ตอนที่ 3 : แอนแอนคือใคร ใครคือแอนแอน
สรุปแล้วงานวันนั้นผมก็ไม่ได้ดูฝีมือของนักแสดงมากประสบการณ์เพราะมัวแต่นั่งสมาธิจนเผลอสัปหงก รู้ตัวอีกทีก็ตอนนิฌานนั่งจ้องผมด้วยรอยยิ้มขำขัน แอบถ่ายรูปแบลกเมล์หลายสิบรูป
“พี่ไม่ได้แบลกเมล์สักหน่อย พี่จะเก็บไว้ดูเองต่างหาก”
ผมไม่เชื่อ! โลกนี้น่ากลัวและโหดร้าย ในฐานะคนปกติของครอบครัวทองคำดี ผมจำต้องระวังภัยทุกสิ่งอย่างไม่เว้นกระทั่งขู่ขวัญเอาเปรียบ นับว่าวันนี้ผมพลาดแล้ว...พลาดที่เมื่อคืนนอนน้อยเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับการทำงานเป็นผู้จัดการวันแรก!
ถึงผมจะไม่โด่งดัง โดนถ่ายรูปประจานก็ไม่เสียหายเท่าดารา แต่ถ้าเกิดนิฌานเอาไปใส่สีตีไข่ว่าน้องชายของจิตริน ทองคำดี แฟนหนุ่มของท่านประธานใช้เส้นสายรับตำแหน่งผู้จัดการแต่แอบมางีบในกองสร้างความเสียหายถึงครอบครัวจะทำยังไง! ไม่ได้ ผมต้องปกป้องทุกคน!!
“เอาน่า พี่พามาเลี้ยงปลอบใจแล้วไง อารมณ์ดีนะครับ”
“ผมไม่ใช่เด็ก”
“ครับๆ”
“พี่ฌานสัญญาจะเลี้ยงอยู่แล้ว ฉะนั้นนี่ไม่ใช่เลี้ยงปลอบใจด้วย”
“ครับๆ น้องเจพูดอะไรพี่ก็ว่าตาม ดูสิ หน้าบึ้งตลอดเลย คิดอะไรอยู่น่ะเรา หรือคิดว่าพี่จะเอารูปไปสร้างเรื่องโยงถึงพี่ชายให้เสียหายกันหืม”
ผมหรี่ตา นั่นไง...นิฌานคิดจริงๆ ด้วย!
“น้องเจครับ พี่ยังอยากทำงานกับเรานะ และพี่ยังอยากทำงานกับบริษัทนี้ เอารูปน้องไปโยงหาจิตริน หาท่านประธาน...เกิดเลขาคมสันรู้ขึ้นมา...พี่ยังอยากมีชีวิตอยู่นะครับ”
ได้ยินแบบนี้ผมค่อยวางใจ ยอมกินหมูที่นิฌานคีบให้อย่างว่าง่ายด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งโล่งสบาย มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ครอบครัวทองคำดีนั้นมีความระวังภัยต่ำมาก ผมเลยติดเป็นนิสัย เวลาพลาดท่าอะไรเข้าหน่อยก็พลอยโยงไปหมดว่าจะส่งผลกระทบกระเทือนถึงคนอื่นๆ ยังไงบ้าง
“น้องเจเลือกกินนะเนี่ย”
เขาอยากเปลี่ยนเรื่องไม่ว่า แต่เปลี่ยนมาเป็นเรื่องนี้กะยั่วให้ผมโกรธขึ้นมาอีกเหรอ
มองจานที่ผักถูกเขี่ยชิดริมขอบของตัวเองแล้วผมก็คีบเนื้อในหม้อต้มอย่างไม่รู้ไม่ชี้ วันนี้นิฌานปลอมตัวง่ายๆ โดยการแย่งแว่นเด็กเนิร์ดผมไปสวมพลางขยี้ผมให้ยุ่งกระเซิงไม่เป็นทรง ใส่แล้วดูเหมือนคนหน้าหล่อที่โรคจิตพ่วงเสียสติ ในร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างควันโขมง
ใช่ครับ เขาพาผมมาเลี้ยงบุฟเฟต์ปิ้งย่างเพราะนึกเมนูเอาใจเด็กกำลังโตไม่ออก นั่นก็ไม่ชอบ นี่ก็ไม่เอา เลยพามากินบุฟเฟต์ซะเลยจะได้ตัดปัญหา
“ผักก็ไม่กิน แครอทก็ไม่กิน มิน่าล่ะ...”
จะบอกว่าทำไมผมถึงตัวเล็กกว่าพี่ชายสินะ ผมชินแล้ว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา...ผมก็เขี่ยสารพัดผักใส่จานพี่จิมาตลอด พี่ชายถึงได้สุขภาพแข็งแรงไม่เคยป่วยสักครั้งเดียว
“เคี้ยวตุ่ยๆ น่ารักจัง”
ผมถึงกับทำตะเกียบหลุดมือ
“ขนลุกเหรอน้องเจ โธ่ พี่ล้อเล่น” นิฌานหัวเราะร่วนแก้สถานการณ์ ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอตะเกียบใหม่ ยังดีที่หลังจากนั้นไม่โดนแทะเล็มน่าสยองอีก คาดว่าหน้าผมเริ่มรับไม่ได้เต็มทน นิฌานเลยยอมเก็บปากสงบคำ แม้หลังจากนั้นจะคอยบริการดีสมเป็นเจ้าชู้ตัวพ่อ ผมทำน้ำจิ้มเลอะนิ้วแค่วินาทีเดียวเขาก็ส่งกระดาษทิชชูให้แล้ว คอยเติมน้ำทันทีที่เหลือเศษหนึ่งส่วนสาม ช่วยเดินไปตักของกินที่ผมชอบให้โดยที่ตัวเองนั่งกินผักเพื่อสุขภาพ ปิ้งแล้วก็ใส่จานแยกให้อย่างดี สรุปแล้วผมไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากคีบเนื้อใส่ปาก
บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี เหมือนคุณหนูที่มีคนรับใช้ช่วยบริการ จนกระทั่งนิฌานหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดขึ้นมาดูเบอร์หน้าจอพร้อมขมวดคิ้ว
ผมลุ้นหนักมากว่าจะเป็นแอนตี้แฟนคนนั้นรึเปล่า
แต่นิฌานกดตัดสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
...อดเห็นเรื่องน่าสนุกเลยปัดโธ่! ผมอยากรู้ชะมัดว่าเขาจะจัดการกับเสียงกรี๊ดปริศนานั้นยังไง
“วันนี้น้องเจได้เจอกับ ‘แอนแอน’ แล้วใช่มั้ย”
“แอนแอน?”
“ก็สายที่สองที่น้องเจรับวันนี้ไงครับ พี่เห็นในประวัติโทรศัพท์ เจอเบอร์คุ้นเคยที่มีคนรับไปแล้ว เป็นไงครับ แอนแอนของพี่เสียงเพราะมั้ย”
“อย่าบอกนะว่าแอนแอนมาจากแอนตี้แฟน”
“น่ารักดีใช่มั้ยล่ะ เวลายุ่งๆ พี่จะกดตัดสาย แต่เวลาเหงาๆ ก็จะกดฟังเล่นๆ สนุกดี”
เขาเห็นแอนตี้แฟนเป็นของเล่นฆ่าเวลาไปแล้วเหรอ!?
“ทำไมพี่ไม่แจ้งความล่ะ”
“มีผู้หญิงให้ความรักขนาดโทรหาด้วยความคิดถึงบ่อยขนาดนี้ จะปฏิเสธลงได้ยังไง” นิฌานขยิบตา ส่วนผมวางตะเกียบ รู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมาซะดื้อๆ...
“อิ่มแล้วเหรอครับน้องเจ งั้นคิดเงินเลยนะ” นิฌานเรียกพนักงาน แถมยังให้แบงค์ใหญ่สีเทาอย่างใจป้ำพร้อมลุกจากโต๊ะทันที ผมมองเขาด้วยจิตใจเป็นอกุศล ไม่ได้คิดในแง่ชู้สาว แต่กำลังคิดว่าจะรอเงินทอนแทนคนใจป๋าดีมั้ย...
สุดท้ายความโลภก็เข้าครอบงำ นิฌานที่เดินเก๊กหล่อไปถึงหน้าร้านเพิ่งมีแก่ใจหันมามองผมเก็บเงินทอนเข้ากระเป๋าตัวเองพอดี
ตั้งร้อยกว่าบาท เอาไปซื้อข้าวกินได้ตั้งสามมื้อเชียวนะ!!
นิฌานมองผมด้วยสายตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะชมในความงกก็ไม่ใช่ จะทักในความเค็มก็ไม่เชิง
“งั้นลาล่ะครับ” ผมยกมือไหว้ เตรียมตัวแยกย้ายทางใครทางมันสักที
“อ้าว น้องเจไม่กลับกับพี่เหรอ” นิฌานกระชากแขนผมอย่างนิ่มนวล เขามือไวมาก ขนาดผมระวังตัวแล้วยังหลบไม่พ้น แถมยังกึ่งลากกึ่งจูงด้วยสีหน้าพ่อพระไปที่รถอีกต่างหาก
“ผมกลับรถเมล์เองได้” ผมที่เดินเซแท่ดๆ ประท้วง ตั้งใจว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อไหร่พร้อมจะบิดข้อมือคนตัวโตกว่าให้ร้องจ๊ากไปเลย
“มันอันตราย”
“ไม่อันตรายไปกว่าพี่ฌานหรอก”
คนโดนว่าชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเซ่อแกล้งทำเป็นไม่รู้ความ
“อยู่กับพี่จะอันตรายได้ยังไง น้องเจก็พูดไปเรื่อย แต่เอาเถอะ พี่ไปส่งป้ายรถเมล์ใกล้ๆ แล้วกัน”
มองทางเปลี่ยวแสงไฟสลัวตามทางข้างหน้าแล้วเห็นแก่ความสะดวกตัวเองเลยยอมพยักหน้ารับ เพราะร้านปิ้งย่างนั้นเป็นร้านในซอยที่ดัดแปลงมาจากบ้าน ไม่ใช่ในห้างดังป้องกันการถูกจับผิด แต่พอนั่งไปเรื่อยๆ...
“เลยป้ายรถเมล์แล้วนะพี่”
“ก็จะไปส่งใกล้ๆ ไง”
“แล้วนี่ไม่ใกล้ตรงไหน”
“พี่หมายถึงใกล้บ้านเรา ไม่ใช่ใกล้ร้านปิ้งย่างสักหน่อย”
ด้วยความสงสัยจุกอก ผมเลยได้แต่มองเขาตาปริบๆ ดูนิฌานที่ขับผ่านรถเมล์ป้ายแล้วป้ายเล่า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ป้ายหน้าปากซอยใกล้บ้านผมที่ใช้เวลาเดินแค่สิบห้านาที
ใกล้...ใกล้จริงๆ ด้วย ใกล้จนไม่ต้องรอรถเมล์แล้ว!
“อีกนิดก็จะถึงบ้านเราอยู่แล้ว งั้นพี่ไปส่งเลยแล้วกัน”
“ไม่ต้อง! ผมลงตรงนี้แหละ” ผมรีบเปิดประตูลงจากรถทันที ไม่วายเหลือบมองนิฌานที่โบกมืออำลาหน้าระรื่นด้วยความรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม...เขารู้จักที่อยู่บ้านผมได้ยังไง!!
ในนามบัตรไม่ได้เขียนเอาไว้ ประวัติการฝึกงานผมก็ไม่ได้กรอก คิดไปคิดมาก็มีแต่ประวัติภายในของบริษัท เพราะจิตริน ทองคำดีเป็นนักเขียนบทมือฉมัง ถ้าแอบดูข้อมูลพนักงานน่าจะหาเจอง่ายๆ
“เดินดีๆ นะครับน้องเจ แล้วพรุ่งนี้พี่จะมารับตอนเจ็ดโมงครึ่ง”
ผมคงเป็นผู้จัดการดาราที่ได้รับอภิสิทธ์มาก มีดาราใต้ความดูแลขับรถรับส่งถึงที่
แต่โทษที ผมเดินดุ่มๆ ไม่สนใจ อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงครึ่งจะเจอกัน คอยดูเถอะ จะรีบออกจากบ้านตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเลย!
“เจ ตื่นได้แล้ว”
“ตื่นอะไรพี่จิ นาฬิกายังไม่ปลุกเลย” ผมงัวเงียพลิกตัวนอนคว่ำกับเตียง เกาะติดกับฟูกนุ่มไม่ยอมลุกง่ายๆ
“หกโมงครึ่งแล้วนะเจ”
“ผมตั้งนาฬิกาไว้หกโมงสี่สิบห้า” ผมคลุมโปง ผู้ชายใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวแค่สิบนาทีก็เหลือเฟือแล้ว
“แต่...” พี่จิคนดีของผม ผู้ตื่นแต่เช้าเพื่อวิ่งออกกำลังตั้งแต่หกโมงเช้ากระชากผ้าห่มทีเดียวหายไปทั้งผืนจนผมขดนอนตัวสั่น “นิฌานมารอเจอยู่ข้างล่างแล้วนะ”
“...งืม...”
ตื่นก่อนเวลา สมองผมไม่ค่อยปลอดโปร่งนัก
“นิฌานมารอเจอยู่ข้างล่างแล้วนะ!” พี่จิตะโกนดังขึ้น บ่งบอกว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน “ตื่นเดี๋ยวนี้นะเจ ทำไมนิฌานถึงมาอยู่ข้างล่างบ้านเราได้ เขารู้ที่อยู่บ้านเราได้ยังไง เจไปบอกเขาเหรอ นี่เจโดนหลอกแล้วใช่มั้ย ไม่นะ...ไอ้น้องของพี่!!”
“พี่จิ หนวกหู” ผมปรือตามองพี่ชายที่เสียสติไปแล้ว ขยำขยี้จนผ้าห่มแทบจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว “เขาก็เอาที่อยู่มาจากข้อมูลพนักงานบริษัทของพี่นั่นแหละ”
“แต่เจเองก็เป็นหนึ่งในพนักงานนะ”
“ผมไม่ได้กรอกใบสมัครเป็นทางการ ผมแค่เซ็นสัญญาชั่วคราวสามเดือนเฉยๆ เซ็นกับตัวนิฌานเองไม่ใช่กับทางบริษัทด้วย ขนาดบัตรพนักงานเข้าบริษัทยังไม่ได้เลย ต้องรอคุณเลขาทำเรื่องให้เป็นพิเศษ” ผมหาวหวอด ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเตรียมหลับต่อ “อีกสิบห้านาทีนะพี่จิ”
“แล้วนิฌาน...”
“ปล่อยเขารอไปสิ” ผมพูดหงุดหงิดเป็นการจบท้าย ก่อนจะใช้เวลาสิบห้านาทีนั้นอย่างเต็มที่ เมื่อนาฬิกาปลุกดังก็เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินลงบันไดมาชั้นล่าง บ้านของพวกเราเป็นตึกแถวสามชั้นในย่านชุมชนแออัดน่ะครับ ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นทวดแล้ว สภาพเลยค่อนข้างเก่า มีกลิ่นชื้นตามมุมบ้าน บางครั้งบางทีก็มีปีเตอร์เดินมาทักทาย
“ลืมตาเดินด้วยสิน้องเจ”
ผมขยี้ตามองคนที่พูดกลั้วหัวเราะไม่พอยังมายืนขวางตรงบันไดอีกต่างหาก ไม่ใช่ใครที่ไหน...ก็นิฌาน ชาญชัยนี่เอง
“ไหนพี่บอกจะมารับเจ็ดโมงครึ่ง” ผมถามเสียงเรียบด้วยสีหน้างัวเงีย ทั้งบ้านชินกับภาพผมเดินหน้ามึนไร้การป้องกันตัวเองในตอนเช้ากันหมดแล้ว แม้จะลากสังขารลงจากเตียงสำเร็จแต่ผมต้องใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีกว่าจะตื่นเต็มตาอย่างสมบูรณ์
“พี่ตื่นเช้ากว่าที่คิดเลยไม่อยากนอนต่อ สู้ขับมาดัก เอ๊ย มาหาน้องเจเลยดีกว่า” นิฌานเอ่ยยิ้มๆ “ได้ข่าวว่าแม่น้องเจทำอาหารอร่อยด้วย เลยอยากมาฝากท้องสักมื้อ กินเสร็จก็ออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงครึ่งพอดี”
“ข่าวจากไหนเหรอครับ”
“ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าจิตริน ทองคำดีตกท่านประธานได้เพราะเอาข้าวกล่องรสมือแม่ไปกินด้วยกันทุกวัน”
พี่จิไม่ได้ตกเสี่ยได้ด้วยอาหารรสมือแม่ แต่พี่จิตกเสี่ยเพราะฝอยจนเสี่ยมึนแล้วตีหัวเข้าบ้านต่างหาก!
“ใครๆ ก็รู้เนี่ยน่าจะมีไม่ถึงสิบคนในบริษัทนะครับ”
“โชคดีจังที่พี่เป็นหนึ่งในสิบคนนั้น” นิฌานมองผมไม่กะพริบ เฝ้าสังเกตท่าทางการตื่นนอนที่ค่อยๆ คืนสติทีละนิดของผมอย่างตื่นเต้นเหมือนกำลังเฝ้าสังเกตการวิวัฒนาการของถั่วงอก “อรุณสวัสดิ์ครับน้องเจ”
ก่อนจะกล่าวออกมาเมื่อผมตื่นเต็มตาในที่สุด...
ผมมองเขานิ่ง นิฌานเองก็ฉีกยิ้มสดใสกะโปรยเสน่ห์ไม่ยั้ง ผมหลับตาตั้งสติอีกครั้ง ก่อนจะผลักอกเขาเบาๆ ให้ถอยห่างจากตีนบันไดสักที
“แม่ สรุปวันนี้ผมกินข้าวเช้าด้วยนะ” ผมเดินไปบอกแม่ในครัว เพราะตั้งใจว่าจะออกจากบ้านเช้าหนีหน้าใครบางคน เมื่อวานเลยบอกปัดไม่ให้มารดาบังเกิดเกล้าทำกับข้าวเผื่อ แต่ในตอนนี้...ขอเติมพลังงานหน่อยแล้วกัน ยังไงก็หนีไม่พ้นแล้วนี่หว่า
“แม่รู้ตั้งแต่นิฌานมาแล้วจ้ะ” แม่ผมยิ้มหวาน ข้างๆ กันคือพี่จิที่คอยหยิบจับเครื่องครัวให้อย่างชำนาญ อย่าเข้าใจผิดเชียวล่ะ เพราะพี่จิน่ะ...หยิบเป็นอย่างเดียว แต่ทำอาหารไม่ได้เรื่องเลย!
ส่วนที่แม่ผมรู้จักนิฌานก็ไม่แปลก ในเมื่อครอบครัวผมสนับสนุนทุกการทำงานของสมาชิกในบ้าน พี่จิเขียนบทเรื่อง Love After Death จนได้รางวัล พวกผมเลยยกโขยงกันไปดูเกือบสิบรอบ เอียนหน้านิฌานจะแย่อยู่แล้ว
“เสี่ยมารับพี่จิตอนกี่โมงนะ”
“เก้าโมง”
อภิสิทธิ์ชนของการเป็นประธาน แม้ออกจากบ้านช่วงเดียวกับเวลาเข้างานก็ย่อมได้...
“พี่จิไปจัดการนิฌานหน่อยสิ ผมรำคาญ” ผมดึงแขนเสื้อพี่ชายเบาๆ พลางพยักพเยิดไปทางดาราหนุ่มที่นั่งฮัมเพลงหิวรักอย่างอารมณ์ดีตรงโต๊ะโซฟาด้านนอก
“เดี๋ยวเถอะเจ พูดจาแบบนี้กับผู้หลักผู้ใหญ่ได้ยังไง” แม่หันตะหลิวมาชี้หน้าต่อว่าผมทันควัน มารดาผู้เคารพรัก สั่งสองลูกชายสองคนมากับมือตั้งแต่เล็กแต่น้อย ไม่อาจยอมความเด็ดขาดหากลูกแสนน่ารักทำกริยาไม่เหมาะสม “นิฌานเขาจ้างงานลูกอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำตัวดีๆ หน่อยสิจ๊ะ”
“ไม่ได้นะแม่ นิฌานเขาคิดจะเคลมเจ!”
“เคลมอะไรกัน อย่ามองในแง่ร้ายอย่างนั้นสิลูก คุณเขาอุตส่าห์มารับเจถึงที่ จะเสียมารยาทได้ยังไง”
“แต่นิฌานเขาเจ้าชู้มากเลยนะแม่ ขนาดจิระยังเกือบหลงคารมโดนหลอกแล้วเลย! แล้วกับน้องชายของผม...กับเจจะไปเหลือได้ยังไง เจเพิ่งอายุสิบแปดเองนะ จะไปตามทันเล่ห์กลของนิฌานได้เหรอ! ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนจีรัง เจยังเด็กยังอ่อนวัย ต่อให้จะเก่งกาจแค่ไหนก็พลาดท่าเป็น เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ามีปาปริก้า!”
“ใช่ๆ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก นานครั้งจะเห็นด้วยกับพี่จิ ปกติแล้วพี่ชายจอมฝอยมักเห็นดีเห็นงามกับทุกสิ่งอย่าง จะยอมเห็นต่างบ้างก็ด้วยความห่วงน้องห่วงเพื่อนนั่นแหละ
“จะกินข้าวกันมั้ย”
พลันแม่ประกาศกร้าวด้วยประโยคเดียว
“กินครับ!” สองพี่น้องตอบพร้อมเพรียง
“งั้นอย่าให้แม่ได้ยินอีกนะว่าลูกที่น่ารักของแม่ว่าร้ายใคร ถึงนิฌานจะเคยทำตัวไม่ดี แต่ตอนนี้เขาอาจจะกลับตัวแล้วก็ได้ ยิ่งหลังจากนี้ต้องร่วมงานกับเจตลอดสามเดือน เรายิ่งห้ามอคติกับเขา แต่ต้องให้โอกาสต่างหากนะจิตริน เจตริน”
“แต่...”
“หรือว่าเราทั้งคู่จะลืมคติธรรมประจำบ้านทองคำดีกันแล้ว พูดดี คิดดี ทำดี รักษาจิตใจให้ผ่องแผ้วสดใส อย่าว่าร้ายอย่าอคติกับใคร จงมีรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมมอบไมตรีแก่กัน”
คล้ายได้ยินเสียงระฆังชำระบาป ผมกับพี่ชายผู้พ่ายแพ้ต่อพระในบ้านอย่างมารดาสุดประเสริฐนั้นถึงกับพนมมือซึมซับในคำสอนอย่างพร้อมเพรียง
“แต่เขาจะเคลมน้อง...” ซึ้งใจจริงๆ ที่พี่จิคนดีแอบกระซิบพึมพำทั้งยังพนมมือด้วยความเป็นห่วง
“เจดูแลตัวเองได้ ดูแลตัวเองได้ดีกว่าจิด้วยซ้ำ” แม่พูดพลางเทผัดเห็ดรวมลงจานก่อนจะส่งให้พี่จิ “เอ้า เอาไปวางที่โต๊ะได้แล้ว ยกต้มยำไก่บ้านกับปลาราดพริกไปด้วยนะจิ ส่วนเจ...ตักข้าวด้วยจ้ะ”
“ครับ แม่” สองพี่น้องขานตอบ ต่างคนต่างไม่กล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะถ้าขนาดพี่จิคนดียังฝอยไม่รอดผมก็อย่าหวังเลย
...เหนือกว่าจิตริน ทองคำดี ก็นางจรวย ทองคำดีนี่เอง
-----------------
น้องเจเวลาอยู่กับครอบครัวแล้วสมวัยดีนะคะ ดีนะที่งวดนี้หนูจิเห็นด้วย ไม่งั้นต้องอาละวาดอยู่คนเดียวในบ้านอีกแน่ๆ เลย โธ่ น้องเจคนปกติของบ้านทองคำดี 555
ตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่การทำงานแล้วค่ะ! เวลาแต่งนิยายชุดนี้เราสนุกมากเวลานั่งคิดสตอรี่โฆษณา คิดแผนการโปรโมต คิดเรื่องราวในละครอย่างเช็กเมทหรือหนังอย่าง Love After Death ถ้าอ่านแล้วอินด้วยเราจะมีความสุขมากๆ ค่ะ นิฌานมีภาพลักษณ์แบบเป็นผู้ใหญ่และสุภาพบุรุษ บทบาทในวงการจะแตกต่างกับจิระและจิตริน พ่อปลาไหลกับ #น้องเจที่ไม่น่ารัก จะนำไปทิศทางแบบไหน มาร่วมลุ้นด้วยกันนะคะ ^ ^
เพจนักเขียนอยากฝากตัวเป็นสะใภ้ทองคำดี#JustUnotUS