{OMEGAVERSE} ║PREY เหยื่อ ◑║ แจ้งข่าวรวมเล่ม p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {OMEGAVERSE} ║PREY เหยื่อ ◑║ แจ้งข่าวรวมเล่ม p.10  (อ่าน 48130 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้ยยยยย พี่เหมันต์คนหื่น จ้าวช้ำหมดแล้ว 555555

ว่าแต่โครงการที่จันทร์ทำมันจะส่งผลดีใช่ไหม

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ขนาดของมันไม่ได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเลยสักนิด....   :katai1:


ถ้าจะเค็มน้ำตา  ขอให้เป็นน้ำตาแห่งความสุขนะจ้ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สองคนนี้ดูมีความสุขมากก :katai2-1:

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
อ่านไปก็เจ็บปวดไป สงสารจันทร์มากจริงๆ
อยู่กับคนที่ไม่สนคนอื่นไม่กี่ชั่วโมงก็ว่าแย่แล้ว
แต่นี่จันทร์ต้องมาทนกับคนแบบนี้ทั้งชีวิต คงจะเจ็บเจียนตาย

ส่วนคุณเหมันต์ต้องบำรุงจ้าวเยอะๆนะเนี่ย
คือน้องเจ็บตัวมามั้ย ยังจะมาซ้ำเติมทั้งร่างกายและจิตใจให้ทำงานนักอีก
ที่ถามว่าชายหรือหญิงน่ะหยุดเลยค่ะ ถ้าจะทำน้องหนักขนาดนี้ก็ขอแฝดไปเลยดีกว่า ><

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เป็นตอนที่แฮ๊ปปี้ที่สุดแล้ว 5555555

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะเป็นไบโพล่า แล้ว คับ..  :hao5:
เด่วเครียด เด่วนอยด์ เด่วน้ำตาไหล เด่วเศร้า เด่วลุ้น
เด่วหื่น เด่วหวาน เด่วเขิน.. อร๊ายยยย..  :hao7:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เพิ่งตามอ่าน สนุกมากเลยค่า และก็เครียดมากด้วย5555

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 33
   

กลิ่นหอมกรุ่นของข้าวต้มทำให้จ้าวพยายามเดินไวขึ้นเพื่อไปนั่งตรงข้ามกับคุณเหมันต์ที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดกับโน๊ตบุ๊คในมือ จ้าวอยากจะถามถึงสาเหตุแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความหิวโหยจึงไม่รอช้าที่จะตักข้าวต้มกินทันที
   
อย่าลืมว่าเขาไม่ได้กินข้าวอย่างจริงจังมาหลายอาทิตย์แล้วนะ..
   
“อร่อยไหม”
   
“อือ”
   
จ้าวตอบรับอย่างขอไปที รู้สึกหิวจนตาลาย ถ้ายังไม่มีอาหารตกถึงท้องเร็วๆ นี้ เขาต้องเป็นลมหรือไม่ก็แห้งตายแน่ๆ เพียงชั่วพริบตาข้าวต้มหมูในถ้วยก็หมดและร่างผอมก็ยังไม่รู้สึกอิ่มนัก จึงจ้องถ้วยที่อยู่ตรงหน้าเหมันต์อย่างกดดัน
   
“…”
   
จ้าวเริ่มขมวดคิ้วเมื่อจ้องมานานแล้วเจ้าของถ้วยที่ยังไม่ได้แตะต้องแม้แต่คำเดียวก็ยังไม่สนใจ
   
“คุณเหมันต์”
   
“เรียกใหม่” เหมันต์พูดทั้งๆ ที่ไม่ได้ละสายตาจากจอสักนิด
   
“พี่เหมันต์” จ้าวรู้สึกเขินแปลกๆ เพราะมันดูสนิทสนมกว่าคำว่าคุณเยอะ “ผมขอกินถ้วยพี่ได้ไหม”
   
“เอาไปสิ พี่ก็เอามาเผื่อจ้าวไม่อิ่มนั่นแหละ”
   
ไม่ว่าเปล่าดันถ้วยไปตรงหน้าจ้าวและหยิบช่อดอกไม้ที่แอบไว้ข้างตัวยื่นให้จ้าว
   
นัยน์ตาโศกเบิกตากว้างเพราะไม่ได้รับดอกไม้จากคุณเหมันต์มาพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ก็ล้วนทำให้ประทับใจเสมอ จ้าวรับช่อกุหลาบขาวมากอด รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเดิมๆ อย่างน่าประหลาด
   
“ให้ผมทำไม ผมยังไม่ได้ร้องสักเพลงเลย”
   
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่จ้าวกลับควบคุมตัวไม่ให้ยิ้มไม่ได้ รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะหวาดกลัวว่าสักวันความสุขของตัวเองจะหายไปเพราะความสุขของเขามันไม่เคยแน่นอน เขารับความเกลียดชังมามากจนจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าความสุขมันเป็นยังไง
   
แต่พอเจอคุณเหมันต์ ทุกอย่างที่เขากลัวกลับไม่มีผลอีกต่อไป เพราะเขาเชื่อว่าคุณเหมันต์ไม่มีวันทอดทิ้งเขาอย่างเด็ดขาด ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่คอยดูแลเขาอยู่ห่างๆ มันก็มีค่ามากพอให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
   
มือผอมไล้กลีบกุหลาบสีขาวด้วยความคิดถึง
   
เขามักจะได้ดอกกุหลาบสีขาวนิรนามอย่างสม่ำเสมอ
   
“ถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว แต่งงานกับพี่นะ”
   
จ้าวชะงักไปสักพักก่อนจะมองคนพูดอย่างตื่นตระหนก ไม่แน่ใจว่าเขาฟังผิดหรือเปล่า แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่ ใหญ่มากๆ สำหรับจ้าวที่เพิ่งมีแฟนอย่างจริงจัง
   
“พี่พูดว่าอะไรนะ”
   
“แต่งงานกัน” ใบหน้าคมคายยิ้มละมุนให้จ้าว “พี่อยากดูแลจ้าว”
   
“…ผม”
   
จ้าวหน้าแดงพูดไม่ออก
   
เขาไม่ได้ฟังผิดจริงๆ ด้วย
   
“พี่รู้ว่ามันอาจจะเร็วไปหน่อยที่จะบอกเรื่องนี้ แต่พี่ก็อยากบอกไว้ว่าพี่อยากแต่งงานกับจ้าว” เหมันต์ดึงมือจ้าวขึ้นมาจูบและยิ้ม “พร้อมใช้นามสกุลกิลลาสรึยังครับ”
   
“…ครับ”
   
จ้าวยิ้มทั้งๆ ที่น้ำตานองหน้า
   
ให้ตายสิ เขาชักจะมีความสุขมากเกินไปแล้ว..

   

สถานการณ์บริเวณย่านเศรษฐกิจตอนนี้นับว่าดุเดือดมาก เกิดการวางระเบิด การประท้วงและการก่อจราจลไม่หยุดไม่หย่อน จนคนที่เป็นผู้คอยควบคุมสถานการณ์อย่าง ‘อาทิตย์ วิริยะศักดิ์’ แทบประสาทกินเพราะไม่อาจเลือกฝ่ายได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังไม่อยากใช้ความรุนแรงในการยุติความรุนแรงจึงต้องทำงานอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ จะโต้กลับก็โต้ไม่สุดซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนก็เข้าใจอาทิตย์แต่ก็มีอีกหลายคนไม่เข้าใจเช่นกัน จึงฆ่าโอเมก้าเบต้าอย่างสนุกสนานราวกับปลดปล่อยสันดารดิบออกจากตัว
   
แน่นอนว่าเพราะสถานการณ์ที่ไม่สงบ นายตำรวจฝีมือดีอย่างอาทิตย์จึงไม่มีเวลาไปขบคิดคดีของจ้าวอีกต่อไป ได้แต่ปล่อยให้ความสงสัยเกาะกุมในอก ปล่อยให้คดีนี้ผ่านไปอย่างน่าเสียดายแม้ว่าจะอยากรื้อฟื้นใจจะขาดก็ตาม
   
วันนี้ก็ยังคงเป็นอีกวันที่สุนัขตำรวจอย่างอาทิตย์ต้องลงพื้นที่ไปควบคุมความสงบที่ยากจะควบคุมขึ้นทุกที ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าเหตุการณ์มันเลวร้ายลงเรื่อยๆ เพราะรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอของกลุ่มกบฏ อีกทั้งยังดูถูกและทำให้เรื่องทุกอย่างแย่ลงไปอีก
   
ใบหน้าขึงขังของนายตำรวจถูกซุกซ่อนไว้ใต้ผ้าปิดปากและหมวก ดูน่าสงสัยไม่ต่างกับกลุ่มของพวกโอเมก้าเพราะครั้งนี้นายตำรวจอาทิตย์ตั้งใจแต่งนอกเครื่องแบบเพื่อเข้าไปในพื้นที่ที่ทางกลุ่มกบฏขู่ว่าจะวางระเบิดถ้าเกิดยังไม่มีการตอบรับใดๆ จากรัฐบาล
   
หากแต่ยังไม่ทันได้ไปถึงสถานที่ที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม เสียงระเบิดกัมปนาทก็ดังลั่นต่อหน้าต่อตา นายตำรวจเบิกตากว้างจ้องมองซากปรักหักพังตรงหน้าอย่างตื่นกลัวเพราะเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว มันยังคงเป็นอาคารของรัฐบาลที่มีความสวยงามติดอันดับต้นๆ ของประเทศและเป็นของเก่าแก่มาครั้นตั้งแต่อดีต
   
หากแต่บัดนี้มันกลายเป็นเพียงเศษซากอารยธรรมเท่านั้น!
   
ฝุ่นผงกระจายทั่วเคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพราะทางกลุ่มอีกาประกาศอย่างชัดเจนว่าจะระเบิดสถานที่นี้ จึงไม่มีใครคิดจะมาหลบภัยจากสงคราม การระเบิดครั้งนี้มีขึ้นเพื่อแสดงอำนาจของกลุ่มกบฏที่รัฐบาลยังไม่สามารถต่อกรได้ได้แม้ว่าจะลงแรงไปมากแล้วก็ตามที
   
การมาครั้งนี้อาทิตย์ไม่ได้คาดหวังอะไรนัก เพียงแค่คิดว่าตนอาจจะคนของฝั่งกบฏสักคนแต่ถ้าเจอจริง ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตนเองจะทำยังไงเพราะจุดยืนของเขาก็ใช่ว่าจะมั่นคงนัก เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะใช้คำว่ามีศีลธรรมกับฝั่งไหนเพราะแต่ละฝั่งก็ล้วนแต่ทำลายอีกฝั่งให้ย่อยยับไปข้างเพื่อให้บรรลุผลของตัวเอง
   
ถึงแม้ว่ากลุ่มกบฏจะอุดมการณ์สวยหรูแต่ทว่ามันก็เป็นการเรียกร้องที่รุนแรงเกินกว่าจะควบคุมได้ อีกไม่นานทางรัฐบาลจะขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศและพอถึงเวลานั้นคนก็คงจะตายกันเกลื่อนมากกว่านี้
   
อาทิตย์มองซากศพตามรายทางอย่างเศร้าสลด ตอนนี้แม้แต่หน่วยกู้ภัยยังไม่กล้ามาเก็บศพเลยด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงเข้าทำให้พื้นที่ในเมืองตอนนี้ค่อนข้างน่าสยดสยอง กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งทั้งเก่าและใหม่ เศษซากจากความเกลียดชังกระจัดกระจายไปทั่วจนยากที่จะจดจำได้ว่าเมื่อก่อนมันเป็นอย่างไรมาก่อน
   
โดยสัญชาตญาณอาทิตย์รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ใกล้จะมาถึงจุดจบเต็มทน ทุกอย่างได้เลยเส้นขีดจำกัดมานานมากแล้ว อีกไม่นานทุกอย่างจะจบลง ไม่ทางที่เลวร้ายที่สุดก็ทางที่ดีสุด
   
และแน่นอนว่าอาทิตย์ยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนกลางที่จะจบเรื่องทั้งหมดนี้ลง
   
คนกลางที่มีวาทศิลป์และความกล้ามากพอที่จะคุยกับทั้งฝ่ายเพื่อยุติสงครามที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
   
คนกลางที่ต่อให้ปืนที่บรรจุกระสุนอยู่เต็มลำจ่อที่หน้าผากก็ยังไม่คิดจะเกรงกลัว
   
ซึ่งอาทิตย์ก็ยอมรับว่าตนเองไม่มีความกล้ามากขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะประกอบอาชีพตำรวจและคลุกคลีกับความเป็นความตายแทบทุกวัน เขาก็ยังกลัวที่จะตาย ลูกสาวของเขายังเรียนอยู่ เขายังมีครอบครัวที่ต้องดูแล เขายังตายไม่ได้ ถึงแม้ว่าการตายของเขาอาจจะยุติสงครามกลางเมืองนี่ลงแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
   
ฉะนั้นเขาก็ยังไม่คิดจะลดตัวลงไปเสี่ยง ต่อให้สถานการณ์จวนตัวขนาดไหน เขาก็เลือกที่จะเอาตัวให้รอดก่อนคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเป็นอัลฟ่า ตราบใดที่ฝั่งอำนาจเดิมยังดำรงอยู่ เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรนอกจากทำตามคำสั่งของเบื้องบน
   
นายตำรวจขับรถวนรอบจุดเกิดเหตุได้สักพักก็ถอยออกมา ไม่กล้าลงไปสำรวจต่อเพราะกลัวว่าอาจจะมีคนของฝั่งกบฏแฝงตัวอยู่แถวนี้แล้วบุกเข้ามาทำร้าย
   
“คุณจันทร์! ”
   
อาทิตย์สบถออกมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นร่างคนที่คิดว่าจะเห็นเป็นคนสุดท้ายที่นี่!
   
จากจะขับกลับรีบวนรถกลับไล่ตามอย่างไม่สนกฎจราจร สีหน้าของอาทิตย์ค่อนข้างเครียดเพราะคนที่มีส่วนขับเคลื่อนกลุ่มอำนาจของรัฐบาลก็คือจันทร์ ทุกคำที่กล่าวออกมาของตระกูลนฤภัทรแทบไม่มีความคิดไหนเลยที่รัฐบาลกล้าละเลย ยาทุกอย่างที่พวกเขาใช้กับโอเมก้าอย่างทารุณล้วนมาจากตระกูลนฤภัทรที่มักจะสรรหาคนเก่งๆ มาวิจัยงานได้อย่างน่าประหลาดใจ
   
เสียงเครื่องยนต์สองคันคำรามลั่นบนท้องถนนที่สภาพไม่ค่อยเป็นถนนนัก ทำให้คนที่ถูกไล่ตามเริ่มรู้ตัว จันทร์หันกลับไปมองเมื่อพบว่าเป็นใครก็ออกแรงบิดมากกว่าเดิม ไม่คิดจะเสวนาด้วยแต่อย่างใด
   
“คุณจันทร์! คุณมาทำอะไรที่นี่ มันอันตรายนะครับ”
   
อาทิตย์ตะโกนเมื่อลงจากรถและวิ่งไปหาร่างโปร่งที่กำลังจะเดินเข้าไปในกลุ่มควัน มือหนาเอื้อมแตะปืนพกที่เหน็บไว้ที่เอวเตรียมชักออกมายิงตลอดเวลาถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
   
“ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องรู้”
   
ในที่สุดจันทร์ก็หยุดเดินเมื่อพบว่าท่ามกลางซากปรักหักพังนั้นไม่มีใครหลงเหลืออยู่ นัยน์ตาโศกฉายความผิดหวังแต่ก็ยังไม่หมดหวังซะทีเดียว
   
“ผมไม่สนหรอกว่า ผมควรจะรู้หรือไม่รู้ แต่ที่ผมมั่นใจคือคนอย่างจันทร์ นฤภัทรไม่ควรอยู่ตรงนี้ครับ” อาทิตย์พยายามหว่านล้อมให้จันทร์กลับด้วยความเป็นห่วง
   
“ไปให้พ้น” จันทร์ใช้หางตามอง “แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
   
“จันทร์ ผมหวังดีกับคุณนะ คุณกลับรถผมก็ได้ เดี๋ยวผมไปส่ง ผมจะไม่พูดกับใครว่าผมเจอคุณที่นี่”
   
ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของอาทิตย์แต่อาทิตย์ก็คงทนเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าในอีกนาทีสองนาทีข้างหน้าอาจจะฝั่งกบฏมาเจอเข้าอาจจะกราดยิงใส่ก็เป็นได้
   
“ถ้าคุณกลัวมากก็กลับบ้านไปซะ”
   
อาทิตย์ชะงักเมื่อโดนพูดแทงใจดำ ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าเขากลัวตามที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ
   
“แล้วคุณจะทำอะไร ถ้าคุณจะมาหาพวกกลุ่มอีกา ผมบอกเลยว่าเสียเที่ยว”
   
“เรื่องของผม” จันทร์พูดเสียงลอดไรฟันอย่างรำคาญ “ไปให้พ้นก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว”
   
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าคุณจะบอกผมว่าคุณมาทำอะไรที่นี่”
   
จันทร์แค่นเสียงหัวเราะก่อนที่จะเดินไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ นัยน์ตาโศกพยายามกวาดตามองรอบๆ มองหากลุ่มกบฏที่คาดหวังให้มีโผล่หัวมาสักคน มันอาจจะเสี่ยงที่จะต้องทำแบบนี้ แต่สำหรับจันทร์แล้วความตายคงจะเป็นเรื่องที่เมตตากว่าการมีลมหายใจบนโลกอันเน่าเฟะแห่งนี้นัก
   
เขาทำผิดมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่จะชำระบาปของเขาเสียที
   
จันทร์คิดอย่างเหม่อลอยก่อนจะถูกอาทิตย์ผลักจนล้มและกระชากไปหลบหลังรถที่จอดอยู่ใกล้ๆ
   
ปัง!
   
กระสุนเฉี่ยวหัวจันทร์ไปอย่างฉิวเฉียด คนที่สมควรจะกลัวจนตัวสั่นกลับคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ร่างผอมที่ล้มคะมำอยู่บนพื้นค่อยๆ ลุกขึ้นมาและชูสองแขนขึ้นเหนือหัว
   
อาทิตย์เบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก “คุณทำบ้าอะไรจันทร์! พวกนั้นจะฆ่าคุณนะ คุณจะไปไหน” สองมือพยายามจะคว้าเสื้อจันทร์อีกครั้งแต่กลับไม่ได้ผล คว้าได้เพียงอากาศ
   
“ผมมาดี!”
   
จันทร์ตะโกนเมื่อเห็นกลุ่มอีกาที่ซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ กำลังเล็งกระบอกปืนมาที่ตนเอง ถึงแม้จะเห็นเพียงนัยน์ตาของกลุ่มกบฏแต่จันทร์ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกโอเมก้าที่กำลังแค้นจัด มือที่ถือปืนสั่นอย่างเห็นได้ชัด
   
ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะตระกูลนฤภัทร ฉากหน้าเป็นตระกูลผู้ดีมีประวัติสวยหรูแต่ฉากหลังนั้นเต็มไปด้วยความฟ่อนเฟะ มีโอเมก้าถูกจับไปทดลองยาต่างๆ จนตายนับไม่ถ้วน แต่สาเหตุหลักที่โอเมก้าโกรธกันจริงๆ คือการที่จันทร์และเหล่าอัลฟ่าประกาศอย่างชัดเจนว่าสามารถฆ่าโอเมก้าได้โดยไม่มีความผิดแม้แต่เด็กก็ไม่เว้นสามารถฆ่าได้ อีกทั้งยังมีการตบรางวัลให้สำหรับคนที่สามารถฆ่าได้มากที่สุดด้วย
   
แน่นอนว่านโยบายโหดร้ายเหล่านั้นไม่ได้มาจากจันทร์โดยตรง เพียงแต่จันทร์เป็นผู้ประกาศใช้เท่านั้น ถึงแม้จะรู้สึกต่อต้านในใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จันทร์คนเก่านั้นก็เป็นแค่เด็กดีที่เชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง ไม่เคยคิดไม่เคยสนใจว่าผลที่ตามมามันจะร้ายแรง ผิดศีลธรรมแค่ไหน เพราะเชื่อใจในพ่อแม่ของตนเอง
   
หากแต่เมื่อความเชื่อใจพังทลายลงสิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงเด็กน้อยในร่างของผู้ใหญ่ที่พยายามจะชดใช้ความผิดของตัวเองให้มากที่สุดโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะตายหรือไม่
   
“คิดให้ดีนะว่าระหว่างเอาผมไปเป็นตัวประกันกับฆ่าผมตอนนี้เลย อันไหนคุ้มค่ากว่ากัน!”
   
จันทร์ก็คือจันทร์ ถึงแม้จะมองว่าตัวเองโง่เง่ากว่าจ้าวขนาดไหนแต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง เพราะสติปัญญาและวาทศิลป์ของจันทร์ไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวเลยแม้แต่นิดเดียว!
   
คำพูดตรงประเด็นของจันทร์เล่นเอาเหล่าโอเมก้าเบต้าที่มารับหน้าที่วันนี้ลังเลที่จะยิง พวกเขาเป็นเพียงแนวหน้าที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนักจึงไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ ขืนถ้าพวกเขากราดยิงจนทำจันทร์ตายเข้า อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นและแผนการที่หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาก็พังหมด
   
ปรึกษากันพักใหญ่ ในที่สุดก็มีโอเมก้าคนนึงเดินออกมารับจันทร์ด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจนัก
   
“จันทร์! โอกาสสุดท้ายแล้วนะที่คุณจะหนี!”
   
อาทิตย์ตะโกนดังลั่นพร้อมกับควักปืนออกมาเล็งหัวโอเมก้าที่ออกมารับจันทร์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรเสี่ยงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะช่วยอีกฝ่ายอยู่ดี ยังไงซะทั้งเขาและจันทร์ก็ถือเป็นคนกันเองที่พบหน้ากันบ่อยพอตัว
   
ซึ่งพออาทิตย์ควักปืนขึ้นมาคนอื่นๆ ก็เล็งไปที่อาทิตย์และจันทร์เช่นกัน ปลายนิ้วเหนี่ยวไกเตรียมจะปลิดชีพถ้าเกิดนายตำรวจคิดจะเล่นตุกติกอะไร
   
หากแต่ความหวังดีกลับไม่ได้ผลตอบรับที่ดีเท่าใดนัก สุนัขตำรวจอย่างอาทิตย์ตกใจจนหน้าซีดเมื่อเห็นสีหน้าโกรธจัดของจันทร์จ้องมายังตัวเองอย่างดุดัน นัยน์ตาโศกนั้นแทบจะลุกเป็นไฟและแผดเผาเขาทั้งเป็น!
   
“กูบอกว่าอย่ามายุ่งไงวะ!”

นายตำรวจยอมลดปืนลงอย่างไม่เต็มใจนัก มองตามแผ่นหลังผอมที่เดินไปกับพวกกลุ่มกบฏอย่างไม่เข้าใจ
   
“คิดจะทำอะไรกันแน่ จันทร์..”
   
อาทิตย์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะกลับขึ้นรถเพื่อไปรายงาน ‘ข่าวใหญ่’ กับนายของตนเอง

   

แกร๊ง!
   
“…”
   
จันทร์จดจ้องโซ่ที่ล่ามข้อมือข้อเท้าตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาไม่เคยแม้แต่จะเคยแตะต้องของพวกนี้ด้วยซ้ำ สิ่งของพวกนี้มีไว้ใช้เฉพาะกับชนชั้นเบต้าและโอเมก้าเท่านั้น ของสำหรับอัลฟ่าล้วนเป็นของที่ดีที่สุดเสมอ
หากแต่สิ่งที่อยู่บนร่างผอมของนายแพทย์กลับตรงกันข้ามเพราะมันเป็นแค่เหล็กเก่าๆ ที่หลอมผสมด้วยหลายอย่างถึงแม้จะมีคุณสมบัติในการตรวนผู้คนแต่ก็เก่าจนสนิมเกรอะและเมื่อต้องผิวหนังก็ชอบทิ้งคราบสนิทอันสกปรกเอาไว้ ข้อมือและข้อเท้าของจันทร์จึงกลายเป็นสีส้มน้ำตาลของสนิม

“พี่คุณก็โดนโซ่อันนี้ตรวนเหมือนกัน”

จันทร์เหลือบมองเบต้าร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจในมือถือบุหรี่และพ่นควันออกมาเป็นพักๆ ทั้งๆ ที่อยู่ในห้องมืดสลัวแคบๆ และไม่มีช่องระบายอากาศ

“คุณรับข้อเสนอของผมใช่ไหม”

ถึงแม้จะโดนตรวนร่างกายแต่จันทร์ก็ไม่ได้สนใจและไม่ได้คิดจะดิ้นรนโง่ๆ อย่างการพยายามตะเกียกตะกายออกให้เกิดบาดแผล เขาเป็นคนตัดสินใจเข้ามาเองจึงไม่รู้จะขัดขืนไปทำไม

อีกอย่างกับการไม่ถูกค้นตัวแลกกับการถูกตรวนข้อมือข้อเท้าตลอดเวลาก็ถือว่าคุ้มค่ามากพอแล้วสำหรับเขา

“บอกตามตรงว่าจนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจความคิดคุณเลย คุณจันทร์” สิตพ่นควันออกมาอีกครั้งก่อนที่จะโยนก้นบุหรี่ทิ้งลงพื้นและใช้เท้าขยี้มันเพื่อดับไฟ “คุณอยู่บนวิมานสวรรค์นะจันทร์ ต่อให้เรื่องนี้จบลงยังไง คุณก็สามารถอยู่รอดได้สบายๆ อยู่ดี”

จันทร์หัวเราะเสียงแผ่ว “ถ้าคุณเป็นผม คุณจะไม่เรียกมันว่าสวรรค์หรอก”

สิตขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียดเพราะคาดเดาความคิดจันทร์ไม่ออกจริงๆ สิ่งที่พอจะคิดออกก็มีแค่จันทร์มาเป็นไส้ศึกด้วยตัวเองและแน่นอนว่ามันไม่เนียนเลยสักนิด “เอาเข้าจริงถ้าคุณจะจบลงนี้ คุณไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาทำมันเองด้วยซ้ำ”

“เพราะผมเป็นคนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ผมถึงต้องมาจบมันด้วยตัวเอง”

“มันก็ใช่แต่ก็ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอก จันทร์ ที่ทำให้เรื่องบ้าๆ นี่เกิดขึ้นและเลวร้ายขนาดนี้” หัวหน้ากลุ่มอีกาหัวเราะด้วยความเศร้าหมอง “บอกตามตรงนะว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้อยากให้มีใครตาย ผมก็แค่อยากให้พวกโอเมก้าที่เป็นครอบครัวของผม เพื่อนๆ ของผม หรือจะเป็นใครก็ได้ที่เป็นโอเมก้าได้มีชีวิตที่ดีและอิสระมากกว่านี้ คุณอยากไม่รู้หรอกว่าผมทนเห็นโอเมก้าเด็กๆ โดนข่มขืนจนท้องไปกี่คน ผมเคยเห็นแววตาใสซื่อพวกนั้นบอกกล่าวถึงความฝันตัวเองว่าอยากทำอะไรตั้งมากมายแต่พอพวกเขาโตขึ้น พวกเขาก็รู้ความจริงว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”

ร่างสูงใหญ่ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นฐานหลักของกลุ่มอีกาสั่นระริก ใบหน้าคมเข้มที่มีหนวดเคราบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด ต่อหน้าเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา เขาต้องเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดเพื่อที่จะนำพากลุ่มไปสู่ชัยชนะ ไปสู่จุดหมายที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ จุดหมายที่ดูเหมือนฝันมากกว่าความจริง

และเพราะมันเป็นไปไม่ได้ เขาถึงต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม พวกเขามาไกลเกินกว่าที่จะถอยแล้ว หากถอยตอนนี้คงไม่วายถูกกลุ่มรัฐบาลบดขยี้และกดลงให้ลึกกว่าเดิม ไม่มีวันเงยหน้าขึ้นจากพื้นดินได้อีก

“ระบบชนชั้นบ้านี้ทำลายแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าเราจะมีมันไปทำไมกัน ทั้งๆ ที่เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน มีความฝันเหมือนกัน ทำไมกับแค่การเป็นโอเมก้าถึงต้องเลวร้ายถึงขนาดนั้น ผมไม่เข้าใจ”

“เพราะแบบนี้แหละ คุณถึงต้องรับข้อเสนอของผม” จันทร์ไม่ได้คล้อยตามสิตเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะไม่เคยสนใจความเป็นไปของคนอื่นมากขนาดนั้น สิ่งที่อยู่ในหัวจันทร์แต่ละวันก็มีแต่งานวิจัย การรักษา การออกสื่อ ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบจนความรู้สึกกลายเป็นเรื่องไม่จำเป็นไปเสียแล้ว

แต่จันทร์ก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้สูญเสียความรู้สึกไปจริงๆ เพียงแต่เพิกเฉยต่อมันเท่านั้น

“คุณจะบ้าเหรอ จันทร์” สิตสบถไม่จริงจังนัก “นัดพวกรัฐบาลมาเจรจากันหน้าทำเนียบรัฐบาล คุณคิดว่าพวกเขาจะปล่อยให้พวกเรารอดเหรอ เผลอๆ ยังไม่ทันคุยก็กราดยิงใส่ด้วยซ้ำ ผมไม่อยากเอาคนของผมไปเสี่ยงด้วยหรอกนะ”

“คุณก็แค่นัด” จันทร์พูดอย่างสุขุม “ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม”

“จะบอกว่าจะเป็นตัวแทนให้กลุ่มเราแทนจ้าวว่างั้น?”

“ผมไม่ใช่ตัวแทนใคร” นัยน์ตาโศกมองสิตอย่างไม่พอใจนัก “ที่ผมมาที่นี่ มันยังไม่ชัดพอรึไงว่าผมสมัครใจเป็นพวกคุณ”

“ใครจะไปรู้ คุณอาจจะตั้งใจมาสืบพวกเราก็ได้”

บรรยากาศกึ่งผ่อนคลายหายไปเหลือเพียงความตึงเครียดแทบทุกตารางนิ้วในอากาศ กลิ่นบุหรี่ที่ยังอวลอยู่ในห้องเล่นเอาคนที่เกลียดกลิ่นบุหรี่เข้าไส้อย่างจันทร์หงุดหงิดขึ้นอีกหลายระดับ

“ผมจะสืบพวกคุณไปทำไม” จันทร์พูดเสียงแข็ง “บอกตามตรงว่าตอนนี้ต่อให้รู้ข้อมูลการเคลื่อนไหวของพวกคุณมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผมไม่เห็นฝั่งรัฐบาลจะหยุดระเบิดมือที่พวกคุณทำได้สักรอบ ยาต้านน้ำหอมพวกนั้นก็ไม่มี ยิ่งขาดผมแล้วพวกนั้นก็คงจะทำอะไรต่อไม่ได้”

“ผมไว้ใจใครไม่ได้ จันทร์” สิตยิ้มบางๆ “ผมมีคนในการดูแลอีกเป็นพันๆ คน ผมจะไม่เสี่ยงกับอะไรที่ไม่แน่นอน ข้อเสนอของคุณ ผมคงจะรับไว้ไม่ได้”

“แล้วจะปล่อยให้สงครามมันยืดเยื้อไปถึงไหนวะ!” นัยน์ตาโศกของจันทร์ขึ้นสีแดงก่ำอย่างดุร้าย “ปากบอกว่าหวังดีแต่มึงก็ไม่เคยคิดจะหยุดสงคราม มึงลองมาอยู่ในโรงพยาบาลแล้วเห็นคนหามทั้งศพทั้งคนเข้ามาตลอดเวลาไหมวะ รู้ไหมว่าโรงพยาบาลทุกที่แทบจะทุกเตียงเต็มหมดแล้วเพราะอุดมการณ์ของมึง ถ้ามึงยังไม่หยุดวางระเบิดฆ่าพวกอัลฟ่า รัฐบาลก็ไม่หยุดฆ่าพวกมึงเหมือนกัน เอาสิ มึงจะให้ตายกันทั้งประเทศเลยไหมล่ะ”

เพี๊ยะ

ใบหน้าของจันทร์สะบัดตามแรงตบ กลิ่นเลือดฉุนในปากแต่จันทร์ก็ยังรู้สึกเดือดดาล

เขาโกรธที่ปฏิเสธข้อเสนอของเขาอย่างไม่ไยดี ทั้งๆ ที่เขาคิดและไตร่ตรองมาแล้วว่ามันต้องสำเร็จ อีกทั้งยังไม่น่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเลือดเนื้อด้วย มันเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยอีกทั้งยังมีโอกาสที่จะสำเร็จสูงด้วย

“มึงจะพูดอะไร มึงก็ระวังปากหน่อยแล้วกัน” สิตขบกรามกรอด “ถ้ากูนัดให้มึงแล้วมึงจะทำยังไงต่อ แค่คำพูดสุนทรพจน์ที่มึงชอบพูด มันไม่ช่วยอะไรหรอกนะ”

“จับกูเป็นตัวประกัน” จันทร์เหยียดยิ้ม “แล้วพวกนั้นจะไม่กล้าทำอะไรมึง”

สิตชะงักปากที่กำลังจะด่าและครุ่นคิดเพราะความคิดของจันทร์ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงคาดเดาแผนของจันทร์ไม่ออกอยู่ดี พูดตามตรงว่าตอนนี้เขายังคิดหาทางยุติสงครามนี้ไม่ได้เลยนอกจากจะทำลายอีกฝ่ายให้ย่อยยับจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้

และแน่นอนว่าจะไม่ใช่กลุ่มของอีกาอย่างแน่นอน!

“ถ้ากูนัดให้แล้วมึงจะทำยังไงต่อ”

“ก่อนอื่นกูขอถามตรงๆ นะ” จันทร์จ้องตาคนเป็นหัวหน้ากลุ่มอีกาเขม็งอย่างไม่เกรงกลัวแม้ว่าจะโดนตบหน้าไปครั้งนึงแล้วก็ตามที “ถ้ารัฐบาลยอมหยุดแล้วมึงจะยอมหยุดบ้างไหม”

สิตขมวดคิ้ว “ถ้าพวกมันไม่เล่นตุกติกกูก็จะหยุด”

“บอกตามตรงว่ากูก็ไม่มั่นใจหรอกว่าจะยุติสงครามบ้าๆ นี่ได้ไหม” นัยน์ตาโศกสั่นระริกชั่วครู่ก่อนที่จันทร์จะหลับตาเพื่อซ่อนมันเอาไว้ “แต่กูก็แค่คิดว่าวิธีการของกูมันน่าจะลดความรุนแรงได้บ้าง ถ้าต้นเหตุของสงครามคือความแตกต่างระหว่างชนชั้น ถ้าเกิดว่ากูทำลายมันได้ แต่ละฝ่ายก็ไม่น่าจะมีข้ออ้างในการทำสงครามแล้ว”

“หมายความว่าไง? อย่าบอกว่านะว่าผลิตอะไรได้อีกแล้ว”

หัวหน้ากลุ่มอีกาถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าตัวเองเป็นเจ้าของผลงานอะไรบ้าง ผลงานวิจัยระดับโลกหลายอย่างๆ ก็ล้วนมี ‘จันทร์ นฤภัทร’ อยู่ในกลุ่มทั้งนั้น

“ใช่”

จันทร์ยิ้มเย็น

“กูสามารถทำให้อัลฟ่า เบต้า โอเมก้ากลายเป็นพวกสภาวะไร้เพศได้แล้ว!”

===========

คืออารมณ์ตอนตัดกันจนเกรงใจคนอ่านอ่ะ 5555 เนื้อเรื่องตอนต่อๆ ไปคงจะเข้มจนไม่รู้จะเข้มยังไงล่ะอ่ะ

ใกล้ถึงจุดจบของเรื่องขึ้นทุกทน ขอให้ทุกท่านโปรดทำใจรอเลย (?)

ปล ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ  :ling3: เป็นกำลังใจเขียนมากๆ เลยเพราะตอนนี้เขียนยากมากช่วงหลังและช่วงหลังจากนี้ก็คงยากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพราะมันจะพีคที่สุด 5555









ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
สภาวะไร้เพศ  :m28: :confuse: เอ้ารอดูผลเลยจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
งานวิจัยของจันทร์เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เลย แต่ว่าวิธีของจันทร์จะช่วยหยุดสงครามได้รึป่าว

เขินพี่เหมันต์มากค่ะ ขอน้องจ้าวแต่งงานแล้ว ดีใจจจจจ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หายใจไม่อปเลยยยยย

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
สภาวะไร้เพศ  คือเหลือแต่เพศหญิงชาย  ไม่มีสถานะติดตัวเป็นอัลฟ่า เบต้า โอเมก้า ใช่ไหม

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คอยดูกันต่อไป

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 34
   
การกลับมาครั้งนี้ของจ้าว เหมันต์สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เห็นได้ชัดเอามากๆ คือจ้าวติดเขามาก อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา ซึ่งเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนักเพราะจ้าวเพิ่งจะถูกลักพาตัว คงจะหวาดกลัวกับการอยู่คนเดียวไปอีกสักพักใหญ่ๆ
   
นัยน์ตาสีเทาเหลือบมองร่างผอมที่ลากโซฟามานอนข้างๆ โต๊ะทำงาน อีกทั้งยังยึดตักของเขาเป็นหมอน หลับสบายจนเหมันต์อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ ลูบหัวจ้าวจนพอใจก็ทำงานต่อ
   
ซึ่งแน่นอนว่างานในช่วงนี้ของท่านประธานกิลลาสย่อมไม่ใช่เรื่องหุ้นหรือการค้าขายเป็นหลักเพราะเศรษฐกิจของประเทศนั้นชะงักงันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ทุกคนในประเทศกำลังสนใจคือสงครามที่ยังไม่ที่ท่าจะยุติลงสักที
   
สีหน้าของเหมันต์เคร่งเครียดเมื่อพบว่ายังไม่สามารถหาแหล่งกระจายน้ำหอมโอเมก้าได้ด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่รู้ตัวคนทำแล้วว่าเป็นใครแต่ก็ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์อยู่ดี ซึ่งเอาเข้าจริงต่อให้พบแหล่งกระจายน้ำหอมและขัดขวางการส่งได้ก็คงจะช่วยอะไรได้ไม่มากเพราะทุกอย่างได้ดำเนินมาถึงจุดที่เกินการจะควบคุมได้แล้ว
   
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีเพียงแค่ประคองสถานการณ์ต่อไปเรื่อยๆ และระมัดระวังตัวไม่ให้เผลอตายไปเสียก่อน
   
เหมันต์ถอนหายใจ รู้สึกจนตรอกจนพูดไม่ออก ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะไม่แย่ลงไปกว่านี้ อย่างไรก็ตามเป้าหมายการตามหาตัวจ้าวของเขาก็บรรลุผลแล้ว คงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้แล้วจริงๆ
   
“..พี่เหมันต์”
   
“ครับ”
   
เจ้าของชื่อยิ้มบางๆ ทันทีเมื่อโดนเรียกชื่อ มองคนที่หลับมาครึ่งวันด้วยสายตารักใคร่อย่างไม่ปิดบังจนจ้าวเขินจนทำหน้าไม่ถูก เกือบลืมด้วยซ้ำว่าตัวเองจะพูดอะไร
   
“พี่ยังหาหลักฐานเรื่องของจันทร์อยู่รึเปล่า?”
   
สีหน้าของเหมันต์เคร่งเครียดขึ้นมาทันที แววตาสีเทาดุร้ายไม่ต่างกับหมาป่าที่กำลังโกรธจัด “หาสิ ถ้ามันทำจ้าว พี่ก็จะทำให้มันเจ็บกว่าจ้าวอีก”
   
“ถ้าจ้าวขอให้พี่หยุดล่ะ”
   
“…หมายความว่ายังไงครับ” เหมันต์เผลอเป๋ไปสักพักอย่างงุนงงเพราะเท่าที่จำได้ เขาจำได้ว่าจ้าวแค้นจันทร์มาก แค้นจนแทบไม่เผาผีกัน ร่องรอยความเจ็บปวดและโกรธแค้นก็ยังคงชัดเจนเป็นรอยแผลเป็นอยู่ตามร่างคอยตระหนักเตือนว่าไม่ให้ลืมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
   
“…ผมไม่อยากทำร้ายน้องไปมากกว่านี้แล้ว” จ้าวสะอื้นจนตัวโยน น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างเจ็บปวด “ส่วนหนึ่งที่น้องทำผมก็เพราะผมทำน้องก่อน ฮึก พี่เหมันต์อย่าทำอะไรจันทร์เลยนะ ผมขอร้อง ฮึก ผมไม่โกรธน้องแล้ว ผมผิดเอง ผมผิดเอง”
   
เหมันต์รวบตัวจ้าวขึ้นมานั่งบนตักและกอดแน่น ใบหน้าน่ามองของจ้าวคลอด้วยน้ำตาจนน่าสงสาร มือหนาลูบหัวจ้าวพยายามใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างบรรจง
   
“ใจเย็นๆ จ้าว พี่จะไม่หาหลักฐานแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะ”
   
จ้าวสะอื้นจนหายใจไม่ทัน รู้สึกเจ็บปวดที่ไปทำลายชีวิตน้องตัวเองทั้งชีวิตโดยไม่ตั้งใจ ยิ่งการพบกันครั้งล่าสุดก่อนที่จะลากัน เขาเห็นแววตาของจันทร์เหมือนกับเขาตอนนั้น
   
เขาที่หมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว…
   
มือผอมปิดหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกผิดร้องไห้โฮออกมาอย่างใจสลาย เขาทนรับการสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ไหวหรอก แค่น้องจินโดนจับไปการุณฆาตเขาก็ร้องไห้แทบตายแล้ว ขืนถ้าจันทร์ตายอีก เขาคง..
   
“ทำไมผมกับจันทร์ต้องมาเกิดในครอบครัวนี้นะ”
   
จ้าวแนบหน้ากับอกคุณเหมันต์รู้สึกเสียใจจนพูดไม่ออก
   
ถ้าเขากับจันทร์แล้วก็น้องจินเกิดในครอบครัวเบต้าธรรมดาๆ ก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขากับจันทร์ก็อาจจะเป็นแฝดที่รักกันมากๆ และมีน้องจินที่ต้องโตมาอย่างน่ารักและร่าเริง ไม่มีกฎเกณฑ์ใดในตระกูลที่มาตีกรอบชีวิตให้จมปลักอยู่กับแค่คำว่าชื่อเสียงและวงศ์ตระกูล
   
“ฮึก พ่อกับแม่เคยร้องไห้บ้างรึเปล่า ฮึก เคยรู้สึกอะไรบ้างไหม”
   
ร่างผอมสั่นสะท้านจนเหมันต์กอดจ้าวแน่นกว่าเดิม พยายามทำให้อีกาบาดเจ็บตัวน้อยในอ้อมกอดได้รับรู้ถึงความรักที่ตนเองมีให้และเน้นย้ำว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
   
จ้าวสูดน้ำมูกฟึดฟัด นัยน์ตาโศกแดงก่ำจากน้ำตา “ผมควรจะทำยังไงดี พี่เหมันต์ ฮึก ผมไม่อยากให้จันทร์ตาย ฮึก จันทร์จะต้องทำอะไรแน่ๆ ผมรู้“
   
ความจริงที่ว่าแฝดสามารถรับรู้ถึงกันได้ของจ้าวและจันทร์อาจจะได้เกินจริงไปบ้าง แต่สำหรับจ้าวกับจันทร์ย่อมรู้ดีว่ามันเป็นความจริงเพราะพวกเขาก็มีชีวิตร่วมกันมาเป็นยี่สิบปีแล้ว
   
อีกไม่นาน… จะเกิดเรื่องเลวร้ายกับจันทร์ขึ้น
   
นั่นเป็นสิ่งจ้าวรู้สึกได้อย่างชัดเจนเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แม้แต่ในฝันเขาก็ยังฝันถึงจันทร์ ฝันว่าพวกเขาสามพี่น้องในวัยไม่เกินสิบขวบกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน เล่นด้วยกัน หัวเราะด้วยกิน มีความสุขจนกลัวว่าจะเป็นฝันตื่นหนึ่ง
   
และตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่งจริงๆ
   
ถึงแม้จะโตจนอายุขนาดนี้แล้วแต่จ้าวก็ยังแอบหวังว่าตัวเองจะนอนฝันได้นานกว่านี้ หัวเราะได้มากกว่านี้ เขาคิดถึงช่วงเวลาสั้นๆ อันล้ำค่าที่ไม่มีวันเกิดขึ้นอีก

หากแต่ความจริงก็โหดร้ายเสมอ

เขากำลังจะสูญเสียพี่น้องของตัวเองไปอีกคนแล้ว…

“จันทร์เป็นอะไรเหรอจ้าว เมื่อคืนพี่ยังเห็นแถลงข่าวอยู่เลย”

“ผมไม่รู้” จ้าวร้องไห้จนตาเริ่มบวม “แต่ผมรู้ว่าจันทร์จะไม่อยู่กับผมแล้ว”

ยิ่งจ้าวพูดเหมันต์ก็ยิ่งงง ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าจ้าวหมายถึงอะไร เลยเลือกที่จะใช้มือโอบตัวจ้าวไว้ข้างนึงและอีกข้างก็ลองเช็คข่าวสารภายในกับโน๊ตบุ๊คตัวเอง

“…”

นัยน์ตาสีเทาเบิกตากว้างเมื่อเห็นคำแถลงการณ์ล่าสุดว่าด้วยการหายตัวไปของ ‘จันทร์ นฤภัทร’ และเรื่องสำคัญอีกอย่างคือการตกลงเจรจากับกลุ่มอีกาที่หน้าทำเนียบรัฐบาลโดยมีสื่อมวลชนและคนทั้งสองฝ่ายเป็นพยาน ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไรแต่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับการพูดคุยกัน

“ผมไม่อยากให้จันทร์ตาย” จ้าวพูดเสียงพร่า “ผมจะทำยังไงดี”

เหมันต์รู้สึกประหลาดใจกับเซนส์ที่แรงจนน่ากลัวของจ้าวเพราะจ้าวไม่ได้รับรู้ข่าวสารภายนอกเลยแม้แต่น้อยแต่กลับรู้ว่าจันทร์กำลังตกอยู่ในอันตรายหรืออะไรสักอย่าง การหายตัวไปในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน

“พรุ่งนี้รัฐบาลกับกลุ่มอีกาจะเจรจากัน”

มือหนาลูบหัวจ้าวสั่นระริกจากการสะอื้น

“จ้าวอยากไปด้วยไหม”

“ไปครับ” จ้าวตอบโดยไม่ต้องคิดสัญชาตญาณเบื้องลึกบางอย่างกำลังกู่ร้องบอกเขาถึงลางร้ายที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าเกิดเขาไม่ไปเขาอาจจะเสียใจไปจนตายเลยก็ได้

แน่นอนว่าเพราะมันเป็นเพียงแค่ลางสังหรณ์จ้าวจึงไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในพรุ่งนี้

และถ้าหากจ้าวรู้ก็คงเลือกที่จะไม่ไปเสียตั้งแต่ทีแรก…



ถึงแม้จะมีการประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าการเจรจาครั้งนี้จะไม่ใช้ความรุนแรงแต่คนที่มาเข้าร่วมเป็นสักขีพยานครั้งนี้ก็มีไม่มากอยู่ดี ทุกอย่างดูบางตาไปหมดทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏ หากแต่แต่ละฝั่งก็ล้วนแต่มีบุคคลสำคัญในกลุ่มมาเพื่อลงนามหากว่าการเจรจาสำเร็จ

สนามหญ้าหน้าทำเนียบถูกจัดเป็นซุ้มง่ายๆ ไม่หรูหรานัก ท้องฟ้าวันนี้มืดครึ้มเป็นพิเศษราวกับว่าฝนจะตกตลอดเวลา บรรยากาศเป็นสีเทาหม่นหมอง ต้นไม้ที่พยายามเสียดแทงยอดขึ้นไปบนฟ้ามีกลุ่มเด็กนักเรียนที่สนับสนุนสันติภาพมาห้อยคำว่า ‘PEACE’ เต็มไปหมด พยายามวอนขอให้ทุกฝ่ายเจรจาด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ความสูญเสียที่มากมายในตอนนี้ทำให้ทุกฝ่ายควรจะประจักษ์ได้แล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่ความถูกต้อง แม้ว่าจะอ้างว่ามันคือความถูกต้องก็ตามที

แม้แต่กลุ่มนักข่าวที่หิวกระหายข่าวที่สุดตอนนี้ก็ยังมากันจำนวนไม่มากนัก เมื่อไม่มีอำนาจเงินมาล่อตาล่อใจก็แทบไม่มีใครกล้าออกจากที่ปลอดภัย มีเพียงนักข่าวที่ยังยึดมันในอุดมการณ์ความเที่ยงตรงที่ยอมมา ถึงแม้จะหวาดกลัวแต่พวกเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างจะออกมาดี

เวลานัดใกล้ขึ้นมาทุกทีแต่คนสำคัญที่สุดของกลุ่มกบฏก็ยังไม่มา คนที่ถูกแต่งตั้งเป็นตัวแทนของกลุ่มอีกาและมีอำนาจในการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดโดยไม่ต้องปรึกษาคนอื่นเพราะได้รับความเชื่อมันในตัวร้อยเปอร์เซ็นโดยไม่มีข้อกังขา

จ้าวซึ่งซ่อนตัวในชุดคลุมดำทั้งตัวและสวมหน้ากากที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อให้อัลฟ่าใช้ต้านน้ำหอมชั่วคราว กัดปากแน่นอย่างตึงเครียด รู้สึกเครียดจัดแม้ว่าจะนั่งบริเวณที่นั่งพิเศษติดกับขอบโต๊ะเจรจาก็ตาม ลึกๆ รู้สึกอยากจะจับมือร่างสูงข้างๆ เพื่อสงบสติอารมณ์แต่ก็ไม่กล้าทำ เพราะประธานบริษัทกิลลาสไม่เคยเปิดเผยมาก่อนว่าคนรักหรือไม่ การกระทำเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของ

จ้าวก็อาจจะเป็นเป้าสายตาได้ในพริบตา อย่างไรก็ตามเหล่าเหยี่ยวข่าวบางคนก็ชื่นชอบข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์มนุษย์อยู่แล้วเพราะมันขายได้ราคาและสนุกที่จะทำมากกว่าข่าวการเมืองเป็นไหนๆ

ร่างผอมจึงได้แต่นวดมือตัวเองอย่าประหม่า หายใจได้ไม่เต็มปอดราวกับมีฝูงผีเสื้อบินว่อนอยู่ในท้อง นัยน์ตาโศกที่อยู่หลังหน้ากากน้ำตาคลออย่างหวาดกลัว

กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองกลัวจะเกิดขึ้น..

“ใจเย็นๆ พี่อยู่ตรงนี้”
   
ในที่สุดเหมันต์ก็ทนเห็นจ้าวนั่งสั่นไม่ไหวตัดสินใจขยับเก้าอี้ตัวเองไปชิดกับจ้าว โอบตัวและจับมือจ้าว พยายามถ่ายทอดความอบอุ่นให้ร่างเย็นเฉียบของอีกฝ่ายโดยไม่สนใจสายตาคนภายนอกสักนิด อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเหมันต์ก็คือจ้าว
   
เหมันต์ย่อมไม่ปล่อยให้คนนอกมาอิทธิพลในการตัดสินใจอย่างแน่นอน!
   
นัยน์ตาโศกสั่นระริกเมื่อเห็นนาฬิกาเรือนยักษ์ที่แขวนอยู่บนต้นไม้แสดงเวลาที่ใกล้เข้ามาทุกที
   
11 : 58
   
อีกเพียงสองนาทีเท่านั้น..
   
“ฝ่ายอีกามาแล้ว! ขอพื้นที่หน่อยนะครับ ขอทางหน่อยครับ”
   
ชายในชุดดำซึ่งคาดเดาเพศไม่ได้ป่าวประกาศเสียงดัง พยายามกันที่ทางให้กว้างเพื่อให้กลุ่มคนที่กำลังจะลงจากรถตู้ได้เดินกันสบายๆ
   
เสียงฝีเท้าคู่แรกดังลั่นตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังสม่ำเสมอ กลุ่มกบฏสองคนได้มาถึงงานเจรจาเป็นที่เรียบร้อย เสียงพูดคุยที่ยังพอมีบ้างค่อยๆ เงียบจนแทบไม่ไดยินเสียงลมหายใจของใคร ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างผอมในเสื้อกาวน์อย่างไม่เชื่อสายตา
   
“…จันทร์?”
   
นักข่าวคนนึงเผลอพูดออกมาอย่างตื่นตระหนกและราวกับไปสะดุดปลั๊กอะไรบางอย่าง คนอื่นๆ ต่างมีปฏิกิริยาตามๆ กัน เกิดเสียงฮือฮาดังลั่น ความสงบเริ่มหายไปแทนที่ด้วยความสับสนระคนไม่พอใจของกลุ่มคนที่กำลังคาดเดาไปต่างๆ นานาว่ากลุ่มอีกาเล่นตุกติกอะไรถึงเอาคนสำคัญของฝ่ายรัฐบาลไปอยู่ด้วย
   
เสียงโซ่กระทบกันดังเป็นจังหวะเข้ากันกับเสียงฝีเท้า ปลอกคอเหล็กที่จันทร์สวมอยู่นั้นล่ามเอาไว้กับข้อเท้าจนก้าวยาวๆ ไม่ได้ เรื่องหลบหนีจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย
   
เหล่าผู้คนตอนนี้เริ่มมีคนส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายเพราะมีหลายคนที่ศรัทธาในตัวจันทร์ ยึดมันในคำพูดของจันทร์ที่มักจะออกสื่ออยู่บ่อยๆ ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และฝ่ายรัฐบาลต้องได้รับชัยชนะในที่สุด
   
หากแต่บุคคลสำคัญทั้งสองก็ไม่สนใจเดินไปนั่งประจำที่ของตัวเองที่มีสองที่นั่งพอดี บนโต๊ะมีป้ายคำว่ากลุ่มอีกาตั้งอยู่ เหล่าสื่อมวลชนเริ่มรู้ตัวทำหน้าที่ของตัวเอง ถ่ายทอดสดไปยังสถานี นักข่าวหลายสำนักต่างพากันรายงานกันใหญ่ว่า ‘จันทร์ นฤภัทร’ ได้ถูกฝ่ายกบฏจับตัวเป็นตัวประกัน หากรัฐบาลคิดจะช่วงชิงโอกาสเพื่อฆ่าฝั่งกบฏจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเพราะไม่มีทางรู้เลยว่าหากทำไปแล้ว ชีวิตนายแพทย์จันทร์จะเหลือรอดหรือไม่ ทันทีที่ควักอาวุธออกมาในชั่วพริบตาฝั่งกบฏก็อาจฆ่าจันทร์ในเสี้ยววินาที นับว่าเป็นการกระทำที่ได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอน
   
“ขอความสงบด้วยครับ”
   
คนที่ตกเป็นประเด็นของพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดังกังวาน ใบหน้าที่ควรจะหวาดกลัวกลับนิ่งสงบอย่างไม่ควรจะเป็น นัยน์ตาโศกกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ร่างหนึ่งที่แม้จะไม่เห็นหน้าแต่ก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
   
ชั่วขณะหนึ่งนัยน์ตาโศกวูบไหวแต่ระยะเวลาของมันกว่าสั้นเกินกว่าที่ใครจะมาสังเกตเห็น
   
พี่ไม่ควรมาอยู่ที่นี่..
   
จันทร์นึกในใจทั้งๆ ที่อยากจะวิ่งไปไล่ให้จ้าวกลับบ้านหรือไปที่ไหนก็ได้เพราะวันนี้มันไม่ใช่วันที่สองพี่น้องจะเจอกันสักนิด เขากำลังจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ ทำในสิ่งที่ไม่ควรมีคนในครอบครัวมาอยู่ใกล้ๆ เพราะอาจจะทำให้การตัดสินใจไขว้เขได้
   
เพียงไม่นานทุกอย่างก็อยู่ในความสงบตามที่จันทร์ร้องขอ จันทร์เหลือบมองเบต้าร่างใหญ่ที่มาเจรจาด้วยตนเอง ทั้งๆ ที่โดนคนในกลุ่มคัดค้านจนหัวชนฝา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมหากแต่สวมชุดที่ดูเป็นทางการขึ้น สีหน้านิ่งสงบแม้ว่าคนของทางการยังไม่มานั่งก็ตามที
   
หนึ่งนาทีที่เหลือและกำลังไล่ลงในที่สุดกลุ่มของทางการก็เปิดปากเอ่ยทักทาย
   
“สวัสดีครับ วันนี้ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายเจรจาจากรัฐบาล ยินดีที่พบกันครับ”
   
น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยทักทายเป็นของหนึ่งในบุคคลสำคัญของฝ่ายรัฐบาล หรือนายปตินันท์ผู้เป็นรัฐมนตรีผู้มีสิทธิ์มีเสียงสำคัญในรัฐบาลชุดนี้ ร่างสูงใหญ่อย่างพวกอัลฟ่าอยู่ในชุดสูทสีดำปลอดเข้าคู่กันดีกับผู้คุ้มกันสองคนที่นั่งประกบซ้ายขวา ใบหน้าของรัฐมนตรีผู้สูงส่งนั้นแม้จะไม่แสดงความรู้สึกอะไรแต่แววตากลับมองเหยียดกลุ่มอีกาอย่างไม่ปิดบัง ไม่เว้นแม้แต่จันทร์ที่เคยพูดคุยกันมาก่อน
   
สำหรับเขาแล้วคนที่โดนกลุ่มกบฏจับตัวได้นั้นก็มีค่าไม่ต่างกับเศษสวะนัก…
   
แน่นอนว่าสิตก็ไม่ได้โง่จึงพอจะรับรู้สายตาเหยียดหยามอยู่บ้าง หากแต่ก็สามารถควบคุมอารมณ์ไม่ให้โกรธได้อย่างสมบูรณ์แบบ การที่เขายอมมาด้วยตัวเองย่อมแสดงถึงอะไรหลายๆ อย่างได้ดีอยู่แล้ว
   
สิตจึงจับมือที่ยืนมาเต็มมือโดยไม่แสดงความไม่พอใจด้วยการบีบกลับแรงๆ อย่างที่ควรจะทำ
   
“ยินดีที่ได้พบกันเช่นกันครับ ผมชื่อสิต เป็นหัวหน้ากลุ่มอีกาครับ”
   
เมื่อสิตพูดจบลงก็เกิดเสียงฮือฮาไม่เว้นแม้แต่ปตินันท์ที่ยังหลุดสีหน้าเหวอๆ ออกมาเพราะไม่คาดคิดว่าคนที่ถือเป็นบุคคลสำคัญสุดๆ ของกลุ่มอีกาจะลงมาเจรจาวันนี้ด้วยตัวเอง
   
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับว่าถ้าผมตายกลุ่มอีกาจะเป็นยังไงต่อ กลุ่มของผมมีหัวหน้าหลายคนครับ พวกเขาสามารถบริหารงานแทนผมได้อย่างแน่นอน” สิตยิ้มเย็นเยียบ นัยน์ตาเย็นชาสบตากับนายรัฐมนตรีที่ตอนนี้ไม่กล้ามองมาอย่างสมเพชอีกต่อไป
   
เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าก็คือคนที่สามารถฆ่าอัลฟ่าได้โดยไม่กระพริบตาและรู้สึกรู้สาอะไร เป็นมนุษย์ที่เจนโลกและจมลงในบ่อความเกลียดชังจนตายทั้งเป็นในนั้น
   
บรรยากาศการพูดคุยที่เริ่มร้อนระอุทำให้เบต้าในชุดทางการเรียบร้อยรีบเข้ามาสงบศึกก่อนที่จะเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ “งั้นผมที่อาสาเป็นคนกลาง ขอให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มเจรจาเลยครับ”
   
สิตวางเอกสารที่เตรียมมาบนโต๊ะและดันมันไปตรงหน้าฝ่ายรัฐบาล “สิ่งที่กลุ่มของผมต้องการก็ตามที่เอกสารในฉบับนี้ว่าไว้ ซึ่งพวกคุณก็น่าจะได้รับตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สิ่งแรกที่พวกผมต้องการคือการให้สิทธิเท่าเทียมกันจริงๆ ขอเป็นข้อกฏหมายคุ้มครองพวกโอเมก้าและเบต้าไม่ให้โดนอัลฟ่าดูหมิ่น ผมไม่ต้องการคำมั่นปากเปล่าเพราะพวกคุณไม่เคยสามารถทำให้มันเป็นจริงแม้แต่ครั้งเดียว”
   
“ถ้าผมตกลงเซ็นแล้วทางผมจะได้อะไร” ปตินันท์ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา
   
แน่นอนว่าคำตอบเล่นเอาสิตเหยียดยิ้ม “พวกคุณไม่ได้อะไรหรอกครับ เสียใจด้วย ฝ่ายที่ได้ก็คือพวกผมหรือพวกเบต้าและโอเมก้าที่พวกคุณรังเกียจนักหนา พวกเราก็แค่มีสิทธิเท่าเทียมกับคุณ พวกเราสามารถทำอะไรก็ได้เหมือนที่อัลฟ่าทำ”
   
“ข้อเสนอต่อไป”
   

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ปตินันท์ตัดบทเพราะแค่ข้อเสนอแรกก็ไม่เข้าหูแล้ว ยิ่งได้ฟังจากปากฝั่งกบฏจริงๆ ยิ่งรู้สึกเดือดดาลเพราะไม่ควรมีเบต้าคนไหนกล้าต่อกรกับอัลฟ่าผู้สูงส่งอย่างพวกเขา
   
“สนับสนุนการศึกษาเด็กทุกคนเหมือนที่พวกคุณสนับสนุนอัลฟ่า” สิตพูดอย่างใจเย็นแม้จะเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเอง ในวัยเด็กเขาได้เรียนถึงแค่ประถมปลายเพราะมีพ่อแม่เป็นโอเมก้า “เด็กทุกคนที่เกิดมาล้วนมีความสามารถเฉพาะตัวของตัวเอง ขอแค่พวกเขาได้อยู่ในสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ยากหรอกที่พวกเขาจะเปล่งประกายออกมา”
   
“ผมขออ้างอิงจากการวิจัยของสหรัฐอเมริกา” นายรัฐมนตรีดันแว่นสายตาตัวเองขึ้นก่อนที่จะพูดเสียงแข็ง “โดยเฉลี่ยแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นอัลฟ่าจะมีสติปัญญาที่ดีกว่าโอเมก้าและเบต้า ไอคิวโดยเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ทั่วไป ผมขอถามคุณสิตว่าทำไมเราต้องลงทุนกับเด็กทุกคนที่มีประสิทธิภาพทางสมองไม่เท่ากับอัลฟ่าด้วย”
   
“เพราะพวกเขาเป็นมนุษย์” สิตตอบ “มนุษย์ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ไม่มีใครเลือกเกิดได้หรอก คุณปตินันท์ คุณจะบอกว่าเด็กพวกนั้นผิดเหรอที่เกิดมาเป็นโอเมก้า”
   
“ถ้าเป็นผม ผมจะลงทุนกับสิ่งที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด”
   
“แต่ถ้าเป็นผม ผมจะให้โอกาสกับทุกคน”
   
สิตเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาเจ็บปวดที่ยังคงถูกปฏิบัติอย่างดูถูกเช่นเดิมทั้งๆ ที่นี่เป็นการคุยเจรจาเรื่องความเท่าเทียมกัน
   
“ในทีมวิจัยของผม มีผู้หญิงคนนึงเป็นโอเมก้า”
   
เสียงทุ้มนุ่มนวลราบเรียบพูดขึ้นมา เรียกความสนใจจากทุกคน ทุกสายตาจดจ้องไปยังร่างที่โดนคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าถูกจับเป็นตัวประกัน
   
จันทร์ยังคงสุขุมแม้ว่าจะถูกมองด้วยเกลียดชังจากฝ่ายรัฐบาล “เธอเป็นโอเมก้าที่เก่งมาก เก่งกว่าเบต้าและอัลฟ่าในทีมของผมซะอีก ถ้าคุณไม่เชื่อในคำพูดของผมก็ลองไปดูในรายชื่อนักวิจัยดู เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในทีมของผมครับ”
   
“สถานะของคุณตอนนี้คืออะไร จันทร์”
   
ปตินันท์ถามและมันก็คือสิ่งที่ทุกคนอยากรู้พอดี เพราะการสนับสนุนคำพูดฝ่ายกบฏนั่นก็ทำให้ความเป็นไปได้ที่จันทร์จะอยู่ฝั่งกบฏก็นับว่าสูงมาก
   
“ผมก็แค่พูดความจริง” จันทร์เลือกที่จะไม่ตอบ “หน้าที่ของผมวันนี้ก็แค่พูดความจริงเท่านั้น” นัยน์ตาโศกจ้องมองนายปตินันท์ที่มักจะพูดพะเน้าพะนอตัวเองมาตลอดด้วยความสมเพช “ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์และอยู่ในวงการสายสุขภาพมานาน ผมสามารถยืนยันได้ว่าทุกคนที่มีความสามารถครับ อัลฟ่าที่โง่เง่าใช้แต่กำลังก็มีเยอะแยะถมไป งานวิจัยที่คุณอ้างมามันก็เป็นของสำนักข่าวที่ชอบเขียนข่าวอวยอัลฟ่าครับ เขียนแล้วได้เงินกับได้หน้าน่ะ คุณเคยได้ยินไหม”
   
นายรัฐมนตรีรู้สึกชาไปทั้งหน้าและขบกรามกรอดอย่างไม่พอใจ แทบจะกระชากตัวออกจากที่นั่งถ้าไม่ถูกคนคุ้มกันสองคนรั้งตัวเอาไว้ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการโดนทำให้ขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน!
   
“งั้นผมจะพูดข้อเสนอข้อที่สามเลยแล้วกันนะครับ” สิตพูดเพื่อเรียกความสนใจกลับมาที่ตัวเอง อย่างไรก็ตามการเสี่ยงมาวันนี้ก็เพื่อเจรจาและมันก็ต้องสำเร็จ “พวกเราขอให้พวกคุณอนุญาตให้โอเมก้าได้รับการบริการทางด้านสาธารณสุขทุกอย่างเทียบเท่ากับอัลฟ่าและเบต้า ขอให้พวกโอเมก้าได้ใช้โรงพยาบาลเดียวกับพวกคุณและหมอที่รักษาคนเดียวกันไม่มีการแบ่งแยก”
   
“คุณเสียสติไปแล้วเหรอ คุณสิต” ปตินันท์แค่นเสียงพูดยากเย็น “โอเมก้าไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยซ้ำ แค่จำศีลนิดหน่อยพวกโอเมก้าก็หายแล้ว”
   
นัยน์ตาของสิตวาวโรจน์ “ผมขอถามหน่อยนะว่าถ้าคุณโดนแทงเป็นสิบๆ แผล คุณจะยังนอนให้ร่างกายรักษาตัวเองได้ไหม! คุณไม่รู้หรอกว่ามีโอเมก้ากี่คนที่พยายามเข้าโรงพยาบาลรัฐของพวคุณแล้วโดนไล่ตะเพิดออกมาเหมือนหมูเหมือนหมา พวกเราพยายามรักษาให้กันเองแต่มันก็ได้ผลดีไม่เท่าไหร่ ในที่สุดแผลก็ติดเชื้อแล้วพวกเขาก็ตาย!”
   
ภาพที่โอเมก้าร้องครวญครางนอนสิ้นหวังอยู่บนพื้นยังปรากฎชัดในความทรงจำของสิต ความไม่เท่าเทียมมันเป็นความโหดร้ายอย่างหนึ่งจนเขารู้สึกให้อภัยมันไม่ได้เพราะไม่มีใครสมควรตาย
   
“พูดข้อเสนอต่อไป”
   
ปตินันท์ตัดบทอย่างรำคาญ ไม่คิดจะฟังตั้งแต่รู้ว่าสิตกำลังพูดถึงโอเมก้าที่โดนแทง สำหรับเขาแล้วโอเมก้าก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากมายนัก นอกจากเป็นตัวเลือกในการเป็นทายาทสำหรับคนที่มีลูกยาก
   
สิตขบกรามกรอดตัวสั่นระริกอย่างเดือดดาล
   
“พวกเราอยากให้อัลฟ่าได้รับบทลงโทษเท่าเทียมกับพวกโอเมก้า”
   
ข้อกฎหมายที่ถูกเขียนขึ้นมาในตอนนี้นั้นแม้แต่เด็กก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบธรรม ยกตัวอย่างเช่นคดีลักขโมย หากเป็นโอเมก้าขโมยจะถูกจำคุกสิบปีอีกทั้งยังโดนริบทรัพย์สินทั้งหมดและถูกสวมปลอกคอสำหรับนักโทษโดยเฉพาะเป็นการประจานเมื่อพ้นโทษ แต่ถ้าเป็นอัลฟ่าขโมยจะมีโทษร้ายแรงมากสุดแค่ปีเดียวเท่านั้นอีกทั้งยังสามารถผ่อนผันหรือจ่ายเงินแทนเข้าคุกก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างชอบธรรมเพราะสังคมเชื่อว่าอัลฟ่ามีความสูงส่งกว่าเบต้าและโอเมก้า ย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้
   
ถึงแม้จะรู้ว่าฝั่งกบฏจะพูดถึงข้อเสนอนี้แต่ปตินันท์ก็ยังคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดีเพราะทุกข้อเสนอล้วนแล้วแต่เป็นการล้มล้างอำนาจของอัลฟ่าทั้งนั้น ความสะดวกสบายและสิทธิพิเศษของพวกเขากำลังจะช่วงชิง แน่นอนว่าในฐานะตัวแทนกลุ่มจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด
   
“ผมไม่คิดว่าโอเมก้าที่จะมีสติปัญญาหรือศีลธรรมเทียบเท่ากับอัลฟ่า”
   
“ผมไม่ได้มาเพื่อถามความคิดของคุณ วันนี้ผมมาเพื่อยื่นข้อเสนอที่จะทำให้เราทุกคนเท่าเทียม ผมไม่อยากให้โอเมก้าทรมานจากผลกรรมที่ไม่ได้ก่ออีกแล้ว พวกเขาสมควรได้รับชีวิตที่ดีและปลอดภัย ผมถามคุณจริงๆ เถอะ คุณไม่สงสารพวกเขาบ้างเหรอ”
   
“ในนามของรัฐบาลผมก็ขอถามคุณกลับว่าคุณคิดจริงๆ เหรอว่าที่คุณขอมาทั้งหมดมันจะทำได้จริง ขอโทษนะคุณสิต คุณควรตื่นจากฝันได้แล้ว อะไรที่เป็นไปไม่ได้มันก็คือเป็นไปไม่ได้อยู่วันยันค่ำนั่นแหละ”
   
สิตตัวสั่นระริกกระอักกับความจริงจนพูดเสียงพร่าออกมา
   
ใช่… เขารู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่พวกเขาร้องขอนั้นเป็นความจริงได้ยากมาก และนี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกของโอเมก้า พวกเขาก็เป็นแค่อีกครั้งหนึ่งของพยายามเท่านั้น
   
“ผมรู้.. มันยาก ผมรู้ แต่ที่ผมพยายามถึงตอนนี้ก็เพื่อให้มันเป็นจริง!”
   
ทั้งชีวิตที่ไม่เคยจะฆ่าใครเขายังต้องทำ ในเมื่อมือของเขาเปื้อนเลือดแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องล้างมันออกตราบใดที่ความพยายามของเขายังไม่บรรลุผล เขาไม่สนใจหรอกว่าตัวเองจะตายหรือไม่ แต่ทุกอย่างมันควรจะมีอะไรคืบหน้าได้แล้ว นอกจากเลขจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากขึ้นทุกทีในแต่ละวัน
   
“ข้อเสนอสุดท้ายของกลุ่มอีกา ขอให้โอเมก้าได้มีสิทธิ์สมัครลงเลือกตั้งเป็นนายกครับ”
   
ปัง!!
   
ปตินันท์ทุบโต๊ะเสียงดังลั่นอย่างเดือดดาลเมื่อได้ยินข้อเสนอสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่ในเอกสารแต่กลับเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด “แกเสียสติไปแล้วรึไงวะ! มีแค่อัลฟ่าเท่านั้นที่จะขึ้นตำแหน่งนายกได้ ขนาดเบต้าเก่งๆ ยังเป็นไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับพวกโอเมก้าสวะอย่างพวกแก”
   
“เอาสิ! ถ้าไม่รับข้อเสนอผม ผมก็จะไม่รับประกันความปลอดภัยของคนที่หลบอยู่ในเขตปลอดภัยหรอกนะ”
   
การใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมักนำพาไปสู่การตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุด สิตหัวเราะในลำคอนัยน์ตาขึ้นสีแดงก่ำอย่างดุร้าย เผยแผนลับของตัวเองออกมาถ้าหากวันนี้การเจรจาไม่สำเร็จ
   
“..เป็นไปไม่ได้ แกไม่มีทางเข้าไปในนั้นได้ มีแค่อัลฟ่าเท่านั้นที่มีสิทธิ์”
   
“ถ้าอยากรู้ก็ลองดู!” สิตลุกพรวดถลึงตามอง  ทั้งๆ ที่ตั้งใจมาเจรจาด้วยสันติแต่กลับโดนดูถูกไม่หยุดไม่หย่อนและไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจจุดประสงค์ของการเจรจาครั้งนี้ด้วย
   
“พอ”
   
น้ำเสียงทุ้มราบเรียบพูดพร้อมกับดึงชายเสื้อสิตให้กลับมานั่งลง แน่นอนว่าคนที่ขีดอารมณ์ขึ้นสูงไปแล้วก็ยากที่จะลงมา จันทร์จึงถูกตบมือที่แตะเสื้อทันที
   
เพี๊ยะ
   
“อย่าเสือก!”
   
สีหน้าราบเรียบของนายแพทย์หนุ่มเริ่มกระตุก นัยน์ตาโศกเริ่มรู้สึกเดือดดาล
   
“ผมจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว สิต ผมขอให้คุณนั่งลง”
   
“กูบอกว่าอย่าเสือกไ—“
   
สิตเบิกตาค้างเมื่อปากกระบอกปืนจ่อที่หัวตัวเอง
   
“จะนั่งดีๆ รึยัง” จันทร์พูดเสียงเย็น
   
และแน่นอนว่ามันทำเอาทุกคนตื่นตระหนกเพราะไม่คาดคิดว่าคนอย่างจันทร์จะใช้อาวุธข่มขู่ใคร ส่วนบอดี้การ์ดทั้งสองที่มากับปตินันท์ก็ต่างพากันหยิบปืนออกมาเช่นกัน แม้จะไม่ได้เล็งมาที่จันทร์แต่ก็เพื่อแสดงว่าทางฝ่ายนั้นก็มีอาวุธ อย่าได้คิดเล่นตุกติกที่จะยิงมาทางฝั่งนี้โดยเด็ดขาด
   
“เออ!”
   
สิตขบเคี้ยวฟันกระแทกตัวนั่งกับเก้าอี้ รู้สึกพลาดที่ไม่ยอมค้นตัวจันทร์ดีๆ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายพกขวดยากับอะไรไม่รู้มาเต็มไปหมดที่คาดว่าน่าจะมาใช้สำหรับการเจรจา
   
“ต่อไปนี้ผมจะเป็นตัวแทนกลุ่มอีกาในการเจรจา” จันทร์ประกาศกร้าวในมือยังคงถือปืนไม่ปล่อย นัยน์ตาโศกสบกับแววตาสมเพชที่มองมาที่ตัวเองอย่างไม่ปิดบัง “ผมจะขอถามพวกคุณอีกครั้งว่าจะไม่รับข้อเสนอของฝั่งเราสักข้อเลยใช่ไหม”
   
“ใช่ ข้อเสนอปัญญาอ่อนพวกนั้น แกคิดเหรอว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงๆ ”
   
“ครับ ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นได้จริงๆ ถ้าพวกเราร่วมมือกัน” ทั้งๆ ที่ถูกเหยียดหยามซึ่งๆ หน้าแต่จันทร์ก็เลือกที่จะไม่สนใจเพราะสิ่งที่พูดมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมาสนใจอัลฟ่าไร้ค่าที่อคติกับโอเมก้ามาตลอดชีวิต
   
และในเมื่อไม้อ่อนไม่สามารถใช้ในการพูดคุยได้ จันทร์จึงเลือกที่จะใช้ไม้แข็งในการเจรจา
   
นัยน์ตาโศกตอนนี้ดุดันไม่ต่างกับราชสีห์ พยายามเชือดเฉือนสายตากับปตินันท์จนฝ่ายหลังเริ่มหวั่นและหลบสายตาอย่างหวาดกลัว
   
“ถ้าพวกคุณเลือกที่จะอคติและไม่ฟังสิ่งที่กลุ่มอีกาพูดเลย ผมก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยเพราะสงครามกลางเมืองมันจะไม่จบแค่นี้ พวกคุณจะตายกันอีก ตายกันให้หมดทั้งประเทศ รู้อะไรไหมว่าในกลุ่มรัฐบาลของพวกคุณมีคนของกลุ่มอีกาแทรกซึมอยู่แทบทุกตารางนิ้ว”

จันทร์หัวเราะในลำคอเมื่อสีหน้าของกลุ่มรัฐบาลที่เริ่มจะซีดเผือด เพราะมันเป็นดังที่จันทร์ว่าจริงๆ ทุกวันนี้ฝ่ายรัฐบาลนั้นแทบจะตกเป็นรองในทุกเรื่อง จับตัวสำคัญในฝ่ายกบฏไม่ได้สักที
   
“ผมขออ้างอิงจากงานวิจัยในสหรัฐอเมริกา” นายแพทย์หนุ่มกล่าวยอกย้อนด้วยสีหน้ายียวน “จากผลการวิจัยจำนวนของอัลฟ่ามีน้อยกว่าเบต้าและโอเมก้าหลายเท่า ถ้านับเป็นเปอร์เซ็น อัลฟ่าก็มีจำนวนแค่เจ็ดเปอร์เซ็นจากจำนวนทั้งหมด ผมอยากให้คุณปตินันท์ลองคิดดูว่าจริงๆ แล้วอัลฟ่านี่มีกี่คนและเหตุผลอะไรที่เพศอื่นๆ ต้องรับใช้อัลฟ่าที่มีอยู่จำนวนน้อยนิดด้วย”
   
“แน่สิ เพราะพวกเรามีค่ามากกว่าพวกเบต้าและโอเมก้าชั้นต่ำไง”
   
คำตอบที่พูดออกมาทันทีดูเหมือนจะไม่เข้าหูบอดี้การ์ดทั้งสองนัก ทั้งสองคนจ้องหน้ากันเชิงหารือเมื่อคิดเมื่อพบว่าคิดเหมือนกันจึงเลือกที่จะถอยออกไปรวมกับกลุ่มอีกา โดยทิ้งให้รัฐมนตรีวัยกลางคนยืนอยู่คนเดียวด้วยสีหน้างุนงงระคนหวาดกลัว
   
“เดี๋ยว เดี๋ยวสิ! พวกแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ อย่าลืมนะว่าฉันเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้พวกแกนะเว้ย”
   
ความปลอดภัยของปตินันท์หายไปทันทีเมื่อไร้คนคุ้มกัน รู้สึกหวาดกลัวสายตาที่มองมาอย่างเกลียดชังจากรอบตัวอย่างน่าประหลาดเพราะจำนวนเบต้าและโอเมก้าในสถานที่แห่งนี้มีมากกว่าอัลฟ่านัก
   
“ดูเหมือนว่าคุณจะตกอยู่ในอันตรายนะ คุณรัฐมนตรี” จันทร์ยิ้มก่อนที่จงใจจ่อปลายกระบอกไปที่อีกฝ่าย “ผมขอถามคุณอีกครั้งนะครับว่าจะรับข้อเสนอของเราไหม ถ้าคำตอบยังคงคือไม่สักข้อ ผมก็คงจะรับประกันความปลอดภัยของคุณและคนอื่นๆ ไม่ได้”
   
“แก แกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ อย่า อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมเซ็นสัญญาบ้าๆ นี่เพราะแกจะฆ่าฉัน” คนเป็นอัลฟ่าพูดเสียงสั่นสีหน้าหวาดกลัวจนหมดมาดรัฐมนตรีผู้น่าเกรงขาม
   
“ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะฆ่าคุณ” เพื่อแสดงความจริงใจจันทร์จึงวางปืนลงบนโต๊ะและมองปตินันท์ด้วยสายตาว่างเปล่า “ผมแค่ต้องการให้สงครามยุติเท่านั้น ผมไม่อยากให้มีใครตายเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว”
   
จันทร์ลุกขึ้นยืนและล้วงหยิบขวดยาซึ่งบรรจุน้ำแดงก่ำขึ้นมาถือและเขย่ามันเบาๆ จนมันกลายเป็นสีม่วงเข้ม
   
“สิ่งที่อยู่ในมือของผมคือยาปรับฮอร์โมน มันสามารถทำให้คนทุกเพศกลายเป็นคนสภาวะไร้เพศ” ร่างผอมเว้นระยะหายใจก่อนที่จะพูดต่อ “สภาวะไร้เพศที่ผมหมายถึงไม่ใช่แค่การทำให้เหลือแค่เพศชาย เพศหญิง แต่กลายเป็นสภาวะไร้เพศจริงๆ ทุกเพศสามารถตั้งครรภ์และเป็นฝ่ายทำให้อีกคนตั้งครรภ์ได้ ทำให้แม้แต่เบต้าหญิงที่ปกติไม่สามารถทำให้ใครตั้งครรภ์ได้ ถ้าได้ยาปรับฮอร์โมนของผมหนึ่งเดือนแล้วเข้าสู่สภาวะไร้เพศ คุณก็จะสามารถทำให้คู่รักของคุณตั้งครรภ์ได้และแน่นอนว่าการที่คุณเข้าสู่สภาวะไร้เพศแล้ว คุณจะไม่มีโอกาสกลับไปเป็นเพศเดิมของคุณได้อีก”
   
เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจของกลุ่มคนจันทร์จึงอธิบายต่ออย่างใจเย็น
   
“ผมสร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับโอเมก้าและเบต้าครับ ถ้าการเป็นอัลฟ่าคือทำให้เพศอื่นตั้งครรภ์ได้ ยาของผมก็สามารถทำให้คุณเป็นอัลฟ่าได้โดยไม่ต้องกลายเป็นอัลฟ่า ถ้าทุกคนทำเหมือนที่อัลฟ่าทำได้ ความแตกต่างก็จะลดน้อยลงเพราะไม่รู้ว่าอัลฟ่ากับพวกสภาวะไร้เพศต่างกันตรงไหน”
   
“…แล้วลูกที่เกิดมาล่ะ จะโง่เหมือนพวกโอเมก้ารึเปล่า”
   
แน่นอนว่าคำถามมาจากคนเดิม
   
จันทร์มองคนถามด้วยหางตา “ไม่ครับ เด็กทุกคนมีประสิทธิภาพของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน คุณก็สามารถฉลาดและมีความสามารถได้ทั้งนั้น ขอแค่คุณอยู่ในสังคมที่ดีและให้โอกาสมากพอ”
   
ปตินันท์รู้สึกอึดอัดน้ำท่วมปากพูดไม่ออกเพราะไม่ว่าจะพูดสิ่งใดก็ดูจะขัดหูขัดตาคนอื่นไปหมด ซึ่งเขาก็ทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ ที่จะอยู่ร่วมกับเหล่าเบต้าและโอเมก้าอย่างเท่าเทียมกัน มันไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
   
“สิ่งที่กลุ่มอีการ้องขอมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย พวกเขาก็แค่ขอสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ทั่วไปให้กับโอเมก้า ให้พวกเขามีโอกาสในการใช้ชีวิตและตามล่าความฝันของตัวเอง คุณจะให้พวกเขาไม่ได้จริงๆ เหรอ” จันทร์พูดเสียงเบาลง “ตลอดหลายร้อยปีที่พวกคุณกดหัวพวกเขาลงให้ต่ำลงแล้วเหยียบย่ำ พวกคุณยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอ ผมว่ามันถึงเวลาที่ควรจะพอได้แล้ว”
   
ถึงแม้จันทร์จะพูดเสียงเบาลงแต่ไมค์ที่ติดอยู่บริเวณโต๊ะก็สามารถขยายเสียงได้เป็นอย่างดี เหตุการณ์ที่เป็นไปทั้งหมดในตอนนี้ล้วนอยู่ในสายตาของทุกคนที่กำลังดูอยู่ ทั้งผ่านทางวิทยุ โทรทัศน์ และการไลฟ์สด
   
“ไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อ”
   
จันทร์หลับตาซ่อนนัยน์ตาโศกที่วูบไหว
   
“โอเมก้าไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเขาไม่สมควรถูกทำร้าย ไม่ควรถูกข่มขืน ไม่ควรถูกทำอะไรทั้งนั้น พวกเขาเป็นมนุษย์เหมือนพวกเรา พวกเขาร้องไห้เป็น พวกเขาเจ็บเป็น และผมขอพูดครั้งสุดท้ายแทนกลุ่มอีกาว่าขอโอกาสให้พวกเขาด้วย ผมไม่อยากให้มีคนตายไปมากกว่านี้อย่างไร้เหตุผล”
   
เมื่อจันทร์พูดจบก็เกิดความเงียบไปทั่วบริเวณเพราะมันคือความจริงที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ พวกเขาล่วงละเมิดสิทธิของโอเมก้ามานานแล้วและควรที่จะเลิกทำมันสักที มีโอเมก้าหลายคนที่นั่งฟังอยู่ที่ปลอดภัยร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองต้องพบเจอตั้งแต่จำความได้
   
โลกใบนี้มันโหดร้ายและก็มีคนมากมายเลือกที่จะปลิดชีวิตตัวเองเพื่อหนีมัน แต่ก็มีหลายคนที่ยังคงอดทนหวังว่าสักวันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง หวังว่าพวกเขาจะได้มีความสุขมากกว่านี้หนึ่งวันก็ยังดี
   
“สิ่งที่ผมจะทำได้ก็มีเท่านี้” จันทร์พูดเสียงพร่าและลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาโศกฉายความเด็ดเดี่ยวจ้องมองไปที่ร่างผอมที่รู้จักกันมาเป็นอย่างดีตลอดยี่สิบห้าปี “สุดท้ายนี้ผมมีอะไรจะสารภาพ”
   
หัวใจในอกจ้าวคล้ายกับเต้นช้าลงเมื่อถูกจันทร์จดจ้อง
   
ความเศร้าอันยากที่จะอธิบายอัดแน่นในอกจนหายใจไม่ออก
   
“ผมเป็นคนฆ่าพริมเอง”

ทุกคนต่างพากันฮือฮอาขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกกับความจริงที่ปรากฎ พวกเขาล้วนแล้วแต่ปักใจเชื่อมาตลอดว่าจ้าวเป็นคนทำแม้ว่าจ้าวจะพยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองแล้วก็ตามที

“จ้าวไม่ได้ทำ ผมเป็นคงแทงเป็นพริมเอง จ้าวเป็นคนบริสุทธิ์ ที่ผมทำมาทั้งหมดมันก็แค่เป็นการใส่ร้ายจ้าวเท่านั้น ผมเคยคิดว่าตัวเองเกลียดพี่นะแต่จริงๆ ผมเกลียดตัวเองมากกว่า”

“…”

จ้าวพูดอะไรไม่ออกเมื่อจันทร์พูดแก้ต่างให้ตัวเอง ล้างมลทินให้เขาออกอย่างหมดจดด้วยการโยนตัวเองเข้าไปในบ่อโคลนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ผมรักพี่นะ จ้าว รักมาก ขอโทษที่ผมทำตัวไม่ดีใส่พี่มาตลอด”

จันทร์ยิ้มออกมาอย่างจริงใจหากแต่การกระทำกลับสวนทาง

นัยน์ตาโศกเบิกตากว้างตื่นตกใจสุดขีด

“ผมรักพี่นะ“

ปัง

“ไม่!!” จ้าวกรีดร้องออกมาก่อนที่จะกระโจนเข้าไปหาร่างที่ทรุดไปกองบนพื้น กลุ่มเลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากศีรษะอาบไปทั้งร่างของจันทร์และจ้าว จ้าวถอดหน้ากากตัวเองออกร้องไห้โหยหวนออกมาอย่างทนไม่ได้

“ไม่ จันทร์ อย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งพี่ไป ฮึก พี่ไม่ได้โกรธจันทร์ พี่ขอโทษ ฮืออ ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษ”
จ้าวช็อคจนไม่ได้สติ พูดแทบไม่เป็นภาษาเมื่อลางสังหรณ์ของตัวเองเป็นจริง ทำได้เพียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างขวัญเสียและรู้สึกเจ็บปวดจนทนแทบไม่ได้

“ไม่เอา จันทร์ ฮึก ไม่เอาแบบนี้”

ยิ่งเห็นเลือดที่ไหลบ่าออกมาย้อมเสื้อกาวน์ หัวใจของจ้าวสลาย เขาสูญเสียคนในครอบตัวเองอีกแล้ว มันเกิดขึ้นอีกแล้วและทำไมต้องเกิดขึ้นกับเขาด้วย

“ฮึก ไม่เอา จันทร์ อย่าทิ้งพี่ไว้คนเดียว” จ้าวกอดตัวจันทร์แน่นสะอื้นจนตัวโยน เจ็บปวดจนแทบคลุ้มคลั่ง

เขาทนไม่ไหวแล้ว…

เหมันต์ซึ่งมีสติที่สุดตะโกนเรียกออสตินให้เตรียมรถทันทีส่วนตัวเองก็รีบก้าวไวๆ มาหาจ้าวแต่กลับถูกเหล่าอัลฟ่าเบต้าโอเมก้าที่อยากรู้อยากเห็นเหตุการณ์มายืนออขวางทางเต็มไปหมด

“ถอยไป!”

คำรามเพียงครั้งเดียวทุกคนที่ขวางทางก็หลบกันจ้าละหวั่นอย่างหวาดกลัวราวกับเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย ไม่เว้นแม้แต่อัลฟ่าที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครก็ต่างพากันกลัวจนหงอ
   
ร่างสูงทรุดตัวข้างๆ กำลังจะกอดปลอบจ้าวก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าจ้าวนั้นได้ช็อคจนสลบไปแล้ว ไม่ต้องคิดเหมันต์รีบรวบตัวจ้าวขึ้นมาอุ้มและให้ไลอ้อนที่ตามมาด้วยรีบจัดการกับร่างของจันทร์ทันที

   
‘จันทร์เอ๋ยจันทร์จ้าว’
   
‘มันต้องเจ้าไม่ใช่เหรอ จ้าว’
   
‘งือ งั้นมันก็ไม่ใช่เพลงของเราสิ จันทร์’
   
‘ก็ได้ งั้นก็ร้องว่าจ้าวนั่นแหละ จะได้เป็นเพลงของเราสองคน’
   
‘ชอบจัง จันทร์จ้าวๆ เหมือนเขาแต่งให้เราเลย’
   
‘อือ จันทร์ก็ชอบเหมือนกัน’

   
ร่างผอมที่เหมันต์คิดว่าสลบไปแล้วก็ยังไม่วายสะอื้นออกมาอย่างเจ็บปวด
   
นัยน์ตาโศกหมองเศร้าสั่นระริก
   
“ถ้าไม่มีจันทร์แล้ว จ้าวจะอยู่ยังไง..”

TBC.


   






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทำไมจันทร์ทำแบบนี้ :hao5:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ไม่อยากให้จันทร์ตายเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องงงงงงง ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม
สงสารจันทร์ ตั้งแต่เกิดมาแทบไม่เคยมีความสุขเลย
งื้อออออออ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เอ้า  :katai1:  :o12: ไม่นะ ฮืออ ถึงจะไม่ชอบจันทร์

แต่ก็ไม่ได้อยากให้ตายนะ  :hao5: สงสารจ้าว

ต้องเสียน้องอีกคนไปต่อหน้าต่อตา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
หน่วง บีบรัดไม่ทุกอณู การหักหลังเป็นไปได้ง่ายมาก
คนที่เหมันต์ไว้ใจ ก็เปลี่ยนฝ่ายไปแล้ว แบบนี้จะไว้ใจใครได้อีก

จ้าวอาจจะเคยพลาด เพราะคำพูดและการกระทำที่ไม่ตั้งใจ
แล้วความไม่ตั้งใจกลับสร้างแผลที่ลึกให้จันทร์
กลายเป็นต้องเจอความทุกข์ทรมานจากสิ่งที่ไม่ได้ทำ
จ้าวเจ็บปวดไม่แพ้กัน มีชีวิตรอด แบบสภาพจิตใจถูกทำร้าย
และร่างกายไม่พร้อม จ้าวถือว่าเก่งมาก

จันทร์เป็นเด็กดีนะ พยายามมาตลอด อยากให้ทุกคนยอมรับ
แต่ก็พลาดเพราะความคิดและความเจ็บปวดมันฝังรากลึก

คำพูดไม่กี่คำ เป็นการสร้างจุดจบของหลายคน

พี่เหมันต์คนดียังอยู่นะจ้าว อย่าพึ่งทิ้งกันไป

คนเกี่ยวพันกับเรื่องนี้เยอะมาก คนเดินเกมส์เยอะมาก

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ฮือออออ มันหดหู่ มันเศร้า มันเสียใจ ไปหมดเลย :hao5:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตอนจบเรื่องนี้จะมีคนรอดไหมหน๋อ :ling3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ถึงตอนแรกจะไม่ชอบในสิ่งที่จันทร์ทำ แต่ก็ไม่อยากให้จันทร์ตายแบบนี้นะ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
พีคคคคคคคคค กลายเป็นนิยายรักพี่น้องได้ยังไงงงงง

สวยงามจัง รอนะคะะะ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ใต้หลังคาทุกแห่ง มีปัญหา
คนเลวก็มีจุดดี คนดีก็มีจุดเลวซุกซ่อนอยู่

อยู่ที่ใจล่ะเนอะ ว่าจะควบคุมให้อะไรโผล่พ้น ให้อะไรซ่อนลึก


ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 35

เป็นอีกครั้งที่จ้าวตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสิ้นหวัง นัยน์ตาโศกแทบไร้ประกายจ้องมือตัวเองที่สั่นระริกไม่หยุด เสียงปืนลั่นไกดังข้างหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับมันเกิดขึ้นตรงหน้า มือทั้งสองข้างของเขาชุ่มไปด้วยเลือด กลิ่นคาวอบอวล ในอ้อมแขนของเขายังมีร่างของจันทร์
   
น้องชายฝาแฝดเพียงคนเดียวของเขา…
   
“ไม่!!!”
   
จ้าวกุมหัวกรีดร้องออกมาอย่างทนไม่ได้
   
ไม่ มันไม่จริง จันทร์ไม่ได้ตาย จันทร์ไม่ได้ตาย!
   
ร่างผอมสั่นระริกกอดตัวเองแน่น สะอึกสะอื้นออกมาอย่างขวัญเสียเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จันทร์จะรอดเพราะเลือดที่ออกมานั้นมากเหลือเกิน
   
“ฮึก ไม่เอาแบบนี้สิ จันทร์ มันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลยนะ”
   
มือผอมเผลอจิกแขนตัวเองโดยไม่รู้ตัวจนเลือดไหลซึมออกมา นิสัยเก่าของจ้าวกำลังกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาโศกสั่นระริกอย่างใจสลาย ตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าทำไมถึงต้องเกิดเรื่องพวกนี้กับตัวเองด้วย
   
มันมากเกินไป..
   
จ้าวสะอื้นออกมารู้สึกเสียใจจนอยากเป็นบ้าให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะรู้ว่าตัวเองยังมีคุณเหมันต์อยู่ ที่เขาทนเจ็บทนเรื่องทุกอย่างได้ก็เพราะมีคุณเหมันต์ ขืนคุณเหมันต์ลองทิ้งเขา เขาคงจะใจสลายตั้งแต่วันแรก
   
หากไม่มีคุณเหมันต์อยู่ จ้าวก็ไม่มั่นใจนักว่าตัวเองจะประคองชีวิตได้ไปอีกนานเท่าไหร่เพราะเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขามันช่างโหดร้ายเหลือเกิน ความฝันของเขาก็พังทลายไปแล้ว ชีวิตเขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
   
“ฮึก จันทร์ พี่ขอโทษจริงๆ”
   
จ้าวสะอื้นยังคงเห็นเหตุการณ์ที่จันทร์ฆ่าตัวตายซ้ำๆ ในหัว
   
เขาไม่กล่าวโทษจันทร์ที่จันทร์เลือกที่จะฆ่าตัวตาย สำหรับจันทร์แล้วการมีชีวิตอยู่คงจะเจ็บปวดกว่าการตายที่ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่เขาก็ยังเจ็บปวดมากๆ อยู่ดี เขายังคาดหวังที่จะได้คืนดีกับจันทร์ ได้ไปกินข้าวหรือคุยสัพเพเหระกันตามประสาพี่น้องฝาแฝดที่ไม่ได้เจอกันนาน เขามีเรื่องที่จะคุยเยอะมากๆ จนน่าใช้เวลาหลายวันถึงจะหมดและแน่นอนว่าจันทร์ก็คงจะมีเหมือนกัน
   
น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสนั้นแล้ว…
   
“ฮึก จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า”
   
จ้าวหลับตาลงร้องเพลงเสียงแผ่วไม่เป็นจังหวะนัก หัวใจในอกบีบรัดแน่นเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองร้องเพลงนี้ให้จันทร์ที่ร้องไห้อยู่ฟัง
   
“ขอข้าวขอแกง ฮึก”
   
เขาเป่าข้าวต้มจนเย็นและป้อนจันทร์ที่หน้าเปื้อนด้วยน้ำตาแห่งความน้อยใจที่พ่อแม่ไม่ยอมมาฉลองวันเกิดตามที่ได้รับปากกันไว้
   
“ขอแหวนทองแดง ผูก ฮึก มือน้องข้า”
   
เขาสวมกำไลประจำตระกูลของเขาให้กับจันทร์อย่างไม่นึกเสียดาย ใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขายิ้มออกมาจนเขาอดยิ้มตามไม่ได้
   
“ฮึก ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่”
   
เพราะจันทร์ขี่จักรยานไม่เป็นเขาถึงไปคอยจับหลังไม่ให้น้องล้มอยู่เป็นเดือน
   
“ขอเก้าอี้ ฮึก”
   
จ้าวร้องไห้ต่อไม่ออกสะอื้นจนตัวโยนเมื่อจินตนาการว่าต่อไปนี้เขากับน้องจะไม่มีวันได้เจอกันแล้ว จันทร์ได้ไปที่ๆ ไกลเอามากๆ ที่ๆ น้องจินได้ล่วงหน้าไปก่อนเป็นยี่สิบปี
   
“อย่าไปเลยนะ จันทร์ ฮึก อย่าไปเลย อย่าทิ้งพี่ไว้คนเดียว”
   
สุดท้ายแล้วจ้าวก็ไม่สามารถร้องไห้จนจบ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพังทลายอย่างช้าๆ แม้ว่าจะมีคุณเหมันต์คอยประคองหลังอยู่ก็ตาม แต่ความจริงมันช่างเจ็บปวด เจ็บปวดจนคนที่ยังอยู่ทนแทบไม่ได้
   
นี่สินะ ผลของการฆ่าตัวตาย…
   
ความเจ็บปวดมหาศาลที่กัดกินคนที่ยังไม่ตายให้ตายทั้งเป็น!
   
“ฮือ จันทร์ พี่จะไม่ไหวแล้วนะ”
   
กลิ่นเลือดคละคลุ้งขึ้นเมื่อจ้าวจิกแขนตัวเองแน่นกว่าเดิมเพื่อระบายความเจ็บปวดในใจ
   
ปัง!
   
“จ้าว!”
   
ประตูถูกเปิดออกแบบรีบๆ พร้อมกับไฟที่ถูกเปิด ความสว่างนั้นมากจนทำจ้าวที่ตาเริ่มจะคุ้นชินกับความมืดพร่ามัว ยังไม่ทันเห็นหน้าคนที่เข้ามาก็ถูกเอ็ดเสียงดุ
   
“ทำอะไร”
   
จ้าวก้มหน้าต่ำจนแทบชิดกับอก ไม่กล้ามองหน้าคุณเหมันต์ที่โกรธจนตัวสั่น ยอมให้ตัวเองถูกดึงแขนไปดูอย่างว่าง่ายและแน่นอนว่าต้องไม่ได้รับคำชมอย่างแน่นอน
   
“พี่ว่าพี่เคยบอกแล้วนะ ว่าถ้าทำร้ายตัวเองอีก พี่จะโกรธ”
   
“…”
   
จ้าวเม้มปากพยักหน้าหงึกๆ น้ำตายังไหลอาบใบหน้า ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ กับเลือดที่ไหลชุ่มแขน
   
“จ้าวมองหน้าพี่”
   
“จ้าว”
   
จ้าวค่อยๆ เงยหน้ามองหน้าเหมันต์อย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่พอสบกับนัยน์ตาสีเทาเข้าจริงๆ กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด หัวใจในอกที่แหลกเหลวเหมือนถูกประคับประคองเอาไว้อย่างอ่อนโยน
   
“พี่บอกแล้วไง ว่าจ้าวยังมีพี่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะไม่ทิ้งจ้าวไปไหน”
   
เหมันต์พรมจูบบนมือจ้าว สัมผัสแผ่วเบาราวกับผีเสื้อที่แตะผิวน้ำ
   
บางเบาหากแต่เปี่ยมแน่นไปด้วยความรู้สึก
   
“เข้าใจไหมครับ”
   
“ฮึก” ร่างผอมพยักหน้าหงึกหงักแล้วโผกอดเหมันต์แน่น พยายามซุกหาความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตตัวเองที่เหลืออยู่

“จันทร์ ฮึก จันทร์”
   
“จันทร์ยังไม่ตาย จ้าว”
   
เหมันต์ไม่สนใจสีหน้าของจ้าวรีบรวบตัวจ้าวขึ้นอุ้มและกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องผ่าตัดที่ผ่าตัดกันมาไม่ต่ำกว่าเจ็ดชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่จันทร์เข้าไปในนั้น
   
“พี่ไม่ได้โกหกจ้าว ใช่ไหม”
   
จ้าวถามเสียงพร่าตัวยังสั่นระริกไม่หยุด
   
“จันทร์ยังอยู่ในห้องผ่าตัดแต่พี่ไม่รู้ว่าจันทร์จะไหวรึเปล่า”
   
“…อือ”
   
จ้าวซุกหน้ากับบ่าเหมันต์สะอื้นออกมาหนักกว่าเดิม
   
การยังมีลมหายใจแต่ยังอยู่ในห้องผ่าตัดนี่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาสักนิด…
   
มันก็แค่ความหวังวูบเดียวที่เขาไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะหายไปตอนไหน

   

สัญญานชีพเบาลงเรื่อยๆ ขัดกับบรรยากาศในห้องผ่าตัดที่ตึงเครียดขึ้นทุกขณะ สีหน้าหัวหน้าทีมผ่าตัดที่ซ่อนอยู่หลังแมสปิดปากบึงตึ้งจนแทบบิดเบี้ยวด้วยความเครียดและกังวล แต่ก็ยังไม่หยุดมือที่กำลังยื้อชีวิตคนตรงหน้าอย่างสุดความสามารถแม้ว่าจะมีความหวังเพียงน้อยนิด
   
แต่ก็เพราะมีความหวังเพียงน้อยนิดเขาจึงทุ่มเททุกอย่างในชีวิตในการผ่าตัดครั้งนี้
   
สีหน้าของผู้ช่วยแต่ละคนไม่สู้ดีนักเมื่อเห็นสัญญาณชีพที่เต้นแผ่วจนจะกลายเป็นเส้นตรง
   
“เขาต้องรอด”
   
สุริยะพูดออกมาแม้ว่าตัวเองแทบจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ หัวใจในอกแทบสลายเมื่อเห็นภาพที่ฉายทางโทรทัศน์เป็นภาพของจันทร์ที่เอาปืนจ่อหัวตัวเองและยิงมันออกมา
   
ณ วินาทีนั้นเขาเหมือนตายทั้งเป็น
   
หลังจากนั้นเขาจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ที่คฤหาสน์ตระกูลกิลลาสและอาสาเป็นหัวหน้าทีมผ่าตัดให้กับจันทร์ ซึ่งก็ได้รับอนุญาตอย่างรวดเร็วเพราะเขาเคยขึ้นชื่อว่าเป็นศัลยแพทย์มือดีมาก่อน
   
เวลาเจ็ดชั่วโมงสำหรับเขานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาพยายามทำทุกอย่างตามกระบวนการและให้เร็วที่สุดแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เร็วและดีมากพอ เพราะเมื่อจัดการเย็บหนังศีรษะเสร็จทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ชีพจรของจัทร์ยังคงแผ่วเบาแม้ว่าเขาจะกระตุ้นไปแล้วก็ตาม
   
และเพียงแค่ชั่ววินาทีที่เขากระพริบตา
   
มันก็กลายเป็นเส้นตรง
   
“…ไม่”
   
นายแบบหนุ่มไม่เหลือมาดใดๆ อีก น้ำตาไหลออกจากดวงตาคมดุโดยไม่รู้ตัว ความเศร้าถาโถมกัดกินไปทั้งร่างจนทนแทบไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้จักกันได้ไม่นานแต่สุริยะกลับรู้สึกรักจันทร์มาก รักจนอยากจะแลกชีวิตตัวเองให้กับอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป เผื่อว่าจันทร์จะมีความสุขขึ้นมาบ้าง
   
ทุกวันที่เขาไปตามจีบจันทร์ เขาเห็นความพยายามความทุ่มเทที่จะทำให้ทุกอย่างดีที่สุดของจันทร์ จันทร์เหมือนกับเด็กที่คาดหวังว่าตัวเองจะสามารถทำทุกอย่างได้ ทั้งๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จันทร์จะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นแต่เขาก็มั่นใจว่าจันทร์ต้องผิดหวังกับตัวเองและร้องไห้ออกมา
   
ในสายตาเขานั้นจันทร์ก็เป็นแค่เด็กที่ขาดความรักคนนึงเท่านั้น
   
แต่น่าเสียดายที่เขาคงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว…
   
สุริยะอยากจะลองกระตุ้นหัวใจจันทร์ดูอีกครั้งแต่ก็เจ็บปวดจนพูดไม่ออก รับรู้แต่ความอึดอัดในอกที่ทนแทบไม่ได้ มันมากเกินไป เขารับไม่ได้ที่จะเห็นคนที่เขารักตายไปซึ่งๆ หน้าโดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้สักนิด
   
ทำไม… ทำไมต้องเป็นจันทร์
   
เป็นเขาไม่ได้หรือที่ต้องตายแทน
   
“ฝีมือไม่เลวนะ คุณหมอ”
   
นัยน์ตาคมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงกระซิบคุ้นหู
   
ติ๊ด
   
และสัญญาณชีพจรที่กลับมาเดินอีกครั้ง!
   
“ฮึก จันทร์ คุณกลับมาแล้ว!”
   
สุริยะร้องไห้ออกมาอย่างดีใจแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าการกลับมาครั้งนี้ของจันทร์ไม่มีวันเหมือนเดิม
   
ในชั่ววินาทีที่ลั่นไกคล้ายกับยังมีความลังเล
   
ลูกกระสุนจึงไม่เจาะเข้ากลางกะโหลกแต่ก็ถากออกไปทางส่วนอื่นที่สำคัญน้อยกว่า เนื้อสมองส่วนที่ได้รับความเสียหายนั้นได้ถูกผ่าตัดออกเป็นบางส่วนซึ่งก็นับว่าโชคดีที่ยังรักษาชีวิตของจันทร์เอาไว้ได้
   
แต่นั่นก็แลกกับการที่ ‘จันทร์ นฤภัทร’ ไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมได้อีกตลอดกาล
   
ผลจากการผ่าตัดสมองมีหลายแบบไม่ว่าจะ การพูดช้าลง ความจำไม่ค่อยดี สูญเสียการทรงตัวหรือทักษะการสื่อสาร แขนขาอ่อนแรง หรือแม้กระทั่งเป็นอัมพาต
   
ซึ่งสุริยะก็ได้แต่สวดภาวนาให้มันไม่เลวร้ายถึงเพียงนั้น
   
เพราะเขาไม่อยากให้จันทร์เจ็บปวดไปกว่านี้แล้ว

   

เสียงตะโกนด้วยความดีใจของสุริยะดังมาถึงข้างนอก ทำเอาคนที่นั่งรอฟังผลอย่างวิตกจริตสะดุ้งและโวยวายดังลั่นอีกทั้งยังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไม่ต่างกับเด็กๆ
   
“จันทร์ไม่ตาย! พี่เหมันต์ จันทร์ยังไม่ตาย!”
   
จ้าวดีใจจนอยู่เฉยไม่ได้เขย่ามือเหมันต์ไม่หยุด รอยยิ้มกว้างปรากฎบนใบหน้าที่ยังเลอะน้ำตา นัยน์ตาโศกเปล่งประกายระยิบระยับอย่างมีความสุขราวกับสุมดวงดาวทั้งจักรวาลไว้ภายใน
   
เหมันต์เผลอมองตาค้างอย่างไม่รู้ตัวแต่ที่แน่ชัดในใจคือจ้าวเหมาะกับรอยยิ้มมากว่าเป็นไหนๆ เห็นรอยยิ้มของจ้าวทำเหมันต์นึกถึงช่วงที่ชีวิตของจ้าวรุ่งโรจน์ จ้าวในตอนนั้นดังมากและเปี่ยมไปด้วยความสุข เป็นคนที่ยิ้มแล้วโลกสว่างไสวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่เปล่งประกายชวนให้หลงใหล
   
และตอนนี้ดวงดาวดวงนี้ก็เป็นของเขาเพียงคนเดียว
   
“…เอ่อ พี่เหมันต์”
   
จากที่ดีใจมากๆ ตอนนี้เริ่มประหม่าเมื่อโดนจ้องเอามากๆ
   
“ครับ”
   
“มองจ้าวทำไม อื้อ”
   
เหมันต์ไม่ตอบแต่เลือกที่จะจูบจ้าวหนักๆ อย่างหมั่นเขี้ยว อย่างไรก็ตามบริเวณหน้าห้องผ่าตัดก็ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากพวกเขาสองคนเพราะการผ่าตัดครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นความลับ
   
สำหรับโลกภายนอกนั้น ‘จันทร์ นฤภัทร’ ได้ตายไปแล้ว ด้วยฝีมือการปล่อยข่าวออสตินและไลอ้อน ไม่ว่าผลการผ่าตัดจะเป็นอย่างไรแต่การที่จันทร์ถูกมองว่าตายแล้วถือจะเป็นเรื่องดีที่สุด อย่างไรซะต่อให้รอดสังคมก็คงไม่ต้อนรับกลับไปอยู่ดี โลกภายนอกสำหรับจันทร์นั้นได้กลายเป็นสถานที่อันตรายไปแล้ว
   
สถานที่ที่จันทร์ต้องอยู่ในช่วงชีวิตที่เหลือนั้นคือ ‘กรง’
   
จูบจนหนำใจเหมันต์จึงจะยอมปล่อยให้จ้าวหอบหายใจหน้าแดงก่ำ นัยน์ตาโศกมองมาอย่างไม่พอใจนักจนเหมันต์หลุดยิ้มมากกว่าเดิม
   
“มองคนน่ารักไงครับ”
   
“ฮื่อ”
   
จ้าวแค่นเสียงขึ้นจมูกแก้เขิน รู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ดีๆ ก็โดนชมอย่างไร้เหตุผล นัยน์ตาโศกเหลือบมองประตูห้องผ่าตัดและยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
   
อีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเขากลับมาแล้ว..
   
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ จันทร์”

   

ท่ามกลางความสุขสันต์ย่อมมีความทุกข์โศก
   
บรรยากาศภายในห้องประชุมรัฐมนตรีระดับสูงตอนนี้เย็นเยียบจนยากที่จะหายใจ สีหน้าอัลฟ่าแต่ละคนไม่ค่อยดีนักเพราะกำลังตกเป็นรองฝ่ายอีกาแบบสุดๆ ยิ่งหัวเรี่ยวหัวแรงอย่างจันทร์ถูกดึงตัวไปอยู่ฝั่งนั้น ก็เท่ากับว่าพวกเขาได้ขาดทีมวิจัยฝีมือดีไปแล้ว พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้ผลิตยาต้านน้ำหอมโอเมก้าสำเร็จ
   
ความพ่ายแพ้จึงรุกคืบเข้ามาใกล้ทุกที สถานที่นี้เป็นฐานมั่นสุดท้ายที่ตั้งอยู่กลางเมือง ถึงแม้ภายนอกจะเป็นตึกเก่าๆ โทรมๆ ไร้ราคาแต่ภายในนั้นหรูหราไม่ใช่เล่น แต่ก็ไม่มีใครมั่นใจว่าที่นี่แห่งนี้ปลอดภัย ถึงแม้คนที่อาศัยอยู่ตึกนี้ทั้งหมดเป็นอัลฟ่าก็ตาม พวกเขาไม่มีวันรู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างตัวเองนั้นมีความคิดจะทรยศหรือไม่
   
“คุณจะทำยังไงต่อ คุณนพวิทย์”
   
หัวหน้าฝ่ายรัฐบาลหรือภคินเอ่ยถามคนสนิทด้วยสีหน้ากังวล ถึงแม้จะเขาจะออกคำสั่งกำจัดกลุ่มกบฏทุกคนที่เจอแล้วแต่ก็ดูเหมือนไม่มีผลอะไรสักนิด กลุ่มอีกายังคงอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหนำซ้ำยังจับอัลฟ่าหลายคนเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่ฝ่ายรัฐบาลกลับ

ซึ่งมันก็ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องประท้วงมากมายให้ยอมรับในข้อเสนอของกลุ่มอีกาเพราะกลุ่มอำนาจเก่าอย่างอัลฟ่าได้ถึงคราวอวสานแล้ว ทุกคนกำลังจนตรอกแม้ว่าจะร่างกายที่แข็งแร็งกว่า จำนวนของอัลฟ่าน้อยเกินกว่าที่จะไล่ต่อกรเหล่าเบต้าและโอเมก้าที่มีจำนวนมากกว่าเป็นเท่าตัว

ถึงแม้จะยากที่จะยอมรับข้อเสนอแต่พวกเขาก็จำเป็นต้องกล้ำกลืนยอมรับ พวกเขาไม่มีทางเลือกแล้ว หากมัวดันทุรังต่อไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าคงจะถูกกระบอกปืนจ่อเข้าที่ศีรษะและลั่นไก

นพวิทย์ในตอนนี้ดูแก่ชราขึ้นเป็นสิบปี จากชายวัยห้าสิบกว่าที่มักจะรักษาเนื้อตัวให้ดูดีอยู่เสมอตอนนี้ปล่อยให้มีผมหงอกให้เห็นอีกทั้งยังมีสภาพโทรมจัด ใบหน้าที่เป็นต้นแบบให้กับแฝดทั้งสองมีร่องรอยของการนอนไม่พอ หากแต่นัยน์ตาโศกที่ควรจะฝ้าฟางกลับเปล่งประกายระยับอย่างไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะใกล้จนตรอกเข้าทุกทีแล้วก็ตาม

“คำตอบของผมก็คือฆ่าโอเมก้าทุกคนที่หลงเหลืออยู่ครับ ตราบใดที่พวกมันมีลมหายใจ อัลฟ่าอย่างเราก็ไม่มีวันปลอดภัย”

“ผมเกรงว่าจะไม่มีคนตามคำสั่งของเรา” ร่างสูงในชุดทหารพร้อมเหรียญตราเกียรติยศต่างๆ พูดสีหน้าเงียบขรึม “กองกำลังของผมมีเบต้าเก้าสิบเปอร์เซ็นและเพราะเราไม่มีเงินจ่ายเงินเดือน เบต้ากว่าครึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารฝีมือดีถึงแยกตัวออกไปหมด”
“บอกตามตรงว่าเราหมดทางรอดแล้ว คุณนพวิทย์”

หัวหน้ารัฐบาลพูดออกมาอย่างสิ้นหวัง พวกเขาได้พยายามกันจนถึงขีดสุดแล้วแต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นใจไม่ซะหมด ตั้งแต่ตลาดหุ้นยันธนาคารที่อยู่ดีๆ ก็ล่มจนใช้งานทางอินเล็กทรอนิกส์แทบไม่ได้ กองกำลังที่คอยลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยก็หายตัวไปและตายไปอีกครึ่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วล้วนถูกชักจูงโดยฝ่ายอีกาให้เข้าร่วมด้วยแม้ว่าจะมีกฎหมายออกมาอย่างเด็ดขาดแล้วก็ตามว่ามีโทษถึงชีวิตถ้าคิดก่อการกบฏ

แต่ในเมื่อผู้รักษากฎหมายไม่มีปัญญารักษาจึงแทบไม่มีใครสนใจมันเลย พวกเขาสนเพียงข้อเสนอห้าข้อที่ฝ่ายอีกาเสนอขึ้นมา ความเท่าเทียมที่มาพร้อมกับสันติภาพ คำพูดอันสวยหรูที่ดูเหมือนอยู่ในเทพนิยายมากกว่าความเป็นจริง
พวกเขาไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงได้จนกระทั่งเมื่อวานที่เห็นจันทร์ฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา

มันเป็นการตายที่มาพร้อมกับผลกระทบระลอกใหญ่ กลุ่มเบต้าอัลฟ่าบางคนที่เคยสนับสนุนจันทร์เต็มที่ถึงกับคลุ้มคลั่งรับไม่ได้กับการตัดสินใจของจันทร์ พวกเขาต่างพากันออกมาโวยวายแต่กว่าครึ่งก็สงบลงทันทีเมื่อเจอกลุ่มอีกาเดินเข้ามาและพอพวกเขาเห็นสภาพร่างกายอันบอบช้ำของโอเมก้าจริงๆ ก็พูดอะไรไม่ออก

พวกเขาโหดร้ายกับมนุษย์ด้วยกันเองจริงๆ

บีบบังคับให้จนตรอกและกลับมาแว้งกัดโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะตายหรือไม่

“คุณคะ” คุณหญิงวิภาดาหรือภรรยานายแพทย์นพวิทย์แตะแขนสามีเชิงให้กำลังใจ ไม่ว่าในที่ประชุมสามีเธอจะถูกกดดันมากขนาดไหนแต่เธอก็จะยังอยู่ตรงนี้เสมอ คอยสนับสนุนทุกอย่างเพื่อการดำรงอยู่ของระบบชนชั้น

นพวิทย์พยักหน้าก่อนที่จะเชิดหน้าพูดอย่างมั่นใจ “อย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นอัลฟ่า พวกเราสามารถใช้กลิ่นฟีรีโมนของเราข่มพวกมันได้ ยิ่งอัลฟ่าพิเศษยิ่งดีเลย ผมพอจะยาของผมอยู่”

แน่นอนว่ายาที่นายแพทย์นพวิทย์ว่านั้นไม่ใช่ฝีมือตนเองแต่นพวิทย์ก็ยังสามารถพูดต่อได้อย่างคล่องแคล่วราวกับว่าตนเองเป็นคนผลิตยานั้นขึ้นมาเอง

“สรรพคุณของยานั้นจะเหมือนยากระตุ้น มันจะทำให้พวกเราหรืออัลฟ่าปล่อยกลิ่นออกมารุนแรงกว่าเดิมหลายสิบเท่าจนพวกโอเมก้าเบต้ากลัวจนตัวสั่น”

“แต่กลุ่มอีกามีน้ำหอมโอเมก้านะครับ” อัลฟ่าคนหนึ่งพูดขึ้นมา

นัยน์ตาโศกหรี่เล็กลงกว่าจะยิ้มออกมา

“งั้นเราก็จะปล่อยข่าวตกลงรับข้อเสนอแต่มีข้อแม้ว่าหัวหน้ากลุ่มทุกคนของกลุ่มอีกาต้องมาเซ็นรับรองด้วยตัวเอง” นพวิทย์ผลุดลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่ได้ “หลังจากนั้นที่พวกมันมากันครบเราก็แค่ใช้ยาของเราจัดการพวกมันแล้วฆ่ามันให้หมด กลุ่มอีกาถ้าขาดหัวหน้าไป พวกมันก็คงทำอะไรต่อไม่ได้อีก”

“ผมว่าแผนคุณมีข้อบกพร่องหลายจุดนะ คุณนพวิทย์” ปตินันท์แย้งทันที “กลุ่มอีกามีอัลฟ่าอยู่ด้วยนะ ถ้าคุณไม่ลืม แล้วผมก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นด้วย”

“หรือว่าคุณมีแผนอื่นอีกล่ะ!” นพวิทย์ทุบโต๊ะคำรามออกมาอย่างกราดเกรี้ยว ความโกรธและอับอายในตัวจันทร์นั้นมากจนนพวิทย์แทบกระอักเลือดตายตั้งแต่เมื่อวาน เขาพยายามกดมันไว้ให้ลึกแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้อยู่ดีเมื่อถูกจี้ประเด็น ถึงแม้จะรู้ว่าอัลฟ่าที่ปตินันท์หมายถึงไม่ใช่จันทร์ แต่เขาก็ยังหงุดหงิดมากอยู่ดี

“ผมเห็นด้วยกับแผนของคุณนพวิทย์นะ เราไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากรอวันที่พวกนั้นมาฆ่าเรา”

ภคินเอ่ยสนับสนุนด้วยสีหน้าเงียบขรึม

“มันจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเรา ถ้าไม่ใช่กลุ่มกบฏที่ตายก็เป็นเราเนี่ยแหละที่ตาย”

=======

ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ  :heaven

ในที่สุดเรื่องนี้ก็ใกล้จบแล้ว  :mc4:



ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขนาดนี้แล้วพวกอัลฟ่ารัฐบาลยังคงเห็นแก่ตัวอยู่เลย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ้อหอออ  :z6: ขนาดลูกตายทั้งคนไม่มีแม้แต่พูดถึง

ดีแล้วล่ะที่จันทร์ไปอยู่อีกฝั่ง มีจ้าว มีสุริยะรักและดูแล

อย่ามีเลยพ่อแม่แบบนี้

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พ่อแม่ ของจ้าวกับจันทร์ สะท้อนภาพของครอบครัวยุคปัจจุบันได้ดี :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด