ดำ คนในตลาด



“นั่นไง ไอ้ดำนั่นแหละที่ข้าเตรียมไว้กันตำรวจ มีอะไรวะไอ้ดำ ทำไมไม่ดูต้นทางให้ข้า” เจ๊แสงบอกไอ้น้ำเสร็จก็ตะโกนขานรับไอ้ดำ



“ตะ..ตำรวจจ้ะ” ไอ้ดำตะกุกตะกักพูด



“อะไร ตำรวจทำไม มีอะไรก็รีบพูดมา จะได้รีบกลับไป เดี๋ยวข้าไม่จ่ายเงินเสียหรอก” เจ๊แสงเริ่มรำคาญ พูดจาไม่รู้เรื่องสักที



“ตะ..ตำรวจมา!!” ไอ้ดำตะโกนออกมาได้ในที่สุด



“อะไรวะ แล้วมัวแต่ยืดยาดไม่รีบพูด เดี๋ยวก็ได้นอนคุกกันหมด” เจ๊แสงลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ หยิบสมุดเล่มนั้นใส่มือไอ้น้ำทันที



“อะไรเนี่ยเจ๊ เอาของกลางมาให้ฉันทำไม ไม่เอาอะ เอาคืนไป” ไอ้น้ำพยายามยัดเยียดคืนให้เจ้าของที่แท้จริง แต่เจ๊แสงก็ไม่รับ



“เอ็งเอาสมุดนี่ไปแล้ว เอ้านี่ด้วย” เจ๊แสงหยิบรองเท้าของไอ้น้ำมายัดใส่มือไอ้น้ำอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไอ้น้ำตั้งตัวไม่ติด



“อะไรเนี่ย” ไอ้น้ำงงงวยไปหมดแล้ว



“เอ็งรีบออกทางหน้าต่างหลังบ้านแล้ววิ่งผ่านไปทางป่า เสร็จแล้วระหว่างทางจะผ่านกระท่อมไม้หลังหนึ่ง ก็โยนไอ้สมุดนี่ไปในกระท่อม แล้วก็ตรงกลับบ้านไปเลย”



“อะไรนะเจ๊” เจ๊แสงพูดรัวเร็วจนไอ้น้ำเริ่มจะฟังไม่ทัน



“ยังมาถามซ้ำ อยากนอนคุกหรือไงวะ”



“ไม่ ไม่จ้ะ”



“รีบไปสิ ไป ไอ้น้ำ พ่อเอ็งมานู่นแล้ว” ไอ้น้ำเห็นชุดสีกากีกำลังมุ่งตรงบ้านเจ๊แสง เท่านั้นสองขาก็จ้ำอ้าวไปหน้าต่างหลังบ้านแล้วปีนออกไปอย่างรวดเร็ว





รีบวิ่งสิครับ รออะไรเล่า รอให้พ่อมาจับหรือไง





ไอ้น้ำวิ่งร้อยเมตร ขาแทบลอยจากพื้นดิน มุ่งหน้าเข้าป่าตามที่เจ๊แสงว่า โชคดีของไอ้น้ำเหลือเกินที่รู้จักพื้นที่ในหมู่บ้านนี้เป็นอย่างดี ไม่มีตรงไหนที่ไม่รู้จัก ไม่งั้นเขาต้องหลงแล้วตายอยู่ในป่าแน่ๆ วิ่งมาได้ครึ่งทางไอ้น้ำก็เห็นกระท่อมหลังหนึ่งตามที่เจ๊แสงบอก มันโยนสมุดเข้าไปในกระท่อมแล้วก็วิ่งตัวปลิวจนถึงบ้าน



“กระหืดกระหอบหนีอะไรมา ไอ้น้ำ ดูสิเหงื่อเต็มตัว” แม่น้อยถามเมื่อเห็นลูกชายวิ่งขึ้นบ้านมาใบหน้ามีแต่เหงื่อ อีกทั้งเสื้อด้านหลังก็ยังเปียกชุ่มอีก



“ก็หนีตำรวจมาน่ะสิแม่”



“อะไร หนีทำไม”



“ตำรวจไปบ้านเจ๊แสงน่ะ”



“อะไรกัน!” แม่น้อยอุทานด้วยความตกใจ



“แล้วเอ็งกับเจ๊แสงโดนจับหรือเปล่า”



“แม่ถามอะไรแปลกๆ ถ้าฉันโดนจับฉันจะมาคุยกับแม่ตรงนี้ได้เหรอ”



“เออ จริงว่ะ แล้วเจ๊แสงล่ะ”



“ไม่รู้เลยแม่ เดี๋ยวหลังหวยออกค่อยโทรไปถาม”



“อะไรกันวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีตำรวจมาจับหวยในหมู่บ้าน”



“ก็ตำรวจเปลี่ยนคนแล้ว ทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนบ้างน่ะแม่”



“จริงของเอ็ง แบบนี้ข้าต้องซื้อแต่หวยบนดินเหรอวะ” แม่น้อยทำท่าหนักใจกว่าที่ไอ้น้ำจะถูกตำรวจจับเสียอีก



“ทุกอย่างมีทางออก แม่ไม่ต้องกังวล เชื่อมือฉันได้เลย”



ทางด้านเจ๊แสง คล้อยหลังไอ้น้ำวิ่งออกไปหน้าต่างทางหลังบ้านแล้ว ตำรวจก็มาถึงพอดี



“สวัสดีจ้ะ คุณตำรวจ มาหาฉันถึงบ้าน มีอะไรหรือจ๊ะ” เจ๊แสงต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนอย่างดี ไม่มีทีท่าพิรุธใดๆ แม้แต่น้อย ทั้งที่มือนั้นเย็นเยียบ



“เราได้รับแจ้งมาว่า บ้านนี้มีการรับซื้อหวยใต้ดิน” จ่าสมคิดบอก



“อุ้ย อย่างนั้นหรือจ๊ะ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”



“ผมมีหมายค้นมาด้วย นี่ครับคุณป้า” ผู้กองยื่นหมายค้นที่เขาเดินเรื่องขอทำเอกสารนี้มาหลายสัปดาห์ก่อน



“ไม่ต้องเอามาให้ดูหรอกจ้ะ ฉันไม่เข้าใจหรอก ถ้าอยากค้นก็ค้นเลยจ้ะ ประชาชนที่ดีต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่มั้ยจ๊ะ เห็นลูกชายฉันพูดให้ฟังบ่อยๆ”



“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาต”



“จ้ะๆ เข้ามาเลย เอาน้ำด้วยมั้ย” เจ๊แสงมอบไมตรีจิตร เชื้อเชิญนายตำรวจให้ดื่มน้ำแก้กระหาย



“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณครับ” ผู้กองหนุ่มตอบปฏิเสธอย่างสุภาพแล้วเริ่มตรวจค้น



ค้นจนหมดบ้าน จนหวยออกไปแล้ว เจ๊แสงก็นั่งโบกพัดสบายใจ



ไม่เจอใช่มั้ยล่ะ!











=====================================


TaLK :

เขม : ไอ้น้ำ

น้ำ : ว่าไงลูกพี่

เขม : บอกแม่ตะเคียนให้หน่อยดิ

น้ำ : บอกไรอะ ไม่เอากลัวผี ไปบอกเอง

เขม : น่านะ บอกให้หน่อย

น้ำ : บอกไร จะขอหวยเหรอ

เขม : เปล่า บอกแม่ตะเคียน ขอคนอ่านเมนท์กำลังใจให้หน่อยดิ

น้ำ : บอกให้ก็ได้

เขม : น่ารักมากเลยเอ็ง ถ้ายังไง เดี๋ยวพี่เอา สไบไปถวายนะจ๊ะ

น้ำ : จัดไปพี่



ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรื่องสนุกดี ติดตามอ่านต่อเรื่อยๆจ้า

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แม่ตะเคียนบอกให้มาเม้นค่ะ เนื้อเรื้องน่ารักดีจัง รอลุ้นว่าจะโดนตำรวจจับวันไหนนะคะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มาเม้นเพราะเจ้าแม่ตะเคียน
เป็นกำลังใจให้คนเขียน  :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :mew3:i ติดตามค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
งวดเจ็ด ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ใช่ไอ้น้ำน่ะสิ



            ผลบุญที่อุตส่าห์ทำมาเมื่อวันพระครั้งก่อน คงจะไม่ช่วยไอ้น้ำเลยสินะเพราะงวดนี้ เลขอายุคนตาย ทำคนเจ๊งทั้งบาง ไม่มีใครถูกเลยแม้แต่สักคนเดียว


            เจ๊แสง ไม่ถูกตำรวจจับ ไม่ต้องวิ่งหนีตำรวจ ยังรับเงินเข้ากระเป๋าเต็มๆ ไม่เสียให้ใครสักกะบาท


            แล้วไอ้น้ำล่ะ


            ทั้งวิ่งหนีตำรวจ ทั้งกลัวตำรวจจะจับ หวยก็ยังไม่ถูกอีก!!


            “แม่ๆ แม่จ๊ะ” ไอ้น้ำรีบเดินขึ้นมาบนบ้าน อารามที่รีบร้อนจึงไม่ได้ระวังน้ำหนักที่เท้า ตอนนี้บ้านทั้งหลังสั่นไหวเพราะการเดินของไอ้น้ำ

            “อะไรวะ เรียกข้าทำไม แล้วเดินบนบ้านให้มันเบาๆ หน่อย มือเท้าหนักแบบนี้ ใครเขาจะอยากได้เอ็งไปเป็นผัววะ” แม่น้อยที่กำลังอุ่นอาหารไว้เพื่อมื้อเที่ยงนั่น ตะโกนลั่นออกมาจากครัว

            “ใครจะเอาฉันเป็นผัวหรือไม่เอา ก็ช่างมันก่อนเถอะแม่ ฉันได้ยินคนในตลาดพูดกันว่ารู้ผลตรวจศพแล้ว” ไอ้น้ำไม่สนใจคำค่อนขอดของมารดา เขาเข้าไปในครัวเพื่อคุยกับแม่ในเรื่องที่ได้ยินมา

            “อ๋อ ศพนางพัดใช่มั้ย”

            “ใช่จ้ะ แม่รู้แล้วเหรอ”

            “เออสิวะ มีเรื่องไหนที่ข้าไม่รู้ล่ะ ทำไมล่ะ เอ็งไม่รู้รึ” แม่น้อยหันมาถาม แต่สีหน้าไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงบุตรชาย แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเป็นต่อ

            “จ้ะ ฉันมันหูตาไม่ค่อยรวดเร็วอย่างแม่ ไหนเลยจะทันแม่ได้ล่ะ” ไอ้น้ำหมั่นไส้มารดา จึงแสร้งย้อนกลับไป

            “บ๊ะ!เดี๋ยวไม่เล่าเสียหรอก”

            “เล่าจ้ะเล่าเถอะนะ ฉันอยากรู้” ไอ้น้ำเข้าไปนวดตามแขนแม่น้อยอย่างประจบเอาใจ แต่แม่น้อยสะบัดแขนออก ไม่ใช่ว่ารำคาญ แต่เพราะนางกำลังอุ่นหมูที่อยู่ในกระทะต่างหาก

            “เขาลือกันทั้งตลาดว่านางพัดถูกฆ่าตายจริงๆ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า น่ากลัวจริง จริ๊ง ตั้งแต่ข้าเกิดมาจนแก่หมู่บ้านเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เลย ดูสิแค่พูดข้ายังขนลุก” แม่น้อยลูบแขนทั้งสองข้างด้วยความกลัว

            “ตำรวจเขาเริ่มสอบปากคำไปหรือยังอะแม่”

            “เมื่อวันก่อนเรียกนางสอนกับไอ้สินไปให้ปากคำ”

            “แล้วเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”

            “เรื่องตำรวจถามว่าไง ข้าไม่รู้หรอก แต่คนที่ตลาดก็คงแห่ไปถามนางสอนกับไอ้สินนั่นแหละ”

            “เขาว่าไง แม่” ไอ้น้ำต้อนถามอย่างร้อนใจ เรื่องพวกนี้เขาชอบมาก เขาน่ะเป็นแฟนคลับโคนันตัวยงเลยล่ะ

            “คนในตลาดมันก็เล่าต่อๆ กันมาว่านายสอนถูกเรียกตัวไปแล้วกลับมาเล่าให้คนในตลาดฟังว่ามันไม่เห็นรู้เรื่องว่าใครจะเข้ามาทำร้ายนางพัดจนตายถึงในบ้านเลย มันหลับสนิทตลอดคืน พอตอนเช้าเอะใจ นางพัดไม่ใช่คนเกียจคร้านแต่สายโด่งยังไม่ลงมาทำกับข้าว นางสอนเลยขึ้นไปปลุก ก็นั่นแหละไปถึงก็ตัวแข็งหมดแล้ว”

            “แล้วพี่สินล่ะ เขาไปไหน”

            “คืนนั้นไอ้สินมันไปนอนเฝ้าบ่อกุ้งน่ะสิ ไม่ได้อยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็น่าสงสารมันนะ ถึงมันจะหึงโหดแต่ก็รักเมียมากนี่เมียตายกลับไม่รู้เรื่องเลย มันยังเสียใจไม่เลิก ข้าวปลาไม่กิน ข้าเห็นเมื่อวันก่อน ใบหน้าลำตัวผอมแห้งไปหมดอย่างกับคนตรอมใจ ข้าล่ะกลัวมันจะตายตามเมียมันไปอีกคน”

            “ไม่ถึงอย่างนั้นหรอกมั้งแม่” ไอ้น้ำไม่อยากเชื่อว่าพี่สินจะตรอมใจจริงๆ

            “ใครมันจะไปรู้วะ คนมันรักมากก็ยิ่งเสียใจมากเป็นธรรมดา”

            “ไม่ทุกคนหรอกจ้ะ” น้ำยืนยัน

            “พูดอย่างกับรู้ดี”

            “ไม่ใช่ว่าฉันรู้ดี ฉันแค่เห็นตัวอย่าง”

            “ตัวอย่างอะไรของเอ็งวะ” แม่น้อยไม่เข้าใจ

            “ก็ตอนที่พ่อตายอะ แม่ยังไม่ตายตามไปเลยนี่นา หรือว่าแม่ไม่รักพ่อ” ไอ้น้ำพูดพลางทำหน้าทะเล้น

            “เอ็งนี่มันเอาตะหลิวแพ่นกะบาลจริงๆ คิดหรือว่าข้าไม่อยากตามไป แต่เพราะมีภาระอย่างเอ็งกับยายฝนแบบนี้ ถ้าข้าตายตามพ่อเอ็งไป ใครจะอยู่เลี้ยงพวกเอ็งวะ”

            “แหะๆ ก็จริงของแม่จ้ะ”

           “ข้าไม่คุยกับเอ็งแล้ว อารมณ์เสีย แล้วนี่เอ็งก็อย่าไปเชื่อให้เรื่องนางพัดให้มันมากล่ะ คนเขาเล่ากันมาไม่รู้กี่ปากต่อกี่ปาก ยิ่งเล่าเรื่องมันก็ยิ่งเปลี่ยน” แม่น้อยเตือนด้วยความหวังดี

           “แน่นอนจ้ะ ฉันฟังหูไว้หูอยู่แล้ว” ไอ้น้ำบอก สัญชาตญาณนักสืบที่ดีต้องหาข้อมูลให้มากที่สุด และอย่าปักใจเชื่อในคราวเดียว

           “เออ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ข้าจะกลับไปสวนอีกรอบ”

           “ไปทำไมล่ะ ก็เมื่อเช้าแม่เพิ่งบอกฉันว่าตอนบ่ายจะทำงานบ้านไม่ใช่เหรอ” ไอ้น้ำถามเพราะทีแรกแม่ของเขาตั้งใจจะไม่ไปที่สวนแล้ว

           “เออ ข้าลืมไปว่าวันนี้พ่อค้าเขาจะมาซื้อผลไม้ที่สวน เลยต้องไปดูเสียหน่อย”

          “ก็ให้พี่กุ้งขายแทนก็ได้นี่จ๊ะ ปกติแม่ก็ทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” พี่กุ้งเป็นมือขวาของแม่ ช่วยงานแม่มาตั้งแต่ยันสาวจนตอนนี้ลูกโตพอๆ กับยายฝนแล้ว”

         “ก็ใช่ แต่สวนของเราก็ต้องเข้าไปดูบ้างสิวะ จะปล่อยให้เขาทำอย่างเดียวได้ยังไงกัน”

         “นี่แม่” ไอ้น้ำถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเก็บอาหารจากมื้อเที่ยงเรียบร้อย

         “อะไรอีกวะ เรียกแม่ๆ ทั้งวัน” แม่น้อยบ่นไม่จริงจังนัก ระหว่างที่หยิบหมวกมาสวมเพื่อเตรียมจะออกไปที่สวนอีกรอบตามที่ได้บอกไปแล้ว

         “ฉันสงสัยว่าเมื่อก่อนนี้ที่แม่ยังไม่มีพ่อค้ามาติดต่อซื้อที่สวน แม่เอาผลไม้ ผักพวกนี้ไปขายยังไงจ๊ะ”

         “ก็ไอ้แก่ข้างล่างไง” แม่น้อยหมายถึงรถกระบะคันที่จอดอยู่ใต้ถุนบ้าน ที่มันใกล้จะปลดระวางเร็วๆ นี้ พักหลังมันเริ่มสตาร์ทไม่ค่อยติดเพราะไม่มีคนใช้ แม่น้อยก็คร้านจะตามคนมาซ่อมเพราะอายุอานามของมันก็เกินสิบปีแล้ว

        “อ๋อ...ไอ้แก่บรรทุกผลไม้ไปส่งที่ตลาดใช่มั้ยแม่”

        “นั่นมันทีแรกหลังแล้วก่อนนี้ตอนที่เพิ่งทำสวนใหม่ๆ ไม่มีเงินซื้อรถหรอก ก็ใช้ไอ้จ่อยกับไอ้จ้อยลากไป” แม่น้อยหมายถึงวัวกับควายที่เคยเลี้ยงเอาไว้ ไม่ได้เอามันมาไถนาหรือทำสวนอะไรหรอก แม่บอกเอาไว้ลากของหนักๆ พวกเกวียนแบบนี้มากกว่า

       “ฉันจำได้ พูดแล้วคิดถึงมันเนาะ เราฝังมันไว้ตรงไหนนะแม่” เพราะอายุอานามที่หลายปีพอวันหนึ่งมันสองตัวจึงพากันล้มตายด้วยความชราตามวัย

       “ไม่ได้ฝังหรอก”

      “หืม?” ไอ้น้ำงง จำได้ว่าฝังมันเองกับมือ

      “ขายมันไปทั้งคู่ จำไม่ได้หรือ ไอ้น้ำ” แม่น้อยพูด ไอ้น้ำยิ่งงง ก็ฝังเองนี่นา หลุมที่ฝังก็แถวๆ หลังบ้านนั่นแหละ

      “ขายมันไปได้ยังไง ฉันยังจำได้ว่าเราฝังมันเองนะแม่”

      “ก็ขายวัวขายควายส่งลูกเรียนหนังสือแล้วกลับมานอนกระดิกตีนอยู่ที่บ้านไง” แม่น้อยทิ้งท้ายแล้วเดินลงบันไดไปเข้าสวนทันที


           หึ รู้จักแม่น้อย น้อยไปนะเว้ย
         


        หลังจากส่งงานโปรเจ็คส่วนสุดท้ายเสร็จ ช่วงนี้ไอ้น้ำเลยว่าง เมื่อเช้าเขาได้รับโทรศัพท์จากพี่บาสว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีเขามาเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเช็คยอดจากโทรศัพท์ก็พบว่าเงินโอนเข้ามาแล้วจริงๆ เขาเลยถือโอกาสนี้จะนั่งรถเข้าไปในเมืองเสียหน่อย ไปซื้อของ เดินเล่น หาอะไรอร่อยๆ กิน แวะอัพเดทสมุดบัญชีด้วย แล้วเย็นๆ รอกลับบ้านพร้อมยายฝนดีกว่า

            “แม่ วันนี้ฉันจะเข้าไปในเมืองเสียหน่อย เย็นๆ จะกลับมาพร้อมกับยายฝนนะ แม่จะเอาอะไรในเมืองหรือเปล่า” ไอ้น้ำถามแม่ก่อนจะลงบันไดออกจากบ้าน

            “ไม่เอา วันก่อนยายฝนมันก็เพิ่งซื้อมาให้ ขอบใจมาก” แม่น้อยบอกเพราะยายฝนเรียนพิเศษอยู่ในเมืองทุกเสาร์ แม่น้อยมักจะฝากซื้อหลังเลิกเรียนเสมอ

            “งั้นฉันไปก่อนนะแม่”

            “เออ นั่งรถดีๆ ล่ะ” ไอ้น้ำยกมือไหว้ลาแม่น้อยแล้วเดินผิวปากลงจากบ้านไป หมู่บ้านของเขามีรถประจำทางขับผ่านอยู่ที่หน้าถนนใหญ่ตลอดเวลา ขอแค่ไม่กลับดึกเกินไปยังไงก็มีรถมาหมู่บ้านตลอดเวลา และถ้าหากสุดวิสัย กลับดึกจริงๆ ก็มีรถเหมาให้ไปรับได้เสมอเพราะระยะทางจากหมู่บ้านเข้าเมืองนั้นไม่ไกลมากนักแค่สามสิบนาทีหรือประมาณยี่สิบห้ากิโลเมตรเท่านั้นเอง


            น้ำเดินทอดน่องเดินไม่รีบร้อนไปถนนใหญ่หน้าหมู่บ้านนัก วันนี้เขาค่อนข้างอารมณ์เดิน จิตใจแจ่มใส เพราะได้รับเงินงวดสุดท้าย


            ทุกอย่างจะเยียวยาได้ด้วยเงิน


            น้ำเชื่ออย่างนั้น


            เสียงแตรจากรถยนต์ดังขึ้น ทำให้ไอ้น้ำรีบหลบเข้าข้างทางกะทันหัน และชายหนุ่มจึงพบว่ามีรถยนต์สีดำมันปลาบคันหรูจอดนิ่งอยู่ข้างตัว ไอ้น้ำสงสัยจนกระทั่งกระจกรถด้านหน้าข้างคนขับนั้นถูกลดลง เขาจึงเห็นหน้าเจ้าของรถยนต์คันนั้น

            “จะไปไหน ไอ้หนู” ผู้กองหนุ่มทักมาจากในรถยนต์ ประโยคเดียวกันเป๊ะเหมือนวันที่เจอกันครั้งแรก

            “ในเมือง” ไอ้น้ำตอบเสียสั้นเพราะไม่อยากเสวนาด้วย

            “เหรอ นึกว่ากำลังจะไปส่งโพยหวย”

            “ผมไปล่ะ” ไอ้น้ำฟังแล้วฉุน จึงตัดบททันที

            “เดี๋ยวก่อนสิ ฉันก็จะเข้าไปในเมืองเหมือนกัน ไปด้วยกันสิ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยชวนด้วยควาหวังดี ไปทางเดียวกัน ประหยัดน้ำมัน

            “ไม่เป็นไร ขอบคุณ” น้ำปฏิเสธความหวังดีนั้นทิ้งลงอย่างไม่ใยดี

            “แล้วนายจะไปยังไง”

            “รถประจำทางผ่านหน้าหมู่บ้านเยอะแยะ” นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดของน้ำในวันนี้แล้ว


            “ไปด้วยกันก็ได้นี่” ผู้กองยังคงหยิบยื่นน้ำใจให้

            “ไม่ล่ะ ขอบคุณ”

            “อืม ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนก็แล้วกัน ฉันก็แค่อยากหาคนคุยด้วยก็เท่านั้นเอง เรื่องคุณพัดมันซับซ้อนเหลือเกิน” ผู้กองหนุ่มพูดพลางกดปุ่มให้กระจกรถยนต์เลื่อนขึ้นเพื่อปิด

            “เดี๋ยวๆ ขี้เกียจเดินแล้ว มันร้อน ไปด้วยนะ” ไอ้น้ำหูผึ่ง วิญญาณนักสืบออกล่าทันที เขาจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้

            “เปลี่ยนใจแล้ว?”

            “ใช่ ปลดล็อคสิ จะได้ขึ้นไป” ผู้กองปรานต์ไม่ได้พูดอะไร เลื่อนมือปลดล็อคฝั่งข้างคนขับ ไอ้น้ำก็กระโดดขึ้นรถโดยไม่ต้องให้เจ้าของรถเอ่ยชวนซ้ำอีก

            “เงินเดือนตำรวจ เขาว่าไม่ได้มากมายอะไร แต่ขับรถยนต์เสียแพงเลยแฮะ” ไอ้น้ำบ่นกับตัว
เอง ไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่คงลืมไปว่าบนรถตอนนี้มันช่างเงียบเหลือเกิน

            “รถคันนี้เป็นของที่บ้าน” ผู้กองปรานต์คร้านจะอธิบายว่าคันนี้ดูมีมูลค่าน้อยสุดแล้วในบรรดารถยนต์ที่จอดอยู่ที่บ้านที่กรุงเทพฯ ของเขา

            “อ่อ..ลูกคนมีกะตัง” ขนาดตอบเลี่ยงแบบนี้ ไอ้น้ำยังหาเรื่องเขาได้ ผู้กองได้แต่ส่ายหน้า คนที่ถูกมองในแง่ลบ ทำอะไรมันก็ลบไปทั้งหมด

            “พอมีบ้าง” ผู้กองเลือกตอบให้เป็นกลางมากที่สุด เขาไม่อยากโดนอีกฝ่ายค่อนแคะอีก

            “นี่ เล่าสิ”

            “เล่าอะไร?” ผู้กองหนุ่มพาซื่อย้อนถามกลับไป

            “อ้าว ก็เรื่องคุณพัด ที่ตายไปไง สรุปเป็นฆาตกรรมจริงใช่ปะ”

            “รู้จากที่ไหนมาล่ะ” ผู้กองไล่ถามเพราะเขาก็อยากรู้ว่าคนข้างๆ นี่รู้อะไรมาบ้าง มากน้อยแค่ไหน

            “ในตลาดเขาพูดกันให้ทั่ว”

            “แล้วเชื่อหรือเปล่า”

            “ไม่รู้อะ นี่เล่าซะทีสิ จะได้รู้เสียทีว่าอะไรมันเป็นอะไร อุตส่าห์ขึ้นรถมาด้วยเพราะอยากรู้เรื่องนี้เลยนะเนี่ย” ประโยคหลังไอ้น้ำลดเสียงลงพูดกับตัวเอง แต่ในรถมันไม่ได้กว้างขวางอะไร ไอ้น้ำคงลืมอีกแล้วว่าผู้กองได้ยินทั้งหมดที่มันพูดนั่นแหละ

            “น่าภูมิใจที่คนในหมู่บ้านให้ความสนใจคดีมากขนาดนี้”

            “คนตายทั้งคนจะไม่สนใจได้ยังไง พูดแปลกๆ เมื่อไหร่จะเล่า ถ้าโยกโย้ ไม่เล่าก็จอด จะได้ลง เสียเวลาชะมัด”

            “เล่าน่ะเล่าแน่ แต่ก่อนที่ฉันจะเล่าให้นายฟัง ฉันขอถามนายก่อน”

            “ได้ ถามมาเลย จะได้จบๆ”

            “ชื่อน้ำใช่มั้ย อายุเท่าไหร่”

            “จะอยากรู้ไปทำไม เอาไปทำประวัติเหรอ” ไอ้น้ำไม่เข้าใจ คำถามพวกนี้มันเกี่ยวกับคดีคุณพัดตรงไหน

            “ตอบมาเถอะ”

            “อืม ชื่อน้ำ อายุยี่สิบห้า” น้ำตอบอย่างขอไปที

            “ยี่สิบห้าแล้วเหรอ ไม่น่าเชื่อ” ผู้กองถาม เพราะเด็กหนุ่มดูเหมือนเด็กกะโปโลมากกว่าวัยที่เริ่มทำงานไปได้สักพักแล้ว

            “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เถอะ” ไอ้น้ำขี้คร้านจะเถียง

            “แล้วชื่อน้ำนี่ชื่อจริง?”

            “ไม่ใช่”

            “แล้วชื่ออะไร”

“จะอยากรู้ไปทำไมเนี่ยผู้กอง ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับคดีเลยนะ”

“ตอบมาเถอะ ตอบเสร็จแล้วฉันจะบอกว่าถามทำไม”

“นที”

            “นทีแปลว่าแม่น้ำ ชื่อเล่นชื่อน้ำ เข้ากันนี้ แล้วตอนนี้นายทำงานอะไร”

            “ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน ตกงานอยุ่” ถึงจะไม่ได้เต็มใจตอบแต่น้ำก็ยอมตอบให้อีกคนฟัง เพราะเขาอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะถามเขาไปทำไมกันแน่

            “ก่อนหน้านี้นายทำงานอะไร...ที่ไหน”

            “กรุงเทพฯ” คำตอบห้วนสั้นของน้ำทำให้ผู้กองหนุ่มหันมามองคนนั่งข้างชั่วครู่ก็หันกลับไปมองถนนตามเดิม เอาสิถ้าจะเล่นยี่สิบคำถาม ถามคำตอบคำ เขาก็ยินดีที่จะถามแบบนี้ไปเรื่อยๆ

            “ทำงานอะไร” เมื่อไม่ได้ยินว่าคนข้างๆ ตอบว่าทำงานอะไร ผู้กองเลยถามอีกครั้ง

            “ผมไม่ตอบแล้ว ถ้าคุณไม่ยอมบอกว่าที่ถามไปเนี่ยมันเกี่ยวกับคดียังไง” น้ำเริ่มไม่สบอารมณ์ เขาไม่เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับคดีคุณพัดเลย

            “ก็ไม่ได้บอกว่ามันเกี่ยวกับคดีนั้นเลยนี่”

            “อ้าวลุง พูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง” โมโหเสียดีมั้ย นี่มันตั้งใจหากวนประสาทเขาชัดๆ

            “อยากรู้ก็เลยถาม”

            “อยากรู้ไปทำไม” ไอ้น้ำย้อนถามกลับทันควัน

            “ฉันเพิ่งย้ายมาใหม่ จะเรียนรู้ศึกษาประวัติคนในหมู่บ้านก็ไม่น่าแปลกอะไรหรอกจริงมั้ย”

            “ไปคุยกับแม่ค้าในตลาดเยอะๆ สิ ผู้กองได้รู้จักประวัติทุกคนแน่” ไอ้น้ำแนะนำแหล่งรวมข่าวน่ะอยู่ที่นั่น

            “ไว้จะลองไป เรื่องคดีคนตาย” ผู้กองหนุ่มทิ้งท้ายเท่านั้น น้ำหันมามองผู้กองหนุ่มด้วยตาเป็นประกายดังเดิม ลืมไปหมดว่าเพิ่งไม่พอใจคนข้างๆ อยู่เมื่อสักครู่นี้

            “เล่ามาเลย รอฟัง” ไอ้น้ำบอกด้วยความตื่นเต้น

            “ทางตำรวจเรียกป้าสอนกับสินมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจเมื่อหลายวันก่อน”

            “นอกจากที่ป้าสอนไปตามคุณพัดที่ห้องนอนกับพี่สินไปนอนเฝ้าบ่อกุ้ง มีอะไรนอกเหนือจากนี้อีกมั้ย”

            “รู้เยอะเหมือนกันนี่”

            “อืม รู้แค่นี้แหละ”

            “ปกติป้าสอนชอบหรือไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้มั้ย”

            “หือ?”

            “ก็แบบเหมือนปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้” ผู้กองปรานต์พยายามอธิบาย

            “อันนั้นเข้าใจ หมายถึงว่า นึกยังไง ผู้กองถึงถามแบบนั้น”

            “ตอนนี้ทุกคนตกเป็นผู้ต้องสงสัย”

            “รวมผมด้วยหรือเปล่า”

            “ใช่”

            “แล้วมาบอกผมอย่างนี้ไม่กลัวผมหนีเหรอ”

            “ถ้านายจะหนีก็มีแค่เรื่องเดียว” ผู้กองปรานต์หันมาบอก

            “เรื่องอะไร”

            “หวย”

            “หวย..หวยอะไร ไม่หนีหรอก หนีทำไม” ไอ้น้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อปกปิดความตื่นเต้น

            “นายนี่นะ เกือบจะดีทุกอย่างแล้วเชียว แต่ปิดบังตำรวจทำได้ไม่เนียนเอาเสียเลย” ผู้กองหนุ่มหัวเราะเสียงเบา

            “ผมเปล่าไม่ได้ปิดบังอะไรเสียหน่อย”

            “นั่นล่ะ ทำให้ผมมั่นใจว่าคุณไม่ใช่ฆาตกรแน่”

            “เพราะอะไร” ไอ้น้ำสงสัย

            “ก็ถ้านายเป็นฆาตกรจริง นายไม่น่าจะอยู่กับฉันที่นี่แน่ นายมันตื่นเต้นง่ายเกินไป”

            “พูดเพ้อเจ้อแล้วผู้กอง” ไอ้น้ำรีบปฏิเสธ เขาควบคุมตนเองได้ดีตลอดเวลาน่า

            “นายช่วยฉันหน่อยสิ ฉันต้องการนาย” คำพูดห้วนสั้นไม่มีที่มาที่ไปทำให้ไอ้น้ำดันตัวเองติดประตูอีกฝั่งทันที

            “อะไรผู้กอง ให้ช่วยอะไร ผมไม่ได้เป็นเกย์ ผู้กองเป็นเหรอ เฮ้ย ผมช่วยไม่ได้หรอก ไปหาคนอื่นเถอะ ผมต้องแต่งงานมีลูกมีเมียให้แม่” ไอ้น้ำพูดรัวเร็วเป็นชุด เขาไม่อยากจะเป็นสามีผู้กองหรอก มีหวังถูกผู้กองข่มเหงแน่นอน เขายังไม่อยากถูกเมียข่ม เขาต้องเป็นผู้นำให้กับครอบครัว

            “เป็นอะไร  คิดอะไรของนายเนี่ย” ผู้กองปรานต์ขมวดคิ้วหันมามองคนลนลาน

            “ก็ผู้กองพูดอะไรออกมาล่ะ”

            “ฉันต้องการให้นายช่วยในคดีนี้ นี่นายคิดไปถึงไหน”

            “จะไปรู้เหรอ จู่ๆ ก็บอกว่าช่วยฉันหน่อย ฉันต้องการนาย ก็นึกว่าลุงอยากเล่นอะไรในรถน่ะสิ” ไอ้น้ำพูดไปก็หน้าแดงไป มันใช่เรื่องมั้ยที่จะมาคุยเรื่องพรรค์นี้กับคนที่เจอกันไม่กี่ครั้งและคุยในที่สองต่อสองเสียด้วย

            “นายนี้เพ้อเจ้อมากกว่าฉันเสียอีก แล้วมาหาว่าฉันเพ้อเจ้อ ตกลงจะช่วยมั้ย”

            “ขอฟังข้อเสนอก่อนแล้วจะลองพิจารณาดูว่าจะช่วยดีมั้ย”





================================================


Talk::

เขม : ไอ้น้ำ

น้ำ : ว่าไงลูกพี่

เขม : คนเมนท์เยอะเลยว่ะ

น้ำ : แม่ตะเคียนนี่ขลังจริง

เขม : เออ เดี๋ยวจะฝากสไบไปให้แม่ตะเคียนนะ

น้ำ : ไปให้เองไม่ได้เหรอ

เขม : ได้ไงล่ะ เอ็งเป็นคนไปบอก ก็ต้องเอาไปให้สิ

น้ำ : ฉันทำตามที่พี่บอกนี่นา

เขม : เถอะน่า น่านะ ช่วยหน่อย

น้ำ : ........

แม่ตะเคียน : มาไวๆ นะจ๊ะ พ่อน้ำ ฉันรอ




ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตกลง น้ำกลัวลุงตำรวจเหรอ บอกแม่ตะเคียนช่วยดิ
 :hao3:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Readyaoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
นักเขียนสู้ๆ พล็อตน่าติดตามมาก
รอพ่อน้ำอยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด