(https://www.img.in.th/images/0f3a2f0bef2fcea0bb2493164e9172c0.png)
'ไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อของใครบางคน'
INTRO
เสียงดนตรีดังกระหึ่มในห้องโถงที่บรรจุผู้คนไว้นับพัน ทุกคนในที่นั้นล้วนจับจ้องไปยังจุดเดียวและเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาดังลั่น พวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นแฟนคลับของวง 'MOONLIGHT' วงดนตรีวัยรุ่นชื่อดังที่สุดในประเทศไทยตอนนี้
"เอ้า! เพลงสุดท้ายแล้ว ขอดังๆ เลยนะครับ" เสียงทุ้มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์หาได้ยากที่เอ่ยขึ้นมานั้นเป็นเสียงของจ้าว นักร้องนำวงมูนไลท์ ผู้ที่นับได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของวงเพราะหน้าตาตามแบบสมัยนิยมแต่ที่โดดเด่นจริงๆ ก็คงจะเป็นตาที่ตี่ อย่างลูกคนจีนและผมสีดำที่ถูกย้อมเป็นสีเทา ซึ่งจ้าวมักจะถูกหยิบยืมตัวไปเป็นหน้าปกนิตยสารอยู่บ่อยๆ
แน่นอนว่าเหล่าแฟนคลับกรีดร้องเสียงดังลั่นตอบรับอย่างเต็มที่ พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้คนที่ยอมเสียเงินซื้อตั๋วราคาแพงเพื่อให้ได้อยู่ในสถานที่เดียวกับวงดนตรีในดวงใจ
จ้าวเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยรอยยิ้มจนตาหยี ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายจะเหนื่อยและหอบจนแทบยืนไม่อยู่แต่เขาก็มีความสุขกับอาชีพนี้มากจนตั้งใจจะร้องเพลงไปตลอดชีวิต
"บอกไปเขาเลยว่า!! " จ้าวตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับยื่นไมค์ไปทางแฟนคลับ
"รำคาญโว้ย!!! "
จ้าวผวาเฮือกรีบยันตัวลงขึ้นนั่งจนเตียงส่งเสียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดบาดหูบ่งบอกถึงคุณภาพที่ย่ำแย่เกินทนของมัน จ้าวหันมองซ้ายมองขวาตัวเองเห็นกำแพงสีขาวที่หมองจนราดำขึ้น ชักโครกกับอ่างล่างหน้าเก่าและซี่กรงสนิมเหล็ก
ซึ่งเมื่อก้มมองมือตัวเองก็พบว่าถูกตรวนด้วยโซ่หนักๆ ทั้งสองข้าง อีกทั้งบนข้อมือยังเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและบาดแผลมากมายจนแทบหาเนื้อเดิมไม่เจอ
น้ำตาอันไร้ที่มาพรั่งพรูเต็มตาก่อนที่จะสะอื้นจนตัวโยน
เขาฝันอีกแล้วสินะ...
"มึงจะร้องอะไรนักหนาวะ? คนอื่นเขานอนห้องโสโครกกว่ามึงอีกยังไม่ร้องเลย มึงเป็นตุ๊ดไงวะ! " ผู้คุมวัยกลางคนซึ่งนั่งไขว่ห้างติดริมประตูกล่าวแดกดันด้วยสีหน้าสมเพช "หุบปากสักที!! รำคาญ ถ้ามึงอยากร้องมากก็ร้องเพลงมึงสิ เพลงอะไรนะ? ขอรักอะไรของมึงที่เคยดังๆ น่ะ ร้องเลย"
คนโดนแดกดันกัดปากพยายามไม่หลุดสะอื้นยกมือที่ถูกตรวนกอดตัวเองแน่น
"เอ้า! พอให้ร้องก็ไม่ร้อง ประสาทว่ะ" ผู้คุมบ่นอย่างฉุนเฉียวและคว้ากาแฟกระป๋องที่ถูกดื่มจนหมดแล้วมาขยำจนผิดรูป "ทีนี้มึงช่วยหุบปากด้วยนะ กูรำคาญ อย่าคิดว่าเงินมึงเยอะมันจะทำให้กูไม่กล้าซ้อมมึงนะ"
"ผม..ไม่ได้ทำ"
เสียงที่เคยถูกยอมรับว่ามีสเน่ห์ที่สุดตอนนี้กลับแตกพร่าและสั่นจนน่าตกใจ
"มึงว่าไงนะ? " ผู้คุมวัยกลายคนเลิกคิ้วและยิ้มเยาะ "หลักฐานมีอยู่ทนโท่ขนาดนั้น เลือดก็เลือดมึง มีดก็มีดมึง มึงจะบอกว่ามึงไม่ฆ่าเขากูว่ามันฟังไม่ขึ้นว่ะ"
จ้าวตัวสั่นสะท้านหนักกว่าเดิมแต่ไร้เสียงสะอื้นมีเพียงกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่อวลในอากาศ
"ผม ..ฮึก ไม่ได้ทำ"
เคร๊ง!!!
กระป๋องเหล็กถูกขว้างเข้าไปในห้องขังของจ้าวซึ่งถ้าจะให้นับจริงๆ ก็คงจะเป็นกระป๋องที่ร้อยแล้ว เพราะจ้าวไม่ได้มาอยู่ที่นี่เป็นปีแรกแต่เป็นปีที่สี่ของการถูกคุมขังนับจากการวันนั้น
วันที่ทุกอย่างในชีวิตของจ้าวพลังทลายลงในพริบตา
"ผม.. ไม่ได้ทำ"
จ้าวพูดซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนบ้า พึมพำเสียงเบาด้วยน้ำเสียงอันร้าวราน
"โอ๊ย ปวดประสาทกับมึง" ผู้คุมบ่นเซ็งๆ ยกมือขยี้หัวล้านเลี่ยนของตัวเอง ถึงงานคุมขังนักโทษระดับสูงอย่างพวกอัลฟ่าเงินเยอะจะเป็นงานสบายก็จริง แต่ใครจะไปรู้ว่าอัลฟ่าคนนี้มันน่ารำคาญเป็นบ้า หลังจากที่ถูกฉีดยาทำให้ฮอร์โมนอัลฟ่าในร่างกายเป็นบีต้ามันก็กลายเป็นคนละคน ตื่นมาก็เอาแต่ร้องไห้แล้วก็เหม่อลอย ยิ่งวันที่มันถูกจับไปประทับตราโอเมก้าที่หลังคอ วันนั้นมันอาละวาดจนคุกแทบแตก เอาแต่ร้องไห้จะเป็นจะตายจนหมดมาดนักร้องดังชื่อดังที่คนส่วนใหญ่รู้จัก
ซึ่งเหตุผลที่มันถูกพาตัวมาอยู่ในคุกนรกนี่ก็คือไปฆ่าผู้หญิงที่เป็นถึงคู่หมั้นตาย ลุงอย่างเขามันไม่เข้าใจสักนิดว่ามันจะทำไปทำไม เงินก็มีชื่อเสียงก็มีกลับมาคิดสั้นทำอะไรแบบนี้
"คนรวยแม่งเข้าใจยากว่ะ" ร่างวัยกลางคนพูดไม่จริงจังนักแล้วเอื้อมมือไปเปิดวิทยุและปรับหาคลื่นเพลงลูกทุ่งหรือสู้ชีวิตที่ตัวเองชอบ
'ขอเชิญชวนร่วมทำบุญบริจาคโลหิตกับนายแพทย์จันทร์ นฤภัทร ในวันที่สิบสองเนื่องในโอกาสวันแม่'
เคร๊ง!!
"อะไรของมึงอีกวะ! " ร่างสูงวัยสะดุ้งและตวาดดังลั่นก่อนที่จะตวัดสายตาไปมองร่างเจ้าปัญหาซึ่งตอนนี้กุมหัวตัวเองแน่นส่งเสียงสะอื้นออกมาไม่หยุดราวกับเสียสติไปแล้วโดยสมบูรณ์
"ฮึก"
จ้าวพยายามกระชากตรวนที่คล้องมือตัวเองออกจนเลือดออกซึ่งจ้าวก็เคยทำแบบนี้มาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนข้อมือเกรอะไปด้วยเลือดแห้งกรังที่จะถูกทำความสะอาดอีกทีตอนที่หมอมาตรวจและให้ยาระงับฮอร์โมนอัลฟ่า
"ทำไม" ร่างที่เคยสูงโปร่งตอนนี้เหลือเพียงเนื้อติดกระดูกตรวญเสียงเบา
การติดคุกนอกจากจะบั่นทอนความรู้สึกนึกคิดแล้วสำหรับจ้าวนั้นมันยังฉีกกระชากตัวตนให้ไม่เป็นชิ้นดีด้วย จ้าวนั้นเป็นคนที่เกิดในตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศและมีเชื้อสายอัลฟ่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพลเมืองชั้นสูงอย่างเต็มเปี่ยม เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองมาตลอด ไม่เคยมีสักครั้งที่เงินขาดมือ ถึงแม้ว่าจ้าวจะไม่ยึดติดกับฐานะแต่การถูกทำลายตัวตนจากอัลฟ่าให้กลายเป็นโอเมก้า ชนชั้นที่ต่ำที่สุดในสังคมก็ชวนให้สะเทือนใจอยู่เหมือนกัน
แต่โชคยังดีของจ้าวที่เทคนิคการแพทย์ในยุคสมัยนี้นั้นไม่สูงเกินไปนัก ทำได้แค่ทำให้อัลฟ่ากลายเป็นเบต้ายังไม่ถึงขั้นทำให้กลายเป็นโอเมก้าอย่างที่กฎหมายว่าไว้ได้ จ้าวจึงแค่ถูกประทับตราที่คอราวกับสัตว์เดียรัจฉานเท่านั้น
'อย่าลืมมาร่วมกันบริจาคเยอะๆ นะครับ เพียงแค่คุณบริจาคเลือดของคุณ เชื่อผมเถอะ คุณก็สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ประสบอุบัติเหตุได้มากมายอย่างแน่นอน'
วิทยุของลุงยังคงทำงานได้ดี มันส่งเสียงโฆษณาเชิญชวนตามสายสักพักก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อเพลงสู้ชีวิตที่ลุงต้องการ
"ทำไมล่ะ.. ฮึก..."
จ้าวจิกเนื้อตัวเองแรงจนเลือดออกแต่กระนั้นนัยน์ตาสีดำที่เคยเป็นประกายด้วยความมีชีวิตชีวาก็ยังเหม่อลอย มองกำแพงราดำตรงหน้าราวกับว่ามันมีใครบางคนยืนอยู่
"ฮึก ตอบสิ.."
อดีตนักร้องนำที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นนักโทษที่ถูกคดีฆ่าคนตายโดยเจตนาคร่ำครวญเสียงแผ่ว
"ทำไม.."
จ้าวสะอื้นฮักก่อนที่จะคู้ตัวกอดตัวเองแน่น รู้ดีว่าต่อให้ถามให้ตายก็คงไม่มีคำตอบกลับมา
นอกเสียว่าเจ้าตัวจะมาตอบด้วยตัวเอง
***** เป็นตอนจบที่ค่อนข้างดาร์กและเต็มไปด้วยความรุนแรง *****
ตอนพิเศษ : DAWN
กลุ่มควันลอยขโมงเหนือบริเวณลานจัดพิธีการลงนาม ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญร้องไห้ระงมของเหล่าผู้คนซึ่งโดนลูกหลงจากกระสุนปืนที่ยังคงไม่หยุดยิงเพราะเหล่าผู้นำของกลุ่มกบฏยังไม่ตาย
“ฆ่าพวกมันให้หมด! ”
นพวิทย์ตะโกนออกมาอย่างสะใจเมื่อมีโอเมก้านับสิบคนถูกยิงตามจุดสำคัญจนเสียชีวิตคาที่หลายคน นอกจากนี้แล้วบริเวณปลายเท้าของนายแพทย์ยังมีอีกหลายศพที่หนึ่งในนั้นเป็น ‘ลูกชาย’ แท้ๆ ของตัวเอง
กลิ่นคาวเลือดลอยอบอวล เหล่าผู้ชุมที่หนีตายต่างร่วงโรยไม่ต่างจากใบไม้ในเดือนตุลา มีหลายส่วนที่ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตและมีอีกหลายส่วนที่ถูกแขวนคอก่อนที่จะนำศพไปประจานตามที่ต่างๆ เพื่อเป็นการประจานและขู่ไม่ให้ใครก็ตามกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้อีก
“อย่าฆ่าพวกเราเลย! ฮึก อย่าฆ่าเลย”
ผู้ชุมนุมคนหนึ่งซึ่งยังไม่ถูกยิงร้องออกมาอย่างขวัญเสีย รู้สึกเจ็บปวดที่พวกพ้องของตัวเองที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์อันแข็งกล้าในเวลานี้กลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ อีกทั้งยังมีสภาพศพที่อเนจอนาถจนยากที่จะตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลได้ หากแต่ร้องอ้อนวอขอชีวิตได้ไม่ถึงนาทีกระสุนอีกนัดก็เจาะเข้าที่กลางอกทำให้เสียชีวิตทันที
เหล่าทหารของทางการที่ยังคงภักดีในระบอบการปกครองแบบเดิมต่างพากันส่งเสียงเฮออกมาอย่างแข็งขันเมื่อท่านรัฐมนตรีประกาศออกมาว่าใครสามารถฆ่าเหล่ากลุ่มกบฎมากที่สุดจะได้รางวัล ห่ากระสุนปืนเดิมที่มากอยู่แล้วมากขึ้นไปอีกเมื่อมีแรงจูงใจ
ศพแล้วศพเล่าที่ร่วงโรยไปบนพื้น เหล่าผู้ชุมนุมต่างพากันวิ่งหนีไปตามไปหลบตามสถานที่ต่างๆ พยายามอ้อนวอนร้องขอให้เหล่าชาวบ้านเปิดประตูให้ตัวเองได้เข้าไปหลบซ่อนเพื่อรักษาชีวิต แต่ก็มีส่วนน้อยเหลือเกินที่อ้อนวอนได้สำเร็จเพราะทุกคนล้วนรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น ทันทีที่เหล่าทหารทั้งจากทางการและประเทศที่สนับสนุนเข้ามาประชิดตัวพวกเขาก็ตายแทบจะทันที
ในเวลานี้กลิ่นที่รุนแรงกว่ากลิ่นคาวเลือดและควันไฟคือกลิ่นแห่งความสิ้นหวัง ความตายที่มากมายรอบตัวทำให้อุดมการณ์ของเหล่าผู้ชุมนุมนั้นเริ่มจะสั่นคลอน มีบางคนที่พยายามขอร้องอ้อนวอนให้เหล่าทางการไว้ชีวิตแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏและการฆ่ากบฏก็ถือว่าไม่เป็นบาป หนำซ้ำยังถูกยกย่องเชิดชูเกียรติ์อย่างมากจากบางศาสนาที่ได้รับการสนับสนุนมาอย่างดีตลอดจากรัฐบาล
เพราะคำว่า ‘ไม่บาป’ ทำให้ศีลธรรมอันดีงามในใจของเหล่าคนทั่วไปเริ่มเบาบางลง
กลุ่มอัลฟ่าและเบต้าที่ยังได้ประโยชน์จากระบอบการปกครองนี้จึงต่างพากันมาช่วยฆ่าล้างบางเหล่ากบฏที่จะมาทำลายความมั่นคงของชาติ เพื่อที่ระบอบการปกครองที่เอื้อหนุนพวกเขาได้ดำรงอยู่ต่อ
“ระบบชนชั้นจงพินาศ ความเสมอภาคจงเจริญ! ”
โอเมก้าคนหนึ่งซึ่งกำลังถูกรุมประชาทัณฑ์จากประชาชนบางส่วนกู่ร้องออกมาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์และมีลมหายใจ แต่น่าเสียดายที่เสียงตะโกนที่เคยมากมายท่วมท้นค่อยๆ หายไปทีละส่วน เหล่าสื่อมวลชนที่ควรทำหน้าที่สื่อที่ดีประกาศความจริงให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ในเวลานี้ก็ต่างพากันปิดสัญญาณ ไม่มีใครกล้าถ่ายทอดสดแม้แต่คนเดียวเพราะถูกปลายกระบอกปืนจ่อหัว
เวลาค่อยๆ ไหลเลื่อนไปหากแต่ในสายตาของกลุ่มอีกานั้นราวกับนานชั่วกัลป์ ไอทีซึ่งแฮ็คระบบกล้องวงจรปิดบริเวณงานจ้องมองภาพที่ปรากฎบนหน้าจออย่างสิ้นหวัง รับรู้ถึงน้ำตาที่ไหลรินออกจากดวงตาไม่หยุดเมื่อเห็นถึงการฆ่าล้างมนุษย์ด้วยกันเองราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คน
“…ฮึก”
เหล่าโอเมก้าที่พอจะรู้ข่าวจากการแอบไลฟ์สดของกลุ่มอีกาที่ยังเหลือรอดอยู่ร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง พวกเขาไม่มีอะไรที่สามารถไปต่อกรกับฝ่ายรัฐบาลได้ด้วยซ้ำ กลุ่มคนที่เคยมีใจเอนเอียงมาฝั่งกบฏเมื่อประจักษ์ถึงความรุนแรงต่างก็พากันแปรพักตร์กลับอย่างรักตัวกลัวตาย อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มนี้คือเบต้า ไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้พวกเขาก็ได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะมาทิ้งชีวิตให้กับอุดมการณ์เลื่อนลอยที่ขายฝันและความสวยงามของสังคม
เพียงไม่กี่ชั่วโมงจำนวนตัวเลขของสมาชิกกลุ่มอีกาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งจากการเสียชีวิต การถอนตัว การยอมจำนนต่อรัฐบาลเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง หากแต่ความไม่สงบก็ยังไม่จบลงเมื่อยังมีปลาใหญ่เล็ดรอดออกจากแหของเพชฆาตในนามของรัฐบาลยังมีชีวิตรอดอยู่
“พวกเราก็แค่ร้องขอความเท่าเทียมเท่านั้นเอง”
วุ้นซึ่งขโมยชุดทหารสหรัฐที่พลาดยิงกันเองตายมาใส่ตะโกนออกมา ขณะที่ยืนอยู่บนรถยนต์คันหรูที่พาเหล่าคนสำคัญของฝ่ายรัฐบาลมายังสนามที่เป็นลานประหารในวันนี้ มือที่เหลือเพียงข้างเดียวกำธงของกลุ่มอีกาแน่นและชูมันขึ้นมาแม้ว่าธงจะถูกเผาไปไปครึ่งหนึ่งแล้วก็ตาม
ปลายกระบอกจากเหล่าทหารทั้งหน่วยซีลและรัฐบาลที่กำลังเล็งไปยังเหล่าผู้ชุมนุมจึงเบนมาทางวุ้นทันที หากแต่ก็ยังไม่มีใครกล้ายิงเมื่อหัวหน้าฝ่ายรัฐมนตรีอย่างภคินยกมือขึ้นห้ามเพราะอยากจะรู้ว่ากบฏไร้ค่าอย่างวุ้นต้องการจะพูดอะไรอีก
“ฮึก พวกเรา พวกเราก็เป็นคนนะ ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้”
นัยน์ตาของวุ้นแดงก่ำเมื่อมองไปเห็นผู้นำของกลุ่มตัวเองถูกแขวนคอไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่งกลางสนามและถูกล้อมรอบด้วยผู้คนมากมาย มีหลายคนที่ขว้างปาหินใส่และมีบางคนที่หยิบเก้าอี้ออกมาฟาดระบายความโกรธแค้นออกมา ซึ่งไม่ใช่เพียงสิตคนเดียวที่ถูกกระทำใส่อย่างต่ำช้า เหล่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนสำคัญของเขาอีกหลายคนก็ถูกกระทำกับศพอย่างน่าสะพรึงกลัว ทั้งถูกตอกลิ่มที่อก ปัสสาวะรด เผาทั้งเป็น หรือแม้แต่การลากศพไปตามพื้นราวกับไม่ได้เป็นมนุษย์มาก่อนแต่เป็นสัตว์บางอย่างที่ไร้ค่าและสมควรตาย
“ทำไมพวกเราถึงต้องตาย! ฮึก พวกเราก็ขอแค่ความเท่าเทียมเท่านั้นเอง มันไม่ได้มากอะไรเลย ฮึก มันไม่ได้มากอะไรเลยจริงๆ.. ทำไมต้องทำถึงกับพวกเราขนาดนี้”
เสียงของวุ้นเบาลงเรื่อยๆ ตามความหวังที่ใกล้มอดลงทุกทีและในที่สุดขาทั้งสองก็ไม่อาจประคองร่างของวุ้นได้อีกต่อไปเมื่อถูกห่ากระสุนยิงใส่ตามคำสั่งของฝ่ายรัฐบาล
“..ระบบชนชั้นจงพินาศ ความเสมอภาคจงเจริญ”
ถึงแม้ร่างกายบางส่วนจะถูกกระสุนแต่วุ้นก็ยังพยายามยืนหยัดในอุดมการณ์ สองมือยังประคับประคองให้ธงแห่งความเสมอภาคตั้งฉากกับรถของเหล่ารัฐบาล พยายามประกาศถึงเจตนารมณ์จวบจนถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
ปัง!
กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าที่หัวของหนึ่งในความหวังของกลุ่มกบฏ
ร่างสูงโปร่งของวุ้นล้มหงายหลังตกลงจากหลังคารถไปพร้อมกับธง
โดยมีฉากหลังเป็นความยินดีปรีดาของเหล่ารัฐบาล
ทันทีที่หัวหอกของกลุ่มกบฏถูกฆ่าและจับกุมจนหมด ทางรัฐบาลก็ประกาศชัยชนะโดยอาศัยสื่อทุกช่องทางและมีการจัดงานเฉลิมฉลองให้กับระบบการปกครองแบบเดิมที่ยังคงสามารถดำรงอยู่พร้อมกับประกาศใช้กฎหมายใหม่ที่มีความเข้มงวดกวดขันมากกว่าเดิม
เหล่าโอเมก้าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏนั้นมีโทษจำคุกตลอดชีวิตและริบทรัพย์สินทั้งหมดให้เป็นของรัฐบาล ส่วนเบต้าและอัลฟ่าที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นได้ถูกลดหลั่นโทษลงมาด้วยการจำคุกสี่ห้าปีเท่านั้นแต่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวของรัฐบาลไว้ตลอดเวลาเพื่อแสดงความภักดีต่อทางการ
แน่นอนว่าชีวิตหลังการพยายามปฏิวัตินั้นเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละขั้วจากเมื่อก่อน จากที่คิดว่ามันจะเลวร้ายกว่านี้ไม่ได้ตอนนี้กลับเลวร้ายมากกว่าเดิมอีกนับพันเท่า เหล่าโอเมก้าที่ไม่ถูกจับกุมนั้นต่างพากันใช้ชีวิตเคล้าน้ำตา พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการศึกษาร่ำเรียนในช่วงมัธยมปลายอีกต่อไปเพราะทางการไม่อนุญาต หนำซ้ำยังไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกตั้งและถูกบีบให้ประกอบอาชีพที่มีรายได้ต่ำเท่านั้น
ส่วนเงิน ไอที และเหล่าสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มกบฏนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่ไกลออกไป พยายามสานต่อเจตนารมณ์ของกลุ่มอีกาด้วยการโน้มน้าวชักจูงผู้คนใหม่อีกครั้ง แต่ก็เป็นไปได้ยากเหลือเกินเพราะความรุนแรงที่เกิดทำให้เหล่าผู้คนนั้นกลัวจนหัวหด
ซึ่งคนที่มีอำนาจพอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้างก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงเพราะยังคงได้รับประโยชน์จากระบอบการปกครองแบบนี้อยู่ และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือทางรัฐบาลก็ฉลาดพอที่จะสนับสนุนคนกลุ่มนี้ให้รวยมากขึ้นไปอีก โดยการออกนโยบายต่างๆ ที่เกื้อหนุนต่ออุปโภคบริโภคของประชาชนที่มีฉากหน้าเพื่อให้ความช่วยเหลือหากแต่ความจริงแล้วเป็นการบีบบังคับให้ประชาชนใช้จ่ายกับสิ่งกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องจนเหล่านายทุนนี้รวยขึ้นไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่านโยบายเหล่านี้คล้ายจะทำให้ประชาชนสุขสบายแต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะความจริงแล้วมันคือระเบิดเวลา ระเบิดที่สามารถทำลายล้างทุกอย่างได้ในพริบตา
มันจะฆ่าเหล่าเบต้าที่นิ่งนอนใจปล่อยให้ตัวเองสิทธิ์ของตัวเองถูกลิดรอนอย่างทองไม่รู้ร้อน
มันจะหลอมละลายลายเหล่าโอเมก้าที่น่าสงสารให้มีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าเดิม
สิ่งมีชีวิตเดียวที่จะเหลือรอดคือเหล่าอัลฟ่าผู้สูงส่งที่แสร้งตกอกตกใจกับระเบิด หากแต่ความจริงแล้วเป็นผู้จุดระเบิดด้วยซ้ำไป
ซึ่งระเบิดเวลาที่ว่านี่ก็คือ ‘เศรษฐกิจ’
ระบบการปกครองที่ไม่โปร่งใสและไร้การตรวจสอบจะทำให้เกิดการคอร์รัปชั่น เหล่าคณะกรรมการตรวจสอบที่ถูกจัดตั้งขึ้นก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนักเพราะถูกป้อนคำตอบสำเร็จรูปให้แล้ว หากตอบคำตอบอื่นก็จะถูกปลดออกและนำคนที่หัวอ่อนกว่านี้เข้ามาเสียบแทน
แน่นอนว่าผลเสียของการคอร์รัปชั่นคือการที่ประเทศสูญเสียผลประโยชน์ให้กับคนกลุ่มเดียวอย่างมหาศาล การไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ ทำให้เหล่าผู้มีอำนาจในมือจับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุกสนานจนทำให้เงินในคลังร่อยหรอจนต้องไปกู้ธนาคารต่างประเทศ เพิ่มหนี้ให้กับประเทศและคนที่ชดใช้ก็ไม่ใช่ใครนอกจากประชาชน
หนี้ต่อหัวที่มากขึ้นทำให้ภาษีต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
เหล่าประชาชนที่ปกติปากกัดตีนถีบอยู่แล้วในเวลาก็ถึงคราวต้องล้มตาย ถึงแม้จะมีการช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นเงินจำนวนหนึ่งทุกเดือนแต่มันก็ไม่เพียงพอ เพราะพวกเขาต้องใช้เงินมากกว่านั้นในแต่ละวันกับค่าครองชีพที่สูงเทียมฟ้าในประเทศที่ระบบการปกครองต่ำช้ายิ่งกับที่ใด
“ผม ผมขอเพิ่มเงินเดือนได้ไหม”
โอเมก้าคนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นคนรับใช้เอ่ยขออัลฟ่าซึ่งเป็นนายตัวเองอย่างน่าอดสู ใบหน้าของโอเมก้าคนหนึ่งตอบจนแทบไม่มีกล้ามเนื้อ แววตาหมองคล้ำอย่างคนนอนน้อยเพราะทำงานหนักทุกวันจนมีเวลานอนไม่ถึงสี่ชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นเงินที่ได้แต่วันก็ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของเขา
“ไม่! ”
อัลฟ่าซึ่งเป็นนายคำรามออกมาอย่างกราดเกรี้ยวเมื่อโอเมก้าที่น่าขยะแขยงทำท่าจะถลาเข้ามากอดขาข้อร้อง เคราะห์ดีที่บอดี้การ์ดคนสนิทเตะออกไปก่อน ขาของเขาจึงยังคงสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม
“ฮึก ขอร้องล่ะ ครอบครัวผมไม่มีอะไรกินกันแล้ว”
โอเมก้าวัยกลางคนร้องไห้คร่ำครวญออกมาอย่างใจสลาย ลูกชายคนโตของเขากำลังจะอดตายเหมือนลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งเสียไปเมื่อสามเดือนก่อน เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมข้าวของที่เคยถูกถึงได้แพงจนน่าใจหายขนาดนี้ เงินที่ได้ในแต่ละวันแทบไม่พอซื้อข้าวมื้อหนึ่งด้วยซ้ำ
“เอามันออกไป” อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยปากไล่อย่างไม่ใส่ใจซึ่งคำสั่งนี้ก็มีผลให้คนสนิทลากตัวหัวหน้าครอบครัวที่น่าสงสารออกไปทันที
คนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่บนสรวงสรรค์ย่อมไม่เข้าใจถึงความทุกข์ยากในนรกกาล พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความหิวความอดอยากคืออะไร หนำซ้ำพวกเขามีความคิดแบบเดียวกับพระนางมารี อังตัวแน็ตที่มีวลีดังว่า ‘ถ้าขนมปังแพง ก็กินเค้กแทนสิ’
แน่นอนว่าพวกเขาคือพวกที่สามารถกินขนมปังได้ตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องกินเค้กที่มีราคาถูกกว่าแต่อย่างใด
“ไม่ ไม่! ฮึก ผมขอร้อง อย่าทำแบบนี้”
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายร้องออกมาดังลั่น เมื่อถูกโยนออกมาจากคฤหาสน์หลังโตที่ต่อให้ใช้เงินเก็บทั้งชีวิตก็ไม่สามารถซื้อได้แม้แต่หน้าต่างสักบาน ใบหน้าของเขาเปื้อนด้วยน้ำตาที่เป็นเลือด ทั้งเนื้อทั้งตัวคลุกด้วยดินสกปรกที่ถมทางเท้า
เขารู้สึกอึดอัด เจ็บปวด ไม่เข้าใจ
แต่สิ่งชัดเจนในใจของเขาคือความเหลื่อมล้ำที่มากพอที่คร่าชีวิตครอบครัวของเขาได้ทั้งครอบครัว
เขาร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวังขณะที่เดินกลับไปหาครอบครัวของตัวเองซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง ย่านนั้นเป็นย่านใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการอยู่ของเหล่าโอเมก้าโดยเฉพาะ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เพียงพอต่อประชากรโอเมก้าที่เริ่มมีจำนวนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
นับว่าเป็นเรื่องตลกร้ายที่ไม่มีโอเมก้าคนไหนขำออกสักคน
“..ไม่เป็นไร มันต้องไม่เป็นไร อีกไม่นานต้องหางานใหม่ได้แน่”
เขายังคงจมจ่ออยู่กับความทุกข์โศก พยายามปลอบประโลมตัวเองทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้ได้งานเขาก็ไม่มีวันหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้ไหวอยู่ดี ถ้าเกิดเงินที่เขาได้ยังเป็นเศษเงินของเหล่าเศรษฐีอยู่ ยิ่งคิดถึงเรื่องเหล่านี้ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดถึงความอยุติธรรมในสังคมที่เกิดขึ้นอย่างปกติจนกลายเป็นความผิดปกติที่กลายเป็นตรรกะถูกต้องในสังคมไปเสียแล้ว
เอาเข้าจริงเขาเชื่อว่าตัวเองจะไม่เจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าไม่เคยสัมผัสความเท่าเทียมมาก่อน ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงปฏิวัติแต่มันก็ทำให้เขามีความสุข มีความหวังว่าตัวเองจะสามารถหลุดพ้นจากชีวิตห่วยๆ สวัสดิการรัฐโหลยโท่ย ระบบการขนส่งมวลชนที่แสนจะกะโหลกกะลาและความเหลื่อมล้ำที่นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดก็มาถึงที่หน้าห้องซอมซ่อของตัวเองที่เคยมีสมาชิกครอบครัวอาศัยถึงสี่คนในนั้น
“..ไม่เป็นไร มันจะไม่เป็นไร”
เขากล่อมตัวเองด้วยคำว่าไม่เป็นไรมาตลอด แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคำว่าไม่เป็นไรของตัวเองนั้นไม่เคยช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเลย แต่แล้วยังไงล่ะ แค่เขาสามารถประคองสติตัวเองไม่ให้เสียสติไปก่อนก็นับว่าเป็นบุญโขแค่ไหนแล้ว
มือหยาบกร้านผลักประตูไม้เก่าเข้าไปก่อนที่จะพบว่าภรรยาของตัวเองนั่งกอดลูกไว้แนบอกตัวสั่นระริก แน่นอนว่าเขาพุ่งตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ต้องคิดทันที
“เกิดอะไรขึ้น หม่อน”
เขาถามอย่างตื่นตระหนก รับรู้ถึงการหายใจอันหอบกระชั้นของตัวเอง
เขากำลังหวาดกลัว
“ฮึก กอล์ฟไปแล้วพี่” ภรรยาที่เคยแสนสวยของเขาพูดด้วยสีหน้าราวกับโลกกำลังจะถล่มลงไปมาในอีกไม่ช้า “กอล์ฟไปอยู่กับน้องบีแล้ว”
“…”
ลางสังหรณ์ของเขาเป็นจริง ลูกชายคนโตของเขาตายแล้วด้วยความอดอยากและอาการป่วยเรื้อรังที่เขาไม่มีปัญหาหาเงินมารักษาได้แต่ประคับประคองอาการไปเรื่อยๆ
“ฮึก”
เขาโถมกอดภรรยาร้องไห้ออกมาอย่างใจสลาย
ผ่านไปสิบห้าปีหลังการปฏิวัติ ความโกรธเคืองคับแค้นใจของโอเมก้านับวันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะถูกรัฐบาลจับตามองตลอดเวลาแต่เหล่าโอเมก้าก็มีวิธีการของตัวเองในการติดต่อสื่อสารกัน พวกเขาใช้กระดาษพูดคุยและนัดหมายกันถึงการก่อการปฏิวัติครั้งใหม่
วาดฝันถึงอนาคตแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันอาจจะไม่สำเร็จอีก พวกเขาอาจจะโดนฆ่ากันอีก แต่แล้วยังไงล่ะ สิ่งที่กำลังทุกข์ทนอยู่ต่อนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็นไม่ใช่หรือ การถูกกดหัวให้ต่ำเยี่ยงสัตว์ ไม่ให้การศึกษา ทำให้โง่เขลาและควบคุมง่าย
พวกเขาทนกันมามากพอแล้วและมันถึงเวลาสักทีที่พวกเขาจะโต้กลับบ้าง
“บอกตามตรงว่าผมไม่มั่นใจว่าการปฏิวัติครั้งนี้จะสำเร็จไหม”
น้ำเสียงทุ้มต่ำดังกังวานต่อหน้าผู้คนนับหมื่นที่มารวมตัวกันเพื่อที่จะกล่าววาทกรรมชุดสุดท้ายก่อนที่จะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อประท้วงอย่างสันติ ซึ่งคนที่พูดนั้นก็คือไอทีที่ผันตัวมาเป็นหนึ่งในผู้นำการปฏิวัติครั้งนี้ เฉกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในกลุ่มปฏิวัติครั้งเก่าที่ยังเหลือรอด พวกเขาล้วนเติบโตกันหมดแล้วและเฝ้ารอที่จะทำการปฏิวัติอีก
“ครั้งที่แล้วผมเสียเพื่อน เสียครอบครัว สูญเสียทุกๆ อย่างไปมากเหมือนที่พวกคุณเคยเสีย”
แววตาของไอทีนิ่งสงบยามที่นึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อตอนนั้นที่ทำให้คนหลายคนแทบเสียสติ ซึ่งหนึ่งนั้นก็รวมถึงเขาด้วย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้บ้า เขาเลยเลือกที่จะสานต่อเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของผู้คนในอดีต
“จนถึงตอนนี้พวกเราก็สูญเสียกันมามากและไม่เคยหยุดสูญเสีย ตราบใดที่รัฐบาลนี้ยังคงดำรงอยู่ ชีวิตของพวกเราก็จะไม่มีวันดีไปมากกว่านี้”
ไอทีพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นเพื่อปลุกกำลังใจให้กับพวกพ้องใหม่ของเขาในคราวนี้
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงมัน ถึงเวลาแล้วที่ระบอบการปกครองที่เต็มไปด้วยความผิดปกตินี่จะหยุดสักที ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะเท่าเทียมกัน! ”
เสียงเฮรับดังกึกก้องก่อนที่เคลื่อนขบวนจะเดินจากย่านถิ่นที่อยู่พวกโอเมก้าไปยังทำเนียบรัฐบาลที่ในเวลานี้กำลังต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองจากนานาประเทศที่มาประชุมเรื่องสันติภาพในวันนี้
“หวังว่าครั้งนี้จะสำเร็จ”
เงินเปรยขึ้นเบาๆ ยามที่มองกลุ่มชนที่กำลังเดินเข้าในเมือง
ไอทีหัวเราะในลำคอขณะที่มองดวงอาทิตย์สีแดงก่ำที่กำลังจะขึ้นในอีกไม่ช้า
“ต่อให้ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ครั้งหน้าก็อาจจะสำเร็จ”
รัฐบาลอาจจะคิดว่าแค่การฆ่าเหล่าหัวหน้ากลุ่มปฏิวัติก็เพียงพอแล้วสำหรับการหยุดความกล้าของประชาชน แต่แน่นอนว่ามันเป็นความคิดที่ผิด เพราะตราบใดที่ความคิดและอุดมการณ์ยังดำรงอยู่ การปฏิวัติก็จะเกิดขึ้นได้เสมอ
ถึงแม้ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ครั้งหน้าจะไม่สำเร็จ
พวกเขาก็จะพยายามต่อไป
จนกว่าความอยุติธรรมจะหายไป
=======
ตอนนี้ไม่ใส่ในรวมเล่มนะคะ
ถือว่าอ่านสนุกๆ แล้วกันค่ะ :z10:
หายไปนานมาก วันนี้มาแจ้งข่าวว่าได้รวมเล่มกับทางสำนักพิมพ์ Lavender Publishing By B2S ค่ะ :hao5:
ซื้อก่อนสิ้นเดือนนี้จะอยู่ที่ 359 บาทค่ะ
(https://sv1.picz.in.th/images/2020/03/17/Q1HEBQ.jpg)
ไม่มีใครอยากตกเป็น 'เหยื่อ'
‘จ้าว’ อัลฟ่าหนุ่มหรืออดีตนักร้องดังผู้โดนกล่าวหาในคดีฆ่าคนตาย หลังจากถูกปล่อยตัวออกจากคุกได้ไม่นานจ้าวก็พบว่าสิ่งที่รอเขาอยู่ไม่ใช่อิสรภาพอย่างที่ฝันแต่กลับเป็นความจริงที่ต้องเผชิญ เพราะนอกจากจะถูกทำให้กลายเป็นโอเมก้าแล้วเขายังต้องถูกส่งตัวไปโครงการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ที่ทำให้โอเมก้าตายนับพัน
ความสิ้นหวังเกาะกุมจิตใจของจ้าวจนเจ้าตัวทนรับแทบไม่ไหว สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาเอาไว้คือกุหลาบสีขาวจากอัลฟ่าลึกลับคนหนึ่งที่ช่วยประคับประคองเขาไม่ให้เสียสติไปซะก่อน
“จ้าว”
“ผมเชื่อนะว่าคุณไม่ได้ทำ”
“…”
PREY เหยื่อ { OMEGAVERSE }
ผู้แต่ง :Foggy Time.
ISBN : 9786164990630
ราคา : 399 บาท
สิ้นเดือนนี้เจอกันที่ร้าน B2S ทุกสาขาและร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศไทย
ทางออนไลน์ส่งข้อความหาแอดมินทางเพจ
ช่องทาง Shopee (ช้อปปี้) ลิงก์นี้
https://bit.ly/39T0vVg