>>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9  (อ่าน 59408 ครั้ง)

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
กลับมาพร้อมความฟิน (เกือบสุด) ของป้านด คุณเจเรมี่ก็นะ ทำร้ายคนที่รักแบบนั้นได้ไงครับ ไข้ขึ้นเลย :impress2:

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 





บทที่ 20 เจ้าหญิง





 
        Fulham London...เพราะงานท่วมหัวรอพี่เบิ้มอยู่ที่ลอนดอนทำให้ผมได้กลับมาที่เมืองหลวงนี้อีกครั้ง สามวันที่ยอร์คผมไม่ได้กระดิกไปไหนเลยโดยเฉพาะสองวันสุดท้ายที่ต้องนอนเปลี้ยเป็นผักเหี่ยวๆอยู่บนเตียงเพราะไข้แดก การเดินทัวร์เมืองยอร์คที่วาดฝันต้องพับเก็บใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อน แต่ก็ได้รับข้อเสนอสุดพิเศษจากครอบครัวคาร์สันที่ยินดีอย่างยิ่งถ้าผมจะอยู่ต่อและยินดีเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาทัวร์ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่ยอร์คแต่สามารถพาทัวร์ทั่วสหราชอาณาจักรเป็นข้อเสนอที่แสนงามแต่ดันโดนคนแขนเดี้ยงเบรคไว้ซะก่อน ‘ไปได้ครับแต่ผมต้องไปด้วย’ ให้ตายแล้วเมื่อไหร่มึงจะว่างผมจึงจำใจลากกระเป๋ากลับลอนดอนพร้อมกับคนแขนเดี้ยงด้วยอารมณ์บูดบึ้ง..โดยลืมไปว่าผมมาที่นี่เพื่อมาดูแลคนแขนเดี้ยงนี่หว่า 


“ที่รักคุณงอนผมเหรอครับ” ด้วยความหงุดหงิดจึงไม่อยากคุยกับอีพี่เบิ้มจึงแกล้งหลับมาตลอดทาง เมื่อถึงบ้านอีพี่เบิ้มก็เปิดปากถามทันที


“ก็ผมอยากเที่ยวนี่ครับ”


“เดี๋ยวผมพาเที่ยวครับ”


“เมื่อไหร่ครับ”


“เมื่อผมเคลียร์งานเสร็จ”


“...” ชาติหน้าเหรอ? วีซ่ากูหมดก่อนพอดี


“อาทิตย์หน้าครับเราจะกลับไปที่ยอร์คอีกครั้ง ผมจะพาคุณเที่ยวทุกซอกทุกมุมเองแล้ววันอาทิตย์เราไปแมนเชสเตอร์ไปดูยูไนเต็ดแข่งกัน”


“จริงเหรอครับ!” ความฝันของผมกำลังจะเป็นจริง โอลด์แทรฟฟอร์ดจ๋ารอพี่ก่อนน้า
“จริงที่สุด ผมสัญญา”


“คุณสัญญาแล้วนะครับ” เบี้ยวขึ้นมาล่ะน่าดู


“คร้าบที่รัก คุณเพิ่งหายไข้งีบสักหน่อยดีมั้ยครับ” นอนอะไรอีกเล่า แข็งแรงแล้วโว้ย


“ผมนอนมากพอแล้วครับ ผมอยากเดินดูบ้านคุณมากกว่า” มาบ้านแฟนทั้งทีมันต้องสำรวจกันสักหน่อยแม้บางมุมผมจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีผ่านวิดิโอคอลก็เหอะแต่มันก็มีหลายมุมที่น่าสนใจโดยเฉพาะวิวที่ระเบียงที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเทมส์ที่ไหลทอดยาวเป็นสาย..วิวดีชะมัด

บ้านของพี่เบิ้มอยู่บนชั้นห้าของอพาร์ตเมนต์ขนาดห้าคูหาที่มีทั้งหมดห้าชั้นและที่น่าตกตะลึงคือชั้นห้าทั้งหมดคือพื้นที่บ้านของพี่เบิ้ม! และต้องอ้าปากค้างไปอีกเมื่อรู้ว่าอพาร์ตเมนต์หลังนี้เป็นกิจการของพี่เบิ้มเองจ้าาา


“ถ้าไข้กลับผมจะพาคุณไปหาหมอโดยไม่ฟังเสียงงอแงของคุณแล้วนะครับ” งอแงสิ ใครจะอยากเล่าสาเหตุของการป่วยให้คุณหมอฟังกันล่ะ..โดนนิ้วของคุณแฟนแหย่ตูดไข้ก็เลยขึ้นงี้เหรอ..อนาถแท้ชีวิตกู


“ผมโอเคแล้วจริงๆ  ครับแล้วตอนนี้ก็อยากทานอะไรหนักๆ ด้วย” พอแล้วสำหรับอาหารคนป่วยตอนนี้ขอแดกอะไรจุกๆ สักหน่อยเหอะ


“ทานอะไรดีครับ”


“ผมอยากทาน Fish & Chips” มาอังกฤษต้องได้กินสิเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง


“ไม่มีปัญหาครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงอีกละมีล้านแปดชื่อแล้วกู


“ยังมีอีกครับผมอยากทาน Bangers and Mash, Sunday Roast with Yorkshire Pudding, Apple Crumbleแล้วก็ Full English Breakfast” จุกๆ ไปเล้ยยย


“อย่างสุดท้ายมันอาหารเช้านะครับตอนนี้เย็นแล้วนะที่รัก”


“ผมจะทานเป็นมื้อเย็นมันผิดตรงไหน มื้อเช้าที่บ้านคุณผมก็ไม่ได้ทานด้วยได้ทานแต่อะไรก็ไม่รู้เหลวๆหยึยๆ” Full English Breakfast ที่วาดฝันกลับกลายเป็นข้าวโอ๊ตตุ๋นรสสัมผัสหยึยๆ..ช่างท้อแท้ใจเหลือเกิน ดีล่ะหายป่วยแล้วพ่อจะฟาดเรียบให้หมดเกาะอังกฤษเลยคอยดู ฮึ


“ก็คุณป่วยที่รัก ส่วนSunday Roast with Yorkshire Pudding เขามักจะทานกันวันอาทิตย์ตามชื่อครับ”


“ก็ผมอยากทานวันนี้” กินวันพุธแล้วตำรวจจะจับเหรอวะ


“โอเคๆ ตามบัญชาครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงอะไร บ้าบอ ขอซื้อทิ้งเหอะเรียกเชอร์รี่ยังดีกว่าอ่ะ


“ผมเป็นผู้ชายนะต้องเป็นเจ้าชายสิ”


“หน้าคุณสวยไม่เหมาะกับเจ้าชายหรอก เชื่อผมสิ” อีพี่เบิ้มขยิบตาให้ก่อนจะจุ๊บเหม่งผมเบาๆ


“...” ให้ตาย หัวใจจะเต้นแรงไปไหน


“ตัวคุณอุ่นๆ งั้นสั่งมาทานที่บ้านนะครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องไปเจออากาศแย่ๆ ข้างนอก”


“ก็ได้ครับ” วันนี้ฝนตกเกือบทั้งวันอากาศก็หนาวมากๆ ด้วยกินที่บ้านเป็นความคิดที่ไม่เลว


     ระหว่างรออาหารพี่เบิ้มก็เข้าไปดูเอกสารในห้องทำงานส่วนผมก็เดินสำรวจบ้านของพี่เบิ้มอีกครั้ง
บ้านของพี่เบิ้มแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน มีห้องนอนทั้งหมดสี่ห้อง ห้องทำงานที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสืออีกหนึ่งห้อง ห้องครัวที่สะอาดเงาวับดูๆ แล้วเจ้าของห้องคงใช้งานไม่มากเท่าไหร่และที่ขาดไม่ได้คือห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ฟิตเนตครบครันประหนึ่งยกยิมมาไว้ที่นี่..แต่ที่ผมชอบที่สุดคือวิวระเบียงนี่แหละ ระเบียงยาวที่มีมุมและสวนเล็กๆให้นั่งพักผ่อนถ้าได้นั่งจิบชาในวันที่แสงแดดอบอุ่นมองสายแม่น้ำเทมส์ไหลเอื่อยๆ คงจะชิวไม่น้อย..
 
 

ติ๊งติ่ง เสียงกริ่งประตูดังขึ้นอาหารน่าจะมาส่งแล้ว..มาไวดีแฮะ


“เดี๋ยวผมไปเปิดเองครับ” ผมตะโกนบอกพี่เบิ้มที่อยู่ในห้องทำงานก่อนจะวิ่งปรี่ไปเปิดประตู..หิวมากบอกเลอ
..เมื่อประตูเปิดกว้างได้แต่ยืนอึ้ง นี่ไม่ใช่มาส่งอาหารแต่มาส่งนม! ครับมันคือนม นมจากเต้าของแท้หรือของหมอผมก็ไม่อาจคาดเดาได้


“คุณเป็นใคร?” น้องนางหุ้นสะบึ้มถามด้วยใบหน้าสงสัย


“แล้วคุณล่ะเป็นใคร?” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับพร้อมกับจ้องน้องนางผมสีบลอนด์ทองที่หุ่นทวดทรงองเอวประหนึ่งนางแบบ victoria’s secret แม้จะมีโค้ทสีครีมตัวยาวห่มหุ้มแต่เดรสสีดำรัดติ้วตัวในที่ผ่าอกเกือบถึงสะดือโชว์หน้าอกหน้าใจแทบกระเด้งกระดอนออกมาโดนเบ้าหน้าผม!


“Lily?” อ่อชื่อน้องดอกลิลลี่แน่เอง ดูเหมือนพี่เบิ้มจะแปลกใจไม่น้อยกับการมาของน้องนางทรงโต


“Hi Jeremy” เมื่อเธอเห็นพี่เบิ้มน้องนางก็มองข้ามหัวผมไปเลยก่อนจะเบียดแทรกตัวทรงโตๆ เข้ามาแถมเหยียบตีนกูอี๊ก..น้องดอกกกกก

หลังจากนั้นน้องดอกก็หอมแก้มซ้ายขวาทักทายอีพี่เบิ้มที่ดูไม่เหมือนหอมทักทายสักเท่าไหร่เพราะน้องดอกตั้งใจแนบริมฝีปากที่ฉาบไปด้วยลิปติกสีแดงสดลงไปที่ข้างแก้มของพี่เบิ้มนานเป็นพิเศษทำให้คนดูอย่างผมหงุดหงิดใจไม่น้อย


“ลิลลี่ได้ข่าวว่าคุณตกม้าเป็นยังไงบ้างคะ” จริตของน้องดอกนั้นไม่ธรรมดานิ้วเรียวยาวที่มีเล็บสีเดียวกับสีลิปสติกที่เคลือบอยู่บนริมฝีปากค่อยๆลูบไล้แขนที่ห่อหุ้มด้วยเฝือกของพี่เบิ้มด้วยท่าทางยั่วยวนออดอ้อน..ฮึ มองปราดเดียวรู้เลยว่าน้องดอกต้องการจะงาบอีพี่เบิ้มก็ใครเขาจะใส่เดรสรัดติ้วพร้อมแหวกอกนมทะลักมาหาผู้ชายถึงที่บ้านแบบนี้กันเล่าแล้วนั่งน่ะจะชิดไปไหนนมถูแขนอีพี่เบิ้มไม่หยุดแต่ดีนะที่อีพี่เบิ้มมันขยับตัวออกมากูนึกว่ามึงจะเคลิ้มตามซะแล้ว ฮึมมม


“ผมไม่เป็นอะไรมากครับแค่กระดูกร้าวไม่เกินหนึ่งเดือนก็น่าจะหายเป็นปกติ”


“ลำบากแย่เลยค่ะ มีอะไรให้ลิลลี่ช่วยบอกได้ทุกเมื่อนะคะ”


“ผมมีพยาบาลส่วนตัวแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ ที่รักมานี่สิครับ” อ่า ถึงตากูแล้ว ผมเดินไปนั่งแทรกกลางทั้งคู่พร้อมกับฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแต่ในใจได้แต่ร้องฮึมๆ


“ที่รัก?” น้องนางทำหน้างงตาแตกกับสรรพนามที่พี่เบิ้มใช้เรียกผม


“ครับ นี่ป้านดแฟนผมเองครับ” รอยยิ้มของน้องดอกที่มีในคราแรกถึงกับกระตุก


“ลิลลี่ค่ะเป็นหุ้นส่วนคนสนิทของเจเรมี่ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” น้องนางเน้นคำว่าสนิทเป็นพิเศษผมได้แต่หรี่ตามองพี่เบิ้มอย่างจับผิด


“ผมปณตแฟนของเจเรมี่ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ผมเน้นคำที่ควรจะเน้นเช่นกัน คือคำว่าปะ-นดเธอจะได้เรียกชื่อผมถูก ไม่ใช่สิ ถุย ผมก็ต้องเน้นคำว่าแฟนอยู่แล้วถึงจะไม่มีนมแต่กูมีพุงโว้ย!


“คุณชอบผู้ชาย?” เหมือนจะไม่เชื่อว่าผมเป็นแฟนของพี่เบิ้มจริงๆ น้องดอกถามพี่เบิ้มด้วยความงงตาแตกอีกครั้ง


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับเพราะป้านดเป็นผู้ชาย” นี่มึงตอบกวนตีนน้องดอกเขาป่ะเนี่ย


“เหรอคะ เอ่อเจเรมี่คะขอชาสักแก้วได้มั้ยคะ”


“ได้ครับ”


รู้น่าว่าไม่ได้หิวน้ำ..เมื่ออยู่กันสองต่อสองน้องดอกก็เริ่มสงครามประสาททันที


“เจเรมี่กินคุณยัง” โอ้โหน้ำเสียงช่างเป็นมิตรดีแท้


“กิน?”


“ฉันหมายถึงได้กันหรือยัง”


“...” ที่เงียบเนี่ยเพราะกำลังคิดอยู่ เมื่อคืนก่อนถือว่าได้มั้ยว้า


“เดี๋ยวเขาก็เบื่อ คุณก็แค่ของแปลกสำหรับเขา” ของแปลก? น้องนางสิแปลกคนบ้าอะไรโชว์นมให้คนเขาดูไปทั่ว


“คุณอยากกินเขาเหรอครับ” ผมมันคนซื่อก็เลยถามตรงๆ ไม่ได้คิดจะเสียมารยาทกับคุณผู้หญิงเขาแต่อย่างใด


“ห๊ะ!”


“เอ๊ะ หรือว่าคุณอยากให้เจเรมี่กินคุณแต่เจเรมี่ไม่ชอบของธรรมดาๆ อย่างคุณก็เลยมากินของแปลกอย่างผม นี่จะบอกอะไรให้นะของแปลกสิดี ลิมิเต็ด อิชั่นน่ะใครๆ ก็อยากได้” นี่ก็ด้วยความซื่ออีกแหละก็เลยบอกไปตรงๆไม่ได้ตั้งใจจะถากถางนะเออ


“คุณ!”


“ชาได้แล้วครับ” แต้งๆ หมดยกจ้า


“ขอบคุณค่ะ พอดีลิลลี่นึกได้ว่ามีนัดขอตัวกลับก่อนนะคะ หายไวๆ นะคะแล้วพรุ่งนี้เจอกันที่ประชุมค่ะ” โอ๊ะ น้องดอกเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงได้ไวมากแนะนำให้ไปเป็นดารานะรับรองรุ่ง อ้าวแล้วจะไม่จิบชาสักหน่อยเหรอจะรีบกลับไปไหนคนแขนเดี้ยงอุตส่าห์ชงมาให้เชียวนะ


“ขอบคุณครับ แล้วเจอกันครับ” ก่อนที่น้องดอกจะกลับก็ไม่ลืมจูบลาที่แก้มทั้งสองข้างของอีพี่เบิ้มและแน่นอนจังหวะยังคงเนิบช้าเหมือนเดิมและที่สำคัญมีเหลือบตามองผมอย่างเย้ยหยันซะด้วย..บ้าบอ
 
“หุ้นส่วนคนสนิท? สนิทระดับไหนครับ” เมื่อเสียงประตูปิดลงผมก็ซักอีพี่เบิ้มทันที


“เราไม่ได้สนิทกันนะครับ เราเจอกันตามที่ประชุมแล้วก็ที่งานเลี้ยงบ้าง สำหรับผมถือว่าเราไม่ได้สนิทกันนะครับ”


“ไม่สนิททำไมถึงมาหาถึงที่บ้านได้ล่ะครับ”


“ผมก็แปลกใจเหมือนกันนี่ครั้งแรกที่เธอมาหาผมที่นี่ปกติผมไม่รับแขกที่บ้าน นอกจากครอบครัวแล้วก็พอลคุณคือคนแรกที่มาที่บ้านผม”


“ถ้าไม่เจอที่บ้านแล้วเจอกันที่ไหนครับ”


“ออฟฟิศผมครับที่รักแล้วเรื่องที่คุยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงานครับ”


“...” ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด


“คุณหึงผมที่รัก”


“ผมไม่ได้หึง!”


“คุณหน้างอ”


“เพราะผมป่วย”


“คุณบอกคุณหายแล้วที่รัก”


“ใช่ผมหึง! พอใจหรือยัง ดูหน้าคุณตอนนี้สิเต็มไปด้วยรอยลิปสติกมันเป็นรอยปากคนอื่นที่ไม่ใช่ของผมเห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า ให้ตาย!” แม่ง ขอบ่นหน่อยเหอะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะฉุนขนาดนี้จะวัฒนธรรมโลกตะวันตกอะไรก็ช่างใครจะอยากให้คนอื่นมาสัมผัสแฟนตัวเองกันเล่า!


“ผมชอบจัง คุณหึงได้น่ารักเป็นบ้า” อย่ามายิ้มนะ บ้าเอ้ย


“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ”


“คุณคือลิมิเต็ด อิดิชั่นของผม ผมไม่ยอมเสียคุณไปแน่นอนเชื่อใจผมที่รัก”


“คุณได้ยิน!” ให้ตายน่าอายชะมัด


“แน่นอนที่รัก ห้องครัวอยู่แค่ตรงนี้แต่ผมชอบมันชะมัด”


“ไม่รู้ล่ะแล้วผมจะไว้ใจเธอได้ไง ดูชุดที่เธอใส่สิชุดมาเยี่ยมคนป่วยอะไรจะแหวกได้ขนาดนั้น เธอจ้องจะงาบคุณไม่รู้เหรอครับ”


“ผมทราบครับ แต่ผมไม่สนผมมีแค่คุณนะที่รัก”


“หน้าคุณมัน..” หงุดหงิดลูกตาเว้ย


“เช็ดให้หน่อยสิครับ”


“เช็ดเองสิครับ” ไม่อยากจะมองรอยริมฝีปากแดงๆ นั่นเลย


“แขนผมเจ็บ” เหอะ อ้างมันเข้าไปสิคืนก่อนยังอุ้มกูตัวปลิวอยู่เลย

ผมเช็ดหน้าให้พี่เบิ้มไม่เบามือนักด้วยอารมณ์หงุดหงิดคนแขนเดี้ยงจึงกระตุกข้อมือผมเพียงน้อยนิดผมก็ซบแหมะลงบนอกหนาที่นั่งขืนตัวไม่ให้ล้มตามแรงของผมก่อนจะดันสะโพกของผมให้นั่งคร่อมบนต้นขาอันแข็งแรง..เอ่อท่านั่งทำไมมันดูล่อแหลมชอบกล

“ท่านั่งแบบนี้ดีจังคุณจะได้เช็ดหน้าผมสะดวกๆ ไงครับ” สายตาวาววับมันน่าจิ้มตาบอดนัก


“ไม่เห็นจะดีเลย ปล่อยผมเลยนะคุณ” มืออีพี่เบิ้มก็เริ่มซนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง


“ไม่ปล่อย”


“...” จะเล่นเกมส์จ้องตาหรือไง


“ผมรู้ว่าคุณกังวลแต่ได้โปรดเชื่อใจผมที่รัก ผมไม่มีทางทำให้คุณเสียใจเด็ดขาดผมสัญญากับคุณไว้ว่าจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดไงครับ” พี่เบิ้มจ้องลึกเข้ามานัยน์ตาสีนิลของผมอย่างจริงใจ ผมเชื่อแววตาสีเทาคู่นี้ว่าทุกคำที่เอ่ยออกมาล้วนออกมาจากใจจริง


“ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ความรักและความเชื่อใจมันควรจะมาพร้อมกัน..


“ขอบคุณครับ..ผมจูบนะครับ” ผมโอบคอพี่เบิ้มเป็นคำตอบก่อนเรียวปากของเราทั้งคู่จะแนบชิดกัน จูบอันหวานหอม ละมุน ลึกซึ้ง แทนคำเชื่อมั่นระหว่างเราได้เป็นอย่างดี


 

ติ๊งติ่ง เสียงกริ่งดังอีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้จะเป็นอาหารจริงๆนะ คราวนี้พี่เบิ้มเป็นฝ่ายเดินไปปิดประตูและเดินกลับเข้ามาพร้อมกับของถุงของกินเต็มไม้เต็มมือ ไม่รีรอรีบกินจุกๆ กันเหอะ ใช้พลังงานในการตอบโต้กับน้องดอกไปเมื่อกี้แล้วยิ่งหิวหนักกว่าเดิมบอกเลย


“อร่อยมั้ยเจ้าหญิง” บอกว่าขอซื้อคำนี้ทิ้งไงเล่า ผมได้แต่ส่งสายตาให้อย่างเคืองๆ


“ครับอร่อยมาก”


“เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมนะครับ มีเมนูให้คุณเลือกทานอีกเยอะแยะเลย”


“โรงแรม?”


“ครับ โรงแรมของผมเอง อาหารที่เรากำลังทานอยู่ตอนนี้มาจากโรงแรมของผมเองครับผม”


“อ่า คุณมีโรงแรมกี่ที่ครับถามจริง” เรื่องงานของพี่เบิ้มผมรู้เรื่องน้อยมากเพราะไม่อยากก้าวก่าย แต่มันก็อดอยากรู้ไม่ได้จริงๆ


“ถ้าเฉพาะโรงแรมในอังกฤษมีอยู่สิบแห่งครับ”


“แล้วถ้าไม่ใช่โรงแรมล่ะครับ”


“อืม มีอพาร์ตเมนต์แล้วก็บ้านให้เช่าเอาแค่เฉพาะในลอนดอนนะครับน่าจะยี่สิบที่ได้ครับ”


“ถ้านอกลอนดอน นอกอังกฤษ..”


“ถ้าคุณอยากรู้เดี๋ยวผมเปิดแผนธุรกิจให้ดูครับในนั้นมีบอกจำนวนและสถานที่ชัดเจนและธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจอหังสาริมทรัพย์” ประชดกูป่ะเนี่ย


“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ”


“คุณมีสิทธิ์จะรู้ทุกเรื่องของผมที่รัก” ไม่อยากรู้แล้วเดี๋ยวจะตกใจไปมากกว่านี้ รู้แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ

เอาเป็นว่าเรื่องงานเราจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันดีกว่า


“ไม่เอาไม่อยากรู้แล้วครับ ทานต่อดีกว่าผมชอบไส้กรอกนี่จัง” ผมหมายถึงไส้กรอกในจาน Bangers and Mashเป็นไส้กรอกเนื้อเน้นที่มาพร้อมกับมันบดและหัวหอมผัดราดด้วยน้ำเกรวี่สุดกลมกล่อม..จะกินให้จุกๆ ไปเลย


“ค่อยๆ กินสิครับ” ก็มันอร่อยนี่นา


“แล้วคุณไม่ทานเหรอครับ” พี่เบิ้มได้แต่นั่งมองผมกินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ก็..”


“โอ๊ะ ขอโทษครับ คุณทำไมไม่บอกผมล่ะครับ” แขนเดี้ยงอยู่จะจับมีดจับส้อมหั่นก็คงไม่ถนัด..ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ


“ก็คุณกำลังทานอร่อยผมเลยไม่อยากขัด”


“คุณก็..เอ้าอ้าปากครับ” ผมหั่นเนื้ออบชิ้นพอดีคำพร้อมกับป้อนพี่เบิ้ม


“ขอบคุณครับ” ยิ้มร่าเชียวนะพี่มึง


“อยากทานอันไหนบอกผมนะครับ มื้อนี้ผมจะเป็นแขนให้คุณเอง” ผมยิ้มบอกอย่างใจดี


“ผมมีความสุขจังที่รักอยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวันเลย” น้ำเสียงพี่เบิ้มอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มดวงตาเป็นประกาย


“ครับ ผมก็มีความสุข” มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูก..แต่ให้ทำไงได้ช่วงนี้ก็คงต้องไปๆมาๆแบบนี้ไปก่อน อนคตค่อยว่ากันอีกที
 
 
 จุกๆกับมื้อค่ำแสนอร่อยไปแล้วก็มานั่งย่อยจิบโกโก้ร้อนที่ริมระเบียง


“คุณชอบแก้วใบนี้มั้ยครับ”


“แก้ว?” เพิ่งสังเกตว่าแก้วเป็นลายเชอร์รี่ลายเดียวกันกับแก้วที่พี่เบิ้มมันซื้อเมื่อตอนไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่เชียงใหม่ต่างกันแค่แก้วใบนี้เป็นแก้วเซรามิคสีขาวส่วนแก้วที่เชียงใหม่เป็นแก้วใส


“ผมกลับมาจากเชียงใหม่ครั้งก่อนหาซื้อตั้งหลายที่กว่าจะเจอแก้วลายเชอรรี่ถึงจะไม่เหมือนแต่สองใบนี้ใกล้เคียงกับแก้วที่ไปซื้อกับคุณที่สุด”


“เป็นเอามากเหมือนกันนะคุณ” กระจุ๊กกระจิ๊กกับเขาก็เป็นด้วย


“ก็ผมคิดถึงคุณนี่ครับ”


“คร้าบ~”


“ผมว่าเราเข้าข้างในบ้านกันเถอะ ข้างนอกลมแรงคุณเพิ่งหายไข้นะที่รัก”


“ก็ได้ครับ” หนาวจริงๆนั่นแหละ


“คุณจะอาบน้ำก่อนหรือจะให้ผมอาบก่อนครับ”


“คุณไม่ให้ผมช่วยคุณอาบเหรอครับ”


“ผมอาบเองได้แล้วครับ อีกอย่างคุณเพิ่งหายไข้ผมไม่อยากให้คุณโดนน้ำนานๆ” ห่วงมากไปแล้วนะ ผมแข็งแรงแล้วเว้ย


“โอเคครับงั้นคุณอาบก่อนได้เลย แต่ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกได้นะครับ” ดีเหมือนกันอาบให้เดี๋ยวก็เลยเถิดอีก




ผมนั่งๆนอนอยู่บนโซฟาดูรายการทีวีไปเรื่อยเปื่อยสักพักพี่เบิ้มก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า..ให้ตาย!


“ที่รักช่วยโกนหนวดให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”


“ทำไมคุณล่อนจ่อนออกมาแบบนี้เล่า”


“ผมนึกว่าคุณชินแล้วเสียอีก” เหอะ พูดได้หน้าตาเฉยมาก


“ผมไม่ชินครับ!” ให้ตาย จะชินได้ยังไงวะหรรมมึงทั้งดุ้นนะโว้ย


“ถ้าอย่างงั้นก็เห็นบ่อยๆจะได้ชิน”


“...” ไม่อยากชินโว้ย


“ผมไม่ถนัดเลยคุณช่วยผมหน่อยนะครับ” พี่เบิ้มใส่เฝือกข้างซ้ายหลายคนอาจจะคิดว่าดีนะที่ไม่เป็นข้างขวาไม่งั้นคงลำบากกว่านี่แย่ เหอะขอโทษครับอีพี่เบิ้มแม่งถนัดซ้ายครับ..คนลำบากคือกูนี่แหละที่ต้องมาทนเห็นงูหลามเผือกของมึง ยื่นเสื้อคลุมให้กลับโยนทิ้งหน้าตาเฉย ฟาย!


“คุณมีเคราก็ดูเท่ไปอีกแบบนะผมว่า” เหมาะกับลุกเซอร์ของพี่มึงดี


“เหรอครับ ถ้าคุณชอบผมไม่เอาออกก็ได้ครับ” นี่ก็ตามใจไปอีก


“แต่ผมชอบแบบไม่มีมากกว่า” คือมีเครามันเท่ก็จริงแต่เวลาที่พี่แกซุกไซ้ผมแล้วมันจั๊กจี้แปลกๆ


“ถ้าอย่างง้ั้นเชิญเจ้าหญิงเอาออกให้เกลี้ยงเลยครับ” เจ้าหญิงอีกแล้ว แม่ม!


   ผมค่อยๆชโลมครีมโกนหนวดเนื้อโฟมลงไปตามสันกรามที่ปกคลุมไปด้วยเคราที่กำลังเริ่มยาวเนื้อโฟมเนียมนุ่มบนนิ้วมือสัมผัสกับความสากของขนเคราให้รู้สึกสัมผัสที่น่าประหลาด ผมค่อยๆปาดใบมีดโกนลงใปบนเนื้อโฟมอย่างเบามือ มันคือครั้งแรกที่โกนหนวดให้คนอื่นแล้วก็ไม่เคยคิดด้วยว่าวันหนึ่งจะได้มาทำอะไรแบบนี้สำหรับพี่เบิ้มแล้วมีครั้งแรกให้ผมต้องเจอหลายเรื่องและคาดว่าต้องเจออีกมากมายต่อจากนี้..

ผมตั้งใจโกนหนวดให้พี่เบิ้มด้วยความระมัดระวังพยายามมีสมาธิจดจ่อไม่สนใจแววตาคู่ที่เทาที่จ้องมองมาอย่างลึกซึ้ง..ให้ตายหัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้า ไม่มีทางหรอกที่ผมจะชินจากทุกสัมผัสจากผู้ชายตรงหน้า


“เอ้าช์!”


“โดนบาดเหรอครับ!” ผมรีบชักใบมีดออกทันที


“ล้อเล่นครับ” บ้าเอ้ย


“คุณ! อย่าแกล้งแบบนี้สิครับ” คนยิ่งเกร็งๆ อยู่


“ผมมีความสุขจัง” รู้แล้วน่าดวงตาพราวระยับขนาดนี้


“อย่าเพิ่งพูดสิครับ”


“ที่รัก ผมรักคุณ”


“...” บอกว่าอย่าพูดไงเล่า เกร็งที่มือไม่พอต้องเกร็งที่ใจอีกมันเต้นจนทะลุออกจากอกแล้วเนี่ย..ก็นะบรรยากาศตอนนี้มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก


“ทำไงดีที่รัก ผมมีความสุขจนแทบบ้า”


“เดียวโดนมีดบาดนะคุณ” ดื้อจริง


“ให้ตายผมมีความสุขจนหยุดพูดไม่ได้เลย”


“...”


“I know I talk too much so give me your two lips baby, I’ll shut up* ”


“...” บ้าบอจะให้จูบตอนนี้เนี่ยนะ


..ไม่รู้ด้วยแล้วแรงดึงดูดจากนัยน์ตาคู่สีเทาทำให้ผมปิดปากคนพูดมากด้วยเรียวปากของผมตามคำขอสัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยนไม่ต่างจากเนื้อโฟมที่ละเลงเลอะไปทั่วใบหน้าของเราทั้งคู่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขจนล้น..หัวใจของเราทั้งคู่ก็เช่นกัน


   การโกนหนวดใครว่าง่าย มันยาก..ยากจนแทบละลาย











        สองอาทิตย์แล้วกับการมาอังกฤษของผมซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีจากครอบครัวคาร์สัน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมกลับไปที่ยอร์คอีกครั้งเพราะพี่เบิ้มต้องมาตรวจแขนที่เข้าเฝือกผลการตรวจออกมาค่อนข้างดีกระดูกเข้าที่เร็วกว่าที่คิดอาทิตย์หน้าคาดว่าน่าจะเอาเฝือกออกได้แล้ว หลังจากตรวจเสร็จพี่เบิ้มก็พาผมเที่ยวเมืองยอร์คทุกซอกทุกมุมตามที่สัญญาไว้เดินจนขาแทบหลุดและจบ ทริปด้วยการพาผมไปดูการแข่งขันฟุตบอลที่สนามโอล์ดแทรฟฟอร์ดสนามเย้าของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด..ความฝันของผมเป็นจริงสักที

แมตช์ที่เราไปดูเป็นศึกดาร์บี้แมตช์กับทีมร่วมเมืองอย่างทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ความเนื่องเแน่นและ ความมันจึงคับแน่นไปทั่วสนาม เสียงเชียร์ทั้งทีมเจ้าบ้านและทีมเยือนดังก้องไปทั่วสนามทำให้แฟนบอลที่มาเชียร์ติดขอบสนามเป็นครั้งแรกอย่างผมฮึกเหิมไม่น้อย โมเมนต์ดีใจเมื่อทีมรักทำประตูได้ผมและพี่เบิ้มเราต่างเฮและสวมกอดกันอย่างบ้าคลั่งมันเป็นประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกที่ดีโคตรๆ และที่สุดของความประทับใจในทริปนี้คือทีมรักของเราเอาชนะทีมเพื่อบ้านผู้น่ารำคาญไปด้วยสกอร์ 2-0..สะใจเป็นบ้า





     เมื่อกลับมาลอนดอนพี่เบิ้มก็เริ่มโหมงานหนักเร่งเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อเดินทางกลับเชียงใหม่พร้อมกับผมในอาทิตหน้า ไอ้ฟางเพื่อนผู้น่ารักและน่ารำคาญในบางเวลาคอยมาอยู่เป็นเพื่อนผมและพาเที่ยวลอนดอนเดินจนขาแทบเปื่อยเกือบทุกวัน วันนี้ก็อยู่กับไอ้ฟางจนถึงค่ำเมื่อกลับมาถึงบ้านของพี่เบิ้มก็ยังคงไร้เงาเจ้าของบ้าน..วันนี้ก็กลับดึกอีกแล้ว

“อ๊ะ คุณกลับมาแล้วเหรอครับ” ผมนั่งรอพี่เบิ้มอยู่ที่โซฟาและไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งเมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็ลอยเคว้งอยู่ในอ้อมกอดของคนแขนเดี้ยง..แขนมึงจะหายมั้ย ฮึ

 
“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะครับ หรือคุณรอผม”


“อื่อผมรอคุณ”


“ขอบคุณนะครับเจ้าหญิงของผม” เกลียดคำนี้แต่พี่เบิ้มก็สนใจตาขวางของผมไม่ พาผมเข้าห้องนอนแล้ววางผมลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล


“ผมมีงานค้างอีกนิดหน่อยคุณนอนก่อนเลยนะครับ ฝันดีครับที่รัก” งานจะเยอะไปไหนผมได้แต่มองตามพี่เบิ้มออกจากห้องด้วยตาปริบๆ
 




   ตีสอง..ที่นอนข้างๆยังว่างเปล่า ให้ตายผมนอนไม่หลับร่างกายมันเคยชินกับอ้อมกอดของคนตัวโตไปเสียแล้วสิ


“คุณงานยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ” สุดท้ายผมก็ทนนอนคนเดียวไม่ไหวจึงต้อมออกมาตามคนงานยุ่งที่ห้องทำงาน..รีบมานอนเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้ผมกอดได้แล้ว


“ใกล้แล้วล่ะครับ นอนไม่หลับเหรอที่รัก”


“พักก่อนมั้ยครับ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ”


“ผมตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะใช้เวลาอยู่กับคุณทั้งวันเพราะสามวันที่ผ่านมาผมแทบจะไม่มีเวลาให้คุณเลยที่รัก”


“ไปนอนเถอะครับ ผะ..ผมนอนไม่หลับถ้าคุณไม่นอนกอดผม” นี่ผมขี้อ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่?!


“ที่รัก~”


“นะครับ”


“แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะครับ ให้ตายที่รักคุณอ้อนแล้วน่ารักเป็นบ้า”


“อื่อออ” จูบจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัวอีกแล้ว..ไม่ไหวเลยหัวใจ


“ไปครับเจ้าหญิงไปนอนกัน” เฮ้อ โอเคเจ้าหญิงก็เจ้าหญิงแล้วพี่เบิ้มก็เดินจูงมือผมไปยังห้องนอนแล้วนอนกอดผมอย่างที่ผมต้องการไม่มีการล่วงเกินไปมากกว่าจูบเบาๆที่หน้าผากพร้อมกับคำว่าฝันดี..แล้วคืนนี้ผมก็ฝันดีจริงๆ



ฝันที่พอตื่นขึ้นมาแล้วคำพูดของพี่เบิ้มที่พูดในความฝันยังดังก้องอยู่ในหัวผมไม่หยุด..‘will you marry me’








TBC.

………………………………………………….....

 บทหน้าตอนจบแล้วน๊า..ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ^^

 *Greyson Chance - shut up  https://www.youtube.com/watch?v=SpNn32HA0SI



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2020 14:08:15 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูยๆๆๆ ตอนนีหวานหยดไปตามทางเลยนะพี่เบิ้มกับป้านต
ถึงแม้จะมี น้องดอก มาขั้นนิดหน่อย ก็ไม่สามารถหยุดความหวานของทั้งคู่ได้
น่ารักสุด ๆ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หวานกันจริงๆ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
จะจบแล้วเหรอครับเนี่ย ผ่านไปไวจัง :monkeysad:

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



บทที่21
Husband and Husband and Happy [The End]





        เช้านี้ผมตื่นเพราะกลิ่น มันคือกลิ่นหอมของอาหารที่ได้กลิ่นแล้วท้องก็ร้องโดยอัตโนมัติ ที่นอนข้างๆ ว่างเปล่าผมจึงเดินตามกลิ่นเพื่อตามหาเจ้าของที่นอนข้างๆ พี่เบิ้มกำลังทำกับข้าวอยู่หน้าเตาสวมผ้ากันเปื้อนสีครีมที่สวมทับเสื้อกล้ามสีขาวตัวย้วยผมยาวที่รวบไว้หลวมๆ มีหลุดลุ่ยลงมาบ้างทำให้คนที่แอบยืนมองอย่างผมรู้สึกละมุนตาไม่น้อย..หายใจติดขัดแต่เช้าเลยกู


“โอ๊ะ มอร์นิ่งครับที่รัก”


“มะ มอร์นิ่งครับ” ให้ตาย! รอยยิ้มทั้งปากทั้งตามันเล่นงานผมเข้าอีกแล้ว ใจหนอใจ


“Full English Breakfast ที่คุณอยากทานเรียบร้อยแล้วครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงก็ยังคงตามมาหลอกหลอนไม่เลิก


“ทำไมไม่ปลุกผมให้มาช่วยคุณล่ะครับ”


“หน้าที่ของคุณคือทานให้อร่อยครับที่รัก”


“ขอบคุณครับ น่าอร่อยจัง” มื้อเช้าแบบจุกๆ อาหารเช้าตามแบบฉบับอังกฤษที่มีของคาวหลากหลายในจานเดียว


“เชิญทานครับ รับรองอร่อยแต่น้อยกว่าผมนะ”


“...” บ้าบอ อีพี่เบิ้มไม่พูดเปล่าขยิบตาให้อีกต่างหาก ทำใจกูเหลวแต่เช้าเลย


“เย็นนี้เราไปดินเนอร์ที่โรงแรมของผมกันนะครับ ส่วนกลางวันผมให้คุณเลือกว่าคุณอยากไปที่ไหน”


“ฟางพาผมไปจนทั่วแล้วล่ะครับ ผมว่าคุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีมั้ยครับเมื่อคืนคุณก็นอนดึกแถมยังตื่นเช้ามาทำอาหารให้ผมทานอีก”


“แต่ผมอยากใช้เวลาอยู่กับคุณนะที่รัก” ฝรั่งตัวโตเริ่มทำหน้ามุ่ย


“Duvet Dayไงครับ วันนี้เราหาหนังหนุกๆ ดูสั่งอาหารอร่อยๆ มาทานขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวันที่บ้านแค่นี้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากพอมั้ยครับ ”


“คร้าบเจ้าหญิง” จากหน้ามุ่ยก็ยิ้มหน้าบานทันที


วันนี้ทั้งวันเรานอนก่ายกันดูหนังไปหลายเรื่องสั่งอาหารจากโรงแรมพี่เบิ้มมาทานเป็นมื้อกลางวัน จิบชาอุ่นๆ พร้อมกับสโคนและเค้กแสนอร่อยที่ระบียงพร้อมกับมองวิวแม่น้ำที่ไหลเอื่อยๆ พักผ่อนอยู่บ้านนี่แหละดีที่สุดจะสุขมากสุขน้อยขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ข้างๆ เราต่างหากล่ะว่าเป็นใคร..สุขของผมน่ะเหรอมากมายจนล้น

แต่ที่น่าแปลกวันนี้พี่เบิ้มจับโทรศัพท์บ่อยมากทั้งที่ปกติเวลาอยู่กับผมถ้าไม่มีงานด่วนจริงๆ พี่เบิ้มแทบจะลืมโทรศัพท์ไปเลย..สงสัยงานจะยุ่งจริงๆ














           ดินเนอร์ระดับพรีเมียมพร้อมกับวิวสุดหรู ณ โรงแรมใจกลางกรุงลอนดอน ผมไม่ได้อยู่ในส่วนของห้องอาหารแต่ผมอยู่ในห้องลับที่ซ่อนอยู่ในห้องทำงานของพี่เบิ้มบนชั้นหนังสือในห้องทำงานมีปุ่มเล็กๆ ซ่อนอยู่เมื่อกดมันชั้นหนังสือก็จะเลื่อนออกเผยให้เห็นห้องสูทสุดหรูที่มีกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวลอนดอนที่อยู่เบื้องล่างและทาวเวอร์บริดจ์สะพานข้ามแม่น้ำเทมป์ได้อย่างชัดเจน


“คืนนี้เราค้างที่นี่ดีมั้ยครับ คุณจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ” หลังจากอิ่มแปล้จนตัวแทบแตกกับมื้อค่ำแสนอร่อยพี่เบิ้มก็ชวนมานั่งเอกขเนกชมวิวลอนดอนยามค่ำคืนที่หน้ากระจกบานใหญ่


“เสื้อผ้าผมล่ะครับ” ไม่บอกล่วงหน้าเล่า


“ไม่มีปัญหาที่รัก เสื้อผ้าของผมในตู้คุณเลือกใส่ได้ตามสบายครับ”


“...” ดูขนาดตัวกูด้วยครับ


“ตกลงนะครับ”


“ครับ” แล้วผมจะตอบอะไรได้เล่า


“โอ๊ะ ผมขอออกไปคุยธุระกับพอลสักครู่นะครับ ถ้าคุณอยากได้อะไรเพิ่มเรียกรูมเซอร์วิสได้เลยนะที่รัก”
พี่เบิ้มรีบบอกผมก่อนจะกดรับโทรศัพท์ปลายสายจากพอลที่สั่นไม่หยุดพร้อมกับท่าทางร้อนรนออกจากห้อง..ทำตัวน่าแปลกจริงๆ แหละวันนี้
 



หนึ่งชั่วโมงผ่านไปพี่เบิ้มยังไม่กลับมาไหนบอกแป๊บเดียวไงวะ ขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะส่งข้อความไปหาดีมั้ยข้อความจากพี่เบิ้มก็ส่งมาพอดี
 
‘ที่รักตอนนี้ผมอยู่บนชั้นดาดฟ้า คุณขึ้นมาหาผมหน่อยสิครับ’
 
ดาดฟ้า? แม้จะงงๆ แต่ผมก็ออกไปยังชั้นดาดฟ้าตามที่พี่เบิ้มบอกอย่างว่าง่าย เมื่อลิฟต์หยุดยังชั้นบนสุดผมเดินตรงไปตามทางเดินก่อนจะหยุดที่ประตูบานใหญ่ก่อนจะผลักมันด้วยสองมือแรงลมปะทะใบหน้าแต่ไม่เท่าภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้ามันทำให้ผมอึ้งแทบก้าวขาไม่ออก..

เทียนเล่มเล็กสีขาวจุดไปตามทางเดินยาวไปจนถึงซุ้มกุหลาบเล็กๆ ที่พี่เบิ้มยืนอยู่ในมือถือช่อดอกไม้สีขาวและผ้าพันคอสีฟ้า..อย่าบอกนะว่าที่วันนี้ทำตัวแปลกๆ และหายไปเกือบชั่วโมงเพื่อมาเตรียมอะไรพวกนี้ ความตื่นเต้นแผ่ช่านไปทั่วร่างก่อนที่ผมจะก้าวเดินไปตามทางเดินช้าๆ และหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายตัวโตที่ยืนยิ้มให้ผมทั้งปากทั้งตาแต่นัยน์ตาคู่สีเทานั้นแฝงไปด้วยความประหม่าไม่น้อย


“สวมนี่ก่อนครับ” ผ้าพันคอสีฟ้าถูกสวมลงมาที่คอของผมอย่างอ่อนโยน มันคือผ้าผืนใหม่ไม่ใช่ของอีซูซี่แต่อย่างใดและถ้าผมตาไม่ฝาดที่ปลายของผ้าพันคอมีชื้อของผมปักไว้


“ขอบคุณครับ”


“แล้วนี่ครับ ดอกไม้สำหรับคุณ”


“ขอบคุณครับ” คำขอบคุณเป็นเพียงคำเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้


“ที่รัก..”


“...” อ่า เหตุการณ์แบบนี้มันคล้ายกับ..ฝัน?!

พี่เบิ้มคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะกุมมือของผมไว้และเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมน้ำตาคลออย่างง่ายดาย


“ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันผมมีความสุขมาก การลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วเห็นใบหน้าของคุณเป็นคนแรกมันทำให้ผมมีพลังที่จะต่อสู้กับงานได้ทั้งวันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมเคยสัญญากับคุณว่าจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดได้โปรดให้ผมได้ทำตามสัญญา ผมอยากดูแลคุณให้คุณมีความสุขมาเป็นครอบครัวเดียวกันนะที่รัก ให้ผมได้ดูแลคุณไปตลอดชีวิตของผม ตลอดชีวิตของคุณ..ตลอดชีวิตของเรา แต่งงานกับผมนะครับ


ฝัน..ผมยังไม่ตื่นจากฝัน?


“...” เจ็บ! ผมแอบจิกมือตัวเองเพื่อให้ตื่นจากฝัน แต่นี่มันคือความจริง..คำพูดและการกระทำของพี่เบิ้มในตอนนี้มันคือเรื่องจริง..พี่เบิ้มกำลังคุกเข่าขอผมแต่งงาน!!


“ที่รัก..”


“ตกลง!..ผมตกลงครับ” ไม่มีเหตุเลยที่ผมต้องปฏิเสธเพราะผมก็มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่เบิ้มเช่นกัน


“ขอบคุณ ขอบคุณที่รัก ผมรักคุณ” น้ำเสียงพี่เบิ้มสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอส่วนน้ำตาของผมน่ะเหรอไหลออกมาเป็นที่เรียบร้อย..

นิ้วนางข้างซ้ายของผมถูกสวมด้วยแหวนเงินด้วยมือที่สั่นเทาของพี่เบิ้มซึ่งมือของผมก็สั่นไม่ต่างกัน จากนั้นพี่เบิ้มก็ลุกขึ้นก่อนจะสวมกอดผมด้วยความแนบแน่นพร้อมคำบอกรักที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด
 

ให้ตาย ความรู้สึกถูกขอแต่งงานมันเป็นอย่างนี่นี่เอง..อกแทบระเบิด
 

“ยินดีด้วยจ้า”


“ดีใจด้วยนะมึง”


“ดีใจด้วยนะมึงเป็นฝั่งเป็นฝาสักที”


“ยินดีด้วนนะครับพี่ณต เจเรมี่”


“เฮ้ย! มากันได้ไง” แก๊งเพื่อนของผมเดินออกมาจากหลังประตูอย่างพร้อมหน้ารวมถึงซันนี่ โจเซฟและพอล ในมือต่างก็ถือดอกกุหลาบสีขาวกันคนละดอกก่อนจะมอบให้ผมและสวมกอดด้วยความยินดี


“เพื่อนกูจะมีผัวอย่างเป็นทางการแล้วจ้าาาาา” อีซูซี่ตะโกนออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ ส่วนไอ้ฟางร้องไห้สะอึกสะอื้นตั้งแต่เดินออกมาจากประตู บ้าเอ้ย น้ำตากูหยุดไหลไปแล้วนะต้องมาเขื่อนแตกกับพวกมึงอีกรอบ ฮือออออ

..มีผัวอย่างเป็นทางการเหรอ เออ ผัวก็ผัว ยังไงมันก็คือความจริงถ้าแต่งงานกันแล้วเราก็ต่างเป็นสามีของกันและกันซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้ว


 
หลังจากเหตุการณ์เซอร์ไพรส์ถูกขอแต่งงานท่ามกลางลมหนาวก็มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้เล็กๆ กับผองเพื่อนผู้น่ารักและน่ารำคาญในบางเวลาที่อุตส่าห์เดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อร่วมแสดงความยินดีโดยมีอีพี่เบิ้มเป็นเจ้าภาพอาสาจัดการค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ทั้งหมดพร้อมกับที่พักสุดหรูใจกลางกรุงลอนดอน..ไม่อยากจะคิดถ้ากูเซย์โนคงจะหน้าแหกมิใช่น้อยแต่กระเป๋าน่ะไม่แหกหรอกแค่นี้ขนหน้าแข่งแม่งไม่ร่วงหรอก

เมื่อเวลาล่วงเลยใกล้เที่ยงคืนทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องพักส่วนผมและพี่เบิ้มคืนนี้เราพักกันที่ห้องลับที่ซ่อนอยู่ในห้องทำงานของพี่เบิ้ม


“อื่อ เดี๋ยวก่อนสิครับ” ประตูห้องยังปิดไม่สนิทอีพี่เบิ้มก็จู่โจมผมด้วยจูบทันที


“ก็ผมดีใจ อยากจูบคุณแทบแย่ผมอดทนมาตั้งสามชั่วโมงให้รางวัลผมหน่อยนะครับ” รางวัลอะไรมิทราบ


‘จุ๊บ’ ผมจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากได้รูปของว่าที่เจ้าบ่าวเพื่อเป็นรางวัล..ว่าที่เจ้าบ่าวเหรอ เขินแฮะ


“ดีพคิสต่างละครับ” ได้คืบจะเอาศอกนะมึง


“ไปอาบน้ำก่อนครับ”


“อาบน้ำแล้วเราจะดีพคิสกันใช่มั้ยครับ” กูเกลียดดวงตาเป็นประกายของมึงจริงๆ


“ครับ” เอาน่า แค่จูบน่ะพอไหว


“อยากแต่งงานกับคุณไวๆ จัง ผมจะดีพคิสคุณทั้งเช้าทั้งเย็นเลย ” เห็นอนาคตมาแต่ไกล ปากเปื่อยแน่ๆ กู


“เรื่องแต่งงานเราต้องไปคุณกับพ่อแม่ของผมก่อนนะครับ” คนมีพ่อมีแม่นะเว้ย จะรีบร้อนไปไหนไม่หนีหายไปไหนหรอกน่า


“คุยเรียบร้อยแล้วครับ ท่านอนุมัติครับ”


“ฮะ! ตั้งแต่เมื่อไหร่?”


“เมื่อสองวันที่แล้วครับ เผื่อคุณไม่รู้ตอนนี้พ่อกับแม่ของผมพักอยู่ที่รีสอร์ทของครอบครัวคุณ”


“ฮะ!” เออสิ กูไม่รู้ เมื่อวานก็โทรไปหาแม่ไม่เห็นแม่จะบอกอะไรผมสักคำ


“เซอร์ไพรส์ไงที่รัก”


“เหอะ ถ้าเกิดวันนี้ผมเซย์โนคุณจะทำยังไง”


“ผมมั่นใจว่าคุณจะเซย์เยส คุณรักผมที่รักแล้วผมก็รักคุณ”


“...” อืม ไม่เถียงเพราะมันคือเรื่องจริง


อ่า จูบ จูบกูอีกแล้วไม่ต้องรอแต่งงานหรอกแค่นี่ปากกูก็เปื่อยแล้วล่ะ


“อื่อ หยุดก่อนครับ ไปอาบน้ำก่อน” ผมรีบดันอกหนาให้ผละออกก่อนที่ดีพคิสมันจะเลยเถิด


“ถ้าอย่างนั้นคุณอาบก่อนเลยที่รักเดี๋ยวผมขอคุยกับแม่ผมก่อนนะครับ ทางนั้นก็ลุ้นจะแย่แล้ว” นี่มันครอบครัวนักเซอร์ไพรส์หรือไง ไม่อยากจะเชื่อว่าครอบครัวคาร์สันไปคุยกับครอบครัวของผมเรียบร้อยแล้ว


“โอเคครับ” คุณนายดุจดาวนะคุณนายดุจดาวตกลงง่ายๆ ได้ยังไง ไม่ถงไม่ถามอะไรผมสักคำ พรุ่งนี้ต้องโทรไปบ่นสักหน่อยแล้ว ฮึม







“ดะ เดี๋ยวคุณ!” นี่มันมากกว่าดีพคิสแล้วนะเมื่อมือหนาล้วงเข้ามาในเสื้อลูบไล้อย่างจาบจ้วง


“ที่รัก คุณกำลังยั่วผม”


ให้ตาย ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะก็..หลังจากผมอาบน้ำเสร็จพี่เบิ้มก็มองผมด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะเข้าไปอาบน้ำและออกมาจากห้องน้ำโดยสวมบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียวถือว่าเป็นโชคดีของผมที่พี่มันไม่ล่อนจ้อนออกมาเหมือนครั้งก่อนและตอนนี้ผมกำลังโดนควายเผือกขย้ำเพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นเหตุ!


“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ คุณ..อื้อออ” ไม่ฟังกูเลยแถมยังหุบปากของผมด้วยจูบอย่างเร่าร้อน


“อ่า ที่รักแค่ดีพคิสมันไม่พอคุณรู้อะไรมั้ยแค่เห็นคุณสวมเสื้อเชิ้ตของผมความอดทนของผมก็แทบจะขาดแล้วที่รัก”
ทุกคนคงจะงงว่าเสื้อเชิ้ตของอีพี่เบิ้มมันทำไม จำคำพูดของอีพี่เบิ้มได้มั้ยครับที่ชวนผมค้างที่โรงแรมแล้วบอกว่าเสื้อในตู้เลือกใส่ได้ตามสบาย เหอะแต่ขอโทษ ทั้งตู้มีแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อกล้ามตัวย้วยที่อีพี่เบิ้มมันชอบใส่ นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมชอบใส่เสื้อย้วยๆ ระดับพี่มันจะซื้อเสื้อใหม่สักกี่ตัวหรือซื้อโรงงานผลิตเสื้อแม่งไปเลยก็ยังได้! เมื่อมีเพียงสองตัวเลือกแน่นอนผมเลือกที่จะใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวฝันไปเหอะว่าผมจะใส่ไอ้เสื้อกล้ามตัวย้วยนั่นก็แขนแม่งเว้าลึกจนเห็นหัวนมน่ะสิ ปัดโธ่
แล้วใครจะไปคิดว่าอีพี่เบิ้มแม่งจะหื่นเพียงแค่เห็นผมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคล่งเพียงตัวเดียว อ่อแต่ข้างในยังสวมบ๊อกเซอร์ไว้อยู่นะแม้ชายเสื้อจะบังมิดจนมองไม่เห็นก็เหอะ


“ก็คุณมีแค่เสื้อเชิ้ต หรือจะให้ผมเปลี่ยนไปใส่เสื้อตัวเดิมครับ”


“No! ใส่แบบนี้ดีแล้วผมชอบ คุณเซ็กซี่เป็นบ้า” พูดจบอีพี่เบิ้มก็ประกบจูบลงมาที่เรียวปากของผมอีกครั้ง..กูเชื่อละว่าแม่งหื่นจริง จูบที่เร่าร้อนพร้อมกับปลายลิ้นที่ดูดกลื่นทุกสิ่งในโพรงปากของผมเล่นเอาหายใจติดขัด


“อื่อ หยุดก่อนครับ ผมหายใจไม่ทัน!” หอบแฮกๆ แล้วเนี่ย


“อ่า ที่รักขอให้ผมนะครับ ผมรอจนถึงงานแต่งงานไม่ไหวแน่ๆ ตรงนี้มันทรมานมากเลยที่รัก” พี่เบิ้มกุมมือของผมก่อนจะแนบไปที่หน้าอกของตัวเองที่หัวใจกำลังเต้นรัวก่อนจะเคลื่อนมือของผมไปยังแกนกายของตัวเองที่กำลังขยายตัวถึงขีดสุดจนผมอดรู้สึกอึดอัดแทนไม่ได้..ผมเข้าใจเพราะผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน


“ไหนบอกแค่ดีพคิสไงครับ”


“มันไม่พอที่รัก ได้โปรด”


“ผม..กลัว”


“แค่เชื่อใจผมที่รัก” พี่เบิ้มจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผมอย่างมาดมั่น


“มะ มันต้องเจ็บมากแน่ๆ” อีซูซี่บอกว่าเจ็บเท่ามดกัดแต่ผมไม่อยากจะเชื่อมันสักเท่าไหร่ก็ครั้งก่อนโดนแค่นิ้วยังเกือบตายไข้แดกไปสามวันนี่ถ้าโดนงูหลามเผือกของอีพี่เบิ้มมันทั้งดุ้นผมจะไม่ตายจริงๆ เหรอวะ แค่คิดก็จะร้องไห้แล้ว ฮือออ


“ผมจะอ่อนโยนอย่างที่สุดครับ”


“...”


“เรามาเป็นของกันและกันนะที่รัก”


‘เจ็บแต่ทนไหว จากนั้นพี่ณตก็จะมีความสุข เพราะเรากำลังเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนที่เรารัก’

คำพูดของซันนี่ที่เคยพูดไว้กับผมดังก้องขึ้นมารวมทั้งสายตาของพี่เบิ้มที่อ่อนโยนแต่ก็เว้าวอนอยู่ในทีทำให้ผมไม่อยากจะปฏิเสธอีกแล้ว


“มะ ไม่เอาเจ็บมากนะครับ”


“ผมจะพยายามอย่างที่สุดที่รัก” พี่เบิ้มพูดด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะจูบหน้าผากของผมอย่างอ่อนโยน
จากนั้นพี่เบิ้มก็หยิบอุปกรณ์ที่ใช้ในการร่วมรักออกมาจากลิ้นชักแล้วกองมันไว้บนเตียง..นี่มึงเตรียมการตั้งแต่เมื่อไหร่?!
การเล้าโลมผ่านไปอย่างเนิบช้าและใจเย็นของพี่เบิ้มเมื่อร่างกายของผมตื่นตัวกับสัมผัสวาบหวามที่พี่เบิ้มปรนนิบัติให้ก็ถึงขั้นตอนต่อไปที่ผมนึกกลัว


“ผมจะใส่นิ้วเข้าไปนะที่รัก ผ่อนคลายนะครับ”


“...” เกร็ง กูเกร็งบอกเลยเมื่อสัมผัสถึงความเย็นของเจลหล่อลื่นที่พี่เบิ้มชโลมทั่วช่องทางด้านหลังของผม


“เจ็บมั้ยครับ” นิ้วเรียวยาวของที่เบิ้มสอดเข้ามาอย่างช้าๆ


“มันแปลกๆ”


“โอเคเด็กดี ผมจะขยับเข้าออกช้าๆ นะ”


“อะ”


“เจ็บเหรอครับ”


“มันอึดอัด” รู้สึกแบบเดียวกันเหมือนครั้งก่อนมันแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก


“โอเค เรามาเพิ่มอีกนิ้วกันดีกว่า” พี่เบิ้มคอยบอกผมทุกขั้นตอนอย่างอดทนและค่อยๆ ทำให้ผมอย่างใจเย็นทั้งๆ ที่สายตานั่นอยากจะขย่ำผมเต็มแก่
นิ้วที่สองผ่านไปและจบที่สามนิ้วในการเบิกทางให้ร่างกายของผมคุ้นชินทั้งสามนิ้วยังคงขยับเข้าออกในจังหวะที่สม่ำเสมอก่อนที่ความรู้สึกเสียวซ่านจะแผ่ไปทั่วร่างเมื่อมืออีกข้างของพี่เบิ้มรูดรั้งแกนกายขึ้นลงตามจังหวะของนิ้วที่ขยับเข้าออกทางช่องทางด้านหลังของผม


“อะ อ๊ะ”


“เด็กดี คุณน่าจะพร้อมแล้วผมจะค่อยๆ ใส่ของผมเข้าไปนะครับ” เจลหล่อลื่นถูกชโลมลงมาที่ช่องทางด้านหลังของผมอีกครั้งและแกนกายของพี่เบิ้มที่สวมเครื่องป้องกันเรียบร้อยแล้วก่อนจะจ่อมาที่ช่องทางด้านหลังของผมทำเอาผมกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว


“ผ่อนคลายที่รัก เชื่อใจผม เราจะมีความสุขไปด้วยกัน” สองมือหนาสอดประสานกับมือของผมพร้อมกับจูบซับหน้าผากอย่างอ่อนโยน


“อึก” เจ็บ! ผมบีบมือของพี่เบิ้มแน่นพร้อมกับกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อระบายความเจ็บจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโพรงปากก่อนที่พี่เบิ้มจะประกบจูบลงมาเพื่อหยุดการกระทำของผม


“กัดผมที่รัก ถ้าคุณเจ็บระบายความเจ็บมาที่ผม” ผมส่ายหน้าอยู่บนหมอนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกจากทางหางตา

‘งับ’ แต่แล้วก็ทนไม่ไหวเมื่อพี่เบิ้มกระแทกตัวเข้ามาจนสุดผมจึงกัดหัวไหล่ของพี่เบิ้มอย่างเต็มแรง


“เจ็บ! มันเจ็บ ฮือออ” ไม่ไหวของพี่เบิ้มมันใหญ่เกินไป ฮือออ


“เด็กดี มันเข้าไปแล้วเข้าไปหมดแล้วที่รักคุณเก่งมาก” คำปลอบประโลมพร้อมกับการจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนทำให้ผมผ่อนคลายลง


“ผมจะเริ่มขยับช้าๆ นะครับ”


“...”


“รัดแน่นเกินไปแล้วที่รัก ผ่อนคลายหน่อยครับ ยิ่งคุณรัดแน่นมากขึ้นผมกลัวจะไม่อ่อนโยนกับคุณนะที่รัก” แล้วจะให้ทำยังไงเล่า!


“ฮือออ” ร้องไห้อีกรอบแม่ง


“ขอโทษที่รัก ผมสัญญาผมจะอ่อนโยนให้มากที่สุดไม่เอาไม่ร้องนะเจ้าหญิงของผม” ในระหว่างที่ปลอบประโลมสะโพกของพี่เบิ้มก็ขยับเข้าออกช้าๆ พร้อมกับจูบที่ดูดดื่่มเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ..น่าแปลกไม่นานความเจ็บปวดทั้งหลายก็หลงเหลือเพียงน้อยนิดก่อนที่ความเสียวซ่านจะแทรกซึมเข้ามาแทนที่


“อ่าาา” เมื่อปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระเสียงร้องน่าอายก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่


“ชอบมันมั้ยที่รัก อ่า”


“อ๊ะ”


“เด็กดี คุณเก่งมากที่รัก”


“อะ อ่า” เสียงร้องที่อดกลั้นไม่ได้ของผมเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของพี่เบิ้มและเสียงหยาบโลนเมื่อเนื้อกระทบกันดังปนกันไปทั่วห้อง


“ผมรักคุณที่รัก ได้โปรดดูดกลืนผมเข้าไปให้ลึกที่สุด” พี่เบิ้มกระซิบเสียงแหบพล่าก่อนจะกดสะโพกเข้ามาจนสุดและขยับเข้าออกอย่างถี่รัว


“อ่า ลึกไป!”


“I just want you to feel me baby”


“อ่า”


“Do you feel me?”


“Ahh too big” มันใหญ่กว่าเดิมให้ตาย!


“อา อ๊ะ”


“You like it?”


“Yeah I like it!” แต่ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้เลยว่ามันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก


“Good boy I feel so good”


“อะ อ๊ะ ไม่ไหว จะ.จะถึงแล้ว แฮก”


“Ahh Cum with me baby” มือหนารูดรั้งแกนกายของผมถี่รัวไม่ต่างกับสะโพกหนาที่ขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง


“อ๊ะ อ่าาาาา” ร่างของผมกระตุกเกร็งพร้อมกับของเหลวสีขาวพวยพุ่งเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องสมองนั้นขาวโพลนไร้สติไปชั่วขณะ


“เก่งมากที่รัก รอผมอีกนิดนะครับ” เสียงทุ้มกระเส่ากระซิบบอกก่อนจะจูบซับลงมาที่เรียวปากแนบแน่นจากนั้นสองมือหนาก็ประคองสะโพกของผมไว้มั่นและเริ่มขยับแกนขายเข้าออกอีกครั้งอย่างถี่รัวจนหัวของผมสั่นคลอนไปตามแรงกระแทกแห่งอารมณ์ปรารถนาจากนั้นการปลอดปล่อยที่มาพร้อมกับแรงกระตุกก็ทำให้ร่างของผมสั่นเกร็งตามไปทั้งร่างเสียงหอบหายใจของพี่เบิ้มนั้นหนักหน่วงก่อนที่คนตัวโตจะซบลงมาที่อกของผมจนร่างของเราแนบชิดแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกัน..


“ที่รักผมรักคุณ” พี่เบิ้มจูบซับที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะถอนแกนกายออกช้าๆ และถอดเครื่องป้องกันที่เต็มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นจากนั้นก็โยนลงถังขยะที่อยู่ตรงมุมห้องได้อย่างแม่นยำผมมองทุกการกระทำของพี่เบิ้มด้วยสายตาเลื่อนลอยเพราะตอนนี้วิญญาณเหมือนได้หลุดออกไปจากร่างเรียบร้อยแล้ว..


พี่เบิ้มเช็ดตัวให้ผมอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษและคำบอกรักไม่ขาดปากก่อนจะป้อนยาเม็ดสีขาวให้ไม่รู้ว่ามันคือยาอะไรแต่ผมก็ยอมกลืนยาเม็ดเล็กลงไปโดยไม่มีงอแงเพราะเรี่ยวแรงหมดสิ้นรับรู้เพียงความร้าวระบมตรงสะโพกก่อนจะหลับไปในที่สุด



 อ่านต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2020 23:11:27 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
“ฮือออออ” ผมร้องไห้ก่อนเลยเมื่อตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวด ฮือ แค่ขยับตัวก็ร้าวไปถึงทรวงใน


“ที่รักเป็นอะไรครับ!” พี่เบิ้มวิ่งออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าแตกตื่น


“ผมเจ็บบบ ปวดไปหมดทั้งตัว ฮือออออ” งอแงบอกเลย


“ไปหาหมอนะครับที่รัก”


“ฮือออ ไม่ไป” จะให้บอกหมอว่าเสียตัวให้กับคุณแฟนก็เลยป่วยงี้ ครั้งก่อนที่ไข้ขึ้นเพราะโดนนิ้วก็ทีนึงละใครจะกล้าไปส่วนครั้งนี้ก็ฝันไปเหอะว่าจะไป


“ที่รัก~” พี่เบิ้มสีหน้าอ่อนใจกับความงอแงของผม


“ฮือ ผมหิว” เมื่อคืนใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดเกลี้ยงพอตื่นขึ้นมาท้องมันก็ร้องโครกครากไอ้เจ็บก็ส่วนเจ็บแต่ตอนนี้หิวมากบอกเลย


“งั้นเดี๋ยวผมสั่งข้าวโอ๊ตตุ๋นให้นะครับ” แหวะ


“ผมอยากทาน Full English Breakfast ฮืออ”


“ผมว่าคุณทานของอ่อนๆ ดีกว่านะครับ”


“ฮือออ” กูจะร้องไห้ให้น้ำตาหมดตัวไปเลยคอยดู


“โอเคครับเจ้าหญิงเดี๋ยวผมโทรสั่งให้นะครับ” พี่เบิ้มเช็ดน้ำตาให้ผมป้อยๆ ด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะโทรหารูมเซอร์วิสสั่งสิ่งที่ผมอยากทาน


“ตัวคุณไม่ร้อนโชคดีที่ผมให้คุณทานยาตั้งแต่เมื่อคืนแต่ถ้าคุณเจ็บจนทนไม่ไหวต้องบอกผมนะครับผมจะพาคุณไปหาหมอ”


“ผมโอเค ผมทนไหวเดี๋ยวทานยาอีกก็คงดีขึ้นครับ” ไม่ไหวก็ต้องบอกไหว ยังไงกูก็ไม่ไปหาหมอแน่ๆ


“ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณเจ็บ” พี่เบิ้มลูบแก้มของผมแผ่วเบาด้วยสายตาที่หม่นแสง


“ขอโทษทำไมล่ะครับคุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยอีกอย่างคุณก็เจ็บเหมือนกัน” ผมลูบรอบเขี้ยวของตัวเองที่ฝังอยู่บนหัวไหล่ของพี่เบิ้มทั้งสองข้าง


“แผลแค่นี้ผมไม่เจ็บเลยสักนิดที่รัก ดีซะอีกที่ผมได้แบ่งเบาความเจ็บมาจากคุณ” พี่เบิ้มจูบซับลงมาที่หน้าผากของผมอย่างอ่อนโยนก่อนจะออกไปยังห้องทำงานเพื่อรอรับมื้อเช้าสำหรับผม


ผ่านมื้อเช้าไปอย่างง่อยๆ เมื่อคนแขนเดี้ยงพยายามป้อนข้าว..พี่มึงลืมอะไรไปหรือเปล่ามึงยังไม่ได้ถอดเฝือกออกนะเว้ยแล้วเมื่อคืนก็ใช้แขนทั้งอุ้มทั้งค้ำทั้งยันไม่ได้เกรงใจเฝือกบนแขนของพี่มึงเลย
 


“ที่รักเพื่อนคุณมาหาอยากเจอมั้ยครับหรือรอให้คุณหายดีก่อน” ผมเข้าใจในความห่วงของพี่เบิ้ม


“เดี๋ยวผมออกไปหาพวกเขาข้างนอกครับ อ๊ะ” แค่ลุกขึ้นยืนก็โงนเงนยิ่งกว่าคนเมากูจะรอดมั้ยวะเนี่ย


“ผมอุ้มนะครับ” บ้าเอ้ย ไม่เกรงใจเฝือกมึงอีกแล้ว เช้านี้ก็อุ้มผมเข้าห้องน้ำมาสองรอบแล้วนะ


“ไม่ครับ แค่ช่วยพยุงก็พอ”


“ให้พวกเขาเข้ามาข้างในห้องดีกว่ามั้ยครับ”


“แต่ห้องคุณ..” ก็พี่เบิ้มหวงพื้นที่ส่วนตัวจะตายส่วนห้องนี้ก็ไม่เคยมีใครเคยเข้ามาก่อนและผมก็คือคนแรก

 
“ไม่เป็นไรที่รักเพราะพวกเขาคือเพื่อนของคุณ” พี่เบิ้มยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อเชิญผองเพื่อนของผมให้เข้ามาในห้องลับ

 
“ห้องนี้เจ๋งชะมัด มีปุ่มกดเปิดประตูอยู่ที่ชั้นหนังสืออย่างกับหนังเรื่องThe Equalizer2 แต่ห้องแม่งต่างกันลิบลับนี่มันห้องสูทสุดหรูวิวระดับสิบดาวเลยนะเนี่ย” ไอ้ดอยพูดอย่างตื่นเต้นก่อนจะชื่นชมวิวลอนดอนที่อยู่เบื้องล่าง


“มึงโอเคใช่มั้ยเนี่ย” ไอ้ฟางนั่งลงบนเตียงก่อนจะถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง


“กูโอเค” แต่ในใจนึกสงสัยว่าพวกมันจะรู้มั้ยว่าที่ผมป่วยสาเหตุมาจากอะไร


“คุณบอสของมึงเนี่ยรุนแรงเหมือนกันนะเนี่ยเล่นเอาเพื่อนกูเปลี้ยขนาดนี้” สัด! รู้เฉยเลย


“พวกมึงรู้..”


“แน่สิยะ ก็ยาที่มึงแดกกับอุปกรณ์ทั้งหลายแหล่ที่มึงใช้เมื่อคืนกูนี่แหละเป็นคนแนะนำให้กับเจเรมี่” อีซูซี่นั่งลงข้างๆ ไอ้ฟางก่อนจะพูดยืดอกภูมิใจกับความเป็นผู้เชี่ยวชาญของมัน..บ้าบอนี่พวกมึงวางแผนกันเรอะ


“พี่ณตมีความสุขมั้ยครับเมื่อคืน..” ซันนี่ถ้าจะอายม้วนขนาดนั้นไม่ต้องถามก็ได้นะ นี่ก็เขินตามจะแย่


“ก็..มีความสุขสิ แต่ตอนนี้เหมือนลงนรกร้าวระบมไปทั้งตัว”


“เอาน่าครั้งแรกก็แบบนี้แหละ เจ็บเท่าหมดกัด” มดกันพ่องนี่มันควายเผือกขวิดชัดๆ


“มดกัดบ้านมึงสิอีซูซี่ กูแทบเดินไม่ได้มั้ย”


“มึงแดกยาแล้วเดี๋ยวก็หายน่า ตอนนี้ไข้ก็ไม่มีนิ” นั่นมือหรือตีนทาบลงมาที่หน้าผากกูวะ


“ว่าแต่ผัวมึงไปไหน” ทุกคนมากันครบยกว้นผัวกล้ามปูของอีซูซี่


“อยู่ยิมข้างล่างจ้ะ”


“ไม่ได้เข้ายิมวันเดียวกล้ามมันจะฟีบเหรอวะ”


“นี่อย่าว่ามายสวีทฮาร์ตของกูนะ”


“...” เหอะ ผมและไอ้ฝางได้แต่กรอกตา


“ณตมึงอยากหายเร็วขึ้นมั้ยกูมีวิธี” ไอ้ดอยเสนอหลังจากที่มันเดินสำรวจห้องจนทั่ว แบบนี้แหละนิสัยสถาปนิกหนุ่มไฟแรงอย่างมันเห็นห้องที่น่าสนใจเป็นต้องเผือก เอ้ย สำรวจไปทุกซอกทุกมุม


“วิธีไรวะ”


“หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่งคืนนี้ให้คุณบอสของมึงจัดหนักๆ อีกสักดอกสิ”


“พ่อง! กูได้ตายห่าก่อนจะหายนะสิ”


“เอ้า วิธีนี้ได้ผลจริงๆ นะเว้ย ไม่เชื่อถามตะวันของกูสิ”


“พี่ดอย!” แล้วซันนี่ก็ป๊าบเข้าให้ที่ต้นแขนของมัน สมน้ำหน้า..ว่าแต่หายจริงเหรอว่ะ? ผมหันไปมองหน้าพี่เบิ้มเพื่อขอความเห็นแต่แม่งลืมไปว่าพี่มันฟังภาษาไทยออกซะที่ไหน ปัดโธ่ นั่งงงเป็นควายเผือกตาแตกอยู่เนี่ย
 





[ว่าไงจ๊ะว่าที่เจ้าบ่าว] หลังจากผองเพื่อนผู้น่ารักและน่ารำคาญในบางเวลากลับไปแล้วคุณนายดุจดาวก็ส่งเสียงตามสายทางไกลจากเชียงใหม่ตามมาทันที


“แม่นะแม่ ยกลูกชายคนเดียวให้คนอื่นโดยไม่บอกกันสักคำ”


[บอกทำไมละจ๊ะ ยังไงลูกของแม่ก็เซย์เยสอยู่แล้ว]


“แม่อ่ะ” บ้าบอ เถียงไม่ออกเลย


[ไม่ต้องทำบ่นเลย แม่รู้ว่าลูกรักเจเรมี่แล้วเจเรมี่ก็รักลูกยังไงสักวันลูกก็ต้องแต่งงานกัน แม่ดีใจมากนะที่ลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝาสักทีส่วนทางครอบครัวเขาก็ดีใจและตื่นเต้นไม่แพ้กัน]


“...” รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก


[แม่รักลูกนะ]


“ณตก็รักแม่ครับ” ผมบอกรักแม่ด้วยเสียงที่สั่นเครือ


[อย่าร้องไห้นะ ฮึบไว้]


“ไม่ร้องสักหน่อย” ไม่ได้ร้องแต่เสียงสูดน้ำมูกดังฟืดฟาด


[เด็กขี้แย] คุณนายดุจดาวเอ่ยอย่างล้อๆ


“ถ้าแต่งงานณตอาจจะต้องย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ แล้วเรื่องเกสต์เฮาส์..” เพราะงานของพี่เบิ้มคงเป็นเรื่องยากที่พี่เบิ้มจะย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ผมแอบตัดสินใจไว้แล้วว่าถ้าวันนั้นมาถึงผมคงต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่เรื่องคนที่จะมาดูแลเกสต์เฮาส์แทนผมก็ทำให้ผมกังวลไม่น้อย


[ไม่ต้องห่วงจ้ะ พี่ณัฐเพิ่งลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ จะย้ายกลับมาอยู่ที่เชียงใหม่และกำลังหางานใหม่อยู่พอดีแม่ก็เลยเสนอตำแหน่งผู้จัดการดอกแก้วเกสต์เฮาส์ให้ซะเลย เห็นมั้ยทุกอย่างมันจะลงตัวและมีทางออกของมันเสมอเมื่อถึงเวลาลูกไม่ต้องกังวลนะ]


“ถ้าเป็นพี่ณัฐ ณตก็สบายใจครับ” พี่ณัฐคือลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับครอบครัวของผมไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ เพราะเราโตมาด้วยกันถ้าเป็นพี่ณัฐเรื่องเกสต์เฮาส์ผมก็หมดห่วง..นั่นน่ะสินะเมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะลงตัวเอง
และในที่สุดคอนโดที่พี่เบิ้มซื้อไว้ก็ได้ใช้ประโยชน์เสียดีเพราะพี่ณัฐจะต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านแทนผม


[อาทิตย์หน้าเมื่อลูกกลับมาแล้ว มาเข้าคอร์ดเรียนทำอาหารกับแม่นะเตรียมตัวเป็นแม่บ้านได้แล้วจ้ะ]


“พ่อบ้านสิครับแม่บ้านอะไรเล่า” บ้าบอ แล้วผมจะเขินทำไมวะเนี่ย


[เหมือนๆ กันนั่นแหละจ้ะ ไม่เอาๆ ไม่คุยแล้วแม่ไปเตรียมอาหารสำหรับครอบครัวคาร์สันก่อน พ่อพาไปทัวร์ปางช้างตั้งแต่เช้าเดี๋ยวก็คงกลับมากันแล้วล่ะ]


“ครับแม่ ว่าแต่เข้ากันได้ดีนะครับ”


[แน่นอนก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนิจ๊ะ นี่ลูกแม่ต้องวางแล้วเจอกันอาทิตย์หน้านะลูก รักลูกนะ]


“ครับ ณตก็รักแม่ครับ”



“คุยกับแม่เหรอครับ” พี่เบิ้มนั่งทำงานอยู่ข้างๆ ถามขึ้นหลังจากที่ผมวางสายแล้ว นี่ก็ห่วงจนไม่ยอมไปไหนไกลห้องทำงานก็อยู่ข้างนอกแท้ๆ

 
“ใช่แล้วครับ แม่โทรมายินดี เอ่อคุณผมตั้งใจว่าถ้าหลังจากแต่งงานผมจะย้ายมาอยู่กับคุณที่นี่”


“เกสต์เฮาส์ของคุณล่ะครับ ผมย้ายไปอยู่กับคุณได้นะที่รัก”


“ได้ไงล่ะครับแล้วงานของคุณล่ะ”


“ขายหุ้นไงที่รักจะได้มีเวลาอยู่กับคุณเยอะขึ้นด้วยไงครับ ผมยอมได้หมดเพื่อคุณนะที่รัก” บ้าบออีกแล้ว ธุระกิจของพี่เบิ้มกำลังไปได้ดีและขยายใหญ่ขึ้นจะหยุดชะงักเพราะผมได้ยังไง หน้าที่ของผมคือสนับสนุนและผลักดันให้เบิ้มประสบความสำเร็จให้มากที่สุดต่างหากล่ะ


“ครั้งนี้ให้ผมได้เสียสละเพื่อคุณเถอะนะครับ แม่ผมหาคนดูแลเกสต์เฮาส์แทนผมได้แล้วด้วย”


“ที่รัก~แค่คุณยอมแต่งงานกับผมแค่นี้ก็มากเกินพอแล้วล่ะครับ”


“ให้ผมได้ทำอะไรเพื่อคุณบ้างนะครับ ผมเป็นฝ่ายรับมามากเกินพอแล้ว”


“ขอบคุณครับที่รัก ผมรักคุณ”


“ผมก็รักคุณครับ”


..เหตุผลของเราทั้งคู่ก็เพราะคำว่า รัก นั่นแหละน้า























“ตื่นเต้นเหรอครับที่รัก” พี่เบิ้มบีมมือผมเบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย


“มากกก แล้วคุณล่ะไม่ตื่นเต้นเหรอครับ”


“มากกว่าคุณสิบเท่าที่รัก” ปัดโธ่ ผมได้แต่ขำกับฝรั่งตัวโตที่ตอนนี้นั่งกระดิกเท้าไม่หยุดเพราะความประหม่า

ทุกคนคงอาจจะเดากันถูกว่าทำไมเราถึงตื่นเต้น..ใช่แล้วล่ะครับวันนี้คือวันแต่งงานของเรา

สามเดือนผ่านไปหลังจากถูกขอแต่งงานและแล้วงานแแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่ยอร์คบ้านของครอบครัวคาร์สันเป็นงานเล็กๆ และเรียบง่ายมีเพียงครอบครัวของเราและคนสนิทของครอบครัวพี่เบิ้มที่มีไม่กี่คนและผองเพื่อนของผมมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญของเรา
 

เมื่อพิธีการเริ่มขึ้นเจ้าบ่าวของผมอยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มยืนอยู่ที่หน้าแท่นพิธีใต้ซุ้มกุหลาบเลื้อยสีขาวพร้อมบาทหลวงรอให้ผมที่อยู่ในชุดสูทสีขาวเดินเข้าไปหาโดยมีคุณนายดุจดาวจูงมือไปส่งยังแท่นพิธี เมื่อถึงยังแท่นพิธีเราหันหน้าเข้าหากันก่อนที่พี่เบิ้มจะประสานมือของเราไว้มั่นและยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนแต่น่าแปลกที่ขอบตาของผมกลับร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ
 

“เจเรมี่ คุณจะรับปณตเป็นสามีของคุณไหมคุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ในยามป่วยและยามสบายดีจงรักเขาและให้เกียรติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”

ครับ” พี่เบิ้มตอบรับบาทหลวงด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับขอบตาที่แดงก่ำ


“ปณต คุณจะรับเจเรมี่เป็นสามีของคุณไหมคุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ในยามป่วยและยามสบายดีจงรักเขาและให้เกียรติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”


ครับ” ผมตอบรับหนักแน่นเช่นกันพร้อมกับน้ำตาที่ไหลด้วยความซาบซึ้งอย่างกลั้นไม่อยู่

เราต่างสวมแหวนให้กันและกันเป็นแหวนเงินที่ทำขึ้นใหม่โดยสลักชื่อของเราทั้งคู่ไว้ด้านใน


“บัดนี้ทั้งสองเป็นสามีของกันและกันโดยสมบูรณ์แล้ว..ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง” สิ้นเสียงของบาทหลวงเรียวปากของเราก็แนบชิดเข้าหากัน..จูบแห่งความรักแห่งความซาบซึ้งและจูบแห่งการเริ่มต้นของชีวิตคู่













        Fulham London บ้านหลังเดิมของพี่เบิ้มเพิ่มเติมคือเป็นเรือนหอของเรา ชีวิตคู่อันแสนเรียบง่ายของผมเริ่มต้นขึ้นที่นี่และแล้วผมก็ได้เป็นพ่อบ้านเต็มตัวดูแลทั้งสามีและงานบ้าน..เข้าใจหัวอกของแม่บ้านขึ้นมาทันที

..ก็งานบ้านน่ะเหนื่อยใช่ย่อย


ผนังบ้านที่เคยว่างเปล่าตอนนี้เริ่มมีกรอบรูปที่เต็มไปด้วยเรื่องราวตลอดระยะเวลาหนึ่งปีหลังจากที่เราแต่งงานกัน..ใช่แล้วล่ะครับผมกับพี่เบิ้มเราเป็นสามีของกันและกันครบรอบได้หนึ่งปีแล้ว ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ยกับชีวิตคู่ขอตอบตรงๆ ว่าผมมีความสุขมากถึงมากที่สุดครับ
รูปที่ใหญ่ที่สุดคือรูปในวันแต่งงานของเราเป็นรูปที่เจ้าบ่าวทั้งสองคนยิ้มให้กันทั้งปากทั้งตา ใครได้มองรูปนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าผู้ชายสองคนในรูปมีความสุขจนล้นมากแค่ไหน

ถัดมาคือรูปรวมครอบครัวของเราและผองเพื่อนของผมทุกคนล้วนใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุขโดยเฉพาะอีซูซี่ที่ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งในมือถือช่อบูเก้สีฟ้าที่มันรับได้จากผมเมื่อตอนโยนช่อดอกไม้..และที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเมื่อกลางปีที่ผ่านมาอีซูซี่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับโจเซฟเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนสิงคโปร์ พอคิดดูดีๆ แล้วก็อดขำไม่ได้ในกลุ่มของเราต่างก็มีแฟนเป็นคนต่างชาติกันหมด..สายฝอกันยกแก๊ง

และอีกรูปเป็นรูปของผมกำลังนั่งจิบชาที่ริมระเบียงบนบ้านพักตากอากาศที่รายล้อมไปด้วยไร่ชาสีเขียวขจี รูปนี้ถ่ายโดยพี่เบิ้มและแน่นอนว่าที่นี่คือไร่ชาของครอบครัวคาร์สันคือสถานที่ฮีนนีมูนของเรา..แอบบอกว่าค่ำคืนฮันนีมูนเราดื่มด่ำกับน้ำผึ้งพระจันทร์อย่างเร่าร้อนแทบจะทำให้อากาศที่แสนจะเย็นสบายร้อนแผดเผาเหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเลยทีเดียว!

ส่วนรูปสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดที่ผมอยากอวดคือภาพล่าสุดถ่ายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นทิปฉลองครบรอบแต่งงานของเราที่ดอยอ่างขางเป็นรูปที่ผมสวมผ้าพันคอสีฟ้านั่งอิงแอบพี่เบิ้มอยู่หน้ากองไฟท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนที่พร่างพรายไปด้วยดวงดาวนับร้อยบรรยากาศโรแมนติกสุดๆไปเลยล่ะ ดอยอ่างขางคือที่ที่ผมเคยสัญญากับพี่เบิ้มไว้ว่าจะพามาและที่นี่ถือเป็นที่ที่สำคัญสำหรับเราเพราะมันคือที่ที่พี่เบิ้มเจอผมครั้งแรกแม้จะเจอผ่านรูปถ่ายก็ตาม 

ส่วนผนังอีกฝั่งยังคงว่างเปล่าแต่อีกไม่นานมันจะถูกเติมเต็มไปด้วยเรื่องราวของเราไปจนถึงบั้นปลายชีวิตของเราทั้งคู่..คำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้ต่อพระเจ้าในวันแต่งงานเราไม่รู้หรอกว่าสักวันหนึ่งจะมีใครผิดคำสัญญานั่นมั้ย แต่ตราบใดที่รักเรายังแข็งแรงและสองมือของเรายังจับกันไว้มั่นทั้งในยามทุกข์และยามสุขผมก็ไม่กลัวหรอกว่าจะมีใครผิดคำสัญญาและผมมั่นใจว่าคำมั่นสัญญาจะอยู่กับเราไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต



“มื้อเช้าเรียบร้อยแล้วครับ” ผมตะโกนเรียกพี่เบิ้มเมื่ออาหารเช้าสไตล์อังกฤษสำหรับสองพี่พร้อมเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะอาหาร


“คร้าบที่รัก” พี่เบิ้มในชุดสูทสีเทาเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในลุคของบอสเป็นอะไรที่ผมคุ้นตาไปเสียแล้วและแทบจะลืมลุคเซอร์ๆ ของพี่มันไปเลย


“เย็นนี้ผมจะทำแกงเขียวหวานไก่และข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดของคุณไว้รอนะครับ” เดี๋ยวนี้ผมทำอาหารโปรมากบอกเลยทั้งอาหารคาวหวานอาหารทุกชาติผมทำได้หมด คอร์สเรียนทำอาหารหลักสูตรเร่งด่วนของคุณนายดุจดาวและยูทูปช่วยผมได้เป็นอย่างดีและมันทำให้ผมค้นพบว่าการทำอาหารเป็นอะไรที่สนุกมากโดยเฉพาะเวลาที่คนทานแล้วอร่อยไปกับอาหารที่เราทำนั่นยิ่งทำให้ปลื้มปริ่มไม่น้อย


“โอ้ ข่าวเนียวมามวง ผมจะตั้งตารอนะครับ”


“คร้าบ~” อ่อนใจกับสำเนียงภาษาไทยของคุณสามีดีแท้..แต่ก็น่ารักดีว่ามั้ยครับ




“เรียบร้อยแล้วครับ” หลังมื้อเช้าผมจะมาส่งพี่เบิ้มที่หน้าประตูพร้อมกับจัดเน็กไทให้เป็นประจำทุกวัน


“ขอบคุณครับที่รัก ขอบคุณนะครับที่คุณมาเติมเต็มอีกครึ่งหนึ่งในชีวิตของผม ผมรักคุณ” จูบเบาๆ ที่ข้างแก้มและคำบอกรักที่มีให้แกกันแม้จะฟังและพูดประโยคเดิมทุกวันๆ แต่ผมก็ไม่เคยเบื่อและยังรู้สึกหัวใจพองโตทุกครั้งที่ได้ยิน


“ผมก็รักคุณครับ ขอบคุณที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตของผมเช่นกัน” ขอบคุณที่รักกันขอบคุณที่มาเติมเต็มเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ชีวิตของผมมีความสุขและสมบูรณ์


..ขอบคุณที่เป็นฝรั่งใจของผม






…..THE END…..




 ............................................


 2ปี 1เดือน 21วัน กับการเดินทางของฝรั่งใจ ♥ รักนี้สายฝอ ในที่สุดก็มาถึงคำว่า The End สักที

 ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่รักและเอ็นดูพี่เบิ้มกับป้านดมาจนถึงบทสุดท้าย ขอบคุณอีกครั้งขอบคุณจากใจจริงค่ะ..มาลี^^
 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2020 16:04:23 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :L1: :L1: :L1: :L1:
จบได้แบบสมบูรณ์สุดๆ เลยจ๊ะ
ไม่มีค้างคาใจ แบบว่ายินดีกับคนทั้งคู่ด้วยน้าา
คนเขียนก็รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
งื้อออออ น่ารักมาก ๆ ครับ //ฝันไว้เหมือนกัน อยากมีแบบนี้บ้าง ^^

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว อ่านไปยิ้มไป สนุกมากๆค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: ขอบคุณสำหรับความรักละมุนของคู่นี้ค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เป็นนิยายที่น่ารักมากๆ แล้วก็ลุ้นมากๆว่าเมื่อไหร่จะมาอัพ 5555555
ขอบคุณที่มาอัพจนจบนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารักมาก...กกกกกกกกกกกกกกกกก   :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :-[ พี่เบิ้มและป้านดน่าเอ็นดูมากกกกกกกกกก ฟีลกู้ดสุด ๆ เริ่มยันจบผองเพื่อนของป้าก็แป้นแล้รได้ใจมาก คลายเครียดช่วงกักตัวได้ดีมาก

ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kunjirawaracom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจเรมี่น่ารักปณตก็น่ารักเขินแทน :-[ :impress2:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ RENYINGYING

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้อชอบเรื่องนี้มากๆเลย อ่านไปเขินไป ชอบทั้งคู่มากๆเลย เสียดายที่จบแล้ว อยากอ่านอีก ขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้เราอ่าน :กอด1: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ nonocong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากมายกับนิยายคู่ชีวิตของเรื่องนี้ ดีใจที่จบแฮปปี้มีสุข งื้อ----- หินบะซอลท์์์---- ขอบคุณที่แต่งนวนิยายเรื่องนี้มาให้นักอ่านคนนี้ได้อ่านนะครับ====> ขอบคุณ ๆๆๆๆล้านคำ******/-

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ละมุนไปหมดเลย

ออฟไลน์ OmleteO.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านเพลินๆ น่ารักดีค่ะ โดยเฉพาะพี่เบิ้มของป้านด 555 ขอบคุณคุณนักเขียนนะคะที่เขียนอะไรดีๆให้อ่าน

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เจรามี่ ขี้อ้อน ปณต น่ารัก แฮปปี้ยกแก๊ง เนื้อเรื่องน่ารัก สดใส สนุกมากค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ nuch-p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักกกก :mew1:

ออฟไลน์ PanGii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านไปยิ่มไปเขินไป ฟีลกู๊ด สุดๆไปเลยค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด