{OMEGAVERSE} ║PREY เหยื่อ ◑║ แจ้งข่าวรวมเล่ม p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {OMEGAVERSE} ║PREY เหยื่อ ◑║ แจ้งข่าวรวมเล่ม p.10  (อ่าน 45735 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 17
   

‘โตขึ้นอยากเป็นอะไร? จันทร์’
   
‘ผมอยากเป็นเชฟ!’
   
เด็กน้อยเจ้าของนัยน์ตาโศกกลมตาพูดด้วยรอยยิ้มแป้นตอบพี่เลี้ยงตัวเองที่เป็นถึงแพทย์เกียรตินิยมเจื้อยแจ้ว ในหัววาดฝันที่ตัวเองกำลังสวมชุดเชฟแบบมาสเตอร์เชฟที่ดูในทีวีเมื่อวานและกำลังผัดอาหารอะไรสักอย่างอยู่
   
ใบหน้าของแพทย์หนุ่มที่ผันตัวเป็นพี่เลี้ยงเพื่อชดใช้บุญคุณยิ้มเจื่อน ‘งานอดิเรกน่ะได้แต่ถ้างานหลักน่ะไม่ได้’
   
ความผิดหวังชนเด็กน้อยโครมใหญ่ จันทร์เบะปาก ‘ทำไมล่ะ ก็ผมอยากเป็นคนทำอาหารให้ทุกคนกิน จะได้ทำให้พี่ชากินด้วย’
   
ชารู้สึกผิดเหลือเกินที่ต้องทำลายฝันของเด็กวัยไม่กี่ขวบแต่ก็ยังต้องทำอยู่ดีเพราะเป็นคำสั่งของเบื้องบนที่สั่งลงมาและแน่นอนว่าเขาขัดขืนไม่ได้ เงินตราคือสิ่งสำคัญและมันก็เป็นบ่วงรัดคอเขาไว้อย่างเหนียวแน่นจนไม่อาจออกไปทำงานอาสาที่ตัวเองฝันจนกว่าจันทร์และจ้าวจะขึ้นม.ต้น
   
‘เป็นเชฟน่ะไม่มีอนาคตหรอก’ ชาทำหน้าจริงจังจับไหล่เด็กน้อยทั้งสองข้างและพูดเสียงขรึม พยายามกรอกความคิดฝังหัว ‘เป็นหมอแบบแม่กับพ่อน่ะดีกว่าเยอะ’
   
‘ทำไมล่ะ’ จันทร์หน้ายู่ขั้นขีดสุด ‘ผมทำไข่เจียวอร่อยนะ จ้าวยังบอกผมเลยว่าถ้าผมเปิดร้าน เชฟเอียนยังต้องมาชมถึงที่”
   
‘พี่บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ’ ชาเอ็ดเสียงดุ ‘ปกติจันทร์ไม่ดื้อแบบนี้นะ พี่ชาจะไม่ให้จันทร์ดูมาสเตอร์เชฟแล้ว’
   
จันทร์น้ำตาคลอ ‘แต่..’
   
‘ไม่มีแต่ ถ้ายังอยากจะเป็นเชฟอยู่ พี่ชาจะฟ้องพ่อว่าจันทร์กับจ้าวแอบเปิดดูรายการมาสเตอร์เชฟไม่ยอมดูอะไรที่มีสาระ’
   
‘ก็ได้’ เด็กน้อยพูดเสียงอ่อยรู้สึกเศร้าจนเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมา ทุกอย่างที่ฝันมาตลอดหลายอาทิตย์หายไปในพริบตา ไม่มีร้านอาหารที่จันทร์เป็นเชฟ ไม่มีจันทร์ที่เป็นคนเสิร์ฟอาหารให้จ้าวแล้วบรรยายถึงวิธีการทำอาหารอันพิถีพิถัน ไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากคำว่า ‘หมอ’
 
‘จันทร์จะเป็นหมอ พี่ชาอย่าฟ้องพ่อนะ’

หัวใจดวงน้อยแตกเป็นเสี่ยงก่อนจะถูกคำสาปตระกูลนฤภัทรกัดกินจนกลายเป็นปีศาจในคราบของมนุษย์ไปอีกคน


เสียงสับผักดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องครัวส่วนตัวของคอนโดย่านเศรษฐกิจใกล้กับโรงพยาบาลนฤภัทร แสงไฟสะท้อนจากภายนอกทำให้เห็นใบหน้าคมคายที่เผยชัดถึงความเหนื่อยล้า เส้นผมที่ถูกเซ็ตให้เนียนกริบมีปอยผมหลุดลุ่ยอย่างผิดวิสัย บริเวณใต้ตาหมองคล้ำ แต่สีหน้าด้วยรวมคือนิ่งสงบไร้อารมณ์ใดๆ ราวกับถูกปีศาจได้ช่วงชิงห้วงอารมณ์ไปทั้งหมดเหลือเพียงร่างกายมนุษย์อันกลวงเปล่าที่ดำรงชีวิตอยู่ไปวันๆ

“อยากกินล่ะสิ”

เสียงทุ้มพูดขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่ารอบตัวและความเงียบก็ยังคงทอดตัวนอนต่ออย่างเกียจคร้านเพราะสิ่งที่นายแพทย์อันดับต้นๆ ของประเทศคุยอยู่นั้น ‘ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต’

แต่เป็นเพียงแค่ตุ๊กตาแมวสีส้มคล้ายของจริงที่นั่งนิ่งๆ ไร้ความเคลื่อนไหวและไร้ชีวิต

นายแพทย์หนุ่มทำกับข้าวอย่างคล่องแคล่ว มือที่มักจะหยิบจับมีดผ่าตัดสลับกับเอกสารตอนนี้จับด้ามกระทะและตะหลิว ชั่วขณะหนึ่งที่ความทรงจำอันอบอุ่นที่ผุดขึ้นมาในใจทำให้จันทร์อดยิ้มสมเพชตัวเองไม่ได้กับความฝันโง่เง่าอย่างการเป็นเชฟ

คิดดูสิถ้าเกิดเขามัวแต่อยากเป็นเชฟคงไม่มีโอกาสได้ยื่นอยู่ตรงนี้ อย่างมากก็คงยืนอยู่หน้ากระทะและมองจ้าวที่ขึ้นแท่นผู้บริหารโรงพยาบาลแทนตัวเอง ถ้ามันเกิดขึ้นจริงเขาจะอกแตกตายคากระทะเลยล่ะมั้ง

ความฝันพวกนั้นมันก็เป็นแค่เรื่องโง่เง่าของเด็กไม่รู้ประสีประสาเท่านั้น

จันทร์พยายามคิดอย่างนั้นแต่ในอกกลับรู้สึกเจ็บปวดแปลกๆ เหมือนกับเผลอทำมีดแทงตัวเองไปเสียหลายแผลทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น

เพื่อตัดความฟุ้งซ่าน จันทร์รีบทำอาหารให้เสร็จแล้วมานั่งกินที่โต๊ะโดยไม่ลืมที่จะหยิบเจ้าเหมียวหยิบติดมือมานั่งตรงข้ามกับตัวเอง

“ถ้าแกยังอยู่ก็คงดี”

จันทร์พยายามฝืนยิ้มแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจหลีกหนีความเศร้าหมองได้พ้น

ไหล่ที่มักแข็งแกร่งต่อหน้าสาธารณชนลู่ลงอย่างหมดแรง ใบหน้าคมคายเคล้าด้วยน้ำตาและเสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นอย่างสุดความสามารถ มือที่ตักข้าวเข้าปากนั้นสั่นจนน่ากลัว

“ช่วยด้วย…ไซมอนด์”

เอ่ยเรียกด้วยเสียงอันร้าวราน

แววตาคมกริบเหลือเพียงแววตาไร้เดียงสาของเด็กน้อยในวัยเยาว์

จดจ้องร่างไร้ชีวิตที่เคยเป็นทุกอย่างในชีวิตของตัวเองก่อนที่ชีวิตมันจะจบลงด้วยการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาในตอนนั้นแทบอยู่ไม่ได้เพราะเขาไม่มีเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่มีคนที่คอยให้กำลังใจเมื่อประสบปัญหา ไม่มีใครที่ร่วมยินดีกับเขาอย่างจริงใจเมื่อเขาประสบความสำเร็จ

เขาไม่มี ไม่มีใครเลยที่ยอมอยู่ข้างหลังของเขาแม้แต่คนเดียว มีเพียงแค่ไซมอนด์เท่านั้นที่อยู่กับเขาตลอดเวลา มีแค่ไซมอนด์เท่านั้นที่เข้าใจเขา มีแค่มันเท่านั้น

“ฉัน..จะแพ้ไม่ได้”



“ผมให้คุณล้านนึงสำหรับการปล่อยภาพที่ผมส่งไปให้”

จันทร์ในชุดสูทดำเนียนกริบเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าพูดด้วยเสียงไร้อารมณ์ ใบหน้าที่เคยมีความเหนื่อยล้าปรากฎถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางราคาแพง พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดให้กับตัวเองแม้ว่าภายในนั้นแทบจะตายทั้งเป็นอยู่แล้ว!

“ครับ ทั้งหมดที่ผมส่งให้ คุณก็มีหน้าที่แค่เล่นข่าวให้มันติดอยู่ในกระแสสักเดือนสองเดือน ถ้าคุณทำได้ดีผมก็จะโอนให้อีกตวามความเหมาะสม”

มือข้างที่ว่างเคาะกับโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อปลายสายพูดไร้สาระพยายามถามหาถึงตัวตนของเขาที่ติดต่อไปอีกทั้งพยายามชวนคุยล้านแปดพยายามตีสนิทเขา

“เลิกล้ำเส้นผมสักทีก่อนที่ผมจะหมดความอดทนแล้วไปจ้างเจ้าอื่นแทน!”

จันทร์กดเสียงเข้มอย่างเดือดดาลเกือบจะกดตัดสายถ้าไม่บังเอิญไปเห็นรูปของจ้าวที่ผนังเข้าซะก่อน ใบหน้าหงุดหงิดจึงมีรอยยิ้มจุดขึ้นมาบ้าง

“ใช่ ผมจะโอนในส่วนที่เหลือเมื่อคุณลงภาพที่ผมส่งไปทั้งหมด”

ภาพที่จันทร์ส่งไปนั้นเป็นภาพของจ้าวและพริมในอิริยาบถต่างๆ ที่ทำกิจกรรมร่วมกันด้วยความหวานชื่น มีทั้งกินข้าวไปเที่ยวด้วยกันตามประสาเพื่อนแต่ด้วยฝีไม้ลายมือของนักข่าวสำนักนี้ที่ขึ้นชื่อด้านการเขียนเรื่องเสียๆ หายๆ ของดาราแล้ว จันทร์มั่นใจมากว่าข่าวที่หลุดออกไปคราวนี้ต้องสนุกมากอย่างแน่นอน

ยิ่งคนเห็นใจพริมมากเท่าไหร่ กระแสแอนตี้จ้าวก็จะแรงมากขึ้นเท่านั้น

นี่เป็นวิธีที่จันทร์เพิ่งคิดได้หลังจากนอนไม่หลับมาทั้งคืนเพราะความกังวล ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างพากันเพ่งเล็งและกดดันเขาให้หาทางนำตัวจ้าวกลับมาให้ได้ก่อนที่เรื่องทุกอย่างที่จ้าวกำลังก่อจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ แค่คลิปบ้าๆ นั่นคลิปเดียวก็ทำเอาทุกคนหัวปั่นและวุ่นวายแทบแย่แล้ว

คนทั่วไปเริ่มกล้าแสดงท่าทีไม่ไว้วางใจความยุติธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย บางรายถึงกับเอาเรื่องของตัวเองที่ไม่ได้รับความยุติธรรมมานานแรมปีออกมาประกาศซึ่งก็ได้รับความสนใจอย่างมากจนพวกตำรวจโดนเบื้องบนสั่งสอบกันยกใหญ่
ราวกับเหตุการณ์ทุกอย่างนั้นเป็นผีเสื้อขยับปีก การเปลี่ยนแปลงอันน้อยนิดนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงอันทรงพลังและยิ่งใหญ่ นี่อาจจะไม่ใช่แค่คดีฆาตกรรมโหดเหี้ยมของนายจ้าว นฤภัทรแล้ว แต่รวมไปถึงคดีอื่นๆ ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมด้วย

ขอเพียงมีคนที่กล้าริเริ่มเอ่ยเสียงออกมาก็ย่อมมีคนตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหล่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังสังคมไร้ความยุติธรรมอันเน่าเฟะต้องการ พวกเขาต้องการจะจบเรื่องโดยไวที่สุดก่อนที่จะทุกคนจะได้รับผลกระทบไปทั้งหมด
และคนที่ต้องรับหน้าที่นั้นก็คือ ‘จันทร์ นฤภัทร’

นายแพทย์หนุ่มไฟแรงดีกรีเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับความชื่นชมจากหลายประเทศอีกทั้งยังเป็นผู้บริหารของโรงพยาบาลชื่อดังที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนส่วนใหญ่ว่าดีที่สุดในประเทศไทย

แค่ภูมิหลังเพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างความเชื่อถือได้มากกว่าฆาตกรโหดเหี้ยมอย่างจ้าวเป็นไหนๆ คำพูดของจ้าวร้อยคำไม่อาจสู้กับคำของจันทร์สั้นๆ เพียงคำเดียวได้ ไหนจะสายเลือดอัลฟ่าผู้สูงส่งและกุมอำนาจส่วนใหญ่ไว้ในมืออีก เรียกได้ว่าจ้าวเสียเปรียบแบบสุดๆ

แต่ถ้าจ้าวมีคนที่ช่วยดันหลังเป็นถึงอัลฟ่าที่ตำแหน่งยักษ์ใหญ่ก็อีกเรื่อง ทุกอย่างที่จันทร์สามารถทำได้ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือกลายเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้แต่การตามหาตัวจ้าวจากปลอกคอพิเศษที่ราคาแพงนักหนายังทำไม่ได้เลย
และสิ่งที่ทั้งสองใช้ในการแข่งขันเหมือนกันก็คือ ‘สื่อ’

ใครก็ตามที่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อและเป็นกำลังให้กับตัวเองได้มากกว่า คนๆ นั้นก็จะเป็นฝ่ายชนะ นี่เป็นกติกาที่แม้จะไม่ได้บอกกล่าวกันมาก่อนแต่สองแฝดก็สามารถรู้กันได้เอง

ไม่ใช่เพราะความบังเอิญแต่เพราะเป็นฝาแฝด

พวกเขาย่อมรู้จักกันเองมากกว่าใคร!



“สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!”

ซินตะโกนให้สัญญาณแก่ร่างที่ยืนอยู่กลางสนามหญ้าที่ไม่ค่อยจะล่องเตียนสักเท่าไหร่ หญ้าที่ไม่ได้รับการดูแลที่ดีนักเจริญดีจนปลายของมันแทบจะท่วมเอวจ้าว ทั้งดอกไม้ดอกหญ้าติดตามตัวร่างผอมราวกับเป็นเครื่องประดับไปอีกแบบซึ่งมันก็ทำให้ช่วงบนที่เป็นอกเปลือยเปล่าของจ้าวดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ตามแก้มขาวทั้งสองข้างถูกขีดสีแดงเป็นสามขีดคล้ายชนเผ่า ใบหูถูกสวมด้วยหูของหมาป่าสีเทา ส่วนบนหน้าอกถูกวาดเป็นสัญลักษณ์ของอัลฟ่าด้วยสีแดงก่ำคล้ายเลือด กางเกงนั้นเป็นกางเกงขายาวของทหารที่ถูกเหน็บด้วยหางของหมาป่าฟูฟ่องและรองเท้าบู๊ตสีดำเข้ากับกางเกง

หากแต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดกลับไม่ใช่ตัวทั้งตัวของจ้าวแต่กลับเป็นกระบอกปืนอัดลมเสมือนจริงที่จ้าวกำลังวางพาดมันบนไหล่และเล็งไปที่จุดหนึ่งกลางสนามด้วยสีหน้าเหี้ยมโหดราวกับว่าตรงหน้าตัวเองนั้นมีลูกแกะตัวน้อยๆ เนื้อหวานกำลังแทะเล็มหญ้าอย่างสบายใจทั้งๆ ที่ตรงนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย

บทบาทที่จ้าวสวมอยู่นั้นคืออัลฟ่า แววตาไร้ความเมตตาคือสิ่งที่เหล่าอัลฟ่าใช้มองโอเมก้าทั้งหลายและมักจะถือสิทธิ์ชนชั้นของตัวเองในการบดขยี้อีกฝ่ายตามอำเภอใจ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

รอยยิ้มพึงพอใจปรากฎบนใบหน้าเมื่อเจ้าลูกแกะแสนอ่อนแอเข้ามาในวิถีกระสุนโดยไม่ต้องคิด ปลายนิ้วบางเกี่ยวเข้ากับไกปืนและยิงมันทันที

ปัง!

เสียงปืนอัดลมถึงแม้มันจะไม่ได้ดังเท่าเสียงปืนแต่ก็ทำเหล่าโอเมก้าจริงๆ ที่มาช่วยงานสะดุ้งและหวาดผวากันสุดตัว เคราะห์ดีที่คนถือกล้องเป็นตุลย์และคนของเหมันต์จึงไม่ตกใจกับอะไรง่ายๆ การถ่ายทำจึงสามารถดำเนินต่อได้อย่างราบรื่น ไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายสมาธิของหมาป่าที่กำลังจะล่าฝูงแกะทั้งฝูงเพื่อความสุขส่วนตัว

แต่น่าเสียดายที่นัดแรกที่ยิงออกไปนั้นเฉี่ยวแก้มของเจ้าแกะแทนและเป็นสัญญาณเตือนเจ้าแกะตัวอื่นๆ รีบวิ่งหนีเพราะหมาป่าโหดร้ายกำลังจะมาฆ่าพวกมันแล้ว!

หากแต่หมาป่าตัวนี้ก็ผ่านการล่าฝูงแกะมาหลายต่อหลายครั้ง การฆ่าเหยื่อที่กำลังตื่นตระหนกสุดชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรหนำซ้ำยังทำให้เบื่อน้อยลงด้วยซ้ำ นัยน์ตาโศกที่ถูกเครื่องสำอางแต่งเติมทำให้ดูเฉี่ยวและดุมากขึ้นหรี่ตามองลูกแกะตัวเล็กที่วิ่งไปอีกทาง กระบอกปืนเปลี่ยนวิถีตามมันอย่างแม่นยำก่อนจะเหนี่ยวไกยิงอย่างไม่ลังเล

ปัง!

ครั้งนี้สำเร็จลูกแกะตัวน้อยล้มลงทำให้พรานป่าพอใจจนหัวเราะออกมาอย่างลำพอง แววตาเป็นประกายระริกแฝงความยินดีและตื่นเต้น มันไม่รอช้าเบนกระบอกปืนไปอีกทางอย่างรวดเร็วและยิงอีก แน่นอนว่าเข้าเป้าไม่มีพลาด

“ตาย ตายอีกตัว!”

เสียงหัวเราะเสียดหูดังลั่นราวกับคนเสียสติ ฝุ่นกับข้าวที่ตอนนี้เลื่อนขั้นเป็นเพื่อนสนิทเพราะลงเรือลำเดียวกันมองหน้ากันเลิกลั่กกลัวๆ รู้สึกอยากกลับบ้านเต็มทนแต่ก็ทำไม่ได้

ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนี้คือการแสดง ตุลย์กลืนน้ำลายเอือกมองจ้าวที่กลายร่างเป็นหมาป่าคลุ้มคลั่งโหดเหี้ยมได้อย่างสมบทบาท ถ้าหากเป็นจ้าวคนก่อนเขาคงไม่เชื่อว่าจ้าวจะทำได้มากขนาดนี้เพราะลำพังแค่หน้าโกรธของจ้าวเขายังไม่เคยเห็นเลย

จ้าวเปลี่ยนไปมาก นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาตรงๆ แม้แต่ซินที่สนิทกับจ้าวที่สุดยังไม่กล้าพูดด้วยซ้ำ กลัวว่าจะเผลอทำให้จ้าวเปลี่ยนไปมากกว่านี้ซึ่งแค่นี้ก็เกินกว่าที่จะรับได้แล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเขารังเกียจจ้าวหรืออะไร แต่เพียงแค่รู้สึกว่าจ้าวคนนี้แทบไม่หลงเหลือจิตวิญญาณหรือแม้แต่อารมณ์ปกติใดๆ ราวกับกลายเป็นตุ๊กตามนุษย์ที่ตั้งหน้าตั้งตามีชีวิตอยู่ต่อเพื่อแก้แค้นต่อให้ตัวเองจะตายก็ช่างก็ไม่คิดจะสนใจ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนั้นได้ล่มสลายไปหมดทุกอย่างแล้ว
ถ้าเป็นไปได้เขาก็ยังอยากให้จ้าวกลับมาเป็นเหมือนเดิมสักนิดก็ยังดี

อยากให้ร่างผอมจนเห็นซี่โครงและไหปลาร้านั้นมีความสุขขึ้นมาบ้าง

กา!!!!

หากแต่ก่อนที่ทุกคนจะคิดฟุ้งซ่านกันไปมากกว่านี้ สัตว์ปีกสีดำทมิฬก็บินพั่บๆ เป๋ไปเป๋มาตกลงมาใส่หัวจ้าวราวกับตั้งใจลงจอดตรงนี้ มันใช้กรงเล็บเกาะบนหัวที่มีสีประหลาดอย่างดำที่ถูกกัดเป็นเทาแล้วไม่สำเร็จจึงมีสภาพออกมาเป็นดำกระด่างเทาไม่ครบเส้น มันร้องกาๆๆ โวยวายพยายามจะบินแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะปีกอีกข้างมันเจ็บจนกระพือไม่ได้

“โอยยย” จ้าวร้องโอดโอยหลุดขำเล็กๆ กับเหตุการณ์ประหลาดตอนนี้ มือผอมพยายามดึงเจ้าอีกาขี้บ่นเจ้าปัญหาออกจากหัวตัวเองซึ่งก็โดนจิกจนเป็นรอยแดงก่อนที่มันจะยอมผละจากหัวมาอยู่ในอ้อมกอดแทน

กา กา

เจ้าอีการ้องเสียงเบาอย่างเหนื่อยอ่อนมันพิงหัวกับอกของจ้าวเชิงยอมแพ้ กลิ่นสนิมเหล็กจางๆ ทำให้จ้าวรู้ว่าปีกข้างซ้ายของมันมีบาดแผลคล้ายถูกกิ่งไม้เกี่ยวหรือของมีคมบาด

“ชู่ว” จ้าวกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวจะพาไปทำแผลนะ”

ดวงตาสีมันขลับของเจ้าอีกาสบกับนัยน์ตาโศกของจ้าว อยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็พวยพุ่งขึ้นมาในอกทั้งจ้าวและเจ้าอีกา ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่สัตว์แต่จ้าวกลับรู้สึกเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่มันกำลังได้รับตอนนี้เช่นเดียวกับเขา

อีกาปีกหักที่โหยหาการบินสู่ความเป็นอิสระแต่ก็ไม่อาจทำได้

เจ้าอีกากระพริบตาปริบสองสามครั้งก่อนจะสลบไปคาอกของจ้าว

“พี่จ้าว เป็นอะไรไหมครับ!” ฝุ่นวิ่งปรู๊ดเข้ามาถึงไม่ใช่คนที่มาถึงคนแรกแต่ก็ถามในสิ่งทุกคนอย่างรู้พอดี

จ้าวส่ายหัวดิกยิ้มน้อยๆ ลูบหัวอีกาในมืออย่างนึกเอ็นดู “เดี๋ยวพี่ขอพาเจ้านี่ไปทำแผลก่อน”

“แล้วเรื่องเอ็มวีล่ะครับ” ฝุ่นถามต่อ “พี่ยังอัดไม่เสร็จเลย”

ฉับพลันฝุ่นผงะถอยกลับอย่างลืมตัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาโศกของจ้าว ไม่มีความอ่อนโยนที่มีให้เจ้าอีกาตัวน้อยเผื่อแผ่มาถึงเขา มีเพียงความว่างเปล่าที่ซุกซ่อนห้วงอารมณ์ทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง

“นั่นสินะ”

จ้าวผงกหัวแล้วยื่นเจ้าอีกาที่สลบไปแล้วให้ฝุ่น “งั้นพี่ฝากฝุ่นไปให้คนของคุณเหมันต์หน่อย พี่ว่าน่าจะมีสักคนแหละที่ทำแผลสัตว์เป็น”

ที่จ้าวพูดอย่างนั้นเพราะป่าหลังบ้านของคุณเหมันต์นั้นมีทั้งคอกไม้และฟาร์มไก่ เจ้าม้าสีดำตัวเขื่องดูน่าเกรงขามก็กำลังเล็มหญ้าอยู่ไกลๆ กับม้าแคระที่ดีดเบอร์สิบวิ่งไปวิ่งมารอบๆ ตัวมันราวกับเด็กๆ ซึ่งจ้าวก็คาดว่าน่าจะเป็นม้าที่ซื้อให้ใบไม้ขี่เพราะช่วงขายังไม่ถึงม้าสีดำที่เป็นของคุณเหมันต์

“ดะ ได้ครับ”

จ้าวขมวดคิ้วเล็กๆ รู้สึกแปลกใจที่ฝุ่นตัวสั่นไปทั้งตัวทั้งๆ ที่เขาก็พูดด้วยปกติแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักจึงทำเพียงแค่ให้เจ้าอีกากับฝุ่นและหมุนตัวกลับไปถ่ายทำเอ็มวีต่อเพราะยังได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ไหนจะต้องเช็คคุณภาพภาพอีกว่าได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า เวลาของเขามีไม่มากนักเพราะต้องวีดีโอไปทำซีจีต่อ ถึงจะไม่อยากใช้ซีจีแค่ไหนแต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี รสนิยมของเขาคือชอบงานอาร์ตๆ แกะในเอ็มวีก็ไม่ได้อยากได้สมจริงนักเพียงแค่อยากได้เป็นอนิเมชั่นเท่ๆ เข้ากับเนื้อเพลงเอ็มวีก็เท่านั้น
ซึ่งเขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะทันวันที่เขาประกาศไว้

เพราะเขาคิดว่าตัวเองคงจะไม่ได้รับโอกาสครั้งที่สองจากสังคมอันโหดร้ายอีก



กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ดึกดื่น จ้าวที่อยู่ในชุดนอนหาวหวอดเตรียมจะนอนแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อดูความเป็นไปของโลกออนไลน์ในช่วงนี้ บนตักมีเจ้าอีกาที่ถูกทำแผลเสร็จแล้วหลับอยู่อย่างสงบเสงี่ยมซึ่งก่อนหน้านั้นมันก็อาละวาดยกใหญ่ไม่ยอมให้ใครจับอีกทั้งยังร้องกาๆๆ พยายามแหกกรงออกมาอย่างดื้อด้าน จนจ้าวต้องไปดูด้วยตัวเองมันถึงสงบลงและอ้อนขอมานอนด้วย

มือผอมที่ยังมีร่องรอยบาดแผลเก่าลูบหัวเจ้าอีกาเบาๆ รู้สึกคล้ายกับว่าบาดแผลในใจเจ็บปวดน้อยลง ซึ่งเจ้าอีกาตัวนี้ก็ทำให้จ้าวนึกถึงไซมอนด์ เจ้าแมวสีส้มเปรอะคล้ายการ์ฟิลด์ของจันทร์ที่หยิ่งมากไม่เชื่องกับใคร ขนาดเขาที่หน้าตาเหมือนจันทร์เป็นพิมพ์เดียวกันมันยังจำได้สะบัดตูดหนีไปจันทร์ในห้อง ไม่ยอมกินขนมแมวที่เขาซื้อมาให้แม้แต่คำเดียว เย่อหยิ่งจองหองราวกับจันทร์ในตอนนี้จริงๆ

แต่น่าเสียดายที่อยู่ๆ มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขายังจำได้ดีถึงสีหน้าเหมือนโลกถล่มลงมาของจันทร์ในตอนนั้น ใบหน้าพิมพ์เดียวกันเขาฉายชัดถึงความเจ็บปวดถึงจะไม่มีน้ำตาแต่แววตาที่สั่นระริกนั่นก็ฟ้องทุกอย่างที่อยู่ในใจ จันทร์พยายามตามหามันเกือบครึ่งปีถึงจะยอมแพ้ปล่อยให้มันกลายเป็นคนแค่แมวในความทรงจำเท่านั้นและไม่ยอมซื้อแมวตัวใหม่มาเลี้ยงแทน

“…!”

ภาพคุ้นตาที่เคยถ่ายไว้ทำเอาหัวใจจ้าวกระตุกยิ่งเห็นพาดหัวข่าวเสียๆ หายๆ ก็รู้สึกเหมือนน้ำตารื้นขอบตา


‘อดีตนักร้องดังโรคจิตแอบฮันนีมูนหวาน!’

‘โหดเหี้ยม! หลอกสาวสวยขอขึ้นคอนโดเพื่อข่มขืนฆ่า!’

‘สลด นักธุรกิจสาวชื่อดังโดนฆ่าปิดปากเสียชีวิตคาคอนโด’

‘ยินดีกับคู่หมั้นข้าวใหม่ปลามัน จ้าว-พริม!’

‘หนีคอนเสิร์ตไปเที่ยวกับสาวปัดไม่ได้นอกใจพริม’

‘เบรกงานเพื่อขอจัดงานหมั้น พริม สาวสวยไฟแรงแห่งวงการแสงสี’


หัวใจในอกเต้นช้าลงจนจ้าวภาวนาให้มันหยุดเต้นเสียที ความเจ็บปวดระลอกใหม่กระโจนเข้ากัดกินร่างทั้งร่างของเขาจนเจ็บไปทั้งตัว

“ยังไม่พออีกเหรอ”

เสียงทุ้มครางในลำคอเสียงสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างควบคุมไม่ได้

สำนักข่าวนี้เป็นสำนักข่าวเดียวที่เล่นข่าวเขาตลอดสองปี น่าจะเพราะชื่อเสียของเขามันสามารถทำเงินได้เลยขยันเขียนเรื่องเสียๆ หายๆ ของเขา ทั้งจริงและไม่จริงออกมาขายอย่างสนุกมือ เขาจะฟ้องก็ฟ้องไม่ได้เพราะกลายเป็นผู้ต้องหาคดีไปแล้ว ยิ่งฟ้องก็ยิ่งเหมือนยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องจริงเลยแม้แต่นิดเดียว…

ยิ่งอ่านคอมเมนต์ข่าวที่มีกระแสด้านลบมากกว่าเห็นใจก็ทำให้จ้าวสะอื้นหนักกว่าเดิม ร่างทั้งร่างสั่นเทาทำให้ดูอ่อนแอกว่าเดิมอีกเท่าตัว ถึงจะทำใจไว้แล้วว่ากระแสช่วงแรกๆ คงจะเป็นลบแต่พอเห็นเข้าจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจอยู่ดี

เจ็บ.. เจ็บเหลือเกิน

จ้าวสะอื้นเสียงดังรู้สึกขอบคุณที่ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงไม่เช่นนั้นคงจะต้องอดกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไว้เพราะไม่อยากให้ใครมาสมเพชหรือสงสารตัวเองอีก

“ทำไมถึงต้องเขียนด่าขนาดนี้นะ”

ชั่วขณะหนึ่งจ้าวพึมพำขึ้นมาทั้งๆ ที่ร้องไห้จนหายใจไม่ทัน

เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องโหดร้ายต่อกันมากขนาดนี้ด้วย

เขาไม่เข้าใจเลย..

--------------

ว่าจ้าวเจ็บแล้วคนเขียนเจ็บกว่า 555 :z3:


ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ปีศาจตระกูลนฤภัทรคือพ่อกับแม่ของจันทร์และจ้าวนั่นแหละ



คุณช่างเขียนได้บิดเบี้ยวเกรี้ยวกราดถึงใจดีแท้

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารเจ้า :hao5:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี๊ดดด  :hao7: ดีใจที่กดเข้ามา ฮือ โอเมก้าสะด้วย ชอบๆ

ติดตามเลยค่ะ

----------------------------------------------
แง้ สงสารจ้าว จ้าวโดนใส่ร้ายแน่ๆ คนทำคือจันทร์ใช่ไหม

แล้วทำไมจันทร์ถึงทำ แอบชอบจ้าวหรือเกลียดจ้าวในเรื่องอะไร

ไหนจะอาการต่างๆที่จ้าวโดนจันทร์สัมผัสตัวอีก  :katai1:


ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ่านไปก็รู้สึกหดหู่ใจ รู้สึกอึดอัด มันเหมือนมีเมฆหมอกสีดำ

ปกคลุมไปหมด มีแต่ความอึมครึมอ่ะ ใครนะจะมาช่วยดึงจ้าว

ขึ้นไปจากหมอกเมฆดำเหล่านี้ ใครกันที่จะมาฉุดให้จ้าว

ได้ขึ้นไปพบเจอกับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ไม่ใช่แสงจันทร์

และก็นะ จันทร์ดูร้ายมากๆอ่ะ สงสารจ้าวมาก :m15:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :katai1: ปมตั้งแต่เด็กหรอที่เป็นสาเหตุให้จันทร์ต้องทำถึง

ขนาดนี้กับพี่เลย แม้แต่พี่น้องยังเคียดแค้นเหยียบย่ำกันเอง

ถึงกับแทบจะฆ่าจะแกงกันให้ได้  ทั้งๆที่จ้าวไม่ผิดเลย สงสารจ้าว

อ้อ เจ้าของดอกกุหลาบนั่นคือใครนะ คงไม่ใช่คิงหรอกใช่ไหม?

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ้าว ทำไมเป็นงั้นอ่ะ ฮือ พระเอกคือใคร ตุลย์หรือหรือเจ้าของ

กุหลาบขาวดอกนั้น

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: ║PREY เหยื่อ ║ ตอนที่ 7 : prey p.1
«ตอบ #68 เมื่อ08-05-2018 01:51:59 »

หรือว่าจ้าวจะฆ่าพริมจริงๆ แต่ฆ่าเพราะอยากช่วยหรือ

เพราะพริมขอร้อง ฮือ ไม่อยากจะบอกเลยว่าอ่านๆไปในใจก็

อึดอัดโคตรๆ หวังว่าคงไม่แบดเอนด์นะคะ ถ้าใช่ ได้โปรดบอก

เราด้วย เราจะได้ทำใจตั้งแต่เนิ่นๆ

เฮียสามอาจรู้อะไรใช่ไหม หวังว่าที่ตายคงไม่ใช่ฆาตกรรมนะ


ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอ้โห ครอบครัวนี่คือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว โอ้โห ไปไม่ถูกเลย

จันทร์โคตรเลวแถมดูท่าทางจะโรคจิตด้วย  :angry2:

สงสารจ้าว   :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอดูจุดจบของจันทร์

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ไปเลยค่ะคุณเหมันต์ขา ล่ามันเลยค่ะเราเอาใจช่วย

ส่วนจันทร์  :z6: เรารอวันที่เธอจะรู้ว่ามันสายไปแล้ว

ในวันที่รู้สึกถึงความรักของพี่ชายที่มีให้

มาตอนนี้เราสงสารเธอขึ้นมานิดๆแล้วล่ะจันทร์

ที่ไม่เคยสัมผัสถึงความรักที่มากมายจากพี่ชายที่เธอเกลียดชัง

(ชักจะอินและออกนอกทะเลไปละ ฮา )

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: ║PREY เหยื่อ ║ ตอนที่ 16 : WOLF p.2 (1/5/61)
«ตอบ #72 เมื่อ08-05-2018 15:29:10 »

คุณเหมันต์รัทหรอ เอ แต่ทำไมมันมีปฏิกิริยากับจ้าวเยอะกว่าเพื่อนนะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 18
   
10 : 23 AM
   
เป็นเวลาสองชั่วโมงแล้วที่จ้าวยังไม่ยอมออกจากห้องลงมาหาข้าว ทั้งๆ ที่นัดไว้ตั้งแต่แปดโมงแต่คนนัดกลับมาสายซะเองซึ่งข้าวที่โดนชวนมาก็ไม่ได้โกรธอะไรนักที่จ้าวจะช้าออกจะกลัวๆ มากกว่า มือไม้เย็นเฉียบจนต้องนวดมือตัวเองบ่อยๆ สายตาหลุกหลิกมองฝุ่นที่หนีบมาด้วยอย่างกังวล
   
“พี่จ้าวเขาโกรธอะไรกูป่ะวะ”
   
นัยน์ตาของข้าวสั่นระริกแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วเพราะยังจำได้ดีถึงความเย็นชาที่มีให้กับความทุกคนอย่างทั่วถึงไม่เว้นแม้แต่พี่ซินที่เห็นว่าสนิทกันนักหนาในคุกยังโดนพี่จ้าวทำตัวตึงใส่แบบที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ถึงจะไม่ได้เอ่ยปากด่าหรือพูดอะไรก็เถอะแต่บรรยากาศโดยรวมแล้วอึดอัดเป็นบ้า
   
“จะโกรธได้ไง มึงไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย” ฝุ่นพยายามปลอบใจทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังหวั่นใจอยู่เหมือนกัน
   
จากที่ได้ยินมาจากการสัมภาษณ์สมัยที่พี่จ้าวยังดัง เรื่องงานเรื่องเวลาของพี่จ้าวนั้นถือว่าเนี๊ยบมากเพราะจะมาตรงเวลาทุกครั้งไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่นอกในสถานที่ พี่จ้าวก็ยังรักษามาตราฐานของตัวเองได้ดีจนโดนผู้ว่าจ้างชมออกสื่ออยู่บ่อยๆ ถึงความรับผิดชอบของพี่จ้าว
   
แต่นี่ก็เป็นการช่วยไกด์ทางร้องเพลงให้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อีกทั้งฝ่ายนั้นยังเป็นคนนัดเองด้วย ทั้งฝุ่นทั้งข้าวที่นั่งอยู่ในห้องอัดเพลงเมื่อวานแทบนั่งไม่เป็นสุข รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ตลอดเวลา
   
“นั่นสิ…เนอะ” ข้าวโคลงหัวตามหงึกๆ “แต่พี่จ้าวตอนนี้น่ากลัวอ่ะ ถ้าเมื่อก่อนกูคงดีใจมากเลยถ้าพี่จ้าวมาช่วยกูแบบนี้ แต่ตอนนี้พี่จ้าวแม่งไม่เหมือนเดิมว่ะ กูพูดไม่ถูก”
   
“กูเข้าใจว่ามึงจะสื่ออะไร” ไหล่ที่ตั้งตรงของฝุ่นตกลงอย่างเห็นได้ชัด “กูเป็นคนนึงที่ตามพี่จ้าวตั้งแต่ตอนที่พี่จ้าวเขายังเป็นพระจันทร์บนฟ้าที่ทุกคนหลงใหล พี่จ้าวตอนนั้นแม่งโคตรเปล่งประกาย ทั้งเพลงทั้งงานโคตรแน่น กูก็เคยไปงานคอนเสิร์ตพี่เขา ขนาดมองเห็นแค่ในจอมอนิเตอร์กูยังขนลุกกับเสียงสดเขาเลยอ่ะ กูโคตรชอบพี่จ้าวเลยตอนนั้น แต่ตอนนี้..”
   
แววตาของฝุ่นเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
   
“กูชักไม่มั่นใจว่ากูยังชอบเขาว่ะ”
   
ความว่างเปล่าของพี่จ้าวนั้นสำหรับฝุ่นแล้วคือสิ่งที่โคตรน่ากลัว มันน่ากลัวมากกว่าอารมณ์เศร้าหรืออารมณ์โกรธซะอีก หากสิ่งที่อยู่ในหัวนั้นหมดไปสิ่งนั้นก็คือความว่างเปล่า ไม่เหลือซึ่งอารมณ์ใดอีกราวกับเป็นเพียงแค่มนุษย์ที่มีเพียงร่างกายหากแต่ไร้ซึ่งจิตใจ
   
ซึ่งเขาชอบพี่จ้าวตรงที่เปล่งประกายและอารมณ์ที่มักจะดีอยู่เสมอ แม้เรื่องทุกอย่างจะแย่สักเท่าไหร่เขาก็ยังเห็นพี่จ้าวยิ้มรับอยู่เสมอไม่เคยมีสักครั้งที่ปล่อยให้อารมณ์โกรธครอบงำ มีเพียงรอยยิ้มและทำทุกอย่างให้คลี่คลายลงอย่างใจเย็น
   
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว พี่จ้าวกลายเป็นคนละคน ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำด่าทอต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเพียงความนิ่งสงบและความว่างเปล่าที่เขาสัมผัสได้ว่ามันคือการกลบเกลื่อนรอยแผลฉกรรจ์ของจิตใจ พยายามทำเป็นไม่สนใจมันทั้งๆ ที่เจ็บปวดอยู่ทุกวินาที พยายามทำตัวปกติทั้งๆ ที่ภายในแทบจะตายทั้งเป็น พี่จ้าวในตอนนี้ทำแบบนั้นตลอดเวลาเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่พี่จ้าวจัดไว้ในหมวดคนภายนอก
   
ถึงพี่จ้าวจะพยายามปกปิดซุกซ่อนรอยเลือดจากแผลที่ไหลเป็นทางตามร่างมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะบาดแผลมันมากเกินไป กลิ่นคาวเลือดมันคลุ้งเกินไป ทุกอย่างมันเกินกว่าที่จะมาซุกซ่อนแล้ว
   
ทั้งๆ ที่ทุกคนอยากจะช่วยพี่จ้าวแต่พี่จ้าวกลับไม่สนใจจะรับความช่วยเหลือใคร ราวกับสัตว์ป่าจนตรอกที่ถูกมนุษย์ทำร้ายจนไม่กล้าไว้ใจใครอีกนอกจากตัวมันเอง แม้ว่ามันจะมีบาดแผลที่อาจถึงตายแต่สิ่งที่มันเลือกคือการเลียแผลตัวเอง ไม่สนใจว่าตัวเองจะตายหรือเปล่าเพราะครึ่งหนึ่งของมันได้ตายไปนานแล้ว
   
“พูดตรงๆ นะ”  ฝุ่นน้ำตาซึมอย่างอดไม่ได้ “กูอยากเห็นพี่จ้าวกลับมาเป็นเหมือนเดิมว่ะ กูรับไม่ได้ที่จะเห็นเขาเป็นแบบนี้”
   
ข้าวแค่นเสียง “คิดว่ามึงคิดอยู่คนเดียวรึไง กูคิดถึงพี่จ้าวนักร้องนำวงมูนไลท์ใจจะขาดแล้ว”
   
สองเพื่อนสนิทมองหน้ากันแล้วหัวเราะเพราะคิดตรงกันพอดี ไม่ว่าใครก็หลงรักพี่จ้าวนักร้องนำวงมูนไลท์กันทั้งนั้นนั่นแหละ ไม่เสียงเพลงก็รูปลักษณ์ไม่รูปลักษณ์ก็หน้าตาหรืออะไรสักอย่างในตัวจ้าวที่ล้วนแต่มีสเน่ห์และน่าสนใจไปหมดราวกับขโมยคำว่าสเน่ห์ไว้กับตัวเองเพียงคนเดียวอย่างเห็นแก่ตัว
   
พวกเขาล้วนยึดติดในสิ่งที่ตัวเองคุ้นชินและรับมือได้กันทั้งนั้น
   
ทั้งๆ ที่มันคือเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว การที่จ้าวจะกลับมาเป็นนักร้องนำวงมูนไลท์ก็เป็นได้แค่ฝันกลางวันของใครสักคน ถ้าหากจะให้จ้าวกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็คงจะมีแค่หนทางเดียวก็คือย้อนเวลา ย้อนไปในช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดเก็บเกี่ยวช่วงเวลานั้นให้มากที่สุดก่อนคำว่าฆาตกรจะกลืนกินจ้าวไป
   
เพราะรอนานเกินไปข้าวก็เลยหาเรื่องลดความประหม่าของตัวเองลงด้วยการหยิบโทรศัพท์มาเล่นรอฆ่าเวลาและพอไปเจอเข้ากับไลฟ์สดนึงที่คนดูเป็นจำนวนมากจึงกวักมือเรียกฝุ่นให้เข้ามานั่งข้างๆ และเปิดลำโพงฟัง

   

‘ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าพริมจะโดนข่มขืนฆ่าเพียงเพราะว่าไม่ยอมให้จ้าวทำ ผมก็เคยได้ยินมาบ้างนะครับว่าพริมเป็นคนรักนวลสงวนตัวมาก ขนาดเป็นดาราฉากเลิฟซีนหนักๆ ยังพยายามเลี่ยงเลย แต่เพราะเรื่องใต้สะดือแค่นี้ถึงกับต้องฆ่ากันเลยเหรอวะ ผมไม่เข้าใจเลย คิดเห็นยังไงก็คอมเมนต์กันได้เลยครับ แต่ที่แน่ๆ ถ้ามีโอกาสผมโคตรอยากกระทืบมัน อัลฟ่าอะไรชั่วชิบหาย เอ้ยไม่สิ โอเมก้า ผมว่านะตอนอยู่ในคุกคงจะโดนรับน้องมั้งล่ะ’
   
‘อ้ะ มีความเห็นนึงโดนใจผม เขาบอกว่าตอนนี้คงโดนจนสะใจแล้วมั้ง จริงด้วยครับ ผมว่าตอนนี้น่าจะผลิตลูกๆ โอเมก้าออกมาเป็นคอกแล้วล่ะ แต่ไม่รู้นะว่าคนไหนเป็นพ่อบ้างเพราะโดนมาเยอะ ฮ่าๆ’
   
‘ผมเสียดายเพลงดีๆ กับความสามารถของมันจัง ถ้ามันอยากมากก็เอาความสามารถมาให้ผมก็ได้ ผมจะร้องเพลงแม่งทั้งวันแทนมันเอง เห็นแต่งเพลงดีๆ เพราะๆ แต่ทำไมสันดารมันต่ำจังครับ โอ๊ะ คนกดหัวใจเยอะ ชอบให้ผมด่าเหรอ รับทราบ ผมจะด่ามันเยอะๆ แทนทุกคนเอง คนแบบนี้ไม่ควรมีที่ยืนในสังคมครับ’
   
‘ถ้ารู้ว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ผมคงจะเผาโปสเตอร์วงมูนไลท์ตั้งแต่วันแรกที่มันเข้ามาในวงการ ผมยอมรับเลยว่าผมเป็นแฟนคลับตัวยงมันเลยเมื่อก่อนร้องได้ทุกเพลง ตอนนี้เหรอ แค่ฟังเสียงมันพูดผมโคตรสะอิดสะเอียนเลย จะอ้วก บอกเลยว่าไอ้เพลงใหม่ของมันผมไม่คิดจะฟังแล้วผมจะกดรีพอร์ตด้วย ผมเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลย’
   
‘มาๆ ครับคิดเห็นกันยังไงมาร่วมแชร์กันได้ ผมพร้อมช่วยด่า เอ้ย รับฟังครับ’

“…จะเริ่มฝึกเลยไหม?”
   
ข้าวกับฝุ่นสะดุ้งสุดตัวแทบตกใจจากโซฟา หัวใจในอกเต้นแรงซะจนกลัวมันจะกระเด็นออกมา ปากคอสั่นระริกหวาดกลัวเหลือเกินว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะพี่จ้าวเข้ามาได้ถูกจังหวะมากจริงๆ และพวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนด้วยเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับอัลฟ่าที่เป็นเน็ตไอดอลและชอบนำกระแสสังคมมาพูดตามความคิดของตัวเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเข้าขั้นและเป็นหลานของท่านนายกจึงไม่ค่อยมีใครกล้าฟ้องเมื่อโดนนำไปพูดด้านเสียๆ หายๆ ตามอำเภอใจจึงแต่ได้แต่เก็บปากเงียบอย่างหงุดหงิด
   
“พะ พี่จ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
   
“ก็ตั้งแต่แรกเห็นอยากดูกันก็เลยไม่ได้ทัก”
   
สภาพของจ้าวในตอนนี้ดูโทรมมากซึ่งก็เหมือนเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้ตัวอะไรนัก ผมเผ้าถูกหวีลวกๆ ใต้ตาทั้งสองข้างมีร่องรอยบวมจากการร้องไห้และการนอนไม่พอ ใบหน้าซูบลงจนเห็นได้ชัดเพราะไม่ยอมกินทั้งข้าวเช้าและข้าวเย็น อีกทั้งยังอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกับเกงขาสั้นเหนือเข่าที่ไม่สามารถปกปิดบาดแผลตามเนื้อตัวได้มากนัก มีร่องรอยช้ำม่วงที่ดูใหม่ตามแขนและขา ยิ่งผิวที่ซีดขาวของจ้าวทำให้มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน สิ่งที่ดูปกติที่สุดในตอนนี้มีแค่แววตาที่ยังคงมองทุกคนอย่างว่างเปล่า
   
กา กา กา
   
เจ้าอีกาที่เกาะอยู่บนไหล่ร้องลั่นเมื่อถูกจ้าวหยิบมันวางแผละบนโซฟา มันโวยวายพยายามจะบินไปเกาะไหล่ใหม่ก็โดนจ้าวจับมาวางที่โซฟาเหมือนเดิม สู้กันไปสามรอบจ้าวก็ใจอ่อนอุ้มมันแล้วนั่งโซฟาเดี่ยวที่แยกออกมาจากฝุ่นและข้าวที่นั่งโซฟายาว
   
“อยากถามอะไรไหม” จ้าวเหลือบมอง “ถ้าเรื่องลูก พี่ยังไม่มีหรอก อยู่ในนั้นก็แค่เกือบโดนเท่านั้นแหละ”
   
ซึ่งมันก็เป็นการเกือบโดนหลายรอบซะด้วย ต้องระวังตัวที่ครั้งที่ไปทำกิจกรรมที่ลานรวมและอาบน้ำ พวกมันฉวยโอกาสที่ผู้คุมละเลยในการจู่โจมราวกับฝูงไฮยีน่าหน้าไม่อายที่รอทึ้งเหยื่อหลังจากลับหลังสิงโตนักล่าผู้เกรงขามจากไป เขาโดนพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่าจนคลั่งใส่รอบนึงพวกมันถึงจะหยุดไปช่วงเล็กๆ ก่อนจะมาล่าเขาใหม่ ต้องขอบคุณที่เขาเป็นสัตว์ทดลองชั้นพิเศษที่อนุญาตให้มีห้องนอนส่วนตัวแยกออกมาไม่เช่นนั้นคงจะโดนพวกมันจับกินตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในคุก
   
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนั้นที่เกิดขึ้นในคุกหัวใจในอกก็เจ็บแปลบ ในนั้นแทบไม่มีความทรงจำดีเลยสำหรับเขา นักโทษส่วนใหญ่จำเขาได้ว่าเป็นนักร้องและกำลังจะกลายเป็นโอเมก้าเลยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเหยียดหยาม เขาไม่ได้รับการยอมรับที่นั่นด้วยเช่นกัน ไม่มีที่ไหนยอมรับเขา ทั้งโลกภายนอกและโลกในห้องขัง ที่ทุกที่ทุกตารางนิ้วราวกับพื้นน้ำแข็งแสนเปราะบางที่พร้อมจะแตกหักและกลืนกินเขาด้วยอุณหภูมิติดลบอันเย็นเฉียบ
   
ความเจ็บปวดที่จุกในลำคอเป็นสิ่งที่จ้าวคุ้นเคยมาตลอดห้าปีแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็ได้แต่กลืนมันลงไปอย่างยากเย็น ร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่สดใหม่คือผลพวงจากการทำร้ายตัวเองเพื่อระบายความเครียดลงก่อนที่จะทนไม่ไหวแล้วไปกระโดดฆ่าตัวตายอีก
   
“ไม่ ไม่ครับ” ข้าวส่ายหน้าดิกแทบจะโยนโทรศัพท์ตัวเองใส่ถังขยะให้รู้แล้วรู้รอด “ผม ผมเชื่อนะว่าพี่จ้าวไม่ได้ฆ่าพี่พริม”
   
ทั้งๆ ที่พูดแบบนั้นแต่ข้าวกลับไม่ได้รู้สึกว่าแววตาว่างเปล่าของจ้าวจะเปลี่ยนไปสักนิด มันยังคงเป็นนัยน์ตาโศกที่ดูเฉยเมยไร้ซึ่งอารมณ์ใดเหมือนเดิม
   
“อืม ไม่ได้ว่าอะไรนะ ถ้าจะขอถอนตัวไปตอนนี้ พี่ไม่บังคับคนที่ไม่ชอบพี่หรอก”
   
คำภาวนาในใจของฝุ่นไม่ได้ผล จ้าวยืนพิงกำแพงปรับอารมณ์ตัวเองหน้าห้องตั้งแต่สิบโมงกว่าๆ ประตูที่ปิดไม่สนิทนักทำให้ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดที่พูดถึงตัวเอง
   
“ต่อให้ข้าวกับฝุ่นไม่ทำ คุณเหมันต์ก็หาคนใหม่มาแทนได้อยู่ดี”
   
จ้าวสบตาข้าวด้วยแววตาแข็งกร้าวแม้ภายในจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่เขาก็เบื่อที่จะปั้นหน้าทำงานร่วมกับคนที่ไม่ชอบหน้าเขาเหมือนกันนั่นแหละ
   
“ทำพี่ ผมทำ ถ้าเป็นพี่จ้าวผมทำทุกอย่างนั่นแหละ”
   
เป็นอีกครั้งที่จ้าวทำข้าวน้ำตาคลอจะร้องไห้ ใบหน้าน่ารักซึมลงจนถ้าเป็นคนทั่วไปคงมองอย่างสงสารแต่สำหรับจ้าวแล้วไม่มีผลอะไรทั้งนั้นเพราะเจ้าตัวให้ความสนใจกับเจ้าอีกาที่กำลังกอดอยู่มากกว่า
   
“ต่อให้เชื่อว่าพี่ไม่ได้ฆ่าแล้วยังไงล่ะ? ไม่มีอะไรเปลี่ยน รับได้เหรอกับสภาพแบบนี้ ไอ้จ้าววงมูนไลท์อะไรนั่นมันตายไปตั้งนานแล้ว! ไม่รู้เหรอวะ!!”
   
เลือดในกายที่ไหลพล่านคล้ายกับร้อนระอุขึ้นมาอย่างกะทันหัน ม่านตาขยายกว้างอย่างกราดเกรี้ยวเมื่อนึกถึงสิ่งที่ฝุ่นพูดถึงเมื่อกี้ ทั้งๆ ที่มันเป็นความจริงที่คนส่วนใหญ่คิดแต่จ้าวกลับรู้สึกเดือดดาลจนทนไม่ได้
   
ก็เพราะคนอื่นไม่ใช่เหรอที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้! จันทร์ก็แค่เป็นตัวจุดประกายไฟส่วนคนอื่นๆ นั้นก็เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำหน้าที่ทำให้ไฟโหมกลายเป็นเพลิงไหม้ที่สูงขนาดที่ว่าเผาไหม้ดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้าและฉุดกระชากมันลงมาในโลกันต์จนไหม้เป็นจุล
   
เขาถูกใส่ความว่าเป็นคนร้าย คนอื่นก็มีหน้าที่ด่าทอสาปส่งทำร้ายเขาให้ตายทั้งเป็น ไม่มีใครออกมาปกป้อง ไม่มีใครสนใจเขามีแต่อยากให้เขาตกต่ำ เขาไม่มีใครเลยนอกจากเฮียสามที่พยายามจะช่วยสุดชีวิต เขามีแค่นั้นจริงๆ
   
ข้าวผงะเมื่อโดนนักร้องในดวงใจของตัวเองตะคอกใส่ แววตาว่างเปล่านั่นกลับมาแสดงอารมณ์อีกครั้งแต่เป็นอารมณ์โกรธ “ฮึก พี่จ้าว ผมขอโทษ อย่าโกรธผมเลยนะ ผม ผมยังชอบพี่อยู่นะ”
   
“ไม่จำเป็นต้องโกหกหรอก” อารมณ์ที่ยังคุกรุ่นทำให้เสียงของจ้าวกระด้าง “พี่จะให้เบอร์คนที่พอจะช่วยเรื่องพวกนี้ได้ละกัน เขาชอบคนเก่งไม่สนใจว่าจะชนชั้นอะไร ถ้าข้าวไปลองเดบิวต์กับเขาน่าจะติดเพราะเท่าที่พี่ดูก็พอได้อยู่”
   
คำพูดพยายามแก้ตัวหายไปหมด ข้าวรู้สึกผิดแต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะร่วมงานกับจ้าวสักเท่าไหร่เพราะกลัวว่าจะโดนเผาไหม้เข้าสักวัน ตอนนี้จ้าวไม่ใช่พระจันทร์ที่แสนจะอ่อนโยนต่อไปแล้วแต่กลายเป็นเพราะอาทิตย์ที่เปล่งประกายอย่างโดดเดี่ยวและแผดเผาทุกสิ่งที่เข้าใกล้มันมากเกินไป
   
“ครับ” ข้าวพยักหน้าอย่างยอมจำนนเพราะจ้าวในตอนนี้อันตรายเกินไปจริงๆ
   
แต่คนที่คิดแบบนั้นก็มีเพียงข้าวเท่านั้นไม่ใช่ฝุ่น ฝุ่นยังคงเชื่อมันในพระจันทร์ของตัวเองที่ถึงแม้จะกลายเป็นพระอาทิตย์ไปแล้วก็ยังคงเชื่อมันอยู่และหวังว่าสักวันดวงอาทิตย์ดวงนี้จะคลายความโกรธเกรี้ยวลงและอนุญาตให้เข้าใกล้มันบ้าง   
   
“พี่จ้าว” ฝุ่นขยับตัวเข้าไปใกล้จ้าวพร้อมกับของที่เตรียมมาให้พี่จ้าวโดยเฉพาะ “ผมเชื่อพี่นะว่าพี่ไม่ได้ทำ ผมเชื่อทุกอย่างที่เป็นพี่มาตลอดแต่พี่ไม่เคยยอมพูดสักที ถ้าพี่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็พร้อมจะสนับสนุนพี่แต่พี่ไม่พูดไง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมมันก็เป็นแค่โอเมก้าโง่ๆ ที่ทำอะไรไม่ได้ ผมไม่มีเงิน ไม่ได้เรียน ไม่มีอะไรเลย ฮึก แต่ผมอยากช่วยพี่จริงๆ นะ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง แค่พี่พูดอ่ะพี่จ้าว แค่พูดสักคำว่าไม่ได้ทำ”
   
ถึงแม้ฝุ่นจะไม่มีรูปลักษณ์น่าเอ็นดูเหมือนข้าวที่เป็นโอเมก้าเหมือนกันแต่ใบหน้าหมดจดที่เคล้าด้วยน้ำตาตอนนี้สำหรับคนอื่นแล้วอาจจะดูไม่น่าสงสารเท่าข้าว
   
แต่มันกลับได้ผลกับจ้าว
   
สีหน้าของจ้าวอ่อนลงพร้อมๆ กับทุกอย่างที่พลั่งพรูออกมา “ก็พี่พูดไม่ได้นี่หว่า ฮึก จะให้ทำไงวะ ฝุ่น พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ จะพูดทำไมวะ!”
   
“…ผมขอโทษที่พูดอะไรโง่ๆ” ฝุ่นสะอื้นเพราะเมื่อลองคิดตามดูก็เป็นตามที่จ้าวว่า ไม่มีใครเชื่อคำพูดของฆาตกรที่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนาหรอก มันก็เหมือนกับพวกฆาตกรที่ชอบตะโกนว่าผมไม่ได้ทำๆ ทั้งๆ ที่มือเปื้อนเลือดเหยื่อนั่นแหละ
   
“ไม่ต้องขอโทษหรอก” จ้าวไม่ปิดบังสีหน้าเจ็บปวดของตัวเองเพราะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว “ตอนนี้ที่พี่ทำได้ก็แค่พยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองนั่นแหละ ต่อให้คนทั้งโลกไม่เชื่อพี่ก็ต้องทำ ฮึก” ก่อนจะเงยหน้าสบตาฝุ่น “เพราะตอนนี้พี่ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมแล้ว”
   
เป็นความจริงที่ว่าจ้าวพยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองและเหล่าโอเมก้าที่โดนกดขี่ แต่หลักๆ จ้าวก็ทำเพื่อตัวเองมากกว่าส่วนรวม คาดหวังว่าการปล่อยเพลงที่เรียกร้องความเป็นธรรมในสังคมจะช่วยสร้างกำลังและฐานให้ตัวเองได้บ้าง เมื่อถึงเวลาที่เขาสามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงได้เขาจะได้มีกำลังคนเข้ามาสู้รบกับสื่ออันโหดร้ายพวกนั้น
   
“อยู่เพื่อตัวเองไงพี่จ้าว” ฝุ่นยื่นผ้าห่มลายหมีบราวน์ให้จ้าวและพบว่าอีกฝ่ายไม่มีรับเพราะอุ้มเจ้าอีกาอยู่เลยคลุมไหล่ให้แทน “ไม่มีใครไม่มีสิทธิ์ที่ไม่มีชีวิตอยู่ พี่เคยพูดประโยคนี้ตอนงานคอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอพี่จ้าว ถึงผมจะไม่ได้ไปแต่ผมก็ตามดูย้อนหลังหมดนะ”
   
กลิ่นหอมประหลาดที่ชวนให้จิตใจสงบลงคล้ายกับปกคลุมตัวจ้าวจนอารมณ์ที่ขึ้นและดิ่งลงราวกับรถไฟเหาะสงบลงมาบ้างนิดๆ
   
เห็นท่าทีสงสัยของจ้าวฝุ่นก็รีบอธิบายสรรพคุณผ้าห่มที่ราคาน่ากลัวไม่สมกับลายสุดน่ารัก “ผ้าห่มกลิ่นอัลฟ่าไงพี่จ้าว พี่คงไม่ค่อยเห็นหรอกเพราะพี่เป็นอัลฟ่า แต่พวกผมที่เป็นโอเมก้านี่ใช้กันแทบทุกคนเลย พวกอัลฟ่าชอบเอาผ้าห่มที่ตัวเองไม่ใช้แล้วมาขายกันแพงๆ ที่ถูกหน่อยก็จะเปื่อยๆ ซักไม่กี่ทีกลิ่นก็หาย ไม่คุ้มเลย”
   
จ้าวอ้าปากเหวอเพราะเคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องจริง ทำเอานึกถึงผ้าห่มผืนโปรดลายเป็ดเหลืองที่กกมาตั้งแต่เด็กจนโตเลยทีเดียว
   
“เป็นไงพี่จ้าว รู้สึกดีขึ้นไหม” ฝุ่นยิ้มนิดๆ แม้ตายังบวมแดงจากการร้องไห้ “กลิ่นอัลฟ่าคนนี้ถือเป็นของแรร์เลยนะ เป็นพวกอัลฟ่าพิเศษที่โดนขโมยผ้าห่มมาขาย กว่าผมจะต่อรองราคาได้ร้องไห้อ้อนวอนขอร้องแทบตาย”
   
“อือ หอมดี” จ้าวยิ้มจนตาหยีรู้สึกอุ่นวาบ “ขอบคุณนะ ฝุ่น”
   
ฝุ่นมองรอยยิ้มของจ้าวอย่างตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้อีกจึงอดปล่อยโฮออกมาไม่ได้ เขาดีใจมากที่พี่จ้าวยิ้มแบบนี้ได้ ดีใจมากจริงๆ
   
หรือจริงๆ แล้วพี่จ้าวไม่ได้เย็นชาอย่างที่ทุกคนคิด มันก็เป็นแค่กำแพงที่พี่จ้าวพยายามกั้นคนเอาไว้ข้างนอกถึงแม้ภายนอกดูจะแข็งแกร่งเมื่อกำแพงเหล็กแต่แท้จริงแล้วมันกลับอ่อนแอจนสามารถเดินทะลุผ่านได้ง่ายๆ ถ้าพยายามมากพอ
   
และเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำสำเร็จ
   
“เดี๋ยวๆ ร้องไห้ทำไม” จ้าวลนลานถามงงๆ เพราะไอ้คนที่ควรร้องตลอดเวลาคือเขาเองมากกว่าไม่ใช่เหรอ
   
“ผมดีใจที่พี่ยิ้ม” ฝุ่นสูดน้ำมูกฟืดๆ “ผมอยากให้พี่ยิ้มเยอะๆ พี่จ้าว ผมอยากให้พี่มีความสุข มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่แค่ผมเห็นพี่ยิ้มได้ ..ผมก็ดีใจแล้ว”
   
สิ่งที่ฝุ่นพูดเล่นเอาข้าวสะอึกจนพูดอะไรไม่ออก
   
เพราะเขาไม่ได้ชอบจ้าวที่ตัวตนแบบที่ฝุ่นชอบ เขาชอบจ้าวที่เก่งกาจ ชอบความโด่งดัง ชอบความเป็นที่รู้จัก ชอบเงินตราและชื่อเสียงที่ไหลมาพร้อมกับงานที่รัก เขาชอบทุกอย่างที่สามารถทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น
   
การเป็นนักร้องตามร้านก็เหมือนพวกหาเช้ากินค่ำ เศษเงินของพวกเจ้าของร้านที่ร่ำรวยคือรายได้ทั้งหมดของข้าว การร้องเพลงคือสิ่งที่ชอบก็จริงแต่สิ่งที่ตามมากับการล่าความฝันด้วยเลือดของโอเมก้าคือการโดนข่มเหงและลวนลาม ข้าวพยายามหาร้านที่มีการ์ดดีๆ ดูแข็งแรงบึกบึน พยายามผูกมิตรด้วยการซื้อน้ำเล็กๆ น้อยๆ มาให้เพื่อที่จะขอความเมตตาเมื่อเขาโดนพวกอัลฟ่าหรือเบต้าที่ถือดีลวนลามเข้า
   
เขาเบื่อชีวิตแบบนี้และอยากจะหลุดพ้นจากมันสักที แต่เขาทำไม่ได้ มีแค่พวกเบต้าและอัลฟ่าที่สามารถยืนอยู่บนเวทีได้อย่างภาคภูมิ ไหนเลยจะมีคนมาสนใจโอเมก้าชั้นต่ำ แค่ได้เป็นเงาเสียงก็ถือว่ามากแล้วสำหรับพวกโอเมก้าที่ต้องใช้ชีวิตไม่ต่างกับหนูที่ต้องอยู่กันอย่างหัวซุกหัวซุน
   
มีไม่กี่คนที่สามารถกลายเป็นแบบพี่ซินได้ ประสบความสำเร็จในชีวิตจนได้รับการยอมรับจากทุกชนชั้น อาจจะเพราะการหนุนหลังของแฟนพี่ซินด้วยหรืออะไรก็ตามแต่ สิ่งที่เป็นเรื่องจริงคือพี่ซินไม่ต้องหวาดกลัวกับระบบชนชั้นโง่ๆ อีกต่อไป ถึงจะโดนเหยียดหยามลับหลังก็ช่างในเมื่อไม่กล้ากระทำต่อหน้าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น
   
เขาก็แค่อยากมีชีวิตแบบนั้นบ้างในโลกที่แสนไม่ยุติธรรมนี้และเขาก็ไม่เห็นโอกาสที่ดีอะไรในการติดตามจ้าวคนนี้อีกต่อไป
   

   

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
“พี่จ้าว.. ผมขอเบอร์ที่พี่จะให้ได้ไหม”
   
แววตาอ่อนโยนที่มีให้กับฝุ่นหายไป จ้าวมองข้าวนิ่งๆ “ได้สิแต่สัญญากับพี่อย่างหนึ่ง”
   
ข้าวพยักหน้ารับ “ครับ ผมจะรักษาสัญญาด้วยชีวิตของผมเลย”
   
ทั้งๆ ที่พูดไปแบบนั้นแต่ข้าวก็ไม่ได้รู้สึกตามอะไรมากนัก คำพูดก็เป็นแค่คำพูด เป็นแค่ลมที่ผ่านกล่องเสียงและหลุดมาจากปาก ไม่ได้มีค่าพอที่จะใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อประกันขนาดนั้น
   
แน่นอนว่าจ้าวอ่านข้าวออกแต่ก็ทำเป็นไม่เห็น “อย่าทรยศพี่”
   
แววตาของข้าวแฝงความประหลาดใจแต่ก็พยักหน้าหงึกๆ “ครับ ผมจะไม่บอกใครเรื่องของพี่ ผมสัญญา”
   
“แต่ถ้าคิดจะทำก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน” จ้าวลูบหัวเจ้าอีกาที่พยายามออดอ้อนขอความรักเบาๆ “พี่มั่นใจว่าคุณเหมันต์คุ้มครองพี่ได้”
   
“ผมไม่ทรยศพี่หรอก” ข้าวขมวดคิ้ว “ผมไม่รู้หรอกว่าพี่คิดอะไรอยู่แต่ที่แน่ๆ ผมไม่แว้งกัดใคร โดยเฉพาะกับพี่”
   
“ก็แค่พูดไว้” จ้าวไหวไหล่วางเจ้าอีกาบนตักแล้วหยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะมาเขียนเบอร์ใส่กระดาษโพสอิสให้ข้าว ไม่ถึงนาทีจ้าวก็ยื่นมันให้ข้าวรับไป
   
“ขอบคุณครับ!” ข้าวขอบคุณอย่างกระตือรือร้น รู้สึกเหมือนเห็นอนาคตสดใสของตัวเองอยู่ลางๆ “ผมจะไม่ลืมบุญคุณนี้เลยครับ”
   
จ้าวเหลือบมองท่าทางดีใจเกินเหตุแล้วผุดลุกขึ้นและก้าวออกจากห้อง
   
“เดี๋ยวพี่! พี่จะไปไหน” ข้าวร้องตามเช่นเดียวกับฝุ่นที่ผวาลุกขึ้นตามมาติดๆ
   
นัยน์ตาโศกเหลือบมองข้าวก่อนจะกลับไปจ้องประตูเหมือนเดิม “กลับไปซะ คุณต้นเขาว่างช่วงบ่าย นี่ก็จะเที่ยงแล้ว รีบไปเตรียมตัวจะดีกว่า”
   
“แล้ว แล้วที่พี่บอกจะฝึกผมล่ะ”
   
“ไม่ต้องฝืนโกหกหรอก รีบไปซะ” จ้าวพูดทั้งๆ ที่ไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำ สาวเท้าต่อออกจากห้องโดยไม่ลืมลาคนที่สามารถก้าวเข้าในพื้นที่ส่วนตัวได้ “ขอบใจนะ ฝุ่น คราวหลังถ้าอยากมาหาพี่ก็มาพร้อมกับพี่ซินละกัน ไม่ต้องให้ซินมาถามพี่หรอกว่าฝุ่นมาด้วยได้ไหม”
   
จ้าวตัดจบแค่นั้นก่อนจะปิดประตูเพราะขี้เกียจคุยต่อและความตั้งใจที่จะสอนข้าวก็หายไปหมดแล้ว ตั้งแต่เห็นสีหน้ากระหายในเงินและชื่อเสียงของข้าว
   
เขารู้จักสีหน้าแบบนี้ดีเพราะมันมักจะทำให้เกิดตัวปัญหาขึ้นมาบ่อยๆ
   
ขาสองข้างก้าวไปข้างหน้าอย่างติดๆ ขัดๆ พยายามจะเดินกลับไปห้องตัวเองแต่ก็พบว่าโลกทั้งโลกของตัวเองนั้นพร่ามัวเกินทน พยายามจะประคองสติแต่ก็ไม่สำเร็จและถูกความมืดกลืนกินในที่สุด
   
เจ้าอีกาตกใจร้องกาๆ เสียงดังลั่น พยายามจิกหัวจ้าวให้ตื่นขึ้นมาคุยกับมันก็ไม่เป็นผล
   
เพราะจ้าวนั้นได้เข้าสู่สภาวะจำศีลของพวกโอเมก้าไปเสียแล้ว

   

‘สิ่งที่ธรรมชาติคัดสรรมาล้วนไม่มีสิ่งใดไม่มีประโยชน์’

นี่คือสิ่งแรกที่ณิชาคิดเมื่อได้เรียนชีววิทยาตอนม. ปลาย รู้สึกประทับใจกับกฎการคัดเลือกโดยธรรมชาติซึ่งจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสิ่งมีชีวิต เฉกเช่นเดียวกับสายเลือดของมนุษย์ในตอนนี้ที่แบ่งออกเป็นถึงสามประเภท ไม่มีเลือดกรุ๊ปเอบีโอดังในอดีตอีกแล้ว มีเพียงโอเมก้า อัลฟ่า และเบต้า
   
สายเลือดที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนและสามารถทำให้มนุษย์ขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของวัฐจักรได้ง่ายขึ้น เพศแทบจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีผลต่อการเลือกคู่อีกต่อไป หากแต่มนุษย์กลับใช้ประโยชน์จากความแตกต่างอย่างสุดโต่งนี่ในการปกครอง ตั้งแต่สมัยอดีตโดยการเหยียบหัวโอเมก้าที่มีอยู่จำนวนน้อยที่สุดให้จมดินและบีบบังคับให้เป็นแรงงานชั้นต่ำในสิ่งที่ตนเองไม่อยากทำ
   
มันเป็นแบบนี้เรื่อยมาจนหลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมของมนุษย์จนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนมัน ต่อให้จะรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังเอารัดเอาเปรียบหากแต่ก็ไม่อาจปล่อยมือจากความสะดวกสบายนี่ได้ ถ้าหากไม่มีโอเมก้าแล้วพวกเขาจะกดขี่ใครได้อีกล่ะ ถ้าหากไม่มีโอเมก้าแล้วใครจะทำงานชั้นต่ำล่ะ นั่นเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจเหล่าผู้ที่มีสายเลือดที่สูงส่งกว่า
   
ทุกอย่างจึงยังคงเหมือนเดิมแม้ว่าพวกโอเมก้าจะพยายามรวมตัวกันเพื่อต่อต้านซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ มีแค่พวกโอเมก้าที่ได้คู่เป็นอัลฟ่าเท่านั้นที่จะมีชีวิตสะดวกสบายไม่ต้องดิ้นรนอะไร แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีแบบนั้น
   
ณิชาก็เป็นหนึ่งในโอเมก้าที่พยายามตะเกียกตะกายใฝ่หาชีวิตใหม่แทบตายจนสามารถถีบตัวเองขึ้นมาเป็นนักวิจัยที่ได้เกียรตินิยมจากมหาลัยชื่อดังได้แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคิดจะจ้างงานเธอ ทั้งๆ ที่ทำดีแทบตายก็ไม่มีใครคิดจะสนใจเอาตัวโอเมก้าไปร่วมกลุ่มวิจัย แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ณิชาเสียใจนักเพราะยังไงนายจ้างของเธอก็ต้องเป็นตระกูลกิลลาสอยู่แล้ว เพื่อทดแทนบุญคุณที่ให้ที่อุปการะเธอด้วยความเมตตา เธอจึงตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม หากแต่ลึกๆ เธอก็ยังแอบฝันเล็กๆ ว่าตัวเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงระบบชนชั้นที่กดขี่โอเมก้าได้ไม่มากก็น้อย
   
“ความดันต่ำกว่าปกติค่ะแล้วอัตราการหายใจยังช้าลงด้วย”
   
เสียงเล็กๆ อย่างกระตือรือร้นคือเสียงของหยก ลูกน้องในสังกัดของณิชาซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยที่ทำทุกอย่างที่ณิชาสั่ง บริเวณหลังมือมีร่องรอยประทับตราโอเมก้าถูกปกปิดด้วยถุงมือสีชมพูลายจุด หยกเป็นโอเมก้าร่างเล็กที่กระตือรือร้นในการเรียนรู้สุดๆ ถึงแม้จะจบออกมาด้วยเกรดที่ไม่โดดเด่นนักแต่ก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
   
“อาการแบบนี้” ณิชามองร่างผอมแห้งที่เพิ่งนอนบนเตียงนี้ไปหยกๆ ก็มานอนอีกแล้ว “จำศีลสินะ”
   
หยกเบิกตากว้าง “งั้นก็หมายความว่าคุณจ้าวเป็นโอเมก้าไปแล้วใช่ไหมคะ” ที่หยกตกใจนั้นเพราะการจำศีลพบในพวกโอเมก้าเท่านั้น นับเป็นอีกลักษณะหนึ่งของโอเมก้าที่นับว่าโดดเด่นกว่าสายเลือดอื่น การจำศีลส่งผลดีต่อร่างกายเนื่องจากเป็นการบังคับเข้าสู่สภาวะการหลับลึกทำให้ร่างกายสามารถซ่อมแซ่มตัวเองได้อย่างรวดเร็วกว่าพวกอัลฟ่าและเบต้า ต่อให้ไม่ได้กินอาหารหรือน้ำก็สามารถฟื้นฟูได้เองอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นข้อได้เปรียบข้อนึงที่โอเมก้ามี ซึ่งโอเมก้าส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยป่วยและพบโรคร้ายแรงด้วย อย่างมากก็แค่ไอหนักๆ สองสามวันและกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
   
“เก้าสิบเปอร์เซ็น” ณิชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “คุณจ้าวไม่ยอมกินยาที่ฉันให้แล้วยังปล่อยตัวให้เป็นแบบนี้อีก ไม่แปลกหรอกที่ฮอร์โมนโอเมก้าจะจัดการปรับปรุงร่างกายเองตามใจชอบเลย”
   
“แล้วคุณเหมันต์ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”
   
ณิชาเหลือบมองประตูห้องที่ปิดสนิทเพื่อความแน่ใจก่อนจะปริปากพูด “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สงสัยรอบนี้จะรับฮอร์โมนอัลฟ่าน้อยเกินไป”
   
“ร่างกายคุณเหมันต์กำลังเสพติดมันสินะคะ” หยกพูดซึมๆ ขณะเดียวกันก็จดข้อมูลบนจอมอนิเตอร์ของจ้าวยิกๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูล
   
“อืม คุณเหมันต์เขารับฮอร์โมนอัลฟ่ามาสิบสี่ปีแล้ว” หัวหน้าฝ่ายวิจัยสาวลูบหัวหยกอย่างเศร้าหมอง “แต่เลือดของคุณเหมันต์ก็ยังไม่ใกล้กับคำว่าอัลฟ่าเลยสักนิด”
   

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มันดูอึมครึมไปหมดเลย
เราสงสารจันทร์ด้วย เห้ออออออออ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ้าว พี่เหมันต์เป็นอะไร

ฉันเข้าใจข้าวนะ ทุกคนต้องเอาตัวรอดทั้งนั้น ขอแค่อย่าซ้ำเติมจ้าวก็พอ

ฝุ่นน่ารักอ้ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หืมมมมม คุณเหมันต์เป็นอะไร ทำไมต้องรับฮอร์โมนอัลฟ่า

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แสดงว่าเหมันต์เป็น เบต้าไม่ก็โอเมก้า :hao5:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ║PREY เหยื่อ ║ ตอนที่ 18 : จำศึล p.3 (12/5/61)
« ตอบ #79 เมื่อ: 13-05-2018 15:31:03 »





ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
สงสารจ้าว  :hao5:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ้าว เดี๋ยวนะ!  :a5: คุณเหมันต์อาจเป็นโอเมก้าหรอ อมก

ไม่น่าจะเป็นเบต้านะ ในเราเชื่อว่าเป็นโอเมก้ามากกว่า เห้อม

แต่ละคน จ้าวก็โคตรน่าสงสารอ่ะ หวังว่าข้าวคงไม่ทรยศนะ

ผู้แต่งเขียนดีเหลือเกินค่ะ ดีมากๆ เราเป็นกำลังใจให้นะคะ

ค่อยๆแต่งไปเรื่อยๆ ไม่ไหวก็หายไปสักพักให้หายเหนื่อย

เรารอได้นะคะ อย่าหักโหมน้า  :L1:

ป.ล. เป็ดไม่กลับมาเราไม่ง้อ! เรากด+โหวตก็ได้!


ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 19
   

“หืม? จ้าวจำศีลงั้นเหรอ”
   
นั่นเป็นสิ่งที่แรกเหมันต์รับรู้หลังจากสติกลับมาครบถ้วน กลิ่นยาที่อวลอยู่ในห้องบ่งบอกถึงบาดแผลฟกช้ำตามตัวที่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงม่วงจนน่ากลัวทั้งๆ ที่ผนังเป็นเบาะนวมอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ร่างกายปลดปล่อยความเครียดที่สะสมอยู่ในตัวออกไปก็รู้สึกผ่อนคลายและแข็งแรงขึ้นมาก
   
สีหน้าของเหมันต์ตอนนี้จึงค่อนข้างสดชื่นแม้ว่าจะผ่านการคลุ้มคลั่งมาหลายวัน เหมันต์ลูบหัวเจ้าอีกาของจ้าวที่ตอนนี้แปรพักตร์มาอยู่กับเขาไปพลางๆ ระหว่างที่รอจ้าวฟื้น
   
เรียกได้ว่าสลับกันไร้สติเลยทีเดียว
   
แต่แน่นอนว่าหลังจากคลุ้มคลั่งครั้งนี้ไปก็อีกหนึ่งเดือนไม่ก็สองเดือนร่างกายถึงจะคลุ้มคลั่งอีกครั้ง เพราะร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก เหมันต์จึงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะเลิกเสพติดการรับฮอร์โมนอัลฟ่าสักที ราวกับเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตแต่ก็ต้องการมันเรื่อยๆ ถ้าหากไม่ได้รับนานๆ หรือรับน้อยเกินไปก็จะคลั่งอย่างที่เห็นซึ่งก็มีลักษณะไม่ต่างอะไรกับคนที่ติดยาเสพติดแล้วลงแดงนัก
   
แต่ถึงแม้จะรับฮอร์โมนปริมาณมากตามที่ร่างกายต้องการแต่เหมันต์ก็ยังคงคลั่งไร้สติอยู่ดี คล้ายกับว่าร่างกายกำลังประท้วงอย่างหนักถึงการนำเอาสิ่งประหลาดเข้ามาในร่างกายอย่างถือวิสาสะและเสี่ยงอันตราย มันตอบแทนเหมันต์ด้วยอาการคลุ้มคลั่งที่เหมันต์คุ้นเคยและเคราะห์ดีที่มันไม่เคยร้ายแรงมากกว่านั้น
   
“ครับ คุณจ้าวจำศีลแบบพวกโอเมก้ามาสี่วันแล้ว”
   
บอดี้การ์ดร่างใหญ่สัญชาติเยอรมันที่ควบตำแหน่งเลขาทำสีหน้าขึงขังเข้ากับฉายาที่ถูกคนอื่นๆ ตั้งว่า ‘พี่โหด’  ใบหน้าคมที่มีหนวดบางๆ ไม่ได้ดูหล่อเหลาแต่กลับทำให้ดูน่ากลัวราวกับจะถูกคนๆ นี้ขย้ำทั้งเป็น ผมสีทองถูกตัดสั้นและเซ็ตเรียบร้อยเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าเคร่งขรึม ชุดสูทเรียบกริบหัวจรดเท้าตามวิสัยที่มักจะเคร่งครัดกับทุกเรื่องเพื่อที่จะทำทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับคุณเหมันต์
   
เรียกได้ว่าถ้า ‘ไลอ้อน’ เป็นมือขวา

คนนี้ๆ คงจะเป็นมือซ้ายที่ถนัดมากของเหมันต์

“วันนี้ใช่วันที่ต้องปล่อยเพลงรึเปล่า?”

เหมันต์ถามเสียงขรึมรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเพราะวันนี้ก็นับว่าเป็นวันสำคัญอีกวันนึงสำหรับจ้าว โดยเฉพาะกับสังคมอันเน่าเฟะที่แทบจะไม่ยินยอมให้โอกาสใดๆ ให้จ้าวได้ปริปากเอ่ยขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง ถ้าหากพลาดวันนี้ไปคงจะไม่วายโดนเหยียบให้จมดินแม้ว่าเอ็มวีจะดีขนาดไหนก็ตาม

ออสตินตอบ “ปล่อยไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ”

“แล้วเป็นไงบ้าง”

“ไม่ดีเท่าไหร่ครับ” ไม่ว่าเปล่าคนเป็นมือซ้ายหยิบแท็บเล็ตของตัวเองออกมาเปิดให้คุณเหมันต์ดูอย่างคล่องแคล่วเพราะพอจะรู้อยู่แล้วว่าคุณเหมันต์จะถามถึงเรื่องนี้ มีทั้งคลิป บอร์ด กระทู้ที่กล่าวถึงเพลงใหม่ของจ้าวและถูกสรุปออกมาเป็นแผนภูมิแท่งและตารางออกมาเพื่อจำแนกข้อมูลทั้งหมดให้คุณเหมันต์โดยเฉพาะ

เหมันต์ตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ๆ หลังจากดูเอ็มวีจบ

สำหรับเหมันต์แล้วนับว่าเนื้อเพลงของจ้าวนั้นนับว่าตรงกับประเด็นในสังคมมากจนน่ากลัว เหล่าอัลฟ่าที่ไม่ต่างอะไรกับหมาป่าบ้าอำนาจไล่ล่าฝูงแกะอย่างสนุกสนานเพื่อที่จะยืนยันในอำนาจของมันว่ายังดำรงอยู่และมีอยู่จริง

หากแต่เอ็มวีที่ได้นั่นกลับสวนทางโดยสิ้นเชิงเพราะเอ็มวีของจ้าวนั้นทำไม่เสร็จ ซีจีลูกแกะก็ทำออกมาได้ครึ่งๆ กลางๆ กลับนำมาใส่ในเอ็มวีจนองค์ประกอบในเอ็มวีเละไปหมด แม้จ้าวและคนอื่นๆ จะพยายามคุมภาพ แสง ทุกอย่างอย่างดีแต่เพราะเวลาที่ไม่เพียงพอและคนที่เป็นเจ้าของบทเพลงที่ไม่อยู่คุมทุกอย่างพอดีทำให้ทุกอย่างออกมาแย่อย่างน่าเสียดาย

ไม่เว้นแต่ท่อนฮุ้คที่จ้าวร้องได้เสียงอันทรงพลังที่สุดกลับถูกตัดต่อใส่ด้วยรูปลูกแกะตายด้วยท่าทางแปลกๆ มีเลือดไหลสองสามหยดทำให้มันดูตลกมากกว่าจะเศร้า ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นภาพของใบหน้าจ้าวที่กำลังแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมามากกว่า
ซึ่งเหมันต์ก็รู้ดีว่าถ้าจ้าวฟื้นขึ้นมาจะเศร้าขนาดไหน

การโต้กลับครั้งแรกของจ้าวล้มเหลว..

ถึงแม้เนื้อเพลงจะดีเลิศเลอให้ตายยังไงถ้าคนฟังเลือกที่จะมองข้อด้อยทุกอย่างก็จบ สิ่งที่จ้าวทำได้คือทำทุกอย่างให้ออกมาเพอร์เฟ็คเท่านั้นเพื่อที่จะป้องกันข้อครหาที่ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรกันบ้าง

หลังจากฟังเพลงซ้ำกรอสองสามรอบตามนิสัยปกติเสร็จก็อ่านที่ออสตินสรุปไว้อย่างกระชับเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องตัดมาเฉพาะข้อความและสิ่งที่เขาอยากรู้อยู่แล้วไม่มีพลาด การทำงานร่วมกันมาตั้งแต่อายุยี่สิบจนสามสิบสองไม่ใช่เรื่องตลก ออสตินรู้จักตัวเขามากกว่าตัวเขาเองเสียอีก

แต่ก็ใช่ว่าจะมีทุกเรื่องที่ออสตินรู้..

เหมันต์ลอบวางแผนใจที่จะเซฟรูปของจ้าวตอนเปิดตัวเอ็มวีเพราะรูปนั้นน่ารักมาก ถึงแม้จะทำสีหน้าขึงขังในธีมหมาป่าแต่ในสายตาเขาจ้าวก็คือจ้าวอยู่ดี อย่าลืมว่าเขาเป็นแฟนคลับตัวยงของจ้าว ย่อมไม่ได้ชอบแค่เสียงอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นคงจะไม่ติดตามมานานขนาดนี้

หากแต่อารมณ์ดีได้ไม่นานนักก็ขมวดคิ้วฉับกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพลงแต่เกี่ยวข้องเต็มๆ กับจ้าว

“ข่าวพวกนี้มาจากไหน”

ใบหน้าของเหมันต์ไร้อารมณ์สร้างบรรยากาศชวนให้อึดอัดใจซึ่งออสตินก็เพิ่งจะชินกับมันไม่กี่ปีมานี้

“ดารานิวส์ครับ สำนักข่าวเดียวกับที่เล่นข่าวคุณจ้าวเมื่อสามปีที่แล้ว” ออสตินรีบตอบเพื่อป้องกันไม่ให้บรรยากาศชวนอึดอัดไปมากกว่านี้ “สำนักข่าวนี้ชอบเล่นข่าวดาราเป็นพิเศษ เห็นว่ามีพวกที่จ้างให้ทำข่าวด้วยครับ”

“เคยมีคนของเราเคยโดนสำนักข่าวนี้เล่นไหม”

“ไม่เคยครับ”

“งั้นก็ทำให้มี” เหมันต์พูดนิ่งๆ ไม่ขยายความมากกว่านั้นเพราะรู้ดีว่าออสตินรู้ตัวเองดีว่าต้องทำอะไร ยื่นแท็บเล็ตคืนให้ออสตินและหยิบโน๊ตบุ๊คของตัวเองขึ้นมาเช็คตารางงานต่อหลังจากหายไปซะหลายวัน

ออสตินโค้งตัวรับคำสั่งอย่างนอบน้อมด้วยรอยยิ้มพอใจเพราะชอบงานสนุกๆ ที่หาได้ยากแบบนี้อย่างยิ่ง หน้าที่ของเขาส่วนใหญ่จะเป็นงานจิปาถะซ้ำไปซ้ำมาไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้น การทำอะไรเกิดเรื่องขึ้นจึงเหมือนเป็นการเล่นสนุกของเขาในวันทำงานเลยทีเดียว

ไม่รอให้เสียเวลารีบเดินเข้าห้องทำงานและหยิบโน๊ตบุ๊คเปิดโปรแกรมโทรหาแบบไร้ตัวตนทันที รอสายได้สักพักปลายสายก็รับและได้รับคำทักทายเสียงแหลม

(สวัสดีค่ะ คุณน้อง โทรมามีอะไรพี่รับใช้จ๊ะ)

เสียงทุ้มที่ถูกดัดจนฟังแปร่งหูบ่งบอกถึงเพศสภาพของปลายสายและบอกอีกว่าคนปลายสายนั้นคุ้นเคยกับเบอร์แปลกหน้าขนาดไหน แม้จะไม่รู้ว่าใครโทรมาแต่ก็รับทันทีเพื่อโอกาสในการหาเงินที่อาจจะได้เยอะกว่าการนั่งเทียนเขียนข่าวเอง

“ผมอยากจะให้คุณเขียนข่าวของคุณส้มที่เป็นตัวประกอบช่องเก้าสิบเก้าครับ”

ออสตินตอบนิ่งๆ สำเนียงไทยชัดเจนไม่ปิดบังเสียงเพราะมั่นใจว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางหาตัวเองเจอแม้จะค้นหาทั้งชีวิตก็ตาม

(อ๋อ น้องส้มฉุนเหรอจ๊ะ ได้จ๊ะ แต่พี่ว่าน้องเขาไม่ค่อยดังนะ เขียนข่าวไปอาจจะไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไหร่)

“ผมให้คุณห้าแสนถ้าคุณทำให้ข่าวนี้ดังได้พอๆ กับข่าวของจ้าว”

นี่คือการเล่นสนุกของบอดี้การ์ดหน้าโหดประจำตัวคุณเหมันต์ การปั่นหัวคนให้เล่นไปตามเกมของตัวเองด้วยการโยนเหยื่อล่อชิ้นโตและล่อให้มันมาติดกับอย่างโง่เขลา ซึ่งส้มฉุนก็คือคนของเหมันต์อีกที การออกเข้าสู่โลกแสงสีก็แค่การเข้าไปสืบข่าวคราวและทำประโยชน์ให้กับคุณเหมันต์เท่านั้น ซึ่งออสตินค่อนข้างมั่นใจว่าส้มฉุนต้องเข้าใจจุดประสงค์มือซ้ายของคุณเหมันต์อย่างเขาแน่นอน

(คุณน้องงง แล้วคุณจะให้คุณพี่เขียนว่าอะไรล่ะจ๊ะ น้องส้มฉุนทำตัวเด็กดี้เด็กดี พี่เคยจะเขียนตั้งหลายรอบก็เขียนไม่ลงเพราะไม่รู้จะเขียนอะไร หรือถ้าคุณน้องมีภาพหรือคลิปหลุดก็ส่งมานะ คุณพี่จะทำให้ดังกว่าข่าวจ้าวอีก!)

“อ๋อ ผมไม่มีหรอกครับ” ออสตินยิ้มผยอง “แต่ถ้าคุณทำให้มันดังได้เท่าข่าวจ้าว ผมจะเพิ่มเงินให้อีกห้าแสน”

เขาจะปล่อยให้มันตายใจกับเหยื่อในมือ ปล่อยให้มันจ้องเหยื่อจนน้ำลายสอและแทะเลียอย่างหิวกระหาย

(ได้ค่ะ คุณน้อง เชื่อมือพี่ได้เลย! ขอมัดจำสองแสนด้วยนะน้อง)

“แน่นอนครับ” ออสตินไม่ลังเลจะโอนเงินออกไปทันทีด้วยบัญชีที่ตรวจสอบไม่ได้แต่เงินเข้าจริง

(ว๊าย พูดปุ๊ปมาปั๊ป คนจริงมากค่ะน้อง เดี๋ยวพี่เขียนข่าวให้นะ แต่พี่ขอถามน้องหน่อยนะว่ามีแฟนหรือยัง พี่ยังโสดนะ)

“ผมมีลูกสามคน” ออสตินโกหกเพื่อตัดบทเพราะเริ่มจะรำคาญ “ในส่วนที่เหลือผมจะโอนให้เมื่อคุณเผยแพร่มัน”

(ได้ค่ะ คุณน้อ---)

พูดยังไม่ทันจบคนเป็นบอดี้การ์ดก็ตัดสินใจตัดสาย รู้สึกเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยังรู้สึกสนุกอยู่ เพราะตั้งใจจะถอนทุนกลับมาเพิ่มให้ได้สักยี่สิบสามสิบเปอร์เซ็น

นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประระริกตื่นเต้นราวกับเสือที่กำลังเล่นกับกระต่ายตัวน้อยที่กำลังกินแครอทที่มันวางไว้อย่างตะกละตะกลามโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าชีวิตครึ่งนึงของมันแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้ว

หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่เสืออย่างเขาต้องการ เขาก็จะบังคับให้มันคายเหยื่ออันล้ำค่าออกมา ใช้มีดกรีดตัวเมื่อมันขัดขืน ใช้ตะขอเหล็กเกี่ยวคอเมื่อมันร้องขอชีวิตและเลาะกระดูกมันออกมาทีละท่อนจนกว่านายใหญ่แห่งตระกูลกิลลาสจะพอใจ!



การหยุดงานแบบไร้สติสำหรับเหมันต์แล้วไม่เรียกว่าเป็นการลาพักร้อนเพราะมันไม่มีความเพลิดเพลินเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งพอกลับมาก็พบว่ามีงานรออยู่มากมายเหลือเฟือ มีทั้งเอกสารขอซื้อตลาดที่เขาคุมอยู่อย่างดื้อดึงทั้งๆ ที่ปฏิเสธไปแล้วหลายครั้งเพราะที่ดินผืนนี้มีอีกนับพันชีวิตที่กำลังพยายามตรากตรำหาเลี้ยงตัวเองอยู่ ถึงสาเหตุหลักที่ไม่ขายคือเป็นสมบัติประจำตระกูลแต่สาเหตุรองก็ยังเป็นเพราะเป็นห่วงคนที่เช่าอาศัยพื้นที่ดินเหล่านี้ของเขา ค่าเช่าราคาสมเหตุสมผลไม่โก่งราคาจนเกินไปและตั้งอยู่ใจกลางเมืองนอกจากซ่องนกพิราบเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีที่ไหนแล้ว

แต่เหนือสิ่งอืนใดนั้นก็มีเอกสารอื่นๆ ที่รอเขาพิจารณาอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ออสตินจะคัดกรองเฉพาะที่สำคัญมาให้บ้างแล้วก็ถือว่าเยอะอยู่ดีสำหรับการทำงานวันเดียว ทั้งๆ ที่อยากนอนอยู่เฉยๆ สักเดือนแต่ก็ทำไม่ได้เพราะบ่วงรัดคอคำว่าประธานบริษัทรัดคออยู่ ความเกียจคร้านรังแต่จะทำให้บริษัทล่มจม เขาไม่มีวันยอมให้บริษัทที่ตระกูลกิลลาสใช้เวลาหลายรุ่นในการสร้างมันขึ้นจนรุ่งเรืองต้องมาจบลงที่เขา

ไม่สิ โดยเฉพาะกับ ‘เขา’ ที่ซุกซ่อนความลับอันน่าอับอายเอาไว้

เหมันต์สูดหายใจลึกและผ่อนออกมาเรียกสมาธิและเริ่มต้นอ่านเอกสารอย่างรอบคอบ แต่สิ่งที่หยิบขึ้นมากลับไม่ใช่ปึกเอกสารอย่างที่เหมันต์คิด

สิ่งที่อยู่ในมือของเหมันต์คือเอกสารสรุปประเด็นร้อนของจ้าวในช่วงนี้ที่ออสตินจงใจทำขึ้นมาและนำมาวางไว้ส่วนบนสุดของเอกสาร เพราะเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปหลายวันแล้ว ข่าวของจ้าวจึงซาลงจนเหมันต์ที่ลองเช็คข่าวจ้าวคร่าวๆ ไม่ทันเห็นแต่พอได้เห็นก็ไม่ได้รู้สึกดีอยู่ดี

ทุกข่าวที่เขียนถึงจ้าวนั้นล้วนแต่เป็นการป้ายสีและแต่งเติม ดูโหดร้ายป่าเถื่อนราวกับว่าจ้าวไม่ใช่คนแต่เป็นเศษเดนไร้ค่าที่สามารถระบายอารมณ์ใส่ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย หัวข้อข่าวว่ารุนแรงแล้วผลตอบรับนั้นรุนแรงกว่า จ้าวในสายตาคนพวกนั้นก็เป็นแค่คนที่พยายามจะตะเกียกตะกายขึ้นมาหาฝั่งทั้งๆ ที่กำลังถูกคลื่นซัดโถมกลืนกินและถูกฉุดกระชากลงไปอยู่ใต้ทะเลด้วยมือนับพัน

“…”

เหมันต์พูดอะไรไม่ออกกับสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้ รู้สึกสิ้นหวังเพราะแทบทุกคนที่จะเป็นแบบนี้ไปหมดแล้ว ความดีที่จ้าวเคยทำหายไปหมดกับการกระทำผิดเพียงครั้งเดียวที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นคนลงมือเองรึเปล่า แต่ทุกคนเชื่อว่าจ้าวทำและลงทัณฑ์ด้วยตัวเองผ่านสื่อออนไลน์ราวกับเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมในสังคม

มันทำให้เขานึกถึงเอ็มวีของจ้าวขึ้นมา ซึ่งจ้าวในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับแกะอ่อนแอที่ไม่มีกำลังแม้จะหายใจแต่ก็ถูกเหล่าหมาป่าเอาปืนจ่อเข้าที่รอบลำคอและตามลำตัวจนไม่มีบริเวณใดบนร่างกายที่จะไม่โดนกระสุนถ้าพวกหมาป่าคิดจะลั่นไกปืน

‘มนุษย์ช่างโหดร้าย’

พ่อของเขาเคยบอกไว้แบบนั้นและลูบหัวเขาเบาๆ

‘เหมันต์อย่าเป็นแบบนั้นนะลูก’

ทั้งๆ ที่พูดแบบนั้นแต่กลับเป็นแบบนั้นซะเองเมื่อพบว่าสายเลือดของเขาไม่ใช่สายเลือดสูงส่งอย่างอัลฟ่าพิเศษตามที่พ่อและคนอื่นๆ ในตระกูลต้องการ

‘เพี๊ยะ!!!’

เขาโดนตบหน้าเมื่อเข้ามาในห้องทำงานของพ่อ สายตาที่มองเขานั้นสั่นระริกมีทั้งความสับสนกังวลทุกอย่างผสมปนเปไปหมด แปลกมากที่วันนั้นเขาไม่ร้องไห้แม้ว่าจะแก้มจะเจ็บจนชา

‘ทำไมแกไม่เป็นอัลฟ่าวะ!’

เขาให้คำตอบพ่อไม่ได้พอๆ กับที่พ่อหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เปอร์เซ็นการที่เขาจะเป็นอัลฟ่าพิเศษนั้นสูงมาก รองลงมาคืออัลฟ่าและมีโอกาสอีกเพียงน้อยนิดที่จะเป็นโอเมก้าและอีกศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นเป็นเบต้า

‘ต่อไปนี้ห้ามออกไปข้างนอกกับพ่อนะ’

จากที่ได้ออกไปดูงานข้างนอกกับพ่อบ่อยๆ เขาเริ่มถูกซุกซ่อนไว้เบื้องหลังพร้อมๆ กับตัวตนที่เริ่มจะจางหายไปเมื่อผ่านไปหลายปี เขาโตขึ้นเรื่อยๆ กับร่างที่สูงใหญ่กว่าอัลฟ่าปกติและแสดงอัตลักษณ์ของอัลฟ่าพิเศษออกมาทั้งหมด ทั้งร่างกาย สติปัญญาที่ดีกว่าอัลฟ่าทั่วไปและความสามารถในการคาดเดาที่ค่อนข้างแม่นยำ

‘แกเหมือนพ่อมาก’

เขาไม่ได้ตอบอะไรพ่อทำเพียงแค่ยืนนิ่งรอรับคำสั่งราวกับหุ่นยนต์จักรกลไร้อารมณ์ ต่อให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปยังไงในสายตาพ่อเขาก็เป็นเพียงแค่ลูกที่น่าผิดหวังเท่านั้น พ่ออาจจะไม่ได้เกลียดเขาแต่ก็ไม่ได้รักเท่าเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใบไม้อายุครบจนสามารถตรวจเพศได้ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นอัลฟ่า ถึงจะไม่ใช่อัลฟ่าพิเศษแบบพ่อแต่ก็ยังเป็นอัลฟ่าอยู่ดี ดูน่าคาดหวังอย่างยิ่งแต่พ่อก็ลงทุนกับเขามานานเกินว่าจะเปลี่ยนไปปั้นน้องของเขา

ใช่ เขาคือผลผลิตจากผลกำไรของเครือบริษัทตระกูลกิลลาส เงินทุกบาททุกสตางค์ถูกนำมาลงทุนในการวิจัยให้เขาสามารถกลายเป็นอัลฟ่าได้เพราะแท่นประธานบริษัทของตระกูลกิลลาสไม่ต้อนรับเบต้าและโอเมก้า มีเพียงอัลฟ่าเท่านั้นที่สามารถยืนได้อย่างภาคภูมิเสมอกับบริษัทอื่นๆ ที่มีอัลฟ่าเป็นแกนนำหลักเช่นกัน

ทุกอย่างดำเนินมาอย่างยาวนานและดำเนินต่อไปแม้ว่าคุณศตคุณจะเสียชีวิตไปแล้ว โครงการวิจัยของเขาก็ยังคงดำรงอยู่และพยายามสุดความสามารถที่จะทำให้เขาเป็นอัลฟ่าได้ตามที่พ่อของเขาต้องการ ทั้งๆ ที่เขาจะพยายามล้มเลิกโครงการแต่ร่างกายก็ต่อต้านจนต้องทำมันต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมายว่ามันจะจบสิ้นวันไหน

ความเครียดที่เริ่มสะสมกระตุ้นให้เหมันต์ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ประจำตำแหน่งตัวเองและนวดขมับอย่างเหนื่อยอ่อน ไหล่แข็งแรงสองข้างเครียดเขม็งจนรู้สึกปวดไปทั้งตัว

“ถ้าไม่มีระบบชนชั้นบ้าๆ นี่ก็คงจะดี”

เหมันต์บ่นกับตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก เรื่องทั้งหมดที่เกิดจากตัวเขาและตัวจ้าวนั้นก็เป็นเพราะระบบชนชั้นทั้งนั้น ถ้ามันหายไปได้ก็คงจะดี จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บปวดกับความอยุติธรรมอย่างชอบธรรมนี่อีก

มือหนาหยิบโน๊ตบุ๊คตัวเองมาวางบนตักและกรอกคำสั่งให้กับมือขวาของตัวเองที่ตอนนี้น่าจะว่างขนาดที่พาลูกออกไปเที่ยวได้ทุกวัน


{ GILLAS SECRET GROUP}

BOSS : ไลอ้อน

เหมันต์ขมวดคิ้วเมื่อมีคนอ่านแล้วสองคนซึ่งก็คือมือขวาและมือซ้ายของเขาแต่ไอ้คนโดนเรียกกลับไม่ยอมตอบ ต้องรอหลายนาทีกว่าคนที่ต้องการจะตอบกลับมา

LION KING : มีอะไรให้รับใช้ครับ นายท่าน แต่ของานไม่เยอะนะครับ วันนี้มีนัดพาลูกเมียไปกินข้าวเย็นครับ

แน่นอนว่าเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเหมันต์ไม่ได้สนใจนักเข้าประเด็นทันทีเพราะงานก็กองอยู่เป็นปึก

BOSS : เคลียร์ข่าวแย่ๆ ของจ้าวให้หมด

LION KING : น้อมรับบัญชาครับ



หลังจากสั่งการเสร็จก็เข้าสู่โหมดทำงานต่อ ถึงจะไม่ได้คาดหวังว่าจะข่าวของจ้าวจะถูกลบหรือหายไปจนหมดแต่ก็อยากให้มันน้อยลงสักนิดก็ยังดี

เขาไม่อยากเห็นจ้าวต้องร้องไห้อีกแล้ว..

   

บางครั้งเหมันต์ก็สงสัยตัวเองว่าบ้างานเกินไปรึเปล่าเพราะทำไปจนหมดกองและรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นวันใหม่แล้ว ความเหนื่อยล้าเกาะกุมตามร่างกายจนแทบไม่อยากขยับตัว ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับร่างกายยอมเดินไปทิ้งตัวใส่โซฟาและหลับมันตรงนั้นไม่สนใจมาดใดๆ เพราะเหนื่อยมากจริงๆ ข้าวปลาก็ไม่ได้สั่งมากินจนหิวโซไปหมดแต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคืออยากนอนมากกว่า
   
“ฮื่อออ”
   
เหมันต์คำรามในลำคออย่างง่วงงุน วางขาที่ยาวเกินโซฟาบนพนักพิงและหยิบหมอนอิงมาหนุน นอนย้วยไปสักพักจนความง่วงซาลงก็พยายามลุกขึ้นมาและย้ายสารร่างของตัวเองไปห้องใต้ดินเพื่อเปลี่ยนที่นอน
   
ระหว่างทางเหมันต์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาถึงห้องของจ้าวได้ไงเพราะง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้นอีกทั้งสีหน้าของเขาตอนนี้คงจะน่ากลัวมากจนคนที่เห็นเขายอมหลีกทางให้แต่โดยดี
   
“จ้าว”
   
เหมันต์เรียกทั้งๆ ที่หาวหวอดจนเสียงเพี้ยน ขยับเข้าไปนั่งบนเตียงของจ้าวอย่างถือวิสาสะเพราะง่วงจนขี้เกียจยืน
   
แน่นอนว่าจ้าวไม่ตอบเพราะอยู่ในสภาวะจำศีลและหลับลึก ท่าทางการนอนที่ดูผ่อนคลายทำให้เหมันต์อดยิ้มไม่ได้เพราะจ้าวตอนนี้ก็ดูไม่ต่างอะไรจากเด็กขี้เซา
   
“ฝันดีเหรอ”
   
เหมันต์ลูบหัวจ้าวที่หลับตาพริ้มและยิ้มน้อยๆ ราวกับเด็กที่กำลังฝันหวาน แขนที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มซึ่งเคยมีรอยช้ำกระจายตามตัวไปหมดตอนนี้แทบไม่มีแล้ว มีแต่ลำคอจ้าวที่ยังคงเป็นแผลเสียดสีจากปลอกคอเหล็กที่มีทางเดียวที่จะหายคือถอดมันออก
   
นัยน์ตาสีเทาจดจ้องปลอกคอจ้าวก่อนจะนิ่งคิดว่าพอจะมีทางไหนที่จะเอาปลอกคอนี่ออกไปได้ไหมซึ่งนอกจากตัดมันออกเขาก็คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว
   
คิดไปคิดมาสุดท้ายเหมันต์ก็พ่ายแพ้ให้กับความง่วงของตัวเองเลยตัดสินใจโยนเรื่องทุกอย่างในหัวทิ้งแล้วไปนอนบนโซฟายาวที่ตั้งอยู่ในห้องแทน แน่นอนว่ามันสั้นกว่าขาของเขาเกือบครึ่งแต่เหมันต์ไม่สนนอนทั้งอย่างนั้นเพราะขี้เกียจเกินกว่าจะลุกแล้ว แค่เดินมาถึงห้องจ้าวได้ก็นับเป็นเรื่องน่าตกใจที่สุดของเขาในรอบปีแล้วจริงๆ

   

เหมันต์งัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เข้าช่วงบ่ายของวันและสิ่งแรกที่อยู่ในสายตาก็คือจ้าวที่เอาเก้าอี้มานั่งตรงข้ามตัวเองกำลังเล่นโน๊ตบุ๊คด้วยท่าทีเคร่งเครียดแต่ชุดที่ใส่กลับดูเป็นกันเองมากจนเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
   
“ตื่นแล้ว? หือ” เหมันต์เหมือนเมาความขาวของจ้าวที่ใส่เสื้อแบบไม่ติดกระดุมบางเม็ดจนเห็นอะไรต่อมิอะไรและกางเกงขาสั้นที่แทบจะทำให้เห็นยันน่องขาที่มักจะปรากฎรอยช้ำแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
   
ซึ่งภาพนี้เหมันต์ก็เคยเห็นมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงไม่เหมือนเดิมก็ไม่รู้ มันรู้สึกพลุกพล่านแปลกๆ
   
“ตื่นแล้วครับ” จ้าวเงยหน้ายิ้มให้เหมันต์ทันทีโดยไม่ต้องคิด “ตื่นตั้งแต่เช้าแล้วครับ เห็นณิชาบอกว่าคุณเหมันต์สลบตั้งแต่เมื่อวานผมเลยไม่กล้าปลุก”
   
เหมันต์ครางรับในลำคอ “แล้วดูอะไรอยู่”
   
จ้าวหัวเราะแห้งๆ ยิ้มเจื่อนลงไม่กล้าสบตาคุณเหมันต์ “ก็กระแสตอบรับนั่นแหละครับ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
   
“รู้สึกยังไงบ้าง”
   
ร่างสูงรีบถามด้วยความเป็นห่วง ที่สั่งไลอ้อนไปอย่างมากก็ลบได้แค่ข่าวเท็จ พวกกระแสตอบรับเพลงแบบนี้เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมจริงๆ เพราะมันเป็นความจริงที่ปรากฎอยู่ตำตา
   
“ก็ไม่ดีเท่าไหร่ครับ มันแย่”
   
เหมันต์สัมผัสได้ทันทีถึงกระแสอารมณ์ของจ้าวที่เริ่มจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงและจ้าวก็คงจะกลับไปสู่วังวนเดิมทั้งๆ ที่พยายามจะตะเกียกตะกายออกมาแทบตาย ไม่มีใครอยากให้งานที่ตัวเองทุ่มเทและตั้งใจทำต้องล้มเหลว โดยเฉพาะกับเพลงแรกที่ใช้สำหรับเปิดตัววงใหม่ของจ้าว
   
ร่างหนาขยับเข้าไปใกล้จ้าวทันทีเตรียมจะดึงมือมากุมหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้นที่สามารถทำให้จ้าวรู้สึกอบอุ่นเพราะกลัวว่าจ้าวจะแตกสลายอีก เขาไม่อยากเห็นจ้าวร้องไห้จะเป็นจะตายอีกแล้ว มันเจ็บปวดเกินไปจริงๆ
   
“แต่คุณเหมันต์ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ”
   
ผิดไปจากที่คาดประมาณพันเท่า เหมันต์กระพริบตาปริบเหมือนหมีงงเมื่อจ้าวยิ้มสดใสให้ตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและรู้สึกด้วยว่านี่ไม่ใช่การเสแสร้งเพื่อปกปิดอารมณ์เศร้า
   
“เพิ่งเพลงแรกเอง ไม่มีวงไหนเขาร้องอยู่เพลงเดียวหรอกครับ” จ้าวหัวเราะเพราะสีหน้าเหวอๆ ของคุณเหมันต์ตลกมาก สงสัยจะคิดว่าเขาจะร้องไห้เป็นเผาเต่าอีกแต่บอกเลยว่าเรื่องเกี่ยวกับวงการเพลงแล้วเขาเป็นคนนึงเลยที่เจ็บมาเยอะจนแข็งแกร่งในวงการนี้มาก “สิ่งที่ผมต้องทำก็แค่แก้ไขมันครับ ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยผมก็รักษาคำพูดที่ว่าจะปล่อยเพลงแต่ก็ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะปล่อยแบบสมบูรณ์”
   
“…อืม”
   
เหมันต์ยังคงมึนๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะง่วงหรือตกใจที่จ้าวเข้มแข็งกว่าที่คิด
   
“แต่ผมมีสิ่งที่จะทำหลังจากทำเพลงแรกเสร็จครับ” จ้าวหุบยิ้มเมื่อเข้าสู่เรื่องที่ต้องจริงจังเพราะเขาก็นั่งตกผลึกมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าควรเสี่ยงดีไหม
   
“ห้ามอันตราย” เหมันต์มองจ้าวดุดันอย่างผิดวิสัยเพราะเริ่มคาดเดาได้ลางๆ ว่าจ้าวกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว มีไม่กี่อย่างหรอกถ้าไม่ใช่เรื่องร้องเพลงและเรื่องครอบครัว
   
“โห สมฉายาพ่อมดเลยนะครับ” จ้าวหัวเราะคิก “ใช่ครับ ผมจะไปหาหลักฐานมาจับตัวจันทร์ด้วยตัวเอง”

=================

คนพี่เริ่มออกล่าแล้ว คนน้องว่าไง  :katai5:
   

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี้ดๆ   :z13: ไว้ก่อนไว้นอนตื่นแล้วเราจะมาอ่าน

ป.ล. อร๊ายยย เป็ดกลับมาแล้วเดี๋ยวเราจะย้อนไปบวกให้เด้อ
-----------------------------------------------------

หรือว่าคุณเหมนต์จะเป็นเบต้า แต่ร่างกายและสติปัญญาได้มา

ทางอัลฟ่าหมดเลย เอ๊ะ แต่เปอร์เซ็นจะเป็นโอเมก้าก็มี  :serius2:

แล้วตอนสุดท้ายก่อนจบที่บอกแปลกๆนี่ผลมาจากฮอร์โมนอัลฟ่า

หรือเป็นเพราะรู้สึกอะไรกับจ้าวเข้าแล้วน้า รอดูจ้าวเป็นผู้ล่าเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2018 19:54:22 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณเหมันตร์ก็น่าสงสารนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สรุปว่าคุณเหมันต์เป็นเบต้า หรือโอเมก้า
ชีวิตคุณเหมันต์ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สู้นะจ้าว ส่วนเรื่องจันทร์ .... เราสงสารน้องอ่ะ
จ้าวไม่ผิดที่จะหาความจริง หาหลักฐาน ยืนยันความถูกต้องให้ตัวเอง
แต่ถ้าจันทร์ยังพอกู้ความเป็นคน เป็นพี่น้อง เป็นเด็กที่มีความฝันขึ้นมาได้บ้าง
ก็อยากให้จ้าวเบามือกันจันทร์นิดนึง

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 20

“คุณทำงานอะไรของคุณ! ทำไมข่าวที่ผมจ้างให้พวกคุณเขียนมันถึงหายไปหมดวะ!!!”

(คือ คือว่าคุณน้อง ใจเย็นๆ นะคะ ตอนนี้น่ะมีใครก็ไม่รู้บอกว่าเป็นตำรวจว่าถ้าไม่ลบที่โพสจะจับพวกพี่ ที่ ที่อื่นก็โดนเหมือนกันนะคะ คุณน้อง)

สีหน้าของนายแพทย์หนุ่มตอนนี้ถึงแม้จะนิ่งสงบแต่นัยน์ตาโศกนั้นสุมด้วยพายุเพลิงที่พร้อมจะถล่มใส่คนปลายสายที่บังอาจลบข่าวทั้งหมดที่เขียนเกี่ยวกับจ้าวอีกทั้งยังออกมาชี้แจงขอโทษอีก ราวกับเงินล้านที่เขาให้เป็นเงินเด็กเล่นไม่ใช่เงินจริงที่คนบางคนอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตในการหามัน

“ผมไม่สนว่าคุณจะโดนจับหรือเปล่า แต่ผมสนเงินของผมที่เสียไป ถ้าคุณไม่กล้าทำผมก็จะไปจ้างคนที่กล้า!!”

(ว๊าย! คุณน้องใจเย็นๆ น้า รอให้ข่าวมันซาก่อน เดี๋ยวคุณพี่ลงให้ใหม่ คุณน้องรอได้ไหมเอ่ย”

กร็อบ

แก้วกาแฟแบรนด์ดังถูกขย้ำจนเสียรูปในมือของจันทร์ที่เริ่มจะทนไม่ไหว “เลิกเรียกคุณน้องได้แล้ว ผมไม่ใช่น้องคุณ!” คำว่าน้องที่ปลายสายพูดนั้นราวกับสะกิดแผลบางอย่างในใจแต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะเมินมัน “ถ้าคุณทำงานให้ผมไม่ได้ก็โอนคืนมา”

(แต่ว่า..)

“อย่าให้ผมพูดอีกครั้ง!” จันทร์ตะคอก “ไม่อย่างงั้นผมเนี่ยแหละจะลากคอพวกคุณเข้าตาราง!”

(คือพวกพี่ไม่มีเงินแล้วอ่ะ ให้พวกนั้นหมดแล้ว ฮึก ไม่งั้นมันจะจับพวกพี่)
   
“โว๊ย!!!”
   
จันทร์คำรามใส่ปลายสายก่อนจะตัดสายไปเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ไม่ได้เงินคืนเพียงแต่ว่ารู้สึกหงุดหงิดและโมโหมากกว่าที่การลงทุนครั้งนี้ของตัวเองเสียเปล่า ยังไม่ทันได้ชื่นชมก็หายไปหมดแล้วราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งการออกมาขอโทษของพวกสื่อที่เขียนใส่ร้ายป้ายสีของเจ้าอื่นๆ ก็ทำให้จ้าวในสายตาทุกคนดูดีขึ้นซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการสักนิด ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
   
ก็อกๆ
   
เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอเล่นเอาคนที่กำลังระเบิดอารมณ์ในห้องสะดุ้งสุดตัว รีบปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเป็นปกติและกลายร่างเป็น ‘นายแพทย์จันทร์ นฤภัทร’ ที่ทุกคนรู้จักและชื่นชม
   
“เข้ามาเลยครับ”
   
จันทร์นั่งบนเก้าอี้ทำท่าทีเป็นอ่านเอกสารทั้งๆ ที่อ่านไม่รู้เรื่องด้วยสีหน้าจริงจัง ในหัวยังเต็มไปด้วยความไม่สมอารมณ์ราวกับหมอกควันขมุกขมัวที่มีสายฟ้าแลบออกมาเป็นระยะและพร้อมจะฟาดใส่คนที่เข้ามาใกล้พอดี
   
กลิ่นน้ำหอมสุขุมเป็นสิ่งแรกที่นายแพทย์หนุ่มรับรู้ก่อนตัวตนของคนที่มาเยือนเสียอีก นัยน์ตาโศกขมวดคิ้วนิดๆ เพราะกลิ่นนี้เป็นกลิ่นเดียวกับที่ตัวเองใช้พอดีเพียงแต่อีกฝ่ายดูจะมือหนักไปหน่อยมันถึงได้ฟุ้งมาซะขนาดนี้
   
“สวัสดีครับ คุณจันทร์”
   
น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำฟังดูน่าเกรงขามนั้นคุ้นหูจันทร์อย่างประหลาดจนจันทร์รีบปล่อยมือจากเอกสารที่แกล้งอ่านขึ้นมามอง
   
“…คุณอาทิตย์” จันทร์หลุดพูดเสียงเบาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดสีหน้าเหวอๆ ออกมา ความหวาดหวั่นเกาะกุมตามร่างราวกับชนักที่ติดอยู่บนหลัง หัวใจในอกเต้นเสียงดังจนหูอื้ออึง
   
คนตรงหน้าคือ ‘นายอาทิตย์ วิริยะศักดิ์’ ตำรวจมือดีที่ฉลาดเป็นกรดมักจะปรากฎในจอโทรทัศน์เพื่ออธิบายรูปคดีต่างๆ ที่ตนสามารถคลี่คลายได้ อีกทั้งยังเป็นอีกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมของจ้าว เรียกได้ว่าเป็นคนที่จันทร์ต้องระวังตัวสุดๆ ไม่เช่นนั้นก็คงจะถูกสุนัขตำรวจจมูกดีอย่างอาทิตย์คาบกลับไปเป็นอาหารมื้อใหญ่
   
เจ้าของชื่อยิ้มรับแต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองดูน่ากลัวน้อยลง ใบหน้าที่มีริ้วร้อยบ่งบอกถึงอายุที่ล่วงเลยเกินมาถึงสี่สิบกว่าปีอยู่ในเครื่องแบบตำรวจสีกากีพร้อมกับยศที่ประดับมาเต็มอกซึ่งบอกถึงสาเหตุที่มาโผล่ในสถานที่นี้ได้ดี
   
“เมื่อกี้เกิดอะไรรึเปล่าครับ ได้ยินเสียงตึงตังๆ”
   
“พอดีผมทำของหล่นน่ะครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” จันทร์ตอบกลับได้อย่างรวดเร็วแต่มือที่ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อกาวน์จิกเข้าไปในเนื้อจนเลือดซึม
   
“งั้นเข้าเรื่องเลยนะครับ” อาทิตย์หยิบของกลางที่ยึดมาได้วางลงบนโต๊ะ “คุณจันทร์เคยได้ยินเรื่องน้ำหอมโอเมก้าไหมครับ”
   
“น้ำหอมที่ขายตามท้องตลาดเหรอครับ” จันทร์มองขวดทรงสูงขนาดเล็กที่บรรจุด้วยน้ำใสๆ ที่เหลืออยู่แค่ก้นขวด ดูเป็นปริมาณที่น้อยเกินกว่าจะได้กลิ่นหอมอะไรด้วยซ้ำ
   
“มันก็ใช่ครับแต่น้ำหอมโอเมก้านี้มันรุนแรงกว่านั้น” ไม่ว่าเปล่าเปิดฝาขวดออกทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายออกมาราวกับระเบิดลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นซึ่งจันทร์ก็ถึงกับมึนตาพร่าไปชั่วขณะนึง
   
มันเป็นกลิ่นที่หอมหวานราวกับดอกไม้ที่เพิ่งผลิดอกชวนให้หลงใหลหากแต่แฝงไปด้วยอันตรายที่คาดเดาไม่ได้
   
“นี่คือ?” จันทร์ลืมความกลัวไปโดยสิ้นเชิงเมื่อมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่ามาอยู่ตรงหน้าตัวเอง สัญชาตญาณความกระหายใคร่รู้ในตัวกรีดร้องอื้ออึงจนน่าปวดหัว นัยน์ตาโศกที่มักจะไม่แสดงอารมณ์พราวระยับราวกับเห็นของเล่นชิ้นใหม่
   
“หึ”
   
นายแพทย์หนุ่มถึงกับหลุดหน้าเหวอออกมาจริงๆ เมื่อเห็นสุนัขตำรวจที่ขึ้นชื่อว่าดุร้าย ไม่สามารถเข้าใจมุขตลก นิสัยเถรตรงจะหลุดหัวเราะหัวเราะออกมา
   
“อย่างที่คิด” อาทิตย์ยิ้มมุมปาก “คุณจันทร์สนใจจริงๆ ด้วย”
   
จันทร์รู้สึกทำหน้าไม่ถูกเลยทำหน้านิ่งใส่คุณหมาตำรวจโดเบอร์แมนที่ตอนนี้ยังยิ้มน้อยๆ อยู่
   
“เอาเถอะๆ เรื่องนั้นช่างมันก่อน มาเข้าเรื่องสำคัญกันดีกว่า” นายตำรวจพูดเสียงขรึมไม่มีท่าทีขี้เล่นอีก “ตอนนี้น้ำหอมโอเมก้าที่คุณเห็นนี่กำลังระบาดโดยเฉพาะกับพวกโอเมก้า พวกนั้นใช้น้ำหอมมอมพวกเบต้ากับอัลฟ่าแล้วขโมยเงินซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มระบาดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมกลัวว่าถ้าโอเมก้าทุกคนมีมันแล้วคิดจะทำอะไรขึ้นมา เราจะควบคุมไม่อยู่”
   
“แล้วจะให้ผมทำยังไง” จันทร์หยิบฝาที่มีน้ำหอมติดอยู่ประปรายขึ้นมาดมซึ่งก็พบว่าปริมาณเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้มึนงงได้ราวกับดื่มของมึนเมา
   
อาทิตย์ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วก่อนจะหักลงหนึ่งนิ้ว “ผมอยากให้คุณจันทร์หาทางดักทางพวกน้ำหอมพวกนี้จะเป็นอุปกรณ์หรือยาต้านอะไรก็ได้” เมื่อเห็นจันทร์พยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้จึงหักนิ้วลงอีกนิ้วแล้วพูดต่อ “สองผมอยากให้คุณจันทร์ช่วยผมหาแล็บที่สร้างของพวกนี้ขึ้นมา”
   
สีหน้าของจันทร์เปลี่ยนทันทีเมื่อได้ยินประโยคหลัง “ผมไม่รู้”
   
“มันไม่ใช่ปัญหาหรอก จันทร์” นายตำรวจยิ้ม “ผมก็แค่อยากให้คุณช่วยจับตามองพวกคนในแวดวงของคุณหน่อย ยังไงซะจะทำน้ำหอมจากฮอร์โมนโอเมก้าก็ต้องมีพวกที่เชี่ยวชาญกับฮอร์โมนโอเมก้าอย่างคุณไม่ก็คนที่เกี่ยวข้องกับวิจัยของคุณอยู่แล้ว ผมมั่นใจ”
   
“ผมจะดูให้แล้วกันครับ” จันทร์พูดทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น รู้สึกต่อต้านขึ้นมาอย่างประหลาดเพราะคนที่เกี่ยวข้องกับโครงการจ้าวทุกคนนั้นเป็นคนที่เขาเลือกมาเองกับมือ ถึงจะไม่ได้ไว้ใจมากแต่ก็ไม่เคยคิดว่าคนใต้อาณัติจะกล้าไปทำอะไรแบบนั้นเพราะไม่มีคนธรรมดาที่ไหนอยากเอาตัวลงไปเกลือกกลั้วกับพวกโอเมก้า

ถึงแม้จะไม่ได้รังเกียจแต่ก็ไม่อยากตกต่ำแบบนั้น ระบบชนชั้นในสังคมปัจจุบันนั้นราวกับไม้ใหญ่อันแข็งแกร่งที่มีรากหยั่งลึกลงไปทุกชีพจรของสติปัญญามนุษย์ การทำตัวเป็นฮีโร่เพื่อช่วยโอเมก้าก็เหมือนการฆ่าตัวตายอยู่กลายๆ เพราะจะถูกว่าเป็นโอเมก้าชั้นต่ำไปอีกคน จึงไม่ค่อยมีคนกล้าออกมาออกสิทธิ์ออกเสียงนักแม้จะรู้ว่ามันผิดก็ตาม
   
“แต่แปลกนะเรื่องนี้มันทำให้ผมนึกถึงนิทานที่พวกโอเมก้าชอบเล่าให้กันฟัง” ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์พิงเก้าอี้แล้วพูดออกมาอย่างไม่จริงจังนัก “ว่ากันว่าเมื่อก่อนพวกโอเมก้าเคยเป็นชนชั้นปกครองใช้ฮอร์โมนของตัวเองในการควบคุมเหล่าเบต้าและอัลฟ่าให้รับใช้ตัวเอง”
   
“เรื่องนี้ผมเคยได้ยิน” จันทร์หลุบมองมือตัวเอง “พี่เลี้ยงเคยเล่าให้ผมฟัง”
   
“แต่ผมว่ามันไม่จริงหรอก พวกโอเมก้าอ่อนแอเกินไป แค่ครึ่งวันพวกนั้นก็แทบจะหมดแรงของวันทั้งวันแล้ว” นายตำรวจถอนหายใจยาวก่อนที่แววตาจะกลับมาคมกริบมองจันทร์
   
“แล้วคุณจันทร์คิดยังไงกับพวกโอเมก้าครับ”
   
อะไรบางอย่างในร่างกำลังกู่ร้องเตือนภัยเจ้าของร่าง สัญชาตญาณของนายแพทย์หนุ่มที่มักจะแม่นยำรีบตั้งสติตัวเองเพื่อตั้งรับกับคำถามที่อาจจะสาวมาถึงตัวเองได้ทันที
   
คนตรงหน้าที่ไม่เคยไว้ใจเขากำลังดมกลิ่นเขาแล้ว!
   
“บอกตามตรงว่าผมไม่ได้สนใจพวกระบบชนชั้น” สีหน้าของจันทร์นิ่งสงบเป็นธรรมชาติเพราะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจริงๆ “ผมคิดว่าคุณน่าจะพอดูออกว่าพ่อแม่ผมไม่ชอบโอเมก้า” นัยน์ตาโศกสบกับแววตาคบกริบที่สามารถบีบให้ผู้ต้องหาคายความจริงออกมานัดต่อนัดอย่างไม่เกรงกลัวเพราะถ้าเขาพลาดท่าเมื่อไหร่ทุกอย่างที่เขาเพียรทำมาจะจบลงทันที
   
เมื่อเห็นว่านายตำรวจไม่แสดงท่าทีแปลกใจอะไร จันทร์ก็พูดต่อทันที
   
“แต่ผมไม่ ผมไม่ได้เกลียดพวกโอเมก้า เบต้า หรืออัลฟ่า ผมไม่สนใจระบบพวกนี้ด้วยซ้ำเพราะมันไม่มีผลอะไรกับผมอยู่แล้ว ถ้าคุณศึกษาประวัติผมมาดี ผมคิดว่าคุณน่าจะเห็นลูกทีมผมที่เป็นโอเมก้าอยู่คนนึงซึ่งเธอคนนั้นก็เก่งมากจนทุกคนในทีมยอมรับเลยล่ะ”
   
“ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นหรอกครับ คุณจันทร์” อาทิตย์ยิ้มใจดีแต่กลับทำเอาจันทร์เสียวสันหลังวูบ “ผมก็แค่อยากจะบอกว่าจนถึงตอนนี้ผมยังหาแรงจูงใจในการฆ่าพริมของจ้าวไม่ได้เลยครับ”
   
“ผมไม่รู้” จันทร์ตอบทันควันและเริ่มเดาวัตถุประสงค์หลักในการมาของเจ้าหมาตำรวจจมูกดีนี่ออก
   
“ลูกสาวผมเป็นแฟนคลับตัวยงของจ้าวตั้งแต่สมัยประกวดร้องเพลง”
   
แม้แต่วินาทีเดียวนายอาทิตย์ก็ไม่ยอมละสายตาคมกริบจากจันทร์ พยายามดมกลิ่นเฟ้นหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริง ทั้งๆ ที่มีหลักฐานครบอยู่แล้วและเขาก็เป็นคนปิดคดีนี้ด้วย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของคดีนี้ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เขาพลาดไปแน่ๆ เขามั่นใจ
   
“ตอนที่จ้าวโดนจับเธอคร่ำครวญร้องไห้ทะเลาะกับผมหนักจนไม่คุยกันเป็นเดือน เธอบอกว่าจ้าวไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้น เธอมั่นใจ”
   
“คุณเอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องงานเหรอ คุณอาทิตย์” จันทร์มองอาทิตย์ด้วยสายตาไม่พอใจนักอย่างไม่ปิดบัง “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่การที่คุณเอาความรู้สึกส่วนตัวมายุ่งกับคดีแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง”
   
“ผมยังเล่าไม่จบ” อาทิตย์พูดเสียงแข็ง “ลูกสาวผมก็มาวันแถลงข่าวจ้าว เธอบอกว่าหน้าจ้าวเหมือนคนที่โลกทั้งใบถล่มลงมา”
   
“คุณเล่าให้ผมฟังทำไม”
   
“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณผิดหวังในตัวจ้าวไหมตอนนั้น”
   
“…ผิดหวังสิ ผมเป็นน้องพี่จ้าวนะ” จันทร์สะอึกไปกับคำถามแต่ก็รีบพูดต่อเพื่อความแนบเนียน ทั้งๆ ที่ในใจนั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ความผิดหวังอะไรนั่นตายไปตั้งนานแล้ว “ผมมองพี่จ้าวอย่างชื่นชมมาตลอดนั่นแหละ ผมร้องเพลงไม่เป็น เพื่อนก็ไม่เยอะเท่าพี่จ้าว พี่จ้าวมีชีวิตที่น่าอิจฉากว่าผมจะตายไป”
   
“นั่นสินะ” อาทิตย์พูดอือออแต่ก็ยังรู้สึกแคลงใจกับคดีนี้อยู่ดี เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองควรเริ่มต้นจากตรงไหนเพราะทุกทางก็ดูเหมือนจะเลือนลางไปหมด คดีที่ถูกปิดลงอย่างง่ายดายในตอนนั้นกลายเป็นหมอกหนาจัดในวันนี้ การมีหลักฐานทุกอย่างครบครันทำให้ยากที่จะสืบหาความจริงๆ ที่อาจจะซ่อนอยู่ข้างใน
   
สาเหตุที่เขามาที่นี่นั้นส่วนหนึ่งก็เรื่องน้ำหอมโอเมก้าแต่อีกส่วนก็คืออยากจะสืบเรื่องจ้าวเพิ่ม ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงรู้สึกสงสัยคนที่ควรจะสงสัยคนสุดท้ายอย่างคุณจันทร์ แต่เพราะงานที่ผ่านมาหลายงานก็ถูกปิดคดีด้วยลางสังหรณ์ เขาจึงไม่กล้าทิ้งสมมุติฐานตรงนี้ไปแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากมากก็ตามที
   
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันครับ ได้เรื่องยังไงก็ติดต่อมาทางไลน์หรือโทรมาก็ได้ครับ ผมเปิดเครื่องตลอด”
   
เมื่ออยู่ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมานายตำรวจก็ผลุดลุกขึ้นทันทีเพราะยังมีคดีอีกมากมายที่รอการสะสางจากเขาอยู่ อีกอย่างเขาคิดหาหนทางสืบคดีนี้ต่อไม่ได้ มันยาก ยากกว่าทุกคดีที่เขาเคยทำมาด้วยซ้ำเพราะตัวฆาตกรยอมรับด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่คนอื่นอาจจะชอบเพราะปิดคดีได้ง่ายอีกทั้งยังได้ทั้งชื่อเสียงทั้งเงินจากการปิดคดีแต่เขาไม่ใช่ เขาไม่อยากให้ตัวเองทำงานผิดพลาดจนกลายเป็นความทุกข์ทรมานของคนอื่นตลอดชีวิต เขาไม่สนว่าใครจะเป็นผู้ต้องหา เขาไม่เคยคิดจะลำเอียงเพราะระบบชนชั้น สิ่งที่เขายึดมั่นมาตลอดคือความเที่ยงธรรมในงานเท่านั้น
   
เพราะเขาไม่อยากทำพลาดอีกครั้ง..
   
นัยน์ตาดุดันกระตุกวูบนึงอย่างเจ็บปวดซึ่งจันทร์ก็สังเกตเห็นแต่ไม่สนใจ
   
“ครับ ได้เรื่องผมจะติดต่อไปเอง”
   
อาทิตย์กลับมาได้สติเมื่อโดนทัก “งั้นผมขอตัวนะครับ” ผงกหัวน้อยๆ และสาวเท้าออกจากห้องทันที พยายามสลัดทิ้งคดีของอันเจ็บปวดที่ย้อนกลับมาในความทรงจำ ทิ่มแทงอกและตามตัวจนรู้สึกเหมือนเลือดไหลบ่าออกมาไม่หยุด ความเศร้าสลดเกาะกุมบริเวณร่างกายครึ่งบนตักเตือนในสิ่งที่นายตำรวจอาทิตย์ วิริยะ ต้องทำ
   
“ครับๆ ทราบแล้วครับ ผมจะพยายามครับ”
   
เพราะกำลังเดินอยู่กลางโถงโรงพยาบาลที่มีผู้คนเดินสวนไปมามากมายทำให้นายตำรวจได้แต่พูดพึมพำกับตัวเอง
   
“ผมจะไม่ทำพลาดอีกแล้วครับ”
   
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วกับร่างคุ้นตาในหัว
   
เป็นภาพภรรยาของเขาเองที่ร้องไห้จนหายใจไม่ทัน คร่ำครวญใส่เขาที่ทำคดีของเพื่อนสนิทของเธอด้วยอคติเรื่องชนชั้นจนในที่สุดเพื่อนสนิทของเธอของก็กระโดดตึกฆ่าตัวตายเพราะทนรับความผิดจากการจำคุกตลอดชีวิตไม่ได้
   
ถึงสังคมจะไม่ได้ประฌามเขาเพราะอีกฝ่ายเป็นโอเมก้าผู้ต่ำต้อยแต่เขารู้ดีว่าเขาผิดขนาดไหน
   
เขาทำให้คนอื่นตายทั้งเป็นและเขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับใครอีก

   

เพื่อความเป็นส่วนตัว เหมันต์จึงพาจ้าวมานั่งในห้องทำงานและสั่งห้ามรบกวนโดยเด็ดขาดเพราะเรื่องที่จะคุยกันนั้นสำคัญและใหญ่มากจริงๆ
   
ร่างที่ใหญ่กว่าอัลฟ่าทั่วไปนั่งโซฟาเดียวกับจ้าวทำให้จ้าวดูตัวเล็กลงไปถนัดตา จ้าวซึ่งยังอยู่ในชุดเดิมก็ยังคงแต่งตัวไม่เรียบร้อยนักตามความเคยชินในมือกอดผ้าห่มลายหมีบราวน์ที่มีกลิ่นอัลฟ่าอ่อนๆ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
   
“สรุปแล้วจันทร์เป็นคนทำจริงๆ ใช่ไหม”
   
เหมันต์มองจ้าวด้วยสีหน้าเป็นห่วง รู้สึกผิดหวังในตัวนายแพทย์หนุ่มที่ตอนนี้อนาคตรุ่งโรจน์สุดๆ ในด้านการงาน เรียกได้ว่าเดินไปที่ไหนไม่มีคนไม่รู้จักและไม่ยกย่อง จันทร์สามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยด้วยผลงานวิจัยที่ไม่เคยมีใครทำได้อย่างการเปลี่ยนอัลฟ่าเป็นโอเมก้าโดยมีพี่ชายของตัวเองที่กระทำผิดพอดีเป็นตัวทดลอง ทุกคนในตอนนั้นชื่นชมจันทร์มากที่ไม่สนใจว่าเป็นพี่ชายของตัวเองอีกทั้งยังให้ความสำคัญกับงานวิจัยมากกว่าจนทำให้ทุกอย่างสำเร็จ
   
“ครับ” จ้าวยอมรับด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ผมไม่ได้ฆ่าพริม”
   
“ฉันเชื่อ” เหมันต์ลูบหัวอดีตนักร้องดังที่เคยมีช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์เหมือนกัน “เล่าต่อสิ เล่าทุกอย่างเลย ฉันจะช่วยหาวิธีเอง”
   
สำหรับเหมันต์แล้วเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันช่างย้อนแย้ง ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องทุกอย่างจะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของน้องชายแท้ๆ ของจ้าวเอง มันโหดร้ายเกินไปทั้งบทลงโทษทำให้จ้าวกลายเป็นโอเมก้าและโดนสังคมรุมประฌามจนไม่อาจหวนคืนสู่วงการนักร้องได้อีก

มันเหมือนทำให้จ้าวตายทั้งเป็นอย่างทุกข์ทรมานมาตลอดห้าปีและนั่นก็สิ่งที่เขาอภัยให้ไม่ได้ !
   
“บอกตามตรงนะ จ้าว” นัยน์ตาสีเทาเย็นยะเยือกราวกับจะฆ่าฟันคนในห้วงความคิด “ฉันไม่สนหรอกว่าจันทร์มีเหตุผลอะไรในการทำเรื่องแบบนี้ แต่มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเธอ”

จ้าวมองเหมันต์อึ้งๆ ก่อนจะหลุดสะอื้นออกมา “ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดด้วยซ้ำ ฮึก รู้ตัวอีกทีทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว ผมรู้มานานแล้วล่ะว่าจันทร์ไม่ค่อยชอบผมแต่ผมก็พยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่จริง ไม่มีพี่น้องฝาแฝดคนไหนเกลียดกันหรอกขนาดผมยังไม่เกลียดจันทร์เลย”
   
ภาพในวันที่ตัวเองโดนล่ามโซ่แล้วร้องเพลงปรากฎในหัวจ้าวยิ่งทำให้จ้าวสะอื้นหนัก
   
“ผมรักน้อง รักมาก ฮึก ชื่อวงน้องก็เป็นคนตั้งให้ วันเกิดจันทร์ผมก็ให้ทุกปี ผมไม่เคยเกลียดน้องนะ ทำไมน้องเกลียดผมล่ะ ผมทำอะไรผิดไปเหรอ ทำไมไม่พูดล่ะ ทำไมต้องทำแบบนี้กับผมด้วย ผมเจ็บ เจ็บจนอยากตายแต่แม่งก็ไม่ตาย ผมอยากตาย ผมพยายามฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่เคยตาย ทุกครั้งก็มีคนช่วยผมทันหรือมันอาจจะเพราะจันทร์ไม่ยอมให้ผมตาย อยากให้ผมทรมาน อยากให้ผมตายด้วยน้ำมือของจันทร์เอง แล้วทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ ผมทำอะไรผิดวะ”
   
จ้าวพูดแทบไม่เป็นภาษาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวยอมเล่าเรื่องที่เก็บเอาไว้ในใจมานานห้าปีให้คนอื่นฟัง
   
เพราะมันดูโหดร้ายเกินกว่าที่คนเป็นฝาแฝดกันจะทำต่อกัน มันยากจะเชื่อที่คนที่ใช้เวลาร่วมกันในชีวิตมากกว่าคนอื่นๆ จะทำร้ายกันเอง สายสัมพันธ์ทางสายเลือดว่าแข็งแกร่งแล้วการเป็นแฝดที่มีดีเอ็นเอเดียวกันไม่ผิดเพี้ยนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า ในบางครั้งสองแฝดก็คล้ายจะสื่อสารกันรู้เรื่องโดยไม่ต้องพูดอะไรหรือเจอกันด้วยซ้ำ มันฟังอาจจะฟังดูน่าอัศจรรย์แต่ก็เป็นเรื่องจริง
   
หากแต่มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่เคยเข้าใจ
   
“ผมไม่รู้ทำไมจันทร์ถึงเกลียดผมถึงขนาดนี้”
   
จ้าวสะอื้นร้องไห้จนแทบหายใจไม่ทัน รู้สึกเจ็บปวดจนเหมือนเลือดในตัวนั้นถูกหล่อเลี้ยงด้วยความเจ็บปวดและน้ำตา ถึงเขาจะอยากได้ความยุติธรรมคืนมาแต่สิ่งที่อยากได้คืนมามากกว่าคือความรู้สึกเดิมๆ ที่เขาเคยมีให้กันในสมัยยังเด็ก ตอนที่เขากับจันทร์ยังรักกันและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากที่สุด จันทร์ยังเคยบอกเขาในตอนนั้นเลยว่าถ้าให้เลือกคนทั้งโลกเป็นเพื่อนคนเดียวจะเลือกจ้าวโดยไม่ต้องเลยล่ะ
   
เขาในตอนนั้นดีใจมาก เขายิ้มกว้าง เขากอดจันทร์
   
การเป็นฝาแฝดกันนั้นสำหรับจ้าวแล้วมันมีความหมายมากกว่าพี่น้องปกติ เราอยู่ด้วยกันมานานมากจริงๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว พอคิดแบบนั้นหัวใจในอกเจ็บจนรู้สึกทนไม่ไหว

จ้าวขยับตัวเข้าไปใกล้เหมันต์และกอดแขนของคุณเหมันต์ไว้แน่นเพื่อเตือนตัวเองว่ายังมีคุณเหมันต์อยู่ข้างๆ เขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในคุกที่ไม่มีใครสนใจไยดี เขาอยู่ที่นี่ อยู่คฤหาสน์ตระกูลกิลลาส ไม่มีโซ่ล่ามข้อมือข้อเท้าเขาแล้ว เขาควรเลิกหวาดผวากับการอยู่คนเดียวได้แล้ว
   
แต่จ้าวก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด ตอนที่อยู่ในคุกมันเป็นความทรงจำอันเลวร้ายมากจริงๆ ถึงแม้จะจากที่นั้นมาได้สักพักแล้วแต่อารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างตอนอยู่ที่นั้นก็ยังคงชัดเจนอยู่ในใจ
   
“พริมชอบผม ผมรู้ แต่ในสายตาผม พริมก็เป็นแค่เพื่อนคนนึงเท่านั้น ผมไม่ได้ชอบเธอแต่ทุกคนก็พยายามจะจับคู่ผมกับพริม บอกว่าอยู่ๆ กันไปเดี๋ยวก็ชอบเอง” แววตาของจ้าวเศร้าหมองเมื่อพูดถึงอดีตคู่หมั้นของตัวเอง “พริมเป็นคนร่าเริง นิสัยดีนะ แต่ผมก็ไม่ได้ชอบเธอ”

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ความเจ็บปวดระลอกใหม่ก็โถมเข้าใส่เพราะจ้าวจำสีหน้าผิดหวังของพริมได้ดี จำได้ถึงความพยายามในการพิชิตใจเขา จำได้ถึงความดีของพริมที่มีให้แต่ตัวเองไม่เคยคิดจะตอบรับเพราะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน สำหรับจ้าวแล้วต่อให้พริมพยายามอีกเป็นปีหรืออีกกี่สิบปี ความรู้สึกของเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เขาไม่ชอบพริม เพียงแต่ว่าพริมยังไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเขาก็เท่านั้น

มันเป็นเหตุผลง่ายๆ ที่ทำผู้คนนับหมื่นนับพันต้องเจ็บปวดต้องร้องไห้ในความผิดหวัง แต่มันก็คือความจริงที่ทุกคนควรยอมรับก่อนที่จะเจ็บปวดไปมากกว่านี้
   
“วันนั้นเป็นวันเกิดพริม พริมชวนผมให้ขึ้นไปหา จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยอยากไปหรอกแต่ปีที่แล้วผมก็ไม่ได้ไป ปีนี้ผมก็เลยขึ้นไปหาตอนประมาณทุ่มนึง” จ้าวหลับตาพยายามจินตนาการถึงวันนั้นเพราะระยะเวลาทำให้ทุกอย่างในความทรงจำเลือนลางไปหมด “พริมทำอาหารที่ผมชอบให้ผมกิน เป่าเค้กที่ผมซื้อไปให้ พริมบอกว่าดีใจมากที่ผมมาหาที่คอนโด เราคุยกันสนุกเลยล่ะจนกระทั่งพริมขอตัวไปอาบน้ำและผมก็ขอตัวกลับบ้าน”
   
เสียงของจ้าวเริ่มสั่นเครือ “แต่ยังไม่ทันออกจากห้องผมก็ถูกใครสักคนทุบหัวแต่ผมไม่สลบ ผมพยายามขัดขืนนะแต่พอโดนทุบอีกรอบก็สลบ” แขนสองข้างรวบกอดแขนเหมันต์ไว้แน่นเมื่อหัวใจในอกเต้นผิดปกติจนหายใจลำบาก “ผมตื่นมาอีกทีก็มีแต่เลือดเต็มไปหมด ฮึก พริมโดนแทงเยอะมากส่วนผมก็โดนแทงท้องเหมือนกัน ห้องทั้งห้องมีแต่กลิ่นคาว มันน่ากลัวจนผมสติแตกร้องลั่นจะขยับตัวก็เจ็บจนขยับไม่ได้ ผมพยายามจะขอความช่วยเหลือนะแต่ผมก็ทนเจ็บไม่ไหวเผลอสลบไปก่อน”
   
ห้องทั้งห้องที่เคยเปี่ยมไปด้วยความทรงจำดีๆ ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดราวกับถูกจิตรกรเสียสติสาดมันออกไปทุกทิศทุกทาง แทบจะทุกตารางนิ้วในห้องรับแขกไม่ว่าจะโต๊ะกินข้าว ทีวี โซฟา พรมหนัง แม้แต่ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวโปรดของพริมก็ถูกย้อมไปด้วยเลือด มันน่ากลัวเหมือนหนังฆาตกรโรคจิตหากแต่เรื่องทั้งหมดไม่ใช่หนัง มันเป็นเรื่องจริงที่ชวนให้คนที่ต้องทนแบกรับมันอยากกลายเป็นบ้าเพื่อที่จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก
   
จ้าวหัวเราะเสียงแผ่ว “พอตื่นมาทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น ผมโดนจับ โดนยัดข้อหา โดนทุกอย่างที่ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่พริมก็ตายไปแล้ว ไม่มีใครมาเป็นพยานให้ผมได้นอกจากตัวผมเองที่พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ตลกดีไหมล่ะ ฮึก ผมไม่ได้ทำสักหน่อย ทำไมถึงไม่เชื่อผมกันวะ”
   
สุดท้ายจ้าวก็ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาจนตัวโยนจนเหมันต์ต้องรวบตัวมากอดปลอบ จ้าวในตอนนี้ช่างเปราะบางเหมือนทุกครั้งที่มีคนจุดประกายเรื่องพวกนี้ขึ้นมา ความเจ็บปวดทั้งหมดเป็นของจริงแต่น่าเสียดายที่น้อยคนนักที่จะเชื่อจ้าว ไม่มีใครให้ค่าคำแก้ตัวของผู้ต้องหาที่มีหลักฐานครบครันอย่างจ้าว
   
“พี่เชื่อไง จ้าว” เหมันต์ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้จ้าวอย่างบรรจง ใบหน้าคมคายแฝงความจริงจัง “ต่อจากนี้เราจะมาหาหลักฐานกัน”
   
จ้าวควบคุมสีหน้าตัวเองไม่ให้ยู่ยี่ไม่ได้เพราะในอกมันเศร้ามากจริงๆ เขาพูดความจริงทุกอย่างแต่มันกลับไม่มีค่าพอที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองได้
   
“พี่จะช่วยจ้าวเอง” เหมันต์พูดเสียงนุ่มพยายามเช็ดตาน้ำตาที่ไม่มีท่าจะหยุดสักที “ยังไงมันก็ต้องมีหลักฐานเหลืออยู่ ไม่มีทางที่ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามแผนหรอก”
   
“ฮึก มันห้าปีแล้วนะ” จ้าวพูดเสียงเครือ “ทุกอย่างมันคงโดนลบไปหมดแล้ว คนอย่างจันทร์ไม่เหลืออะไรไว้หรอก”
   
“พี่บอกว่ามีก็มีสิ จ้าว” เหมันต์พ่นลมหายใจเมื่อมีคนดื้อดึง “แล้ววันนั้นคิดว่าเป็นจันทร์รึเปล่าที่ทำ”
   
คนโดนถามพยักหน้าหงึกๆ “อือ ผมมั่นใจว่าต้องเป็นจันทร์เพราะจันทร์คงไม่ไว้ให้ใครทำแทนตัวเองหรอก”
   
“งั้นที่พี่เดานะ” เหมันต์ลอบยิ้มในใจเมื่อแววตาจ้าวเริ่มมีประกายความหวังนิดๆ “ถ้าพริมมีบาดแผลเยอะขนาดนั้นก็ต้องเกิดการต่อสู้กันบ้างแหละ ตามตัวของจันทร์อาจจะมีรอยแผล”
   
สาเหตุที่เหมันต์คาดเดาอย่างนั้นเพราะบาดแผลที่ท้องของจ้าวมันดูชัดเจนเกินไปราวกับกำลังสร้างเรื่องราวให้ผู้พบเห็นว่าได้เกิดการต่อสู้ขัดขืนระหว่างเหยื่อและฆาตกรเพื่อเอาชีวิตรอด มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่จู่ๆ จ้าวจะโดนมีดแทงเข้าที่ท้องจนกลายเป็นแผลเป็นใหญ่ขนาดนี้
   
“…อือ” ร่างผอมเริ่มคล้อยตามผงกหัวเล็กๆ อย่างเชื่อฟัง “แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปดูตัวจันทร์ยังไงอยู่ดีหรือต่อให้เรามีรูปแผลของจันทร์ จันทร์ก็หาข้ออ้างได้อยู่แล้ว”
   
จ้าวยังไม่ลืมว่าน้องชายแท้ๆ ของตัวเองเป็นถึงแพทย์เกียรตินิยมของมหาลัยระดับต้นๆ ของประเทศ ระดับมันสมองในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคงจะสูงมากทีเดียวจนเขาจนปัญญาที่จะเผชิญหน้า
   
“แล้วจ้าวคิดว่าพริมตายทันทีรึเปล่า”
   
“เรื่องนั้น.. ผมไม่รู้หรอก” จ้าวพูดเสียงเบา “ตื่นมาก็เจอศพพริม ตำรวจ นักข่าว พ่อ แม่ จันทร์ บอกตามตรงว่าหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว ทุกอย่างมันเร็วไปหมด”
   
“มองโลกในแง่ดีนะ จ้าว” เหมันต์ยิ้มพยายามให้กำลังจ้าว “ถ้าเกิดพริมไม่ตายทันทีแล้วทิ้งหลักฐานอะไรไว้ล่ะ”
   
“พี่จะบอกว่าเหมือนไดอิ้งแมสเซจในโคนันหรอ”
   
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้เพราะยังไงพี่ก็เชื่อว่ามันต้องมีหลักฐานเหลืออยู่บ้าง” นัยน์ตาสีเทาของเหมันต์ลุกวาวราวกับแววตาของหมาป่าที่กำลังโกรธจัด “ต่อให้พยายามจะกลบเกลื่อนยังไงก็ต้องมีพลาดอยู่ดี หรือถ้าเราหาไม่เจอจริงๆ พี่ก็พอจะมีวิธีฉุกเฉินอยู่บ้าง”
   
“วิธีอะไรครับ” จ้าวเริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างจริงๆ จังๆ จากตอนแรกที่ไม่มีเลย ความจริงแล้วที่พูดในห้องกับคุณเหมันต์ก็ปากเก่งไปงั้น อยากพิสูจน์ความจริงให้ตัวเองนั่นแหละแต่ไม่มีปัญญาทำจริงหรอก
   
“ไปค้นห้องของจันทร์”
   
จ้าวสะดุ้งเฮือกตาเหลือกอย่างตื่นตระหนก “พี่จะบ้าเหรอ แค่เข้าหมู่บ้านผมยังทำไม่ได้เลยมั้ง”
   
“มันก็เลยเป็นวิธีฉุกเฉินไงจ้าว ทางเลือกสุดท้ายอะไรทำนองนั้น” ร่างสูงหัวเราะแล้วลูบหัวจ้าวอย่างมันเขี้ยว “ตอนนี้เราก็ลองหาหลักฐานที่พอจะหาได้ไปก่อน เดี๋ยวพี่ให้คนของพี่ไปดูกล้องวงจรปิดที่คอนโดพริมให้ ส่วนห้องของพริมจ้าวอยากจะไปเองหรือจะใช้คนของพี่”
   
ความจริงแล้วเหมันต์อยากใช้คนของตัวเองมากกว่าเพราะไม่อยากให้จ้าวเสี่ยงนักแต่ก็เคารพการตัดสินใจของจ้าว อีกทั้งถ้าจ้าวเป็นคนหาเองอาจจะหาอะไรเจอมากกว่าการส่งคนนอกไปหา
   
“เดี๋ยวผมไปเอง” จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงๆ ผมมีหลักฐานในโทรศัพท์นะว่าจันทร์โทรมาหาผมช่วงหกโมงถามว่าผมอยู่ไหนแล้ว เราคุยกันประมาณนาทีนึง ผมว่าจันทร์น่าจะโทรมาเช็คที่อยู่ผมอ่ะ”
   
“แล้วตอนนี้โทรศัพท์อยู่ไหน”
   
สีหน้าจ้าวเจื่อนลง “อยู่กับจันทร์ครับ จันทร์เอาไปตอนที่ผมจะโดนส่งไปอเมริกา ผมว่าคงลบทิ้งหมดแล้วล่ะ” พูดไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะสะดุ้งสุดตัวร้องลั่น “แย่แล้ว!! โทรศัพท์ผมยังไม่ได้ลบเบอร์คุณเหมันต์เลย!”
   
จ้าวร้องแว้กๆ สติแตกเขย่าไหล่คุณเหมันต์จนตัวโยนอย่างลืมตัว “ทำไงดี ผมว่าจันทร์ต้องรู้แน่ๆ เลยว่าคุณเหมันต์ช่วยผมถ้าเช็คในโทรศัพท์ ถึงผมจะไม่ได้โทรก็เถอะ แค่เม็มเบอร์ใหม่จันทร์ก็คงสงสัยแล้ว!”
   
“ใจเย็นๆ จ้าว ใจเย็นๆ”
   
เหมันต์รวบแขนจ้าวให้หยุดเขย่าร่างตัวเอง “เบอร์ที่พี่ให้จ้าวเป็นเบอร์พิเศษ เอาไปเช็คไม่ได้หรอกหรือต่อให้โทรมาพี่ก็ไม่รับอยู่ดี มีไม่กี่คนหรอกที่มีเบอร์ส่วนตัวของพี่”
   
ถึงจะกล่าวอย่างนั้นแต่ลึกๆ เหมันต์ก็กังวลไม่น้อยและอดตำหนิตัวเองไม่ได้ที่ไม่รอบคอบเอาเสียแล้ว ตอนนั้นก็แค่หวังดีอยากให้จ้าวโทรมาหาตัวเมื่อเดือดร้อนเท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึงจะกลายเป็นหลักฐานมัดตัวเขาเสียได้ ถึงโอกาสมันจะน้อยมากๆ ก็เถอะ ที่จันทร์จะรู้ว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ของใคร
   
และต้องขอบคุณสายเลือดในตัวเขาเองด้วยที่ทำให้เขาไม่ค่อยได้ปรากฎตัวในที่สาธารณะนัก คนภายนอกรู้มีเพียงชื่อและฐานะของเขาแต่ไม่เคยรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไงด้วยซ้ำ มีเพียงคนใหญ่คนโตจริงๆ ที่เขาเข้าไปพบเพื่อทำธุรกิจและถ่วงดุลกัน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ครอบครัวเขาที่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของมหาลัยเอกชนขนาดใหญ่ปิดปากเงียบมานานแล้วเมื่อนักธุรกิจหลายๆ คนเลือกที่จะนำผลกำไรมาลงทุนในด้านการศึกษาเพราะผลกำไรทั้งหมดนั้นล้วนไม่ต้องเสียภาษีสามารถนำเข้ากระเป๋าได้สบายๆ
   
มันเป็นความลับที่คนภายในไม่กล้าพูดและคนภายนอกไม่มีสิทธิ์พูดหรือแม้แต่จะรู้ ซึ่งหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดก็คือตระกูล ‘นฤภัทร’ เขามั่นใจว่าตัวเองคงจะพอหาลู่ทางเข้าไปใกล้คนระดับจันทร์ได้บ้าง
   
มันต้องสักทางบ้างแหละที่เขาจะลากคอมันออกมาได้

==============

เหมือนเป็นศึกระหว่างสองพี่น้องอ่ะ ใครจะหาใครเจอก่อนกัน 55555   :z2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ปมเยอะจัง  :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด