( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 486860 ครั้ง)

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำขนาดนี้แล้วเป็นไง ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
แต่ คุณอารยะ อย่าเป็นอะไรนะ ต้อวงพาพี่เมดไปทะเลนะ
 :mew4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ให้อิจฉาหรือเกลียดแค่ไหนก็ไม่น่าถึงกับจะต้องฆ่ากัน จิงต้องมีอาการโรคจิตร่วมด้วยแล้ว ความดำมืดในจิตใจกัดกินไปหมดแล้ว พี่อาฟอย่าเป็นอะไรมากนะ :o12:

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 50

เสียงลั่นไกดังลั่นที่ดับลง แปรเปลี่ยนเป็นความวูบโหวงในตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นจากวงแขนที่กอดรัดกันไว้แน่น ความสั่นของร่างกายบอกถึงความตกใจและความกลัวได้เป็นอย่างดี ลมหายใจของผมติดขัด แต่ถึงอย่างงั้นคนที่กอดกันไว้ก็ยังคงไม่ปล่อยไปไหน ราวกับว่าถ้ายังไม่มั่นใจในความปลอดภัยอาฟก็จะกอดผมไว้แบบนี้

เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ยิ้มให้กันในตอนนั้นราวกับจะปลอบว่าไม่ต้องกังวลอะไร ปากของผมที่กำลังเอ่ยถามถูกกลืนหายไปราวกับมันปลิวไปกับเสียงปืนนัดนั้น ตอนที่เอื้อมมือไปกอดอาฟไว้หัวใจของผมก็ยังสั่นระรัว มือสะเปะสะปะลูบไปบนแผ่นหลังนั้นก่อนจะหยุดลงตอนที่สัมผัสเข้ากับความอุ่นร้อนของบางสิ่งและกลิ่นคาวไม่คุ้นเคยที่กำลังคละคลุ้ง

ผมดึงมือสั่นๆกลับเข้ามาดูเพื่อความแน่ใจ และตอนนั้นสิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นในชีวิตก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างไร้ความปราณีใด เลือดสีแดงบนมือของผมที่ซึมออกมาจากด้านหลังของอาฟ ผมรับรู้ได้ว่าคนที่กอดกันไว้แน่นเพื่อปกป้อง โดนยิงเข้าที่เอวอย่างจัง   

“ อาฟ ” เสียงสั่นของผมตอนเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อ น้ำตามากมายเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ผมดึงตัวเองขึ้นมามองดูอีกคนอย่างไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อน มือพยายามจับตัวอีกคนที่เหมือนจะเริ่มอ่อนแรงลง ปากก็พร่ำบอกอย่างคนไม่มีสติใด ทั้งๆที่ปกติก็ไม่ได้เป็นคนแบบนี้ “ ไม่นะ อาฟ ไม่นะ ไม่ๆ อย่าเป็นอะไรนะ ”

บางที นี่อาจจะเป็นความเสียใจในแบบที่จิงอยากจะให้เกิดขึ้นก็เป็นได้ 

“ เมด มึงเป็นอะไรมั้ย ” เสียงถามที่เบาหวิวเอ่ยถามกันในตอนที่ผมกำลังลนลานเพื่อหาทางทำให้เลือดที่ไหลออกมานั้นหยุดไหล มือที่ดูเกะกะ มันไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนหรือหยิบจับอะไร ผมหันซ้ายดูขวาอย่างคนสมองทึบ แต่ทว่าคนที่เจ็บหนักกลับแค่เอื้อมมือมาประคองหน้าให้มองกันไว้

“ ไม่ ” ผมส่ายหน้าบอก “ กูไม่ได้เป็นอะไร ”

“ งั้นก็ดีแล้ว ” คำพูดที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเช่นทุกทีชวนให้ผมนิ่งค้าง

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน หรือจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่อาฟทำก็คือการปกป้องกันไว้ก่อนเป็นอันดับแรกเสมอเลย  ทำไมถึงคิดถึงผมเป็นคนแรกทั้งๆที่ควรเป็นตัวเอง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทำไมถึงรักกันได้ขนาดนี้วะอาฟ

ผมก้มหน้าลงทั้งๆที่หยาดน้ำตากำลังลบเลือนการมองเห็นให้ต่ำลง มือลูบไปตามกระเป๋าเสื้อและกางเกงตัวผมพยายามสูดหายใจแล้วตั้งสติของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะคว้าเอามือถือขึ้นมาเป็นอย่างแรก ผมกดเบอร์ของโรงพยาบาลที่คิดออกก่อนจะกดโทรไป แล้วตอนที่ปลายสายรับ ผมก็พูดออกไปอย่างยากที่จะจับใจความให้เข้าใจ

“ ช่วยด้วย ช่วยด้วยครับมีคนโดนยิง  ช่วยด้วย ช่วยเราด้วยครับ ช่วยอาฟด้วย ช่วยที ได้โปรดมาช่วยเราด้วย ” ผมแค่อยากให้ใครสักคนมาช่วยผม มาช่วยคนรักของผมที ใครก็ได้ “ ช่วยด้วย อึก ช่วย ช่วยครับ ช่วยด้วย ฮือๆ ”

“ ใจเย็นๆนะคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทางเราจะไปช่วยให้เร็วที่สุดคะ ” เสียงที่ฟังดูปลอบประโลมแต่ไม่ได้ทำให้ผมมีสติ จนกระทั่งมือนึงได้ดึงโทรศัพท์ของผมไป ผมเงยหน้ามองบินที่เดินเข้ามาในตอนนั้น มันกรอกเสียงไปตามสายที่ผมไม่สามารถตอบอะไรได้เมื่อครู่ ในช่วงจังหวะนั้นผมเอื้อมมือไปจับขากางเกงของอีกคน แล้วตอนที่บินก้มลงมามองผมก็ร้องบอก “ ช่วยอาฟด้วย ช่วยอาฟด้วยนะ ช่วยอาฟ ”

บินไม่ได้บอกให้ผมใจเย็น มันแค่พูดกับผมด้วยสายตาว่าไม่ต้องเป็นห่วงและกรอกเสียงบอกสถานที่ไปกับปลายสาย ก่อนจะย้ำว่าให้มาเร็วที่สุด  มือถือถูกยื่นมาคืนผม บินจับที่ไหล่ผมอย่างปลอบโยนก่อนจะเดินตรงไปหาจิงที่ตอนนี้ทรุดนั่งลงอยู่กับพื้นห้อง แล้วในตอนนั้นผมก็ไม่ได้หันมองใครอีก ไม่หันไปมองบินที่กำลังคุยกับจิงและบอกให้อีกคนทิ้งปืนปากกาที่ถืออยู่นั่นไป

ผมดึงคนที่หมดเรี่ยวแรงลงเรื่อยๆขึ้นมานอนบนตัก ก่อนจะพูดปลอบใจตัวเองพร้อมๆกับอีกคน “ หมอกำลังจะมานะ มึงจะไม่เป็นอะไรหรอก ไม่เป็นอะไรหรอกนะ ” ผมจับมือมันขึ้นมาแล้วจูบลงไปบนมือนั่น ก่อนจะกดย้ำจูบลงที่แก้ม ริมฝีปาก พลางผมพูดพร่ำซ้ำๆ “ อดทนนะอาฟนะ บอกกูว่าจะพากูไปเที่ยวหัวหินไง เราต้องได้ไปกันนะ เข้าใจมั้ย ห้ามทิ้งกูไปไหน นี่คือคำสั่ง เข้าใจรึเปล่า ”

“ ยิ้มให้ดูหน่อย ” แล้วนั่นก็เป็นคำพูดที่ผมได้ยิน ผมยิ้มให้อีกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข ในตอนนั้นผมเห็นอาฟยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่เราชอบยิ้มให้กันในทุกวัน “ ห้ามร้องไห้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็อย่าร้องไห้เด็ดขาด เพราะกูเกลียดน้ำตาของมึงที่สุด ”

“ อาฟ! ” ตะโกนเสียงเรียกพลางเขย่าตัวคนที่สติดับวูบไป “ อาฟ ไม่นะ ไม่ๆ ไม่นะ หมอ ทำไมหมอยังไม่ถึงสักที ทำไมรถพยาบาลไม่มาสักที อาฟ ขอร้อง มึงอย่าเป็นอะไรนะ ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองรอบๆห้องที่ตอนนี้มีผู้คนบางส่วนเดินเข้ามา แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางประตูผมไม่ได้สนใจว่าข้างนอกนั้นจะมีสายตาของใครมองมา ไม่ได้สนใจว่าทั้งอาจารย์ ยาม หรือแม้แต่รุ่นพี่ในคณะจะเดินเข้ามาสักกี่คน ทุกคนที่กำลังถามไถ่มีเพียงบินคนเดียวที่ตอบคำถามพวกนั้นได้ ทุกอย่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับความรู้สึกผม ในใจที่เฝ้ารอจนกระทั่งผู้ช่วยเหลือเดินทางมาถึง

“ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย ” ผมบอกพยาบาลที่ก้มลงปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้คนเจ็บทันทีที่มาถึง เธอตรวจเช็คชีพจรก่อนจะใส่เครื่องช่วยหายใจด้วยความเป็นมืออาชีพและรวดเร็ว

“ ผู้บาดเจ็บแค่หมดสติไป ไม่ต้องตกใจไปนะ ” พยาบาลคนนึงที่หันมามองผมเอ่ยถาม “ แล้วน้องเจ็บตรงไหนรึเปล่า มีแผลมั้ย ”

“ ไม่มีครับ ” ผมส่ายหน้าบอก ในตอนนั้นอาฟก็โดนเหล่าคนช่วยเหลือยกตัวขึ้นไปนอนบนเปลเพื่อเคลื่อนย้ายอย่างเร่งด่วน ผมเดินตามคนพวกนั้นไปอย่างรีบเร่ง ส่วนจิงในตอนนั้นก็โดนจับกุมอยู่โดยยาม และคิดว่าอีกสักพักตำรวจก็คงเดินทางมาถึง

รถพยาบาลขับอย่างเร็วเข้าสู่โรงพยาบาลใกล้เคียง ก่อนจะจอดลงที่หน้าห้องฉุกเฉินแล้วร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงนั้นก็ถูกเข็นเข้าไปด้านในด้วยความรวดเร็ว ผมยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินที่ไม่มีใครอนุญาตให้เข้าไปอย่างไม่อยากจะย้ายตัวไปไหน ผมหยุดไม่ได้แม้แต่น้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมา จนกระทั่งนางพยาบาลที่อยู่บริเวนใกล้เคียงเดินเข้ามาหาแล้วปลอบประโลมกันด้วยการถามไถ่ก่อนจะดึงให้ไปนั่งพักให้ใจเย็น อยู่ที่เก้าอี้หน้าห้อง

ครืน ครืน ครืน

แรงสั่นของมือถือที่ดังอยู่ในกระเป๋า ผมเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาดู บนหน้าจอนั้นปรากฏชื่อของเพื่อนสนิทอาฟโทรเข้ามา ‘ throwup : J ’

“ เมด ” เสียงที่เอ่ยเรียกกันในตอนที่ผมกดรับ “ บอกไอ้อาฟให้รับสายโทรศัพท์กูที ”

“ เจ ” ผมเรียกอีกคนเสียงสั่น ปลายก็นิ่ง “ อาฟโดนยิง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล มันยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉินเลย อึก ฮือๆ เจ อึก อาฟ อาฟโดนยิง ”

“ ว่าไงนะ ” คำถามทวนซ้ำที่เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ อาฟโดนยิง ” ผมบอกซ้ำ “ อยู่ที่โรงพยาบาล ”

“ โรงพยาบาลอะไร ” เอ่ยชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ออกไป ในตอนนนั้นเจก็แค่ตอบรับ “ ใจเย็นๆ กูจะรีบไป มึงไม่ต้องกลัวนะเมด คนอย่างไอ้อาฟแม่งไม่เป็นอะไรหรอก มันรักมึงจะตาย มันไม่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวหรอก เชื่อกู ”

‘ จริงด้วยสินะ ’ เสียงในใจของผมตอบรับกลับไปในตอนที่สายนั้นตัดลง หันมองประตูหน้าห้องฉุกเฉินที่ยังไม่มีใครออกมาอีกครั้ง ผมจ้องมองมันอยู่แบบนั้น ในใจก็ภาวนาอยู่ทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้านั้นแค่ว่า ขอประตูเปิดออกมาเสียที

“ พี่เมด ” เสียงของคนมาใหม่ที่เอ่ยเรียกชื่อกัน ผมหันไปมองต้นเสียงนั้น น้องเดย์เป็นคนเอ่ยเรียก โดยมีน้องอัยย์แล้วก็เจวิ่งตามกันเข้ามา แล้วทุกคนก็ได้แต่นิ่งไปในตอนเห็นเลือดที่เปื้อนอยู่บนเสื้อผม มีเพียงคนเดียวที่ควบคุมสติได้ในตอนนั้นคือ เจ มันเอ่ยถาม

“ ไอ้อาฟมันยังไม่ออกมาอีกเหรอ ”

“ ยัง ” ผมส่ายหน้าในตอนนั้นน้องเดย์ก็เดินมากอดผมไว้

“ ไม่เป็นไรหรอกนะพี่เมด ” น้องบอกกันแบบนั้นด้วยเสียงสั่นๆที่กำลังร้องไห้ออกมา “ สัดพี่มันไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ”

“ แต่พี่เมดก็กลัวอยู่ดี  อึก มันเข้าไปนานมากแล้วนะ เมื่อไหร่หมอจะออกมาสักทีก็ไม่รู้ อึก ฮือๆ ” ร้องไห้บนไหล่หนานั้นอีกคนก็ได้แต่ลูบหลังปลอบกัน “ อาฟจะไม่ทิ้งพี่เมดใช่มั้ย จะไม่ทิ้งพี่เมดใช่มั้ยน้องเดย์ ”

“ ไม่ทิ้งหรอก ไม่ต้องร้องไห้นะ ” น้องบอกก่อนจะดึงผมให้มาเผชิญหน้ากัน มือหนาทั้งสองข้างยกเช็ดน้ำตาให้ “ เดี๋ยวสัดพี่ออกมาเห็นพี่เมดร้องไห้มันต้องหงุดหงิดแน่ๆเลยเว้ย ไม่ต้องร้องนะ ไม่เอาครับ พอแล้วนะ ”

“ ใช่ๆ พี่เมดอย่างร้องไห้เลยนะ ” น้องอัยย์บอกผมทั้งๆที่ตัวเองก็ยังคงน้ำตาคลอ

“ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมไอ้อาฟถึงโดนยิง ” เจถามผมในตอนที่น้องเดย์ดึงให้นั่งตรงที่เก้าอี้ตรงหน้าห้อง “ แล้วนี่มึงเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ยเมด ”

“ ไม่ กูไม่ได้เจ็บตรงไหนเพราะมันบังกูไว้ ” ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนมาใหม่ทั้งสามคนฟังที่ก็ถอนหายใจออกมาตอนที่ฟังเรื่องราวเหล่านั้นจบลง

“ เหี้ยจริงๆ แล้วนั่นมันไปเอาของแบบนั้นมาจากไหนวะ ” น้องอัยย์พูดขึ้น เจก็ตอบ

“ ปืนปากกาสมัยนี้ซื้อหาง่ายจะตายไปตามเว็บใต้ดินก็มี แล้วถ้ามีคนรู้จักสักหน่อยก็ซื้อได้แล้ว อีกอย่างพวกเด็กช่างก็ทำได้ แค่มึงมีเงินจ่ายมัน ”

“ แล้วนี่จะเอายังไงต่อ ” น้องเดย์ที่นั่งข้างผมเอ่ยถามกัน “ จะจัดการยังไงกับเรื่องนี้พี่เมดจะเอาเรื่องมันมั้ย ”

“ ต้องเอาความสิวะ ” น้องอัยย์เถียงขึ้น “ มึงจะปล่อยไปทำเหี้ยอะไร ให้ดำเนินการตามกฏหมายไปเลยพี่เมด ”

“ เดี๋ยวให้อาฟตัดสินใจแล้วกัน ” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะมองไปที่ประตูฉุกเฉินอีกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องผมอยากจะสนใจ เรื่องผมสนใจคือเรื่องของคนที่อยู่ในห้องนั้นเท่านั้น 

ทุกอย่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าด้วยความเงียบอยู่นาน แล้วในตอนนั้นประตูที่เฝ้ารอให้เปิดออก ก็มาพร้อมกับคุณหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวที่เดินออกมา แววตาของผมเบิกขึ้นด้วยความหวังก่อนจะลุกวิ่งขึ้นไปหาคุณหมอคนนั้นด้วยความรวดเร็ว “ อาฟเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ ปลอดภัยแล้วใช่มั้ยครับ ”

“ ครับ ตอนนี้ผู้บาดเจ็บปลอดภัยแล้วครับ หมอนำกระสุนออกเรียบร้อย โชคดีที่โดนยิงตรงส่วนที่ไม่ใช่อวัยวะสำคัญ ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ ต้องรอให้คนไข้ได้สติก่อน แล้วหมอถึงจะขอตรวจอีกครั้งนะครับ ” 

“ ครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ ขอบคุณครับ ” ราวกับคำพูดที่ดีที่สุดในชีวิต ผมยกมือไหว้คุณหมอที่ก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ขาที่ไร้เรี่ยวแรงผมแทบจะทรุดลงตรงนั้นด้วยความโล่งใจ ไม่ต่างจากทุกคนที่อยู่ด้วยกัน ผมได้ยินเสียงถอนหายใจโล่งนั้นดังออกมาตรงหน้าห้องเงียบๆนั่น

“ แล้วนี่สัดพี่จะย้ายไปห้องพิเศษเลยมั้ย ”

“ ไม่ต้องเข้า ICU ก่อนเหรอวะ แล้วพอแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นอะไร ถึงจะย้ายไปห้องพิเศษ รอออกจากโรงพยาบาล ”  น้องอัยย์หันไปตอบเพื่อนสนิท แต่อีกคนก็แค่ยักไหล่เพราะไม่มีใครรู้ถึงระบบลำดับขั้นนั้นของโรงพยาบาล  ในตอนนั้นเจเอื้อมมือมาจับไหล่ผมก่อนจะยิ้มให้

“ ไม่เป็นไรแล้วนะ ”

“ อื้ม ” ในตอนนั้นผมเองก็พยักหน้ารับทั้งน้ำตาให้อีกคนที่ยิ้มให้กัน ไม่เคยคิดเลยว่า แค่คำว่า ‘ ปลอดภัยแล้ว’ กับ ‘ ไม่เป็นอะไรแล้ว ’ จะทำให้มีความสุขมากมายขนาดนี้

หน้าห้อง ICU แบ่งเวลาเข้าเยี่ยมตามช่วงเวลาเป็นรอบๆ อาฟตอนนี้ถูกย้ายเข้ามาในห้องนี้แล้ว และผมกำลังรอเวลาเพื่อที่จะได้เข้าเยี่ยมในรอบถัดไปที่ก็ต้องรอนานนับชั่วโมง

“ พี่เมดไปอาบน้ำก่อนมั้ย ” น้องเดย์ที่นั่งข้างกันเอ่ยพูดขึ้น ผมก็ก้มลงมองดูตัวเองที่ตอนนี้เสื้อขาวของนักศึกษาที่สวมใส่อยู่รวมทั้งกางเกงสีดำแนบตัวก็มีแต่เลือดสีแดงที่แห้งกรังติดอยู่ ทั้งมือหรือแม้แต่หน้าเองก็ยังมีคราบเลือดที่เปื้อนอยู่เพราะไม่ทันเช็ดออกไปได้หมด

“ เออนั่นสิ กลับไปอาบน้ำก่อนนะพี่เมด ” น้องอัยย์เสริม

“ ไม่เอา ” ผมส่ายหน้าปฎิเสธน้องๆ “ กว่าจะไปกว่าจะมา จากคอนโดกลับมาที่นี่ก็ตั้งไกล ให้กูเยี่ยมอาฟก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน ”

“ เค้าจะไม่ให้มึงเข้าเพราะสภาพแบบนี้แหละ ” เจบอกผม “ ICU มันเป็นห้องปลอดเชื้อ มึงสกปรกขนาดนี้จะได้เข้าเหรอ ไม่ได้เข้ารอเก้อเลยนะ จะดีเหรอวะ ”

“ กูเกลียดพวกมึงวะ ” ผมพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ ยิ่งอยู่ด้วยกันนานไป ยิ่งสนิท ก็ยิ่งรู้ว่าทำยังไง มีจุดอ่อนตรงไหน ที่จะพอล่อได้ ก็ชอบเอามาล่อ มากดดันกัน “ กูกลัวมันนานไงมึง ”

“ เสื้อผ้าพี่เมดในกระเป๋าที่จะไปหัวหินไง ” น้องเดย์พูดขัดขึ้น “ อยู่ในรถสัดพี่ไม่ใช่เหรอ ”

“ ก็ใช่ แต่กูไม่มีกุญแจ..” ท้ายเสียงที่เงียบไปนั้นผมจับเข้าที่กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นหลังจากอาฟล็อกรถเรียบร้อยมันก็เอากุญแจมาฝากไว้ที่ผม ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะดึงเอากุญแจรถออกมาผมยื่นให้น้องเดย์ “ น้องเดย์กับน้องอัยย์ไปเอาให้หน่อย รถจอดอยู่ที่หน้าคณะพี่เมดนะ กระเป๋าอยู่ข้างหลังรถ ”

“ โอเค รับทราบ ” คนโดนไหว้วานเอื้อมมือมาหยิบกุญแจก่อนจะเดินออกไปพร้อมกัน เหลือไว้แค่ผมกับเจสองคนที่นั่งกันอยู่เงียบๆ ก่อนที่อีกคนจะถามขึ้นเพื่อขัดความเงียบ

“ นี่ตำรวจยังไม่มาอีกเหรอวะ เค้าน่าจะติดต่อมึงมาได้แล้วนะ ยังไงมึงก็เป็นพยานอีกคนหนึ่ง  ” ผมหันไปมองเจ สาบานว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยสักนิด เพิ่งจะมานึกได้ก็ตอนนี้ที่อีกคนเอ่ยถาม

“ ไม่รู้เหมือนกัน กูไม่รู้เลยว่าตรงนั้นเรื่องจะเป็นยังไงบ้าง ”

“ เพื่อนมึงก็คงฝากขังก่อนแน่นอน มันยื่นประกันตัวไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนี่เป็นคดีอาญา แล้วก็ต้องถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าคนที่มันจะฆ่าคือมึงไม่ใช่ไอ้สัดอาฟก็เถอะ ”

ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่ได้ยินเจพูดแบบนั้น ชีวิตคนเราพลิกพันไปง่ายดายไม่ต่างอะไรกับการพลิกฝ่ามือเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่กำลังจะเรียนจบในอีกไม่กี่เดือนอยู่แล้ว จิงเองก็มีแพลนจะไปเรียนต่อเมืองนอกที่บอกกันไว้ตั้งแต่ปีสาม แต่แบบนี้ทางมหาลัยเองก็คงไม่น่าลดหย่อนอะไรทั้งนั้น คงไล่ออกให้พ้นสภาพนักศึกษาของทางมหาลัยแต่เพียงอย่างเดียว อนาคตที่กำลังจะถึงฝั่งดับวูบลงไม่มีเหลือเลย 

“ สวัสดีครับ  ไม่ทราบว่าคุณคือหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คดีที่นักศึกษาใช้ปืนปากกายิงผู้อื่นโดยเจตนาหรือเปล่าครับ ” ร่างสูงในชุดเครื่องแบบเต็มยศท่าทานภูมิฐานสองคนเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวพร้อมทั้งตั้งคำถามกับผมและเจที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เราเหลือบมองกันก่อนที่ผมจะพยักหน้ารับแล้วเอ่ยตอบ

“ ครับ ผมเอง ”

“ ทางเราจะมาสืบสวนพยานในที่เกิดเหตุ ขอเวลาคุณสักครู่นะครับ ”

“ ครับ ” พยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะที่ตัวผมจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนั่งตรงเก้าอี้โซฟาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อให้ความสะดวกแก่การสอบสวนของคุณตำรวจ “ เรามาเริ่มกันเลยนะครับ ก่อนอื่นผมขอถามก่อนคุณเป็นอะไรกับผู้ต้องหาครับ ”

“ เป็นเพื่อนครับ ”

“ แล้วกับผู้บาดเจ็บละครับ ”

“ เป็นแฟนครับ ”

“ ช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เราฟังด้วยครับ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะครับ ” ผมเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับคนตรงหน้าฟังอย่างละเอียด ก่อนจะถูกซักข้อมูลถามกลับมาในส่วนที่เป็นข้อสงสัยทั้งหมด แต่คิดว่าเรื่องราวที่ผมเล่าคงจะเป็นเรื่องราวที่ไม่ต่างอะไรกับ บิน และ ยีนส์ ที่เป็นพยานคนก่อนเท่าไหร่ ทางตำรวจเลยไม่ได้ดูแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง

“ ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือนะครับ ” เมื่อสอบสวนเสร็จทางคุณตำรวจก็ยืนขึ้นก่อนจะก้มหน้าให้ผมที่ก็ยกมือไหว้กลับไป  “ แล้วตอนนี้ทางผู้บาดเจ็บเป็นยังไงบ้างครับ ”

“ ปลอดภัยแล้วครับ ตอนนี้ผมก็กำลังรอเข้าเยี่ยมอยู่ ”

“ งั้นทางเราจะมาสอบปากคำอีกครั้งหลังจากผู้บาดเจ็บออกจากห้อง ICU นะครับ ”

“ ครับ แล้ว..” ผมเว้นเสียงไปคนตรงหน้าก็เอียงหน้าถาม

“ ครับ ? ”

“ ผู้ต้องหาตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ”

“ ทางเรานำไปฝากขังไว้ที่สน.แล้วครับ มีการยื่นขอประกันตัวแล้วแต่เพราะเป็นคดีอาญาจึงไม่มีสิทธิ์ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วครับ ”

“ ครับ ขอบคุณมากครับ ” ยกมือไหว้คุณตำรวจอีกครั้งก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกไป ผมตอนนั้นที่ก็ได้แค่ถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปหาเจที่ก็ยิ้มถาม

“ กังวลเรื่องไอ้เหี้ยนั่นเหรอวะ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ “ สงสารมันนะ ไม่น่ามาเป็นแบบนี้เลยวะ พอคิดว่ากำลังจะเรียนจบแล้ว จะมีอนาคตที่ดี กูก็รู้สึกว่า กูสงสารมัน ถึงมันจะทำเหี้ยกับกูมากๆก็เถอะ ”

“ ก็มันเคยเป็นเพื่อนมึง ถึงมันจะเคยคิดไม่ดีกับมึง แต่ความรู้สึกของมึงก็ไม่ใช่ไง ” เจบอกผมก็หันไปมองหน้ามันก่อนจะพยักหน้ารับ “ แต่มันก็ทำตัวมันเองมั้ย ไม่ได้มีใครบังคับให้มันทำ ”

“ ความกดดันไงมึง ” ตอบคนข้างตัวไป เจก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “ สภาพสังคม ครอบครัว ที่บีบบังคับมันมีส่วนที่ทำให้มันต้องเป็นแบบนี้นะ ตอนแรกเริ่มทำเพื่อให้ตัวเองสะใจแบบเล็กๆน้อยๆ จนเรื่องที่ทำมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็ทำอะไรแบบที่ห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ ”

“ ชีวิตมันมีทางเลือกให้เดินเยอะแยะ แต่มันเลือกที่จะเดินทางนี้เอง เลือกที่จะเป็นคนแบบนี้เอง ”

“ แต่คนเราน่ะ มันมีทางเลือกให้เดินเยอะแยะจริงๆเหรอวะ ” ผมพูดเสียงเบาๆออกมาในตอนนั้น

ก็แค่รู้สึกว่าบางทีทางเลือกเดินมันไม่ได้มีเยอะแยะขนาดนั้น ก็เหมือนกับวิวที่เลือกจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อน และใช้ชีวิตแบบที่หลายๆคนก็ถามเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกไปในทางนั้น ทำไมไม่เลือกทางที่ดี ทางที่มันไม่ส่งผลเสียกับตัวเอง แล้วนั่นก็คงเป็นคำตอบเดียวกันกับที่ผมเคยรู้สึกกับเรื่องของน้องชายตัวเอง ‘ ในช่วงเวลาที่แย่ ทางไหนที่มาถึงก่อนเราก็เลือกที่จะไปทางนั้น ’

วิว โชคดีที่วันนั้นคนที่มันเจอยังเป็นอาฟกับเจและช่วยเหลือมันไว้ได้ทันก่อนที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นผับนั่น มันที่หลงเดินเข้าไปในทางแย่ๆแบบไม่ถลำลึก มีสิทธิ์กลับตัวเพียงแค่เปลี่ยนความคิด แต่สำหรับจิง ทุกอย่างมันถลำลึก จนไม่แม้จะสามารถกลับตัวเดินออกมาได้อีก ทำได้แค่ชดใช้ความผิดนั้น แล้วก็ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในท้ายที่สุด

“ พี่เมด น้องเดย์น้องอัยย์เอาเสื้อมาให้แล้วครับ ” เสียงประสานที่พยายามทำให้ยิ้ม มาพร้อมถุงผ้าที่ถูกยื่นมาให้ผมที่กำลังก้มหน้าลงคิดอะไรเพลินๆ เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างให้ทั้งสองคนก่อนจะรับถุงผ้านั่นมาเปิดดู แล้วพบว่ามันมีเสื้อผ้าของผมอยู่หนึ่งชุดแล้วก็ของพวกของใช้จำเป็น

“ ขอบคุณนะครับ ” ผมบอก ก่อนจะลุกขึ้น “ งั้นไปอาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา ”

“ โอเคครับ ” น้องเดย์ตอบรับผมก่อนจะยิ้ม “ อาบน้ำหอมๆเลยนะ ถ้ากลับมาน้องเดย์หอมแก้มแล้วไม่หอม น้องเดย์จะไปอาบให้ใหม่น้า ”

“ งั้นตายคาตีนพี่เมดก่อนน้า ” ตอบกลับน้องยิ้มๆอีกคนก็เบิกตาโตขึ้นก่อนจะเหลือบมองไปทางเพื่อนตัวเองที่ก็บอกเสริมแค่ว่า

“ นอกจากตีนพี่เมดแล้ว ก็ยังเจอตีนเฮียด้วยจ้า ซึ่งของพี่เมดอาจจะแค่เจ็บเบาๆ เข้าโรงพยาบาลใสๆ แต่ของเฮียนี่คือบอกเลยว่า จองศาลาวัดกับวันเผาได้เลยจ้าเพื่อนมึง ”

“ งั้นก็กลัวแล้วจ้า น้องไหว้ ” ยกมือไหว้ผมด้วยความเรียบร้อย เราหลุดหัวเราะกันเสียงดังก่อนที่ผมจะเดินไปหาห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างคราบเลือดทั้งหมดให้เรียบร้อย 

ชุดที่ตั้งใจจะเอาไปใส่เที่ยวทะเลถูกเอามาเปลี่ยนใส่ที่โรงพยาบาล ผมมองดูลายเสื้อยืดสีสันสดใสที่อาฟเป็นคนเลือกให้เมื่อวานผ่านกระจกในห้องน้ำก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา มันก็ถูกแล้วที่ใครๆจะพูดว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

ทั้งๆที่เมื่อคืนเรายังหัวเราะสนุกสนาน แล้วหยอกล้อกันด้วยมุกที่ชวนให้ใจเต้นแรง อาฟยังนอนกอดผมบนเตียง เมื่อเช้ามาก็หอมแก้มผมเพื่อปลุกแบบที่ทำทุกวัน เรากินมื้อเช้าอร่อยๆอยู่ตรงข้ามกัน แล้วก็มอบจูบให้กันในตอนที่อีกคนมาส่งที่หน้าคณะ เป็นช่วงเวลามีความสุขที่ไม่คิดเลยว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“ พี่เมด เข้าเยี่ยมเฮียได้แล้วนะ ” น้องอัยย์วิ่งหอบเข้ามาหาผมที่ก็รีบยัดทุกอย่างใส่ถุงผ้าโดยทันที เราวิ่งกันออกมาจากห้องน้ำ ผมวางของไว้ที่เก้าอี้หน้าห้องที่เข้าเยี่ยมเพราะมันไม่มีอะไรสำคัญ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในที่ก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาล้างมือแล้วใส่ชุดตามที่ทางโรงพยาบาลกำหนด

“ พวกเราดูเหมือนหมอเลย ” น้องเดย์พูดขึ้นหลังจากที่ใส่ชุดเสร็จ ก่อนที่เจจะแค่ยกยิ้มแล้วพูดสั้นๆ

“ ติดแค่หน้าตามึงดูโง่ไปหน่อยเท่านั้นเองละนะ ”

“ เอ๊ะ ? แม่งด่ากูเปล่าวะ ” หันไปถามเพื่อนตัวเองที่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมาในตอนนั้น ส่วนผมที่มองภาพนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเหมือนกัน แต่ก็คงเป็นคนละความรู้สึกกับคนสองคนที่ก็ยังคงเล่นกันอยู่


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

เตียงสีขาววางยาวเป็นแนวสองฝั่ง มันเป็นภาพที่ชวนให้หัวใจของผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ช่วงเวลาที่เดินเข้าไปในห้องที่มีแต่เสียงชวนวูบโหวงน่าใจหายมากมายนั้น เป็นความรู้สึกบีบรัดที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดอะไรไม่ได้ ผมหยุดยืนนิ่งที่ข้างเตียงของอาฟอยู่นาน บนตัวมันที่มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ใบหน้าคมยังคงมีเครื่องช่วยหายใจถูกใส่ไว้ รวมถึงหน้าจอที่แสดงผลอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ แต่ทุกอย่างที่เห็นนั้นบีบให้น้ำตาของผมไหลออกมาอัตโนมัติ

เพียงแค่คิดว่านี่คือคนที่ก่อนหน้านี้ยังคงกวนตีนแกล้งกันบอกว่า จะไม่พาไปทะเลแล้ว ผมที่แกล้งงอนมัน ทั้งๆที่ในใจยังคงตื่นเต้นแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะเราจะได้ไปเที่ยวทะเลครั้งแรก ทั้งๆที่ใบหน้าคมยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม  แต่กลับไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักนิด

“ อาฟ ” ผมเอ่ยเรียกอีกคนที่ยังคงหลับสนิท ตอนที่ยกมือมันขึ้นมาแนบบนแก้ม ผมหอมลงไปบนหลังฝ่ามือนั่น แล้วร้องไห้ออกมาท่ามกลางความเงียบของทุกคน ทั้งๆที่หมอก็บอกว่าปลอดภัยแล้ว แต่พอได้เห็นมันที่อยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจอะไรมากมายอย่างที่คิด

บางทีเหนือกว่าคำพูดว่าปลอดภัยแล้ว ผมคงต้องการสิ่งที่เหนือกว่านั้น ตอนนี้ผมอยากจะเห็นมันลืมตาขึ้นมามองกัน แล้วยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง เอ่ยเสียงที่ชอบกวนตีน แล้วบอกกันว่า ซาลาเปาไส้หมูแดงของมันเปียกน้ำไปแล้ว ไม่ก็ หยุดร้องไห้สักทีมันน่ารำคาญ

พอเป็นคนที่รักก็เคยพออะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอะไรก็ไม่เคยพอ
 
“ พี่เมด ” น้องอัยย์จับไหล่ผมเหมือนจะเอ่ยปลอบ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น

“ นี่ มึงลืมตาขึ้นมาหน่อยได้มั้ยวะ ” ผมบอกคนที่นอนอยู่ “ ลืมตาขึ้นมามองกูแล้วด่ากูหน่อยสิอาฟ กูร้องไห้เยอะแยะเลยทั้งๆที่มึงสั่งไว้ว่าห้ามร้อง กูขัดคำสั่งมึงเลยนะ จะไม่ทำอะไรกูจริงๆเหรอวะอาฟ ”

“ สัดพี่ พี่เมดเอาชุดตอนไปหัวหินมาใส่ก่อนมึงแล้วอะ ” น้องเดย์พูดขึ้นตอนที่เอื้อมมือมาจับขาพี่ชายตัวเองแล้วเขย่า “ มึงตื่นมาจัดการพี่เมดเลย เค้าเอาเสื้อมาใส่ตัดหน้ามึงอะ ”

“ วันนี้จริงๆกูมีเรื่องจะเซอไพร์สมึงด้วยนะ ” เจพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “ แต่มึงเสือกมาเซอไพร์สกูแทน หน้าเชี้ยจริงๆเลยนะไอ้สัด ”

“ เฮีย ถ้ามึงฟื้นขึ้นมาตอนนี้มึงจะได้ดูของดีนะ  ” น้องอัยย์บอกก่อนจะหันไปมองทุกคนในตอนนั้น “ พวกกูเรียงหน้ากันร้องไห้ให้เฮียมึงอยู่ ลืมตามาด่ากันหน่อยว่า หน้าเหี้ย ”

ยิ้มกับคำพูดของทุกคนแต่ไม่ทีท่าว่าคนที่หลับอยู่จะตื่นขึ้นมาฟัง “ ง่วงนอนมากเลยเหรอวะอาฟ แต่ช่วงนี้มึงก็นอนน้อยตลอดเลยเนอะ ต้องตื่นไปส่งกูตอนเช้า กลางคืนก็ต้องไปผับอีก ตอนนี้ก็เลยนอนไม่ยอมตื่นสักที งั้นวันนี้ก็นอนให้เต็มอิ่มเลยดีมั้ย แล้วก็ค่อยตื่นขึ้นมาหากูก็ได้ แต่ต้องตื่นนะ เพราะกูจะคอยมึงอยู่ตรงนี้ จะไม่ไปไหนเลย ”

“ กูออกไปข้างนอกนะ ” เจหันหลังพูดก่อนจะเดินออกไป น้องเดย์เองก็นั่งลงบนเตียงก่อนจะยิ้มมองพี่ชายตัวเอง

“ มึงทำพี่เจร้องไห้แล้วสัดพี่ ”

“ พี่เมดหิวข้าวมั้ยครับ น้องอัยย์จะออกไปซื้อมาไว้ให้ ” ผมส่ายหน้าไปมาตอนที่อีกคนถาม

“ ไม่หิวหรอก ”

“ ตื่นขึ้นมาจัดการพี่เมดเลยเฮีย ไม่ยอมกินข้าวแล้วเนี้ย ” ยิ้มกับคำพูดของน้องก่อนจะหอมลงไปบนมือที่กุมกันไว้ ผมมองคนป่วยที่ยังคงนอนนิ่งอย่างไม่สนใจเวลาที่เคลื่อนผ่านไป จนกระทั่งนางพยาบาลเดินเข้าหา

“ ขออนุญาตนะคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ ”

“ ครับ ” หันไปพยักหน้ารับกับเธอ ก่อนจะหันมามองคนป่วยอีกครั้ง ผมกระซิบข้างหูอาฟ “ โดนไล่แล้วว่ะ กูออกไปรอข้างนอกนะ เดี๋ยวถึงเวลาเยี่ยมจะเข้ามาหาใหม่ ” หอมลงแก้มของอีกคนหลังจากพูดจบ แล้วสอดมือที่ตัวเองกุมอยู่นั้นลงไปใต้ผ้าห่มก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา แล้วเดินออกไปข้างนอกที่ก็ต้องชะงักค้างทันทีตอนที่ก้าวพ้นประตูออกมาเจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ นั่งอยู่ตรงนั้น

“ น้องเมด ” แม่ของจิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างเจเอ่ยเรียกผม ก่อนจะลุกจากที่นั่งรอเข้ามาหากันทั้งน้ำตา รวมทั้งพ่อของจิงเองก็เดินตามเข้ามาหาด้วย

“ สวัสดีครับ ” ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน น้องเดย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็กระซิบถาม

“ ใครวะพี่เมด ”

“ พ่อแม่ของพี่จิง ”

“ อ๋อ ”

“ พ่อกับแม่อยากจะมาคุยกับน้องเมดเรื่องของน้องจิง แม่เสียใจด้วยนะ แฟนของน้องเมดเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย พ่อกับแม่ยินดีช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเต็มที่เลยนะ บอกมาได้เลยนะลูกถ้าขาดเหลืออะไร ”

“ คุณแม่ใจเย็นๆก่อนนะครับ ” ผมจับมือเธอที่จับอยู่บนแขนผมเพื่อปลอบความตกใจของเธอที่ถามออกมาจนผมไม่รู้จะตอบอะไรเป็นอย่างแรก

“ แล้วแฟนน้องเมดเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย ”

“ ครับ ปลอดภัยแล้วแต่ยังไม่ฟื้น ” สีหน้าหนักใจของทั้งสองคนฉายขึ้น ท่านทั้งคนมองหน้าผม ก่อนคุณอาผู้ชายจะยื่นมือมาจับที่มือก่อนจะบีบแน่น

“ น้องเมดครับ อาขอโทษแทนจิงด้วยนะ ขอโทษแทนลูกชายของอาที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปนะ ”

ได้แต่เงียบในตอนที่ได้ยิน ผมอยากเอ่ยบอกว่า ‘ ไม่เป็นไรครับ ’ ตามธรรมเนียมปฎิบัติ แต่ในใจมันก็คัดค้าน ก็กำลังเป็นจะบอกว่าไม่เป็นได้ยังไง ตัวเองก็เป็นคนทำแท้ๆ เรื่องมันก็เลยมาถึงจุดนี้ เลี้ยงลูกแบบกดดัน พยายามให้ชนะกันตลอด ยกยอคนอื่นข่มลูกตัวเองมาเนิ่นนานจนสุดท้ายสิ่งที่ทำมันก็ออกดอกผลมาเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น

“ น้องเมด ” คุณอาผู้หญิงเรียกผมเสียงเบา “ เห็นแก่ความเพื่อนนะลูกให้อภัยน้องจิงได้มั้ย ”

“ ขอโทษนะครับ แต่ผมยังไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้เลย ” ทำได้แค่บอกปัดไปแบบนั้น เพราะผมไม่มีคำตอบที่เธอต้องการจะฟัง มันมีแต่ความรู้สึกจริงๆที่ผมรู้สึก เห็นแก่ความเป็นเพื่อนอะไรวะ ทำไมตอนที่มันจะยิงกัน มันไม่เห็นถึงความเป็นเพื่อนของเราบ้าง จิงที่ตั้งใจจะฆ่าผม คงไม่มีคำว่าเพื่อนอยู่ในนั้นแล้วด้วยซ้ำ

“ น้องเมด ”

“ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะครับ ” ผมห้ามคำพูดนั้นที่กำลังจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้อง “ ผมรู้ว่าคุณอารู้สึกเสียใจ แล้วก็รู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณอาที่อยากจะได้ยินคำพูดที่ผมพูดว่า ‘ ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัยจิงครับ เพราะเค้าก็เคยเป็นเพื่อนผมมาก่อน ’  ทั้งหมดที่คุณอาต้องการเพื่อความสบายใจของตัวเองนั้น ผมเข้าใจครับ แต่ผมตอบแบบนั้นในตอนนี้ไม่ได้ ”

“ น้องเมด ”

“ ผมรู้ครับ ว่ามันควรที่จะพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ แล้วผมก็เข้าใจครับว่ากับผู้ใหญ่เราต้องทำยังไง แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ มันจะไม่เป็นอะไรได้ยังไงกัน แฟนผมยังไม่ได้สติเลย เพราะงั้นมันต้องเป็นสิ เค้าเจ็บนะครับ ทั้งๆที่เค้าไม่ควรต้องมาเจ็บตัวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แล้วจะผมให้อภัยจิงในฐานะเพื่อน ทั้งๆที่จิงจะยิงผมและไม่เคยเห็นผมเป็นเพื่อนเลยน่ะเหรอ ทำไมคุณอาถึงได้พูดขอร้องอย่างคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นออกมาละครับ ทำไมถึงได้มาบีบบังคับคำตอบจากผมเพื่อความสบายใจของตัวเอง ทั้งๆที่ผมยังไม่สบายใจด้วยซ้ำ ”

“ อาขอโทษ ขอโทษนะน้องเมดนะ ” คุณอาผู้หญิงร้องไห้ออกมาในตอนที่ผมพูดแบบนั้น เธอโดนสามีดึงเข้าไปกอดไว้ ผมเองก็ได้แต่ก้มหน้าลงแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างเจที่ก็มองเหตุการณ์นั้นนิ่งๆ มันเอื้อมมือมาจับมือผมก่อนจะหันมาพูด

“ ใจเย็นๆ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แล้วนี่พ่อแม่อาฟว่าไงบ้าง น้องเดย์โทรบอกพ่อกับแม่รึยัง ”

“ ยัง ” น้องชายตัวดีตอบแถมด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ผมเองก็ขมวดคิ้วแล้วตอนที่กำลังจะเอ่ยปากถามต่อ คนที่รู้ว่าผิดก็ยกมือขึ้นห้ามกันก่อน “ แต่ฟังก่อนนะครับพี่เมด คือที่น้องเดย์ไม่ได้บอกพ่อ เพราะว่ากลัวเค้าเป็นห่วง แม่เองถ้าได้ยินต้องเป็นลมแน่ๆ นี่สัดพี่มันก็ปลอดภัยแล้ว ยังไง ให้มันบอกเองดีกว่า ”

“ อีกอย่างไอ้สัดอาฟมันไม่อยากให้พ่อแม่มันรู้หรอก ไม่บอกน่ะดีแล้ว เดี๋ยวแม่มันเป็นลม ”

“ เหรอ ” ได้แต่ตอบรับอีกคนไปแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ของจิงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวที่อยู่ไม่ไกลจากเราคุณอาผู้หญิงนั่งร้องไห้ตัวโยไม่ต่างจากคุณอาผู้ชายที่คอยลูบไหล่ปลอบอยู่แบบนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดจนผมต้องหันไปหาเจก่อนจะกระซิบถามอีกคน “ เจ เมื่อกี้กูพูดแรงไปเปล่าวะ ”

“ ก็แรง แต่นั่นมันก็คือความรู้สึกของมึงไม่ใช่เหรอ ” อีกคนตอบ ผมก็พยักหน้ารับอย่างรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ในตอนนั้นคนข้างกันก็พิงหลังลงกับเก้าอี้ที่นั่งก่อนจะเหลือบมองทั้งสองคนแล้วหันมาหาผม “ คนเรามันมีสิ่งที่ควรพูดแยกออกจากสิ่งที่รู้สึก แล้วเราก็เรียกสิ่งพวกนั้นว่า มารยาทในการพูด ซึ่งถูกกำหนดออกมาว่า นี่คือสิ่งที่คนดีควรทำ แล้วโดยเฉพาะกับผู้ใหญ่เราก็ควรนอบน้อม รักษาน้ำใจ และควรคิดถึงใจเค้าใจเราให้มากๆ แล้วความเป็นคนดีพวกนี้แหละ ที่ทำให้คนเราต้องนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ คนเราเลยมักถนอมใจคนอื่น โดยไม่คิดถนอมใจตัวเอง แล้วเมื่อกี้มึงก็แค่ถนอมใจตัวเอง มันก็แค่นั้น ”

“ กูแค่มานั่งคิดว่า เรื่องที่คุณอาเจอมันก็คงหนักอยู่แล้ว อยู่ๆลูกที่เป็นเด็กดี เชื่อฟังมาตลอดก็ก่อคดีฆ่าคนโดยเจตนา เค้าที่คงต้องไปโรงพักมาแล้วเพื่อไปยื่นประกันตัวไอ้จิง แต่ก็คงโดนคัดค้าน แล้วยังจะต้องมาขอโทษกู แล้วมาฟังกูพูดแบบนั้นอีก กูว่า กูก็พูดแรงไป ”

“ ความคิดสมกับที่เป็นมึง ” เจพูดแค่นั้นก่อนจะเอื้อมมือจับไหล่ผม “ แต่ไม่ต้องคิดมากหรอก มันเป็นสิ่งที่เค้าต้องเจอและก็รับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่เคยได้ยินเหรอวะ ลูกก็เหมือนต้นไม้ ปลูกอะไร ก็ได้กินอย่างงั้น ”

เวลานับชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตรงที่นั่งรอหน้าห้องมีน้องเดย์น้องอัยย์ที่กำลังเล่นเกมส์แข่งกันอย่างงเมามันส์แบบชนิดที่เรียกได้ว่าหัวชนหัว พ่อแม่ของจิงกลับไปแล้วเพราะต้องไปเยี่ยมจิงที่ถูกขังอยู่ที่โรงพักและตอนนี้เหมือนทางนั้นจะมีอาการหวาดกลัวจนต้องนำส่งโรงพยาบาล ส่วนเจบอกกับผมแค่ว่า จะออกไปทำธุระสักหน่อยเดี๋ยวกลับมาแต่ก็เหมือนจะหายไปสักพักใหญ่แล้ว

“ พี่เมดไม่หิวบ้างเหรอ ” น้องเดย์ยัดเยลลี่ใส่ปากพลางเคี้ยวแล้วถามผม ที่ก็ส่ายหน้าไปมา “ กินหน่อยเถอะน่า อะไรก็ได้ง่ายๆ “ ข้างล่างก็มีสตาร์บั๊คนะ แซนด์วิชสักชิ้นมั้ย น้องเดย์ไปซื้อให้ ”

“ ใช่ๆ พี่เมดควรกินอะไรบ้างนะ เดี๋ยวเฮียตื่น ดีใจจนไม่มีแรงล้มพับไป เฮียแม่งต้องกระโดดจากเตียงมาช่วยอีก จากนั้นแผลก็จะฉีก นอนไอซียูต่ออีกน่า เอาเหรอ ”

“ พวกมึงนี่นะ เป็นตุเป็นตะ ” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงอย่างยอมแพ้เพราะเผลอไปคิดตามจริงๆ “ งั้นพี่เมดไปหาอะไรกินหน่อยแล้วกัน เด็กๆจะเอาอะไรมั้ย ”

“ ไม่ครับผม ” ตอบอย่างพร้อมเพียงกัน ก็รู้อยู่แล้วละว่าต้องตอบแบบนี้ แค่มีเกมส์กับขนม ก็ไม่อยากจะลุกไปไหนหรอก ตอนกลางคืนต่อให้เป็นบาร์เทนเดออร์สุดเท่ห์ยังไง แต่ชีวิตจริงก็แค่เด็กน้อยธรรมดาที่ก็ยังมีมุมนิสัยไม่โตสักทีนั่นแหละ

ผมเดินลงไปชั้นล่างของตึกพลางมอบไปรอบๆเพื่อมองหาร้านน่ากินสักร้าน ผมตั้งใจจะกินอะไรง่ายๆและรวดเร็ว แต่ในตอนที่ยังคงช่างใจระหว่างสองร้านตรงหน้า ผมก็ต้องนิ่งไปในตอนที่เห็นผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคย


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ในวินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างมันหยุดนิ่งไป เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรกับตอนม.6 เลยสักนิด ทุกอย่างในวันเก่านั้นวนกลับมา ผมยังคงจำใบหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้นได้ดี แม้มันจะหล่อเหลากว่าตอนเป็นเด็กอยู่มากก็ตาม แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยทักทายอะไร มือที่ถือนมช็อกโกแลตขวดเดิมที่เคยโดนไหว้วานจากเพื่อนให้เอามาส่งให้ทุกเย็น ก็ยื่นมันมาให้ผมเหมือนอย่างเช่นวันนั้น

“ แต่รอบนี้เพื่อนเราไม่ได้ฝากมาให้นะ ” เอม คนส่งนมพูดออกแบบนั้น ผมเองก็หลุดยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยื่นมือออกไปรับมันเอาไว้ “ แล้วรอบนี้เพื่อนเราก็ไม่มีคำถามอะไรมาฝากถามแล้วด้วย แต่เรามีคำถามจะถามเมดอยู่นะ ”

“ ว่า ”

“ เป็นยังไงบ้าง ”

“ อยากตอบว่าสบายดี แต่ก็ไม่คงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ” ผมตอบอีกคนที่ก็ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“ เหี้ยจริงๆ คิดว่าจะมาเซอไพร์สมันสักหน่อย แต่เสือกมาตัดหน้ากันได้ ”

“ ตื่นขึ้นมา ก็ฝากจัดการให้หนักเลยนะ ”

“ แน่ใจนะว่าจะให้ทำน่ะ ” ไม่ได้ตอบอะไรอีกคน ผมแค่ก้มหน้าลงยิ้มเท่านั้น เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลกดีในตอนที่เรามาเจอกันอีกครั้งในตอนนี้ ผมพอรู้มาบ้างว่าเอมไปเรียนต่อเมืองนอก เพราะเคยถามกับบินว่าเพื่อนคนที่ส่งนมหายไปไหน แต่พอถามอะไรต่อมากกว่านั้นบินก็ชอบชวนไปคุยเรื่องอื่นทุกครั้ง

“ แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่ ”

“ กำลังหาของกินน่ะ เอมกินอะไรมายัง ไปกินอะไรกันมั้ย ”

“ ไปกินข้าวกับเมดสองต่อสองแบบนี้ ไอ้อาฟตื่นมามันจะฆ่าเอมมั้ยอะ ” อีกคนเอามือจับอกแล้วทำท่าครุ่นคิดจนผมต้องกลั้นยิ้ม

“ มีนิสัยขี้เว่อร์แบบนี้กันทั้งกลุ่มเลยเหรอวะ ”

“ ฮ่าๆ ” อีกคนหัวเราะผมก็ถามสิ่งที่อยากรู้

“ แล้วนี่เจคงไปรับมาใช่มั้ย เพราะเมื่อกี้เจบอกว่าขอออกไปทำธุระหน่อย ” นิ้วท่าถูกต้องนะครับชี้มาทางผมก่อนอีกฝ่ายพูดย้ำ

“ ถูกต้องนะครับ ”

“ แล้วเอมมีอะไรอยากจะกินเป็นพิเศษมั้ย ”

“ ไม่ครับ ” อีกฝ่ายส่ายหน้า “ เมดอยากกินอะไรก็เลือกเลย เอมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ”

“ งั้นแซนด์วิชง่ายๆแล้วกันนะ ”

“ โอเค ” เอมบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากที่ที่เรายืน “ สั่งของก่อนมั้ย เมดจะกินอะไร ”

“ แซนด์วิชแฮมชีส มัฟฟินช็อกโกแล็ต แล้วก็ช็อกโกแลตร้อนครับ ”

“ คาราเมลมัคคิอาโต้เย็นครับ ”

“ กินเหมือนอาฟเลยว่ะ ” ผมทักอีกคนก็ยักคิ้วรับ

“ เพื่อนกันมันจะต่างอะไรกันมากมายละครับ สไตส์มันก็ต้องคล้ายๆกันอยู่แล้วถึงจะคบกันได้ ” เอมบอกก่อนยิ้ม “ แต่ยกเว้นสเป็กคนที่ชอบอะนะ เพราะถ้าชอบเหมือนกันไอ้สัดอาฟฆ่าตายก่อนไม่ทันได้เป็นเพื่อนมัน ”

“ นี่ก็เว่อร์ ” บอกแบบนั้นเอมก็หัวเราะ

“ เอมว่าเมดน่าจะรู้ดีว่าไอ้เชี้ยอาฟเป็นยังไง โดยที่เอมไม่ต้องอธิบายจริงมั้ยครับ ” หลุดหัวเราะออกมากับคำพูดนั้น ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะโซฟาตัวที่ว่างอยู่

“ แล้วนี่เจอยู่ไหนวะ ”

“ ขึ้นไปเฝ้าไอ้สัดอาฟอยู่หน้าห้อง ICU แล้วครับ เมื่อกี้ตอนเดินขึ้นมาเห็นเมดยืนอยู่ไอ้เจมันเลยบอกให้เอมมานั่งคุยเป็นเพื่อนเมดหน่อย มันเห็นเมดซึมๆ ได้คุยเอมเผื่อเมดจะรู้สึกดีขึ้นมันว่างั้น  ”

“ งั้นเหรอ ”

“ เอมเลยต้องเดินไปซื้อนมนั่นมาไง กลัวเข้ามาทักแล้วจำกันไม่ได้ ” เชิดหน้ามาที่ขวดนมที่ผมถืออยู่ อีกคนก็ยิ้ม

มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนชวนให้ผมยิ้มจางๆออกมาอย่างรู้สึกดี โลกของผมเปลี่ยนไปก็ตอนที่อาฟเข้ามาในชีวิต ผมมีเพื่อนและน้องชายที่ดีเพิ่มขึ้น คนที่คิดถึงความรู้สึกของผม คนที่ห่วงใยกันด้วยความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะเกรงใจกันด้วยฐานะของผมที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของอาฟ

“ ขนมมาละ เอมไปหยิบให้นะ ” ไม่ต้องรอให้ตกลงคนอาสาก็ลุกขึ้นเดินออกไปเอาขนมให้อย่างรวดเร็ว เอมเดินมาเสิร์ฟให้ผม ที่ก็เริ่มมองของตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิ่มขึ้นมากะทันหัน “ ไม่กินละ ถ้ามันเย็นมันจะไม่อร่อยนะ ”

“ เหมือนจะอิ่มๆเลยวะ ”

“ ไม่ต้องอ้างเลย ซื้อแล้วต้องกิน ได้ข่าวยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะหมุนจานแซนด์วิชมาตรงหน้าผม

“ แล้วนี่เอมจะกลับมาอยู่ที่นี่กี่วัน ”

“ คงแค่สามอาทิตย์มั้ง ” ผมพยักหน้ารับอีกคนก่อนจะหยิบแซนด์วิชในจานขึ้นมากินอย่างไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ ในตอนนั้นเอมเองก็หยิบเอากาแฟตรงหน้าของตัวเองขึ้นมากิน แล้วจ้องมองผมยิ้มๆจนผมต้องยกคิ้วเชิงถาม แต่อีกคนก็แค่หัวเราะก่อนจะส่ายหน้า “ แค่ไม่คิดว่าไอ้อาฟจะได้คบกับเมดจริงๆน่ะ ”

“ ทำไมวะ กูกับมันดูไม่เข้ากันเหรอ ”

“ เปล่าๆ ” อีกคนส่ายหน้าก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “ ไม่ใช่แบบนั้น แค่เคยคิดว่ามันคงจะลืมเมดไปแล้ว  ไม่คิดว่าจะกลับมารักกันอีก แต่ก็นะ ใครมันจะลืมรักครั้งแรกของตัวเองได้วะจริงมั้ย ” เอมยิ้มให้ผม “ รู้มั้ยว่าเอมยังจำวันนั้นได้อยู่เลยนะ แล้วก็ยังรู้สึกผิดมากๆอยู่เลย ขอโทษนะเมด ”

“ รู้สึกผิดอะไรวะ ไม่ต้องขอโทษเลย ไม่ใช่ความผิดของเอมหรอก ”

“ ไม่ต้องปลอบหรอก ” อีกคนบอกปัด “ ถ้าตอนนั้นเอมไม่ได้นิ่ง แล้วบอกออกไปว่านมนั่นเป็นของไอ้อาฟ เรื่องอาจจะไม่เป็นแบบนี้ เอมทำเพื่อนตัวเองเสียใจ เมดก็ด้วย ” สายตาหนักใจขัดแย้งกับรอยยิ้มส่งมาทางผม “ ถ้าวันนั้นเอมเลือกที่จะพูดอะไรสักอย่าง เช่นคำว่า ไม่ใช่นะเว้ย นั่นของไอ้อาฟเพื่อนกู หรือว่าอะไรสักอย่างก็ได้ที่คัดค้านออกมา ตอนนี้เมดอาจจะมีความสุขกว่านี้จริงมั้ย ”

“ อาจจะไม่จริงก็ได้ ” ผมบอก “ คนเรามันขัดแจ้งว่ะว่ามั้ย  “

“ ยังไงครับ ”

“ คือก่อนหน้านี้เมดก็คิดนะ ว่าถ้าตอนนั้นรู้ความจริงทั้งหมดก็คงมีความสุขกว่านี้ไปแล้ว ไม่ต้องเจอเรื่องเหี้ยๆแบบที่กำลังเจออยู่ แต่พอมาคิดดูอีกที ตอนนี้อาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะตอนนั้นอาฟนิสัยเป็นแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เมดเองจะเป็นคนที่เข้าใจในตัวมันได้อย่างที่เข้าใจตอนนี้มั้ย  พอมาคิดๆแล้วมันเหมือนว่าพอเราโตขึ้น เราเจออะไรเหี้ยๆในชีวิตมากขึ้น มุมมองเรามันก็เปลี่ยนไป เราปรับตัวที่จะไม่คาดหวังกับความสมบูรณ์ แล้วเลือกเอาแค่พอดีกับตัวเรา บิดเบี้ยวบ้างก็ช่างมัน เพราะเราก็เข้าใจแล้วว่า ความรักมันไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด ”

“ งั้นเหรอ ”

“ แล้วอีกอย่าง เรื่องที่เกิดมันก็ไม่ได้แย่เสมอไปหรอก เพราะมันก็มันให้เมดกับอาฟรู้จักกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้นแล้วก็ปรับตัวกันได้มากขึ้นผ่านปัญหาเหล่านั้น ” ผมยิ้ม “ เอาเข้าจริงๆ มันก็บอกไม่ได้หรอกว่าเรื่องในอดีต มันดีแล้วที่เกิดขึ้นหรือว่ามันไม่ดี แต่สิ่งที่บอกได้ก็คือ วันนี้ที่เป็นอยู่ มันดีที่สุดแล้วละ ” เอมยิ้มให้ผม มันก้มหน้าลงแล้วยิ้มกว้างขึ้นจนผมต้องเอียงหน้ามองตามอย่างสงสัย “ ยิ้มอะไรขนาดนั้นวะ คำพูดโดนใจเหรอ ”

“ เมดโตขึ้นนะ ” อีกคนบอกตอนที่เงยหน้าขึ้นมา “ สมัยที่เอมเอานมไปส่งเมด ตอนนั้นเมดเป็นเด็กใสๆมากเลย เมดที่ชอบรับนมจากเอมด้วยท่าทางอายๆเหมือนจะมุดดินหนี หูเมดจะแดง แก้มก็แดง แล้วก็ชอบเหลือบมองไปรอบๆ เหมือนหาเจ้าของนมตลอด ยังจำเสียงอ้อมแอ้มที่ถามว่า แล้วเมื่อไหร่จะรู้ว่าเป็นใครละ ได้เลย ตอนนั้นโคตรน่ารักเลยรู้มั้ย ”

“ เหรอ แบ๋วๆใสๆละเนอะ ฮ่าๆ ” ผมหลุดหัวเราะออกมา

“ แต่วันนี้พอมาฟังเมดพูด เมดโคตรขึ้นเลยวะ มีเหตุผลขึ้นด้วย ”

“ กว่าจะมาถึงตรงนี้บอกเลยว่า พี่เจ็บมาเยอะ ” เอมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังในตอนที่ผมเล่นมุขนั่น “ ตอนที่มาคบกับอาฟแรกๆ ตอนนั้นก็โคตรอ่อนแอเลย เมดทำให้มันเจ็บตั้งเยอะ ทั้งคำพูดแล้วก็การกระทำด้วยนะ พอมาคิดว่าคนคนนึงที่รักเรามาตลอดต้องมาเห็นเราเจ็บปวดกับคนรักเก่าทั้งๆที่ที่ตรงนั้นมันคือที่ของเค้าที่ถูกแย่งไป แล้วก็ต้องมาฟังคำพูดอะไรก็ไม่รู้ ไหนจะการกระทำสิ้นคิดอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสงสารมัน ”

“ อย่าพูดเหมือนไอ้อาฟมันต้องทนเมดอยู่ฝ่ายเดียวอย่างงั้นสิวะ ”

“ ก็...”

“ เอมรู้จักอาฟดี มันปากหมาจะตายห่า ไม่นับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมัน ที่ก็โคตรเหวี่ยงไปมา แถมตอนโกรธก็ยังร้อนสุดๆ แล้วแบบนั้นเมดจะเถียงเหรอ ว่าเมดไม่ได้ใช้ความอดทนแล้วความเข้าใจว่าไอ้อาฟมันเป็นแบบนั้น ”

“ ก็ใช้ ” ผมตอบเสียงเบา

“ มันเสียเวลานะ ถ้าเราจะมานั่งคิดหรือนั่งเปรียบเทียบว่าแฟนเราดีกับเรามากขนาดนั้น ขนาดนี้ เก็บไว้ในใจเถอะ แล้วรักเค้าอย่างที่อยากรักไปน่าจะดีกว่า ไม่ต้องมีเท่ากันไปหมดหรอก เท่ากันไป หรือเหมือนกันไป ก็ใช่ว่าจะดีนะ โดยเฉพาะนิสัย”

“ เหรอ ”

“ อย่างไอ้อาฟกับเมดนิสัยก็ต่างกันสุดขั๋วเลยไม่ใช่เหรอ เคยคิดบ้างมั้ยวะ ว่าแบบนี่เราสองคนเข้ากันได้ยังไงวะ คนนึงโคตรร้อนอีกคนก็โคตรเย็น ”

“ ก็เคยคิดนะ ”

“ แล้วได้คำตอบมั้ย ”

“ คิดว่ามันคือการลดหย่อนผ่อนปรนกันน่ะ คือถ้าร้อนกับร้อนแม่งก็พังดิ ”

“ อย่างที่คิดนั่นแหละ ถ้ามันร้อนทั้งคู่ตอนทะเลาะกันก็มีแต่ตายกันไปข้างนึง ไม่มีใครยอมใคร แล้วแบบนั้นรักมันก็ไปกันไม่รอดหรอก เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะเอาชนะกัน เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว สมบูรณ์แบบมากเลยรู้มั้ย ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ” อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดูด “ เห็นเมดแบบนี้แล้วคิดถึงสมัยเรียนม.ปลายเลย เอมยังจำวันที่ไอ้อาฟเจอเมดครั้งแรกได้เลยนะ วันนั้นมันเอาแต่ยืนนิ่งมองเมดตาไม่กระพริบเลย จนเอมถามมันว่า ‘ ชอบเหรอวะ ’  แต่ไอ้สัดนั่นก็บอกแค่ว่า ‘ เสือก ’ ฮ่าๆ ”

“ ตอบสมเป็นสัดอาฟ ”

“ แล้วตอนนั้นเอมก็บอกว่า งั้นเดี๋ยวกูไปถามชื่อให้ แต่พอวิ่งข้ามถนนไปถามให้ไอ้สัดนั่นก็โคตรป๊อดแม่งเดินไปหาไอ้เจเฉยเลย สงสัยจะกลัวเมดรู้ว่าเป็นมัน ” เอมยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “ แล้วพอเดินกลับไปหามันนะ ตอนเอมบอกมันว่าชื่อเมด มันพูดด้วยนะว่า แค่ชื่อยังน่ารักเลย ”

“ เดี๋ยวนะ ” ผมเบรกอีกคน ก่อนจะพิงหลังลงกับเก้าอี้ตัวที่นั่งแล้วเอามือปิดหน้า “ กูว่ากูเขินแล้วว่ะ ”

“ ฮ่าๆ มีให้เขินมากกว่านี้อีก ” เอมบอกผมก็ลดมือลง “ เมื่อก่อนตอนเอานมไปให้เมด มันจะฝากถามใช่มั้ย ว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง แล้วเคยมีอยู่วันหนึ่งนะ เมดบอกไม่สบาย ปวดหัว จำได้มั้ย ” ผมส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้อีกคน “ วันนั้นไอ้อาฟไปส่งเมดจนถึงบ้านเลยนะ ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม แต่พอถามไอ้เหี้ยนั่นก็บอกแค่ว่า กูกับไอ้เดย์แค่ไม่อยากกลับบ้านเร็ว ก็เลยจะไปเดินเล่นที่ห้างสักหน่อย สุดท้ายความแตกเพราะไอ้เชี้ยเดย์มาแฉว่าเมื่อวานโดนพี่ชายตัวเองทิ้งให้กลับบ้านคนเดียว ”

“ ป๊อดจริงๆเลยวะ คนอะไรวะ ไม่สมกับเป็นพี่อาฟเตอร์เจ้าของผับ throw up เลย ”

“ สมัยเกรียนก็เงี้ย ” เอมบอกก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ แล้วมันเคยลงเรียนพิเศษที่เดียวกับเมดด้วยนะ ก็ลงทุกรอบ แค่เมดบอกว่าเมดเรียนอะไร แม้มันจะเก่งจะเข้าใจอยู่แล้ว มันก็ยังไปลงเรียน ”

“ ประสาท ” ผมส่ายหน้าไปมากับไม่กล้าของมันในตอนนั้น เป็นความรู้สึกที่ทั้งขำทั้งหงุดหงิด “ แต่ที่จำได้แม่นเลยคือมีครั้งนึงอาฟไม่ได้ถามอะไรเอมมา แค่ฝากกระดาษมาให้แผ่นนึง ตอนนั้นดีใจมาก เพราะคิดว่าคงให้ไลน์มั้ง เมดก็คิดว่าคงได้คุยกับมันแล้วละ แต่สุดท้ายแม่งเป็นโจทย์เลขอะ แล้วก็เขียนว่า ตอบอะไรวะ ”

“ อ๋อ อันนั้น แต่เมดก็ส่งกลับไปนี่ แล้วส่งคำตอบกลับไปเหรอวะ ”

“ เออ คำตอบ ” ผมพยักหน้ารับ “ แต่ก็เขียนไปด้วยนะ เขียนว่า ถ้าไม่เข้าใจแอดไลน์มานะ แล้วก็ใส่ไลน์ไปด้วย เบอร์โทรด้วย ”

“ เฮ้ย อันนี้ไม่รู้เลย แม่งเปรี้ยววะเมด ”

“ แต่แม่งก็ไม่แอดมานะ ” เอมทำหน้างง ผมก็พยักหน้ารับ “ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมมันไม่แอดมา สงสัยจะเก็บไว้แทงหวย ”

“ ฮ่าๆ ”

“ นี่ พอเอมมาถามก็นึกขึ้นได้ เดี๋ยวมันหายดีจะเอาเรื่องมันสักหน่อย ”

“ จัดการให้หนักๆเลยนะ ” อีกคนบอกก่อนจะยิ้มกว้าง “ ดีใจว่ะ จริงๆนะ ดีใจที่วันนี้ไอ้อาฟได้คบกับเมดจริงๆ เอมยังจำวันนั้นได้เลย จำได้ว่าชั่วโมงพละมั้ง แล้วอาจารย์ไม่มาเราเลยว่าง ไปเล่นกันที่สนามบาสตรงสนามนอก แล้วตรงนั้นมันมีอัฒจันทร์ที่จะหันออกไปฝั่งโรงเรียนเมดพอดี เอมกับไอ้อาฟนั่งด้วยอยู่กันเพราะขี้เกียจเล่น เอมถามมันว่า ทำไมไม่บอกเมดสักทีว่า มันคือคนที่ชอบ แล้วรู้มั้ยมันบอกว่าอะไร ” ผมส่ายหน้า “ มันบอกว่า มันกลัวว่าถ้าบอกไปเมดแล้วจะไม่ชอบมัน แล้วเมดจะรู้สึกไม่ดี เพราะมันก็แค่อยากเห็นรอยยิ้มของเมดในทุกวันเท่านั้น มันเลยไม่อยากบอก ”

“  ไอ้บ้าเอ้ย ” ผมพูดออกมาในตอนที่ก้มหน้ามองมองช็อกโกแลตร้อนตรงหน้าที่ตอนนี้กลายเป็นอุ่นไปแล้ว “ ทำไมกูจะไม่ชอบ ตอนนั้นกูชอบมึงจะตายอยู่แล้ว ป๊อดไม่เข้าท่าเลยไอ้สัด ”

“ นั่นน่ะสินะ ”

“ แต่ว่า อาฟก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยเนอะ”

“ ยังไงวะ ”

“ เอมบอกว่าเมดโตขึ้น แต่ทำไมเมดว่าอาฟมันไม่เปลี่ยนไปเลยว่ะ ” ผมเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้อีกคน “ เมื่อก่อนเคยรักเมดยัง ตอนนี้มันก็ยังรักเมดอย่างงั้น ”

“ อื้ม ถ้าเป็นเรื่องนี้ อาฟมันไม่เคยเปลี่ยนไปจริงๆว่ะ ”

“ พี่เมด! ” เสียงเรียกชื่อผมของน้องเดย์ที่วิ่งเข้ามาในร้านกาแฟทำให้ทั้งผมกับทั้งเอม แม้แต่คนอื่นที่นั่งอยู่หันไปมองเป็นตาเดียว แววตาของคนเป็นน้องสั่น แรงหอบหายใจแรงๆนั่นชวนให้ทุกอย่างเงียบกริบ ก่อนที่อีกคนจะพูดออกมา “ สัดพี่ ฟื้นแล้ว ”

“ อาฟ ” ลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ก่อนจะออกวิ่งไปตามทางอย่างไม่สนใจคนที่มองมา ผมเข้าไปในห้อง ICU. ก่อนจะใส่เสื้อผ้าด้วยความร้อนรนแล้วตอนที่พ้นประตูนั่นคนที่เคยนอนนิ่งตรงเตียงก็หันมามองกันด้วยรอยยิ้มชัดเจนแบบที่ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจแต่อย่างใด

ผมไม่รู้ว่าน้ำตาของผมไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหน บางทีอาจจะไหลออกมาตั้งแต่ตอนที่วิ่งมา หรืออาจจะตอนที่เห็นว่ามันลืมตาตื่นขึ้นมามองกันได้แล้วก็เป็นได้ ขาของผมก้าวเดินออกไปหามันด้วยความเชื่องช้า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงแล้วในตอนนั้น คนป่วยปากดีคนเดิมก็เอ่ยบอก

“ ว่าไง ไอ้ซาลาเปาไส้หมูแดง  ” ก้มหน้าลงไปกอดมันไว้ในตอนนั้นโดยที่ไม่ตอบอะไร น้ำตาที่ไหลออกมามากมายของผมเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังจนรบกวนคนอื่นๆแต่ตอนนั้นความมีมารยาทใดก็ไม่ได้เข้ามาในความสมองของผมทั้งสิ้น มีแค่ความโล่งใจที่ทำได้แค่หลั่งน้ำตาออกมาอยู่แบบนั้นอย่างห้ามไม่อยู่ มันไหลจนเปียกปอนเสื้อคนป่วยไปหมด จนคนป่วยนอนอยู่นั้นต้องยื่นมือมาลูบหลังปลอบกัน “ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง แต่กูไม่เป็นไรแล้วเมด เลิกร้องไห้ได้แล้ว ” ดึงตัวเองขึ้นมองใบหน้าคมที่ก็ยังคงยิ้มมองกัน อาฟดึงมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่แก้มผมก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากแล้วตอนนั้นอีกคนก็บอกคำพูดที่ทำให้อุ่นไปทั้งใจ “ มึงก็น่าจะรู้ ว่ากูไม่มีวันทิ้งมึงไปไหนหรอก ”

.................................................................

ก็คิดนะ ว่ามันจะจบทั้งหมดในตอนเดียว
แต่พอเขียน ก็ได้เข้าใจว่า อ๋อออ เนื้อหาที่ต้องทำเยอะมากจนไม่สามารถเขียนได้หมด
เราเองก็พยายามบีบเนื้อหา แต่ก็รู้สึกว่า ถ้าตัดไปมันจะไม่สนุก เลยตัดสินใจเขียนทั้งหมดเลย
เพื่อความเต็มอิ่มนี้
เพราะฉะนั้น เอาจุดหนึ่งไปก่อน จุดสองจะตามมาในอาทิตย์หน้านะคะ
ยังเหลืออีกหลายคนที่ คนอ่านก็คงต้องคิดเนอะ ว่าเรื่องราวของเค้าจะเป็นยังไงในท้ายที่สุด
เพราะงั้นจะได้อ่านแน่นอน

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
อารมณ์สวิงมาก! เครียด กดดัน ยิ้ม และดีใจ คือแบบอินตามหนูเมทมาก!

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ดีใจที่ปลอดภัย อาฟเก่งอยู่แล้ว

ขอบคุณเอมที่กลับมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในครั้งกระโน้น

เรื่องของจิง เราอยากให้เป็นไปตามกฎหมาย ผิดก็ว่าไปตามผิด

แต่เราอยากรู้ว่าถ้าพ่อแม่ของอาฟรู้จะเป็นยังไงบ้าง พ่อแม่ก็คือพ่อแม่ ห่วงใยแน่นอน แม้ไม่มีบท ก็เชื่อว่า อาฟเอาอยู่

สนุกมากๆ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
เอมบอกยังเขินขนาดนี้...แล้วอาฟฟื้นแล้วแบบนี้เมดเขินหนักแน่ๆ

อาฟเก่งอยู่แล้วเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
อาฟฟื้นแล้ว   :katai2-1: :katai2-1:   ในที่สุดเอมก็มาแม้จะช้าไปหน่อย


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อิจฉาอาฟนะมีเพื่อนๆและน้องดีแถมคนรักก็น่ารักอีก อาฟคนเหล็กฆ่าไม่ตาย :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อาฟ ยังไงก็เป็นอาฟ.......
ที่ปากแข็ง ปากร้าย ........
ในอดีตไม่กล้าเข้าหาเมด คนที่ตัวเองชอบ
แต่อาฟ เป็นคนที่รักปักใจ  รักจริง ไม่ลืมรักครั้งแรก
นี่ถ้าเมดไม่ขับรถเฉี่ยวรถอาฟ
คงไม่มีทางมารักกันได้   :z3: :mew2: :เฮ้อ:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อาฟเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น
ความเซอร์ไพรส์ในการกลับมารวมกันของเพื่อนๆ

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
โล่งอก อาฟฟื้นแล้ว อ่านตอนนี้แล้วอบอุ่นจัง เอมกลับมาได้มานั่งคุยกับเมด เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปเลย ฟังที่เอมเล่าโอย อบอุ่นมากๆ ...ยังเหลือด่านคุณแม่ของอาฟอีกอ่ะ อย่าให้มีอะไรเลยน๊า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ในที่สุดเอมก็มาเสียที ถึงบทจะน้อย แต่ก็สำคัญนะเอม  o13

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดีใจที่อาฟปลอดภัยค่ะและดีใจมากที่กามเทพกลับมาหาเพื่อนรักทั้งสอง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณอารยะ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ่าา ไม่ต้องรอเอมแล้วนะ นมช็อคโกแลตเฉลยออกมาแล้ว :mc2: :mc3:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอ้โห จิง  :z6: พ่อแม่ก็มีส่วนนะที่กดดันแบบนั้น

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไม่ตัดออก ดีแล้วค่ะ เราชอบ 5555

โอยยยย บีบหัวใจ ทั้งที่รู้ว่าจะปลอดภัย
สงสารเมดจับจิตจับใจเลย ต่อหน้าต่อตาน่ะ
แล้วยังมาไม่ฟื้นอีก จะให้สบายใจเลย มันยาก

เมดไม่ผิดหรอก ที่บอกกับพ่อแม่จิงแบบนั้น
ก็คนไม่รู้สึกแบบนั้จะให้บอกแล้วจบไป ก็ทำไม่ได้

เจ เดย์ อัยย์ คือดีมากจริงๆ เป็นเพื่อนเป็นน้องยามสุขและทุกข์
เจพูดได้ดีนะ เรื่องเมดคุยกับพ่อแม่จิง และส่งเอมมาช่วยเมดได้ด้วย

เจกะจะเซอร์ไพรส์ แต่เจอเซอร์ไพรส์กว่าไปอีก
แล้วดูเจ เดย์ อัยย์ หลอกล่อเมดสิ เอ็นดู

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เอมแม่งต้องมีคู่ว่ะ

เพื่อนดีๆแบบนี้เนื้อคู่ต้องงอกออกมา

น้องเดย์น้องอัยย์จัดไป1คน

เย้ๆๆๆ สัดพี่ฟื้นแล้วเว๊ย~~~~

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1



จิงเล่นบทโหดไปหน่อยอ่ะ กะเล่นถึงตาย เก็บกดและกดกัดสุดๆ

เมดพูดไปตามความรู้สึกกับพ่อแม่จิงแบบนั้นน่ะดีแล้ว เพราะจิงเองก้ออาจพูดได้ไม่เท่าเม็ด

แบบที่เจบอก.  ปลูกอะไรได้อย่างนั้น

เห็นเอมกลับมาตอนท้าย มาระลึกความหลังสมัยเป็นmassenger ให้อาฟนี่น่ารักจริงๆ

อาฟเป็นอะไรไปไหนไม่ได้หรอกนะ รักเมดมานานมากและรักมากขนาดนี้

วุ้ย. ใครว่าฉากเศร้า. เขาว่าฉากฟินออก 555


 :o8:  :-[  :impress2:  :man1:  :กอด1:  :L2:  :3123:  :n1:


………

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอมมาแล้ว อาฟก็ฟื้นแล้วว แงงงงงงงงงงงงงง
ตามมาดูทุกวันเลยนะคะ TTT

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตอนนี้เป็นตอนทีี่อารมณ์ขึ้นๆลงๆมากเดี๋ยวน้ำตาไหลเดี๋ยวหัวเราะสลับกันอยู่แบบนี้ แต่ดีใจอาฟตื้นแล้วแถมเมดยังได้รู้ความลับของอาฟอีก ฮือๆร้องไห้ดีใจแบป :hao5:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ตอนนี้เป็นตอนที่รวมทุกอารมณ์จริง ดีใจจังอาฟฟื้นแล้ว

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นครึ่งตอนที่อึมครึมมาก โคดีที่เอมมาแล้วห็ดีใจที่อาฟปลอดภัยแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด