ตอนที่ 19
“หืม? จ้าวจำศีลงั้นเหรอ”
นั่นเป็นสิ่งที่แรกเหมันต์รับรู้หลังจากสติกลับมาครบถ้วน กลิ่นยาที่อวลอยู่ในห้องบ่งบอกถึงบาดแผลฟกช้ำตามตัวที่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงม่วงจนน่ากลัวทั้งๆ ที่ผนังเป็นเบาะนวมอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ร่างกายปลดปล่อยความเครียดที่สะสมอยู่ในตัวออกไปก็รู้สึกผ่อนคลายและแข็งแรงขึ้นมาก
สีหน้าของเหมันต์ตอนนี้จึงค่อนข้างสดชื่นแม้ว่าจะผ่านการคลุ้มคลั่งมาหลายวัน เหมันต์ลูบหัวเจ้าอีกาของจ้าวที่ตอนนี้แปรพักตร์มาอยู่กับเขาไปพลางๆ ระหว่างที่รอจ้าวฟื้น
เรียกได้ว่าสลับกันไร้สติเลยทีเดียว
แต่แน่นอนว่าหลังจากคลุ้มคลั่งครั้งนี้ไปก็อีกหนึ่งเดือนไม่ก็สองเดือนร่างกายถึงจะคลุ้มคลั่งอีกครั้ง เพราะร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก เหมันต์จึงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะเลิกเสพติดการรับฮอร์โมนอัลฟ่าสักที ราวกับเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตแต่ก็ต้องการมันเรื่อยๆ ถ้าหากไม่ได้รับนานๆ หรือรับน้อยเกินไปก็จะคลั่งอย่างที่เห็นซึ่งก็มีลักษณะไม่ต่างอะไรกับคนที่ติดยาเสพติดแล้วลงแดงนัก
แต่ถึงแม้จะรับฮอร์โมนปริมาณมากตามที่ร่างกายต้องการแต่เหมันต์ก็ยังคงคลั่งไร้สติอยู่ดี คล้ายกับว่าร่างกายกำลังประท้วงอย่างหนักถึงการนำเอาสิ่งประหลาดเข้ามาในร่างกายอย่างถือวิสาสะและเสี่ยงอันตราย มันตอบแทนเหมันต์ด้วยอาการคลุ้มคลั่งที่เหมันต์คุ้นเคยและเคราะห์ดีที่มันไม่เคยร้ายแรงมากกว่านั้น
“ครับ คุณจ้าวจำศีลแบบพวกโอเมก้ามาสี่วันแล้ว”
บอดี้การ์ดร่างใหญ่สัญชาติเยอรมันที่ควบตำแหน่งเลขาทำสีหน้าขึงขังเข้ากับฉายาที่ถูกคนอื่นๆ ตั้งว่า ‘พี่โหด’ ใบหน้าคมที่มีหนวดบางๆ ไม่ได้ดูหล่อเหลาแต่กลับทำให้ดูน่ากลัวราวกับจะถูกคนๆ นี้ขย้ำทั้งเป็น ผมสีทองถูกตัดสั้นและเซ็ตเรียบร้อยเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าเคร่งขรึม ชุดสูทเรียบกริบหัวจรดเท้าตามวิสัยที่มักจะเคร่งครัดกับทุกเรื่องเพื่อที่จะทำทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับคุณเหมันต์
เรียกได้ว่าถ้า ‘ไลอ้อน’ เป็นมือขวา
คนนี้ๆ คงจะเป็นมือซ้ายที่ถนัดมากของเหมันต์
“วันนี้ใช่วันที่ต้องปล่อยเพลงรึเปล่า?”
เหมันต์ถามเสียงขรึมรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเพราะวันนี้ก็นับว่าเป็นวันสำคัญอีกวันนึงสำหรับจ้าว โดยเฉพาะกับสังคมอันเน่าเฟะที่แทบจะไม่ยินยอมให้โอกาสใดๆ ให้จ้าวได้ปริปากเอ่ยขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง ถ้าหากพลาดวันนี้ไปคงจะไม่วายโดนเหยียบให้จมดินแม้ว่าเอ็มวีจะดีขนาดไหนก็ตาม
ออสตินตอบ “ปล่อยไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ”
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“ไม่ดีเท่าไหร่ครับ” ไม่ว่าเปล่าคนเป็นมือซ้ายหยิบแท็บเล็ตของตัวเองออกมาเปิดให้คุณเหมันต์ดูอย่างคล่องแคล่วเพราะพอจะรู้อยู่แล้วว่าคุณเหมันต์จะถามถึงเรื่องนี้ มีทั้งคลิป บอร์ด กระทู้ที่กล่าวถึงเพลงใหม่ของจ้าวและถูกสรุปออกมาเป็นแผนภูมิแท่งและตารางออกมาเพื่อจำแนกข้อมูลทั้งหมดให้คุณเหมันต์โดยเฉพาะ
เหมันต์ตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ๆ หลังจากดูเอ็มวีจบ
สำหรับเหมันต์แล้วนับว่าเนื้อเพลงของจ้าวนั้นนับว่าตรงกับประเด็นในสังคมมากจนน่ากลัว เหล่าอัลฟ่าที่ไม่ต่างอะไรกับหมาป่าบ้าอำนาจไล่ล่าฝูงแกะอย่างสนุกสนานเพื่อที่จะยืนยันในอำนาจของมันว่ายังดำรงอยู่และมีอยู่จริง
หากแต่เอ็มวีที่ได้นั่นกลับสวนทางโดยสิ้นเชิงเพราะเอ็มวีของจ้าวนั้นทำไม่เสร็จ ซีจีลูกแกะก็ทำออกมาได้ครึ่งๆ กลางๆ กลับนำมาใส่ในเอ็มวีจนองค์ประกอบในเอ็มวีเละไปหมด แม้จ้าวและคนอื่นๆ จะพยายามคุมภาพ แสง ทุกอย่างอย่างดีแต่เพราะเวลาที่ไม่เพียงพอและคนที่เป็นเจ้าของบทเพลงที่ไม่อยู่คุมทุกอย่างพอดีทำให้ทุกอย่างออกมาแย่อย่างน่าเสียดาย
ไม่เว้นแต่ท่อนฮุ้คที่จ้าวร้องได้เสียงอันทรงพลังที่สุดกลับถูกตัดต่อใส่ด้วยรูปลูกแกะตายด้วยท่าทางแปลกๆ มีเลือดไหลสองสามหยดทำให้มันดูตลกมากกว่าจะเศร้า ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นภาพของใบหน้าจ้าวที่กำลังแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมามากกว่า
ซึ่งเหมันต์ก็รู้ดีว่าถ้าจ้าวฟื้นขึ้นมาจะเศร้าขนาดไหน
การโต้กลับครั้งแรกของจ้าวล้มเหลว..
ถึงแม้เนื้อเพลงจะดีเลิศเลอให้ตายยังไงถ้าคนฟังเลือกที่จะมองข้อด้อยทุกอย่างก็จบ สิ่งที่จ้าวทำได้คือทำทุกอย่างให้ออกมาเพอร์เฟ็คเท่านั้นเพื่อที่จะป้องกันข้อครหาที่ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรกันบ้าง
หลังจากฟังเพลงซ้ำกรอสองสามรอบตามนิสัยปกติเสร็จก็อ่านที่ออสตินสรุปไว้อย่างกระชับเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องตัดมาเฉพาะข้อความและสิ่งที่เขาอยากรู้อยู่แล้วไม่มีพลาด การทำงานร่วมกันมาตั้งแต่อายุยี่สิบจนสามสิบสองไม่ใช่เรื่องตลก ออสตินรู้จักตัวเขามากกว่าตัวเขาเองเสียอีก
แต่ก็ใช่ว่าจะมีทุกเรื่องที่ออสตินรู้..
เหมันต์ลอบวางแผนใจที่จะเซฟรูปของจ้าวตอนเปิดตัวเอ็มวีเพราะรูปนั้นน่ารักมาก ถึงแม้จะทำสีหน้าขึงขังในธีมหมาป่าแต่ในสายตาเขาจ้าวก็คือจ้าวอยู่ดี อย่าลืมว่าเขาเป็นแฟนคลับตัวยงของจ้าว ย่อมไม่ได้ชอบแค่เสียงอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นคงจะไม่ติดตามมานานขนาดนี้
หากแต่อารมณ์ดีได้ไม่นานนักก็ขมวดคิ้วฉับกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพลงแต่เกี่ยวข้องเต็มๆ กับจ้าว
“ข่าวพวกนี้มาจากไหน”
ใบหน้าของเหมันต์ไร้อารมณ์สร้างบรรยากาศชวนให้อึดอัดใจซึ่งออสตินก็เพิ่งจะชินกับมันไม่กี่ปีมานี้
“ดารานิวส์ครับ สำนักข่าวเดียวกับที่เล่นข่าวคุณจ้าวเมื่อสามปีที่แล้ว” ออสตินรีบตอบเพื่อป้องกันไม่ให้บรรยากาศชวนอึดอัดไปมากกว่านี้ “สำนักข่าวนี้ชอบเล่นข่าวดาราเป็นพิเศษ เห็นว่ามีพวกที่จ้างให้ทำข่าวด้วยครับ”
“เคยมีคนของเราเคยโดนสำนักข่าวนี้เล่นไหม”
“ไม่เคยครับ”
“งั้นก็ทำให้มี” เหมันต์พูดนิ่งๆ ไม่ขยายความมากกว่านั้นเพราะรู้ดีว่าออสตินรู้ตัวเองดีว่าต้องทำอะไร ยื่นแท็บเล็ตคืนให้ออสตินและหยิบโน๊ตบุ๊คของตัวเองขึ้นมาเช็คตารางงานต่อหลังจากหายไปซะหลายวัน
ออสตินโค้งตัวรับคำสั่งอย่างนอบน้อมด้วยรอยยิ้มพอใจเพราะชอบงานสนุกๆ ที่หาได้ยากแบบนี้อย่างยิ่ง หน้าที่ของเขาส่วนใหญ่จะเป็นงานจิปาถะซ้ำไปซ้ำมาไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้น การทำอะไรเกิดเรื่องขึ้นจึงเหมือนเป็นการเล่นสนุกของเขาในวันทำงานเลยทีเดียว
ไม่รอให้เสียเวลารีบเดินเข้าห้องทำงานและหยิบโน๊ตบุ๊คเปิดโปรแกรมโทรหาแบบไร้ตัวตนทันที รอสายได้สักพักปลายสายก็รับและได้รับคำทักทายเสียงแหลม
(สวัสดีค่ะ คุณน้อง โทรมามีอะไรพี่รับใช้จ๊ะ)
เสียงทุ้มที่ถูกดัดจนฟังแปร่งหูบ่งบอกถึงเพศสภาพของปลายสายและบอกอีกว่าคนปลายสายนั้นคุ้นเคยกับเบอร์แปลกหน้าขนาดไหน แม้จะไม่รู้ว่าใครโทรมาแต่ก็รับทันทีเพื่อโอกาสในการหาเงินที่อาจจะได้เยอะกว่าการนั่งเทียนเขียนข่าวเอง
“ผมอยากจะให้คุณเขียนข่าวของคุณส้มที่เป็นตัวประกอบช่องเก้าสิบเก้าครับ”
ออสตินตอบนิ่งๆ สำเนียงไทยชัดเจนไม่ปิดบังเสียงเพราะมั่นใจว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางหาตัวเองเจอแม้จะค้นหาทั้งชีวิตก็ตาม
(อ๋อ น้องส้มฉุนเหรอจ๊ะ ได้จ๊ะ แต่พี่ว่าน้องเขาไม่ค่อยดังนะ เขียนข่าวไปอาจจะไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไหร่)
“ผมให้คุณห้าแสนถ้าคุณทำให้ข่าวนี้ดังได้พอๆ กับข่าวของจ้าว”
นี่คือการเล่นสนุกของบอดี้การ์ดหน้าโหดประจำตัวคุณเหมันต์ การปั่นหัวคนให้เล่นไปตามเกมของตัวเองด้วยการโยนเหยื่อล่อชิ้นโตและล่อให้มันมาติดกับอย่างโง่เขลา ซึ่งส้มฉุนก็คือคนของเหมันต์อีกที การออกเข้าสู่โลกแสงสีก็แค่การเข้าไปสืบข่าวคราวและทำประโยชน์ให้กับคุณเหมันต์เท่านั้น ซึ่งออสตินค่อนข้างมั่นใจว่าส้มฉุนต้องเข้าใจจุดประสงค์มือซ้ายของคุณเหมันต์อย่างเขาแน่นอน
(คุณน้องงง แล้วคุณจะให้คุณพี่เขียนว่าอะไรล่ะจ๊ะ น้องส้มฉุนทำตัวเด็กดี้เด็กดี พี่เคยจะเขียนตั้งหลายรอบก็เขียนไม่ลงเพราะไม่รู้จะเขียนอะไร หรือถ้าคุณน้องมีภาพหรือคลิปหลุดก็ส่งมานะ คุณพี่จะทำให้ดังกว่าข่าวจ้าวอีก!)
“อ๋อ ผมไม่มีหรอกครับ” ออสตินยิ้มผยอง “แต่ถ้าคุณทำให้มันดังได้เท่าข่าวจ้าว ผมจะเพิ่มเงินให้อีกห้าแสน”
เขาจะปล่อยให้มันตายใจกับเหยื่อในมือ ปล่อยให้มันจ้องเหยื่อจนน้ำลายสอและแทะเลียอย่างหิวกระหาย
(ได้ค่ะ คุณน้อง เชื่อมือพี่ได้เลย! ขอมัดจำสองแสนด้วยนะน้อง)
“แน่นอนครับ” ออสตินไม่ลังเลจะโอนเงินออกไปทันทีด้วยบัญชีที่ตรวจสอบไม่ได้แต่เงินเข้าจริง
(ว๊าย พูดปุ๊ปมาปั๊ป คนจริงมากค่ะน้อง เดี๋ยวพี่เขียนข่าวให้นะ แต่พี่ขอถามน้องหน่อยนะว่ามีแฟนหรือยัง พี่ยังโสดนะ)
“ผมมีลูกสามคน” ออสตินโกหกเพื่อตัดบทเพราะเริ่มจะรำคาญ “ในส่วนที่เหลือผมจะโอนให้เมื่อคุณเผยแพร่มัน”
(ได้ค่ะ คุณน้อ---)
พูดยังไม่ทันจบคนเป็นบอดี้การ์ดก็ตัดสินใจตัดสาย รู้สึกเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยังรู้สึกสนุกอยู่ เพราะตั้งใจจะถอนทุนกลับมาเพิ่มให้ได้สักยี่สิบสามสิบเปอร์เซ็น
นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประระริกตื่นเต้นราวกับเสือที่กำลังเล่นกับกระต่ายตัวน้อยที่กำลังกินแครอทที่มันวางไว้อย่างตะกละตะกลามโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าชีวิตครึ่งนึงของมันแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้ว
หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่เสืออย่างเขาต้องการ เขาก็จะบังคับให้มันคายเหยื่ออันล้ำค่าออกมา ใช้มีดกรีดตัวเมื่อมันขัดขืน ใช้ตะขอเหล็กเกี่ยวคอเมื่อมันร้องขอชีวิตและเลาะกระดูกมันออกมาทีละท่อนจนกว่านายใหญ่แห่งตระกูลกิลลาสจะพอใจ!
การหยุดงานแบบไร้สติสำหรับเหมันต์แล้วไม่เรียกว่าเป็นการลาพักร้อนเพราะมันไม่มีความเพลิดเพลินเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งพอกลับมาก็พบว่ามีงานรออยู่มากมายเหลือเฟือ มีทั้งเอกสารขอซื้อตลาดที่เขาคุมอยู่อย่างดื้อดึงทั้งๆ ที่ปฏิเสธไปแล้วหลายครั้งเพราะที่ดินผืนนี้มีอีกนับพันชีวิตที่กำลังพยายามตรากตรำหาเลี้ยงตัวเองอยู่ ถึงสาเหตุหลักที่ไม่ขายคือเป็นสมบัติประจำตระกูลแต่สาเหตุรองก็ยังเป็นเพราะเป็นห่วงคนที่เช่าอาศัยพื้นที่ดินเหล่านี้ของเขา ค่าเช่าราคาสมเหตุสมผลไม่โก่งราคาจนเกินไปและตั้งอยู่ใจกลางเมืองนอกจากซ่องนกพิราบเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีที่ไหนแล้ว
แต่เหนือสิ่งอืนใดนั้นก็มีเอกสารอื่นๆ ที่รอเขาพิจารณาอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ออสตินจะคัดกรองเฉพาะที่สำคัญมาให้บ้างแล้วก็ถือว่าเยอะอยู่ดีสำหรับการทำงานวันเดียว ทั้งๆ ที่อยากนอนอยู่เฉยๆ สักเดือนแต่ก็ทำไม่ได้เพราะบ่วงรัดคอคำว่าประธานบริษัทรัดคออยู่ ความเกียจคร้านรังแต่จะทำให้บริษัทล่มจม เขาไม่มีวันยอมให้บริษัทที่ตระกูลกิลลาสใช้เวลาหลายรุ่นในการสร้างมันขึ้นจนรุ่งเรืองต้องมาจบลงที่เขา
ไม่สิ โดยเฉพาะกับ ‘เขา’ ที่ซุกซ่อนความลับอันน่าอับอายเอาไว้
เหมันต์สูดหายใจลึกและผ่อนออกมาเรียกสมาธิและเริ่มต้นอ่านเอกสารอย่างรอบคอบ แต่สิ่งที่หยิบขึ้นมากลับไม่ใช่ปึกเอกสารอย่างที่เหมันต์คิด
สิ่งที่อยู่ในมือของเหมันต์คือเอกสารสรุปประเด็นร้อนของจ้าวในช่วงนี้ที่ออสตินจงใจทำขึ้นมาและนำมาวางไว้ส่วนบนสุดของเอกสาร เพราะเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปหลายวันแล้ว ข่าวของจ้าวจึงซาลงจนเหมันต์ที่ลองเช็คข่าวจ้าวคร่าวๆ ไม่ทันเห็นแต่พอได้เห็นก็ไม่ได้รู้สึกดีอยู่ดี
ทุกข่าวที่เขียนถึงจ้าวนั้นล้วนแต่เป็นการป้ายสีและแต่งเติม ดูโหดร้ายป่าเถื่อนราวกับว่าจ้าวไม่ใช่คนแต่เป็นเศษเดนไร้ค่าที่สามารถระบายอารมณ์ใส่ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย หัวข้อข่าวว่ารุนแรงแล้วผลตอบรับนั้นรุนแรงกว่า จ้าวในสายตาคนพวกนั้นก็เป็นแค่คนที่พยายามจะตะเกียกตะกายขึ้นมาหาฝั่งทั้งๆ ที่กำลังถูกคลื่นซัดโถมกลืนกินและถูกฉุดกระชากลงไปอยู่ใต้ทะเลด้วยมือนับพัน
“…”
เหมันต์พูดอะไรไม่ออกกับสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้ รู้สึกสิ้นหวังเพราะแทบทุกคนที่จะเป็นแบบนี้ไปหมดแล้ว ความดีที่จ้าวเคยทำหายไปหมดกับการกระทำผิดเพียงครั้งเดียวที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นคนลงมือเองรึเปล่า แต่ทุกคนเชื่อว่าจ้าวทำและลงทัณฑ์ด้วยตัวเองผ่านสื่อออนไลน์ราวกับเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมในสังคม
มันทำให้เขานึกถึงเอ็มวีของจ้าวขึ้นมา ซึ่งจ้าวในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับแกะอ่อนแอที่ไม่มีกำลังแม้จะหายใจแต่ก็ถูกเหล่าหมาป่าเอาปืนจ่อเข้าที่รอบลำคอและตามลำตัวจนไม่มีบริเวณใดบนร่างกายที่จะไม่โดนกระสุนถ้าพวกหมาป่าคิดจะลั่นไกปืน
‘มนุษย์ช่างโหดร้าย’
พ่อของเขาเคยบอกไว้แบบนั้นและลูบหัวเขาเบาๆ
‘เหมันต์อย่าเป็นแบบนั้นนะลูก’
ทั้งๆ ที่พูดแบบนั้นแต่กลับเป็นแบบนั้นซะเองเมื่อพบว่าสายเลือดของเขาไม่ใช่สายเลือดสูงส่งอย่างอัลฟ่าพิเศษตามที่พ่อและคนอื่นๆ ในตระกูลต้องการ
‘เพี๊ยะ!!!’
เขาโดนตบหน้าเมื่อเข้ามาในห้องทำงานของพ่อ สายตาที่มองเขานั้นสั่นระริกมีทั้งความสับสนกังวลทุกอย่างผสมปนเปไปหมด แปลกมากที่วันนั้นเขาไม่ร้องไห้แม้ว่าจะแก้มจะเจ็บจนชา
‘ทำไมแกไม่เป็นอัลฟ่าวะ!’
เขาให้คำตอบพ่อไม่ได้พอๆ กับที่พ่อหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เปอร์เซ็นการที่เขาจะเป็นอัลฟ่าพิเศษนั้นสูงมาก รองลงมาคืออัลฟ่าและมีโอกาสอีกเพียงน้อยนิดที่จะเป็นโอเมก้าและอีกศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นเป็นเบต้า
‘ต่อไปนี้ห้ามออกไปข้างนอกกับพ่อนะ’
จากที่ได้ออกไปดูงานข้างนอกกับพ่อบ่อยๆ เขาเริ่มถูกซุกซ่อนไว้เบื้องหลังพร้อมๆ กับตัวตนที่เริ่มจะจางหายไปเมื่อผ่านไปหลายปี เขาโตขึ้นเรื่อยๆ กับร่างที่สูงใหญ่กว่าอัลฟ่าปกติและแสดงอัตลักษณ์ของอัลฟ่าพิเศษออกมาทั้งหมด ทั้งร่างกาย สติปัญญาที่ดีกว่าอัลฟ่าทั่วไปและความสามารถในการคาดเดาที่ค่อนข้างแม่นยำ
‘แกเหมือนพ่อมาก’
เขาไม่ได้ตอบอะไรพ่อทำเพียงแค่ยืนนิ่งรอรับคำสั่งราวกับหุ่นยนต์จักรกลไร้อารมณ์ ต่อให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปยังไงในสายตาพ่อเขาก็เป็นเพียงแค่ลูกที่น่าผิดหวังเท่านั้น พ่ออาจจะไม่ได้เกลียดเขาแต่ก็ไม่ได้รักเท่าเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใบไม้อายุครบจนสามารถตรวจเพศได้ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นอัลฟ่า ถึงจะไม่ใช่อัลฟ่าพิเศษแบบพ่อแต่ก็ยังเป็นอัลฟ่าอยู่ดี ดูน่าคาดหวังอย่างยิ่งแต่พ่อก็ลงทุนกับเขามานานเกินว่าจะเปลี่ยนไปปั้นน้องของเขา
ใช่ เขาคือผลผลิตจากผลกำไรของเครือบริษัทตระกูลกิลลาส เงินทุกบาททุกสตางค์ถูกนำมาลงทุนในการวิจัยให้เขาสามารถกลายเป็นอัลฟ่าได้เพราะแท่นประธานบริษัทของตระกูลกิลลาสไม่ต้อนรับเบต้าและโอเมก้า มีเพียงอัลฟ่าเท่านั้นที่สามารถยืนได้อย่างภาคภูมิเสมอกับบริษัทอื่นๆ ที่มีอัลฟ่าเป็นแกนนำหลักเช่นกัน
ทุกอย่างดำเนินมาอย่างยาวนานและดำเนินต่อไปแม้ว่าคุณศตคุณจะเสียชีวิตไปแล้ว โครงการวิจัยของเขาก็ยังคงดำรงอยู่และพยายามสุดความสามารถที่จะทำให้เขาเป็นอัลฟ่าได้ตามที่พ่อของเขาต้องการ ทั้งๆ ที่เขาจะพยายามล้มเลิกโครงการแต่ร่างกายก็ต่อต้านจนต้องทำมันต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมายว่ามันจะจบสิ้นวันไหน
ความเครียดที่เริ่มสะสมกระตุ้นให้เหมันต์ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ประจำตำแหน่งตัวเองและนวดขมับอย่างเหนื่อยอ่อน ไหล่แข็งแรงสองข้างเครียดเขม็งจนรู้สึกปวดไปทั้งตัว
“ถ้าไม่มีระบบชนชั้นบ้าๆ นี่ก็คงจะดี”
เหมันต์บ่นกับตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก เรื่องทั้งหมดที่เกิดจากตัวเขาและตัวจ้าวนั้นก็เป็นเพราะระบบชนชั้นทั้งนั้น ถ้ามันหายไปได้ก็คงจะดี จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บปวดกับความอยุติธรรมอย่างชอบธรรมนี่อีก
มือหนาหยิบโน๊ตบุ๊คตัวเองมาวางบนตักและกรอกคำสั่งให้กับมือขวาของตัวเองที่ตอนนี้น่าจะว่างขนาดที่พาลูกออกไปเที่ยวได้ทุกวัน
{ GILLAS SECRET GROUP}
BOSS : ไลอ้อน
เหมันต์ขมวดคิ้วเมื่อมีคนอ่านแล้วสองคนซึ่งก็คือมือขวาและมือซ้ายของเขาแต่ไอ้คนโดนเรียกกลับไม่ยอมตอบ ต้องรอหลายนาทีกว่าคนที่ต้องการจะตอบกลับมา
LION KING : มีอะไรให้รับใช้ครับ นายท่าน แต่ของานไม่เยอะนะครับ วันนี้มีนัดพาลูกเมียไปกินข้าวเย็นครับ
แน่นอนว่าเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเหมันต์ไม่ได้สนใจนักเข้าประเด็นทันทีเพราะงานก็กองอยู่เป็นปึก
BOSS : เคลียร์ข่าวแย่ๆ ของจ้าวให้หมด
LION KING : น้อมรับบัญชาครับ
หลังจากสั่งการเสร็จก็เข้าสู่โหมดทำงานต่อ ถึงจะไม่ได้คาดหวังว่าจะข่าวของจ้าวจะถูกลบหรือหายไปจนหมดแต่ก็อยากให้มันน้อยลงสักนิดก็ยังดี
เขาไม่อยากเห็นจ้าวต้องร้องไห้อีกแล้ว..
บางครั้งเหมันต์ก็สงสัยตัวเองว่าบ้างานเกินไปรึเปล่าเพราะทำไปจนหมดกองและรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นวันใหม่แล้ว ความเหนื่อยล้าเกาะกุมตามร่างกายจนแทบไม่อยากขยับตัว ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับร่างกายยอมเดินไปทิ้งตัวใส่โซฟาและหลับมันตรงนั้นไม่สนใจมาดใดๆ เพราะเหนื่อยมากจริงๆ ข้าวปลาก็ไม่ได้สั่งมากินจนหิวโซไปหมดแต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคืออยากนอนมากกว่า
“ฮื่อออ”
เหมันต์คำรามในลำคออย่างง่วงงุน วางขาที่ยาวเกินโซฟาบนพนักพิงและหยิบหมอนอิงมาหนุน นอนย้วยไปสักพักจนความง่วงซาลงก็พยายามลุกขึ้นมาและย้ายสารร่างของตัวเองไปห้องใต้ดินเพื่อเปลี่ยนที่นอน
ระหว่างทางเหมันต์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาถึงห้องของจ้าวได้ไงเพราะง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้นอีกทั้งสีหน้าของเขาตอนนี้คงจะน่ากลัวมากจนคนที่เห็นเขายอมหลีกทางให้แต่โดยดี
“จ้าว”
เหมันต์เรียกทั้งๆ ที่หาวหวอดจนเสียงเพี้ยน ขยับเข้าไปนั่งบนเตียงของจ้าวอย่างถือวิสาสะเพราะง่วงจนขี้เกียจยืน
แน่นอนว่าจ้าวไม่ตอบเพราะอยู่ในสภาวะจำศีลและหลับลึก ท่าทางการนอนที่ดูผ่อนคลายทำให้เหมันต์อดยิ้มไม่ได้เพราะจ้าวตอนนี้ก็ดูไม่ต่างอะไรจากเด็กขี้เซา
“ฝันดีเหรอ”
เหมันต์ลูบหัวจ้าวที่หลับตาพริ้มและยิ้มน้อยๆ ราวกับเด็กที่กำลังฝันหวาน แขนที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มซึ่งเคยมีรอยช้ำกระจายตามตัวไปหมดตอนนี้แทบไม่มีแล้ว มีแต่ลำคอจ้าวที่ยังคงเป็นแผลเสียดสีจากปลอกคอเหล็กที่มีทางเดียวที่จะหายคือถอดมันออก
นัยน์ตาสีเทาจดจ้องปลอกคอจ้าวก่อนจะนิ่งคิดว่าพอจะมีทางไหนที่จะเอาปลอกคอนี่ออกไปได้ไหมซึ่งนอกจากตัดมันออกเขาก็คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว
คิดไปคิดมาสุดท้ายเหมันต์ก็พ่ายแพ้ให้กับความง่วงของตัวเองเลยตัดสินใจโยนเรื่องทุกอย่างในหัวทิ้งแล้วไปนอนบนโซฟายาวที่ตั้งอยู่ในห้องแทน แน่นอนว่ามันสั้นกว่าขาของเขาเกือบครึ่งแต่เหมันต์ไม่สนนอนทั้งอย่างนั้นเพราะขี้เกียจเกินกว่าจะลุกแล้ว แค่เดินมาถึงห้องจ้าวได้ก็นับเป็นเรื่องน่าตกใจที่สุดของเขาในรอบปีแล้วจริงๆ
เหมันต์งัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เข้าช่วงบ่ายของวันและสิ่งแรกที่อยู่ในสายตาก็คือจ้าวที่เอาเก้าอี้มานั่งตรงข้ามตัวเองกำลังเล่นโน๊ตบุ๊คด้วยท่าทีเคร่งเครียดแต่ชุดที่ใส่กลับดูเป็นกันเองมากจนเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
“ตื่นแล้ว? หือ” เหมันต์เหมือนเมาความขาวของจ้าวที่ใส่เสื้อแบบไม่ติดกระดุมบางเม็ดจนเห็นอะไรต่อมิอะไรและกางเกงขาสั้นที่แทบจะทำให้เห็นยันน่องขาที่มักจะปรากฎรอยช้ำแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
ซึ่งภาพนี้เหมันต์ก็เคยเห็นมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงไม่เหมือนเดิมก็ไม่รู้ มันรู้สึกพลุกพล่านแปลกๆ
“ตื่นแล้วครับ” จ้าวเงยหน้ายิ้มให้เหมันต์ทันทีโดยไม่ต้องคิด “ตื่นตั้งแต่เช้าแล้วครับ เห็นณิชาบอกว่าคุณเหมันต์สลบตั้งแต่เมื่อวานผมเลยไม่กล้าปลุก”
เหมันต์ครางรับในลำคอ “แล้วดูอะไรอยู่”
จ้าวหัวเราะแห้งๆ ยิ้มเจื่อนลงไม่กล้าสบตาคุณเหมันต์ “ก็กระแสตอบรับนั่นแหละครับ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“รู้สึกยังไงบ้าง”
ร่างสูงรีบถามด้วยความเป็นห่วง ที่สั่งไลอ้อนไปอย่างมากก็ลบได้แค่ข่าวเท็จ พวกกระแสตอบรับเพลงแบบนี้เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมจริงๆ เพราะมันเป็นความจริงที่ปรากฎอยู่ตำตา
“ก็ไม่ดีเท่าไหร่ครับ มันแย่”
เหมันต์สัมผัสได้ทันทีถึงกระแสอารมณ์ของจ้าวที่เริ่มจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงและจ้าวก็คงจะกลับไปสู่วังวนเดิมทั้งๆ ที่พยายามจะตะเกียกตะกายออกมาแทบตาย ไม่มีใครอยากให้งานที่ตัวเองทุ่มเทและตั้งใจทำต้องล้มเหลว โดยเฉพาะกับเพลงแรกที่ใช้สำหรับเปิดตัววงใหม่ของจ้าว
ร่างหนาขยับเข้าไปใกล้จ้าวทันทีเตรียมจะดึงมือมากุมหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้นที่สามารถทำให้จ้าวรู้สึกอบอุ่นเพราะกลัวว่าจ้าวจะแตกสลายอีก เขาไม่อยากเห็นจ้าวร้องไห้จะเป็นจะตายอีกแล้ว มันเจ็บปวดเกินไปจริงๆ
“แต่คุณเหมันต์ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ”
ผิดไปจากที่คาดประมาณพันเท่า เหมันต์กระพริบตาปริบเหมือนหมีงงเมื่อจ้าวยิ้มสดใสให้ตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและรู้สึกด้วยว่านี่ไม่ใช่การเสแสร้งเพื่อปกปิดอารมณ์เศร้า
“เพิ่งเพลงแรกเอง ไม่มีวงไหนเขาร้องอยู่เพลงเดียวหรอกครับ” จ้าวหัวเราะเพราะสีหน้าเหวอๆ ของคุณเหมันต์ตลกมาก สงสัยจะคิดว่าเขาจะร้องไห้เป็นเผาเต่าอีกแต่บอกเลยว่าเรื่องเกี่ยวกับวงการเพลงแล้วเขาเป็นคนนึงเลยที่เจ็บมาเยอะจนแข็งแกร่งในวงการนี้มาก “สิ่งที่ผมต้องทำก็แค่แก้ไขมันครับ ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยผมก็รักษาคำพูดที่ว่าจะปล่อยเพลงแต่ก็ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะปล่อยแบบสมบูรณ์”
“…อืม”
เหมันต์ยังคงมึนๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะง่วงหรือตกใจที่จ้าวเข้มแข็งกว่าที่คิด
“แต่ผมมีสิ่งที่จะทำหลังจากทำเพลงแรกเสร็จครับ” จ้าวหุบยิ้มเมื่อเข้าสู่เรื่องที่ต้องจริงจังเพราะเขาก็นั่งตกผลึกมาตั้งแต่เช้าแล้วว่าควรเสี่ยงดีไหม
“ห้ามอันตราย” เหมันต์มองจ้าวดุดันอย่างผิดวิสัยเพราะเริ่มคาดเดาได้ลางๆ ว่าจ้าวกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว มีไม่กี่อย่างหรอกถ้าไม่ใช่เรื่องร้องเพลงและเรื่องครอบครัว
“โห สมฉายาพ่อมดเลยนะครับ” จ้าวหัวเราะคิก “ใช่ครับ ผมจะไปหาหลักฐานมาจับตัวจันทร์ด้วยตัวเอง”
=================
คนพี่เริ่มออกล่าแล้ว คนน้องว่าไง