“ ยีนส์ ” เสียงเรียกของคนที่นอนอยู่ข้างกันในปัจจุบันเอ่ยเรียกผมที่หวนคิดถึงอดีตอยู่นาน ผมหันไปมองบินที่กำลังขมวดคิ้วใส่กัน ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “ เป็นอะไร กูเรียกตั้งหลายครั้ง เหม่ออะไรของมึงอยู่ ”
“ เปล่า ” ผมแค่ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้มันแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง “ กูแค่คิดอะไรเพลินๆ ”
“ คิดอะไร ” หันถามคนที่ก็พลิกตัวหันมาหากันด้วยความสนใจ ไม่อยากจะพูดความจริงออกไปเลยทำได้แค่จดจ้องมันอยู่แบบนั้น ก่อนจะเลือกถามคำถามหนึ่งที่อยากรู้มานานแต่ไม่เคยได้ถามมันสักครั้ง
“ บิน กูถามอะไรหน่อยสิ ”
“ ว่า ”
“ ทำไมตอนม.หกมึงถึงซื้อนมช็อกโกเล็ตไปให้ไอ้เมดทุกวันเลยวะ ” คำถามที่ทำให้อีกคนนิ่งไป บินถอนหายใจออกมาก่อนจะเกาหัวตัวเองแล้วยิ้มออกมา ใบหน้าที่กำลังรู้สึกผิดของมันชวนให้ผมขมวดคิ้ว
“ เอาความจริงนะ ”
“ อื้ม ”
“ กูไมได้เป็นคนซื้อนมนั่นไปให้เมดหรอก ”
“ ห๊ะ ? ” ได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน “ เดี๋ยวนะ หมายความว่ายังไงวะ มึงไม่ได้ซื้อนมไปให้มันหรอกเหรอ ไหนเมดบอกว่า มึงเป็นคนซื้อนมไปให้มันไง นี่โกหกมันเหรอ ” ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ บินที่ยิ้มออกมาชวนให้ผมหลุดหัวเราะไม่ต่างกับมันที่หัวเราะออกมา “ ไอ้เหี้ย มึงนี่มันจริงๆเลย ”
“ ก็จะให้ทำไงได้วะ ตอนนั้นสถานการณ์แม่งโคตรบีบบังคับกู เพื่อนๆก็มุงดู ทั้งคนในโรงเรียนกู คนในโรงเรียนมึง เมดที่ถามออกมาว่า กูเป็นคนซื้อนมช็อกโกเล็ตนั่นให้มันเหรอ คือตอนนั้นกูรู้เลยไง ว่าถ้าบอกว่า ไม่ใช่ เมดมันก็ต้องปฎิเสธ แบบนั้นมันก็น่าอายสิว่ะ กูแม่งเป็นถึงนักบาสโรงเรียนนะเว้ย จะให้โดนปฎิเสธได้ไง ตอนนั้นก็เลยตอบส่งๆไปก็เท่านั้นอะว่า ใช่ ”
“ เลวจริงๆไอ้สัด ”
“ เอาจริงๆ ทุกวันนี้กูยังไม่รู้เลย ว่าไอ้นมช็อกโกเล็ตเหี้ยนั่นมันยี่ห้ออะไร รู้แค่ว่า กูแย่งมาจากเพื่อนอีกที ”
“ แย่งมาจากเพื่อนเหรอ ”
“ อื้ม ” อีกคนพยักหน้ารับ “ ก็ไอ้เอมเพื่อนในชมรมบาสของกูมันถือนมอยู่พอดี กูตอนนั้นตื่นเต้นไง ไม่ได้ถืออะไรไป เลยไปคว้านมที่มันถือมา ก็ใครแม่งจะรู้วะ ว่านมนั่นคือนมที่ไอ้เอมเพื่อนกูมันเอาไปให้ไอ้เมดทุกวันอยู่แล้ว โคตรโชคดีเลย ถึงจะเสียเพื่อนไปก็เถอะ ”
“ มึงเสียเพื่อนคนนั้นไปเลยเหรอ ” ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ “ แต่ก็สมควรละ มึงแม่งไปแย่งคนที่มันมาจีบอยู่ตั้งนาน ”
“ ช่วยไมได้เปล่าวะ ใครบอกให้มันจีบช้าๆแบบนั้น ส่งนมให้ทุกวันโคตรปัญญาอ่อน แล้วอีกอย่างตอนนั้นกูเองก็ขายหน้าไม่ได้ด้วย ”
“ รู้อะไรมั้ย วิธีที่มึงบอกปัญญาอ่อน แต่เป็นวิธีที่มัดใจไอ้เมดไว้ได้แน่นมากเลยนะ ” บินหันมามองผมตอนที่พูดคำนั้น “ ตอนนั้นเมดมันก็มีเด็กในโรงเรียนมาจีบอยู่เหมือนกัน แต่เพราะว่ามันดันไปตกหลุมรักไอ้คนที่ให้นมมันนี่แหละ แล้วก็หวังว่าจะเจอเค้าสักวัน ก็เลยปฎิเสธคนคนนั้นไป เมดไปรอรับนมนั่นทุกวัน มันมีความสุขแล้วก็หวังที่อยากจะเจอเค้ามากๆเลยด้วย ”
“ แบบนั้นมันก็เลยตอบรับรักกู เพราะกูบอกว่า กูเป็นคนซื้อนมไปให้มันใช่มั้ย ”
“ อื้ม ”
“ โชคดีเป็นของกูจริงๆ ” อีกคนบอกยิ้มๆ
“ แต่โชคร้ายเป็นของไอ้เมด ไอ้สัด ” ผมบอกก่อนจะต่อยลงไปที่แขนอีกคนเบาๆ “ แต่พอมาคิดๆแล้วก็สงสารมันนะ ”
“ ยังไงวะ”
“ เมดเป็นคนน่ารักนะมึง ไม่เห็นแก่ตัว ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่เอาเปรียบเพื่อน ไม่อิจฉาใคร นิ่งๆ เงียบๆ ถ้าเสี่ยงจะต้องมีปัญหา มันก็ชอบที่จะยอม บอกกูตลอดว่า ขี้เกียจไปสร้างปัญหา ถึงจะชอบเอาคนนั้นมานินทาเวลาไม่พอใจสุดๆ มากสุดของมันก็แค่เอามาพูดกับเพื่อนสนิทอย่างพวกกูสองคน แต่ก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เค้าไม่สบายใจอะ ”
“ อื้ม ”
“ แล้วพอคิดว่า คนอย่างมันต้องมาเจอมึงหลอก แล้วรักมึงอยู่ตั้งหลายปีเพราะคิดว่ามึงคือคนที่ให้นมช็อกโกเล็ตนั่น ทั้งๆที่มันอาจจะได้เจอคนที่รักมันมากแล้วดูแลมันอย่างดีก็ได้ พอคิดได้แบบนั้นก็โคตรสงสารมันเลย ไหนจะเรื่องของเราที่ทำให้มันเสียใจอีกละ ”
“ มันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหรอก ” เอียงหน้ามองอีกคนที่พูดออกมาแบบนั้น
“ แล้วตอนนี้เพื่อนของมึงเป็นยังไง เจ้าของนมตัวจริง ”
“ มันออกจากชมรมไปหลังจากที่กูเป็นแฟนกับเมดได้สักอาทิตย์มั้งแต่ก็ดีนะ ความลับกูไม่แตก ”
“ พูดจริงๆนะ ด่ามึงว่าเหี้ยกูยังสงสารเหี้ยเลยบิน ”
“ ทำไงได้วะ กูตอนนั้นขายหน้าไม่ได้นี่ ” อีกคนบอกย้ำ “ แต่จำได้ว่าตอนนั้นกูกับมันเล่นบาสทีมเดียวกันแต่ไม่คุยกันเลย แล้วตอนเล่นมันก็เสือกไม่ส่งบาสให้กูด้วย จนโค๊ชต้องเรียกถามว่ามีอะไรกัน แต่เอมมันก็ไม่พูดอะไรนะ แล้วก็ออกจากชมรมไปเลย ทั้งๆที่ตอนนั้นมันก็เป็นดาวเด่นในชมรมแล้วก็มีมหาลัยหลายมหาลัยมาติดต่อให้มันไปสอบเพื่อเป็นนักกีฬามหาลัยด้วยนะ ”
“ คงเกลียดขี้หน้ามึงมาก ”
“ แต่ล่าสุดที่กูรู้เกี่ยวกับมัน คือวันที่กูเจอเพื่อนในชมรมตอนม.ปลาย มันบอกว่าไอ้เอมไปเรียนต่อเมืองนอกไม่กลับมาเลยตั้งหลายปีแล้ว ”
“ เหรอวะ ”
“ อื้ม ” บินพยักหน้ารับมันเงียบไปสักพักก่อนจะหันมามองหน้าผมเหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ “ เออ แล้วไอ้เชี้ยนั่นมันเป็นเพื่อนไอ้อาฟด้วยนะ ”
“ อาฟไหน ? ” ผมถาม “ อาฟ แฟนไอ้เมดน่ะเหรอ ”
“ เอออะดิ ”
“ มึงพูดจริงดิ ”
“ พูดจริงๆ มันสนิทกันมากด้วยนะ เมื่อก่อนไอ้อาฟกลุ่มมันมีสามคน ไอ้เจเพื่อนมันตอนนี้ที่ทำงานอยู่ในผับ แล้วก็ไอ้เอมเพื่อนในชมรมเดียวกับกูคนที่ส่งนมให้เมด ”
“ แล้วแบบนี้ไอ้เมดมันจะรู้สึกยังไงวะ ”
“ อะไรรู้สึกยังไง ” อีกฝ่ายทำหน้างง ผมก็ยิ้ม
“ ก็ถ้ามันรู้ว่าจริงๆแล้วเจ้าของนมไม่ใช่มึง แต่มันเข้าใจผิดมาตลอด แล้วความจริงคือ เจ้าของนมนั่นเป็นเพื่อนสนิทของอาฟ คนในปัจจุบันของมัน ”
“ อย่าคิดที่จะทำอะไรเหี้ยๆ ” บินพูดแค่นั้นผมก็ได้แต่เหลือบมองมัน
“ ปกป้องจังนะกับคนนี้น่ะ รักเหลือเกินนะ ” เว้นเสียงไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ รักกูแบบที่มึงรักเมดบ้างสิบิน ”
“ แล้วใครบอกว่ากูไม่รักมึงละ ”
“ การกระทำของมึงมั้ง ” ผมบอกมันอีกคนก็ดึงผมเข้าไปกอด “ กูรู้นะวันที่มึงบอกว่า มึงไปหาเพื่อนที่รังสิต แต่จริงๆมึงไปหาใคร ” หันไปสบตากับบินที่ก็นิ่งไปก่อนอีกฝ่ายจะก้มลงมาหอมแก้มผม
บิน เป็นคนเจ้าชู้ ด้วยท่าทางและลักษณะนิสัยที่เข้ากับคนอื่นง่าย ผมรู้ดีอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากเมดที่เป็นตัวจริงของมัน แล้วผมที่เป็นตัวสำรองมันก็ยังมีผู้หญิงและผู้ชายอีกเยอะแยะที่มันแอบคุยแล้วก็แอบคบด้วย มีหลายครั้งที่เมดเอาเรื่องพวกนั้นมาปรึกษาผม และอีกหลายครั้งที่ผมรู้มันด้วยตัวเอง อย่างเรื่องล่าสุดที่มันไปกินข้าวกับเด็กมหาลัยแถวรังสิตนั่น ผมก็รู้มา เพราะไอ้จิง เป็นคนเอามาบอกกัน
“ เลิกได้แล้วมั้ง มึงก็น่าจะรู้ว่ากูไม่ได้ใจดีเหมือนเมดที่จะทนมึงได้ทุกอย่างหรอกนะ ” ขู่ไปแบบนั้น แต่จริงๆ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับเมด ที่ก็ทนมันอยู่เสมอมา แม้ทุกวันนี้จะโดนด่าว่า และถูกมองมาด้วยสายตาดูถูกยังไง ผมก็ยังไม่คิดที่จะทิ้งมันไปไหน แล้วข้อนั้น บินก็รู้ดี ว่าคำขู่ของผม มันก็เป็นแค่คำขู่ ทุกอย่างมันก็เลยเป็นแบบนี้
“ กูยอมรับว่าไปหาทางนั้นจริง ” บินพูดออกก่อนจะกดจมูกลงไปผมแก้มอีกครั้ง “ แต่กูไปเพื่อบอกกับเค้าว่า กูจะเลิกยุ่งกับเค้าแล้ว และครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูไปหาเค้า ”
“ อื้ม ” ผมตอบรับอีกคนด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วบินคงรู้ว่าผมไม่ได้เชื่อมัน
“ เชื่อกูหน่อย กูเลิกยุ่งแล้วจริงๆ ต่อไปนี้จะมึงคนเดียว ”
“ ถึงกูไม่เชื่อ กูก็ไม่ไปไหนจากมึงอยู่แล้ว ” หันไปบอกมันก่อนจะยื่นมือขึ้นไปประคองใบหน้านั้น เงยหน้าขึ้นจูบบนริมฝีปากของอีกคน “ แต่วันไหนที่กูหมดความอดทนขึ้นมา จำไว้ว่ามึงก็รั้งกูกลับมาไม่ได้เหมือนกัน ” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรเราทำได้แค่กอดกันไว้แบบนั้น
ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันอยู่ในรูปแบบไหน มันเป็นแบบนี้มานานแล้วจนผมเริ่มชินชา ไม่รู้จะเรียกว่า รัก ผูกพัน หรือแค่เหงา ต้องการ หรืออะไรสักอย่างผมไม่ใจ แต่เราอยู่ด้วยกัน กับความรู้สึกพวกนั้นมาตลอด อยู่ด้วยกัน กับความเข้าใจที่ว่า ผมเป็นรองเมด เรื่องนี้คือความลับ และอีกคนเป็นคนเจ้าชู้ที่ถ้าทนได้ก็ทน ทนไม่ไหวก็ไป แต่จะให้ไปไม่ได้ไปมันก็อีกเรื่อง ไม่ได้จำกัดความรู้สึกชัดเจน แม้กระทั้งตอนนี้ ก็ยังเป็นเหมือนวันนั้น แค่ขยับฐานะขึ้น มาเป็นที่หนึ่งแทนเมด
“ แล้วเรื่องของเมด ถ้ามึงคิดจะทำอะไร กูขอนะ อย่าไปทำอะไรมัน ” ผมหันไปมองอีกคนยิ้มๆตอนที่บินพูดแบบนั้นท่ากลางเราที่เงียบไปนาน
“ ทำไมวะ ? มึงกลัวว่าเมดจะรู้ความจริงเหรอ เรื่องมึงไม่ใช่เจ้าของนมนั่น ”
“ แล้วมึงคิดว่า ถ้ามันรู้ความจริงกูจะได้อะไรละ ”
“ เมดก็จะเกลียดมึงไง ”
“ ตอนนี้มันก็เกลียดกูอยู่แล้ว แต่กูแค่ไม่อยากจะให้มึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับไอ้เมดอีก หยุดได้แล้ว มึงจะไปหาเรื่องมันอีกทำไม มันก็อยู่ของมันนิ่งๆ ”
“ มึงคงไม่เห็นตอนที่มันขึ้นไอจีตอบกลับกูสินะ ”
“ แต่นั่นเพราะมึงไปทำมันก่อนไม่ใช่เหรอ ” บินก้มลงมามองผมตอนที่เงยหน้าขึ้นไปมองมันพอดี ในแววตานั้นผมรู้ดีว่าไม่มีวันเข้าไปแทนคนที่อยู่ในใจมันอย่างเมดได้ไม่ว่านานเท่าไหร่ บินอาจจะรักผม แต่มันรักเมดมากกว่า แล้วผมก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สองแบบนี้ไปตลอด
“ ถามอะไรสักอย่างสิมึง ”
“ อะไร ”
“ ถ้าวันหนึ่ง มึงต้องเลือกระหว่างกูกับเมด มึงจะเลือกใคร ”
“ ไม่มีทางได้เลือกหรอก ” อีกคนพูดยิ้มๆ “ เพราะเมดมันจะไม่มีกลับมาหากูอีกแล้ว ”
“ ใครจะรู้ ”
‘ อะไรที่เราคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ มันอาจจะเป็นไปได้เสมอ ’ ในชีวิตผมคิดแบบนี้อยู่ตลอด ขนาดเรื่องผมกับบินที่เมดยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันยังเป็นไปได้ แล้วทำไมเรื่องอื่นที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้
“ แต่ที่กูขอมึงเรื่องเมด เพราะกูอยากจะให้เราเลิกยุ่งกับเมดได้แล้ว เราอยู่ของเราดีกว่า ก็ปล่อยเมดให้อยู่ของมันไป ถ้ามึงทำได้ ทุกอย่างมันก็จบแล้ว มึงจะไปหาเรื่องกันอีกทำไม มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย ”
“ กูถามจริงนะ ขอถามมึงจริงๆ ที่มึงไม่หยุดพูดเรื่องนี้ ทั้งๆปกติเวลามึงเตือนอะไรกู มึงจะพูดครั้งเดียว มันเป็นเพราะเมดเปล่าวะ ทำไมอะ ? มึงกลัวมันเสียใจเหรอ ถ้ามันรู้ความจริงเรื่องทั้งหมด ”
“ ใช่ แล้วมึงไม่สงสารมันบ้างเหรอ มันเป็นเพื่อนมึงนะยีนส์ ” คำพูดที่ทำให้ผมนิ่งไป “ ไหนมึงบอกว่ามันเป็นเพื่อนที่น่ารัก ไม่เอาเปรียบใคร ช่วยเหลือคนอื่น แล้วทำไมวันนี้มึงถึงจ้องจะทำร้ายมัน เหมือนมันทำร้ายให้มึงเจ็บ แล้วก็เป็นเพื่อนที่เหี้ยแบบไม่มีข้อดีขนาดนั้นวะ หรือทุกอย่างมันเป็นเพราะกู ” หันหน้าไปอีกทางตอนที่บินพูดแบบนั้น
ก็จริงอย่างที่อีกคนพูด มันถูกต้องทั้งหมด ผมหวนถามตัวเองในวินาทีสั้นๆนั่นเช่นกันว่า ทำไมวะ .. นั่นสิ ทั้งๆที่เมดเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด แต่ทำไมผมเองถึงจ้องที่จะทำร้ายมันอยู่ตลอดเวลาด้วย มันเพราะอะไรวะ เพราะอิจฉามันงั้นเหรอ อิจฉาที่มันมีความสุขกับคนที่มันรัก ผมเลยอยากจะให้รักมันพังเหมือนที่ผมกำลังรู้สึกว่ารักของตัวเองมันไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด ผมรู้สึกอยากให้มันเป็นขี้ปากชาวบ้านอย่างที่ผมเป็นบ้าง อยากให้ใครต่างก็มองมันด้วยท่าทางรังเกียจ ไม่ใช่สงสารแล้วเห็นใจแบบนี้ หรือเพราะว่า ผมคิดอยู่ตลอดว่าบินรักเมด ผมเลยรู้สึกเกลียดมันอยู่แบบนี้
“ ถ้ามันเป็นเพื่อนที่ดีกับมึง อย่างที่มึงบอกกูจริงๆ เพื่อเพื่อนที่ดีคนหนึ่งในชีวิตของมึง ปล่อยมันไปเถอะ อย่างที่มันพูดขอร้องมึงไง ว่าต่อไปนี้ให้คนต่างอยู่ได้มั้ย มึงทำให้มันเถอะ ตอบแทนความเป็นเพื่อนที่ดีของเมดที่ตลอดทั้งชีวิต มันให้มึงมาตลอด ”
“ แล้วมึงละ ”
“ กูทำไม ”
“ ไม่อยากจะได้เมดกลับมาเหรอ ” คำถามทีทำให้คนฟังถอนหายใจออกมา บินมองหน้าผมอยู่สักพักก่อนจะยิ้มแล้วก็ตอบ
“ ถ้าถามว่าอยากได้กลับมามั้ย ตอนแรกที่มันบอกเลิกกูที่ใต้คอนโด เมดพูดคำหนึ่งกับกู มันบอกว่าถ้ารักมันจริงๆอย่างที่พูดก็ขอให้ปล่อยมันไป ตอนนั้นกูคิดว่า ‘ อื้ม ก็จะทำให้อย่างที่ขอ ’ แต่พอกูมาเจอมันอีกครั้งที่โรงพยาบาลสัตว์ กูเห็นมันมีความสุขอยู่กับน้องชายไอ้อาฟ กูเห็นมันโดนดูแล โดนเอาใจ ทั้งๆที่มันเป็นแค่น้องไอ้อาฟ แล้วลองคิดดูว่าถ้าเป็นไอ้อาฟมันจะดูแลขนาดไหนวะ พอคิดแบบนั้น กูแม่งก็รู้สึกว่ากูอยากทำอะไรแบบนั้นบ้าง กูอยากกลับไปดูแลเมด กูอยากอยู่กับเมด กูเลยตัดสินใจไปหามันที่ throw up กูคิดโง่ๆว่า กูเหนือกว่าไอ้อาฟทุกอย่างเมดต้องกลับมาหากูแน่นอน ” อีกคนยกยิ้มราวกับกำลังจะหัวเราะตัวเอง
“ แล้วนั่นแม่งก็เป็นความคิดที่โง่ที่สุดในชีวิตกูเลย ตอนที่กูได้เจออาฟที่นั่น กูพูดโอ้อวดทุกอย่างทั้งๆที่กูไม่มีอะไรเทียบมันได้สักอย่างเดียว อาฟมีมากกว่ากู ให้ได้มากกว่ากู มันทั้งรัก แล้วก็ปกป้องเมด ผิดกับกูที่แม้ตอนนั้นอยากได้เค้ากลับมา แต่กูกลับพูดให้ร้ายเค้า แล้วพอสุดท้ายกูเจอเมด สิ่งที่กูเห็นจากแววตานั้น คือเมดที่ไม่ได้มองกูเลย มันมองแค่ไอ้อาฟเท่านั้น มันยิ้ม แล้วมันก็หัวเราะให้กับไอ้อาฟ เมดดูมีความสุขโดยที่ไมได้หันมามองกูเลยสักนิด แล้วตอนนั้นมันก็ทำให้กูได้รู้ ว่าเมดไม่ได้รักกูอีกแล้ว คืนนั้นก็โดนพาตัวออกจากผับ กูเข้าไปนั่งในรถตัวเอง กูนั่งอยู่นาน แล้วกูก็คิดถึงคำพูดของเมด ‘ ถ้ารักกันจริงๆ ก็ขอให้ปล่อยมันไป ’ แล้วกูก็ควรทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอวะ ในฐานะที่ครั้งหนึ่ง เมดเคยเป็นแฟนที่ดีมากๆ แล้วกูก็ควรปล่อยให้เค้าได้รักกับคนที่มันเหมาะสมแล้วก็รักเค้าจริงๆ ”
“ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของมึง ” บินยกยิ้มตอนที่ผมพูด มือหนานั่นเอื้อมขึ้นมาลูบหัวผม “ แต่บางทีมึงแม่งก็โคตรใจร้ายนะบิน กล้าสารภาพกับกูตรงๆว่าอยากได้ไอ้เมดกลับมาทั้งๆที่ ตอนนี้กูก็อยู่กับมึง นี่ถ้าเมดกลับมาจริงๆ มึงจะทิ้งกูใช่มั้ย ”
“ คงงั้น ”
“ ก็เหี้ยดี ” บอกอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหันไปมองทางอื่น
“ เราไม่มีอะไรที่ต้องโกหกกันนี่ มึงรู้จักกูดี แล้วมึงก็รู้คำตอบพวกนั้น แล้วจะให้กูโกหกมึงทำไม ” บินจับไหล่ผมก่อนจะดึงให้นอนราบลงกับเตียง ร่างสูงที่พลิกตัวขึ้นมาค่อมทับร่างของผม บินเริ่มกอดและจูบพลางใช้มือข้างนึงสอดเข้าไปใต้เสื้อที่ผมสวมใส่ ก่อนจะกระซิบข้างหูผมในตอนนั้น “ ปล่อยเมดมันไปเถอะ เรามาใช้ชีวิตของเราดีกว่า ”
ช่วงเวลาบ่ายโมงภายโต้ต้นไม้ใหญ่โต๊ะหน้าคณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ มันไม่ถึงกับเงียบเชียบแต่ไม่เสียงดังมากมายจนรู้สึกรำคาญ สายตาของผมไล่ไปตามตัวอักษรของหนังสือที่กำลังอ่านทบทวน ข้างๆเป็นไอ้จิงเพื่อนสนิทที่เหลือเพียงคนเดียว และตอนนี้มันกำลังพักสายตาด้วยการเล่นไอแพตของตัวเอง
“ ไอ้เมดอัพไอจีอีกละ ” อีกคนบอกผมก็เงยหน้าจากหนังสือที่อ่านขึ้นไปมองอีกคนที่ก็ยื่นภาพนั้นจากจอไอแพตให้ผมดู “ ขนมปังเนยโสด แต่คนกินไม่โสดแล้วนะครับ วิ้ววว ” จิงอ่านออกเสียงสำหรับแคปชั่นในภาพนั้น ภาพที่ไม่ใช่ภาพของเมด แต่เป็นภาพของอาฟแฟนมันที่กำลังคาบขนมปังเนยสดของร้านดังอยู่ในปากด้วยท่าทางที่นิ่งจนแทบดูไม่ออกว่า อร่อยหรือไม่อร่อย เป็นภาพอีกภาพนึงที่ถ้าไม่อคติก็รู้สึกว่าน่ารักดี
“ มึงไปกดไลค์มันอีกอะดิ ”
“ ไม่อะ รอบที่แล้วแค่เผลอมือมันไปโดนแค่นั้น ” ผมพยักหน้ารับ “ มีคนเม้นท์ถามมันด้วย ว่าตกลงอร่อยหรือเปล่า เพราะหน้าแฟนมันดูเหมือนไม่อยากจะแดกเท่าไหร่ ”
“ แล้วไอ้เมดว่าไง ”
“ มันบอกอร่อย ไอ้อาฟกินไปตั้งสามชิ้น ” จิงเงยหน้าขึ้นบอกผม “ แต่ไอ้เมดมีอะไรบ้างที่ไม่อร่อย เชี้ยนั่นแม่งก็อร่อยทุกอย่าง ”
“ ก็จริงของมึง ”
“ จำตอนสมัยปีสองที่เราไปทัวร์กินที่วังหลังได้มั้ย ”
“ จำได้ ไอ้เชี้ยเมดถึงขั้นต้องซื้อกระเป๋าผ้าแล้วแบกของกินกลับบ้าน มันเคี้ยวไม่หยุดปาก แดกจนปวดท้องเพราะจุก ” ผมกับจิงหลุดยิ้มให้กัน ก่อนอีกคนจะหันกลับไปมองภาพนั้นแล้วพูดขึ้นมา
“ กูถามอะไรมึงหน่อยสิ ”
“ ว่า ”
“ มันเป็นไปได้เหรอวะที่เมดมันจะลืมบล็อกไอจีเก่าของเราแบบนี้ทั้งๆที่มันก็น่าจะจำได้ว่าเรามี ไอจีลับที่ฟอลมันไว้อีกคนละอัน ” ผมหันไปมองหน้าจิงที่ก็เอียงหน้าถามกันยิ้มๆ “ กูว่ามันเหมือนจงใจ ยังเหลือไว้ให้เราได้เห็น ว่ามันมีความสุขมากแค่ไหนกับไอ้อาฟ ”
“ มันอาจจะลืมจริงๆก็ได้ เราก็ไม่ได้เล่นไอจีนี้นานมากแล้วนะมึง ”
“ เหรอวะ ” จิงพูดแบบนั้นก่อนจะพยักหน้ารับ
“ กูว่าเราเลิกสนใจมันเถอะ เราควรทำตามที่มันขอร้อง ” ผมเว้นเสียงไปก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ “ อย่างที่เมดบอก ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด ”
“ อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบนี้วะ ”
“ บินบอกว่าให้กูเลิกยุ่งกับเมดได้แล้ว ปล่อยมันไป แล้วก็ใช้ชีวิตของเราดีกว่า ”
“ แล้วที่มันพูดแบบนั้นไม่ใช่ว่ามันยังรักเมดอยู่หรอกเหรอวะ ” ผมหันไปมองจิงที่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของผมออกมา
“ มึงก็คิดแบบนั้นเหรอ ”
“ แล้วไอ้บินมันพูดอะไรกับมึงบ้างละ ” คำถามนั้นชวนให้ผมเล่าทุกอย่างออกไปในคำพูดของบินทั้งหมดที่พูดกับผมเมื่อวันก่อน จิงที่นั่งฟังเงียบๆ มันพูดขึ้นหลังจากที่ผมพูดจบ “ กูว่ามันก็แค่ยังรักเมด ก็เลยต้องปกป้องเมดจากมึง หรือว่ามึงไม่คิดแบบนั้น อย่าโกหกกูเลย กูรู้ว่ามึงรู้สึก มึงเองก็ยังคิดว่าบินยังรักไอ้เมดอยู่ ”
“ อื้ม กูคิด ” พยักหน้ารับคำพูดของอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่มันก็ควรหยุดได้แล้วหรือเปล่าวะ ไอ้เมดมันก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับเราอีกแล้ว มันก็อยู่ของมัน มีความสุขของมัน กูว่ามันควรจะพอได้แล้ว แบบที่บินว่า ”
“ เกิดเป็นเมดแม่งก็โชคดีนะมึงว่ามั้ย มีแต่คนปกป้อง ” ผมนิ่งตอนที่อีกคนพูดแทรกขึ้น “ ขนาดไอ้บินที่ตอนนี้เป็นแฟนมึงแล้ว ยังปกป้องเมดมากกว่ามึงเลย ถามจริงๆเถอะวะ มันเคยปกป้องมึงจากคนที่นินทา หรือจากสายตาของคนอื่นแบบที่มันปกป้องไอ้เมดบ้างมั้ยวะ ”
ได้แต่หลับตาลงตอนที่ฟังคำพูดนั้น ผมถอนหายใจเพราะตัวเองไม่มีคำตอบ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปในตอนนั้น มันก็จริงอยู่ที่อีกคนพูด ผมไม่เคยถูกปกป้องเลย ไม่เคยมีใครสงสาร ทุกสายตาที่มองมา มีแต่ความเกลียดชังและสมเพชตัวผม และเพราะแบบนั้น บินกับผมในตอนนี้เลยเลิกที่จะนั่งกินข้าวด้วยกันที่มหาลัย เราห่างกันมากขึ้น และตัดสินใจกินข้าวแค่ในห้อง หรือร้านอาหารข้างนอก เพื่อหลบเลี่ยงสายตาด่าทอของใครๆ ก็อย่างที่เมดเคยบอก ที่นี่ เค้ารู้จักผมในชื่อของ ‘ ยีนส์บัญชีคนที่แย่งแฟนเพื่อน ’ เท่านั้น
“ ถึงมึงจะเหี้ยที่เอากับแฟนเพื่อน แต่ก็ใช่ว่ามึงจะต้องไม่ได้รับการปกป้องนะยีนส์ ” จิงบอกผม “ กูว่าบินมันควรปกป้องมึงมากกว่าเมดไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงต้องยอมฟังคำสั่งบิน เพื่อตอบรับการปกป้องไอ้เมดจากไอ้บินด้วยวะ ”
“ มึงคิดว่าเมดเป็นเพื่อนที่ดีมั้ยวะจิง ” ผมถามอีกคนที่ก็นิ่งไป “ ตั้งแต่เด็กจนโตที่เรารู้จักกันมา มึงคิดว่าเมดมันเป็นเพื่อนที่ดีมั้ย ”
“ ก็.. ก็ดี ” อีกฝ่ายพูดเสียงเบา ผมก็พยักหน้ารับ
“ นั่นคือคำถามของบิน ตอนที่ขอร้องให้กูเลิกยุ่งกับเมด กูมานั่งคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มันเป็นเพื่อนที่ดีของกูคนหนึ่ง แล้วกูก็ควรหยุดได้แล้ว ควรหยุดอย่างที่มันขอ หยุด เพื่อตอบแทนความเป็นเพื่อนที่ดีของมัน ชีวิตมันน่าสงสารพอแล้ว ”
“ ยังไงวะ ”
“ บินไม่ใช่คนที่ให้นมช็อกโกเล็ตนั่นกับมัน ไอ้บินโกหกมัน แล้วคนที่ให้จริงๆ คือเพื่อนสนิทไอ้อาฟ ที่ตอนนี้เป็นแฟนมัน แล้วมึงลองคิดดูสิ ตอนนั้นเมดที่ทนไอ้บินมาตลอด เพราะคิดว่าไอ้บินให้นมช็อกโกเล็ตขวดนั้นกับมัน มันจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าความจริงแล้ว บินก็แค่โกหกมัน ”
“ แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอ ว่าสิ่งที่ไอ้บินมันกำลังปิดบังอยู่มันไม่ได้กลัวไอ้เมดเสียใจหรอก มันแค่กลัวว่าเมดจะเกลียดมันก็เท่านั้น เพราะสิ่งเดียวที่เมดยังรู้สึกดีกับมัน นั่นก็เพราะ เมดคิดว่า บินเป็นเจ้าของนมนั่น ” จิงเอื้อมมือมาจับไหล่ผม มันกระซิบ “ บินมันก็แค่ยังรักเมดเท่านั้นแหละ มันเลยยังปกป้องเมดแล้วก็ปกป้องตัวมันในความทรงจำของไอ้เมด แล้วมึงคิดดีแล้วเหรอวะ ที่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น ความทรงจำดีๆ ก็เหมือนกับความรู้สึกดีๆ ถ้ามันยังอยู่ มันก็มีสิทธิ์กลับมา แล้ววันนั้นมึงคิดว่า บินจะเลือกมึงเหรอ ไม่ทางหรอก ยังไงมันก็เลือกไอ้เมด ”
“ มึงคิดจะให้กูทำอะไรมันกันแน่วะจิง ” ผมหันไปถามอีกคน จิงมองผมด้วยแววตาที่เหมือนจะยิ้มแต่ทว่าสีหน้านั้นกลับเรียบเฉยไร้อารมณ์ใด
“ ถ้าเป็นกู กูจะบอกเมด เรื่องความจริงที่ไอ้บินไม่ใช่เจ้าของนมนั่น ”
“ แต่ไอ้เมดมันจะเสียใจมากนะ เพราะตลอดเวลาที่มันทนไอ้บินได้ขนาดนั้นก็เพราะมันคิดว่า ไอ้บินซื้อนมนั่นให้มัน มันคิดว่าไอ้บินรัก แล้วพยายามเพื่อมัน.. ”
“ หรือมึงจะยอมเสียใจเองละยีนส์ ” จิงพูดขัดผม “ ถ้าสักวันหนึ่งเมดกลับมารักกับบิน มึงเองก็คือคนที่ถูกทิ้งนะ เมดเสียใจไม่ใช่มึงเสียใจสักหน่อย แล้วมันควรขอบคุณมึงด้วยซ้ำ ที่ทำให้มันรู้ความจริง ” ผมเงียบในตอนนั้นตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ มึงบอกว่าเมดเป็นเพื่อนดี เพราะงั้น เราก็ไม่ควรให้มันเข้าใจผิดอยู่แบบนี้หรือเปล่าวะ ”
“ แต่ว่า ”
“ ลองคิดดูให้ดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เมดจะเกลียดบินและยิ่งไม่อยากจะยุ่งไอ้บินอีก มึงก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเหลือเหยื่อใยดีๆให้กัน ต่อให้มันเลิกกับไอ้อาฟมันก็ไม่มีวันจะกลับมารักกัน เมดเองมันก็จะได้เลิกเข้าใจผิดสักที ถึงมันจะเสียใจมากก็เถอะ แต่นั่นก็ไม่ใช่มึงปะ ”
ในเสี้ยววินาทีนั้นผมคิดขึ้นมาได้ว่า ‘ เมดจะเกลียดผมได้มากกว่าที่มันเป็นอยู่หรือเปล่า ’
...............................................................................
ไม่รู้ว่าเมดจะเกลียดยีนส์มั้ย แต่ที่รู้ เราเกลียด
เป็นตอนที่เขียนด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจมาก น้องเมดไม่ได้ออกฉากเลย แค่พูดถึง แต่กลับสงสารน้องเมดมาก แล้วก็สงสารยีนส์ในมุมมองหนึ่ง เราตัดสินใจนานมากกับการจะเขียนพาสของยีนส์ เพราะรู้สึกว่า คนอ่านคงไม่อยากอ่านหรอก ตอนแรกคิดว่าจะไม่เขียนด้วย จะเขียนในมุมมองคนอื่นแทน แต่เราคิดว่า การมองผ่านมุมมองของยีนส์จะทำให้ทุกคนเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น มากกว่าใครๆ ( หนมคิดว่างั้นนะ )
สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้ว่า “ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณทิตพาไปหาผล
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าจ้า ตัวเธอว์