( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 502444 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ poi12111

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3: :z3: :z3: น้องเมดกับพี่อาฟเมื่อไหร่จะมา คิดถึงงงงงง

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
จ้า ชนวนเริ่มมีควัน จะบึ้มที่ใครรร

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ลุงเจกับน้องวิว ปรับความเข้าใจกันดีเป็นแฟนกันแล้ว
ดีจายยยยยยยยยยยยยย

ลุ้นด้วยอีกคน..ตอนหน้าระเบิดจะลงที่ใคร

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ลงตัวสักที เจพูดก็ถูกนะ ความไม่ชัดเจนจะทำอะไรก็ลำบาก

วิวอัดอั้นเต็มที่แล้ว ยังมาเจอกระตุ้นแบบนี้อีก
ถึงเจจะไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่มันพอดีมาก ได้จังหวะมาก
และในที่สุดก็ได้คำตอบสักทีอะเนาะ เข้าใจกันแล้ว ขอคบแล้ว
เป็นแฟนกันแล้วจ้า  o13

แล้วอะไร ยังไงคะ ทำไมให้เซลล์มาพร้อมกัน
ระเบิดจะลงที่ใครก่อนล่ะ อาฟเมดเตรียมรับมือด้วยนะ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ตกลงข้าวเรียนที่อังกฤษหรืออเมริกาคะ?

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อูยยย

ระเบิดลูกใหม่

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
จุดพลุฉลองง

ดีกันแล้วเย้


กับแฟนเก่านี่หวั่นไหวเสมอ

ไม่ใช่ว่าอยากกลับมาครบกันหรืออะไรนะ

แต่มันอด ห่วงอยุ่ไม่ได้จริงๆ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ไม่ได้บึ้มใครหรอก บึ้มคนอ่านนี่แหละ โธ่เอ้ย เพิ่งกะผ่านวิวมา เมดต่อเลยรึ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
มารออาฟกับเมดค่ะ คุณผู้เขียนจ๋า อย่าหนักหน่วงมากน๊า เค้ากลัวจะนอนไม่หลับ สงสารเก๊าเถอะนะ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
อยากอ่านแล้วค่ะ รอตั้งแต่เมื่อวาน

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ระเบิดตู้มตามมมมมม :katai4:

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 40

ผมรู้สึกร้อน เหงื่อเม็ดเล็กถูกขับออกมาเพื่อบรรเทาความรู้สึกที่ร่างกายในตอนนี้กำลังเผชิญ มันเป็นทั้งความสุข ความทรมาน ผสมปนเปไปกับความต้องการจนแยกไม่ออก จูบที่ลึกซึ้งและดูดดื่ม ผมห่อไหล่ของตัวเองสลับผลัดเปลี่ยนไปกับการผ่อนมันลงเป็นจังหวะราวกับกำลังอยู่ในเกมส์ต่อสู้ที่กำลังผลักรุกผลัดรับอย่างดุเดือด และถึงจะไม่เชี่ยวชาญเท่ากับผู้ร่วมเล่น แต่ถึงอย่างงั้น ผมก็จะไม่ขอยอมแพ้ในเกมส์นี้เด็ดขาด

กิจกรรมบนเตียงยังคงดำเนินไป ร่างกายเปลือยเปล่าเองก็เช่นกัน มันยังคังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกต้องการ บนเตียงขนาดใหญ่ในห้องของเรา แอร์เปิดในอนุหภูมิปกติเหมือนทุกวันแต่ตอนนี้มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกเย็นสบายแต่อย่างใด ร่างของผมนั่งทับอยู่บนร่างโปร่งของอาฟที่ตอนนี้เริ่มกระชับมือที่จับอยู่ตรงเอวของผมให้แน่นขึ้นเพื่อช่วยควบคุมจังหวะให้ผม ที่เหมือนกำลังถูกสั่งทำโทษให้ต้องดึงตัวเองขึ้นลงอยู่แบบนั้นโดยมีแค่ส่วนเชื่อมต่อของความต้องการสอดเกี่ยวกันไว้

ความเจ็บปวดจากแรงเสียดสีของส่วนกลางที่สอดเข้าออกมาในร่าง ราวกับการยัดนิ้วลงไปในปากขวดแก้วที่คับแน่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันมีความคิดส่วนนึงของสมองสั่งการว่าให้ ‘ หยุด ’ ในตอนที่กำลังดึงตัวเองขึ้นลงท่ามกลางความร้อนรุ่มนี้ แต่ทว่าความต้องการของจิตใจก็ไม่สามารถสั่งการให้หยุดมันได้ จะมีก็แต่การเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจแบบไม่สิ้นสุดว่า ‘ มากกว่านี้ เร็วกว่า และ ลึกกว่านี้อีก ’

“ อาฟ..” เสียงของผมเบาราวกับจะมีแต่ลมออกมาตอนที่เอ่ยชื่อเรียกอีกคน ยามที่แผ่นหลังถูกดึงให้นอนราบ หัวเข่าก็ถูกดันออกให้ได้องศา จังหวะร้อนแรงอย่างใจต้องการเร่งตัวสอดเข้าออกเพิ่มมากขึ้นจนผมได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นเพื่อระบายความรู้สึกที่แทบจะระเบิดออก

แรงสอดใส่ทำให้สองมือของผมโอบกอดรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ เผยกดจิกเล็บสั้นกุดของตัวเองลงบนลาดไหล่นั้นอย่างไร้ความปราณีใดเมื่อแรงสอดนั่นเพิ่มมากขึ้นอีกระดับ รอยข่วนแดงมากมายคงตีตราจองร่างของชายที่อยู่เหนือตัวผม และเช่นกันรอยจูบสีกุหลาบมากมายก็คงตีตราอยู่บนตัวผมไม่ต่างกัน

ร่องรอยที่ตอกย้ำว่าทั้งจิตใจและร่างกายนี้ มีคนตรงหน้าของกันและกันเป็นเจ้าของ แต่เพียงผู้เดียว
ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่พยายามหลับไปสักพัก แต่เพราะความเหนียวตัวจากเหงื่อที่ยังไม่ทันแห้ง แม้หัวใจที่เคยเต้นแรงหลังปลอดปล่อยจะค่อยๆลดอัตราเร็วลงแล้ว แต่ความเหนื่อยอ่อนพวกนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมหลับแต่อย่างใด ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่กระชับรอบเอวของอีกฝ่ายไว้ ' ไม่อยากจะลุกเลยไอ้สัด '

“ จะไปไหน ” เสียงทุ้มของคนที่ผมคิดว่าหลับเอ่ยทักขึ้น อาฟกระชับอ้อมกอดของผมมันพลิกตัวมาหอมแก้มกันก่อนจะจูบเบาๆ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแต่อย่างใด ไล่จูบลงต่ำไปที่ซอกคอ ผมเองก็พลิกตัวเองขึ้นไปนอนกอดอาฟไว้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความขี้เกียจ “ เป็นอะไร ”

“ ขี้เกียจลุกไปอาบน้ำ ”

“ ก็ไม่ต้องอาบ ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะหอมแก้มผม

เอาเข้าจริงก็โคตรชอบช่วงเวลาแบบนี้ หลังจากที่เราจบภารกิจของสิ่งที่เรียกว่า เซ็กส์ เราจะนอนกอดกันแบบที่ไม่มีใครลุกไปไหน บางทีก็เหนื่อยมากจนหลับแต่ไม่มีครั้งไหนที่ผมจะนอนยิงยาวแบบเต็มอิ่ม ไม่ว่ายังไงก็ต้องตื่นขึ้นมาอาบน้ำ การนอนจมกองเหงื่อกับคราบน้ำต่างๆที่เลอะช่วงท้องเพราะการปลดปล่อยของตัวเอง ไม่ใช่อะไรที่ผมฝืนทำได้

“ กูไม่ได้ซกมกเหมือนมึง ” ว่าแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนแล้วขยับหมุนหัวไปมา หันมองดูอีกคนที่ก็นอนมองกันเรายิ้มให้กันก่อนที่ผมจะก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของอีกคน “ นอนได้แล้วมึง จะหกโมงเช้าแล้ว ”

“ รีบไปอาบน้ำ กูต้องการกอดกลิ่นแป้งเด็ก ”

“ เดี๋ยวกูเดินไปหยิบไปกระป๋องแป้งมาให้มึงนอนกอด ” ผมบอกทั้งๆที่รู้ว่าอีกคนหมายความว่าอะไร ถึงความสัมพันธ์ของเราจะคืบหน้าไปเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป คือความปากแข็งของคุณอารยะ อย่าฝันถึงคำพูดที่ว่า ‘ รีบไปอาบน้ำแล้วกลับมาให้กูนอนกอด ’ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

“ กวนตีน ” ลุกขึ้นจากเตียงนอนทั้งๆที่ร่างเปลือยเปล่า ผมไม่ได้สนใจจะหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตรงทางเดินขึ้นมาสวม แต่เลือกจะเดินตรงไปทั้งอย่างงั้น และอะไรแบบนั้นมันทำให้อาฟได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆไปเสียทุกครั้งตอนที่เห็น “ จะยั่วกูให้ทำอีกรอบรึไงเมด ”

“ ส้นตีนเถอะ ” หันไปบอกอีกคนตอนที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วหยิบเอาผ้าขนหนูสีขาวมาผูกปิดส่วนล่างไว้ตรงเอว อาฟพลิกตัวเองแล้วมองผมไม่ละสายตาจากเตียงตรงนั้นจนทำให้ผมต้องหันไปมอง “ มึงเข้ามากูถีบจริงๆนะบอกไว้ก่อน ”

“ กลัวจัง แรงเท่ามดผลัก ”

“ อะไรที่ทำให้มึงคิดว่ากูแรงเท่ามดผลัก ”

“ ตอนที่มึงบอกว่า อาฟอย่า เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้มั้ง ” หันไปสบตาอีกคนที่ก็ยักคิ้วให้กันตอนที่พูดออกมา ผมยกยิ้มขึ้นมากับหน้ากระจก

อยากจะบอกเหมือนกันว่า คุณราชสีย์เอ๋ย ใช่ว่าแมวตัวเล็กที่คิดว่าจัดการง่ายในอ้อมกอดมันจะไม่มีกรงเล็บ เพราะถึงจะเล็กแต่ถ้าได้ออกแรงแบบเต็มที่ก็คงฝากรอยให้แสบผิวอยู่เหมือนกัน  แต่เพราะว่ายอมให้ต่างหาก ถึงไม่คิดจะทำอะไร ยอมนิ่งแบบหูลู่หางตก เพื่อเอาอกเอาใจแบบที่ห้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองชนะแล้วจะคิดจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ

พจนานุกรมขอคำว่า ‘ อย่า ’ แล้วออกแรงผลักเบาๆ ตอนที่เริ่มทำเรื่องอย่างว่า  มันไม่ได้แปลว่าอย่าจริงๆหรอก แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องพูดคำว่าอย่าตอนที่ตัวเองกำลังโดนกอดจูบ ทั้งที่ในใจจริงๆแล้วก็สวนทางกับสิ่งที่พูดนั่นเหลือเกิน หรือบางทีอย่าที่ว่า อาจจะไม่ใช่ อย่าทำ แต่เป็น อย่าช้า

“ ถามจริง หลอกขายกูรึเปล่า เรื่องที่มึงกลัวเรื่องการมีเซ็กส์ ”

“ อ้าว มึงรู้แล้วเหรอ ” ทำหน้าตกใจใส่อีกคน ผมยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกมาเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ในห้อง โยนลงใส่ตะกร้าแต่ก่อนที่จะปิดประตูเพื่ออาบน้ำ ผมก็ไม่ลืมเอียงหน้าบอกอาฟ “ กูว่านั่นคงเพราะมึงนั่นแหละ ”

ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจะทำให้คนฟังหน้าแดงไปถึงไหน แต่ถ้าให้เดามันคงนอนหัวใจเต้นแรงด้วยความภูมิใจแบบสุดๆอยู่บนเตียง และนั่นก็ไม่เกินไปจากที่พูดเท่าไหร่หรอก จะบอกว่าเริ่มชอบมันด้วยซ้ำไป

ก็ผมชอบตอนที่อาฟกอด หรือแม้แต่จูบ ชอบตอนที่มันจะค่อยๆทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมอย่างใจเย็น และเพราะทุกอย่างมันน่าหลงใหลราวกับอยู่ในหนังโรแมนติกสักเรื่องที่ผสมปนเปไปกับจังหวะน่าตื่นเต้นและเข้มข้นของการสวมกอดที่แสนตราตรึง นั่นจึงไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึก ไม่ชอบ แต่ความรู้สึกแบบนี้ ก็คงมีแค่อาฟ ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นได้

“ ยังไม่นอนอีก ” เปิดประตูห้องแต่งตัวออกมา ผมพบว่าคนที่คิดว่าจะนอนกลับนอนเล่นมือถืออยู่ อาฟกดปิดหน้าจอตอนที่เห็นผม มันบิดขี้เกียจก่อนจะวางมือถือไว้บนโต๊ะข้างเตียง

“ นอนไม่หลับ ” คนฟอร์มจัดว่าแบบนั้นทั้งๆปากก็อ้าหาวออกมาเต็มที่ ผมนั่งลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างอีกคนจัดผ้าห่มเรียบร้อยก่อนจะเหล่มองอาฟ ก็พอรู้ว่ามันคอยกันอยู่ทั้งๆที่ง่วงขนาดนั้นก็ไม่ยอมนอนหลับไปก่อน แต่ก็ฟอร์มจัดเหลือเกิน เลยขอแกล้องหน่อย

“ อื้ม ” ขานรับในลำคอ ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเล่นบ้าง ทำทีเป็นกดนู้นกดนี่ไปเรื่อยอีกฝ่ายก็ถาม

“ ทำไมไม่นอน ”

“ ก็เพิ่งอาบน้ำมา มันก็หายง่วงนิดๆอะมึง ” ว่าแบบนั้นก่อนจะเหล่มองอีกคนที่ก็ตาจะปิดอยู่แล้ว “ มึงง่วงก็นอนก่อนได้เลย จะถ่างตารอกูทำไม ”

“ ใครรอ  กูแค่เล่นเกมส์เพราะนอนไม่หลับ ”

“ งั้นเหรอ ” พยักหน้ารับยิ้มๆ ผมทำทีเป็นกดเล่นมือถือต่อ เราต่างต่างฝ่ายเงียบให้กัน เอาเข้าจริงแค่พูดว่า ‘ นอนกันเถอะมึง ง่วง มาให้กูกอดหน่อยมา ’ แค่นี้ก็ได้ดึงผมเข้าไปกอดแล้ว แต่เพราะว่านี่คือ อารยะ มันก็เลยออกมาให้รูปแบบที่ว่า

“ นอน ” พูดแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือผมขึ้นจากมือ มันกดล็อคหน้าจอแล้วเอาไปวางไว้ที่ฝั่งมัน และก่อนที่ผมจะได้เถียงอะไรต่อมือทั้งสองข้างนั่นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้จนจมอก อาฟขยับตัวให้ตัวเองนอนได้ในท่าสบาย

“ เชี้ยอาฟ แม่ง บังคับกูจริง ”

“ นอนนน ” เสียงลากยาวที่บอกออกมา ก่อนใบหน้าคมจะก้มลงฝังจมูกดมที่หัว แถมยังดึงตัวเองขึ้นมาหอมแก้มอีกข้างแบบสูดลมหายใจเข้าไปแบบเต็มปอด หลุดหัวเราะตอนที่อีกคนปล่อยลมหายใจออกมาเหมือนโล่งใจ อาฟกระชับอ้อมกอดที่กอดผมไว้

“ พูดว่า นอนได้แล้วจะได้นอนกอดกันก็สิ้นเรื่องแล้วมั้ยสัด ”

“ ใครว่ากูอยากกอดมึง ” อาฟบอก “ กูแค่อยากจะนอนดมกลิ่นแป้งจากตัวแฟนกูต่างหาก ”

“ เผื่อมึงลืม กูคือแฟนมึง ”

“ ไหนมาเช็ค ” โดนหอมแก้มไปอีกฟอดแบบแรงๆ แต่ถึงอย่างงั้นต่างฝ่ายต่างก็แค่ยิ้มออกมา

“ อื้ม ใช่แฟนกูจริงๆด้วย ”   แล้วสุดท้าย ผมก็ไม่เคยชนะมันได้จริงๆสักที ‘ จีบเก่งนักนะคุณอารยะ ฝากไว้ก่อนเถอะ ’ ว่าแต่ว่า..

“ นี่มึงจะนอนทั้งๆที่แก้ผ้าแบบนี้เหรออาฟ ”  ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก และไม่ว่าจะติดต่อยังไงก็คงเป็นแบบเดิม คือกูไม่ได้อาบน้ำมาเพื่อนอนดมกลิ่นเหงื่อมึงไง ไอ้แฟนเวร

ช่วงเวลาบ่ายสองที่ผมกำลังนั่งอยู่บนรถ GTR คันหรูและกำลังมุ่งตรงไปที่เอกมัยซอย.12 เพื่อไปกินเมนูอาหารที่อยากจะกินมาทั้งอาทิตย์ นั่นคือหมูกรอบผัดพริกไข่ออนเซ็น มือที่หมุนปากกาที่ใช้กับไอแพตในมือ ผมฮัมเพลงที่กำลังเปิดพลางกดๆเขียนๆสิ่งที่ต้องทำวันนี้ลงไปในแอปตารางงาน ยอมรับว่าพอใช้เป็น ไอแพตก็เป็นอะไรที่ สะดวกมากๆ เพราะตอนนี้นอกจากทำงานในผับ ผมยังเอามันมาเรียน เสมือนเป็นของส่วนตัว จนลืมไปแล้วด้วยว่าเจ้านายซื้อไว้ให้ใช้ทำงาน

“ รถติดสัด ” คนขับรถบ่นเบาๆตอนที่ดึงเบรคมือขึ้นมา ก่อนจะหันมามองหน้าผม “ ถ้าไม่อร่อยกูจะฟาดมึง ไอ้เมด ”

“ อร่อย!! ” ผมหันไปย้ำมันด้วยความมั่นใจทั้งๆที่ไม่เคยได้กิน “ คนเค้ารีวิวกันเยอะแยะมึง มันต้องอร่อยสิวะ ”

“ แน่ใจนะว่าไม่ใช่พวกหน้าม้าได้เงินมารีวิว ” ยกยิ้มถามพลางยักคิ้วล้อเลียนเหมือนจะย้ำกันว่า แน่ใจแล้วนะกับสิ่งที่คิด ก่อนที่มันจะหันกลับไปมองบนถนนตรงหน้า

“ แต่ว่ามันก็น่ากินนะมึง แบบหมูกรอบชิ้นใหญ่มากอะผัดกับพริกสับที่ในน้ำมันจะมีรสซอสปรุงรสต่างๆแล้วราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ โป๊ะด้วยไข่ออนเซ็น มึงลองคิดสภาพว่า เวลาเอาช้อนไปตักมันก็จะเยิ้มลงมาบนข้าวสวยร้อนๆ แล้วเราก็ตักมันกินพร้อมกับหมูกรอบ โอยยยยยยยยยย หิวข้าวววว รถไปสักที ไปได้แล้ว ไป๊ ” ชูมือขึ้นผลักรถคันหน้าราวกับมันจะเคลื่อนตัวออกไปได้จริงๆ อาฟที่หลุดยิ้มกว้างออกมามันส่ายหน้าไปมากับความบ้าบอของผม

ผมอยากจะกินอาหารร้านที่ว่านี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว หลังจากดูรูปรีวิวในเน็ตก็บอกกับอาฟไว้ว่า เราต้องไปกินข้าวที่นี่ให้ได้ แต่เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งผมทั้งอาฟเรายุ่งกับงานที่ผับแล้วก็เรื่องเรียนที่มหาลัยกันมากก็เลยเพิ่งได้ว่างมากิน แล้วผมก็คาดหวังกับมันไว้สูงมาก ถึงขนาดนั่งนับวันคอย แล้วพูดกรอกหูอาฟตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า ยังไงวันนี้ก็ต้องมากิน

“ ถึงซอยแล้วเลี้ยวเข้าไปเลย ” ผมบอกตอนที่อาฟเลี้ยวรถเข้าไปด้านใน

“ ช่วยมองร้านหน่อย ” คนขับสั่งการผมก็ทำตามหน้าที่แต่เหมือนว่าจะไม่จำเป็นเพราะเข้าซอยมาไม่นาน อาฟก็จอดลงที่หน้าร้าน ผมเอียงตัวมองดูป้ายจากรถ วินาทีแรกที่เห็นรู้สึกเลยว่า ‘ มึงจะมินิมอลไปไหน ’

ลักษณะร้านเป็นโทนเหมือนบ้านสีขาวสองชั้น ป้ายชื่อร้านเป็นตัวภาษาอังกฤษเล็กๆสีดำ ผมต้นไม้ยังเหมือนจะบังมันอีก ด้านหน้าร้านมีรถจอดอยู่หลายคัน อาฟถอยเข้าจอด ตอนที่เบรคมือถูกดึงขึ้นผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มกว้าง

“ ตื่นเต้นๆ จะได้กินแล้ว ”

“ ปัญญาอ่อน” คนขับบ่นยิ้มๆพลางเปิดประตูรถออกไปด้านนอก

กดล็อครถเรียบร้อย ผมก็เดินไปยืนข้างอีกคนด้วยท่าทางตื่นเต้น เราเดินขึ้นไปเกือบถึงประตูแต่ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเข้าร้าน กลับกลายเป็นว่าประตูไม้นั้นกลับเปิดออกมาก่อน ลูกค้าผู้ชายสามคนที่เหมือนจะกินเสร็จแล้วเดินสวนเราออกมา ผมที่ยิ้มให้เค้าตามมารยาทแล้วเดินสวนเข้าไปแต่ยังไม่ทันที่อาฟจะเข้ามาแล้วปิดประตู เสียงของหนึ่งในคนที่เดินสวนกันนั้นก็พูดกับเพื่อนข้างกายแบบไม่เบานัก

“ พวกมึง คนเดินนำเข้าร้าน น่ารักว่ะ ” ผมหันมองไปที่อาฟเป็นคนแรกตอนได้ยิน อีกฝ่ายที่ยกยิ้มมองผมก่อนจะหันไปตวัดสายตาคมใส่คนที่พูดด้วยความไม่พอใจ มันที่เหมือนจะเอ่ยอะไรออกมาตอนที่มองคนพวกนั้นที่หันมามองเราแบบตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้ยิน บรรยากาศที่ชวนให้อึดอัดนั้นผมรีบเอื้อมมือไปดึงอีกคนให้เข้ามาก่อนที่อาฟจะเผลอทำอะไรแบบไม่คิดอีก แต่ทว่าทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น

อาฟแค่มองแล้วหันกลับมาก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร เหมือนอีกคนจะนึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่ชอบให้ตัวมันแสดงอาการแบบคนขาดสติ สายตาคมที่มองกันนิ่งๆ อาฟเอื้อมมือมากอดเอวผมแล้วดึงให้เดินเข้าไปในร้านแทน

“ หรือกูควรเก็บมึงไว้ที่บ้านดี ” หันมาพูดเสียงเบาๆ ด้วยท่าทางนิ่งๆ ผมก็ได้แต่ยิ้ม

“ ไม่เอา กูชอบไปไหนมาไหนกับมึง ”

ถ้าเป็นอาฟก่อนหน้านี้ที่จะเราทะเลาะกัน ผมว่ามันคงแสดงอาการหงุดหงิดกว่านี้ ไม่แน่ตอนนี้คงเอาแต่ยืนจ้องผู้ชายพวกนั้นจนไม่เข้าร้าน หรือไม่ก็หันมาด่าผมตอนที่ดึงให้เดินเข้าร้าน ด้วยคำพูดเจ็บแสบแบบคนไม่คิดก่อนพูดและถนัดทำร้ายจิตใจคนอื่นอย่างมันชอบทำ แต่อาฟที่ควบคุมสติได้แบบนี้ ก็บอกกับผมว่า อีกคนก็กำลังปรับตัวเองอยู่

“ ไปกินข้าวหมูกรอบกันดีกว่า มาๆ ” ลากมันมาที่เค้าเตอร์ร้านที่ด้านในค่อนข้างเล็ก จนผมรู้สึกว่ามองไปรอบๆยังอึดอัด และตอนที่ผมกำลังจะเปิดเมนูอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ พนักงานก็ได้พูดในสิ่งที่ผมไม่ได้อยากจะฟังออกมา

“ วันนี้ข้าวหมดแล้วนะครับ ”

“ ห๊ะ ? ” หันไปมองคนพูดแบบหน้าเสีย ใบหน้าของพนักงานร่างอวบก็แค่ยิ้มก่อนจะย้ำกับผมเหมือนเดิม

“ ข้าวหมดแล้วครับวันนี้ เหลือแค่เค้กกับเครื่องดื่มครับ ” ปล่อยมือลงจากเมนูที่กำลังดู ผมรู้สึกสิ้นหวังและหมดแรงอย่างไม่ที่เคยรู้สึกมาก่อน

ใบหน้าที่บอกบุญไม่รับชวนให้คนที่มาด้วยกลั้นยิ้มขำอยู่แบบนั้น แต่ผมไม่ได้สนใจแล้ว หันมองไปรอบๆยังมีคนกินอยู่เลย แสดงว่ามาช้าแค่นิดหน่อยเท่านั้นถูกมั้ย ผมถามตัวเองพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ามองอาฟที่ก็เอื้อมมือมาจับหัวผมแล้วขยี้ มันคงทั้งขำทั้งสงสาร ก็เล่นบ่นว่าอยากจะมาแดกทั้งอาทิตย์ ไม่นับเมื่อเช้าที่พูดกรอกหูกันตั้งแต่ตื่นนอน

“ จะกินมั้ย ”

“ อยากกินข้าวหมูกรอบ ” ผมบอกอีกคนเสียงเบา ตอนที่หันไปหาพนักงานอีกคนก็แค่ยิ้มเหมือนจะขอโทษแต่ผมไม่อยากจะรับรู้อะไรแล้ว

“ มันหมด ” อาฟบอก “ ไปกินอย่างอื่นแล้วกัน ”

“ อื้อ ” ตอบสั้นๆ ผมหันไปมองพนักงานที่แค่ยิ้ม แต่ในใจของผมอยากจะตะโกนออกไปสุดเสียงว่า ไม่ต้องมายิ้มเลย ทำไมมึงไม่ทำเยอะๆนี่มันแค่บ่ายสองเองนะเว้ย ไม่โอเคเลย กูโกรธ โกรธมากๆ

เดินออกมาจากร้านด้วยความเศร้า ผมเข้าไปนั่งในรถแบบไม่พูดจา จนคนข้างๆที่ยิ้มขำได้แต่หันมาจ้องกันอยู่แบบนั้น ผมที่หันมองหน้าอาฟจนอีกคนหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าเศร้าๆของผม

“ มึงเจ็บขี้เหรอเมด ”

“ ไม่ตลกไอ้สัด ” ผมบอกมันก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ปัญญาอ่อนมึง ทำหน้าเหมือนใครจะตาย แค่ไม่ได้แดกข้าวหมูกรอบ ”

“ มึงไม่เข้าใจอะอาฟ มึงไม่อ่อนโยน ” หันไปบอกมันอีกคนก็แค่ถอนหายใจยิ้มๆ “ คือกูรอมาทั้งอาทิตย์ อยากกินมาตลอด แล้วสุดท้ายพอว่างได้มากิน คือแม่ง ของหมดเหรอวะ ไอ้เหี้ย แล้วที่กูรออะมึง ทำไมมันไม่ทำให้เยอะๆวะ ส้นตีน ไอ้สัดเอ้ย หงุดหงิดชิบหาย ” ถอนหายใจออกมาอีกครั้งยังคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ จนอยากจะตะโกนโวยวายให้มากกว่านี้ถ้าทำได้ แต่มันคงดูว่าเยอะเกินไป สำหรับเรื่องแค่นี้ แต่ว่านั่นแหละ.. ข้างๆกันก็แฟน เราควรเป็นตัวที่สุด “ มึง กูถามจริงๆนะอาฟ ถ้ากูร้องไห้เพราะไม่ได้แดกข้าวหมูกรอบนี่ กูจะดูปัญญาอ่อนมั้ยวะ ”

“ ไอ้ที่เป็นอยู่ก็เรียกว่าปัญญาอ่อน ” อีกคนหันมาบอก อาฟที่ยิ้มอยู่แบบนั้นไม่รู้จะมีความสุขอะไรนักหนา เหมือนมันหุบยิ้มไม่ได้กับท่าทางของผมที่ไม่ได้กินข้าวหมูกรอบในตอนนี้

“ ปลอบหน่อยสิมึง ช่วยปลอบใจกูที ”

“ ปลอบเรื่อง? ” ถามยิ้มๆพร้อมกับถอนหายใจหน่ายๆ

“ เรื่องที่กูไม่ได้แดกข้าวหมูกรอบ ”

“ ปัญญาอ่อนชิบหายไอ้สัด ” นั่งมองกันอยู่แบบนั้น ก่อนจะยื่นมือมาจับหัวผมที่ก็ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้ อาฟหลุดหัวเราะจนไหล่สั่น “ มึงแม่ง..”

“ กูเศร้าอะมึง มันเสียใจจริงๆนะเว้ยอาฟ แบบ คือกูอยากกินอะ ทำไมวะ แล้วจะได้กินอีกเมื่อไหร่ ”

“ ก็พรุ่งนี้เดี๋ยวมาใหม่ ” เจ้าของเสียงทุ้มปลอบกันแบบนั้น “ พรุ่งนี้พามาตั้งแต่เก้าโมงเลย จะได้กินตอนสิบโมงดีมั้ย ” ใจบางไปหมดแล้ว เป็นคำว่า ‘ ดีมั้ย ’ ที่อ่อนโยนที่สุดตั้งแต่คบกันมาเลย

“ แล้วถ้ามันหมดอีกอะมึง ”

“ วันถัดไปก็มาใหม่ ”

“ แล้วถ้ามันหมดอีกอะ ”

“ ก็ไม่ต้องแดกแล้วไอ้สัด ” ผมหลุดหัวเราะออกมา อาฟก็ยิ้มก่อนจะดึงตัวเองออกจากตัวผม “ ไปนั่งนิ่งๆ แล้วคิดใหม่ว่าจะกินอะไร ”

“ อยากกินข้าวหมูกรอบ ” หันไปมองประตูร้าน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองอีกคน “ มึงอยากจะกินอะไรมั้ย กูคิดไม่ออกแล้ววะ มันท้อ ”

“ ปัญญาอ่อนซะจริง ”

“ มึงไม่เคยมีโมเม้นท์แบบนี้เหรอ แบบว่าตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายกลับไม่ได้ทำ มันเฟลนะเว้ย กูโคตรไม่ชอบเลย เวลาวางแผนอะไรในชีวิตแล้วไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ ” พิงหลังตัวเองลงกับเบาะ รถที่เคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านเข้าสู่ตัวถนนใหญ่ อาฟที่ตอนนั้นเอาแต่มองไปข้างหน้าก็พูดขึ้น

“ ก็เคย แต่เรื่องกูมันไม่ใช่เรื่องปัญญาอ่อนแบบมึง ”

“ เค้าเรียกว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ ” เถียงมันออกไปแบบนั้นก่อนที่ผมจะโดนอีกคนหันมามองแล้วได้แต่ส่ายหน้า

“ ช่างเถียง ”

“ แล้วมึงมีเรื่องอะไรของมึงที่เคยเฟลแบบสุดๆทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องไร้สาระมั้ยวะ ” ผมถามด้วยความอยากรู้ เพราะคนทุกคนมันต้องเรื่องไร้สาระที่เราจริงจังสักเรื่องในชีวิต เรื่องที่พอหวนกลับมาคิดถึง เราก็ได้แต่ถามตัวเองว่า นี่กูหงุดหงิดขนาดนั้นได้ยังไงกัน

“ ขี้เสือกจัง ”

“ อยากรู้เรื่องแฟนไม่ได้เหรอ ” พูดแซวกับคนที่เหลือบมองกันทันที ผมที่เอียงหน้ายิ้มมองหน้ามันแต่อาฟก็ยังเก็กไม่สนใจแม้จะหูแดงจนลามไปถึงคอแล้วก็ตาม “ ไม่ต้องกลั้นยิ้ม จะยิ้มก็ยิ้มออกมาเลย เขินกูก็บอกอารยะ ”

“ โดนกูถีบสักทีดีมั้ยเมด กวนตีนกูจัง ” หันมาบอกกันยิ้มๆ ผมก็ได้แต่หัวเราะก่อนจะเอานิ้วไปจิ้มที่ไหล่มัน

“ น้องเมดก็ล้อพี่อาฟเล่น เห็นพี่อาฟเขินแล้วมีความสุข ”

“ ที่เป็นอยู่นั่นก็เพราะมึง ” อีกคนพูดเสียงทุ้มก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นเพราะข้างหน้าฉายสัญญาณไฟสีแดงขึ้นมา มือที่จับเบรคเปลี่ยนมาจับมือผม แล้วตอนที่ใบหน้าคมนั่นดึงหน้าเข้ามาใกล้ อาฟก็ยกยิ้มพร้อมกับเลื่อนเข้ามาใกล้กัน สายตาคมที่มีความหมายนั่นจ้องมองผม “ ที่พี่อาฟเป็นแบบนี้ก็เพราะน้องเมดไงครับ ”
 
“ โอเค มึงชนะอาฟ ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหันไปมองทางอื่นทันที เสียงหัวเราะถูกใจของคนขับรถดังลั่นรถ  ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วเอาแต่บอกใจตัวเองให้เต้นเบาลงหน่อย อย่าไปหลงกลให้กับคนกวนประสาทพรรคนั้น นั่นมันไม่ใช่ร่างจริงของมันสักหน่อย มันตอแหล

“ ตกลงจะกินอะไร ”

“ ซีjโครงหมูมั้ย อยากกินสเต็กซี่โครงหมูอร่อยๆ กับข้าวผัดกระเทียม ”

“ งั้นพี่แวะห้างนะครับน้องเมด ”

“ เงียบไปเลยไอ้สัด ” ยื่นมือไปปิดปากมันอีกคนก็เอายิ้มกับท่าทางหงุดหงิดของผม อาฟจูบที่ฝ่ามือที่ผมปิดปากมันไว้ก่อนจะจับแล้วดึงมันลงกุมกันไว้ แววตาขี้เล่นยังคงปั่นประสาทกันไม่เลิก มันรู้ดีว่าผมแพ้เวลาที่ตัวมันใช้คำพูดแทนตัวที่มันดูน่ารักแล้วก็คำพูดหวานๆ

“ สั่งให้พี่อาฟเงียบทำไมละครับ น้องเมดไม่ชอบเหรอ ”

“ มึงแม่ง พอแล้ว กูเขินไอ้เหี้ยอาฟ ” หันหน้าไปอีกทาง หัวใจผมเต้นแรงไปหมด แก้มแดงจนเพราะการถูกแกล้งจนอีกคนยังยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นมาจับแล้วหยิกมันเบาๆ อาฟยิ้มตอนที่ผมหันไปมองมันด้วยหางตาก่อนจะฝากคำดูถูกไว้ให้จำสั้นๆ

“ ไอ้อ่อน ”

“ กูแค่ไม่คิดสู้มึงเท่านั้นแหละสัด ” ยังคงปากเก่ง ทั้งๆที่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ถนัดเก็บอาการ อาฟเบิกตาขึ้นมันมองผมยิ้มๆพลางพยักหน้ารับคำพูดนั้น

“ อย่าดีแต่ปากแล้วกัน ”

“ พี่อาฟก็อย่าแกล้งน้องเมดสิครับ ” ผมพูดเสียงอ่อนแบบไม่ให้อีกคนตั้งตัว จ้องตาอีกคนแบบที่เด็กเล็กๆชอบทำเวลาออดอ้อน มันไม่ใช่ท่าทางที่ผมเคยทำ เพราะรู้สึกปัญญาอ่อนจนเกินจะรับไหว แต่ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเกินคาด เพราะตอนนี้คนโดน โจมตีเหมือนนิ่งไปแล้ว อาฟยกมือขึ้นจับหัวตัวเองมันหันไปมองนอกหน้าต่าง ผมรู้ว่ามันกำลังกลั้นยิ้ม และนี่ก็เป็นเวลาที่ดีที่สุด “ พี่อาฟคร๊าบ พี่อาฟของน้องเมด พี่อาฟจ๋า อย่าแกล้งน้องเมดเลยนะ ” เอาหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น อาฟเหล่มองผมก่อนจะหันตัวเองมากอดคอผมแล้วดึงเข้าไปจูบ

“ ทำไมน่ารักขนาดนี้ละครับไอ้สัด ” ราวกับคำสบถที่พูดออกมา ริมฝีปากที่แนบสนิทพยายามจะดันลิ้นให้เข้ามาในปากผม ก็แบบนี้ทุกที สู้ไม่ได้ด้วยคำพูดมันก็ชอบเล่นโกงด้วยด้วยจูบกัน แต่สุดท้ายคนแพ้ก็คือผมที่เผลอไผลไปกับจูบดูดดื่มนั้น และเหมือนว่ามันจะกินเวลายาวนานจนสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นอาฟถึงจะยอมปล่อย

“ เล่นโกงกับกูตลอดเลยไอ้เหี้ย ” ผมบอกตอนที่อาฟหันไปขยับเกียร์แล้วขับรถ กัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆจ้องหน้าอีกคนแบบไม่พอใจแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับรู้ อาฟแค่ยักคิ้วให้ผมก่อนจะเอื้อมมือมาจับแก้มแล้วเขย่า “ พอกูจะชนะมึงก็แม่งแบบนี้ทุกทีเลย ”

“ สู้ด้วยการยั่วยวนกูกลับสิ กูอาจจะแพ้ก็ได้นะ ”

“ ไม่มีทาง! ”

“ ทำไมมึงไม่ลองอยากจะเอาชนะกูแบบขาดลอยบ้างละ ”

“ ทำแล้วกูจะได้อะไร มีแต่เสียเปรียบ มึงแม่งก็ได้กำไรอยู่คนเดียว ไม่ว่ามึงจะหอมแก้มกู หรือกูจะหอมแก้มมึง ก็มีแต่มึงได้กำไรคนเดียวไม่แฟร์เลยสัด ”

“ แย่จัง เหยื่อรู้ตัว ” ทำทีเป็นตีหน้าเศร้ากวนตีนก่อนจะหันมาบอกเสียงอ่อนคล้ายจะอ้อน “ แล้วน้องเมดไม่อยากให้พี่อาฟหอมแก้มเหรอครับ ” ได้แต่มองหน้าอาฟนิ่งๆ เอาเข้าจริงตอนนี้มันอยู่ในอาการมีความสุข ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากจูบผม จนอยากจะตบหัวมันแรงๆสักทีด้วยความหมั่นไส้

“ ถามจริงๆ มึงชอบสินะ เวลาได้ยินใครพูดพี่อาฟคะ พี่อาฟขา ใจอ่อนยวบเลยสิ ” ผมเหล่มองมันหลังจากเงียบไปสักพัก อาฟที่หันมายิ้มให้ผมมันไม่ได้ตอบอะไร “ กับพวกสาวๆที่มึงเคยนอนด้วย เค้าพูดเอาใจมึงแบบนี้หมดรึเปล่าวะ ”

“ มึงไม่รู้เหรอ ว่ากูแพ้อะไรแบบนี้กับแค่คนที่กูชอบ ” สายตาที่หันมามองกัน มันจริงจังจนผมไม่กล้าพูดออกไปว่า ‘ ยังไม่เลิกจะเอาชนะกันอีกรึไง นี่ก็ให้ชนะแล้ว ชนะไปเลย จะมาน็อคเอ้าท์อะไรกูอีก ไม่ต้องแล้ว ยอมแล้วอาฟ เมดยอมอาฟแล้วครับ ’

“ งั้นถ้าคืนนี้มึงยอมซื้อเหล้า เพราะแค่เซลล์อ้อนมึง กูจะเอาขวดเหล้านั่น ทุบหัวมึง ” คนขับรถที่เอาแต่มองไปยังทางข้างหน้า หลุดหัวเราะออกมาก่อนจะหันมามองกันอีกครั้งในตอนนั้นอาฟยกยิ้ม

“ อย่ามาหึงไม่มีเหตุผล ” พูดสั้นๆแค่นั้น ก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาจูบผมอีกครั้ง มันยักคิ้วให้กัน “ มึงเป็นคนบอกไว้ จำไม่ได้เหรอ ”

ผมได้แต่นิ่งไม่ตอบอะไร เสียงเพลงที่ดังขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศในนั้น แต่ผมกลับไม่ได้ฟังเลยว่ามันคือเพลงอะไร หรือมีทำนองแบบไหน ยอมรับเลยว่า ถ้ามันคือการปั่นประสาทเล่นๆ ตามประสาคนกวนตีนแบบอาฟ ผมถือว่ามันได้ผล แต่ถ้ามันคือคำพูดเตือน ผมเองก็ไม่รู้หรอก ว่าถึงคราวตัวเองบ้าง จะยังมีเหตุผลกับเรื่องพวกนั้นแบบที่เคยมีอยู่หรือเปล่า



ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
เข้ามาในผับ throw up ตอนช่วงบ่ายห้าโมงหลังจากที่กินสเต็กซี่โครงหมูสุดแสนอร่อยกับข้าวผัดกระเทียมเป็นมื้อเย็น ผมตบท้ายมื้อด้วยชานมไข่มุกแก้วใหญ่ที่อาฟบอกกันตอนที่เดินดูดอยู่ข้างๆแบบสั้นๆว่า ‘ อ้วน ’  ซึ่งก็ไม่เถียง อ้วนจริงๆ ช่วงนี้แก้มเป็นแก้ม กินดีอยู่ดีที่สุด

“ พี่เมดจ๋า มาแล้วเหรอจ๊ะ ”

“ มึงเห็นมั้ยละ ” ไม่ใช่ผมที่ตอบคนถามอย่างน้องเดย์ที่ตะโกนทักจากส่วนของบาร์แต่เป็นพี่ชายของเจ้าตัวที่ยืนอยู่ข้างๆผม อาฟยักคิ้วให้คนน้องก่อนจะเดินนำขึ้นไปที่ชั้นสาม

“ ไอ้สัดพี่ เสือก ” ผมยิ้มกับคำด่าไล่หลังอีกคนของน้องเดย์ แต่ตอนที่กำลังจะเดินตามไปอีกคนก็กวักมือเรียกให้เดินเข้าไปใกล้เสียก่อน 

“ วันนี้แต่งตัวเร็วจังว่ะ ” ทักอีกคนที่วันนี้ใส่ชุดบาร์เทนเดอร์เรียบร้อย ทั้งๆที่ปกติผมจะเห็นอีกคนวิ่งไปใส่ชุดตอนเปิดผับแล้วตลอด “ น้องอัยย์ยังไม่มาเหรอน้องเดย์ ”

“ อยู่นี่! ” โผล่ขึ้นมาจากใต้เค้าเตอร์ ผมก็ส่ายหน้าไปมากับความขี้เล่นที่ก็ทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆของพวกมัน “ เช็คเครื่องเติมเบียร์อยู่ครับผม สะอาดเอี่ยมบอกเลย ”

“ พี่เมดนั่งๆ มีอะไรจะถาม ” น้องเดย์บอก ท่าทางของเด็กสองคนดูกระตือรือร้นจนผมได้แต่ขมวดคิ้ว

“ มีอะไรวะ ”

“ นั่งก่อนน่า ” น้องอัยย์ชี้ที่เก้าอี้ตัวตรงหน้าผม ที่พอนั่งลงเด็กสองคนก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกัน จนผมต้องดึงตัวเองไปข้างหลัง

“ มีอะไร ”

“ วันนี้มีเซลล์เข้ามาใช่มั้ยพี่เมด ” พยักหน้ารับคนถามที่ก็หันมองหน้าคนข้างกายทันที บาร์เทนเดอร์สองคนยกยิ้มให้กันก่อนน้องเดย์จะถามต่อ “ แล้วชื่อมิกิใช่เปล่า ”

“ ก็..ใช่ ” ผมตอบ “ มีอะไรรึเปล่า ”

“ เปล๊า ” เสียงสูงประสานบ่งบอกกับผมว่า คำที่พูดนั่น ต้องโกหกแน่นอน

“ บอกมา ” พูดเสียงเข้มแต่คนตรงหน้าก็แค่ส่ายหน้าไปมา “ ไม่บอกตัดเงินเดือน ”

“ คิดว่ามีอำนาจแล้วจะใช้ในทางที่ไม่ชอบได้เหรอ ” น้องอัยย์บอก “ น้องจะฟ้องกรมแรงงาน ”

“ มีอะไร ” เมื่อขู่ไม่ได้ก็พูดเสียงอ่อนใส่ “ บอกพี่เมดหน่อย อยากรู้อะ ”

“ ก็ไม่มีอะไรหรอก ” ไม่ใช่เสียงของบาร์เทนเดอร์ที่พูดแต่กลับเป็นเสียงของเจที่เดินเข้ามาในผับ อีกคนนั่งลงข้างผมที่ก็หันไปมองทันที สายตาที่มีแต่คำถามจ้องอีกคนที่ก็ยกยิ้มให้ “ ก็แค่เราพนันกันว่ามึงจะหึงเซลล์ที่ชื่อมิกิกับไอ้อาฟมั้ย ”

“ พวกเหี้ย ” สบถออกมาเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เหล่มองเด็กสองคนที่ก็ยิ้มกว้างออกมาแบบหน้าด้านๆ

“ แต่น้องเดย์ถือหางพี่เมดนะครับ ” น้องบอก “ น้องเดย์ถือหางฝั่งพี่เมดไม่หึง ห้าพัน ”

“ ห้าพันเลยเหรอวะ ”

“ แต่กูพนันฝั่งหึงนะ ” เจบอกก่อนจะยกคิ้วให้ผม “ ไม่รอดแน่นอน  “

“ พี่เมดมีเหตุผล พี่เมดไม่หึงหรอก เค้าก็แค่ขายเหล้าอะพี่เมด ก็ไม่แปลกที่เค้าจะพูดอ้อนๆสัดพี่ จริงมั้ย ”

“ ก็จริง ”

“ พูดเสียงไม่หนักแน่นเลยวะ ” น้องอัยย์บอกก่อนจะหันไปทางเพื่อนตัวเอง “ หน้ามึงก็ดูซีดๆนะเดย์ ดวงเหมือนกำลังจะเสียทรัพย์ ”

“ แล้วทำไมต้องมาพนันกันเรื่องความรู้สึกกูด้วยวะ ” ผมถามก่อนจะมองทุกคนที่ก็ไม่ตอบอะไร “ ใครแม่งช่างคิด ”

“ เด็กวิว ! ” เสียงประสานที่ดังขึ้นมา ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วกรอกตามองบนแทน

“ เด็กวิวบอกว่า พี่เมดจะหึงแน่นอน แต่น้องเดย์มั่นใจในตัวพี่เมดว่าพี่เมดต้องไม่หึง เพราะพี่เมดของน้องเดย์เป็นคนมีเหตุผลและพี่เมดจัดการได้ ” เหล่มองคนที่มั่นใจในตัวผมน้องเดย์ที่ยิ้มให้กัน “ สัดพี่มันไม่สนใจใครยกเว้นพี่เมดหรอก ต่อให้สาวคนนั้นจะเอานมมาเบียดแขนมันก็ตาม เชื่อน้องเดย์ อย่าได้หวั่นไหวนะ! ”

“ มึงแม่งโกงไอ้สัดเดย์ ” น้องอัยย์หันไปบอกเพื่อน “ มึงอย่าพูดแบบนั้นสิวะ มึงต้องให้พี่เมดทำตามความรู้สึกของตัวเอง เราคนพนันก็ดูแค่ผลลัพธ์ของมันก็พอ ปล่อยไปตามใจรู้สึกเลยพี่เมด ” หันมาบอกกันตรงประโยคสุดท้าย ผมก็หันไปถามเจ
 
“ แล้วคุณมิกินี่เป็นคนยังไงวะ ”

“ เป็นคนสวยและเซ็กซี่ ”

“ อดีตวันไนท์สแตนของเฮียอะพี่เมด ” น้องอัยย์เสริม

“ พวกมึงอย่าพูดให้พี่เมดไม่มั่นใจในตัวสัดพี่สิว่ะ ” น้องเดย์ท้งขึ้นมาบ้าง “ บอกกูว่าอย่าโกง พวกมึงแม่งโกง จริงๆทุกอย่างมันก็แค่อดีตอะพี่เมดจริงมั้ย วันไนท์จะมาสู้ตัวจริงได้ไง ”

“ ปวดหัว ” ผมบ่นก่อนจะถอนหายใจออกมา “ ไร้สาระกันจริงๆพวกมึง เรื่องของความรู้สึกใครเค้าเอามาพนันกัน ” ลุกออกจากที่นั่งตรงเค้าเตอร์ ผมเดินขึ้นไปตรงชั้นสาม เอาเข้าจริงก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่มันพนันกันหรอก สนใจเรื่องที่เซลล์คนนั้นเป็นคนสวยเซ็กซี่แถมยังเป็นวันไนทน์สแตนเก่าของไอ้อาฟมากกว่า แน่นอนว่า เธอคงเป็นคนที่อีกฝ่ายสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นอาฟก็คงไม่นอนด้วยหรอก

“ ทำหน้าเหมือนปวดขี้อีกแล้ว ” เปิดประตูเข้าไปในห้องแต่ยังไม่ทันปิด คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานก็ทักขึ้น ผมหันไปมองหน้าจอคอมของอีกคนที่ตอนนี้กำลังอ่านรายละเอียดที่ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นเหล้าตัวที่กำลังถูกเสนอจากเซลล์ที่นัดเราไว้วันนี้
 
“ มึง เวลาที่เค้าเสนอเหล้ามันต้องทำอะไรบ้างวะ ”

“ ก็นั่งฟังเซลล์พูด แล้วก็ชิมว่ารสชาติมันเป็นยังไง ” พยักหน้ารับอีกคน ผมก็เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง

“ แล้วเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้มึงตัดสินใจซื้อละ ”

“ ความต้องการของตลาด รสชาติ บางตัวก็กำลังดังในต่างประเทศ หรือบางตัวก็เอามาทำค๊อกเทลที่กำลังดัง ”

“ แล้วมีมั้ย แบบ ประมานว่า ” ผมเว้นเสียงไปเพราะไม่รู้จะพูดคำพูดไหนออกมาดี อาฟมองหน้าผมมันที่เลิกคิ้วเหมือนกำลังสงสัยในท่าทาง

“ ประมานว่า..”

“ ก็ประมานว่าซื้อเพราะโดนอ้อน แบบ ซื้อนะคะพี่อาฟขา ” อาฟหลุดยิ้มออกมา สายตาคมที่มองกัน อีกฝ่ายจะลุกยืนเต็มความสูงแล้วย้ายตัวเองมานั่งลงบนโต๊ะผมก่อนจะโน้มตัวเองลงมาถาม

“ หึงผมเหรอครับคุณ ”

“ ก็แค่ถามมั้ย ” ผมทำทีเป็นมองไปทางอื่น “ หลงตัวเองสัด ”

“ เงินกูน่ะเมด ” อาฟบอก “ ถ้ากูต้องจ่าย กูต้องคิดแล้ว ว่าสิ่งที่กูได้กลับมา มันต้องคุ้ม ”

“ รวมถึงกูด้วยมั้ย ”

“ แล้วมึงคิดว่าไงละ ลองใช้สมองดู เดี๋ยวมันฝ่อ ”

“ ไอ้สัดนรก ” พูดเสียงเบาทิ้งท้ายตอนที่อีกคนหันกลับไปนั่งที่เดิมแบบยิ้มๆ

ผมมองอาฟที่กำลังนั่งทำงาน จะว่าไปมันก็คิดได้สองแง่มุมสำหรับเรื่องราวของเรา ประโยคที่ว่า ‘ถ้ากูต้องจ่าย กูต้องคิดแล้ว ว่าสิ่งที่กูได้กลับมา มันต้องคุ้ม ’ ถ้าพูดแบบเข้าข้างตัวเอง ที่อีกฝ่ายใจดีออกค่าทำสีรถให้ก่อน ซื้อมือถือให้ก่อน แล้วให้โอกาสมาทำงาน นั่นเพราะคิดว่าจะจีบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหรือเปล่า เพราะคนอย่างอาฟ คงคิดแล้วว่า การลงทุนย่อมต้องได้กำไร ซึ่งนั่นก็คือตัวผม

แต่พอมาคิดว่า ตอนนี้มันไม่เห็นจะได้อะไรเลย จากการที่ทำให้ผมในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตามใจ หรือการดูแลเอาใจกัน เพราะบางทีมันเหนื่อยเกินไป และไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ หรือเพราะมันกำลังทำให้ผมตกหลุมรักมันจนถอนตัวไม่ขึ้น ต้องใช่แน่นอน

แรกเริ่มคือการขุดหลุมให้ตกลงไปก่อน ด้วยการทำให้อยู่ใกล้ๆ พอตกหลุมรักเข้าไปก็เอาใจใส่แล้วก็ตามใจจนถอนตัวไม่ขึ้น แผนการของมันต้องเป็นแบบนี้แน่ ร้ายนักนะ อารยะ..

แล้วผมก็ดันตกลงไปในหลุมจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วด้วยสิ
 
“ เป็นบ้าอะไร นั่งยิ้มคนเดียว ” อาฟทัก ผมก็เปิดไอแพตของตัวเองขึ้นมาทำงานเหมือนกันบ้างไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับมัน ปวดประสาท นั่งอ่านข้อมูลของเหล้าที่กำลังจะถูกนำมาเสนอบ้าง แต่ผมไม่เข้าใจมันเท่าไหร่หรอก

“ อาฟ แล้วมึงจะรู้ได้ยังไงว่าเหล้าอันไหนมันอร่อย ”

“ ก็ดมแล้วก็ชิม ”

“ มันไม่เหมือนกันหมดเหรอวะ กูว่าอันไหนก็ขมไปหมดนั่นแหละ ” คนฟังหลุดหัวเราะก่อนจะหันมาบอกกัน

“ งั้นก็นั่งเฉยๆ แล้วก็จดออเดอร์ที่กูสั่ง ”

นาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มครึ่ง ผมหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะ สายโทรเข้าเป็นเบอร์ของพี่ซองผู้จัดการร้านที่โทรเข้ามา

“ ครับ พี่ซอง ” ตอบรับปลายสายอีกฝ่ายก็พูดขึ้น

“ น้องเมด เซลล์มาแล้วนะครับ ตอนนี้พี่ให้รออยู่ที่ชั้นสองของผับนะ โต๊ะตัวในเหมือนเดิม ”

“ ครับผม ขอบคุณมากครับพี่ซอง ” กดวางสาย ก่อนจะหยิบไอแพตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ผมหันไปหาอาฟที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรอีกคนก็พูดขึ้นเสียก่อน

“ มาแล้วใช่มั้ย ไป ”

“ เชิญเดินนำไปเลยครับผม ”ผายมือให้อีกคนเดินนำออกไปก่อน แต่อาฟก็จะก็แค่เอื้อมมือมากอดคอผมไว้แล้วบอกกันสั้นๆ

“ ไปด้วยกัน ”

ตรงชั้นสองของผับที่โต๊ะด้านในสุดที่จะถูกจับจองไว้สำหรับเซลล์ที่มาเสนอเหล้าเสมอ หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีดำนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยท่าทางนั่งไขว่ห้างอย่างมั่นใจ สายเดี่ยวของชุดยาวมาจนถึงเนินอกมันเน้นสัดส่วนและรูปร่างของเจ้าของร่างอย่างชัดเจน กระโปรงยาวเหนือเข่าแต่ก็แหวกสูงจนต้องกลืนน้ำลายเวลาขยับเปลี่ยนท่าทาง

“ เปรี้ยวสุด ” พูดกับตัวเองเสียงเบา อาฟที่ก็คงได้ยินมันหัวเราะก่อนจะดันตัวผมให้เดินเข้าไปใกล้

“ คุณอาฟ สวัสดีคะ ” ใบหน้ามีเสน่ห์ที่มีแต่ความมั่นใจนั้นยิ้มให้เรา ผมดัดลอนสวยของเธอถูกปัดไปข้างนึงตอนที่ยกมือไหว้คนข้างผม

“ สวัสดีครับคุณมิกิ ” อาฟบอกก่อนจะหันมาหาผม “ นี่เมดครับ เลขาผม ”

“ สวัสดีค่ะ ” เธอพยักหน้ารับทักผมที่ก็พยักหน้ารับทักทายเธอเช่นกัน เราหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกัน เธอที่ก็มองมาทางผมก่อนจะหันไปหาอาฟ “ เดี๋ยวนี้รับสมัครเลขาแล้วเหรอคะ ไม่เห็นบอกกันบ้างเหรอ ไหนอาฟเคยบอกว่า ถ้าเปิดรับแล้วจะบอกไง มิกิเตรียมตัวมาสมัครอยู่รู้มั้ยคะ ”

“ ไมได้ตั้งใจว่าจะมีหรอก ” คนข้างๆผมบอก ก่อนจะยิ้ม “ พอดีเมดเป็นแฟนผม แล้วเค้าเรียนบัญชีพอดี ก็เลยให้มาจัดการงานตรงนี้ให้ ”

“ อ๋อออ ” เสียงตอบรับที่เบาหวิวพร้อมกับใบหน้าที่ตกใจอยู่ไม่น้อยของคนฟัง คุณมิกิตวัดสายตามามองผมอย่างพิจารณา คงมีแต่คำว่า ‘ นี่มันอะไรกันวะ ’ ในสมองเธอ แต่ทว่าตอนที่สบตากับผมอีกคนก็แค่ยิ้มจางๆ “ ไม่คิดว่าคุณอาฟจะมีรสนิยมแบบนี้ด้วย ”

“ ไม่แปลกหรอกครับ คุณไม่ได้รู้จักผมดีขนาดนั้น ”


 ‘ รู้สึกดีชิบหาย ’ ผมพูดกับตัวเองในตอนที่ก้มหน้าลงเพื่อยิ้มกว้างอยู่แบบนั้น หัวใจมันพองโตกับคำพูดของอีกคนเหลือเกิน ทั้งๆที่ความจริงอาฟไม่ใช่คนพูดตรง ค่อนข้างจะไปทางปากหมา ปากเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันกลับเลือกจะพูดออกมาตรงๆในตอนที่มันควรพูดที่สุด


พูดเพื่อแสดงความชันเจนในสถานะของเรา และพูดเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผม ว่ามันไม่ได้สนใจอะไรในตัวของคนตรงหน้า


“ แล้วคบกันได้ไงคะ ตกใจมากเลย รอบที่แล้วยัง..” ทำทีเป็นเว้นเสียงให้คิด เธอเหลือบมองอาฟที่มองหน้าเธอนิ่งๆก่อนจะมองผมแบบยิ้มๆก่อนจะก้มหน้าลงขอโทษ “ ขอโทษค่ะ มิกิ คงพูดมากไป ”

“ เข้าเรื่องงานเถอะ ผมไม่ได้มีเวลามากขนาดมานั่งฟังอดีตไร้สาระพวกนั้น ”

“ ดุจัง ” เธอพูดเย้า ก่อนจะหันไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องเหล้าสามกล่องขึ้นมาให้ผมดู ไล่เปิดทีละขวด เธอแนะนำมันอย่างละเอียดด้วยคำพูดชักจูงที่แม้ผมจะอ่านข้อมูลพวกนั้นมาแล้ว ยังแอบให้ความสนใจในสิ่งที่เธอนำเสนอ

เหล้านอกแบรนด์เดียวกัน แต่ระยะเวลาการบ่มแตกต่างกันมันเป็นสินค้าของบริษัทลูกของเหล้าแบรนด์ใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นฝั่งยุโรป เป็นเหล้าราคาสูงพอสมควรแต่บริษัทเธอก็ได้นำเข้ามาเป้นเจ้าแรก และตอนนี้ก็เหมือนว่า throw up จะได้เป็นที่แรก ที่ได้นำมาเสนอ

“ ลองชิมก่อนนะคะ ”

“ เดี๋ยวผมขอแก้วให้ครับ ” เอ่ยบอกแบบนั้น ก่อนจะยกมือเรียนพนักงานที่อยู่ที่แถวนั้นพอดี “ น้องชาร์จ ”

“ ครับ พี่เมด ”

“ ขอแก้วเหล้าสามใบ คุณอาฟจะลองเทสเหล้า ”

“ ได้ครับ ” น้องพนักงานวิ่งออกไป เธอที่หันมองผม

“ คุณเมดพูดกับคุณอาฟห่างเหินจังเลยนะคะ เหมือนไม่ใช่แฟนกันเลย ”

“ ก็ในเวลางานน่ะครับ ก็ต้องพูดให้เกียรติกันเพราะอาฟเค้าก็เป็นเจ้าของผับ ”

“ มิกิก็แอบคิดไปไกลว่าปั้นเรื่องโกหกมิกิรึเปล่า ”

“ มันไม่จำเป็นที่ต้องทำขนาดนั้น ” คนที่นั่งข้างผมบอกก่อนจะสบสายตากับสาวสวยตรงหน้า “ หรือถ้าให้พูดตรงๆก็ต้องพูดว่า คุณไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ”

“ ไม่เอาน่า อย่าใจร้ายขนาดนั้นสิ ”

“ แก้วครับพี่เมด ” แก้วทรงตรงเตี้ยสามใบถูกยื่นมาให้ผม บรรยากาศภายในโต๊ะหยุดชะงักขึ้นทันที จะว่าไปก็รู้สึกแปลก ราวกับว่าทั้งอาฟกับคุณมิกิมีอะไรกันมากกว่าคำว่าคู่นอนแบบวันไนท์ ผมรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น

“ ขอบคุณครับ ” หันไปบอกน้องพนักงานที่ยิ้มรับก่อนจะเดินออกไป วางแก้วลงบนโต๊ะต้องหน้าเซลล์ที่เสนอเหล้าที่เทเหล้าให้อาฟชิมทีละตัว ผมนั่งมองอีกคนดื่มมันเข้าไปพร้อมด้วยท่าทางคิดตามถึงในสิ่งที่อีกฝ่ายบรรยายถึงรสชาติของมัน ว่าทั้งหอม ละมุน และมีรสชาติที่กลมกล่อม

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

“ ลองมั้ย ” อาฟยื่นแก้วมาให้ผม ที่ก็ตัดสินใจชิมไปนิดหน่อยทั้งสามแบบ ซึ่งข้อสรุปที่ได้จากการชิมมัน ก็บอกได้แค่ว่า ขม ขมหมดทุกแก้วเลย ไม่เห็นจะแตกต่างอย่างที่คนขายพูดสักนิด แต่อาฟมันเหมือนจะเห็นด้วยมั้ย ผู้ช่ำชองอย่างมันคงเข้าใจถึงรสชาติที่ได้ชิมนั่นเป็นอย่างดีว่าแตกต่างกันยังไง

“ เป็นไงบ้างคะ น้องเมด ”

“ ผมไม่ค่อยกินเหล้า ไม่รู้หรอกครับ  ” ส่ายหน้าเชิงปฎิเสธให้เธอที่ก็หัวเราะเยาะออกมา

“ ไม่ค่อยกินเหล้าแต่มาทำงานที่ผับ แบบนี้จะไหวเหรอคะ ” เธอบอก “ แปลกๆนะมิกิว่าน่ะ ”   

“ แปลกมากเหรอครับ ” ผมถามแบบหน้านิ่งอีกคนก็พยักหน้ารับ เอาจริงๆก็อยากจะถามเธอเหมือนกัน ว่ามึงเกลียดอะไรกูมากมั้ย คำพูดคำจาเหมือนจะหาเรื่องกันตลอด ทั้งๆที่ผมพยายามตอบเลี่ยงๆงานจะได้เสร็จไวๆ แล้วเธอจะได้ไปสักที

“ มิกิว่ามันก็แปลกนะคะ คนทำงานในผับก็ต้องรู้เรื่องเหล้าอะไรแบบนี้สิ ”

“ ไม่เห็นแปลก ” อาฟพูดขึ้นตอนที่วางแก้วอีกใบลงหลังจากที่ชิมมันเข้าไปอีกครั้ง “ ผู้จัดการร้านผมรู้จักเหล้าทุกตัว แนะนำเหล้ากับลูกค้าได้หมด แต่เค้าก็ไม่ใช่คนกินเหล้าอะไรมากมาย แล้วพนักงานเสิร์ฟส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนชอบกินเหล้าด้วย ก็แค่คนอยากทำงานพิเศษเพิ่ม ไม่ก็นักศึกษาหารายได้ทั้งนั้น ”

“ ปกป้องกันจังเลยนะคะ ” คนตรงหน้าบอกก่อนจะท้าวคางกับเข่าของตัวเองที่ยกขึ้นไขว่ห้าง เธอมองผม “ ชักอิจฉาคุณเมดแล้วสิที่มีคุณอาฟเป็นแฟน ”

“ ยังอยากจะขายเหล้ามั้ยครับคุณมิกิ ”

“ ดุอีกแล้วนะคะอาฟ ” สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไป ผมเห็นคนสองคนจ้องตากันแล้วตอนนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่คิดมันต้องเป็นอะไรสักอย่าง

“ ขอโทษนะครับ ขอขัดหน่อย ” เสียงของคนมาใหม่เอ่ยทักขึ้น เจที่เดินขึ้นมาจากชั้นล่างกระซิบอะไรสักอย่างกับอีกคน ก่อนที่อาฟจะหันลงไปมองข้างล่างแล้วเจอเข้ากับกลุ่มคนกลุ่มนึงที่ดูเหมือนว่ากำลังจะมีเรื่องกัน เพราะผมเห็นพี่แบล็คก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

“ คนใหญ่คนโตเค้ามีเรื่องกัน ” อาฟหันมากระซิบผมที่พยักหน้ารับ “ ไปกับกู ”

“ กูต้องไปด้วยเหรอ ” ผมถามอีกคนก็มองสาวที่อยู่ตรงหน้าเหมือนอาฟพยายามจะบอกว่า แล้วจะนั่งอยู่ให้อีกคนพูดถึงมัน ให้หงุดหงิดใจทำไม ไปด้วยกันดีกว่า

“ มึงไปเถอะ กูไปก็วุ่นวายเปล่าๆ กูทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ” บอกอีกคนแบบนั้นอาฟก็นิ่งไป ผมรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากปล่อยช่องว่างให้เกินขึ้น ทางนั้นคงรอเวลานี้ด้วยความใจเต้นเพราะอยากจะพูดโอ้อวดทุกอย่างกับผมอย่างหนำใจ และนั่นก็คือสิ่งที่ผมอยากรู้ เลยตัดสินใจที่จะอยู่ตรงนี้

“ แน่ใจนะ ” อาฟถามย้ำผมก็พยักหน้ารับ “ อย่าคิดมากแล้วกัน ” มันพูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนะจะเดินลงไปกับเจ ผมมองอีกคนเดินลงไปจนถึงชั้นล่าง อาฟพูดอะไรไม่รู้กับคนพวกนั้นผมไม่ได้ยินแต่มันไม่ใช่คำพูดยืดยาวเท่าไหร่ เพราะไม่นานคนทุกคนก็ยอมออกไปจากผับแต่โดยดี แต่เหมือนว่าก็คงไปเคลียร์กันต่อที่ข้างนอก

“ คุณอาฟนี่เท่ห์จังเลยนะคะ ” คนตรงหน้าพูด ผมก็หันไปมองเธอ “ ลงไปแปปเดียวก็จัดการได้แล้ว ”

“ คุณมิกิ เป็นเซลล์มานานแล้วเหรอครับ ” ผมชวนคุยอีกฝ่ายก็ยิ้ม

“ ประมานสองปีกว่าๆแล้วค่ะ ก็ตั้งแต่ throw up เปิดใหม่ๆ ” เธอบอกก่อนจะมองไปรอบๆ “ เมื่อก่อนไม่มีชั้นสองตรงนี้นะคะ จำได้ว่าเป็นแค่พื้นที่โล่งๆ ไว้ให้แค่ดีเจเล่นแผ่นขึ้นมาแสดง แต่ส่วนใหญ่มิกิไม่ค่อยอยู่ชั้นสองหรอกคะ มาทีไรอยู่ชั้นสามตลอด ”

“ อ๋อ ” คือจะบอกว่า มาทีไรมาเอากันตลอดนั่นเองสิครับ ผมตอบอีกคนในใจ

“ คุณเมดคงเห็นสินะคะว่ามันมีเตียงอยู่ ”

“ ครับ แล้วผมก็รู้ด้วยว่ามันเคยถูกใช้ทำอะไร ” ดักความคิดของเธอที่จะพูดก่อนจะยิ้มให้

“ เคยถูกใช้ทำอะไรเหรอคะ ” เธอถามผมด้วยแววตาที่เหมือนกำลังจะต้อนให้จนมุม ท่าทางที่บอกว่า ฉันนี่แหละคือคนที่เคยร่วมหลับนอนกับเค้าบนเตียงนั่น

“ อาฟ เจ น้องเดย์แล้วก็น้องอัยย์ เวลาวันไนท์กับใครก็ชอบขึ้นไปเอากันที่ชั้นสาม พวกไม่จริงจังนะครับเลยอยู่ได้แค่ตรงนั้นแหละ ”

“ งั้นเหรอคะ ” เสียงตอบกลับนิ่ง แววตานั่นสั่นเบาๆตอนที่ฟังผมพูด

“ แต่ผมไม่เคยนะครับ ” โบกมือไปมาต่อหน้าเธอด้วยรอยยิ้มกว้าง “ เพราะอาฟบอกว่าตรงนั้นมีไว้แค่คนที่มันไม่จริงจังด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่ผม ”

“ ร้ายเหมือนกันนะคะคุณเมด  ” เธอพูดตอนที่จ้องหน้าผมด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็แค่ยิ้มไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไปทั้งนั้น “ แต่ว่าจะนับว่ามิกิเป็นวันไนท์ก็ไม่ถูกนะคะ เพราะทุกครั้งที่มาเสนอเหล้า ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะไม่ได้ใช้บริการเตียงนั่น อ้อ ลืมไป ไม่ใช่แค่เตียงนั่นสิ รอบนอกที่โรงแรมหรู ก็เคยนะคะ ”

“ แล้วครั้งล่าสุดเมื่อไหร่เหรอครับ ”

“ ก็คงสักห้าเดือนที่แล้ว ” เธอว่ายิ้มๆก่อนจะท้าวคางมองผมแล้วยิ้มให้

“ งั้นก็แค่อดีต ผมเพิ่งคบกันอาฟได้แค่สามเดือนเอง  เพราะงั้นเราควรอยู่กับปัจจุบันถูกมั้ยครับ ” เธอหุบยิ้มลงส่วนผมก็ยิ้มตอบกลับไป “ ผมไม่รู้ว่าคุณมิกิคิดยังไงกับผม แต่ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องอดีตไร้สาระนี้เถอะครับ  การที่คุณเอาอดีตมาพูด มันไม่ได้ทำให้คุณชนะนะครับ แต่กลับกัน ผมรู้สึกคุณไม่มีค่ามากๆเลย เหมือน..” เลือกที่จะเว้นเสียงไปพลางมองพิจารณาคนตรงหน้า “ ขอโทษนะครับ แต่คุณดูง่ายมากๆ เหมือนถ้าจะเอาก็ให้เอา ซึ่งผมมองว่าอาฟที่ตอนนั้นไม่มีแฟน มันคงไม่พลาดโอกาสนี้หรอกครับ ของฟรีไม่ต้องจ่ายเงิน คุ้มจะตายไป ”

“ นี่ คุณกำลังดูถูกฉันนะ ” อีกคนพูดเสียงนิ่งผมก็ได้แต่ยิ้ม

“ ลองคิดดูให้ดีก่อน ว่าผมดูถูกคุณ หรือ คุณกันแน่ที่กำลังดูถูกตัวเอง ตั้งแต่ที่นั่งคุยกันมากี่ครั้งที่คุณพูดสื่อถึงเรื่องอย่างว่า กี่ครั้งที่คุณรู้สึกว่าเรื่องแบบนั้น คุณเหนือกว่าผม ทั้งๆที่คุณไม่รู้หรอกว่าคุณไม่มีอะไรที่เหนือกว่าผมเลย ” เว้นเสียงที่บอกอีกคนไป ผมยิ้มให้เธอ “ คุณมิกิเงียบแล้วก็ขายเหล้าไปเถอะครับ อย่าให้ผมต้องหงุดหงิด เพราะถ้าผมหงุดหงิด ผมจะไม่ให้อาฟสั่งเหล้าคุณแล้วไปดีลกับเจ้าอื่นแทน เงินทั้งนั้นนะครับ คิดให้ดี ”

“ คุณเก่งนะคะ ” อีกคนบอกก่อนจะพิงร่างลงกับโซฟาตัวที่นั่ง “ ใช้มารยาเก่งมากเลย เหมือนรู้ว่าควรทำอะไรตอนไหน และไม่ควรทำอะไรตอนไหน นี่ฉันชมจากใจเลยนะคะ เก่งมากจริงๆ ”

“ ครับ ” ผมไม่ได้ตอบอะไรมากกว่านี้ จะบอกว่าตัวผมเองก็ไม่ได้รู้สึกคิดต่างจากที่อีกคนพูดเท่าไหร่นัก แต่จะพูดว่ามารยาก็คงจะเป็นคำที่ดูเกินไปหน่อย เพราะผมแค่ไม่ชอบโดนรังแกก็เท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายคิดจะทำร้ายความรู้สึกผมก่อน แล้วแบบนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องนั่งนิ่งให้ตัวเองจมลงไปกับความรู้สึกแย่ที่อีกฝ่ายปลุกปั่น

“ แต่มีอย่างหนึ่งที่อยากจะบอก การเป็นตัวจริง ก็เหมือนอยู่บนที่สูง ระวังไว้นะคะ ว่าตกลงมา มันเจ็บ ” เธอย้ำคำสุดท้ายกับผมก่อนจะยิ้มให้ “ แล้วอีกอย่างคุณอาฟน่ะ เค้าชอบความร้อนแรง นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมสำหรับเรามันถึงไม่ได้จบแค่วันไนท์สแตน คุณเมดน่ะ เก่งพอจะจับผู้ชายคนนี้อยู่เหรอคะ ไฟมันร้อน ไม่มีใครถือไว้ได้นานหรอกค่ะ ”

“ งั้นก็ดับไฟสิครับ อย่าโง่ ”

“ หึ ” เธอหลุดหัวเราะก่อนจะยกยิ้มตอนที่ผมสวนกลับ “ คุณเมด ไฟไม่ได้ลุกโชนไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ร้อนนะคะ รอเวลาลมพัดก่อนเถอะ มันลุกโชนขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณที่อยู่บนที่สูงก็ระวังตกลงมาแล้วกัน ฉันน่ะเตือนด้วยความหวังดีนะคะ ”

“ งั้นก็ขอบคุณมากครับ ”

ไม่มีคำพูดอะไรที่หลุดออกมาจากปากของเราอีก มันไร้การโต้เถียงมีแค่เราที่ยังคงมองหน้ากันอยู่แบบนั้น ผมเข้าใจความหมายของคำพูดนั่นดี คำที่เธอบอกว่า เธอเตือนผมด้วยความหวังดี

‘ ยังไม่เคยทำให้อะไรอีกคนโกรธ ยังไม่เคยถูกลดความสำคัญ ก็อย่ามั่นใจอะไรให้มาก ว่าแค่การที่เค้ารักจะควบคุมเค้าได้ทุกอย่าง เพราะความจริงแล้ว ผมต้องคิดไว้เสมอว่า อาฟ ไม่ใช่คนที่ผมจะควบคุมได้ ไม่รู้ว่าถ้าวันนึงมันเกิดโกรธผมขึ้นมา แค่คำพูดที่อธิบายด้วยเหตุผล จะพอรั้งมันไว้ให้อยู่ได้หรือเปล่า ’ 

“ ขอโทษครับ ช้าไปหน่อย ” เสียงของอาฟที่เดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งข้างผมที่ก็หันไปมองหน้ามัน ผมกำลังคิดถึงที่คุณมิกิกำลังพูด  เธอเปรียบเทียบตัวตนของอีกคน ได้ชัดเจนมากจริงๆ ‘ อาฟเหมือนไฟ ที่แม้จะสงบ แล้วให้ความอบอุ่นมากแค่ไหน แต่เมื่อลมพัดแรงไฟนั่นก็พร้อมจะลุกโชน และแผดเผาทุกอย่างให้ราบไป ’  แล้วบางทีนั่น ก็อาจจะเป็นความรู้สึกของผม ก็เป็นได้

“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะมิกิก็คุยกับคุณเมดกำลังเพลินเลย” คุณมิกิตอบ ก่อนจะพูดเข้าเรื่องเหล้าทั้งสามตัวที่กำลังตั้งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง รายละเอียดของการสั่งในส่วนสรุป อาฟตัดสินใจสั่งมันมาลองขายแบบละ 3 โหล จบการขายคุณมิกิก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณอีกคน “ งั้นมิกิขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีมีเสนอขายเหล้าต่ออีกผับหนึ่ง ”

“ ครับ ”

“ ไว้เจอกันนะคะอาฟ ” สาวสวยเดินออกมาเธอจับแขนอีกคนก่อนจะกระซิบ “ วันที่คุณเมดไม่อยู่แล้วน่ะ ”

“ หมายความว่าเราจะไม่เจอกันแล้วงั้นเหรอ ” อาฟบอก คนตรงหน้าก็หลุดหัวเราะ

“ อย่ามั่นใจอะไรขนาดนั้นสิ ทะเลาะกันแรงๆสักครั้งก่อน แล้วค่อยพูดน่าจะดีกว่านะคะ ” เธอก้มหน้าลงก่อนจะปล่อยมือลงจากแขนอีกคน คุณมิกิเอียงหน้ามาหาผม “ กลับนะคะคุณเมด ไว้เจอกันค่ะ หวังว่ารอบหน้าจะยังมั่นใจแบบนี้อยู่อีกนะคะ ”

“ ครับ ” ตอบเธอสั้นๆ อีกคนก็เดินไป อาฟหันมามองหน้าผมมันมีคำถามมากมายอยู่ในนั้น

“ ตอนกูไม่อยู่คุยอะไรกัน ”

“ หลายเรื่อง ” ผมบอกมันก่อนจะหยิบเอาไอแพตขึ้นมาถือแล้วทำทีจะเดินออกไป ยอมรับความโคตรปวดหัวแถมยังมีอาการไม่สบายใจแทรกซ้อนอีก

“ เล่าให้ฟังหน่อย ” มือหนาดึงแขนผมที่กำลังเดินออกไปไว้ เผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ที่ชั้นสามนะ ตรงนี้จะได้ว่าง ลูกค้าจะได้เข้ามานั่ง ”

“ อื้ม ”

นั่งลงบนโต๊ะของตัวเองตอนที่เดินมาถึงชั้นสาม ผมมองเตียงนั่นจนอาฟเดินเข้ามายืนบังมันไว้ ใบหน้าคมก้มลงมามองกันก่อนจะถามย้ำ

“ มันคุยอะไรกับมึง ”

“ มึงกับคุณมิกิไม่ใช่แค่วันไนท์ใช่มั้ย ” ผมถามอีกคนก็เลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้ารับตามตรง

“ เคยเอากันประมาน 5 ครั้งมั้ง ล่าสุดเจอกันงานแต่งพวกเจ้าของผับ แล้วก็เปิดห้องเอากันที่โรงแรมจัดงาน ”

“ มึงตรงไปมั้ยวะอาฟ ” บอกมันยิ้มๆก่อนจะถอนหายใจ ก็รู้ว่าอีกคนเป็นคนไม่ปิดบัง ถ้าถามอาฟจะตอบหมดเพื่อให้สบายใจ แต่บางทีมันก็ตอบแบบตรงไป ตอบเหมือนผมถามมันว่า วันนี้ไปเรียนเป็นยังไงบ้าง

“ กูไม่ชอบตอแหล แล้วถ้าถามว่าทำไมเอากันบ่อย ก็มันชวนกู เสนอเหล้าทีปกติจะชอบมานั่งใกล้ๆแล้วก็นัวเนียกันสุดท้ายก็เอากัน วันงานแต่งเมื่อห้าเดือนก่อนก็เป็นแบบนั้น เราคุยกัน มันชวนกู กูไม่มีธุระไปไหนต่อพอดี ก็เลยไปต่อ ”

“ ไม่มีเหตุผลอื่นเหรอวะ ”

“ ลีลาเด็ด นมใหญ่ ตูดก็ใหญ่ ” ขมวดคิ้วมองมันที่ก็ยักคิ้วให้ “ คิดมากเรื่องอะไร อย่าบอกนะว่ามันเอาเรื่องนี้มาพูดข่มมึง ”

“ ก็ใช่ แต่กูไม่ได้คิดมากเรื่องนี้นะ คือเข้าใจว่าอดีต แล้วเรื่องที่มันอวดคือ อวดกูว่าเป็นคู่นอนมึง ทั้งๆที่มึงไม่เคยจริงจังกันมัน แล้วถ้ากูโกรธมึงเรื่องนี้ กูว่ามันคงไม่ใช่วะ ”

“ แล้วเรื่องอะไร ” อาฟถามผมก็เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ ถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเอาหัวชนอกของอีกคน เงียบอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะบอก

“ เค้าบอกว่ากูยังไม่เคยทะเลาะกับมึงแบบแรงๆ อย่ามั่นใจมันมากว่าตัวเองสำคัญกับมึง เพราะสักวันกูอาจจะถูกลดความสำคัญลงก็ได้ สักวันอาจจะไม่มีความสำคัญอะไรกับมึงอีก ”

“ ปัญญาอ่อน ” ผมบอกก่อนจะยกยิ้มแล้วส่ายหน้า “ เมื่อไหร่จะเลิกสักทีไอ้นิสัยกังวลอนาคต ”

“ มึง ถ้าวันนึงกูทำให้มึงโกรธ มึงจะทำยังไงกับกูวะ ” เงยหน้ามองหน้ามันที่ก็นิ่งไม่ได้ตอบอะไร “ มันจะเป็นยังไงถ้ามึงโกรธกูมากๆ ”

“ ไม่รู้ ” อาฟบอกสั้นๆ “ มันยังไม่เกิด กูบอกไม่ได้หรอก แต่ที่บอกได้ก็คือ มึงรู้ว่าอะไรที่กูชอบ แล้วกูไม่ชอบ เพราะฉะนั้นมึงเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ แล้วถ้ามึงเลือกทำในสิ่งที่กูบอกแล้วว่าไม่ชอบ มึงก็ต้องรับผลของมัน ทุกอย่างมันก็แค่นั้น ”

“ มันเหี้ยมาก ตรงที่กูซัดแม่งจนเหมือนชนะแล้ว กูไม่ได้หึงเลยถึงมันจะพูดว่ามันจะเคยนอนกับมึงเพราะกูก็รู้ว่ามันเป็นอดีตแล้วตอนนี้คือมึงก็มีแค่กู แต่สุดท้ายกูแม่งมาตายเพราะมันพูดว่า ให้กูระวังมึงไว้ให้ดี คือแม่งความรู้สึกมันแบบ กูไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ไม่อยากจะไม่สำคัญกับมึง กูอยากเป็นคนที่สำคัญกับมึงไปตลอด ”

“ งอแงเหี้ยอะไร ก็ให้เป็นอยู่นี่ไงครับ ” หลุดยิ้มออกกมาในท้ายที่สุด ผมถอนหายใจใส่มันเฮือกใหญ่อาฟสบตากับผม ที่ตอนนั้นเอื้อมมือไปกอดคอมันเอาไว้ ‘ ผมว่า ผมไม่ควรกังวลเรื่องอนาคตให้มันมากเกินไป เดี๋ยวมันจะทำลายความสุขของวันนี้ไปจนหมด ’

“ น้องเมดเขินพี่อาฟพูดครับจังเลยว่ะ ” กอดคออีกคนไว้ตอนที่ซบไปที่ไหล่ ผมคิดอะไรขำๆขึ้นมา “ ต่อไปถ้ามึงพูดครับ กูจะเรียกมึงว่า พี่อาฟ แล้วแทนตัวกูว่าน้องเมด ดีมั้ย ”

“ ปัญญาอ่อน ” อีกคนบอกปัดแบบนั้น ผมก็ดึงตัวเองออกมามองหน้ามันแล้วถามความเห็น

“ มึงไม่ชอบ ”

“ จะทำก็เรื่องของมึง.. สิครับ ” ท้ายเสียงแสนเบาผมหลุดขำก่อนจะกอดคอมันไว้แน่นด้วยความมันเขี้ยวในความขี้เก็กนั่น

“ พี่อาฟแม่ง น้องเมดยอมแล้วครับ ”

“ ดี ”

“ มึงแม่งปากแข็งสุดยอดจริงๆ ” ดึงตัวเองออกห่างจากมันแต่ยังไม่ทันจะพูดแซวว่ามันชอบจริงๆ เวลาให้ผมเรียกมันว่าพี่แล้วแทนตัวเองว่าน้อง ริมฝีปากที่ผมบอกว่าแข็งนั้นก็จูบลงบนสิ่งเดียวกันนั่นคือริมฝีปากของผม ภายใต้ความเงียบของชั้นสาม ตอนนั้นอาฟถามผมเสียงเบาหลังจากที่มันผละจูบออกจากกัน

“ แข็งมั้ย มึงคิดว่าไง ”

“ ร้ายนักนะ อารยะ ”  แล้วตอนนั้นผมก็ได้คำตอบว่าริมฝีปากนั้น อบอุ่นเหลือเกิน

......................................................................

ถ้าถามว่า ไอ้ที่เกริ่นมาเมื่ออาทิตย์แล้วคืออะไร.. คำตอบคือ บ้า แกอะคิดมาก
จริงๆ ก็รู้สึกว่ามันคือน้ำ ไม่มีเนื้อหาอะไรเป็นพิเศษ แต่ อยากจะบอกว่า ทุกบรรทัดที่เขียน
คือแฝงทุกสิ่งไว้หมดแล้ว เพราะมันกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วจ้า ซึ่งจะไม่บอกว่าเป็นยังไง

ส่วนการหึงของน้องเมด ตอนแรกก็อยากจะเขียนให้หึง แต่หนมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เมดเท่าไหร่ เมดเป็นคนมีสติในจุดนึง ซึ่งความรักกับพี่อาฟที่ให้เค้าคือ ชัดเจน มันแทบไม่มีอะไรต้องหึงเลย  แตกต่างกับเจวิวก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่เลยมีอาการ อยากให้เห็นความต่างกันของสองคู่ด้วยละ ภาพจะได้ชัดขึ้น

อาฟเมดน่ารักเนอะ ชอบอะ ความแฟนที่รักกัน แกล้งกัน ความสุขกัน บ้าจริง สีชมพูอบอวลไปหมด

อาทิตย์ที่แล้วขอโทษที่ไม่ได้อัพนะคะ หนมมี่เสียใจ พอดีไปงานแต่งเพื่อนมาเลยแต่งไม่ทันน่ะ TT

สุดท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า   :katai4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
น้องเมดอย่าคิดมาก  ส่วนพี่อาฟก็นับวันน่ารักขึ้นนะนี่  :mew1:

ออฟไลน์ TongRung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารัก หวานกันจนน่าอิจฉา

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านไปลุ้นไปว่าเมดจะหึงมั้ย แต่สุดท้ายไม่หึงก็คิดเหมือนกันว่านี่แหล่ะความเป้นเมด ตอนท้ายยังมาหวานกันอีก โอ๊ยสำลักความสุข
แต่พอมาพูดถึงโค้งสุดท้ายก็แอบกลัวอยู่หน่อยๆ อาฟนี่เป็นไฟจริงๆนั่นแหล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เขินกันไป เขินกันมา
หึงเล็กๆกรุบกริบ

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่อาฟน้องเมด ตายแน่ๆ น่ารักตายไปเล้ยยยยยยย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1087
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
        อาฟไม่เลิกรักเมดง่ายๆหรอกอย่าบ้าตามปากมิกิ
        อาฟแอบรักเมดมาตั้งแต่ม.ปลายไม่ใช่มารักตอนสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน
        ดีแล้วที่เมดดึงสติได้ไม่หลงกลมิกิ

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฮือ...อารยะ ฉันรักเค้าาาาา
นี่รอเพื่อนพี่อาฟกลับมาจากนอกมากมาย อยากให้น้องเมดรู้ว่าพี่อาฟรักเมดมากขนาดไหน
อยากรู้ว่าเมดจะคิดมากกับอดีตที่ผิดที่ผิดเวลาด้วยรึเปล่า รอร้อรอออ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
จากที่เขียนไว้ เดาเอาว่า มันต้องมีอะไรทำให้เมดทำให้อาฟไม่ชอบ ทั้งที่บอกแล้ว โดยเฉพาะความวิตกจริต ขี้กังวลในอนาคต คิดว่าตัวเองไม่สำคัญ
แต่อาฟอารยะก็รักเมดของเขามาตลอด รักมานานแล้ว
เพื่อน เพื่อนคนนั้น น่าจะเป็นคนมาไขมายืนยันให้เมดเข้าใจและรับรู้ ออกโรงได้แล้วพ่อ key person กลับมาจากเมืองนอกได้แล้วค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยู่ที่คนกลางแล้วล่ะว่า ถ้าชะนีมันโหยหวนเรียกหา จะไปตามเสียงร้องไหม  :katai1:

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
มิกิเธอนิสัยไม่ดี เธอควรปรับปรุงตัวเองโดยด่วน
เมด ที่เป็นกังวลก็เพราะรัก อยากให้เมดมีแต่รอยยิ้ม แต่ชอบอาฟมากๆเลยค่ะ ชัดตรง ทุกประเด็น
จะโค้งสุดท้ายแล้วเหรอค่ะ อยากอ่านอาฟกับเมดไปอีกนานๆๆเลยค่ะ ไม่อยากให้ไปไหนเลยค่ะ

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จะเข้าโค้งสุดท้ายนี้คือเมดจะรู้แล้วใช่ไหมว่านมรสนั้นแท้จริงเป็นของใคร คงไม่ทะเราะกันขั้นรุนแรงนะ คุณหนมอย่าให้มันเป็นม่ามาชามโตเลยนะ โอ้ย!ไม่อยากจะคิด :mew6:

ออฟไลน์ poi12111

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ความรักที่หวานในแบบคุณอารยะ อ่านแล้วมีความสุข อมยิ้มได้ตลอดเวลา น้องเมดนิสัยโครตน่ารัก ติดที่เป็นคนคิดมากไปหน่อย อาจเป็นเพราะเคยเจ็บกับความรักครั้งก่อน มาจนแสนสาหัส ก็คงไม่อยากเสียใจอีก แต่นิสัยพี่อาฟเป็นคนปากร้ายเว่อร์ อย่าเกรี้ยวกราดใส่น้องเมดหนักนะ ไม่รู้เมดจะเจอความดาร์กพี่เค้าแบบไหน กุมพระไว้รอ ..อดีตที่เคยเจ็บ แอบรักมานานหลายปีกับสามเดือนของการเป็นแฟนกัน อย่าทำมันพังนะ  :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด