( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 488583 ครั้ง)

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
พี่อาฟฟฟฟฟ ปลอดภัยแล้วเนอะ (ToT)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนนี้คือมีทุกอารมณ์เลย เศร้า ร้องไห้ อึดอัด โกรธ ดีใจ ปริ่ม ชอบที่พี่อาฟบอกว่าไม่ทิ้งเมดอยู่แล้ว :กอด1:

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ชอบมากเลย
พออ่านเรื่องเก่าๆ ที่เล่าให้ฟังกัน
แล้วรู้สึกดีอ่ะ
เข้าใจถึงความรัก แต่การรอคอยมากเลย

ได้ข้อคิดดีๆ จากเรื่องนี้เยอะเลย

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือออออออออออ ร้องไห้อีกแล้ว 

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โล่งอก นึกว่าจะมีม่าไรเพิ่มอีก

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
รักเลย
 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ผิดก็ว่าไปตามผิด  :เฮ้อ:
แต่เรื่องนี้สนุกมากค่ะ อ่านจากที่อื่นมาแน้วว
เพิ่งเห็นว่ามีในเล้าด้วย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
มารออาฟกับเมดค่ะ

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
มารอจ้า  :katai5:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ultraman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เข้ามารอสัดพี่อาฟ กับ ซาลาเปาใส้หมูแดง

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาลที่ค่อนข้างครึกครื้นรอบเตียงของผู้ป่วยที่เพิ่งถูกย้ายมา ตอนนี้รายล้อมไปด้วยทั้งเพื่อนทั้งน้องที่ก็ขยันพูดขยันคุยกันแบบเสียงดังอย่างไม่เกรงใจห้องข้างๆ แม้จะมีผมคอยบอกให้เบาเสียงหน่อย แต่ก็เหมือนจะเบาลงแค่ตอนที่เตือน เพราะพอได้คุยกันก็ลืม แล้วเสียงนั่นก็ดังขึ้นมาใหม่ แต่ถึงอย่างงั้นก็ต้องยอมรับว่า เพราะสถานการณ์มันชวนให้มีความสุขมากกว่าความรู้สึกอื่นใดในตอนนี้  เรามีแค่ความยินดี ที่ถึงแม้ว่าผมจะทำได้แค่นั่งมองภาพเหล่านั้นจากมุมโซฟาเงียบๆ เพราะไม่สามารถแทรกพูดเข้าร่วมบทสนทนาได้เลยก็ตาม 

“ แล้วนี่มึงกลับมาอยู่ไทยกี่วัน ” อาฟเอ่ยถามเอมที่กำลังยืนกอดคอน้องเดย์อยู่ในตอนนั้น อีกฝ่ายก็ยิ้มตอบ

“ คงสักสามอาทิตย์ ”

“ หาวันว่างสักวันไปแข่งรถกันด้วยนะพี่มึง ” คนถูกชวนพยักหน้ารับคำพูดของน้องคนที่ยืนกอดคออยู่ แล้วตอนนั้นอาฟก็เสริม

“ ไว้กูเลี้ยงเหล้า ” คำพูดของคนป่วยทำให้ผมเหลือบมอง และมันก็เป็นจังหวะเดียวกันพอดีที่เอมหันมามองผม

“ พูดอะไรถามเมดก่อนมั้ยเอ่ย พอมึงบอกจะกินเหล้า แม่งหันมามองกูตาเขียวปั๊ดเลย ” เอมว่าแบบนั้นทุกคนก็หันมามองผม

“ มึงก็เว่อร์ ” เอ่ยบอกปัดไป ในตอนนั้นเจก็หันมายิ้มแซวก่อนจะพูดล้อ

“ พูดออกมาเลยครับคุณเมดว่า ห้ามแดก ”

“ กูไม่ได้คิดจะพูดเลย ”

“ แต่ก็รู้สึกกกกกก ” น้องอัยย์พูดเสริม เจก็หันไปจับไหล่น้องแล้วทำท่าทางอธิบายอย่างจริงจัง

“ มึงก็ต้องเข้าใจ คนเค้ามีแฟนค่อยเป็นห่วง เพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็หวังอยากจะให้ร่างกายของคุณแฟนพักผ่อนเต็มที่ก่อน ร่างกายฟื้น 100% ก็ค่อยว่ากัน ”

“ อ๋อออ คนเป็นแฟนเค้าชอบพูดไม่ตรงกับใจกันเหรอวะ ” เอมพูดรับมุกของเพื่อนสนิท พลางยกมือขึ้นชี้ที่ขมับทำท่าคิดด้วยหน้าตาที่ผมอยากจะเรียกว่า ‘ ท่าตอแหล ’  “ พอดีเอมไม่มีแฟนอะครับ เอมเลยไม่ค่อยเข้าใจ ”

“ น้องเดย์ก็ไม่มีแฟน น้องเดย์ก็ไม่เข้าใจอะครับ ” น้องเดย์ทำตามเพื่อนพี่ชาย ในตอนนั้นน้องอัยย์ที่เหลืออยู่ก็เอากับเค้าด้วย

“ น้องอัยย์ก็ด้วยครับ ”

“ ส่วนกูก็อยากจะถีบพวกมึงจริงๆเลยอะครับ ” ผมบอก ทุกคนในห้องก็หัวเราะออกมายกเว้นอาฟที่แค่ยกยิ้มมองผม ก่อนจะหันไปบอกเพื่อน

“ พวกมึงออกไปได้แล้วไป ”

“ อยากจะฟัดเมียใจจะขาดแล้วใช่มั้ย กูดูออก ” เจบอก แต่แทนที่คนป่วยจะปฎิเสธ อาฟแค่ยักคิ้วยอมรับไปก็เท่านั้น เป็นท่าทางที่ชวนให้คนรอบเตียงโห่แซวออกมาจนผมต้องหันสายตาไปมองทางอื่นแล้วสบถอยู่ในใจ

‘ ไอ้Kเอ้ย ’

“ เป็นคู่รักที่ร้อนแรงจริงๆเลยอะครับ แอร์โรงพยาบาลแม่งก็เอาไม่อยู่แล้วในจุดนี้ ” น้องอัยย์พูดก่อนที่น้องเดย์จะเสริมต่อ

“ แม่งก็ร้อนแรงมาตั้งแต่ ICU แล้วมั้ยละสัด เค้าน๊วบๆกันใหญ่เลยน้า ตอนนั้นน่ะ ”

“ ไม่ใช่แค่มึงที่เห็นมั้ย เพราะเค้าก็เห็นกันทั้ง ICU. ” เจหันมาเหล่มองผม “ โชคดีแค่ไหนที่ปู่เตียงข้างๆไม่ตื่นหันมาเจอ แล้วหัวใจวายตาย  ”

 “ พวกมึงแม่ง ” พูดเสียงเบาเพราะไม่รู้จะเถียงยังไง ก็ทุกอย่างมันจริงอย่างงั้น

ผมยอมรับว่าตอนนั้นมันไม่ทันได้คิดอะไรจริงๆ มีแค่ความรู้สึกดีใจมากที่อาฟฟื้น ก็เลยร้องไห้ออกมาแบบไม่เกรงใจใครแถมยังเผลอไปจูบดูดดื่มกันต่อหน้าทุกคนที่ล้อมอยู่รอบเตียงอีกต่างหาก มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พยาบาลเดินเข้ามาแล้วบอกว่าจะย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องพิเศษนั่นแหละ ผมถึงได้สติเต็มที่

ตอนนั้นบอกได้เลยว่า แทบไม่รู้ว่าต้องเอาสายตาตัวเองไปมองอะไร เลยทำได้แค่ก้มหน้าลงแล้วลุกขึ้นจากเตียง แถมตอนที่เผลอหันไปมองตาทุกคนเข้า ผมก็เห็นแค่เห็นรอยยิ้มแซวๆที่กำลังเม้มริมฝีปากไว้แน่น และพอจะพูดอธิบายอะไรออกไป ปากมันก็เอ่ยแบบจับใจความอะไรไม่ค่อยได้ แก้มเองก็แดงจัด  ‘ คือมันแบบว่านะ คือพวกมึง... ’ 

เสียงติดๆขัดในตอนนั้นน้องเดย์ก็ส่ายหน้าบอก ‘ พวกเราไม่เห็นหรอกพี่เมด ’ คำพูดมาพร้อมท่าทางกลั้นยิ้มที่ดูออกเลยว่าตอแหล แล้วนั่นก็ยิ่งเรียกเลือดทั้งร่างให้ขึ้นมากองรวมกันอยู่บนหน้าผมแบบไม่ยาก หนำซ้ำเจเองก็ยังพูดซ้ำ ‘ ไม่เป็นไร พวกกูเข้าใจแหละว่ามึงดีใจ ’

“ อย่าแกล้งเมด ”  แล้วเสียงของอาฟก็พูดขึ้นในตอนนั้นเพื่อช่วยผม  เป็นเหมือนกันกับตอนนี้ไม่มีผิด แต่ทว่าก็เหมือนเดิม ในสถานการณ์แบบนี้ คำนั้นก็เป็นแค่คำเรียกเสียงโห่แซวให้ดังขึ้นมาอีกรอบมากกว่า

“ กูว่ามันมีคนอยากอยู่ด้วยกันแบบสองต่อสองว่ะ ” เจพูดขึ้นหลังจากเสียงโห่เบาลง

“ รู้ตัวก็ดี ” บอกแบบนั้นทุกคนก็โห่ออกมาอีกครั้ง

“ จ้า ไปเดี๋ยวนี้แล้วจ้า พวกกูนี่มันช่างเป็น ก ข ค จริงๆเลยยยย ” เอมบอกเพื่อนตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ งั้นพวกกูไปหาอะไรกินก่อน จะได้ไปทำงานอีก ” เจพูดขึ้นอาฟก็หันไปพยักหน้ารับ

“ ฝากงานที่ผับด้วยมึง ”

“ ไม่ต้องห่วง ” ยักคิ้วให้คนป่วยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ “ มึงก็หายไวๆแล้วกันไอ้หน้าเหี้ย ไว้พรุ่งนี้กูมาเยี่ยมใหม่ ”

“ อื้ม ”

“ แล้วเจอกันนะครับเพื่อนอาฟ ” เอมบอก ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ ส่วนทางนี้ก็อย่าไปตามใจไอ้สัดนี่ให้มากนักนะครับ เดี๋ยวเพื่อนผมจะนิสัยเสียแล้วเอาแต่ใจกับคุณมากไปกว่านี้ ”

“ เสือก ” ไม่ต้องรอให้ผมพยักหน้ารับ คนป่วยก็เป็นคนตอบขึ้นก่อน

“ ไปนะสัดพี่ พรุ่งนี้มาใหม่ ” น้องเดย์บอกก่อนจะตามด้วยน้องอัยย์

“ ไปละนะเฮีย ”

“ ขับรถกันดีๆ แล้วก็ตั้งใจทำงานด้วยนะ ” ผมบอกน้อง ทั้งสองคนก็ขานรับพร้อมกัน

“ ค้าบบบบบบ ”

ความเงียบเชียบกลับเข้ามาพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง ราวกับพายุลูกใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ผมเผลอถอนหายใจออกมายิ้มๆก่อนจะหันไปมองคนป่วยที่ก็ยื่นมือมาให้ในช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นการบอกใบ้ให้เดินเข้าไปหา ผมดึงตัวเองขึ้นจากโซฟาทันทีอย่างไม่รีรอ แต่ก่อนจะได้เอ่ยถามอะไร อาฟก็แค่คว้าเข้าที่แขนแล้วก็ดึงให้นั่งลงบนเตียงตรงข้างตัว

“ มีอะไร ” ผมเอ่ยถามแต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรทั้งนั้น คนป่วยปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างเงียบเชียบแต่ทว่ามันกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด คงเพราะสายตาที่กำลังมองมาพร้อมรอยยิ้มจาง และฝ่ามือที่จับกันอยู่ก็เหมือนจะถูกกุมไว้หลวมๆ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะใบหน้าที่กำลังลดลงแล้วเอียงเข้ามาจูบกันเบาๆที่ริมฝีปาก

ทุกอย่างถูกลำดับเป็นขั้นตอนราวกับกำลังโดนบอกรักด้วยคำพูดหวานๆ  แต่ทว่านี่คือ รักที่ไร้ซึ่งคำพูดใด แต่เป็นเพียงแค่การกระทำทั้งหมดที่กำลังแสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมาของผู้ชายที่ชื่อ อารยะ

 ริมฝีปากบางจูบผมซ้ำๆก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจในตอนที่ผละออกมาสบตา อาฟจูบย้ำลงไปอีกครั้ง อย่างไร้การลุกล้ำดูดดื่ม  จูบแนบชิดที่เนิ่นนานจนฝ่ามือที่กุมกันไว้นิ่งเริ่มเคลื่อนขึ้นมาจับที่แก้มของผม แก้มที่อีกคนชอบหอมในตอนตื่นเช้า นิ้วโป้งเกลี่ยมันเบาๆ ช่างเป็นการกระทำอบอุ่นที่ชวนให้ดึงหน้าเข้าซบอย่างเผลอไผล

แล้วในตอนที่ผมหลับตาลง จูบที่นิ่งค้างไว้นั้นก็เปลี่ยนตัวเองให้เริ่มขยับเผยอเปิดริมฝีปากขึ้นเพื่อตอบรับเรียวลิ้นของแต่ละฝ่ายที่กำลังแทรกตัวเข้ามาหากันเพื่อกอดเกี่ยว จูบดูดดื่มของเราที่ไม่ได้เร่งเร้าอย่างเช่นทุกทีเริ่มต้นขึ้น เป็นความรู้สึกราวกับว่า  ถ้าจูบคือคำว่ารักที่เราต่างผลัดกันบอก ตอนนี้ก็คงไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดจะยอมแพ้

“ อาฟ ” ผมเอ่ยเรียกอีกคนในตอนที่ผละริมฝีปากออก แต่เจ้าของชื่อก็ทำได้เพียงแค่ยกคิ้วเชิงถามก่อนจะหอมลงบนแก้มแล้วเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากกันอีกครั้ง

“ แก้มหอมจังว่ะ ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ” อาฟยกยิ้มก่อนจะหอมลงบนแก้มผมอีกฝั่งพลางถอนหายใจออกมา “ เข้าใจเลยว่าทำไมเวลาทหารไปรบแล้วรอดตายกลับมาต้องเข้าไปกอดเมียเป็นคนแรก ”

“ เมียเลยเหรอวะ ”

“ กูกับมึงได้กันมาหลายครั้งแล้วนะ ” เป็นคำตอบที่ทำให้ผมได้แต่สบถออกมา

“ ไอ้สัด ” ถอนหายใจกับอีกคนที่แค่ยิ้มกว้าง อยากจะด่าว่ารอดตายกลับมาก็เริ่มกวนตีนกูเลยนะ แต่ไม่เพราะอยากจะให้เสียเรื่องที่อยากจะพูดจริงๆ เลยได้แต่ทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเอ่ยคำที่อยากพูดออกไป “ มึง ขอบคุณที่ช่วยชีวิตกูไว้นะ ”

“ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ที่บอกว่ากูช่วยมึง ” อาฟเงียบไปหลังจากที่บอกแบบนั้น ส่วนผมที่กำลังจะเถียงแต่กลับต้องเงียบเพราะอีกคนพูดแทรกขึ้นก่อน “ จะพูดแค่ครั้งเดียว ตั้งใจฟัง ”

“ อะไรอีก ”

“ กูช่วยหัวใจตัวเองไว้ ไม่ได้ช่วยมึง ” หลุดยิ้มออกมาตอนที่ฟังก่อนต่างฝ่ายต่างจะหันไปคนละทางด้วยอาการหูแดงพอๆกัน ผมที่ตอนนั้นก้มหน้าลง พยายามอย่างที่สุดแล้วจะเม้มปากไม่ให้ยิ้มกว้างออกไปมากไปกว่านั้น ก่อนจะหันไปแซวอาฟที่ก็ยังไม่ยอมหันกลับมากันสักที

“ ก็ถ้าฟังจากประโยคที่มึงพูด ชาตินี้กูคงได้ฟังรอบเดียวจริงๆนั่นแหละสัด ”  หันไปยิ้มมองอีกคนที่ก็กำลังมองกันอยู่ วินาทีนั้นความเงียบงันผสมเข้าความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในใจ ผมที่ตอนนั้นได้แต่ดึงตัวเองเข้าไปกอดอาฟไว้แน่น สองมือที่กำเสื้อของผู้ป่วยด้านหลังไว้ราวกับว่ากำลังกลัวเสียมากมาย ว่าคนในอ้อมกอดนี้จะหายไปอีก

“ เมด ”

“ กูแค่อยากกอดมึงไว้ อยากกอดมึงไว้แน่นๆ ไม่อยากจะปล่อยให้มึงไปไหนอีก กูไม่อยากให้มึงหายไปไหน ” ผ่อนลมหายใจออกมาในตอนนั้น ผมซบลงกับไหล่ของอาฟ “ ตอนที่ไม่มีมึงอยู่ ตอนที่รู้สึกว่ามึงอาจจะหายไป ความรู้สึกของกูตอนนั้นมันแย่มากเลย  ต่อไปนี้อย่าหายไปอีกนะ อย่าทิ้งกูไว้คนเดียวแบบนั้นอีกนะอาฟ ”

“ ตอนนั้น มึงคงกลัวมากเลยสินะ ” พยักหน้ารับกับเสียงทุ้มที่พูดออกมา ฝ่ามือนั้นลูบลงบนหัว “ ขอโทษ ”

“ ขอโทษอะไรมึงไม่ผิด ไม่มีอะไรที่มึงผิดทั้งนั้น ” บอกแบบนั้นตอนที่ดึงตัวเองออกจากไหล่ของอีกคน อาฟยกยิ้มกับใบหน้าของผมตอนที่มันจ้องมองอยู่ ก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่นั่นกลับอธิบายความรู้สึกทุกอย่างของเราได้ทั้งหมด ว่าสิ่งที่เราทำให้กันทั้งหมด หรือแม้แต่สิ่งที่รู้สึกอยู่ในใจ ณ ขณะนี้ คงไม่มีเหตุผลอะไรที่มากกว่า คำว่า ‘ เรารักกัน ’
 
“ แล้วนี่ตำรวจมาคุยกับมึงหรือยัง ”

“ คุยแล้ว ” ผมตอบก่อนจะจะถอนหายใจออกมา “ กูว่าพรุ่งนี้เค้าคงมาคุยกับมึง เพราะเค้าบอกไว้ว่าเค้าจะมาสอบสวนมึงอีกทีหลังจากที่ออกจาก ICU. ”

“ อื้ม ”

“ แล้วมึงจะเอายังไงต่อไป ”

“ อะไรคือเอายังไง ”

“ ก็เรื่องของจิง ” คำถามที่ทำให้คนป่วยนิ่ง ก่อนจะดึงตัวเองลงไปพิงกับหมอนพลางจ้องมองกันด้วยสายตาจริงจัง

“ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง จะให้กูจัดการได้เต็มที่ หรือจะขอให้กูปล่อยมันไป ”

“ กูอยากให้มึงตัดสินใจเอง ” ผมบอก “ กูไม่อยากยุ่ง ”

“ มึงรู้ใช่มั้ยว่าถ้าตามใจกู กูจะทำยังไง ” ได้แต่นิ่งไปในตอนที่ได้ฟัง ความรู้สึกในใจผมตอนนี้มันค่อนข้างทับซ้อนและยากที่จะตัดสินใจให้เป็นไปในทางใดทางหนึ่งเพียงแค่ทางเดียว

มีความคิดบางส่วนที่อยากจะให้จัดการกับจิงขั้นเด็ดขาด เพราะผมรู้สึกโกรธที่มันมาทำแบบนี้กับผมจนอาฟต้องมารับเคาระห์แทน และยิ่งกว่าความรู้สึกโกรธคือตลอดมามันไม่แม้จะเคยคิดเป็นเพื่อนที่ดี หนำซ้ำยังมุ่งร้ายคอยแต่จะทำให้ผมเสียใจ ความรู้สึกแค้นเคืองพวกนั้นอัดอยู่ในใจด้วยเหตุผล ‘ ก็เสือกทำเหี้ยใส่กันก่อน ตอนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้รับการอภัยกลับไป ’

แต่ทว่าอีกความคิดหนึ่ง ก็รู้สึกแค่ว่า ‘ จบเรื่องนี้ได้แล้ว ’  อย่าดึงความยาวสาวความยืดให้ต้องไปเจอ ไปวุ่นวาย เหมือนที่ผ่านมากเลย เพราะถ้าทำอย่างงั้น เราก็ต้องไปขึ้นศาล ไปทำอะไรต่างๆที่ต้องเจอหน้ากันอีกหลายครั้ง

ผมแค่อยากจะหยุด หยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น ไม่ได้เชิงว่าให้อภัยแบบฉบับของคนดี แต่ทำเพื่อให้ตัวเองจะได้หลุดออกจากวงโคจรของความสัมพันธ์เหี้ยๆนี้เสียที เมื่อก่อนผมเลือกเพื่อนผิด เชื่อใจคนผิด แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว และผมแค่อยากจะมีชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่ต้องกลับมาเจอคนพวกนี้อีกก็เท่านั้น

“ เมด ”

“ อื้ม กูรู้ ” ผมพยักหน้ารับ “ มึงคงไม่ปล่อยมันไว้ แล้วก็คงเล่นมันจนถึงที่สุด เท่าที่กฏหมายสูงสุดจะสามารถเอาผิดมันได้ ”

“ แล้วนั่นก็เพราะว่ามันตั้งใจจะฆ่ามึง ” อาฟจ้องมองผมจริงจังในตอนที่พูด “ กูจะไม่มีวันปล่อยมันไป แล้วมันต้องสาสมกับสิ่งที่มันคิดจะทำกับมึง  ”

“ งั้นเอาแต่พอดีได้มั้ย ” ผมเอื้อมมือไปจับมันไว้ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ คือกูก็โกรธมันนะอาฟ โกรธที่มันทำให้มึงเจ็บ โกรธที่มันทำให้มึงเกือบต้องหายไป กูโกรธที่มันคิดร้ายกับกู แต่ถึงอย่างงั้นกูก็ไม่อยากให้เราเอาชีวิตไปคิดเครียดกับเรื่องพวกนั้นอีก ”

“ เมด ”

“ พอลองมาคิดว่า มึงต้องหาทนายไปว่าความตอนขึ้นศาลเพื่อหาทางทำอะไรสักอย่างให้ฝั่งนั้นรับผิดให้ได้มากที่สุด ต้องคอยปรึกษากับเค้าว่าทำยังไง จะเอาช่องว่างทางกฎมายข้อไหนเล่นงานมัน กูรู้ว่ามึงคงเครียดแล้วหงุดหงิดเวลาที่ทำอะไรมันไม่ได้ออกมาเหมือนดั่งใจคิด แล้วลองคิดดูว่ามันมีกี่ศาล กว่าเรื่องราวมันจะตัดสินได้ มันจะใช้เวลานานแค่ไหน กว่าจะถึงบทสรุป แล้วช่วงเวลาตรงนั้นเราจะมีความสุขมั้ยที่คอยแต่หาทางแก้แค้นใครคนนึงที่สุดท้าย เค้าก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราอีก ”

“ มึงจะให้กูให้อภัยมัน ”

“ เปล่าเลย ” ผมส่ายหน้า “ กูแค่อยากให้มึงอยู่ตรงกลางมากกว่า จิงต้องได้รับโทษตามสิ่งที่มันทำอยู่แล้ว และกูอยากจะให้มึงยอมรับมัน ไม่ว่าศาลจะตัดสินโทษยังไง กูก็อยากให้มึงปล่อยมันไป ไม่ต้องไปทำให้มันได้รับโทษอย่างที่มึงคิดว่า มันควรจะได้รับ ”

“ รู้จักกูดีจังนะ ”

“ ก็กูเป็นแฟนมึง ” อาฟยกยิ้มตอนที่ผมพูดคำนั้น “ กูพูดจริงๆนะอาฟ กูไม่อยากให้เราต้องเอาความสุขไปทุ่มให้กับเรื่องของมันอีก ปล่อยไปเถอะ ศาลตัดสินยังไงก็ให้ไปเป็นตามกระบวนการของเค้า ไม่ต้องไปคิดว่าแค่นี้มันไม่พอหรอก ยังไม่สาสม ” ถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงหน้าคนที่ทำความผิดที่ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง “ มันตั้งใจจะฆ่ากูก็จริงอยู่ แต่กูก็ไม่อยากจะเอาชีวิตส่วนหนึ่งไปผูกใจเจ็บแล้วคิดแค้นกับมัน เพราะเราจะเหมือนไปจดจ้องอยู่แต่กับความทุกข์ที่ว่า ทำไมไม่เป็นไปตามใจ ทำไมไม่สาสมใจ  ทั้งๆที่ มันยังมีอีกหลายอย่างรอบตัวเราที่กำลังรอให้สนใจและมีความสุขไปกับมัน ”

“ เข้าใจแล้วครับ ” อาฟพูดสั้นๆแค่นั้นก่อนจะดึงผมเข้ามากอดไว้ราวกับเข้าใจทุกอย่าง และไม่ต้องการให้ผมอธิบายอะไร

“ อาฟ ”

“ ออกจากโรงพยาบาลอยากจะทำอะไรก่อนเป็นอย่างแรก ”

“ คงไปทำบุญ ” แล้วคำตอบนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะของคนป่วยในวินาทีนั้น ให้ดังสั่นไปทั้งห้อง

...................................................................

กลิ่นโจ๊กหอมฉุยของมื้อเช้าในวันใหม่คุ้งไปทั้งห้องของผู้ป่วยที่ตอนนี้กำลังนั่งหน้านิ่งบอกบุญไม่รับอยู่บนเตียง มันเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่อีกฝ่ายพยายามอย่างที่สุดที่จะให้ผมขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียง แต่เพราะกลัวว่าคุณพยาบาลจะเข้ามาตรวจเช็คตอนกลางคืนในช่วงเวลาที่หลับ ผมเลยปฎิเสธไป ก็ไม่อยากจะให้มันดูน่าเกลียด อีกอย่างก็คือ เตียงเล็กนิดเดียว มันเองก็เจ็บแผลเลยอยากจะให้ได้นอนสบายๆ

แต่อาฟก็คืออาฟ มันไม่มีทางยอมไม่ว่าผมจะยกเหตุผลประมานสามล้านอย่างขึ้นมาพูดก็ตาม จนสุดท้ายก็ต้องยอมนอนลงไปด้วย แต่แค่นอนจนอีกคนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาเท่านั้น ถึงจะดึงตัวเองออกมานอนต่อบนโซฟา และเช้านี้ก็ดูเหมือนว่าอาฟจะจับได้ และไม่เชื่อกันเท่าไหร่ ในสิ่งที่ผมบอกว่า ‘ กูนอนให้มึงกอดทั้งคืนเลย ’

“ กินข้าวได้แล้ว มึงจะนั่งทำหน้าหมาไม่รับส่วนบุญไปถึงไหน ”

“ ปวดมือ ” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมายิ้มๆกับคำพูดนั้น เจ้าพ่อของความเรื่องมากและเรื่องเยอะตอนที่ป่วยคัมแบคสเตจอีกแล้วสินะไอ้สัด


“ คือเผื่อมึงลืม มึงโดนยิงที่ท้อง ”

“ แต่เมื่อคืนมึงนอนทับแขนกู ” 

‘ พ่อมึงไอ้สัด ตอแหลทั้งนั้น เมื่อคืนกูไม่ได้นอนกับมึงสักหน่อยจะไปนอนทับแขนมึงได้ไง ’ เถียงแบบนั้นอยู่ในใจเพราะพูดออกไปไม่ได้ ตอนนั้นก็เลยได้แต่ยิ้มกัดฟันแค้นอยู่ในใจ

“ หรือว่ามึงไม่ได้นอนกับกูจริงๆ ” อาฟถามด้วยสายตาจับผิด “ ตอแหลใช่มั้ย กูตื่นมาข้างๆไม่เห็นมีรอยคนนอน ”

“ ก็บอกว่านอน แต่กูตื่นก่อนมึงเป็นชั่วโมงรอยมันก็หายไปแล้วสิว่ะ ” เถียงกลับออกไป ผมตัดปัญหาด้วยการพาตัวเองไปยืนข้างๆโต๊ะกินข้าวก่อนจะคนโจ๊กที่ดูท่าทางน่ากินนั้นตักขึ้นมาอย่างพอดีคำ ก่อนจะเป่าเบาๆแล้วป้อนคนป่วยที่รับไปกินอย่างว่าง่าย ซึ่งต่างจากหาข้ออ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้าของมัน “ อร่อยมั้ย ”

“ ดีกว่าอ้วกหมา ”

“ เคยแดกอ้วกหมาเหรอ ถึงบอกว่าดีกว่า ” เบิกตาถามมันอีกคนก็ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกที่แก้มมันออกแรงบีบจนผมร้อง “ เจ็บๆ โอ้ย ไอ้เหี้ยอาฟ กูเจ็บนะ ” ยกมือขึ้นปิดแก้มตัวเอง อีกคนก็ยกยิ้มมองกัน

“ อย่าคิดว่ากูโง่ คนนอนขี้เซาอย่างมึงนี่น่ะเหรอ จะตื่นก่อนกูเป็นชั่วโมง  เป็นไปไม่ได้ ”

“ แต่มันก็เป็นไปแล้ว คือก่อนอื่นมึงต้องยอมรับก่อนว่ามึงป่วย มึงก็เลยนอนนานไงอาฟ เมื่อเช้ากูหอมแก้มแบบที่มึงหอมแก้มกูด้วยนะ ไม่เห็นมึงจะตื่นเลย แถมกูยังบอกด้วยนะ ”

“ บอกอะไร ”

“ บอกว่า จ้อยตื่นได้แล้ว พ่อเรียกไปขายข้าวมันไก่ ”

“ เมดเผื่อมึงจะลืม กูโดนยิงที่ท้องนะ ตอนนี้ยังถีบมึงได้สบายๆ ” เม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นก่อนจะตักข้าวต้มในจานเข้าปากตัวเองเพื่อชิม ก่อนจะตักอีกคำเพื่อป้อนคนป่วย

“ ไม่เห็นจะเหมือนอ้วกหมาตรงไหน ” ผมว่ารสชาติมันก็ไม่ได้แย่หรอก ออกจะอร่อยด้วยซ้ำ แม้จะไม่ได้เข้มข้นแบบถึงรสชาติและหอมพริกไทยอะไรมากมายแบบข้างนอกก็เถอะ

“ แล้วนี่มึงจะกินอะไร ”

“ คงลงไปซื้อหนมปังแล้วก็ช็อกโกแล็ตร้อนที่ร้านกาแฟข้างล่าง ”

“ อื้ม ”  อาฟพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมตทีวีขึ้นมากดเปิดดู ก่อนจะเลื่อนไปยังช่องต่างๆที่สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ช่องหนึ่งที่กำลังฉายหนังแอคชั่นเรื่องดังอยู่พอดี

ช่างเป็นสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับการมีลูกเล็กๆเลยสักนิด สายตาคมที่เอาแต่ดูทีวีปากก็อ้าออกแค่ตอนที่ผมป้อนข้าวให้ แต่ก็นะ ไม่ใช่แค่ท่าทางหรอก นิสัยแม่งตอนป่วยก็เหมือนเด็ก แล้วลองคิดภาพเล่นๆว่า ถ้ามันป่วยหนักเป็นอาทิตย์ แน่นอนเลยว่าคนที่หายดีคือมัน ส่วนคนที่ประสาทแดกไปก่อนคือผม อย่างแน่นอน

“ เออ นี่ มึงโทรไปบอกพ่อกับแม่หรือยัง ”

“ เรื่องอะไร ”

“ ก็เรื่องที่เข้าโรงพยาบาลไง ” คำถามที่ทำให้กำลังกินชะงักไป อาฟหยิบแก้วน้ำขึ้นมากินราวกับว่าอิ่มขึ้นมากะทันหัน

“ ไม่จำเป็นหรอก ”

“ ไม่จำเป็นได้ไง มึงโดนยิงนะจะไม่บอกพ่อกับแม่หน่อยเหรอ บอกเถอะ ท่านเป็นห่วงนะ ”

“ เพราะไม่อยากจะให้เป็นห่วงไง เลยไม่อยากบอก ” อาฟหันมาบอกผม “ ยังไงก็ปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวแผลหายสนิทเมื่อไหร่กูค่อยเข้าไปหาเค้าที่บ้านแล้วกัน แล้วจะพามึงเข้าไปด้วย ” ท้ายประโยคนั้นทำให้ผมนิ่งไป สิ่งที่ต้องบอกให้อาฟทำ ปลิวหายไปหมด เหลือแค่ผมที่เกิดอาการวิตกขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ พากูเข้าไปทำไม กูว่าไม่ต้องไปหรอก  ”

“ อย่าถามคำถามที่ตัวมึงก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ” อาฟเงยหน้าขึ้นบอกผม “ กูจริงจังกับมึง  คิดสร้างครอบครัวด้วย เพราะงั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องพาเข้าไปแนะนำอยู่แล้ว มึงต้องรู้จักพ่อแม่กู เพราะมึงต้องเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา พ่อแม่มึงก็ด้วย กูจะไปแนะนำตัวกับเค้า  แต่กูอยากไปหาพ่อแม่กูก่อน ตอนที่ไปหาพ่อแม่มึงเค้าจะได้เชื่อใจในตัวกู  ”

“ เหรอ ”

“ ทำไม มึงมีอะไร ”

“ เปล่า ” ส่ายหน้าไปมากับคำถามนั้น “ กูแค่ไม่รู้จะตอบยังไง คือมันก็เขินๆนะมึง ” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นเกาที่ข้างแก้มก่อนจะยิ้มแห้งๆ “ คำพูดมึงจริงจังปราศจากการกวนตีน แถมยังพูดว่า จริงจังกับกู จะสร้างครอบครัวกับกู จะไปคุยกับพ่อแม่กู จะพากูเข้าบ้านมึง คือทุกคำพูดของมึงอะ กูทั้งเขินทั้งกลัว แม่งตีรวนไปหมด ”

“ ประสาท ” พูดแบบนั้นยิ้มๆ ก่อนจะพิงร่างตัวเองลงกับที่นอน “ ไม่มีอะไรทั้งน่ากลัวหรอก เพราะนอกจากมึงกูก็ไม่แคร์ใครอยู่แล้ว แค่ไปบอกให้รับรู้ไว้ก็เท่านั้น ”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูเอ่ยขัดผมที่จะถามต่อถึงคำพูดที่อีกคนพูดออกมา แต่ตอนที่หันไปตรงประตูห้อง คุณตำรวจสองนายที่เคยมาสอบสวนผมเมื่อวานก็เดินเข้ามาเสียก่อน เค้าก้มหน้าลงทักเรา ในตอนนั้นผมเองก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายเค้า

“ เป็นยังไงบ้างครับ ”

“ ปลอดภัยดีแล้วครับ ” ผมบอกก่อนจะหันไปหาอาฟ “ อาฟตำรวจมา ” คนป่วยปิดทีวีลงในตอนนั้นก่อนจะหันมายกมือไหว้คนที่เดินเข้ามา

“ สวัสดีครับผมเป็นตำรวจที่ดูแลคดีของนักศึกษาที่ยิงกันในมหาวิทยาลัย ไม่ทราบว่าเป็นยังไงบ้างครับ ”

“ โอเคแล้วครับ ”

“ งั้นถ้าทางเราจะขอสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าพอจะสะดวกมั้ยครับ ”

“ สะดวกครับ ” อีกคนตอบผมก็เลื่อนเอาโต๊ะกินข้าวที่กินเรียบร้อยแล้วมาไว้ที่มุมห้อง ก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณตำรวจ

“ งั้นผมขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะครับ ” ผมหันไปมองอาฟตอนที่พูดคำนั้นจบ “ กูลงไปหาอะไรกินข้างล่างนะ ”

“ เอาโทรศัพท์ไปด้วย ”

“ โอเค ” ตอบรับแบบนั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมปิดประตูด้วยความเบามือที่สุดก่อนออกเดินไปตามทางของโรงพยาบาลแต่ทว่ายังไม่ทันจะลงเดินไปถึงที่หมายชั้นล่าง ร่างเล็กของน้องชายผมก็วิ่งตรงเข้ามาหาก่อนจะกอดกันไว้แน่นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

“ วิว ” ผมเอ่ยเรียกอีกคนแต่ก่อนจะถามอะไรออกไปก็รู้สึกถึงน้ำตาของคนที่กอดกันไว้


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
“ พี่เมด อึก วิว เป็นห่วง เป็นห่วงพี่เมดมากๆเลย ฮือๆ พี่อาฟด้วย ทำไมมันเหี้ยขนาดนี้ ทำไมมันต้องคิดฆ่าพี่เมดของวิวด้วย วิวเกลียดมัน ไอ้เหี้ยจิง ไอ้เลว ”

“ ไม่ต้องร้อง พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่อาฟก็ปลอดภัยแล้ว ” ลูบแผ่นหลังบางนั้นอีกคนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนตัวโย แล้วในตอนนั้นเองที่เจกับเอมก็เดินตรงเข้ามาหา สิ้นคำถามที่ผมนึกสงสัยว่าไอ้ตัวดีมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

“ รบเร้ากูตั้งแต่เมื่อคืนบอกจะมาหามึงให้ได้ กูบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ปลอดภัยแล้วก็ไม่ยอมจะมาให้เห็นกับตา ”

“ ก็พี่เมดไม่ใช่พี่มึงก็พูดได้สิว่าให้ใจเย็น นี่พี่ชายกูทั้งคนนะ จะให้กูนอนหลับได้ยังไง มึงแม่งไม่เคยเข้าใจอะไรเลยพี่เจ ” วิวหันไปเถียงใส่แฟนตัวเองที่ตอนนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ ก็กูบอกมึงว่ารอให้เช้าก่อน ตอนนั้นกูก็ทำงาน มึงจะให้กูเลิกงานตอนตีสามแล้วพามึงมาโรงพยาบาลเพื่อรบกวนพวกมันที่กำลังพักผ่อนเหรอไง ”

“ กูไม่ได้รบเร้าให้มึงพามาสักหน่อย ตอนนั้นกูก็บอกแล้วว่าจะมาเอง แต่มึงก็ไม่ยอม ”

“ ก็ตอนนั้นมึงอยู่คอนโดตัวเอง แล้วมันก็ไกล กว่าจะถึงก็นาน แล้วเอมมันก็นอนที่ห้องกู มึงจะไปนอนอยู่ในนั้นได้ยังไง หรือมึงจะนอนโรงพยาบาล ก็ลำบากพี่มึงอีกมั้ย ”

“ ก็กูเป็นห่วงพี่กู มันไม่ต้องใช้เหตุผลอะไรแบบมึงหรอก มึงได้เยี่ยมแล้วมึงก็สบายใจได้สิ แต่กูยังไม่ได้เยี่ยมเลยนะ ”

“ เอาน่าๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน ” ผมบอกปัดมันทั้งคู่แต่เหมือนความเป็นเด็กของวิวยังไงก็คือเด็ก มันที่ยังไม่ยอม หันไปมองเจด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปกอดผมไว้ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กที่กำลังงอแง “ พวกมึงมาเยี่ยมอาฟกันเหรอ ”

“ อื้ม แล้วนี่มึงจะไปไหน ” เจถามในตอนนั้นเอมที่ยืนอยู่ข้างๆก็หาวออกมาก่อนจะถามต่อ

“ แล้วไอ้อาฟอะ ”

“ กูจะลงไปหาอะไรกิน ส่วนอาฟกำลังให้การกับตำรวจอยู่ ” ทุกคนพยักหน้ารับ ในตอนนั้นเอมก็หาวออกมาอีกครั้งจนผมต้องหลุดยิ้มกับท่าทางงัวเงียของมึง “ เอม คือมึงดูง่วงง่วงมาก ”

“ เออดิ กว่าจะกลับบ้านมาก็ดึก พอจะนอน ไอ้สัดเจก็เสือกโทรคุยกับเมียแล้วทะเลาะกันอีก แถมยังลากเอมออกไปรับเมียแม่งตั้งแต่ไก่โห่ พอขึ้นรถคิดว่าได้นอน เพราะมันไกล ก็เปล่าเลย เพราะมันสองคนเล่นทะเลาะกันแล้วก็คุยกันมาตลอดทางเลย ”

“ มึงนี่นะ ” ผมหันไปดุน้องชายตัวเอง แต่วิวก็แค่กอดผมแน่นขึ้น

“ ก็วิวเป็นห่วงพี่เมด ”

“ งั้นกูเข้าไปนอนในห้องไอ้อาฟหน่อยแล้วกัน ” เอมบอกแบบนั้น ก่อนจะเดินนำไปตามด้วยเจที่ก็เอื้อมมือมาขยี้หัววิวอีกครั้งแล้วบอก

“ อย่างอแงให้มันมาก พี่มึงเหนื่อยแล้ว เข้าใจมั้ย ”

“ รู้แล้ว ไม่ใช่เด็กสักหน่อย ”

“ มึงนั่นแหละที่โคตรเด็ก ” หันไปส่งสายตาหาเรื่องอย่างไม่พอใจแต่เหมือนว่าเจจะไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ มันแค่ยิ้มไปตามประสา ก่อนจะเดินออกไปเหลือไว้แค่ผมกับน้องชายตัวเอง ที่พอมองอีกคนแบบคาดโทษเข้าหน่อย วิวก็กอดผมไว้แน่นเหมือนไม่อยากจะให้ดุกัน

“ กูต้องขอโทษเจแล้วมั้ง ที่เลี้ยงมึงมาแบบตามใจมากเกินไปหน่อย ”

“ พี่เมดไม่ผิดอะไร ” วิวบอกแบบนั้น “ มันเป็นแค่ความรู้สึกของพี่น้องที่ห่วงใย มันคือเรื่องปกติ คือพี่ชายกูโดนคนจะฆ่าแต่แฟนช่วยไว้ทัน มึงจะกูสบายใจ นอนหลับ สบายๆ เหรอวะ บ้าเปล่า กูต้องอยากเห็นมึง อยากจะได้สบายใจสิ มึงเล่นปิดเครื่องอีกจะโทรก็ไม่ได้ ”

“ สงสัยแบตกูจะหมด ” ผมหยิบมือถือขึ้นมาจากในกระเป๋าแล้วพบว่าหน้าจอตอนนี้มืดสนิท เปิดไม่ติดแต่อย่างใด “ แล้วตอนที่รู้มันกี่ทุ่มแล้ว ”

“ สักสามทุ่ม ก็ยังไม่ดึกนะ ”

“ ก็ไม่ดึก แต่เจมันก็ต้องทำงาน อาฟเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนเจมันก็เหนื่อยนะ เพราะต้องดูแลงานในผับแทนทั้งหมดเลย ไหนเอมที่เพิ่งเดินทางมาจากเมืองนอกอีก มันก็อยากจะพักผ่อน  อย่าไปหงุดหงิดมันเลยเจน่ะ กูเข้าใจว่ามึงเป็นห่วงกู ก็พี่มึงทั้งคน แต่มึงก็ต้องเข้าใจเจมันด้วย ”

“ รู้แล้วครับ ก็ไม่ได้ไม่เข้าใจอะไรสักหน่อย ” วิวพูดเสียงเบาก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ แต่ก็แอบงอนมันนิดๆ ที่ไม่โดนตามใจ ”

“ ไปหาอะไรกันดีกว่า พี่เมดยังไมได้กินอะไรเลยใช่มั้ยละ ” น้องชายตัวดีเปลี่ยนเรื่องพลางยิ้มให้กัน ก่อนจะจูงมือผมลากให้เดินลงไปชั้นล่างตรงโซนร้านอาหาร “ พี่เมดอยากจะกินอะไร ”

“ ขอขนมปัง ไม่ก็อะไรง่ายๆก็พอ ”

“ งั้นก็นั่นแล้วกัน ” เชิดหน้าไปที่ร้านกาแฟร้านเดิมที่มาเมื่อวาน ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ แซนวิชตรงนี้ดีกว่า อยากกินอะไรที่มันหนักหน่อย เมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรเลย ”

“ อ้าว ยังไมได้กินเลยเหรอ ” วิวถามด้วยท่าทีตกใจ ผมก็พยักหน้ารับ

“ มันวุ่นจนกูลืมหิวไปเลย เพิ่งมาคิดได้ก็ตอนนี้แหละว่า เมื่อวานกินเข้าไปแค่มื้อเช้ามื้อเดียวเอง เพราะตอนที่มานั่งกินขนมกับเอม กูก็ไม่ทันได้กินอะไรเข้าไปเลย อาฟก็ฟื้นพอดี ตอนนั้นคือโคตรยุ่ง ”

“ งั้นก็ไปกินแฮมเบอร์เกอร์ตรงนู้นดีกว่า มันมีของทอดด้วย พี่เมดจะได้กินเยอะหน่อย อร่อยกว่าด้วย ”

“ เอาสิ ” พยักหน้ารับน้อง เราเดินไปที่ร้านเบอร์เกอร์ร้านดังสีเขียวที่ตอนนี้ยังไม่มีใครนั่งอยู่ในร้าน ผมจัดการสั่งชุดแฮมเบอร์เกอร์แบบง่ายๆ แล้วพาตัวเองพร้อมบอกคิวอาหารมาหาโต๊ะเงียบๆนั่งกัน

“ แล้วนี่อีเหี้ยจิงมันเป็นยังไงบ้าง ”

“ ไม่รู้เหมือนกัน เพราะกูไม่ได้สนใจเลย กูรู้แค่ว่า มันโดนจับ แต่เรื่องอื่นๆของมันตอนนี้กูไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโดนประกันตัวออกมาหรือว่ายังไง ”

“ แล้ว..” วิวนิ่งไปตอนที่พูดออกมา ผมก็ได้แต่จ้องหน้าอีกคน

“ มีอะไร ”

“ คือพี่เมดรู้ความจริงแล้วใช่มั้ย เรื่องของไอ้เหี้ยบินกับไอ้เหี้ยจิง ที่มัน คือ ที่มัน ”

“ ได้กันลับหลังกูตั้งแต่สมัยที่กูยังคบกับบินน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ” เสียงของวิวเบาในตอนนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องชายตัวเอง

“ วิว รู้อยู่ก่อนแล้วใช่มั้ยมึงน่ะ เรื่องของบินกับจิง รู้แล้วก็เลยเอามาบอกเจ แล้วเจก็เอามาบอกอาฟใช่มั้ย ”

“ ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่เมดก่อน ” คนตรงหน้าก้มหน้าลง “ ตอนนั้นวิวกลัวพี่เมดเสียใจ แล้ววิวก็ไม่อยากจะให้พี่เมดร้องไห้อีกแล้ว กลัวพี่เมดจะทะเลาะกับพี่อาฟด้วย กลัวพี่อาฟบอกว่าทำไมพี่เมดยังเสียใจกับเรื่องนั้นเหมือนทุกครั้ง วิวเลยไม่กล้าบอก ”

“ ทำไมน้องวิวถึงได้เป็นน้องชายที่น่ารักขนาดนี้นะ ” ผมพูดเชิงล้อก่อนจะเลื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงข้ามอีกคนไปนั่งลงข้างๆกันแล้วเอื้อมมือกอดไหล่คนเป็นน้องไว้ “ ทำไมพี่เมดต้องโกรธคนที่หวังดีกับพี่เมดด้วยละ ไม่โกรธหรอก เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงไม่บอก ”

“ เหรอ จริงๆนะ ”

“ จริงสิ ก็พอมาคิดว่า ทุกคนแม่งโคตรปกป้องกูจากความเสียใจขนาดนี้ แล้วกูจะไปโกรธได้ยังไง ถึงตอนนี้จะเข้าใจแล้วว่า ทำไมอยู่ๆไอ้อาฟถึงชวนไปทะเลก็เถอะ ”

“ ก็คงตั้งใจจะบอกที่ทะเลนั่นแหละ ”

“ แต่ก็โดนไอ้จิงบอกตัดหน้าก่อน น่าสงสารจริงๆเลยนะ แฟนกู ” ผมบอกแบบนั้นก่อนจะยิ้ม ในตอนนั้นวิวก็เอื้อมมือมาจับผมก่อนจะถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ แล้วพี่เมดเสียใจมั้ย ตอนที่รู้ความจริงรู้สึกเป็นยังไง ”

“ ถามว่าเสียใจมั้ย คำตอบคือไม่เสียใจ แต่ตกใจมากกว่า ” สารภาพบอกอีกคนไปตามที่รู้สึกในตอนนั้น “ มันเหมือนกูรู้สึกแค่ว่า ‘ มึงก็ด้วยเหรอวะ ’ เป็นความรู้สึกแบบนั้นมากกว่าจะเป็นความรู้สึกแบบอื่น ” ผมยิ้มให้น้อง “ แต่คงเพราะว่ากูไม่ได้คิดว่าพวกมันคือเพื่อนมาตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ได้ กูเลยไม่ได้ผิดหวังเท่าไหร่ เหมือนพอไม่ได้สำคัญแล้วก็เลยทำให้รู้สึกไม่ได้นั่นแหละ แล้วก็คงเพราะว่า..”

“ คงเพราะว่า ? ” วิวเอ่ยถามผมในตอนที่เห็นว่าเงียบไป

“ คงเพราะว่าคนสำคัญของกูมันเปลี่ยนไปแล้วด้วยมั้ง มันเปลี่ยนจากคนพวกนั้น มาเป็นอาฟ แบบที่ไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรอีกแล้ว ” ผมหันกลับมามองโต๊ะที่ว่างเปล่าตรงหน้า “  กูไม่รู้สึกเสียใจเรื่องจิงเลยรู้มั้ยวิว กูคิดแค่เรื่องของกูกับอาฟ กูจัดการแค่เรื่องของกูกับอาฟเท่านั้น เอาจริงๆ ถ้ามึงไม่ถามตอนนี้กูก็คงลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพิ่งมาคิดได้ก็ตอนที่กูมึงถามนี่แหละ ”

“ ดีจังว่ะ ที่ในที่สุดพี่เมดก็หลุดออกมาได้จริงๆสักที ”

“ ต้องขอบคุณอาฟ ” ผมหันไปบอกน้อง “ ขอบคุณที่ไม่ว่ายังไง มันก็ไม่ยอมปล่อยมือกูไปไหน ต่อให้เราจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม ขอบคุณที่มันอดทน ขอบคุณที่มันรัก รักคนอย่างกู ”

“ พี่เมด ” วิวเอื้อมมือมาจับกันที่ไหล่

ผมไม่ได้ร้องไห้หรอกก็แค่รู้สึกมีอะไรอัดแน่นอยู่ในใจ มันเป็นคำพูดที่อธิบายออกไปได้ยาก คล้ายกับว่า มันมีทั้งคำว่า ขอบคุณ และขอโทษอยู่ในนี้ เป็นความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณมันในหลายๆเรื่อง และอยากจะขอโทษมันในหลายๆอย่าง แต่ผมจะไม่เอามันมาขบคิดอีก ก็อย่างที่เอมบอกไว้เมื่อวาน ไม่ต้องคิดอะไรให้มากแล้ว ‘ แค่รักให้เต็มที่ในทุกวันก็พอ ’

“ อาหารที่สั่งได้แล้วครับ ” แฮมเบอเกอร์ส่งกลิ่นหอมถูกวางไว้ตรงหน้าเรา ก่อนที่พนักงานจะหยิบเอาป้ายแสดงชื่อโต๊ะออกมา ผมเปลี่ยนความรู้สึกในตอนนั้นมาเป็นดมกลิ่นอาหารหอมๆตรงหน้า ก่อนจะหยิบขึ้นมากิน

“ หอมจัง ” วิวพยักหน้ารับในตอนที่ผมบอก “ พอไม่มีเรื่องเครียด ท้องแม่งก็หิวขึ้นมาทันที แล้วไม่ว่าอะไรก็น่าดูกินไปหมด ”

“ เนอะ งั้นก็กินเยอะๆเลย ”

“ พี่ขอบคุณวิวด้วยนะ ” น้องหันมาเลิกคิ้วใส่ผมราวกับจะถามด้วยความสงสัยว่ามาขอบคุณกันเรื่องอะไร “ ก็ขอบคุณที่ว่าเมื่อไหร่ ก็อยู่ข้างกันไม่ไปไหนไง ”

“ บอกกี่ทีแล้วพี่เมด ว่าเราคือครอบครัว ”

“ นั่นน่ะสินะ ” กัดอาหารในมือเข้าไปรสชาติความอร่อยแทรกซึมเข้าไปในปากจนผมต้องถอนหายใจออกมา “ แต่จะว่าไปกูก็อยากจะขอบคุณมันนะ ไอ้สามคนนั้นน่ะ ”

“ ไปขอบคุณมันเรื่องอะไรวะ ”

“ ขอบคุณที่มันเหี้ยขนาดนั้น ” ผมยิ้ม “ ก็ถ้ามันไม่เหี้ยขนาดนั้น พี่เมดก็คงไม่ได้เห็นว่าในโลกใบนี้มันยังมีคนดีที่พร้อมจะเข้ามาเป็นคนรอบตัวของเรา เพียงแค่เราเปิดใจก็เท่านั้น แล้วก็คงไม่ได้รู้ว่าชีวิตที่ดีจริงๆมันเป็นยังไง ไม่ได้รู้ว่ามันความสุขมากขนาดไหน ตอนที่เราได้เจอคนที่รักเราจริงๆ  กูว่า ยังไงกูก็ต้องขอบคุณพวกมันนั่นแหละ ”

“ มีความสุขก็ดี ” วิวบอกผมก่อนจะหยิบเอาทิชชูขึ้นมาเช็ดปากให้ “ เป็นเด็กหรือไง กินเลอะหมดเล่า ”

“ บ่นจังว่ะ ”

“ พี่เมดทำมากกว่าวิวอีก ” คนเป็นน้องบอก “ เดี๋ยวเราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า ป่านนี้คุณตำรวจคงออกไปแล้วมั้ง ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับลงผมก็รีบกินอาหารตรงหน้าเข้าไป แล้วจากนั้นก็เดินแวะไปซื้อช็อกโกแลตเย็นแบบที่ชอบแก้วใหญ่คนละแก้วกับน้องชาย ก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนตรงไปที่ห้องของผู้ป่วย ที่ตอนนี้เหมือนจะคุยอยู่เพื่อนสนิทในห้อง

“ ประตูปิดไม่สนิทว่ะ ” วิวบอกก่อนจะหันมาเหล่ผม

“ คงเพราะตำรวจเพิ่งออกไปแล้วเค้าปิดไม่สนิทละมั้ง ”

“ ไปแอบฟังหน่อยว่าพวกมันนินทาอะไรวิวมั้ย ”

“ ไอ้วิว ” ผมที่กำลังจะพูดปรามแต่ไอ้ตัวแสบก็แค่หันมาทำท่าจุ๊ๆใส่ แล้วในตอนที่จะพูดอะไรมากกว่านั้น เสียงสนทนาในห้องก็ชวนให้ผมต้องหยุดนิ่งฟัง

“ มึงจะไม่บอกพ่อกับแม่มึงจริงๆเหรอวะ ” เสียงของเอมที่เอ่ยถาม อาฟก็ตอบแค่ ‘ อื้ม ’ สั้นๆ อย่างที่อีกฝ่ายตอบกับผมก่อนหน้านี้ “ มันจะดีเหรอ ถ้าพ่อกับแม่มึงรู้มันจะเป็นเรื่องใหญ่นะ คิดให้ดี ”

“ มึงมีเหตุผลอะไรที่ไม่บอกวะ ” เจถาม แต่เหมือนคนตอบจะแค่เงียบไป

“ ให้เริ่มจากศูนย์ ดีกว่าติดลบไม่ใช่เหรอวะ ”

“ หมายความว่าไง ”

“ มึงจะชอบคนที่ทำให้ลูกมึงโดนยิงเหรอวะ ” ทุกอย่างในห้องนั้นเงียบ แม้แต่ข้างนอกห้องเองก็เงียบไปไม่ต่างกันในตอนนั้นวิวเอื้อมมือมาจับมือผม “ มันก็จริงอยู่ที่ลูกมึงรักเค้ามากเลยเอาตัวเองไปบังกระสุนให้ แต่มึงคิดว่าแม่กูจะใจกว้างมากขนาดนั้นเลยเหรอ พวกมึงรู้จักแม่กูดี กูคิดว่าพวกมึงคงจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วจริงมั้ย ”

“ แต่เมดเป็นคนน่ารัก ”

“ ใช่ เมดเป็นคนน่ารัก เมดเป็นนิสัยดี แล้วพวกเค้าก็ควรเจอเมดครั้งแรก ด้วยความรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกที่ว่า แฟนกูทั้งน่ารักและนิสัยดี ไม่ใช่ความรู้สึกที่มันจะติดลบแบบนี้ เพราะความรู้สึก พอมันติดลบแล้ว มันยากที่เพิ่มขึ้น มากที่สุดก็คงหยุดแค่ที่ศูนย์ แต่ถ้าเริ่มที่ศูนย์มันไม่ยากที่จะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ”

“ พูดไม่ออกเลยกู ” เอมพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ

“ กูจะปกป้องเมด แล้วมันก็มีแค่นั้นสำหรับคำถามที่ว่าทำไมถึงไม่บอกพวกเค้า ”

“ ถ้ามึงคิดว่าอย่างงั้นกูก็โอเค ” เสียงของเจที่พูดขึ้น แล้วตอนนั้นในห้องนั้นก็เหมือนจะเงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่อาฟเองจะพูดขึ้น

“ หรือบางทีอาจจะเป็นกูที่กำลังปกป้องตัวเองวะ ”

“ ยังไง ” เอมถาม

“ ก็เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ไม่ชอบแฟนกูไง กูเลยไม่บอก ไม่แน่จริงเหมือนที่บอกไว้เลย ว่าไม่แคร์ ไม่ว่าเค้าจะคิดยังไง ”

“ นั่นก็เพราะว่า คนที่มึงจะแนะนำคือเมดไง เมดที่ว่ายังไงก็จะพยายามทำให้พ่อกับแม่ของมึงชอบ เมดคนที่มึงไม่อยากจะให้เค้ารู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องอะไรอีกแล้ว ”

“ กูขอตัวไปอ้วกได้มั้ย ” เอมพูดขึ้นในตอนนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา “ แต่กูว่าแม่มึงต้องชอบเมดนะ ตอนแรกอาจจะไม่ชอบเพราะเป็นผู้ชาย หรืออาจจะหวงลูกชายตามประสาของเค้า แต่สุดท้ายเค้าก็จะรักเมด เพราะเมดเป็นคนน่ารัก กูมั่นใจ ว่าเมดทำให้แม่มึงรักได้แน่นอน ”

“ กูก็คิดแบบนั้น ”

“ คิดว่าแฟนน่ารักเหรอ ” เอมถามขึ้นมา แต่ในตอนนั้นอาฟก็แค่พูดสั้นๆอย่างที่มันเป็น

“ เสือก ”

“ พี่เมด ” วิวเอื้อมมือมาจับมือผม “ โอเคมั้ยวะ ”

“ หงุดหงิดไอ้เชี้ยนั่น ” ผมบอกน้อง “ จะรักอะไรพี่เมดนักหนา ”

“ แต่เรื่องนี้วิวเห็นด้วยกับพี่อาฟนะ ” วิวหันมาบอกกัน “ เจอกันตอนนี้เค้าคงรู้สึกแย่กับพี่เมดที่มีส่วนทำให้ลูกเค้าต้องเจ็บ ตัว ก็ลูกเค้าเจ็บทั้งคนไม่มีใครไม่เสียใจหรอกจริงมั้ย แล้วแบบนั้นความรู้สึกมันจะเริ่มจากติดลบ ต่อให้พี่เมดดียังไงมันก็ยากที่เค้าจะชอบ แต่ถ้าเริ่มจากความรู้สึกเฉยๆ มันก็จะกลายเป็นชอบได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เค้าเปิดใจ ”

“ แต่สักวันเค้าก็ต้องรู้ แล้วตอนนั้นเค้าจะไม่ยิ่งเกลียดพี่เมดเหรอ ที่ปิดบังเค้า”

“ มันไม่เหมือนกันหรอกนะพี่เมด เราไม่ได้โกหกเค้า เราแค่ไม่บอกเค้าให้รู้เรื่องนี้ก่อน เพราะพอเค้าชอบพี่เมดแล้ว ความรู้สึกต่อเรื่องนี้ของเค้าจะเปลี่ยนไป ถ้าเค้ารู้วันนี้เค้าจะมองพี่เมดคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายเค้าเจ็บตัว แต่ถ้าเค้ารู้ในวันที่เค้ารักพี่เมด เค้าจะมองแค่ว่า ลูกชายเค้ารักพี่เมดมากก็เลยตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป  ”

“ เหตุผลจริงๆที่เราไม่บอก นั่นก็เพราะแค่ปกป้องตัวเองเท่านั้นแหละ ” ผมยิ้ม “ แต่พี่เมดเข้าใจนะ ว่าเรื่องบางเรื่อง เราพูดความจริงออกไปไม่ได้ทั้งหมดหรอก บางทีมันก็อยู่ในสถานการณ์จำเป็นที่ต้องทำเหมือนกัน การที่เราพูดทุกอย่างออกไป บางครั้งมันก็ทำให้เราลำบาก แล้วมันก็ยากที่จะแก้ไข แล้วพี่เมดก็เข้าใจอาฟด้วยว่าไม่มีใครอยากจะให้พ่อแม่รู้สึกไม่ดีกับแฟนตัวเองหรอก ”

“ อื้ม ”

“ พอคิดแบบนั้น พี่เมดก็เคารพและเข้าใจในเหตุผลของมันอยู่นะ ”

“ ไม่โกรธพี่อาฟนะ ”

“ ไม่โกรธหรอก ก็สิ่งที่มันทำก็เพื่อพี่เมด จะโกรธได้ยังไงจริงมั้ย ”

“ ยอดเยี่ยมที่สุด ” น้องชายตัวดีบีบมือผมแน่น

“ แต่พี่เมดจะพยายามทำให้พ่อแม่อาฟชอบนะ ” ผมบอกน้อง “ แม้จะฟังดูแล้ว มันเหมือนจะยากมากก็เถอะ เพราะดูทรงว่า แม่มันคงจะเอาเรื่องน่าดู แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องเผชิญหน้าไปด้วยกัน ก็พื้นฐานของชีวิตคู่ล่ะนะ เพราะอาฟเองก็คงพยายามทำให้พ่อเราชอบมันเหมือนกัน ”

“ นั่นนะสิเนอะ ” พยักหน้ารับยิ้มๆกับน้องที่ก็เอื้อมมือขึ้นไปเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไป 

ในวินาทีนั้นผมพูดปลอบกับตัวเองแค่ว่า เรื่องบางเรื่องเราควรปล่อยมันไปให้มันเป็นเรื่องของอนาคต อย่ากังวลอะไรในตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาคิด ก็แค่วางมันไว้ตรงนั้นก่อน แล้วผมก็ยิ้มกว้างออกมาในตอนที่เดินตามวิวเข้าไป

“ พี่อาฟเป็นยังไงบ้าง ” คำถามแรกที่วิวเอ่ยถามคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงในห้องพลางยกน้ำในมือขึ้นดูด ท่าทางที่ดูไม่ทุกข์ร้อนชวนให้อาฟถอนหายใจออกมาก่อนจะยกยิ้ม

“ มึงดูห่วงกูมากเลย ”

“ ประชดถูกมั้ย ” น้องผมถาม “ ก็พี่อาฟไม่ใช่ผัว ห่วงไรนักหนาอะ ”

“ เผื่อมึงไม่รู้ กูถีบมึงได้นะวิว ”

“ ขอโทษครับ น้องก็แหย่เล่นิดๆหน่อยๆ ” บอกแบบนั้นก่อนจะยกมือไหว้อีกคน ก่อนจะพูด “ ขอบคุณพี่อาฟที่ช่วยพี่เมดไว้นะ ขอบคุณที่ดูแลพี่ชายวิวอย่างดีเลย ”

“ กูต้องช่วยแฟนกูอยู่แล้ว ”

“ จ้า ” ตอบรับแค่นั้น ผมก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะดึงตัวเองลงนั่งบนเตียงข้างตัวคนป่วยที่ว่างอยู่ ก่อนจะยื่นช็อกโกแลตเย็นที่ถืออยู่ให้อีกคนแต่ทว่าอาฟก็แค่ส่ายหน้าไปมา

“ แล้วนี่ตำรวจว่ายังไงบ้าง ” ภายในห้องเงียบลงทันทีตอนที่ผมตั้งคำถามนั้น วิวหันมามองตากันด้วยความรู้สึกว่ามีพิรุธก่อนที่ผมจะมองอาฟสลับกับเพื่อนอีกคนสอง “ ถึงขั้นต้องเงียบเลยเหรอวะ ”

“ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ” ผู้ป่วยบอกเกริ่นขึ้น “ ก็แค่สอบสวนทั่วไปแบบที่เค้าสอบสวนมึงนั่นแหละ ตอนเกิดเหตุเวลาเท่าไหร่ เกิดเหตุที่ไหน กูเป็นอะไรกับผู้ต้องหา มาอยู่ในเหตุการณ์ได้ยังไง มีความสัมพันธ์อะไรกับมึงทำไมต้องไปบังกระสุนให้ เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ต้องหามามั้ย อะไรทำนองนั้น ”

“ เวลาเค้าสอบสวนจะสอบกันประมานนี้เหรอ ” วิวหันไปถามแฟนตัวเอง ตอนนั้นเจก็พยักหน้ารับ

“ ก็ประมานนี้ ”

“ แล้วพี่เมดก็โดนถามประมานนี้เหมือนกันเหรอ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ “ ก็ถามแบบนี้เหมือนกัน แล้วก็ถามว่ามีเรื่องบาดหมางอะไรมั้ย ก็เล่าไปว่าไม่เชิงว่าบาดหมางแต่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าเกลียดเราอยู่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะถูกลวงมาฆ่า ”

“ แล้วสุดท้ายตำรวจก็ตั้งข้อหาจิง ในคดีพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด คดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอานุญาต แล้วก็คดีพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในที่สาธารณะ ตอนนี้เบื้องต้นเห็นว่าทางมหาลัยทำโทษโดยการให้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้ว ”

“ ตำรวจว่างั้นเหรอ ” ผมหันไปถามอาฟหลังจากที่เอมอธิบายจบ อีกคนก็พยักหน้ารับ “ แล้วตำรวจเค้าถามมั้ยว่ามึงจะเอายังไงต่อไป ”

“ กูบอกแค่ว่าให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับอีกคน “ แล้วตำรวจได้บอกมั้ยว่าตอนนี้จิงเป็นยังไงบ้าง ”

“ ก็บอก ” อาฟพูดขึ้น “ ตอนนี้ทางจิงอยู่โรงพยาบาล ทางตำรวจเห็นว่ามีอาการทางจิตคิดอยากทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดเวลา เค้าเลยอนุญาตให้นำตัวออกไปรักษา ”

“ แต่เผื่อใจไว้หน่อยนะว่าเจ็บตัวฟรี ” เจพูดขึ้น แล้วตอนนั้นวิวก็ถาม

“ ทำไมวะ ”

“ เพราะทางจิงมีประวัติการรักษาโรคทางจิตเวชน่ะสิ  ซึ่งถ้าพ่อแม่ใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง จิงก็สามารถมีโอกาสรอดได้ ”

“ งั้นเหรอ ” ผมพูดเสียงเบา “ แต่กูไม่เคยรู้เลยนะ ว่ามันต้องหาหมอเฉพาะทางแบบนั้นด้วย ”

“ มันคงบอกให้ตัวมันดูแย่หรอก ” วิวบอก “ สำหรับคนแบบนั้นที่เกลียดพี่เมด แล้วอยากจะมีอะไรเหนือกว่าพี่เมด มันไม่มีทางเอาเรื่องที่มันรู้สึกว่ามันแย่ มาพูดกับพี่เมดหรอก แล้วอีกอย่างนะอาการของคนแบบนี้ ก็คือ ต้องยอมรับก่อนว่าเป็น มันถึงจะเข้าสู่กระบวนการรักษาแต่ถ้าไม่ มันก็ยิ่งหนักนั่นแหละ ”

“ อื้ม”

“ แล้วแบบนี้พี่อาฟโอเคเหรอ เจ็บตัวฟรีเลยนะ ” คำถามของน้องชายผมทำให้ทุกคนในห้องเงียบไป แม้แต่คนป่วยเองยังนิ่งไปสักพักก่อนจะหันมามองผม

“ ถ้าทุกอย่างมันจะจบแค่นี้ กูไม่คิดว่ามันจะเรียกว่าการเจ็บตัวฟรี ”

“ ทุกคนมันก็ได้รับบทเรียนกันทั้งนั้นแหละ ถ้าคิดได้ละก็นะ ” เจพูดขึ้นก่อนจะลูบหัวแฟนตัวเอง ที่ก็หันไปเถียงอย่างทุกที

“ คนแบบนั้นน่ะเหรอ จะคิดได้ พวกพี่มึงคิดแบบนั้นกันจริงๆเหรอ ”

“ นั่นเค้าถึงเรียกมันว่าโอกาสไงครับ ” เอมพูดขึ้น “ โอกาสที่มอบให้คนทำผิดได้ปรับตัว ”

“ ถ้าเป็นวิวจะจัดการให้สาสม พี่อาฟเองก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมรอบนี้ใจดีจัง ”

“ ถามพี่ชายมึงสิ ” คนป่วยเชิดหน้ามาทางผมวิวก็ยิ้ม

 “ งั้นน้องก็ไม่สงสัยละ เพราะถ้าเป็นคนนั้น มันก็คงต้องออกมาเป็นรูปแบบนี้แหละ ”

“ กูก็แค่ไม่อยากจะเอาชีวิตไปอยู่กับความแค้น มันมีอะไรหลายๆอย่างที่กูอยากทำร่วมกับอาฟ กับพวกมึง ถ้ากูมัวเอาเวลาไปขึ้นศาล จ้างทนาย ไปต่อสู้ วันๆก็คิดแต่จะทำยังไงให้มันได้รับโทษสูงสุด หงุดหงิดเวลาศาลตัดสินว่าให้มันรอดเพราะมันเป็นโรคทางจิตเวช กูว่าถ้ามันเป็นแบบนั้น กูปล่อยมันไปดีกว่า ยังไงมันก็ต้องได้รับโทษของมันอยู่แล้ว ”

“ รับโทษอะไร ”

“ โทษที่มันจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบคนไม่มีใครไปตลอดชีวิตไง ” ยิ้มให้วิวที่เอ่ยถามกัน ก่อนที่ตัวผมจะมองออกไปนอกหน้าต่าง “ แล้วกูว่าชีวิตที่ต้องเป็นแบบนั้นมันก็น่าเศร้าพอแล้ว ”

..............................................


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
อากาศภายในห้องที่ค่อนข้างเย็นแต่ไม่ได้ทำให้คนป่วยละสายตาออกจากทีวีได้เลย ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นอาฟจดจ้องอยู่กับหนังเรื่องโปรด มือที่ถือผลไม้อยู่นั้นไม่ยอมเอาเข้าปากไปเสียที แต่นี่ก็เหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มันหายเบื่อได้บ้าง เพราะอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว 

จะว่าไปก็แอบสงสารมันเหมือนกัน นี่ก็เข้าสู่วันที่สามแล้วที่มันต้องนอนอยู่บนเตียงแบบนั้น ทั้งที่ปกติก็ยุ่งอยู่ตลอด ทั้งทำงาน ไปเรียน แต่ตอนนี้กลับต้องมานั่งนิ่งๆแล้วทำกิจวัตรเดิมทุกวันที่มีแค่ นั่งนิ่งๆบนเตียง กินข้าว กินยา ทำแผล ดูหนัง เล่นมือถือ มีอยู่แค่นั้น ไม่มีอย่างอื่นเลย อ้อ.. แต่เพิ่มกิจกรรมการแกล้งผมเข้าไปอีกอย่าง แล้วเหมือนมันจะมีความสุขมากกับกิจกรรมนี้

“ วันนี้กูไปเรียนนะ ” ผมเอ่ยบอกอาฟตอนที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนักศึกษา ก่อนจะเดินไปยืนข้างเตียงของอีกคนแล้วหยิบกลีบส้มที่ปอกเอาไว้ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำขึ้นมากิน

“ ไอ้เดย์มารับใช่มั้ย ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับอีกคน “ แต่กูจะกลับสายหน่อยนะ เพราะกูจะอยู่ทำรายงาน ”

“ ให้ไม่เกินสามสิบนาที ”

“ ตลกแล้วครับคุณอารยะ กูมีสองมือทำเร็วสุดก็สองชั่วโมง ” ผมบอกก่อนจะยิ้มเหล่มองคนป่วยที่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยใบหน้าเซ็งๆ จนผมต้องแซว “ ทำไมครับ เหงาเหรอไม่มีน้องเมดอยู่ด้วยนะ ”

“ ใครสอนให้สำคัญตัวผิดอย่างงั้น ” ว่าแบบนั้นก่อนจะดึงมือมากอดเอวกันไว้ อาฟออกแรงดึงให้ผมนั่งลงข้างตัวของมันบนเตียง “ แต่ห้ามเลทกว่าสองชั่วโมงที่บอกไว้ ”

“ คิดถึงก็บอก พูดยากนักก็บอก I miss you ” ไม่มีคำตอบอะไรหลุดออกมาจากสายตาคมที่จ้องมองกัน มีเพียงแค่ริมฝีปากที่จูบลงบนข้างแก้มของผมแล้วนั่นก็คือคำตอบของคำถามที่ผมแซวอีกคนไป

“ แล้วงานที่ว่ามีใครทำบ้าง ”

“ ก็มียีนส์แล้วก็ฝ้าย ”

“ ไอ้เดย์จะไปเฝ้านะ ” พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เพราะมันคือความสบายใจของอีกคน และผมก็พนันได้เลยว่า ถ้ามันไปเองได้ อาฟก็อยากจะไปเองมากกว่าให้น้องเดย์ไป

“ แล้วอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ขากลับจะแวะซื้อเข้ามาให้ ”

“ มึง ”

“ บ้า ให้หายป่วยก่อนสิ พี่อาฟละก็ ” ทำทีเป็นผลักที่ไหล่มันก่อนจะมองไปทางอื่น ทั้งๆที่เขินจริงๆแต่กลับทำเป็นเขินเล่นๆไป แต่ตอนนั้นคนเจ้าเล่ห์อย่างคุณอารยะก็ไม่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องเล่นๆ อาฟใช้สองมือกอดเข้าที่เอวของผมก่อนจะออกแรงดึงให้เข้ามาใกล้ ใบหน้าคมที่ซุกลงระหว่างซอกคอ มันจูบเน้นย้ำจนเป็นรอยพลางหายใจเป่ารดเบาๆจนชวนให้เลือดในร่างปั่นป่วนก่อนจะกระซิบ

“ มึงก็ขึ้นขย่มสิ ”

“ เบาหน่อยพี่มึง นี่โรงพยาบาล ” ไม่ใช่เสียงของผมแต่เป็นเสียงของน้องเดย์ที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะขออนุญาตแต่อย่างใด ผมดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนป่วยทันทีในตอนนั้น แล้วนั่นก็ทำให้คนที่กอดกันไว้ถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปด่าน้องตัวเอง

“ สันดานของมึงนี่นะ ”

“ ว่าน้องอีกแล้ว ว่าน้องทำไม ”

“ เข้าห้องคนอื่นทำไมไม่เคาะประตู ”

“ ก็..”

“ ถ้ากูเอากับไอ้เมดอยู่จะทำยังไง ”

“ ก็ดีสิ กูก็อยากเห็นร่างของพี่เมดอยู่นะ ต้องเอ็กซ์มากแน่ๆ เพราะขาพี่เมดสวยสุดๆ ” รอยยิ้มกว้างเริ่มหดลงกลายเป็นเม้มปากสนิท คำพูดที่อยากจะพูดต่อถูกกลืนหายไปในตอนที่โดนพี่ชายจ้องมองแบบชนิดที่ว่าอยากให้สำนึกและเลิกพูดเล่นเสียที

“ ขอโทษครับ ” เสียงพูดเบาๆของน้องเดย์ชวนให้ผมหลุดยิ้ม “ คราวหน้าคราวหลังน้องเดย์จะเคาะประตูอย่างแน่นอน ”

“ งั้นกูไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวสาย มึงก็นั่งดูหนังรอเอมไปก่อน เดี๋ยวมันจะเข้ามาเล่นเกมส์เป็นเพื่อน ”

“ ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกด้วย ” อาฟบอกแค่นั้นผมก็พยักหน้ารับ

“ งั้นกูไปนะ ” เดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่โซฟาแต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปคนป่วยก็พูดขึ้นก่อน

“ ทำไงก่อน ” ผมหันไปเหลือบมองน้องเดย์ตอนที่อาฟพูดคำนั้น ก็รู้ว่ามันคืออะไร แต่จะให้ทำตรงนี้มันก็เกรงใจ ไม่ได้อยู่กันสองคนสักหน่อย แต่ทว่าเหมือนน้องชายตัวดีจะรู้ตัวว่าจะเกิดอะไร ก็เลยหันไปทางอื่นแทบจะทันทีเป็นการแสดงอาการที่บอกกันว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้สนใจ ทั้งๆที่สายตาก็เหลือบมองอยู่ตลอด “ เร็ว เดี๋ยวสาย ”

“ มันจะไม่สายถ้ามึงปล่อยกูไปเรียนแบบสบายๆ ” พูดแบบนั้นแต่ก็ยอมเดินไปจูบที่ริมฝีปากของอีกคน แล้วพูดเหมือนปกติทุกวันเวลาที่เราต้องห่างกันไปไหน “ แล้วเจอกันนะ ”

“ ตั้งใจเรียน ”

“ มึงก็ตั้งใจดูหนัง เล่นเกมส์แล้วกัน ” พูดแบบนั้นก่อนจะเดินออกไป อาฟก็เรียกน้องเดย์ไว้

“ เดย์ ”

“ ครับ ”

“ ฝากเมดด้วย ”

“ จ้า จะดูแลอย่างดีที่สุด ปูพรมแดงให้เดิน ออกแดดก็จะกางร่มให้ ตกลงมั้ย ” แต่เหมือนคนเป็นพี่จะไม่ได้ตอบอะไร น้องชายเลยได้แต่ยิ้มกว้าง “ จะดูแลอย่างดีจ้า ไม่ได้ห่วงน้า ”

บรรยากาศในมหาลัยยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ ก็คงเป็นหลายสายตาที่จ้องมองมาแล้วพากันหันไปซุบซิบ และเรื่องที่ว่าก็คงไม่เดาว่าเรื่องไหน มันคงไม่พ้นคดีดังเมื่อหลายวันก่อนที่ตอนนี้เรื่องคงแพร่กระจายไปทั้งมหาลัย ผมที่ถอนหายใจออกมากับความอึดอัดในตอนนั้นน้องเดย์ที่หันมายิ้มให้ พลางเอื้อมมือมาจับไหล่ราวกับจะบอกว่าไม่ต้องไปแคร์ ผมก็แต่ยิ้มแล้วบอกน้อง

“ พี่เมดโอเค น้องเดย์นั่งอยู่ข้างล่างนี้นะ เดี๋ยวเรียนเสร็จพี่เมดจะลงมาทำรายงานต่อข้างล่าง จองโต๊ะไว้ให้ด้วยละ ”

“ ครับผม ”

“ ตั้งใจเรียนนะพี่สะใภ้ ”

“ ครับผม ”

เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วในตอนที่ทุกคนหันมาเห็นผม ห้องทั้งห้องก็อยู่ในอาการเงียบกริบจนผมต้องนิ่งไปแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง แต่ตอนนั้นเพื่อนคนหนึ่งในห้องที่ทักขึ้นด้วยรอยยิ้มก็เปลี่ยนสีของบรรยากาศหม่นหมองสำหรับผมให้สดใสขึ้นอย่างฉับพลัน

“ เมดเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย ”

“ สบายดี ” ผมตอบก่อนจะยิ้มให้เธอ แล้วก็ทุกคนที่หันมายิ้มให้กันพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อหาโต๊ะที่ว่างแล้วตอนนั้น ฝ้ายที่นั่งอยู่กลางห้องตรงโต๊ะเล็คเชอร์ตัวในสุดจะยกมือขึ้นทักกัน

“ เมด ทางนี้ ”

“ ฝ้าย มานานแล้วเหรอ ”

“ สักพักแล้ว นี่เป็นยังไงบ้าง หายตกใจยัง ”

“ หายแล้ว ” ผมบอกก่อนจะนั่งที่โต๊ะตัวข้างเธอ “ แล้วฝ้ายเป็นไงบ้าง ”

“ ตอนแรกก็กลัวนิดหน่อย เพราะไอ้จิงดันเอามือถือฝ้ายไปส่งข้อความหาเมด ตำรวจเลยมาสอบสวนฝ้ายด้วย วุ่นวายไปหมดเลย กลัวแทบแย่ เค้าคิดว่าฝ่ายสมรู้ร่วมคิดกับไอ้จิงด้วยนะ ” อีกคนบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่โชคยังดีนะ ที่มันมีพยานรู้เห็นว่าตอนนั้นจิงมายืมมือถือฝ้าย เพราะฝ้ายก็ยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนด้วย มีทั้งพยานบุคคลแล้วก็กล้องวงจรปิด ไม่งั้นนะ แย่แน่ๆ ”

“ อื้ม ”

“ กูนะ โคตรเกลียดมัน ที่มาทำให้กูเกือบเข้าคุกไปด้วยทั้งๆที่กูไม่เกี่ยวอะไรเลย แต่พอมาคิดว่าถ้าคิดแบบนั้น มึงก็ต้องโทษตัวเองอีก เพราะว่าช่วงหลังๆเราคุยกันมากขึ้น มึงจะคิดมากหรือเปล่าเพราะเหมือนกูต้องมาลำบากเพราะมึง แล้วพอคิดแบบนั้น กูเลยปลงๆไป เพราะมันก็มีหลักฐานพร้อมที่กูจะรอดอยู่แล้ว อีกอย่างเลยคือกูสงสารมึง ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับมึง แม่งโคตรหนักเลยอะ กูไม่อยากจะให้มึงต้องแย่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ”

“ ขอบใจนะฝ้าย ”

“ เออ ไม่เป็นไร ” อีกคนพยักหน้ารับ “ จะจบแล้วด้วย อะไรที่มันไม่ควรเอามาใส่ใจก็ปล่อยๆมันไปเถอะ กูคิดว่าอย่างงั้นคงดีกว่า ”

“ อื้ม ”

“ เพราะงั้นเย็นนี้ก็อยู่ทำรายงานตัวจบก่อนกลับบ้านด้วยนะคุณมิณทร์ ”

“ ครับผม ”  ผมยิ้มให้เธออีกคนก็ยิ้มกว้าออกมา

“ แล้วนี่อาฟเป็นยังไงบ้าง สบายดีแล้วใช่มั้ย ”

“ สบายดีแล้ว อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วละ ” แต่ควรบอกว่ายิ่งกว่าสบายอีกมั้ง แม่งเล่นกวนตีนกูเก่งทุกวัน กว่าจะได้นอนแต่ละคืนก็แทบประสาทแดก ยิ่งกว่าจับเด็กเล็กให้อยู่นิ่ง เพราะอาฟจะไม่ยอมนอนเลยถ้าผมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงกับมัน แล้วพอล้มตัวลงนอนทั้งมือทั้งขาก็ยื่นมากอดกันไว้จนสุดท้ายเราก็หลับไปด้วยกันบนเตียง

จนตอนนี้กลายเป็นว่าทุกคืนเราก็ต้องนอนกอดกันบนเตียงในห้องของโรงพยาบาล กลายเป็นเรื่องเม้าส์ของพี่พยาบาลในหัวข้อ ‘ น้องห้อง 4043 ’

“ แล้วนี่มึงคุยกับยีนส์มันบ้างมั้ย ”

“ ไม่เลย ” ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะคิดขึ้นมาได้ ก็เลยเริ่มหันไปมองหามัน “ ช่วงที่กูไม่มามันมาเรียนบ้างมั้ย ”

“ ไม่มาเหมือนกันเพิ่งมาวันนี้แหละ นั่งอยู่หลังสุดเลย หันไปสิแถวเดียวกับเรานี่แหละ ”  ผมหันไปมองตามที่ฝ้ายบอก ยีนส์นั่งอยู่แถวหลังสุดของห้องคนเดียวเงียบๆ อย่างไม่พูดคุยกับใคร มันที่ก้มหน้าสนใจแต่มือถือ

“ กูรู้ว่ามึงคงสงสาร แต่ว่านะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมจริงมั้ย ” ผมไม่ได้ตอบอะไรฝ้าย ทำได้แค่ยิ้มให้และในตอนนั้นอาจารย์ประจำภาควิชาของเราก็เดินเข้ามาพอดี จากที่พูดคุยเสียงดังเลยเปลี่ยนเป็นเงียบลงแล้วเราก็เริ่มเรียนเนื้อหาที่ถูกเปิดขึ้นสอนในวันนี้

เวลาสองชั่วโมงกว่าเคลื่อนผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย ผมขยับมือบิดขี้เกียจเอาสุดแรงก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ฝ้ายที่หันมายิ้มให้กันในตอนนั้นผมก็หันไปมองยีนส์ที่เดินเข้ามาหา

“ ทำรายงานข้างล่างใช่มั้ย ”

“ ใช่ ” ผมตอบในตอนนั้นยีนส์ก็พยักหน้ารับ แล้วก็เดินตามเรามาเงียบๆจนถึงด้านล่างของตึกหน้าคณะตรงโต๊ะม้าหินที่ถูกจับจองจนเต็ม

“ โต๊ะเต็มหมดเลยว่ะ ” ฝ้ายพูด ในตอนนั้นผมก็ชี้ไปที่โต๊ะของน้องเดย์ที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นเกมส์ในเครื่องนินเทนโด้อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ข้างตัวก็ที่มีทั้งขนม เยลลี่ แล้วก็น้ำอัดลม

“ น้องกูนั่งจองไว้ให้ละ ”

“ เดี๋ยวๆ น้องมึงหล่อขนาดนี้เลยเหรอ ” ฝ้ายจับมือผมไว้ก่อนจะถาม สาวเจ้าเม้มปากจนหน้าแดงผมก็หลุดยิ้มขำ

“ น้องชายอาฟ ”

“ พรีเมี่ยมทั้งบ้าน กูยอมแล้วจ้า แต่เดี๋ยวกูมานะ ”

“ ไปไหนวะ ” หันไปถามตอนนั้นฝ้ายก็แค่ยิ้ม

“ ไปแต่งหน้า ”

“ ขนาดหนัก ” พูดเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะหันไปสบตากับยีนส์พอดีเพราะเหมือนทางนั้นจะมองอยู่ แล้วในตอนนั้นเราก็เกิดอาการเงียบให้กันไปชั่วขณะหนึ่ง ความอึดอัดส่งผ่านทางสายตาของเราหลงเหลือแค่รอยยิ้มที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา จนผมต้องเอ่ยชวน “ ไปนั่งที่โต๊ะกันมึง ”

“ เมด ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ยวะ ” ผมนิ่งไปในตอนนั้น ก่อนจะเหลือบไปมองน้องเดย์ที่ก็เงยหน้าขึ้นมามองทางผมพอดี ในตอนนั้นผมพยักหน้ารับกับยีนส์

“ ว่ามาเลยมีอะไร ” แต่ทว่าพอถาม คนที่เอ่ยขอกลับนิ่งไป ผมรู้ว่ายีนส์ไม่ได้ไม่อยากพูดแต่มันมีเรื่องที่อยากจะพูดเยอะแยะไปหมดจนไม่สามารถเรียบเรียงได้เลยต่างหาก ในแววตาของมันบอกผมว่าอย่างงั้น “ ไม่เป็นไร ค่อยๆพูดก็ได้มึง ”

“ กูขอโทษนะ ” มันเป็นคำพูดสั้นๆที่อีกคนเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “ กูรู้ว่ามันคงสายไปที่จะพูดคำนี้ แล้วมันก็ทดแทนไม่ได้เลยกับสิ่งที่กูทำ แต่กูก็ยังอยากจะขอโทษมึงนะ ขอโทษอย่างจริงจัง ขอโทษจริงๆนะเมด ขอโทษที่กูทำร้ายมึงขนาดนั้น ขอโทษที่ปล่อยให้ความรู้สึกของกูมันมาทำร้ายความเป็นเพื่อนของเรา ”

“ ไม่เป็นไร ” ผมยิ้มให้อีกคน ยีนส์ก็นิ่งไปอีกครั้ง และหนนี้มันนิ่งไปนานราวกับจะไม่พูดต่อแล้ว แต่ทว่าอยู่ๆน้ำตาของคนตรงหน้านั้นกลับไหลออกมา “ มึง..”

“ ทั้งๆที่กูทำเรื่องเหี้ยกับมึงขนาดนี้ แต่วันนี้มึงยังยิ้มให้กูแล้วบอกว่าไม่เป็นไรได้ไงวะ ทำไมถึงได้ใจดีขนาดนั้น ทำไมถึงยังได้ใจดีกับคนอย่างกูขนาดนี้ ”

“ เพราะว่าความเจ็บปวดของกูมันผ่านไปแล้วไง กูถึงบอกมึงได้ว่าไม่เป็นไร ” ผมบอกอีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่อีกคนที่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “ แล้วอีกไม่นานความเจ็บปวดของมึงก็จะผ่านไปเหมือนกัน ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ” ยีนส์ยิ้มให้ผมก่อนจะถอนหายใจออกมา พลางยกมือขึ้นปากน้ำตาที่ไหล

“ กูเลิกกับบินแล้วนะ ”

“ เหรอ ” ผมยิ้มอย่างเข้าใจในสิ่งที่อีกคนกำลังรู้สึก

“ สุดท้ายแล้วพอมันเป็นเรื่องของกู กูก็ทำใจยอมรับไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนพอเป็นมึง กูเคยคิดปากดีว่าเรื่องแค่นี้เอง แต่พอมันเป็นเรื่องของกู มันไม่แค่นี้เลย มันเหี้ยมาก เหี้ยจนกูคิดว่า กูทำแบบนั้นกับมึงได้ยังไง ”

“ ยีนส์ ”

“ แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ กูไม่ได้คิดจะมาขอมึงเป็นเพื่อน กูแค่อยากจะขอโทษมึงจริงๆ แล้วก็อยากจะขอบคุณ ” ผมนิ่งไปบ้างในตอนที่อีกคนบอก “ ขอบคุณที่ตั้งแต่เด็กจนโต มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกูมาตลอด แล้วกูคิดว่าต่อไปนี้ กูคงไม่สามารถหาเพื่อนที่ดีแบบมึงได้อีกแล้ว กูขอโทษที่ทำลายความเป็นเพื่อนของเรา แล้วกูก็อยากให้มึงรู้ว่า ถ้ากูย้อนกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้สักอย่าง สิ่งเดียวที่กูอยากแก้ไข ก็คือความเป็นเพื่อนของเรา ถ้าเลือกได้อีกครั้ง กูจะไม่ทำลายมันเหมือนอย่างวันนี้ ”

“ อื้ม ” ได้แต่ตอบอีกคนสั้นๆ ในตอนนั้นยีนส์ก็ยิ้มให้ผม

“ ขอบคุณนะ ที่ครั้งหนึ่งมึงเคยเข้ามาทำให้คนอย่างกูเข้าใจ ว่าเพื่อนที่ดีควรเป็นกันยังไง แค่นี้แหละที่อยากจะบอก ขอบคุณแล้วก็ขอโทษนะ จากใจกูเลยเมด ”

“ แล้วบินโอเคเหรอ ? กูหมายถึงเรื่องที่มึงเลิกกับมัน ”

“ เราเลิกกันด้วยความเข้าใจน่ะ ต่างคนแค่ต่างก็ต้องไปมีชีวิตใหม่ แล้วกูคิดว่านั่นมันดีที่สุดแล้ว ”

“ อื้ม ” ผมยิ้มให้คนตรงหน้า “ กูขอให้มึงโชคดีนะ ”

“ มึงเองก็ด้วยนะ ” พยักหน้ารับให้กัน แต่ในตอนที่กำลังจะเดินออกไปนั่งที่โต๊ะผมเองก็หยุดขาที่จะก้าวนั้นไว้ก่อน “ ยีนส์ ”

“ หื้ม ? ” ท่าทางสงสัยของคนโดนเรียกปรากฏขึ้นบนหน้าจนผมหลุดยิ้มออกมา

“ เราอาจจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้ว แต่ว่าเรายังเป็นคนรู้จักกันได้นะ ในอนาคตถ้าเจอกัน อย่าลืมทักทายกันบ้างนะ ”

“ อื้ม ได้สิ ”


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
จากหนึ่งวันเคลื่อนเข้าสู่หนึ่งอาทิตย์ จากที่ต้องนอนนิ่งๆอยู่ที่บนเตียงในโรงพยาบาลตอนนี้ก็ได้เวลาที่คนป่วยจะได้กลับบ้านเสียที คุณอารยะที่ดูสดชื่นและสดใสกว่าทุกวันใส่เสื้อยืดสีดำตัวโปรดกับกางเกงสีเดียวกัน และตอนนี้ก็กำลังจัดการใส่เข็มขัดของตัวเองอยู่

เสียงฮัมดนตรีได้ยินเบาๆเป็นระบะบจนผมต้องหลุดยิ้ม ท่าทางมีความสุขนั้น อาจเพราะอีกฝ่ายจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมตั้งแต่เมื่อวานด้วยการโทรบอกน้องชายตัวเองให้เอารถมาให้ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง ส่วนผมเองก็จัดกระเป๋ากลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ค่อยอยากจะกลับเท่าไหร่เหมือนกัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ ครับ ” ผมเดินไปบอกเปิดประตูห้องของตัวเอง ก็พบกับคุณตำรวจสองคนคนเดิมที่เคยมาสอบสวนเรา มายืนอยู่ที่หน้าห้อง

“ สวัสดีครับ ” ใบหน้านั้นก้มลงทักผมก็ยักมือไหว้ ก่อนที่คุณตำรวจจะแนะนำตัวแล้วเดินเข้ามาหา “ วันนี้จะออกจากโรงพยาบาลกันแล้วเหรอครับ ”

“ ครับผม คุณตำรวจเดินทางมา มีอะไรหรือเปล่าครับ ”

“ ผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณอารยะครับ ”

“ ครับ” คนโดนเอ่ยชื่อเดินออกมาจากเตียง ก่อนจะยกมือไหว้คุณตำรวจที่ก็ก้มหน้าลงทัก

“ ผมจะมารายงานผลการสอบสวนของคดีที่เกิดขึ้นครับ ” คุณตำรวจว่าแบบนั้น ผมก็ได้แค่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปสบตาอาฟที่ก็หันมามองกันเพียงครู่ แล้วก็หันไปพยักหน้ารับให้คนพูด “ ตอนนี้ทางเราได้ดำเนินการทางคดีเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ และก็ได้ส่งเรื่องไปให้อัยการพิจารณาในการสั่งแล้วในเช้าวันนี้ "

“ งั้นเหรอครับ ”

“ ทางคุณอารยะเองก็สามารถยื่นคำร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายได้นะครับ ”

“ สำหรับเรื่องนั้นคงไม่ต้องหรอกครับ ทางผมได้รับการติดต่อจากพ่อแม่ของทางนั้นแล้ว และเค้าก็ยินดีชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลทั้งหมด ซึ่งผมก็ต้องการให้รับผิดชอบแค่นั้น ”

“ แล้ว ตอนนี้ผู้ต้องหา เป็นยังไงบ้างเหรอครับ ”

“ อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีครับ ”

“ เหรอครับ ” ผมพูดเสียงเบาออกมาในตอนที่ได้ฟัง เข้าใจอยู่เหมือนกันว่าไม่สามารถที่จะรู้เรื่องราวความเป็นไปนั้นได้ทั้งหมด

“ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”

“ ครับ ขอบคุณมากนะครับ ” อาฟยกมือไหว้คุณตำรวจ ผมเองก็เช่นกัน ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วตอนนั้นอาฟก็พูดแค่สั้นๆ “ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลอย่างงั้น ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับอีกคนก็หันไปมองแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ ได้กลับบ้านสักทีเนอะมึง โคตรเบื่อเลย ”

“ กูว่าก็โอเคออก ได้นอนห้องหรูตั้งหลายวัน ” คนป่วยยักไหล่ ผมก็ได้แต่มองไปรอบๆห้อง ก็สมกับที่เป็นคุณอารยะ ในวันที่พ่อแม่จิงหอบกระเช้ามาเยี่ยมมัน พออีกฝ่ายเอ่ยว่าจะช่วยเหลือค่ารักษาเต็มที่ มันก็จัดการบอกพยาบาลขอย้ายห้องไปอยู่ห้องที่แพงที่สุดทันที แถมยังบอกหมออีกว่า มันจะอยู่จนหายสนิทถึงจะออกไป ตอนนั้นทางพ่อแม่จิงก็แค่ยิ้มแห้งๆ ส่วนคนที่พูดออกมาแบบนั้นก็พูดสั้นๆแค่ว่า ‘ ช่วยจ่ายเต็มที่อย่างที่บอกด้วยนะครับ ’

“ แล้วนี่เราไปไหนก่อน แวะกินข้าวก่อนมั้ย หรือว่าจะกลับคอนโดเลย ” เอ่ยถามอีกคนตอนที่ก้มลงไปรูดซิปกระเป๋า ผมเงยหน้าขึ้นมองอาฟที่ก็เดินเข้ามากอดคอผมไว้

“ กูจะไปที่ที่หนึ่งก่อน วันนี้กูนัดกับคนคนนึงไว้ ”

“ ใครวะ ? ”  ไม่มีคำตอบจากคำถามนั้น มีเพียงแค่รถสปอร์ตสีดำคันเดิมที่ถูกขับไปตามทางที่ไกลออกไปจากเส้นถนนสุขุมวิท ผมมองรอบข้างที่ค่อนข้างคุ้นชินเพราะมันคือทางกลับคอนโด แล้วนั่นก็ทำให้ผมขมวดคิ้วแล้วต้องเอ่ยถามคนขับอีกครั้ง “ นี่มึงจะพากูกลับคอนโดเหรอ ? มึงนัดวิวไว้เหรอ ”

“ นิ่งๆน่า ” ตอบแค่นั้นก่อนจะดึงมือผมข้างนึงไปจับไว้แล้วขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็มาจอดอยู่ด้านหลังของโรงเรียนมัธยมเก่าของผมที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงเรียนของอีกคน

“ เดี๋ยวนะ มึงนัดใครที่โรงเรียนเหรอ ”

“ ลงไปเดี๋ยวมึงก็รู้ ” อาฟบอกก่อนจะปรับเกียร์แล้วดึงเบรคมือขึ้น สายเข็มขัดนิรภัยของเราถูกปลดพร้อมกันแล้วในตอนที่ผมก้าวออกไปข้างนอก ก็พบว่าวันนี้เป็นธรรมดาที่อีกไม่นานก็ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว นั่นก็เพราะรถขายของกินที่กำลังจอดเรียงรายอยู่ข้างฟุธบาท มันมีทั้งของกินที่ผมเคยชอบ แล้วก็ของกินใหม่ๆ รวมถึงพื้นที่ว่างที่ตอนนี้กลายเป็นคาเฟ่น่ารักๆ ที่คงมาเปิดได้ไม่นาน

“ ไม่ได้มานานเปลี่ยนไปโคตรเยอะ ”

“ เหรอ ” คนที่เดินมายืนข้างกันพูดขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆบ้าง “ จำได้มาเมื่อก่อนยังไม่มีร้านคาเฟ่ตรงนั้น ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับตาม “ แล้วก็ยังไม่มีร้านขายน้ำตรงนั้นด้วย ”

“ อื้ม ”

“ แล้วโรงเรียนกูก็คือ เปลี่ยนไปมาก มีตึกใหม่ด้วย ตอนกูอยู่ไม่เห็นแม่งจะพัฒนาเหี้ยอะไร แต่พอกูออกบุ๊ป มีตึกใหม่บั๊ป ”
“ ขี้บ่น ” อาฟพูดเสียงเบา “ แต่โรงเรียนกูก็มีตึกใหม่เหมือนกัน ” บอกแบบนั้นก่อนจะมองไปด้านหลัง ที่ตอนนั้นผมก็มองตามมันไปเหมือนกัน ตึกสูงสีขาวที่ดูสวยงามชวนให้เรามองอยู่นานจะผมต้องหันมาถามอีกคนด้วยคำถามที่ก็ยังคงสงสัยอยู่

“ แล้วตกลงมึงนัดเจอใครที่นี่ ”

“ นั่นร้านชานมที่มึงชอบซื้อไม่ใช่เหรอ ” คนข้างกันเชิดหน้าเปลี่ยนเรื่องไปที่ร้านชานมเจ้าประจำของผมที่เคยซื้อเกือบทุกวันสมัยอยู่ม.ปลาย “ ไม่อยากกินเหรอวะ ไม่มีคนนะ ”

“ มึงแม่งอย่าพูดดิวะ คนกำลังไดเอทไอ้สัด ” เสียงหัวเราะของคนข้างตัว ผมก็มองไปรอบๆ “ รอให้คนที่มึงนัดมาก่อนก็ได้ เสร็จธุระแล้วค่อยไปซื้อ ”

“ เค้ายังไม่ออกมาหรอก ถ้ามึงยังไม่ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ”

“ ไม่เข้าใจ ”

“ ก็ลองข้ามถนนไปแล้วเดี๋ยวจะเข้าใจเอง ” เลิกคิ้วสงสัยอีกคน

“ เค้าเป็นคนขี้อายเหรอ ”

“ ตอนนี้ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใช่ กูเห็นเค้าชอบก้มหน้างุดทุกทีเวลา..ได้ของ ”

“ งั้นกูไปซื้อชานมก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเรียกนะ ”

“ อื้ม ” อาฟยักคิ้วให้ผมที่ก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะหยุดยืนนิ่งบนฟุธบาทแล้วเงยหน้ามองดูโรงเรียนของตัวเองในมุมใกล้ๆอยู่สักพัก

ทุกอย่างที่นี่มีความทรงจำ แม้มันจะทำให้รู้สึกทุกข์แต่ว่าตอนนั้นมันทั้งสนุกและมีความสุขอย่างที่สุดแม้หวนกลับมาคิดถึงในตอนนี้ ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองอาฟที่ยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของถนนเพื่อดูคนที่นัดเจอ แล้วในตอนนั้น รอยยิ้มของอาฟที่มอบให้กัน ก็ทำให้ผมเข้าใจทุกอย่าง

บรรยากาศตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับสี่ปีเลยสักนิด ผมยืนอยู่ตรงนี้ แล้วอาฟก็ยืนอยู่ตรงนั้น ‘ อย่างงี้นี่เอง ’ ผมพูดกับตัวเองในใจ รู้แล้วว่าคนที่อีกฝ่ายนัดเจอคือใคร เข้าใจแล้วว่าทำไมถ้าผมไม่ข้ามถนนมาก็คงไม่เจอ แล้วเข้าใจด้วยว่าเค้าเป็นคนที่ขี้เขินแค่ไหนในตอนที่รับของ เพราะคนคนนั้นก็คือผม คนที่เมื่อสี่ปีก่อนมีนัดกับอาฟในทุกวันตอนเย็น

“ แม่ง เล่นกูอีกละ ” เผลอสบถออกมา แต่ทว่าดูเหมือนครั้งนี้มันจะต่างกันไปจากทุกครั้งอยู่หน่อย อาจเพราะครั้งนี้ไม่ต้องมีคนส่งนมแล้ว ไม่มีแม้แต่เด็กคนอื่นที่จะชวนให้ผมเบนสายตาไปมองและคิดว่า อาจจะเป็นเค้าคนนั้น เพราะวันนี้คนที่อยู่ตรงข้ามกันข้างหน้ามีแค่ผู้ชายที่ชื่อ อารยะ แค่เพียงคนเดียว

วินาทีนั้นความวุ่นวายของสิ่งแวดล้อมรอบตัวถูกเบาเสียงลงอย่างกระทันหัน แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคืออัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มจังหวะให้ดังขึ้นทุกที เพียงแค่ผมจ้องมองคนที่อยู่ตรงข้ามกันเพียงเท่านั้น  ท่าทางตกประหม่าของผู้ชายที่ปกติทั้งแสนขี้เก็กและค่อนข้างปากหมา มองจากตรงนี้ อาฟกำลังกลืนน้ำลายลงและเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นไว้แน่น สายตาที่มองมาหากันอย่างจริงจัง ก่อนที่ขานั้นจะค่อยๆก้าวเดินออกมาหลังจากที่มองซ้ายขวา อย่างมั่นใจ

“ นี่นะเหรอ คนที่มึงนัดไว้ ” แล้วนั่นก็เป็นคำถามแรกที่ผมเอ่ยถามอีกคน แล้วตอนนั้นคนที่ถอนหายใจออกมาก็พยักหน้ารับ

“ อื้ม ” มันเป็นเสียงขานรับในคอที่บางเบาจนชวนให้ผมยิ้ม “ ก็เมื่อก่อนไม่เคยกล้าเดินเข้ามาหาเลย วันนี้เลยอยากจะลองเดินเข้ามาหาดู ”

 ช่างเป็นเหตุผลที่ฟังแล้วชวนให้ยิ้มกว้างกว่าเก่า

“ มึงแม่ง.. ” ทำได้แค่สบถแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นก่อน

“ ยืนรอตรงนี้ แปปนึงนะ ” พูดจบก็หันหลังเดินออกไป แผ่นหลังนั้นเดินผ่านร้านข้างทางแล้วหายเข้าไปในเซเว่นที่อยู่แถวนั้นสักพัก ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับนมช็อกโกแลตแบบที่ไม่ต้องเดา ผมก้มหน้าลงยิ้มกว้างตอนที่เห็น คนเอามาให้เองก็ก้มหน้าก้มตาเดินมาเหมือนกัน หูแดงจัดที่ห้ามความรู้สึกเขินอายไว้ไม่อยู่แล้วตอนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อาฟก็ยื่นมันมาให้ผม

“ กูถามจริงๆนะ ทำไมมึงถึง..”

“ ก็กูย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว ” มันเป็นคำพูดสั้นๆที่อีกคนพูดกับผมในตอนนั้น คำพูดที่ทำให้รอยยิ้มของผมที่อยากจะเอ่ยล้อมันหายลับไปแล้วทำได้แค่เพียงยืนฟังมันนิ่งๆ “ แต่ก็อยากให้มึงรู้ว่า ถึงกูจะย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว แต่วันนี้ กูทำให้ได้นะ แม้ว่าตอนนั้นจะพลาด ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คิดไว้ แต่ต่อไปนี้ จะทำให้นะ จะทำอย่างที่เคยคิดว่าจะทำกับมึงมาตลอด แล้วนี่ก็คือทสิ่งแรกที่กูอยากทำ ” นมที่ถืออยู่ถูกยัดมาในมือผม “ กูซื้อมาให้ ”

“ แล้ว.. มึงชื่ออะไรเหรอ ” อาฟนิ่งไปตอนที่ผมถาม “ ก็ไม่เคยได้พูดเลยไม่ใช่เหรอ คำนี้น่ะ ”

“ อาฟเตอร์ ” เจ้าของชื่อพูดเสียงเบา ก่อนกลืนน้ำลายตกประหม่านั้นลงคอแล้วเน้นย้ำอย่างมั่นใจออกมาอีกครั้ง “ ชื่ออาฟเตอร์ อารยะ ”

“ อื้ม กูชื่อเมดนะ ”

“ ชอบ ” คำสั้นๆที่เหมือนหลุดออกมาชวนให้ผมเองหลุดยิ้ม ส่วนอาฟเองก็เหลือบไปมองทางอื่น ตอนที่ผมมองตามไปจ้องตามันเพื่อทำทีเป็นแกล้งไม่ได้ยิน อีกก่อนก็สูดลมหายใจเข้าไปในปอดจนลึกแล้วหันกลับมาบอกอีกครั้ง “ กูชอบมึง ”

“ เรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้ว ” อาฟหลุดยิ้มออกมา คนตรงหน้าที่ถอนหายใจในตอนนั้นมันเกาหัวตัวเองแก้เก้อกับสิ่งที่อยู่ๆก็พูดออกมา ส่วนผมเองก็ก้มหน้าลงเจาะนมที่ตัวเองถืออยู่ก่อนจะยกขึ้นดูดแล้วตอนนั้นคนข้างกันก็เอื้อมมือมากอดคอกันไว้ “ เออ กูว่าจะถามหน่อย ”

“ ว่า ”

“ เมื่อก่อนมึงเคยส่งโจทย์เลขมาให้กูแก้สมการให้ ท้ายกระดาษที่กูส่งไป กูเขียนไอดีไลน์แล้วก็เบอร์โทรไว้ด้วยนะ ตอนนั้นมึงไม่เห็นเหรอ ”

“ เห็น ” คำตอบที่ทำให้ผมขมวดคิ้ว

“ แล้วทำไมไม่แอดไลน์มา ”

“ ใครจะกล้า ”

“ อะไรวะ ไม่สมเป็นเจ้าของผับ throw up เลยนะ อารยะ ” ส่ายหน้าไปมากับความป๊อดของอีกคน แต่ในตอนนั้นอาฟก็แค่ยิ้มให้ผม

“ ช่วยไม่ได้ ก็ตอนนั้นกูเป็นแค่ไอ้อาฟเตอร์ ห้องสี่ศิลป์คำนวนที่ชอบเด็กโรงเรียนตรงข้ามที่ชื่อเมดก็เท่านั้น ”

“ นั่นก็จริงของมึง ”

ความเงียบคืบคลานเข้าปกคลุมเราที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้มันกลับเป็นความรู้สึกอบอุ่นใจที่เหมือนกำลังโอบกอดเราสองคนอะไร โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรสักคำ แล้วตอนนั้นอาฟเอื้อมมือมาจับมือผม

“ มึงน่ะ คิดยังไงกับรักครั้งแรกวะ ” ขมวดคิ้วในตอนที่อยู่ๆ ก็โดนอีกฝ่ายถามขึ้นมากะทันหัน ผมหันไปมองอาฟที่ไม่ได้หันหน้ามามองผมในตอนนั้น ก่อนจะคิดหาคำตอบอยู่สักพัก

“ คงเป็นรักที่ลืมได้ยาก แล้วก็จบลงด้วยความไม่สมหวังเป็นส่วนใหญ่ละมั้ง ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ”

“ แต่สำหรับกู รักครั้งแรก คือ รักครั้งเดียวของชีวิต แล้วมันก็เกิดขึ้นตรงนั้น ” ใบหน้าคมเชิดหน้าไปตรงฟุธบาทที่ถนนฝั่งตรงข้าม “ มันก็เกิดขึ้นในวันที่กูเดินมาหยุดอยู่ตรงนั้น ตอนที่ห็นมึงยืนอยู่ตรงนี้ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ”

“ อาฟ รู้มั้ยว่ามึงน่ะสมเป็นเจ้าของผับ throw up จริงนะๆ ” ผมก้มหน้าลงตอนที่พูดแบบนั้น “ ภายนอกดูน่ากลัว แต่ข้างใน กลับอบอุ่น ”

“ งั้นเหรอ ”

“ แล้วที่ที่ throw up อบอุ่นที่สุดสำหรับกูก็คือ ชั้นสาม เพราะที่ชั้นสามตรงนั้น มันมีมึงอยู่ ” ผมถอนหายใจพลางยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปหาอาฟ “ เพราะงั้นสัญญาอะไรกับกูสักข้อได้มั้ย ”

“ อะไร ”

“ อยู่ด้วยกันอย่างงี้ไปตลอดนะ ”
   
“ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ จนถึงตอนนี้ กูไม่เคยคิดจะไปไหน ” แล้วนั่นก็คือคำตอบ ที่ไม่ได้บอกกันเพื่อให้มั่นใจในอนาคต แต่เป็นคำตอบที่บอกกันว่า อดีตเคยเป็นมายังไง ต่อไปนี้ก็จะยังคงเป็นไปอย่างงั้น ‘ เคยรักกันยังไง ก็จะรักไม่เสื่อมคลายไปอย่างงั้น ’   เพื่อให้สมกับที่พูดว่า นี่คือรักครั้งแรก และก็จะเป็น รักครั้งสุดท้ายของชีวิต


-------------- The end --------------




ในที่สุดก็มาทันสิ้นปี
นิยายเรื่องยาวในปีนี้ จบลงทันปี 2018 จนได้
ก่อนอื่นเราขอขอบคุณคนอ่านที่แสนจะน่ารักของเรา ที่อยู่ติดตามกันมาตลอด
ขอบคุณที่เป็นบ่อพลังงานและแรงใจให้เราอย่างสม่ำเสมอ
ทุกคอมเม้นท์ที่เขียนถึงกันทุกตอน จากทุกช่องทางที่อัพ
กำลังใจในวันที่เขียนนิยายไม่ทัน เมนชั่นเข้ามาให้เสมอผ่านช่องทางทวิตเตอร์
หนมขอขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ เราอาจจะตอบกลับไม่หมด แต่เราอ่านข้อความของทุกคน จากทุกแท็ก ที่ทุกคนแท็กให้
ขอบคุณที่คอยช่วยผลักดัน ให้นิยายเรื่องเสร็จสมบูรณ์

และตอนนี้ก็อยากจะถือโอกาส ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ไปกับทุกคน
สวัสดีปีใหม่นะคะ สำหรับปี 2019 ผับชั้นสาม ยังคงเปิดทำการเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือความสนุกของตอนพิเศษ ที่เนื้อหาเข้มข้นแน่นอน
ฝากติดตามด้วยนะคะ
และสำหรับใครที่สนใจ เนื้อหาในส่วนของการรวมเล่ม หนมจะอัพรายละเอียดทั้งหมด
ในตอนที่อัพตอนพิเศษแรกให้อ่านกันนะคะ คิดว่า น่าจะเริ่มในวันศุกร์ที่ 5 มกราคม
สุดท้ายนี้ สวัสดีปีใหม่นะคะ happy new year ค่ะทุกคน
รักนะคะ

อย่าลืมแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
เพราะรักคำเดียวจริงๆ

อาฟ อารยะ ผู้ชายขี้เก๊ก แต่ขี้อายสุดๆ สำคัญคือรักเดียวใจเดียว
เมด ถือเป็นคนที่โชคดี ความผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นครูจริงๆ

ชอบตัวละครทุกตัว มีชีวิตชีวาดี เสียดายเอมมาช้า แต่ก็มา

ขอบคุณนะคะ รออ่านตอนพิเศษและเรื่องต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :pig4: :pig4: :L1:ชอบมากอาฟพาเมดมาสร้างบรรยากาศหน้าโรงเรียนถึงจะย้อนกลับไม่ได้แต่สร้างใหม่ได้จบเสียแล้วรอตามรวมเล่มค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะ ไรท์ 
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต......
ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรงนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:

จบแล้ว  Happy Ending  :impress2:
จริงเลยที่ โกรธ เกลียด แค้น เหลานี้มีแต่ทำให้เราไม่มีความสุข
ไม่คิดเครียด อาฆาตพยาบาท ก็จบกัน
ใครทำได้ ก็ใจก็สบาย แต่ทำยากมากๆ

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มาก
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หวาน เนียนๆ กันไป ก็จบซะแล้ว
ขอบคุณกับเรื่องสนุกๆ เต็มไปด้วยอารมณ์สีสันมากมาย ให้ได้ลุ้นได้เล็งไปทั้งเรื่อง

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


แล้วเราก้อได้ฉลองปีใหม่ โดยอ่านนิยายข้ามปี เย้………

อ่านตอนจบของ Throw up ในคืนวันที่31 ต่อวันที่1 จบแบบเนียนๆฟินๆ

ให้ไรท์ได้มีความรักที่ยั่งยืนยาวนานมั่นคงเหมือนที่เมดได้จากอาฟน้าาาาา

ให้มีกำลังใจเขียนนิยายดีๆให้ออกมาเรื่อยๆจ้าาาา


 :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:


……

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สุขสันต์ไปกันทั่วหน้า รอบหน้าขอเป็นตาของน้องเดย์ กับ น้องอัยย์ บ้างซิ  :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :katai2-1: ขอบคุณมากนะคะและก็สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่อาฟกับน้องเมดปิดปี2018 และเริ่มเริ่มปี2019ได้อย่างสวยงาม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด